Professional Documents
Culture Documents
ธนินท์ เจียรวนนท์ Nikkei Asian Review
ธนินท์ เจียรวนนท์ Nikkei Asian Review
----------------------------------------------------
บทนำ
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ จะไม่เป็ นองค์กรธุรกิจชั้นนำอย่างเช่นทุกวันนี้ หากไม่มีประธานกรรมการชื่อ ธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่ งบริ หารงานมาอย่างยาวนาน
เป็ นเวลากว่า 5 ทศวรรษ ได้พฒั นาธุรกิจและสร้างความเปลี่ยนแปลงจากร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผกั เล็กๆ ที่บิดา ได้ก่อตั้งขึ้นจนเติบโตเป็ นหนึ่งใน
องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ปั จจุบนั ครอบครัวเจียรวนนท์ได้รับการจัดอันดับให้เป็ นหนึ่งในครอบครัวที่มีความมัง่ คัง่
มากที่สุดในเอเชียอีกด้วย
คุณธนินท์ ในวัย 77 ปี ซึ่ งน้อยครั้งนักที่จะให้สมั ภาษณ์กบั สื่ อใดๆ ได้เปิ ดใจกับนิตยสาร Nikkei Asian Review เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.
2559 ด้วยเรื่ องราวต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขาและการสร้างความเติบโตทางธุรกิจของ “เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์” ซึ่งได้รับการร้อยเรี ยงออกมาเป็ นบทความ
ยาว 30 ตอนในคอลัมน์ “My Personal History” ที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเป็ นภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559
นำเสนอเรื่ องราวทั้งด้านชีวิตส่ วนตัวตั้งแต่วยั เด็ก จนถึงด้านธุรกิจที่เริ่ มตั้งแต่กิจการเล็กๆ ในประเทศไทยสู่ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็ จในระดับโลก
และต่อมาบทความได้รับการแปลเป็ นภาษาอังกฤษเผยแพร่ ผา่ นเว็บไซต์ Nikkei Asian Review อีกด้วย
----------------------------------------------------
ข้อมูลและตัวเลขข้างต้น เป็ นเพียงส่ วนเดียว ซึ่ งอาจจะยังไม่สื่อถึงความเป็ นเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์อย่างครบถ้วน จึงขอยกประเทศญี่ปุ่นมาเป็ นตัวอย่าง
หากนึกถึงชั้นวางอาหารสำเร็ จรู ปในร้านสะดวกซื้ อของญี่ปุ่น จะเห็นว่ามีสินค้าของซี พีอยูท่ วั่ ไป อาทิ อาหารสำเร็ จรู ปที่ผลิตจากเนื้ อไก่ และเนื้อหมู
ซึ่ งถูกบรรจุในถุงบรรจุอาหารที่มีการปิ ดผนึกอย่างมิดชิด หากท่านลองพลิกดูดา้ นหลังบรรจุภณั ฑ์น้ นั และเห็นตราสัญลักษณ์วงกลมสี เหลืองที่มีตวั
อักษร ซีพี สี แดงอยูใ่ นวงกลม นัน่ ก็คือสิ นค้าที่ผลิตโดย บริ ษทั เจริ ญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซึ่ งเป็ นบริ ษทั หลักของเครื อฯ สิ นค้าเหล่านี้
เป็ นสิ นค้าที่แปรรู ปเป็ นสิ นค้ากึ่งสำเร็ จรู ปในไทย แล้วส่ งออกไปยังญี่ปุ่น ภายใต้ความร่ วมมือระหว่างเครื อฯ กับบริ ษทั อาหารและร้านสะดวกซื้ อของ
ญี่ปุ่น
“คงจะไม่ เป็ นการกล่ าวอ้ างเกินไป ถ้ าจะขนานนามว่ าเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็ น บริษทั ที่ปฏิวตั ิโต๊ ะอาหารของประเทศญี่ปุ่น” จากการเริ่ มส่ งออกเนื้อ
ไก่ไปยังญี่ปุ่นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2516 และในราวทศวรรษที่ 2520 หลังจากที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ในประเทศไทยได้เริ่ มธุรกิจเลี้ยงกุง้ จนประสบ
ความสำเร็ จแล้ว ก็ได้เริ่ มส่ งออกกุง้ ไปยังญี่ปุ่น ตั้งแต่น้ นั มา ซี พี ก็ได้ขายเนื้อไก่และกุง้ ในราคาที่เป็ นธรรมให้ชาวญี่ปุ่น ทำให้ไก่ทอดและกุง้ ทอดกลาย
เป็ นเมนูประจำบนโต๊ะอาหารของชาวญี่ปุ่น
การแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่ในดีเอ็นเอของเรา
หลังจากจีนเริ่ มเปิ ดประเทศในปี พ.ศ. 2521 ซีพี เป็ นบริ ษทั ต่างชาติบริ ษทั แรกที่เข้าไปลงทุน อีกทั้งเป็ นบริ ษทั ต่างชาติบริ ษทั แรกที่ได้จดทะเบียน
การค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษเซิ นเจิ้น มณฑลกวางตุง้ ตั้งแต่น้ นั มาเราก็ใช้ชื่อ เจียไต๋ กรุ๊ ป หรื อที่ภาษาจีนกลางอ่านว่า “เจิ้งต้า” (1) ในการดำเนิน
ธุรกิจที่ประเทศจีน ซึ่ งก็ได้กลายเป็ นชื่อที่คุน้ หูของชาวจีนในประเทศจีนเป็ นอย่างมาก
ในประเทศจีนนั้น ซี พี ก็จดั เป็ นบริ ษทั ขนาดใหญ่ เฉพาะธุรกิจของเครื อฯ ในจีนมีมูลค่าเกือบ 40% ของยอดขายรวมของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ทวั่
โลก สำหรับคำถามที่วา่ ทำไมบริ ษทั ของไทยอย่าง ซี พี จึงสามารถเข้าไปดำเนินธุรกิจในจีนมากถึงขนาดนั้น คุณพ่อของผมมีส่วนอย่างสำคัญ
แม้วา่ ผมและพี่นอ้ งจะเกิดในประเทศไทย แต่คุณพ่อของผมก็ต้งั ชื่อภาษาจีนให้ลูกๆ ทุกคน พี่ชายคนที่ 1 ของผมชื่อ “เจิ้งหมิน” พีช่ ายคนที่ 2 ชื่อ
“ต้าหมิน” พี่ชายคนที่ 3 ชื่อ “จงหมิน” และผมชื่อ “กัว๋ หมิน” เมื่อนำคำแรกของชื่อทั้ง 4 คนมารวมกัน จะได้คำว่า “เจิ้งต้า” และ “จงกัว๋ ” (2) หรื อ
แปลว่า ยุติธรรม และประเทศจีน
คุณพ่อไม่เพียงแต่ส่งลูกๆ ไปเรี ยนในโรงเรี ยนไทย แต่ยงั ได้ส่งพวกเราไปเรี ยนในเมืองจีนด้วย ดังนั้นพี่นอ้ งของผมทั้ง 12 คน จึงสามารถพูดภาษา
ไทยและภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว และหลังจากที่พวกเราได้สืบทอดกิจการต่อจากรุ่ นคุณพ่อ เรายังคงติดต่อกับชาวจีนและชาวจีนโพ้นทะเลเรื่ อย
มา ซึ่งทำให้กิจการของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ขยายออกไปทัว่ ประเทศจีนและในประเทศอื่นๆ ที่มีชาวจีนโพ้นทะเล
หมายเหตุ:
(1) “เจิ้งต้า” มาจากสุ ภาษิตจีน “เจิ้งต้ากวงหมิง” แปลว่า ซื่ อสัตย์ ยุติธรรม เที่ยงตรง
(2) “จงกัว๋ ” แปลว่า ประเทศจีน
เจ้ าสั วธนินท์ เปิ ดธุรกิจ CP เดินหน้ าลงทุนทั่วโลก เผยรายได้ 60-70% มาจากต่ างประเทศ
CP มีมุมมองที่วา่ บริ ษทั คนไทย ที่เมื่อใหญ่แล้วต้องออกไปบุกเบิกตลาดต่างประเทศ นำรายได้เข้าสู่ ประเทศไทย ทุกประเทศที่ CP ไปลงทุน ต้อง
มีธงชาติไทยไปอยูท่ ี่หน้าโรงงานเสมอ เพื่อให้ทวั่ โลกเห็นว่าคนไทยทัดเทียมประเทศชั้นนำของโลก แต่ไม่วา่ ไปประเทศไหนก็ได้รับการต้อนรับ
“CP เป็ น International Company มานานแล้ ว แต่ ไม่ เคยบอกใคร แนวทางของ CP คือ การบุกตลาดต่ างประเทศต้ องเข้ าไปลงทุน
ไม่ ได้ ไปแค่ ขายของเท่ านั้น สนับสนุนให้ คนในประเทศนั้นได้ เรี ยนรู้ ได้ พฒ
ั นา เท่ ากับว่ า CP เติบโตขึน้ แต่ คนในประเทศนั้นก็เติบโตขึน้ ด้ วย”
ซีพกี บั การลงทุนในประเทศจีน
หลังจากจีนเริ่ มเปิ ดประเทศในปี พ.ศ. 2521 ซีพี เป็ นบริ ษทั ต่างชาติบริ ษทั แรกที่เข้าไปลงทุน อีกทั้งเป็ นบริ ษทั ต่างชาติบริ ษทั แรกที่ได้จดทะเบียน
การค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษเซิ นเจิ้น มณฑลกวางตุง้ ตั้งแต่น้ นั มาใช้ชื่อ เจียไต๋ กรุ๊ ป หรื อที่ภาษาจีนกลางอ่านว่า “เจิง้ ต้า” หนึ่งในการดำเนินธุรกิจที่
ประเทศจีน ซึ่งก็ได้กลายเป็ นชื่อที่คุน้ ในประเทศจีนนั้น ซี พีในจีนจัดเป็ นบริ ษทั ขนาดใหญ่ เฉพาะธุรกิจของเครื อฯ ในจีนมีมูลค่าเกือบ 40% ของ
ยอดขายรวมของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ทวั่ โลก
หลังจากเริ่ มต้นกลยุทธ์สำคัญตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 ให้บริ ษทั เจริ ญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรื อซี พีเอฟ ทุ่มเม็ดเงิน
กว่า 38,000 ล้านบาท ซื้ อหุน้ 100% ของบริ ษทั เบลลิซิโอ ฟู้ ด อิ้งค์ (Bellisio) ผูนำ ้ ด้านการผลิตอาหารสำเร็ จรู ปพร้อมรับประทานที่ใหญ่
ที่สุดและเติบโตเร็ วที่สุดในสหรัฐอเมริ กา เพื่อรองรับเทรนด์อาหารแช่แข็งทัว่ โลกที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่ อง
ซีพขี ยายฐานในยุโรป
ซีพกี บั ตลาดอินเดีย
สำหรับประเทศอินเดีย ปั จจุบนั ซี พีได้เข้ามาลงทุนใน 4 บริ ษทั ฯ คือ
(1) บริ ษทั CP Aquaculture (India) จำกัด ผลิตและจำหน่ายอาหารกุง้ และปลา เพาะฟักลูกกุง้
(2) บริ ษทั Charoen Pokphand (India) จำกัด ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ เพาะฟักลูกไก่
(3) บริ ษทั Charoen Pokphand Seeds (India)จำกัด ผลิตและจำหน่ายเมล็ดข้าวโพดพันธุ์ผสม
(4) บริ ษทั สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริ ษทั ในเครื อกลุ่มบริ ษทั เจริ ญโภคภัณฑ์ (CP Group) ประกาศลงทุนในธุรกิจค้าส่ ง Cash &
Carry ตั้งเป้ าหมายเปิ ดศูนย์คา้ ส่ ง 15 สาขา ภายใน 3 ปี ด้วยเงินลงทุน 10,000 ล้านรู ปี ใน 5 ปี แรก ซึ่ งการลงทุนในครั้งนี้จะสร้างงานทั้ง
ทางตรงและทางอ้อมให้กบั ชุมชนกว่า 5,000 ตำแหน่ง โดย LOTS Wholesale Solutions สองสาขาแรกเปิ ดดำเนินการในปี
2018 ณ กรุ งเดลี
ซีพี กับรัสเซีย
ซี พีได้ผนึกกำลัง อิโตชู ซึ่ งเป็ นบริ ษทั การค้าใหญ่เป็ นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น มียอดขายเมื่อสิ้ นงวดบัญชีมีนาคม 2557 ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท
โดยมีสดั ส่ วนยอดขายของธุรกิจอาหารในสัดส่ วน 26% หรื อคิดเป็ นจำนวนประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยมีการทำธุรกิจหลากหลายใน
ประเทศญี่ปุ่นและมีการลงทุนในต่างประเทศหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ธุรกิจของอิโตชูมีท้ งั การค้าภายในประเทศและต่าง
ประเทศ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ แฟมิลี่มาร์ท ที่มีสาขามากกว่า 10,000 สาขา ธุรกิจค้าส่ งและศูนย์กระจายสิ นค้า การให้บริ การด้านระบบ
ขนส่ งสิ นค้า โลจิสติกส์) การทำธุรกิจผลไม้กระป๋ องภายใต้ตราสิ นค้า Dole ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจ Textile เป็ นต้น ทั้งยังเป็ น
บริ ษทั จดทะเบียนรายใหญ่ 1 ใน 5 ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น นอกจากนั้นอิโตชูยงั เป็ นผูนำ ้ เข้าสิ นค้าอาหารระดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นด้วย
นอกจากนี้ ซี พี ยังผนึกกำลังกับ อิโตชู ไปเป็ นพันธมิตรกับกลุ่มซิ ติก ประเทศจีน นับเป็ นการสร้างความร่ วมมือที่ยงิ่ ใหญ่ระหว่างบริ ษทั ชั้นนำของ
เอเชีย ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และจีน โดยมีเป้ าหมายที่จะผนึกกำลังเพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าการลงทุน ทั้งในเอเชีย และทัว่ โลก ซึ่ งจะเสริ มศักยภาพ
ของภาคธุรกิจในเอเชียให้โดดเด่นบนเวทีโลก โดยในส่ วนของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์น้ นั การร่ วมทุนนี้จะช่วยขยายโอกาสธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรม
และอาหาร การค้าปลีก และการค้าระหว่างประเทศ และอื่นๆ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทุกฝ่ าย ซึ่ งมัน่ ใจว่าความร่ วมมือครั้งนี้จะช่วยกระตุน้ การ
ค้า และส่ งเสริ มการลงทุนในไทย และทัว่ ภูมิภาค
ซีพใี นประเทศเวียดนาม
ซี พี ก่อตั้ง บริ ษทั ซี .พี.เวียดนาม ไลฟ์ สต๊อค จำกัด สร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกภาคใต้ที่จงั หวัดด่องนายเป็ นแห่งแรก หลังจากนั้นใน
ปี 2554 ได้เปลี่ยนชื่อเป็ น บริ ษทั ซี .พี. เวียดนาม คอร์ปอเรชัน่ จากนั้นขยายไปสู่ ธุรกิจเพาะเลี้ยงสุ กร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ส่ วนทางภาคใต้เน้นการเพาะ
เลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเฉพาะกุง้ ขาวแวนนาไม และปลาแพนกาเซี ยส ดอร์รี่ ณ บริ เวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ซาลามัด ดาตัง… มาเลเซีย
เรื่ องราวของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ซึ่งให้สมั ภาษณ์แบบเปิ ดใจกับนิตยสาร Nikkei Asian Review
