Professional Documents
Culture Documents
C 27 A 284687 Fe 72227 D 0 F
C 27 A 284687 Fe 72227 D 0 F
สมุดภาพ
เทพเจา
สารบัญ พระนารายณ์
หัวข้อ ผูเ้ ขียน
ชญานันท์ อนุเอกจิตร เลขที่ ๑
หน้า
1-2
พระอิศวร เเมทธิว เยียงจิสกี้ เลขที่ ๘ 3
พระลักษมี สุ มิตา เศวตศุทธิสรร เลขที่ ๑๘ 4
พระพรหม พสธร ศุจิพิศุทธิ์ เลขที่ ๑๗ 5
พระแม่สรัสวดี จิดาภา อธิภคั กุล เลขที่ ๒ 6
พระอินทร์ ฌีน ฉันตระกูลเกษม เลขที่ ๕ 7
พระกฤษณะ ศุภวรรณ สังข์นุช เลขที่ ๑๓ 8
พระพิฆเนศ ชนัฎดา สารี รัตน์ เลขที่๑๔ 9
กามเทพ ปัณณวิชญ์ ต่อเศวตพงศ์ เลขที่ ๒๑ 10
พระขันธกุมาร สรวิศ เฉลิมนัย เลขที่ ๔ 11
พระแม่คงคา นันท์นภัส แย้มสวน เลขที่ ๒๕ 12
พระอัคนี ญาณิ กา ศรี สุนทร เลขที่ ๑๕ 13
ป่ าหิ มพานต์, สัตว์ป่าหิ มพานต์ อรรทวิทย์ โรจน์ทวีนิธิ เลขที่ ๑๒
14
สวรรค์ กฤติน โชตินพรัตน์ภทั ร เลขที่ ๗
15
นรกภูมิ พศิน งามธนไพศาล เลขที่ ๙
วริ ศ ตูจ้ ินดา เลขที่ ๒๒
16
พระราหู 17
พระพิรุณ เเพรวไพลิน เทิดสิ โรตม์ เลขที่ ๒๐
ภูทศั น์ พลพานิช เลขที่ ๑๐ 18
พระยม / พระยามัจจุราช
ลลิตพรรณ ไทยเดช เลขที่ ๑๙ 19
ภูเขาไกรลาส
ภัททิยา ฉัตรภูมิรุจี เลขที่ ๖ 20
พระเกตุ
อสุ รกายภูมิ มนุสสภูมิ อกฤษณ์ วรนิธฺพงศ์ เลขที่ ๒๔ 21
พระวิษณุกรรม รวิพล ประเสริ ฐบูรณ์ เลขที่ ๑๑ 22
เดรัจฉานภูมิ เปรตภูมิ จิรพล วรกิจการวศิร เลขที่ ๒๓ 23
พระธรณี เคล่า เรชิล บิคเนล เลขที่ ๓ 24-26
ณัชชา ทรัพย์เจริ ญพร เลขที่ ๑๖ 27
พระนารายณ์
ทรงมีเทวานุภาพขจัดเหล่ามารและสิง่ ชัว
่ ร้ายทังปวง พระองค์ทรงคุ้มครองทุก
สรรพชีวิต ทรงบันดาลอํานาจวาสนาแก่มนุษย์ทุกคนทีร ่ ะลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ
อสูรและเหล่ามารทุกตนล้วนแล้วแต่เกรงกลัวอานุภาพแห่งพระองค์
1
พระนารายณ์
ที่ประทับของพระวิษณุ
สวรรค์ทพี่ ระวิษณุประทับอยู่นัน จะอยู่ในมหาสมุทร เรียกว่า เกษี ยรสมุทร อันเป็น
ทะเลนํานม ร่วมกับพระชายา
สัตว์บริวาร
1. พญาครุฑ เป็น พาหนะบริวาร
พระวิษณุจะทรงพญาครุฑไปทุกหนทุกแห่ง ยามเสด็จในภารกิจต่างๆ
2. พญานาค เป็น บัลลังค์บริวาร
พระวิษณุจะประทับบนพญานาค ณ เกษี ยรสมุทร
ในยามว่าง หรือ ขณะบรรทม
ศาสตราวุธ
1. หอยสังข์
2. จักร
