You are on page 1of 3

ขอเป็ นคนของเธอ เริ่ มสอนนะ วันนี ้ สอนแบบ แนวคิดหลักๆ เรามีความเชื่อว่า หุ้นตัวใด ที่มีการเคลือ่ นไหวแบบเป็ น cycle

หมายความว่า จะมีรายใหญ่ เข้ าทาราคา เพื่อทากาไรจากการเคลือ่ นไหวของหุ้นนันๆเสมอ


้ โดยที่ เมื่อรายใหญ่ ทากาไรจบ ก็
จะจบ วงจรของหุ้น เป็ นรอบๆ ไป เหมือนการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของคน 1 คน

วงจร หรื อ cycle ของหุ้น มี 4 ระยะ หมุนเวียนไปเรื่ อยๆ ได้ แก่

ระยะ สะสม หรื อ accumulation phase คือระยะที่รายใหญ่ สะสมหุ้นจากรายย่อย พูดง่ายๆคือ รายย่อยขาย รายใหญ่ซื ้อ
เข้ า ระยะนี ้ รายใหญ่จะซื ้อหุ้นเข้ าพอร์ ต ในราคาทีต่ ่าที่สดุ ดังนัน้ การเคลือ่ นไหวของราคาในระยะนี ้ จะแคบ เป็ นกรอบแคบๆ
ระยะเวลาที่ใช้ จะยาวนานมาก เมื่อสะสมหุ้นจนมากพอแล้ ว ก็จะเข้ าสูร่ ะยะถัดไป

ระยะ ขึ ้น หรื อ mark up phase คือ ระยะที่รายใหญ่ทาราคาให้ สงู ขึ ้นโดยไม่เสียหุ้นกลับไปให้ รายย่อย พูดง่ายๆคือ โยนหุ้นใน
พวกเดียวกันเอง เพื่อไล่ราคาให้ สงู ขึ ้นไป เนื่องจาก เป็ นการโยนหุ้นในพวกเดียวกัน ดังนัน้ จะพบว่า ใช้ ห้ นุ ไม่มาก แต่ราคา
ขึ ้นไปได้ เยอะมาก หรื อ ความพยายามน้ อย แต่ได้ ผลมาก ไล่ราคาขึ ้นไปจนถึงเป้าหมาย ในระยะเวลาสันๆ ้ ดังนัน้ ระยะนี ้ หุ้น
จะขึ ้นเร็ วมาก และแรงมาก จึงเป็ นระยะที่เราจะเข้ าลงทุน เพราะจะทาให้ ประมิทธิภาพการลงทุน สูงที่สดุ คือ กาไรมากที่สดุ ใน
ระยะเวลาสันที ้ ่สดุ ตรงกับ wave 3 ของ Elliot wave นัน่ เอง

ระยะ กระจาย หรื อ distribution phase คือระยะที่รายใหญ่ กระจายหุ้นให้ รายย่อย เพื่อขายทากาไร เนื่องจาก รายใหญ่
ต้ องการรายย่อยจานวนมาก มารับหุ้นต่อไปจากพวกเขา รายใหญ่จะดันราคาหุ้นไว้ แล้ วปล่อยหุ้นขายออกมาให้ รายย่อย จะ
พบว่า ในระยะนี ้ ราคาไม่ไปไหน แต่มีการซื ้อขายกันมาก รายใหญ่จะกระจายหุ้นจนหุ้นหมดพอร์ ต แล้ วเลิกเล่น

ระยะ ลง หรื อ mark down phase คือระยะที่รายใหญ่ ไม่ดนั ราคาหุ้นอีกต่อไป ทาให้ รายย่อย ขายหุ้นออกมา เพื่อ
คัทลอส ทาให้ ราคาตกลงอย่างรวดเร็ ว โดยมี volume ไม่มาก เพราะรายใหญ่ไม่ดนั ราคาอีกต่อไป เมื่อราคาตกลงไปมากๆ
สุดท้ าย รายย่อย ทนขาดทุนไม่ไหว จะเทขายหุ้นที่ถือออกมาทังหมด ้ แล้ วเลิกเล่น ทาให้ เกิด ลักษณะที่เราเรี ยกว่า การขายจน
หมดพอร์ ต หรื อ selling climax จุดนี ้ รายใหญ่ จะเข้ ามาสะสมหุ้นใหม่อีกครัง้ ทาให้ ห้ นุ หยุดตกทันที หลังจากนัน้ แรงซื ้อ
จะทาให้ ห้ นุ ขึ ้นกลับไประยะหนึง่ เรี ยกว่า เกิด reaction rally หรื อ RR เมื่อแรงซื ้อหมด หุ้นก็ตกกลับมาอีกครัง้ แล้ วเข้ าสูร่ ะยะ
สะสมใหม่ เริ่ มวงจรใหม่อกี ครัง้

สรุป การนาไปใช้ ได้ เป็ น

1 ระยะสะสม คือ ระยะที่ รายใหญ่ซื ้อ รายย่อยขาย

2 ระยะขึ ้น คือ รายใหญ่ไล่ราคา

3 ระยะกระจาย คือ รายใหญ่ขาย รายย่อยซื ้อ

4 ระยะลง คือ ระยะที่รายใหญ่เลิกเล่น


ระยะที่เราจะเข้ าเล่น คือ ระยะขึ ้นตอนต้ น และเลิกเล่น ที่ระยะกระจายตอนต้ น จาไว้ วา่ หุ้นแต่ละตัว จะมีระยะขึ ้น
ปี ละ 1 ครัง้ เท่านัน้ ครัง้ ละไม่เกิน 3 เดือน เมื่อวงจรจบแล้ ว ปี นัน้ จะไม่ไล่อีกแล้ ว ลักษณะของกราฟ ในแต่ละวงจร เป็ นอย่างไร
ในแต่ละ ระยะของวงจรหุ้น จะเคลือ่ นไหวในรูปแบบเดียวเท่านัน้ คือ การเคลือ่ นไหว เป็ นกรอบราคา หรื อ trading range

