You are on page 1of 17

รายงานเชิงวิชาการ

การอา่ นและพิจารณาวรรณคดี บทละครพูดคาํ ฉันท์ เรื่ องมัทนะพาธา

โดย
 
 
นาย พศนิ งามธนไพศาล ชั นม ้ ั ธยมศก ึ ษาปี ที่ 5/1 เลขที่ 8
้ ั ธยมศก
นาย ปัถย ์ ชุณหนิ รันฤทธิ์ ชั นม ึ ษาปี ที่ 5/1 เลขที่ 4
นาย ชวิน ไวเมลืองอรเอก ชั นม ้ ั ธยมศก ึ ษาปี ที่ 5/1 เลขที่ 18

เสนอ

อ. ปัทวรรณ พันชั ย

ภาคเรี ยนที่ 2 ปี การศก


ึ ษา 2562

โรงเรี ยนสาธิตนานาชาติมหาวิทยาลัยมหิดล

รายงานนี้ เป็ นสว่ นหนึ่ งของกิจกรรมการเรี ยนรู้ โดยใชโ้ ครงงานเป็ นพื้นฐาน

(Project Based Learning)

ึ ษาปี ที่ 5
้ ั ธยมศก
รายวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรม ระดับชั นม
คาํ นํา

รายงานเรื่ องนี้ เป็ นสว่ นหนึ่ งของรายวิชาภาษาไทย และวัฒนธรรม ชั นม


้ ั ธยม

ึ ษาปที่ 5 โดยมีจุด
ศก

ประสงคเ์ พื่อศก
ึ ษาหาความรู้ และวิเคราะห์ วรรณคดีเรื่ อง บทละครพูดคาํ ฉันท์ เรื่ อง

มัทนะพาธา ซ่ึงมาจาก

ื เรี ยนวรรณคดีวจิ ั กษ์ โดยในรายงานนี้ มีเนื้ อหาเกี่ยวกับ การพิจารณาเนื้ อ


หนังสอ

เรื่ อง ตัวละคร และกลวิธีใน

การประพันธ์ รวมถึงคุณคา่ และประโยชน์ท่ีไดร้ ั บจากวรรณคดี

ผูจ้ ั ดทาํ ขอขอบคุณอาจารยป ้ ่ีใหความรู้ ตลอดจนความชว่ ย


์ ั ทวรรณ พันชั ย ผูท

เหลือ และ

คาํ แนะนําตา่ งๆ จนรายงานนี้ สาํ เร็จลุลว่ งไปไดด


้ ว้ ยดี คณะผูจ้ ั ดทาํ หวังวา่ รายงานเลม

นี้ จะเปนประโยชน์แกผ
่ ู้

อา่ น ที่กาํ ลังศก ้ มูลเรื่ องนี้ อยู ่ หากมีขอ


ึ ษาหาขอ ้ ผิดพลาด หรื อคาํ แนะนําประการใด

ทางผูจ้ ั ดทาํ ขอนอมรับไว้

และขออภัยมา ณ ที่น้ี ดว้ ย

2
คณะผูจ้ ั ดทาํ

4 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารบัญ

หน้า

1. การอา่ นและพิจารณาเนื้ อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม ประกอบดว้ ย

1.1. เนื้ อเรื่ อง

1.2. โครงเรื่ อง

1.3. ตัวละคร

1.4. ้ งเรื่ อง
ฉากทอ

1.5. บทเจรจาหรื อราํ พึงราํ พัน

1.6. ่ เรื่ อง
แกน

2. การอา่ นและพิจารณาการใชภ
้ าษาในวรรณคดีและวรรณกรรม ประกอบดว้ ย

2.1. การสรรคาํ

3
2.2. การเรี ยบเรี ยงคาํ

2.3. การใชโ้ วหาร

3. การอา่ นและพิจารณาประโยชน์หรื อคุณคา่ ในวรรณคดีและวรรณกรรม

3.1. คุณคา่ ดา้ นอารมณ์

3.2. คุณคา่ ดา้ นคุณธรรม

3.3. คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์

บรรณานุ กรม
การอา่ นและพิจารณาเนื้ อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม

