Professional Documents
Culture Documents
โดย
เสนอ
อ.ปัทวรรณ พันชั ย
โรงเรี ยนสาธิตนานาชาติมหาวิทยาลัยมหิดล
รายงานนี้ เป็ นสว่ นหนึ่ งของกิจกรรมการเรี ยนรู้ โดยใชโ้ ครงงานเป็ นฐาน (Project Based
Learning)
ึ ษาปี ที่ 5
้ ั ธยมศก
รายวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรม ระดับชั นม
คาํ นํา
ไมว่ า่ จะเป็ นทางดา้ นเนื้ อเรื่ อง, กลวิธีในการประพันธห ้ ระทั่งคุณคา่ ที่วรรณคดีเรื่ องนี้ ไดม
์ รื อแมก ้ อบให้ผูอ
้ า่ น
คณะผูจ้ ั ดทาํ
สารบัญ
1.2 โครงเรื่ อง
1.3 ตัวละคร
้ งเรื่ อง
1.4 ฉากทอ
2.1 สรรคาํ
บรรณานุ กรม
1.การอา่ นและพิจารณาเนื้ อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
ึ ของไทย
แลว้ ยกเขา้ มาปะทะทัพหน้าเอาชนะขา้ ศก สว่ นสมเด็จพระนเรศวรก็ทรงปรึ กษาเพื่อหาทางเอาชนะขา้ ศก
ึ
เขา้ ไปในวงลอ ึ
้ มของขา้ ศก ณ ตาํ บลตระพังตรุ สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทาํ ยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
้
สมเด็จพระเอกาทศรถทรงทาํ ยุทธหัตถีกับมางจาชโรและไดร้ ั บชั ยชนะทังสองพระองค ์ เมื่อพระมหาอุปราชาถูกฟัน
ขาดคอชา้ ง กองทัพหงสาวดีกแ
็ ตกพา่ ยกลับไป
้
่ ั พนายกองทังหมด
สมเด็จพระวันรัตทุลขอรับโทษแทนแมท สมเด็จพระเนศวรสั ง่ ให้ยกทัพไปตีทวายและตะนาว
้ ไดท
้ ั ว จากนัน
ศรี เป็ นการแกต ่ าสวามิภักดิข์ อเป็ นเมือง
้ รงจัดการทาํ นุ บาํ รุ งหัวเมืองทางเหนื อ เจา้ เมืองเชียงใหมม
ขึ้น
1.2 โครงเรื่ อง
ละเอียดตา่ งๆ ซึ่งเป็ นไปตามตาํ ราพิชัยสงครามและโบราณราชประเพณี ทุกอยา่ ง สาํ หรับเนื้ อหาที่เป็ นสว่ นเพิม
่
1.3 ตัวละคร
ฝ่ายไทย
● สมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรื อพระองคด
์ าํ
● สมเด็จพระเอกาทศรถหรื อพระองคข์ าว
ทรงครองราชยต ์ ่ี ๓
์ อ่ จากสมเด็จพระนเรศวร พระนามวา่ สมเด็จพระเอกาทศรถ หรื อสมเด็จพระสรรเพชญท
● พระมหาธรรมราชา
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ
● สมเด็จพระวันรัตทุล
ปัจจุบัน มีบทบาทครัง้ สาํ คัญ คือ ทา่ นเป็ นผูเ้ กลี้ยกลอ่ มให้พระยาเกียรติ์ และพระยารามที่พระเจา้ หงสาวดีสง่
่ ั พนายกองที่ตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรไมท
พระราชทานอภัยโทษ บรรดาแมท ่ ั น ตอ
้ งโทษประหารชีวต
ิ
้
่ ั พนายกองทังหลาย
สมเด็จพระวันรัตไดข้ อบิณฑบาต พระราชทานอภัยโทษบรรดาแมท
ฝ่ายพมา่
้ พระชนม์
ถูกลอบวางยาพิษสิน
● มหาอุปราชา
เพื่อนเลน
