Professional Documents
Culture Documents
EE
EE
น.อ.ประจักษ์ พูลสวัสดิ
หน.ไฟฟ้ า กองควบคุมคุณภาพ
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ
กุมภาพันธ์ 2550
2
คํานํ า
น.อ.ประจักษ์ พูลสวัสดิ
หน.ไฟฟ้ า กองควบคุมคุณภาพ
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ
กุมภาพันธ์ 2550
3
สารบัญ
เรื/อง หน้า
คํานํา 2
สารบัญ 3
สารบัญตาราง 5
สารบัญภาพ 6
บทที/ 1 โครงสร้างและขัน* ตอน 8
บทที/ 2 การพันขดลวด 19
บทที/ 3 การโอเวอร์ฮอล 40
รายการอ้างอิง 56
ภาคผนวก 57
ก แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ 58
ก.1 แบบฟอร์มบันทึกผลการตรวจคุณภาพมอเตอร์ 61
ก.2 แบบฟอร์มการพันขดลวด 62
ก.3 แบบฟอร์มการทดสอบแกนเหล็ก 63
ข เกณฑ์การทดสอบค่าทางไฟฟ้ า 64
ข.1 การตรวจสอบและทดสอลหลังถอด 64
ข.2 การเทสรัน 65
ข.3 เกณฑ์การทดสอบความสัน/ สะเทือน 66
ข.4 กรณีพนั ขดลวดใหม่ 67
ข.5 เกณฑ์การทดสอบค่าฉนวนกรณี โอเวอร์ฮอล 68
ข.6 กรณีโอเวอร์ฮอล 69
ข.7 เกณฑ์การทดสอบทางไฟฟ้ าก่อนประกอบ 70
ค.วิธกี ารวัดค่าทางไฟฟ้ า 71
ค.1 การวัด POWER FACTOR 71
ค.2 การวัดกระแสไฟฟ้ า 74
ค.3 การวัดแรงดันไฟฟ้ า 75
ค.4 การวัดความต้านทานฉนวน 76
4
ค.5 การวัดค่า PI 78
ค.6 การเปรียบเทียบเสิรจ์ 80
ค.7 การทดสอบศักย์สูงกระแสตรง 86
ค.8 วิธที ดสอบค่าความต้านทานฉนวน 88
ค.9 วิธกี ารวัดกระแสไฟฟ้ าโดยใช้ CLAMP METER 90
5
สารบัญตาราง
ข.1 แรงดันทดสอบหลังถอด 64
ข.2 แรงดันทดสอบก่อนเทสรัน 65
ข.3.1 เกณฑ์การวัดเสียงแบริ/ง 66
ข.3.2 เกณฑ์การวัดความสัน/ สะเทือน 66
ข.4 เกณฑ์การทดสอบกรณีพนั ขดลวดใหม่ 67
ข.5 เกณฑ์การทดสอบค่าฉนวนกรณี โอเวอร์ฮอล 68
ข.6 เกณฑ์การพิจารณากรณีโอเวอร์ฮอล 69
ข.7 แรงดันทดสอบก่อนประกอบ 70
ค.4 เกณฑ์ค่าความต้านทานฉนวน 76
ค.5.1 แรงดันทดสอบในการวัดค่า PI 79
ค.5.2 เกณฑ์การทดสอบค่า PI 79
ค.6 แสดงฟังก์ชนั ในการทดสอบเสิรจ์ 81
ค.8 พิกดั แรงดันในการทดสอบความต้านทานฉนวน 89
6
สารบัญภาพ
1.1 แผนผังการซ่อมทํามอเตอร์ 9
1.2 พื*นทีป/ ฏิบตั งิ านในโรงงาน 10
1.3 การเทสรัน 12
1.4 การวัดระยะห่างระหว่างดรเตอร์และเฮาส์ซง/ิ 14
2.1 ขัน* ตอนการพันขดลวดใหม่ 19
2.2 บริเวณทีพ/ นั ขดลวดและทดสอบ 21
2.3 การรื*อขดลวด 21
2.4 วงจรการทดสอบแกนเหล็ก 22
2.5 การวัดอุณหภูมบิ นแกนเหล็ก 23
2.6 การทดสอบแกนเหล็ก 23
2.7 การซ่อมและทดสอบแกนเหล็ก 23
2.8 การพ่นวานิชแดง 25
2.9 ลักษณะของขดลวดใหม่ 25
2.10 การลงขดลวดใหม่ 26
2.11 การทดสอบค่าทางไฟฟ้ า 26
2.12 การอบไล่ความชื*น 27
2.13 การจุ่มแช่วานิช 28
2.14 การหา BALANCE 30
2.15 การประกอบโรเตอร์และสเตเตอร์ 32
2.16 การทดสอบขัน* สุดท้าย 34
2.17 การทดสอบที/ NO LOAD 35
2.18 การทําสีและบรรจุ 37
2.19 การส่งมอบ 38
3.1 ขัน* ตอนการโอเวอร์ฮอล 40
3.2 การวัดระยะห่างระหว่างดรเตอร์และเฮาส์ซง/ิ 41
3.3 การล้างทําความสะอาด 43
3.4 การอบแห้ง 44
3.5 การจุ่มแช่วานิช 45
7
บทที 1
โครงสร้างและขัน% ตอน
1. รับมอเตอร์
วัตถุประสงค์
เพือ/ รับมอเตอร์เข้าซ่อมทําตามใบสัง/ งาน
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
-
วิธีการปฏิบตั งิ าน
1.1 นํามอเตอร์ทจ/ี ะดําเนินการซ่อมทําไปไว้ในบริเวณทีจ/ ดั เตรียม ดังรูปที/ 1.2
1.2 จัดวางมอเตอร์ให้สามารถตรวจสอบสภาพทางกายภาพได้
1.3 มอบหมายงานให้ช่างหรือผูร้ บั ผิดชอบในการดําเนินการ
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
11
2. ตรวจสอบสภาพทางกายภาพ
วัตถุประสงค์
เพือ/ ทําการตรวจสอบสภาพทางกายภาพหรือชิ*นส่วนอุปกรณ์ของมอเตอร์ในบริเวณทีร/ บั เข้า ก่อนทีจ/ ะทําการถอดแยก
ชิ*นหรือเทสรันต่อไป
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, เวอร์เนีย, ฟุตเหล็กหรือกล้องถ่ายรูป
วิธีการปฏิบตั งิ าน
2.1 ตรวจสอบใบสัง/ งานว่าถูกต้องและระบุชดั เจนตรงกับมอเตอร์ จากนัน* จดเนมเพลทและรายละเอียดต่างๆ
ของมอเตอร์
2.2 ตรวจสอบสภาพและลักษณะโดยทัว/ ไปหากมีช* ินส่วนทีซ/ บั ซ้อนควรถ่ายรูปแนบกับแบบฟอร์ม
2.3 วัดและบันทึกตําแหน่งของคัปปลิ*ง, มูเลย์หรือเฟื อง เทียบกับตําแหน่งปลายเพลา (เช่น เสมอเพลา เพลา
ลึก 5.2 mm เพลาโผล่ 2.5 mm เป็ นต้น)
2.4 ตรวจสอบสภาพชิ*นส่วนต่างๆของมอเตอร์ว่ามีการแตกหัก, ชํารุด หรือเสียหายหรือไม่ อย่างไร หากมี
ชิ*นส่วนทีเ/ สียหายบรรยายได้ไม่ชดั เจนอาจถ่ายรูป แล้วแนบกับใบงานเพือ/ อ้างอิงต่อไป
2.5 บันทึกผลการตรวจสอบสภาพทางกายภาพทัง* หมด ลงในแบบฟอร์ม
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
3. การเทสรัน
วัตถุประสงค์
เพือ/ ทําการทดสอบสภาพมอเตอร์ในขณะรัน เพือ/ ประเมินสภาพทัง* ทางด้านไฟฟ้ าและทางกล ก่อนการถอดแยกชิ*น
สําหรับมอเตอร์ทไ/ี ม่แน่ใจ และต้องการทราบว่ามีความผิดปกติอย่างหนึ/งอย่างใดหรือไม่ เช่น มอเตอร์สนั / หรือมีเสียง
ผิดปกติเป็ นต้น การทดสอบนี*จะทําเมือ/ เห็นว่าเหมาะสมและมอเตอร์ตอ้ งอยู่ในสภาพทีส/ ามารถจะทําการเทสรันได้
เท่านัน*
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
