142976207311807 (1)

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘
วิชา ภาษาอังกฤษ อ22101
1. จำ�นวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำ�นวน 1.5 หน่วยกิต
2. ผู้เขียนคู่มือ
ชื่อ นางสาวนริศรา เจี้ยมดี ตำ�แหน่ง ครูผู้สอน
โทรศัพท์ 09-0097-3841
E-mail: narit26j@gmail.com
สถานที่ทำ�งาน โรงเรียนวังไกลกังวล
อำ�เภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110
โทรศัพท์ 0-3252-2346

457
คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
กำ�หนดการสอนรายชั่วโมง และสิ่งที่โรงเรียนปลายทางต้องเตรียม
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ22101
จำ�นวน มาตรฐาน/ สิ่งที่ ร.ร.ปลายทาง
ครั้งทืี่ วัน/เดือน/ปี เรื่องที่สอน
ชั่วโมง ตัวชี้วัด ต้องเตรียม (ครูนักเรียน)
1 19 พ.ค. 58 1 ทบทวนก่อนเรียน - สมุดจด
10.30 - 11.30 น. (ควรเตรียมทุกชั่วโมง)
- หนังสือเรียน
2 20 พ.ค. 58 1 Are you here on vacation? ต 1.2 ม. 2/1,
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 1) ต 1.2 ม. 2/2
ต 1.2 ม. 2/3
3 21 พ.ค. 58 1 Are you here on vacation?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 2)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 4)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 5)
7 2 มิ.ย. 58 1 Are you here on vacation?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
8 3 มิ.ย. 58 1 Action! ต 1.1 ม. 2/1, - สมุดจด
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 1) ต 1.3 ม. 2/1, (ควรเตรียมทุกชั่วโมง)
ต 1.3 ม. 2/2, - หนังสือเรียน
ต 4.1 ม. 2/1
9 4 มิ.ย. 58 1 Action!
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 2)
10 9 มิ.ย. 58 1 Action!
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
11 10 มิ.ย. 58 1 Action!
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 4)
458
12 11 มิ.ย. 58 1 Action! - สมุดจด
10.30 - 13130 น. (ตอนที่ 5) (ควรเตรียมทุกชั่วโมง)
- หนังสือเรียน
13 16 มิ.ย. 58 1 Action!
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
14 17 มิ.ย. 58 1 Who’s who ต 1.2 ม. 2/1 - 2
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 1) ต 4.2 ม. 2/1
15 18 มิ.ย. 58 1 Who’s who
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 2)
16 23 มิ.ย. 58 1 Who’s who
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
17 24 มิ.ย. 58 1 Who’s who
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 4)
18 25 มิ.ย. 58 1 Who’s who
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 5)
19 30 มิ.ย. 58 1 Who’s who
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
20 1 ก.ค. 58 1 Favorite Pastimes ต 1.1 ม. 2/4, - สมุดจด
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 1) ต 1.2 ม. 2/4 - 5, (ควรเตรียมทุกชั่วโมง)
ต 1.3 ม. 2/1 - 3 - หนังสือเรียน
21 2 ก.ค. 58 1 Favorite Pastimes
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 2)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 4)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 5)
459
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
26 15 ก.ค. 58 1 Is there any ice cream? ต 1.2 ม. 2/3, - สมุดจด
ต 2.2 ม. 2/2
27 16 ก.ค. 58 1 Is there any ice cream?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 2)
วันจันทร์ที่ 20 - วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2558 สอบกลางภาค
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 4)
วันพฤหัสบดี 30 กรกฎาคม 2558 หยุดวันอาสาฬหบูชา
30 4 ส.ค. 58 1 Is there any ice cream?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 5)
31 5 ส.ค. 58 1 Is there any ice cream?
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 6)
32 6 ส.ค. 58 1 How was the show? ต 1.1 ม. 2/2 - 3, - สมุดจด
ต 1.3 ม. 2/1 - 3 - หนังสือเรียน
33 11 ส.ค. 58 1 How was the show?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 2)
วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2558 หยุดวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
460
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 4)
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 5)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
38 25 ส.ค. 58 1 What happened? ต 1.1 ม. 2/3, - สมุดจด
ต 4.1 ม. 2/1
39 26 ส.ค. 58 1 What happened?
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 2)
40 27 ส.ค. 58 1 What happened?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
41 1 ก.ย. 58 1 What happened?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 4)
42 2 ก.ย. 58 1 What happened?
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 5)
43 3 ก.ย. 58 1 What’s wrong?
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
44 8 ก.ย. 58 1 What’s wrong? ต 1.1 ม. 2/3, - สมุดจด
ต 1.3 ม. 2/3,
ต 2.2 ม. 2/2
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 2)
461
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 3)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 4)
12.30 - 13.30 น. (ตอนที่ 5)
10.30 - 11.30 น. (ตอนที่ 6)
หมายเหตุ จำ�นวนชั่วโมงตามกำ�หนดการสอนให้ครูผู้สอนทำ�การสอนเสริมให้ครบตามโครงสร้าง
462
มาตรฐานการเรียนรู้ / รายวิชา ภาษาอังกฤษ

ตัวชี้วัด รหัสวิชา อ22101
จำ�นวน 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ชั่วโมง
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง
มีเหตุผล
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 2/1 ปฏิบัติตามคำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจง และคำ�อธิบายต่างๆ ที่ฟังและอ่าน
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้นๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขียนประโยค และข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวข้อเรื่อง ใจความ บอกรายละเอียด สนับสนุน (Supporting detail) และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและอ่าน พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างง่ายๆ ประกอบ
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ
ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวชี้วัด ต 1.2 ม. 2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต
ประจำ�วันอย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใช้คำ�ขอร้อง ให้คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจง และคำ�อธิบายตามสถานการณ์
ต 1.2 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ
ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสมและความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพือ่ ขอและให้ขอ้ มูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับเรือ่ งทีฟ่ งั หรืออ่าน
อย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรมและ
ประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบอย่างเหมาะสม
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.3 นำ�เสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
463
ตัวชี้วัด ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกีย่ วกับตนเอง กิจวัตรประจำ�วัน ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์ทอี่ ยูใ่ น

ความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำ�คัญ/แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง/
ข่าว/เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับกิจกรรม เรือ่ งต่างๆ ใกล้ตวั และประสบการณ์ พร้อมทัง้
ให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำ�ไปใช้ได้อย่างเหมาะ
สมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วัด ต 2.1 ม. 2/1 ใช้ภาษา นาํ้ เสียงและกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาสตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม
ของเจ้าของภาษา
ต 2.1 ม. 2/2 อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำ�คัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา
ต 2.1 ม. 2/3 เข้าร่วม/จัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำ�มาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิด
ต่างๆ และการลำ�ดับคำ�ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐาน
ในการพัฒนาแสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน
ตัวชี้วัด ต 3.1 ม. 2/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก
แหล่งเรียนรู้ และนำ�เสนอด้วยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วัด ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำ�ลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา
และชุมชน
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก
464
ตัวชี้วัด ต 4.2 ม. 2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู/้ ข้อมูลต่างๆ จากสือ่ และ

แหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียนเป็นภาษาต่างประเทศ
wwwwwwww
465
คำ�อธิบายรายวิชาพื้นฐาน
ศึกษาความรู้เกี่ยวกับคำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจงและคำ�อธิบายง่าย อ่านออกเสียงตามหลักการอ่านออกเสียง

การเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียง การจับใจความสำ�คัญ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
เรือ่ งทีอ่ า่ น การสนทนาแลกเปลีย่ นข้อมูลเกีย่ วกับตนเอง เรือ่ งต่างๆใกล้ตวั และสถานการณ์ตา่ ง ในชีวติ ประจำ�วัน การเสนอ
การแสดงความต้องการ การตอบรับและการปฏิเสธ ให้ความช่วยเหลือ การขอและการให้ข้อมูล การอธิบายเปรียบเทียบ
การแสดงความรู้สึก การบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจกรรมต่าง ประสบการณ์ การวิเคราะห์ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์
ที่อยู่ในความสนใจของสังคม
ศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับการใช้ภาษา นํ้าเสียง กริยาท่าทางตามมารยาทของสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของ
ภาษา เข้าร่วมหรือจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมเกีย่ วกับเทศกาล วันสำ�คัญ ชีวติ ความเป็นอยูข่ นบธรรมเนียม ประเพณี
และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา การเปรียบเทียบ การบอกความหมายและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างเรื่อง
การออกเสียง ประโยคชนิดต่าง การลำ�ดับคำ� ตามโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษกับภาษาไทย ศึกษาค้นคว้า การรวบรวม
การสรุปข้อมูล การนำ�เสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำ�เสนอ
ด้วยการเขียน การใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง สถานการณ์จำ�ลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน
การเผยแพร่และ ประชาสัมพันธ์ ข่าวสารของโรงเรียน
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำ�เสนอ สื่อสาร เห็นคุณค่าและประโยชน์ นำ�ความรู้ไปใช้
ประโยชน์ ตลอดจนมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักความเป็นไทย มีความซื่อสัตย์สุจริตมีวินัย ใฝ่เรียนใฝ่รู้
และมุ่งมั่นในการทำ�งาน
รหัสตัวชี้วัด
ต 1.1 ม. 2/1 - ม. 2/4
ต 1.2 ม. 2/1 - ม. 2/5
ต 1.3 ม. 2/1 - ม. 2/3
ต 2.1 ม. 2/1 - ม. 2/3
ต 2.2 ม. 2/1 - ม. 2/2
ต 3.1 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1
ต 4.2 ม. 2/1 - ม. 2/2
รวม 21 ตัวชี้วัด
wwwwwwww
466
โครงสร้าง ภาษาอังกฤษ
รายวิชา รายวิชา
รหัสวิชา อ22101
จำ�นวน 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ชั่วโมง
หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / เวลา นํ้าหนัก

สาระสำ�คัญ
ที่ การเรียนรู้ ตัวชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน
1 Unit 1 Are you ต 1.2 ม. 2/1, การใช้ภาษาเพื่อการฝึกทักทาย กล่าวลา 8 5
here on vacation? ต 1.2 ม. 2/2, ขอโทษ และแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว
ต 1.2 ม. 2/3 ซึ่งเป็นการใช้ภาษาในชีวิตประจำ�วัน
ต้องฝึกฝนการออกเสียงและเรียนรู้
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
2 Unit 2 Action ต 1.1 ม. 2/1, การฟัง พูด อ่าน และเขียนเนื้อหา 8 5

ต 1.3 ม. 2/1 - 2, ที่หลากหลายและน่าสนใจ ความรู้
ต 4.1 ม. 2/1 เกี่ยวกับคำ�ศัพท์ สำ�นวน โครงสร้าง
ประโยค และวัฒนธรรมของ
เจ้าของภาษา
3 Unit 3 Who’s who ต 1.2 ม. 2/1 - 2, การฟัง การพูดสนทนาเกี่ยวกับอาชีพ 7 5
ต 4.2 ม. 2/1 ด้วยการใช้โครงสร้างทางภาษาและ
การอ่านบท อ่านเกี่ยวกับเรื่องราว
ที่หลากหลายและน่าสนใจ
4 Unit 4 ต 1.1 ม. 2/4, การฟังและพูดบทสนทนา โต้ตอบ 7 10

Favorite ต 1.2 ม. 2/4 - 5, เกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ�ในเวลาว่าง
pastimes ต 1.3 ม. 2/1 - 3 รับความรู้ด้านคำ�ศัพท์ สำ�นวน
และโครงสร้างทางภาษา
สอบกลางภาค 1 20
467
หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / เวลา นํ้าหนัก

สาระสำ�คัญ
ที่ การเรียนรู้ ตัวชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน
5 Unit 5 Is there ต 1.2 ม.2/3, การฟัง พูด และอ่านเกี่ยวกับการ 7 5
any ice cream? ต 1.3 ม.2/2, สั่งอาหาร การแสดงความรู้สึกในสิ่ง
ต 2.1 ม. 2/2 ที่ชอบ เป็นการใช้ภาษาเพื่อสื่อความ
ต 2.2 ม. 2/2 ในชีวิตประจำ�วัน เรียนรู้ คำ�ศัพท์
สำ�นวนและโครงสร้างเกี่ยวข้อง
รวมทั้งวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
6 Unit 6 How was ต 1.1 ม.2/2 - 3, การอ่านเหตุการณ์ในอดีตทั้งที่เป็น 7 10

the show? ต 1.2 ม. 2/1, บทสนทนาและสารคดี รวมทั้งการพูด
ต 1.3 ม. 2/1 - 3 และการเขียนเป็นการฝึกเพื่อการสื่อสาร
7 Unit 7 What ต 1.1 ม.2/3, การใช้ภาษาเพื่อการแสดงออกถึง 7 5

happened? ต 2.2 ม.2/1, อารมณ์ความรู้สึก การเสนอแนะ
ต 3.1 ม. 2/1, และการให้เหตุผล เป็นการใช้ภาษา
ต 4.1 ม. 2/1 เพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำ�วัน
8 Unit 8 what’s ต 1.1 ม.2/3, การใช้ภาษาในการบรรยายถึง 7 5

wrong? ต 1.2 ม.2/1, อาการป่วยไข้ ไม่สบาย นักเรียน
ต 1.3 ม.2/2, ต้องเรียนรู้คำ�ศัพท์ สำ�นวน และ
ต 1.3 ม. 2/3, โครงสร้างประโยค
ต 2.2 ม. 2/2
สอบปลายภาค 1 30
รวมตลอดภาคเรียน 60 100

