You are on page 1of 2

คล ังเอกสารสาธารณะ

ว ัตถุมงคล ไม่มใี นมงคลของพระพุทธเจ้า !! - หลวงพ่อปัญญาน ันท


ภิกขุ
เขียนโดย poppywin เมือ อังคาร, 03/18/2008 - 21:21. | in

ว ันทีเอกสารถูกสร้าง:
18/03/2008
ทีมา:
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12859

ว ัตถุมงคล ไม่มใี นมงคลของพระพุทธเจ้า !!


โดย หลวงพ่อปัญญาน ันทภิกขุ
เดียวนีพุทธบริษัทเราไม่เข ้าใจชัดในเรืองวัตถุนี จึงได ้เข ้าใจไปนับถือในรูปขลัง รูปศักดิสิทธิต่างๆ นานา แม ้ว่าการนับถือนันจะทําให ้ตนสบายใจ
แต่เป็ นความสบายใจเพียงชัวครังชัวคราว ไม่เป็ นความสบายใจทีเด็ดขาดตายตัว ไม่เหมือนกับเอาธรรมะมาใช ้แก ้ปั ญหา แต่วา่ ทีได ้กระทํากัน
อยูท
่ วๆ
ั ไปนัน ก็เพราะว่าไม่เข ้าใจในเรืองนันตามความเป็ นจริง ไม่มใี ครพูดให ้เราฟั งว่าความจริงนันควรจะเป็ นอย่างไร

เราเชือและทํากันมาตามทีเขาว่า เขาว่าอย่างนันว่าอย่างนี รับมาตังแต่เป็ นเด็ก เช่นรับนับถือมาว่าพระพุทธรูปองค์นันศักดิสิทธิอย่างนันอย่างนี


ในรูปต่างๆ เล่าลือกันถึงอภินห ิ ารแปลกๆ ซึงคนโบราณเขามีความเข ้าใจอย่างนัน แล ้วก็ถอื ตามกันมาในรูปอย่างนัน ไม่ได ้เข ้าถึงพระพุทธเจ ้าที
เป็ นเนือแท ้ แต่ไปถึงสิงทีเป็ นวัตถุ จนมีคําพูด กันในสมัยนีว่า ‘ว ัตถุมงคล’

ว ัตถุมงคลนนไม่
ั ม ี ในมงคล ๓๘ ของพระพุทธเจ้าไม่มส ิ
ี งอะไรที เป็นว ัตถุวา
่ เป็นมงคล มีแต่เรืองการไม่ปฏิบ ัติธรรมเท่านนที
ั เป็น
อ ัปมงคล และมีเรืองการปฏิบ ัติตามหล ักธรรมเท่านนที ั ชือว่าเป็นมงคล ไม่มส ิ ัตถุอ ันใดทีเป็นมงคลเลยตามหล ักพระพุทธศาสนา
ี งว
เช่นเราจะถือว่าใบไม ้นันเป็ นมงคล หญ ้านีเป็ นมงคลหรือว่าอะไรๆ ทีเป็ นมงคลตามทีเราเข ้าใจกันอยูน ่ ัน มันเป็ นมงคลภายนอกพระพุทธศาสนา
ไม่ใช่มงคลตามหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนา

มงคลในพระพุทธศาสนานน ั มีความหมายว่า เหตุอ ันให้เกิดความสุขความเจริญในชีวต ิ ก็เหตุทจะให้


ี เกิดความสุขความเจริญใน
ชีวต ิ ของเรานน
ั ย่อมเป็นเหตุภายในไม่ใช่เหตุภายนอก เหตุภายในก็คอ ื การปรับปรุงจิตใจของเราให ้เข ้าทางธรรมะให ้ได ้ ใช ้หลักธรรมะ
เป็ นแนวทางชีวติ จะปฏิบต
ั อ
ิ ะไรก็ให ้เรียกว่าปฏิบต
ั ต
ิ รงตามแนวธรรมะ นันแหละเป็ นอุดมมงคล เป็ นมงคลสูงสุดตามหลักคําสอนในทางพระพุทธ
ศาสนา