1.1 เนื้ อเรื่ อง


เรื่ องมัทนะพาธาจะเเบง่ ออกเป็ นสองสถานที่หลักๆนัน ้ ก็คือ ภาคสวรรคเ์ เละ
ภาคบนโลก เรื่ องเกิดจากสุเทษณ์ผูเ้ ป็ นเทวดาอยูใ่ นสวรรคห ์ ลงรักนางฟ้านามมัทนา
สุเทษณ์จึงไปสารภาพรักกับนาง เเตน ่ างดันตอบปฏิเสธกลับมา สุเทษณ์จึงสาบนาง
ให้กลายเป็ นดอกกุหลาบในโลกมนุ ษย ์ เเละจะเป็ นคนไดก ็ อ่ เมื่ออยูใ่ นคืนวันเพ็ญ
้ ต
เทา่ นัน้ ถา้ รับรักจากใครก็จะมีเเตค ่ วามทุกข์ ษี ดันมาพบเเละทราบวา่ เป็ นนางจึงนํา
กลับไปในอาศรม เเละนางก็ดูเเล ษี เป็ นอยา่ งดี จนกระทั่งวันหนึ่ ง ทา้ วชั ยเสนเสด็จ
ประพาสมาที่ป่าเเละพบนางมัทนาเขา้ จึงเกิดความรักกับนาง ทา้ วชั ยเสนจึงไดข้ อนาง
กับ ษี เเละอภิเษกสมรถกันในป่า จนกระทั่งกลับไปที่วัง นางจัณฑีมเหสเี กืดความหึ่ง
หวงในสามี จึงไดใ้ ห้พระบิดายกทัพมาชิงเมือง ทา้ วชั ยเสนออกรบ ระหวา่ งนัน ้ นาง
จัณฑีทาํ อุบายให้ทา้ วชั ยเสนเขา้ พระทัยผิดวา่ นางมัทนารักกับศุภางคท ์ หารเอก จึงรับ
สั ง่ ให้นําไปประหารชีวต ิ แตพ ่ ราหมณ์โสมทัตไดป ้ ลอ่ ยนางมัทนาไป นางจึงมีความ
ทุกขอ์ ยา่ งที่สุเทษณ์ไดส ้ าบเอาไว้ นางจึงทาํ พิธีขอพรจากสุเทษณ์เรื่ องคาํ สาบ เเตส ่ ุ
เทษณ์กลับขอความรักจากนางอีกครัง้ เเตน ่ างยืนยันจะไมร่ ั บความรักจากสุเทษณ์ สุ
เทษณ์จึงสาบนางให้กลายเป็ นตน ้ กุหลาบตลอดไป หลังจากนัน ้ ทา้ งชั ยเสนทราบเรื่ อง
จึงนําตน ้ กุหลาบมาปลูกไวใ้ นพระราชวังเป็ นจาํ นวนมาก

4
1.2 โครงเรื่ อง
โครงเรื่ องหลักๆของเรื่ องนี้ เกิดจากความรักของชายคนหนึ่ งที่มีให้กับผูห ้ ญิงคน
หนึ่ ง เเตผ่ ูห
้ ญิงคนนั ้ นดันปฏิเสธความรักนัน ้ ทาํ ให้ผูช้ ายโกรธเเละสาบผูห
้ ญิงคนนัน ้
เป็ นดอกไม้ จะเป็ นคนไดเ้ เคค ่ ืนวันเพ็ญ รวมถึงถา้ มีความรักก็ขอให้มีเเตค ่ วามทุกข์
เมื่อผูห
้ ญิงคนนัน ้ พบเจอความรักที่เเทจ้ ริ งก็ถูกกีดกันตามคาํ สาบของผูช้ ายคนนัน ้ จน
สุดทา้ ยผูห ้ ญิงคนนี้ ตอ ้ งกลายเป็ นดอกไมต ้ ลอดชีวต ิ เพราะไมร่ ั บรักจากชายคนนัน ้ อีก
รอบ

1.3 ตัวละคร

สุเทษณ์
เหลา่ ขา้ พึ่งพระเดช ้
ปกป้องเกศขา้ ทังปวง
จึ่งพร้อมณแดดวง ภักดีหมายถวายพร
สงิ่ ใดพระประสงค์ จงสท ิ ธินิรันดร
ใดองคจ์ อมอมร ไมโ่ ปรดปรานเร่งผา่ นไปฯ

สุเทษณ์: เหวยจิตระเสน มึงบังอาจเลน ่ ลอ ้ กูไฉน?


จิตระเสน : เทวะ, ขา้ บาท จะบังอาจใจ ทาํ เชน ้ ไซร้ ไดบ
่ นัน ่ ึงมี.
้ พ
สุเทษณ์: เชน ่ นัน้ ทาํ าไม พวกมึงมาให้ พรกูบัดนี้ , วา่ ประสงคใ์ ด ให้สมฤดี? มึงรู้
่ ่ี วา่ กูเศร้าจิต เพราะไมไ่ ดส
อยูน ้ ม จิตที่ใฝ่ชม, อกกรมเนื องนิ ตย.์ จิตระเสน. ตูขา้
ภักดี ก็มีแตค ่ ดิ เพื่อให้ทรงฤทธิ์ โปรดทุกขณะ.
สุเทษณ์: กูไมพ ่ อใจ! ไลค ่ นธรรพไ์ ป บัดนี้ เทียวละ อยา่ มัวรอรัง้ .
จิตระเสน: เอวเทวะ! (หันไปสั ง่ คนธรรพ)์ เออพอแลว้ นะ, พวกเจา้ จงไป. (พวก
คนธรรพถ์ วายบังคมแลว้ เขา้ โรง)ขา้ บาทไดเ้ ตรี ยม อับสรเสงี่ยมสงา่ งามไว้

5
เพื่อร้องและราํ บาํ เรอเทพไท, แมโ้ ปรดจะได้ เรี ยกมาบัดนี้ .
สุเทษณ์: เอาเถิดลองดู เผื่อวา่ ตัวกู จะคอ่ ยสุขี.
จิตระเสน: (เรี ยก) คณาอับสร ผูฟ ้ ้ อนราดี, ออกมาํ บัดนี้ ราํ ถวายกร.