โวลท์มเิ ตอร์, แอมมิเตอร์, มัลติมเิ ตอร์, เมกเกอร์ , มิลลิโอห์มมิเตอร์ , เครื/องเสิรจ์ , เครื/องวัดรอบ,เครื/องวัดความ
สัน/ /เสียงแบริ/ง, เทอร์โมมิเตอร์ และหูฟงั เสียงแบริ/ง
12
4. การถอดแยกชิ%น
วัตถุประสงค์
เพือ/ ทําจัดทําแนวทางในการถอดมอเตอร์แยกชิ*นส่วน รวมทัง* การมาร์คและระบุช* นิ ส่วนต่างๆ เพือ/ ช่วยเป็ นข้อมูลใน
การประกอบกลับคืนและการตรวจสอบหลังจากได้มอเตอร์แล้ว ขัน* ตอนต่างๆนี*เป็ นขัน* ตอนพื*นฐานสําหรับมอเตอร์ทม/ี ี
โครงสร้างมาตรฐานทัว/ ไปเท่านัน* หากมอเตอร์ทม/ี โี ครงสร้างพิเศษ ซับซ้อนควรจะใช้ทกั ษะและความชํานาญในการถอด
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, เวอร์เนีย, ฟุตเหล็ก, ฟิ ล เลอร์เกจ, เทเปอร์เกจ, พลาสติกเกจ, เมกเกอร์, ไดอัลเกจ
วิธีการปฏิบตั งิ าน
4.1 ก่อนถอดตรวจสอบดูว่ามอเตอร์ได้ทาํ การเทสรันเป็ นทีเ/ รียบร้อยแล้ว (กรณี ทจ/ี าํ เป็ นต้องเทสรันก่อน)
4.2 มาร์คตําแหน่งคู่ประกอบ (Match Mark) บนชิ*นสวนคู่ประกอบต่าง ๆ เช่น ฝามอเตอร์กบั เฟรม, ฝา
ประกับแบริ/งกับฝามอเตอร์, เทอร์มนิ อลบอร์ด กับเฟรม และ ฝาปิ ดต่าง ๆ เป็ นต้นเพือ/ ให้แน่ใจว่าเมือ/ ประกอบส่งคืน
แล้วจะได้ตาํ แหน่งเดิม
4.3 กรณีสลีฟแบริ/ง
•ให้ถ่ายนํา* มันออกจากอ่าง ตรวจดูสภาพนํา* มันแล้วบันทึกผล
•วัดระยะเคลียร์แรนซ์ของแบริ/ง และ ข้อมูลในส่วนแบริ/งทัง* สองด้านแล้วบันทึกผล
•วัดระยะช่องว่างระหว่าง สเตเตอร์ กับ โรเตอร์ (Air Gap) ทัง* สองด้าน ดังรูปที/ 1.4 (ถ้าโครงสร้าง
มอเตอร์มชี ่องว่างให้วดั ได้) แล้วบันทึกผล
14
5. การตรวจสอบและทดสอบสภาพหลังถอด
วัตถุประสงค์
เพือ/ ทําการตรวจสอบและทดสอบสภาพมอเตอร์ทงั* ทางกลและไฟฟ้ าหลังจากได้ถอดแยกชิ*นแล้ว รวมทัง* ประเมินสภาพ
และกําหนดขอบเขตของงานทีจ/ าํ เป็ นต้องดําเนินการซ่อม
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
เวอร์เนีย, ไมโครมิเตอร์วดั นอก/ใน, ไดอัลเกจ, สายตา,เมกเกอร์, มิลลิโอห์มมิเตอร์, เครื/องเสิรจ์ , มัลติมเิ ตอร์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
การตรวจสอบทางกล
5.1 ก่อนการตรวจสอบต้องทําความสะอาดผิวงานทีจ/ ะตรวจสอบ
5.2 ตรวจสอบและบันทึกสภาพของชิ*นส่วนต่าง ๆ เพือ/ ตรวจดูความเสียหาย สึกหรอ และความผิดปกติ
ของชิ*นงานด้วยสายตาเบื*องต้น
สเตเตอร์
• ตัวเฟรมมอเตอร์
• แกนเหล็กและลิม/ รองสล๊อต
• ฝามอเตอร์และเบ้าแบริ/ง
• ฝาปะกับแบริ/งนอก / ใน และหัวอัดจารบี
• ฝาครอบคอยล์ (ถ้ามี)
โรเตอร์และเพลา
• บาร์และเอ็นริง
• แบนดิง, ตัวยึดล็อคต่างๆ
• ผิวชาฟและร่องลิม/
• ผิวคอมมิวหรือสลิปริง
แบริงและชิ%นส่วน
• เบอร์แบริ/งและชนิดรัง
• ชีลต่าง ๆ ยางกันฝุ่น
• ปลอก / จานกันจารบี
• แหวนล๊อคสปริงฟรีโหลด
• กันรุน
16
• ร่องรอยการหล่อลืน/ ทีพ/ บ
• ปริมาณจารบีนาํ* มันทีพ/ บ
ชุดซองถ่านและแปรงถ่าน (กรณี ดีซี และสลิปริงมอเตอร์)
• ตรวจดูสภาพความสมบูรณ์และร่องรอยการอาร์ค
• แปรงถ่านและสายลีดส์แปรงถ่าน
• ซองถ่านและสปริงกดถ่าน
• แขนซองถ่าน (Brush Ringing)
5.3 ตรวจดูความฟิ ตของชิ*นส่วนประกอบที/สาํ คัญ โดยการวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเบ้าแบริ/งทัง* 2 ด้าน
• กรณี สลีฟแบริ/ง วัดความโตรูในของแบริ/ง (Bore ID)
• รูคปั ปลิง, มูเลย์, เฟื อง
• ผิวชาฟบริเวณแบริ/ง
• ผิวชาฟบริเวณคัปปลิง
5.4 กรณีท/ไี ม่สามารถวัดค่ารันเอาท์ (Run-Out) ของเพลาบนตัวมอเตอร์ได้ ให้ทาํ การวัดบนแท่นบาลานซ์
แทน โดยใช้ตาํ แหน่งรองรับทีเ/ หมาะสมและผิวกลมเรียบ
5.5 บันทึกผลการตรวจสอบ
การตรวจสอบทางไฟฟ้ า
5.6 หลังจากถอดแยกชิ*นให้ตรวจสอบสภาพด้วยสายตา เพือ/ ประเมินสภาพขดลวด แกนเหล็ก และชิ*นส่วน
อื/นๆทีเ/ กี/ยวกับไฟฟ้ าดังนี*
• ขดลวด ตรวจสอบสภาพความเสียหายลักษณะตําแหน่ง และขนาดของจุดช็อต ร่องรอย
ความผิดปกติทวั / ไป
• แกนเหล็ก ตรวจดูร่องรอยการเสียดสี รอยช็อตทีแ/ กนเหล็ก สีแกนเหล็กทีอ/ าจเปลีย/ น
เนื/องจากความร้อน, แกนเหล็กเคลือ/ นจากจุดเดิมหรือไม่
• โรเตอร์ ตรวจสอบขดลวด / โรเตอร์บาร์ , เอ็นริง ดูสภาพรอยเชื/อม มีรอยแตกร้าว ขาด
หรือหลวม
• สายลีดส์ ตรวจสอบความเป็ นฉนวนของสายลีดส์
• อุปกรณ์อนๆ ื เช่น ถ่าน แปรงถ่าน, สลิปริง , คอมมิว ดูสภาพความเสียหาย หรือความ
ผิดปกติอ/นื ๆ
• บันทึกผลการการตรวจสอบ
5.7 การทดสอบขดลวดด้วยการวัดค่าต่าง ๆดังนี*
• ความต้านทานขดลวด (Widing Resistance) ขดลวดทุกชุด
• ความต้านทานฉนวน (Megger) ขดลวดทุกชุด
• ทดสอบเสิรจ์ (Surge Test)
• บันทึกผลการทดสอบ
17
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
เอกสารในภาคผนวก ข.1
18
สรุป
โอเวอร์ฮอล
พันขดลวดใหม่
• กรณีเทสรันได้
• กรณีเทสรันไม่ได้
สําหรับการพันขดลวดใหม่และโอเวอร์ฮอลจะกล่าวถึงในบทต่อไป
19
บทที 2
การพันขดลวด
ในบททีผ/ ่านมาเราได้กล่าวถึงโครงสร้างและขัน* ตอนการซ่อมทํามอเตอร์ โดยแยกเป็ นการโอเวอร์ฮอลและการพัน
ขดลวดใหม่ ซึง/ มีเกณฑ์และมาตรฐานในการกําหนดหรือแยกว่ามอเตอร์ตวั นัน* ๆจะรับการซ่อมทําแบบใด ในบทนี*จะ
