Professional Documents
Culture Documents
Footing
Footing
ฐานรากคือส่วนโครงสร้างที่ใช้ในการถ่ายเทน้าหนักบรรทุกจากเสา ผนังหรือแรงกระท้าด้านข้างจาก
ก้าแพงกันดินลงไปยังดิน องค์อาคารชนิดนีจึงรองรับการแบกทานเป็นหลัก เนื่องจากแรงดันแบกทาน
ที่ดินรับได้มีค่าน้อยกว่าหน่วยแรงอัดในเสาหรือผนังมาก ฐานรากจะถูกใช้เพื่อลดแรงดันที่จะถ่ายลงสู่
ดินโดยการแผ่น้าหนักบรรทุกที่รองรับอยู่ลงบนพืนที่ใหญ่พอที่จะป้องกันการวิบัติของดิน นอกจากนัน
ฐานรากจะต้องถูกออกแบบเพื่อป้องกันการทรุดตัวหรือการหมุนเพื่อให้เกิดความแตกต่างในการทรุด
ตัวน้อยที่สุดและเพื่อป้องกันการเลื่อนไถลและการพลิกคว่้า
ฐานรากแผ่
Wall
Property line
ผนัง
ตอม่อ
ฐานราก ฐานราก
รูปที่ 13.3 ฐานรากผนัง
ฐานรากเดี่ยว (Isolated column footing) เป็นฐานรากรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส รับ
น้ าหนั กจากเสาหนึ่ งต้ น ขนาดพืนที่ฐ านรากขึนกับ น้าหนั กบรรทุกและแรงดัน ดินที่ย อมให้ เป็ น
รูปแบบที่ใช้กันมากที่สุดในกรณีที่เสาอยู่ค่อนข้างห่างกัน โดยทั่วไปจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส การดัด
(ก) ฐานรากร่วม
Property line
A B A B
A B A B
ข้อกาหนดในการออกแบบฐานราก ว.ส.ท.
ฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็กซึ่งผิวคอนกรีตสัมผัสดินตลอดเวลา
ดังนันใช้ระยะหุ้มคอนกรีตต่้าสุด 7.5 ซม.
ความลึกของฐานรากเหนือเหล็กเสริมล่าง: 15 ซม
ต้องไม่น้อยกว่า 15 ซม. ส้าหรับฐานรากวางบนดิน และ
ต้องไม่น้อยกว่า 30 ซม. ส้าหรับฐานรากวางบนเสาเข็ม 7.5 ซม
เสาตอม่อรูปกลมหรือรูปหลายเหลี่ยม อาจคิดเสมือนเสาหน้าตัดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีพืนที่
เท่ากัน เพื่อใช้ในการก้าหนดหน้าติดวิกฤตของโมเมนต์ แรงเฉือน และการฝังยึดของเหล็กเสริม
A A A
แรงดันดินใต้ฐานราก
แรงดันดินหรือแรงดันแบกทาน (Bearing pressure) ภายใต้ฐานรากหาได้โดยสมมุติให้ฐานรากเป็น
องค์อาคารที่แข็ง และดินใต้ฐานรากโดยตรงเป็นวัสดุเนือเดียวที่มีความยืดหยุ่น (Homogeneous
elastic material) ที่ถูกตัดขาดจากดินโดยรอบ เนื่องจากแรงดันในดิน ถูกสมมุติให้แปรผันโดยตรง
กับการเสีย รูปทรงของดิน แรงดันใต้ฐานรากที่ถูกน้าหนักบรรทุกตามแนวแกนจึงถูกสมมุติให้แผ่
สม่้าเสมอเพราะดินถูกอัดอย่างสม่้าเสมอดังรูปที่ 13.6(ก)
q=
(ก) แรงดันดินสม่้าเสมอ
P P
Heave Heave
การกาหนดขนาดฐานราก
ขนาดของฐานรากพิจารณาจากน้าหนักบรรทุกในสภาวะใช้งาน (Service Load) และแรงดันดินที่
ยอมให้ซึ่งจะต่างจากค้านวณออกแบบโดยวิธีก้าลังซึ่งจะใช้น้าหนักบรรทุกประลัย ทังนีเนื่องจากค่า
อัตราส่วนความปลอดภัยในการออกแบบโครงสร้างและการออกแบบก้าลังของดินต่างกัน
หน่ ว ยแรงแบกทานที่ ย อมให้ ห าตามหลั ก ของปฐพีก ลศาสตร์ บนพื นฐานของการทดสอบ
คุณสมบัติของดิน หน่วยแบกทานที่ยอมให้ qa ภายใต้น้าหนักบรรทุกใช้งานโดยปกติจะใช้อัตราส่วน
ความปลอดภัย 2.5 ถึง 3.0 ของหน่ว ยแรงแบกทานที่ท้าให้ การทรุดตัว ถึงขีดจ้ากัด ตาม พ .ร.บ .
ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ถ้าไม่มีผลทดสอบดินก็ให้ใช้ก้าลังแบกทานซึ่งจ้าแนกตามชนิดของดินดังนี
ตารางที่ 13.1 ก้าลังแบกทานของดิน ตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
กาลังแบกทาน
ประเภทดิน
(ตัน/ตร.ม.)
ดินอ่อนหรือถมดินไว้แน่นเต็มที่ 2
ดินปานกลางหรือทรายร่วน 5
ดินแน่นหรือทรายหยาบ 10
กรวดหรือดินดาน 20
หินดินดาน 25
หินปูนหรือหินทราย 30
หินอัคนีที่ยังไม่แปรสภาพ 100
เมื่อ 1.3 ถ้าค้านวณแรงลมตาม ASCE/SEI 7 และ 1.0 เมื่อเป็นอย่างอื่น ตัวหาร 1.4 ของ E
ใช้เมื่อตัวคูณน้าหนักบรรทุก 1.0 ใช้ส้าหรับแรงแผ่นดินไหวในการออกแบบก้าลัง
P
surcharge
P
B
footing
qa
L
ฐานรากรับน้าหนักเยื้องศูนย์
ฐานรากรับน้าหนักเยืองศูนย์เมื่อต้าแหน่งเสาไม่ตรงกับศูนย์กลางพืนที่ฐาน หรือเสาส่งผ่านโมเมนต์ดัด
ลงสู่ฐานราก ซึ่งจะท้าให้มีทังแรงแนวดิ่ง P และโมเมนต์ดัด M ท้าให้แรงดันแบกทานกระจายเป็น
เส้นตรงเอียง
e P
e
P B
qmin
L qmax
0
qmin
emax เรียกอีกอย่างว่า
ระยะเคิร์น (Kern distance) ถ้าพิจารณาเป็นช่วงที่จะเยืองศูนย์ได้ทังสอง
ข้าง จะได้โดยแบ่งฐานรากออกเป็นสามส่วนดังในรูปที่ 13.11(ก) ถ้าน้าหนักบรรทุกอยู่ภายในช่วง
หนึ่งในสามกลาง (Middle third strip) และถ้าพิจารณาทังสองทิศทางในแปลนฐานรากจะได้ พืนที่
เคิร์น (Kern) ดังในรูป 13.11(ข)
P
emax = L/6
Kern
B/6
B
B/6
P
e a
2P
qmax
3ab
R
3a
Load 0.60 m
0.90 m 0.90 m
80 80 0.15 0.9
qmax 37.0 18.5 55.5
1.8 1.2 1.2 1.83 / 12
2 80
qmax 88.9 ตัน/ตร.ม.
