กนกภรณ์ นาควัชระ 1204

การวิเคราะหว์ รรณคดีตามทฤษฎีเชิงสั งคม

เรื่ อง นิ ราศนริ นทร์

บทวรรณคดีท่ีเลือก:

๔. โบสถร์ ะเบียงมรฑปพื้น ไพหาร

ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผว้
หอไตรระฆังขาน ภายคา่ ํ
ไขประทีปโคมแกว้ กา่ ํ ฟ้าเฟื อนจันทร์

๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า ดิน ดี

เกรงเทพไทธ้ รณิ นทร์ ลอบกลาํ ้
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเลา่ นะแม่
ลมจะชายชั กชาํ ้ ชอกเนื้ อเรี ยมสงวน

ถอดคาํ ประพันธ์

ระเบียงโบสถ์ วิหาร ของศาสนสถานสื่อถึงวัตถุธรรมที่เป็ นยึดเหนี่ ยวจิตใจของผูค ้ นในสั งคม ซึ่งกวา้ งใหญจ่ นสามารถขยาย
้ ั งมีเสียงระฆังที่ดังกังวานเมื่อยามคา่ ํ ณ หอระฆัง เเสงที่ฉ่ายออกมาจากตะเกียงโดย
ไปถึงสวรรค์ หอพระไตรปิ ฎก อีกทังย
โคมไฟนานาบดบังความสวา่ งของดวงจันทร์

ผูป
้ ระพันธก์ าํ ลังราํ พึงราํ พันถึงหญิงผูห ้ ่ีใดจะทาํ ให้ใครๆไมส
้ นึ่ งอยูว่ า่ ควรฝากนางไวท ่ ามารถลักเธอไปได้ ถา้ ฝากไวก
้ ั บฟากฟ้า
หรื อผืนดินก็กลัววา่ พระเจา้ แผน ่ ดินจะมาลอบเชยชมนาง เเละถา้ ฝากไวก ้ ั บสายลม ถึงนางจะไดม้ ีโอกาสโบยบินหนี ไปบนผืน
ฟ้า ก็กังวลวา่ จะทาํ ให้ผิวของนางชาํ ้

การวิเคราะหต
์ ามแนววรรณกรรมกับสั งคม

1. ภาพสะทอ ้ นของสั งคมจากบทประพันธข์ า้ งตน ้

จากคาํ ประพันธส ้ นในยุคสมัยของวัตถุธรรมที่เป็ นหลักยึดเหนี่ ยวจิตใจคนในสั งคมโดยมีธรรมมาสน์
์ ามารถวิเคราะหไ์ ดว้ า่ ผูค
ซึ่งมีพระนั่งเทศนาสั ง่ สอนธรรมแกป่ ระชาชน นอกจากนี้ ยังบอกถึงวิถีการใชช้ ีวต ิ ของคนรุ่นนัน้ อีกดว้ ยโดยการใชต
้ ะเกียง
เเทนหลอดไฟเนื้ องจากไฟฟ้ายังไมส ่ ามารถใช ได
้ ้

2. อิทธิพลของสั งคมที่มีตอ่ เนื้ อเรื่ องในบทประพันธข์ า้ งตน ้

จากคาํ ประพันธส ์ ามารถวิ
เ คราะหไ ดว า
์ ้ ่ ่
ความเชื อของผู ค
้ ่
นที วา่ ศาสนาเป็ นสิง่ ศั กดิส ิ ธิ์และเป็ นที่น่านับถือทาํ ให้ผูป
์ ท ้ ระพันธ์
เขียนเนื้ อหาเป็ นการอธิบายศาสนสถานตา่ งรวมถึงความเกี่ยวขอ ้ งของสถานที่น้ี กับสวรรคซ ์ ่ึงเป็ นถือเป็ นสถานที่ท่ีศักดิส
์ ท
ิ ธิ์
่
และสวยงามหาทีเปรี ยบมิได้

3. อิทธิพลของบทประพันธท ์ ่ีอาจมีตอ่ ผูอ

้ า่ น หรื อสั งคม
์ ามารถวิเคราะหไ์ ดว้ า่ การอธิบายถึงความสาํ คัญของศาสนสถานอาจสง่ ผลให้ผูค
จากคาํ ประพันธส ้ นหันมาใชศ้ าสนาเป็ นที่ยึด
่ ่
เหนี ยวจิตใจมากขึ้นทีผูป ่
้ ระพันธไ์ ดเ้ ปรี ยบเทียบพระธรรมวา่ เป็ นดั่งเเสงสวา่ งของดวงเทียนทีมีอาํ นาจในการบดบังเเสงของ
พระจันทร์ได้