You are on page 1of 18

9.1.

2 รายงานผลการทดลอง
1) ผลการทดลองในระดบ
ั ห้องปฏิบต
ั ก
ิ าร
การศึกษาการผลิตไบโอเอทานอลจากฟางข ้าวด ้วยกระบวนการหมักเป็ นกา
รนาของเสียทางการเกษตรมาใช ้ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดสามารถช่วยลดปริมาณข
ย ะ ที่ เ กิ ด ขึ ้น ใ น ท ้อ ง ถิ่ น จ ะ มี ขั้ น ต อ น ใ น ก า ร ด า เ นิ น ก า ร ท ด ล อ ง ดั ง นี ้ (1)
การเตรียมฟางขา้ ว และการปรบั สภาพฟางขา้ ว, (2) การย่อยสลายฟางขา้ ว, (3)
การหมัก ซึงมี ่ ผลการทดลองดังนี ้

(1)
การศึกษาองค์ประกอบของฟางข้าวก่อนและหลังการปร ับสภาพฟางข้าว
ในการศึกษาองค ์ประกอบของฟางข ้าวทังก่ ้ อนและหลังการปรบั สภาพฟางข ้
า ว ซึ่ ง เ ต รี ย ม ตั ว อ ย่ า ง โ ด ย น า ฟ า ง ข ้า ว ม า ต า ก แ ห ้ง อ บ บ ด คั ด ข น า ด
และปร บ ั สภาพด ว้ ยสารละลายโซเดีย มไฮดรอกไซด ์ 2% เป็ นเวลา 24 ชัวโมง ่
ห ลั ง จ า ก นั้ น น า ม า วิ เ ค ร า ะ ห ์ ด ้ ว ย วิ ธี TAPPI 203 om-88
ซึ่ ง เ ป็ น ก า ร ห า ป ริ ม า ณ เ ซ ล ลู โ ล ส เ ฮ มิ เ ซ ล ลู โ ล ส แ ล ะ ลิ ก นิ น
โดยเปรียบเทียบผลทีได ่ ้กับฟางข ้าวก่อนปร ับสภาพ ได ้ผลการทดลองดังรูปที่ 9.1-
51
รูปที่ 9.1-51 องค ์ประกอบของฟางข ้าวก่อนและหลังการปร ับสภาพฟางข ้าว
จ า ก ผ ล ก า ร ท ด ล อ ง ใ น รู ป ที่ 9 . 1 - 5 1 พ บ ว่ า
การปรบั สภาพฟางข ้าวด ้วยการแช่ในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด ์ความเข ้มข ้
น 2 % เ ป็ น เ ว ล า 2 4 ชั่ ว โ ม ง
จะทาใหป้ ริมาณองค ์ประกอบภายในฟางข ้าวเกิดการเปลียนแปลงโดยปริ ่ มาณเซล
ลู โ ล ส ใ น ฟ า ง ข ้ า ว จ ะ เ พิ่ ม สู ง ขึ ้ น จ า ก 6 4 . 7 2 % เ ป็ น 7 6 . 9 2 %
เ มื่ อ เ ป รี ย บ เ ที ย บ กั บ ฟ า ง ข ้ า ว ก่ อ น ป ร ั บ ส ภ า พ
ส่วนปริมาณเฮมิเซลลูโลสและลิกนิ นจะลดต่าลง จาก 24.69% เป็ น 13.30% และ
10.58% เป็ น 9.78% ตามล าดับ เมื่อเปรีย บเทีย บกับ ฟางข า้ วก่ อ นปร บ ั สภาพ
แต่เนื่ องจากยังมีปริมาณเฮมิเซลลูโลสและลิกนิ นหลงเหลืออยู่ภายในองค ์ประกอบ

ซึงอาจส่ งผลต่อการทางานของเอนไซม ์ในการย่อยสลายเซลลูโลสต่อไปได ้
(2)
การศึกษาประสิทธิภาพการย่อยสลายเซลลู โลสในฟางข้าวด้วยเอนไซ
ม ์เซลลู เลส
ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ผ ลิ ต เ อ ท า น อ ล จ า ก เ ซ ล ลู โ ล ส

จะเป็ นการเปลียนโครงสร ้างภายในของเซลลูโลสใหเ้ ป็ นน้าตาลโมเลกุลย่อยด ้วยวิ
ธีการใช ้จุลน ิ ทรีย ์หรือเอนไซม ์ เอนไซม ์หลักทีใช ่ ้ในการย่อยสลายเซลลูโลส ได ้แก่
เ อ น ไ ซ ม์ เ ซ ล ลู เ ล ส
ในการทางานของเอนไซม ์นั้นจะเข ้าไปเร่งปฏิกริ ยิ าไฮโดรไลซิสด ้วยการเติมโมเลกุ
ลของน้าเข ้าไปเพือสลายพั ่ นธะของโครงสร ้างเซลลูโลสให ้กลายเป็ นโครงสร ้างของ
น้ า ต า ล ก ลู โ ค ส