468
แผนการจัดการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษ
รหัสวิชา อ22101 Are you here on vacation?
เวลา 6 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัด
สาระที่ 1: ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มีทกั ษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรูส้ กึ และความคิดเห็น
อย่างมีประสิทธิภาพ
ต 1.2 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการ
ให้ ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ตา่ งๆ อย่างเหมาะสมและความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ฟังและพูดสื่อสารระหว่างบุคคล การทักทาย กล่าวลา ขอโทษ การแลกเปลี่ยนข้อมูลตนเองในสถานการณ์
ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสื่อความ
2. ฟังและพูดคำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ฟังและพูดการแสดงเสนอความต้องการ เสนอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธในสถานการณ์ต่างๆ ได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
3. สาระสำ�คัญ/ความคิดรวบยอด
มีพื้นฐานความรู้และทักษะการติดต่อสื่อสารเรื่องข้อมูลส่วนตัว ใช้ภาษาเพื่อการฝึกทักทาย กล่าวลา ขอโทษ
และแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว ซึ่งเป็นการใช้ภาษาในชีวิตประจำ�วัน ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการขอให้ข้อมูลส่วนตัวในการ
เข้าพักโรงแรม อ่านบทความเกี่ยวกับการบรรยาย และเขียนกรอกแบบฟอร์มให้ข้อมูลส่วนตัว
469
4. สาระการเรียนรู้
ด้านความรู้
คำ�ศัพท์และสำ�นวน
1. Functions - Greeting people - Taking one’s leave - Introducing people
- Asking for and giving one’s personal - Expressing thanks
- Apologizing
2. Grammar - Simple present of the verb be
- Information questions: (How, What, When, Where, Who, Why)
3. Vocabulary - Address - business - city - city
- country - credit card - festival - first name
- last name - nationally - e - mail - reservation
- restaurant - stay - vacation - zip code
- Ms. - check in - fill out - play (for)
- call
ด้านทักษะและกระบวนการ
การฟัง: การคาดเดาข้อมูล การหาข้อมูลเฉพาะ
การพูด: การพูดและขอให้ข้อมูล การแสดงบทบาทสมมติ
การอ่าน: การอ่านออกเสียง การคาดเดาข้อมูล การจับใจความสำ�คัญ
การเขียน: การเขียนบรรยาย การเขียนกรอกแบบฟอร์ม
ด้านเจตคติคุณธรรมจริยธรรม
มีประสิทธิภาพในการสื่อความ
5. สรรถนะสำ�คัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร ทักษะชีวิต
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ใฝ่เรียนรู้ (มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร)
7. การประเมินผลรวบยอด
ชิ้นงานและภาระงาน
นักเรียนแสดงบทบาทสมมติเข้าพักในโรงแรมและส่งบทสนทนา
470
การประเมินผลชิ้นงานหรือภาระงาน
ระดับคุณภาพ
ประเด็นการประเมิน
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
การออกเสียง ออกเสียงถูกต้อง ออกเสียงถูกต้อง ออกเสียงถูกต้อง ออกเสียงไม่ถูกต้อง
ตามหลักการ ตามหลักการออก เป็นบางส่วนแต่ ทำ�ให้ไม่เข้าใจ
ออกเสียง เน้นคำ� เสียงเป็นส่วนใหญ่ พอเข้าใจ
ในประโยคอย่าง
เหมาะสม
ความคล่องแคล่ว พูดได้อย่างเป็น พูดติดขัดบ้างแต่ยัง พูดคล้ายแบบท่องจำ� พูดแบบท่องจำ�
ธรรมชาติคล่องแคล่ว สามารถสื่อสาร พอสื่อสารได้บ้าง ตะกุกตะกักสื่อสาร
สื่อสารได้ชัดเจน ได้ชัดเจน ได้น้อยมากหรือ
ไม่ได้เลย
คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้สำ�นวน และ ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน
และโครงสร้าง โครงสร้างภาษา และโครงสร้าง และโครงสร้าง และโครงสร้าง
ถูกต้องและเหมาะสม ประโยคถูกต้อง ประโยคแบบง่ายๆ ประโยคแบบง่ายๆ
เป็นส่วนใหญ่แต่ไม่ และมีข้อผิดบ้าง และมีข้อผิดมาก
หลากหลาย
การแสดงท่าทาง แสดงท่าทางและ แสดงท่าทางและ พูดโดยไม่แสดง พูดโดยไม่แสดง
ประกอบ พูดด้วยนํ้าเสียงที่ พูดด้วยนํ้าเสียงที่ ท่าทางประกอบ ท่าทางประกอบ
เหมาะสมกับบทบาท เหมาะสมกับบทบาท นํา้ เสียงคล้ายการอ่าน นํ้าเสียงเป็นการ
และสถานการณ์ และสถานการณ์ หรือการท่องจำ� ท่องจำ�
ดีมาก ในระดับดี
8. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. จุดประสงค์ปลายทาง
พูดทักทาย การแนะนำ�ตนเอง และนำ�ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสื่อความ
2. จุดประสงค์นำ�ทาง
1. ออกเสียงและบอกความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนการทักทายแนะนำ�ตน
2. ระบุโครงสร้าง Present Tense of the Verb Be
471
กิจกรรมการเรียนรู้ชั่วโมงที่ 1
ขั้นนำ� - ครูถามนักเรียนจากรูปภาพ
What kind of international festivals do you know about?
Where do they take place?
ขั้นสอน
- ครูสอนประโยคการถามชื่อ การสะกดชื่อและชื่อสกุล เกิดที่ไหนเติบโตที่ไหน
- Hello./Good morning (afternoon, evening). My name is Suda Rakdee. S - U - D - A - R - A - K - D -
E - E.
- ครูพูดและเขียนประโยคเกี่ยวกับสถานที่เกิด และสถานที่ที่ครูได้รับการเลี้ยงดูและเติบโตมาบนกระดาน
ดังนี้
- I was born in Chiangmai, but I was raised in Bangkok. (ครูให้นักเรียนเดาความหมายของ was raised
ในกรณีที่นักเรียนไม่ทราบความหมาย)
- What is your name?
- How do you spell your first name?
- How do you spell your last name?
- Where were you born and raised?
- ครูสุ่มถามนักเรียนเกี่ยวกับข้อมูลของเพื่อนที่นักเรียนได้สอบถามไปเมื่อสักครู่ ดังนี้
- What is his (her) first (last) name?
- How does he (she) spell his (her) first name?
- How does he (she) spell his (her) last name?
- Where was he (she) born and raised?
คำ�ศัพท์การทักทาย การแนะนำ�ตนเอง แนะนำ�เพื่อน การกล่าวลา
ระบุโครงสร้างที่ใช้ถามใน Present Tense
สอนสำ�นวนการแนะนำ�ตนเองเมื่อรู้จักกันครั้งแรก การกล่าวลา
- ครูเขียนคำ�ศัพท์ดงั กล่าวบนกระดาน เช่น introduce, raise, greeting, festival เป็นต้น ครูให้นกั เรียนทีท่ ราบ
ความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้นเป็นผู้บอก ส่วนคำ�ศัพท์ใดที่ไม่มีนักเรียนคนใดทราบแล้ว ครูเป็นผู้บอก
ความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้นแก่นักเรียน ครูบอกนักเรียนว่าครูจะเลือกบทสนทนาบางบทในหนังสือ
เรียน หน้า 2 - 3 แล้วอ่านประโยคของผู้พูดคนแรกในบทสนทนาให้นักเรียนฟัง
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนดูรูปภาพในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 2 - 3 และให้นักเรียนร่วม
กันอภิปรายเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนเห็นในรูปภาพโดยครูใช้คำ�ถามเป็นตัวกระตุ้น ดังนี้
- Where are the people? (a hotel lobby)
- What are the people doing? (talking)
- Is everyone from the same country? (no)
- Where is Grace from? (Kenya)
- How many people are checking into the hotel? (one)
- How many people have musical instruments? (three)
- Why are so many people there? (for an international music festival)
472
- How do you know? (There’s a sign and several people have music instruments with them.)
- ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้วสลับกันสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ นามสกุล สถานที่เกิด และสถานที่
ที่ได้รับการเลี้ยงดูและเติบโตมา เมื่อนักเรียนสอบถามเสร็จสิ้นแล้ว
- แบ่งนักเรียนตามสถานการณ์ตา่ งๆ การทักทาย การแนะนำ�ตนเอง การแนะนำ�เพือ่ น การกล่าวลา และการ
เข้าพักโรงแรมแบบสะกดชื่อง่ายๆ
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนฝึกแสดงบทบาทสมมติจากบทสนทนาในเนือ้ เรือ่ งปรับเปลีย่ นบทสนทนา โดยให้นกั เรียนออกมา
หน้าชั้นเรียนแบ่งกลุ่มตามสถาการณ์ต่างๆ ที่เรียน
พูด กล่าวลา ขอโทษ และการให้ข้อมูลเข้าพักโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสื่อความ
1. ออกเสียงและบอกความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนการกล่าวลา
2. ระบุโครงสร้าง Present Simple Tense
ขั้นนำ� - ให้นักเรียนดูวีดีโอ การกล่าวลา ขัดจังหวะในการถามทาง
ขั้นสอน - พูดการกล่าวลา ระบุโครงสร้างที่ใช้ถามใน Present Tense
การกล่าวลา ครูเขียนคำ�ศัพท์ดังกล่าวบนกระดาน เช่น take care, farewell เป็นต้น ครูให้นักเรียนที่ทราบ
ความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้นเป็นผู้บอก ส่วนคำ�ศัพท์ใดที่ไม่มีนักเรียนคนใดทราบแล้ว ครูเป็นผู้บอก
ความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้นแก่นักเรียน ครูบอกนักเรียนว่าครูจะเลือกบทสนทนาบางบทในหนังสือ
เรียน หน้า 2 - 3 แล้วอ่านประโยคของผู้พูดคนแรกในบทสนทนาให้นักเรียนฟัง จากนั้นให้นักเรียนหา
บทสนทนาทีค่ รูอา่ น แล้วอ่านประโยคโต้ตอบของคูส่ นทนาในบทสนทนานัน้ เช่น ครูเลือกอ่านประโยคแรก
ของบทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 3 ซึง่ ผูพ้ ดู คือผูห้ ญิงทีย่ นื อยูใ่ นลิฟต์วา่ Good night. See you tomorrow.
นักเรียนหาประโยคบทสนทนาทีค่ รูอา่ น นักเรียนชีท้ บี่ ทสนทนาและอ่านประโยคโต้ตอบซึง่ เป็นประโยค
ของผู้ชายที่ยืนอยู่นอกลิฟต์ว่า Bye. Take care.
การพูดถามทาง โดยใช้ โครงสร้าง Present Simple Tense จากบทสนทนา
ขั้นฝึกปฏิบัติ - นักเรียนฝึกพูดกล่าวลา ขอโทษได้การขัดจังหวะ ในการถามทางในสถานการณ์ในโรงแรม
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนฝึกแสดงบทบาทสมมติจากบทสนทนาในเนือ้ เรือ่ งปรับเปลีย่ นบทสนทนา โดยให้นกั เรียนออกมา
หน้าชั้นเรียนแบ่งกลุ่มสถาการณ์ต่างๆ ที่เรียน
พูดให้ข้อมูลส่วนตัวในการเข้าพักโรงแรมได้มีประสิทธิภาพ
473
ระบุโครงสร้าง Present Simple Tense
ขั้นนำ� - ครูถามใช้ประโยคคำ�ถามเริ่มสนทนากับนักเรียน
What is your name?
What’s your nationality?
What’s your telephone number?
How’s your mother?
Are you from Prachuapkirikhan?
Are your parents in Bangkok now?
ขั้นสอน - ครูทบทวนหลักการใช้ Present Simple Tense of the verb be
I am
He ___
She____ on vacation
It ____
We _____
You _____
They _____
- ครูให้นกั เรียนช่วยกันเติม verb be ทีใ่ ช้คกู่ บั pronouns ลงในประโยค นักเรียนทีส่ มัครใจ ออกมาเขียนคำ�ตอบ
ลงบนกระดาน ครูเฉลยคำ�ตอบคำ�ตอบและอธิบายเพิ่มเติมว่า am ใช้คู่กับ pronoun คือ I ส่วน is ใช้คู่กับ
pronouns คือ he, she, it รวมทั้งใช้คู่กับ nouns ที่เป็นเอกพจน์ are ใช้คู่กับ pronouns we, you, they รวม
ทั้งใช้คู่กับ nouns ที่เป็นพหูพจน์ ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า Present Tense of the verb be จะใช้เพื่อพูดเกี่ยวกับ
เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เป็นจริงในปัจจุบัน
- ครูให้นกั เรียนอ่านตัวอย่างประโยคคำ�ถามแบบ yes/ no questions และวิธกี ารสอบสัน้ ในกรอบ Grammar
ในหลังสือเรียน หน้า 4 ครูสรุปว่าการตอบแบบสัน้ ของรูป verb be ทีใ่ ช้คกู่ บั pronouns นัน้ นักเรียนสามารถ
ลดรูปของ is และ are I’m not, he isn’t, she isn’t, it isn’t, we aren’t,you aren’t, they aren’t เป็นต้น
ขั้นปฏิบัติ
- ครูนำ�แบบฟอร์มการเข้าพักโรงแรม และให้นักเรียนถามเพื่อนโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ครูให้นักเรียนอ่าน
ตัวอย่างประโยคคำ�ถามแบบ Information questions และ วิธีการตอบแบบลดรูปของ verb be ในกรอบ
Grammar คำ�ถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh - Question word แต่ไม่ลดรูปของ are
- ครูให้นกั เรียนจำ�ลองสถานการณ์ในโรงแรมในการให้ขอ้ มูลเข้าพักโรงแรม จากบทในหนังสือเรียนและเพิม่
บทสนทนา โดยการถามข้อมูล
Where are you from?
What’s your email address?
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนเล่นเกม Tic - Tac - Toe โดยให้ Key words และพูดประโยคโดยใช้คำ�ที่เขียนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
474
ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการให้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อเข้าพักในโรงแรมได้
ระบุโครงสร้าง Present Simple Tense
ขั้นนำ� - ครูถามคำ�ถามนำ�เข้าสู่บทเรียน จากรูปภาพ หน้า 5 แล้วถามตอบเกี่ยวกับรูปภาพ ดังนี้
Who are they?
What is the man doing?
What are they doing?
What do you think they are saying?
- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟงั ซีดบี นั ทึกเสียงบทสนทนาของบุคคลทัง้ 2 ในรูปภาพ โดยถามนักเรียน
ว่า What kinds of questions do you think you are going to hear in conversation?
Are you here on vacation? Where a from?
- ครูเขียนคำ�ศัพท์และสำ�นวนทีน่ กั เรียนต้องพบในบทสนทนาทีค่ รูก�ำ ลังจะเปิด เช่น suitcase, visit, meeting,
ma’am, bright up, purpose เป็นต้น
ขั้นฝึกปฏิบัติ - นักเรียนเขียนข้อมูลกรอกลงในตารางของ Ms. Wilson
- ถามนักเรียน Could you give me some words?
ขั้นนำ�ไปใช้ - สรุป เรื่องที่ฟังจากบทฟังการเข้าพักโรงแรมได้มั่นใจในการสื่อสาร
แสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการเข้าพักโรงแรมได้
1. โครงสร้างสำ�นวน
2. คำ�ศัพท์
ขั้นนำ� - ครูถามคำ�ถามเปิดเข้าสู่บทเรียน Who are the people?
Where are they?
What are they talking about?
475
ขั้นสอน - นักเรียนฟังบทสนทนาเรื่องการเข้าพักโรงแรม ครูสอนคำ�ศัพท์และสำ�นวน เช่น desk clerk, reservation,