จริ งอยูน่ ะเจา้ เอย ผิจะเชยสมัครสมาน


นางใด ณ แมนการ ิ ธิสมฤดี,
ก็จะสท
เวน
้ เดียวก็แตโ่ ฉม มะทะนาวิสุทธิศรี
ผูเ้ ลิศสุรางคม ์ ี วรรู ปวิเลขวิไล

จากบทกลอนขา้ งตน ้ เเสดงให้เห็นวา่ สุเทษณ์เป็ นตัวละครที่มีนิสัยเห็นเเกต ่ ั ว อารม


ร้อนโกรธงา่ ย ตอ ้ งไดใ้ นสงิ่ ที่ตนเองตอ ้ งการตลอดหรื องา่ ยๆคือเป็ นคนเอาเเตใ่ จ ไม่
สนสงิ่ ใดรอบขา้ ง เเคต ่ นเองไดส ้ งิ่ ที่ตอ ้
้ งการเป็ นพอ อีกทังจากในบทกลอนข า้ งบน
ทาํ ให้ทราบวา่ สุเทษณ์เป็ นผูท ้ ่ีคอ่ นขา้ งมีอิธิพลอยา่ งมาก อีกเรื่ องนึ งที่เห็นไดช้ ั ดจากสุ
เทษณื คือ มีความรักเเละหลงใหลในนาง มัทนาเป็ นอยา่ งมาก สามารถดูไดจ้ าก
บทกลอนที่ชมความงามของนางมัทนา เขามีความหลงไหลเเละรักในตังมัทนาเป็ น
อยา่ งมาก

มัทนา
ฟังถอ
้ ยดาํ รัสมะธุ ระวอน ดนุ น้ี ผิเอออวย.
จักเป็ นมุสาวะจะนะดว้ ย บ มิตรงกะความจริ ง.
อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแดห ่ ญิง,
หญิงควรจะเปรมกะมะละยิง่ ผิวะจิตตะตอบรัก;
แตห ่ ากฤดี บ อะภิรมย ์ จะเฉลยฉะนัน ้ จัก
เป็ นปดและลวงบุรุษะรัก ก็จะหลงละเลิงไป.
ตูขา้ พระบาทสส ิ ุจริ ต บ มิคด ิ จะปดใคร,
จึ่งหวังและมุง่ มะนะสะใน วรเมตตะธรรมา.

6
จากบทความนี้ เเสดงให้เห็นวา่ มัทนาเป็ นบุคคลที่มีความซ่ือตรง ไมม ่ เ์ หลี่ยม
่ ีเลห
ไมพ ่ ูดโป้ปด มีความเคารพผูท ้ ่ีสูงกวา่ ปากกับใจตรงกัน คิดเห็นอยา่ งไรก็พูดไปอยา่ ง
้ ไมเ่ สแสร้งแตค
นัน ่ วามจริ งที่นางพูดทาํ ให้นางตอ้ งไดร้ ั บความลาํ บาก นัน้ คือโดนสาบ
และทาํ ให้ทุกขร์ ะทมใจ

มายาวิน
เป็ นผูม
้ ีความสามารถพิเศษคือมีเวทยม ้ ั นเพื่อ
์ ะกดจิต เขามีวชิ าอาคม และเขาใชม
์ นตส
ชว่ ยสุเทษณ์เมื่อใช้ มนตส
์ ะกดนางมัทยา

สุเทษณ์พูด “นางมาแลว้ ไซร้แตว่ า่ ฉันใด จึงไมพ


่ ูดไมจ่ า”
้ ั ดเดี๋ยวนี้ .
มายาวินตอบ “นางยังงงงวย ดว้ ยฤทธิ์มนตรา, แตว่ า่ ตูขา้ จะแกบ

์ ่ีมายาวินสะกดมัทยา และสั ง่ ให้มัทยาพูดตอบโต้


้ ั งแสดงถึงความขลังของมนตท
อีกทังย
กับมายาวินทาํ ให้สุเทษณ์โกรธมัทนา
ดูกอ่ นสุชาตา มะทะนาวิไลศรี
ยามองคส์ ุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด,
นางจงทาํ นู ลตอบ มะธุ รส ธ ตรัสไซร้ ;
เขา้ ใจมิเขา้ ใจ ฤ ก็ตอบพะจีพลัน.”