กล่าวถึงขัน* ตอนการพันขดลวดใหม่ ซึง/ เกิดจากขดลวดเดิมไหม้เสียหาย หรือขดลวดไม่อยู่ในสภาพทีจ/ ะใช้งานได้ เช่น
สภาพฉนวนตํา/ กว่าเกณฑ์ท/กี าํ หนด ดังนัน* เราจะต้องทําการเปลีย/ นและพันขดลวดใหม่ โดยมีขนั* ตอนดังรูปที/ 2.1
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
25
2.4 การพันขดลวดและทดสอบ
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางสําหรับการพันขดลวดใหม่และทดสอบเบื*องต้นก่อนนําขดลวดไปเคลือบวานิช
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
ขดลวด, โวลท์มเิ ตอร์, แอมมิเตอร์, มัลติมเิ ตอร์, เมกเกอร์ ,มิลลิโอห์มมิเตอร์ ,เครื/องเสิรจ์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
2.8.3 เมือ/ ได้ค่า Balancing speed และ grade ทีใ/ ช้บาลานซ์ นําค่าทีไ/ ด้ไปหาค่า Max Permissible
unbalance weight จากกราฟ standard ทีใ/ ช้ Balancing และคํานวณหานํา* หนัก Unbalance สูงสุดทีย/ อมรับได้
(Max Permissible unbalance weight) ทัง* สองด้าน
2.8.4 ทําการตรวจเช็คหน้าสัมผัสของเพลา ตําแหน่งทีจ/ ะวางบนแท่น balance มี 2 กรณี
•ใช้ตาํ แหน่งแบริ/งของเพลาทัง* สองด้านต้องทําการใส่แบริ/งในตําแหน่งเดิมก่อนนําขึ*นแท่น Balance
•ใช้ตาํ แหน่งฝาปะกับหรือตําแหน่งอื/นที/เห็นว่าเหมาะสมให้เช็คหน้าสัมผัสด้วยสายตาและการสัมผัส
ถ้าหน้าสัมผัสไม่เรียบให้ทาํ การปรับแต่งให้เรียบโดยการใช้กระดาษทรายเบอร์ 150
2.8.5 ถ้าโรเตอร์มใี บพัด, คัปปลิ*ง, เกียร์, มูเลย์ ให้ประกอบเข้ากับเพลาในตําแหน่งเดิมก่อนทําการ Balance
กรณี ทไ/ี ม่มี คัปปลิ*ง, เกียร์, มูเลย์ ติดมาให้ตดั เหล็กใส่ร่องลิม/ ให้เสมอกับความสูงของร่องลิม/
2.8.6 ตรวจเช็คความโตของตําแหน่งทีจ/ ะวางโรเตอร์บนแท่น Balance และเช็คระยะห่างตําแหน่งทีจ/ ะวางโร
เตอร์บนแท่น Balance เพือ/ ปรับตําแหน่งแท่นให้สามารถวางโรเตอร์ได้พอดี
2.8.7 เมือ/ นําโรเตอร์ข* นึ แท่น Balance เรียบร้อยแล้ว ให้ทาํ การยึดโรเตอร์ติดกับเพลาของเครื/อง Balance
และเช็คระยะ A, B, C และรัศมี R1, R2 แล้วบันทึกผล
31
2.8.8 เช็คค่า Run Out ของเพลาที/ตาํ แหน่งต่างๆบันทึกค่าในฟอร์ม
2.8.9 ทําการเดินเครื/อง Balance และอ่านค่านํา* หนัก Unbalance เริ/มต้นและมุมทัง* 2 ด้าน
2.8.10 ทําการใส่หรือเอานํา* หนักออกตามทีร/ ะบุจากเครื/อง กรณีใส่นาํ* หนักควรยึดให้แข็งแรง
2.8.11 เดินเครื/อง Balance เพือ/ หาค่านํา* หนัก Unbalance และใส่หรือนํานํา* หนักออกจนกว่าค่าจะอยู่ใน
เกณฑ์มาตรฐาน
2.8.12 บันทึกผลการ Balance ตามแบบฟอร์มในภาคผนวก ก.2
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
2.9 การตรวจสอบและทดสอบก่อนประกอบ
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางในการตรวจสอบและทดสอบขดลวดรวมทัง* ชิ*นส่วนต่างๆหลังจากทีซ/ ่อมแล้วก่อนการประกอบ
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
เมกเกอร์, เครื/องเสิรจ์ , ไมโครมิเตอร์วดั นอกวัดใน, เวอร์เนีย, มัลติมเิ ตอร์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
การตรวจสอบทางกล
2.9.1 ตรวจสอบความเรียบร้อยของชิ*นส่วนต่างๆ เช่น ขดลวด ,แกนเหล็ก, วานิช ,ลิม/ , สายลีดส์, ตัววัด
อุณหภูม,ิ โรเตอร์, นํา* หนักทีใ/ ส่บาลานซ์ ,ผิวเพลา, สลิปริง ,คอมมิวเตเตอร์, แบริ/ง และชิ*นส่วนประกอบอื/นๆ
2.9.2 ตรวจวัดขนาดของเพลาบริเวณแบริ/ง เบ้าแบริ/ง ปลายเพลา
2.9.3 ตรวจสอบเบอร์แบริ/งใหม่ว่าถูกต้อง และตรวจสอสภาพว่าหมุนคล่องไม่มรี อยสนิม
2.9.4 บันทึกผล
การตรวจสอบทางไฟฟ้ า
2.9.5 วัดค่าเมกเกอร์ของขดลวด ซองถ่าน ก่อนประกอบ เกณฑ์ตามภาคผนวก ข.7
2.9.6 กรณี ดีซมี อเตอร์ให้เสิรจ์ เทส อาร์เมเจอร์ก่อนการประกอบ
2.9.7 ตรวจสอบฮีทเตอร์ตวั วัดอุณหภูมติ ่างๆ
2.9.8 บันทึกผล
32
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
เอกสารในภาคผนวก ข.7
2.10 ประกอบมอเตอร์
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางการประกอบมอเตอร์ลงั จากผ่านการตรวจและทดสอบแล้ว
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, ฟุตเหล็ก, เวอร์เนีย, ฟิ ลเลอร์เกจ, เทเปอร์เกจ, พลาสติกเกจ, เมกเกอร์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
วิธีการปฏิบตั งิ าน
2.11.1 ตรวจสอบทางกายภาพว่ามอเตอร์สามารถหมุนได้คล่องไม่ตดิ ขัด สภาพทัว/ ไปเรียบร้อย ทัง* ภายใน
ช่องคอมมิวเตเตอร์หรือสลิปริง
2.11.2 ตรวจสอบดูว่ามีการหล่อลืน/ แบริ/งด้วยจารบีหรือนํา* มันเพียงพอหรือไม่
2.11.3 ทําการทดสอบขดลวดดังรูปที/ 2.16 ดังนี*
•ทดสอบความต้านทานขดลวด ( Winding Resistance )
•ค่าความต้านทานฉนวน ( Insulation Resistance )
•ทดสอบการเสิรจ์ ( Surge Test )
2.11.4 ทดสอบอุปกรณ์อ/นื ๆที/ตดิ มากับมอเตอร์
•ตัววัดอุณหภูมขิ ดลวด ให้ทาํ การทดสอบค่าความต้านทานและค่าความเป็ นฉนวน
•ฮีทเตอร์ ให้ทาํ การทดสอบค่าความต้านทานและค่าความเป็ นฉนวน
• ตัววัดอุณหภูมแิ บริ/งให้ทดสอบค่าความต้านทาน
