Professional Documents
Culture Documents
เพชรพระอุมา เลมท PDF
เพชรพระอุมา เลมท PDF
“
”
“
”
“
”
”
“
?”
“ไมเชื่อไวแหละครับเปนดี อยางนอยก็ไมตองมานึกทุเรศตัวเองภายหลังเมื่อกลับเขาไป
ถึงโลกเจริญแลว แตมีขอแมอยูวา คุณหญิงตองปรับจิตใจใหมนั่ คงจริงๆ อยาวอกแวก อยาอุปาทาน
อีก สติอันมั่นคงของคนเรา ก็คือคาถาอาคมอันศักดิ์สิทธิท์ ี่สุดเหนือกวาคาถาใดๆ ทั้งสิ้น ผมสรุปได
แคนี้แหละ”
หญิงสาวหันไปทางพี่ชายบอกวา
“ฟงดูเถิดคะพีใ่ หญ นายพรานของเราคนนี้พูดอะไรเปนสองแงสองมุม ทิ้งเปนการบาน
ใหเราตองคิดปวดสมองอยูเสมอ วินิจฉัยลงไปไมไดแน เหตุผลขออรรถาธิบายของเขาเปรียบ
เหมือนน้ํากลิ้งบนใบบอน จับไมติด”
“โธ นอยก็ รพินทรบอกออกชัดอยางนีแ้ ลว เธอยังจะไปคาดคั้นไลตอนเขาถึงไหนกัน เขา
ตอบเราอยางปญญาชน ถาเธอเปนปญญาชน เธอควรจะเขาใจไดเอง อยากจะไดคาํ ตอบชนิดที่ไม
ตองวินิจฉัยอะไรเลย เธอก็ควรจะไปถามเกิดหรือบุญคําซิ”
ไชยยันตพูดพรอมกับหัวเราะ
“ตัวเองก็ยอมรับวาเห็นมากับตาแลว เกงจริงทําไมถึงตองพึ่งคาถาสมานางไมที่รพินทร
บอกใหละ”
“ออ แปลวาเธอเชื่อเรื่องนี้รอยเปอรเซ็นตเต็มเลย”
“ยอมสารภาพวาในอาณาจักรพงไพรนี่ละก็ ฉันยอมเชื่อพรานใหญของเราทุกอยา ลงคิด
จะถายทอดร่ําเรียนวิชากันแลว ลูกศิษยไมเชื่อครูแลวจะไปเชื่อใคร มิหนําซ้ํายังเปนครูที่เห็นฝมอื
มาแลววาขนาดไหน”
หลอนหันไปทางจอมพรานบอกวา
“เปนโอกาสของเราแลวนายพราน คราวหลังชี้ลิงใหไชยยันตดู แลวบอกวาเปนชาง เขา
จะตองเชื่อคุณแนๆ”
รพินทรกับเชษฐาพากันหัวเราะลั่น แตไชยยันตทําหนาขึงขังจริงจัง
“ออ ไมมีปญหา แมสายตาของฉันจะมองเห็นอยูทนโทวาเปนลิง แตถารพินทรบอกวา
นั่นคือชาง ฉันก็ตองเชื่อตามเขารอยเปอรเซ็นต เพราะตาเขาจะตองดีกวาฉันแนๆ ใครจะรูได ฉันอาจ
ตาฝาดเห็นชางกลายเปนลิงไปก็ได ไมใชเธอนี่ รพินทรบอกวาควายปา เธอกลับบอกวาวัว เถียงกัน
ยังไมทันขาดคํา ไอมหิงสาตัวนั้นก็พุงพรวดเขาใสเลย เมือ่ วานนี้ลืมเสียแลวหรือ? ไมไดพรานใหญ
ของเราที่กระชากคนอวดดีสูรูหลบเสียทันอยางหวุดหวิด ปานนี้เธอก็แหลกไปแลว”
ดารินนิ่งเฉยทําหนาไมรูไมชเี้ สีย พอพูดถึงมหิงสา ควายยักษตวั นัน้ บรรยากาศของการ
สนทนาที่กําลังครึกครื้นสนุกสนาน ก็เปลีย่ นมาเปนเครงเครียดอีกครั้ง
เชษฐาหันไปปรึกษาหารือกับไชยยันต ครูหนึ่งก็หันมาทางจอมพราน
“ผมเปนมัคคุเทศกนําเดินปานะครับ ไมใชมัคคุเทศกนําชมกรุง”
“นั่นแหละ ยิง่ รายใหญเลยทีเดียว คณะเดินปาชุดนี้มีผหู ญิงติดมาดวยคนหนึ่ง เปนคน
ขวัญออน แลวก็ตาฝาดงายๆ ระหวางบุกปาเขาไปดวยกัน เกิดมองเห็นหนาพรานนําทางกลายเปน
หนาเสือหรือหนาหมีไป อุปทวเหตุจากการยิงเพราะเขาใจผิดก็อาจเกิดขึ้นได วิธีปลอดภัยที่สุดก็คือ
ทําหนาใหเกลีย้ งๆ เหมือนมนุษยปุถุชนธรรมดา สังเกตเห็นจําไดงายๆ ดีกวา”
จอมพรานหัวเราะอยูในลําคอ
“ผมไมเคยพกมีดโกนในขณะออกปา”
“ไมเปนไร ฉันแกปญหาใหได เอา! จัดการเสีย”
พรอมกับพูด หลอนเอามือที่ไขวหลังออกมา เดาะเครื่องโกนหนวดไฟฟาทีใ่ ชถาน
แบตเตอรี่แลวโยนมาให รพินทรรับไวผิวปากหวือ
“นี่คุณหญิงพกเครื่องโกนหนวดไฟฟา ติดตัวอยูเสมอหรือ?”
“บา! ของพี่ใหญยะ ฉันขอยืมเขามาให ทนรําคาญลูกนัยนตาอยูไมไหว”
วาแลวหลอนก็ผละไปรวมกลุมอยูกับเชษฐาและไชยยันต
รพินทรหัวเราะหึๆ อยูเชนเดิม จัดการโกนหนวดเคราออกจนเกลี้ยงเกลาในระยะเวลา
อันรวดเร็ว พลางก็บนอยูในใจวา ม.ร.ว.สาวคูอริคนนี้ สรางเรื่องยุงปวดหัวใหเขาอยูตลอดเวลา ไหน
จะภาระรับผิดชอบอันหนักอึง้ ไหนจะเรื่องจุกจิกกวนใจสารพัด คิดไวแตแรกไมผิดเลย
ดูเอาเถอะ แมแตเสรีภาพในดานสวนตัว หลอนก็ยังเขามาบังคับควบคุม
หนวดเคราของเขา ตอใหมนั รุงรังแคไหน ดูเปนโจรหารอยอยางไร (ทีห่ ลอนวา) มันก็ไม
เห็นจะเกี่ยวอะไรกับหลอนสักนิด ซ้ํายังเขาใจขูวาหลอนอาจเผลอยิงเอาเขาเขาเพราะเขาใจผิด
มันไมใชเรื่องที่เขาจะตองมาทนเสี่ยงกับคําขูแบบแผลงๆ ของผูหญิงรั้นๆ ชอบเอาชนะ
อยางหลอน ใครจะรูได ขืนดื้อไมยอมโกน หลอนอาจแกลงยิงเอาจริงๆ ก็ไดไมโอกาสใดก็โอกาส
หนึ่ง แมจะเปนการแกลงยิงแบบขูเพื่อใหคําสั่งของตนสัมฤทธิผล เขาก็ไมตองการจะทดลอง!
พรานใหญควาขอมือของหลอนโดยไมเหลียวหลังกลับ บีบไวแนนเปนสัญญาณเตือนใหหลอนเงียบ
สายตาคงเพงไปทางดงไผหนามอันแหงแดงเบื้องหนาไมกะพริบ
หลอนหันไปมองตามแลวก็ยืนตัวแข็งเหมือนถูกสาปไปในพริบตานัน้
ประจันหนาตระหงานเงื้อมอยูเบื้องหนา ระยะหางเพียงไมเกิน 20 วา โดยมีกอหนาม
พุงดอเตี้ยๆ กัน้ กลาง รางทะมึนของอะไรชนิดหนึ่งยืนแหงนหนาเบิ่งอยูท ี่นั่น หนังหนาเปนเกล็ดราว
กับเอาเกราะนักรบโบราณมาปะไวเปนแถบๆ หัวเรียวเล็กไมไดขนาดกับลําตัว หูยาวรี เขาแทนทีจ่ ะ
งอกออกจากมุมของศีรษะทั้งสองดานกลับโผลแหลมตั้งโงงอยูบนจมูก เขาหนาขาวใหญ...เขาหลังที่
ขึ้นเรียงซอนกันสั้นกวาเล็กนอย
มันคือแรดสองนอ หรือกระซูตัวขนาดลูกชางรุน ! ระยะที่เผชิญหนากัน จูโจมกะทันหัน
ที่สุด แทบจะเรียกไดวาเผาขน! ตางฝายตางไมรูตัวมากอน
เกิดยืนนิ่งอยูกบั ที่ เพราะรูส ัญชาตญาณของเจาสัตวดกึ ดําบรรพดุรายชนิดนั้นดีตามวิสัย
ของพรานปา สวนนักเผชิญภัยสาวสวยหัวรั้นภายหลังจากหลับตาแลวลืมตาจองอีกครั้ง ก็บอก
ตนเองวาตาหลอนไมไดฝาดไปเพราะไอแดดอยางเชนที่เขาใจแตแรก พอสติคืนสูตัว .470 ดับเบิลไร
เฟลในมือก็ยกขึ้น
หลอนขยับตัวเพียงนิดเดียว ก็ถูกสกัดไวอีกดวยอุงมือแข็งกราวปานคีมเหล็กของจอม
พราน
“นิ่ง!”
เขากระซิบรอดไรฟนออกมาเบาที่สุด แตกเ็ ฉียบขาดที่สุด
ดารินสะกดกลั้นลมหายใจ ยืนตัวแข็งอยูเชนเดิม แตละจังหวะการเตนของหัวใจหลอน
เหมือนถูกกดจมอยูในนรกสันดาป ไมมีโอกาสนึกคิดหรือทํานายอนาคตไดทั้งสิ้น
รพินทรหนีบพานทายไรเฟลไวในซอกแขนลักษณะเดิม ปากกระบอกชี้ 45 องศาลงดิน
เพียงแตนวิ้ เทานั้นที่สอดเขาไปแตะอยูที่ไก เขายืนประจันสวนหนากับมันนิ่งๆ ในระยะอันใกลชิด
นั้นโดยไมเคลื่อนไหว ราวกับจะเปนเพียงเสาตนหนึ่ง
อึดใจใหญตอมา ซึ่งดารินรูสึกวานานสักหมื่นปกไ็ มปาน เจาสัตวดกึ ดําบรรพที่คาดกันวา
สูญพันธุไปหมดสิ้นแลวสําหรับปาเมืองไทยหายใจแรงๆ ออกมาครั้งหนึ่ง เริ่มหันรีหันขวางเงยจมูก
ขึ้นพยายามสายหากลิ่น สวนลูกตาเล็กๆ ของมันทั้งสองขาง ก็มองดูคลายจะจองมาที่มนุษยทั้งสาม
อยางตัดสินใจไมถูกอยูเชนนัน้ ลมพัดจากมันมาทางฝายมนุษยวูบหนึ่ง กลิ่นโคลนอับๆ โชยคลุงมา
ถามันพรวดเขามาก็หมายถึงพริบตาเดียวเทานั้น ยอมถึงตัว
แตแลวอยางนาประหลาดมหัศจรรยใจที่สุดในความรูสึกของดาริน แรดตัวนั้นออกวิ่ง
เหยาะๆ เลี่ยงไปทางดงหนามซายมือ หยุดเงยจมูกสูดกลิน่ มีอาการพะวาพะวังเหลียวซายแลขวา แลว
ก็ควบโขยกหางออกไปจนกระทั่งลับพงทึบ
เสียงเกิดถอนใจออกมาดังสนั่น ไมใชเสียงถอนใจเพราะพนจากภาวะวิกฤตที่สุดมาได
อยางหวุดหวิด แตเปนการถอนใจเพราะความเสียดายอยางสุดซึ้ง ทวาสําหรับหญิงสาวยังคงเต็มไป
ดวยอาการตืน่ เตน จองหนารพินทรดวยความประหลาดใจเหลือที่จะกลาว
“ทําไมคุณไมยอม แลวทําไมมันถึงไมวิ่งเขาใสเรา ทั้งๆ ที่ประจันหนากันเผาขนแคน”ี้
หลอนครางออกมา
“ที่ผมไมยิงก็เพราะมันไมใชสัตวที่เราตองการ และที่มนั ไมวิ่งเขาใสเรา ก็เพราะมันมอง
ไมเห็นเราชัด ยังไมแนใจ แรดเปนสัตวทสี่ ายตาเลวที่สดุ มันเชื่อจมูกของมันยิ่งกวาสายตา ถาเราอยู
ใตลม เพียงแตยืนนิ่งๆ เทานัน้ มันก็มองไมเห็นแลว ไมวาจะอยูใ กลกนั สักแคไหน”
“นายทิ้งลาภกอนใหญของเราไปเสียแลว หลายๆ ปจะไดพบสักที”
เสียงเกิดบนออกมาอยางเสียดาย
“ถายิงไอสองนอเมื่อตะกี้ ก็แปลวา เราชวดไอเขาเกกคูอาฆาตของเรา งานสําคัญของเรา
อยูที่การลมควายปาตัวนั้น ไมใชมัวแตจะมาคิดหาลาภโดยเฉพาะอยางยิง่ ในเวลานี”้
แลวเขาก็หันมาทาง ม.ร.ว.หญิงคนสวย พูดขรึมๆ
“ขออภัย ที่หยุดอยางกะทันหันเมื่อตะกี้ มันฉุกเฉินขวนตัวเหลือเกิน จะบอกก็ไมทัน”
หลอนหลบคอนขวับ หนาแดงดวยแสงแดดและความตืน่ เตนอยูก อนแลวยิ่งมีสีจดั ขึน้ อีก
บนอุบอิบอยูในลําคอฟงไมไดศัพท ควักผาเช็ดหนาออกมาเช็ดเหงื่อแลวถามกลบเกลื่อนวา
“คุณเห็นมันตอนไหน?”
“กอนหนา คุณหญิงเดินมาชนผมพริบตาเดียวเทานั้น กําลังเดินเพลินอยูเหมือนกัน อยูๆ
มันก็ลุกพรวดพราดจากกอหนามพุงดอนัน่ สงสัยจะนอนอยูกอนแลว และคงไดยนิ เสียงผิดปกติเลย
ลุกขึ้น โชคดีเหลือเกินที่เราเดินมาทางใตลมมัน มายงั้นเปนไดแหลกไปบางแลว แรดเปนสัตวที่มี
อารมณฉุนเฉียวโดยไมมีเหตุผล ถามันไดกลิ่นในระยะหางก็หนี แตถาจวนตัวก็พุงเขาใสทันที ดีไม
เดินไปชนมันเขา”
ทุกสิ่งทุกอยาง ควรจะสิ้นสุดเสียทีสําหรับชีวิตของเขา...นั่นเปนความคิดครั้งสุดทายของ
จอมพรานระบือนาม...แลวก็กลิ้งตัวเปนลูกขนุน ปลอยใหโชคชะตาใหเปนไปตามยถากรรม
เขายังไมหมดสติ ประสาททุกสวนตืน่ อยูท ุกประการพรอมที่จะเผชิญหนากับวินาทีสยอง
ของตนทุกขณะ เพราะฉะนัน้ ...หูเขาไมฝาดแน ในระหวางเสียงหายใจหนักๆ ของมันชนิดที่ไออุน
ปลิวมาสัมผัสตัว และเสียงแผดระเบิดกึกกองของไรเฟลนัดหนึ่ง ซึ่งดังราวกับระเบิดทิ้งจาก
เครื่องบิน ตาของเขาก็ไมไดหลับ เพราะฉะนั้น จึงมองเห็นกระจางชัดที่สุด
มัจจุราชเขาโงงผูกําลังเตรียมจะใชเขาเสยรางที่นอนราบอยูกับพืน้ ของเขาบัดนี้ ผงกศีรษะ
เริดขึ้นราวกับถูกคอนยักษกระหน่ําอยางแรง ครั้นแลวพริบตาตอมา เสียงตูมที่สองก็กัมปนาทขึ้นอีก
จนราวไปหมดทั้งแกวหู เจาควายยักษผงกหัวกลับอีกครั้ง เอาจมูกทิม่ พื้นทราบขาหลังทั้งคูถีบลอย
ขึ้นจากพืน้ แลวรางอันมโหฬารก็ฟาดสนัน่ ลงเกือบจะบดทับรางของรพินทรผูกลิ้งตัวหลบรอดการ
ลมทับไปไดเพียงแคฝามือเดียว!
30
รางอันดําทะมึนของมันนอนกองพะเนินเทินทึกอยูที่หาดทรายริมธารน้าํ มองดูราวกับ
ภูเขาเลากา รพินทร เกิด และดารินยืนรายลอมซากนั้นมองดูหนากันเองอยางงงๆ อยูอีกอึดใจใหญ
โดยไมมีใครปริปากพูดคําใดออกมาเลย เหตุการณที่อุบัตขิ ึ้นมันเหมือนกับความฝน
ในที่สุด พรานใหญก็ถอนใจยาวออกมา ถอดหมวกออกโคงคํานับใหแกหญิงสาวอยาง
ออนนอม
“เปนที่ปรากฏออกมาแลววา พรานเอง บางขณะก็ตองเปนหนี้บุญคุณชีวิตของนายจาง
เหมือนกัน โดยเฉพาะอยางยิ่ง นายจางผูนั้นเปนแตเพียงผูหญิง ถึงคราวแลวครับทีผ่ มจะตองกลาว
ขอบพระคุณคุณหญิงบาง ในการชวยชีวิตผมกับเกิดไวไดอยางหวุดหวิด”
สีหนาของหลอนยังไมสรางจากความตืน่ เตน ระคนมึนงง หลอนแทบไมเชื่อสายตาวาเจา
มหิงสารายกาจตัวนี้ พบจุดจบลงดวยน้ํามือของหลอนเอง หลอนจองหนาเขา สายตาปราศจากรอย
ภาคภูมหิ รือเยอหยิ่งยโสใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากประกายแหงความปติ เมื่อเห็นวาเจาควายยักษตัวนั้น
ดับดิ้นสิ้นชีพลงแลว โดยทีท่ ั้งเกิดและรพินทรไมไดรับอันตรายใดๆ
“อยาขอบใจฉันเลย ขอบใจโชคชะตาหรือเทวดาประจําตัวของคุณเองดีกวา มันเปน
เหตุการณบังเอิญที่สุด ที่ฉันคนเดียวขามไปอยูฝงโนน ตอนที่มันพุงเขาใสคุณกับเกิด ฉันจึงพอตั้งตัว
ตั้งสติทัน ถาหากฉันอยูฝงเดียวกับคุณ เราอาจแหลกกันหมดทั้งสามคน ตอนที่ลนั่ กระสุนออกไป
ฉันแทบไมรูสกึ เสียดวยซ้ํา ไมนึกเลยวาจะลมมันไดในวินาทีคับขันที่สุด”
“นายหญิงยิงเด็ดเหลือเกินครับ เขาสมองทั้งสองนัด ตอนที่มันลมก็เกือบจะลมทับนาย ดี
วานายหลบเสียทัน”
เกิดพูด มองดารินดวยความเคารพเชื่อมั่นในฝมือเต็มที่ แลวชีใ้ หดูแนวกระสุนซึ่งเจาะ
บริเวณศีรษะของควายมหากาฬตัวนั้น ระยะหางกันเพียงไมกี่นวิ้ ระหวางแผลแรกกับแผลที่สอง
หลอนทรุดตัวลงนั่งบนโขดหินกอนหนึ่งอยางหมดแรง เปาลมออกจากปาก
“หนู บางขณะถามีโอกาส ก็อาจชวยราชสีหไดเหมือนกันนะ...”
พึมพําออกมาเหมือนจะกลาวกับตนเอง กระแสเสียงไมมีเจตนาที่จะกระทบหรือเปรียบ
เปรยเหน็บแนมรพินทรเชนไรทั้งสิ้น อันผิดไปจากทุกครัง้
“ฉันงงไปหมดแลว ไมอยากจะเชื่อตัวเองเลย นี่ฉันยิงเจาควายยักษตัวนี้ลมดวยมือฉันเอง
หรือนี่ พี่ใหญ ไชยยันต แงซาย หรือใครๆ รูเขา คงประหลาดใจไปตามๆ กัน”
แลวหลอนก็หวั เราะเกอๆ ออกมา สั่นศีรษะชาๆ ฉงนสนเทหตัวเอง
“ไมใชลมมันเฉยๆ ในลักษณะธรรมดา แตเปนการลมในวินาทีฉกุ เฉินที่สุด โดยชวยชีวิต
ผมกับเกิดไวเสียดวย อยาประหลาดใจไปเลยครับ ฝมือยิงปนตามปกติของคุณหญิงเยี่ยมอยูแลว และ
แงซายกับเกิด ไดรับคําสั่งใหเดินยอนกลับไปเอาสัมภาระของทุกคนที่ปลดกองรวมกันไว
ชายดง กอนที่จะแยกกันยองตามมหิงสา รพินทรเปดหนังควายยักษตัวนั้นตรงบริเวณสันหลังออก
แลเอาเฉพาะเนื้อสันออกมากอไฟยางอยางชนิด สดๆ รอนๆ ริมลําธารที่นั่งพักกันอยู เพื่อชดเชย
ใหแกพลังงานและความเหนือ่ ยยากแทบจะเอาชีวิตไมรอด ในการติดตามพิชิตมัน มันเปนเนื้อสดมือ้
“เจ็บบางไหมคะ?”
“ปกติธรรมดา”
แพทยสาวถอนใจออกมาอยางโลงอก เงยหนาขึ้นพูดกับทุกคน
“คงไมเปนอะไรหรอก แตจะรูแนชดั ก็ในราวพรุงนี้ พีใ่ หญยังไมถึงกับหลังเดาะ และตา
เกิดยังไมถึงกับซี่โครงหักก็นับวาเปนบุญที่สุดแลว”
หลอนจัดการฉีดยาใหไชยยันต และใหยากินกับพี่ชายจากชุดเครื่องเวชภัณฑขนาดจิ๋วที่
ติดยามหลังมาดวย ทุกคนมีความรูสึกเหมือนยกภูเขาออกไปจากอกไดลูกหนึ่ง เมื่อกําจัดเจามหิงสา
เขาเกก ซึ่งกอกวนรังควานและทําหนาที่เปนกองระวังหลังสําหรับโขลงไอแหวงลงไดสําเร็จ
เชษฐามองดูนาฬิกาขอมือ แลวแหงนหนาขึ้นเทียบกับดวงตะวันที่บายคลอยต่ําไปมาก
แลว พลางหันมาขอความเห็นรพินทร
“เสร็จศึกไอมหิงสานี่ลงแลว จะเอายังไงกันตอไปละ?”
ขณะนัน้ มันเปนเวลาบายสี่โมงเศษ ดวงตะวันกําลังแตะขอบลงกับเหลี่ยมผาทางดาน
ตะวันตก เสียงนกหวารองโหยหวนกังวานกองมาจากปาบน พรานใหญใครครวญอยูเปนครู ก็บอก
เบาๆ วา
“ถาเราออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้ เพื่อจะไปสมทบกับขบวนเกวียน จะอยางไรเสียก็ไมทัน
แลวละครับ เราเดินกันไดอกี ไมเกิน 3 ชั่วโมงก็ค่ํา”
“ตอนนี้ขบวนเกวียนของเราอยูที่ไหน พอกะถูกไหม?”
พรอมกับถาม เชษฐางัดเอาแผนที่ซึ่งพรานใหญทําไวใหออกมากางตรงหนา รพินทร
ขมวดคิ้วคํานวณกะวันเวลาอยูอีกอึดใจใหญก็เอากิ่งไมเล็กๆ ที่อยูในมือชี้ใหนายจางของเขาดู
“ถาพวกนัน้ ไมไปโอเออยูเสียที่ไหน และเดินทางตามแผนเดิมทีก่ ําหนดไวให ราวๆ ค่ํานี้
ก็จะถึงทุงชางนี่ครับ ซึ่งถาเราไมมาเสียเวลาตามมหิงสาเสีย และออกเดินทางตั้งแตเมื่อเชาที่แลวมา
ผมก็กะไววาจะตองตามทันพวกนั้นที่ทุงชางในค่ํานีแ้ หละ ทีนี้ถาเราออกเดินทางจากที่นี่โดยตั้งเข็ม
ทุงชางก็ราวๆ เกือบสวางของคืนนี้ แปลวาตองเดินทางกลางคืนตลอดทั้งคืนโดยไมหยุด การเดินปา
กลางคืนมันไมเหมาะนัก เพราะตองตัดเขาหลายลูก ไมใชเดินในปาโปรง”
“ไมไหวหรอก เดินกันตลอดทั้งคืนแบบทีว่ านั่นนะ โดยเฉพาะอยางยิง่ พวกเราทุกคนก็
กรําหนักกันมาทั้งวันแลว”
ดารินเอยขึ้นลอยๆ พรานใหญไมแสดงความเห็นเชนไร เพียงแตมองดูหนาเชษฐากับไชย
ยันต เหมือนจะขอคําชี้ขาดตามฐานะของลูกจางที่ดี
“ถาตามขบวนเกวียนของเราไมทันกอนค่ําวันนี้ ก็ไมมีประโยชนอะไรทีจ่ ะออกเดิน”
ไชยยันตวา
“สมมติวาเราหยุดพักที่นี่คนื นี้ เราจะตามทันเกวียนทีไ่ หนเมื่อไหร?”
เชษฐาถาม
“พรุงนี้เย็นที่บริเวณปาหวายครับ แตตองลัดทางกันนาดูทีเดียว เดินบนสันเขาโดยตลอด”
“ถางั้นคืนนี้หาชัยภูมิเหมาะๆ นอนเอาแรงกันไวสักคืนหนึง่ กอนเถอะ เชามืดคอยเดินตอ”
“ถาจะตัดสินใจแนวานอน เราก็ควรเลือกที่ใกลๆ กับธารน้ํานี่แหละเหมาะที่สุด ไมควร
เดินไปใหไกลอีก”
ดารินเสนอ เพราะธารน้ําใสแหงนีเ้ ปนตําแหนงที่ถูกใจหลอนที่สุด อันเนื่องมาจากหางน้ํา
ไมได ทุกคนก็เหมือนจะเขาใจความตองการของหลอนไดดี รพินทรซอ นยิ้มพยักหนา
“ก็ไดเหมือนกันครับ แตถึงอยางไรเราก็ตองเดินเลาะธารนี่ขึ้นไปทางเหนือ อีกสัก
กิโลเมตรเศษๆ สําหรับที่เรานั่งกันอยูนี่ไมเหมาะแน”
“ทําไมหรือ?”