ตัวละครเสริ ม
นางจัณฑี : อัครมเหสแ ี หง่ ทา้ วชั ยเสน ที่น้อยอกน้อยใจผัว จนถึงขันอิ ้ จฉาริ ษยานาง
มัทนาอันเป็ นเหตุให้นางออกอุบายชั ่วร้ายทังต ้ อ่ ผัวและนางที่ผัวรัก
ทา้ วชั ยเสน : ราชาผูท
้ รงครองเมืองรหัสตินาปุระ มีอัครมเหสอ ี ยูแ่ ลว้ แตก
่ ย็ ั งพึงใจ
นางมัทนา
จนรับนางกลับวัง

7
้ งเรื่ อง
1.4 ฉากทอ
ฉากทอ ้ งเรื่ องของมัทนะพาธานัน ้ เกิดขึ้นบนสวรรคเ์ นื่ องจากสุเทศณ์มัทนา และ
มายาวินเป็ นเทพ เทวดานางฟ็ า ซ่ึงเทพ เทวดา และ นางฟ้าจะอาศั ยอยูบ ่ นสวรรคแ์ ละ
ขอ ้ ก็สามารถดูไดด
้ สั งเกตุนัน ้ ั ่งบทตอ่ ไปนี้ ที่เมื่อมายาวินคลายคาถาให้มัทนา พอมัทนา
รู้ สกึ ตัวก็ถาม วา่ ทาํ ไมมาอยูใ่ นนี้ และมัทนาก็ไดก ้ ลา่ ววา่

“เหตุใดพระองคท ์ รงธรรม จึ่งทาํ เชน ้ ให้ขา้ พระบาทตอ


่ นัน ้ งอาย

่ มูช่ าวฟ้าทังหลาย
แกห โอพ ้ ระฦสาย พระองคจ์ งทรงปราณี ”

จากบทความขา้ งตน ้ ลา่ วเกี่ยวกับชาวฟ้า ซ้ึงนัน


้ ไดก ้ เเสดงให้เห็นวา่ เหตุการณ์น้ี เกิดใน
้ งเรื่ องบนสวรรคไ์ มใ่ ชบ
ฉากทอ ่ นโลก

1.5 บทเจรจาราํ พึงราํ พัน


เป็ นบทตอนที่สุเทษณ์ไดเ้ รี ยกมัทนาไปพบเพื่อจะบอกรักมัทนาและคร่าํ ครวญ
ให้ มัทนารับรักแตท ่ วา่ มัทนาอยูในมนตรสะกดของสุเทษณ์มัทนาจึงตอบสุเทษณ
เหมือนหุน ่ ยนตเ์ หมือนคนละเมอและเหมือนคนที่ไมม ่ ีจิตใจ

สุเทษณ์ “รักจริ งมิจริ ง ฤ ก็ไฉน อรไท บ แจงการ?”


มัทนา “รักจริ งมิจริ งก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด?”
สุเทษณ “พี่รักและหวังวธุ จะรัก และ บ ทอด บ ทิ้งไป.”
มัทนา “พระรักสมัคร ณ พระหทัย ฤ จะทอดจะทิ้งเสยี ?”
สุเทษณ “ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย.”
มัทนา “ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤ จะหายเพราะเคลียคลอ?”
สุเทษณ “โอโอกระไรนะมะทะนา บ มิตอบพะจีพอ?”
มัทนา “โอโอกระไรอะมระงอ มะทะนามิพอดี!”
สุเทษณ “เสยี แรงสุเทษณนะประดิพัทธ มะทะนา บ เปรมปรี ดิ.์ ”
มัทนา “แมขา บ เปรมปฺริยะฉะนี้ ผิจะโปรดก็เสยี แรง.”
สุเทษณ “โอรู ปวิไลยะศุภะเลิศ บ มิควรจะใจแข็ง”

8
มัทนา “โอรู ปวิไลยะมละแรง ละก็จาํ จะแข็งใจ.”

1.6 แกน่ เรื่ อง


ในเรื่ องนี้ เเสดงให้เห็นถึงโทษของความรักอยา่ งชั ดเจน ความรักไมไ่ ดม ้ ีเเต่
ความสุขเสมอเเตย่ อ่ มมีโทษแฝงอยูด ่ ว้ ย เมื่อความรักสมหวังก็ยอ่ มดี เเตถ
่ า้ ความรักมี
ปัญหาก็จะเกิดการอิจฉา เเละมีความเเคน ้ ตอ่ กันเเละกัน ทาํ ให้เกิดโทษจากความรัก
ความเจ็บปวด เเละความเดือดร้อนยอ่ มเกิดจากความรักทังน ้ ัน้

2. การอา่ นและพิจารณาการใชภ
้ าษาในวรรณคดีผูแ
้ ตง่ ละวรรณกรรม
การสรรคาํ
การสรรคาํ คือการเลือกใชค ้ าํ ให้ส่อ
ื ความคิด ความเขา้ ใจ ความรู้ สก
ึ และ
อารมณ์ไดอ้ ยา่ งงดงาม โดยคาํ นึ งถึง ความงามดา้ นเสยี ง โวหาร และรู ปแบบคาํ
ประพันธ์

แสดงฐานะที่แตกตา่ งกันระหวา่ ง สุเทษณและมัทนา ดว้ ยการใชค


้ าํ วา่ เจา้ กับ พี่
ที่ปรากฎ ในบทตอ่ ไปนี้
อายอดสเิ นหา มะทะนาวิสุทธิศรี
อยาทรงพระโศกี วรพักตรจะหมนหมอง
พี่น้ี นะรักเจา และจะเฝาประคับประคอง
คูชิดสนิ ทนอง บ มิใหระคางระคาย

