Professional Documents
Culture Documents
หน่วย 3 วทอ
หน่วย 3 วทอ
ประเภทของอุตสาหกรรมอาหาร
2.9) อืน่ ๆ อาหารเช้า (Breakfast cereal) เช่น โจ๊กกึ่งสําเร็ จรู ป อาหารเด็กอ่อน (Baby Food)
ผลิตภัณฑ์หมักดอง เช่น การผลิตลูกแป้ ง ที่ใช้ในการผลิตเครื่ องดื่มต่างๆ ข้าวแดง (Anka) เป็ นสี ผสม
อาหาร เช่นใช้ในเหล้าแดง ผสมในผักดอง ผลิตภัณฑ์เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากรําข้าว และ
นํ้ามันรําข้าว เป็ นต้น
นับตั้งแต่ปี 2545 เป็ นต้นมาการส่ งออกผลิตภัณฑ์ขา้ วแปรรู ปของไทยนับว่าเป็ นสิ นค้าดาวรุ่ งที่มี
การ ขยายตัวสู งและต่อเนื่องทุกปี โดยผลิตภัณฑ์ส่งออกหลักได้แก่ เส้นก๋ วยเตี๋ยว-เส้นหมี่พร้อมปรุ งหรื อ
สําเร็ จรู ป ขนมปังกรอบ แป้ งข้าวเหนียว อาหารประเภทพองฟูอื่นๆ แป้ งข้าวเจ้า ข้าวปรุ งแต่งสําเร็ จรู ป
และสตาร์ชจากข้าวเหนียว ผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตสู ง ได้แก่ ข้าวปรุ งแต่งสําเร็ จรู ปมีการส่ งออก
ขยายตัวสู งสุ ดในปี 2551 ที่ 215 % สตาร์ชจากข้าวเหนียว เติบโต 92 % และเส้นก๋ วยเตี๋ยว-เส้นหมี่พร้อม
ปรุ งหรื อสําเร็ จรู ป เติบโต 82 % ส่ วนผลิตภัณฑ์ที่มีอตั ราเติบโตตํ่า ได้แก่ ขนมปั งกรอบมีการเติบโตเพียง
1.6 %
สําหรับตลาดส่ งออกผลิตภัณฑ์ขา้ วแปรรู ปที่สาํ คัญของไทย จําแนกตามประเภทของผลิตภัณฑ์
คือ เส้ นก๋วยเตี๋ยว-เส้ นหมี่พร้ อมปรุ งหรือสํ าเร็จรู ป ตลาดหลักได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริ กา ลาว
ฮ่องกง และออสเตรเลีย, ขนมปังกรอบ มีตลาดส่ งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรับอเมริ กา พม่า สหภาพ
ยุโรป และออสเตรเลีย แป้งข้ าวเจ้ า-แป้งเหนียว ตลาดส่ งออกสําคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซี ย และฮ่องกง
ข้ าวปรุ งแต่ งสํ าเร็จรู ป ได้แก่ สหรัฐอเมริ กา ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป และแอฟริ กาใต้
แนวโน้มในการส่ งออกข้าวและผลิตภัณฑ์แปรรู ปของไทยยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องปั จจัยที่
ส่ งผลโดยตรงคือ พฤติกรรมผูบ้ ริ โภคในตลาดโลกมีแนวโน้มในการบริ โภคข้าวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าว
คุณภาพดี รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ขา้ วแปรรู ปที่มีความหลากหลายมากยิง่ ขึ้นตอบสนองต่อความต้องการ
ของ ผูบ้ ริ โภคในหลายระดับของตลาด ส่ วนจุดแข็งของไทยที่เป็ นปั จจัยในการสร้างให้เกิดความต้องการ
บริ โภคเพิ่มขึ้น และเป็ นจุดที่ได้เปรี ยบประเทศผูผ้ ลิตและส่ งออกรายอื่นๆ ที่สาํ คัญ คือการสร้าง