fill in, form, credit card, concierge, Here you are. Have a nice stay. เป็นต้น
ขั้นปฏิบัติ - นักเรียนออกมาแสดงบทบาทสมมตในการเข้าพักโรงแรม และตอบคำ�ถาม
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนแต่งบทสนทนาเพื่อสร้างสถานการณ์จำ�ลองเป็นภาระงาน
อ่านบทความเกี่ยวกับการบรรยายที่พักเยาวชนได้อย่างถูกต้อง
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนดูชื่อบทความเรื่อง The Place to Stay ครูกระตุ้นความรู้เดิมเกี่ยวกับคำ�ศัพท์ (youth hostel)
What do you know about youth hostels?
ขั้นสอน - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทความเรื่อง The Place to Stay
เขี ย นข้ อ มู ล ดั ง นี้ inexpensive, for young people, located in unusual places, hostel, afford,
accommodation, offer, socializing, organize, budget, facility เป็นต้น
ขั้นฝึกปฏิบัติ - แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม ตามย่อหน้า อ่านและสรุปใจความแต่ละย่อหน้า และตอบคำ�ถาม
ขั้นนำ�ไปใช้ - นำ�เสนอบทสรุปแต่ละกลุ่ม
9. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
หนังสือเรียน MEGA GOAL Student Book 2
ซีดี
10. การวัดและประเมินผล
สิ่งที่วัด
ประเมินการพูด การแสดงบทบาทสมมติ
วิธีการ
การออกเสียง, สำ�เนียง การฝึกปฏิบตั จิ ริง หรือสถานการณ์จ�ำ ลอง บทบาทสมมุติ การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
เครื่องมือวัด
เกณฑ์การประเมิน, การทำ�แบบฝึกหัด
เกณฑ์การวัด
รูบริค
476
11. บันทึกผลหลังสอน
ผลการเรียนรู้
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอุปสรรค
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.......................................................ผู้สอน ลงชื่อ.......................................................ผู้ตรวจ
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
477
รายวิชา
ใบงานที่ 1 ภาษาอังกฤษ
Write complete Questions. Then answer question for yourself.