•ไดโอด (กรณีเป็ น Generator) ให้ทดสอบการนําไฟฟ้ าและขัว* ของไดโอด
2.11.5 เมือ/ การทดสอบขัน* ต้นผ่านเป็ นทีน/ ่าพอใจจึงเริ/มทําการเทสรัน โดยต่อสายไฟจากแหล่งจ่าย ให้
ถูกต้องตามชนิดของมอเตอร์ติดแผ่นสะท้อนเพือ/ วัดความเร็วรอบทีเ/ พลาของมอเตอร์
2.11.6 เริ/มจ่ายไฟเพื/อให้มอเตอร์เริ/มหมุนที/ความเร็วรอบตํา/ ๆก่อน
•สังเกตเสียง เมือ/ มอเตอร์เริ/มหมุนต้องไม่มเี สียงดังผิดปกติ
•ตรวจสอบกระแสให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและสมดุล
•หากมีเสียงผิดปกติหรือกระแสสูงหรือตํา/ ผิดปกติให้หยุดเดินเครื/องทันที
2.11.7 ถ้าหากผลการหมุนทีค/ วามเร็วรอบตํา/ เป็ นทีน/ ่าพอใจ
•กรณี แบริ/ง NU :ให้รนั ทีร/ อบตํา/ ทิ*งไว้ประมาณ 10 นาที
•กรณีสลีฟแบริ/ง: ให้สงั เกตแหวนวักนํา* มันว่าหมุนได้อสิ ระและวักนํา* มันมาหล่อลืน/ แบริ/งได้ปกติ
2.11.8 เพิม/ แรงดันที/จ่ายจนแรงดันพิกดั (ถ้าทําได้) ตรวจสอบการทํางานของขดลวดว่าปกติหรือไม่
2.11.9 หากพบว่าผิดปกติให้หยุดเดินเครื/องทันที
36
2.11.10 กรณีมอเตอร์ตวั ใหญ่ ให้ตรวจสอบกระแสและพิกดั ของแหล่งจ่ายไฟไม่ควรเกิน 80% ของ
พิกดั แหล่งจ่ายไฟ
2.11.11 เพิม/ แรงดันจนจนความเร็วรอบคงทีว/ ดั ค่าแรงดัน กระแส ความเร็วรอบ ความสัน/ สะเทือน เสียง
แบริ/ง (กรณีบอลและโรลเลอร์แบริ/ง) อุณหภูมขิ องแบริ/งและเฟรม
2.11.12 ประเมินผลจากค่าทีว/ ดั ได้
2.11.13 สําหรับ AC 3 เฟส ปกติไม่มเี กณฑ์ทแ/ี น่นอนขึ*นอยู่กบั ขนาด จํานวนโพล (Pole) และชนิดการใช้
งานของมอเตอร์
2.11.14 เปอร์เซนต์ของกระแส Unbalance ของ AC 3 เฟส ทีโ/ นโหลดไม่เกิน 10% ของค่าเฉลีย/
2.11.15 ระดับความสัน/ สะเทือน ใช้เกณฑ์ในภาคผนวก ก.3
2.11.16 เสียงของแบริ/งสําหรับกรณี แบริ/งบอลและโรลเลอร์ และแบริ/งใหม่มคี ่าความเร็วพิกดั
-DBc < 10 (DBN)
-DBM < 10(DBN)
2.11.17 อุณหภูมขิ องแบริ/งสําหรับมอเตอร์ทวั / ๆไปไม่ควรเกิน 10°C
2.11.18 ระยะเวลาการเทสรันในเกณฑ์เบื*องต้นดังนี*
2.11.19 สลีฟแบริ/ง ระยะเวลาในการทดลอง > 1 ชัง/ โมง
2.11.20 บอลหรือโรเลอร์แบริ/ง ระยะเวลาในการทดลอง > 15-30 นาที (ตามขนาดของมอเตอร์)
2.11.21 มอเตอร์ ระยะเวลาในการทดลอง 5-10 นาที
2.11.22 บันทึกผล
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
เอกสารในภาคผนวก ข.4
2.12 การทําสี
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางการทําสีบนตัวมอเตอร์หลังจากที/ได้ทาํ การซ่อมเสร็จแล้ว
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สี
วิธีการปฏิบตั งิ าน
2.12.1 ตรวจสอบว่าสีทจ/ี ะใช้เป็ นสีเดิมหรือสีทต/ี อ้ งการหรือไม่
2.12.2 จัดเตรียมสี เครื/องมือและอุปกรณ์ทจ/ี าํ เป็ นต้องใช้ในการทําสี
37
2.12.3 เตรียมผิวชิ*นงานเพือ/ ขจัดผิวมอเตอร์ทไ/ี ม่เรียบ และคราบจารบีหรือนํา* มันออก
2.12.4 ป้ องกันชิ*นส่วนทีไ/ ม่ตอ้ งการให้สี พ่นทับ
• ผิวเพลา
• กระจกใส, พลาสติกใสตาแมว (Sight glass), ทีด/ ูระดับนํา* มัน
• หัวอัดจารบี
• ชื/อหรือเบอร์เครื/องจักรทีต/ ดิ อยู่บนมอเตอร์
• คัปปลิ*ง ,มูเลย์ (ยกเว้นบริเวณทีม/ สี เี ดิมอยู่แล้ว) , ลูกยาง
• จุดสําหรับต่อสายกราวด์ (ถ้ามี)
• น็อตสําหรับปรับระดับอะไลเมนท์
• จุดอื/นๆทีเ/ ห็นสมควร
2.12.5 ผสมสีกบั ทินเนอร์ในอัตราส่วนทีเ/ หมาะสมและวางหรือแขวนชิ*นงานเพือ/ ความสะดวกในการพ่นสี
2.12.6 ทําการพ่นสีลงบนชิ*นงานให้ละอองสีกระจายสมํา/ เสมอจนกระทัง/ สีจบั ทัว/ ถึง (ขณะพ่นสีให้เปิ ดเครื/องดูด
ละอองสีดว้ ย)
2.12.7 ตรวจสอบความเรียบร้อยและทัว/ ถึงของสีทพ/ี ่นอีกครัง*
2.12.8 ลอกกระดาษทีต/ ิดในข้อ 2.12.4 ออกจากชิ*นงาน
2.12.9 เก็บความเรียบร้อยของงานและนําป้ ายและนําป้ ายระบุเลขทีง/ านติดทีต/ วั มอเตอร์
2.12.10 นํามอเตอร์ไปตัง* บริเวณทีจ/ ดั ไว้เพือ/ รอให้สแี ห้ง และรอตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งงาน
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทุกตัวทีซ/ ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
39
สรุป
บทที 3
การโอเวอร์ฮอล
ในบทนี*จะกล่าวถึงขัน* ตอนการโอเวอร์ฮอล ซึง/ เป็ นขัน* ตอนที/ต่อเนื/องจากบทที/ 1 นัน/ คือ มอเตอร์ทจ/ี ะทําโอเวอร์ฮอลนัน*
ขดลวดยังอยู่ในสภาพที/ใช้งานได้ดี กล่าวคือค่าความต้านทานฉนวนอยู่ในเกณฑ์ทก/ี าํ หนด โดยมี ขัน* ตอนในการซ่อม
ทําดังรูปที/ 3.1 มีรายละเอียดดังนี*
3.1 รับมอเตอร์และถอดมอเตอร์แยกชิ%น
วัตถุประสงค์
เพือ/ ทําการรับมอเตอร์เข้าทําการโอเวอร์ฮอลในบริเวณทีจ/ ดั เตรียมไว้ และจัดทําแนวทางในการถอดมอเตอร์แยกชิ*น
รวมทัง* การมาร์คและระบุช* ินส่วนต่างๆ เพือ/ ช่วยเป็ นข้อมูลในการประกอบกลับคืนและการตรวจสอบหลังจากได้
มอเตอร์แล้ว ขัน* ตอนต่างๆนี*เป็ นขัน* ตอนพื*นฐานสําหรับมอเตอร์ทม/ี โี ครงสร้างมาตรฐานทัว/ ไปเท่านัน* หากมอเตอร์ทม/ี ี
โครงสร้างพิเศษ ซับซ้อน ควรจะใช้ทกั ษะและความชํานาญในการถอด
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, เวอร์เนีย, ฟุตเหล็ก, ฟิ ลเลอร์เกจ, เทเปอร์เกจ, พลาสติกเกจ, เมกเกอร์, ไดอัลเกจ