ซึงในการย่ อยสลายเซลลูโลสมีปัจจัยสาคัญทีส่ ่ งผลกระทบต่อการผลิตน้าตาลรีดวิ
ซ ์ อ ย่ า ง ห ล า ก ห ล า ย ที่ มี ผ ล ต่ อ ก า ร ท า ง า น ข อ ง เ อ น ไ ซ ม ์ เ ช่ น
ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น ข อ ง เ อ น ไ ซ ม ์ ค่ า ค ว า ม เ ป็ น ก ร ด ด่ า ง
แ ล ะ อุ ณ ห ภู มิ ที่ ใ ช ้ ใ น ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส
เ พื่ อ ใ ห ้ ไ ด ้ ส ภ า ว ะ ที่ เ ห ม า ะ ส ม ใ น ก า ร ผ ลิ ต น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ์ม า ก ที่ สุ ด

นอกจากนี กระบวนการผลิ ่ างกันก็ทาใหไ้ ด ้ผลของการย่อยสลายเซลลูโลสต่า
ตทีต่
ง กั น อี ก ด ้ ว ย จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ง า น วิ จั ย ต่ า ง ๆ พ บ ว่ า
ใ น ก า ร ใ ช ้ เ อ น ไ ซ ม ์ ใ น ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส จ า ก ฟ า ง ข ้ า ว นั้ น
จ ะ มี ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น ข อ ง เ อ น ไ ซ ม ์ อ ยู่ ที่ 1 5 FPU/g
จ ะ ท า ใ ห ้ เ อ น ไ ซ ม ์ ส า ม า ร ถ ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส ไ ด ้ ดี

ซึงทางคณะวิ จยั ได ้ทาการศึกษาเพิมเติ ่ มถึงสภาวะการทางานของเอนไซม ์ทีมี ่ ค่ า ค
ว า ม ก ร ด ด่ า ง ต่ า ง กั น อุ ณ ห ภู มิ ท่ี ใ ช ใ้ น ก า ร ท า ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส
และกระบวนการย่อยสลายเซลลูโลสทีต่ ่ างกันซึงจะแสดงในล
่ าดับต่อไป
ก .

การศึกษาความเป็ นกรดด่างทีเหมาะสมต่
อการย่อยสลายเซลลู โลส
ในการศึกษาประสิทธิภาพการย่อยสลายเซลลูโลสจากฟางข ้าวได ้ทาการนา
ตัวอย่างฟางข ้าวทีผ่ ่ านการปรบั สภาพมาจากขันตอนก่ ้ ้
อนหน้านี มาผสมด ้วยเอนไ
ซ ม ์ เ ซ ล ลู เ ล ส ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น 1 5 FPU/g
ในสารละลายซิเตรตบัฟเฟอร ์ซึงมี ่ การปรบั ค่าความเป็ นกรดด่างตังแต่้ 4.5 - 6.5
ท าปฏิก ิร ยิ าในอ่ า งควบคุ ม อุ ณ หภู มิ ท่ี 50 องศาเซลเซีย ส เป็ นเวลา 1 ชัวโมง

หลังจากนั้นได ้เก็บตัวอย่างไปวิเคราะห ์หาปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ
่ ตได ้ซึงแสดงผ

ลดังรูปที่ 9.1-52

รูปที่ 9.1-52
ปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ
่ ตได ้จากการย่อยสลายเซลลูโลสจากฟางข ้าวทีสภาวะค

วามเป็ นกรดด่างต่างกัน
จากผลการทดลองพบว่าการย่อยสลายเซลลูโลสจากฟางข ้าวด ้วยเอนไซม ์เ
ซลลู เลสที่ความเขม้ ขน ้ 15 FPU/g ที่อุณ หภู มิ 50 องศาเซลเซีย ส เป็ นเวลา 1

ชัวโมง ่ ค่าความเป็ นกรดด่างต่างกันตังแต่
ทีมี ้ 4.5 5 5.5 6 และ 6.5 จะเห็ นไดว้ ่า
ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส ที่ มี ค่ า ค ว า ม เ ป็ น ก ร ด ด่ า ง เ ท่ า กั บ 5
มี ป ริ ม า ณ น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ท
์ ่ี ผ ลิ ต ไ ด ้ม า ก ที่ สุ ด เ ท่ า กั บ 8 . 4 4 ก ร ัม ต่ อ ลิ ต ร
ปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีได ่ ต้ ่าลงมาจะมีการย่อยสลายเซลลูโลสทีมี ่ ค่าความเป็ นกร
ดด่า งเท่า กับ 5.5 6 และ 6.5 ตามล าดับ มีค่า ปริม าณน้ าตาลรีดิว ซ ์ที่ได ้ 8.30,
5 . 8 3 แ ล ะ 5 . 5 7 ก ร ั ม ต่ อ ลิ ต ร ต า ม ล า ดั บ
ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส ที่ มี ค่ า ค ว า ม เ ป็ น ก ร ด ด่ า ง เ ท่ า กั บ 4 . 5
มีปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ ่ ตได ้น้อยทีสุ ่ ดเท่ากับ 5.22 กร ัมต่อลิตร