When / your birthday
Q: When’s your birthday?
A: It’s October 26.
1. where / your mother from?
Q: ———————————————————
A: ———————————————————
2. what / your favorite vacation place?
Q: ———————————————————
A: ———————————————————
3. how / your father?

Q: ———————————————————
A: ———————————————————
4. who / your English teacher?

Q: ———————————————————
A: ———————————————————
5. why / your sister at home and not at school?

Q: ———————————————————
A: ———————————————————
6. when / your vacation?

Q: ———————————————————
A: ———————————————————
478
Answer will vary for the second sentence. Sample

Answers:
1. Q: where’s your mother from?
A: She’s from Brazil.
2. Q: What’s your favorite vacation place?
A: My favorite vacation place is Spain.
3. Q: How’s your father?
A: He’s fine.
4. Q: Who’s your English teacher?
A: Ms. Angela is my English teacher.
5. Q: Why’s your sister at home and not at school?
A: She’s sick today.
6. Q: When’s your vacation?
A: My vacation in April.
wwwwwwww
479
รหัสวิชา อ22101 Action!
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมี
เหตุผล
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 2/1 ปฏิบัติตามคำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ�คำ�ชี้แจง และคำ�อธิบายง่ายๆ ที่ฟังและอ่าน
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.3 นำ�เสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและ
การเขียน
ตัวชี้วัด ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำ�วัน ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำ�คัญ/ แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์เรือ่ ง/
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
1. ฟังและพูดคำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจง และคำ�อธิบายและฝึกฝนอย่างจริงจัง
2. พูดและเขียนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำ�วันประสบการณ์ที่อยู่ในสังคมอย่างมีความมั่นใจในการใช้
ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
3. พูดและอ่านจับใจความสำ�คัญแก่นสาระ หัวข้อเรื่อง การวิเคราะห์/ข่าว/เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ
4. ฟังและพูดในการสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำ�ลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน
อย่างมีประสิทธิภาพในการสื่อความ
480
การฟัง พูด อ่าน และเขียนเนื้อหาที่หลากหลายและน่าสนใจ ความรู้เกี่ยวกับคำ�ศัพท์ สำ�นวน โครงสร้างประโยค
และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
1. Function - Giving commands
- Expressing approval and disapproval
- Telling about present ongoing activities
- Using fillers to delay answering
2. Grammar - Present Progressive Tense
3. Vocabulary - director - stagecoach - street - horseback
- suitcase - husband - thief - jail
- western - wife - act - arrive
- carry - chase - check - crash
- cross - date - drop - get off
- happen - ride - take - wait for
- excellent - heavy - terrible
การพูด: การพูดขอและให้ข้อมูล การพูดและแลกเปลี่ยนความคิด
การอ่าน: การเดาข้อมูล การจับใจความสำ�คัญ
มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
5. สมรรถนะสำ�คัญของผู้เรียน
มีทักษะในการสื่อสาร
มุ่งมั่นในการทำ�งาน (รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังและเพียงพอ)
481
นักเรียนทำ�วีดีโอคลิป โดยใช้ Present Progressive Tense ในการบรรยายเรื่องราว
การประเมินผลชิ้นงานหรือภาระงาน
ตามหลักการ ตามหลักการออก เป็นบางส่วน ทำ�ให้ไม่เข้าใจ
ออกเสียง เน้นคำ� เสียงเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเข้าใจ
ความคล่องแคล่ว พูดได้อย่าง พูดติดขัดบ้างแต่ยัง พูดคล้ายแบบท่องจำ� พูดแบบท่องจำ�
เป็นธรรมชาติ สามารถสื่อสาร พอสื่อสารได้บ้าง ตะกุกตะกักสื่อสาร
คล่องแคล่วสื่อสาร ได้ชัดเจน ได้น้อยมากหรือ
ได้ชัดเจน ไม่ได้เลย
และโครงสร้าง โครงสร้างภาษา และโครงสร้าง และโครงสร้าง และโครงสร้าง
ถูกต้องและ ประโยคถูกต้อง ประโยคแบบง่ายๆ ประโยคแบบง่ายๆ
เหมาะสม เป็นส่วนใหญ่ และมีข้อผิดบ้าง และมีข้อผิดมาก
แต่ไม่หลากหลาย
เหมาะสมกับบทบาท เหมาะสมกับบทบาท นํ้าเสียงคล้าย นํ้าเสียงเป็น
และสถานการณ์ และสถานการณ์ การอ่านหรือ การท่องจำ�
ดีมาก ในระดับดี การท่องจำ�
พูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์
1. สอนคำ�ศัพท์
2. ระบุโครงสร้าง Present Progressive Tense
482
ขั้นนำ� - ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กงั ฟู(kungfu)หรือศิลปะการป้องกันตัว(martial arts) ในกิจกรรม
Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 8 - 9 แล้วกระตุน้ ให้นกั เรียนพูดเกีย่ วกับสิง่ ทีน่ กั เรียนเห็นในรูปภาพ
ด้วยการถามนักเรียนว่า What do you think the film is about? นักเรียนน่าจะตอบว่า kung fu เพราะคาด
เดาจากเครื่องแต่งกายและท่าทางการต่อสู้ของนักแสดง ครูถามนักเรียนต่อไปว่า What is happening?
ในคำ�ถามข้อนี้นักเรียนจะใช้ท่าทางของบรรดานักแสดงเป็นเครื่องมือช่วยในการหาคำ�ตอบ ซึ่งนักเรียน
น่าจะให้คำ�ตอบดังนี้
- The man is cooking.
- Some actors are eating.
- One actor is reading a magazine.
- They’re making a kung fu movie.
- The director is directing the actors.
- The man is holding the young woman.
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงชื่อหน่วยการเรียนรู้เรื่อง Action! แล้วถามนักเรียนเพื่อให้รู้ว่านักเรียนมี
ประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับเรื่องภาพยนตร์กังฟูมากน้อยเพียงใด ด้วยคำ�ถามดังนี้
- Do you like kung fu movies?
- What are the names of some famous kung fu movies?
- Who are some famous martial arts actors?
- ครูจงึ บอกความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านัน้ แก่นกั เรียน เช่น taste, hold, feed, look around, get into, Excel-
lent., terrible, run away, take…away เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพผู้กำ�กับภาพยนตร์กังฟู แล้วอ่านประโยคที่ผู้กำ�กับกำ�ลังพูดกับบรรดานักแสดงใน
หนังสือเรียน หน้า 8 - 9 แล้วถามนักเรียน ดังนี้
- Does the director like what all the actors are doing? (no)
- Who is doing a good job? (Mei)
- ครูพูดและเขียนประโยค The director approves of what Mei is doing. บนกระดาน แล้วขีดเส้นใต้ที่คำ�
approves และเขียน approval = That’s good. และถามนักเรียนต่อไปว่า
- Who is not doing a good job? (Lee and Yao)
- ครูพูดและเขียนประโยค The director disapproves of what they are doing. บนกระดานแล้วขีดเส้นใต้
ที่คำ� disapproves และเขียน disapproval = That’s bad.
- ครูอธิบายคำ�ศัพท์ approval ว่าคือการยอมรับต่อการกระทำ�ของผู้อื่นในขณะที่ disapproval คือการ
ไม่ยอมรับต่อการกระทำ�ของผู้อื่น
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Quick Check ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 8 ซึ่งเป็นกิจกรรมให้นักเรียนค้นหา
คำ�ศัพท์และสำ�นวนในบทสนทนาที่ใช้แสดงการยอมรับและไม่ยอมรับต่อการกระทำ�ของผู้อื่น และพูด
ให้เพื่อนฟัง
- ครูตรวจสอบว่านักเรียนรู้จักบุคคลต่างๆ ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กังฟูในหนังสือเรียน หน้า 8 - 9
มากน้อยเพียงใด โดยครูจะพูดถึงบุคคลคนหนึง่ ซึง่ อยูใ่ นฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กงั ฟู จากนัน้ ให้นกั เรียน
483
ชี้ไปที่รูปภาพของบุคคลคนนั้น เช่น ครูพูดว่า the actor at the food stand นักเรียนชี้ไปที่นักแสดงชาย