3. คฑา
4. พระขรรค์
5. ลูกศร, ธนู
6. ดอกบัว น.ส.ชญานันท์ อนุเอกจิตร เลขที่ 1
2
พระอิศวร/พระศิวะ เทพเเหงการทําลาย
พระศิวะ เปนบิดาของ พระพิฆเนศ มีชายาคือ พระแมอุมาเทวี พระศิวะทรงเปนมหาเทพผูเปน
ใหญในจักรวาล หนึ่งใน ตรีมูรติ หรือ 3 มหาเทพสูงสุดแหงศาสนาพราหมณ-ฮินดู
พระองคทรงประทานพรวิเศษใหแกผูหมั่นกระทําความดี และยึดมั่นในศีลธรรม
5
พระแมสรัสวดี เทวีแหงปญญาความรู
พระแมสรัสวดี คือชายาแหงพระพรหมผูสรางโลก พระองคประทับอยูในวิมาน ณ สวรรคชั้น
พรหม หรือพรหมโลก เปนมหาเทวีหนึ่งในสามเทวีสูงสุด ในศาสนาพราหมณ-ฮินดู ในประเทศ
อินเดียยังมีแมนํ้าสายที่สําคัญมากที่ชื่อ สรัสวดี อีกดวย
เมื่อครั้งสมัยโบราณ พระอินทรถือเปนผูยิ่งใหญที่มีอานุภาพสูงที่สุดในเหลาบรรดา
เทพ พระองคสามารถดลบันดาลใหเกิดฝนตกตองตามฤดูกาล บันดาลใหพืช
พรรณงดงาม และบันดาลใหเกิดภัยทางธรรมชาติที่เปนภัยอันรายแรงไดดวย ไม
วาจะเปนพายุ ฝนตก นํ้าทวม ฟารอง หรือฟาผา เปนตนทั้งนี้ก็เพราะพระอินทรมี
วัชระหรือสายฟาเปนศาสตราวุธคูกาย ซึ่งอาวุธนี้สามารถสรางสายฝน ฟาผา หรือ
ฟารองตามที่ตองการได วัชระเปนศาสตราวุธที่มีอํานาจทรงพลังเปนอยางมาก
สามารถผามหาสมุทร ผาภูเขาได หรือผาทองฟาไดดั่งใจนึก
7
พระกฤษณะ เทพแห่งความหลุดพ้น
พระกฤษณะเทพ ถือเป็นปางที 8 จากการอวตาร 10 ปาง
ชาวฮินดูนับถือพระกฤษณะในฐานะเทพผู้ยิงใหญ่องค์หนึงซึงได้รับการ
นับถืออย่างกว้างขวางในอินเดีย โดยเชือว่าเป็นการอวตารปางที 8
ของพระนารายณ์ โดยพระกฤษณะเป็นเทพเจ้าแห่งการประนีประนอม
ความอ่อนโยน และความรักประชาชนจะจัดงานบูชาพระกฤษณะใน วัน
กฤษณชันมาษฏมี หร ือวันประสูติของพระกฤษณะ ซึงตรงกับช่วงแรม
8 คํา เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติของชาวฮินดู
8
พระพิฆเนศ ลักษณะ
ของพระ
-มีพระว
พิฆเนศ
รกายเป
นมนุษย
- มีพระเ เพศชาย
ศียรเปน อวนเตี้ย
ินดู ทองพลุย
ศาสนาฮ
ชาง มีงา
พ ใ น -สีพระว ขางเดีย
น เ ท เร็จ ว (ถูกขวา
● เป แ ห ง
ความสํา ร
รกายสีแ
ดง (บาง นปรศุรา
าและกา
ท พ แ ห มหักเสีย
นเ -มี 4 พร ง
วาผิวเห งา)
● เป งศิลป ว ท
ิ ย ะกร พระ ลือง นุงห
นเทพแห หัตถซาย หัตถขวา มแดง)
● เป าม
บนทรงป
าศะ (เช
บนทรงต
รีศูล พร
ประพันธ