3 0.50 1.20
ฐานรากรับผนัง
ถ้าแรงดันดินใต้ฐานรากสม่้าเสมอส่วนของฐานรากที่ยื่นออกมาจากผิวผนังจะคล้ายเป็นคานยื่น และ
ถูกดัดขึนดังในรูปที่ 13.15(ข) เมื่อผนังรองรับน้าหนักแผ่สม่้าเสมอ ทุกหน้าตัดบนความยาวผนังจะมี
พฤติกรรมเหมือนกัน ดังนันในการออกแบบฐานรากจึงสามารถท้าได้โดยใช้แถบกว้าง 1 เมตรตัดใน
แนวขวางตังฉากกับแกนยาวของผนังดังในรูปที่ 13.15(ก)
w
w
Wall
Footing q
1m
(ก) (ข)
รูปที่ 13.15 ฐานรากรองรับผนัง
ขั้นตอนการออกแบบฐานรากรับผนัง :
1. ก้าหนดความกว้างของฐานรากที่ต้องการโดยหารน้าหนักบรรทุกใช้งานทังหมดด้วยแรงดันดินที่
ยอมให้ โดยทั่วไปความกว้างจะถูกปัดเศษขึนให้เป็นจ้านวนที่หารด้วย 5 ซม. ลงตัว
2. ประมาณความหนาฐานราก ACI ก้าหนดให้ความลึกของฐานรากเหนือเหล็กเสริมอย่างน้อย
ที่สุด 15 ซม. ส้าหรับฐานรากบนดิน และอย่างน้อย 30 ซม. ส้าหรับฐานรากบนเสาเข็ม
3. เพิ่มน้าหนักบรรทุกใช้งานโดยใช้ตัวคูณน้าหนัก และค้านวณแรงดันดินประลัย
4. ตรวจสอบความต้านทานแรงเฉือนของคอนกรีตเพื่อป้องกันการวิบัติแบบคาน -เฉือน (Beam-
shear failure) หรือการเฉือนทางเดียว (One-way shear) หน้าตัดวิกฤติจะอยู่ที่ระยะ d จาก
ผิวเสาดังในรูปที่ 13.16 โดยแรงเฉือนที่หน้าตัดวิกฤติจะต้อง
wu
ระนาบวิกฤติสมมุติ
ส้าหรับแรงเฉือน d d a
1m
d
d
a
ระนาบวิบัติจริง L
(ก) (ข)
รูปที่ 13.16 หน้าตัดวิกฤติของการเฉือน
เมื่อ Vu คือแรงเฉือนที่เกิดจากแรงดันประลัย qu ที่กระท้าบนส่วนของฐานรากระหว่างหน้า
ตัดวิกฤติและขอบฐานราก
Vu a (1) qu (13.9)
h
หน้าตัดวิกฤต
ที่ริมผนัง หน้าตัดวิกฤต
h/4
วิธีทา
1. ประมาณขนาดฐานรากและแรงดันใต้ฐานราก พิจารณาฐานรากแถบกว้าง 1 เมตร
DL LL 13 15
ความยาวฐานรากที่ต้องการ L 2.8 เมตร
qa 10
ใช้ฐานรากยาว 2.8 เมตร
Pu 1.4(13) 1.7(15)
หน่วยแรงดันประลัยใต้ฐานราก qnu 15.61 ตัน/ตร.ม.
A (2.8 1.0)
1
ความลึกประสิทธิผล: d 35 ซม. – 8 ซม. ระยะหุ้ม – เส้นผ่าศูนย์กลางเหล็กเสริม
2
26 ซม.
104 cm
d = 26 cm
104 cm
d = 26 cm
1m
strip
3. ปริมาณเหล็กเสริมรับโมเมนต์
หน้าตัดวิกฤตส้าหรับการดัดอยู่ที่ผิวผนังดังแสดงในรูปที่ 13.19
RC SDM 13 Footing By Dr.Mongkol JIRAWACHARADET 322
โมเมนต์ประลัย :
130 cm
1
Mu = 15.61 1.32 = 13.19 ตัน-เมตร
2
Mu 13.19 105
Rn 21.68 ก.ก./ซม.2
b d2
0.9 100 262
qnu = 15.61 t/m2
0.85fc 2Rn
= 1 1 = 0.0057
รูปที่ 13.19 หน้าตัดวิกฤตโมเมนต์ fy 0.85fc
5. ออกแบบเหล็กเสริมตามยาว ใช้เหล็กเสริมน้อยที่สุดเพื่อต้านทานการแตกร้าว
As 0.0018 b h 0.001828035 17.64 ซม.2
เลือกใช้เหล็ก 10DB16 (As 102.01 20.10 ซม.2)
รูปแบบรายละเอียดของขนาดและการเสริมเหล็กในฐานรากเป็นดังแสดงในรูปที่ 13.20