หลอนถามอยางสงสัย กวาดสายตาไปรอบๆ เกิดก็ตอบแทนมาวา
“ธารน้ําตรงบริเวณนี้ เปนกึง่ กลางของดานสัตวครับนายหญิง เหนือดงขึ้นไปโนนก็มีโปง
ตอนกลางคืนชางอาจยกโขลงลงมากินน้ําที่นี่ก็ได นายหญิงไมสังเกตรอยหรือครับ เปนเทือกไป
หมด เดินขึ้นไปอีกนิดตรงทีพ่ รานใหญวาเปนที่ที่สบายและปลอดภัยกวา ตลิ่งสูงเปนผากั้นและมีชะ
เวิกเขาไปคลายถ้ํา กันน้ําคางกันลมไดอยางดี ธารตอนนัน้ ก็กวางน้ําลึก พื้นหาดทรายโลงเห็นอะไร
ไดไกลๆ”
ดารินขยับตัวอยางอึดอัด เปาลมลงไปในอกเสื้อ
“ถางั้นก็รีบเคลื่อนยายกันไปที่นั่นเดีย๋ วนี้เถอะ บอกตรงๆ วาฉันตองการอาบน้ํา ยี่สิบสี่
ชั่วโมงมาแลวไมเจอะน้ําเลย เหนียวเหนอะหนะคันยิบไปหมดทั้งตัว ตอนที่บุกเขาไปในปาหนาม
มัวแตชกั ชาประเดีย๋ วตะวันตกดินก็หนาวอาบไมไดเสียเทานั้น อดนอนนะฉันอดได แตอดอาบน้ํานี่
ไมไหวเอาจริงๆ ยอมแพ”
ไมมีใครขัดใจหลอน
ระหวางเตรียมเคลื่อนยาย เพื่อหาชัยภูมิตั้งแคมปสาํ หรับคืนนี้ รพินทรกห็ ันไปทาง
หัวหนาคณะเดินทาง
“ควาย กับกระซูนี่ จะจัดการยังไงครับ ถาคิดในแงลาสัตวแลว จัดวามันเปนลาภใหญที่สุด
ของการลาทีเดียว โดยเฉพาะอยางยิ่งแรดสองนอตัวนัน้ ”
เชษฐาสั่นศีรษะ ตบไหลเขาเบาๆ
“ถูกแลว ถาคิดในแงลาสัตวแลวตองถือวาเปนลาภใหญมาก แตในขณะนี้เราไมไดลาสัตว
ในความหมายนั้น เพราะฉะนั้นอยาไปกังวลกับมันใหเสียเวลาเลย รพินทร สิ่งกังวลของเรายังมีอีก
มากนัก ขืนมัวแตหวงมันอยูก็เสียการเทานั้น อีกอยางหนึ่ง ขณะนี้เราก็อยูหางกับขบวนเกวียนของ
เรามากกวาจะเดินทางไปถึง กวาจะสงพวกนั้นใหกลับมาขนเนื้อก็เนา ไอครั้นจะจัดการกันเองก็เกิน
กําลังของพวกเราทั้งหมดหกคนนี่ ไหนจะชําแหละ ไหนจะยาง ไหนจะตองแบกขนกันไป เจาสอง
รพินทรนําทั้งหมดผละออกเดินจากที่นั่งพักกันอยู เลาะเลียบไปตามแนวชายหาดของลํา
ธาร ซึ่งกั้นระหวางเขาใหญและปาราบไวขึ้นไปทางตนน้ํา ภูมิประเทศทั้งสองฝงสวยสดงดงามไป
ดวยธรรมชาติ ดานหนึ่งเปนดงดินอันทึบทะมึน หนาแนนไปดวยไมใหญดึกดําบรรพ แตละตนสูง
ทะยานเยีย่ มเมฆ อีกดานหนึง่ เปนปาเตี้ยประเภทพลวงและกระชิด มีโขดแกงหินงอกอยูเปนฉากชัน้
ระเกะระกะรูปลักษณะตางๆ ธารบางตอนก็มีแนวน้าํ ไหลกวาง และบางตอนถูกบีบลงมาเปนรอง
เล็กนิดเดียว ซึ่งฤดูนี้น้ําแหงทิ้งพื้นลําธารสวนใหญ ใหเหลือแตกรวดทรายเปนหาดโลงออกไป
นากฝูงหนึ่งประมาณ 7-8 ตัว สงเสียงรองเอ็ดดําผุดดําวายอยูในตําแหนงธารน้ํากวางเบื้อง
หนาตอนหนึ่ง พอเห็นกลุมคนเดินพนโคงตลิ่งลงมา ก็พากันวิ่งขึน้ ฝงหายเขาไปในซอกโขดหินใหญ
นกกระลุมคูขันพูอยูบนยอดยางสูง สลับไปกับเสียงเจาะโพรงไมถี่รัวของนกหัวขวาน แดดเหลือง
อรามลงเปนลําดับ
ทุกคนตางเดินกันไปโดยไมเรงรอนอะไรนัก และอยูในอารมณปลอดโปรง เพราะ
ธรรมชาติอันงดงาม และบรรยากาศที่ระรืน่ โดยเฉพาะอยางยิ่งดาริน นัยนตาของหลอนเปนประกาย
แทบจะลืมความเหน็ดเหนื่อย และเรื่องอันตื่นเตนแทบจะถึงเลือด ถึงชีวิตหมดสิ้น หลอนเดินเลาะ
ชิดชายน้ําชมนกชมไมไปอยางเพลิดเพลิน
ไมนานนักก็มาถึงตําแหนงทีร่ พินทรกําหนดไว มันดูเหมือนจะเปนบริเวณที่รื่นรมยที่สุด
ภายใตชะงอนเวิ้งผา ซึ่งมีลักษณะเหมือนฝาหอย หรือมิฉะนั้นก็มีใครมาเจาะควานไว พื้นทราย
บริเวณนั้นละเอียดขาวสะอาดและโลงเตียน มีกอนหินนอยๆ งอกขึน้ เปนหยอมๆ สลับสีสันวิจิตร
ประหนึ่งใครเอาแกวตางๆ สีมาแกลงประดับไว เวิ้งนัน้ ใชแทนผนังหรือกําแพงกัน้ ดานหลังไดโดย
ไมตองหวง ซ้ํายังมีหลังคากันฝนหรือน้ําคางเปนอยางดี คงจะมีแตดา นหนาเทานั้นที่เปนหาดโลง
ออกไปถึงสายธาร และขามฟากหางไปประมาณ 30 เมตร เปนปาสูงเชิงเขาใหญสามารถจะสํารวจ
มองเห็นอะไรไดอยางชัดเจนโดยไมมีมุมอับ
พอมองเห็นชัยภูมิอันแสนสบายเชนนัน้ ไชยยันตก็ผิวปากหวือออกมาลมตัวลงนอนหงาย
แผหลา
“ทําไมละครับ?”
อีกฝายหนึ่งยักไหล
“เราสนิทกันมากเกินไป เห็นกันมาแตเด็กๆ ความจริงผมรักเขามากทีส่ ุด แตเปนความรัก
ชนิดเดียวกับทีเ่ ชษฐาและอนุชามีตอเขา เขาเองก็มีความรูส ึกเชนเดียวกัน เราสี่คน เชษฐา อนุชา ผม
และดาริน เคยถูกพี่เลี้ยงคนเดียวกันจับอาบน้ําพรอมๆ กัน”
ภายหลังจากนิง่ เงียบไปนาน รพินทรก็หลุดปากถามแผวเบาออกมา โดยที่ตนเองก็ไม
ตั้งใจ
“แลวคุณหญิงละครับ ไมเคยรักใครเลยหรือ?”
ไชยยันตหวั เราะ ตามนิสัยอันเปดเผยตรงไปตรงมาของเขา
“โอย! นอยนะเหรอจะรักใคร ธาตุของผูหญิงแทบจะไมมีอยูในตัวเลย คุณก็เห็นอยูแลว
เพื่อนผูชายของเขามากมายกายกองก็จริงแตตัวเขาก็เหมือนๆ กับผูชายคนหนึ่ง แลวผูชายคนไหนจะ
กลารัก”
“แลวคุณไชยยันตละครับ มีผหู ญิงที่หมายตาไวแลวหรือยัง?”
จอมพรานคงถามเรื่อยๆ อยูในกระแสเสียงเดิม คราวนี้ผูถูกถามหัวเราะลั่น
“ผมยังไมมีแฟนหรอก รพินทร มีใหเกิดหวงทําไม สงสัยคูสรางยังไมเกิด วาถึงตัวคุณเอง
บางเถอะ”
“ก็คงอยูในความหมายอยางเดียวกับคุณนั่นแหละครับ เพิ่มเติมดวยเหตุผลจําเปนอีกสอง
ประการ คือหนึ่งฐานะอันหาเชากินค่ําของผม และสองชีวิตที่กรากกรําอยูแตในปา...” แลวเขาก็
หัวเราะออกมาบางอยางขันๆ
“ถาบังเอิญกาลขางหนาผมจะมีภรรยาสักคน คงไมแคลวผูหญิงบานปาแนๆ รูปการณ
สิ่งแวดลอมมันบอกชัด”
“ก็ไมแนนัก เรือ่ งของคูสราง...บุพเพสันนิวาส...”
ไชยยันตพูดเนิบๆ น้ําเสียงหนักแนนจริงจัง
“อยูกันคนละฝงฟายังมาพบกันได ถาฟากําหนด”
“บา!”
ดารินคอนขวับ ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
“มีสบู มีแปรง มีผาเช็ดตัวมาครบเชียวนะ”
“เรื่องของฉัน...ฉันแบกของฉันมาเอง ไมไดทําใหใครหนัก”
“มีลิปสติก ครีมรองพื้น ฝุนปดหนา อายแชโดว แลวก็กระจกมาดวยหรือเปลา?”
“บาๆๆ อยามายั่วนะ ตาไชยยันตนี่ ตั้งแตริอานสุงสิงกับพรานใหญ ติดนิสัยยัว่ ประสาท
มาอีกคนหนึ่งแลว โรคติดตอหรือยังไง?”
รพินทร ไพรวัลย กะพริบตาปริบๆ กลืนน้ําลายลงคออยางยากเย็น ไชยยันตหวั เราะ
“มันเรื่องอะไรกันละ ที่ไปพาลเอากับรพินทรเขา เขาอยูดีๆ แทๆ นอยนีก่ พ็ ิลึก”
พี่ชายพูดปนหัวเราะ หลอนคอนกราด
“ไมรูหรือคะ เห็นนั่งซุบซิบอะไรกันอยู”
ไชยยันตหนั ไปสะกิดรพินทร บอกหนาตาเฉยวา
“โธเอย กรรมของคุณแทๆ แตไมเปนไรนะ เราเปนลูกแกะ ใครๆ เขาก็ร”ู
“ออ นี่หาวาฉันเปนหมาปางัน้ ซิ!”
แสนงอนประจําปาเอ็ดตะโรลั่น
“เออแนะ จํานิทานอีสปเรื่องนี้ไดแมนเหมือนกัน...”
พรอมกับพูด ไชยยันตขยับตัวบิดขี้เกียจปดปากหาว
“เห็นจะตองสระสรงคงคามั่งแฮะ เหนียวตัวเหลือเกิน นอยนี่รอบคอบแท อุตสาหเอาสบู
มาดวย”
วาแลว เขาก็เอือ้ มมือไปหยิบสบู แตเจาของสบูตีมือเผียะ ตวาดแหว
“ไมให! นอกจากพี่ใหญแลว ใครจะเอาสบูของฉันไปใชไมไดเด็ดขาด ใครจะสระสรงคง
คายังไงก็เชิญ ทรายริมหาดโนนแนะเยอะแยะไป ใบขอยก็ได เอาขัดขีไ้ คลเขา พูดมากดีนกั แลวไม
วายจะมาขอสบู”
ไชยยันตหนามอย
“โธๆๆ นี่เห็นเปนปลาไหลไปเสียแลวหรือยังไง จะไดเอาทราบกะใบขอยขัดตัว ยืม
หนอยนา ใจดําไปได”
“บอกวาไมใหใชอยางเด็ดขาด ไมไดยนิ เรอะ คาที่ปากดีนัก จะตองมาพึ่งสบูฉันทําไม
วานใหไปนั่งเปนเพื่อนหนอยก็ขี้เกียจ เกี่ยงกันอยูน ั่นแหละ จนพี่ชายเขาอดรนทนอยูไมได ตองไป
นั่งเปนเพื่อนให นี่นะหรือสุภาพบุรุษ”
“ก็เธอเลน ‘โนพีช’ อาบน้ําแบบนี้ สุภาพบุรุษที่ไหนเขาจะอยากไปนั่งเปนเพื่อน นอกจาก
บุรุษที่ไมสุภาพ อยางอื่นเตรียมมาไดสารพัด จะเตรียมชุดอาบน้ํามาสักชุดก็ไมได...”
ไชยยันตบน แลวหันมาทางรพินทรผูนั่งสงบเฉยอยู
พยักหนาชวน
“ไมใหสบู เราก็ไมงอนิ รพินทร ไป! ไปอาบน้ํากันมั่งดีกวา ประเดีย๋ วตะวันตกดินแลว
ขืนอาบเขาไปก็ชักตายเทานัน้ ”
“บอกกลาวเสียกอนดวยนะ ถาแผลถูกน้ํา เปนหนองละก็อยางมารองหาฉัน”
ดารินปองปากตะโกนไลหลังมา เพื่อนชายทําหนายนลอ โบกมือ
“พลาสเตอรของฉัน วอเตอรบรูฟ น้ําเขาไมไดหรอก แตถึงแผลจะเปนหนองก็รับรองวา
ไมยอมหาหมอที่ชื่อดารินหรอก หมอใจรายพรรคน”ี้
“ดีละ จําคําพูดของตัวเองไวใหดีเชียวนะ”
หลอนอาฆาต
แลวก็เอนตัวลงนอนพักอยางสบาย บนผืนผาใบที่ใชปูรองพื้นในบริเวณแคมป ใน
ระหวางที่สามชายชวนกันลงไปอาบน้ํา มือทั้งสองประสานกันวางไวบนอก หลับตาลง เสียงไชย
ยันตตะโกนขึน้ มาจากกลุมโขดหินริมธารอีกวา
“นอย! แลวกันซิ วา!...นอนอยูได เอาปนมานั่งคุมใหหนอยซิ พวกพองกําลังอาบน้ํา ไมมี
ปนสักกระบอก”
“ไมรูไมชี้!...”
หลอนตะโกนตอบลงไป ไมขยับตัว ไมลืมตา
“ถาเสือหรือชางมันโผลออกมา ก็ใหพรานใหญเขาตวาดไลมันไปก็แลวกัน อยามา
กวนใจ”
ไชยยันตจะตะโกนมาเชนไรอีก หลอนไมสนใจ นอนฟงเสียงชะนีและนกยูงรองสั่ง
สายัณห แลวก็ผล็อยหลับไปดวยความละเหี่ยจากการกรําหนักมาตลอดทั้งคืนและวัน
ทั้งสามอาบน้ําเสร็จเรียบรอยกลับมาที่บริเวณปางพัก ดารินก็ยังคงนอนหลับปุยอยูเชน-
นั้น ไมมใี ครรบกวนหลอน เพราะสงสารที่สมบุกสมบันมาทั้งวัน ขณะนั้นอากาศเริ่มขมุกขมัวเพราะ
ใกลค่ําเต็มที รพินทรเริ่มกอไฟสําหรับหุงหา สวนเชษฐาและไชยยันตนอนพักสูบบุหรี่คุยกันเบาๆ
ทันใดนั้น ทุกคนก็ตองสะดุงเพราะเสียงปนแผดคํารามกองขึ้นนัดหนึง่ สะทานไปทัง้ ปา
มันดังไมหางออกไปนัก เชษฐากับไชยยันตตะครุบไรเฟลคูมือที่วางอยูขางตัวขึ้นมา ดวยสัญชาต-
ญาณ สวน ม.ร.ว.หญิงดาริน ผูหลับสนิทอยู ตื่นพรวดพราดขึ้นมาดวยอาการตกใจ ทั้งหมดลุกขึ้นยืน
เตรียมพรอมราวกับนัดกันไว ยกเวนพรานใหญคนเดียว ผูยังนั่งอยูใ นอาการเดิม แตสีหนาฉงน เงี่ยหู
คอยสดับตรับฟงเสียงที่จะเกิดขึ้นตอไป
“แงซายกับเกิด...”
ไชยยันตกระซิบต่ํา
“ยิงอะไรก็ไมรู”
“เราตามไปดูกนั เถอะ”
เชษฐากลาวเร็วปรื๋อ
“ไมตองหวงหรอกครับ ไมมีอะไรหรอก...”
จอมพรานขัดขึ้นเรียบๆ ยิ้มใหภายหลังจากจับเสียง และทุกสิ่งทุกอยางเงียบกริบลง
ตามเดิม โดยไมมีอะไรกระโตกกระตาก
“ถาเสียงปนดังขึ้นนัดเดียวแบบนี้ ก็แปลวาสองคนนั่นคงจะยิงอะไรสักอยางหนึ่ง และก็
ไมมีอะไรรายแรงเกิดขึน้ ประเดีย๋ วเราก็รูวาเขายิงอะไร ใกลๆ นี่เองไมหางมากนัก”
คณะนายจางทัง้ สามเบาใจลง เมื่อไดยินคําพูดของเขา ตางทรุดตัวลงนั่งตามเดิม ดารินตา
สวางขึ้นในทันทีนั้น และไมคิดที่จะนอนตอไปอีก ทั้งหมดรอคอยการกลับมาของเกิดกับแงซายดวย
อาการกระสับกระสาย...ทายไมถูก
นอกจากรพินทร ผูดําเนินการหุงหาอยูปกติ
หาหกนาทีหลังจากนั้น เงาของชายสองคนก็ปรากฏลับมุมบังของโขดหินใหญริมธาร
เดินดุมตรงเขามา เกิดนําหนาแงซายตามมาขางหลัง มีสัตวอะไรชนิดหนึ่งแบกครอมมากับไหลดว ย
เหตุการณมันตรงกับการคาดคะเนของพรานใหญทุกอยาง
“กลับมากันแลว แบกอะไรกันมาดวยนะ”
ไชยยันตรองออกมาอยางยินดี
ทั้งสองเดินเขามาถึง แงซายเหวี่ยงสิ่งทีแ่ บกอยูลง มันคือเกงขนาดเขื่อง เกิดพูดพลาง
หัวเราะพลางวา
“พบตรงชายดงกระชิดใกลๆ นี่เองครับ ผมจะปลอยใหมันผานไปแลว แตแงซายบอกวา
นายหญิงไมกนิ เนื้อมหิงสา จะเอาเกงตัวนีม้ าฝากนายหญิง ผมก็เลยบอกใหเขายิง”
ดารินลืมตาโต หันไปทางหนุมกะเหรี่ยงพเนจร แลวรองแหลมออกมาดวยเสียงหวาน
“ขอบใจมาก-มาก แงซาย เธอรอบคอบและดีตอฉันมาก นารักเหลือเกิน ไมมีใครเขา
หวงใยคิดถึงฉันหรอก นอกจากเธอเทานั้น แหม! ดีจัง”
แงซายไมตอบเชนไร สีหนาอาการเฉยๆ ขรึมๆ อันเปนคุณลักษณะเดิม จัดการลากเกงตัว
นั้นไปริมลําธารเพื่อถลกหนังแลเนื้อทํางวนอยูคนเดียว เชษฐาถามเกิดถึงนอแรด แลวขอเอาไป
พิจารณาดู ไชยยันตเขามาชะโงกหนาดูอยูด วย
“ไดยินเสียงปนเมื่อตะกี้เลนเอาสะดุง”
อดีตนายทหารปนใหญ บอกกับพรานพื้นเมืองยิ้มๆ
“นึกวาแกกับแงซายลอกับชางเขาใหแลว เกือบจะตามออกไปอยูแ ลว ดีวาพรานใหญหาม
ไวเสีย”
“ผมเห็นวาตอนนี้เรายังไมไดแกะรอยอะไรในระยะติดพัน แงซายจะขอยิงเกงก็เลยใหยิง
คิดเหมือนกันแหละครับวาเสียงปนอาจทําใหพวกเจานายเขาใจผิด แตเรายิงนัดเดียวเทานั้น เปนการ
หาอาหาร แตก็เกือบไปเหมือนกันแหละครับ เกือบลอไอลายอีกตัว”
“ทําไม?”
“เกงตัวนั้น มันเผนหนีไอลายมาเขาทางปนพอดีครับ มันกําลังไลกันมา โชคไอลายดี
เหลือเกิน เพราะมันเห็นเราเสียกอน แวงตัวหลบเขาซุมไม ผมกําลังจะยิงมันอยูแลว เลยยิงไมทัน
แถวนี้เสือชุมไมแพหว ยยายทอง ถาอยากยิงเสือ คืนนี้ดักนั่งเฝาซากเจามหิงสาตัวนัน้ เปนไดยิงแน”
ดารินไลเกิดใหไปชวยแงซายจัดการกับเกงตัวนั้น พอทั้งสองชวยกันชําแหละเนื้อเสร็จ
ขนกลับมา เตายางแบบพิเศษของพรานใหญที่ขุดเปนรางไว ถานก็ระอุแดงฉานไดท่พี อดี มันก็เปน
เวลามืดสนิท ทั้งหมดนั่งลอมวงกองไฟ เชษฐาเอาบรั่นดีขวดใหญออกมาเปดแจกจายกันทั่วทุกคน
เนื้อเกงยางน้ํากําลังตก สงกลิ่นหอมหวนชวนใจใหทุกคนหิวกระหาย ทามกลางเสียงจักจั่นเรไรอัน
เปนดนตรีไพรบรรเลงขับกลอมอยู ตางพักผอนและสนทนากันอยางมีความสุข บรรยากาศกลางดง
ของค่ําคืนนี้ สดชื่นรื่นรมยเปนพิเศษ ภายหลังจากที่ไดแยกจากขบวนเกวียนใหญออกมา เต็มไปดวย
ความอบอุนและกันเอง มิตรภาพสัมพันธกระชับเกลียวระหวางกันและกันขึ้น อยางแนนแฟนทุก
ขณะ
หญิงสาวนั่งกอดเขามองดูไฟยางเนื้อทีก่ ําลังจะไดที่ แลวก็เอยขึ้นวา
“เสียดาย ทีไ่ มไดอยูแ คมปใหญของเรา ถามีอุปกรณครบ จะทําบาบิคิวเกงใหกิน”
“หายโมโหเตาแลวเรอะ?”
“ยังไมหายหรอก บอกกลาไวดว ยนะ เกงตัวนี้ขอสงวนสิทธิ์โดยเฉพาะ เพราะแงซาย
เจตนาหามาใหฉันกิน นอกจากฉัน แงซาย และพี่ใหญซึ่งยกเวนเปนพิเศษแลว คนอื่นแยงกินขอให
ลงทองตาย!”
หลอนพูดหนาตาเฉย ไชยยันตหันไปสะกิดรพินทร
“เราอุตสาหกอ ไฟยางใหเขาแทๆ จะนึกถึงบุญคุณก็หาไมนิรพินทรนิ คุณเอาเนื้อแรดที่
เกิดแลตดิ ตัวมา ยางปนเขาไปดวยไมใชหรือ พยายามยางสับกันใหดีเถอะ เปลี่ยนเอาเนื้อแรดใหคน
งกกินเสียใหเข็ด สวนพวกเราเลือกเนื้อเกงกินเสีย”
ดารินชูมือหงิกๆ ให
“มะเหงกนี่แนะยะ ฉันรูหรอก อยางไหนเนือ้ เกง อยางไหนเนื้อชนิดอื่น อยามาแหกตาเสีย
ใหยาก!”
ทุกคนหัวเราะอยางครึกครื้น
ทั้งสองเดินเขาไปสํารวจจนใกล พบรอยตีนของฝูงหมาในนรกที่ย่ําเอาไวกลาดเกลื่อนเต็ม
ไปหมด ธารน้าํ ที่มันบุกผานไปเมื่ออึดใจใหญๆ นี้ ก็ยังขุนคลั่ก ควายทัง้ ตัวพวกมันรุมกันกัดแทะกิน
เสียไมมีเหลือหรอ
“นึกวาจะเก็บไวเปนมื้อเชาอีกสักมื้อ ไอพวกหมานรกมาแยงกินหมด!”
เสียงเกิดสาบานผรุสวาท ตามหลังหมาในฝูงนั้นไปอยางหัวเสีย
รพินทรหัวเราะหึๆ
“ควรจะขอบใจเจาปา ที่ใหไอหมาในฝูงนัน้ พบซากควายตัวนี้เสียกอน มายงั้นกระดูกของ
แกจะกองแทนกระดูกควายนี่ ไปกลับกันเถอะ”
เขากับเกิดเดินยอนกลับมาทีแ่ คมป จากนั้นเกิดและแงซายก็นอน โดยพรานใหญทําหนาที่
เขายามแทน
ตอนปลายยามของเขาติดตอกับยามของแงซาย มีเสียงฟารองแววมาจากดานตะวันตก ตก
ไกลๆ และในระหวางยามของแงซายนั่นเอง พายุฝนก็ซดั กระหน่ําลงอยางลืมหูลืมตาไมขึ้น
ไฟที่กอไวทุกกองดับลงหมด
ทุกคนพากันตืน่ ขึ้นเพราะเสียงพายุที่ถลมปาและละอองฝน ชวยกันเอาผาใบผืนใหญขึง
กันฝนสาดทางดานหนาไว ตอจากนัน้ ก็นงั่ เบียดกันอยูใ นซองโพลงของชะเวิกผา ตัวสั่นสะทานดวย
ความหนาวเยือกจับขั้วหัวใจ
“เมื่อเย็นนี้ สัตวใหญลมถึงสองตัว ฝนเลยตกใหญ”
เกิดพูดดวยคางที่สั่นกระทบกัน ตางมองเห็นหนากันไดเปนระยะจากแสงฟาที่แลบอยูวูบ
วาบ และผาเปรี้ยงปรางอยูตลอดเวลาเทานัน้
“มันเกี่ยวอะไรกับที่สัตวใหญลม แลวฝนถึงตก”
เชษฐาถาม ขณะนี้ไมมีใครสามารถจะนอนลงไดเพราะพายุฝนอันแรงรายกาจ ปาทั้งปามี
อาการประหนึง่ วาจะถลมทลายลงดวยมหาวาตะและน้ําจากฟา ที่ซัดกระหน่ําลงมาปานมหาทํานบ
แตก
“พวกพรานปาเขาเชื่อกันวา ถามีสัตวลม ฝนจะตองตกตามธรรมเนียมครับ”
เปนเสียงตอบเรียบๆ จากพรานใหญในเงามือ
“แตนี่มันตกเกินธรรมเนียมไปเสียแลว หรือยังไงผูกอง!”
ไชยยันตสอดขึ้นดวยเสียงปนหัวเราะแปรงๆ ทุกคนตางมีความรูส ึกกระสับกระสาย
อยางไรบอกไมถูก โดยไมไดปริปากบอกกัน ฝนฟายิ่งทวีความแรงกลาขึ้นทุกขณะ เสียงไมใหญหกั
ลมอยูครืนโครม ระคนไปกับสายอสุนีบาต ทุกครั้งที่ฟาแลบมองเห็นปาลูระเนนไปดวยอํานาจพายุ
กลางสายฝนอันหนาทึบ แลวก็ดับวูบ ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอยางใหมืดทะมึนอยูใ นเหวนรกตอไป
มันเปนราตรีทนี่ าสยดสยองดวยภัยธรรมชาติขีดสุด!