ภาพลักษณ์ในด้านคุณภาพมาตรฐาน ระบบ Food Safety ที่เป็ นที่ยอมรับของตลาดทัว่ โลก ประกอบกับ
กับโอกาสจากปั จจัยที่ส่งผลภายนอกได้แก่ การขยายตัวของตลาดใหม่ การขยายความร่ วมมือทาง
เศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และการพัฒนานวัตกรรมการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่ งเกิดจากการพัฒนาและเรี ยนรู ้
จากภาคผูป้ ระกอบการไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีภาครัฐบาลเป็ นกลไกสําคัญในการผลักดันให้
อุตสาหกรรมขยายตัว ได้มีการจัดทําเป็ นยุทธศาสตร์ขา้ วปี 2550-2554 ในด้านการผลิต การแปรรู ป และ
การตลาดอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ มีทิศทางการดําเนินงานที่ชดั เจน โดยมีหน่วยงานที่มีภารกิจในการ
ผลักดันและส่ งเสริ มอุตสาหกรรมข้าวและผลิตภัณฑ์แปรรู ปอยูห่ ลายหน่วยงาน เช่น มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ สถาบันวิจยั ข้าวกรมการข้าวสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิ ชย์และ
กระทรวงอุตสาหกรรม เป็ นต้น
62
จํานวนขึ้น เพราะบริ ษทั ใหญ่ขยายคอนแทร็ กฟาร์ มมิ่ง และกลุ่มผูเ้ ลี้ยงรายใหญ่อิสระ ผูเ้ ลี้ยงรายย่อยมัก
โดนพ่อค้าคนกลางเอารัดเอาเปรี ยบกดราคารับซื้ อ
ไข่นิยมนํามาแปรรู ปเป็ นอาหารคาวและหวานที่ใช้บริ โภคในชีวติ ประจําวันของคนไทย แต่
ผลิตภัณฑ์ไข่แปรรู ปในระดับอุตสาหกรรมยังมีไม่มาก ส่ วนใหญ่เป็ นสิ นค้าวัตถุดิบสําหรับอุตสาหกรรม
อาหารอีกทอดหนึ่ง เช่น อุตสาหกรรมเบเกอรี่ อุตสาหกรรมกุง้ และไก่แปรรู ป โรงแรม ภัตตาคาร
ตลาดหลักในการส่ งออกไข่สดและแปรรู ป ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น อังโกลา สหรัฐอเมริ กา
จอร์แดน
ผลิตภัณฑ์ ส่งออกทีส่ ํ าคัญ – ไข่แช่แข็ง ไข่ผง ไข่เหลว ไข่สด ไข่เหลวพร้อมดื่ม
3.2.2 สภาวะการผลิต
ภาวการณ์ผลิตของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ไทยที่ผา่ นมายังมีการใช้กาํ ลังการผลิตไม่เต็มที่ (ดัง
ภาพที่ 3.8) ส่ วนหนึ่งมาจากผูป้ ระกอบการขนาดใหญ่มีการขยายโรงงานและเริ่ มดําเนินการผลิตทําให้มี
กําลังการผลิตเหลือ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ การชะลอตัวลงตามภาวะ
เศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริ กา ทําให้มีคนว่างงานเพิ่มขึ้น
รายได้ลดลง กําลังซื้ อลดลง ประกอบกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่คา้ อาทิ ญี่ปุ่น สหภาพ
ยุโรป ทําให้ความต้องการนําเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรู ปของไทยลดลง
3.2.3 ปัญหาอุปสรรคทางการค้ า
- โรงฆ่าและชําแหละ รวมทั้งโรงงานแปรรู ป เพื่อการส่ งออกต้องได้รับการรับรองจาก