Trading range ของระยะต่างๆ จะมีดงั นี ้

1 trading range ของระยะสะสม จะมีเวลาที่ยาวนานมาก เคลือ่ นไหวไม่เกิน 2 กรอบ และกราฟ มี spread ที่
สันๆ
้ volume น้ อยๆ ในแต่ละวัน

2 trading range ของระยะ ขึ ้น จะมีเวลาในแต่ละกรอบ สันมาก


้ spread กราฟ กว้ างมาก และมักจะขึ ้น ในแต่ละ
วันจะมี volume มากมหาศาล โดยเฉพาะ วันที่เปลีย่ นกรอบตอนไล่ราคา กรอบในระยะ ขึ ้น จะเปลีย่ นขึ ้นไปเรื่ อยๆ มักจะไม่
เกิน 5 กรอบ

3 trading range ของระยะ กระจาย จะมีเวลาที่ยาวนาน แต่ไม่เท่าระยะสะสม spread จะค่อนข้ างกว้ าง ผสมกัน
ระหว่าง บวกและลบ สลับกันไป แต่เวลาที่ผา่ นไปยาวนาน ราคาจะไม่ไปไหนไกล

4 trading range ของระยะลง จะมีเวลาสัน้ spread จะกว้ างมาก แต่จะแดงยาวมาก ถ้ ามีวนั เขียว จะมี spread
สันกว่
้ า และทา low ใหม่ไปเรื่ อยๆ เปลีย่ นกรอบลงไปเรื่ อยๆ And made a new low so change gradually into the
frame จะหยุดตก ก็ตอ่ เมื่อ ปรากฏ selling climax

จาไว้ วา่ ในการเปลีย่ นกรอบการเล่น จะประกอบด้ วยลักษณะย่อยๆ คือ วันเปลีย่ นกรอบ จะเกิด เขียวยาวมาก volume
มหาศาล ตามด้ วย การพักตัว ด้ วย แดงสัน้ volume หาย จนเมื่อ volume แห้ งมากๆ แล้ วตามด้ วย เขียวยาวขึ ้น volume
มากขึ ้น จึงพักเสร็จ แล้ วเปลีย่ นกรอบต่อไปอีก

สรุปง่ายๆ คือ เปลีย่ นกรอบ พักตัว พักเสร็จ ไปต่อ

เราแทนด้ วยตัวเลข

1 เปลีย่ นกรอบ

2 พักตัว

3 พักเสร็ จ

4 ไปต่อ

ซึง่ เป็ นคนละอย่างกับระยะหุ้น ที่ไม่มีการให้ ตวั เลข แต่จะพูดเลยว่า ระยะ สะสม ระยะ ขึ ้น ระยะ กระจาย ระยะลง
หุ้น esu คือหุ้น ที่มีการเปลีย่ นกรอบจากระยะสะสมไปเป็ นระยะขึ ้น ที่รุนแรงมาก จะทาให้ ระยะขึ ้น ไปได้ ไกลมาก ใน
ระยะเวลาสันๆ
้ เราจึงต้ องเล่นหุ้น esu

สรุปง่ายๆ คือ

ระยะสะสม ไประยะ mark up โดยการเปลีย่ นกรอบ 1

ตามด้ วยการพักตัวนกรอบ คือ 2

ตามด้ วยการพักเสร็ จ คือ 3

และการเปลีย่ นกรอบต่อไปคือ 4

แล้ วตามด้ วย การพักตัว คือ 2

แล้ วตามด้ วยการพักเสร็ จคือ 3

แล้ วตามด้ วยการเปลีย่ นกรอบอีก คือ 4

ระยะ 1 จะมีครัง้ เดียวคือ วันเปลีย่ นกรอบจากระยะสะสม เป็ นระยะขึ ้นเท่านัน้

หลังจากนัน้ จะตามด้ วย 234 234 ไปเรื่ อยๆ

จบการสอนในวันนี ้ การสอนวันนี ้ เป็ นการทบทวน สิง่ ที่เคยสอนไปแล้ ว มาพูดใหม่อกี ครัง้ เพราะความแม่นยาในเบสิก


เท่านัน้ จะทาให้ เราเก่งการอ่านกราฟได้ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ wha ในวันพฤหัสว่า เกิด selling climax ในวันศุกร์ จะเกิด
RR เราจะสามารถเล่น หากาไรได้ และก็เป็ นจริ ง ในวันศุกร์ wha เกิด RR

คำถำมครับ Buying climax ต่ ำง กับ mark up phase ยังไงครับ และกำรเล่ นแบบ dw คืออะไรก็ได้ ครับ
ขอเป็ นคนของเธอ buying climax คือการเริ่ มต้ นระยะ กระจาย หุ้นคับ อยูใ่ นระยะปลายสุดของ mark up phase การเล่น
dw คือการเพิม
่ กาไร จากการเล่นหุ้นปกติ ในระยะ RR เช่น ในระยะ RR wha ขึ ้นไป 10 ตัง หรื อ 3% แต่ถ้าเล่น dw
ของ wha จะขึ ้นได้ ราว 20% ต้ องไปศึกษาการเล่น dw คับ

You might also like