่ กันกับพระนเรศวรในสมัยที่พระองคป ่ ่ีกรุ งหงสาวดี ทรงทาํ งานสนองพระราชบิดาหลายครัง้
์ ระทับอยูท
้ พระชนมใ์ น
้ วายงานครัง้ สุดทา้ ยในการยกทัพ ๕ แสนมาตีไทย และสิน
โดยเฉพาะราชการสงคราม และไดถ
การทาํ ยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
้ งเรื่ อง
1.4 ฉากทอ
มาเดียวเปลี่ยวอกอา้ อายสู
สถิตอยูเ่ ออ ์ ู
้ งคด ละห้อย
พิศโพน
้ พฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึ งนุ ชน้อย แน่งเนื้ อนวลสงวน
เพราะเพื่อมาราญรอน ิ ไสร้
เศก
่ ฟุ้ง
สายหยุดหยุดกลิน ยามสาย
สายบห
่ ยุดเสน่หห
์ าย หา่ งเศร้า
ถอดคาํ ประพันธพ
์ ระมหาอุปราชาราํ พันถึงนาง
ที่ช่ือตน ้ สายหยุดเมื่อสายก็หมดกลิน
้ ไมช้ า่ งเหมือนอกพี่แทๆ้ ตน ่ แตใ่ จพี่แมย้ ามสายก็ไมค
่ ลายรักน้อง กี่วันกี่คืนที่
จากน้องพี่มีแตค
่ วามทุกขค ิ ถึงน้องทุกคา่ ํ เชา้ ไมร่ ู้ วา่ จะหยุดรักน้องไดอ
์ ด ้ ยา่ งไร
2.1 สรรคาํ
เบื้องนัน
้ นฤนาถผู้ สยามินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน หอ
่ นพอ
้ ง
เพราะพระหัตถห
์ ากป้อง ปัดดว้ ยขอทรง
้ าํ ที่มีศักดิค
จากโคลงบทนี้ กวีเลือกใชค ์ าํ สูง แสดงให้เห็นภาพเดน
่ ชั ดและความไพเราะ เชน
่
ึ
ศั ตราวุธอริ นทร์ หมายถึง อาวุธของขา้ ศก
ใชค
้ าํ สั มผัส การเลน
่ คาํ การเลน
่ ความ การเลียนเสียงธรรมชาติ เป็ นตน ้ าํ ที่มีเสียง
้ ลิลิตตะเลงพา่ ยมีการใชค
เสนาะ ดังนี้
1) มีการใชส
( ์ ุกบท ทาํ ให้เกิดความ
้ ั มผัสสระและสั มผัสพยัญชนะในคาํ ประพันธท
ไพเราะ เชน
่
ทัพพมา่ ขับทวยกลา้ เขา้ แทง ขับทวยแขงเขา้ ฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโหเ่ อาฤกษ์ เอิกอึงเหเ่ อาชั ย สาด
สั มผัสสระ ไดแ
้ ก่ เขา้ – เชา้ สาย - หมาย ครบ – ทบ รามัญ – ทัน พมา่ – กลา้
แทง – แขง ฟัน – ยัน ยุทธ์ – อุด ฤกษ์ – เอิก ชั ย – ไฟ แยง้ – แผลง ยุง่ – พุง่
สั มผัสพยัญชนะ ไดแ
้ ก่ ถับ – ถึง โคก – เขา้ ยาม – ยังหมาย – ประมาณ –โมง
ประทบ – ทับ ประทัน – ทัพ ขับ – เขา้ ทวย – แทง ขับ – แขง – เขา้ ยัน – ยืน –
้ ั มผัสพยัญชนะเดียวกันเกือบทังวรรค
(2) มีการใชส ้ เชน
่
รตระกองกอดแกว้
ก เรี ยมจักร้างรสแคลว้
คลาดเคลา้ คลาสมร
หอ
่ นชา้ คืนสม แมแ
่ ล
วรรคที่ 1 ไดแ
้ ก่ กร – กอง – กอด – แกว้
วรรคที่ 2 ไดแ
้ ก่ เรี ยม – ร้าง – รส
วรรคที่ 3 ไดแ
้ ก่ คลาด – เคลา้ – คลา
วรรคที่ 4 ไดแ
้ ก่ อยู ่ – อยา่
้
ิ สิน
ชาวสยามคร้ามเศก ้
ทังผอง
นายและไพร่ไป่ปอง รบร้า
พยพหลบหลีกมอง
อ เอาเหตุ
ซุกซอ
่ นหอ
่ นให้ขา้ ึ ไดไ้ ปเป็ น