วิธีการปฏิบตั งิ าน
3.1.1 นํามอเตอร์ทจ/ี ะทําการโอเวอร์ฮอลไปไว้ในบริเวณทีจ/ ดั เตรียมไว้
3.1.2 จัดวางมอเตอร์ให้สามารถดําเนินการได้อย่างสะดวก
3.1.3 มอบหมายงานให้ช่างหรือผูท้ เ/ี กี/ยวข้องดําเนินการต่อไป
3.1.4 ก่อนถอดตรวจสอบดูว่ามอเตอร์ได้ทาํ การเทสรันเป็ นทีเ/ รียบร้อยแล้ว
3.1.5 มาร์คตําแหน่งคู่ประกอบ (Match Mark) บนชิ*นสวนคู่ประกอบต่างๆ เช่นฝามอเตอร์กบั เฟรม,
ฝาประกับแบริ/งกับฝามอเตอร์, เทอร์มนิ อลบอร์ดกับเฟรมและ ฝาปิ ดต่าง ๆ เป็ นต้นเพือ/ ให้แน่ใจว่าเมือ/ ประกอบส่งคืน
แล้วจะได้ตาํ แหน่งเดิม
3.1.6 กรณีสลีฟแบริ/ง
•ให้ถ่ายนํา* มันออกจากอ่าง ตรวจดูสภาพนํา* มันแล้วบันทึกผล
•วัดระยะเคลียร์แรนซ์ของแบริ/ง และ ข้อมูลในส่วนแบริ/งทัง* สองด้านแล้วบันทึกผล
•วัดระยะช่องว่างระหว่าง สเตเตอร์ กับ โรเตอร์ (Air Gap) ทัง* สองด้านถ้าโครงสร้างมอเตอร์มี
ช่องว่างให้วดั ได้ แล้วบันทึกผล
3.2 ล้างทําความสะอาดและอบแห้ง
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางการล้างทําความสะอาดขดลวด ชิ*นส่วนอะไหล่ สําหรับมอเตอร์ท/ที าํ การโอเวอร์ฮอล ตลอดจนการ
อบแห้งหลังจากล้างทําความสะอาด
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
แปรงขัด, นํา* , สารซักฟอก, เตาอบ
วิธีการปฏิบตั งิ าน
3.3 การเคลือบวานิ ช
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางสําหรับการเคลือบวานิชด้วยการจุ่มแช่ หลังจากทีอ/ บแห้งแล้ว
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, เมกเกอร์, เทอร์โมมิเตอร์, ถังแช่วานิช
วิธีการปฏิบตั งิ าน
หลังจากทีอ/ บมอเตอร์เพือ/ ไล่ความชื*นและปล่อยให้เย็นตัวลงแล้วให้วดั ค่าเมกเกอร์
การเคลือบวานิ ชด้วยการจุ่มแช่ (DIP)
3.3.1 ทําการปิ ดหรือป้ องกันชิ*นส่วนที/ไม่ตอ้ งการให้สมั ผัสวานิช เช่น สายลีดส์ ,หลักเทอร์มนิ อล ,เนมเพลท
3.3.2 ยกและเคลือ/ นย้ายมอเตอร์โดยใช้สลิงและสเก็นทีม/ ขี นาดเหมาะสมและปลอดภัย ดังรูปที/ 3.5
3.3.3 นํามอเตอร์ลงจุ่มแช่ในถังวานิชให้นาํ* ยาท่วมส่วนทีเ/ ป็ นขดลวด
3.3.4 แช่ท* งิ ไว้จนกว่าฟองอากาศจะหมด
3.3.5 หากระดับวานิชไม่ท่วมขดลวดทัง* หมดให้ทาํ การพลิกกลับด้านมอเตอร์ หรือหมุนโรเตอร์ให้ส่วนทีย/ งั ไม่
สัมผัสวานิชอยู่ดา้ นล่าง
3.3.6 นํามอเตอร์ข*นึ จากถังวานิช
3.3.7 ล้างคราบวานิชในส่วนทีไ/ ม่ตอ้ งการให้วานิชแห้งติดกันด้วย ไซลีน เช่น สายลีดส์ เนมเพลท ผิวเพลา
บริเวณแบริ/ง บริเวณฉนวน สลิปริง เป็ นต้น
3.5 หาสมดุลโรเตอร์และเปลียนแบริง
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางการหาสมดุลโรเตอร์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึง/ จะมีผลต่อระดับความสัน/ สะเทือนของมอเตอร์
ขณะใช้งาน
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, ฟุตเหล็ก, ตลับเมตร, เวอร์เนีย, ไดอัลเกจ, เครื/องชัง/ นํา* หนัก, ชุดควบคุมและแสดงผลการบาลานซ์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
3.5.1 ตรวจสอบรายละเอียดของโรเตอร์แล้วบันทึกในแบบฟอร์ม
3.5.2 ตรวจสอบค่า Rotor Approx weight, Service speed, Balancing speed และพิกดั มาตรฐานในการ
บาลานซ์ พร้อมสเก็ตช์ภาพโรเตอร์
3.5.3 เมือ/ ได้ค่า Balancing speed และ grade ที/ใช้บาลานซ์ นําค่าทีไ/ ด้ไปหาค่า Max Permissible
unbalance weight จากกราฟ standard ทีใ/ ช้ Balancing และคํานวณหานํา* หนัก Unbalance สูงสุดทีย/ อมรับได้
(Max Permissible unbalance weight) ทัง* สองด้าน
3.5.4 ทําการตรวจเช็คหน้าสัมผัสของเพลา ตําแหน่งที/จะวางบนแท่น balance มี 2 กรณี
•ใช้ตาํ แหน่งแบริ/งของเพลาทัง* สองด้านต้องทําการใส่แบริ/งในตําแหน่งเดิมก่อนนําขึ*นแท่น Balance
•ใช้ตาํ แหน่งฝาปะกับหรือตําแหน่งอื/นที/เห็นว่าเหมาะสม ให้เช็คหน้าสัมผัสด้วยสายตาและการสัมผัส
ถ้าหน้าสัมผัสไม่เรียบให้ทาํ การปรับแต่งให้เรียบโดยการใช้กระดาษทรายเบอร์ 150
3.5.5 ถ้าโรเตอร์มใี บพัด, คัปปลิ*ง, เกียร์, มูเลย์ ให้ประกอบเข้ากับเพลาในตําแหน่งเดิมก่อนทําการ Balance
กรณี ทไ/ี ม่มี คัปปลิ*ง, เกียร์, มูเลย์ ติดมาให้ตดั เหล็กใส่ร่องลิม/ ให้เสมอกับความสูงของร่องลิม/
3.5.6 ตรวจเช็คความโตของตําแหน่งทีจ/ ะวางโรเตอร์บนแท่น Balance และเช็คระยะห่างตําแหน่งทีจ/ ะวาง
ดรเตอร์บนแท่น Balance เพือ/ ปรับตําแหน่งแท่นให้สามารถวางโรเตอร์ได้พอดี
48
3.5.7 เมือ/ นําโรเตอร์ข*นึ แท่น Balance เรียบร้อยแล้ว ให้ทาํ การยึดโรเตอร์ตดิ กับเพลาของเครื/อง
Balance และเช็คระยะ A, B, C และรัศมี R1, R2 แล้วบันทึกผล
3.5.8 เช็คค่า Run Out ของเพลาทีต/ าํ แหน่งต่างๆบันทึกค่าในฟอร์ม
3.5.9 ทําการเดินเครื/อง Balance และอ่านค่านํา* หนัก Unbalance เริ/มต้นและมุมทัง* 2 ด้าน
3.5.10 ทําการใส่หรือเอานํา* หนักออกตามทีร/ ะบุจากเครื/อง กรณีใส่นาํ* หนักควรยึดให้แข็งแรง
3.5.11 เดินเครื/อง Balance เพือ/ หาค่านํา* หนัก Unbalance และใส่หรือนํานํา* หนักออกจนกว่าค่าจะอยู่ใน
เกณฑ์มาตรฐาน