น า
ํ คณ ะขามคว -พระหัต ือก) ะหัตถขว
าลางทร
หนา อง) ถซายลา งงาชาง
ท ร งเปนหัว เ
ห น อ
ื ความขัดข งทรงขัน
นํ้ามนตเ
พระ
● (ผูใหญ ปนกะโห
ขัดของ ลกศีรษะ
มนุษย
9
กามเทพ “มาร” หรือพระกามเทพ นั้น เปนผูที่พลีชีพเพื่อความสุขและความรักแหงทวยเทพ
ตั้งแต่พระสดีได้สิ้นชนมีพไป พระอิศวรมีความเสี ยพระทัยมาก จึงเสด็จไปเข้าฌานประพฤติพระองค์เป็ น สันยาสี (ผู ้
เที่ยวภิกขาจาร เลี้ยงชีพด้วยการขอเขากิน ซึ่งคงเป็ นนิสยั ของพราหมณ์ พระอิศวร ผูเ้ ป็ นสันยาสี น้ นั ตั้งจิตมุ่งอยูต่ รงปร
พรหมและนฤพาน) ซึ่งในขณะนั้นทวยเทพได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
ต่อมาพระสดีได้มีกาํ เนิดใหม่เป็ นบุตรี ทา้ วหิ มาลัย ทรงนามว่า พระอุมาเหมเทวี หรื อบรรพตี เหล่าเทวดาจึงคบคิดกันจะให้พระ
อุมาได้เป็ นพระมเหสี พระอิศวร โดยให้พระกามเทพเป็ นผูไ้ ปจัดการ กามเทพจึงสัง่ ให้วสันต์ ผูเ้ ป็ นมิตรคู่ใจของตนเนรมิต
ดอกไม้ให้ผลิข้ ึนเต็มไปหมดเพื่อสร้างบรรยากาศอันน่ารื่ นรมย์และเชิญให้พระอุมาไปอยู่ ณ ที่อนั ควร แล้วพระกามเทพจึงยิง
พระอิศวรด้วย บุษปศร (ศรที่ทาํ ด้วยดอกไม้) แต่พระอิศวรทรงตกพระทัยและพิโรธจึงเกิดลืมพระเนตรที่สามขึ้น ซึ่งบันดาลให้
เกิดเพลิงไหม้กามเทพสูญไป กามเทพจึงได้พระนามอีกอย่างหนึ่งว่า อนังคะ (ไม่มีตวั ) การปฏิบตั ิภารกิจครั้งนี้ของพระกามเทพ
เรี ยกได้วา่ “เป็ นการสละชีพในหน้าที่กว็ า่ ได้” แต่เพื่อให้ทวยเทพไม่ตอ้ งเดือดร้อนจากการที่พระอิศวรและพระชายาไม่ได้ครอง
รักกัน และเพื่อความรักของเทพเจ้าผูย้ งิ่ ใหญ่ กามเทพจึงต้องปฏิบตั ิภารกิจให้ลุล่วงไปแม้ตนจะต้องสละชีวติ ก็ตาม ครั้นต่อมา
เมื่อพระอิศวรคลายความพิโรธลงแล้วจึงโปรดให้กามเทพได้เกิดใหม่เป็ น พระประทยุมน์ ผูเ้ ป็ นโอรสของพระกฤษณาวตาร
และได้เป็ นพระบิดาแห่งพระอนิรุทธ์ (อุณรุ ท) นักรบผูย้ งิ่ ใหญ่แห่งมหากาพย์มหาภารตะในภายหลัง
10
พระขันธกุมาร มหาเทพแหงนักรบแหงสวรรค
● ระขันทกุมาร มหาเทพองคนี้มีชื่อใกลมาทางฝายไทย และมีสวนเกี่ยวของกับพระพิฆเนศ ในอินเดียเรียกพระขันท
กุมารนี้วา สกันทะ (ผูโลดเตน ผูทําลาย) , กรรตติเกยะ (บางแหงเขียนวา การัตติเกยะ) อินเดียตอนใตเรียก สุ