0.20 m
10 DB16
DB16 @ 0.13 m
0.35 m
0.05 m
0.05 m
2.80 m
ฐานรากเดี่ยว
ฐานรากเดี่ยวรองรั บ เสาต้น เดียวโดยน้าหนักบรรทุกจะถูกถ่ายลงตามแนวแกนจะต้องได้รับการ
ออกแบบส้าหรับการเฉือนทะลุ (Punching shear) หรือการเฉือนสองทาง (Two-way shear) การ
RC SDM 13 Footing By Dr.Mongkol JIRAWACHARADET 323
เฉือนคาน (Beam shear) หรือการเฉือนทางเดียว(One-way shear) และโมเมนต์ดัด เมื่อฐานราก
มีความโค้งสองทิศทางก็ต้องพิจารณาการเฉือนคานและโมเมนต์ในทังสองทิศทางนอกเสียจากว่าฐาน
รากเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
f
A
P A
B
เสา b
B
A
qnu
qnu
A f/2 qnu b f
L B
AsB
B/2 B/2
L L
เมื่ อ คื อ อั ต ราส่ ว นของด้ า นยาวต่ อ ด้ า นสั น เหล็ ก เสริ ม ที่ เ หลื อ จากแถบกลาง คื อ
L/B
A s2 (A sL A s1) / 2 จะถูกวางให้มีระยะห่างสม่้าเสมอบนด้านข้างดังรูปที่ 13.22(ข)
การเสริมเหล็กรับแรงเฉือนมักไม่ค่อยท้ากันเนื่องจากจัดวางเหล็กยาก ดังนันหากก้าลังเฉือนของ
คอนกรีตไม่พอก็จะเพิ่มความหนาฐานรากเพื่อให้ Vc เพิ่มขึนจนเพียงพอคือ Vc Vu
c
d d
d
45o 45o
d c
d/2
c +d c
4
ส้าหรับเสาที่มีด้านยาวไม่เท่ากัน Vc 0.27( 2 + ) fc b0 d (13.14)
c
sd
ในกรณีที่อัตราส่วน bo/d มีค่ามาก Vc 0.27( 2 + ) fc b0 d (13.15)
b0
เมื่อ b0 ความยาวเส้นรอบรูปที่ระยะ d/2 จากผิวเสา
c a/b อัตราส่วนระหว่างด้านยาวต่อด้านสันของหน้าตัดเสา
s 40 ส้าหรับเสาภายใน 30 ส้าหรับเสาต้นริม และ 20 ส้าหรับเสามุม
DB
DB
ข สัดส่วนน้าหนักบรรทุกรับโดย
.
คอนกรีตและเหล็กเสริม
ก จุดต่อเสาและฐานราก
รูปที่ 13.25 จุดต่อเสาและฐานราก
ก้าลังรับน้าหนักตามแนวแกนทังหมดของเสาคือ Pu 498 ตัน รับโดยเหล็กเสริม 88 ตัน ที่
เหลือรับโดยคอนกรีตดังแสดงในรูปที่ 13.25(ข) ถ้าปริมาณเหล็กต่อเชื่อมมีน้อยกว่าเหล็กยืนในเสา
น้าหนักบรรทุกที่รับโดยคอนกรีตก็จะเพิ่มขึน ในรูปที่ 13.25 เหล็กต่อเชื่อมที่อยู่ในฐานรากจะถูกงอ
ฉากเพื่อให้สามารถรองรับน้าหนักบรรทุกและยึ ดติดกับฐานราก แต่การงอฉากมิได้เพิ่มการพัฒนา
แรงอัดในเหล็ก จุดต่อจึงอาจวิบัติได้โดยการบดอัดทลายของคอนกรีตที่โคนเสา , ที่ฐานรากใต้เสา
หรือระยะทาบระหว่างเหล็กยืนในเสาและเหล็กต่อเชื่อม ซึ่งแต่ละกรณีของการวิบัติต้องถูกพิจารณา
ในการออกแบบ
ACI ก้าหนดให้ก้าลังแบกทานของคอนกรีตมีค่าเท่ากับ
ld < ld
สรุปขั้นตอนการออกแบบฐานรากเดี่ยว
1. เลือกความลึกฐานราก โดยความหนาน้อยที่สุดส้าหรับฐานรากบนดินคือ 15 ซม. นับ
จากเหล็กเสริม และ 30 ซม. ส้าหรับฐานรากบนเสาเข็ม ระยะหุ้มคอนกรีตต้องไม่น้อย
กว่า 8 ซม. ถ้าหล่อคอนกรีตบนดิน ความหนาน้อยที่สุดในทางปฏิบัติคือ 30 ซม.