หน่วยงานรัฐของประเทศผูน้ าํ เข้า ทําให้มีจาํ นวนจํากัดและต้องรอการมาตรวจรับรองในแต่ละรอบการ
พิจารณา ถือเป็ นการจํากัดผูส้ ่ งออก
- การพบระบาดของไข้หวัดนกในประเทศทําให้ไทยถูกระงับการนําเข้าจากประเทศผูน้ าํ เข้า
สิ นค้าไก่สด แช่แข็ง
- โรคปากเปื่ อยเท้าเปื่ อยในสุ กรทําให้ไทยไม่สามารถส่ งออกเนื้อสุ กรชําแหละสด แช่แข็งได้
- โรงฆ่าสัตว์ (สุ กร โค กระบือ) ที่ได้มาตรฐานและทันสมัยมีจาํ นวนน้อย
- ต้นทุนการผลิตสู ง โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ พ่อแม่พนั ธุ์ที่ตอ้ งพึ่งพาการนําเข้า ทําให้
แข่งขันไม่ได้ในตลาดต่างประเทศสําหรับสิ นค้าขั้นปฐม
- มีการลักลอบนําเข้า/ส่ งออกโคกระบือตามชายแดน ทําให้กระทบต่อตลาดการค้า รวมทั้งไม่
สามารถควบคุมโรคระบาดได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
นําเข้ า ส่ งออก
สิ นค้ า ตัน ล้านบาท ตัน ล้านบาท
เนื้อไก่แช่แข็งและแปรรู ป 570.08 82.62 383,360.17 51,623.72
เนื้อสุ กรแช่แข็งและแปรรู ป 142.00 35.43 9,988.15 1,955.77
เนื้อโค กระบือแช่แข็งและแปรรู ป 1,943.82 418.45 84.46 13.56
เครื่ องในสัตว์ เนื้อสัตว์อื่นๆ 17,373.73 492.85 6,987.81 709.73
แช่แข็งและแปรรู ป
ไข่สดและแปรรู ป - 108.19 - 1,154.26
ไส้กรอกและผลิตภัณฑ์แปรรู ปไม่ 385.14 96.54 47,849.43 8,124.62
ระบุชนิดเนื้อสัตว์
รวมทั้งหมด 21,024.62 1,234.08 858,583.64 63,581.66
3.3.3 ปัญหาอุปสรรคทางการค้ า
1) การส่ งออกกุง้ แช่แข็งไปสหรัฐฯ ไม่ได้รับความเป็ นธรรมจากการคํานวณอัตราการเรี ยกเก็บ
ภาษีอากรและการวางพันธบัตรคํ้าประกันหรื อซี -บอนด์ตามกฎการตอบโต้การทุ่มตลาด (AntiDumping
: AD) ทําให้ตอ้ งจ่ายภาษีนาํ เข้ากุง้ ในสัดส่ วนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน
2) ปั ญหาราคากุง้ ตกตํ่า เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งตัว และต้นทุนนํ้ามันแพง ส่ งผลให้การส่ งออก
กุง้ ไปยังตลาดสหรัฐอเมริ กามีปริ มาณลดลง กระทบไปถึงราคากุง้ ขาวภายในประเทศตกตํ่าไปด้วย
3) การผลิตทูน่ากระป๋ องเกิดปั ญหาวัตถุดิบขาดแคลน จากภาวะโลกร้อนทําให้ปริ มาณทูน่า
ลดลง ขณะที่ความต้องการบริ โภคทูน่าของโลกเพิ่มขึ้น
4) ต้นทุนการผลิตสู ง เนื่องจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานจากทางภาครัฐบาล ราคานํ้ามันใน
ตลาดโลกที่สูงขึ้น ราคากระป๋ องที่ปรับตัวสู งขึ้นประมาณ 30% และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นเช่นกัน
5) การส่ งออกทูน่ากระป๋ องไปยังสหภาพยุโรปต้องเสี ยภาษีนาํ เข้าอัตราสู งถึง 24% ขณะที่คู่แข่ง
อาทิ สเปน เอกวาดอร์ โซมาเลีย และอดีตประเทศอาณานิคมของอียอู ีกหลายประเทศไม่ตอ้ งเสี ยภาษี
