Professional Documents
Culture Documents
Ed 7 A 48 e 27 B 4935 C 15761
Ed 7 A 48 e 27 B 4935 C 15761
โดย
เสนอ
รายงานนี้ เป็ นสว่ นหนึ่ งของกิจกรรมการเรี ยนรู้ โดยใชโ้ ครงงานเป็ นฐาน (Project Based Learning)รายวิชาภาษา
ึ ษาปี ที่ 5
้ ั ธยมศก
ไทยและวัฒนธรรม ระดับชั นม
คาํ นํา
คณะผูจ้ ั ดทาํ
27/05/63
สารบัญ
1
1. การอา่ นและพิจารณาเนื้ อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม 3
1.2 โครงเรื่ อง 3
1.3 ตัวละคร 4
้ งเรื่ อง
1.4 ฉากทอ 8
่ เรื่ อง
1.6 แกน 10
2. การอา่ นและพิจารณาการใชภ
้ าษาในวรรณคดีและวรรณกรรม 10
2.1 การสรรคาํ 10
4. บรรณานุ กรม
18
2
เนื้ อเรื่ อง
เมื่อพระองคท
์ รงไตร่ตรองทุกอยา่ งถี่ถว้ นแลว้ จึงทรงสั ง่ การให้แมท ้
่ ั พนายกองทหารกลา้ ทังหลาย รี บสร้าง
แพไมไ้ ผ่ เพื่อนํากองทัพขา้ มแมน ่ ั พรับคาํ สั ง่ ระดมสร้างแพเสร็จตอนรุ่งเชา้ พอดี พระองคท
่ ํา้ เขา้ สูเ่ มือง เหลา่ แมท ์ รงยก
่ ํา้ โดยแพไมไ้ ผจ่ นหมด กรี ฑาทัพเขา้ เมืองเวสาลีอยา่ งสะดวกสบาย
ทัพใหญข่ า้ มแมน
โครงเรื่ อง
้ นัน
แควน ้ ยึดมั่นในอปริ หานิ ยธรรม มีความสามัคคีปรองดองมั่นคง กษัตริ ยผ
์ ูต
้ อ
้ งการแผอ่ าํ นาจจึงตอ ้ ุบายสง่
้ งใชอ
พราหมณ์ปุโรหิตของตนเขา้ ไปเป็ นไสศ ึ หาวิธีทาํ ลายความสามัคคีของกษัตริ ยแ์ ควน
้ ก ้ เสียกอ
้ นัน ่ น แลว้ จึงยกทัพเขา้
โจมตี พราหมณ์ปุโรหิตใชเ้ วลาถึง 3 ปี จึงดาํ เนิ นกลอุบายทาํ ลายความสามัคคีไดส ้ ก็แผอ่ าํ นาจ
้ นัน
้ าํ เร็จ กษัตริ ยแ์ ควน
เขา้ ครอบครองแควน
้ ขา้ งเคียงเป็ นผลสาํ เร็จ
วิเคราะหต
์ ั วละคร
วัสสการพราหมณ์
์ ่ีวา่
้ มคธ เป็ นผูเ้ ฉลียวฉลาดและรอบรู้ ศลิ ปศาสตร์ ดังคาํ ประพันธท
วัสสการพราหมณ์เป็ นปุโรหิตแหง่ แควน
3
อันอัครปุโรหิตาจารย ์ พราหมณ์นามวัสสการ
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
ปศาสตร์กจ็ บสบสรรพ์
ลักษณะนิ สัยของวัสสการพราหมณ์
หวังแผนเพื่อแผน
่ ดิน ผิถวิลสะดวกใด
เกื้อกิจสฤษฎไ์ ป บมิเลี่ยงละเบี่ยงเบือน
์ ่ีพรรณนาไวต
2. จงรักภักดีตอ่ พระเจา้ อชาตศั ตรู ดังฉันทท ้ งโทษดังนี้
้ อนวัสสการพราหมณ์ตอ
โดยเต็มกตัญ กตเวทิตาครัน
ยอมรับทุเรศผล ขรการณ์พะพานกาย
4
เปรี ยบปานมหรรณพนที ทะนุ ท่ีประทังความ
ร้อนกายกระหายอุทกยาม นรหากประสบเห็น
เอิบอิม ่ หทยคราว
่ กระหยิม ระอุผา่ วก็ผอ่ นเย็น
วัชชีบวรนครสรร พจะขันจะเขม
้ แขง
้ จะสูส
