Professional Documents
Culture Documents
ชนิดผื่นแพ้ยาที่พบบ่อย
ชนิดผื่นแพ้ยาที่พบบ่อย
1.ผื่นลมพิษ (Urticaria)
หลอดลมตีบ หนังตาบวม
ริมฝีปากบวม หน้าบวม Angioedema*
หลอดลมตีบ หายใจหอบเหนื่อย
หายใจมีเสียงดัง/ wheezing Anaphylactic shock
ความดันโลหิตต่่ากว่าปกติ
* Angioedema หรือ angioneurotic edema (บวมน้้ากดแล้วไม่บุ๋ม )เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่พบ
บ่อย เป็นการบวมที่เกิดแบบสมมาตรหรือไม่สมมาตรก็ได้ สามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย แต่ต้าแหน่งที่เกิด
angioedema บ่อย ได้แก่ ลิ้น ริมฝีปาก เปลือกตา อวัยวะเพศ หากเกิดขึ้นที่ทางเดินหายใจส่วนต้นอาจท้าให้เกิด
การอุดกลั้นของทางเดินหายใจและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
angioedema แบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้แก่
Acute angioedema ระยะเวลาที่เกิดอาการไม่เกิน 6 สัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก
เชื้อไวรัส เช่น monocleosis coxsakie virus
ยา เช่น Penicillins NSAIDs โดยเฉพาะ aspirin และ diclofenac ยา omeprazole
ก็เคยมีรายงานการเกิด angioedema
อาหาร เช่น อาหารทะเล ถั่ว ไข่ นม (แพ้โปรตีนจากไข่หรือนม) สารปรุงแต่งอาหาร
Chronic angioedema เกิดอาการต่อเนื่องนานกว่า 6 สัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการ
กระตุ้นทางกายภาพ เช่น สภาวะแวดล้อม เกสรดอกไม้ เชื้อรา ไรฝุ่น เป็นต้น
ภาพแสดง ผื่นแพ้ยาชนิดลมพิษ (Urticaria) / Angioedema
Angioedema
Urticaria
2.Maculopapular rash (Macular rash and Papular rash)
การจ่าแนก
ผื่นราบ(หรือนูนเล็กน้อยไม่สากมือ) สีแตกต่างกับ Macular rash / ถ้าขนาดของผื่นใหญ่
ผิวหนัง โดยทั่วไปแดง ด้า น้้าตาล ม่วง มักไม่คัน
เรียกว่า Patch
สีของผื่นจะต่างจากผิวหนังอย่าง
ชัดเจน ผื่นนูน สากมือ ร่วมกับผื่น
ราบ อาจมีสีแดง หรือคล้่าร่วมกัน
(อาการคันจะเด่น)
ภาพแสดง ผื่นแพ้ยาชนิด Macular and papular rash
Macular rash
ผื่นราบ(หรือนูนเล็กน้อยไม่สากมือ) สีแตกต่างกับ
ผิวหนัง โดยทั่วไปแดง ด้า น้้าตาล ม่วง มักไม่คัน
Papular rash
ผื่นนูน สากมือ สีต่างจากผิวหนัง โดยทั่วไปแดง
อาการคันเด่น (เหมือนผื่นยุงกัด)
3. Erythema multiforme
ผื่นแพ้ยาชนิดนี้มีลักษณะพิเศษและสามารถท้าให้เกิดอันตรายได้มากกับผู้ป่วย บางรายเกิดความ
พิการหลังจากผื่นหายเป็นปกติและบางรายเป็นรุนแรงจนท้าให้เสียชีวิตได้ ยาที่มักก่อให้เกิดผื่นชนิดนี้ ได้แก่