วัตถุทเป็
ี นมงคลนัน หาเป็ นมงคลทีแท ้จริงไม่เป็ นเรืองหลอกตัวเราเท่านันเอง คือหลอกให ้หลงให ้เพลินไปกับวัตถุนันชัวครังชัวคราว ตราบเท่า
ทีเรายังมีอวิชชา คือความไม่รู ้ไม่เข ้าใจในเรืองนันตามทีเป็ นจริง เราก็หลงใหลเรือยไป มัวเมาอยูใ่ นสิงนันเรือยไปไม่รู ้จักจบ จักสิน ไม่คด
ิ ช่วย
ตัวเองในการปฏิบต ั ิ แต่ไปนึกว่าวัตถุนันจะช่วยตนให ้พ ้นจากภัยจากอันตรายด ้วยประการต่างๆ อันนีคือความหลงผิด ไม่ตรงกับคําสอนในทาง
พระพุทธศาสนา

และในสมัยนีกําลังมีมากขึน แพร่หลายขึน ในการทีจะจูงคนเหล่านันให ้เอาวัตถุเหล่านันมาเป็ นทีพึง ยึดมันถือมันในวัตถุนันว่า ช่วยตนให ้พ ้นภัย


อย่างนันอย่างนีเป็ นต ้น อันนีคือการไม่ถกู ต ้อง แต่วา่ ทํากันอยูม ่ าก เพราะอะไร เพราะว่าเป็ นทางเจริญแห่งลาภสักการะ เป็ นทางได ้มาแห่งวัตถุ
อีกเหมือนกัน วัตถุทได
ี ้มานันก็คอ ื เงินทองนันเอง เงินได ้มาจากวัตถุกเ็ อาไปสร ้างวัตถุตอ ่ ไป คนก็ตดิ ในวัตถุตอ
่ ไป ไม่ได ้เข ้าถึงธรรมะอันเป็ น
ตัวการปฏิบต
ั ซ ึ นเนือแท ้ของพระรัตนตรัย เราก็ตด
ิ งเป็ ิ อยูแ
่ ต่เพียงวัตถุ

ในสมัยนี ควรจะได ้มีการแกะเอาสิงทีเป็ นวัตถุนันออกไปเสียบ ้าง เพือจะได ้เข ้าถึงตัวธรรมะอันเป็ นตัวข ้อปฏิบต
ั ิ จึงได ้พูดกับญาติโยมให ้เข ้าใจใน
ความหมายของสิงเหล่านี เพือจะให้เราได้รจ ิ
ู ้ ักใช้สงเหล่
านีให้เป็นคุณเป็นประโยชน์ คือใช้เพียงเพือเป็นเครืองเตือนจิตสะกิดใจให้
เราได้นก
ึ ถึงคุณธรรมต่อไป ไม่ใช่เอาว ัตถุนนเป ั ็ นสรณะอย่างแท้จริง

เช่น พระพุทธรูปต่างๆ ทีเขาทําให ้นัน เราก็ถอ


ื แต่เพียงว่าเป็ นวัตถุเตือนใจให ้เราได ้นึกถึงคุณความดีของท่าน แล ้วเราได ้เอาความดีนันมาใส่ไว ้
ในใจของเรา การเอาคุณงามความดีมาใส่ไว ้ในใจนันแหละ เราสร ้างพระพุทธขึนในใจ สร ้างพระธรรมขึนไว ้ในใจ สร ้างพระอริยสงฆ์สาวกขึนไว ้
ในใจของเรา