พราหมัณเย ซึ่งเปนที่เคารพนับถือมากตามหมูบานทั้งหลายในอินเดีย จึงนิยมตั้งศาลสักการะบูชาพระขันธกุมาร
กันแทบทุกหมูบาน
● พระขันธกุมาร (ขันทกุมาร) เปนโอรสของ พระศิวะเทพ กับ พระนางปราวตี (พระแมอุมา) เกิดจากนํ้าเชื้อของ
พระศิวะมหาเทพ ที่รวงหลมลงพื้นธรณี จนยากที่จะพิสูจนวาพระพิฆเนศกับพระขันธกุมารใครเปนพี่เปนนอง
● ในวรรณคดีโบราณ เชน โองการแชงนํ้า แมจะมิไดขานพระนามของพระขันธกุมารโดยตรง แตก็มีคําที่วา "ขุน
กลาขี่นกยูง" ปรากฎความอยู
11
พระแมคงคา
ลักษณะ
● พระแมคงคาจะมีสี่กร ประวัติ
● มีพาหนะเปนจระเข
● มีอาวุธเปนตรีศูลย และมีหมอกลาฮัมและ ● เปนราชธิดาของพระหิมวัตและนางเมนกา
หมอนํ้า ● มีหนาที่เปนผูดูแลรักษาสายนํ้าคงคา
● แตบางครั้งก็มีสองกรและทรงอาวุธเปน อันเปนแมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากสรวง
ตรีศูลย สวรรค
● โดยสวนมากจะเห็นเปนสตรีที่ยื่นหนา ● มีความเชื่ออีกวานํ้าจากแมนํ้าคงคาถือ
ออกมาจากมวยพระเกศของพระศิวะเจา เปนนํ้าที่วิเศษที่สามารถชําระลางบาปของ
และปากมีสายนํ้าพนออกมา มนุษยทั้งหลายได
ตํานานกลาวไววา สวนอีกตํานานหนึ่งกลาวไววา
13
ปาหิมพานต, สัตวปาหิมพานต
ป่ าหิ มพานต์ หรื อ หิ มวันต์
เป็ นป่ าในวรรณคดีและความเชื่อในเรื่ องไตรภูมิ ตามคติศาสนาพุทธและฮินดู มีความเชื่อว่า ป่ าหิ มพานต์ต้ งั อยูบ่ นเชิงเขาพระสุ เมรุ
ป่ าหิ มพานต์มีเนื้อที่ประมาณ 3,000 โยชน์ (1 โยชน์ เท่ากับ16 กิโลเมตร) วัดโดยรอบได้ 9,000 โยชน์ ประดับด้วยยอด 84,000 ยอด
มีสระใหญ่ 7 สระ คือ สระอโนดาต , สระกัณณมุณฑะ , สระรถการะ , สระฉัททันตะ , สระกุณาละ , สระมัณฑากิณี , สระสี หปั ปา
ตะ บรรดาสระทั้ง 7 นั้น สระอโนดาตแวดล้อมไปด้วยภูเขาทั้ง 5 ที่จดั เป็ นยอดเขาหิ มพานต์ ยอดเขาทุกยอดมีส่วนสูงและสัณฐาน
200 โยชน์ กว้างและยาวได้ 50 โยชน์
สัตว์ป่าหิ มพานต์
คือสัตว์ในจินตนาการที่กวี หรื อจิตรกร พรรณนาถึง อาศัยอยูใ่ นป่ าหิ มพานต์หรื อเขาไกรลาส ดังที่ปรากฏในวรรณคดีไตรภูมิพระ
ร่ วง
และรามเกียรติ์ โดยมีลกั ษณะของสัตว์หลายชนิดมาประกอบกันในตัวเดียว จําแนกออกเป็ น 3 ประเภท คือ
สัตว์ทวิบาท สัตว์จตุบาท และจําพวกปลา สัตว์เหล่านี้เกิดจากจินตนาการของจิตรกรไทยโบราณ ที่ได้สรรค์สร้างภาพจากเอกสาร