31
สิ่งแรกที่คอยๆ เขามาสูความรูสึกของรพินทรก็คือ อาการสํานึกในขอทีว่ าชีวิตยังเปนของ
เขาอยู แตยงั ไมสามารถตระหนักแนวามันอยูในสภาวะใด สติสัมปชัญญะกลับคืนมาทีละนอย
จากนั้นโสตประสาทก็แววเสียงเรียกอยูใกลๆ อยางเรารอนกระหืดกระหอบ พรอมกับฝามือนุมๆ ที่
เขยาใบหนา
พรานใหญลืมตาโพลงขึ้นในบัดนั้น แรกที่สุดมันพรามัวไปหมดมองไมเห็นอะไรเลย
ครั้นแลว ตอมาก็ปรากฏภาพใบหนาของใครคนหนึง่ กําลังจับจองอยูท ี่เขาดวยดวงตาตืน่ ตระหนก
รุมรอนใจ ดวงหนานัน้ กมลงมาหางจากเขาเพียงเล็กนอย
ผูปลุกเรียกใหเขากลับมีความรูสึกขึ้นมาอีกครั้ง คือหมอมราชวงศหญิงดาริน วราฤทธิ์
นายจางสาวผูแสนหยิ่งนั่นเอง เขาก็ตระหนัก ณ บัดนีว้ า ตนเองนอนอยูบนจอมปลวกสูงอันมีผิวดิน
ชื้นแฉะตอนหนึ่งใกลปาพลวงริมธารน้ํา ซึ่งบัดนี้มีสายน้ําสีแดงไหลเชี่ยวกรากเต็มฝง เสื้อผาและ
รางกายเปยกชุม ไปดวยโคลนและทราย ราชสกุลสาวสวยผูเปนนายจางนั่งคุกเขาอยูข างๆ สภาพของ
หลอนไมผิดอะไรกับเขาในขณะนี้ เสื้อแจ็กเกตที่สวมใสเมื่อคืน และกางเกงเดินปาของหลอนขาด
เปนริ้ว ราวกับถูกกระชากดวยมีด อันเปนผลมาจากคมแงหินและกิ่งไมขะมุกขะมอมไปหมดทั้งตัว
กายของหลอนสั่นสะทานเปนลูกนก
ขณะนัน้ แสงอบอุนของตะวันสอดลอดลงมาจากยอดไมสูงเหนือศีรษะ ลําแสงของมัน
บอกใหรูชัดวาเปนเวลาประมาณ 3 โมงเชา
พรานใหญพรวดพราดลุกขึน้ นั่งโดยเร็ว จองสํารวจดูหลอนกอน นอกจากอาการฟกช้ํา
และบาดแผลถลอกเล็กนอย ทุกสิ่งทุกอยางของหลอนเปนปกติ
นั่นเปนสิ่งที่เขาตองขอบคุณสวรรค
แลวก็หันมาสํารวจตัวเองเปนลําดับตอไป อวัยวะทุกสวนยังพอจะใชการได แมจะเต็มไป
ดวยความขัดยอกระบมไปหมดทั้งตัว ไรเฟลประจํามือของเขา บัดนี้มันอันตรธานไปเสียแลวพรอม
ทั้งสัมภาระอืน่ ๆ นอกจากมีดเดินปาที่ตดิ อยูในเข็มขัดขางเอว และของเล็กๆ นอยๆ ที่อยูในกระเปา
เสื้อกางเกงเทานั้น สวนหลอนก็เชนเดียวกัน สวนหลอนก็เชนเดียวกัน คงมีแตปนสั้น .375 แม็กนั่ม
ซึ่งสอดอยูในซองคาดติดอยูก ับเอวพรอมกระสุนในรังเข็มขัด แลวก็ชุดเสื้อผาติดตัวที่ขาดรุงริ่งราว
กับนางไพร
เชษฐา ไชยยันต เกิด และแงซาย ณ บัดนี้ ไปอยูเสียที่ไหน?!!
ในสีหนาทีแ่ สดงอาการวิตกกังวลเหนือที่จะกลาว แววตาคูนั้นฉายแสงปติขึ้นเล็กนอย
เมื่อเห็นเขารูสกึ ตัวลุกขึ้นนั่งแลวเสียงแหบเครือของหลอน ก็ดังทําลายความเงียบงันขึ้นเปนประโยค
แรกวา
“คุณเปนอยางไรบาง?”
“คงไมเปนไรหรอกครับ คุณหญิงละ?”
พรานใหญยอนถามออกมาจากลําคออันแหงผาก จองหนาหลอนอีกครั้งแลวกวาดสายตา
ไปรอบๆ
“ฉันไมเปนอะไรมากนัก”
“แลวคุณชาย คุณไชยยันต เกิดกับแงซาย?...”
หลอนทําหนาเหมือนจะรองไห ยักไหล แลวทิ้งแขนทั้งสองลงขางตัวอยางหมดแรง จอม
พรานเมมริมฝปากเปนเสนตรง กลาวต่ําๆ เหมือนกระซิบ
“นี่แปลวาพวกเราถูกน้ําปา แทงซัดกระจัดกระจายแยกจากกันไปหมด คนละทิศละทาง
ทีเดียว เปนความผิดของผมเองที่ตั้งแคมปในเขตธารน้ํา นึกไมถึงวาฝนมันจะตกหนัก แลวทํานบ
แองน้ําใหญบนภูเขาลูกใหญตนธาร มันจะพังลงอยางกะทันหัน น้ํามันมาเร็วจนเราหนีกันไมทนั ผม
เองหมดความรูสึกไปในทันทีที่ภูเขาน้ําลูกนั้นซัดโครมลงมาถึงตัว”
“ฉันก็เหมือนกัน ความรูสึกมันดับวูบไปเลย”
หลอนคราง
“แลวคุณหญิงรูสึกตัวตอนไหน? ไปยังไงมายังไงกันนี”่
“ฉันบอกไมถูก”
หลอนพูดอยางงงๆ อยูในอาการเดิม กัดริมฝปากโดยแรง เคาหนากราดไปดวยรอยทุกข
กังวลเหลือที่จะกลาว
“ฉันมารูสึกตัวเมื่อประมาณ 20 นาทีที่แลวมานี่เอง พบตัวเองนอนติดอยูกับรากไทรใหญ
คนเดียว มองไมเห็นใครเลย ครั้งแรกที่รูสึกตัว ฉันตกใจแทบจะเปนบาตาย คิดวาตัวเองคงจะพลัด
หลงอยูคนเดียวในปา ฉันกูต ะโกนเรียกจนเสียงแหงก็ไมไดยนิ เสียงใครตอบ ยิงปนเรียกอีกสองชุด
ก็ไมไดยินเสียงปนของพวกเราคนใดตอบมาเลย แสดงวาในละแวกรัศมีเสียงปนนี้ จะตองไมมพี วก
เราอยูเลย ในทีส่ ุดฉันก็เดินเปะปะสงเดชมาตามบุญตามกรรมอยางนั้นเอง...”
ดารินกลืนน้ําลายอยางฝดๆ มองดูเขาดวยสายตาอันบอกไมถูก
“เดชะบุญเหลือเกิน ฉันเดินมาพบคุณนอนสลบอยูตรงนี้เขาพอดี เขามาตรวจคุณ เห็นไม
เปนอันตรายอะไรมากนักก็เลยปลุกเรียกขึน้ ฉันเรียกคุณอยูสักสองสามนาทีเห็นจะได คุณก็รูสึกตัว
ขึ้นนี่แหละ เหตุการณมันเหมือนฝนราย”
รพินทรคงนั่งอึ้งตะลึงอยูเชนนั้นเปนครูใหญ ความวิตกกังวลของเขาในขณะนีไ้ มยิ่ง
หยอนไปกวาหลอนเลย อะไรก็ไมสําคัญเทากับความเปนหวงผูรว มคณะอีกสี่คน ซึ่งไมมีสิ่งใดบอก
ไดวาปานนี้เปนตายรายดีอยูท ี่ไหน โดยเฉพาะอยางยิ่งเชษฐา กับไชยยันตอันเปนนายจางโดยตรง
การพลัดพรากหรือหลงกันในปา เปนเรื่องเล็กเหลือเกินสําหรับเขา ในการที่จะติดตามหา
ใหพบ สิ่งที่เขาวิตกกังวลขีดสุดในขณะนี้ อยูในขอที่วา กระแสน้ําอันแรงกลาที่ซัดปะทะลงมาอยางจู
ดารินรําพึงออกมาเบาๆ
เสียงเขาเอี้ยวบิดกาย กระดูกลั่นกรอบแกรบ แลวก็บอกมาวา
“น้ําปา มักจะจูโจมมาโดยไมทันรูเนื้อรูตัวอยางนี้แหละครับ บนเขาใหญตนธารเปนแอง
น้ํากวางใหญราวกับทะเลสาบ ฝนที่ปาบนคงจะตกหนักติดกันมาหลายวันแลว เก็บน้ําในแองไวจน
ลน ประกอบกับที่เมื่อคืนนีม้ ีพายุหนักเขาอีก หินบางแหงคงจะถูกพายุพังทลาย ทํานบแตก มันก็เลย
เทลงมา เหมือนเราเทน้ําจากกระบอก ผมเคยโดนน้ําปาเลนงานมาสองสามครั้งแลว แตไมรุนแรง
เหมือนครั้งนี”้
“เทาที่ฉันพอจะจําได เมื่อคืนนี้ พอคุณพูดยังไมทนั ขาดคําเลย วาใหพวกเรายายขึ้นบนฝง
ยอมเปยกฝน น้ํามันก็มาถึงเสียแลว นี่เราแทบไมมีอะไรติดตัวอยูเลย นอกจากเสื้อผาที่ใสอยู ไรเฟล
ของฉันกับคุณ ก็หลนหายไปหมด แลวเราจะเดินทางติดตามหาพวกนั้นไดยังไงกลางดงดิบแบบนี”้
หญิงสาวเอยอยางปลงอนิจจัง อเนจอนาถในโชคชะตา
“ผมมีมีดติดตัวเลมหนึ่ง คุณหญิงมีปนสั้นอีกกระบอกหนึ่ง แคนกี้ ็เหลือที่จะเพียงพอ
สําหรับการปองกันตัวยามคับขันที่สุด ผมเคยเดินมือเปลาเสียดวยซ้ํา”
“ปนสั้นกระบอกเดียวมันจะมีประโยชนอะไร สําหรับปาแบบนี”้
หลอนแยงอยางทอแท ปลดเข็มขัดออกมานับดูจํานวนกระสุนที่บรรจุอยูในรังเข็มขัด
พรานใหญลวงกระเปาเสื้อ หยิบซิบโปประจําตัวออกมาทดลองขีดจุด เปลวไฟจากไลทเตอรยัง
ทํางานไดดตี ามปกติ ปากก็ตอบมาเรียบๆ วา
“ปนสั้นขนาด .357 ของคุณหญิง ถารูจักใชใหถูกตองมันก็เปรียบเหมือนเรามีไรเฟล
ขนาดเบาะๆ อยูในมือทีเดียว คุณหญิงเองเปนนักยิงปนสั้นชั้นทอปมาแลว ไมนาจะกังวลอะไรเลย
เราเดินปากันในแบบรักษาตัวรอดเทานัน้ ไมใชหมายจะลาชางหรือแรด มีปนสั้นขนาดนี้ติดตัว
กระบอกเดียวก็เหลือหลายแลว นาขอบคุณสวรรคที่คุณหญิงมีเข็มขัดปนสั้นติดเอวอยูตลอดเวลา
แมกระทั่งเวลานอน วาแตลกู ปนเหลืออยูก ี่นัดครับ?”
หลอนสงเข็มขัด พรอมซองปนทั้งหมดใหแกเขา
“ฉันยิงเรียกคนไปแลว 2 ชุด สิบสองนัด เหลืออยูอีก 36 นัด กระสุนหัวแข็งแบบเจาะ
โลหะทั้งนั้น”
พรานใหญผิวปากหวือออกมาอยางพอใจ
“เหลือเฟอเกินพอเสียอีก ถาเราไมใชมันแตละนัดไปโดยเปลาประโยชน”
เขาสงเข็มขัดคืนไปใหหลอนตามเดิม คงดึงแตตัวปนออกจากซอง หมุนลูกโมสํารวจดู
กระสุน แลวเดาะขึ้นลงในฝามือ มันเปนปนแบบซิงเกิล้ แอ็คชั่นของรูเกอร ลํากลองยาวหกนิว้ ครึ่ง
กระบอกกะทัดรัดสวยงามยิม้ ดามงาสลักลวดลายพราวตาอาบนิกเกิ้ลไวขาวเปนมันวาววับ โดยลํา
กลองที่ยาวออกไปถึง 6 นิว้ ครึ่ง ชวยอํานวยผลการสงวิถีกระสุนใหมีความเร็วสูงขึ้นครบถวนตาม
อัตราโดยไมตกหลน ปนของหลอนกระบอกนี้ เขาเคยสงกระสุนเขาเจาะสมองวัวแดงมาแลวครั้ง
ทั้งสองเลาะลัดไปตามทางดานเล็กๆ ซึ่งมีรองรอยของน้ําปาไหลบาผานทวมไปเมื่อคืน
พอถึงโคนกอไผใหญ มุมทางแยกของปลายดานดานหนึ่ง ก็เห็นไกปาสองสามตัวกําลังจิกคุยขุยไผ
หาแมลงกินงวนอยู รพินทรงางนกปนอยู ยังไมทันจะยกขึ้นสอง หญิงสาวก็เหยียบกิง่ ไมแหงลั่นขึน้
เบาๆ ไกปาสองสามตัวฝูงนั้นพากันกระตากลั่นขึ้นอยางตกใจ แลวบินปรอหายวับไปกับตาราวกับ
นก พรานใหญจุปากเบาๆ พรอมโคลงศีรษะ แตแววตาประกายขันๆ อยูเชนเดิม ดารินพึมพําขอโทษ
“มันเปรียวเหลือเกิน ขนาดลูกกรดยาวยังไมคอยไดตัว ลําพังปนสั้นจะไหวหรือ
นายพราน”
หลอนพูดออมแอม
“มันก็ตองลองเสี่ยงดู อยางนอยก็ดกี วาเอากอนดินไลปา”
อีกฝายหัวเราะบาง ปายแขนเสื้ออันขาดรุงริ่งขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหนา
“คับขันถึงขนาดนี้แลว ยังไมวายคิดจะยั่วฉันอีกนะ”
“หิวไหม?”
“ไมหิวเลย มันมีแตความกลุม”
ระหวางดารินผูยังหมอบกระแตอยูริมพุมไม และรพินทรผูนั่งถางขาจ้ําเบาอยูอาการเดิม
ทั้งสองฝายกะพริบตาปริบๆ มองดูหนากันเอง โดยมีซากเจาปานอนสงบนิ่งคั่นกลาง
หลอนเปนฝายถลันยืนขึ้นกอน เก็บปน แลวก็ตรงไปฉุดเขาใหลุกขึ้น
“เปนอะไรหรือเปลา!”
พรานใหญเปาลมออกจากปาก ตายังจับนิง่ อยูที่ซากเสือราย แลวชีใ้ หดูที่หวั ไหลแทน
คําตอบ ตําแหนงนั้น เสื้อเดินปาผาหนาของเขาถูกกระชากขาดออกไปชิ้นเทาฝามือ และในขณะนี้ยัง
คาติดอยูที่ปากของไอดาว มันขย้ํากรงเขีย้ วพลาดเปาหมายไปนิดเดียว หาไมเชนนั้นไหลบริเวณนั้น
ของเขามีหวังแหลกยับ
“เสร็จกัน ไกเกย ไมไดกนิ ”
ทั้งสองผละเลี่ยงออกจากบริเวณที่ซากของไอวายรายนอนตายอยู เดินคนหาไกปาตอไป
คราวนี้ดารินเงยมองตามกิ่งไมเบื้องสูงอยูตลอดเวลาอยางหวาดๆ รพินทรสงปนสั้นคืนไปใหหลอน
ถือไว แตหญิงสาวสั่นศีรษะ เขาถึงกระซิบ
“คุณหญิงถือไวดีกวาครับ เพราะอาหารเชาของเราตองอาศัยมือของคุณหญิง”
“คุณเปนคนนําทาง เปนพรานคุมกันดวย เรามีปนอยูเพียงกระบอกเดียว เพราะฉะนัน้ มัน
ควรจะอยูที่คณุ เกิดฉุกเฉินอะไรขึ้นมาอีก ฉันคงไมสามารถรับสถานการณรายไดดีเทาคุณ”
จอมพรานยิ้มนอยๆ ชําเลืองดูใบหนางามที่เต็มไปดวยริ้วรอยของความกลัดกลุมกังวล
และขะมุกขะมอมนั้น เขาเขาใจดีวาหลอนปรารถนาความคุมครองปกปกษอยางแทจริงเปนครั้งแรก
ในยามวิกฤติการณเชนนี้ ดูแทบจะเปนคนละคนกับดาริน วราฤทธิ์ ผูที่เคยเห็น ณ สถานีกักสัตวของ
นายอําพล
แนละ ยามนี้หลอนเต็มไปดวยความวาเหวอยางที่สุด
ไหนจะวิตกเปนทุกขถึงพี่ชายและเพื่อน ซึ่งปานนี้ไมทราบวาเปนตายรายดีอยูเชนไร
ไหนจะหวั่นถึงอนาคตตนเองขางหนา อันยังเดาไมถกู วา มันจะเลวรายลงไปเพียงไหน ทามกลางปา
ลึกที่แวดลอมไปดวยภยันตรายรอบดาน ชีวิตและความปลอดภัยของหลอน ยอมฝากไวกับพรานนํา
ทางเพียงคนเดียวเทานั้น
รพินทรเดินไปตัดกระบอกไมไผจากกอใกลๆ เอาเถาวัลยรอยสําหรับสะพายแลวตักน้ํา
ขึ้นใสจนเต็มแทนกระติกน้ําระหวางทาง
หลอนมองดูเขาเงียบๆ อดที่จะนึกในใจไมไดวา คนคนนี้ชางคลองแคลวชํานาญไปเสีย
ทุกอยางในอาณาจักรไพรเถื่อน วิธีตัดกระบอกไมไผของเขาก็คือ ตัดใหตดิ ขอไวทั้งสองดาน ขอ
ดานบนเจาะไวเปนรูโตขนาดเทาปากขวด เพื่อปองกันไมใหน้ํากระฉอกหกในเวลาเดินแกวง เปนใจ
หลอน หลอนคงจะตัดขอบนออกทิ้งเสีย ปลอยใหกระบอกไมไผเปนทอกวางเทากับลําของมันแบบ
เดียวกับกระบอกน้ําตาล ที่แขวนไวรองรับน้ําหวานจากงวงตาล หรืองวงมะพราวทีพ่ วกชนบททํา
กัน ซึ่งถาเปนเชนนั้น เวลาแกวงมันตองกระฉอกออกหมดเปนแน
แลวเขาก็จัดการสะพายไวกับหลังของตนเอง
“สุภาษิตที่วา ‘อยาหวังน้ําบอหนา’ มาจากการเดินในปานี่เอง เราเดาไมไดวาหนทาง
ขางหนาจะเกิดอะไรขึ้นบาง เพราะฉะนัน้ การไมประมาทจึงเปนการดีที่สุด โดยเฉพาะอยางยิ่งเทาที่
สังเกตมา คุณหญิงหิวน้ําอยูบ อยๆ ดวย”
หลอนมองดูเขาดวยแววตาซาบซึ้ง
“ฉันรูวาฉันไมตาย ตั้งแตพบคุณแลว เราไปกันหรือยังละ?”
แทนคําตอบ รพินทรสงมือมาให ดารินจับมือเขาเหนีย่ วกายขึ้นยืน พรานใหญตดั ไมไผลํา
ขนาดขอมือมาอีกลําหนึ่ง ยาวประมาณวาเศษ จัดการเสีย้ มปลายในลักษระปากฉลาม เพื่อใชแทน
แหลนถือติดมือไปดวย ซึ่งเขาอธิบายใหหลอนทราบวา ในการเดินปาไมควรเดินมือเปลา อยางนอย
ที่สุดมีหอกติดมือไวสักเลมก็ยังดี และหอกก็สามารถจะหาไดงายๆ ในปาเหมือนเชนที่เขาถืออยูนี้
หลอนหัวเราะ อารมณขันเกิดขึ้นขณะที่เดินเคียงมาขางๆ
“คราวนี้ คุณก็กลายเปนตาพรานบุญไปแลววิ เพราะถือหอก”
“พรานบุญตองมีหนาไมอกี อันหนึ่ง แตนผี่ มไมมี”
แลวทั้งสองก็หัวเราะใหแกกัน...
ดารินถอนใจเฮือก
“แลวเราจะนอนกันยังไง ที่ไหน?”
“ค่ําที่ไหนก็นอนที่นั่น สวนจะนอนกันยังไงนั้นคอยพิจารณากันอีกที ผมสงสัยวาคืนนี้
เห็นทีคณ ุ หญิงตองเปนนางไมแนๆ”
“หมายความวายังไง?”
“ก็ถาจะตองนอนบนตนไมนะซิครับ สูงไวปลอดภัยกวาระดับพื้นราบ โดยเฉพาะอยางยิ่ง
เราไมมีไรเฟลเชนนี”้
“คุณรําคาญไหม ที่ฉันถามโนนถามนี่ยุงไปหมด”
“ไมรําคาญหรอก ดีเหมือนกันจะไดคยุ กันเพลินๆ เดินไมเหนื่อย ผมนะอยากจะชวน
คุณหญิงทะเลาะดวยซ้ํา จะไดชวยใหคณ ุ หญิงมีแรงเดินมากๆ”
ดารินหัวเราะออกมาอยางถอนฉิว ผลักหลังเขาอีกครั้ง
“ไมตองหรอกยะ! ฉันไมอยากจะทะเลาะอะไรกับคุณตอนนี้ เห็นหนากันอยูเพียงสองคน
แคนี้ ยังคิดจะชวนทะเลาะอีกรึ”
“ถึงวาซินะ”
เสียงตอบมาเบาๆ แลวหลังจากนั้น ตางก็ไมไดพูดอะไรกันอีก นอกจากจะเดินไปเงียบๆ
หลอนสังเกตเห็นลักษณะการเดินของพรานใหญ ผอนฝเทาลงกวาปกติเคยของเขามาก เหมือนจะ
ชะลอใหแกหลอนหลายตอหลายครั้ง ขณะทีแ่ หวกทางไปในปารกทึบ เขาดึงหลอนขึ้นมาเดินเคียง
ขาง และจับมือไวในลักษณะจูง สะกิดหลอนใหเดินหลบรังตอปาตัวขนาดหัวแมมอื ที่ทํารังอยูใน
โพรงไมริมทาง และกระชากหลอนกระโดดขามงูกะปะ ในขณะที่เดินมุดลอดเขาไปในลําหวย
อากาศในยามสายเริ่มทวีความอบอาวขึ้นทุกขณะ จนเหงื่อออกชุมโชกกาย หลอนขอน้ํา
กินจากเขาสองครั้งแลว ภายในเวลาเพียงชัว่ โมงเศษๆ ทีบ่ ุกปาฝาหนามเคียงขางกัน
“กลับไปถึงกรุงเทพแลว จะใหใหม”
“อยาหลอก กลับไปถึงกรุงเทพขี้ครานจะลืม”
“ไมหลอกซิ จริงๆ”
“เอา ทิ้งก็ทิ้ง”
วาแลวเขาก็ปลดนาฬิกาขอมือออก ขยับจะขวางทิ้งตามคําสั่งของหลอนโดยดี ดาริน
ตะครุบขอมือขางนั้นไว แยงนาฬิกาไปดู มันตายจริงๆ หลอนพิจารณาดูยี่หอ แลวตัง้ เข็มไขลาน มัน
ไมยอมเดินเอาเลย หญิงสาวหัวเราะลั่นออกมาปลงอนิจจัง
“โธเอย! เสียแรงเปนนายพรานใหญ ใสนาฬิกาเดินปาโปเกอะไรยังงีก้ ็ไมรู ทําไมนะจะ
ซื้อที่มันดีๆ หนอยไมไดเหรอ”
“เอาเงินที่ไหนมาซื้อละ ผมไมใชเศรษฐีน”ี่
“อะไรกัน ดักสัตวขายเทีย่ วหนึ่งๆ เปนเงินหมื่น ขนาดที่รับจางนําทางเรามานี่ก็เขกเสีย
เปนเงินแสนแลว”
“แลวผมไมตองใชอยางอื่นทีม่ ันจําเปนกวานาฬิกาแพงๆ หรือ?”
“พูดนาสงสาร”
“แตก็ไมเห็นสงสารเลย จางคนใหมาเสีย่ งชีวิตใหทั้งชีวติ พูดถึงคาจางสองแสนอยูน ั่น
แหละ ราคาชีวิตของรพินทร ไพรวัลย สองแสนบาท มันแพงนักหรือ ยอมใหใชสารพัด แมกระทั่ง
ใหนั่งเปนยามเฝาตอนอาบน้าํ หุงขาว ตมแกง แบกของ เปนทาสพรอมเสร็จ ยังตายแทนเสียอีกดวย
ถาจําเปน”
“จริงรึ?”
“ก็รูอยูแกใจแลว ไมนาถาม”
“จางใหมานําทางหรอกนะ ไมไดจางใหมาตายแทน”
“แตลูกจาคนนีก้ ็มองเห็นความตายของนายจางตอหนาตอตาไมไดหรอก ถาอยูในฐานะ
จะปกปกษไวไดแมจะหมายถึงชีวิตของตนเอง อยาวาแตรายกาจถึงขั้นเสียชีวิต ขนาดหนามจะ
สะกิดผิวใหเปนรอยก็ยังปรารถนาที่จะรับไวเสียเอง”
“ชื่นใจ!”
“ก็แคนั้นเอง”
“จะเอาอะไรมากกวานี้ละ”
“เพิ่มคาจางซิ”
“จะเอาอีกสักเทาไหร?”
“ตีราคาเปนน้ําใจดีกวา”
“น้ําใจที่มีปริมาณสักขนาดไหน?”