นําเข้า ทําให้ไทยเสี ยเปรี ยบมาก
6) ปั ญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากแรงงานเลือกที่จะทํางานในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่
อาหาร
72
สิ นค้ า การนําเข้ า
ตัน ตัน
ปลาสคิปแจ็กทูน่าแช่เย็นจนแข็ง 605,674.53 34,084.60
ปลาทูน่าครี บเหลืองแช่เย็นจนแข็ง 130,398.68 8,225.65
ปลาทะเลอื่นๆ แช่เย็นจนแข็ง 205,174.61 4,712.60
ปลาแมคเคอเรลแช่เย็นจนแข็ง 104,819.33 4,602.99
ปลาทูน่าครี บยาวแช่เย็นจนแข็ง 32792.34 2,732.95
มูลค่ าการนําเข้ าผลิตภัณฑ์ ประมงทั้งหมด 1,505,760.21 79,108.96
ภาพที่ 3.13 ตลาดส่ งออกผลิตภัณฑ์กงุ้ ที่สาํ คัญของไทยปี 2551 (มูลค่าทั้งหมด 69,103 ล้านบาท)
ทีม่ า: สถาบันอาหาร (2551)
3.4.3 ปัญหาอุปสรรคทางการค้ า
1) ต้นทุนการผลิตในระดับเกษตรของไทยค่อนข้างสู ง ซึ่งเป็ นผลมาจากการขาดทักษะการดูแล
รักษาพื้นที่ปลูก โดยเฉพาะโกโก้ที่จะพึ่งพิงการนําเข้าจากต่างประเทศเป็ นหลัก
2) การปนเปื้ อนสารเมลามีนในสิ นค้านมซึ่ งเป็ นสิ นค้าประกอบที่ใช้ควบคู่กบั ชา กาแฟ และ
โกโก้จะส่ งผลให้ความต้องการในตลาดลดลง
3) ประเทศไทยยังขาดเทคโนโลยีและความชํานาญด้านการแปรรู ปโกโก้ ซึ่งต้องนําเข้ามาจาก
ต่างประเทศ
4) ตลาดรับซื้ อผลผลิตโกโก้ในระดับฟาร์ มยังมีจาํ กัด ทําให้การผลิตเพื่อส่ งเสริ มเข้าสู่ ระดับ
อุตสาหกรรมทําได้ยาก
ตารางที่ 3.5 สถิติอุตสาหกรรมใบชา เมล็ดกาแฟและโกโก้ ที่สาํ คัญของไทยปี 2551
3.5.2 สภาวะการผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมผักและผลไม้แปรรู ปของไทยในช่วงปี 2549-2551 ดังภาพที่
3.21 สิ นค้าหลัก ได้แก่ สับปะรดกระป๋ อง ข้าวโพดฝักอ่อนกระป๋ อง อุตสาหกรรมนํ้าผักผลไม้
80
นําเข้ า ส่ งออก
สิ นค้ า ตัน ล้านบาท ตัน ล้านบาท
ผลไม้กระป๋ อง/แปรรู ป 80,421 2,703 976,807 36,860
ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 294,007 9,758 732,511 13,737
ผักสด แช่เย็น แช่แข็ง แห้งและแปรรู ป 303,362 5,906 585,509 18,256
นํ้าผัก/นํ้าผลไม้ 18,115 1,395 306,954 9,826
3.7.1 เครื่องเทศ
อุตสาหกรรมเครื่ องเทศของไทยในปั จจุบนั มีแนวโน้มที่ดีข้ ึนตามกระแสความต้องการอาหาร
เพื่อสุ ขภาพและอาหารจากธรรมชาติ ซึ่ งถือว่าเป็ นส่ วนประกอบหลักของอาหารไทยที่เป็ นที่นิยมเพิ่ม
มากขึ้นในหลายประเทศทัว่ โลก จึงเป็ นส่ วนสําคัญให้การขยายตัวของอุตสาหกรรมเครื่ องเทศมี
แนวโน้มที่ดีข้ ึน นอกจากนี้เครื่ องเทศยังถูกใช้เป็ นวัตถุดิบในการผลิตเวชภัณฑ์และเครื่ องสําอางค์ได้อีก
ด้วย ตลาดส่ งออกหลักได้แก่ ญี่ปุ่น เนเธอร์ แลนด์ และสหรัฐอเมริ กา
ผลิตภัณฑ์ หลัก1) ขิง ขิงสดและขิงแห้งถูกนํามาใช้เป็ นส่ วนผสมทั้งอาหาร เครื่ องดื่ม และยา