ศก
บาทที่ 1 ไดแ
้ ก่ สยาม – คร้าม
บาทที่ 2 ไดแ
้ ก่ ไพร่ – ไป่
บาทที่ 3 ไดแ
้ ก่ อพยพ – หลบ
บาทที่ 4 ไดแ
้ ก ่ ซอ
่ น – หอ
่ น ได้ – ไป
2.2 การเรี ยบเรี ยงคาํ
ลักษณะคาํ ประพันธ์
2375 รวม 16 ปี
2.2.1) โคลงสองสุภาพ
ตัวอยา่ ง
2.2.2) โคลงสามสุภาพ
ตัวอยา่ ง
2.2.3) โคลงสี่สุภาพ
้ โคลงสี่สุภาพหนึ่ งบท
โคลงสี่สุภาพหนึ่ งบทจะมี 4 บรรทัด บรรทัดหนึ่ งเรี ยกวา่ "บาท" เพราะฉะนัน
จะมี 4 บาท ในบาทหนึ่ งจะมี 2 วรรค วรรคหน้าจะมี 5 คาํ วรรคหลังของบาทที่ 1 บาทที่ 2 และบาท
ที่ 3 จะมี 2 คาํ สว่ นวรรคหลังของบาทที่ 4 จะมี 4 คาํ (รวมคาํ สร้อย) มีบังคับเอก 7 แหง่ โท 4
แหง่ ในบาทที่ 1 วรรคที่ 1 คาํ ที่ 4 และ 5 สามารถสลับตาํ แหน่งคาํ เอก คาํ โท ได้ ดังแผนภูมิ
ตัวอยา่ ง
่ ั ง้
มากมวนเมิลหมูด ดาษดา
โจมจับขับขี่ห้อม แหท
่ า้ วจากสถานฯ
2.2.4) ร่ายสุภาพ
ตัวอยา่ ง
ศรี สวัสดิเดชะ ชนะราชอริ นทร์ ยินพระยศเกริ กเกรี ยง เพียงพกแผน ่ เลื่องชั ย
่ ฟากฟ้า หลา้ ลม
2.3.1) การใชค
้ าํ ให้เกิดจินตภาพ เชน ้ าํ ที่แสดงให้เห็นภาพการตอ่ สูอ้ ยา่ งห้าวหาญของพล
่ การใชค
้
ทหารทังสองฝ่ ายที่ผลัดกันรุ กรับขับเคี่ยวกันดว้ ยอาวุธหลากหลายทังขอ
้ งา้ ว ทวน หอก ธนู จนตา่ งฝ่ายลม
้
วอ่ งตอ่ วอ่ งชิงชั ย ไวตอ่ ไวชิงชนะ มา้ ไทยพะมา้ มอญ ตา่ งเขา้ รอนเขา้ โรม ทวนแทงโถม
ทวนทบ หอกเขา้ รบรอหอก หลอกลอ่ ไลไ่ ขวแ่ ควง้ แยง้ ธนู เหนี่ ยวแรง ห้าวตอ่ ห้าวหักหาญ ชาญตอ่
ชาญหักเชี่ยว เรี่ ยวตอ่ เรี่ ยวหักแรง แขงตอ่ แขงหักฤทธิ์ ตา่ งประชิดฟอนฟัน ตา่ งประชั นฟอนฟาด
เหวี่ยงกันไปมา ผลัดเปลี่ยนกันไดท
้ ี แตก ่ ีผูใ้ ดยอมแพ้ ชา้ งทรงของสมเด็จพระนเรศวรไดล
่ ไ็ มม ้ า่ ง พระมหาอุป
้
เห็นภาพการรบอยา่ งสงา่ งามแคลว่ คลอ่ งวอ่ งไวสมเป็ นกษัตริ ยข์ องทังสองพระองค ช์ ว่ งสุดทา้ ยยังเห็นภาพการ
้ พระชนมข์ องพระมหาอุปราชาที่คอ่ ยๆเอนพระองคล์ งซบกับคอชา้ ง เป็ นภาพที่หดหูแ
สิน ่ ละสะเทือนใจ ดัง
ตัวอยา่ ง
ถนัดพระอังสาขอ
้ น ขาดดา้ วโดยขวา
อวตารลงมา ดังตัวอยา่ ง
แสยงพระยศยินขาม ขาดแกลว้
พระฤทธิ์ดั่งฤทธิ์ราม รอนราพณ์ แล
ิ หอ
แสนเศก ่ นหาญราญ รอฤทธิ์ พระ
.3.3) การใชถ
2 ้ อ
้ ยคาํ สร้างอารมณ์และความรู้ สก ้ ิลิตตะเลงพา่ ยเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับ
ึ แมล
หมายของกวี ดังนี้
(1) การใชถ
้ อ
้ ยคาํ ให้เกิดความรู้ สก ่ ตอนที่พระมหาอุปราชาเคลื่อนกระบวน
ึ เห็นใจ เชน
้ า่ งๆ โดยการนําชื่อตน
ทัพ ขณะเดินทางมีการชมธรรมชาติ ชมพันธุ ไ์ มต ้ ไมแ