เมื่อประมาณต้นปี 2559 มีท้ งั หมด 30 ตอน ขอเก็บเป็ นข้อมูลไว้ให้ผทู้ ี่สนใจได้ศึกษาครับ
----------------------------------------------------
คุณพ่อของผมเกิดปี พ.ศ. 2439 มีพี่นอ้ งทั้งหมด 5 คน คุณพ่อเป็ นลูกชายคนโต มีนอ้ งชาย 2 คน และน้องสาวอีก 2 คน ในบรรดาน้องๆ ของคุณ
พ่อ น้องชายคนที่ 2 คือ ท่านชนม์เจริ ญ (ชื่อจีน เซี่ ย เส้าเฟย) ซึ่ งเป็ นคุณอาคนที่ 3 ของผมนั้น ภายหลังท่านคือมือขวาของคุณพ่อในการทำธุรกิจ
ส่ วนคุณปู่ ของผม ท่านเสี ยชีวิตตั้งแต่อายุราว 30 กว่าปี ซึ่งตอนนั้นคุณพ่อเพิ่งจะมีอายุเพียง 15 ปี เท่านั้น
หลังจากที่คุณปู่ เสี ยชีวิตไป ภาระทางบ้านทั้งหมดจึงตกอยูท่ ี่คุณพ่อของผม ซึ่ งเป็ นลูกชายคนโตของครอบครัว คุณอาคนที่ 2 ของผมเป็ นคนเรี ยน
หนังสื อเก่ง คุณพ่อของผมจึงตัดสิ นใจให้คุณอาคนที่ 2 ไปเรี ยนต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่ งในสมัยนั้นเมืองแต้จิ๋วยังไม่มีมหาวิทยาลัย คุณอาจึงต้องไป
เรี ยนที่มณฑลเสฉวน ค่าใช้จ่ายในการส่ งคุณอาไปเรี ยนคิดเป็ นเงินจำนวนไม่นอ้ ย ดังนั้นคุณพ่อและคุณอาคนที่ 3 จึงต้องเริ่ มทำการค้าขายตั้งแต่วยั
เยาว์
แต้ซวั เป็ นสถานที่ที่มีการค้าเจริ ญรุ่ งเรื องมาตั้งแต่สมัยโบราณ คนที่เกิดที่นนั่ เรี ยกตนเองว่าคนซัวเถา สมัยนั้นซัวเถายังรายล้อมไปด้วยภูเขา ถนน
หนทางก็เดินทางไม่สะดวก ถ้าต้องการออกไปหาลู่ทางทำมาหากินภายนอก การเดินทางด้วยเรื อเป็ นทางเดียวที่สะดวกที่สุด การค้าขายระหว่างแต้ซวั
และญี่ปุ่นมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (ปี พ.ศ. 1503-1822) หลังจากที่เมืองซัวเถาเปิ ดท่าเรื อพาณิ ชย์ในปี พ.ศ. 2403 ชาวแต้จิ๋วจำนวนมากก็มี
โอกาสได้ออกไปแสวงหาที่ทำกินใหม่ๆ บ้างก็ไปฮ่องกงซึ่ งตกเป็ นอาณานิคมของอังกฤษ บ้างก็มาประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ เช่น
ประเทศไทย
ผักของแต้ จิ๋วมีชื่อเสี ยงด้ านคุณภาพและรสชาติ แต่ เมื่อนำเมล็ดพันธุ์นีไ้ ปปลูกในต่ างประเทศ จะสามารถปลูกได้ แค่ ครั้งเดียว ไม่ สามารถนำมาขยาย
เมล็ดพันธุ์แล้ วนำไปปลูกซ้ำได้ อกี ไม่ เช่ นนั้นคุณภาพและปริมาณผลผลิตจะลดลง ดังนั้นในแต่ละปี ต้องมีการซื้ อเมล็ดพันธุ์ใหม่ๆ จากเมืองแต้จิ๋ว คุณ
พ่อเห็นว่านี่เป็ นโอกาสในการค้าขาย จึงเริ่ มคัดสรรเมล็ดพันธุ์ผกั และทำธุรกิจค้าเมล็ดพันธุ์ผกั โดยคุณพ่อตัดสิ นใจเลือกมาทำการค้าในเอเชียตะวัน
ออกเฉี ยงใต้
จากไกลบ้ าน
“เจิง้ ต้ า” มาจากสุ ภาษิตจีน “เจิง้ ต้ ากวงหมิง” แปลว่ า ซื่อสั ตย์ ยุติธรรม เที่ยงตรง คุณพ่อของผมเคยเปิ ดร้านชื่อ “กวงต้า” ตั้งแต่สมัยที่ยงั อยูท่ ี่ซวั เถา
หลังจากอพยพมาที่ไทยแล้ว จึงเปิ ดร้าน “เจิ้งต้า” คำว่า “เจิ้งต้า” ในภาษาแต้จิ๋ว อ่านว่า “เจียไต๋ ” ซึ่ งร้านเจียไต๋ จึงก็คือต้นกำเนิดของเครื อเจริ ญ
โภคภัณฑ์ และบริ ษทั เจียไต๋ กย็ งั ดำเนินธุรกิจค้าเมล็ดพันธุ์อยูท่ ี่เยาวราชมาจนถึงปั จจุบนั
หมายเหตุ:
(1) ในภาษาจี นกลาง คือ อำเภอเฉิ งไห่
เรื่ องราวของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ซึ่งให้สมั ภาษณ์แบบเปิ ดใจกับนิตยสาร Nikkei Asian Review
เมื่อประมาณต้นปี 2559 มีท้ งั หมด 30 ตอน ขอเก็บเป็ นข้อมูลไว้ให้ผทู้ ี่สนใจได้ศึกษาครับ
---------------------------------------------------
เมื่อปี พ.ศ. 2464 คุณพ่ อของผมได้ เปิ ดร้ านจำหน่ ายเมล็ดพันธุ์ชื่อ “เจี ยไต๋ จึง” ขึน้ ที่ กรุงเทพฯ
คุณพ่อของผมชอบของใหม่ๆ หลังจากที่ท่านเปิ ด “ร้านเจียไต๋ จึง” แล้ว ท่านได้เริ่ มใช้ตราเรื อบิน (เครื่ องบิน) แม้วา่ เมล็ดพันธุ์และเครื่ องบินจะไม่ได้มี
ความสัมพันธ์กนั เลย แต่คุณพ่อบอกว่า “เรื อบิน (เครื่ องบิน) เป็ นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยี และแสดงถึงความทันสมัย” จึงได้ประทับตราเรื อบินลง
บนบรรจุภณั ฑ์ของทางร้าน
สมัยนั้นร้านเจียไต๋ ขายเมล็ดพันธุ์ผกั กาดขาว ผักกาดเขียว หัวผักกาด โดยบรรจุใส่ ถุงเล็กๆ ซึ่ งเป็ นถุงกระดาษที่พิมพ์สี แม้วา่ จะมีคนคิดว่า ไม่มีความ
จำเป็ นที่จะต้องทำบรรจุภณ ั ฑ์ให้สวยงาม เพราะเป็ นสิ นค้าที่ขายให้แค่เกษตรกร แต่คุณพ่อท่านไม่คิดเช่นนั้น
นอกจากนี้ บนถุงกระดาษยังได้ พมิ พ์ วนั หมดอายุของเมล็ดพันธุ์ไว้ อกี ด้ วย ถ้ าหากซื้อไปแล้ ว สิ นค้ าหมดอายุ ลูกค้ าสามารถนำมาเปลี่ยนใหม่ ได้ วิธีการ
ขายสิ นค้ าแบบนี้ เราจะไม่ ได้ พบเห็นมากนักในสมัยนั้น คุณพ่ อพูดกับผมเสมอว่ า “งานปลูกผักเป็ นงานที่หนัก ชาวสวนต้ องรดน้ำทุกวัน ถ้ าเมล็ด
พันธุ์ที่ปลูกลงไปไม่ ขึน้ ชาวสวนก็ขาดทุนย่ อยยับ ดังนั้นเราต้ องไม่ ทำให้ ลูกค้ าขาดทุน”
ความใฝ่ วิเคราะห์
คุณภาพสำคัญที่สุด
ในปี พ.ศ. 2483 คุณพ่อเคยเป็ นผูแ้ ทนจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ของบริ ษทั Takii&Co. ซึ่ งตั้งอยูท่ ี่เมืองเกียวโตของญี่ปุ่น ขณะที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์
กับ Takii ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าเรื่ อยมาจนถึงวันนี้ พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ผกั และผลไม้ร่วมกัน นอกจากนี้เมื่อปี พ.ศ.
2558 ที่ผา่ นมาก็ถือเป็ นปี แห่งการฉลองครอบรอบ 75 ปี ความร่ วมมือทางธุรกิจระหว่าง 2 บริ ษทั อีกด้วย
เรื่ องราวของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ซึ่งให้สมั ภาษณ์แบบเปิ ดใจนิตยสาร Nikkei Asian Review เมื่อ
ประมาณต้นปี 2559 มีท้ งั หมด 30 ตอน ขอเก็บเป็ นข้อมูลไว้ให้ผทู้ ี่สนใจได้ศึกษาครับ
----------------------------------------------------
ผมเกิดในปี พ.ศ. 2482 ในย่านเยาวราช ซึ่ งเป็ นถนนเก่าแก่สายหนึ่งของกรุ งเทพฯ ที่มีชาวจีนอาศัยอยูเ่ ป็ นจำนวนมาก ปัจจุบนั ถนนสายนี้ กลายเป็ น
แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสี ยงไปแล้ว คุณพ่อของผมเปิ ด “ร้านเจียไต๋ จึง” บริ เวณใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ร้านอยูห่ ่างจากท่าเรื อแค่ประมาณ 200 เมตร
สมัยนั้นยังไม่มีรถยนต์ แม่น้ำเจ้าพระยาจึงเป็ นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของกรุ งเทพฯ พ่อค้าและชาวนาต่างก็นงั่ เรื อสัญจรไปมา ข้างๆ ท่าเรื อมีตลาด
แห่งหนึ่ง เป็ นสถานที่ที่เกษตรกรนำสิ นค้าเกษตรมาขาย เป็ นตลาดที่คึกคัก พอเกษตรกรขายของเสร็ จ ก็จะมาซื้ อเมล็ดพันธุ์จากร้านเจียไต๋ กลับไปเพาะ
ปลูก
บ้ านเกิดของผม
คุณพ่อของผมแต่งงานตั้งแต่ครั้งที่อยูเ่ มืองแต้จิ๋ว หลังจากที่กิจการเริ่ มเป็ นรู ปเป็ นร่ างขึ้นแล้ว คุณพ่อจึงรับคุณแม่มาอยูท่ ี่เมืองไทยด้วย คุณพ่อเปิ ด
สำนักงานใหญ่และบ้านพักบนถนนฝั่งตรงข้ามกับร้านเจียไต๋ โดยชั้น 1 เป็ นสำนักงาน และที่เก็บของ ชั้น 2 และชั้น 3 เป็ นที่พกั อาศัย ส่ วนชั้น
ดาดฟ้ าเอาไว้ตากเมล็ดพันธุ์
ที่สำนักงานมีพนักงาน 3 คน หนึ่งในนั้นคือ มร. อเล็กซานเดอร์ แคมป์ เบลล์ (Mr. Alexander Campbell) ซึ่งเป็ นพนักงานชาวอังกฤษ
มีหน้าที่แปลเอกสารภาษาต่างประเทศต่างๆ และเขียนจดหมายธุรกิจที่เป็ นภาษาต่างประเทศ เขามีหอ้ งทำงานส่ วนตัว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องทำงาน
ของคุณพ่อเสี ยอีก ในห้องของ มร. แคมป์ เบลล์ยงั มีหอ้ งรับแขกแยกต่างหาก นอกจากนี้กย็ งั มีพนักงานคนไทยที่พดู ภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
ปั จจุบนั บรรยากาศบริ เวณร้านเจียไต๋ จึงยังคงเหมือนกับสมัยที่ผมยังเป็ นเด็ก บริ ษทั เจียไต๋ ในปั จจุบนั ยังคงขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง สถานที่ที่ผมเกิด
ได้กลายเป็ นที่ต้ งั ของสำนักงานใหญ่ กลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว ร้านค้าฝั่งตรงกันข้ามยังคงขายเมล็ดพันธุ์อยู่ ร้านค้าที่ท่านประธานจรัญและท่าน
ประธานมนตรี (พี่ชายทั้ง 2 ของผม) เคยเช่าทำธุรกิจอาหารสัตว์กย็ งั คงอยูข่ า้ งร้านเมล็ดพันธุ์เหมือนเดิม
----------------------------------------------------
เรื่ องราวของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ซึ่งให้สมั ภาษณ์แบบเปิ ดใจนิตยสาร Nikkei Asian Review เมื่อ
ประมาณต้นปี 2559 มีท้ งั หมด 30 ตอน ขอเก็บเป็ นข้อมูลไว้ให้ผทู้ ี่สนใจได้ศึกษาครับ
----------------------------------------------------
แม้วา่ คุณพ่อจะเปิ ด “ร้านเจียไต๋ จึง” ที่กรุ งเทพฯ แต่ธุรกิจหลักยังคงอยูท่ ี่ซวั เถามาตั้งแต่สมัยเริ่ มทำธุรกิจใหม่ๆ ในเมืองจีน เมล็ดพันธุ์ที่เราพัฒนาที่ซวั
เถาจะส่ งผ่านฮ่องกงแล้วเข้ามาประเทศไทย และส่ งต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ รวมทั้งประเทศอินเดียด้วย เมล็ดพันธุ์ที่คุณพ่อ
ขายสามารถปลูกได้ในประเทศเขตร้อนทุกประเทศ
สองแขนที่คอยโอบอุ้ม
คุณ
แม่ ของผมเป็ นผู้ที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และแสดงความเอือ้ อาทรต่ อผู้คนรอบข้ างอยู่เสมอ
ด้วยคุณพ่อไม่ค่อยได้อยูท่ ี่ประเทศไทย ชีวิตในวัยเด็กของผมจึงมีความผูกพันกับคุณแม่เฉิ น จิน จี้ (Chen Jinji) เป็ นอย่างมาก คุณแม่เป็ นคน
จิตใจอ่อนโยน คิดถึงผูอ้ ื่นอยูเ่ สมอ จะเห็นได้จากเมื่อถึงเวลากินข้าว คุณแม่มกั จะพูดกับคนงานในบ้านว่า “พวกเธอเตรี ยมกับข้าวเสร็ จแล้ว ฉันก็หิว
แล้ว พวกเธอก็คงหิ วเหมือนกัน งานตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอไปกินข้าวก่อนเถอะ” เสี ยงที่อ่อนโยนของคุณแม่ยงั คงวนเวียนอยูท่ ี่ขา้ งหูผมเสมอมา
อาจจะด้วยประสบการณ์เลวร้ายในครั้งนั้น คุณแม่จึงมีอุปนิสยั ใจคอที่อ่อนโยน เป็ นคนเอื้อเฟื้ อเผือ่ แผ่ เห็นอกเห็นใจผูอ้ ื่น และชอบช่วยเหลือคนที่
ลำบากอยูเ่ สมอ คุณแม่ดูแลญาติพี่นอ้ งที่มีฐานะยากจนกว่าเป็ นอย่างดี ทุกสัปดาห์คุณแม่ตอ้ งไปเยีย่ มญาติ และให้เงินพวกเขาอยูเ่ สมอ เงินของคุณแม่
ส่ วนใหญ่นำไปช่วยเหลือคนที่ลำบากทั้งสิ้ น คุณแม่มกั จะพูดกับคนรอบข้างเสมอว่า “ฉันไม่ตอ้ งการเงิน เพราะลูกๆ คือสมบัติที่ล ้ำค่าของฉัน” เมื่อถึง
วาระที่คุณแม่จากโลกนี้ไป ไม่เพียงแต่ครอบครัวและญาติพี่นอ้ งที่ร้องไห้เสี ยใจ แม้แต่คนงาน คนขับรถที่บา้ นต่างก็พากันเสี ยใจทั้งสิ้ น นี่เป็ นเพราะ
เมื่อตอนที่คุณแม่ยงั มีชีวิตอยูน่ ้ นั ท่านเป็ นคนที่ดูแลเอาใจใส่ พวกเขาเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง
คุณแม่เป็ นผูท้ ี่นึกถึงคนอื่นอยูเ่ สมอ ท่านเป็ นคนที่เอาใจเขามาใส่ ใจเรา มักช่วยเหลือคนที่ลำบากเป็ นประจำ บางคนอาจจะคิดว่าคุณแม่ช่วยเหลือคน
เพื่อหวังผลตอบแทนในภายหลัง แต่ในความเป็ นจริ งคุณแม่ไม่เคยคาดหวังให้พวกเขากลับมาทดแทนบุญคุณใดๆ เลย
คุณแม่ได้สอนปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่สำคัญที่สุดให้แก่ผม นัน่ ก็คือ “การรู้จกั ให้ผอู้ ื่น” ซึ่ ง “การให้” นี้เองเป็ นพื้นฐานหลักของการบริ หารธุรกิจ
ของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ผบู้ ริ หารจะต้องรู้จกั เอาใจเขามาใส่ ใจเรา รู้จกั เข้าใจผูอ้ ื่น และต้องรู้จกั ให้โอกาส ให้ประโยชน์กบั คู่คา้ และพนักงาน
----------------------------------------------------
บทที่ 6: ความฝันในวัยเด็ก...ผู้กำกับภาพยนตร์
เริ่มต้ องดูแลตัวเอง
ผมในวัย 10 ปี ขณะอยู่ชั้นประถมศึกษา (แถวหน้ าคนใส่ หมวก)
โรงเรี ยนแห่งแรกที่ผมเข้าเรี ยนคือชั้นประถมโรงเรี ยนจีนที่เปิ ดสอนในกรุ งเทพฯ การเรี ยนการสอนใช้ภาษาไทยเป็ นหลัก ส่ วนภาษาจีนสอนวันละ 1
ชัว่ โมง หลังจากนั้น 1 ปี ผมก็ยา้ ยไปเรี ยนที่โรงเรี ยนสารสิ ทธิ์ พิทยาลัย ซึ่ งเป็ นโรงเรี ยนคริ สเตียนประจำในจังหวัดราชบุรี สิ่ งแวดล้อมที่นนั่ เหมาะสม