Nevirapine Cotrimoxazole Phenytoin Carbamazepine, barbiturates โดยผื่นชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
3.1 Erythema multiforme minor (EM minor) เรียกสั้นๆว่า erythema multiforme จะมีผื่นคันตาม
ร่างกายร่วมกับผื่น ผื่นจะเป็นสีแดง และบุ๋มตรงกลาง จะไม่มีผื่นที่ตาและปาก
3.2 Erythema multiforme major (EM major) มักรู้จักในชื่อของ Steven Johnson
Syndrome
Stevens-Johnson จะมีผื่นแดงและลอกทั้ง ที่ส้าคัญจะมีผื่นที่ปาก ตา มักจะมีผื่นที่ตาท้าให้เกิดตา
แดง ปากมีแผลหลายแห่ง ริมฝีปากบวม แตก อ้าปากไม่ขึ้น อวัยวะเพศมีแผล รวมทั้งทวารหนัก ท้าให้
ถ่ายเหลว (บางต่าราไม่จัด Steven Johnson Syndrome เป็น Erythema multiforme )
การตายของผิวหนังเป็นหย่อมๆ
ภาพนี้เป็น SJS ร่วมกับ Bullous
4.Exfoliative Dermatitis (ED) หรือ Erythroderma
เป็นผื่นแพ้ยาชนิดเดียวเท่านั้นที่ยังไม่พบสาเหตุของการเกิดอื่นๆนอกจากยาเมื่อพบผื่นชนิดนี้ ต้อง
พยายามสืบหายาที่เป็นสาเหตุ
ลักษณะทางคลินิก:
ผื่นจะมีรูปร่างกลม ขอบซีด สีแดงจัด จนตรงกลางของผื่นอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้้าหรือ สีม่วง หรือพองเป็น
ตุ่มน้้า เนื่องจากการตายของผิวหนังตรงกลางของผื่น ผื่นมักมีจ้านวน 1-2 ผื่น แต่อาจเพิ่มจ้านวนมากขึ้นในการ
แพ้ครั้งๆต่อๆมา จนอาจมากกว่า 10 ผื่น ผื่นมักจะมีอาการแสบร้อน เจ็บๆคันๆ
ลักษณะของผื่น
ผู้ป่วยจะมีอาการแสบร้อน เจ็บปวดบริเวณผิวหนังทั่วๆไปต่อมาจะปรากฏผื่น ซึ่งพบได้ 3 ลักษณะ
Maculopapular rash
เป็นผื่นแดงคล้้าปนม่วงเป็นหย่อมๆ
Target lesion เหมือนใน Erythema multiforme
ผื่นจะขยายใหญ่ลุกลามออกอย่างรวดเร็วไปทั่วร่างกาย ผิวหนังจะหลุดออกอย่างง่ายดาย เมื่อใช้นิ้วมือถู
(Nikolski's sign) เบาๆหลังจากนั้นอาจมีตุ่มน้้าขนาดใหญ่ปรากฏบนผื่นแดง ซึ่งมักแตกออกอย่างง่ายดาย เหลือ
เป็นรอยแผลตื้นๆเป็นบริเวณกว้างมีน้าเหลืองเยิ้มและสะเก็ดผิวหนังจะหลุดลอกออกเป็นแผ่นใหญ่มักเกินกว่า
50%ของพื้นที่ผิวหนังทั้งหมด ฝ่ามือฝ่าเท้าจะบวมแดงและเจ็บ และอาจมีตุ่มน้้าขนาดใหญ่ เนื่องจากหนังบริเวณ
นี้ค่อนข้างหนากว่าที่อื่นๆจึงไม่ค่อยแตก mucous membrane ต่างๆมักถูกท้าลายด้วย โดยต้าแหน่งที่พบจาก
มากไปน้อยคือ ช่องปาก เยื่อบุตา อวัยวะเพศ รูก้นและอาการที่มีผลกระทบต่อระบบอื่นๆ เช่น ระบบทางเดิน
อาหาร หายใจ โลหิต ขับถ่าย
ภาพแสดง ผื่นแพ้ยาแบบ Toxic Epidermal Necrolysis (TEN)