ผู้ซึ่งยืนอยู่ ณ ร้านขายของ จากนั้นครูพูดถึงบุคคลอื่นต่อไปอีก เช่น the director, the man near the pond,
the bad man เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Quick Check ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 8 ซึ่งเป็นกิจกรรมให้นักเรียน
จับคู่บุคคลต่างๆ ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กังฟูกับอากัปกิริยาที่พวกเขากำ�ลังกระทำ�อยู่ เมื่อนักเรียน
ทำ�กิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน แล้วจึงให้นักเรียนร่วมกันเฉลย
คำ�ตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นนำ�ไปใช้ - อ่านแล้วสรุปแต่ละบทสนทนา
จุดประสงนำ�ทาง
พูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์
จุดประสงค์ปลายทาง
สอนคำ�ศัพท์
ระบุโครงสร้าง Present Progressive Tense
ขั้นนำ� - ครูถามคำ�ถามนักเรียนจากรูปภาพ บทที่ 2 What are they doing?
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work ข้อ B แล้วให้นักเรียนอ่าน
ออกเสียงตามซีดบี นั ทึกเสียง ครูถามนักเรียนเกีย่ วกับบทสนทนาตัวอย่างว่า Why is that strange? นักเรียน
น่าจะตอบว่าฉากภาพยนตร์กังฟูที่กำ�ลังถ่ายทำ�อยู่นี้เป็นฉากที่ย้อนยุคโบราณดังนั้นจึงยังไม่มีการใช้
โทรศัพท์มอื ถือกันในยุคสมัยนัน้ ในการอธิบายคำ�ตอบครูอนุญาตให้นกั เรียนตอบเป็นภาษาไทยได้ จากนัน้
ให้นกั เรียนแต่ละคูช่ ว่ ยกันหาเหตุการณ์ทกี่ �ำ ลังดำ�เนินอยูใ่ นฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กงั ฟู ซึง่ เป็นจุดทีผ่ ดิ
ไม่เข้ากันกับฉากภาพยนตร์กังฟูเรื่องนี้มาอีก 7 เหตุการณ์
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นเพือ่ ทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยให้นกั เรียนทีส่ มัครใจ
อ่านออกเสียงประโยคคำ�สั่ง จากนั้นให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างเกี่ยวกับการถาม -
ตอบเหตุการณ์ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กังฟู แล้วให้นักเรียนอ่านออกเสียงตามซีดี
บันทึกเสียง
- นักเรียนคู่เดิมช่วยกันตั้งประโยคคำ�ถามและตอบคำ�ถามเหล่านั้น ครูกระตุ้นให้นักเรียนใช้วิธีตั้งประโยค
คำ�ถามแบบ Wh - questions และตอบแบบ yes/no questions เมือ่ นักเรียนทำ�กิจกรรมเสร็จสิน้ จึงให้นกั เรียน
ตรวจสอบการตั้งประโยคคำ�ถามและการตอบคำ�ถามกับนักเรียนคู่อื่น
- นักเรียนคู่เดิมนำ�ประโยคคำ�ถามและคำ�ตอบเหล่านั้นมาใช้สลับบทบาทกันสนทนาตามที่นักเรียนได้รับ
ครูเดินสำ�รวจการทำ�กิจกรรมของนักเรียน
- ครูให้นักเรียนออกมาพูดนำ�เสนอบทสนทนาหน้าชั้นเรียน ครูประเมินการพูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์ โดยใช้เกณฑ์การประเมินความสามารถในการ
สนทนา
484
- ครูให้นักเรียนคู่เดิมทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยให้นักเรียนที่สมัครใจอ่าน