้ น
ทังสิ ้ มรราญ ้ ไฉนไหว
ริ ปุนัน
ดั่งอินทโคปกะผวา มุหฝ่าณกองไฟ
วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน
เราใชค
่ นใหญใ่ จ ก็ขลาดกลัวบกลา้ หาญ
ลิจฉวีราช ้
ทังหลาย
5
์ ่ีวา่
1. ทรงมีพระเมตตาตอ่ พสกนิ กรของพระองค์ ดังฉันทท
แวน
่ แควน
้ มคธนครรา- ชคฤหฐ์ านบูรี
สืบราชวัตวิธทวี ทศธรรมจรรยา
2. ทรงทาํ นุ บาํ รุ งบา้ นเมืองให้เจริ ญรุ่งเรื อง บา้ นเมืองไดร้ ั บการทาํ นุ บาํ รุ งจนกระทั่งมีแสนยานุ ภาพ ประชาชน
สุขสงบ มีมหรสพให้บันเทิง เชน
่
ึ สมรรถสุรสมร
ชาญศก ชยเพิกริ ปูภินท์
กลางวันอนันตคณนา นรคลาคละไลเนื อง
สมัยหนึ่ งจึ่งผูภ
้ ูมิบาล ทรงจินตนาการ
จะแผอ่ าํ นาจอาณา
ให้ราบปราบเพื่อเกื้อปรา- กฎไผทไพศา
ลรัฐจังหวัดวัชชี
6
ึ ใหญใ่ คร่จะพยายาม
ศก รบเร้าเอาตาม
กาํ ลังก็หนักนักหนา
อุบายทาํ ลายมูลความ
้ ง่ ความเสื่อม)
้ ั ่นในธรรม กษัตริ ยล์ ิจฉวีลว้ นทรงยึดมั่นในอปริ หานิ ยธรรม (ธรรมอันไมเ่ ป็ นที่ตังแห
1. ทรงตังม
7 ประการ ไดแ
้ ก่
ประกอบณกิจควรทาํ
้ ถือมั่นในสั ม
สาม นัน มาจารี ตจาํ
ประพฤติมิตัดดัดแปลง
ก็ยอมและน้อมบูชา
้ อันบุตรภริ ยา
ห้า นัน แหง่ ใครไป่ปรา-
รภประทุษขม
่ เหง
ก็เซน
่ ก็สรวงบวงพลี
ก็คุม
้ ก็ครองป้องกัน
7
ตา่ งองคน
์ ําความมิงามทูล พระชนกอดิศูร
ทีละน้อยตาม ณเหตุผล
ศั พทอุโฆษ ประลุโสตทา้ ว
ลิจฉวีดา้ ว ขณะทรงฟัง
ไทม
้ ิอินัง ธุ ระกับใคร
แมพ
้ ระทวาร บุรทั่วไป
รอบทิศดา้ น และทวารใด
้ งเรื่ อง
ฉากทอ
อัพภันตรไพจิตรและพา หิรภาคก็พึงชม
่ เ์ ลื่อนชะลอดุสต
เลห ิ ฐา นมหาพิมานรมย ์
มารังสฤษฎพ
์ ิศนิ ยม ผิจะเทียบก็เทียมทัน
สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
8
บราลีพิลาศศุภจรู ญ นภศูลประภัสสร
หางหงสผ
์ จงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย
้ นับวา่ พรรณนาไดอ
การพรรณนากระบวนทัพชา้ งและทัพมา้ ตอนพระเจา้ อชาตศั ตรู กรี ธาทัพนัน ้ ยา่ งน่าเกรงขาม
เชน
่
ขุนคชขึ้นคชชินชาญ คุมพลคชสาร
ละตัวกาํ แหงแข็งขัน
ิ เขา้ ศก
เคยเศก ึ ฮึกครัน เสียงเพรี ยกเรี ยกมัน
คาํ รณประดุจเดือดดาล
หลายวันถั่นลว่ ง เมืองหลวงธานี
นามเวสาลี ดุม
่ เดาเขา้ ไป
ึ ซึ่งมี การกระแทกกระทันแสดงถึ
เป็ นการแกลง้ ตอ่ วา่ ของพระเจา้ อชาตศั ตรู ท่ีวัสสการพราหมณ์ทว้ งติงเรื่ องการออกศก ้ ง
อารมณ์โกรธ
“เอออุเหมน
่ ะมึงชิชา่ งกระไร
ึ บ่ ถึงและมึงก็ยังมิเห็น
ศก
9