้ าํ ที่เขา้ ใจงา่ ยแตส


การเลือกใชค ้
่ อ่ ความหมายชั ดเจน

พระราชนิ พนธเ์ รื่ องมัทนะพาธาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห ่ ั วมี


ลักษณะคาํ ประพันธเ์ ป็ น บทละครพูดคาํ ฉันทซ ์ ่ึงพระองคท
์ รงพระราชนิ พนธบ
์ ท
สนทนาของตัวละครรวมทังบทอื ้ ่ นๆ ดว้ ยฉันทแ์ ละกาพย ์ ประเภทตา่ งๆ และเพื่อให้ผู้
้ ั ง สามารถเขา้ ใจเรื่ องราวไดอ
อา่ นผูฟ ้ ยา่ งไมย่ ากลาํ บาก

9
บทสนทนาระหวา่ งสุเทษณ์และมัทนา ซ่ึงใชค ้ าํ ประพันธป
์ ระเภทอินทวงส
ฉันท๑ ้ าํ งา่ ย ๆ และมีคาํ ภาษาอื่นที่ใชเ้ ฉพาะ
์ ๒ และ วสั นตดิลกฉันท์ ๑๔ สว่ นใหญใ่ ชค
ในบทประพันธป ์ ะปนบา้ งเล็กน้อย

คาํ สว่ นใหญท ้ ่อ


่ ่ีใชใ้ นบทประพันธ์ เป็ นคาํ ที่ใชส ื สารทั่วไปโดยไมต
่ อ
้ งแปลความ
หมาย แตก ่ ม็ ีคาํ ภาษา บาลีภาษาสั นสกฤต และภาษาเขมรปะปนอยูบางสว่ น แตว่ า่ คาํ
ภาษาอื่นที่นํามาปะปนไมใ่ ชศ ่ ั พทย์ าก

้ ั พทส์ ูง
การเลือกใชศ

ในที่น้ี การใชศ ้ ั พทสูง หมายถึงการใชค ้ าํ ที่มาจากภาษาอื่นมาใชโ้ ดยเฉพาะ


ภาษาบาลีและภาษาสั นสกฤต ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห ่ ั วไดเ้ ลื่อกใช้
คาํ ประเภทนี้ เพื่อที่จะไดล ้ งตัวกับตัวละครและการสรรคาํ ที่พระองคเ์ รี ยนมาได้
การใชค ้ าํ ศั พทสูงซ่ึงสวนใหญเ่ ป็ นคาํ ที่มาจากภาษาบาลีและสั นสกฤต ทาํ ให้
เลน ่ คาํ ไดง้ า่ ยขึ้น เพราะมีคาํ ให้จัดสรรมากกวา่ ภาษาอื่นๆทาํ ให้เกิดความรู สก ึ สงา่ งาม
มีอาํ นาจ

การเลือกใชค
้ าํ ให้เหมาะสมกับประเภทของคาํ ประพันธ์

วรรณคดีเรื่ องนี้ เป็ นคาํ ประพันธบ ์ ทละครพูดคาํ ฉันท์ ไดม ้ ีการใช้ คาํ บาลี
และสั นสกฤตเป็ นหลัก ประกอบกับการใชป ้ ระเภทคาํ ประพันธต ์ า่ ง เพื่อส่อ
ื อารมณ์
หรื อ
่ึ อื่นไดอ
ความรู้ สก ้ ยา่ งมีคุณภาพ
ฟังถอยคาํ ดาํ รัสมะธุ ระวอน ดนุ น้ี ผิเอออวย
จักเป็ นมุสาวะจะนะดว้ ย บมิตรกะความจริ ง
วันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแดห ่ ญิง
หญิงควรจะเปรมกะละมะยิง่ ผิวะจิตตะตอบรัก

10
ตอ้ งการเน้นอารมณ์ท่ีออ่ นหวาน ผูแ ้ ตง่ จึงเลือกใชค
้ าํ ประพันธป
์ ระเภทวสั นตดิลก
ฉันท์ 14 เพื่อส่อ
ื อารมณ์โดยได้ คาํ มาจากภาษาสั นสกฤตและบาลี

คาํ ที่เลน
่ เสยี งหนักเบา

การลงเสยี งหนักเบาของคาํ ในภาษาไทย จะมีการลงเสยี งหนัก-เบาของคาํ ใน


ระดับคาํ ซ่ึงมีมากกวา่ สองพยางค์
ผูเ้ เตง่ มักเลือกใชก ่ เสยี งหนักเบาและจังหวะเป็ นหลักเพื่อให้การร้อยแกว
้ ารเลน
เเละร้อยกรองและเพื่อประพันธใ์ ห้ลงตามจังหวะรวมไปถึงให้เกิดอารมเเละความรู้ สก ึ
นัน้ ของผูอ ้ า่ น
ในบทประพันธเรื่ องมัทนะพาธา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวไดใ้ ช้
คาํ ประพันธ์ ประเภทฉันทแ์ ละเน้นอารมณซ่ึงในการประพันธฉันทก ้ ําคาํ ครุ -ลหุ
์ ไ็ ดน
มาใชป ้ ระกอบ