2. ค้านวณพืนที่ฐานรากที่ต้องการโดยหารน้าหนักบรรทุกใช้งานทังหมดด้วยหน่วยแรงดัน
ดินที่ยอมให้ จากนันท้าการก้าหนดขนาดซึ่งถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ฐานรากสี่เหลี่ยมจัตุรัส
3. เพิ่มน้าหนักบรรทุกใช้งานให้เป็นน้าหนักบรรทุกประลัย และค้านวณแรงดันดินประลัย
qnu โดยหารน้าหนักประลัยด้วยพืนที่ฐานราก
วิธีทา D = 40 t
L = 30 t
1. เลือกขนาดฐานรากและคานวณหน่วยแรงดันดินประลัย
พืนที่ฐานรากที่ต้องการ : 40 cm
D L Wf
Af
qa
h
ประมาณน้าหนักฐานราก Wf 10% :
(40 30) 1.1
Af 7.7 ตร.ม. b
10
หน่วยแรงดันดินประลัย :
qu (1.4 40 1.7 30) / 2.82 13.65 ตัน/ตร.ม.
4. ออกแบบเหล็กเสริมรับโมเมนต์ดัด หน้าตัดวิกฤตส้าหรับการดัดอยู่ที่ผิวเสาดังแสดงในรูปข้างล่าง
40 cm 120 cm โมเมนต์ประลัยที่หน้าตัดวิกฤต :
Mu 13.65 2.8 1.22 / 2 27.5 ตัน
27.5 105
Rn 10.66 กก./ซม.2
0.9 280 322
13.65 t/m2
0.85fc 2Rn
รูปที่ 13.31 โมเมนต์ดัดในตัวอย่าง 13.6 1 1 0.0027
fy 0.85fc
5. ตรวจสอบระยะฝังยึด
จากตาราง ก.4 ระยะฝังยึดของ DB16 : ld 0.62 ม.
40 cm
13 DB16 #
0.40 m
0.05 m
0.05 m
2.70 m
5
รูปที่ 13.33 ฐานรากสี่เหลี่ยมผืนผ้าในตัวอย่างที่ 13.7
วิธีทา
1. ประมาณขนาดฐานราก ประมาณความหนาฐานราก 80 ซม.
(100 80) 1.1
พืนที่ฐานรากที่ต้องการ 13.2 ตรม.
15
เลือกใช้ฐานราก 2.5 5.5 ม. มีพื้นที่ 13.75 ตรม. (Wf 0.813.752.4 26.4 ตัน)
100 26.4 80
แรงดันดิน q 15.01 ตัน/ตรม. qa OK
13.75
1.4 (100 26.4) 1.7 80
แรงดันดินประลัยสุทธิ qu 22.76 ตัน/ตรม.
13.75
2. ตรวจสอบการเฉือนทะลุ
ความลึกประสิทธิผล d = 80 ซม. – ระยะหุ้ม = 70 ซม.
50 cm
d/2 = 35 cm
Vu 22.76(13.75 1.202 ) 280.2 ตัน
bo 4 120 480 ซม.
Vc 0.85 1.06 240 480 70 / 1,000
120 cm
469.0 ตัน > Vu OK
รูปที่ 13.34 การเฉือนทะลุในตัวอย่าง 13.7
RC SDM 13 Footing By Dr.Mongkol JIRAWACHARADET 332
3. ตรวจสอบการเฉือนแบบคาน หน้าตัดวิกฤติและพืนที่รับแรงดันเป็นดังในรูปข้างล่าง
d = 0.70 .
80
รูปที่ 13.35 การเฉือนคานในตัวอย่าง 13.7
4. ออกแบบเหล็กเสริมรับโมเมนต์ดัดทางด้านยาว หน้าตัดวิกฤติจะอยู่ที่ผิวเสาดังในรูปข้างล่าง
Mu 22.76 2.5 2.52 / 2 177.8 ตัน-เมตร
177.8 105
Rn 16.13 ก.ก./ซม.2
0.9 250 702
1 2 19.6 16.13
1 1 0.00421
19.6 4,000
5. ออกแบบเหล็กเสริมรับโมเมนต์ดัดทางด้านสั้น หน้าตัดวิกฤติจะอยู่ที่ผิวเสาดังในรูปข้างล่าง
5. ตรวจสอบระยะฝังยึด
จากตาราง ก.4 ระยะฝังยึดของ DB25 : ld 1.23 ม.
5 2DB
0.80 .
0.05 .
0.05 .