“มันอยูที่คนจะใหตะหาก เรียกรองเอาไมได ผิดกับคาของเงิน”
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็ผานหุบลึกทะลุออกมายังบริเวณลําธาร อากาศเริ่มทวีความอบ
อาวทุกขณะ แตสงัดลมแมแตใบไมกไ็ มกระดิก ฟาเริ่มมืดครึ้ม เมฆฝนลอยต่ําเสียดยอดไมสูง
รพินทรยิงเกงขนาดยอมไดตัวหนึ่งดวยปนสั้น ขณะที่มนั เตลิดตัดหนาในระยะกระชัน้ ชิด ระหวางที่
เขาถลกหนักแลเนื้อ ดารินเปนคนกอไฟ หลอนคลองแคลวพอใชสําหรับยามอับจนคับขันเชนนี้ โดย
ไมยอมใหตกเปนภาระของเขาคนเดียวเกินไปนัก ไมวาพรานใหญจะหามเชนไร
“ใหผมรับใชคณ ุ หญิงคนเดียวดีกวา”
เขาบอก แตหลอนสายหนายิ้ม
“เราชวยกันกลับดีกวาขึน้ ไปอีก อยานึกวาฉันจะทําอะไรไมเปนเสียเลยในภาวะเชนนี”้
แลวก็ชว ยกันยางเนื้อ กินขางกองไฟริมธารน้ําอีกมื้อหนึ่งไปตามมีตามเกิดพอใหหนัก
ทอง ความยากแคนกันดารและรวมอยูในสถานการณเชนเดียวกัน เปนสื่อกลางอันดีเยีย่ มสําหรับ
มนุษยเรา ที่จะใหเกิดการหยัง่ ซึ้งและเขาใจกันไดดีที่สุด
พระราชาก็อาจเปนมิตรแทของยาจกไดในภาวะเชนนี้
เดี๋ยวนี้หลอนรูจักธาตุแทของชายที่ชื่อ รพินทร ไพรวัลย เทาๆ กับที่เขาก็รูจัก หมอม
ราชวงศหญิงดาริน วราฤทธิ์ ไดดีขนึ้ หลอนไมใชผูหญิงสามัญธรรมดาที่เขาเคยเหยียดหมิ่นน้ําใจ
ขณะที่ชว ยกันยางเนื้อไวเตรียมเปนเสบียงเผื่อไวสําหรับมื้อตอไปนั่นเอง ก็มีเสียงวิง่ สวบ
สาบปะทะพุมไมแววเขามาใกลจากสัตวอะไรชนิดหนึ่ง โดยไมตองเตือนหรือบอกกลาวอะไรทั้งสิ้น
เสียงของหลอนแหบพราไปอยางสยองใจ พรานใหญสั่นศีรษะ
“หนีขึ้นตนไมสูงๆ เสียก็ปลอดภัย การหลบหลีกจากพวกมันไมยากเย็นอะไรนัก และแต
ละคนพวกเราก็คงมีสติดีพอที่จะคิดถึงความจริงในขอนี้ได ถาบังเอิญเขาพบมันเขา”
แลวเขาก็เลาใหหลอนฟงถึงเหตุการณเมื่อคืนที่แลว กอนที่ฝนจะตกใหญและเกิดน้ําปา
ขึ้น ดารินพอรูเ รื่องก็แทบผงะ
“ทําไมคุณไมปลุกพวกเราขึ้นบาง ในตอนที่มันลงมากินซากมหิงสาตัวนั้น”
“ผมเห็นวายังไมมีอันตรายรายแรงอะไร ก็เลยไมไดปลุก และเห็นวาเหนื่อยกันมาทั้งวัน
แลว อยากจะใหพักผอนเต็มที่ มีผม เกิด แลวก็แงซายสามคนเทานั้น ทีต่ ื่นขึ้นรูสึกตัวในขณะที่พวก
มันผานมา สงสัยวาจะเปนฝูงเดียวกับไอฝูงนี้นี่แหละ ตั้งใจวาจะเลาใหฟงในตอนเชา ก็พอดีเจอ
น้ําปาเขาเสียกอน”
วาแลว ก็กมลงหยิบหอกไมไผที่ทิ้งไวโคนตนไทรขึ้นมา พยักหนาชวนหลอนใหออกเดิน
ตอไป
ขณะที่ผานบริเวณหุบลึกตอนหนึ่ง หญิงสาวก็หยุดชะงักเพราะไดยินเสียงอะไรชนิดหนึ่ง
แววตามลมมา ประสาทของหลอนเร็วพอใชทีเดียวในภาวะเชนนี้ รพินทรเองก็เงี่ยหูเพราะเขา
สําเหนียกคอยจับฟงเสียงอยูก อนแลว เสียงแรกมันเปนเสียงรองของนกชนิดหนึ่งที่เหมือนคน
หัวเราะหาวๆ ตอมาเปนเสียงคลายๆ ขวานกระทบไมดังมาไกลแสนไกล
“หูฉันฝาดไปหรือเปลา”
ดารินหันมากระซิบ
“คุณหญิงไดยนิ อะไรหรือ?”
“เสียงเหมือนคนตัดไมไกลๆ”
พรานใหญสงบฟงอยูอึดใจ โดยแยกเสียงเสียดสีเปนจังหวะของกอไผ และเสียชะนีทรี่ อง
ไกลมาจากยอดไมเชิงเขาลิบๆ เสียงประหลาดนี้ดังขาดๆ หายๆ ไป เมื่อลมโชยพัดมาก็แววถนัดเสีย
ครั้งหนึ่ง
“ใชแลวครับ เสียเหมือนคนโคนตนไม แตไกลเหลือเกิน เห็นจะไมตา่ํ กวา 3-4 กิโลเมตร
ทางดานเหนือ”
“แปลวาควรจะมีคนอยูทนี่ ั่นซิ?”
หลอนถามโดยเร็ว
จอมพรานเมมริมฝปาก หันกลับไปพิจารณาดูลูกเขาที่ผานลงมาอีกครั้งแลวทําหนางง สั่น
ศีรษะชาๆ
“ความจริงในละแวกสิบกิโลเมตรนี่ ไมมหี มูบานชาวปาเลยครับ จะวาพวกกะเหรี่ยงที่ผา
เยิงมาตัดไมแถวนี้ก็ใชที่ เพราะมันหางไกลกันเหลือเกิน แตกไ็ มแนเหมือนกัน พวกกะเหรี่ยงอพยพ
ยายถิ่นที่อยูเสมอ อาจมาตั้งหมูบานแถวนีข้ ึ้นใหม”
“ถาสมมติวาเสียงนี้เปนเสียงตัดไมจริง อันแสดงวามีคนกําลังตัดไมอยู เราก็ควรจะไปที่
นั่น ถาพบชาวปาเราอาจถามขาวคราวถึงพวกเราไดบาง คุณคิดอยางฉันหรือเปลา?”
ความเห็นของหลอนแยบยลทีเดียว พรานใหญกมศีรษะ
“ก็ดีเหมือนกันครับ เราลองเดินหาพวกตัดไมดู นี่กจ็ วนจะค่ําเต็มทีแลว เผื่อพบหมูบาน
นอกจากจะถามขาวพวกเราแลว เราจะไดอาศัยพักทีน่ ั่นดวย”
“ถางั้นคุณนําซิ”
รพินทรตัดแยกจากดานชางเขาปาฟากซายมือโดยมีดารินสาวเทาตามติดมาดวย เลาะลัด
ขึ้นไปตามเชิงเขา แตแลวทันทีนั้นเอง ขณะที่ทั้งสองผานใกลหนาผา มีโขดหินใหญราวกับปากทวาร
ยืนตระหงานอยูสองลูกในระหวางตะเคียนคู ก็ตองหยุดชะงักลงอีกครัง้ กะทันหัน...
32
หางในระยะไมเกินสิบกาว ใตชะงอนหินใหญอันเปนโพรงลึกเขาไปในลักษณะถ้ํา สัตว
สามตัวกําลังคลานปวนเปยนอยูที่นั่น ครัง้ แรกมองดูเหมือนแมวปา แตหูที่มนกวา ตัวซึ่งอวนกลม มี
ขนปุกปุยมากกวา และลักษณะที่คลานเตาะแตะ ตบกัดฟดกันเองกลิ้งไปมาในลักษณะเลนอันซุกซน
จึงรูวามันเปนแตเพียงลูกออนๆ อายุไมเกิน 8 อาทิตยของเสือลายพาดกลอน
ดารินอุทานอะไรออกมาคําหนึ่งในลําคอ ดวยความตื่นเตนดีใจ ลูกเสือทั้งสามตัวกําลัง
นารักนาเอ็นดูทีเดียว สําหรับผูที่ไดพบเห็นมัน
เพราะระยะทีพ่ บโดยใกล และเสียงรองเบาๆ ของหญิงสาว ทําใหเจาโครงนอยผูไร
เดียงสาทั้งสามตัวพากันลุกขึ้นหันมามอง แลวมันก็วิ่งเรียงแถวเปนพรวนเขามาหาหลอน ตะกาย
พัวพันคลุกคลีอยูที่ขา หญิงสาวตาเปนประกายเปลงเสียงอุทานสดใสอยูเชนนั้น ทรุดตัวลงอุม
ลูกเสือทั้งสามขึ้นมาโอบกอดลูบคลําอยางแสนรัก หลอนจับตองเลนหัวกับลูกเสือที่กําลังซนนารัก
เหลานั้น กอนที่รพินทรจะขัดขวางหรือหามปรามเชนไร
หลอนทําหนาตื่นประหลาดใจเล็กนอย เมื่อรูสึกวาถูกกระชากไหลใหลุกขึ้นยืนโดยเร็ว
ยิ่งฉงนสุดขีดเมื่อเห็นแววตาและสีหนาอันเครียดนากลัวของเขา บัดนี้ปนสั้นในซองขางเอวของ
หลอนถูกเขากระชากไปกุมกระชับมั่นไวในมือ สอดสายสายตาอยางรอนรนไปรอบดาน
“คุณหญิง! อันตรายที่สุด ไปจับลูกมันทําไม?”
เสียงของเขาเกือบเปนตวาด ดารินหนาตืน่
“ทําไมหรือ?”
โดยไมพดู อะไรอีกแมแตคําเดียว พรานใหญฉุดแขนหลอนใหหางออกมาจากลูกเสือ
โครงเหลานั้น ดึงหลบเขาไปกําบังอยูหลังโขดหิน กวาดสายตาไปรอบๆ ลูกเสือพยายามวิ่งตามเขา
มาพันขาอีก แตเขาเตะพวกมันกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง ดารินรองแหลมออกมาอยางโมโห
อาปากขึ้นแตตอ งหยุดชะงักคาง ลืมตาโพลงเชนนั้น เพราะฝามือขางหนึ่งของพรานใหญตะครุบปาก
ไวมั่น
“เงียบ!”
น้ําเสียงนัน้ เฉียบขาดชนิดหลอนไมเคยไดยินมากอน
ระหวางทีห่ ลอนยังยืนงงไมรูเรื่อง และเต็มไปดวยโทสะในอาการของเขา รพินทรเมม
ปากแนน เหงือ่ ผุดซึมเต็มใบหนา...แหงนกราดมองไปยังตนไมรอบดาน แลวมาจับนิ่งอยูที่ตะเคียน
ใหญตนหนึ่งใกลๆ กระชากแขนหลอนตรงไปที่นั่นโดยเร็ว ผลักหลังหญิงสาวบุยปากขึ้นไปบน
ตนไม พูดเร็วปรื๋อแทบไมหายใจ
“ยังไมตองถามอะไรทั้งนั้น ขึ้นไปเร็ว...ขึน้ ไปใหสูงที่สุดเทาที่จะสามารถ”
สีหนาและแววตาตลอดจนอาการของเขา ทําใหหลอนไมอาจที่จะตอลอตอเถียงอะไรอีก
แมจะยังเต็มไปดวยปญหา หลอนจําใจตองปฏิบัติตามคําสั่งของเขา ไตตามกิ่งเถาวัลยที่พันอยูตามลํา
ตนขึ้นไปอยางรวดเร็ว ในขณะที่รพินทรยืนคุมอยูขางลาง ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงคาคบใหญสูงจากพื้น
ประมาณ 17-18 ฟุต พรานใหญโบกมือใหหลอนไตขึ้นไปอีก แตหญิงสาวสั่นหนาเปนความหมายวา
หมดความสามารถ เพราะระยะของลําตนที่สูงชะลูดขึ้นไปตอนนั้น ไมมีกิ่งพอที่หลอนจะอาศัยเกาะ
ขึ้นไปอีกแลว นอกจากลําตนโดดๆ เหมือนตนหมากหรือมะพราว ซึ่งหลอนไตตนไมชนิดนั้นไม
เปน
รพินทรยืนสงบนิ่ง ตาคมไวจับอยูที่นั่นอึดใจเดียว ก็เริ่มเคลื่อนไหวอยางระมัดระวัง
สํารวจดูบริเวณนั้นโดยตลอด พบวาใตชะงอนหินตําแหนงนัน้ เปนซอกถ้ําลึกเขาไปประมาณ 10
เมตร ภายในเต็มไปดวยกองกระดูกขาวโพลน ไมมีปญ หา มันเปนถ้ําพักของนางลาดพาดกลอนตัวที่
เปนแมของเจาเล็กๆ สามตัวนี้แนๆ
รอยของมันย่ําไวเปนเทือกบนพื้นดินออน ที่หางออกมาเล็กนอยทั้งรอยเกาและรอยใหม
โชคดีเหลือเกินที่นังแมของมันไมไดอยูในบริเวณถ้ําดวยในขณะนี้ แตมันจะตองวนเวียนกลับมาดู
ลูกมันภายในเวลาไมนานนัก หรือขณะนีอ้ าจกําลังใกลเขามาแลวก็ได
รพินทรสํารวจลูทางคราวๆ แลวปราดตรงมาที่ลูกพยัคฆรา ยทั้งสามตัว และโดยไมสนใจ
คํานึงถึงเสียงรองหามเสียงหลงของดาริน ที่ตะโกนแหลมลงมาจากตนไม จอมพรานชักมีดเดินปา
ออกจากซองขางเอว กระหน่ําฟนลูกเสือเหลานั้นชักดิ้นชักงอตายหมด แลวกระโจนขึ้นตนตะเคียน
ตนเดียวกันกับหลอนไตขึ้นไปโดยเร็ว
จอมพรานถอนใจหนักหนวงจองหนาหลอนนิ่งดวยความเปนหวง จะเขมแข็งกลาหาญ
สักเพียงใดก็ตาม ดาริน วราฤทธิ์ ก็คือผูหญิงนั่นเอง และบัดนี้ อาถรรพณของปาใหญคุกคามหลอน
เขาใหอยางหนักเสียแลว
“โธ! คุณหญิงครับ ทําไมเห็นอะไรเปนตุเปนตะนากลัวถึงเพียงนั้น ผมไมเห็นอยางที่
คุณหญิงวานี่เลยสักนิด คุณหญิงตาฝาดไปแทๆ”
น้ําเสียงของเขาเต็มไปดวยการปลอบขวัญออนโยน
“ผีสางที่ไหนกัน เทาที่ผมเห็นมันโผลมาครั้งที่สามนี่ มันก็ลากชาวปาตัดไมมาอีกศพหนึ่ง
มันคาบลากมาครับ ไมใชคนคนนั้นขีห่ ลังมันมาอยางที่คณ ุ หญิงเห็น และที่วามีเสียบตบมือนั้นนะ
ความจริงผมตบขึ้นเองเพื่อเรียกความสนใจของมันใหแหงนมองขึ้นมาพบเรา เพราะตองการจะหา
โอกาสยิงใหถนัด พอมันไดยินเสียงกระโจนขึ้นมาผมก็ยิง เห็นไหมครับนอนตายอยูนั่น สวนศพที่
สามซึ่งมันคาบมาก็นอนอยูต รงนั้น”
“คุณไมไดเห็นอยางที่ฉันเห็นหรอกรึ?”
หลอนรองแหบแหง รพินทรหัวเราะเบาๆ จับตัวหลอนไวแนน รูสึกวากายของหลอน
รอนผาวเหมือนไขกําลังขึ้น
“คุณหญิงถาจะไมสบายเสียแลวละครับ ตัวรอนผาวทีเดียว เหตุการณมันสั่นประสาท
คุณหญิงมากเกินไป เชื่อผมเถอะ คุณหญิงตาฝาดไป มายก็อุปาทานหลอนตัวเอง”
“แตฉนั เห็นอยางนั้นจริงๆ เห็นแมกระทั่งลูกตาวาวของคนที่นั่งอยูบนหลังของมัน และ
ใบหนาอันนาเกลียดนากลัวที่สุด เห็นทาทีคนคนนั้นยืนถมึงทึง ชี้มือมาที่เราแลวเสือก็มองตาม ตอน
ที่คุณยิงเสือคว่าํ ลงไปฉันก็เห็น พอเสือลมหยุดดิน้ คนที่ยนื แยกเขี้ยวชี้มอื อยูก็พลอยลมตายไปดวย”
หลอนยืนยัน จอมพรานสั่นศีรษะชาๆ
“คุณหญิงเปนแพทย เปนนักวิทยาศาสตร เปนนักศึกษาชัน้ สูง โปรดนึกถึงหลักของความ
จริง แลวคุณหญิงก็จะรูว า สิ่งที่เห็นนั้นมันเกิดจากมโนภาพของคุณหญิงเอง และสิ่งแวดลอม
ตลอดจนสุขภาพและประสาทที่เริ่มจะออนแอลง อันเนื่องมาจากการกรากกรําหนัก ผมเคยย้ําเตือน
ในเรื่องนี้ไวหลายครั้งแลว และผมก็อยูดว ยทั้งคน ยืนยันกับคุณหญิงเชนนี้ ทําไมคุณหญิงจึงเชื่อภาพ
ลวงตาถึงเพียงนั้น”
หลอนหลับตาอีกครั้งหนาเผือดซีดเต็มไปดวยทุกขทรมาน ซบหนาลงกับไหลกวางของ
เขาสะอื้น
“มันคืออะไรกันแน...ทําไมฉันจึงเห็นเชนนัน้ ...เห็นจริงๆ! มันอาจเปนไดที่คณ ุ เห็นมุม
หนึ่ง แตฉันเห็นอีกมุมหนึ่ง ทั้งๆ ที่เหตุการณมันก็เปนอันเดียวกัน โอย! ฉัน...ฉันทนไมไหวแลว
ทําไมฉันถึงหนาวอยางนี”้
“คุณหญิงกําลังจับไขแลวละครับ”
“ในที่สุดหมอเองก็กลายเปนคนไขใหพรานรักษาเสียแลว”
หลอนครางแผวโหย อีกฝายหนึ่งยิ้มปลอบใจ สีหนาและแววตาคูนั้นชวยใหหลอนอบอุน
ขึ้น
“อยาคิดอะไรใหมากเลยครับ พรานเองก็เคยรอดชีวิตจากสัตวปา โดยการยิงคุมกันจากมือ
ของหมอมาแลว มันขึ้นกับเหตุการณและโอกาสเทานัน้ คุณหญิงพอมีกําลังไตลงจากตนไมนี่ไหม
ครับ เราจะเดินอีกสักสิบนาทีกอนปาจะมืดสนิท แลวหาที่พักนอนคืนนี้ใหเหมาะๆ กวานี้สักหนอย”
หญิงสาวเหลือบตาลงไปเบื้องลางอยางสยองใจ
“ฉันไมกลาที่จะลงไปเหยียบพื้นดินขางลางนี่อีกแลว จนกวาจิตใจฉันจะดีกวานี้ กําลังใจ
ฉันออนแอเต็มทีในขณะนี้ ฉันไมเคยกลัวอะไรในชีวิตเทาครั้งนี้เลย”
“ผมนึกวาจะชวนคุณหญิง ไปเสียใหหางจากซากคนซากเสือเหลานี้เสีย เพื่อจะไดมี
กําลังใจดีขึ้น แตถาคุณหญิงไมกลาลงก็ไมเปนไรครับ”
จอมพรานกวาดสายตาลงไปเบื้องลางทามกลางเงาสลัวอันคลุมเครือนั้นอีกครั้ง
“ผมจะทําหางพออาศัยนอนไดบนนีแ้ หละ คุณหญิงรออยูบนนีก้ อนนะครับ ผมจะลงไป
ตัดไมประเดี๋ยวจะมืดเสีย”
วาแลวก็ขยับจะไตลงไป แตแลวก็ชะงัก เพราะมือของดารินจับไหลเขาไวบีบแนน ตาที่
จองประสานมามีแววผิดแผกไป พรานใหญเขาใจวาหลอนหวาดกลัวที่เขาจะผละจากลงไปเบื้องลาง
เพียงชัว่ ขณะ จึงหัวเราะพูดปลอบ
“ผมลงไปเดี๋ยวเดียวเทานั้นแหละครับ รับรองวาจะไมใหพนจากสายตาคุณหญิงเลย
คุณหญิงถือปนกระบอกนี้ไว”
“ฉันคิดวา”
หลอนพยายามบังคับเสียงใหเปนปกติ ตอสูกับอํานาจความหวาดหวั่นพรั่นพรึงอยาง
เต็มที่
“ความออนแอของฉันคงจะทําใหคุณลําบากใจไมใชนอยทีเดียว”
“ผมไมไดคิดอยางนั้นเลยครับ ตรงขามผมเห็นใจคุณหญิงเหลือเกินในภาวะเชนนี”้
“ฉันก็เห็นใจคุณเหมือนกันทีต่ ัวฉันเองออนแอเกินไป และขอบใจเหลือเกินที่ในสถาน-
การณเชนนี้ คุณพยายามเอาใจฉันหมดทุกอยาง ทั้งๆ ที่มนั อาจเปนผลเสีย คุณคิดหรือวาฉันจะยอม
“เทาที่สัญญาสิ้นสุดลง”
“แลวตอจากนัน้ ละ?”
พรานใหญถอนใจยาว เหยียดมือบอดขี้เกียจออกไปพลางปดปากหาว
“เจาหญิงก็คงจะไปตามวิถีทางของเจาหญิง ทาสก็คงไปตามทางของทาส...มันจะมีอะไร
นอกเหนือไปกวานี้?”
เพราะใบหนานั้นเมินไปทางอื่น อีกฝายจึงไมอาจจะเห็นริมฝปากบางที่เมมสนิทเขาหากัน
“เพราะอํานาจเงินอยางเดียวเทานั้นใชไหม ที่กอใหเกิดพันธะอันนี้ขึ้น?”
“ทาสคนนี้ไมมีสิทธิจะบังอาจพูดเปนอยางอื่นเลย เพราะทาสคนนี้รับเงินคาจางมาแลว
และก็ยอมรับวาตองการเงินคาจางนั้นดวย”
หลอนหันมามองดูเขาดวยสายตาตรง
“คุณนับถือเงินตราเปนพระเจาถึงขนาดนัน้ ทีเดียวหรือ รพินทร!”
กระแสเสียงของหลอนแผวเบาก็จริง แตมนั ชัดเจนที่สุด
รพินทร ไพรวัลย เบิกตากวางจองหนาหลอนเขม็งเหมือนจะไมเชื่อหู ริมฝปากที่ครึ้มไป
ดวยหนวดเครามีรอยยิ้ม ชะโงกเขามาใกลหลอนถามเสียงสูง
“ไหน? เจาหญิงพูดวายังไงนะครับ ทางฟงไมถนัดเลย พูดซ้ําอีกครั้งเถอะ”
หลอนกัดริมฝปาก แววตาเปลี่ยนเปนราวราน
“ฉันพูดวา คุณนับถือเงินตราเปนพระเจาถึงขนาดนั้นทีเดียวหรือ ฟงชัดหรือยัง?”
เขาสั่นหนาเอามือปองหู ชะโงกใกลเขามาอีก
“ไมใช! ประโยคนี้ดูเหมือนจะยังตกหลนอยู พูดใหครบประโยคเดิมซิครับ”
ดารินสีหนาประหลาดใจกึ่งฉิว
“เอะ! ตกหลนอะไรกัน ฉันก็พูดอยางนีแ้ หละ คุณวาตกอะไรหรือ?”
“ตกในตอนทายปดประโยคนะ วายังไงนะ กรุณาเอยใหครบเหมือนประโยคครั้งแรกซิ”
“คุณนับถือเงินตราเปนพระเจาถึงขนาดนัน้ ทีเดียวหรือ รพินทร!!”
จอมพรานสูดลมหายใจเขาเต็มปอด หลับตาลง เอามือกอดอดเอนหลังพิงผนังหิน พึมพํา
“ชื่นใจ...”
ดารินขมวดคิว้ งงๆ
“อะไรกันนี่ หมายความวายังไง คําถามของฉันชื่นใจคุณนักหรือ?”
“คําถามมันบาดใจ...” เสียงตอบเนิบๆ ยังหลับตายิ้มอยูเชนนั้น “แตชื่อ ‘รพินทร’ ที่ผาน
ริมฝปากของเจาหญิงออกมาเปนครั้งแรกอยางชัดถอยชัดคํา มันเปนความชื่นใจ ครัง้ แรกทาสคนนี้
คิดวาจนกระทัง่ ตายจากกันไป หรือวาแยกจากกันไปตามวิถีทาง คําวา ‘รพินทร’ จะไมมีโอกาสผาน
ริมฝปากเจาหญิงออกมาเสียอีก”
“ถาผมจะเลือกเอาในระหวางความเปนทาสกับเจาหญิง มันพอจะเปนคําตอบในคําถาม
ไดไหมครับ”
คิ้วงามขางหนึง่ เลิกขึ้นนอยๆ
“อยาลืมวาตลอดชีวิตทีเดียวนะ ไมใชเพียงแคพันธะสัญญาที่ตีมูลคาเปนเงิน”
“อีกสักรอยชีวติ พันชีวิตก็ได ถาชีวิตตายแลวและเกิดใหมจริง”
ในประกายแสงวับแวมของกองไฟ ตาทั้งสองคูพบกันสนิทนิ่ง ประหนึง่ กระแสแมเหล็ก
ตางขั้ว
“รูจักเจาหญิงคนนี้ดีแลวหรือ?”
“นี่เปนเรื่องนาเวทนาตัวเอง”
ดาริน วราฤทธิ์ ยิ้มเย็นๆ คลี่เสื้อแจ็กเกตของเขาเองที่คลุมตัวหลอนอยูออกสงคืนไปให
“ขอบคุณมากที่สละใหฉันมาเปนเวลากวาคอนคืนแลว เอากลับคืนไปเถอะ ฉันอบอุน
สบายดีแลว”
“รังเกียจ?”
หางเสียงของเขาแตก ขณะที่รับเสื้อมาโยนลงขางๆ ตัวอยางไมแยแส หมอมราชวงศคน
สวยไมตอบ มองดูเขานิ่งๆ อยูเชนนัน้ เปนครูก็ลุกขึ้น เดินมาทรุดคุกเขาอยูขางๆ หยิบเสื้อตัวนัน้
ขึ้นมาคลี่คลุมใหที่ไหลของเจาของเสื้อเองดวยมืออันแผวละมุน ตาตอตาสบกันในระหวางเพียงชัว่
คืบ
“ใช! รังเกียจ! เปนยังไง พอใจไหมที่ฉันเอานิสัยของคุณมาใช...”
เขานิ่งหลับตาเฉย รูสึกวาตัวเองถูกผลักลมตะแคงเสียหลักไปจากผนังหินที่พิงอยู แต
แทนที่ศีรษะจะฟาดกับแงหนิ กลับรูสึกวามีสิ่งออนนุมรับไวแทน พอจะผงกหัวลุกขึ้นมาก็มีฝามือ
กดไวที่ใบหนาพรอมกับเสียงกระซิบ
“เจาหญิงนอนอยางสุขสบายมาเต็มอิ่มแลว คราวนี้ถึงคราวที่ทาสจะตองพักผอนเสียบาง
...อยาขัดคําสั่งนะ!”
“ทาสยังไมงวง...”