้ ละดอกไมม
้ าเลน
่ คาํ ให้สอดคลอ
้ งกับ
ึ ของพระมหาอุปราชาไดอ
อารมณ์และความรู้ สก ้ ยา่ งไพเราะ
เพราะเพื่อมาราญรอน ิ ไสร้
เศก
้ หนึ่ งแยม
นางแยม ้ ยาม เยาวย์ ั ่ว แยม
้
ตูมดั่งตูมตีขอ
้ น ้ ั นแสง
อกอันก
่ ฟุ้ง
สายหยุดหยุดกลิน ยามสาย
สายบห
่ ยุดเสน่หห
์ าย หา่ งเศร้า
2) การใชถ
( ้ ยคาํ เกิดอารมณ์สะเทือนใจ ดังปรากฏตอนที่พระมหาอุปราชาลาพระ
้ อ
สนม
พระผาดผายสูห
่ ้ อง หาอนุ ชนวลน้อง
หนุ ่ มเหน้าพระสนม
อยูถ่ า้ ทูลสนอง
คลาดเคลา้ คลาสมร
หอ
่ นชา้ คืนสม แมแ
่ ล
(3) การใชถ
้ อ ึ เจ็บปวด เชน
้ ยคาํ ให้เกิดความรู้ สก ่ ตอนพระมหาอุปราชาทูลพระเจา้ หง
สาวดีวา่ จะมีเคราะหไ์ มต
่ อ
้ งการออกรบ จึงถูกพระเจา้ หงสาวดีกลา่ วประชดดว้ ยถอ ึ เจ็บปวด
้ ยคาํ ให้เกิดความรู้ สก
4) การใชถ
( ้ อ ่ ตอนที่พระมหาอุปราชาตอ
้ ยคาํ แสดงความโศกเศร้า เชน ้ งจากพระสนม
ความรักของพระมหาอุปราชา ดังปรากฏในตอนที่พระมหาอุปราชาเห็นตน
้ ไม้ ดอกไม้ แลว้ ราํ พันถึงพระสนม
มาเดียวเปลี่ยวอกอา้ อายสู
สถิตอยูเ่ ออ ์ ู
้ งคด ละห้อย
พิศโพน
้ พฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางพระพิศพฤกษา กิ่งเกี้ยว
ตัวอยา่ งเชน
่
มาเดียวเปลี่ยวอกอา้ อายสู
สถิตอยูเ่ ออ ์ ู ละห้อย
้ งคด
พิศโพน
้ พฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา
์ ้ี แสดงให้เห็นถึงอารมณ์รัก คิดถึงและอาลัยของพระมหาอุปราชาที่รู้สก
จากบทประพันธน ึ ตอ่ พระสนม
ซึ่งบทประพันธน
์ ้ี ทาํ ให้ผูอ
้ า่ นคลอ ึ ร่วมกันกับพระมหาอุปราชา
้ ยตามและมีความรู้ สก
1 .ความรอบคอบไมป ่ ระมาท
ในเรื่ องลิลิตตะเลงพา่ ยนี้ เราจะเห็น คุณธรรมของพระนเรศวรไดอ ่ ชั ดและสิง่ ที่ทาํ ให้เราเห็นวา่
้ ยา่ งเดน
พระองคท์ รง เป็ นพระมหากษัตริ ยท ์ ่ีทรงพระปรี ชาสามารถมากที่สุดคือ ความรอบคอบ ไมป ่ ระมาทดั่งโคลงสี่
สุภาพตอนหนึ่ งกลา่ ววา่
์ ู้
พระพึงพิเคราะหผ ภักดี ทา่ นนา
คือพระยาจักรี
กาจแกลว้
พระตรัสแดม
่ นตรี มอบ
มิง่ เมืองเฮย
กูไกลกรุ งแกว้
เกลือกชา้ คลาคืน
เมื่อเราเห็นถึงคุณธรรมทางดา้ นการวางแผนแลว้ เราก็ควรเอาเยี่ยงอยา่ งเพื่อใชใ้ นการ ดาํ เนิ นชีวต ิ ให้เป็ นไปอยา่ ง
มีระเบียบ มีแบบแผน ซึ่งจากคุณธรรมขอ ้ นี้ ก็อาจชว่ ยเปลี่ยนแปลงให้ทา่ นผูอ ้ า่ นทุกทา่ น ให้กลายเป็ นบุคคลที่มี
คุณภาพชีวต ิ ทางดา้ นการวางแผนในการดาํ เนิ นชีวต
ิ ก็เป็ น ไดถ
้ า้ เรารู้ จักการวางแผนให้กับตัวเราเอง
5. ความซื่อสั ตย ์
้ ่ ายพมา่ และฝ่าย ไทยมีความซื่อสั ตย ์