เก่าต่างๆ
14
สวรรค
สวรรคในความเชื่อทางศาสนาพุทธ แปลวา ภูมิหรือดินแดนที่มีอารมณเลิศดวยดี
เปนที่อยูของเทวดา เหตุที่ทําใหมาเกิดเปนเทวดาเพราะได สรางบุญกุศลไวเมื่อครั้งยังเปน
มนุษย
วิมานคือที่อยูอาศัยของเทวดา ลวนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกตางกัน มี ความ
เปนอยูสะดวกสบาย มีอาหารทิพยบังเกิด ขึ้น มีบริวารคอยรับใชใกลชิด เสื้อผาเปนทิพย
วิจิตรงดงาม
จะอุบัติขึ้น ณ สวรรคชั้นไหน เปน เทวดาประเภทใด และอยูในฐานะอะไรนั้น ขึ้นอยู
กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเปนมนุษย ซึ่งไดมีกลาวไวในคิลายนสูตร ของพระ
ไตรปฎกภาษาบาลี ดังนี้
● จาตุมหาราชิกา ตั้งอยู ณ เชิงเขาพระสุเมรุ ที่ไดชื่อสวรรคชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะมีเทพผู
เปนใหญครองสวรรคชั้นนี้อยู 4 ทาน คือ ทาวธตรฐปกครองพวกคนธรรพ ทาววิรุฬหก
ปกครองพวกกุมภัณฑ ทาววิรูปกษปกครองพวกนาคทาวเวสสุวรรณปกครองพวกยักษ
● ดาวดึงส ตั้งอยูที่บนยอดเขาพระสุเมรุ ที่ชื่อวา ดาวดึงส เพราะเปนที่อยูของเทพผูปกครองภพ
ถึง 33 องค โดยมีทาวสักกะเปนประธาน และที่สําคัญมีจุฬามณีเจดีย ซึ่งทุกวันพระเทวดาจะมา
ประชุมกันที่ศาลาสุธรรมา เพื่อรับฟงโอวาทจากทาวสักกะ
● ยามา มีทาวสุยามะเปนจอมเทพ
● ดุสิต มีทาวสันดุสิตเปนจอมเทพ
● นิมมานรดี มีทาวสุนิมมิตเปนจอมเทพ
● ปรนิมมิตวสวัตดี มีทาววสวัตตีเปนจอมเทพ
15
นรกภูมิ
คือ สถานที่จองจําผูที่กระทําบาปสถานหนัก ตองชดใชบาปจากเมื่อครั้งเปนมนุษย โดยอาศัยรางที่เปน
กายหยาบรับโทษ เชน ถูกเลื่อยกาย ถูกหั่นรางเปนชิ้น ๆ ถูกไฟครอก ถูกตําดวยสาก ถูกโยนใส
กระทะนํ้าเดือด ปนตนงิ้ว เปนตน
16
17
พระพิรุณ เทพเเหงฝน
● พระพิรุณเปนเทพแหงฝนจึงมีพาหนะเปนพญานาค ซึ่งเปนสัญญลักษณแหงนํ้าและความอุดมสมบูรณ
● พระหัตถขวาจะถือพระขรรคชัย(พระแสงดาบ)
● พระหัตถซายจะมีลักษณะจีบนิ้วซึ่งเปนลักษณะของการประทานพร
● แตละพระหัตถนั้นจะทรงถือสิ่งตางๆ ที่แตกตางกันออกไป เชน บวงนาคราช (นาคขดเปนบวง) อาโภค (รม) คนโท คันศร บแกว มณี
หอยสังข ดอกบัว
● หนาที่ของพระพิรุณจะเปนเทพที่คอยประทานฝน โดยการทํางานตามพระบัญชาของพระอินทร และมีเทพที่เปนเสมือนเทพผูชวยคือ