3.5.12 บันทึกผลการ Balancing
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
3.6 การตรวจสอบและทดสอบก่อนประกอบ
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางในการตรวจสอบและทดสอบขดลวดรวมทัง* ชิ*นส่วนต่างๆหลังจากทีซ/ ่อมแล้วก่อนการประกอบ
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
เมกเกอร์, เครื/องเสิรจ์ , ไมโครมิเตอร์วดั นอกวัดใน, เวอร์เนีย, มัลติมเิ ตอร์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
การตรวจสอบทางกล
3.6.1 ตรวจสอบความเรียบร้อยของชิ*นส่วนต่างๆ เช่น ขดลวด แกนเหล็ก วานิช ลิม/ สายลีดส์ ตัววัด
อุณหภูมิ โรเตอร์ นํา* หนักทีใ/ ส่บาลานซ์ ผิวเพลา สลิปริง คอมมิวเตเตอร์ แบริ/ง และชิ*นส่วนประกอบอื/นๆ
3.6.2 ตรวจวัดขนาดของเพลาบริเวณแบริ/ง เบ้าแบริ/ง ปลายเพลา
3.6.3 ตรวจสอบเบอร์แบริ/งใหม่ว่าถูกต้อง และตรวจสอสภาพว่าหมุนคล่องไม่มรี อยสนิม
3.6.4 บันทึกผล
การตรวจสอบทางไฟฟ้ า
3.6.5 วัดค่าเมกเกอร์ของขดลวด ซองถ่าน ก่อนประกอบ เกณฑ์ตามภาคผนวก ก.6
3.6.6 กรณี ดีซมี อเตอร์ให้เสิรจ์ เทสอาร์เมเจอร์ก่อนการประกอบ
3.6.7 ตรวจสอบฮีทเตอร์ตวั วัดอุณหภูมติ ่างๆ
3.6.8 บันทึกผล
49
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
เอกสารในภาคผนวก ข.7
3.7 ประกอบมอเตอร์
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางการประกอบมอเตอร์หลังจากทีต/ รวจและทดสอบก่อนการประกอบแล้ว
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สายตา, ฟุตเหล็ก, เวอร์เนีย, ฟิ ลเลอร์เกจ, เทเปอร์เกจ, พลาสติกเกจ, เมกเกอร์
วิธีการปฏิบตั งิ าน
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
แบบฟอร์มการตรวจคุณภาพมอเตอร์ ในภาคผนวก ก
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
เอกสารในภาคผนวก ข.6
3.9 การทําสี
วัตถุประสงค์
เพือ/ กําหนดแนวทางการทําสีบนตัวมอเตอร์หลังจากที/ได้ทาํ การซ่อมเสร็จแล้ว
เครืองมือวัด/ทดสอบทีจําเป็ น
สี
วิธีการปฏิบตั งิ าน
3.9.1 ตรวจสอบว่าสีท/จี ะใช้เป็ นสีเดิมหรือสีทต/ี อ้ งการหรือไม่
3.9.2 จัดเตรียมสี เครื/องมือและอุปกรณ์ทจ/ี าํ เป็ นต้องใช้ในการทําสี
3.9.3 เตรียมผิวชิ*นงานเพือ/ ขจัดผิวมอเตอร์ทไ/ี ม่เรียบ และคราบจารบีหรือนํา* มันออก
3.9.4 ป้ องกันชิ*นส่วนทีไ/ ม่ตอ้ งการให้สี พ่นทับ
• ผิวเพลา
• กระจกใส, พลาสติกใสตาแมว (Sight glass), ทีด/ ูระดับนํา* มัน
• หัวอัดจารบี
• ชื/อหรือเบอร์เครื/องจักรที/ติดอยู่บนมอเตอร์
• คัปปลิ*ง ,มูเลย์ (ยกเว้นบริเวณทีม/ สี เี ดิมอยู่แล้ว) , ลูกยาง
• จุดสําหรับต่อสายกราวด์ (ถ้ามี)
• น็อตสําหรับปรับระดับอะไลเมนท์
• จุดอื/นๆทีเ/ ห็นสมควร
3.9.5 ผสมสีกบั ทินเนอร์ในอัตราส่วนทีเ/ หมาะสมและวางหรือแขวนชิ*นงานเพือ/ ความสะดวกในการพ่นสี
3.9.6 ทําการพ่นสีลงบนชิ*นงาน โดยให้ละอองสีกระจายสมํา/ เสมอ จนกระทัง/ สีจบั ทัว/ ถึง(ขณะพ่นสีให้เปิ ด
เครื/องดูดละอองสีดว้ ย)
3.9.7 ตรวจสอบความเรียบร้อยและทัว/ ถึงของสีทพ/ี ่นอีกครัง*
3.9.8 ลอกกระดาษทีต/ ิดในข้อ 3.9.4 ออกจากชิ*นงาน
54
3.9.9 เก็บความเรียบร้อยของงานและนําป้ ายและนําป้ ายระบุเลขทีง/ านติดทีต/ วั มอเตอร์
3.9.10 นํามอเตอร์ไปตัง* บริเวณทีจ/ ดั ไว้เพือ/ รอให้สแี ห้ง และรอตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งงานต่อไป
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
เอกสารทีใช้บนั ทึกข้อมูล
-
ความถีในการตรวจสอบ
มอเตอร์ทกุ ตัวที/ซ่อมหรือบริการ
ข้อกําหนดทางด้านการตรวจสอบ
-
สรุป
รายการอ้างอิง
ภาคผนวก
58
ภาคผนวก ก
แบบฟอร์มบันทึกผลการตรวจคุณภาพการซ่อมทํามอเตอร์
บันทึกผลการตรวจคุณภาพ
การซ่อมทํามอเตอร์
Tag. No.:xxxxx
ชืdอมอเตอร์ :
หมายเลขใบสัdงงาน:
หัวเรืd องใบสัdงงาน:
วันทีdรับ:
วันทีdแล้วเสร็ จ:
พิกดั มอเตอร์
Type: Ser No:
Power: kW. Volt: V. Phase: φ
Amp: A. Freq: Hz.
Insulation Class: Cos θ : RPM:
กองควบคุมคุณภาพ
อู่ราชนาวีมหิ ดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรื อ
Last update: Nov-06
59
DELIVERED RECORD
ภาพมอเตอร์ ซ่อมทําเสร็จแล้ ว
Insulation Test at:………..V.DC In Time:……….Min
U-V: ………….MΩ U-W :…………MΩ V-W:.. .….........MΩ
Resistance Test at: ……..°C
U-V: ………….MΩ U-W :…………MΩ V-W:.. .….........MΩ
Surge Test AT: 1000 V Good Fail DA:……….PI:…………
Running Test
L1:……………A. At ………….V.AC
L2:……………A. At ………….V.AC
L3:……………A. At ………….V.AC
Connection ………… Speed …………RPM
Vibration Test:
Drive End Nondrive End
VER ………….mm/s VER ………….mm/s
HOR ………….mm/s HOR ………….mm/s
AX………… ..mm/s AX………… ..mm/s
Bearing Test
Drive End Nondrive End
dBM ………… dBM …………
dBC …………. dBC ………….
dBI …………. dBI ………….
Bore Diameter of Bearing end Shield DE………………..mm. NDE…………………mm.
Shaft Diameter at Bearing Journal DE………………..mm. NDE………………….mm.
Rotor Unbalance Check DE………………..g. NDE…………………g.