กับการเรี ยนเป็ นอย่างมาก และนี่เป็ นครั้งแรกที่ผมต้องจากบ้าน ต้องดูแลรับผิดชอบเกือบทุกสิ่ งด้วยตนเอง เพื่อนร่ วมชั้นส่ วนใหญ่มาจากครอบครัวที่
มีฐานะดี บางคนมาไกลจากมาเลเซี ย เพื่อนๆ จำนวนมากเป็ นลูกหลานชาวจีน แต่ที่โรงเรี ยนไม่มีการสอนภาษาจีน สอนแต่ภาษาไทย ทำให้การเรี ยน
ภาษาจีนของผมขาดช่วงไประยะหนึ่ง ภายหลังเมื่อต้องเรี ยนภาษาจีนอีกครั้ง ผมจึงลำบากไม่นอ้ ย
ชัว่ โมงสันทนาการที่โรงเรี ยนส่ วนใหญ่เป็ นการออกกำลังกาย และจะมีการสอนชกมวยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เวลาเพื่อนๆ ในชั้นเรี ยนทะเลาะกัน บาง
ครั้งก็ใช้มวยมาตัดสิ น
ผมชอบเลี้ยงสัตว์ต้ งั แต่เด็ก ตอนอายุ 9 ขวบ ผมเริ่ มเลี้ยงไก่ชนกับนกพิราบ แต่เพราะผมเรี ยนในโรงเรี ยนประจำ จึงไม่อนุญาตให้นกั เรี ยนเลี้ยงสัตว์
ผมจึงนำไก่ชนและนกพิราบไปฝากเลี้ยงไว้ที่บา้ นของอาจารย์ ปัจจุบนั ผมก็ยงั คงชอบไก่ชน ผมชอบดูการชนไก่และจะไปชมในเวลาที่โอกาสอำนวย
ชีวติ หลังสงคราม
----------------------------------------------------
ผมเห็นทะเลและนัง่ เรื อครั้งแรกในชีวิตก็ตอนอายุ 11 ขวบ ผมนัง่ เรื อขนส่ งลำใหญ่จากไทยไปซัวเถา เรื อโคลงเคลงไปตามคลื่นทะเล คนจำนวนมาก
เมาเรื อ แต่ผมไม่รู้สึกเมาเรื อเลย หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เรื อก็เดินทางถึงบ้านเกิดของคุณพ่อที่ซวั เถา
บ้านเกิดของคุณพ่ออยูท่ ี่หมู่บา้ นโผ่วเล้ง อำเภอเถ่งไฮ่ ปัจจุบนั อยูใ่ นการปกครองของเมืองซัวเถา คุณพ่อมีบา้ นอยูท่ ี่นนั่ ซัวเถาเป็ นเมืองท่าเรื อการค้า
แบบของอาคารบ้านเรื อนเป็ นตึกแถวที่ติดถนนมีระเบียงแบบ “อาเขต” ซึ่ งได้รับอิทธิพลมาจากอาคารสถาปั ตยกรรมแบบตะวันตก กล่าวคือ ถ้าเป็ น
อาคารสองชั้นจะทำเป็ นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยูอ่ าศัย ชั้นล่างของอาคารจะมีหลังคายืน่ ออกมาติดต่อเนื่องกันเป็ นระยะๆ เพื่อให้มีทางเท้าที่ขนานไปกับถนน
ทั้งยังเป็ นทางเดินที่มีหลังคาช่วยบังแดดบังฝนให้คนเดินเท้าอีกด้วย อาคารแบบนี้เป็ นเอกลักษณ์ของซัวเถา ผมอาศัยบนชั้น 3 ของอาคาร ตอนนี้
อาคารนั้นก็ยงั อยู่ แต่ไม่มีคนอาศัยแล้ว สมัยนั้นคุณพ่อของผมมักไม่ค่อยพำนักอยูบ่ า้ น แต่จะไปอยูท่ ี่สวน ตอนที่ผมอยูซ่ วั เถา ไม่มีปัญหาเรื่ องการ
สื่ อสารเลย เพราะตอนที่อยูก่ รุ งเทพฯ ผมใช้ภาษาแต้จิ๋วสื่ อสารกับคุณแม่อยูแ่ ล้ว
เรียนตามให้ ทัน
อย่างไรก็ตาม ปั ญหาใหญ่ของผมในเรื่ องการสื่ อสารอยูท่ ี่ตวั อักษรจีน ตอนผมอยูท่ ี่กรุ งเทพฯ ผมได้เรี ยนภาษาจีนที่โรงเรี ยนแรกเพียง 1 ปี หลังจาก
นั้นพอย้ายมาเรี ยนที่โรงเรี ยนสารสิ ทธิ์ พิทยาลัยก็ไม่ได้เรี ยนภาษาจีนอีก เพราะที่โรงเรี ยนสอนแต่ภาษาไทย ในปี พ.ศ. 2495 ผมเข้าไปเรี ยนชั้น ป.4
ที่ซวั เถา เพื่อจะเขียนภาษาจีนให้คล่อง ผมต้องเอาตำราต่ำกว่า ป.4 มาศึกษาเพิ่มเติม
งานอดิเรกที่สร้ างธุรกิจ
ช่วงอยูช่ ้ นั ป.5 ผลการเรี ยนของผมดีข้ ึนตามลำดับ สอบได้ที่ 2 และ 3 ของห้อง พอเริ่ มรู้หนังสื อจีนแล้ว ผมก็เรี ยนได้ดีข้ ึนมาก วิชาคณิ ตศาสตร์เป็ น
วิชาที่ผมถนัดที่สุด ไม่เรี ยนก็สามารถสอบได้คะแนนสู งๆ เมื่อผลการเรี ยนของผมดีข้ ึนแล้ว ผมก็มีเวลาให้กบั งานอดิเรกมากขึ้น ตั้งแต่ผมเรี ยนชั้น
ประถมที่ไทย ผมก็ชอบเลี้ยงไก่ชนแล้ว พอย้ายมาเรี ยนที่ซวั เถา ผมก็เลี้ยงไก่ชนอีกครั้ง และก็ชอบนำไก่ชนไปฝึ กฝี มือกับไก่ชนของคนแถวบ้าน
ผมยังได้ไก่ตวั เมียมาจากสวนของคุณพ่ออีกด้วย ผมจึงเริ่ มเลี้ยงไก่ตวั เมีย เพื่อนๆ ที่โรงเรี ยนมักผลัดเปลี่ยนกันมาให้อาหารไก่ที่บา้ นของผม เมื่อไก่
ออกไข่ ผมก็แบ่งไข่ให้เพื่อนๆ เอากลับไปบ้าน ที่ระเบียงบ้านของผมยังมีกรงนกอีกด้วย ในกรงมีนกพิราบสี ขาวหลายสิ บตัว ผมให้อาหารนกพิราบ
ทุกวัน และเริ่ มฝึ กนกพิราบ ผมยังจำได้วา่ เคยปล่อยให้พวกมันบินไป แต่มีหลายตัวไม่ได้บินกลับมา ผมเลยไปขอความรู้จากเพื่อนข้างบ้านที่ชำนาญ
การเลี้ยงนกพิราบ ให้สอนเคล็ดลับการเลี้ยง บางทีการที่ผมได้มาทำธุรกิจสัตว์ปีก ส่ วนหนึ่งอาจเป็ นผลมาจากการที่ผมผูกพันกับไก่และนกมาตั้งแต่วยั
เด็กก็เป็ นได้
เมื่อผมยังเด็ก กล้องถ่ายรู ปเป็ นของที่หาได้ยาก ผมชอบเล่นกล้องถ่ายรู ปมาก และผมมักใช้กล้องถ่ายรู ปของคุณพ่อ ถ่ายรู ปให้คุณครู และเพื่อนๆ เสมอ
ผมล้างรู ปถ่ายเองที่บา้ น ทุกครั้งหลังจากล้างรู ปเสร็ จ ผมก็จะเอารู ปถ่ายไปแจกให้ทุกคน การที่ผมชื่นชอบเทคโนโลยีและของใหม่ๆ ตั้งแต่เด็กนั้น น่า
จะส่งผลต่อการประกอบอาชีพในภายหลังของผมอยูม่ ากทีเดียว
----------------------------------------------------
ขณะเรี ยนอยูท่ ี่ซวั เถา ผมได้พบคุณครู ผหู้ ญิงที่ผมจะไม่มีวนั ลืมไปตลอดชีวิต ท่านเป็ นคุณครู ประจำชั้นตอนผมเรี ยนที่ซวั เถา คุณครู ท่านนั้นชื่อ เฉิ น
ซื อฟู่ (Chen Shifu) ตอนที่ผมมาซัวเถาใหม่ๆ ทุกอย่างรอบตัวแปลกใหม่สำหรับผมไปหมด เพื่อนๆ ก็มีไม่มาก ครู เฉิ นให้กำลังใจผมเป็ นอย่าง
มาก ผมจำได้วา่ มีอยูค่ รั้งหนึ่งครู เชียร์ผมให้ข้ ึนไปพูดบนเวที ผมเลยขึ้นไปเล่านิทานพื้นบ้านของไทย ทุกคนต่างพากันขำขันกับเรื่ องที่ผมเล่า ไม่นาน
ผมก็เข้ากับเพื่อนๆ และสิ่ งแวดล้อมใหม่ได้
ตอนนั้นครู เฉิ นซึ่ งจบจากวิทยาลัยครู อายุยงั ไม่ถึง 30 ปี สามีของครู กเ็ ป็ นคุณครู อยูท่ ี่เมืองกิ๊กเอี๊ยว 1 ซึ่ งอยูห่ ่างจากซัวเถาออกไปประมาณ 30
กิโลเมตร มีอยูค่ รั้งหนึ่งผมไม่สบาย เลยไม่ได้ไปโรงเรี ยน ครู เฉิ นมาเยีย่ มผมที่โรงพยาบาลหลายครั้ง หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ครู ยงั ใช้
เวลาช่วงปิ ดเทอมภาคฤดูร้อนสอนเสริ มให้ผมเพื่อตามเพื่อนให้ทนั อีกด้วย ทำให้คุณครู ไม่ได้กลับไปเจอครอบครัวที่เมืองกิ๊กเอี๊ยว
ครู เฉิ นรักนักเรี ยนเหมือนรักลูกของท่านเอง คุณครู อ่อนโยนและใจดีกบั นักเรี ยนทุกคนในห้อง ตอนที่ครู เป็ นครู ประจำชั้น ครู ไม่เคยลางานเลยสักวัน
เดียว ถึงแม้วา่ คุณครู จะเป็ นหวัด ไม่สบาย มีไข้ คุณครู กย็ งั มาสอน เวลาครู ไม่สบาย นักเรี ยนอย่างพวกเรามักจะไปบ้านครู ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน
ให้ครู ผมยังนำยาที่เอามาจากเมืองไทยไปให้ครู อีกด้วย
ผม (แถวที่ สองซ้ ายสุด) กับคุณครู เฉิ น (ตรงกลางแถวหน้ า) รายล้ อมด้ วยนักเรี ยนในชั้นเรี ยนที่ ซัวเถา
ครู เฉิ นเป็ นห่วงนักเรี ยนที่เรี ยนไม่ดีจะตามเพื่อนในห้องไม่ทนั ครู จึงให้นกั เรี ยนในห้องช่วยกันติวหนังสื อ มีนกั เรี ยนบางคนซึ่ งที่บา้ นยังไม่มีไฟฟ้ า
ตอนกลางคืนจึงอ่านหนังสื อ และทำการบ้านไม่ได้ บ้านของผมค่อนข้างกว้างขวาง ผมจึงรวมกลุ่มเพื่อนๆ มาติวหนังสื อที่บา้ นในตอนกลางคืน
เรื่ องที่ผมไม่เคยลืมอีกหนึ่งเรื่ องคือ ตอนนั้นมีเพื่อนร่ วมชั้นที่มีนิสยั เกเรคนหนึ่ง เขามักสร้างปั ญหาเป็ นประจำ เพื่อนๆ ต่างไม่มีใครอยากคบ แม้แต่พอ่
แม่ของเขาก็ไม่สนใจเขา เขาอยูเ่ หงาๆ คนเดียว เป็ นเด็กที่ไม่มีคนรักและสนใจ แต่ผมสงสารเขามาก มีผมคนเดียวในชั้นที่ยอมคบเขาเป็ นเพื่อน ยอม
เล่นกับเขา ผมค่อยๆ เตือนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเขา เขาไม่ยอมฟังใครเลยทั้งคุณครู และพ่อแม่ แต่เขาฟังผมคนเดียว
ผมเรี ยนรู้การเห็นอกเห็นใจผูอ้ ื่น รู้จกั เอาใจเขามาใส่ ใจเรามาจากคุณแม่ ทัศนคติน้ ีเองที่มีส่วนสำคัญในการบริ หารธุรกิจของผมในภายหลัง ต้องรู้จกั
คิดในมุมมองของคนอื่นเท่านั้น เราถึงจะได้รับความเคารพจากคนอื่น ในทางกลับกัน ถ้าเรานึกถึงแต่ตวั เองพยายามที่จะยัดเยียดความคิดของเราแต่
ฝ่ ายเดียว ก็จะไม่มีใครยอมฟังเรา
ผมเรี ยนที่ซวั เถาจนถึงชั้นมัธยมปี ที่ 1 ก็ยา้ ยไปเรี ยนที่กวางเจาเมืองหลวงของมณฑลกวางตุง้ โดยอาศัยอยูก่ บั พี่สาวซึ่ งเรี ยนอยูใ่ นระดับมหาวิทยาลัยที่
กวางเจาเช่นกัน ภาษาแต้จิ๋วที่เคยใช้ในชีวิตประจำวันก็ตอ้ งปลี่ยนเป็ นภาษากวางตุง้ ถึงแม้วา่ ภาษาจีนแต้จิ๋วและภาษาจีนกวางตุง้ จะเป็ นภาษาในมณฑล
กวางตุง้ เหมือนกัน แต่การออกเสี ยงนั้นต่างกันมาก ภาษาจีนกวางตุง้ จึงเหมือนภาษาต่างประเทศสำหรับผม
แม้ไม่นานผมจะเริ่ มฟังภาษากวางตุง้ เข้าใจ แต่กย็ งั พูดไม่ได้ ยังดีที่ผมรู้ตวั หนังสื อภาษาจีน จึงพอเข้าใจบ้าง ผมอยูท่ ี่กวางเจาได้ 1 ปี ยังไม่ทนั ได้เรี ยน
จบ ก็ตอ้ งย้ายไปเรี ยนภาษาอังกฤษที่ฮ่องกง
----------------------------------------------------
----------------------------------------------------
บทที่ 9: ฮ่ องกงและการหยุดเรียนหนังสื อ
โรงเรี ยนที่ผมเรี ยนที่ฮ่องกง ใช้ภาษาจีนกวางตุง้ และภาษาอังกฤษในการเรี ยนการสอน ปั จจุบนั โรงเรี ยนนี้ได้ปิดไปแล้ว คุณพ่ออยากให้ผมเรี ยนที่
ฮ่องกง เพื่อให้ผมมีพ้ืนฐานภาษาอังกฤษที่ดี แล้วจะส่ งผมไปเรี ยนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย ความคิดของคุณพ่อในตอนนั้นคือ อยากให้ผม
ตั้งใจศึกษาด้านการเกษตรที่ออสเตรเลีย ซึ่ งเป็ นประเทศที่มีเกษตรกรรมที่กา้ วหน้าและทันสมัย จะได้กลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัว
หนทางรอดเดียว
ภายหลัง บริ ษทั ที่ซวั เถาและสวนเกษตรถูกรัฐบาลยึดไปทั้งหมด คุณพ่อสู ญเสี ยทรัพย์สินที่มีอยูท่ ี่เมืองจีน ผมก็ไม่สามารถเดินทางจากฮ่องกงไปซัวเถา
และกวางเจาได้อีก เพราะเกรงว่าจะถูกกักตัวอยูท่ ี่ประเทศจีน จนกระทัง่ ช่วงปลายทศวรรษ 2510 หลังจากที่ท่านเติ้งเสี่ ยวผิงดำเนินนโยบายปฏิรูป
และเปิ ดประเทศ ผมจึงได้กลับไปเมืองจีนอีกครั้ง
จากซ้ าย มร. อเล็กซานเดอร์ แคมป์ เบลล์ ท่ านชนม์ เจริ ญ คุณอาของผม และท่ านเจี่ ย เอ็กชอ คุณพ่ อของผม
----------------------------------------------------
ชื่อภาษาจีนของผม “เจี่ย ก๊กหมิน” เป็ นชื่อที่คุณพ่อของผมตั้งให้ โดยออกเสี ยงตามภาษาจีนแต้จิ๋ว (ในภาษาจีนกลาง อ่านว่า “เซี่ ย กัว๋ หมิน”) ตอนที่
ผมเดินทางจากฮ่องกงเพื่อกลับเมืองไทย ผมใช้หนังสื อเดินทางที่มีชื่อภาษาจีนอยู่ ตอนนั้นประเทศจีนปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ในขณะที่
รัฐบาลไทยต่อต้านการปกครองระบบคอมมิวนิสต์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจึงไม่ค่อยดีนกั รัฐบาลไทยเข้มงวดการอพยพของคนจีนเข้ามา
ในประเทศและให้ลูกหลานคนจีนที่เกิดในประเทศไทยเปลี่ยนชื่อจากภาษาจีนเป็ นชื่อไทย
“เจียรวนนท์” นามสกุลภาษาไทยของผมนี้ ผมใช้ตามพี่ชายคนที่ 3 คือ ท่านประธานสุ เมธซึ่ งใช้เป็ นคนแรก สมัยนั้นตอนที่ท่านประธานสุ เมธกลับ
ประเทศไทย ก็จำเป็ นต้องเปลี่ยนจาก Xie Zhongmin (เซี่ ย จงหมิน) มาใช้ชื่อภาษาไทยเช่นกัน ภายหลังผมก็ใช้นามสกุลนี้ตามท่าน
เริ่มจากงานระดับล่ าง
ตอนที่ผมเรี ยนอยูท่ ี่ซวั เถา กวางเจาและฮ่องกงนั้น คุณพ่อได้ขยายกิจการไปมากแล้ว ร้านเจียไต๋ จึง ซึ่ งเป็ นร้านขายเมล็ดพันธุ์ที่คุณอาของผมดูแล ขยาย
ร้านออกไปจนเป็ นร้านค้าใหญ่ นอกจากขายเมล็ดพันธุ์แล้ว เรายังเริ่ มขายปุ๋ ยและยาปราบศัตรู พืชด้วย
หลังจากที่ท่านประธานจรัญและท่านประธานมนตรี เรี ยนจบจากเสฉวน ก็กลับมากรุ งเทพฯ เพื่อช่วยกิจการของที่บา้ น ในปี พ.ศ. 2496 ท่าน
ประธานจรัญได้เริ่ มทำธุรกิจอาหารสัตว์ โดยท่านตั้งใจขยายกิจการออกไปเป็ นธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรเป็ นหลัก และตั้งชื่อบริ ษทั ว่า “เจริ ญ
โภคภัณฑ์” หรื อเรี ยกย่อ ๆ ภาษาอังกฤษว่า CP
“เจริ ญโภคภัณฑ์” เป็ นชื่อที่คุณพ่อบุญธรรมของพี่สะใภ้ผม ซึ่ งเป็ นนายทหารตั้งขึ้น “เจริ ญ” หมายถึง เติบโต รุ่ งเรื อง และ “โภคภัณฑ์” หมายถึง
สิ นค้าอุปโภคบริ โภค
ร้านเจียไต๋ จึง ในยุคเริ่ มแรก จนถึงปั จจุบนั ก็ยงั ใช้ชื่อเจียไต๋ อยู่ และภายหลังเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้ขยายกิจการไปยังประเทศจีน เราจึงใช้ชื่อ “เจิ้งต้า”