เทพปรชันยะ
● ประสานการทํางานรวมกันเพื่อใหฝนตกตองตามฤดูกาลโดย ทั่วไปแลวเราจะไดพบเห็นแตพระพิรุณเพียงพระองคเดียวเทานั้น
19
ภูเขาไกรลาส
20
พระเกตุ
เปนเทวดานพเคราะหองคหนึ่ง ในคติไทย พระเกตุถูกสรางจากหางของพระราหู เนื่องจากพระราหูแอบไปขโมยนํ้า
อมฤตที่เทวดาไดกวนไวดื่ม พระนารายณโกรธจึงขวางจักรตัดเอวพระราหู เดชะฤทธิ์นํ้าอมฤต พระราหูจึงไมตาย
และกลับไปยังวิมานเดิม หางที่ขาดนั้นเองก็กลายเปนพระเกตุ (บางตําราก็วา สรางจากพญานาค ๙ ตัว) ประจําใน
ทิศทามกลาง ใหผลเปนกลาง ๆ ในการพยากรณ จึงไมนิยมพิจารณาพระเกตุมากนัก
21
อสุรกายภูมิ มนุสสภูมิ
อสุรกายภูมิ จัดเปนอบายภูมิอันดับที่ 3 เปนปรโลกฝายทุคติ ที่ชื่อวา อสุรกายภูมิ เพราะเปนสถานที่ปราศจากความราเริง สัตวที่ละโลกจาก
อัตภาพที่เปนมนุษยไปเปนอสุรกายก็ดี หรือหมดกรรมจากมหานรกมาเปนอสุรกายก็ดี ยอมไมไดรับความบันเทิงใจ ไมมีความสนุกสนาน
ราเริงอยางโลกมนุษย จะตองไดรับทุกขเวทนาอยางเผ็ดรอนจากผลกรรมชั่วที่ตนกระทําไว
4.การเกิดเปนมนุษยเปนการยากเพราะยังมีภพภูมิอีกถึง30ภพภูมิที่สรรพสัตวเมื่อตายแลวตองไปเกิดหากเทียบการเกิดในภูมิมนุษยกับภูมิ
อื่นๆ แลว นับวาปริมาณการเกิดในภูมิมนุษยนั้นนอยมาก เหตุที่ทําใหเกิดเปนมนุษย คือ ศีล 5 อันเปนความปกติของมนุษยนั่นเอง
22
พระวิษณุกรรม
● เปนเทพที่มีความเอื้ออาทรตอโลก มีหนาที่คอยชวยเหลือ ปดเปา ความทุกขยากของมนุษยและเทวดา
● พระวิษณุกรรมที่เคารพนี้ถือเอาภาพที่มีรูปทรงสัดสวน เหมือนบุรุษชนธรรมดา
○ พระวรกาย(รางกาย) เปนสีเขียวมรกต ที่เศียรสวมมงกุฎเทอดยอดระฆัง แสดงถึงมีปฏิภาณ สมองใส ไหวพริบ
เฉียบแหลม
○ มือขวา ทรงถือผึ่งใชสําหรับขุดรากฐานสถานบันของชาง
○ มือซาย ทรงถือลูกดิ่ง ใชสําหรับวัดความเที่ยงตรงทั่ว ๆ ไป
คาถาบูชาพระวิษณุกรรม คาถาเชิญพระวิษณุกรรม
● โอม นะโม วิษณุกรรม นะมะ ภะวันตุเม ● โอม คุรุเทวา นะมาสิ วิษณุกรรม กันเจวะ อา
ทุติยัมป นะโม วิษณุกรรม นะมะ ภะวันตุเม จาริยัง เทวา มหาปญโย นิมิตตัง ศิลปนามัง
ตะติยัมป นะโม วิษณุกรรม นะมะ ภะวันตุเม โยธามิเศษตัง ปฏิกรรมมานัง ภะวันตุโน อา
คัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะมะ มามา วันทามิ