ปริ มาณการส่ งออกขิงไปต่างประเทศเพิม่ ขึ้น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นนิยมบริ โภคขิงมาก ซึ่งคุณภาพขิง
จากไทยที่มีคุณภาพดีกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น จีน และส่ งออกขิงแบบอื่นๆ เช่น ขิงสด ขิงอบแห้ง
2) พริก พริ กนอกจากใช้เป็ นเครื่ องเทศหลักที่ใช้เป็ นส่ วนประกอบของอาหารบริ โภคทั้งสดและ
แปรรู ปโดยช่วยเพิ่มรสชาติและปรุ งแต่งสี อาหาร เช่น นํ้าพริ ก พริ กแห้ง พริ กป่ น พริ กแกง และซอสพริ ก
สารสกัดจากพริ กสามารถใช้เป็ นอาหารเสริ ม ยา และสารกําจัดศัตรู พืชได้
3) กระเทียม จากข้อมูลของสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร ผลผลิตกระเทียมทั้งประเทศในปี
2551 มีปริ มาณทั้งสิ้ น 86,000 ตัน ปริ มาณส่ งออกรวม 736.31 ตัน มูลค่า 17.85 ล้านบาท
3.7.5 สถิติการค้ า
ตารางที่ 3.11 การส่ งออกและนําเข้าผลิตภัณฑ์เครื่ องเทศและเครื่ องปรุ งรสที่สาํ คัญของไทย ปี 2551
นําเข้ า ส่ งออก
สิ นค้ า ตัน ล้านบาท ตัน ล้านบาท
ขิงสดและแห้ง 2,302.52 25.79 39,136.55 865.73
พริ กสดและแห้ง 24,589.38 464.86 2,595.91 187.35
กระเทียม 3,311.28 56.34 736.31 17.85
เครื่ องเทศอื่นๆ 14,226.64 521.10 2,858.39 219.05
เครื่ องแกงสําเร็ จรู ป 27.31 5.16 10,743.00 1,089.49
นํ้าปลา 117.30 3.00 38,800.73 1,019.99
ซอสพริ ก 256.53 54.74 22,444.39 971.32
เครื่ องปรุ งรสอื่นๆ 12,718.22 1,234.42 105,140.02 6,765.96
รวมทั้งหมด 57,549.18 2,365.41 222,455.30 11,136.74
ทีม่ า: สถาบันอาหาร (2551)
90
ภาพที่ 3.31 ตลาดส่ งออกเครื่ องปรุ งรสที่สาํ คัญของไทย ปี 2551 (จําแนกตามมูลค่า: ล้านบาท)
ทีม่ า: สถาบันอาหาร (2551)
3.8.2 สภาวะการผลิต
3) ผลิตภัณฑ์ ครีมเทียม
ครี มเทียมเป็ นผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการผลิตนํ้ามันปาล์ม ซึ่งแนวโน้มการ
ขยายตัวอย่างรวดเร็ ว จากการขยายตัวของธุ รกิจกาแฟ การโรงแรม หรื อธุ รกิจบริ การอาหาร ตลาดหลัก
ได้แก่ ฟิ ลิปปิ นส์ พม่า อินโดนีเซี ย เป็ นต้น เนื่องจากความได้เปรี ยบในด้านระยะทางการขนส่ ง ส่ วนการ
บริ โภคภายในประเทศยังมีแนวโน้มที่ดีเป็ นผลจากการขยายตัวของตลาดกาแฟในประเทศไทย ซึ่ งกําลัง
ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้ ผูบ้ ริ โภคส่ วนใหญ่นิยมใช้ครี มเทียมเป็ นส่ วนผสมในกาแฟ
97
3.9.2 ปัญหาอุปสรรคทางการค้ า
1) อุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมนํ้ามันและไขมัน เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ประสบ
กับปั ญหาเศรษฐกิจถดถอยส่ งผลต่อการขยายตัวในอุตสาหกรรมนํ้ามันอย่างมาก