ดูกอ ่ นสุชาตา มะทะนาวิไลศรี


ยามองคส์ ุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด,
นางจงทาํ นู ลตอบ มะธุ รสธตรัสไซร้;
เขา้ ใจมิเขา้ ใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน

เป็ นคาํ ประพันธประเภท อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ซ่ึงหมายถึงฉันทที่มีลีลาที่รุ่งเรื อง


งดงามประดุจสายฟ้าอันเป็ นอาวุธของพระอินทร์

้ งเสยี งและคาํ ซาํ ้


คาํ พอ

คาํ ซาํ ้ เกิดจากการสร้างคาํ ขึ้นใหม่ โดยนําคาํ มูลซ่ึงสว่ นมากเป็ นคาํ พยางคเ์ ดียว
มาซาํ ้ กัน มีความหมายเปลี่ยนแปลงไป อาจเน้นหนักขึ้น เบาลงหรื อไมก ่ เ็ ปลี่ยนเป็ น
อยา่ งอื่น ซ่ึงคาํ ที่ซาํ กัน จะเรี ยงชิดกันหรื อมีคาํ อื่นมาคั่นก็ได และจะอยูในวรรค
เดียวกันหรื อตางวรรคตางบาทกันก็ได

11
คาํ พอ้ งเสยี งคือคาํ มูลที่มีรูปคาํ ตา่ งกันแตอ่ อกเสยี งเหมือนกัน เชน ่ คาํ ที่ออก
เสยี ง สั น มีรูปคาํ ไดต ้ า่ งๆ
การซาํ ้ คาํ ที่วรรคหน้าอีกลักษณะหนึ่ ง คือทรงนําคาํ ซาํ ้ ประกอบเขากับคาํ กริ ยา
อื่นๆ เพื่อชว่ ยส่อ ื ความหมายของความรู สก ึ ที่ทวีข้ึนเรื่ อยๆ ดังตัวอยา่ ง

สุเทษณ์ ยิง่ ฟงพะจีศรี ก็ระตีประมวญประมูล


ยิง่ ขัดก็ยงิ่ พูน ทุขะทว่ มระทมหะทัย

์ รงซาํ ้ คาํ วา่ ยิง่ โดยทรงใชค


พระองคท ่ ั บคาํ กริ ยา ไดแก่ ยิง่ ฟัง ยิง่ ขัด ยิง่ พูน
้ ูก

ยิง่ ฟง หมายถึง สุเทษณ์ฟงคาํ พูดของมัทนา ยิง่ ฟังก็ยงิ่ ทวีความรู้ สก


ึ รักของตน ยิง่ ขัด
หมายถึง คาํ พูดของมัทนา
เป็ นคาํ ตอบปฏิเสธ จึงขัดกับความตอ้ งการ ของสุเทษณ์ ยิง่ พูน หมายถึง สุเทษณ์ยงิ่
ฟังคาํ ตัดร้อนของมัทนามากเทา่ ไรความรู สกึ ทุกขใ์ จก็ยงิ่ ทวีมากขึ้น

การเรี ยบเรี ยงคาํ

บทละครพูดคาํ ฉันท์ เรื่ อง มัทนะพาธา นี้ ไดม ้ ีการใชร้ ู ปแบบการแตง่ หลาก


หลายรู ป
แบบ แบบหลักๆ 2 ชนิ ด คือ กาพย ์ และ ฉันท์
กาพย ์ คือคาํ ประพันธช์ นิ ดหนึ่ งซ่ึงมีกาํ หนดคณะ พยางค์ และสั มผัส มีลักษณะ
คลา้ ยกับฉันท์ แตไ่ มน่ ิ ยม ครุ ลหุ เหมือนกับฉันท์ กาพยใ์ ชใ้ นการแตง่ นี้ มีทังหมด ้ 3
ชนิ ด ไดแ้ ก กาพย์ ยานี 11 กาพยฉ ์ บัง 16 และ กาพยส์ ุรางคนางค 28
ฉันท์ คือลักษณะถอ ้ ยคาํ ที่กวีไดร้ ้ อยกรองขึ้นให้เกิดความไพเราะ ซาบซ้ึง โดย
กาํ หนดคณะ ครุ ลหุ และสั มผัสไวเ้ ป็ นมาตรฐาน ฉันทท ์ ่ีใชใ้ นการแตง่ นี้ มีทังหมด
้ 21
่ วิชชุมมาลาฉันท์ 8 อินทรวิเชียรฉันท์ 11 และอุปชาติฉันท์ 11
ชนิ ด เชน

สุเทษณ์
ดวยอาํ นาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวลมี ณ ตัวกูผูแรงหาญ,
กูสาปมัทนานงคราญ ใหจุติผาน ไปจากสุราลัยเลิศ,
สูแดนมนุ ษยและเกิด เปนมาลีเลิศ อันเรี ยกวากุพชะกะ,