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด
อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
้ ทันอะไร
ขยาดขยันมิ ่ กู”
ก็หมิน
่ เรื่ อง
แกน
่ ของเรื่ อง และหลักธรรมขอ
สรรเสริ ญธรรมแหง่ ความสามัคคีเป็ นแกน ้ นี้ ไมล่ า้ สมัย สามารถยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแกห
่ มู ่
ชนที่มีความพร้อมเพรี ยงกันพัฒนาสั งคม หากนํามาประยุกตใ์ ชใ้ ห้สอดคลอ
้ งกับสภาพความเป็ นจริ ง
1. โทษของการแตกสามัคคี
2. การใชส
้ ติปัญญาเอาชนะฝ่ายศั ตรู
่ นที่จะตัดสินใจทาํ สิง่ ใดยอ่ มเป็ นการดี
3. การใชว้ จิ ารณญานกอ
้ ่ืน ยอ่ มทาํ ให้เกิดความเสียหายตอ่ สว่ นรวม
4. การถือความคิดของตนเป็ นใหญแ่ ละทะนงตนวา่ ดีกวา่ ผูอ
การอา่ นและพิจารณาการใชภ
้ าษาในวรรธคดีและวรรณกรรม
การสรรคาํ
1. ใชค
้ าํ งา่ ย ๆ ในบางตอน ทาํ ให้ผูอ ่ ตอนวัสสการพราหมณ์เขา้ เมืองเวสาลีซ่ึงเป็ น
้ า่ นเขา้ ใจไดไ้ มย่ ากนัก เชน
เมืองหลวงของแควน
้ วัชชี
้ าํ ที่มีเสียงเสนาะ เสียงเสนาะเกิดจากการใชค
2. การใชค ้ าํ ที่กอ
้ าํ เลียนเสียงธรรมชาติ มีการยาํ ้ คาํ ใชค ่ ให้เกิด
ึ เชน
ความรู้ สก ่ ตอนชมกระบวนชา้ ง
“แพร้วแพร้วพรายพรายขา่ ยกรอง กอ
่ งสกาวดาวทอง
10
้ ส
ทังพู ่ ุพรรณสรรถกล”
“ยาบยอ้ ยห้อยพูด
่ ูดี ขลุมสวมกรวมสี
สะคาดกนกแนมเกลา”
้ าํ ที่กอ
3. ใชค ึ เชน
่ ให้เกิดความรู้ สก ่ ตอนพรรณนากองทัพของพระเจา้ อชาตศั ตรู
์ วัดแกวง่ ซึ่งสรรพ์
“แรงหัตถก ศั สตราวุธอัน
วะวาบวะวาวขาวคม”
ขุนควาญประจาํ ดาํ รี ”
และ
“ขุนคชขึ้นคชชินชาญ คุมพลคชสาร
ละตัวกาํ แหงแข็งขัน”
้
้ น
คาํ วา่ คช ดาํ รี และคชสาร หมายถึงชา้ งทังสิ
11
่ สั มผัส คาํ ประพันธไ์ ทยนิ ยมสั มผัสมากแมว้ า่ ฉันทจ์ ะเป็ นคาํ ประพันธท
6. การเพิม ์ ่ีไทยรับมาจากอินเดียซึ่งแต่
่ ีสัมผัส เราก็เพิม
เดิมไมม ่ สั มผัสนอกเขา้ ไปเพื่อให้ไพเราะยิง่ ขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิม
่ ครุ ลหุเขา้ ไปในกาพยส์ ุรางคนางค์
้ งเรื่ อง เชน
๒๘ ทาํ ให้เกิดลีลาคึกคักเหมาะสมกับทอ ่ ตอนบรรยายการจัดกองทัพของพระเจา้ อชาตศั ตรู
“สะพรึ บสะพรั่ง
ประมวลกะมา สิมากประมาณ”
1. สารสาํ คัญไวท
้ า้ ยสุด ในบทประพันธจ์ ะมีการเรี ยบเรี ยงคาํ หรื อประโยคให้เกิดความสละสลวย โดยการนําสารสาํ คัญ
้ า้ ยสุด เป็ นหนึ่ งในวิธีการเรี ยบเรี ยงคาํ อยา่ งสละสลวย ในบทประพันธม
ไวท ์ ีตัวอยา่ ง ดังนี้