จากเนื้ อเรื่ องนี้ เราจะเห็นไดว้ า่ บรรดาขุนกรี และทหารมากมายทังฝ
และความจงรักภักดี ตอ่ ประเทศชาติของตนมากเพราะจากการที่ศก ึ ษาเรื่ องลิลิตตะเลงพา่ ยเรายังไม่ เห็นเลยวา่
บรรดาทหารฝ่ายใดจะทรยศตอ่ ชาติบา้ นเมืองของตน ซึ่งก็แสดงให้เราเห็นวา่ ความซื่อสั ตยใ์ นเราองเล็กๆน้อยๆก็
ทาํ ให้เราสามารถ ซื่อสั ตยใ์ นเรื่ องใหญๆ่ ไดซ ้ ่ึงจากเรื่ องนี้ ความซื่อสั ตยเ์ ล็กๆน้อยๆของบรรดา ทหารสง่ ผลให้ชาติ
บา้ นเมืองเกิดความเป็ นปึ กแผน ่ มั่นคงได้
เราก็เชน่ เดียวกัน….ถา้ เรารู้ จักมีความซื่อสั ตยต ์ อ่ ตนเองดั่งเชน่ บรรดาขุนกรี ทหารก็อาจนํามาซึ่งความเจริ ญ
และความมั่นคงในชีวต ิ ก็เป็ นไดซ ้ ่ึงสิง่ นี้ อาจสง่ ผลประโยชน์ตอ่ ตนเอง ตอ่ ครอบครัวและชาติบา้ นเมือง
6. การมีวาทศลิ ป์ในการพูด
จากเรื่ องนี้ มีบุคคลถึงสองทา่ นดว้ ยกันที่แสดงให้เราเห็นถึงพระปรี ชาสามารถทาง ดา้ นการมีวาทศลิ ป์ใน
การพูด ทา่ นแรกคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในโคลงสี่สุภาพที่วา่
พระพี่พระผูผ
้ า่ น
ภพอุต-ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด
ร่มไม้
เชิญการร่วมคชยุทธ์
เผยอเกียรติ ไวแ
้ ฮ
สืบวา่ สองเราไซร้
้ มี
สุดสิน
เราจะเห็นวา่ สมเด็จพระนเรศวรทรงใชว้ าจาที่ไพเราะมีความสุภาพน่าฟังตอ่ พระมหาอุปราชาซึ่งเป็ นพี่เมื่อครัง้ ที่
สมเด็จพระนเรศวรทรงประทับอยูท ่ างฝ่ายพมา่
์ ระกอบของเรื่ อง
2) องคป
ทางการรบแลว้ ผูแ
้ ตง่ ยังไดเ้ น้นพระปรี ชาสามารถในดา้ นการปกครองและพระจริ ยวัตรอันกอปรดว้ ย
่ เติมเรื่ องที่ไมใ่ ชก
จึงทรงเพิม ่ ารสงครามเขา้ ไป เนื้ อหาที่สาํ คัญเป็ นหลักของเรื่ อง “ตะเลงพา่ ย”
พระมหาอุปราชา
2.3) ตัวละคร
สมเด็จพระนเรศวร
้
๏ ทังมวลหมู ม
่ าตยซ์ อ
้ ง สารพลัน
ทูลพระจอมจรรโลง เลื่องหลา้
แนะที่ควรเสด็จคา้ เศก
ิ ไซร้ไกลกรุ ง
๏ โทไทท
้ รงสดับถอ
้ ย ทูลถวาย
สูตริ กต
็ รงหมาย เหมือนตริ ตูนา
ที่สาํ คัญคือพระองคม
์ ีความกลา้ หาญ เด็ดเดี่ยว ไมห
่ วั่นเกรงตอ่ ขา้ ศก
ึ แมจ้ ะอยูใ่ นลักษณะเสียเปรี ยบ
เขม
้ แข็ง ดังบทประพันธ์
๏ สองสุริยพงศผ
์ า่ นหลา้ ขับคเชนทร์บา่ ยหน้า
๏ ไพรี เร่งสาดซอ
้ ง โซรมปื นไฟไป่ตอ
้ ง
ตอนที่พระองคต
์ กอยูใ่ นวงลอ ์ รงเห็นนายทัพฝั่งตรงขา้ มที่ข่ีชา้ งมีฉัตรกันถึ
ึ พระองคท
้ มของขา้ ศก ้ ง
1) สะทอ
้ นให้เห็นธรรมชาติมนุ ษย ์ เชน
่
ึ สงคราม แตพ
จอ่ การศก ่ ระโอรสของพระองคเ์ ป็ นคนขลาด ทาํ ให้พระมหาอุปราชาทรงอับอายและเกรงพระราช
หึง...”