“งวงหรือไมงว งก็นอนใหหลับ พรุงนี้ทาสยังจะตองมีหนาที่คุมครองเจาหญิงอีก ไมใช
เพียงคืนนี้เทานั้น”
“ทาสหลับเสียแลว ใครจะปกปกพิทักษภัยใหเจาหญิง”
“เจาหญิงปกปกพิทักษภยั ใหแกตนเอง และใหทาสคนนี้ไดในระหวางทีท่ าสหลับ”
เขาผงกหัวขึน้ อีกครั้ง แตก็ถกู ผลักกระแทกลงไปสูความหยุนอันออนนุม เหนือกวาหมอน
นิ่มใดๆ ในโลกตามเดิม มีเสียงกระซิบเฉียบขาด
“นอน! ประเดีย๋ วจับหัวกระแทกหินสลบเลย คุณเปนมนุษยปุถชุ นธรรมดาคนหนึ่งเทานั้น
นะ ไมใชเหล็กไหลมาจากไหน สะบักสะบอมมาทั้งวันแลว ไมมีเวลาพักผอนเลยก็ตายเทานัน้ ”
ทั้งหลอนและเขาบรรจุกระเพาะดวยเนื้อเกงยาง อันเปนเสบียงติดตัวมาตั้งแตเมื่อวานโดย
ปราศจากรสชาติไปตามมีตามเกิด และมันก็เปนมื้อสุดทายพอใหหนักกระเพาะ กลั้วคอดวยน้ําใน
กระบอก ซึ่งเหลืออยูเพียงเล็กนอย การมีโอกาสใหนอนหลับพักผอนกันบางพอสมควรสําหรับเมื่อ
คืนที่ผานมา ทําใหแชมชืน้ มีกําลังขึ้น ระหวางนั่งกินกันอยู ตะขาบตัวหนึ่ง ใหญขนาดเทาฝามือ สี
แดงราวกับไฟยาวศอกเศษ เลื้อยพรวดพราดออกมาจากซอกหินไปทางดานที่ดารินนัง่ อยู หญิงสาว
เผนพรวดเดียวขามกองไฟเขาไปทางเขาอยางใจหายใจคว่ํา หลอนไวพอตัว ตะขาบใหญตัวนัน้ แลน
หายเขาไปในซอกมืดอีกดานหนึ่ง มันคงตื่นตกใจอะไรมากกวาที่จะเจตนาพุงออกมาหมายทําราย
มนุษย ซึ่งโดยแทจริงแลวก็ไมใชนิสัยของมันที่จะจูโจมคนกอน
หลอนทําทาขนพองอยางขยะแขยง
“โชคดีที่เมื่อคืนนี้ มันไมเลื้อยออกมากัดเราเขา มันอยูแคจมูกเรานี่เอง”
“ถาไมเหยียบ หรือไปนอนทับมันเขา มันก็ไมทําอะไรหรอกครับ”
รพินทรบอก จัดการกลบดับกองไฟเตรียมยายที่ออกมาขางนอก
“ความจริง ตะขาบเปนสัญลักษณแสดงความสบายใจชนิดหนึ่งของพราน”
“สบายใจยังไง?”
“ถาเห็นตะขาบชุกชุมปวนเปยนอยูบริเวณไหน ก็เปนอันเชื่อแนไดวาเราปลอดภัยจาก
พวกงูพิษตางๆ โดยเฉพาะอยางยิ่งงูจงอาง ไมตองคอยระวังตัวใหเสียเวลา”
“เอะ! ทําไมหรือ?”
“ธรรมชาติจัดสรรสัดสวนของมันไวไดแปลกมากครับ มีความยุตธิ รรมและไดสมดุลดี
เสมอ มีการทําลายลางแพชนะกันเองอยูใ นตัวในรูปแบบหมุนเวียน แบบไซคลิคออรเดอร งูจงอาง
เปนสัตวที่ดเู หมือนจะมีพษิ รายที่สุด แตนาแปลกที่มันกลัวตะขาบ ทั้งๆ ที่ตะขาบตัวเล็กนิดเดียว พิษ
ก็นอยกวา มันแพฤทธิ์กันยังไงไมทราบ ซ้ํายังเปนคูแ คนคูอริกันเสียดวย ตะขาบรูว างูจงอางมีรังอยูท ี่
ไหน พวกมันจะตองดัน้ ดนไปกัดใหได และงูถาถูกตะขาบกัดก็ไมมีทางรอด ไมยอมสูหนาเลย มัน
กลัวกันมาก เพราะฉะนัน้ มีตะขาบที่ไหน งูจงอางหนีหมด จึงพอยึดเปนหลักเชื่อถือไดวา ถาเห็น
ตะขาบ เราไมพบงูจงอาง และตะขาบมันก็ไมเปนพิษเปนภัยกับเรามากนัก”
“แปลกเหลือเกิน จริงเหรอ?”
หลอนรอง สีหนาประหลาดใจ ระคนงุนงง จองหนาเขาเหมือนจะคนหาความจริง
“จริงซิครับ แลวก็ไมใชเรื่องลึกลับพิสดารอะไร มันเปนกฎของธรรมชาติ เปน
ตรรกศาสตร น้ํากรด แรงขนาดไหนพอถูกดางเขาเทานั้น กรดก็หมดฤทธิ์ไปเลย ในวงการ
วิทยาศาสตรเอง ก็ยังมีขอพิสูจนใหเห็นถึงทฤษฎีทําลายลางกันเองอยางนี้ใหเห็นชัดอยูแลว”
เขาพูดเรื่อยๆ กมลงหยิบกระบอกไมไผ แลวพยักหนาชวนหลอนใหออกไปนอกบริเวณ
ถ้ําสูปาเบื้องนอก ซึ่งบัดนีเ้ ริ่มจะมองเห็นอะไรไดชัดขึ้นแลว ทามกลางหมอกตอนเชาที่ปกคลุม
บางๆ อยูทั่วไป
เมื่อตางพนบริเวณปากถ้ําเสือออกมา การสนทนากันดวยอารมณรื่นก็พลันสะดุดชะงักไป
อยางเฉียบพลัน เพราะภาพสยดสยองอันเปนพยานของเหตุการณรายที่เกิดขึ้นเมือ่ ใกลค่ําของเมื่อ
วาน
ศพทุเรศของชาวปาตัดไมสามศพ และซากของนังเสือแมลูกออนรายกาจตัวนั้น ยังคง
นอนเรียงรายอยูใตตนตะเคียนใหญ ในระหวางโขดหินคู เมื่อเย็นวานเห็นในลักษณะไหนก็คงอยูใ น
ลักษณะนั้นโดยไมมีการขยับเขยื้อน นาประหลาดที่เมื่อคืนซึ่งผานมา ไมมีสัตวชนิดใดเขามารบกวน
ซากศพเหลานัน้ เลย ดารินชะงักนิดหนึ่ง สีหนาเปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงภาพติดตาที่หลอนเห็น ซึ่งจน
บัดนี้กย็ ังไมสามารถบอกไดวามันคืออะไรกันแน หลอนเห็นดวยจักษุภาพแทจริง หรือประสาท
หลอน
รพินทรอานความรูสึกของหลอนออก หันมายิ้มปลอบใจ แลวเดินนําตรงไปยังซากศพ
เหลานั้น ดารินขับไลความประหวัน่ หวาดพรั่นพรึงที่เกาะหัวใจอยูออกไป แข็งใจสืบเทาตามหลังเขา
ไปดวยอยางกระชั้นชิด ในยามที่แสงตะวันขึ้นแลวเชนนี้ มันไมดูนากลัวเหมือนขณะที่หลอนเห็นใน
“เอะ! นั่นคุณถูกมันกัดไมใชหรือ?”
หลอนรองเร็วปรื๋อ เปลี่ยนความรูสึกไปในทันที เมื่อเห็นเขาเอาผาขาวมาที่คาดเอวอยู
ออกมาเช็ดเลือดตรงขอมือ แลวคัดเลือดออก มันไหลปรีอ่ อกมาสังเกตเห็นชัด และกอนที่รพินทรจะ
ตอบเชนไร หลอนก็ควาขอมือเขาไปดู พรานใหญมือสัน่ เล็กนอยเพราะความปวด มันกัดอยางถนัด
และเขาก็กระชากสุดแรงเกิด แผลจึงเหวอะไมใชนอย
“เขาเสนเลือดตรงขอมือพอดี! แผลใหญดว ย...”
หลอนอุทานออกมาอยางตกใจ
“ตาย! เลือดออกใหญแลว...”
“ประเดี๋ยวคงหยุด”
พรานใหญวา ขยับจะใชผาขาวมาอุดปากแผลไว แตหลอนตะครุบมือไวเสียกอน
“นั่นจะทําอะไรนะ?”
“อุดแผลไวสักประเดี๋ยว เลือดมันคงหยุด”
“จะบาเรอะ! ผาของคุณผืนนี้สกปรกจะตาย จะใหเชื้อบาดทะยักเขาหรือยังไง อุดใหตาย
เลือดมันก็ไมมวี ันหยุดหรอก บอกแลววามันถูกเสนเลือด”
พรอมกับพูด หลอนกดไหลเขาใหทรุดลงนั่ง ดึงผาขาวมาจากมือเขารูดเปนเสนยาวออก
บิดเกลียว แลวมัดอยางแนนหนาที่แขนขางนั้นตรงบริเวณต่ํากวาขอศอกลงมาเล็กนอย...เปนการ
หามเลือดไวกอ น พลาดกัดริมฝปากจองหนาเขา เหมือนจะตัดสินใจอยูชั่วอึดใจหนึ่ง ก็ดึงชายเสื้อ
เขาพูดใบหนาเครงขรึม มืออีกขางหนึ่งลูบคลําอยูที่ขอมือที่ถูกพันไว
“แตหนี้ของน้าํ ใจที่เจาของอุตสาหสละออกมาให ทั้งๆ ที่ติดอยูกับตัว จะใชระยะเวลาผอน
สักเทาใด ถึงจะหมด?”
ดาริน วราฤทธิ์ ตะลึงงันตอคําถามนัน้ มันเปนปญหาที่หลอนก็ไมสามารถจะตอบได
เชนกัน...
33
รพินทรลุกขึ้น เดินเขาไปที่ซากงูอีกครั้ง ขณะนี้อาการดิน้ ของมันสงบราบคาบลงแลว เขา
กระชากมีดโบวี่ที่ปกตรึงสวนหัวของมันติดกับตนไมออก เช็ดเลือดกับใบไมแลวเก็บเขาฝกตามเดิม
พอหันกลับมา ก็พบ ม.ร.ว.หญิงดาริน มายืนอยูใกลๆ
“ถูกของคุณหญิงแลวครับ เรามาผิดทาง”
เขาบอกเรียบๆ
“แถวนี้ไมมีรองรอยของมนุษยผานเขามาเลย ไมมีรอยตัดไม ไมมีรอยเสือที่ลากเอาคนไป
ไมมีแมกระทั่งรอยสัตวสี่เทาอื่นๆ”
“ฉันนึกสงสัยตั้งครึ่งชั่วโมงที่ผานมาแลว แตไมกลาถาม เพราะถึงอยางไรฉันก็เชื่อมัน่ คุณ
เต็มที่”
หลอนเอยขึ้นออยๆ
“สงสัยอะไร?”
“ก็สงสัยวาคุณนาจะนําทางผิดนะซิ”
“มีอะไรที่ทําใหคุณหญิงสงสัยเชนนั้น?”
“หลักความจริง ประกอบกับสามัญวินิจฉัย คุณลองคิดดูซิ ขณะที่เราหลบขึ้นไปอยูบน
ตนไม โดยคํานวณระยะเวลาที่เสือตัวนั้นไปคาบลากเอาพวกตัดไมเหลานั้นมา พอมันกลับมา เห็น
ลูกของมันตายก็กระโจนหายไป หางประมาณ 10 นาทีเทานั้น มันก็ไปลากเอาศพแรกมา แลวก็ไป
คาบมาอีกสองศพ ระยะเวลาไลเลี่ยกันทั้งนัน้ แสดงวารัศมีที่มันผละจากตําแหนงซึ่งเราหลบซอนอยู
ไปกัดพวกตัดไม และลากมานั้น จะตองไมหางออกไปนัก ควรจะอยูใ นราวไมเกิน 2 กิโลเมตร มาย
งั้นมันจะกลับมาไดเร็วถึงเพียงนั้นหรือ และในระยะเพียงแคนี้ เราควรจะเดินกันอยางชาที่สุดภายใน
ครึ่งชั่วโมง แตนี่เราเดินกันมารวมสามชั่วโมงแลว ยังไมพบวี่แววอะไรเลย”
หลอนรอบคอบ และไหวดีพอใช รพินทรยกมือขึ้นลูบคาง สบถอะไรพึมพําอยูในลําคอ
แลวยิ้มแหงๆ
“จริงของคุณหญิง ผมลืมนึกถึงขอนี้ไปถนัด แลวทําไมคุณหญิงไมเตือนผมเสียแตแรก
เดินตามตอยๆ อยูได”
ดารินขมวดคิว้ แลวอดหัวเราะไมได
“ดูซิ ยังมาโทษฉันอีก ฉันจะไปรูรึ คุณเปรียบเหมือนจาวอาณาจักรแหงปานี้ ฉันเชื่อมือ
คุณเต็มที่ ฉันจะกลาทวงคุณหรือ ทั้งๆ ที่สงสัยอยูตงิดๆ”
จอมพรานโคลงหัวชาๆ จุปาก มองดูหลอนดวยแววตาขันๆ
จากรอยเลือดและรอยของการลากทําใหการสาวยอนรอยสําหรับระยะทางนี้ เปนไปอยาง
สะดวกยิ่ง เพราะเห็นชัดอยูแ ทบทุกระยะทิศทาง แสดงใหเห็นวา มันคาบเหยื่อลงมาจากเขา
ไมเกินสิบนาที นับจากพบรองรอยครั้งแรก ก็มาถึงบริเวณโปรงโลงเตียนตอนหนึ่ง เห็น
รอยตนไมถูกโคนลมไวกอนแลวสองสามตน และอีกไมกี่อึดใจหลังจากนั้น ทั้งสองก็เขาถึงสถานที่
ตนแหลง อันบอกไดในทันทีวาเสือรายแมลูกออนจูโจมเหยื่อของมันตรงไหน
ขวานยังตกอยูท ี่โคนตนไม ที่ถูกฟนเขาไปไดครึ่งหนึ่ง ผาโพกศีรษะตกอยูใกลๆ มีรอยกัด
ฟน และดิ้นรน เลือดกองมากมายอยูต รงตําแหนงนั้น มันยองเขามาเลนงานเขาในขณะที่เขากําลังฟน
ไมเพลินอยู
ทั้งสองชวยกันสํารวจไปรอบๆ เพื่อคนหารองรอยอื่นๆ อีก แตก็ไมพบอะไรในบริเวณ
นั้นมากกวาทีจ่ ะยืนยันไดอยางเดียววา ชายเคราะหรายคนหนึ่งในจํานวนสามคน ไดมาตัดไมอยูตรง
ตําแหนงนี้เพียงคนเดียวเทานัน้
“เสือมันคาบไปทีละคน...”
ดารินกลาวอยางใครครวญ
“มันเปนไปไมไดที่ทั้งสามคนนั่นจะอยูใ นบริเวณเดียวกันในขณะที่เสือจูโจมคนแรก ฉัน
คิดวา ทั้งสามคนนั่นคงจะแยกตัดไมกันอยูคนละทาง โดยไมรูกันเลยวาไดเกิดเหตุรายขึ้น มายงั้น
มันจะไมมีโอกาสฆาเขาไดทีละคนถึงสามคนอยางนั้น คุณคิดอยางนัน้ ไหม?”
พรานใหญหรี่ตาลง
“คงเปนอยางที่คุณหญิงวานัน่ แหละครับ แตระยะที่ทั้งสามคนตัดไมอยู ก็คงไมหางไกล
กันนัก เขาจะตองเปนพวกเดียวกันนั่นแหละ แตแยกยายกันไปทํางานอยูคนละแหง คนตอไปเถอะ
ครับ ประเดี๋ยวก็คงพบ สําหรับที่เห็นอยูนี่เปนตําแหนงตนเหตุของหนึ่งในสามศพนั่นเทานั้น”
ขอสันนิษฐานนั้น ถูกตองทุกอยาง เพราะตอจากนัน้ ไมนาน ตางก็คน พบบริเวณทีเ่ สือจู
โจมเขาเลนงานคนตัดไมอกี สองแหง โดยหางออกไปคนละดานประมาณหารอยเมตร โดยระยะที่
หางลับตากันออกไปนี้เปนเครื่องสรุปขอสันนิษฐานไดอยางแมนยําวา ทั้งสามศพที่ถูกสังหารโดย
เสือตัวเดียวกัน ตางไมไดกระโตกกระตากใดๆ มาถึงกันและกันเลย ทั้งสามศพถูกลอบเขามาเลน
งานในขณะทีต่ ัดไมเพลินไมรูสึกตัวทั้งสิ้น
อีกสองแหงทีพ่ บทีหลัง มีปนแกปวางพิงตนไมอยูด ว ย พรอมกับไถบรรจุขาวสาร
ประมาณ 3 ลิตร กระบอกไมไผบรรจุเกลือ และเนื้อแหง ยิ่งกวานั้นยังพบรอยของกองไฟที่กอไวหุง
หาและปางพักนอน ภายหลังที่ไดสํารวจอยางถี่ถวนพรานใหญก็อานออกประโปรง
“พวกตัดไมชดุ นี้มีประมาณ 6-7 คนดวยกันครับ มาตัง้ ปางพักเปนสถานีอยูที่นี่สองสาม
วันแลว และแยกยายกันออกไปตัดไมคนละทางสองทาง เสือเลือกจูโจมคนที่ออกไปตัดไมเพียงคน
เดียว และหางไกลหมูออกไป มันเลนงานพวกเขาโดยพวกทีย่ ังไมถูกเลนงานไมรูตัวเลยทีละคน จน
ครบสามคน อยางที่เราเห็นมันคาบไป”
“แลวพวกที่เหลือละ พากันไปไหนหมดแลว”
หลอนถามมาโดยเร็ว จองมองดูขาวของอันเปนหลักฐานที่ถูกทิ้งอยูเหลานั้น
“สันนิษฐานวา เมื่อมันเลนงานคนที่สามอันเปนคนสุดทาย พวกเขาที่เหลือคงจะรูส ึกตัว
กันขึ้น อาจมองเห็นเหตุการณ หรืออาจไดยนิ เสียงรอง พวกนี้มีแตเพียงปนแกป และกลัวเสือมาก
พอรูสึกตัววาเสือมาคาบเอาพวกของเขาไป ก็คงขวัญเสียผละหนีกันอยางกะทันหัน แตไมตองสงสัย
เลยครับ พวกเขาจะตองยอนกลับมาอีก และจะตองตรงมาที่นี่เปนแหงแรก ผมเชือ่ แนวาเราจะตอง
พบพวกนั้นกอนค่ําวันนี้แหละ และไมตองเดินตามใหเสียเวลา เราหยุดพักดักรออยูท ี่นี่ก็ไดพบเอง
เขาคงถอยไปรวบรวมสมัครพรรคพวกที่หมูบานเกณฑกนั มา ขณะที่เราเดินสาวรอยเทาเขามายังตน
แหลงนี่ พวกเขาก็อาจพากันยกขบวนบายหนามาทีน่ ี่แลว อาจจะพบกันภายในชัว่ โมงขางหนานี่ก็
ได”
แลวเขาก็ยิ้มออกมาอยางแชมชื่น บุยปากไปที่เสบียงกรังที่พวกนั้นทิ้งไว กลาวตอมาวา
“เราสบายแลวครับ โชคดีเหลือเกินที่พวกนั้นทิ้งเสบียงไว มีทั้งขาวสาร เนื้อแหง และ
เกลือพรอม ไมอดแลว”
หลอนมองดูสิ่งของเหลานั้นดวยสายตาเศราๆ พึมพํา
“โธ! นี่พวกเขาคงจะตกใจกันมาก จนไมยอมเอาขาวของไปเลย ทิ้งหมด”
“เขารูวา ถึงยังไงพวกเขาก็จะตองยอนมาทีน่ ี่อีกครับ มันไมมีความจําเปนอะไรที่จะตอง
หอบกลับไปดวย ผมเชื่อวาชมรมของพวกนี้คงไมหางออกไปนักหรอก พักทานอาหารใหสบาย
เสียกอน แลวถาไมอยากจะรออยูที่นี่ เราแกะรอยเขาไปหาหมูบานเขาเองก็ได เชื่อวาพบกันกลางทาง
แน”
“ถางั้นก็เห็นจะมีหวังแนครับ เจาปาเจาเขาแถบนี้ทรงโปรดเหลาฝรั่งเสียดวย”
หลอนหันขวับไปทางเขา แลวยิ้มกระดากๆ ถามเบาๆ วา
“คุณรูไดยังไง?”
“ทานเคยมาเขาฝนบอกผมอยูบอยๆ เจาปาโปรดสกอตซวิสกี้ สวนเจาเขานั้นคอบรั่นดี ถา
ยิ่งไดเคอวัวซิเยร ยิ่งรีบรับบนทันที”
ดารินอดหัวเราะออกมาไมได สีหนาชื่นขึ้น ทรุดกายลงนั่งกอดเขาริมกองไฟที่กาํ ลังสง
ควันโขมง ลอยเปนกอนขึน้ เบื้องสูง ในระหวางทีพ่ รานใหญสุมกิ่งและใบไมสดทับลงไปเปนภูเขา
เลากา
“อยาพูดเลนนา ฉันทุรนทุรายใจอยางไรบอกไมถูก ทีแรกก็ดใี จเมือ่ รูวาเปนพวกเราแน
แตพอมานึกขึ้นไดอยางที่คุณวา จะเปนพวกเราคนใดยังไมรูชัด ก็กลับยิ่งทําใหกลุม อาจเปนแคแง
ซายหรือเกิด คนใดคนหนึ่งก็ได และพอมาพบเราแลว ก็ยังมีภาระหนักกังวลที่จะตองตามพี่ใหญกับ
ไชยยันตอีก ซึง่ มันไมทําใหสบายใจไปได”
“ผมบอกคุณหญิงแลววาจะอยางไรเสีย วันนี้เราจะตองไดขาวพวกเราแนๆ จากนิมิตที่เจา
ปามาสําแดงกายใหคณ ุ หญิงเห็นเมื่อคืน และอยากจะเชื่อดวยซ้ําวา คงไมใชเพียงแคคนใดคนหนึ่งใน
จํานวนสี่คนของพวกเราเทานั้น ที่ยิงปนตอบเรามาเมื่อครูนี้ สังหรณวาจะเปนทั้งคณะนัน่ แหละ
คุณหญิงบนไวเมื่อกีน้ ี้ถูกตองแลวครับ ผมเองก็นึกภาวนาบนบานอยางคุณหญิงเหมือนกัน เพียงแต
ของผมเปนเหลาโรงยี่สิบแปดดีกรีเทานั้น เพราะผมไมมีเหลาฝรั่งจะบนอยางคุณหญิง”
วาแลวเขาก็หวั เราะ
“นี่เราตองยิงปน บอกตําแหนงใหเขารูอกี ไหม?”
หลอนถามอยางกระสับกระสายรอนใจอยูเชนเดิม
“ไมจําเปนหรอกครับ นอกจากเขาจะยิงถามมาจึงคอยตอบ ผมคิดวาเขาคงจะสังเกตเห็น
ควันไฟไดในไมชานี้ ครั้งแรกที่สุดผมคิดวา เสียงปนทีผ่ มยิงเกงเมื่อตะกี้นี้ จะตองดังแววไปถึงเขา
และเขาคงสงสัย จึงทดลองยิงตอบมานัดหนึ่งเชิงหยั่งถาม พอเราสงสัญญาณแนชดั ไปสามนัด เขาก็
ตอบมาสามนัด เปนความหมายวารูกันแลววา จะเปนใครไปไมไดเปนอันขาด นอกจากพวกเราที่
หลงพลัดกันไป ขณะนีเ้ ขาคงจะบายหนาตามเสียงปนมาแลว”
“ถาเปนพี่ใหญหรือไชยยันตคนใดคนหนึ่ง อาจตามเสียงปนไมถูกก็ได”
ดารินพูดออยๆ อยางกังวล รพินทรยิ้ม โคลงศีรษะชาๆ ปลอบใจมาวา
“ไมตองวิตกหรอกครับในขอนั้น ควันไฟที่เรากอขึ้นนี่ จะเปนเครือ่ งหมายใหตามได
ดีกวาเสียงปนเสียอีก และถาหากเขายังไมแนใจ เขาอาจยิงถามมาอีก อยางไรก็ตาม ภายในหนึง่
ชั่วโมงหลังจากนี้ ถาอะไรๆ ยังเงียบอยู เราจะเปนฝายออกตามเอง ลงอยูในระยะไดยนิ เสียงปนแบบ
นี้ก็สบายแลวครับ ไมพลาดแน!”
เสียงกูดังใกลเขามาเปนลําดับ ในที่สุดก็ไดยินเสียงฝเทาหลายคูบุกสวบสาบอยางหนัก
ทามกลางความงุนงง ทายเหตุการณไมถูกของทั้งสองผูเฝารอคอยอยูดว ยความกระสับกระสาย ครัน้
แลวอึดใจนัน้ เอง เงาของคนกลุมใหญก็โผลลับสันเนินลงมาเปนขบวน พอเหลือบเห็นในพริบตา
แรก ดารินก็อทุ านลั่นออกมาดวยความดีใจจนบอกไมถูก
นําหนาขบวนอันมีอยูไมนอยกวา 20 คนกลุมนั้น คือ เชษฐา และไชยยันต ตอมาคือแง
ซายและเกิด ซึ่งเดินแถวเรียงสามมากับกะเหรี่ยงสูงอายุคนหนึ่ง เบื้องหลังที่ตามมาเปนพรวนเปน
ชายฉกรรจชาวเขา มีปน ผาหนาไมอาวุธครบมือ สิ่งที่เห็นชัดก็คือ เชษฐา ไชยยันต เกิดและแงซาย มี
ไรเฟลประจํามือของตนมาแลว ที่ไหลยังสะพายกันไวคนละกระบอก ซึ่งไมมีปญหา กระบอกหนึ่ง
จะตองเปนปนของดาริน และอีกกระบอกหนึ่งก็คือปนของรพินทรอยางแนนอน
“พวกเราไปสืบขาวคุณกับนอยที่หมูบานของแก แลวขอรองใหแกชวยเกณฑคนออกตาม
หาดวย ก็พอดีแกบอกวาลูกบานแกที่มาตัดไม ถูกเสือคาบไปเสียสามคนเมื่อเย็นวาน เราก็เลยรับ
อาสาที่จะตามเสือให ในขณะเดียวกันก็ขอแรงใหแกชวยติดตามคุณกับนอยดวย ถึงไดมาดวยกัน”
“เอะ! โตะถะ แกเคยอยูที่ผาเยิงนี่นะ ทําไมพวกเราถึงไปพบที่หวยแมเลิง?”