ธาทัพพลพี ริ ทยุทธโดยไว ฯ
เหี้ยมนัน
้ เพราะผันแผก คณะแตกและตา่ งมา
ถือทิฐิมานสา หสโทษพิโรธจอง
แยกพรรคสมรรคภิน ้ บ ปรองดอง
ทนสิน
12
เชื่ออรรถยุบลเอา รสเลา่ ก็งา่ ยเหลือ
จึ่งดาลประการหา ยนภาวอาดูร
2.2. คลายความเขม
้ ขน
้ ลงในชว่ งหรื อประโยคสุดทา้ ยอยา่ งฉับพลัน
้ ั งท
แทท ้ า่ นวัสสการใน กษณะตริ เหมาะไฉน
วัญจโนบาย บ เวน
้ ครา
ลิจฉวีรา ้
ชทังหลาย
ตา่ งองคท
์ รงแคลงระแวงใน พระหฤททัยวิสัย
ผูพ
้ ิโรธใจ ระวังกัน ฯ
การใชโ้ วหาร
1. อุปมาอุปไมย
การนําของสองสิง่ ที่มีลักษณะคลา้ ยกันมาเปรี ยบเทียบกันโดยมีคาํ วา่ ดุจ เหมือน คลา้ ย ปานประหนึ่ ง เป็ นคาํ เชื่อม สิง่ ที่
นํามาเปรี ยบเทียบเรี ยกวา่ อุปมา สิง่ ที่รับเปรี ยบเทียบเรี ยกวา่ อุปไมย เชน
่ ตอนพระเจา้ อชาตศั ตรู กริ้ ววัสสการพราหมณ์
“กลกะกากะหวาดขมังธนู บหอ
่ นจะเห็นธวัชริ ปู สิลา่ ถอย”
13
วัสสการพราหมณ์เปรี ยบนํา้ พระราชหฤทัยกษัตริ ยล์ ิจฉวี
“เมตตาทยาลุศุภกรรม อุปถัมภการุ ณย ์
ร้อนกายกระหายอุทกยาม นรหากประสบเห็น
เอิบอิม ่ หทยคราว
่ กระหยิม ระอุผา่ วก็ผอ่ นเย็น
2. การเปรี ยบเทียบแบบอุปลักษณ์
ไดแ
้ กก
่ ารเปรี ยบเทียบโดยนัย ไมก
่ ลา่ วเปรี ยบเทียบตรง ๆ อยา่ งอุปมาอุปไมย แตผ ้ า่ นก็พอจะจับเคา้ ไดจ้ ากคาํ ที่ผูแ
่ ูอ ้ ตง่
ใช้ เชน
่
หมุนเลน
่ สนุ กไฉน ้ หนอ”
ดุจกันฉะนัน
3. บุคคลวัต
บุคลาธิษฐาน หรื อบุคคลสมมุติ คือ ภาพพจน์การ สมมุติสงิ่ ทีไ่ มม ิ หรื อมีชีวต
่ ีชีวต ิ แตไ่ มใ่ ชค
่ น ความคิด นามธรรม หรื อ
สั ตว ์ ให้มีสติปัญญา อารมณ์ หรื อกิริยาอาการเหมือนคน
วัชชีผูม
้ ีผอง สดับกลองกระหึมขาน
ทุกไทไ้ ป่เอาภาร ณ กิจเพื่อเสด็จไป
4. อติพจน์ อธิพจน์
14
้ ารกลา่ วผิดไปจากที่เป็ นจริ ง โดยการกลา่ ว ให้มีลักษณะเกินความเป็ นจริ ง หรื อน้อยกวา่ จริ ง เพื่อให้ถอ
คือ กวีใชก ้ ยคา
กระทบอารมณ์ของผูอ ้ า่ นให้มี ความรู้ สก ่ ขึน
ึ เพิม ้ เป็ นสาํ คัญ
ตื่นตาหน้าเผือด ่ กาย
หมดเลือดสั น
หลบลี้หนี ตาย ่ หวั่นพรั่นใจ
วุน
ซุกครอกซอกครัว ซอ
่ นตัวแตกภัย
เขา้ ดงพงไพร ทิ้งยา่ นบา้ นตน
5. บรรยายโวหาร
้ อกกลา่ ว เลา่ เรื่ อง อธิบาย หรื อบรรยายเรื่ องราว เหตุการณ์ตา่ งๆที่เกิดขึ้น ในเรื่ อง เพื่อให้ผูอ
คือ โวหารที่ใชบ ้ า่ นเขา้ ใจ
เนื้ อหาอยา่ งชั ดเจน
ิ เอิกอึง
ขา่ วเศก ทราบถึงบัดดล
่ ูค
ในหมูผ ้ น ชาวเวสาลี
่ หมด
แทบทุกถิน ชนบทบูรี
่ ขวัญหนี