หมายเหตุ:
DC Machine
≤ 1000 V 500 V 2 MΩ แรงดันพิกดั +500 V
DC Machine
≤ 1000 V 500 V 2 MΩ แรงดันพิกดั +500 V
0.28
0.45 0.28 A
0.71 0.45 A
0.71 A
1.12 B
1.12 A
1.8 B
1.8
2.8 C B
2.8
4.5 C B
4.5
7.1 C
7.1
11.2 11.2 C
18 18
D
28 28
45 45 D D D
71
สเตเตอร์
380 V 1000 V 100 MΩ 1800 V - -
500 V 1000 V 100 MΩ 2000 V - -
660 V 1000 V 100 MΩ 2400 V - -
3300 V 2500 V 100 MΩ 7600 V 7600 V 13000 V
6600 V 5000 V 100 MΩ 10000 V 14000 V 24000 V
โรเตอร์
ทุกแรงดัน 1000 V 100 MΩ 2U+1000 V - -
พิกดั
DC Machine
≤ 300 V 500 V 50 MΩ 2U+1000V - -
> 300 V 1000 V 50 MΩ 2U+1000 V - -
หมายเหตุ:
การทํา Hi – Pot ให้ทาํ หลังอบแล้ว อุณหภูมลิ วดไม่เกิน 40°C และค่าเมกเกอร์ มากกว่า 100 MΩ เท่านัน*
68
ภาคผนวก ข.5 เกณฑ์การทดสอบค่าฉนวนกรณี โอเวอร์ฮอล หลังจากทําความสะอาด เคลือบวานิช และ อบแห้ง
ตารางที/ ข.5: เกณฑ์การทดสอบค่าฉนวนกรณีโอเวอร์ฮอล
แรงดันพิกดั แรงดันทดสอบ ค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้
AC สเตเตอร์
220 V 500 V 50 MΩ
380 V 500 V 100 MΩ
500 V 500 V 100 MΩ
660 V 500 V 100 MΩ
3300 V 2500 V 100 MΩ
6600 V 5000 V 100 MΩ
AC โรเตอร์
แรงดันทุกพิกดั 1000 V 1 MΩ/(kV+1 MΩ)
DC อาร์เมเจอร์
< 300 V 500 V 50 MΩ
≥ 300V 1000 V 50 MΩ
DC ฟิ วส์
< 300 V 500 V 50 MΩ
≥ 300 V 1000 V 50 MΩ
ซองถ่าน
< 300 V 500 V 10 MΩ
≥ 300 V 1000 V 10 MΩ
69
ภาคผนวก ข.6 กรณี โอเวอร์ฮอล
การโอเวอร์ฮอล (Overhaul)
•ค่าเมกเกอร์ (Megger) ตอนมา
•สภาพของขดลวดและฉนวน ตอนมา
ค่าเมกเกอร์หลังการโอเวอร์ฮอล
•ค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้ 100 MΩ
•ค่าทีด/ นี ่าพอใจ >1000 MΩ
70
ภาคผนวก ข.7 เกณฑ์การทดสอบทางไฟฟ้ าก่อนการประกอบ
1. แรงดันทดสอบและค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้ก่อนทีจ/ ะดําเนินการประกอบ
ตรารางที/ ข.7: แรงดันทดสอบก่อนทีจ/ ะดําเนินการประกอบ
การทดสอบค่าฉนวน
แรงดันพิกดั ของ โอเวอร์ฮอล พันขดลวดใหม่ ค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้
เครื/องจักร แรงดัน ค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้ แรงดัน ค่าตํา/ สุดที/ โอเวอร์ฮอล พันขดลวดใหม่
ทดสอบ ทดสอบ ยอมรับได้
AC สเตเตอร์
220 V 500 V 50 MΩ 500 V 100 MΩ 840 V 1400 MΩ
380 V 1000 V 100 MΩ 1000 V 100 MΩ 1000 V 1800 MΩ
500 V 1000 V 100 MΩ 1000 V 100 MΩ 1200V 2000 MΩ
660 V 1000 V 100 MΩ 1000V 100 MΩ 1400 V 2400 MΩ
3300 V 2500 V 100 MΩ 2500 V 100 MΩ 4500 V 7600 MΩ
6600V 5000 V 100 MΩ 5000 V 100 MΩ 8400 V 1000 MΩ
โรเตอร์ทกุ แรงดัน
พิกดั 1000 V 1 MΩ/(kV+1 MΩ) 1000 V 100 MΩ 0.6(2U+1000) V 2U+1000 V
DC แมชชีน
ทุกแรงดันพิกดั 1000 V 50MΩ 1000 V 50 MΩ 0.6(2U+1000) V 2U+1000 V
หมายเหตุ:
•ผลการเสิรจ์ ทีย/ อมรับได้กราฟจะต้องสมดุลกัน
•กรณีเครื/องจักรใหญ่และแรงดันพิกดั สูงๆ เครื/องทดสอบไม่สามารถจ่ายแรงดันหรือกระแสได้เท่าที/ตอ้ งการ ให้
ใช้แรงดันเท่าทีเ/ รื/องจ่ายได้โดยไม่เกินพิกดั ของเครื/อง (Over Load)
2.การเช็คค่าฉนวนของฮีทเตอร์ ใช้แรงดันทดสอบ 500Vdc ค่าจากเมกเกอร์ไม่ควรตํา/ กว่า 2 MΩ
3.ค่าการทดสอบค่าพีไอ ( PI = Polarization Index) ค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้คือ ≥ 2
71
ภาคผนวก ค
วิธีการวัดค่าทางไฟฟ้ า
ภาคผนวก ค.1 การวัดค่า Power Factor
Power Factor คือ อัตราส่วน ระหว่างกําลังไฟฟ้ าที/ใช้จริง (Watt) กับ กําลังไฟฟ้ าปรากฏ หรือกําลังไฟฟ้ าเสมือน (VA) ซึง/
ค่าทีด/ ีทส/ี ุด คือ มีอตั ราส่วนทีเ/ ท่ากัน (จะมีค่าเป็ นหนึ/ง) แต่ในความเป็ นจริงแล้วไม่สามารถทําได้ เพราะค่า Power Factor
เปลีย/ นแปลงไปตามการใช้ Load ซึง/ Load ทางไฟฟ้ ามีอยู่ 3 ลักษณะ คือ
1. Load ประเภท Resistive หรือ ความต้านทาน จะมีค่า Power Factor = 1ได้แก่ หลอดไฟฟ้ าแบบไส้ เตารีดไฟฟ้ า หม้อหุง
ข้าว เครื/องทํานํา* อุ่น เป็ นต้น
2. Load ประเภท Inductive หรือ ความเหนี ยวนํ า จะมีค่า Power Factor ไม่เป็ นหนึ/ง อันได้แก่ เครื/องใช้ไฟฟ้ าที/
ใช้ ขดลวดเช่น มอเตอร์และเครื/องปรับอากาศ เป็ นต้นและ Load ประเภทนี* จะทําให้ ค่า Power Factor ล้าหลัง
(Lagging) และถ้าต้องการ ปรับปรุงค่า Power Factor ทําได้โดยการนํา Load ประเภทให้ค่า Power Factor นําหน้า
(Leading) อย่างเช่น ชุดCapacitor Bank เข้าไปในชุดควบคุมไฟฟ้ า
3. Load ประเภท Capacitive หรือ Load ทีม/ ตี วั เก็บประจุ (Capacitor) เป็ นองค์ประกอบ Load ประเภทนี*จะมีใช้
น้อยมาก จะมีค่า Power Factor นําหน้า (Leading) คือกระแสจะนําหน้าแรงดัน จึงนิยมนํา Load ประเภทนี*มาปรับปรุงค่า
Power Factor ของระบบทีม/ คี ่า Power Factor ล้าหลัง
kW × 1000
A= (1 Phase)
V × PF
kW × 1000
A= (3 Phase)
1.732 × V × PF
Power Factor = กําลังไฟฟ้ าทีใ/ ช้จริง มีหน่วยเป็ น (Watt) / กําลังไฟฟ้ าปรากฏ มีหน่วยเป็ น (VA)