(ภาษาจีนกลางของคำว่า เจียไต๋ ) เป็ นชื่อบริ ษทั ในประเทศจีน
จากซ้ าย ผม ท่ านประธานจรั ญ พี่ชายคนโต, ท่ านประธานมนตรี พี่ชายคนรอง, และท่ านประธานสุเมธ พี่ชายคนที่ สาม
พ่อสอนผมว่า “ต้องเริ่ มเรี ยนรู้งานตั้งแต่ข้ นั แรกของงาน ตอนนั้นผมเพิ่งจะมีอายุ 18 ปี เต็ม ผมทำหน้าที่เป็ นผูช้ ่วยทัว่ ไปในร้าน เปิ ดปิ ดร้าน เช็ดโต๊ะ
และงานจิปาถะอื่น ๆ รวมทั้งรับผิดชอบงานด้านการรับเงิน ออกใบเสร็ จ การจ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกด้วย ผมไม่ได้เรี ยนด้านการบริ หารธุรกิจจาก
สถาบันการศึกษาใด ๆ แต่เรี ยนรู้จากของจริ ง และจากการลงมือทำงานจริ ง”
----------------------------------------------------
เปลีย่ นงาน
ภาพถ่ายเมือ
่ ครัง้ ทีผ ้
่ ม (ที่ 2 จากซาย) ทำงานสหพันธ์สหกรณ์ค ้าไข่แห่งประเทศไทย
และเจ ้านายของผม ดร.ชำนาญ ยุวบูรณ์ (ที่ 4 จากขวา)
ช่วงปลายทศวรรษ 2490 รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายใหม่ คือ เข้ามาบริ หารจัดการการส่ งออกไข่สตั ว์ปีก เช่น ไข่ไก่ ไข่เป็ ด เป็ นต้น และจัดตั้งหน่วย
งานเฉพาะขึ้นเป็ น “สหพันธ์สหกรณ์คา้ ไข่แห่งประเทศไทย” ช่วงนั้นผมทำงานอยูท่ ี่ร้านเจียไต๋ มาได้ประมาณ 2 ปี ผมรู้สึกกระตือรื อร้นที่จะทำงานนี้
จึงเสนอตัวอาสาเข้ามาทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์คา้ ไข่แห่งประเทศไทยควบคู่กนั ไปด้วยในตำแหน่งผูจ้ ดั การสหกรณ์ ซึ่ งเป็ นองค์กรที่บริ หารร่ วมกับ
รัฐบาล
ก่อนหน้าที่จะมีการใช้นโยบายนี้ การส่ งออกไข่ไก่ไปยังสิ งคโปร์ มาเลเซี ย ฮ่องกง และมาเก๊า ทำได้อย่างเสรี ภายหลังจากที่มีการใช้นโยบายนี้ การส่ ง
ออกไข่ไก่จึงอยูภ่ ายใต้การดำเนินการของสหกรณ์แต่เพียงผูเ้ ดียว
----------------------------------------------------
ตอนอายุ 20 ต้น ๆ ชีวิตผมก็ราบรื่ นดี แม้ผมอายุยงั น้อยก็ได้บริ หารงานส่ งออกไข่ไก่ที่สหพันธ์สหกรณ์คา้ ไข่แห่งประเทศไทย สมัยนั้นญี่ปุ่น
สหรัฐอเมริ กา และยุโรป มีการใช้เครื่ องถอนขนไก่แล้ว รัฐบาลไทยก็ได้ซ้ื อเครื่ องจักรนี้มาจากเดนมาร์ก อย่างไรก็ตาม เครื่ องจักรนี้กย็ งั ใช้ไม่ได้
เพราะไก่เนื้อมีขนาดไม่เท่ากัน
แม้ขณะนั้นเทคโนโลยีแปรรู ปไก่ของญี่ปุ่นยังไม่ทนั สมัยมากนัก แต่ผมก็จองซื้ อเครื่ องถอนขนไก่จำนวน 16 เครื่ องกลับประเทศไทย ดร.ชำนาญ ยุว
บูรณ์ ซึ่ งเป็ นประธานสหกรณ์ได้ช้ ีแนะว่า “มีแค่เครื่ องจักรอย่างเดียว ยังไม่สามารถจัดการแบบอัตโนมัติได้ เพราะขนาดของไก่ตอ้ งเท่ากันด้วยถึงจะ
ใช้การได้”
ท่านมนตรี เป็ นผูท้ ี่มีวิสยั ทัศน์กว้างไกล ความคิดหลักแหลม และเฉลียวฉลาด นอกจากท่านจะดูแลกิจการอาหารสัตว์แล้ว ท่านยังบริ หารงานการค้า
สิ นค้าเกษตร ได้แก่ ข้าวโพด ถัว่ เขียว ถัว่ เหลือง เป็ นต้น อีกทั้งยังรับผิดชอบดูแลการผลิตกระสอบที่ใช้บรรจุธญั พืช และท่านต้องการจะทุ่มเทกำลัง
ทั้งหมดให้กบั การค้าขายและการบริ หารโรงงาน จึงเสนอตำแหน่งผูจ้ ดั การทัว่ ไปให้แก่ผม
----------------------------------------------------
พืน้ ที่ สำนักงานใหญ่ เดิมของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ในช่ วงทศวรรษที่ 2490-2500 ปั จจุบันคือหนึ่งในสำนักงาน และคลังสิ นค้ า
บริ ษทั ของเราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่ อง ผมตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์จะต้องเปลี่ยนจากกิจการครอบครัวไปสู่ องค์กรที่บริ หารโดย
บุคลากรที่มีความเป็ นมืออาชีพ ผมตัดสิ นใจเชิญบุคลากรที่มีความสามารถจากภายนอกมาช่วยบริ หารงานแทนคนในครอบครัว เพราะผูท้ ี่ไม่มีความ
ชำนาญในการบริ หารธุรกิจ ในไม่ชา้ ก็อาจจะตามการพัฒนาของโลกธุรกิจไม่ทนั
คุณพ่อเคยกล่าวว่า “ไม่วา่ พี่นอ้ งจะปรองดองกันมากเท่าไร เมื่อแต่งงานและมีครอบครัวเป็ นของตัวเองแล้ว อาจจะมีปากเสี ยงกันได้ ถ้าอยูใ่ นชายคา
เดียวกัน”
เรื่องลำบากใจ
ผมพูดกับพี่สะใภ้วา่ “ไม่วา่ พี่จะเสี ยสละ อุทิศตนเองให้บริ ษทั เพียงใด คนอื่นก็อาจยังมีความเคลือบแคลงสงสัย เพราะพี่เป็ นภรรยาของประธาน
บริ ษทั ” ผมค่อย ๆ พูดเกลี้ยกล่อมให้คนในครอบครัวออกจากงานบริ หาร และเปลี่ยนให้คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถเฉพาะด้านมาทำงานแทน
ผมให้สมาชิกในครอบครัวเป็ นผูถ้ ือหุน้ โดยผมอุทิศตัวเองในฐานะผูบ้ ริ หาร ทำหน้าที่ดว้ ยความตั้งใจและทุ่มเท เมื่อผูถ้ ือหุน้ ได้รับการดูแลที่ดี และผม
ก็ไม่ได้คิดที่จะครอบครองหุน้ ไว้แต่เพียงผูเ้ ดียว สมาชิกในครอบครัวจึงพอใจและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงครั้ งนี้
ในฐานะที่เป็ นผูบ้ ริ หาร ถึงแม้วา่ ผมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เพียงแค่ได้เงินเดือนและโบนัสผมก็พอใจแล้ว ถ้าผมถือหุน้ ทั้งหมดเพียงผูเ้ ดียว ไม่
เพียงแต่จะมีปัญหากับญาติพี่นอ้ ง แต่ยงั จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย
----------------------------------------------------
เมื่อผมได้เป็ นกรรมการผูจ้ ดั การใหญ่ เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์แล้ว ผมมีปัญหาหนึ่งข้อที่จำเป็ นต้องแก้ไขนัน่ ก็คือ ทำให้ขนาดของไก่เนื้อเท่ากัน ในช่วงที่
ผมทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์คา้ ไข่แห่งประเทศไทย ผมเคยคิดจะนำเครื่ องจักรเข้ามาใช้ ทำให้การแปรรู ปถอนขนไก่เนื้ อเป็ นระบบอัตโนมัติท้ งั หมด
แต่กทำ็ ไม่สำเร็ จ สาเหตุกเ็ นื่องมาจากขนาดของไก่พ้ืนเมืองของประเทศไทยนั้นไม่เท่ากัน
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ มีความสัมพันธ์อนั ดีกบั ธนาคารเชส แมนฮัตตัน (Chase Manhattan Bank) ของสหรัฐอเมริ กา (ปัจจุบนั คือ เจพี มอร์
แกนเชส: J.P. Morgan Chase) ธนาคารแห่งนี้เป็ นผูด้ ูแลงบบัญชีนำเข้าและส่ งออกของเครื อฯ โดยธนาคารฯ ได้แนะนำให้ผมรู้จกั กับบริ ษทั
อาร์เบอร์ เอเคอร์ส (Arbor Acres) ซึ่งเป็ นบริ ษทั ไก่พนั ธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และอาร์เบอร์ เอเคอร์ส กับธนาคารเชส แมนฮัตตันก็มีความ
เกี่ยวข้องกัน
หลังจากที่ไปถึงสหรัฐอเมริ กาแล้ว ผมไปเยีย่ มชมเมืองนิ วยอร์ค (New York) ก่อน หลังจากนั้นได้ไปรัฐเมน (Maine) ซึ่งที่นนั่ เป็ นแหล่ง
เลี้ยงไก่เนื้อของสหรัฐฯ แต่ไก่ เนือ้ ที่เกิดจากการผสมสองสายพันธุ์จะไม่ สามารถนำไปผสมพันธุ์ต่อได้ ดังนั้นเราจึงจำเป็ นต้ องนำเข้ าไก่ พ่อแม่ พนั ธุ์ด้วย
ที่สหรัฐอเมริ กา การเลี้ยงไก่เนื้อกลายเป็ นอุตสาหกรรมใหญ่ไปแล้ว บริ ษทั อาหารสัตว์จะซื้ อไก่ที่ผสมแล้วจากบริ ษทั ไก่พนั ธุ์ก่อน จากนั้นจะเซ็น
สัญญากับผูเ้ ลี้ยงไก่ ให้ผเู้ ลี้ยงไก่เป็ นผูเ้ ลี้ยง บริ ษทั อาหารสัตว์ไม่เพียงแต่จดั หาอาหารสัตว์ให้ผเู้ ลี้ยง แต่ยงั ให้ยาที่ใช้ป้องกันโรคด้วย เมื่อไก่โตแล้ว
บริ ษทั อาหารสัตว์กจ็ ะรับซื้ อไก่เนื้อกลับไป
ผมได้เห็นไก่อายุ 8 สัปดาห์ มีน ้ำหนักถึง 1.5 กิโลกรัม แม้วา่ จะมีพ้ืนที่เพียงเล็กน้อย แต่กส็ ามารถเลี้ยงไก่ได้เป็ นจำนวนมาก โดยขณะนั้นเกษตรกรผู้
เลี้ยงไก่ของไทย 1 ราย สามารถเลี้ยงไก่ได้มากที่สุดเพียง 100 ตัวเท่านั้น ในขณะที่เกษตรกรผูเ้ ลี้ยงไก่ของอเมริ กา 1 ราย สามารถเลี้ยงไก่ได้มากถึง
10,000 ตัว ยิง่ ไปกว่านั้น อาหารที่ไก่เนื้อกินก็นอ้ ยกว่าไก่พ้ืนเมืองมาก
ผมตัดสิ นใจนำเข้าไก่พนั ธุ์มาเมืองไทย ช่วงนั้นผูท้ ี่รับผิดชอบการบริ หารบริ ษทั อาร์เบอร์ เอเคอร์ส คือ Rodman Rockefeller ซึ่งเป็ นลูกชาย
ของ Nelson Rockefeller ซึ่ งต้องขอบคุณ David Rockefeller ที่เป็ นคนนัดหมายให้ผมได้พบกับ Rodman และหลังจากที่ได้
ประชุมกันแล้ว Rodman Rockefeller ก็ตกลงร่ วมลงทุนกับเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ทนั ที
ในปี พ.ศ. 2513 เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์กบั บริ ษทั อาร์เบอร์ เอเคอร์ส ร่ วมกันตั้งบริ ษทั ร่ วมทุน และพัฒนาธุรกิจไก่พนั ธุ์ในประเทศไทย ซึ่ งบริ ษทั อาร์
เบอร์ เอเคอร์ส ก็มีกิจการไก่เนื้อที่ประเทศอินเดียอยูด่ ว้ ย เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์จึงใช้วิธีนำเข้าไก่พนั ธุ์มาจากอินเดีย
ภายหลังครอบครัว Rockefeller ได้ขายหุน้ บริ ษทั อาร์เบอร์ เอเคอร์ส แต่ผมกับครอบครัว Rockefeller ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
จนมาถึงวันนี้ การร่ วมมือทำธุรกิจกับธนาคารเชส แมนฮัตตันและครอบครัว Rockefeller เป็ นประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างยิง่ ในชีวิตของผม
----------------------------------------------------
บทที่ 15: การผลิตแบบครบวงจร จากฟาร์ มสู่ โต๊ ะอาหาร
ในปี พ.ศ. 2513 ผมนำเข้าพันธุ์ไก่เนื้อจากบริ ษทั อาร์เบอร์ เอเคอร์ส ของสหรัฐอเมริ กา ไก่เนื้อจำเป็ นต้องมีคนเลี้ยง บริ ษทั อาหารสัตว์เซ็นสัญญา
กับเกษตรกรผูเ้ ลี้ยงไก่ ให้เกษตรกรเป็ นผูเ้ ลี้ยง เมื่อไก่โตได้น้ำหนักที่ตกลงกันไว้แล้วบริ ษทั จึงรับซื้ อกลับไป ที่สหรัฐฯ รู ปแบบการเลี้ยงแบบนี้แพร่
หลายมากแล้ว ผมจึงตัดสิ นใจนำรู ปแบบธุรกิจนี้จากสหรัฐอเมริ กาเข้ามาในประเทศไทย และสิ่ งที่ตอ้ งทำเป็ นอันดับแรก คือทำให้เกษตรกรเชื่อมัน่ ใน
รู ปแบบการเลี้ยง
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ใช้รูปแบบการบริ หารที่บริ ษทั เป็ นผูร้ ับผิดชอบทั้งหมด โดยจะช่วยเกษตรกรจัดหาทุนโดยเป็ นตัวกลางประสานงานกับธนาคาร
แนะนำการสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ จัดหาอาหารที่ใช้เลี้ยงไก่และวัคซี นป้ องกันโรคให้เกษตรกร รวมถึงส่ งสัตวแพทย์เข้าไปให้บริ การด้วย ในช่วงแรก
เกษตรกรผูเ้ ลี้ยงไก่ไม่เชื่อเลยว่าจะมีบริ ษทั ที่ดีขนาดนี้
ทำให้ ครบวงจร
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ได้ เริ่ มสร้ างกระบวนการผลิตไก่ เนือ้ แบบครบวงจรเป็ นครั้ งแรกในประเทศไทย ที่ อำเภอศรี ราชา จังหวัดชลบุรี
เมื่อเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้สร้างโรงงานอาหารสัตว์ข้ึนเองแล้ว ก็สามารถผลิตอาหารสัตว์ให้พอเพียงกับการใช้งานได้ นอกจากนี้ยงั จัดตั้งบริ ษทั
ก่อสร้างฟาร์มไก่ และบริ ษทั ขนส่ งไก่อีกด้วย เครื อฯ ได้สร้างระบบการผลิตไก่เนื้อแบบครบวงจรในประเทศไทย กล่าวคือ ตั้งแต่อาหารสัตว์ที่เป็ นต้น
น้ำ จนถึงการแปรรู ปเนื้ อไก่ที่เป็ นปลายน้ำ
ในช่วงต้น เกษตรกรผูเ้ ลี้ยงไก่ที่เซ็นสัญญากับเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ส่ วนใหญ่อยูใ่ นอำเภอศรี ราชา ในปี พ.ศ. 2520 เครื อฯ จึงได้ลงทุนสร้างโรงงาน
อาหารสัตว์ในอำเภอศรี ราชาขึ้น และภายหลังเครื อฯ ยังได้จดั รวมเอาทุกห่วงโซ่การผลิตเข้าไว้ดว้ ยกันอย่างครบถ้วน เพื่อสร้างระบบการผลิตแบบ
ครบวงจร กล่าวคือ นำโรงงานอาหารสัตว์ โรงฟักไข่ ฟาร์มเลี้ยงไก่ โรงเชือดและโรงงานแปรรู ปมาไว้ในบริ เวณเดียวกัน
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้สร้างฐานการผลิตไก่เนื้อ 3 แห่ง ได้แก่ เขตชานเมืองของกรุ งเทพฯ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ ต่อมาธุรกิจเลี้ยง
หมู ธุรกิจเลี้ยงกุง้ ก็ใช้รูปแบบการผลิตแบบครบวงจรเช่นกัน โมเดลการบริ หารแบบครบวงจรนี้ ช่วยเพิ่มประสิ ทธิภาพในการผลิต สามารถตรวจสอบ
ย้อนกลับที่มาของอาหารได้ เป็ นวิธีการที่มีประสิ ทธิภาพอย่างยิง่ ยวด
----------------------------------------------------
ผมเคยกล่าวไปแล้วว่าเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์มีความร่ วมมือทางธุรกิจกับบริ ษทั Takii & Co., Ltd. ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อแล้ว และเมื่อ