ข. การศึกษาอุณหภู มท ี่
ิ เหมาะสมต่
อการย่อยสลายเซลลู โลส
สาหรบั การศึกษาประสิทธิภาพการย่อยสลายเซลลูโลสจากฟางข ้าวได ้ทาก
ารนาตัวอย่างฟางข ้าวทีผ่่ านการปร ับสภาพมาจากขันตอนก่ ้ ้
อนหน้านี มาผสมด ้วย
เ อ น ไ ซ ม ์ เ ซ ล ลู เ ล ส ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น 1 5 FPU/g
ในสารละลายซิเ ตรตบัฟ เฟอร ์ซึงมี ่ ก ารปร บ ั ค่ า ความเป็ นกรดด่ า งเท่ า กับ 5.5
ทาปฏิกริ ยิ าในอ่างควบคุมอุณหภูมิทต่ ่ี างกันตังแต่
้ 40, 50 และ 60 องศาเซลเซียส
เ ป็ น เ ว ล า 1 ชั่ ว โ ม ง
หลังจากนั้นได ้เก็บตัวอย่างไปวิเคราะห ์หาปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ
่ ตได ้ซึงแสดงผ

ลดังรูปที่ 9.1-53

รูปที่ 9.1-53
ปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ
่ ตได ้จากการย่อยสลายเซลลูโลสจากฟางข ้าวทีสภาวะอุ

ณหภูมต ิ า่ งกัน
จากผลการทดลองพบว่า

ในการย่อยสลายเซลลูโลสจากฟางข ้าวด ้วยเอนไซม ์เซลลูเลสทีความเข ้มข ้น 15
่ ณหภูมิ 40, 50 และ 60
FPU/g มีคา่ ความเป็ นกรดด่างต่างกันเท่ากับ 5.5 ทีอุ

องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 1 ชัวโมง จะเห็นได ้ว่า
การย่อยสลายเซลลูโลสทีมี ่ อณุ หภูมเิ ท่ากับ 50 องศาเซลเซียส
มีปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ
่ ตได ้มากทีสุ ่ ด 8.44 กร ัมต่อลิตร
ปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีได
่ ้รองลงมาจะมีการย่อยสลายเซลลูโลสทีอุ ่ ณหภูมิ 40
องศาเซลเซียส มีคา่ ปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีได ่ ้ 5.05 กร ัมต่อลิตร
การย่อยสลายเซลลูโลสทีมี ่ อณุ หภูมิ 60 องศาเซลเซียส
มีปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีผลิ
่ ตได ้น้อยทีสุ ่ ดเท่ากับ 4.87 กร ัมต่อลิตร

( 3 )

การศึกษากระบวนการหมักทีเหมาะสมส าหร ับการผลิตเอทานอลจากฟ
างข้าว
ในการศึกษากระบวนการหมักทีเหมาะสมส ่ าหรบั ผลิตเอทานอลจากฟางขา้
ว น อ ก จ า ก ต ้ อ ง ศึ ก ษ า ส่ ว น ข อ ง ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส แ ล ้ ว
จึ ง จ า เ ป็ น ต ้ อ ง ศึ ก ษ า จุ ลิ น ท รี ย ์ท่ี จ ะ ต ้ อ ง น า ม า ใ ช ใ้ น ก า ร ห มั ก อี ก ด ้ ว ย
ในงานวิจยั นี ได้ ้ทาการศึกษาเชือจุ ้ ลน ิ ทรีย ์ 3 ชนิ ดทีจะน ่ ามาใช ้หมักฟางข ้าวดังนี ้