12
ใหเปนเชนนัน ้ กวาจะ ึ อุระ
รู สก ระอุเพราะรักรึ งเข็ญ.
ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ใหนางนี้ เปน มนุ ษยอยูกาํ หนดมี
เพียงหนึ่ งทิวาราตรี ; แตหากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด,
เมื่อนัน
้ แหละใหทรามวัย คงรู ปอยูไซร บ คืนกลับเปนบุปผา,
หากรักชายแลวมัทนา บ มีสุขา ภิรมยเพราะเริ ดรางรัก,
และนางเปนทุกขยิง่ นัก จนเหลือที่จัก อดทนอยูอีกตอไป
เมื่อนัน้ ผิวาอรไท กลาววอนเราไซร เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ

การใชโ้ วหาร
อุปมาคืการเปรี่ ยบเทียบหรื อเปรี่ ยบเปรยโดยนัยของสงิ่ หนึ่ งกับอีกสงิ่ หนึ่ งมีคาํ
อติพจนคือการกลาวเกินจริ ง ซ่ึงเปนความรู สก ึ หรื อความคิดของผูแตงที่ตองการที่จะ
เนนยาํ ้ ความหมาย
ใหผูอ ึ วาหนัก และ จริ งจัง
้ า่ นรู้ สก

สุเทษณเปรี ยบเทียบความงามของมัทนาวา โชติชวงดั่งแสงของ สายไฟ

อามัทนาโฉมฉาย เฉิ ดชวงดังสาย วิชชุประโชติพร


ไหนไหนก็เจาสายสมร มาแลวจะรอน จะรนจะรี บไปไหน?

คุณคา่ ดา้ นอารมณ์:


มีการใชภ้ าษาที่ส่อ
ื ถึงอารมณ์ในเรื่ องขณะนัน
้ ไดอ
้ ยา่ งชั ดเจน ทาํ ให้ผูอ
้ า่ นเขา้ ใจ
ถึงอารมณ์ความรู้ สก ึ ของตัวละครและคลอ ้ ยตาม ในขณะที่อา่ น ตัวอยา่ งเชน ่ ในตอน
ที่สุเทษณ์ไดส ้ ลายมนตร์ของตนตอ่ มัทนาและเมื่อมัทนารู้ สก ึ ตัวจึงร้องให้โอดครวญ
วา่ ทาํ ไมสุเทศณ์จึงทาํ เชน ่ นี้

สุเทษณ์. อา้ มัทนาโฉมฉาย เฉิ ดชว่ งดังสาย วิชชุประโชติอัมพร

13
ไหนๆ ก็เจา้ สายสมร มาแลว้ จะร้อน และรนและรี บไปไหน?

มัทนา. เทวะ, อันฃา้ นี้ ไซร้ มานี่ อยา่ งไร บทราบสาํ นึ กสั กนิ ด;

จาํ ไดว้ า่ ฃา้ สถิต ในสวนมาลิต และลมราํ เพยเชยใจ,

่ ีๆ ทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่ งไฟผลาญ,


แตอ่ ยูด

ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ลม ้ิ สมฤดี.


้ ลงสน

้ หง่ นี้ ? หรื อวา่ ไดม


ฉันใดมาไดแ ้ ี ผูใ้ ดไปอุม
้ ฃา้ มา?

้ ุกรุ กถึงลานใน.
ขอพระองคจ์ งเมตตา และงดโทษฃา้ ผูบ

สุเทษณ์. อา้ อรเอกองคอ์ ุไร พี่จะบอกให้ เจา้ ทราบคดีดังจินต;์

พี่เองใชม
้ ายาวิน ให้เชอญยุพิน มาที่น้ี ดว้ ยอาถรรพ.์

มัทนา. ์ รงธรรม์ จึ่งทาํ เชน


เหตุใดพระองคท ้ ให้ฃา้ พระบาทตอ
่ นัน ้ งอาย

่ มูช่ าวฟ้าทังหลาย?
แกห ้ โอพ ์ ทรงปราณี .
้ ระฦๅสาย พระองคบ

คุณคา่ ดา้ นคุณธรรม:


วรรณคดีเรื่ องนี้ ให้คุณคา่ และขอ
้ คิดแกผ ่ ูอ
้ า่ นอยา่ งมากมาย เชน

- สอนวา่ ผูใ้ ดมีความรักก็ตอ ้ งเจ็บปวดจากความรัก ดังจะเห็นไดจ้ ากความ
หมายของชื่อเรื่ อง มัทนะพาธา ซ่ึงแปลวา่ ความเจ็บปวด และความเดือดร้อนเพราะ
ความรัก

ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไมย่ น
ิ และไมย่ ล อุปสรรคคะใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กาํ ลังคึกผิขังไว้
ก็จะโลดจากคอกไป บย่ อมอยู ่ ณ ที่ขัง

14
ถา้ หากปลอ่ ยไว้ ก็ดึงไปดว้ ยกาํ ลัง
ยิง่ ห้ามก็ยงิ่ คลั่ง บห
่ วนคิดถึงเจ็บกาย