ผมเข้ามารับช่วงบริ หารงานเครื อฯ ก็ได้มีความร่ วมมือกับประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2515 โรงชำแหละไก่แห่งแรกที่บางนานำเข้าเครื่ อง
แช่แข็งจากบริ ษทั คู่คา้ ในประเทศญี่ปุ่น
ในปี ต่อมา เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เริ่ มส่ งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งไปญี่ปุ่น โดยผ่านบริ ษทั Itoman Corporation (ปัจจุบนั คือบริ ษทั Nippon
Steel & Sumikin Bussan) เมื่อเห็นความสำเร็ จของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ บริ ษทั อื่น ๆ ในประเทศไทยก็เริ่ มลงทุนทำธุรกิจเลี้ยงไก่อย่างต่อ
เนื่อง จนทำให้ช่วงหนึ่ง ญี่ปุ่นนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทยถึงร้อยละ 30 ของเนื้อไก่สดแช่แข็งที่นำเข้าทั้งหมด
ฮ่องกงเป็ นหนึ่งในฐานสำคัญของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์มานาน โดยในปลายทศวรรษ 2490 เครื อฯ ได้เข้าไปตั้งบริ ษทั อาหารสัตว์และบริ ษทั นำเข้า
ไข่ไก่ พอมาถึงทศวรรษ 2510 ก็ได้สร้างโรงงานอาหารสัตว์ นอกจากนี้ ยงั ได้ต้ งั บริ ษทั ลูกของเครื อฯ ซึ่ งเป็ นบริ ษทั โฮลดิ้ง (holding
company: บริ ษทั ที่ประกอบธุรกิจลงทุนในหุน้ เพื่อเป็ นเจ้าของหุน้ ใหญ่ในบริ ษทั อื่น ๆ) เช่น บริ ษทั การค้า บริ ษทั ประกันภัย และบริ ษทั การเงิน
เป็ นต้น ปัจจุบนั ยังมีอีกหลายบริ ษทั ในเครื อที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เช่น C.P. Pokphand ที่ทำธุรกิจการเกษตร เป็ นต้น
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ยงั ขยายธุรกิจที่มาเลเซี ยและสิ งคโปร์อีกด้วย ท่านประธานสุ เมธ พี่ชายคนที่ 3 ของผม เป็ นผูเ้ ข้าไปบุกเบิกธุรกิจที่อินโดนีเซี ย
แม้วา่ เครื อข่ายกิจการของเครื อฯ จะขยายไปในทวีปเอเชีย แต่กย็ งั ไม่ได้เข้าไปในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่ งเป็ นสถานที่ที่ผมเคยไปเรี ยนชั้นประถมและมัธยม
ระหว่างปี พ.ศ. 2503-2513 ซึ่งเป็ นช่วงการปฏิวตั ิวฒั นธรรมในจีน ช่วงนั้นผูนำ ้ จีนอย่างหลิว เส้าฉี และเติ้ง เสี่ ยวผิง ถูกปลดออกจากตำแหน่ง
กิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคเอกชนถูกระงับ ประเทศจีนและสหภาพโซเวียตซึ่ งต่างก็ยดึ ถือแนวทางการปกครองระบอบสังคมนิยมเกิดข้อขัดแย้งกัน จีน
ถูกโดดเดี่ยวจากทัว่ โลก คนจีนที่มีเพื่อนในต่างประเทศถูกมองว่าเป็ นฝ่ ายต่อต้านรัฐบาล ชาวจีนโพ้นทะเลเองก็ไม่สามารถกลับเข้าจีนแผ่นดินใหญ่ได้
----------------------------------------------------
ในฐานะที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เป็ นลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารเชส แมนฮัตตัน (Chase Manhattan Bank) ที่ปัจจุบนั คือเจพี มอร์แกน เชส
(J.P. Morgan Chase) ธนาคารเชส แมนฮัตตันได้แนะนำให้เรารู้จกั กับบริ ษทั ที่ทำธุรกิจไก่เนื้อของสหรัฐอเมริ กา ต่อมาด้วยการแนะนำของ
ธนาคารฯ อีกเช่นกัน เครื อฯ ก็ได้ร่วมมือทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้กบั บริ ษทั คอนติเนนตัล เกรน (Continental Grain) ซึ่ ง
เป็ นบริ ษทั ทำธุรกิจค้าวัตถุดิบรายใหญ่ของสหรัฐอเมริ กา
ในปี พ.ศ. 2521 จีนเริ่ มดำเนินนโยบายเปิ ดประเทศ เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้ตดั สิ นใจทันทีในการร่ วมลงทุนกับบริ ษทั คอนติเนนตัล เกรน ทำธุรกิจ
อาหารสัตว์ที่จีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากที่ผมออกมาจากจีนในช่วงทศวรรษ 2490 ผมก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย เพราะในช่วงที่การปฏิวตั ิวฒั นธรรมแผ่
ขยายไปทัว่ ประเทศจีน (พ.ศ. 2503-2513) ชาวจีนโพ้นทะเลไม่สามารถกลับไปแผ่นดินบ้านเกิดที่จากมาได้
การรอคอยที่เนิ่นนาน
ครู เฉิ น (กลาง) คุณครู ประจำชั้นประถมศึกษาที่ ซัวเถา เราได้ พบกันอีกครั้ งเมื่อสิ ้นสุดยุคการปฏิ วัติวัฒนธรรม
การได้หวนกลับไปยังประเทศจีนในรอบนี้ ผมมีความตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปซัวเถาเพื่อเยีย่ มครู เฉิ น ซื อฟู่ (Chen Shifu) ซึ่ งเป็ นคุณครู
ประจำชั้นสมัยประถมที่ผมให้ความเคารพและระลึกถึงท่านอยูเ่ สมอ ในสมัยปฏิวตั ิวฒั นธรรม การติดต่อทางไปรษณี ยร์ ะหว่างจีนกับต่างประเทศถูก
สัง่ ห้าม ผมจึงไม่ได้ทราบถึงชีวิตความเป็ นอยูข่ องครู เลย
ผมใช้โอกาสที่ไปกวางเจาเพื่อคุยเรื่ องธุรกิจครั้งที่ 2 โทรศัพท์ไปที่ซวั เถา และทราบว่าครู เฉิ นยังอยูท่ ี่ซวั เถา ผมตัดสิ นใจไปเยีย่ มครู ที่เคยมีพระคุณกับ
ผมในทันที ครู เฉิ นมารับผมที่สนามบินด้วยตัวเอง ครู ที่อายุไม่ถึง 30 ปี ในตอนนั้น ตอนนี้กลับเป็ นผูส้ ู งวัยอายุเกือบ 60 ปี แล้ว “ครู ยงั ดูเหมือนเดิม
เลย ผมมองครู แวบเดียวก็จำครู ได้” ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เจอครู เฉิ นอีกครั้ง ใบหน้าของครู ยงั คงมีรอยยิม้ อยูเ่ สมอเหมือนดังเช่นเมื่อก่อน แต่ใน
ช่วงปฏิวตั ิวฒั นธรรม ครู เฉิ นก็ประสบกับความยากลำบากไม่นอ้ ย เพราะสมัยนั้นครู อาจารย์ถูกมองว่าเป็ นฝ่ ายต่อต้าน
สามีของครู เฉิ นซึ่ งเป็ นคุณครู ช้ นั มัธยม เคยเป็ นสมาชิกสภาท้องถิ่นในสมัยที่จีนปกครองโดยพรรคก๊กมินตัง๋ ทำให้ในช่วงปฏิวตั ิวฒั นธรรมสามีของครู
ต้องถูกจองจำ หลังจากปฏิวตั ิวฒั นธรรมสภาพครอบครัวของครู เฉิ นก็ไม่สามารถกลับมาเป็ นเหมือนเดิมได้อีก สมาชิกครอบครัวที่มีท้ งั หมด 3 คน
ต้องอาศัยกันอย่างเบียดเสี ยดในห้องเล็ก ๆ ที่มีขนาดเพียง 6-7 ตารางเมตร
หลังจากที่ผมได้เจอครู เฉิ นแล้ว เดิมทีผมจะซื้ อบ้านให้ครู หลังหนึ่ง แต่ครู เฉิ นไม่ยอมรับเพราะท่านชอบความเรี ยบง่าย ผมจึงได้แต่ให้ครู ไปอยูท่ ี่บา้ น
เก่าที่ผมเคยอยูต่ อนที่เรี ยนชั้นประถม หลังจากที่ซวั เถาเริ่ มมีการก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียมที่ทนั สมัย ผมจึงซื้ อห้องชุดให้ครู และให้ครู ยา้ ยเข้าไป
อยู่
ผมจะไปเยีย่ มครู เฉิ นทุกครั้งที่ไปซัวเถา ปี นี้ครู มีอายุครบ 93 ปี แล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ หลังจากที่สามีและลูกชายของครู เสี ยชีวิตไปแล้ว ชีวิต
ของครู กเ็ งียบเหงา แต่กไ็ ด้เพื่อน ๆ สมัยเรี ยนประถมที่ต่างหมัน่ ไปเยี่ยมดูแลครู ที่บา้ นเสมอ ๆ
----------------------------------------------------
ปี พ.ศ. 2522 ฮ่องกงยังคงอยูภ่ ายใต้การปกครองของอังกฤษ มีหมู่บา้ นชาวประมงเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ต้ งั อยูข่ า้ ง ๆ เกาะฮ่องกง เมืองนั้นคือ “เซิ นเจิ้น”
ซึ่ งมีประชากรอยูเ่ พียงไม่กี่หมื่นคน แตกต่างกับปั จจุบนั ที่เซิ นเจิ้นมีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน สมัยนั้นเซิ นเจิ้นยังไม่มีโรงแรมที่จะสามารถเข้าพัก
ได้สกั แห่ง เมื่อเติ้ง เสี่ ยวผิง ได้กลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง หลังจากที่ถูกปลดออกในช่วงปฏิวตั ิวฒั นธรรมจีน ท่านได้ต้ งั หมู่บา้ นชาวประมง
เล็ก ๆ แห่งนี้เป็ นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่กลายเป็ นต้นแบบดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
ในตอนนั้นบริ ษทั ต่างประเทศส่ วนใหญ่ต่างมองเขตเศรษฐกิจพิเศษเซิ นเจิ้นด้วยความเคลือบแคลงสงสัย แต่ผมกลับเชื่อมัน่ ท่านเติ้ง เสี่ ยวผิง เนื่องจาก
ตั้งแต่ช่วงก่อนการปฏิวตั ิวฒั นธรรม ท่านก็มีวิสยั ทัศน์ที่เปิ ดโอกาสให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจแล้ว เมื่อผมได้กลับไปประเทศจีน
ในปี พ.ศ. 2522 อีกครั้ง ผมรู้สึกได้ถึงความปรารถนาและความกระตือรื อร้นของชาวจีนซึ่ งอยากจะมีชีวิตความเป็ นอยูท่ ี่ดีข้ ึน ผมเชื่อมัน่ เป็ นอย่าง
มากว่าจีนจะไม่กลับไปเดินบนเส้นทางดังเช่นสมัยปฏิวตั ิวฒั นธรรมอีกแล้ว
เริ่มเปิ ดสนาม
ในปี พ.ศ. 2523 รัฐบาลจีนประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็ นทางการ ซึ่งประกอบด้วย 4 เมือง ได้แก่ เมืองเซิ นเจิ้น เมืองจูไห่ เมืองซัวเถา
ของมณฑลกวางตุง้ และเมืองเซี่ ยเหมินในมณฑลฝูเจี้ ยน หลังจากการปฏิวตั ิวฒั นธรรมสิ้ นสุ ดลง ข้าราชการระดับผูบ้ ริ หารท้องถิ่นในสมัยที่คุณพ่อยัง
ทำธุรกิจฟาร์มเกษตรอยูท่ ี่ซวั เถา ก็ทยอยกลับมามีบทบาทการเมืองอีกครั้ง การเจรจาร่ วมทุนทางธุรกิจเกิดขึ้นที่บา้ นของข้าราชการระดับสู งท่านหนึ่ง
ซึ่ งเป็ นเพื่อนเก่าของคุณพ่อที่เมืองกวางเจา มณฑลกวางตุง้ เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ และบริ ษทั คอนติเนนตัล เกรน ของสหรัฐอเมริ กา ได้ร่วมลงทุนก่อตั้ง
บริ ษทั “เจียไต๋ คอนติ” (Chia Tai Conti) ซึ่งชื่อบริ ษทั 2 ตัวแรก ตั้งตามชื่อร้านเจียไต๋ กิจการเมล็ดพันธุ์ที่คุณพ่อตั้งขึ้นที่กรุ งเทพฯ เครื อเจริ ญ
โภคภัณฑ์ได้ใช้ชื่อ “เครื อเจียไต๋ ” (Chia Tai Group) ที่ประเทศจีนตั้งแต่น้ นั เป็ นต้นมา
ไม่นานรัฐบาลท้องถิ่นของเมืองเซิ นเจิ้นได้อนุมตั ิใบอนุญาตประกอบกิจการให้เครื อเจียไต๋ ได้ใบอนุญาตฯ เลขที่ 0001 ซึ่ งหมายถึง เครื อฯ เป็ น
บริ ษทั ต่างชาติรายแรกที่เข้าไปลงทุนที่เซิ นเจิ้น ในปี พ.ศ. 2524 โดยเป็ นการลงทุนเปิ ดโรงงานอาหารสัตว์ที่เซิ นเจิ้น และในบริ เวณใกล้เคียงกันก็ได้
สร้างฟาร์มเลี้ยงหมูและไก่ และเริ่ มทำธุรกิจครบวงจร (integration) ตามแบบที่เมืองไทย
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหมายเลข 0001
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ เป็ นบริ ษัทต่ างชาติรายแรกที่ เข้ าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเซิ นเจิ น้
เจียไต๋ นำรู ปแบบการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การผลิตอาหารสัตว์ จนถึงการแปรรู ปเนื้ อสัตว์เข้ามาในประเทศจีน เป็ นการกระตุน้ การ
พัฒนาธุรกิจในท้องถิ่น ธุรกิจสัญชาติจีนเองก็ยดึ เอาเจียไต๋ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ยอดเยีย่ มในด้านต่าง ๆ เป็ นแบบอย่าง เช่น สู ตรอาหารสัตว์ บางบริ ษทั ถึง
กับซื้ อตัวพนักงานด้านเทคนิคของเราไป การที่ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจเลี้ยงไก่ และธุรกิจเลี้ยงหมูของจีน สามารถเพิ่มปริ มาณการผลิตได้ในระยะเวลา
อันสั้น อีกทั้งยังมีประสิ ทธิภาพในการผลิตสู งขึ้นนั้น ปฏิเสธไม่ได้วา่ เจียไต๋ มีส่วนอย่างสำคัญจากการนำเอาเทคโนโลยีที่ทนั สมัยเข้ามาในจีน
----------------------------------------------------
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้จดั ประชุมที่ฮ่องกงเพื่อปรึ กษาหารื อเรื่ องนี้ และเมื่อบรรดาผูบ้ ริ หารระดับสู งได้รับทราบต่างก็พากันแสดงท่าทีไม่ค่อยมัน่ ใจว่า
ธุรกิจตัวแทนขายมอเตอร์ไซค์ซิ่งฝูจะมีความเป็ นไปได้ และมีความคิดเห็นทำนองว่า “นี่ไม่ใช่การขายของโบราณใช่ไหม แบบรถดูโบราณ ทำความ
เร็ วได้นอ้ ย คงไม่มีคนต้องการซื้ อ” เนื่องจากแม้วา่ มอเตอร์ไซค์ยหี่ อ้ ซิ่ งฝูจะผลิตโดยบริ ษทั ของเซี่ ยงไฮ้แต่กลับมีโมเดลเหมือนรถมอเตอร์ ไซค์ที่ผลิตใน
ยุโรปช่วงทศวรรษ 2480-2490
ในที่ประชุม ผมตอบไปว่า “ถ้าเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้เป็ นตัวแทนเพียงรายเดียวในโลก ผมจะทำ” และได้บอกกับพี่ชายที่เป็ นญาติผพู้ ี่ของผมว่า
“เงื่อนไขคือให้ผซู้ ้ื อชำระเงินที่ฮ่องกง แล้วรับสิ นค้าที่จีน พี่ไปถามเจ้าของโรงงานที่เซี่ ยงไฮ้ว่าตกลงตามเงื่อนไขที่ผมเสนอไหม” คนในที่ประชุมเมื่อ
ได้ยนิ ดังนั้นก็รู้สึกสงสัยปนประหลาดใจ แต่ผมมีแผนในใจแล้ว...