เมือเราสร ้างสิงนีขึนไว ้ในใจของเรา ใจเราก็เป็ นพระ ใจเราเป็ นพระเราก็สบาย ไม่มป


ี ั ญหาคือความทุกข์ความ เดือดร ้อน อันเกิดขึนจากความ
หลงผิดเข ้าใจผิดด ้วยประการต่างๆ และเราจะไม่ถก ู ใครชักจูงไปในทางเสือม ทางเสีย หรือจะหลอกจะต ้มเราด ้วยเรืองอะไรต่างๆ ได ้ เพราะเรา
ไม่ได ้สนใจในสิงทีเป็ นวัตถุเหล่านัน เราสนใจในแง่ของธรรมะ เมือเราสนในใจแง่ของธรรมะ วัตถุนันเป็ นเรืองทีไม่มคี า่ อะไรมากเกินไป

แต่เราถือว่าหลักธรรมคําสอน การปฏิบ ัติตามหล ักคําสอนนนแหละเป ั ็ นสิงมีคณ


ุ ค่าสูงสุดสําหร ับชีวต
ิ ของเรา ถ้าเราจะถือว่าเป็นมงคลก็
หมายความว่าหล ักธรรมะหรือข้อปฏิบ ัตินนแหละเป ั ็ นมงคลสําหร ับต ัวเรา จะทําให้เราเกิดความสุขความเจริญด้วยประการต่างๆ
ไม่ใช่เพียงว ัตถุนนอย่
ั างเดียว วัตถุนันเป็ นแต่เพียงเครืองประกอบนิดหน่อย เป็ นเครืองเตือนจิตสะกิดใจ ให ้เราได ้นึกถึงข ้อปฏิบต
ั แ
ิ ละเราจะ
ได ้ปฏิบต
ั ใิ นสิงนันต่อไปเท่านันเอง อันนีเป็ นเรืองทีควรจะได ้เข ้าใจไว ้

ถ ้าเราได ้เข ้าใจในรูปอย่างนีแล ้ว เราจะมีพระพุทธรูปไว ้ในบ ้านก็ไม่เป็ นไร และไม่ต ้องหาว่าของเก่าแก่อย่างนันอย่างนี หรือไม่จําเป็ นจะต ้องหา
ว่าสมัยนันสมัยนี หรือว่าไม่จําเป็ นว่าจะต ้องไปปลุกไปเสกให ้เป็ นอย่างนันอย่างนี เพราะเราถือแต่เพียงว่าเป็ นภาพเตือนใจให ้เราได ้นึกถึงพระ
ธรรมเท่านันเอง เมือเป็ นรูปทีเตือนใจได ้ก็เป็ นใช ้ได ้ เพราะเป็ นเรืองสมมติขน
ึ สมมติวา่ นีเป็ นรูปแทนคุณความดีของพระพุทธเจ ้าทีเป็ นเนือแท ้
ไม่ใช่แทนองค์พระพุทธเจ ้าทีเป็ นเนือเป็ นหนัง เพราะว่าพระคุณนันเป็ นนามธรรม ไม่ใช่สงที ิ จะหยิบด ้วยมือหรือดูด ้วยตาได ้ แต่เป็ นสิงทีเราจะ
สัมผัสได ้ด ้วยใจ เราจะเข ้าถึงสิงนันได ้ด ้วยจิตใจของเรา

วัตถุนันเป็ นแต่เพียงเครืองเตือนใจกันลืมให ้เราได ้เห็นด ้วยตา แล ้วเราจะได ้นึกถึงไม่หลงไม่ลม


ื ในสิงเหล่านัน ถ ้าเราเป็ นผู ้นับถือพระพุทธรูปถูก
แบบ เราจะไม่สนใจในเรืองความเก่า ไม่สนใจในเรืองความใหม่ของวัตถุนัน เพราะเราสนใจแต่เพียงว่า เป็ นวัตถุสําหรับเตือนใจ ให ้เราได ้นึก ถึง
พระธรรมคําสอน ให ้เราได ้สํานึกในความเป็ นพุทธบริษัท แล ้วจะได ้ปฏิบต ั ต
ิ นตามคําสอนเท่านัน...

You might also like