W
Power factor =
VA
สูตรคํานวณค่า Power Factor ของไฟ 3 Phase คือ
Power Factor = กําลังไฟฟ้ าทีใ/ ช้จริง มีหน่วยเป็ น (Watt) / กําลังไฟฟ้ าปรากฏ มีหน่วยเป็ น (VA)(1.732)
W
Power factor =
1.732 × VA
คือเครื/องวัดทีส/ ามารถวัดได้ทงั* กระแสไฟฟ้ าที/ย่านวัด 0-600 แอมแปร์ (Ampere) ,แรงดันไฟฟ้ าทีย/ ่านวัด 0-600
โวลต์ (Volt)และค่าความต้านทานทีย/ ่านวัด 0-2000โอห์ม (Ohm)
ข้อควรระวัง
1. ระวังการกระชากของกระแสไฟฟ้ าขณะสตาร์ทของมอเตอร์ ควรตัง* ย่านการวัดให้อยู่ตาํ แหน่ งสูงสุด
2. ระวังการเลือกย่านการวัดควรตัง* ย่านวัดให้ตรงกับการใช้งาน เช่น ถ้าวัดกระแสไฟฟ้ าควรตัง* ทีย/ ่านการวัด
กระแสไฟฟ้ า ถ้าวัดแรงดันไฟฟ้ าควรตัง* ที/ย่านการวัดแรงดันไฟฟ้ า เป็ นต้น
3. ขณะวัดกระแสไฟฟ้ าโดยเครื/องวัด Champ On Multi Meter อยู่นนั* ไม่ควรทําการวัดแรงดันไฟฟ้ าหรือค่า
ความต้านทานร่วมกัน
75
ภาคผนวก ค.3: การวัดแรงดันไฟฟ้ า
1. นําสายวัดมาเสียบเข้าช่องเสียบสําหรับวัดแรงดันไฟฟ้ า คือสายสีแดงเสียบช่อง VOLT และสายสีดาํ
เสียบช่อง COM
2. ตัง* ย่านการวัดแรงดันไฟฟ้ าโดยให้ตงั* ทีย/ ่านทีส/ ูงที/สุด
3. ทําการวัดแรงดันไฟฟ้ าโดยวัดคร่อมอุปกรณ์ทท/ี าํ การวัด เช่น ถ้าเป็ นไฟเฟสเดียวให้วดั ที/สาย Line กับ
สาย Neutral ถ้าเป็ นไฟสามเฟสให้วดั ทีส/ าย L1-L2 ,L1-L3 ,L2-L3 เป็ นต้น
4. อ่านค่าแรงดันไฟฟ้ าทีว/ ดั ได้หากแรงดันไฟฟ้ าทีอ/ ่านได้นนั* มีค่าทีน/ อ้ ยมากให้ลดย่านการวัดลงมายัง
ตําแหน่งทีส/ ามารถอ่านค่าได้ชดั เจน
Note:
•IR1min is the recommended minimum insulation resistance in megohms at 40 ◌ํ C of the entire
machine winding.
•kV is the rated machine terminal to terminal voltage in rms kV
77
กราฟแสดงค่าสัมประสิทธิของอุณหภูม(ิ K t )
100
ที องศา
Coefficient Kt
10 Kt = 16
ที องศา Kt = 0.25
0.1
สรุปผลของอุณหภูมิทมีี ผลต่อความต้านทานฉนวน
IR(10 min)
PI =
IR(1 min)
โดยที/
PI คือ ดรรชนีความต้านทานฉนวน
IR (10 min) คือ ค่าความต้านทานฉนวนที/ 10 นาที
IR (1 min) คือ ค่าความต้านทานฉนวนที/ 1 นาที
โดยค่าแรงดันทีใ/ ช้ทดสอบเมือ/ เทียบกับพิกดั แรงดันของมอเตอร์เป็ นดังตารางที/ ค.5.1
ตารางที ค.5.1 ค่าแรงดันทีใ/ ช้ทดสอบในการวัดค่า PI
พิกดั แรงดันมอเตอร์ (AC) แรงดันทดสอบ (DC)
<1000 500
1,000-2,500 500-1,000
2,501-5,000 1,000-2,500
5,001-12,000 2,500-5,000
>12,000 5,000-10,000
จากนัน* นําค่า PI ทีไ/ ด้ไปเทียบค่าในตารางที/ ค.5.2 ซึง/ แสดงค่าตํา/ สุดทีย/ อมรับได้สาํ หรับการทดสอบแบบ PI Test ตาม
มาตรฐาน IEEE 43-2000 ได้กาํ หนดค่า PI ตํา/ สุดทีย/ อมรับได้อา้ งอิงกับชนิดของฉนวนเครื/องจักร
AC Voltage V
mA
High Voltage Motor Test
Over Current
Contactor
รูปที ค.7 วงจรแสดงการทดสอบ Hi-Pot Test
การทดสอบด้วยวิธี AC Hi-Pot test
•แรงดันทีใ/ ช้ทดสอบ = 2 เท่าของแรงดันแหล่งจ่าย + 1000V ( 2U + 1000 ) ถ้าหากมอเตอร์เก่าจะใช้แค่ 65%
•การทดสอบจะแบ่งการทดสอบออกเป็ นขัน* ๆ แต่ละขัน* มีค่าเท่ากัน และเวลาที/ใช้ในการทดสอบแต่ละขัน* เท่ากัน
คือ 1 นาที ตัวอย่างเช่นมอเตอร์ทม/ี แี รงดัน 6000 V
- จะมีแรงดันสูงสุดที/ทดสอบ = (2 × 6000) + 1000 = 13000 V
- แบ่งแรงดันเป็ นขัน* ๆ ขัน* ละ 1000 V จะได้ทงั* หมด 13 ขัน*
- ทดสอบแต่ละขัน* เช่น 1000 , 2000 , 3000 ...........13000 V
•จดบันทึกค่ากระแส และพล็อตดูแนวโน้ม หากค่า Slope ขึ*นชันมากให้หยุดการทดสอบเพราะมีโอกาสเกิดการ
เบรกดาวน์ได้
87
การทดสอบด้วยวิธี DC Hi-Pot Test
•แรงดันที/ใช้ทดสอบ = 2 เท่าของแรงดันแหล่งจ่าย+1000V และคูณด้วย 1.7 หรือ (2U + 1000) × 1.7
ถ้าหากมอเตอร์เก่าจะใช้แค่ 65%
•การทดสอบจะแบ่งการทดสอบออกเป็ นขัน* ๆ แต่ละขัน* มีค่าเท่ากัน และเวลาทีใ/ ช้ในการทดสอบแต่ละขัน* เท่ากัน
คือ 1 นาที ตัวอย่างเช่นมอเตอร์ทม/ี แี รงดัน 6000 V
- จะมีแรงดันสูงสุดที/ทดสอบ = ((2 × 6000) + 1000) × 1.7 = 22100 V
- แบ่งแรงดันเป็ นขัน* ๆ ขัน* ละ 1500 V จะได้ทงั* หมด 15 ขัน*
- ทดสอบแต่ละขัน* เช่น 1500, 3000, 4500 ...........22100V
•จดบันทึกค่ากระแส และพล็อตดูแนวโน้ม หากค่า Slope ขึ*นชันมากให้หยุดการทดสอบเพราะมีโอกาสเกิดการ
เบรกดาวน์ได้
การตรวจเช็คก่อนทําการวัด
•วัสดุต่างๆ รังหนู , ปลวก, มด ฯลฯ
•สิง/ สกปรกต่างๆ เช่น นํา* มันหล่อลืน/ , นํา* มันจาระบี, ฝุ่น, เกลือ, ทราย และความชื*น
•นํา* สิง/ สกปรกออกจากขดลวด
•อุปกรณ์ท/ปี ้ องกันการขยายตัวของขดลวด เช่น เชือกผูกหรือวัสดุท/ยี ดึ ตัวโรเตอร์
88
ภาคผนวก ค.8: วิธีการทดสอบค่าความต้านทานฉนวน
•ตัดสวิทซ์ไม่ให้เครื/องจักรทํางาน และติดป้ ายห้ามใช้สวิทซ์ควบคุม
•ตรวจหาความชื*นด้วยตาเปล่า
•กําหนดชิ*นส่วนทีจ/ ะทําการทดสอบ เช่น ขดลวดชุดสเตเตอร์ หรือ โรเตอร์ หรือ เอกซ์ไซต์เตอร์
• ดิสชาร์จประจุไฟฟ้ าออกจากขดลวด
•ถอดสายศูนย์ออกจากเฟรมเครื/อง (ดิน)
L1 U1
L2 V1
L3 W1