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ เริ่ มเข้ าไปดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ ในประเทศจี นราวทศวรรษที่ 2520
รถคันเดิม ปรับวิธีใหม่
บริ ษทั เห็นว่าจำเป็ นต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตมอเตอร์ไซค์ใหม่ ๆ ไม่สามารถยึดรู ปแบบเดิม ๆ อย่างยีห่ อ้ ซิ่ งฝูได้ ผมจึงนึกถึงบริ ษทั ฮอนด้า ซึ่ง
สมัยนั้นฮอนด้าผลิตมอเตอร์ ไซค์รุ่น “ซีจี125” (CG125) ที่ได้รับความนิยมในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยเป็ นอย่างมาก ผมจึงไป
พบบริ ษทั ในญี่ปุ่นเพื่อพูดคุยหาโอกาสในการทำธุรกิจในเซี่ ยงไฮ้ โดยมีขา้ ราชการเซี่ ยงไฮ้ร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างการเจรจา ทางฮอนด้าแสดง
ความสนใจจะลงทุนในรู ปแบบบริ ษทั ร่ วมทุน แต่ผมอธิบายว่า การตั้งบริ ษทั ร่ วมทุนเป็ นเรื่ องยุง่ ยาก และยังนำมาซึ่ งความเสี่ ยง หลังจากที่ทางฮอนด้า
ได้พิจารณาไตร่ ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ก็เปลี่ยนเป็ นการให้ลิขสิ ทธิ์ เทคโนโลยีการผลิตแทน ภายหลังจากลงทุนผลิตมอเตอร์ ไซค์ในปี พ.ศ. 2528
แล้ว รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าของบริ ษทั Shanghai Ek-Chor Motorcycle ก็ดงั เป็ นพลุแตก
การทำธุรกิจให้ สำเร็จต้ องคิดต่ าง ไม่มีใครคิดมาก่อนว่ามอเตอร์ไซค์ยหี่ อ้ ซิ่ งฝู ซึ่งไม่มีใครสนใจมาก่อนเมื่อปรับวิธีการขายแล้ว กลับกลายเป็ นสิ นค้าที่
ได้รับความนิยมเป็ นอย่างมาก ด้วยเหตุน้ ีเครื อเจียไต๋ จึงเข้าสู่ ธุรกิจผลิตรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ในประเทศจีน ซึ่ งเป็ นธุรกิจใหม่ของเครื อฯ
----------------------------------------
ผมมีเพื่อนชาวไต้หวันคนหนึ่งชื่อ มร. ออง ปิ่ ง หรง (Mr. Ping Yung Ongg) เขาเป็ นผูบ้ ุกเบิกกิจการโทรทัศน์ที่ไต้หวัน
โดยเริ่ มจากการทำงานเป็ นเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุจนไต่เต้าขึ้นสู่ ตำแหน่งผูบ้ ริ หาร อีกทั้งยังร่ วมบุกเบิกทำ “สถานีโทรทัศน์จีน”
(China TV: CTV) ซึ่งเป็ นสถานีโทรทัศน์ทอ้ งถิ่นของไต้หวัน นอกจากนี้เขายังใช้ชีวิตอยูท่ ี่ญี่ปุ่นหลายปี ในฐานะตัวแทน
บริ ษทั สื่ อของไต้หวันประจำกรุ งโตเกียวอีกด้วย ซึ่งที่ญี่ปุ่น หากเอ่ยถึงชื่อ มร. ออง ที่เป็ นคุณพ่อของคุณจูด้ ี ออง (Judy Ongg)
นักร้องชื่อดัง ทุกคนต่างก็รู้จกั ทั้งนั้น
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เริ่ มเข้าไปลงทุนที่ไต้หวันตั้งแต่ยคุ 2510 ผมเดินทางไปไต้หวันบ่อยครั้ง และได้รู้จกั กับ มร. ออง ซึ่งเป็ นผู้
ผลิตรายการโทรทัศน์ที่โดดเด่นจากการแนะนำของนักธุรกิจชาวไต้หวันท่านหนึ่ง เมื่อเราได้พบกันก็รู้สึกชอบพอกันทันที และไปมา
หาสู่ จนกลายเป็ นเพื่อนสนิท
รายการ Chia Tai Variety Show เป็ นรายการที่จะมาพูดคุย แนะนำสถานที่และประเพณี ทอ้ งถิ่นในที่ต่าง ๆ ของประเทศ
จีนและของโลก โดยเชิญผูช้ มมาชมที่โรงถ่าย รายการทอล์คโชว์ประเภทนี้ เป็ นที่คุน้ เคยกันมานานแล้วในประเทศญี่ปุ่นและ
สหรัฐอเมริ กา แต่เป็ นเรื่ องแปลกใหม่สำหรับชาวจีนในขณะนั้น รายการออกอากาศครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2533 โดยออก
อากาศสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพลงประกอบรายการขับร้องโดยคุณจูด้ ี ออง โดยมี มร. ออง เป็ นผูป้ ระพันธ์คำร้อง
รายการ Chia Tai Variety Show ได้รับคำชื่นชมจากผูช้ มเป็ นอย่างมาก ทุกสัปดาห์เมื่อมีการออกอากาศ มีผชู้ มถึง 500-
600 ล้านคนรอชมช่วงรายการเพลง “The Devotion of Love” ที่คุณจูด้ ี ออง ขับร้อง ได้กลายเป็ นเพลงฮิตติดหูติดปาก
ทุกคน นอกจากนี้ยงั มีรายการ Chia Tai Theatre จะมีการฉายภาพยนตร์ต่างประเทศสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รายการ Chia Tai
Variety Show และรายการ Chia Tai Theatre ทำให้ความฝันในวัยเด็กของผมที่อยากเป็ นผูกำ ้ กับภาพยนตร์เป็ นจริ ง
อีกทั้งยังเปิ ดโลกทัศน์ให้กบั คนจีนในสมัยนั้นได้อีกด้วย
หลังจากที่ มร. ออง เกษียณอายุแล้ว รายการ Chia Tai Variety Show ก็ยงั คงออกอากาศอยู่ และกลายเป็ นรายการที่ออก
อากาศยาวนานที่สุดของประเทศจีน ชื่อเสี ยงของ Chia Tai Variety Show ก็ยงั ทำให้คนจีนที่ไม่เคยรู้จกั บริ ษทั ได้คุน้ เคย
กับชื่อ “เจียไต๋ ” มากขึ้น
ภายหลัง หยาง หลาน ไปเรี ยนต่อที่สหรัฐอเมริ กา ซึ่งผมเป็ นผูใ้ ห้ทุนการศึกษาแก่เธอ ครั้งหนึ่งที่ผมเดินทางไปกรุ งวอชิงตัน ประเทศ
สหรัฐอเมริ กา หยาง หลาน และสามี ก็ยงั ได้มาหา หยาง หลาน ไม่เพียงเป็ นพิธีกรที่มีชื่อเสี ยง แต่ยงั เคยมีบทบาททางการเมืองใน
ฐานะสมาชิกสภาที่ปรึ กษาทางการเมืองแห่งชาติจีนอีกด้วย
โปสเตอร์ รายการ “Chia Tai Variety Show” รายการบันเทิ งที่ ออกอากาศยาวนานที่ สุดของประเทศจี น
----------------------------------------
เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2533 ผมได้ มีโอกาสพบกับท่ านเติง้ เสี่ ยวผิง ผู้นำสู งสุ ดของประเทศจีนที่ปักกิง่ แม้ก่อนหน้านั้นผมจะเคยได้ร่วมกับคณะ
นายกรัฐมนตรี ของไทยไปพบท่านมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านให้ผมเข้าพบในฐานะประธานเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ แม้วา่ จะอยูใ่ นวัย 85 ปี แต่ท่าน
ก็ยงั พูดคุยด้วยน้ำเสี ยงที่ชดั เจนและสดใส
ย้อนไปในปี พ.ศ. 2532 ประเทศจีนเกิดความวุน่ วายทางการเมือง ท่านจ้าว จื่อหยาง (Zhao Ziyang) ซึ่งเป็ นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง
ชาติจีนในตอนนั้นต้องลงจากอำนาจ ในขณะที่บริ ษทั ต่างชาติทยอยถอนการลงทุนจากประเทศจีน แต่เครื อเจียไต๋ (ชื่อของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ที่
ประเทศจีน) กลับเพิ่มการลงทุนโดยไม่ลงั เลใจใด ๆ ทั้งสิ้ น
เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2535 ท่านเติ้ง เสี่ ยวผิง ซึ่ งมีอายุมากแล้ว ได้เดินทางไปสำรวจเขตเศรษฐกิจพิเศษเซิ นเจิ้น ท่านได้ประกาศให้จีนเร่ งการ
ปฏิรูปและเปิ ดประเทศให้มากขึ้น ซึ่งเป็ นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนภายในและนอกประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ ว
นักลงทุนต่างชาติหลัง่ ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศจีนเป็ นจำนวนมาก การที่เจียไต๋ ได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีนก่อนหน้าบริ ษทั อื่น ๆ เราจึงอยูใ่ น
ฐานะที่ได้เปรี ยบในเรื่ องโอกาสที่จีนจะเปิ ดให้ก่อน
เล็งเห็นโอกาส
ปลายทศวรรษ 2520-ต้นทศวรรษ 2530 นายจู หรงจี (Zhu Rongji) ซึ่ งในขณะนั้นเป็ นผูว้ า่ การนครเซี่ ยงไฮ้ ภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรี คนที่ 9 ของประเทศจีน ได้เสนอแผนพัฒนาเขตผูต่ ง (Pudong) ขึ้น นครเซี่ ยงไฮ้น้ นั มีการแบ่งออกเป็ น 2 เขตใหญ่ ๆ คือ เขตผูต่ ง
ฝั่งตะวันออกและเขตผูซ่ ี ฝั่งตะวันตก โดยมีแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) ไหลผ่านกลางเมืองเป็ นเส้นแบ่งเขต เวลานั้นฝั่งผูซ่ ี (Puxi) เป็ นเขต
พาณิ ชย์ ส่ วนฝั่งผูต่ งเป็ นโรงต่อเรื อและที่นา
ตอนนั้นธุรกิจเลี้ยงไก่และธุรกิจรถมอเตอร์ไซค์ของเจียไต๋ ที่เซี่ ยงไฮ้ประสบความสำเร็ จ ท่านจู หรงจี ผูว้ า่ การนครเซี่ ยงไฮ้ จึงอยากให้เจียไต๋ เข้ามาช่วย
พัฒนาพื้นที่ผตู่ ง ซึ่ งเดิมทีพ้ืนที่ส่วนใหญ่ยงั รกร้าง ขนาดบริ ษทั อสังหาริ มทรัพย์ของฮ่องกงยังไม่สนใจเลย แต่สญ
ั ชาตญาณบอกผมว่า “ไม่ชา้ ก็เร็ ว ผู่
ตงจะเป็ นพื้นที่เจริ ญแน่นอน” เพราะฝั่งตรงข้ามผูต่ ง คือเขตการค้าผูซ่ ี ที่เจริ ญรุ่ งเรื อง
การพัฒนาเขตผูต่ งเริ่ มจากการตัดถนน เจียไต๋ ได้ ลงทุนสร้ างห้ างสรรพสิ นค้ า “ซู เปอร์ แบรนด์ มอลล์ ” ที่มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 450 ล้านดอลลาร์
สหรัฐ (15,300 ล้านบาท) ตั้งอยู่เยือ้ งกับ “หอไข่ มุก” ซึ่งเป็ นสั ญลักษณ์ ของนครเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาในการก่อสร้างหลายปี จนในที่สุดก็ได้เปิ ด
ตัวอย่างเป็ นทางการในปี พ.ศ. 2545 และเป็ นดังที่ผมคาดการณ์ไว้ เมื่อเขตผูต่ งได้เชื่อมกับเขตผูซ่ ี ดว้ ยสะพานและอุโมงค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ก็ได้ทำ
ให้ผตู่ งกลายเป็ นเขตการค้าที่รุ่งเรื องแห่งที่ 2 ของนครเซี่ ยงไฮ้
เจียไต๋ เริ่มธุรกิจโลตัส ซู เปอร์ เซ็นเตอร์ จากเขตผู่ตง แล้ วขยายไปทั่วประเทศจีน ปัจจุบันมีเครือข่ ายร้ านกว่ า 80 สาขา เจียไต๋ ยงั ได้กา้ วไปสู่ ธุรกิจ
เวชภัณฑ์ จากพื้นฐานความต้องการผลิตภัณฑ์ยาในธุรกิจเลี้ยงไก่และหมู ต่อมาเราจึงได้เข้าไปลงทุนในบริ ษทั ผลิตยาต่าง ๆ ของประเทศจีนกว่า 20
บริ ษทั ซึ่ งเป็ นยาที่ใช้กบั คน เช่น บริ ษทั ที่ผลิตยา “ซานจิ่วเว่ยไท่” (Sanjiuweitai) และ “ชิงชุนเป่ า” (Qingchunbao) เป็ นต้น
ห้ างโลตัสซูเปอร์ เซ็นเตอร์ (ปั จจุบันใช้ ชื่อว่ าซี .พี. โลตัส)ธุรกิจค้ าปลีกของเครื อฯในประเทศจี น (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์ )
----------------------------------------
ในช่วงทศวรรษ 2510 หลังจากทำธุรกิจเลี้ยงไก่ได้ไม่นาน ผมก็เริ่ มทำธุรกิจเลี้ยงหมู ซึ่งก็มีรูปแบบคล้ายกับการเลี้ยงไก่ นัน่ คือเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์
ให้ลูกหมูแก่เกษตรกรเพื่อนำไปเลี้ยง หลังจากที่หมูโตแล้ว บริ ษทั ก็จะรับซื้ อกลับไป แล้วนำเนื้อหมูไปแปรรู ปและขายเป็ นอาหารต่อไป เครื อฯ เป็ นผู้
สร้างฟาร์มเลี้ยงหมูและจัดหาอาหารสัตว์ให้เกษตรกร ในช่วงทศวรรษที่ 2520 เครื อฯ ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับบริ ษทั ในยุโรปและสหรัฐอเมริ กา นำ
เข้าหมูที่ได้รับการปรับปรุ งพันธุ์แล้วสู่ ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เนื้อหมูของยุโรปและสหรัฐอเมริ กาไม่ถูกปากคนไทยนัก ทำให้ เครื อฯ ริ เริ่ มที่จะ
พัฒนาพันธุ์หมูข้ ึนเองจนสำเร็ จ สามารถนำหมูพนั ธุ์ใหม่ออกวางขายในตลาดได้ช่วงทศวรรษ 2530
กลับของแพงให้ ถูกลง
กุง้ กุลาดำ เป็ นกุง้ พันธุพ์ ้ืนเมืองของประเทศไทย ซึ่ งได้รับความนิยมจากผูบ้ ริ โภคเป็ นอย่างมาก แต่สำหรับธุรกิจการเพาะเลี้ยงกุง้ นั้น แรกเริ่ มมาจาก
ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ทศวรรษ 2500 แล้ว จากนั้นจึงถ่ายทอดไปยังไต้หวัน การที่ญี่ปุ่นมีชื่อเสี ยงในธุรกิจนี้มายาวนาน เครื อฯ จึงเริ่ มต้นธุรกิจเลี้ยงกุง้
โดยร่ วมทุนกับบริ ษทั ญี่ปุ่นก่อน แต่ปรากฏว่า กุง้ ของญี่ปุ่นไม่เหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย
กระบวนการเลี้ยงกุง้ ก็คล้ายคลึงกับกระบวนการเลี้ยงไก่ และหมู กล่าวคือ เราเริ่ มจากการเลี้ยงลูกกุง้ ก่อน หลังจากนั้นส่ งลูกกุง้ ให้เกษตรกรเลี้ยงกุง้ นำ
ไปเลี้ยงต่อจนได้ขนาดที่ตอ้ งการซื้ อเพื่อนำมาแปรรู ป เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เริ่ มส่ งออกกุง้ กุลาดำที่เลี้ยงในประเทศไทยไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2530
หลังจากนั้นจึงส่ งออกไปยุโรปและสหรัฐอเมริ กา
ลำดับถัดไป การแปรรู ป
ก่อนหน้านี้ แม้วา่ เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้ส่งออกเนื้อไก่เสี ยบไม้สำหรับทำไก่ยา่ งเสี ยบไม้ไปญี่ปุ่นแล้วก็ตาม แต่กย็ งั ไม่มีผลิตภัณฑ์อาหารแปรรู ปแช่
แข็ง หลังจากช่วงปลายยุค 2520 แล้ว เมื่อไมโครเวฟเริ่ มแพร่ หลายในประเทศไทย จึงค่อย ๆ มีการอุ่นอาหารแช่แข็งรับประทานกันในครอบครัว
รู ปแบบการเลี้ยงไก่เนื้อและกุง้ กุลาดำที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ริเริ่ มบุกเบิกขึ้นมา นับเป็ นต้นแบบให้บริ ษทั อื่น ๆ ในประเทศไทยจำนวนมากได้นำไปใช้
และส่ งออกไปญี่ปุ่นได้ในปริ มาณมากเช่นเดียวกับเครื อฯ ผมไม่ทนั สังเกตว่าคนเริ่ มเรี ยกประเทศไทยว่า “ครัวของญี่ปุ่น” ตั้งแต่เมื่อใด แต่ผมจะไม่
หยุดเพียงแค่น้ ี ...