- Zymomonas mobilis

เป็ นเชือแบคที เรีย ที่นิ ย มน ามาใช ้ในการเปลี่ยนน้ าตาลกลู โคสใหเ้ ป็ นเอทานอล
จะเจริญ เติ บ โตได ด ้ ี ใ นสภาวะไร อ้ อกซิเ จนที่ อุ ณ หภู มิ 30 องศาเซลเซีย ส
ด ้วยสูตรอาหาร Zymomonas medium
- Saccharomyces cerevisiae
้ สตท
เป็ นเชือยี ์ ่ี นิ ยมน ามาใช ใ้ นการเปลี่ ยนน้ าตาลกลู โ คสให เ้ ป็ นเอทานอล
จะเจริญ เติ บ โตได ด ้ ี ใ นสภาวะที่ มี อ อกซิเ จนที่ อุ ณ หภู มิ 30 องศาเซลเซีย ส
ด ้วยสูตรอาหาร Yeast Malt medium
- Pichia stipitis
้ สตท
เป็ นเชือยี ์ ่ี นิ ยมน ามาใช ใ้ นการเปลี่ ยนน้ าตาลไซโลสให เ้ ป็ นเอทานอล
จะเจริญ เติ บ โตได ด ้ ี ใ นสภาวะที่ มี อ อกซิเ จนที่ อุ ณ หภู มิ 30 องศาเซลเซีย ส
ด ้วยสูตรอาหาร Yeast Malt medium
การใช ้จุลน ิ ทรีย ์มาใช ้ในกระบวนการหมักนั้นจาเป็ นต ้องศึกษาการเจริญเติบ
โ ต ข อ ง เ ชื ้ อ จุ ลิ น ท รี ย ์ แ ต่ ล ะ ช นิ ด โ ด ย ก า ร ท า ก า ร ถ่ า ย เ ชื ้ อ 1 ลู ป
ล ง ไ ป ใ น ข ว ด รู ป ช ม พู่ ข น า ด 1 2 5
มิ ล ลิ ลิ ต รที่ มี ก ารเตรีย มสู ต รอาหารแต่ ล ะชนิ ดไว ก ้ ่ อ นหน้า โดยปริม าตร 50
มิลลิลต ิ ร ผลของการเจริญเติบโตของเชือจุ ้ ลน ิ ทรีย ์แสดงดังรูปที่ 9.1-54

รูปที่ 9.1-54 การเจริญเติบโตของเชือจุ


้ ลนิ ทรีย ์แต่ละชนิ ด
จากการเก็บผลวิเคราะห ์การเจริญเติบโตของเชือจุ ้ ลน
ิ ทรีย ์แต่ละชนิ ดพบว่า
้ ลน
เชือจุ ิ ทรีย ์จะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงแรก ซึงเชื ่ อจุ
้ ลน ิ ทรีย ์ Pichia
stipitis จะมีอต ่
ั ราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 9 ชัวโมงแรก ้ ลน
เชือจุ ิ ทรีย ์
Zymomonas mobilis จะมี อ ัต ราการเจริญ เติ บ โตอย่ า งรวดเร็ ว ในช่ว ง 16
ชั่ ว โ ม ง แ ร ก ส่ ว น เ ชื ้ อ จุ ลิ น ท รี ย ์ Saccharomyces cerevissiae
จะมี อ ัต ราการเจริญ เติบ โตเพิ่ มสู ง ขึ นอย่
้ า งสม่ าเสมอในช่ว ง 21 ชั่วโมงแรก
ซึ่ ง เ ว ล า ห ลั ง จ า ก 3 0 ชั่ ว โ ม ง ไ ป แ ล ้ ว ชื ้ อ จุ ลิ น ท รี ย ์ ทั้ ง 3
ช นิ ด จ ะ เ ริ่ ม มี ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต เ ข ้ า สู่ ส ภ า ว ะ ค ง ที่
ซึ่ ง ท า ง ค ณ ะ วิ จั ย จึ ง เ ลื อ ก เ ว ล า ห ลั ง จ า ก 4 8

ชัวโมงมาท าการหมักต่อไปในส่วนของการศึกษากระบวนการหมักทีเหมาะสม ่

เพือให ้ได ้ประสิทธิภาพสูงสุดในการได ้ปริมาณเอทานอลจากการหมักฟางข ้
า ว กา รศึ ก ษ า กระบ ว นกา รหมั ก เป็ น อี ก จุ ด ที่ มี ค ว า ม ส า คั ญ เช่ น เ ดี ย ว กั น
ในการศึกษากระบวนการหมักสาหรบั การผลิตเอทานอลจากฟางขา้ วจะมี อยู่ 2
ระบบคือ กระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบแยก (Separate hydrolysis
and fermentation, SHF)
เป็ นการแยกระบบการย่ อยสลายเซลลู โ ลสออกจากระบบการหมัก อย่ า งสินเชิ ้ ง
ในกระบวนการนี จะท ้ าใหท้ ราบการเปลียนแปลงของโครงสร
่ ้างของเซลลูโลสไปเป็
น น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ์ อ ย่ า ง ชั ด เ จ น
และสามารถนาปริมาตรและความเข ้มข ้นของน้าตาลรีดวิ ซ ์ไปใช ้ต่อในกระบวนการ
หมักได ้ และ กระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบพร ้อมกัน (Simultaneous
saccharification fermentation, SSF)
เป็ นการรวมระบบการในการย่อยสลายเซลลูโลสและระบบการหมักใหอ้ ยู่ในขันตอ ้
น เ ดี ย ว กั น