คาํ ประพันธข์ า้ งตน ิ ที่มีตอ่ พระเอกคือชั ยเสน


้ เป็ นคาํ เตือนของ ษี กาละทรรศน
และนางเอกคือมัทนา

- ให้ขอ
้ คิดในการครองตน หญิงใดอยูใ่ นฐานะอยา่ งนางมัทนาจะตอ ้ งมี
ความ ระมัดระวังตัว หลีกหนี จากผูช้ ายมาราคะให้ไกล
- สอนให้หญิงสาวรู้ จักใชป ้ ั ญญา และให้มีความเฉลียวฉลาดรู้ ทัน
เลห่ เ์ หลี่ยมของ ผูช้ ายและผูท ้ ่ีมาหมิน่ ในศั กดิศ
์ รี
- ในเรื่ องนี้ กวีจึงกาํ หนดให้ทางมัทนาถูกสาปกลายเป็ นดอกไมช้ ่ือดอกุ
พชกะ (กุหลาบ) ซ่ึงสวยงามแตม ่ ีหนามแหลมคมเปรี ยบดั่งสติปญญาเป็ นเกราะ
ป้องกันตนให้ พน จากมือผูท ้ ่ีปรารถนาจะเด็ดดอกไปเชยชมหรื อผูท ้ ่ีปรารถนาไมด ่ ี

คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์

1. เรื่ องมัทนะพาธาเป็ นหนังสอ ้ าํ ฉันทเ์ ป็ นบทละครพูด ซ่ึงแปลกและ


ื ที่แตง่ ใชค
แตง่ ไดย้ าก มีการเลือกใชค ้ าํ ที่เหมาะสมกับเนื้ อความและบทบาทของตัวละคร รวมทัง้
การพรรรณนาให้มีความสอดคลอ ้ งกับ วัฒนธรรมภารตะโบราณและเขากับเนื้ อเรื่ อง
ไดเ้ ป็ นอยา่ งดีจึงไดร้ ั บการยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสร วา่ เป็ นยอดแหง่ บทละครพูดคาํ
ฉันท์
2. มีการใชภ ้ าษาที่สละสลวย ตอนใดที่ตอ ้ งการดาํ เนิ นเรื่ องอยางรวดเร็ว ก็ใช้
ร้อยแกว้ ตอนใดที่ตอ ้ งการจังหวะ เสยี งและความคลอ ้ งจองก็ใชก ์ รื อตอนใดที่
้ าพยห
เน้นอารมณ์มากก็มักใชฉ ้ ั นท์
3. มีการใชศ ้ ลิ ปะการประพันธที่ไพเราะ แสดงกวีโวหารและมีการเลน ่ คาํ เลน

อักษรอยา่ งแพรวพราว เชน ่
“สุเทษณ์: รักจริ งมิจริ งฤก็ไฉน อรไทบแ่ จง้ การ?”

“มัทนา: รักจริ งมิจริ งก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด?”

“สุเทษณ์: พี่รักและหวังวธุ จะรัก และบทอดบทิ้งไป”

15
“มัทนา: พระรักสมัครณพระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย?”

“สุเทษณ์: ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย”

“มัทนา: ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ?”

บรรณานุ กรม
กระทรวงศก ึ ษาธิการ, กระทรวง. สาํ นักงานคณะกรรมการการศก ้ ้ นฐาน.
ึ ษาขันพื
ื เรี ยน รายวิชาพื้น
หนังสอ
้ ั ธยมศก
ฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวจิ ั กษ์ ชั นม ึ ษาปี ที่ 5. ลาดพราว : โรงพิมพ์ สกสค.
2551. 131 หน้า

โรงเรี ยนโนนเจริ ญพิทยาคม อาํ เภอบา้ นกรวด จังหวัดบุรีรัมย ์ สพม. 32, สาระ
สาํ คัญมัทนะพาธา [​ ออนไลน์]. เขา้ ถึงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562. สบ
ื คน
้ ไดจ้ าก
https://sites.google.com/site/learnthaibykrugikk/mathna-phatha

M​aneerat panwai​เ, บทวิเคราะห์ ละครเรื่ องมัทนะพาธา, ขา้ ถึงเมื่อวันที่ 5


ื คน
มิถุนายน 2562. สบ ้ ไดจ้ าก
http://arrow1203.blogspot.com/p/blog-page_97.html

กนกกาญจน นุ กูล. วิเคราะหต ์ ั วละครจากบทละครพูดคาํ ฉันทเรื่ องมัทนะพาธาตาม


หลักอริ ยะสั จส่.ี เขา้ ถึงเมื่อ

16
วันที่ 5 พฤษภาคม 2562. สบ
ื คนไดจ้ าก
http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tha(M.A.)/Kanokkan_N.pdf

กระทรวงศก ึ ษาธิการ, กระทรวง. สาํ นักงานคณะกรรมการการศก ้ ้ นฐาน. บท


ึ ษาขันพื
วิเคราะหม์ ั ทนะพาธา [ออนไลน์],
http://kids-d.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/863/1/%E0%
B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80
%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B
8%AB%E0%B9%8C.pdf

ครู ธีรศั กดิ์ จิระตราชู (ครู หนึ่ ง) , ตาํ นานรักดอกกุหลาบ มัทนะพาธา, เขา้ ถึงเมื่อวันที่
5 มิถุนายน 2562. สบ ื คน้ ไดจ้ าก
http://119.46.166.126/resource_center11/Admin/acrobat/v_4_th_t
h_580.pdf

17

You might also like