พรานใหญถามอยางงงๆ เกิดทําหนาที่ตอบมาใหแทนวา
“โตะถะบอกผมวา แกอพยพลูกบานของแกหนีมาจากผาเยิงตั้งแตอาทิตยที่แลวครับนาย
เพราะไอแหวงพาโขลงเขามารบกวนไมหยุดหยอน พวกแกถูกฆาตายไปมาก บานชองไรนาถูกพวก
มันทําลายลางปนป พวกแกไมมีกําลังที่จะสกัดกั้น ปราบมันไดอยูม ือก็เลยตองทิ้งถิน่ เดิม ผมก็ไมรู
มากอนเหมือนกัน ไปพบหมูบานใหมของโตะถะเขาโดยบังเอิญแทๆ”
รพินทรพยักหนาอยางเพิ่งเขาใจ กอนที่เขาจะเอยปากเชนไร เชษฐาก็บอกมาอีกคนหนึ่ง
วา
“นี่เราออกเดินทางจากหวยแมเลิงมาตั้งแตเชามืดแลว จะบายหนามายังปางพักของพวกที่
ถูกเสือคาบไปนี่แหละเปนแหงแรก พอใกลเขามาไดยินเสียงปน ออกแปลกใจ โตะถะยืนยันวา ไมมี
คนอยูในละแวกนีเ้ ลย เพราะพวกของแกที่ตัดไมกก็ ลับไปที่หมูบานหมดแลว ผมเลยใหแงซายลอง
ยิงตอบดูกไ็ ดยนิ เสียงตอบรับเรามาอีก 3 นัด พวกกะเหรี่ยงที่มาดวยนี่ยืนยันวาเปนเสียงปนที่ดังมา
ทางดานเดียวกับที่พวกเขามาตั้งปางตัดไมอยู ก็เลยรีบตรงเขามา นึกไมถึงเลยวา จะพบคุณกับนอย
อยูที่ปางพักของพวกนี”้
รพินทรบอกใหทุกคนหยุดพักกันที่ปางกอน โตะถะใหคนของแกนําเสบียงที่ตดิ ตัวมา
ดวย หุงหาเลี้ยงดูกนั สวนเชษฐา ไชยยันต เกิด และแงซาย ตรงเขาจัดการกับขาวและเนื้อยางที่
รพินทรเตรียมไวใหพรอมแลว โดยเฉพาะไชยยันตควาน้ําขาวในกระบอกขึ้นดื่มอยางกระหายเปน
อันดับแรก ดารินบอกใหพี่ชายทราบวาเสียงปนที่ไดยินเปนครั้งแรกนัน้ เปนเสียงปนที่รพินทรยิงเกง
ตัวนั้นนั่นเอง
“ถึงแมจะไมไดยินเสียงปน ก็คงพบกันอยูดี เพราะพวกเรากําลังบายหนามาทีน่ ี่อยูแลว
ยกเวนแตวาเธอกับรพินทรจะออกเดินทางแยกไปเสียกอน”
ไชยยันตวา
“ถางั้นพรานใหญก็ทายถูกแลว”
หญิงสาวพูด หันไปมองทางรพินทร
“เขาบอกวาจะอยางไรเสีย พวกตัดไมจะตองยอนมาที่นี่อีกครั้ง ใหดกั คอยพบอยูที่นี่
เพียงแตนึกไมถึงวา เธอ พี่ใหญ เกิดและแงซายจะมาพรอมกันกับพวกนั้นเทานัน้ ”
“ทีแรกก็สงสัยอยูเหมือนกัน”
เชษฐากลาวเสริมขึ้นโดยเร็ว มองหนานองสาวกับพรานใหญสลับกันอยูเชนนัน้
“พูดเปนบา แกจะใหฉันนอนเฝาที่พักคนเดียวงั้นรึ”
ไชยยันตบน หันไปคอนเชษฐาปะหลับปะเหลือกแลวมองมาทางพรานใหญ
“นี่ผูกอง! ไอการเดินสองไฟยิงเสือกันซึ่งๆ หนา แบบยิงกระตายนะ ไมเปนปญหาอะไร
เลยสําหรับมืออยางผูกอง ทีนี้มือขนาดพวกเราสามคนจะไหวรึ”
รพินทรหัวเราะ มองดูไชยยันตอยางรักสนิท จากการคบหารวมชีวิต รวมสถานการณทํา
ใหเขาหยั่งรูถึงอุปนิสัยใจคอแทจริงของไชยยันตไดเปนอยางดี ไชยยันตเปนคนมีอารมณขันขี้เลน
อยูตลอดเวลา แตไมใชเปนคนขลาด หรือระยอตอสิ่งใดทัง้ สิ้น
“โธ ไหวซิครับ ถาเห็นไมไหวผมจะชวนทําไม การเดินยิงเสือในเวลากลางคืน มันก็ไม
เห็นจะเปนเรื่องเสี่ยงนากลัวอะไรมากไปกวาเทาที่พวกเราทุกคนเคยผจญกันมาแลวเลยสักนิด ก็รูมือ
กันดีอยูแลวทุกคน โดยเฉพาะอยางยิ่ง คุณไชยยันต”
เชษฐากับดารินหัวเราะ ไชยยันตกลืนน้ําลาย ทําตาเหล แลวพยักหนาหงึกๆ
“เอา! เอาเขา รพินทร ผมคงไปไมถึงหลมชางเพราะถูกเสือมันขบหัวเสียกอน ในคืนนี้
เพราะลูกยุของคุณนี่แหละ”
“ดีเหมือนกัน ถาผานการประจันหนากับเสือที่หวยแมเลิงไปไมได เธอก็ไมควรจะไปถึง
หลมชาง”
ดารินบอกมาดวยน้าํ เสียงรําคาญ
“แปลวาเรานะจะออกไปยิงเสือกับเขาดวยในคืนนี้?”
“มันจะเปนวิธเี ดียวเทานัน้ ทีท่ ําใหฉันเลิกกลัวเสือเหมือนเชนที่กลัวอยูใ นขณะนี”้
“ชอบเปนนางเอกซะเรื่อยนะ เสียดายทีไ่ มมพี ระเอก”
“บา! อยามาทําปากชั่วไปนะ ตาไชยยันต”
แสนงอนประจําปา คอนคนขี้กระเซาจนตาคว่ํา
“ทําไมน้ําปามันถึงไมพัดหายไปเสียรูแ ลวรูรอด มาเจอะหนากันอยูไ ด ฉันไมสบายใจ
ตั้งแตเห็นหนาเธอโผลมาแลว ภาวนาอยูตลอดเวลาขอใหอยาเจอกันอีก”
“ฟง ฟงนอยพูด...”
อีกฝายหนึ่งยานคาง เชษฐาจุป ากเบาๆ
“ตางคนตางรอดตายมาพบหนากัน ยังไมทันไรทะเลาะกันอีกแลว เปนยังไงสักทีนะ ไอ
เด็กสองคนนี่ รําคาญจริง!!”
ไชยยันตยกั ไหล ดารินหนางอ รพินทรกลั้นยิ้ม พี่ชายผูอาวุโสที่สุดในคณะเดินทางบน
อะไรพึม ทําใหทั้งสองยุตกิ ารวิวาทกันลงได อดีตนายทหารปนใหญหันมาพูดกับรพินทรเปนงาน
เปนการขึ้น
“มีอะไรที่คุณจะแนะนําเราลวงหนาในการเดินยิงเสือซึ่งหนาในคืนนี้บา งไหม?”
34
หวยแมเลิง ตัง้ อยูบนพื้นที่ราบโลงในระหวางไหลเขาใหญลูกหนึ่ง รอบดานลอมไปดวย
ทิวเขาใหญนอย มีลําหวยเล็กๆ อันเปนกิ่งแยกของทางน้าํ ตกจากยอดเขาใหญ ไหลผานชมรมของ
พวกกะเหรี่ยง ที่เพิ่งจะอพยพยายมาตัง้ ถิ่นฐานอยูใหม มีอยูประมาณ 30 หลังคาเรือน แตละหลัง
เปนเรือนยกพืน้ สูงลิบ ฝาขัดแตะหลังคามุงแฝก มีกระไดหรือพะองสําหรับพาดขึ้นลง และสามารถ
จะชักขึ้นไปเก็บไวบนเรือนไดในยามกลางคืน อันเปนธรรมเนียมของการสรางเรือนของพวกชาว
เขาที่อยูในดงลึกทั่วๆ ไป
ทั้งหมดมาถึงเวลาโพลเพล ทามกลางเสียงเหาขรมถมเถของพวกสุนัขเลี้ยง และเสียง
เกรียวกราวของกะเหรี่ยงลูกเล็กเด็กแดงที่พากันวิ่งออกมาตอนรับ แตแลวพวกหมาประมาณ 10 กวา
ตัวเหลานัน้ ก็พากันสงเสียงรอง และวิ่งหางหดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ในทันทีที่ไดกลิ่นสาบ
จากนังพยัคฆรายที่ถูกหาบมา ซากเสือใหญถูกโยนลงกับพื้นกลางลานหนาเรือนของโตะถะ
พวกลูกบานทัง้ หลายเขามามุงลอมสงเสียงพูดกันแซด ซึง่ คณะจากกรุงเทพฯ ไมอาจฟงรู
เรื่อง นอกจากจะจับอากัปกิรยิ าพวกเหลานัน้ วา ทุกคนเต็มไปดวยความตื่นเตน และยินดีอยางยิ่ง ที่
เห็นซากทูตมัจจุราชตนเหตุของการเอาชีวติ พวกเขาไปเสียถึงสามคน ระคนไปกับความเคียดแคน
และสยองกลัวในอนาคตทีย่ ังทายไมถูก
เฒาโตะถะ ขึน้ ไปยืนพูดประกาศเสียงดังอยูบนชานบาน โดยมีบริวารทั้งหลายลอมฟงอยู
มีเสียงพูดถามจอกแจกฟงไมไดศัพทวุนวายอยูชวั่ ขณะ ตอมาทุกคนก็เงียบสงบฟงโตะถะพูดดวย
อาการเคารพเชื่อฟง ครูหนึ่งแกก็พยักหนาเรียกพรานใหญเขาไปยืนอยูเคียงขาง คณะนายจางเห็น
รพินทรตะโกนพูดกับลูกบานกะเหรี่ยงเหลานั้นอยูเปนครูใหญ รูสึกวาชาวเขาอันอยูใตการนําของ
โตะถะเหลานี้ ทุกคนรูจกั คุนเคยและใหความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเขาดีมากอนแลว สีหนาของคน
เหลานั้นแชมชื่นมีความหวังขึ้น ในขณะที่รพินทรพูด
ดารินหันไปมองดูแงซายผูยนื อยูขางๆ เหมือนจะถาม หนุมกะเหรี่ยงพเนจรรูค วาม
ตองการของหลอน พูดหาวๆ ในลําคอวา
“พวกนัน้ เตรียมจะยายถิ่นใหมเพราะกลัวเสือ แตผูกองขอใหพวกเขาอยูท ี่นี่ตอไปตามเดิม
เพราะเห็นวาลงแรงกันไวมากแลว รับจะปราบเสือให”
“แลวพวกนัน้ วายังไง?”
ไชยยันตถาม
“พวกนัน้ เชื่อผูก องมาก ขอรองใหคณะของเราอยูกับเขาตอไปอีกสัก 2-3 วัน”
“เราเห็นจะไมมีเวลาแน”
โตะถะสงเสียงสบถลั่นออกมาอยางเดือดดาล หัวเสียไลลูกชายหนุมฉกรรจของแกสอง
คน ที่กําลังนั่งคุยอยูกับพรานใหญ ใหลงไปดูววั ในคอก ลงเลงเอะอะไปหมด เพราะเจาสองนั่นนั่ง
อิดๆ เอื้อนๆ ไมคอยจะยอมลุก
เชษฐานั่งเหยียดขา ตะแคงหูคอยจับเสียง ไชยยันตนอนแผเอาหัวหนุนยามในขณะนี้
คอยๆ ผงกกายลุกขึ้นนั่ง สวนดารินเอื้อมมือไปควา .470 ริกบี้ ที่พิงอยูข างเสาเรือนใกลๆ ขึ้นมาหัก
หางเหยี่ยว ถอดกระสุนสองนัดที่บรรจุไวแลวออกมาพิจารณาดู เพื่อความแนใจอีกครั้งวามันจะไมมี
การดาน เพราะจมน้ําอยูหลายชั่วโมง ขณะที่แคมปถูกน้ําปาซัด
“ถามันจะเอาเรื่องจริงๆ แฮะ นี่มันดงเสือชัดๆ เห็นจะอยูเ ปนฝูงทีเดียว”
ไชยยันตพึมพําออกมาเบาๆ
“ตองเก็บมันใหมากที่สุดเทาที่จะทําได เอาใหเข็ดเลย”
เชษฐาบอกเสียงต่ําๆ กรอกบรั่นดีเขาปาก แลวสงไปใหเพื่อน ระหวางไชยยันตจอขวดกับ
ริมฝปาก รพินทรก็เดินฟากลั่น ตรงเขามาพรอมกับโตะถะ
“ไฟฉายของเราใชการไดทกุ กระบอกหรือเปลาครับ?”
เขาถามเรียบๆ เชษฐากมศีรษะ
“เรียบรอยดีทกุ กระบอก”
“แลวแบตเตอรี่อะไหล เรามีติดตัวกันมาดวยไหมครับ?”
“ผมหยิบใสมาในเครื่องหลังของแงซายสองโหล กระดาษกลองเปยกยุย เพราะถูกน้ําหมด
แตถานคงจะใชการไดด”ี
ไชยยันตเปนคนบอก แลวก็หันไปรื้อยามหลังของแงซาย ที่วางสุมกองรวมกันอยู หยิบ
ถานไฟฉายออกมา
“ทําไมหรือ?”
“กรุณาตรวจสอบไฟฉายใหแนใจอีกครั้งครับ แลวขอเบิกถานอะไหลใหผมสักโหล จะ
แจกใหกับพวกกะเหรี่ยงทีจ่ ะไปกับเราดวย พวกนี้มแี ตกระบอกไฟฉายขนาดสองทอน-สามทอน แต
ไมมีถาน ไฟฉายหลายๆ กระบอกชวยกันไดดีกวากระบอกเดียว”
เชษฐา ดาริน เกิด และแงซาย ชวยกันตรวจสอบไฟฉายขนาดแปดทอน ที่มีเอามา
ประจําตัวมือครบคนทุกอัน เพื่อความแนใจอีกครั้ง มีการเปลี่ยนถานบางกอนเมื่อเห็นวาแสงไฟจะ
ออนลง สวนไชยยันตโกยถานอะไหลไปใหพรานใหญ ซึ่งรพินทรสงตอไปใหโตะถะ เพื่อแจกจาย
ใหแกคนของแก อันอยูใ นชุดที่จะติดตามไปดวย ระหวางที่ตางกําลังชุลมุนกันอยู เสียงพยัคฆรายก็
แววมาตามลมอีกครั้ง มันดังอาวๆ ลากเสียงยาวแลวลงทายฮึ่มๆ กองสะเทือน ตอไปก็เปนเสียง
ฮอกๆ เปนจังหวะที่กระหึ่งอยูในลําคอ เหมือนจะเรียกหาคู
“บอกโตะถะไปวา...”
ในที่สุดเชษฐาก็เอยดวยเสียงเรียบๆ แตแววตาสีเหล็กคูนนั้ ขรึมเครียดจริงจัง
“พวกเราจะแกความผิดนั้นใหเอง ผูหญิงคนนั้นก็ถูกเจาปาลงโทษไปแลว และเราก็
บวงสรวงบอกกับเจาปาแลว เจาปารับคําเรา และตอนรับใหพวกเขาทํามาหากินกันอยูท ี่นี่ตอไปโดย
ไมจําเปนตองโยกยายไปไหนอีกแลว”
รพินทรหันไปสงภาษา คณะนายจางสังเกตเห็นหัวหนากะเหรี่ยงโคลงหัวอยูไปมาอยาง
ทอแท นัยนตาขุนแหงของแกมาแววทุกขหนัก
“เขาบอกวาฝรั่งสามคนกับพรานชาวกรุงทีม่ าตั้งแคมปอยูใ กลๆ หมูบ านผาเยิงของเขา
กอนหนาที่ไอแหวงจะอาละวาด ก็ไดรับปากอยางนีแ้ หละครับ”
พรานใหญถายทอดความรูสกึ ของหัวหนาหมูบาน ใหพวกนายจางของเขาทราบ
“แตแลววันเดียวกันที่พวกเขาถูกโขลงชางยกพลบุก ฝรั่งนักสํารวจพวกนั้นก็ถูกเหยียบ
ตายหมด...ไมเหลือสักคน”
“เราไมใชฝรั่งพวกนั้น”
ไชยยันตชวยพูดมาอีกคนดวยเสียงหนักแนน หันไปทางโตะถะ พยายามจะใหกะเหรี่ยง
เฒาเขาใจ
“และที่สําคัญที่สุด เรามีพรานใหญรพินทรที่โตะถะและทุกคน เชื่อถือในฝมือของเขาดี
อยูแลวรวมดวย เราไมเกณฑใหพวกของโตะถะ ตองออกไปเผชิญกับเสือในคืนนีพ้ รอมกับเรา แตถา
ใครสมัครใจจะไปดวย เราก็จะไมหาม”
ภายหลังจากทีพ่ ูดกับหัวหนาบานอีกสองสามคํา รพินทรบอกวา
“โตะถะยินดีทจี่ ะใหความรวมมือเต็มที่ครับ ทางเขามีมือที่จะอาสาไปกับเราดวยหกคน
โดยจะชวยนําทาง และชี้แหลงให”
“ถางั้นก็ยิ่งดี ชวยบอกเขาเถิดวาไมตองกลัวหรอก เรารับรองที่จะจัดการใหเรียบรอยทุก
อยาง แลวเขาจะไดเห็นเอง”
รพินทรควาปนกับไฟฉายลุกขึ้น
“ผมจะลองออกไปสํารวจรอยใกลๆ นี่ดกู อ น เห็นพวกนี้บอกวา ตอนที่โตะถะพาพวก
ของคุณชายออกไปจากทีน่ ี่เมื่อเชานี้ ตกบายมันตะปบแมวัวทีห่ ากินอยูในทุงหญาใกลๆ ลากเอาไปที่
ปลายหวยหลังบานนี่ พวกเขาชวยกันโหยงิ ปนไล มันเลยทิ้งซากไวตรงนั้น พวกเขาก็ยังไมได
เคลื่อนยายซากวัวตัวนั้น ลงทิ้งไวอยูทเี่ ดิม ผมจะไปดูทนี่ ั่นประเดี๋ยวจะกลับมา ทางคุณชายเตรียมตัว
ไวใหพรอมก็แลวกันครับ”
เชษฐาลืมตาโพลง รองออกมา “วันนีก้ ็ลอวัวเขาใหอกี ตัวหรือ”
“ครับ โตะถะเองก็เพิ่งรูตอนที่กลับมาถึงพรอมเรานี่แหละ พวกที่อยูบานรายงาน”
“ตกลง รีบไปรีบมาเร็วๆ นะ เราจะรอ”
พี่ใหญโปรดอยากังวลไปเลยคะ อีกอยางหนึ่งพี่ใหญควรจะใหนอยไดฝกหัดเคยชินกับสภาพเชนนี้
ไวมากๆ นะคะ ตอไปขางหนาเราจะเผชิญกับความเสี่ยงขนาดไหนก็ยงั ไมทราบได และในยามนัน้
นอยจะไดไมเปนภาระหนักใจของใครทั้งสิ้น”
เชษฐาจํานนตอเหตุผลของนองสาว งันไป
เทาที่ผานมาแลว ก็เชื่อวาราชสกุลสาวมีประสบการณเกี่ยวกับการเผชิญหนากับเสือไดพอแกการ
ไววางใจแลว
กะเหรี่ยงอาสานําทาง 6 คน ซึ่งรวมทั้งโตะถะแบงแยกกันติดตามสายทั้งสาม สายละสอง
คน โตะถะไปทางดานเชษฐา ลูกชายอีกสองคนแบงกันไปทางดาริน และไชยยันตดานละคน
นอกนั้นเปนพวกพรานมือดีที่ชํานาญคลองแคลวตอลูทาง
กอนจะลงจากเรือน รพินทรเดินเขาไปใกล ม.ร.ว.ดาริน
“จําไวนะครับ ถามันหันหนาตรงในระยะใกล อยายิงสวนหนา หาจังหวะใหมันเบีย่ งตัว
หรือพยายามมีกําบังไว”
หลอนพยักหนา แลวก็บอกวา
“ขอบใจมากทีใ่ หเกียรติ”
“เกียรติ? เอะ เกียรติอะไรกันครับ”
“เกียรติที่ไมพยายามประทวงหรือกีดกันฉันในการลาเสือครั้งนี้นะซิ แลวก็ไมคดิ วาฉัน
เปนทารกที่จะตองอยูในความดูแล ใกลชิดของคุณตลอดไป ฉันอยากรูเหมือนกันวา ถาไมมีคุณเปน
พี่เลี้ยง ฉันจะทําอะไรอยางคนอื่นเขาบางไดไหม”
“ทําไมจะไมไดครับ ถาหากพี่เลี้ยงเคยสอนหรือแนะนําอะไรไวแลว คุณหญิงจําขึ้นใจ
ปฏิบัติไดถูกตอง”
“ถึงวาซิ นี่จึงจะเปนการทดลอง ‘บินเดีย่ ว’ ครั้งแรก”
ทุกคนลงไปชุมนุมกันอยูที่ลานบานโตะถะ ตะโกนสั่งพวกลูกบานลงเลง ใหทุกคนคอย
ระวังรักษาความปลอดภัยในขอบเขตหมูบ าน พรานใหญก็กาวสวบมาหยุดยืนอยูตรงหนาแงซาย
“แกชวยพวกเจานายไว เมื่อตอนน้ําปาซัด...”
เขาพูดเปนภาษากะเหรี่ยงกับหนุมชาวเขาพเนจรดวยเสียงต่ําลึก โดยไมตองการใหคณะ
นายจางรูเรื่อง
“มันเปนนิมิตที่ดีสําหรับการไววางใจอันดับแรกของฉัน คืนนี้ หนาที่สําคัญของแกเริ่มมี
ขึ้นอีกครั้งหนึง่ ดวยการคุมครองนายหญิง จําไวแงซาย นายหญิงจะตองปลอดภัยทุกสถานการณ
แมวาแกจะตองคลาสสี่ตีนกัดกับเสือ!”
แงซายยิ้มยิงฟน ไมไดเอยคําใดทั้งสิ้น นอกจากยกมือขึ้นแตะขมับเชิงรับคํา
เพียงสิบหานาทีแรก นับจากแยกกับคณะเดินบุกไปในระหวางหญาคาและตอไมทพี่ วก
กะเหรี่ยงโคนไว ไฟที่สาดจากสูงลงต่ําในมือของแงซาย ก็สะกดจับดวงตาวาวเรืองเหลือบเขียวแดง
คูหนึ่งไวได มันสูสะทอนแสงไฟออกมาจากปาหญาตอนหนึ่ง หางออกไปประมาณ 50 เมตร และ
โดยไมตองเตือนอะไรกันอีกเลย ดารินตวัด .470 ขึ้นประทับบา ในขณะทีก่ ะเหรี่ยงอีกสองคนก็
ชวยกันฉายไฟขนาดสองทอนไปชวยจับไวกันพลาด
เสี้ยวของวินาที หลอนลั่นไกทางลํากลองซาย เสียงกระสุนแผดกึกกองกลางราตรีอันเงียบ
สงัดสะทอนทุง ทับทิมสีเหลืองเรืองคูนั้น หายวับไปจากการสูแสงไฟ ปาหญาแตกกระจายเปน
แปลง แลวเงาสีน้ําตาลเขมสลับริ้วดํา ก็พุงเปนทางไปในระหวางพุมไมรกตัดผานแสงไฟ
มันโผนไปไดเพียงชวงตัวเทานั้น ลํากลองขวาของริกบี้ จากมือของราชสกุลสาวสวย ก็
กัมปนาทขึ้นอีกครั้ง ชวงตัวยาวๆ นัน้ ตีลังกาสองทอด หลนวูบหายไปในพงหญา เห็นแตยอดสัน่
พลิ้วไหวไปมาอึดใจเดียวก็สงบนิ่ง ดารินหักลํากลองบรรจุกระสุนชุดใหมโดยเร็ว แลวประทับ
เตรียมพรอมกาวตามหลังแงซายเขาไป
กะเหรี่ยงนําทางสองคนที่ตามติดมาดวย อุทานพึมพําอยูในลําคอ ดวยความพิศวงงงงัน
เหลือที่จะกลาว หันมาจองหนาหลอนเหมือนไมอยากเชือ่ สายตา เจาโครงขนาดเขื่องตัวนั้น ตัวหงิก
งออยูในกอหญา นัดแรกตัดสะบักซายของมันหักสะบั้นออก แตนัดหลังเฉียบขาดกวา ตัดกระดูกคอ
ตอพอดี เลือดพลักออกมาเปนลิ่มๆ
“สองคนนี่นินทาฉันวายังไง?”
หลอนถามแงซาย อดีตนายทหารกองโจรกะเหรี่ยง ผูมาสมัครเปนคนรับใช ยิงฟนขาว
ตามเคย
“เขาบอกวา เขาแทบไมเชื่อตาวา นายหญิงจะมีฝมือถึงขนาดนี”้
“บอกเขา...”
ดารินพูดเรียบๆ พรอมกับยิ้มนิดหนึ่ง นัยนตาวาว
“นายหญิงคนนี้ เปนคนที่ฝมือเลวที่สุดในคณะของพวกเราทุกคนที่มาดวยกัน ซึ่งรับอาสา
ยิงเสือใหเขาในคืนนี”้
แงซายแปลคําพูดของหลอน กะเหรีย่ งหนุมสองคนซึ่งคนหนึ่งเปนลูกชายวัยคะนองของ
โตะถะ ทําสีหนาพิกล แลวหัวเราะแหงๆ มองดูหญิงสาวดวยประกายตาเลื่อมใสยําเกรง ผิดไป
กวาเดิม
ไชยยันตวา
“นั่นแหละ จะเปนวิธีโชวใหใครๆ เห็นวาเธอเปน ‘พรานใหญ’ ละ ถาเธอทําอยางวานี่ได
แตมีขอแมอยูว าเธอตองกลาเสี่ยง ถาเสือไมตาย เธอก็ตาย”
“นี่ ดาริน วราฤทธิ์ ก็กลายเปน ‘พรานใหญ’ ไปแลวซิ”
เพื่อนชายรอง ทําตาโต หญิงสาวหัวเราะขันๆ
“รพินทร ไพรวัลย นะ ตกอันดับไปแลว ถาเธอจะไปลองถามกะเหรีย่ งหวยแมเลิงเหลานี้
ดู กะเหรีย่ งสองคนที่ไปกับฉันเห็นชัดกับตาวาฉันยิงเสือแบบไหน แลวเก็บมาเลาใหพวกพองฟง
ขรมลือแซดกันไปหมดแลว ทั้งๆ ที่แทจริงแลวฉันไมมอี ะไรสักอยางที่จะเรียกวาเปนพรานได ไมวา
ระดับชั้นไหน เพียงแตวาเปนนักจิตวิทยาที่บาระห่ําอยางเธอวาหนอยเดียวเทานั้น ตองสําแดง
อภินิหารใหพวกนีน้ ับถือฉันหนอย มายงั้นดูหมิ่นนัก เห็นฉันถือไรเฟลก็ยังหัวเราะกันคิกคัก”
“นอยหาวเสมอนะ”
เชษฐาพูดอยางหนักใจ สวนไชยยันตหัวเราะเรื่อยๆ ควักขี้ผึ้งบาลมออกมาทาแขนขาที่มี
รอยฟกช้ําและขีดขวน ทั้งแผลเกาแผลใหมเปรอะไปหมดทั้งตัว
“นึกไมถึงมากอนเลยวา เราจะมีโอกาสยิงเสือขนานใหญแบบนี้ ยังกะเดินสองกระตายงั้น
แหละ มันชุมเอาเสียจริงๆ นาแปลกในขอที่วา ถึงแมจะชุมสักขนาดไหนก็ตาม เสียงปนที่พวกเรายิง
ออกสนั่น ไมยักทําใหพวกมันหนี กลับเพนพานใหเรายิงไดตวั แลวตัวเลา ครั้งแรกที่รพินทรบอกยัง
ไมอยากเชื่อเลยวา เราจะเดินยิงกันไดอยางนี้ นึกวาอยางเกงพอยิงสักตัวสองตัวก็คงไมพบอีก มันผิด
ธรรมชาติของสัตวปาทั่วไปยังไงพิกลอยู ไมเคยพบ หรือไดยินสถิติในการลาเสือแบบนี้มากอนเลย
จนกระทั่งเดีย๋ วนี้กย็ ังอดแปลกใจไมหาย แกคิดอยางนั้นหรือเปลาเชษฐา?”