ซึงในการออกแบบกระบวนหมั ้ าใหน้ ้าตาลทีถู
กระบบนี จะท ่ กผลิตออกมาในส่วนขอ
ง ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส ถู ก น า ไ ป ใ ช ้ ไ ด ้ ทั น ที
ท า ใ ห ้ ก า ร ผ ลิ ต เ อ ท า น อ ล ใ น ขั้ น ต อ น ก า ร ห มั ก เ กิ ด ขึ ้ น ไ ด ้ ทั น ที
ใ น ก า ร ท า ก า ร ท ด ล อ ง ก า ร ศึ ก ษ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ห มั ก ที่ เ ห ม า ะ ส ม นั้ น
ทางคณะวิจยั ได ้ทาการศึกษากระบวนการหมักโดยแบ่งออกเป็ น 4 แบบดังนี ้
ก) SHF กระบวนการย่อยสลายที่ 50 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 1 ชัวโมง

ตามด ้วยกระบวนการหมักที่ 30 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 48 ชัวโมง

เตรียมโดยนาฟางข ้าวทีได ่ ท้ าการปรบั สภาพแลว้ มาผสมกับเอนไซม ์ความเ


ขม ้ ขน้ 15 FPU/g และซิเ ตรตบัฟ เฟอร ์ ปร บ ั ค่ า ความเป็ นกรดด่ า งเท่ า กับ 5
ที่ อุ ณ ห ภู มิ 5 0 อ ง ศ า เ ซ ล เ ซี ย ส เ ป็ น เ ว ล า 1 ชั่ ว โ ม ง
ห ลั ง จ า ก นั้ น น า ม า แ ย ก ก า ก ฟ า ง ข ้ า ว อ อ ก จ า ก ส า ร ล ะ ล า ย
แ ล ้ ว น า ส่ ว น ข อ ง ส า ร ล ะ ล า ย ไ ป ใ ช ้ ต่ อ ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ห มั ก
้ ลิ น ทรีย ด
โดยหมั ก ด ว้ ยเชือจุ ์ ัง นี ้ Zymomonas mobilis, Saccharomyces
cerevisiae, Pichia stipitis ป ริ ม า ต ร 5 มิ ล ลิ ลิ ต ร , Saccharomyces
cerevisiae ร่ ว ม กั บ ยี ส ต ์ Pichia stipitis แ ล ะ Zymomonas mobilis
ร่วมกับยีสต ์ Pichia stipitis อย่างละ 2.5 มิลลิลต ่ ณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส
ิ ร ทีอุ

เป็ นเวลา 48 ชัวโมง
้ น
ข) SSF กระบวนการย่ อยสลายขันต ้ ที่ 50 องศาเซลเซีย ส ระยะเวลา 1
ชั่วโมง ตามด ว้ ยกระบวนการย่ อ ยสลายและการหมั ก แบบพร อ้ มกัน ที่ 30

องศาเซลเซียส ระยะเวลา 48 ชัวโมง
่ ท้ าการปรบั สภาพแลว้ มาผสมกับเอนไซม ์ความเ
เตรียมโดยนาฟางข ้าวทีได
ขม ้ ขน
้ 15 FPU/g และซิเ ตรตบัฟ เฟอร ์ ปร บ ั ค่ า ความเป็ นกรดด่ า งเท่ า กับ 5
่ ณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 1 ชัวโมง
ทีอุ ่ ้ ลน
โดยหมักด ้วยเชือจุ ิ ทรีย ์ดังนี ้
Zymomonas mobilis, Saccharomyces cerevisiae, Pichia stipitis
ปริมาตร 5 มิลลิลติ ร, Saccharomyces cerevisiae ร่วมกับยีสต ์ Pichia stipitis
และ Zymomonas mobilis ร่วมกับยีสต ์ Pichia stipitis อย่างละ 2.5 มิลลิลต ิ ร
่ ณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 48 ชัวโมง
ทีอุ ่

ค ) SSF ก ร ะ บ ว น ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย แ ล ะ ก า ร ห มั ก แ บ บ พ ร อ้ ม กั น ที่ 5 0
องศาเซลเซียส ระยะเวลา 1 ชัวโมง่ ตามด ้วยกระบวนการหมักที่ 30 องศาเซลเซียส