(ข) รูปตัดฐานราก
รูปที่ 13.38 การจัดวางเหล็กเสริมในฐานรากในตัวอย่างที่ 13.7
ฐานรากร่วม
ฐานรากแผ่ที่รองรับเสามากกว่าหนึ่งต้นขึนไปจะเรียกว่า ฐานรากร่วม (Combined Footing) ซึ่ง
สามารถแยกย่อยได้เป็ นสองประเภทคือ ฐานรากที่รองรับเสาสองต้น และที่รองรับมากกว่าสอง
(โดยทั่วไปจะเป็นจ้านวนมาก) ตัวอย่างของฐานรากที่รองรับเสาสองต้นถูกแสดงไว้ในรูปที่ 13.5
A A A A
Plan Plan
() ()
Section
Plan
( )
รูปที่ 13.40 ฐานรากแพรูปแบบต่างๆ
ฐานรากรับเสาคู่
หลักในการออกแบบฐานรากรับเสาคู่ก็คือจะต้องท้าให้ศูนย์ถ่วงของพืนที่ฐานรากอยู่ตรงกับแรงลัพท์
ของน้าหนักบรรทุกจากเสาทังสอง ซึ่งจะท้าให้เกิดแรงดันแบกทานที่สม่้าเสมอทังพืนที่และป้องกัน
การเอียงของฐานราก รูปร่างของฐานรากอาจเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมคางหมู หรือตัวที ลาย
ละเอียดของแต่ละรูปแบบในการจัดวางให้ศูนย์ถ่วงตรงกับแรงลัพธ์จะเป็นดังรูปที่ 13.41 และ 13.42
Property Line
qa
C
B
m
n
L/2 L/2
L 2(m n) (13.19)
R
ความกว้างฐานราก : B (13.20)
qa L
เมื่อ qa คือหน่วยแรงดันดินที่ยอมให้
c1 c2 B2 3(n m) L
B1 2L 3(n m)
C
2R
B1 B2 B1 B2
qaL
L(B1 2B2 )
c1
3(B1 B2 )
m
n
L (2B1 B2 )
L c2
3(B1 B2 )
2(n m) L 2
B1
B1
C L1 (L1 L2 )
B1
R L B
B2 1 1
qa L1 L2
m
n R
L1 B1 L2 B2
L1 L1 qa
Side view
d/2 d/2
Punching shear
perimeter
B
qu
A
Section A-A
L
Transverse reinforcement
P1 P2
qu
Vu
Mu
วิธีทา
1. กาหนดตาแหน่งแรงลัพธ์ R โดยการหาโมเมนต์รอบศูนย์กลางเสา A :
(75 + 120) x 120 (5)
x 3.1 เมตร
2. ความยาวฐานราก โดยก้าหนดให้ศูนย์กลางฐานราก(C.G.)อยู่ต้าแหน่งเดียวกับ R :
ระยะจาก C.G. ถึงขอบฐานรากด้านซ้าย 3.1 + 0.4 3.5 เมตร
40cm x 40cm
45cm x 45cm
D = 50 ton D = 80 ton
L = 25 ton L = 40 ton
R
x
40 cm
C.G.
5.0 m
19.5
ความกว้างฐานราก 2.79 เมตร ใช้ฐานรากกว้าง 2.8 เมตร
7.0
4. แผนภูมิแรงเฉือนและโมเมนต์ในทิศทางยาว
น้าหนักประลัยจากเสา A : PAu 1.450 + 1.725 112.5 ตัน
น้าหนักประลัยจากเสา B : PBu 1.480 + 1.740 180.0 ตัน
112.5 180
แรงดันดินประลัย qu 14.92 ตัน/ตร.ม.
7.0 2.8
112.5 180
น้าหนักแผ่ประลัย wu 41.79 ตัน/เมตร
7.0
41.79 t/m2
0.4 m 5.0 m
1.6 m
7.0 m
113.2 t
16.7 t
Vu (ton)
2.29 m -66.8 t
-95.8 t
47.0 t-m
3.34 t-m
Mu (t-m)
error = 6.4 t-m
0.85fc 2Rn
1 1 0.0041 < [ max 0.0172 ] OK
fy 0.85fc
7. ตรวจสอบการเฉือนคาน
แรงเฉือนมากที่สุดจากแผนภูมิ Vu, max 113.2 ตัน
ก้าลังเฉือนของคอนกรีต Vc 0.85(0.53) 240 (280)(52)/1,000
40cm x 40cm
A B 2.8 m
45cm x 45cm
20 + 40 + 26 26 + 45 + 26
= 86 cm = 97 cm
7.0 m
2.80 m 2.80 m
0.85fc 2Rn
1 1 0.0036 < [ max 0.0172 ] OK
fy 0.85fc
เสา B : be 45 + 52 97 ซม.