เกล็ดความรู
● สัตวมีรางกายเจริญโดยขวางซึ่งตรงขามกับมนุษยที่เจริญตรงขึ้นไป
เปรต
● อมนุษยพวกหนึ่งที่เกิดในเปตวิสัย
● เปน ๑ ใน ๔ อบายภูมิ
● ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดํารงชีวิตอยูไดดวยสวนบุญที่มีผูทําอุทิศ
ให หากไมมีสวนบุญที่มีผูอุทิศใหก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเอง
เปนอาหาร โบราณมีความเชื่อที่วา ถาใครทํารายพอแม ชาติหนาจะ
ไปเกิดเปนผีเปรต
25
เดรัจฉานภูมิ เเละ เปรตภูมิ
เดรัจฉานภูมิ
เปรตภูมิ
● เปนแดนของพวกเปรต
● เปรตปฏิสนธิไดทั้ง ๔ แบบ มีทั้งพวกที่อยูในนํ้า บนยอดเขา และพวกที่อยูกลางเขา
● เปรตบางพวกมีความเปนอยูดีเหมือนเทวดา คือมีวิมานทิพย บางพวกมีพาหนะทองเที่ยวไปตามอําเภอใจ และ
มีอายุยืน บางพวกเปนเปรตเฉพาะเวลาขางขึ้น เปนเทวดาขางแรม บางพวกเปนเปรตตอนขางแรม และเปนเทวดา
ตอนขางขึ้น
26
พระธรณี
● หรือ พระศรีวสุนธรา ภาษากะเหรี่ยงวา ซงทะรี่เปนเทพีแหงพื้นแผนดิน ปรากฏในตํานานทั้งศาสนา
ฮินดูและศาสนาพุทธ
● ในคติของศาสนาฮินดูใหความเคารพนับถือวาแผนดินเปนสิ่งคํ้าจุนสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกเปรียบเสมือน
มารดาผูใหกําเนิดหลอเลี้ยงโลกและแผนดิน จึงไดรับยกยองวาเปนเทพจากธรรมชาติองคหนึ่งเปนเพศ
หญิง เรียกนามวา "ธรณิธริตริ" แปลวา "ผูคํ้าจุนพระธรณี"
● ชาวนาจะขอใหพระธรณีชวยคุมครองผืนนาและวัวควาย
● ในพุทธศาสนาพระแมธรณีปรากฏกายเพื่อบีบนํ้าจากมวยผมใหทวมทัพทาววสวัตตีที่มาผจญพระโค
ตมพุทธเจาในคืนวันตรัสรู
ลักษณะของพระแมธรณี
● ตามที่ปรากฏ โดยมากมักจะเปนรูปเทวดาผูหญิง มีรูปรางอวบใหญ ลํ่าสันอยางไดสัดสวน หรือในบาง
แหงจะมีรูปรางออนแอน มีความงามประดุจเทพธิดา นั่งในทาคุกเขา แตยกเขาขวาขึ้นสูงกวาเขาซาย
บางแหงสรางใหอยูในทายืน แตที่เหมือนกันก็คือมวยผมปลอยยาว มือขวายกขามศีรษะไปจับไวที่โคน
มวยผม สวนมือซายจับมวยผมแสดงทากําลังบิดใหสายนํ้าไหลออกมาจากมวยผมนั้น สวนเครื่องทรง
ตามแตจินตนาการของผูสราง บางแหงสวมพัตราภรณเฉพาะชวงลาง แตบางแหงทั้งนุงผาจีบและหม
สไบอยางสวยงาม ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณมีกรอบหนาและจอนหู เปนตน
ณัชชา ทรัพย์เจริ ญพร เลขที่ 16
27