้
์ รี ของทังสองพระองค
เป็ นเกียรติยศและศั กดิศ ่ ีการรบที่กลา้ หาญเยี่ยงนี้ อีก ดังความใน
์ สืบตอ่ ไปภายหน้าจะไมม
์ อ่ ไปนี้
บทประพันธต
พระพี่พระผูผ
้ า่ น
ภพอุต ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด
ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธ์
เผยอเกียรติ ไวแ
้ ฮ
สืบกวา่ สองเราไสร้
้ มี
สุดสิน
่ ั พนายกองที่ตามเสร็จเขา้ สนามรบไมท
ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธแมท ่ ั นจึงตรัสสั ง่ ประหารชีวต
ิ สมเด็จ
ตอ ึ แกต
้ งไปทาํ การศก ้ ั วโดยให้นําทัพไปตีเมืองเมาะตะมะและตะนาวศรี
พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ
เสนอพระยศยินกอ
้ ง
เกียรติทา้ วทุกภาย
ผิวหลายพยุหยุทธร์ ้ า โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ
มั่วมลา้ ง
พระเดชบด
่ าลขจร
ไปทั่วธเรศออกอา้ ง
เอิกฟ้าดินไหว
ึ ที่ปรากฏในเรื่ อง ไดแ
้ นเกี่ยวกับขนบธรรมเนี ยมประเพณี ขนบธรรมเนี ยมในการศก
2) สะทอ ้ ก่ เมื่อพระ
้ ั พ ประเพณี และพิธีกรรมเกี่ยวกับ
ขาดในการรบ ความรู้ เกี่ยวกับตาํ ราพิชัยสงคราม การจัดทัพ การตังท
้ นให้เห็นความเชื่อของสั งคมไทย
3) สะทอ ความเชื่อที่ปรากฏในเรื่ อง ไดแ
้ ก่ ความเชื่อของบรรพบุรุษ
ทันใดดิลกเจา้ จอมถวัลย ์
สร่างผทมถวิลฝัน
หอ
่ นรู้
พระหาพระโหรพลัน
พลางบอก ฝันนา
เร็วเร่งทายโดยกระทู้
ที่ถอ
้ ยตูแถลง
ดาํ เนิ นชีวต ่ ความรับผิดชอบตอ่ หน้าที่ ความเมตตา ความนอบน้อม การให้อภัย เป็ นตน
ิ เชน ้ โดยสอด
เจนจิตวิทยาการ
กาจแกลว้
รู้ เชิงพิชัยชาญ
ชุมคา่ ย ควรนา
อาจรักรอนรณแผว้
แผกแพพ
้ ั งหนี
ฯลฯ
อันสมรรถมือผจญ
จืดเสี้ยน
อยา่ งเกียจ
แปดประการกลเที้ยร
ถอ่ งแทท
้ างแถลง
ฐานเกี่ยวกับคาํ ศั พทย์ ากบางคาํ มาบา้ งแลว้ นอกจากจะมีความไพเราะในดา้ นวรรณศลิ ป์อยา่ งยอดเยี่ยมแลว้ ผู้
่ ูอ
อา่ นยงจะไดร้ ั บความรู้ ดา้ นสั งคมวัฒนธรรมอีกมาก แตผ ้
้ งอา่ นอยา่ งตังใจ
้ า่ นตอ มีการวิเคราะหแ
์ ละหาความ
1) การสรรคาํ ึ ษาเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจใน
ลิลิตตะเลงพา่ ย เป็ นวรรณคดีมรดกลาํ ้ คา่ ที่คนไทยควรศก
้ า่ ยทอดเรื่ องราวไดอ
วีรกรรมของนักรบไทยและภูมิใจในภาษาไทยที่กวีใชถ ้ ยา่ งมีคุณคา่ ทางดา้ นวรรณศลิ ป์ ดว้ ย
การเลือกใชถ
้ อ
้ ยคาํ ไดอ
้ ยา่ งไพเราะ
เบื้องนัน
้ นฤ
นาถผู้ สยามินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน
หอ
่ นพอ
้ ง
ศั สตราวุธอริ นทร์
ถูก องคเ์ อย
เพราะพระหัตถห