ออกเสียงประโยคคำ�สั่ง แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่ากิจกรรมนี้ต้องการให้นักเรียนทำ�สิ่งใด
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนคู่เดิมใช้บทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work ข้อ B มาใช้ในการสลับบทบาทกันพูดถาม -
ตอบเกีย่ วกับเหตุการณ์ทกี่ �ำ ลังดำ�เนินอยูใ่ นฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์กงั ฟู ซึง่ เป็นจุดผิดทีไ่ ม่เข้ากันกับฉาก
ภาพยนตร์กังฟูเรื่องนี้ จากนั้นให้นักเรียนออกมานำ�เสนอบทสนทนาหน้าชั้นเรียน
จุดประสงค์นำ�ทาง
พูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์ได้
ระบุโครงสร้าง Present progressive tense
ขั้นนำ� - ครูทบทวนการใช้ Present progressive tense โดยให้นกั เรียนอ่านหลักการใช้ในกรอบGrammar ในหนังสือ
เรียน หน้า 10 และช่วยกันสรุปหลักการใช้ว่า ประโยคโครงสร้างของ Present progressive tense จะใช้พูด
กับเหตุการณ์ สถานการณ์ หรือการกระทำ�ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ ณ ขณะที่พูด เช่น The director is shouting at
the actors now. และใช้พูดกับเหตุการณ์ สถานการณ์ รวมทั้งการกระทำ�ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น They
are making a movie tomorrow. แต่มีคำ�กริยาบางคำ�ที่โดยปกติแล้วจะไม่ใช้กับประโยคโครงสร้าง Present
progressive tense ได้แก่คำ�ว่า like, love, want, smell, taste และ hear เช่น I want some pizza now. เป็นต้น
ขั้นสอน - ครูตรวจสอบการใช้ประโยคโครงสร้าง Present progressive tense โดยนักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อทำ�แบบ
ฝึกหัดเติมคำ�กริยาลงในบทสนทนาระหว่าง Julia กับ Greg ในแบบฝึกหัด ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 10
เมือ่ นักเรียนเติมคำ�กริยาลงในบทสนทนาเสร็จสิน้ แล้วจึงให้นกั เรียนตรวจคำ�ตอบกับนักเรียนคูอ่ นื่ (ดูเฉลย
ท้ายเล่ม)
- ครูให้นกั เรียนแต่ละคูส่ ลับกันอ่านออกเสียงบทสนทนา แล้วสุม่ เรียกนักเรียนออกมา 1 คูใ่ ห้อา่ นบทสนทนา
ที่เติมคำ�กริยาสมบูรณ์แล้วให้เพื่อนในชั้นเรียนฟัง
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์ในหนังสือเรียน หน้า 11 แล้วถามนักเรียนว่า What are
they doing? ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบว่า They are making a movie.
- ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่นักเรียนเคยพบเห็นการถ่ายทำ�ภาพยนตร์ แล้วให้เล่า
ประสบการณ์นั้นให้เพื่อนในชั้นเรียนฟัง
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพบุคคลต่างๆ ในหนังสือเรียน หน้า 11 แล้วให้ชว่ ยกันบอกว่าบุคคลเหล่านัน้ กำ�ลังทำ�
สิ่งใดอยู่ ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบดังนี้
- The man is playing the guitar.
- The two people are playing basketball.
- The two men are painting the building.
- ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 11 ซึ่งแบบฝึกหัดนี้นักเรียนจะได้ตอบคำ�ถาม
เกี่ยวกับการกระทำ�กิริยาต่างๆ ของบุคคลในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์
485
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนออกมาสรุปจากภาพ
ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการกระทำ�ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ของบุคคลในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์
ฟังเสียงคำ�ศัพท์
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนฝึกการออกเสียง /i/ และ /i/ โดยครูเปิดซีดีบันทึกเสียงเกี่ยวกับวิธีการออกเสียง /i/ และ /i/
ในกิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรียน หน้า 11 ให้นักเรียนฟังจำ�นวน 2 รอบ ในการฟังรอบแรกให้
นักเรียนฟังและสังเกตความแตกต่างกันของการออกเสียง /i/ และ /i/ จากนัน้ เปิดซีดบี นั ทึกเสียงให้นกั เรียน
ฟังรอบที่ 2 เพือ่ ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงตาม ทัง้ นีเ้ พือ่ เตรียมความพร้อมให้นกั เรียนก่อนการทำ�กิจกรรม
Listening ในหนังสือเรียน หน้า 11
- ครูสุ่มให้นักเรียนอ่านประโยคคำ�สั่งในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 11 แล้วให้นักเรียนช่วย
กันสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนจะต้องทำ�ในกิจกรรมนี้
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาให้นักเรียนฟังรอบที่ 1 โดยให้นักเรียนกวาดสายตาดูข้อความใน
กิจกรรม Listening ในขณะทีก่ �ำ ลังฟังบทสนทนาเพือ่ ให้นกั เรียนได้สงั เกตว่านักเรียนได้ยนิ คำ�หรือข้อความ
ใดที่พอจะเชื่อมโยงกับบุคคลใดในรูปภาพได้บ้าง
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทสนทนารอบที่ 2 ในการฟังรอบนีค้ รูให้นกั เรียนฟังแล้วทำ�ภาระงานที่
กำ�หนดไว้ในกิจกรรม Listening ครูหยุดซีดีบันทึกเสียงทุกครั้งที่จบแต่ละบทสนทนา
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงรอบที่ 3 เพือ่ ตรวจคำ�ตอบ จากนัน้ ให้นกั เรียนทีส่ มัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่
เพื่อนในชั้นเรียนฟัง (ดู Audio script และเฉลยท้ายเล่ม) ครูประเมินผลการฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการก
ระทำ�ที่กำ�ลังดำ�เนินอยู่ของบุคคลในฉากการถ่ายทำ�ภาพยนตร์ โดยใช้การประเมิน
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนสรุปเขียน Mind Mapping จากบทฟัง
พูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่นักเรียนชื่นชอบ
ระบุโครงสร้างประโยค Present Progressive Tense
ขั้นนำ� - ครูถามคำ�ถามจากรูปภาพ Who are the people? (a report and actress)
What are they probably talking about?
486
ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนเปิดส่วนของบทสนทนาทีน่ กั เรียนปิดไว้ ครูเขียนคำ�ศัพท์และสำ�นวนดังกล่าวบนกระดาน