2) อุตสาหกรรมนํ้ามันและไขมันของไทยแปรผันตามตลาดโลกและผูผ้ ลิตรายใหญ่ เนื่องจาก
ประเทศไทยเป็ นเพียงผูผ้ ลิตเมล็ดพืชนํ้ามันรายเล็กเท่านั้น
3) สิ นค้านํ้ามันในประเทศไทยเป็ นสิ นค้าควบคุม การปรับลดราคาต้องรอการอนุมตั ิจากรัฐบาล
4) ผูป้ ระกอบการส่ วนใหญ่ยงั ไม่มีการดําเนินอุตสาหกรรมแบบครบวงจร จึงทําให้ขาด
ประสิ ทธิภาพในการจัดการวัตถุดิบ
5) การลักลอบนําเข้านํ้ามันพืชจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่ งผลต่อผูผ้ ลิตภายในประเทศ
98
2550 2551
มูลค่ า มูลค่ า อัตราการ ส่ วนแบ่ ง
ลําดับที่ ประเทศ ปริมาณ ปริมาณ
(ล้ าน (ล้ าน เติบโต (%) ตลาด (%)
(ตัน) (ตัน)
บาท) บาท)
1 Philippines 29,637 1,304 38,021 1,963 50.57 25.2
2 Myanmar 14,735 544 17,101 718 31.90 9.2
3 Indonesia 7,880 313 9,357 481 53.30 6.2
4 Malaysia 8,131 321 8,926 463 44.03 5.9
5 Turkey 3,192 137 7,792 438 218.72 5.6
6 Kampuchea 4,725 192 9,333 397 106.45 5.1
7 Taiwan 6,143 241 6,433 315 31.16 4.1
8 Viet Nam 4,732 199 5,440 282 41.52 3.6
9 Lao 2,624 134 3,746 212 57.60 2.7
10 U.S.A. 5,034 184 5,081 205 11.13 2.6
Other 43,751 1,819 46,812 2,312 27.11 29.7
Total 130,585 5,389 158,042 7,785 44.44 100.0
3.10 อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
อุตสาหกรรมเครื่ องดื่มเป็ นอุตสาหกรรมที่ตอ้ งใช้เงินลงทุนจํานวนมากในการซื้ อเครื่ องจักร ที่มี
ประสิ ทธิ ภาพรวมทั้งเทคโนโลยีการผลิตที่ทนั สมัย ทําให้มีผปู ้ ระกอบการจํานวนไม่มากเข้ามาลงทุนใน
อุตสาหกรรมเครื่ องดื่ม ปัจจุบนั อุตสาหกรรมเครื่ องดื่มในประเทศไทยจัดเป็ นตลาดที่มีผขู้ ายน้อยราย มี
ผูป้ ระกอบการเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่มีอิทธิ พลในการกําหนดทิศทางของตลาด อุตสาหกรรมเครื่ องดื่ม
เป็ นอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อทดแทนการนําเข้า จึงมีตลาดส่ วนใหญ่อยูใ่ นประเทศ และเป็ น
อุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการจ้างงานโดยตรงรวมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกเป็ นจํานวนมาก
99
3.10.3 ปัญหาอุปสรรคทางการค้ า
ปั จจัยที่คาดว่าจะส่ งผลกระทบอุตสาหกรรมเครื่ องดื่ม
1) การซบเซาของธุ รกิจการท่องเที่ยวอันเนื่องมาจากภาวะการชะลอตัวของ เศรษฐกิจโลกและ
ปัญหาการเมืองภายในประเทศ
2) แนวทางการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสิ นค้าเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์และนํ้าอัดลม
3) อุตสาหกรรมเครื่ องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีแนวโน้มแข่งขันรุ นแรงขึ้น หลังจากกลุ่ม