ผมได้ กำหนดวิสัยทัศน์ มุ่งสู่ การเป็ น “ครัวของโลก” โดยเราจะก้ าวออกจากเอเชียไปยังภูมิภาคอืน่ ๆ ทั่วโลกด้วย เมื่อปี พ.ศ. 2558 เครื อเจริ ญ
โภคภัณฑ์ได้เข้าซื้ อกิจการ Top’s Foods ซึ่งเป็ นโรงงานผลิตอาหารชนิดปรุ งสุ กของเบลเยีย่ ม ผูบ้ ริ โภคชาวยุโรปจะได้มีโอกาสรับประทาน
อาหารจากโลกตะวันออกอย่างอาหารไทยที่มีความเป็ นเอกลักษณ์ ที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ยงั เป็ นโรงงานอาหารแปรรู ประบบอัตโนมัติ
(Automation) ที่ทนั สมัยที่สุดของโลกในปั จจุบนั โดยใช้เจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่ องจักรเพียง 7 คน และเพื่อให้บริ การด้านอาหารที่สะอาดและ
ปลอดภัยแก่ผคู้ นทัว่ โลกได้อย่างเพียงพอ เครื อฯ ยังเตรี ยมที่จะสร้างโรงงานแปรรู ปอาหารแบบนี้ ในอีกหลาย ๆ ประเทศ
กระบวนการผลิตอาหารปรุ งสุกพร้ อมรั บประทานของบริ ษัท Top’s Foods ประเทศเบลเยี่ยมที่ เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ได้ เข้ าซื ้อกิจการเป็ นระบบ
อัตโนมัติ (Automation) เกือบตลอดสายการผลิต
เกี๊ยวกุ้งซี พีผลิตด้ วยเทคโนโลยีทันสมัยมีมาตรฐานสากลและเป็ นผลิตภัณฑ์ ก้ งุ รายแรกของไทยที่ ได้ รับฉลากลดโลกร้ อน
----------------------------------------
ในช่วงแรกเรานำผูค้ า้ ปลีกมารวมตัวกัน ให้พวกเขานำเนื้อสัตว์แปรรู ปของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ใส่ ตเู ้ ย็นแล้วนำไปวางขาย ซึ่งตูเ้ ย็นนี้เราเป็ นฝ่ ายจัดหา
ให้ อย่างไรก็ตาม สมัยนั้นระบบการขนส่ งของไทยค่อนข้างล้าหลัง ด้วยเหตุน้ ีจึงยังไม่สามารถรับประกันคุณภาพของสิ นค้าได้อย่างเต็มที่ ปั ญหานี้
ทำให้ผมตระหนักว่า หากต้องการจะแก้ปัญหาเรื่ องคุณภาพสิ นค้า และบริ หารธุรกิจอาหารแบบครบวงจรให้สำเร็ จนั้น จำเป็ นที่เราจะต้องมีช่อง
ทางการจัดจำหน่ายของธุรกิจค้าปลีกรายย่อยด้วย
ในขณะที่เรากำลังหาแนวทางแก้ไขปั ญหา โอกาสก็มาถึงโดยไม่คาดคิด ต้นทศวรรษ 2520 SHV Holding Company ซึ่ งเป็ นบริ ษทั ด้าน
พลังงานรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ได้มาขอปรึ กษากับผมว่า ต้องการจะทำธุรกิจถ่านหิ นที่ประเทศจีน เพราะสมัยนั้นมีเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เป็ นบริ ษทั
ต่างชาติเพียงรายเดียวที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีน
บริ ษทั SHV ต้องการที่จะซื้ อถ่านหิ นจากประเทศจีน ขณะเดียวกันก็มีเป้ าหมายจะขายท่าเรื อลอยน้ำให้จีนด้วย เมื่อผมได้ช่วยประสานงานกับ
กระทรวงพลังงานของจีนจนเป็ นที่เรี ยบร้อยและกำลังจะเริ่ มดำเนินการแล้วนั้น สัญญาธุรกิจระหว่างสองฝ่ ายกลับต้องยุติลง เนื่องจากรัฐบาล
เนเธอร์แลนด์ขณะนั้นตัดสิ นใจขายเรื อดำน้ำให้ไต้หวัน ส่ งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
ถึงแม้วา่ ธุรกิจถ่านหิ นจะเจรจาไม่สำเร็ จ แต่ผมกับผูบ้ ริ หารระดับสู งของ SHV ก็กลายเป็ นเพื่อนกัน บริ ษทั SHV นั้นมีแม็คโคร (Makro) เป็ น
บริ ษทั ลูก ซึ่ งดำเนินธุรกิจค้าส่ งจำพวกผลิตภัณฑ์อาหารให้แก่ร้านอาหารและลูกค้ารายย่อยในรู ปแบบ cash and carry คือ ลูกค้ามาซื้ อสิ นค้า
ด้วยเงินสดและขนสิ นค้าไปเอง ผมตั้งใจว่าจะนำแม็คโครเข้ามาเปิ ดกิจการในประเทศไทย
ตอนนั้นผูบ้ ริ หารแม็คโครของ SHV ไม่เห็นด้วยนักและมีทีท่าห่วงใยว่า “รู ปแบบการบริ หารนี้ อาจยังเร็ วเกินไปสำหรับประเทศไทย” ผมจึงได้ไป
พบประธานของ SHV ที่เนเธอร์แลนด์ดว้ ยตนเอง และพยายามโน้มน้าวท่าน ในที่สุดปี พ.ศ. 2531 เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์และบริ ษทั SHV ก็ได้
จัดตั้งบริ ษทั ร่ วมทุนกัน และสร้างระบบโลจิสติกส์คุณภาพตามที่รอคอยมานาน ปี ต่อมาก็ได้เปิ ดแม็คโคร สาขาแรกขึ้นในประเทศไทย โดยเพียงแค่
ร้านอาหารและร้านค้าปลีกรายย่อยมาสมัครเป็ นสมาชิกของแม็คโคร ก็สามารถซื้ อสิ นค้าของเครื อฯ ได้ในราคาพิเศษ
ช่วงทศวรรษ 2520 กิจการ 7-Eleven ยังเป็ นของบริ ษทั เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชัน่ (The Southland Corporation) แห่งประเทศ
สหรัฐอเมริ กาที่ก่อตั้งธุรกิจนี้ข้ ึนมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2470 (ต่อมาได้ขายหุน้ ให้กบั บริ ษทั เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ : Seven & i Holdings
แห่งประเทศญี่ปุ่น ที่ได้กลายมาเป็ นเจ้าของธุรกิจ 7-Eleven นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบนั ) ขณะนั้นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (GDP) ของคนไทยอยูท่ ี่เฉลี่ยประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34,000 บาท) ต่อคนต่อปี เท่านั้น ร้านสะดวกซื้ อจึงถูก
มองว่ายังเร็ วเกินไปที่จะเกิดธุรกิจนี้ในประเทศไทย แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น เพราะถึงแม้วา่ ผูบ้ ริ โภคคนไทยจะใช้จ่ายเงินต่อคนไม่สูง แต่จำนวนลูกค้าร้าน
สะดวกซื้ อต่อร้านของไทยสู งถึง 15 เท่าของร้านสะดวกซื้ อในสหรัฐอเมริ กา ค่าเช่าพื้นที่และค่าจ้างพนักงานก็ถูกกว่า
ผมจึงเชิญมร. จอห์น พี ทอมป์ สัน (Mr. John P. Thompson) ประธาน และ มร. เจอเรย์ ดับเบิลยู ทอมป์ สัน (Mr. Jere W.
Thompson) กรรมการผูจ้ ดั การใหญ่ของเซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชัน่ ซึ่ งเป็ นสองพี่นอ้ งตระกูลทอมป์ สัน ทายาท มร. โจ ซี ทอมป์ สัน ผูก้ ่อตั้ง 7-
Eleven มาสำรวจพื้นที่จริ งที่เมืองไทย หลังจากที่ท่านทั้งสองมาดูแล้ว ก็เห็นด้วยกับความคิดของผม ในปี พ.ศ. 2532 เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์กไ็ ด้
เปิ ดร้านสะดวกซื้ อ 7-Eleven สาขาแรกที่ถนนพัฒน์พงศ์ ซึ่งอยูใ่ จกลางกรุ งเทพฯ และเป็ นแหล่งรวมของชาวต่างชาติ มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนจน
เต็มร้านทุกวัน
ธุรกิจสุ ดท้ายคือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่เราตั้งขึ้นช่วงกลางยุค 2530 ให้ชื่อว่า “โลตัส” หรื อโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่ได้ขยายเครื อข่ายร้านค้าไป
อย่างรวดเร็ ว มีศูนย์กระจายสิ นค้าทัว่ ประเทศไทย เรายังได้สร้างระบบโลจิสติกส์ท้ งั แบบแช่เย็นและแช่แข็งอีกด้วย
ในที่สุดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากตลาดสดในอดีตก็ได้รับการแก้ไขจนหมดสิ้ น เมื่อเราสามารถสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายธุรกิจค้าปลีกรายย่อยและ
การกระจายสิ นค้าไปสู่ ผบู้ ริ โภคอย่างมีประสิ ทธิภาพ นับแต่น้ นั มาผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายของเครื อฯ ก็สามารถมัน่ ใจในคุณภาพระดับสู งสุ ดได้ตลอด
เวลา
ในงานพิธีเปิ ดร้ าน 7-Eleven สาขาแรกซึ่ งตั้งอยู่ที่ถนนพัฒน์ พงศ์ กรุ งเทพฯ
----------------------------------------
รัฐบาลไทยตัดสิ นใจเปิ ดเสรี กิจการโทรคมนาคมให้บริ ษทั และภาคเอกชนจากทัว่ โลกเข้ามาลงทุนเพื่อส่ งเสริ มให้มีการใช้โทรศัพท์ในวงกว้าง ซึ่ง
บริ ษทั ธุรกิจโทรคมนาคมรายใหญ่ ๆ ของประเทศต่าง ๆ เช่น อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส ต่างก็สนใจเข้ามาร่ วมประมูลด้วย
ในช่วงดังกล่าว เรายังไม่ได้สนใจการให้บริ การโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่ งหากเราร่ วมประมูลและได้รับสิ ทธิ์ ในการบริ หาร ผมเชื่อว่าธุรกิจโทรศัพท์
เคลื่อนที่ของเราจะเติบโตและให้บริ การลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่ งกว่านี้มาก
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้เริ่ มพัฒนากิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบครบวงจร เมื่อเข้าสู่ ศตวรรษที่ 21 เราก้าวจนตามทันบริ ษทั ที่เข้าสู่ ธุรกิจนี้ก่อนหน้าเรา
2 บริ ษทั ได้ดว้ ยนวัตกรรมรู ปแบบการให้บริ การใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราค่าบริ การพิเศษ ทรู (True) จึงกลายเป็ นบริ ษทั ที่
บริ หารกิจการโทรคมนาคมครอบคลุมทุกด้านเพียงรายเดียวในประเทศไทย เกิดเป็ น “True Convergence” ซึ่ งประกอบด้วยโครงข่าย
โทรศัพท์ เคเบิลทีวี และอินเทอร์เน็ต
เมื่อเร็ ว ๆ นี้ ทรู ยงั ได้ประมูลคลื่น 4G หรื อระบบสื่ อสารไร้สายความเร็ วสู งระยะที่ 4 โดยได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ต (MHz)
ทำให้นอกจากทรู จะเป็ นผูใ้ ห้บริ การ 4G รายแรกแล้ว ยังทำให้ทรู เป็ นผูใ้ ห้บริ การโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ถือครองคลื่นความถี่มากที่สุดในประเทศไทย
อีกด้วย นับเป็ นโอกาสที่ดีในการขยายฐานลูกค้าและยกระดับความสามารถด้านการให้บริ การของเราได้ดียิง่ ขึ้น
บทเรียนที่ขื่นขม
----------------------------------------
ปี พ.ศ. 2540 ปี ที่ตอ้ งจดจำ...เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 สหราชอาณาจักรส่ งมอบคืนเกาะฮ่องกงสู่ ประเทศจีน ผมตอบรับคำเชิญให้เป็ น
ที่ปรึ กษาของคณะทำงานบริ หารเกาะฮ่องกง และเข้าร่ วมทำงานเพื่อเตรี ยมการส่ งมอบอำนาจการปกครองคืนให้เกาะฮ่องกง เช้าตรู่ ของวันที่ 1
กรกฎาคม ผมเข้าร่ วมพิธีส่งมอบคืนเกาะฮ่องกง ซึ่งมีประธานาธิบดีเจียง เจ๋ อหมิน และผูนำ
้ จีนท่านอื่น ๆ เข้าร่ วมพิธีดว้ ย
ในวันต่อมา คือวันที่ 2 กรกฎาคม ผมเดินทางจากฮ่องกงกลับกรุ งเทพฯ พอลงจากเครื่ องบินไม่นานก็รู้วา่ เกิดเรื่ องใหญ่ข้ ึนแล้ว
เดือนมกราคมพ.ศ. 2541 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงไปอยูท่ ี่ 50 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ หรื อเท่ากับเงินบาทมีมูลค่าลดลง 1 เท่า นัน่ หมายความว่าเงินกู้
จากต่างประเทศเมื่อคิดเป็ นเงินบาทแล้ว ผูก้ จู้ ะมีภาระต้องหาเงินมาชำระหนี้เพิ่มขึ้นเป็ นทวีคูณทันที
ผมตั้งใจจะรักษาเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เอาไว้ จึงตัดสิ นใจขายหุน้ ของบริ ษทั ลูกที่อยูใ่ นเครื อฯ ทันที ช่วงนั้นโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กำลังเจริ ญรุ่ งเรื องถึง
ขีดสุ ด ผมจำต้องขายหุน้ จำนวน 75% ของโลตัสฯ ให้แก่บริ ษทั เทสโก้ของอังกฤษ ส่ วนหุน้ ของแม็คโคร (Makro) ซึ่ งเป็ นธุรกิจค้าส่ งระบบ
สมาชิกได้ขายคืนให้บริ ษทั SHV ของเนเธอร์แลนด์ ส่ วนที่เมืองจีนได้ขายบริ ษทั มอเตอร์ไซค์และหุน้ ในอีกหลายบริ ษทั
ถือได้วา่ วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนั้นเป็ นปั ญหายิง่ ใหญ่ที่สุดที่ผมต้องเผชิญตั้งแต่เข้ามารับช่วงการบริ หารเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ แต่เป็ นเพราะเราสามารถตั้ง
รับได้ทนั ไม่เพียงแต่จะไม่ลม้ ละลาย ตรงกันข้ามกลับสร้างความแข็งแกร่ งให้กบั ธุรกิจหลักของเครื อฯ มากขึ้น ดังเช่นความหมายของคำว่า “วิกฤต”
ในภาษาจีนที่มีความลึกซึ้ งมาก โดยตัวอักษรจีนคำนี้ประกอบด้วยคำที่แปลว่า “ความเสี่ ยง” และคำที่แปลว่า “โอกาส” ความหมายที่แฝงอยูจ่ ึงมีท้ งั
ความเสี่ ยง แต่กซ็ ่อนไว้ซ่ ึ งโอกาส
ต้นศตวรรษที่ 21 เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ผา่ นพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ แล้วกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2556 เครื อฯ ได้ซ้ื อ
หุน้ แม็คโครคืนจากบริ ษทั SHV ในส่ วนของโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ที่เราเคยเป็ นผูบ้ ุกเบิกมาตั้งแต่ตน้ ผมก็ต้ งั ใจจะซื้ อกิจการกลับคืนมาจากบริ ษทั
เทสโก้ แต่เรื่ องนี้ตอ้ งขึ้นอยูก่ บั การตัดสิ นใจของฝ่ ายเทสโก้ดว้ ย
วิกฤตการเงินเอเชี ยทำให้ เครื อฯจำเป็ นต้ องขายหุ้น 75% ของห้ างโลตัสซูเปอร์ เซ็นเตอร์
----------------------------------------
สุ ภาษิตจีนที่วา่ “เทียนสื อ ตี้ลี่ เหริ นเหอ” มีความหมายว่า “ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดภายใต้ความพร้อมของเงื่อนเวลา สถานที่ และบุคคล” ซึ่งเรื่ อง
ราวความร่ วมมือทางธุรกิจระหว่างเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์และอิโตชู (Itochu) ช่วยสะท้อนถึงความหมายของสุ ภาษิตนี้ ได้เป็ นอย่างดี
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้ซื้อหุน้ จำนวน 15.6% ของบริ ษทั ผิงอันประกันภัย จำกัด (Ping An Insurance
Group Company of China, Ltd.) บริ ษทั ด้านประกันภัยแห่งแรกและใหญ่เป็ นอันดับต้น ๆ ของประเทศจีน ปัจจุบนั แบ่งธุรกิจออก
เป็ น 3 ด้าน คือ การประกันภัย การธนาคาร และการลงทุน การเข้าซื้ อหุน้ ผิงอันก็เพื่อมุ่งขยายและเสริ มความแข็งแกร่ งให้กบั ธุรกิจด้านการเงินของ
เครื อฯ
มร. โอกาฟูจิ ตอบข้อเสนอของผมว่า “ถ้าอิโตชูสามารถถือหุน้ ในเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้ดว้ ย เท่ากับว่าทั้งสองฝ่ ายต่างก็ได้ร่วมลงทุนในบริ ษทั ของ
กันและกัน ผมจะลองพิจารณาดู” ในอดีตผมเคยรู้จกั ผูบ้ ริ หารระดับสู งของบริ ษทั ญี่ปุ่นหลายท่าน แต่กบั การพบกันเพียงครั้งแรกแล้วสามารถบรรลุสู่
ความร่ วมมือทางธุรกิจก็คงมี มร. โอกาฟูจิ ที่เป็ นท่านแรก ในที่สุดเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 ทั้งสองฝ่ ายจึงได้ลงทุนร่ วมกัน โดยเครื อฯ ซื้ อหุน้
ของอิโตชูจำนวน 4.9% คิดเป็ นมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านบาท ขณะที่อิโตชูกไ็ ด้ซ้ื อหุน้ ของบริ ษทั ในเครื อฯ คือ บริ ษทั ซี พีโภคภัณฑ์ หรื อ ซี
พีพี (C.P. Pokphand: CPP) ซึ่งเป็ นบริ ษทั จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จำนวน 25% คิดเป็ นมูลค่าประมาณ 27,200 ล้าน
บาท
ข้ อตกลงครั้งใหญ่
กลุ่มซิ ติก เป็ นบริ ษทั ที่จดั ตั้งตามคำแนะนำของท่านเติ้ง เสี่ ยวผิง ตั้งแต่ยคุ ปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิ ดประเทศจีนในช่วงแรก ๆ และยังเป็ นบริ ษทั ที่มีความ
หมายเชิงสัญลักษณ์ของการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการเปิ ดประเทศจีนอีกด้วย ประธานโอกาฟูจิ ของอิโตชู เป็ นผูม้ ีวิสยั ทัศน์ที่โดดเด่น และมีความ
กล้าที่จะปฏิรูปและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ อย่างไรก็ตาม การตัดสิ นใจลงทุนในบริ ษทั ซิ ติก ไม่ได้เป็ นเพียงแค่การลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลกว่า 10