์ ากป้อง
ปัดดว้ ยขอทรง
้ าํ ที่มีศักดิค
จากโคลงบทนี้ กวีเลือกใชค ์ าํ สูง แสดงให้เห็นภาพเดน
่ ชั ดและไพเราะ เชน
่
นฤนาถ หมายถึง
กษัตริ ย ์
สยามินทร์ หมายถึง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ขอทรง หมายถึง
1.2) การใชค
้ าํ โดยคาํ นึ งถึงเสียง ความไพเราะของถอ ้ พิจารณาที่การใช้
้ ยคาํ นัน
้ ยคาํ หรื อความงามของถอ
สั มผัส การเลน
่ คาํ เลน
่ ความ การเลียนเสียงธรรมชาติ เป็ นตน ้ าํ ที่มีเสียงเสนาะ ดังนี้
้ ลิลิตตะเลงพา่ ยมีการใชค
รามัญ ประทันทัพพมา่ ขับทวยกลา้ เขา้ แทง ขับทวยแขงเขา้ ฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโหเ่ อาฤกษ์ เอิกอึง
สั มผัสสระ ไดแ
้ ก่ เขา้ – เชา้ สาย - หมาย ครบ – ทบ รามัญ –
ทัน พมา่ – กลา้ แทง – แข็ง ฟัน – ยัน ยุทธ์ – อุด ฤกษ์ – เอิก ชั ย – ไฟ
แยง้ – แผลง ยุง่ – พุง่ ควา้ ง – ขวา้ ง ไขว่ – ไล่ บัน – ฟัน ฉาด
– ฟาด
สั มผัสพยัญชนะ ไดแ
้ ก่ ถับ – ถึง โคก – เขา้ ยาม – ยังหมาย –
ประมาณ –โมง ประทบ – ทับ ประทัน – ทัพ ขับ – เขา้ ทวย – แทง ขับ – แขง–
เขา้ ยัน – ยืน – ยุทธ์ อุด – อึง – เอา เอิก – อึง – เอา ยะ – แยง้ ยะ – ยุง่ คะ – ควา้ ง
้ ั มผัสพยัญชนะเดียวกันเกือบทังวรรค
(2) มีการใชส ้ เชน
่
กรตระกองกอดแกว้
เรี ยมจักร้างรสแคลว้
คลาดเคลา้ คลาสมร
หอ
่ นชา้ คืนสม
แมแ
่ ล
วรรคที่ ๑ ไดแ
้ ก่ กร – กอง – กอด – แกว้
วรรคที่ ๒ ไดแ
้ ก่ เรี ยม – ร้าง – รส
วรรคที่ ๓ ไดแ
้ ก่ คลาด – เคลา้ – คลา
วรรคที่ ๔ ไดแ
้ ก่ อยู ่ – อยาก
้
ิ สิน
ชาวสยามคร้ามเศก
้
ทังผอง
นายและไพร่ไป่ปอง
รบร้า
อพยพหลบหลีกมอง
เอาเหตุ
ซุกซอ
่ นหอ
่ นให้ขา้
ึ ไดไ้ ปเป็ น
ศก
บาทที่ ๑ ไดแ
้ ก่ สยาม – คร้าม
บาทที่ ๒ ไดแ
้ ก่ ไพร่ – ไป่
บาทที่ ๓ ไดแ
้ ก่ อพยพ – หลบ
บาทที่ ๔ ไดแ
้ ก ่ ซอ
่ น – หอ
่ น ได้ – ไป
่ คาํ เพื่อให้มีความลึกซึ้งและเกิดอารมณ์กระทบใจผูอ
4) การเลน ้ า่ นโดยเน้นนัยของคาํ วา่ สายหยุด วา่ ดอก
่ ฟุ้ง
สายหยุดหยุดกลิน
ยามสาย
สายบห
่ ยุดเสน่หห
์ าย
หา่ งเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย
วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบคา่ ํ เชา้
หยุดไดฉ
้ ั นใด
(5) การเลน
่ เสียงวรรณยุกต์ เชน
่
สลัดไดใดสลัดน้อง
แหนงนอน ไพร
เพราะเพื่อมาราญรอน ิ
เศก
ไสร้
สละสละสมร
เสมอชื่อ ไมน
้ า
นึ กระกาํ นามไม้
แมน
่ แมน
้ ทรวงเรี ยม
เสียงฆอ ึ อีกเอิกกอ
้ งกลองปื นศก ้ งกาหล เร่งคาํ รนเรี ยกมัน ชั นหู ชูหางเลน
่ แปร้นแปร๋แลคะไขว.