อกสั น หวาดกลัวทั่วไป
ตื่นตาหน้าเผือด ่ กาย
หมดเลือดสั น
หลบลี้หนี ตาย ่ หวั่นพรั่นใจ
วุน
ซุกครอกซอกครัว ซอ
่ นตัวแตกภัย
เขา้ ดงพงไพร ทิ้งยา่ นบา้ นตน
้ ติปัญญาและวิจารณญาณในการไตร่ตรองเรื่ องราว
- ความสาํ คัญของการใชส
- ความสาํ คัญของความสามัคคีและโทษของการแตกความสามัคคีในหมูค
่ ณะ
15
1) สะทอ
้ นภาพการปกครองโดยระบอบสามัคคีธรรม และการประพฤติตามวัฒนธรรม ๗ ประการ (อปริ หานิ ย
ธรรม) ซึ่งเป็ นหลักธรรมที่สง่ ผลให้เกิดความเจริ ญของหมูค
่ ณะฝ่ายเดียว ่ ีทางเสื่อมเลย ไดแ
ไมม ้ ก่
1. หมั่นประชุมกันอยูเ่ นื องนิ ตย ์
5. ไมท
่ าํ ร้ายขม ้ ่ ืน
่ เหงบุตรและภรรยาผูอ
7. ให้ความคุม
้ ครองป้องกันพระอรหันตใ์ นแควน
้ วัชชี
2) สะทอ
้ นภาพการพิพากษาคดีและการลงโทษ การลงโทษสมัยโบราณ มีการโบย การโกนผมประจาน และ
่ ามพระราชโองการ (เนรเทศ)
การประกาศขับไลต
ดังตัวอยา่ ง
เสร็จกิจประการกัลป์ ปนพลันประกาศทาํ
3) สะทอ
้ นลักษณะสถาบัตยกรรมไทย ในสามัคคีเภทคาํ ฉันท์ มีการกลา่ วถึง สว่ นประกอบตา่ งๆของปราสาท
เชน
่ ชอ่ ฟ้า บราลี นภศูล หางหงส ์ เป็ นตน ้ รรณนาความงดงามของปราสาทที่มีสามยอด ดังตัวอยา่ ง
้ ดังกวีไดพ
๏สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
๏บราลีพิลาศศุภจรู นพศูลประภัสสร
หางหงสผ
์ จงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย
16
2. สะทอ
้ นแนวคิดของคนในสั งคม สามัคคีเภทคาํ ฉันทไ์ ดส
้ ะทอ
้ นให้เห็นสภาพสั งคมวา่ จะตอ
้ งมีความสามัคคีจึงจะอยู ่
รอดได้ เมื่อใดก็ตามที่ความเป็ นปึ กแผน
่ ความเป็ นอันหนึ่ งอันเดียวกันของคนในชาติถูกทาํ ลาย เมื่อนัน
้ บา้ นเมืองจะ
ระสา่ ํ ระสาย ขาดความเป็ นเอกภาพ ตา่ งคนตา่ งหวาดระแวงกัน ขาดความไวใ้ จกัน ทาํ ให้ฝ่ายตรงขา้ มมีโอกาสโจมตีได้
งา่ ย นับวา่ เป็ นอุทาหรณ์ท่ีผูอ ้ งนําไปเป็ นเครื่ องเตือนใจวา่ การคบคนและการไวว้ างใจบุคคลอื่นนัน
้ า่ นตอ ้ ตอ
้ งใช้
้ จะนําผลร้ายมาสูต
วิจารณญาณไตร่ตรองให้รอบคอบ มิฉะนัน ้ วัชชีท่ีมิได้
่ นไดเ้ หมือนบรรดากษัตริ ยล์ ิจฉวีแหง่ แควน
้ วัชชีในที่สุด
ไตร่ตรองเหตุผลให้รอบคอบ ทรงหลงกลศั ตรู รับ วัสสการพราหมณ์ไวจ้ นเป็ นเหตุให้เสียแควน
บรรณานุ กรม
กัลยาณี ถนอมแกว้ . 2550. คุณคา่ ดา้ นวรรณคดีของวรรณศลิ ป์ในสามัคคีคาํ ฉันท.์ [ออนไลน์]. สืบคน
้ ไดจ้ าก
https://www.gotoknow.org/posts/336724 (24 พฤษภาคม 2563)
17