ล้านล้านเยน (ประมาณ 3.39 ล้านล้านบาท) เท่านั้น แต่ยงั ต้องได้รับการอนุมตั ิเป็ นพิเศษจากรัฐบาลจีนด้วย มร. ฉาง เจิ้นหมิง (Chang
Zhenming) ประธานของกลุ่มซิ ติก ได้ช่วยอธิบายให้รัฐบาลกลางของจีนได้เข้าใจ จึงอนุมตั ิการลงทุนของเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์และอิโตชูใน
บริ ษทั ซิ ติก ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการคือ 1. เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์เป็ นบริ ษทั ข้ามชาติบริ ษทั แรกที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีน และ 2. อิโตชู เป็ น
บริ ษทั ที่ทำการค้ากับจีนมายาวนาน โดยเริ่ มตั้งแต่ช่วงก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2515 โดยท่านโจว
เอินไหล (Zhou Enlai) ซึ่งเป็ นนายกรัฐมนตรี ของจีนในสมัยนั้น ได้เคยกล่าวยกย่องอิโตชูวา่ เป็ น “บริ ษทั การค้าที่มีความสัมพันธ์ฉนั มิตร”
เดือนมกราคม พ.ศ. 2558 บริษัทชั้นนำของทวีปเอเชียสามบริษัท อันได้ แก่ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประเทศไทย อิโตชู คอร์ ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
และ กลุ่มซิติก ประเทศจีน ได้ ประกาศการผนึกกำลังเป็ นพันธมิตรทางธุรกิจอย่ างเป็ นทางการ ซึ่งเป็ นข่ าวโด่ งดังไปทั่วทวีปเอเชีย เครื อฯ และอิโตชู
ร่ วมกันลงทุนด้วยเงินจำนวน 1.2 ล้านล้านเยน (ประมาณ 406,700 ล้านบาท) เข้าถือหุน้ จำนวน 20% ของกลุ่มซิ ติก ทำให้อิโตชูมีรากฐาน
ทางธุรกิจที่เข้มแข็งในตลาดจีนและอาเซี ยน ทั้งสามบริ ษทั ต่างก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป กล่าวคือ อิโตชูเป็ นหนึ่งในบริ ษทั ที่ทำธุรกิจครบวงจรที่
ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีระบบโลจิสติกส์และเครื อข่ายธุรกิจทัว่ โลกที่มีมาตรฐานระดับสากล อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยบุคลากรที่มีความ
สามารถอีกด้วย ส่ วนเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์กเ็ ป็ นบริ ษทั ที่ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
ตั้งแต่การเกษตรจนถึงการแปรรู ปอาหารสู่ โต๊ะอาหาร (from farm to table) มีรูปแบบการค้าปลีกที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กบั
นักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลอีกมากมาย ในขณะที่กลุ่มซิ ติก ที่ทำธุรกิจขนาดใหญ่หลากหลายประเภท ทั้งด้านการเงิน ภาคอุตสาหกรรม และมีเครื อข่าย
ธุรกิจกระจายไปทัว่ ประเทศจีน การผนึกกำลังของพันธมิตรทั้งสามบริ ษทั ทั้งด้านทรัพยากรและเครื อข่ายทางธุรกิจได้ช่วยเสริ มจุดเด่น และเติมเต็ม
ช่องว่างให้กนั และกัน นับเป็ นการรวมตัวที่แข็งแกร่ ง และสร้างเวทีทางธุรกิจในระดับโลกให้กว้างใหญ่ยงิ่ ขึ้น
การผนึกกำลังเป็ นพันธมิตรธุรกิจของ 3 องค์ กรชั้นนำคือเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ ประเทศไทย Itochu ประเทศญี่ปุ่นและ Citic Group ประเทศ
จี นเป็ นข่ าวโด่ งดังไปทั่วเอเชี ย
----------------------------------------
ในทวีปยุโรป เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ได้ซ้ื อบริ ษทั ท็อปส์ฟดส์ ู้ (Top’s Foods) ซึ่ งเป็ นธุรกิจผลิตอาหารพร้อมรับประทานของเบลเยีย่ ม ท็อปส์
ฟู้ ดส์ได้รับสิ ทธิบตั รนวัตกรรมการฆ่าเชื้อโรคด้วยคลื่นไมโครเวฟ ซึ่ งเป็ นเทคโนโลยีที่ทนั สมัยที่สุดของโลกในปั จจุบนั ทำให้อาหารสามารถเก็บใน
อุณหภูมิปกติได้เป็ นเวลานาน โดยมีกำลังการผลิตอาหารพร้อมรับประทานวันละ 100,000 กล่อง และส่ งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป
กว่า 10 ประเทศ
การที่รัสเซี ยลดค่าเงินรู เบิลได้นำมาซึ่ งโอกาส จากการที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ กำลังขยายธุรกิจไก่เนื้อครบวงจร โดยได้ซ้ื อฟาร์มไก่เนื้อในรัสเซี ยเพื่อ
ให้ได้ส่วนแบ่งการตลาด 5% นอกจากนี้ยงั ได้สร้างกิจการเลี้ยงหมูครบวงจร เพื่อให้รัสเซี ยเป็ นฐานการส่ งออกสิ นค้าไปยังสหภาพยุโรปของเครื อฯ
ด้วย
แก่ นของเครือฯ
ยิง่ กิจการขยายไปทัว่ โลกมากเพียงใด “ปรัชญา 3 ประโยชน์ ส่ ู ความยัง่ ยืน” ที่เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ยดึ มัน่ ในการดำเนินธุรกิจอันได้แก่ การคำนึงถึง
ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยชน์ต่อประชาชน และสุ ดท้ายจึงเป็ นประโยชน์ต่อบริ ษทั ก็ยงิ่ มีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ไม่ ว่าเครือฯ จะเข้ าไป
ลงทุนในประเทศใด ก็จะยึดถือปรัชญานีเ้ ป็ นหลักในการดำเนินธุรกิจมาตลอด เพราะหากคิดแต่จะเอาประโยชน์เข้าบริ ษทั ก่อน ก็จะมองข้ามการคำนึง
ถึงประโยชน์ต่อประเทศชาติและประโยชน์ต่อประชาชน ในที่สุดก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและประชาชนประเทศนั้น ๆ ธุรกิจของเราก็
ไม่สามารถเติบโตและเจริ ญก้าวหน้าได้
เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์ภาคภูมิใจในความเป็ นบริ ษทั ไทย สำนักงานและโรงงานของเครื อฯ ทัว่ โลก จะมีธงชาติไทยที่โบกไสวในทุกประเทศที่เราเข้าไป
ลงทุน
----------------------------------------
เพื่อนชาวไต้หวันอีกคนที่ผมไม่มีวนั ลืมคือ มร. สวี เหว่ย เฟิ ง (Mr. Hsu Wei Feng) ในยุคทศวรรษ 2490 เขาได้สร้างห้างสรรพสิ นค้า
ขนาดใหญ่แห่งแรกในไต้หวัน มร. สวี เป็ นผูช้ ื่นชอบอาหารอร่ อย ๆ เราเคยตระเวนหาอาหารรสชาติดีในที่ต่าง ๆ และเขายังแนะนำร้าน Rogairo
ร้านอาหารจีนชื่อดังในกรุ งโตเกียวให้ผมรู้จกั ซึ่ งผมจะไปรับประทานเสมอ ๆ เมื่อมีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น แต่น่าเสี ยดายที่ มร. สวี เหว่ยเฟิ ง เสี ย
ชีวิตตั้งแต่อายุยงั น้อย
ที่สิงคโปร์ ผมก็มีเพื่อนสนิทชื่อ มร. อู๋ ชิง เลี่ยง (Mr. Goh Cheng Liang) ซึ่งเป็ นชาวจีนแต้จิ๋วเหมือนกัน เขาเป็ นผูบ้ ริ หารบริ ษทั
Wuthelam Holding โดยร่ วมทุนกับบริ ษทั นิปปอน เพ้นท์ (Nippon Paint) ดำเนินธุรกิจสี น้ำมันในสิ งคโปร์และมาเลเซี ย เขาเป็ นผู้
มีชื่อเสี ยงคนหนึ่งในแวดวงชาวจีนโพ้นทะเลและในจีน จากการสร้างชื่อสี ยหี่ อ้ “นิปปอน เพ้นท์” จนเป็ นที่ยอมรับ
เมื่อพูดถึงคนจีนแต้จิ๋ว ตั้งแต่สมัยคุณพ่อ ท่านได้ร่วมทำธุรกิจกับ มร. หว่อง ฉวนนาม (Mr. Wong Quan Nam) ประธานบริ ษทั Good
Earth ในฮ่องกง เขาทำธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผกั และยาปราบศัตรู พืชเหมือนกับคุณพ่อของผม รวมถึงยังเป็ นตัวแทนจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่คุณพ่อ
ผลิตด้วย
เมื่อครั้งที่บริ ษทั เอสเอชวี (SHV) ประเทศเนเธอร์แลนด์ตอ้ งการนำเข้าถ่านหิ นจากจีน ก็ติดต่อให้ผมช่วยประสานงาน ผมจึงได้รู้จกั และสนิทสนม
กับ Mr. Paul Fentener van Vlissingen ประธานเอสเอชวีและครอบครัว ทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้นำร้านค้าส่ งระบบสมาชิกคือ
แม็คโคร (Makro) มาเปิ ดกิจการที่ประเทศไทยเป็ นแห่งแรก หลังจากที่ Mr. Paul Fentener van Vlissingen เสี ยชีวิตในปี พ.ศ.
2549 ผมก็ยงั คงรักษาสัมพันธภาพกับพีช่ ายของเขาเป็ นอย่างดี เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอดกว่า 20 ปี และได้ร่วมกันขยายกิจการจน
ก้าวหน้า กระทัง่ ปี พ.ศ. 2540 เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย ผมได้ขายหุน้ ของแม็คโครให้บริ ษทั เอสเอชวี และได้ซ้ื อแม็คโครกลับมาอีกครั้งใน
ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งผูท้ ี่มาถามผมว่าต้องการจะซื้ อแม็คโครกลับหรื อไม่กค็ ือลูกสาวของพี่ชาย Mr. Paul Fentener van Vlissingen
นัน่ เอง ความสัมพันธ์อนั ดีที่ยาวนานเช่นนี้นบั เป็ นเรื่ องที่พบเห็นได้นอ้ ยมาก
นอกจากนี้ ผมยังได้ติดต่อกับครอบครัว Rockefeller ในสหรัฐอเมริ กามาเป็ นเวลานานอีกด้วย David Rockefeller ซึ่ งเป็ นผูส้ ื บทอด
กิจการรุ่ นที่ 3 ของครอบครัวเป็ นคนแนะนำบริ ษทั เลี้ยงไก่เนื้อรายใหญ่ของสหรัฐอเมริ กาให้ผมรู้จกั ก่อนหน้านี้ผมจะหาโอกาสไปเยีย่ มเขาทุกปี แต่
ปั จจุบนั เขามีอายุกว่า 100 ปี แล้ว ผมจึงไม่ค่อยได้พบเขาบ่อยนัก
ผมยังสนิทสนมกับครอบครัวอดีตประธานาธิบดี จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช อีกด้วย ตอนที่ผมร่ วมกับบริ ษทั สหรัฐอเมริ กาทำธุรกิจโทรคมนาคมใน
ประเทศไทย ท่านก็เดินทางมาร่ วมพิธีเปิ ด ปัจจุบนั ท่านมีอายุ 90 กว่าปี แล้ว ผมจะไปเยีย่ มท่านทุก ๆ 1-2 ปี และในปี ที่ผา่ นมาผมก็ได้มีโอกาสเข้า
พบท่านและภริ ยา แม้วา่ จะนัง่ บนรถเข็นหลังประสบอุบตั ิเหตุหกล้มในบ้านพัก แต่ท่านยังพูดคุยด้วยเป็ นอย่างดี
ที่ประเทศจีน ผมยังคบหานักธุรกิจที่มีอายุนอ้ ยกว่า ผมนับถือหม่า อวิ๋น (Ma Yun) หรื อแจ็ค หม่า (Mr. Jack Ma) ซึ่งเป็ นผูก้ ่อตั้งกลุ่มอาลี
บาบา (Alibaba Group) ธุรกิจ e-Commerce ให้เป็ นอาจารย์ในด้านการบริ หารอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ถึงแม้วา่ เขาจะ
มีอายุนอ้ ยกว่าผมหลายปี แต่กเ็ ป็ นผูม้ ีความสามารถโดดเด่นหลายด้านที่ควรศึกษาเป็ นแบบอย่าง และปั จจุบนั นี้ช่องว่างระหว่างวัยไม่ได้เป็ นอุปสรรค
สำหรับการสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันอีกแล้ว
----------------------------------------
เพื่อทำความฝันที่ยงิ่ ใหญ่ให้เป็ นจริ ง ผมได้ทดลองโครงการใหม่ข้ ึนที่หมู่บา้ นผิงกู่ (Pinggu) ซึ่ งตั้งอยูใ่ นเขตชานเมืองทางตะวันออกเฉี ยงเหนือ
ของนครปั กกิ่ง นัน่ คือ “โครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัวผิงกู่” ที่เริ่ มการผลิตในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555
ประการที่หนึ่ง ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น เพราะให้เกษตรกรเป็ นเถ้าแก่และผูถ้ ือหุน้ มากกว่ารับจ้างใช้แรงงาน ผูถ้ ือหุน้ จะมีรายได้จากส่ วนแบ่ง
กำไร มีหลักประกันในชีวิต เกษตรกรที่ตอ้ งการมีรายได้มากขึ้นก็ยงั สามารถไปทำงานอื่น ๆ นอกโครงการได้ ซึ่งลำพังการรับจ้างทำงานในโรงงาน
ทัว่ ไปเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่สามารถสร้างรายได้ที่ดีเท่านี้
งานในอนาคต
ญี่ปุ่นเป็ นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ประสบปั ญหาสังคมผูส้ ู งอายุ อัตราการเกิดต่ำ และนับวันปั ญหาจะทวีความรุ นแรงยิง่ ขึ้น ดังนั้น ในทวีปเอเชีย
โรงงานที่ใช้ระบบอัตโนมัติจึงมีความจำเป็ นอย่างยิง่ ยวด นอกจากนี้การใช้เครื่ องจักรในกระบวนการผลิตยังสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและปั ญหา
จากคนงานใหม่ซ่ ึ งยังไม่ได้รับการฝึ กฝนให้ชำนาญพอ จนอาจส่ งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิ ทธิภาพของงานอีกด้วย
เทคโนโลยีอัตโนมัติในการลำเลียงไข่ ไก่ จากโรงเรื อนเลีย้ งไก่ ส่ ู กระบวนการทำความสะอาด คัดแยก บรรจุ และผลิตเป็ นผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ของ
โครงการเลีย้ งไก่ ไข่ 3 ล้ านตัว ผิงกู่
โรงคัดไข่ ไก่
ไข่ ไก่ ที่วางขายมีจุดขายที่ แตกต่ างกัน อาทิ ไข่ ไก่ สำหรั บเด็ก คนท้ อง และไข่ ไก่ ที่มีอาหารเสริ ม เป็ นต้ น
โดยดูความแตกต่ างจากสี ที่กล่ อง
----------------------------------------
บ้านญาติของคุณหญิงอยูห่ ลังบริ ษทั ของเรา คุณหญิงมักจะมาพักผ่อนหย่อนใจที่สวนหลังบริ ษทั ของเราเสมอ ๆ ผมชอบการถ่ายรู ปมาตั้งแต่เด็ก ครั้ง
หนึ่งผมไปเที่ยวทะเล และได้พบกับคุณหญิง ผมมีโอกาสได้ถ่ายรู ปให้คุณหญิงด้วย ซึ่ งปั จจุบนั รู ปถ่ายใบนั้นก็ยงั ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
หลังจากที่ได้รู้จกั กับคุณหญิงเทวีในครั้งนั้นแล้ว ผมก็ไม่ได้ไปมาหาสู่ กบั คุณหญิงอีก ตอนนั้นผมอายุยงั น้อย ไม่ได้ไปเรี ยนต่อที่ออสเตรเลีย และเพิ่ง
เริ่ มทำงาน ตำแหน่งงานของผมก็เป็ นเพียงพนักงานเล็ก ๆ คนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคุณหญิง และยังไม่พร้อมที่จะมีความรัก ผมจึงทุ่มเท
กำลังทั้งหมดไปที่งาน
ครอบครัวกับธุรกิจ
ศุภชัย ลูกชายคนที่สาม เดิมทีเขาเริ่ มทำงานในตำแหน่งผูบ้ ริ หารในบริ ษทั ที่ทำธุรกิจผลิตพีวีซี ซึ่ งเป็ นการร่ วมทุนระหว่างเครื อเจริ ญโภคภัณฑ์และ
บริ ษทั ของเบลเยีย่ ม ต่อมาศุภชัยได้รับการโอนย้ายให้มารับผิดชอบธุรกิจโทรคมนาคมของเครื อฯ โดยผมให้เริ่ มจากโทรศัพท์พ้ืนฐาน (โทรศัพท์
บ้าน) เพื่อตั้งต้นเรี ยนรู้ข้ ึนไปทีละขั้น ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี พ.ศ. 2540 ธุรกิจโทรคมนาคมของเราได้รับผลกระทบเช่นกัน ธนาคารเจ้าหนี้
หลายแห่งที่ศุภชัยเข้าไปเจรจาเรื่ องแผนการปรับปรุ งธุรกิจจนเกิดความเชื่อมัน่ ได้เสนอแนะให้ศุภชัยดำรงตำแหน่งซี อีโอของบริ ษทั ซึ่ งต่อมาธุรกิจนี้ก็
สามารถผ่านพ้นวิกฤตมาได้และพัฒนาเติบโตกลายเป็ น บริ ษทั ทรู คอร์ปอเรชัน่ จำกัด (มหาชน) ในทุกวันนี้
เมื่อเล่าถึงครอบครัว ผมอยากจะขอกล่าวถึงท่านเจี่ย เอ็กชอ คุณพ่อของผม ซึ่ งในช่วงการปฏิวตั ิวฒั นธรรมจีนนั้น คุณพ่อสู ญเสี ยกิจการทุกอย่างใน
ประเทศจีน ท่านต้องอาศัยอยูใ่ นฮ่องกงและสิ งคโปร์ ส่ วนผมอยูใ่ นประเทศไทย จึงมีโอกาสพบคุณพ่อน้อยมาก แต่ทุกครั้งที่ได้พบกัน ท่านจะ
ถ่ายทอดข้อคิดดี ๆ ให้ผมฟังอยูเ่ สมอ ซึ่ งช่วยจุดประกายความคิดให้ผมนำไปต่อยอดได้เป็ นอย่างดี จนกระทัง่ หลังจากท่านเติ้ง เสี่ ยวผิง ได้กลับมามี
อำนาจทางการเมือง ทำให้การติดต่อระหว่างคนไทยกับคนจีนกลับเข้าสู่ ภาวะปกติอีกครั้ง ซึ่งช่วงแรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิ ดประเทศจีนนั้น
คุณพ่อได้แนะนำและพาผมกลับไปประเทศจีน เพื่อปรึ กษาหารื อการเข้าไปทำธุรกิจในจีน ช่วงเวลานั้นคุณพ่อซึ่ งมีอายุมากแล้ว ท่านได้เห็นความ
เปลี่ยนแปลงของจีน และเพิ่งจะมีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตในกรุ งเทพฯ และท่านผูซ้ ่ ึ งเคยเผชิญทั้งมรสุ มแห่งชีวิตและการประสบความสำเร็ จ ก็ได้เสี ย
ชีวิตบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2526
----------------------------------------