“เรื่องในปา เอากฎเกณฑแนนอนตายตัวไมไดเสมอไปหรอก อยางทีร่ พินทรบอกไวแลว
นั่นแหละ คือไอพวกเสือแถวนี้มันกําลังคะนอง และไมกลัวปนแกปของพวกกะเหรีย่ งมากอน เสียง
ปนที่พวกเรายิงมันตายไปทีละตัว ไอตวั อื่นๆ ถึงแมจะไดยินก็คงนึกวาเปนเสียงปนแกปนั่นแหละ
จึงเปนโอกาสดีที่สุดของเรา ที่จะเดินเก็บมันไดอยางสะดวก นี่ถาไมเสียดายเวลานอน จะตระเวนยิง
เสียใหหมดปาแถบนี้เลย อยากเจอมานานแลว ไอเสือกําแหงแบบนี้นะ นาเห็นใจโตะถะกับพวก
กะเหรี่ยงเหลานี้มาก นี่ถาพวกเราไมชวยออกปราบให เขาก็อยูที่นกี่ ันตอไปไมไดแนๆ ลงถาเสือชุม
ยังกะฝูงลิงแบบนี้ มีหวังถูกมันลากเอาไปกินหมดทั้งหมูบ าน”
“แกเห็นจะลอเสียช่ํามือสินะ อยูหมดทุกตัว หรือวามีลําบากไปบาง?”
เชษฐาสั่นศีรษะ
“ไมมีหรอก ถายิงเปนอยูทกุ ตัวไป ปนของเกิดกับโตะถะคอยชวยอยูด วย ทีเ่ ห็นไมถนัด
ยิงไมทันก็หลายตัว ทางดานแกละ”
ไชยยันตเอื้อมมือไปลูบคลํา .600 ดับเบิลไรเฟลอยางอบอุนไววางใจในฤทธิ์เดชานุภาพ
ของมัน
“ผีมันหลอกเธอคนเดียว แตมันไมไดหลอกรพินทร”
ไชยยันตโพลงออกมา พลางหัวเราะกรอยๆ
“แลวตอนที่เธอเห็นขบวนเจาปาผานหนาปากถ้ําที่อาศัยนอนพักอยูน ั่นละ ทําไมตอนนั้น
เธอไมปลุกรพินทรขึ้นมา”
“ฉันอยากจะปลุกเขาเหมือนกัน แตมันหมดเรี่ยวแรง กระดิกตัวไมไหว คอตีบไปหมด ไม
มีเสียงผานลําคอออกมาไดเลยแมแตนิดหนึ่ง ที่รูแนๆ ก็คอื ลืมตาไมไดหลับ พอขบวนอันนากลัว
เหลานั้นผานพนไปหมดแลว ฉันจึงเคลื่อนไหวกายได”
“เจอเขาใหจังเบอรแลวไหมละ แมนกั วิทยาศาสตรตัวดี ฉันนะออกความเห็นอะไรไมถูก
หรอก อํานาจที่เหนือธรรมชาติ และสิ่งที่เราไมอาจพิสูจนไดตามหลักของวิทยาศาสตร มันมีอยูจริง
เพียงแตวา เราจะมีโอกาสเผชิญกับมันเมื่อไหรหรือไมเทานั้น ก็ดีแลวที่เธอไดเห็นชัดกับตา พบกับ
ตนเองเสีย คราวหลังจะไดไมหัวเราะเยาะ เมื่อไดยนิ ไดฟง เรื่องประเภทนี้”
ไชยยันตวา เชษฐาลูบคางเฉยอยูเชนนั้น พอดีกับที่รพินทรเดินขึน้ มา หัวหนาคณะ
เดินทางจึงพยักหนาเรียกเขามาสอบซักขอความ ที่ไดรับฟงจากนองสาวอยางไลเลียง
พรานใหญหัวเราะออกมาเบาๆ ตอบเรียบๆ วา
“อยาสงสัยอะไรเลยครับ ทุกสิ่งทุกอยางเปนเรื่องตาฝาดของคุณหญิงทั้งนั้นแหละ ผม
บอกคุณหญิงไปแลวไมเชื่อ ยังอุตสาหเขวอยูอีก”
ดารินไมกลาวเชนไรอีก สีหนาครุนคิดเต็มไปดวยความไมสบายใจ ที่ซอ นเรนอยูใ นสวน
ลึก ไชยยันตขอบุหรี่ใบตองแหงที่รพินทรกําลังมวนอยูในมือจุดสูบ แลวทําหนาเบในความฉุนเฉียว
ของมัน แตกไ็ มยอมทิ้ง อุตสาหสูทนสูบแกขัดไปตามเรื่อง เพราะนับตั้งแตถูกน้ําปาจูโจมทั้งเขาและ
เชษฐา ไมไดลิ้มรสบุหรี่หรือยาเสนกันอีกเลยมาตลอดเวลาถึงสองวันเต็มๆ
“เปนยังไงรพินทร เสือ 16 ตัวที่เราชวยกันเก็บในคืนนี้ พอจะใหความสบายใจกับพวก
กะเหรี่ยงไดแคไหน พวกเขาหายวิตกกันแลวหรือยัง?”
ไชยยันตขอความเห็น
“พวกนี้สบายใจขึ้นมากครับ และเชื่อวาพวกมันคงจะเข็ดหลาบ เปดหนีไปหากินถิน่ อื่น
หมด คงไมมารบกวนอีกแลว”
“เปนอันโลงอกไปอีกปญหาหนึ่งละ พรุงนีจ้ ะไดออกเดินทางตามเกวียนของเราเสียที”
อดีตนายทหารปนใหญเปรย เอนตัวลงพิงกองยามเครื่องหลัง
“ไดขาวคืบหนาเกีย่ วกับไอแหวงจากโตะถะบางไหม?”
เชษฐาถามมาเบาๆ
“เมื่อสามวันกอน ขณะทีพ่ วกเรากําลังตามลามหิงสาตัวนั้น โตะถะบอกวาพวกตัดหวาย
สองคน เจอโขลงของมันปวนเปย นอยูแถวพุตะครอ แลวบายหนาไปทางไทรงาม นั่นแปลวาควาย
ระหวางการกินอาหาร ไชยยันตกวักมือเรียกแงซายเขามา
“แงซายไปเรียนวิชาตอกทอยมาจากไหน”
หนุมชาวดงพเนจรยิ้มฟนขาว
“นานแลวครับ เจานาย พระธุดงคที่เลี้ยงผมมา ทานสอนใหตั้งแตผมยังเปนเด็กๆ อยู”
“ตองมีคาถาหรือเวทมนตรกาํ กับดวยหรือเปลา?”
ดารินตั้งคําถามแบบสัมภาษณมาดวยอีกคนหนึ่ง ใบหนาสีทองแดงอันมีดวงตาสุกใส
เหมือนเด็กๆ สยายยิ้มกวางออกไปอีก
“ก็ตองมีเหมือนกันครับ นายหญิง ถาไมมคี าถากํากับ ทอยจะไมติดแนน เวลาปนขึน้ ไป
ทอยก็จะหลุดตกลงมา”
คณะนายจางทัง้ สามผลัดกันซักถามเกี่ยวกับเคล็ดในการตอกทอยของแงซาย ซึ่งหนุม
กะเหรี่ยงรางยักษกใ็ หคําตอบที่พอจะสรุปได ตรงกันกับรพินทรเคยบอกไวแลวนัน่ เอง นอกจาก
คาถาอาคมที่จะตองปลุกในขณะที่ตอกแลว ยังตองปฏิบัติพิธีการตามเคล็ดโดยเครงครัด กลาวคือ
ภายหลังจากตอกทอยไตขึ้นไปยังบริเวณทีส่ ูง ตามตองการสัมฤทธิผลแลว ผูตอกทอยจะตองหวน
กลับลงไปถอนลูกทอยที่ปกเปนบันไดอยูน ั้นออกใหหมด โดยไมทงิ้ คางไว การถอนลูกทอยก็มี
คาถาสําหรับถอนเชนเดียวกับการตอกเหมือนกัน หากทิ้งลูกทอยใหคางไวโดยไมถอนออก การตอก
ทอยในครั้งตอไปยอมจะประสบกับวิบัติแนนอน วิชาตอกทอยจึงเปน ‘มนตมดื ’ ที่ลึกลับอีกชนิด
หนึ่ง ไมผิดอะไรกับพิธีการทางไสยศาสตรอื่นๆ
“ทอยของแงซายเคยหลุด ในขณะที่ปนอยูบา งไหม”
ดารินซักถี่ยิบมากกวาทุกคน
“ผมไมเคยผิดคําสอนของอาจารย เทาที่แลวมาลูกทอยไมเคยหลุด”
กอนออกเดินทาง แงซายไตตามสายเชือกยอนลงไปยังโตรกลึกเบื้องลาง เพื่อจัดการปลด
ลูกทอยออก แลวก็ไตกลับขึ้นมาภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว พอเก็บขาวของเสร็จ กลบกองไฟลุก
ขึ้นยืน ทุกคนก็ตองชะงักกึกอยูกับที่ไปในวาระนัน้
เสียงรองแหลมของสัตวชนิดหนึ่ง ซึ่งทุกคนคุนหูดี กองกังวานมาจากที่ใดทีห่ นึ่งไมหาง
ออกไปนัก ไดยินอยางถนัด มันดังแปรแปรนยาวเหยียด กองไปในความเงียบ แลวก็ประสานกันแซ
ระงมไปหมด พรอมกับกองหินทลาย ระคนกิ่งไมหัก
“ไอแหวง”
ไชยยันตหลุดปากออกมาในเสียงกระซิบ
ความรูสึกของทุกคนในยามนั้น ประหนึง่ วาเลือดจะจับแข็งเปนกอนไปชั่วขณะ แมแต
รพินทร ไพรวัลย ผูยืนตะลึงอยูกับที่ อยางนอยที่สุดก็สองสามวินาที...
35
รพินทรกับเชษฐา กระชากลูกเลื่อนไรเฟลขึ้นลําเกือบจะเปนเสียงเดียวกัน สวนดารินกับ
ไชยยันตสะบัดดับเบิลไรเฟล ที่เพิ่งจะเหวี่ยงขึ้นสะพายบา ลงมาถือกระชับไวในมืออยางเตรียม
พรอม อึดใจนั้นทุกคนตกอยูในภาวะใครครวญ เพื่อการตัดสินใจอยางใดอยางหนึ่ง ในอนาคต
ขางหนาที่ทายยาก ระยะนี้เองผูที่ใชปนแฝดทั้งสอง ควักลูกปนสํารองออกมากํามั่นไวในมือ อยาง
คุนเคยตอเหตุการณฉุกเฉิน ซึ่งจะตองระเบิดกระสุนอยางเปนเบือ โดยจําเปนตองอาศัยความ
รวดเร็วฉับไวเขาชวย เพื่อแขงกับนาทีวิกฤต
มาตราวาเสียงชางที่อึงคะนึงอยูนั้น เปนโขลงของไอแหวงจริงตามที่ทกุ คนคาดคิด และ
ถาหากมันไดกลิ่น พรอมทัง้ มีเจตนาทีจะยกพลบุกเขามา สถานการณของฝายมนุษยทุกคนก็เลวราย
เต็มที เพราะภูมิประเทศเปนตําแหนงอับ กําบังดวยเปนบริเวณยอดผาอันสูงชะลูดโดดเดีย่ ว หมด
หนทางที่จะหลีกหลบเคลื่อนถอยได นอกจากจะถอยลงไปกระดูกแหลกเหลวอยูยงั หุบเบื้องลาง ที่
เพิ่งจะอาศัยบันไดทอยไตขนึ้ มาได
“เอายังไงดี เราไมมีที่กําบังเสียดวย ลูกปนก็มีกันอยูคนละไมกี่นัด?”
เชษฐาถามเร็วปรื๋อ ทุกคนอยูในอาการกระสับกระสายตื่นเตน แทบจะระงับไวไมได
อิทธิพลของไอแหวงจอมมฤตยูมีอํานาจเอกอุกสั่นสะเทือนขวัญไดพอดู โดยเฉพาะอยางยิ่งในเวลาที่
จูโจมกะทันหันโดยไมรูเนื้อรูตัวลวงหนาเชนนี้
พรานใหญกัดริมฝปาก...กวาดสายตาไปรอบๆ อยางรวดเร็ว แลวจับไปยังกลุมโขดหินที่
ระเกะระกะอยูเ บื้องหนา
“แนวรบของเราอยูที่กอนหินขางหนานัน่ ครับ มันอาจไมแข็งแรงนัก แตก็ยังดีกวายืนอยู
ในที่โลง ทางที่จะขึ้นมาเปนทางดานสูงชันแคบๆ พวกมันไมสามารถจะดาหนาขึน้ มาไดทั้งโขลง
นอกจากอยางเกงก็เรียงคูก ันขึ้นมาทีละสองตัว พอมีโอกาสยิงทัน ไมจําเปนตองยิงกราดใหเปลือง
กระสุน แตเลือกยิงใหเหมาะ เก็บมันทีละตัวหากมันโผลขึ้นมา พวกมันเขามาเปนเปาลมสักสองสาม
ตัว ไอพวกที่เหลือก็คงถอย”
โดยไมเสียเวลาอีกเลยแมแตวินาทีเดียว ทัง้ หมดพุงปราดตรงเขาไปยึดแนวโขดหิน ตรง
บริเวณเนินลาด อันสกัดปากทางดานแคบๆ ไว กระจายกําลังกันออกไปในลักษณะตัง้ รับ ไรเฟลทั้ง
หกกระบอกจองศูนยหมายไปยังปากทางดานนั้น ดวยหัวใจอันเตนระทึก ระยะปากดานทีห่ ักโคง
ขอศอกขึ้นมานั้น หางจากบริเวณที่ซุมสกัดอยูเพียง 30 เมตรเทานัน้ หนทางโลงปราศจากกิ่งไม
พรางตา นอกจากโขดหินตะปุมตะปาทัว่ ไป มองเห็นอะไรไดอยางถนัด
ไชยยันตกอบฝุนแดงขางๆ ตัวขึ้นมากํา เพื่อซับเหงื่อในฝามือขวา แลวเอามือขางนั้นลูบ
เช็ดกับกางเกงอยางหมายมั่น จับคอปนนิ้วสอดแตะรออยูที่ไก แยกเขี้ยวคํารามออกมา
“ขอใหไอตัวนําฝูงตัวแรกเปนไอแหวงเถอะ จะไดสุดสิ้นรูแลวรูรอดกันไปเสียที!”
จากการตรวจสอบทิศทางลมของรพินทร พบวามนุษยทั้งหมดอยูเ หนือลม เพราะอยูใน
ระดับสูงกวา และกระแสลมโชยสูงไปหาต่ํา
หลายอึดใจตอมาของการสงบรอคอยเหตุการณอยางสะบัดรอนสะบัดหนาว ไมมีเสียง
ใดๆ ที่จะสอใหเห็นถึงวา ชางโขลงนั้นเคลื่อนพลขึ้นมาใกล พวกมันสงเสียงรองอื้ออึง และเหยียบย่ํา
กิ่งไมโครมครามอยูก็จริง แตมันดังอยูก ับที่ ตรงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเบือ้ งลาง ลงไปทางชองเขา ซึ่ง
ก็ไมหางออกไปนัก เพราะเสียงเปาลมออกจากงวงก็ดี เสียงกอนหินพลิกถลมอยูกรูเกรียวก็ดี ไดยนิ
มาอยางถนัด
“เอะ! รูสึกวาพวกมันจะชุมนุมวุนวายกันอยูกับที่นะ ไมมีการเคลื่อนไหวไปทางไหนเลย
ไมใกลเขามาทางดานเรา แลวก็ไมหนีหางออกไป”
เชษฐารองออกมาอยางประหลาดใจ ขณะที่ตะแคงหูจับเสียงพลางหันไปจองหนาจอม
พราน
รพินทรเองก็กาํ ลังพิศวงอยูกบั ทาทีประหลาดของมันอยู อยางชนิดเดาไมถูกเชนกัน ยก
แขนขึ้นปายเหงื่อบนใบหนา เงี่ยหูจับเสียง ทันใดนั้น ทุกคนก็พบกับความงงงันเพิ่มขึน้ เพราะไดยนิ
เสียงเสือขูคํารามกอง แทรกประสานมากับเสียงแปรนๆ ของโขลงชาง ดังอยูโฮกฮากสะทอนไปทั้ง
หุบเขา เสียงเสือที่แฝดอยางดุรายกระหายเลือด ไมนอยกวาสองตัวขึ้นไป ฟงดูโกลาหลอลหมานไป
หมด ระคนไปกับเสียงปาปวน
“ถามันยังไงซะแลว!...”
ไชยยันตรอง กระโดดลุกขึน้ ยืน และทุกคนก็พลอยยืนขึน้ จากทีก่ ําบังพรอมกันหมด
“นั่นมันเสียงสงครามระหวางไอจมูกยาว กับไอลายนีน่ ะ เห็นจะไมเกี่ยวของกับเราเสีย
แลวละ”
“สงสัยครับ!...”
รพินทรบอก ขมวดคิ้วยิ้มออกมาเล็กนอย
“แตทําไม เสือมันถึงกลาเขาลอมชางทั้งโขลงทีเดียวหรือ”
พรอมกับพูด เขาก็กาวพรวดนําหนาทุกคนตรงไปยังโคงขอศอกของทางดานโดยเร็ว
ทั้งหมดถือปนในทาเตรียมพรอม กาวตามมาอยางกระชัน้ ชิด พอลับเหลี่ยมผาที่บังมุมอยู คณะเดิน
ปาทุกคนอุทานออกมาดวยความตื่นใจ จากภาพที่ปรากฏกับสายตา
เบื้องลางในระหวางชองเขาแคบ ที่พื้นเปนตะปุมตะปา ไปดวยหิน ระยะหางลงไป
ประมาณ 60 เมตร บัดนี้มัวคลุมอลวนเปนมานควันตลบ อันเกิดจากฝุนเพราะการอลหมานวุนวาย
ของฝูงสัตวสองชนิด แสงตะวันบายสาดเปนลําผานชองเขาลงมาจับที่บริเวณนั้น ทําใหเห็นไดอยาง
ถนัดตา สิ่งที่เห็นในครั้งแรกก็คือโขลงชางหนึ่ง ประมาณ 12-13 ตัว กําลังปนปวนอยูไปมาชูงวงรอน
“นาเสียดายชางงาสี่ตัวนั่น งางามเสียดวย”
ดารินหันขวับไปโดยเร็ว ชี้หนา
“บอกกลาเสียกอนนะ ตาเกิด เราจะไมยิงชางโดยไมจําเปน เปนอันขาด นอกจากโขลงไอ
แหวงเทานัน้ ศัตรูของเราที่เปนชางก็เพียงไอแหวงเทานัน้ แตเสือไมหา มเลย เจอที่ไหนเก็บใหหมด”
เกิดยิ้มแหงๆ หญิงสาวกระแทกลูกเลื่อน .375 สงกระสุนขึ้นลํากลองแทนนัดที่ยิงไปแลว
พลางโยนยืน่ ไปใหแงซาย พรอมกับบอกวา
“ขึ้นลํากลองไวแลวนะ แตลดนก ถาจะยิงขยับลูกเลื่อนก็ใชการไดเลย จะใหดีละก็ ยัดลูก
สํารองใสกระสุนไวใหเต็มตามเดิมดวย”
“ถือ .470 อยูในมือ แตกลับไปเอา .375 ของแงซายมายิง พิลึกแท”
ไชยยันตวา หลอนหันไปคอน
“กลัวมันจะผิดนะซิ ไกลออกยังงั้น แตดนั ฟลุกถูกไดยังไงก็ไมรู สงสัยแรงใจที่คิดจะชวย
ลูกชางตัวนัน้ เขามาชวย เรานะใจรายมากนะ ยืนดูเห็นเปนของสนุกไปเลย ฉันสงสารมันแทบจะเปน
บาตาย เห็นทีค่ อมันเลือดโทรมเพราะเขี้ยวเสือที่รุมกันกัด ไมรูจะไปตายกลางทางหรือเปลา”
เพื่อชายหัวเราะ พยักหนาหงึกๆ ตวักปนขึ้นสะพายบา
“เอาเหอะ แมคนใจบุญ กุศลที่คิดวาจะชวยลูกชางตัวนั้น คงจะไมใหชางตัวไหนมัน
เหยียบเธอแบนในอนาคตขางหนา ฉันขอภาวนาเอาใจชวยดวย”
ดารินควาริกบีท้ ี่วางพิงกอนหินขึ้นมา ไชยยันตก็เดินเลี่ยงออกไปใหพนระยะความยาว
ของไรเฟลกระบอกนัน้
“มีอะไรหรือแงซาย ซุบซิบอะไรกับพรานใหญ”
แงซายไมตอบ เพียงแตยิ้มยิงฟน รพินทรจึงบอกมาแทนวา
“แงซายมาขออนุญาตไปตีผึ้งครับ...หมายถึงวาไปเอารังผึ้งนะ”
“ไกลไหม?”
“เขาบอกวาอยูห ลังถ้ํานี่เอง”
“จะเอามันมาไดยังไง ผึ้งมันไมตอยเอาแยรึ?”
“ไมตองหวงหรอกครับในขอนั้น เขามีวิธขี องเขา พวกกะเหรีย่ งมีวิธีเอารังผึ้งชํานาญดีทุก
คน”
ไชยยันตไดยนิ ก็รองบอกอยางกระตือรือรนวา
“วิเศษสุดยอดเลย ถาหากวาเราไดน้ําผึ้งมากินกัน”
เชษฐาสอบซักถามมาสองสามคํา แลวก็พยักหนาอนุญาต
“จะไปก็ไป แตรีบไปรีบมานะ เอาเกิดไปเปนเพื่อนดวย”
แงซายหันไปมองดูเกิด และเหมือนจะนัดกันไวกอนแลว ทั้งสองควาไรเฟลขึ้นสะพาย
ไหล หยิบมีดเหน็บและยามพรอมกับไฟฉายประจําตัว พากันเดินลับมุมกอนหิน หายไปอยาง
รวดเร็ว ปลอยหนาที่ในการหุงหาไวใหกบั พรานใหญตามลําพัง
ความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมปกเขาดานนั้นอยางรวดเร็ว ในทันทีที่ดวงตะวันจมหายลง
ไปยังปาสูงเบือ้ งลาง ในที่สุดทุกสิ่งทุกอยางรอบดาน ก็ถูกกลืนหายอยูใ นมานราตรีสีดําสนิท
นอกจากเปลวไฟสีแสด ที่สวางวอมแวมอยูในกองที่กอไวเปนแนวสกัดปากทางเขาถ้าํ สะทอนตอง
ผนังหินงอกหินยอยมองเห็นเลื่อมพรายเปนเงาตะคุมนาพิศวง และอาจเห็นเปนภาพเคลื่อนไหว
ตางๆ ไดสุดแตมโนภาพจะหลอกหลอน
เสียงลมบนอันเย็นเฉียบ พัดปะทะแกงโขดหินและซอกโพรง ครางอยูหวีดหวิวไมขาด
ระยะรอบดาน ทุกคนเริ่มรูสึกถึงความหนาวเย็นจับขัว้ หัวใจทันทีที่มดื สนิท และไมมสี ิ่งใดจะชวยได
นอกจากกองไฟผิงเทานั้น
ตางรับประทานอาหาร ซึ่งมีเพียงขาวรอนๆ และเนื้อแหงยางพอใหหนักกระเพาะไปชั่ว
มื้อ แลวนั่งผิงไฟสนทนากันอยูในเขตทีพ่ ัก รอคอยการกลับมาของแงซายและเกิด การขาดกาแฟ
และบุหรี่ ทําใหคณะนายจางทั้งสามรูสึกกระสับกระสายเล็กนอยเพราะนิสัยอันเคยชิน สวนพราน
ใหญไมเดือดรอนอะไรนัก เพราะมีบุหรี่ใบตองแหง ใชมวนดวยยาฉุน ซึ่งขอแบงมาจากโตะถะอยาง
พอเพียง เชษฐากับไชยยันตเห็นเขา อดอยูไ มไดก็ขอเอาไปมวนสูบบางแกขัด ทําใหนักมานุษยวิทยา
คนสวยกระสับกระสายยิ่งขึ้น
“นี่ น้ําใจจะไมใหฉันสูบบางเชียวเหรอ?”
ไชยยันตกับดารินรองถามออกมาเกือบเปนเสียงเดียวกัน
“ผมเอาแกกลับมาที่บานพัก แกไมไดสติหรือรูสึกตัวใดๆ เสียแลว เราชวยกันขุดหลุม กอ
ไฟราง และเอาแกขึ้นยางเพื่อถอนพิษ อันเปนวิธีเดียวที่เราจะชวยแกได แตอาการของแกมันเหลือ
กําลังเสียแลว แกขาดใจตายในกลางดึกของคืนนั้น”
ดารินหอไหล ครางอะไรออกมาคําหนึ่งในลําคอ
“ทําไมคุณไมสงตัวแกเขาอําเภอ ทําไมไมสงโรงพยาบาล หรืออยางนอยก็สุขศาลา
ในทันทีนั้น วิชาแพทยทนั สมัยอาจชวยชีวติ แกได”
จอมพรานหัวเราะหึๆ
“ตอใหหมอเทวดา ก็ชวยแกพิษเหล็กในนับเปนรอยๆ อัน ที่ฝงอยูในผิว และเปนพิษขึ้น
ในตัวพรานยิ้มไมได ไมมยี าฉีด ยากิน หรือเซรุมชนิดใดจะถอนพิษอันมากมายเหลานั้นได การเอา
ตัวขึ้นยางไฟเปนวิธีเดียวเทานั้น ที่จะชวยคนที่ถูกผึ้งตอยมากๆ ใหถอนพิษลงไดบาง มันอาจดูขัดกับ
วิชาแพทยสมัยใหมอยูบาง แตก็ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเคยไดผลมานักตอนักแลว แตถา มันมากเกินไปก็
ชวยไมไดเหมือนกัน ถาจะแกไขคนถูกผึง้ ตอยกันละก็ ผมกลาทาพนันไดวา ระหวางทฤษฎีของ
แพทยสมัยใหมกับวิชาของพวกบานปา วิชาแพทยปจ จุบันตองสูไมไดเด็ดขาด ไมเชื่อลองดูก็ได ผม
ชวยคนถูกผึ้งตอยมามากแลว ชวยไมไดคนเดียวก็คือพรานยิ้ม ชะตาแกถึงฆาตเอาจริงๆ”
แพทยสาวเลิกคิ้วขึ้นขางหนึง่ พรอมกับตะแคงใบหนาอยางยังไมอาจเชื่อสนิทนัก ไชย
ยันตเสริมมาวา
“เรื่องนี้เชื่อเขาไดแนนอย ฉันเคยไดยินอยูเหมือนกัน พวกชาวปาเขามีวิธีชวยคนถูกผึ้ง
ตอย โดยการเอาคนเจ็บขึ้นยางไฟ เพื่อใหความรอนชวยถอนพิษ”
หลอนหัวเราะ
“ชวยถอนพิษ หรือชวยใหคนเจ็บสุกเปนหมูยางกันแน”
เพื่อนชายขมวดคิ้ว จุปากลั่น
“ไอเราละมันเขาใจไถลเถลือกเลยเถิด คําวา ‘ยาง’ ในที่นหี้ มายถึงอาศัยอังหรือผิงไฟ โดย
ไมใหเปลวไฟถึงกับทําอันตรายอะไรคนเจ็บ อยางที่เราเขาใจสักหนอย ไมใชยางกันแบบหมูหนั
หรือเปดยาง”
“อาว! ถางั้นเรียกเสียใหถูกตองหนอยซิ จะเรียกวา ‘ผิง’ ก็ไมเรียก นี่เรียกเสียนากลัว
ทีเดียว ‘ยาง’ ฉันนึกวายางกันแบบหมูยาง พอถอนพิษผึ้งเสร็จก็สุกหอมกินไดพอดี”
ไชยยันตบนพําอยางพาซื่อ แตรพินทรตามทันวาเปนการเจตนายัว่ เมือ่ เขาไมกลาวเชนไร
หลอนก็เปลี่ยนสายตามาจับประสาน
“ไหนวาการลาผึ้ง จะตองประกอบดวยเวทมนตรคาถาขลังยังไงละ แลวทําไมถึงเกิดมีการ
ถูกผึ้งตอยเอาถึงตายได”
พรานใหญยักไหล
แสงไฟฉายสาดวูบวาบเขามากระทบกอนหินใหญหนาบริเวณปากถ้ํา พรอมกับเสียงฝเทา
ย่ําเขามาใกล ครูใหญรางของแงซายกับเกิดก็ปรากฏขึ้น บนไหลของหนุมกะเหรี่ยงพเนจรคืน
กระบอกไมไผอันใหญ บรรจุเต็มเปยมไปดวยน้ําผึ้ง สวนเกิดแบกกลวยปาที่สุกเหลืองอราม มีรอย
นกจิกกินบางเล็กนอยมาดวยทั้งเครือ คณะนายจางเต็มไปดวยความยินดี แตแลวทุกคนก็อด
ประหลาดใจระคนขบขันเสียไมได เมื่อมองเห็นเกิดคางอูมโยไปขางหนึ่งสบถพําไปหมด ภายหลัง
จากการซักถามก็ไดความวา แงซายเปนคนปนขึ้นไปเอาไฟลน และจัดการเอารังผึ้งลงมาใหอยาง
“ขอบคุณมาก!”
