You are on page 1of 17

1.

Scan หาเป้ าหมาย


เราต ้องรู ้เป้ าหมายในการอ่านหนังสือแต่ละเล่มว่าเราต ้องการอะไรจากหนังสือเล่มนี ้
่ จากสารบัญว่ามีหวั ข ้ออะไรบ ้าง
-เริมดู

-ลองเปิ ดเนื อหาผ่ ่ ภาพรวมของหนังสือทังเล่
านๆเพือดู ้ ม
-กาหนดเป้ าหมายว่าอยากได ้อะไรจากหนังสือเล่มนี ้
-พิจารณาความยากง่ายและความยาวของหนังสือ

บางเล่มอาจมีเนื อหาบางส่ ่ กเกินไปหรือไม่เกียวข
วนทีลึ ่ ่
้องกับเป้ าหมายทีเราก าหนดไว ้
่ กเกินหรือไม่เกียวข
-ตัดสินใจว่าจะอ่านคร่าวๆหรือข ้ามไปในส่วนทีลึ ่ ้องกับเป้ าหมายของเรา
่ านให ้จบ
-กาหนดจานวนวันทีจะอ่
2.”ส่งออก”ข ้อมูล

การอ่านหนังสือคือการ”รับเข ้า”ข ้อมูล แต่เราจะจาเนื อหาได ้ดีนั้นเราต ้อง”ส่งออก”ด ้วย
วาดให ้เข ้าใจง่ายๆ ในหนึ่ งวันเรา”รับเข ้า”ข ้อมูลมาเป็ นจานวนมาก
ข ้อมูลเหล่านั้นจะถูกเก็บในสมองส่วนหนึ่ งกลายเป็ นความจาระยะสัน ้
เนื่ องจากข ้อมูลมันเยอะมาก สมองคงไม่เก็บทังหมด ้ ่ าคัญ
มันจึงเลือกเก็บแค่ข ้อมูลทีส

ส่วนอืนๆมั ้
นก็จะทิงไป
แล ้วจะทายังไงให ้สมองรู ้ว่าเป็ นข ้อมูลสาคัญล่ะ
เราต ้องดึงข ้อมูลนั้นมาใช ้บ่อยๆ ซึงการ”ส่
่ งออก”นี่ แหละคือวิธเี รียกใช ้ข ้อมูล

เมือสมองรู ้
้ว่าเป็ นข ้อมูลสาคัญมันก็จะเอาข ้อมูลเหล่านี ไปเก็ บในสมองอีกส่วนกลายเป็ นคว
ามจาระยะยาว
วิธสี ง่ ออกข ้อมูล
-จดโน้ตระหว่างอ่าน ขีดๆเขียนๆ รวมถึงใช ้ปากกาเน้นข ้อความด ้วย
่ ง
-เล่าหรือแนะนาหนังสือให ้คนอืนฟั

ถ ้าเราไม่สามารถอธิบายหรือคุยแลกเปลียนความเห็ ่
นเกียวกั
บหนังสือได ้ก็เท่ากับไม่ได ้เข ้าใ
จหรือจาหนังสือได ้เลย
-มาใชsocial
้ ให ้เป็ นประโยชน์กน

่ ใ่ นหนังสือแล ้วลองแสดงความคิดเห็น
เราอาจจะโพสต ์คาคมทีอยู
ความรู ้สึกกับประโยคเหล่านั้น

-ระดับadvanceหน่ อยคือเขียนบทวิจารณ์หนังสือ
้ งท
ข ้อนี จะยิ ่ าให ้เราจาเนือหาได
้ ่
้เลยล่ะเพราะก่อนทีเราจะเขี
ยน
เราต ้องเข ้าใจหนังสือพอสมควรเลย
แถมเรายังต ้องตรวจทานระดับนึ งก่อนโพสต ์ให ้คนอืนอ่ ่ าน