ระยะเวลา 48 ชัวโมง
เตรียมโดยนาฟางข ้าวทีได่ ท้ าการปรบั สภาพแลว้ มาผสมกับเอนไซม ์ความเ
ขม
้ ขน ้ 15 FPU/g ซิเ ตรตบั ฟ เฟอร ์ และเชือจุ ้ ลิ น ทรีย ด
์ ั ง นี ้ Zymomonas
mobilis, Saccharomyces cerevisiae, Pichia stipitis ปริมาตร 5 มิลลิลิตร,
Saccharomyces cerevisiae ร่วมกับยีสต ์ Pichia stipitis และ Zymomonas
mobilis ร่ ว ม กั บ ยี ส ต ์ Pichia stipitis อ ย่ า ง ล ะ 2 . 5 มิ ล ลิ ลิ ต ร
ปรบั ค่า ความเป็ นกรดด่า งเท่า กับ 5 ที่อุณ หภู มิ 50 องศาเซลเซีย ส เป็ นเวลา 1
ชั่ว โ ม ง แ ล ะ ย ก อ อ ก ม า ท า ใ ห ้ อุ ณ ห ภู มิ ล ด ล ง เ ห ลื อ 3 0 อ ง ศ า เ ซ ล เ ซี ย ส
และเก็บต่อเป็ นเวลา 48 ชัวโมง ่

ง ) SSF ก ร ะ บ ว น ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย แ ล ะ ก า ร ห มั ก แ บ บ พ ร อ้ ม กั น ที่ 5 0
องศาเซลเซียส ระยะเวลา 49 ชัวโมง ่
่ ท้ าการปรบั สภาพแลว้ มาผสมกับเอนไซม ์ความเ
เตรียมโดยนาฟางข ้าวทีได
ขม ้ ขน
้ 15 FPU/g ซิเ ตรตบั ฟ เฟอร ์ และเชือจุ ้ ลิ น ทรีย ด
์ ั ง นี ้ Zymomonas
mobilis, Saccharomyces cerevisiae, Pichia stipitis ปริมาตร 5 มิลลิลิตร,
Saccharomyces cerevisiae ร่วมกับยีสต ์ Pichia stipitis และ Zymomonas
mobilis ร่ ว ม กั บ ยี ส ต ์ Pichia stipitis อ ย่ า ง ล ะ 2 . 5 มิ ล ลิ ลิ ต ร
ปรบั ค่า ความเป็ นกรดด่า งเท่า กับ 5 ที่อุณ หภู มิ 50 องศาเซลเซีย ส เป็ นเวลา 1

ชัวโมง ่
และเก็บต่อจนครบเวลา 48 ชัวโมง
ใ น ก า ร ศึ ก ษ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ห มั ก โ ด ย แ บ่ ง อ อ ก เ ป็ น 4
แบบนั้ นจะมี ก ารวิ เ คราะห ผ
์ ลการทดลองโดยการหาปริม าณน้ าตาลรีดิ ว ซ ์

และวัดปริมาณเอทานอล ซึงผลจะแสดงดั งรูปที่ 9.1.-55 - 9.1-58
รูปที่ 9.1-55
ความเข ้มข ้นน้าตาลรีดวิ ซ ์ของกระบวนการย่อยและหมักน้าตาลแบบแยก

จ า ก รู ป ที่ 9 . 1 - 5 5
พบว่าปริมาณความเข ้มข ้นของน้าตาลรีดวิ ซ ์ในกระบวนการย่อยสลายและการหมั
กแบบแยกของเชือจุ ้ ลน ิ ทรีย ์แต่ละชนิ ดในช่วงภายหลังกระบวนการหมักมีปริมาณ
ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ์ ล ด ล ง
เ มื่ อ เ ที ย บ กั บ ช่ ว ง ภ า ย ห ลั ง ก ร ะ บ ว น ก า ร ย่ อ ย ส ล า ย เ ซ ล ลู โ ล ส
และจะเห็ น ได ว้ ่ า ค่ า ความเข ม้ น้ าตาลรีดิว ซ ์ที่คงเหลือ หลัง จากการหมัก ของเชือ้
Zymomonas mobilis อ ยู่ ที่ 0 . 7 4 ก ร ั ม ต่ อ ลิ ต ร จ ะ มี ค่ า ต่ า ที่ สุ ด
แ ล ะ ค่ า ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ท
์ ่ี ไ ด ้ ห ลั ง จ า ก ก า ร ห มั ก ข อ ง เ ชื ้อ
Saccharomyces cerevisiae อยู่ท่ี 1.37 กร ัมต่อลิตรจะมีคา่ สูงทีสุ่ ด
รูปที่ 9.1-56
ความเข ้มข ้นน้าตาลรีดวิ ซ ์ของกระบวนการย่อยและหมักน้าตาลพร ้อมกัน
จ า ก รู ป ที่ 9 . 1 - 5 6
พบว่าปริมาณความเข ้มข ้นของน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีเหลื
่ อในเชือจุ้ ลน ิ ทรีย ์แต่ละชนิ ดดว้