ผูป้ ระกอบการรายใหญ่ในธุ รกิจเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์เริ่ มรุ กเข้าสู่ ธุรกิจเครื่ องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มากขึ้น
4) ธุ รกิจเครื่ องดื่มข้ามชาติรายใหญ่มีแนวโน้มเข้ามาลงทุนผลิตขยายตลาดภายในประเทศ และ
ใช้สิทธิ พิเศษเพื่อลดภาษีนาํ เข้าวัตถุดิบรวมทั้งส่ งออกสิ นค้าภายใต้เขตการค้าเสรี อาเซี ยน
103
3.11.3 ปัญหาอุปสรรคทางการค้ า
1) วัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศไม่เพียงพอ ต้องพึ่งพาการนําเข้าบางส่ วน ทําให้ตน้ ทุนการ
ผลิตสู งขึ้น
105
ผูป้ ระกอบการในธุ รกิจผลิตภัณฑ์เสริ มอาหารกว่า 1,000 ราย โดย 90% เป็ นผูป้ ระกอบการราย
กลางและรายย่อย มีเพียง 10 % ที่เป็ นผูป้ ระกอบการรายใหญ่ที่ครองส่ วนแบ่งตลาดในประเทศจํานวน
มาก ช่องทางจําหน่ายที่สาํ คัญ ได้แก่ การขายตรงคิดเป็ นสัดส่ วน 80 % และร้านค้าปลีกมีสัดส่ วน 20 %
อย่างไรก็ตามช่องทางจําหน่ายผ่านร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้ อได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์เครื่ องดื่มฟังก์ชนั่ นัลที่ผบู ้ ริ โภคเริ่ มรู ้จกั คุณประโยชน์ของสารอาหารที่ดีต่อสุ ขภาพ และ
ต้องการความสะดวกในการหาซื้ อผลิตภัณฑ์์
2) ผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมทัว่ ไป
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริ มทัว่ ไปมีมูลค่าตลาด 6,300 ล้านบาท สิ นค้ากลุ่มนี้จะมีลกั ษณะเป็ นเม็ด
แคปซูล นํ้า การบริ โภคจะคล้ายกับกินยา ควรมีช่วงเวลารับประทานที่ต่อเนื่อง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหาร
เสริ มทัว่ ไป ได้แก่ โสม นํ้ามันปลา นํ้ามันอิฟนิ่งพริ มโรส Co-enzyme Q10 เป็ นต้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ
ความนิยมมากที่สุดในกลุ่มนี้ คือ กลุ่มที่ให้คุณประโยชน์ทางด้านสุ ขภาพโดยทัว่ ไป คิดเป็ น 43 %
เนื่องจากผูบ้ ริ โภครับประทานเพื่อเป็ นการป้ องกันโรคมากขึ้น รองลงมา คือกลุ่มที่เสริ มสร้างความ
แข็งแรงของกระดูก 21% และเพื่อความงาม 8 %
3) วิตามิน
ผลิตภัณฑ์เสริ มอาหารกลุ่มวิตามินมีมูลค่าตลาด 2,880 ล้านบาท จําแนกได้เป็ น วิตามินรวม
วิตามิน C, วิตามิน B, วิตามิน E และ วิตามิน A เรี ยงลําดับตามมูลค่าตลาดของวิตามินแต่ละชนิด
4) วิตามินและผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมสํ าหรับเด็ก
วิตามินและผลิตภัณฑ์อาหารเสริ มสําหรับเด็กมีมูลค่าตลาด 1,260 ล้านบาท ผูป้ กครองนิยมซื้ อ
วิตามินและผลิตภัณฑ์อาหารเสริ มที่ช่วยทางด้านพัฒนาการของสมองและพัฒนาการทางด้านร่ างกาย
ให้กบั เด็ก