่ ”
ทาํ ให้ผูอ
้ า่ นมองเห็นภาพชั ดเจน
2.1) การใชค
้ าํ ให้เกิดจินตภาพ เชน ้ าํ ที่แสดงให้เห็นภาพการตอ่ สูอ้ ยา่ งห้าวหาญของพลทหารทังสอง
่ การใชค ้
จาํ นวนมาก
แผน
่ สยาม
แสยงพระยศยินขาม
ขาดแกลว้
พระฤทธิ์ดั่งฤทธิ์ราม
รอนราพณ์ แล
ราญอริ ราชแผว้
้ ุกภาย
แผกแพท
ไพริ นทรนาศ
เพี้ยง พลมาร
พระดั่งองคอ์ วตาร
่ ้ี
แตก
ิ หอ
แสนเศก ่ นหาญราญ
รอฤทธิ์ พระ
ดาลตระดกเดชลี้
2.3 การใชถ
้ อ
้ ยคาํ สร้างอารมณ์และความรู้ สก ้ ิลิตตะเลงพา่ ยเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และยอพระ
ึ แมล
้ า่ งๆ โดยการนําชื่อตน
ชมธรรมชาติ ชมพันธุ ไ์ มต ้ ไมแ
้ ละดอกไมม
้ าเลน
่ คาํ ให้สอดคลอ ึ
้ งกับอารมณ์และความรู้ สก
ของพระมหาอุปราชาไดอ
้ ยา่ งไพเราะ
เพราะเพื่อมาราญรอน
ิ ไสร้
เศก
สละสละสมร
เสมอชื่อ ไมน
้ า
นึ กระกาํ นามไม้
แมน
่ แมน
้ ทรวงเรี ยม
ไฟวา่ ไฟราคลาม
ลวกร้อน
้ หนึ่ งแยม
นางแยม ้ ยาม
เยาวย์ ั ่ว แยม
้
ตูมดั่งตูมตีขอ
้ น
้ ั นแสง
อกอันก
่ ฟุ้ง
สายหยุดหยุดกลิน ยามสาย
สายบห
่ ยุดเสน่หห
์ าย
หา่ งเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย
วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบคา่ ํ เชา้
หยุดไดฉ
้ ั นใด
พระสนม
พระผาดผายสูห
่ ้ อง หาอนุ ชนวลน้อง
หนุ ่ มเหน้าพระสนม
อยูถ่ า้ ทูลสนอง
คลาดเคลา้ คลาสมร
หอ
่ นชา้ คืนสม แมแ
่ ล
(3) การใชถ
้ อ ึ เจ็บปวด เชน
้ ยคาํ ให้เกิดความรู้ สก ่ ตอนพระมหาอุปราชาทูลพระเจา้ หงสาวดีวา่ จะมีเคราะหไ์ ม่
ตอ
้ งการออกรบ จึงถูกพระเจา้ หงสาวดีกลา่ วประชดดว้ ยถอ ึ เจ็บปวดอับอายวา่ ให้เอาเครื่ อง
้ ยคาํ ให้เกิดความรู้ สก
แตง่ กายหญิงมาสวมใส ่
(4) การใชถ
้ อ
้ ยคาํ แสดงความโศกเศร้า เชน ้ งจากพระสนมและเดินทัพ เมื่อเห็นสิง่
่ ตอนที่พระมหาอุปราชาตอ
ใจในความรักของพระมหาอุปราชา ดังปรากฏในตอนที่พระมหาอุปราชาเห็นตน
้ ไม้ ดอกไม้ แลว้ ราํ พันถึงพระ
สนม
มาเดียวเปลี่ยวอกอา้ อายสู
สถิตอยูเ่ ออ ์ ู
้ งคด
ละห้อย
พิศโพน
้ พฤกษ์พบู
บานเบิก ใจนา
แน่งเนื้ อนวลสงวน
พระครวญพระคร่ าํ ไห้ โหยหา
พลางพระพิศพฤกษา
กิ่งเกี้ยว
กลกรกนิ ษฐนา-
รี รัตน์ เรี ยม
ยามตระกองเอวเอี้ยว
โอบออ
้ มองคเ์ รี ยม
บรรณาณุ กรม
http://thaililitpc5.blogspot.com/
https://sites.google.com/a/htp.ac.th/lilitalangpai/9-bth-wikhera
ah/8-2-dan-wrrnsilp
https://sites.google.com/site/aphichitsuthawa/lilit-taleng-phay
https://sites.google.com/site/pangglasses/bth-thi-1-lilit-taleng
-phay/reuxng-yx
https://teachertonthai.wordpress.com/2017/10/28/first-blog-post/
https://sites.google.com/site/wannakadeethaim4/wrrnkhdi-thiy/lil
it-taleng-phay/taw-lakhr-lilit-taleng-phay