wu 180/2.8 64.3 ตัน/เมตร
Mu (64.3)(1.175)2/2 44.4 ตัน-เมตร
44.4 105
Rn 18.8 ก.ก./ซม.2
0.9 97 522
10. เหล็กเสริมต้านทานการแตกร้าว
As 0.0018(100)(60) 10.8 ซม.2
ใช้เหล็กเสริม DB20@0.15 (As 12.56 ซม.2/ม.) > เหล็กลูกตัง DB16 @ 0.15
ดังนันใช้เป็นเหล็กลูกตังได้
A B
0.40 m 0.45 m
0.40 m 5.0 m
DB20 @ 0.15 m 10DB28
0.60 m
Column
Footing
Strap Beam
Eccentrically Loaded
Column Footing
Pe Pi
Strap Height
L
e
Re Ri
40x40cm 40x40 cm
qu qu
Re Ri
Le Li
x = 3.1 m
5m
ฐานรากตัวนอก :
2.5 0.4
Vu 30 1.5 0.32 32.85 ตัน
2
Vc 0.85 0.53 240 150 32 / 103 33.5 ตัน > Vu OK
ฐานรากตัวใน :
2.5 0.4
Vu 30 2.4 0.32 52.56 ตัน
2
Vc 0.85 0.53 240 240 32 / 103 53.6 ตัน > Vu OK
การเฉือนทะลุไม่ต้องพิจารณาเนื่องจากมีคานยึดรั้ง
1.5 m 2.4 m
2.5 m
2.5 m
0.4 m
0.32 m
ฐานรากตัวนอก :
2
1.5 2.5 0.4
Mu 30 24.8 ตัน-เมตร
2 2
24.8 105
Rn 17.9 กก./ซม.2
0.9 150 322
0.85 240 2 17.9
1 1 0.0047 min < < max
4000 0.85 240
ฐานรากตัวใน :
2
2.4 2.5 0.4
Mu 30 39.7 ตัน-เมตร
2 2
เหล็กเสริมกันร้าวทางยาว :
A s 0.0018 250 40 18.00 ซม.2 USE 9DB16 (18.09 ซม.2)
1.5 m 2.4 m
9DB16 9DB16
2.5 m
2.5 m
12DB20
8DB20
75 t/m 75 t/m
แรงกระท้าบนคานยึด
90 t
15 t
0t
แผนภูมิแรงเฉือน -90 t
-97.5 t
-7.9 t-m
แผนภูมิโมเมนต์ดัด
-61.9 t-m
61.9 105
Rn 21.2 กก./ซม.2
0.9 40 902
0.85 240 2 21.2
1 1 0.0056 min < < max
4000 0.85 240
ออกแบบแรงเฉือน :
จากแผนภูมิแรงเฉือน ที่ระยะ 0.90 ม. จากผิวเสาต้นริมไปทางขวา
Vu 97.5 75 0.2 0.9 15.0 ตัน
Vc 0.85 0.53 240 40 90 / 103 25.1 ตัน > Vu
bs
เหล็กปลอกน้อยที่สุด ( min Av 3.5 )
fy
A
4DB28
1.0 m
2DB28
A
5.0 m
2 DB16
1.00 m
2 DB16
2 DB28
0.40 m
Section A-A
ปัญหาท้ายบทที่ 13
ข้อ 13.1 และ 13.2 จงออกแบบฐานรากรับผนังสาหรับสภาวะดังต่อไปนี้
13.1 น้าหนักบรรทุกคงที่ 8 ตัน/เมตร น้าหนักบรรทุกจร 12 ตัน/เมตร ผนังหนา 30 ซม. แรงดันดิน
ที่ยอมให้ qa = 18 ตัน/ตรม. ที่ระดับ -1.0 เมตร หน่วยน้าหนักดิน 2.0 ตัน/ลบ.ม. f = 210
c