ยเงือนไขการหมั กต่างกันจะเห็นได ้ว่าค่าความเข ้มน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีเหลื
่ อหลังจากกา
รหมักของเชือ้ Zymomonas mobilis ดว้ ยกระบวนการย่อยสลายขันต ้ น้ ที่ 50
อ ง ศ า เ ซ ล เ ซี ย ส ร ะ ย ะ เ ว ล า 1 ชั่ ว โ ม ง
ตามดว้ ยกระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบพร ้อมกันที่ 30 องศาเซลเซียส
ร ะ ย ะ เ ว ล า 4 8 ชั่ ว โ ม ง อ ยู่ ที่ 0 . 6 5 ก ร ั ม ต่ อ ลิ ต ร จ ะ มี ค่ า ต่ า ที่ สุ ด
และค่าความเขม้ ขน้ น้าตาลรีดวิ ซ ์ทีเหลื
่ อทีมี ่ ค่าสูงทีสุ
่ ดหลังจากการหมัก คือ เชือ้
Zymomonas mobilis ร่ ว ม กั บ ยี ส ต ์ Pichia stipites
ด ว้ ยกระบวนการย่ อ ยและหมัก แบบพร อ้ มกัน ที่ อุ ณ หภู มิ 50 องศาเซลเซีย ส

เป็ นเวลา 49 ชัวโมงอยู ่ท่ี 1.46 กร ัมต่อลิตร

รูปที่ 9.1-57
เปรียบเทียบความเข ้มข ้นน้าตาลรีดวิ ซ ์หลังการหมักในกระบวนการย่อยและหมัก
น้าตาลแบบแยก และ การย่อยและหมักน้าตาพร ้อมกัน
จ า ก รู ป ที่ 9 . 1 - 5 7 พ บ ว่ า

เมือเปรี ยบเทียบปริมาณเอทานอลกระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบแยกจะไ
ด ้ปริมาณเอทานอลต่ากว่าแบบกระบวนการย่อยสลายขันต ้ ้นที่ 50 องศาเซลเซียส

ระยะเวลา 1 ชัวโมง ตามดว้ ยกระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบพร ้อมกันที่
3 0 อ ง ศ า เ ซ ล เ ซี ย ส ร ะ ย ะ เ ว ล า 4 8 ชั่ ว โ ม ง
่ อวิ
ซึงเมื ่ เคราะห ์จากผลของเชือจุ ้ ลน
ิ ทรีย ์ในกระบวนการย่อยสลายและการหมักแต่
ล ะ เ งื่ อ น ไ ข พ บ ว่ า เ ชื ้ อ Zymomonas mobilis
่ กด ้วยกระบวนการย่อยสลายขันต
ทีหมั ้ ้นที่ 50 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 1 ชัวโมง

ตามดว้ ยกระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบพร ้อมกันที่ 30 องศาเซลเซียส
ระยะเวลา 48 ชัวโมง่ จะมีป ริม าณเอทานอลสู ง สุ ด เท่ า กับ 1.28 กร ม
ั ต่ อ ลิต ร
และเชือจุ้ ลิ น ทรีย ท
์ ่ี มี ค่ า ปริม าณเอทานอลต่ าที่ สุ ด คื อ Saccharomyces
cerevisiae
ด ว้ ยกระบวนการย่ อ ยสลายและการหมัก แบบแยกโดยมี ค่ า ปริม าณเอทานอล
เท่ากับ 1.15 กร ัมต่อลิตร
รูปที่ 9.1-58
เปรียบเทียบความเข ้มข ้นน้าตาลรีดวิ ซ ์หลังการหมักในกระบวนการย่อยและหมัก
น้าตาพร ้อมกันทีอุ ่ ณหภูมติ า่ งกัน
จ า ก ผ ล ก า ร ท ด ล อ ง พ บ ว่ า

เมือเปรียบเทียบปริมาณเอทานอจากผลของเชือจุ ้ ลน ิ ทรีย ์ในกระบวนการย่อยและห
้ ม กั น ใ น แ ต่ ล ะ เ งื่ อ น ไ ข พ บ ว่ า เ ชื อ
มั ก แ บ บ พ ร อ ้ Zymomonas mobilis
่ กดว้ ยแบบกระบวนการย่ อยสลายขันต
ทีหมั ้ น ้ ที่ 50 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 1
ชั่วโมง ตามด ว้ ยกระบวนการย่ อ ยสลายและการหมั ก แบบพร อ้ มกัน ที่ 30
องศาเซลเซีย ส ระยะเวลา 48 ชัวโมง ่ จะมีป ริม าณเอทานอลสู งสุ ดเท่า กับ 1.28
้ ลน
กรมั ต่อลิตร และเชือจุ ่ ค่าปริมาณเอทานอลต่าทีสุ
ิ ทรีย ์ทีมี ่ ด คือ Zymomonas
mobilis ร่ ว ม กั บ Pichia stipitis
ดว้ ยกระบวนการย่อยสลายและหมักแบบพร ้อมกันที50 ่ องศาเซลเซียส ระยะเวลา
1 ชั่ว โม ง ตา ม ด ว้ ย กระบ ว นการย่ อ ย ส ลาย และหมั ก แบ บพร อ้ มกั น ที่ 30
องศาเซลเซีย ส ระยะเวลา 48 ชัวโมงโดยมี ่ ค่า ปริม าณเอทานอล เท่า กับ 1.13
กร ัมต่อลิตร
2) ผลการเปรียบเทียบระหว่างการทดลองระด ับห้องปฏิบต
ั ก
ิ าร
และชุดสะเต็มศึกษาสาหร ับการผลิตไบโอเอทานอลจากฟางข้าว
การพัฒนาชุดสะเต็มศึกษาสาหรบั การผลิตไบโอเอทานอลมีจด ุ ประสงค ์เพือ ่