พอโพสต ์ไปแล ้วก็จะมีคนเข ้ามาคอมเม้นทาให ้เราได ้ร ับมุมมองใหม่ๆเพิม
และถ ้าได ้รับคาชมเราก็จะมีกาลังใจอ่านเล่มต่อๆไปอีก
่ ้อ่าน
3.จากัดเวลาทีใช
วิธน ้ วยเพิมสมาธิ
ี ี จะช่ ่ ่
และเพิมความจ ้
าเพราะคนเราจะจาเนื อหาได ้ดีในช่วง 5
นาทีแรกทีเริ ่ มอ่
่ าน และ 5 นาทีสด ุ ท้ายก่อนเลิกอ่าน
เราจึงควรแบ่งเป็ นช่วงสันๆไม่ ้ ่
ใช่อา่ นรวดเดียว ช่วงเวลาทีเราจะโฟกั ี่ ดคืออ่านทีละ
สได ้ดีทสุ
15 นาที รองมาเป็ น 45 นาที และถ ้าพักนิ ดนึ งก็สามารถอ่านได ้ถึง 90 นาที
แต่ถ ้าหนังสือเล่มไหนสนุ กไม่อยากหยุดก็ไม่ต ้องหยุดนะ:D
ตัวอย่างเวลาสันๆที ้ ่
เราอ่ านได ้ก็เช่นตอนเดินทางไปเรียน

พีเองก็ ้
ใช ้เวลานี แหละหยิ ้
บศัพท ์ขึนมาอ่ าน ไม่ก็อา่ นหนังสือนอกเวลาของโรงเรียนไปเลย
ทาทุกวันทังไปกลั้ ่
บเราก็อา่ นจบได ้เร็วอย่างไม่น่าเชือเลย
4.อ่านหนังสือช่วงก่อนนอน
้ าเวลาคิดอะไรไม่ออกให ้ไปนอนแล ้วตืนมาดั
เคยได ้ยินมัยว่ ่ นปิ ๊ งคาตอบออกมาได ้ไงไม่รู ้

ช่วงทีเรานอนนี ่ แหละทีสมองจะจั
่ ่ ้ามาในแต่ละวันให ้เป็ นระเบียบ
ดการข ้อมูลทีเข
5.ตัง้ goalว่าจะอ่านจบภายในกีวั
่ น
เราควรกาหนดdeadlineไว ้ เราจะได ้อ่านอย่างมีเป้ าหมายและมีแรงกระตุ ้นตลอดเวลา

แล ้วเราจะอ่านเล่มอืนๆต่ ่
อไปเพิมได ้อีกด ้วย
6.ฝึ กบริหารเวลา
หลายคนคงพูดว่า”ไม่มเี วลาอ่านหนังสือ”ใช่มยล่ ั้ ะ
จริงๆแล ้วมันอยูท ี่
่ ”การจั
ดลาดับความสาคัญ”มากกว่า
่ feedไปเรือยๆ
ลองคิดดูวา่ วันนึ งเราเสียเวลาไปกับโทรศัพท ์มากแค่ไหน เลือน ่ เช็คไอจี เฟส
้ั ไม่
ไลน์ทงๆที ่ มค ี นคุย555 ลองจัดให ้การอ่านหนังสือสาคัญอันดับต ้นๆบ ้างสิ

ลองตังใจเปลี ่
ยนแปลงตั ้ ตอนนี ดู
วเองตังแต่ ้ :)
7.สนุ กกับการอ่าน
จริงๆแล ้วอะไรทีมั่ นกระตุ ้นอารมณ์ความรู ้สึกแรงๆทังเศร ้ ่
้า ตืนเต ้น สนุ กนี่ แหละ

เราจะจาได ้ดี ลองนึ กถึงหนังสือการ ์ตูนหรือนิ ยายทีเราติ ดสิ ผ่านมาเป็ น 10 ปี ก็ยงั จาได ้

ยังเล่าเรืองได ้เลย ดังนั้นถ ้าเราสนุ กกับสิงที
่ อ่่ านเราก็จะจาได ้ดีกว่า
ลองเอาไปประยุกต ์กับการจาศัพท ์ก็ได ้นะ เช่น แต่งเรืองราวให่ ้มันตลกๆ
แล ้วนึ กภาพให ้ติดตา

8.อ่านส่วนทีอยากรู ้ก่อน
่ อยากรู
สิงที ่ ้ก็จะทาให ้เรารู ้สึกตืนเต่ ้นมากกว่า
เพราะเราจะอ่านอย่างจดจ่อเพือให ่ ่ สงสั
้ได ้คาตอบของสิงที ่ ย

ความรู ้สึกตืนเต ้ เหมือนทีบอกไปในข
้นนี ก็ ่ ึ้
้อ7คือเราจะจาได ้ดีขน
่ ้าทายตัวเองหน่ อย
9.อ่านหนังสือทีท
ถ ้าอ่านอะไรทีง่่ ายไปเราก็จะเบือ่ ถ ้ายากไปก็จะหมดกาลังใจในการอ่าน
แต่ถ ้าเป็ นความยากระดับพอเหมาะ เราจะพยายามอยากเอาชนะมันให ้ได ้

You might also like