รพินทรพูดสั้น ๆ เอาบุหรี่ที่มวนแลวใสกระเปาเสื้อไว เดินไปนอนที่เกาตามเดิม
ดารินทรุดกายลงหยิบฟนสุมเพิ่มเติมลงไปในกองไฟครูหนึ่ง ก็ควาปนและไฟฉายเดิน
ชาๆ ออกไปยังลานหินโลงหนาปากถ้ํา
คนที่นอนทําเปนหลับอยู ก็เลยจําเปนตองผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง จรดฝเทาสะกดหลังออกมา
หญิงสาวยืนกอดอกพิงหินกอนหนึ่ง แหงนหนามองดูดวงจันทรทอแสงอยูในมานหมอก
ลมดึกอันเย็นเฉียบเปาเสนผมปลิวไสว หลอนรูสึกตัววามีใครเขามายืนอยูเบื้องหลังใกลๆ เพราะได
ยินเสียงไลทเตอรพรอมกับเปลวไฟเล็กๆ ทีส่ วางวูบขึ้น แตไมหันกลับมาและไมเอยพูดคําใดทั้งสิ้น
จนกระทั่งอีกฝายยอมแพ
“ดึกมากแลว ทําไมถึงไมนอน?”
เสียงถามมาจากเบื้องหลัง ออนโยนนุมนวลขึ้น
“ก็ใชใหฉันอยูย ามแทนไมใชรึ?”
“จริงของคุณหญิง รพินทรไมวางายเหมือนอยางแงซาย โดยเฉพาะอยางยิ่งในสิ่งที่ไมควร
จะวางาย กลับเขาไปนอนเสียเถิดครับ”
“ฉันอยากจะยืนอยูตรงนี้สักครู คุณนั่นแหละควรจะกลับเขาไปเสีย”
“ขอวายากอีกสักครั้ง ที่จะยืนอยูตรงนี้จนกวาคุณหญิงจะกลับเขาไป”
หลอนนิ่ง ควันบุหรี่ปาอันฉุนกึก ลอยมากระทบหลอน แตแลวมันถูกกระแสลมเย็นพัด
กระจาย หางออกไปอยางรวดเร็ว
“ที่นี่ เวลานี้ มีอะไรนาดูนักหรือ นอกจากความหนาว ความเปลี่ยววังเวงอันนากลัว แลวก็
พระจันทรเศราสลัวในมานหมอกดวงนั้น”
เสียงแผวเบา ถามมาอีก
หลอนหรี่ตาลง สูดอากาศอันเยือกเย็นชุม ฉ่ําดวยละอองหมอก และน้ําคางลึกลงไปใน
ทรวง ดอกไมปาบางชนิดโชยกรุนมาตามกระแสลม ทองฟาเปนสีขาวมัว เดือนเต็มดวงลอยอยูตรง
ศีรษะ แตซีดสลัว เพราะละอองหมอกเปนมานอําพราง คืนนี้มันดูจะผิดไปกวาทุกคืนในไพรกวาง”
“ฉันรักธรรมชาติของที่นี่ในคืนนี้เหลือเกิน ไมคิดมากอนวา โลกจะมีความสงบและ
งดงามเหมือนเชนขณะนี้ นอกจากในความฝน แตนี่มันเปนความจริงทีไ่ ดมาพบ ก็อดที่จะตืน่ ใจเสีย
ไมได คุณคงไมเขาใจหรอก และขอรองอีกครั้งกลับเขาไปนอนเสียไป อยาหวงกังวลอะไรกับฉัน
เลย ที่นี่คงไมมีอันตรายอะไรหรอก”
หลอนกาวแชมชาไปเบื้องหนาตามพื้นหินอันเทลาดนอยๆ เปนประกายมันระยับอยูใน
แสงเดือนนัน้ แลวมาหยุดยืนอยูเ หนือแองเล็กๆ ที่ขังน้ําใสสะอาดไวเต็มเปย มเหมือนสระ ทอด
สายตาดูพระจันทรดวงที่สองในเงาสะทอนของผิวน้ํา ปานแผนกระจกนั้น
จอมพรานกําชับคณะนายจางของเขา ภายหลังจากผานแองน้ําหนาปากถ้ํามา
“อยาแยกเดินหางผิดเสนทางออกไป บริเวณนี้เต็มไปดวยเหว และหนาผาชัน หมอกจัด
เรายังมองอะไรไมเห็นชัด อาจพลาดตกลงไปได เรากําลังตัดทางลงแองกระทะขางลาง ทางดาน
ตะวันตกเฉียงใต ประมาณเที่ยงจึงจะลงพนจากเขาลูกนี้”
36
ในมานหมอกที่มองเห็นภูมปิ ระเทศรอบดานในระยะไมเกิน 3-4 วา ทุกคนเดินแถวเรียง
เดี่ยว ตามหลังการนําของรพินทรไปอยางระมัดระวัง เหมือนงมไปในความมืดที่ไมเห็นอนาคต
หรือจุดหมายปลายทางเบื้องหนา อยางไรก็ตาม พรานใหญยอมเปรียบเสมือนเรือนํารอง เขารูจัก
เหวทุกเหว หนาผาลึกชันทุกตอน หรือกอนหินทุกกอนก็วาได พื้นหินสูงต่ําขรุขระที่ผานไปนัน้ จับ
เขียวไปดวยตะไครน้ํา และเปยกชุมดวยน้ําคาง ทุกคนตองเพิ่มความระมัดระวังในการไถลลื่นใน
ระหวางผานหุบเหว เพราะถาพลาดนิดเดียว ก็หมายถึงมัจจุราชอาแขนรับอยูเบื้องลาง
หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ผานไปของการปนปายพยุงตัวอยางชนิดระวังตัวแจ ทั้งหมดรูส ึกวา
บายหนาลงต่ําลงทุกขณะ แตยังไมสามารถสังเกตทิศทางไดอยูตามเดิม หมอกจางลงบางเล็กนอย
รอบดานเห็นแตหินผาโขดแกง ที่เขียวชอุมไปดวยพวกเฟรนกลวยไมและวาน
การเดินไมสามารถจะไปไดเร็วนัก เพราะตองใชความระวังกันอยางเต็มที่ ขณะทีผ่ าน
บริเวณหนาผาตัดแหงหนึ่ง เชษฐากาวเหยียบหินพลาดไถลลื่นเสียหลัก ถลาจะหลุดพนหนาผาลงไป
โชคดีเหลือเกินที่แงซายผูเดินคุมอยูทายขบวน เผนเขาควาแขนไว แตเพราะที่ลาดชัน ทั้งสองตาง
ไถลลื่นหวุดหวิดจะตกลงไปดวยกัน ทวามืออันเหนียวแนนของคนใชชาวดงขางหนึง่ เหนี่ยวรากไม
ไวได โดยมีอกี มือหนึ่งมัดเปนเปลาะจับอยูกับแขนของหัวหนาคณะเดินทาง
รพินทรกระโดดตามลงไปเปนคนที่สาม ยึดแขนแงซายไวอีกทอดหนึง่ กอนที่รากไมอัน
นั้นจะถอนรากเพราะทานน้าํ หนักไมไหว ตอไปเกิด ซึ่งยันตัวไวกับแงหินยืน่ สะพายปนไปใหพราน
ใหญพยุงตัว ติดคากันอยูเชนนั้นอยางนาหวาดเสียว ไชยยันตกับดารินมาไดสติภายหลัง ชวยกันเอา
เชือกขางหนึ่งมัดแนนหนาติดกับโคนไม แลวโยนปลายอีกขางหนึ่งลงมาให
ทั้งสี่คนจึงใชเชือกเสนนั้นเปนเครื่องกูสถานการณรายกลับคืนมาไดอยางทุลักทุเล ทาม
กลางความใจหายใจคว่ํา ดารินหนาซีดเผือด หลอนตืน่ เตนตกใจยิ่งกวาทุกคน เขามาจับแขนพี่ชายไว
แนน แตเชษฐาหัวเราะ ภายหลังจากไตกลับขึ้นบนไหลผาอยางปลอดภัยอีกครั้ง
“ถาไมไดมือตุก แกของนาย ฉันคงจบไปแลว”
เขาเอยดวยเสียงหาวกังวาน ตบไหลแงซายหนักหนวง ตาเปนประกาย แลวก็หันมาทาง
พรานใหญ
“ขอโทษที ที่ผมขาดความระมัดระวังไปหนอย มัวแตหนั ไปเตือนนอย ตัวเองกลับลื่น ทีม
ของเราวองไวและสติดีมาก สามารถแกไขสถานการณฉุกเฉินกันไดดที ุกคน ถาคนหนึ่งคนใดเอาแต
ตกใจ ผลีผลามเขาชวยโดยไมมีหลัก ไมมีใครก็ใครคงจะหลนลงไปสักคน หรือไมก็ทั้งคณะนั่น
แหละ ขอบคุณสวรรคสําหรับเหตุการณเมื่อสักครูนี้”
“ผมก็มัวแตเดินนําอยูขางหนา”
และเมื่อลงไดแนใจแลวเชนนี้ สุภาพบุรุษในราชสกุลผูเปนหัวหนาคณะเดินทางเสี่ยง
มฤตยู ก็เต็มไปดวยความแชมชื่นปลอดโปรงใจ เขาไมกงั วลอีกแลว สําหรับมหาพิบตั ิภัย ที่อาจมีรอ
อยูในอนาคตขางหนา ลงไดพรานนําทางและคนใชผูกลาหาญมั่นคง และซื่อสัตยเทานัน้
“ทึบเหลือเกิน!”
ไชยยันตพึมพําออกมา สงกลองใหดาริน
“สัตวเห็นจะชุม?”
“ไมตองหวงหรอกครับ ตั้งแตเห็บทาก ขึน้ มาจนกระทั่งแรดหรือชาง รวมทั้งไขปา ผมเอง
ก็ไดรับเชื้อมาลาเรียมาจากปานี้ ติดตัวเรื้อรังอยูจนกระทั่งทุกวันนี”้
“ฮา! บอกกลากอนนะ นายพราน”
ดารินสะดุง รองเสียงหลงเอ็ดออกมา หันขวับมาจองหนาเขา ตาเบิกโพลง
“สัตวรายสักเพียงไหนก็ชางมันเถอะ ฉันไมหวั่นหรอก ขออยางเดียวเทานั้น ไอสัตวกอ
ความรําคาญชวนขยะแขยง ประเภทเห็บ หนอน หรือทาก ฉันไมเอาดวยแลว คราวนี้ยอมแพจริงๆ
ขอใหเห็นใจฉันบางเถิด แมวา จะไมเห็นใจในเรื่องอื่นๆ”
พรานใหญยิ้มขันๆ ดารินมีสีหนาขวัญหนีดฝี อเอาจริงๆ เมื่อเขาเอยถึงเห็บและทาก
“เสือ ชาง หมี แรด คุณหญิงไมกลัว ทําไมถึงมากลัวสัตวตัวกระจิดริด”
หลอนทําตัวสัน่ ขนลุกขนชัน
“บรื๋อว! บอกไมถูกหรอก พูดจริงๆ นะนี่ บอกกลาวเสียกอน ฉันไมเอาดวย เดีย๋ วไดหัน
หลังกลับเทานัน้ ”
“เสร็จกัน เสร็จเอาอีตอนเจอทากนี่เอง”
ไชยยันตบนเบาๆ พลางหัวเราะหึๆ
“สอบเอ็นทรานซไมผานเสียแลว นอยเอย เห็นจะไมไดไปเทือกเขาพระศิวะแน ถามัวแต
กลัวทากอยู เดินปามันก็ตองพบทุกอยางนัน่ แหละ ไมวาจะเห็บ ทาก ริ้น ไร อยากสบายตองนอนอยู
กับบาน เรื่องเล็กเหลือเกิน ทีเสือชางไมยกั กลัว”
ม.ร.ว.สาวคนสวย หนาซีดลงอยางนาสงสาร ทําหนาเหมือนจะรองไห พูดเสียงเครือ
“โธ ก็ฉันเกลียดมันนี่นะ ขยะแขยงออก ไมรูจะไปสูรบกับมันไดยังไง สัตวอื่นไมวาจะ
รายกาจสักขนาดไหน ฉันไมหวั่นสักนิด สูหนามันไดทงั้ นั้น บอกแลวยังไงวาไอสตั วนาขยะแขยง
ประเภทนั้น ฉันยอมแพราบ ไมเอา ไมไปดวยแลว”
หลอนทรุดตัวลงนั่ง
“ไมไป เธอก็ตองอยูคนเดียวตรงนี้ หรือไมก็เดินไปทางอื่นคนเดียว แลวคอยไปพบกันที่
ปาหวาย”
ไชยยันตทําหนาขึงขังกระเซา
“ยังได เชิญไปเถอะ ทิ้งฉันไวที่นี่แหละ”
ดารินพูดสะบัดๆ
รพินทรเดินเขามาใกล ยิ้มออนโยน
“สงสัยวาคุณไชยยันตจะยิงถูกครับ”
“ฮา!”
อดีตนายทหารปนใหญรองลั่นออกมาลืมตาโพรง
“ถูกกะผีอะไรเลา มันเผนไปราวกับเหาะยังงั้น”
พรานใหญยังไมตอบคําใดทั้งสิ้น เรงฝเทาขึ้นอีก ทุกคนตามเขามากระชั้นชิดอยางงุนงง
ไมรูเรื่อง พอถึงตําแหนงเนินเขาอันระเกะระกะไปดวยซุม ไมเล็กๆ และโขดหินเตีย้ ๆ นั้น ตางก็
อุทานออกมาดวยความตื่นเตนยินดี ระคนประหลาดใจอีกครั้ง
มีเลือดกองหนึง่ หยดอยูกับพืน้ และเรี่ยเปนทางหางๆ ลงไปทางทุงแฝกตีนเขา พรานใหญ
เขาไปพิจารณาดูเลือดกองนัน้ อยางถี่ถวน คณะนายจางกรูเขามามุง ไชยยันตเองงงไปหมด...แทบไม
เชื่อสายตา รองออกมา
“ถูกจริงๆ ดวย วา! ไมนาเชื่อเลย”
“ฉันสงสัยวาจะทะลุปอดนะ เลือดเปนฟอง หรือคุณวายังไง?”
ดารินพูดขึ้นโดยเร็ว ภายหลังจากสํารวจดูรอยเลือดเหลานั้น รพินทรยมิ้ อยางสมหวัง ควัก
บุหรี่ใบตองแหงออกมามวน
“ครับ ใจเย็นไดแลว แบบนี้เผนไปไดไมไกลหรอก”
แลวเขาก็หันไปรองสั่งเกิดสองสามคํา พรานพื้นเมืองออกติดตามรอยเลือดไปอยาง
รวดเร็ว รพินทรชวนคณะนายจางของเขาไปพักใตรมใบไมใกลๆ ตอนหนึ่ง แงซายจัดการกอไฟหุง
หาและเตรียมเนื้อขึ้นในทันทีนั้นโดยไมตองเตือน ไชยยันตยังมีสีหนาพิศวงอยูเชนนั้น จองหนาจอม
พราน
“ผมไมนึกเลยนะวามันจะถูก หลังจากปนลั่นออกไป คุณรูไดยังไงนะ?”
“สังเกตดูอาการของมันครับ ผมเห็นมันสะดุงเตะขาหลังกอนที่จะวิ่งไป อาการเชนนัน้ มัน
จะปรากฏขึ้นกับสัตวที่ถูกปนแถบบริเวณอก ความจริงมันควรจะลมอยูกับที่แลว แตลูกปนผานเร็ว
เกินไป และไมถูกกระดูก มันเลยวิ่งตอไปได มองผาดๆ เหมือนไมถูกเลย”
“แลวคุณใหเกิดตามไปนะ มิตองเสียเวลากันแยหรือ ปานนี้ไปลิบแลว”
“คงไมไกลกระมั้ง...”
ดารินบอกมาแทน โดยความรูทางแพทยของหลอน
“ถากระสุนทะลุปอดจริง ประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ วิ่งออกแรงมากยิ่งตายเร็ว แตก็ไมรู
เหมือนกันนะ ตองถามพรานใหญเขาดู เขามักจะเถียงกับฉันเสมอวา สรีรวิทยาในระหวางสัตวกับ
คนมันไมเหมือนกัน”
ตะครั่นตะครอ ผิดไปชนิดหนามือเปนหลังมือกับบรรยากาศหนาวเยือกชื่นฉ่ําบนยอดเขาที่ผานมา
ในตอนเชาวันนี้ เถาวัลยแตละตนใหญโตขนาดลําขา และพื้นเบื้องลางปกคลุมไปดวยใบไมที่หลน
มาทับถมกันเปอยเนา เวลาเหยียบจมลึกลงไปถึงหัวเขา ปรากฏเสียงสวบสาบอยูทกุ ครั้งที่เหยียบลง
ไป
ทั้งหมดเดินไปดวยความระมัดระวัง และคอยสังเกตตามพรานใหญทกุ ฝกาวยาง โดยไม
กาวแยกไปทางอื่น พืน้ บางแหงดูเหมือนจะไมมีโอกาสสัมผัสกับแสงอาทิตยเลยชั่วกัปชัว่ กัลป
เพราะยอดไมหนาทึบ ที่ขึ้นปกคลุมหลังคาอยูหลายซับหลายซอน
มีแตจําพวกสัตวเลื้อยคลานรูปลักษณะแปลกๆ เทานั้นที่พบเห็นตามระยะทางผานไป
กิ้งกาดงตัวขนาดลําแขนยาวศอกเศษ สีสนั วิจิตรพิสดารราวกับใครมาแกลงระบายไวและตัวเต็มไป
ดวยหนามนากลัวเกาะอยูตามเปลือกไม มองดูมนุษยเฉียดผานไปในระยะใกล โดยไมแสดงอาการ
ตื่นกลัวใดๆ ทัง้ สิ้น
บางขณะทุกคนก็ตองชะงักลงอยางกะทันหัน พรอมกับขยับปนเตรียมพรอม เมื่อเหีย้ ตัว
ขนาดนองๆ จระเข วิ่งปราดตัดหนาไปอยางรวดเร็วเพราะความตืน่ ตกใจ เสียงที่มันวิง่ ไปดังราวพายุ
ทําเอาประสาทเสียในยามทีไ่ มรูตัวมากอน บุงและหนอนคันบางชนิด ตัวยาวตั้งคืบ คลานกลาด
เกลื่อนอยูตามพื้น ทุกคนตองเพิ่มความระมัดระวังในการกาวเทาทุกฝกาวยาง
ดารินเต็มไปดวยความอึดอัดใจ และทรมานยิ่งกวาทุกคน จะเกงกลาสามารถทัดเทียมอก
สามศอกสักปานใดก็ตาม ธาตุแทของหลอนก็คือผูห ญิง และผูหญิงก็มีจุดออนตรงที่ เกลียด
สัตวเลื้อยคลานชวนขยะแขยงทุกชนิด
ยิ่งลึก ความชืน้ แฉะก็ยิ่งทวีมากขึ้น หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ที่เหยียบย่ํากันไปบนไมเนาๆ และ
ขอนไมผุซึ่งมีเห็ดขึ้นกลาดเกลื่อน บางดอกโตขนาดกระดงผัดขาว อากาศขนหนักขึน้ ทุกขณะจนคน
ไมเคยชินแทบจะหายใจไมออก พวกริ้น และยุงเริ่มบินตอมเปนกลุมๆ พรานใหญ เกิดและแงซาย
คงเดินรุดหนาไปดวยอาการปกติ เหมือนคนกรุงที่เดินไปตามถนนคอนกรีต แตสถานการณลําบาก
เริ่มเปนของฝายนายจางทั้งสาม เชษฐา ไชยยันต ถึงอยางไรก็พอทน ดารินคนเดียวอยูใ นอาการหนัก
กวาเพื่อน หลอนสงเสียงอุทานอยูบอยครั้ง และบางขณะก็กระโดดโหยงเหยงตัวสั่น หลอนไมมีแก
จิตแกใจที่จะถือไรเฟลประจําตัวอีกแลว แตสงไปใหแงซายชวยสะพาย ตนเองเดินตัวเปลา คอย
ระวังตัวแจจากฝูงแมลงรบกวน และพวกบุง หนอนตามพืน้ ที่เห็นอยูแทบทุกตารางนิ้ว
“อยาไปสนใจกับมันเลยนา”
ไชยยันตกระซิบปลอบ
“เธอทาน้ํามันเปนเกราะปองกันตัวอยูแลว มันทําอะไรเธอไมไดหรอก”
“ก็ฉันกลัวมันนี่ หายใจแทบไมออกอยูแลว เมื่อไหรเราถึงจะพนจากนรกนี่เสียทีนะ”
หญิงสาวอุทธรณเสียงเครือ ยกมือขึ้นโบกปดยุงที่ตามวนตอมอยูที่ใบหนาของหลอน
รพินทรซอนยิ้มขันๆ เอาไว
นี่คือสัญลักษณปราชัยโดยปริยายเปนครัง้ แรกของ ม.ร.ว.หญิงคนสวย เกี่ยวกับเรื่องในปา
พระเจาไมพิเรนทรจนเกินไปนัก อยางนอยที่สุดก็ยังประทานความเปน ‘ผูหญิง’ มาใหแกหลอนบาง
เหมือนกัน แมวาจะประทานความแกรงกราวทรหด และเกงกาจเทียมผูชายไปหมดทุกอยางจนดูผิด
วิสัยของธรรมชาติไป
พักแกะทากกันเพียงครูเดียว ทั้งหมดก็ออกเดินทางตอ โดยอาศัยไตเลาะลัดไปตามเนิน
โคก ซึ่งมีลักษณะเปนสัน หรือเกาะอยูก ลางปลักที่ลุมนั้น เต็มไปดวยรอยย่ําสับสนของหมูปาทั้งเกา
และใหม และรอยที่มันเอาจมูกดุนขุดคุยไวกลาดเกลื่อน รพินทรนําลอดซุมไมและเถาวัลยที่ขนึ้ ปก
คลุมอยูคอนขางทึบนั้นเปนลําดับ การเดินตองกมๆ เงยๆ อยูตลอดเวลา บางขณะก็โหนเหนีย่ วกิ่งไม
คอยๆ พยุงตัวเลาะริมตลิ่งไป
อึดใจนัน้ เอง พรานใหญก็หยุดชะงักพิจารณาอยูที่ตลิ่งตอนหนึ่ง ลักษณะเปนแองเวาลึก
เขามา เบื้องบนเปนจอมปลวก ที่ปกคลุมดวยตนขอยจนมองดูเหมือนถ้ําเล็กๆ พื้นดินตอนนัน้
ราบเรียบเหมือนมีการขัดถูไวเปนอยางดี เปนซอกกวางประมาณสามเมตร และยาวลาดลงไปสูหลม
ปลักกวางใหญที่มีน้ําสีดําสนิท
แลวก็เงยหนาขึ้นมองดูเชษฐา ผูยืนอยูเคียงขางเขา
“เหมือนใครเสือกเรือบดเขามาเก็บไวที่นี่เปนประจํา”
หัวหนาคณะเดินทางเอยขึน้ เสียงต่ําๆ
พรานใหญดึงไฟฉายออกมาจากยามสะพายหลัง สองกราดลงไปในบริเวณนั้นเพื่อเห็น
ถนัดขึ้น ไชยยันตผิวปากหวือออกมา เมือ่ มองเห็นรอยตีนของสัตวอะไรชนิดหนึ่ง ปรากฏชัดยังพื้น
อันเปยกแฉะตรงนั้น ลักษณะเหมือนรอยตีนตะกวด แตใหญกวาหลายเทา เห็นชัดแมกระทั่งรอยอัน
นอนอยูเปนประจําจนเปนเทือก ราวกับใครเอาแผนไมกระดานกวางๆ มาทาบทับไว
“ไอชาละวัน-ภุมภีลนี่เห็นจะขนาดเรือจางทีเดียวแหละ”
อดีตนายทหารปนใหญครางออกมา
“อะไร จระเขหรือ?”
ดารินถามโดยเร็วอยางตืน่ เตน
พรานใหญไมตอบ ยกแขนเสื้อปาดเหงื่อ กวาดสายตาไปยังปลักอันกวางใหญรอบดาน
ซึ่งมองเห็นดวยสายตาผาดๆ เหมือนจะเปนแผนดินทีน่ าเหยียบเดินไปได บางแหงเขียวไปดวย
ตะไคร บางแหงก็เปนบริเวณที่ใบไมหลนมาทับโถมดูวาแหงสนิท และบางแหงก็มองเห็นน้ําดํา เปน
เงาตะคุมคลุมเครืออยูทั่วไป นานๆ ครั้งจะไดยินเสียงฟองน้ํา ดันผิวน้าํ ขึ้นมาระเบิดเบือ้ งบน
ทามกลางความเงียบสงัดวังเวง นกกินปลารองแหลมอยูไกล นอกนั้นก็เปนเสียงแมลงหวี่ที่ตามตอม
อยูเปนกลุม เพราะรอบดานเต็มไปดวยมะเดื่อออกลูกดก
“ตรงนี้เปนที่นอนของมัน”