สร ้างชินงานนวั ตกรรมเพือน ่ าองค ์ความรู ้ไปถ่ายทอดสู่ชม ่ นงานนวั
ุ ชนซึงชิ ้ ตกรรม
้ การนาเอาเทคโนโลยีทสามารถการตรวจวั
นี จะมี ่ี ดค่าได ้ตามเวลาจริงในการหมักที่
เ กิ ด ขึ ้ น ม า ป ร ั บ ส ภ า ว ะ อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม
ใ น ก า ร ห า ส ภ า ว ะ ที่ เ ห ม า ะ ส ม ท า ง ค ณ ะ วิ จ ั ย ไ ด ้มี ก า ร ศึ ก ษ า ปั จ จั ย ต่ า ง ๆ
่ ผลกระทบกับการทาไบโอเอทานอลจากฟางข ้าวโดยการทาการทดลองในระ
ทีจะมี
ดับ ปฏิ บ ัติ ก ารเพื่ อเปรีย บเที ย บประสิ ท ธิภ าพของกระบวนการหมัก ที่ เกิ ด ขึ น ้
จากการผลการทดลองข ้างต ้นจะเห็นว่าการออกแบบกระบวนการหมักทีดี ่ ทสุ ่ี ด คือ
แบบกระบวนการย่ อ ยสลายขันต ้ น ้ ที่ 50 องศาเซลเซีย ส ระยะเวลา 1 ชัวโมง ่
ตามดว้ ยกระบวนการย่อยสลายและการหมักแบบพร ้อมกันที่ 30 องศาเซลเซียส
ร ะ ย ะ เ ว ล า 4 8 ชั่ ว โ ม ง โ ด ย ป ร ั บ ค่ า ค ว า ม เ ป็ น ก ร ด ด่ า ง เ ท่ า กั บ 5
้ ลน
เชือจุ ่ ้ในการหมักทีได
ิ ทรีย ์ทีใช ่ ป้ ริมาณเอทานอลมากทีสุ ่ ด คือ Zymomonas
mobilis ซึ่ ง ส า ม า ร ถ วิ เ ค ร า ะ ห ์ผ ล ข อ ง ป ริ ม า ณ น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ท ์ ่ี ล ด ล ง
และปริมาณเอทานอลทีได ่ ้ภายในระบบ ดังแสดงในรูปที่ 9.1-59 - 9.1-60
รูปที่ 9.1-59
การเปรียบเทียบปริมาณน้าตาลรีดวิ ซ ์ทีเหลื
่ ออยู่ในกระบวนการหมักระหว่างการท
ดลองระดับในห ้องปฏิบต
ั ก
ิ าร และชุดสะเต็มศึกษาสาหร ับผลิตไบโอเอทานอล
จ า ก รู ป ที่ 9.1-5 9
พบว่าปริมาณความเข ้มข ้นของน้าตาลรีดวิ ซ ์ในชุดสะเต็มศึกษาสาหรบั การผลิตไ
้ น้ า ต า ล รี ดิ ว ซ ท
บโอเอทา น อล จ ะ เ ห็ น ไ ด ว้ ่ า ค่ า คว า ม เ ข ม ์ ่ี เ หลื อ อ ยู่ ที่ 0.65
กรมั ต่อลิตรจะมีค่าใกลเ้ คียงกับกระบวนการหมักด ้วยกระบวนการย่อยและหมักแบ
บเตรียมย่อยก่อน
รู ป ที่ 9 . 1 - 6 0
การเปรียบเทียบปริมาณปริมาณเอทานอลอยู่ในกระบวนการหมักระหว่างการทดล
องระดับในห ้องปฏิบต
ั ก
ิ าร และชุดสะเต็มศึกษาสาหร ับผลิตไบโอเอทานอล
จ า ก รู ป ที่ 9 . 1 - 6 0

พบว่าเมือปรี ยบเทียบปริมาณเอทานอลของชุดสะเต็มศึกษาสาหรบั การผลิตไบโอเ
อ ท า น อ ล แ ล ะ
กระบวนการย่อยและหมักแบบเตรียมย่ อยก่อนมีปริมาณใกลเ้ คียงกัน อยู่ท่ี 0.65
กร ัมต่อลิตร

You might also like