filming, location, sequel, stants, stuntwoman, so, all by myself, not at all, co - star, train, the press,
attention, success
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงบทสนทนา และตอบคำ�ถามในกิจกรรม About the conversation
ขั้นนำ�ไปใช้ - เล่นเกมตอบคำ�ถาม โดยใช้ Present Progressive Tense
อ่านบทความเกี่ยวกับช่องทางการชมภาพยนตร์เข้าใจ
ระบุโครงสร้าง Present Progressive Tense
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนดูรูปภาพในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 13 แล้วตั้งคำ�ถามถามนักเรียนเพื่อดึง
ความสนใจของนักเรียนให้เข้าสู่บทความที่นักเรียนกำ�ลังจะได้อ่าน ดังนี้
- What do you see in the first picture? (an online video clip)
- What are the people in the second picture doing? (They’re making a video clip.)
- ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับช่องทางในการชมภาพยนตร์ของผู้คนว่า Where do most
people watch movies in your country? ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบตามประสบการณ์เดิมของนักเรียนว่า TV,
theater หรือ Internet เป็นต้น
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงชื่อบทความ Movies Everywhere! แล้วถามนักเรียนว่า What do you think it
is about? ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้นกั เรียนตัง้ จุดประสงค์ในการอ่านไว้กอ่ นล่วงหน้าว่าบทความทีน่ กั เรียนกำ�ลังจะได้
อ่านนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใด
- ครูให้นักเรียนที่ทราบบอกความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้นแก่เพื่อน และกระตุ้นให้นักเรียนใช้บริบท
รอบข้างช่วยในการเดาความหมายของคำ�ศัพท์ ซึง่ อาจมีคำ�ว่า stare, release, download, site, candid, shot,
laptop, popular เป็นต้น
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทความเรื่อง Movie Everywhere! ในหนังสือเรียน หน้า 13 ให้นักเรียนฟัง 1 รอบ
และให้นักเรียนอ่านตามในใจ
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 2 ในการฟังรอบนี้ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
- ครูให้นักเรียนสังเกตเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ที่พบในบทอ่าน แล้วอธิบายให้นักเรียนฟังว่า
quotation marks (“ ”) หรือทีใ่ ช้เรียกกันในภาษาไทยว่าเครือ่ งหมายคำ�พูด ใช้เมือ่ ต้องการทีจ่ ะสกัดข้อความ
เพื่ออ้างถึงคำ�พูดของบุคคลหนึ่ง
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนอ่านบทความและตอบคำ�ถามในกิจกรรม After Reading ในหนังสือเรียน หน้า 13 เพือ่ ตรวจ
สอบความเข้าใจการอ่านบทความเรื่อง Movie Everywhere! แบ่งกลุ่มให้นักเรียนช่วยกันหาคำ�ตอบ
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนสรุปเรื่อง Movie Everywhere! โดยเขียน Mind Mapping จากแต่ละกลุ่ม
487
ซีดี
ภาพ Flashcards
การออกเสียง, สำ�เนียง การฝึกปฏิบตั จิ ริง หรือสถานการณ์จำ�ลอง บทบาทสมมุติ การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
รูบริค, บทอ่าน
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
488
Find the mistake in each sentence. Then rewrite each sentence correctly.
1. Incorrect: I am wanting a new I-phone.
Correct: —————————————————————————————————————
2. Incorrect: The pasta is smelling good.
Correct: —————————————————————————————————————
3. Incorrect: I watch the new thriller on television tonight after dinner.
Correct: —————————————————————————————————————
4. Incorrect: I am loving the co-star in the film.
Correct: —————————————————————————————————————
5. Incorrect: The milk is tasting bad!
Correct: —————————————————————————————————————
6. Incorrect: I go to the library after school tomorrow.
Correct: —————————————————————————————————————
Answers:
1. I want a new I-phone.
2. The pasta smells good.
3. I am watching the new thriller on television tonight after dinner.
4. I love the co-star in the film.
5. The milk tastes bad!
6. I am going go the library school tomorrow.
wwwwwwww
489
รหัสวิชา อ22101 Who’s who
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ
คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
สาระที่ 4: ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก
ตัวชี้วัด ต 4.2 ม. 2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู/้ ข้อมูลต่างๆ จากสือ่ และ
แหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
1. ฟังและพูดในการสื่อสารระหว่างบุคคลอย่างมีความมั่นใจในการสื่อสาร
2. ฟังและพูด คำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจง และคำ�อธิบายอย่างมีปรสิทธิภาพ
3. อ่านภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/การค้นคว้าความรู้/ข้อมูลต่างๆจากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ
ในการศึกษาต่อประกอบอาชีพมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
การฟังการพูดสนทนาเกี่ยวกับอาชีพด้วยการใช้โครงสร้างทางภาษาและการอ่านบทอ่านเกี่ยวกับเรื่องราวที่
หลากหลายและน่าสนใจ
490
1. Functions: - Asking and giving facts about professions
- Talking about one’s goal.
2. Grammar - Present simple Tense.
- Wh - questions in the simple present
- Verb want + infinitive
3. Vocabulary - bridge - clothes - college - management
- office - problem - truck - vegetable
- actor - carpenter - doctor
- computer programmer - driver - engineer
- flight attendant - guitarist - manager - mechanic
- musician - nurse - player - presidents
- receptionist - salesperson - singer - travel agent
- writer - building - company
- construction company - department store
- receptionist - salesperson - singer - farm
- garage - medical center - travel agency - design
- enjoy - fix - listen to - organize
- practice - relax - spend (time) - part
- time - boring - difficult - easy
- exciting - interesting - relaxing - stressful
- early - late
การพูด: การพูดและให้ข้อมูล การพูดอภิปราย การพูดนำ�เสนอ
การอ่าน: การอ่านออกเสียง การคาดเดาข้อมูล การจับใจความ
การเขียน: การเขียนบรรยาย
ประยุกต์ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการทำ�งาน อาชีพ และพัฒนาบุคลิกภาพ
5. ด้านสมรรถนะสำ�คัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร (ฝึกฝนชำ�นาญ)
491
มุ่งมั่นในการทำ�งาน (มีความมั่นใจในการใช้ภาษา)
ชิ้นงานภาระงาน
ทำ�สมุดป๊อบอัพ อาชีพที่อยากเป็นรวมกับเพื่อ คนละ 1 อาชีพ รวม 5 อาชีพ ใน 1 เล่ม
โครงสร้างทาง เขียนโดยโครงสร้าง เขียนโครงสร้าง เขียนโครงสร้าง เขียนโดยใช้
ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ได้ถูกต้อง ไวยากรณ์ผิดพลาด ไวยากรณ์ผิดพลาด โครงสร้างไวยากรณ์
ทุกประโยค เล็กน้อย หลายแห่ง ผิดพลาดเกินครึ่ง
หนึ่งของงานเขียน
การสะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สดคำ�และ
การใช้เครื่องหมาย ใช้เครื่องหมาย ใช้เครื่องหมาย เครื่องหมาย เครื่องหมายวรรค
วรรคตอน วรรคตอนถูกต้อง วรรคตอนผิดพลาด วรรคตอนผิดพลาด ตอนผิดพลาดเกิน
เล็กน้อย หลายแห่ง ครึ่งหนึ่งของงาน
เขียน
การใช้คำ�ศัพท์ ใช้คำ�ศัพท์และ มักใช้คำ�ศัพท์ มีปัญหาอยู่บ้าง ใช้คำ�ศัพท์ และ
สำ�นวนเหมาะสม สำ�นวนเหมาะสมแต่ ในการใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวนผิดพลาด
อ่านแล้วเข้าใจชัดเจน อ่านแล้วไม่เข้าใจบาง สำ�นวน อ่านแล้ว หลายแห่ง อ่านแล้ว
ทั้งหมด แห่ง ไม่เข้าใจหลานแห่ง ไม่เข้าใจ
การนำ�เสนอเนื้อหา เขียนได้ตรงประเด็น เขียนได้ค่อนข้าง เขียนไม่ค่อยตรง พูดเขียนไม่ตรง
ตามที่กำ�หนด และ ตรงประเด็นตามที่ ประเด็นตามที่ ประเด็นตามที่
สามารถเรียบเรียง กำ�หนดและสามารถ กำ�หนดและเรียบ กำ�หนด และเรียบ
เนื้อหาตามลำ�ดับ เรียบเรียงเนื้อหาได้ เรียงเนื้อหาไม่คอย เรียงเนื้อหาคามลำ�ดับ
เหมาะสม ค่อนข้างเหมาะสม เหมาะสมเท่าที่ควร
พูดขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพของบุคคลอื่นได้อย่างถูกต้อง
เลือกใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน โครงสร้าง บอกความหมายได้
492
ขั้นนำ�
- ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 14 - 15 แล้วอ่านออกเสียงชื่อหน่วยการเรียนรู้เรื่อง Who’s Who
พร้อมกัน จากนั้นให้นักเรียนดูรูปภาพในหนังสือเรียนหน้าเดียวกัน แล้วถามนักเรียนเกี่ยวกับบุคคล
6 คน ในรูปภาพ ดังนี้
- What’s her/his name?
- Who does she/he work for?
- Where does she/he work?
ขั้นสอน - ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับบุคคลที่นักเรียนรู้จักและประกอบอาชีพเหมือนกับบุคคลทั้ง 6 คน ในรูปภาพว่า
Do you know people who have the following jobs?
- ครูให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับความคิดเห็นของนักเรียนทีม่ ตี อ่ อาชีพของบุคคลทัง้ 6 คน โดยบอก
นักเรียนว่า Discuss what you like or don’t like about each occupation.
- ครูสอนคำ�ศัพท์ เช่น salesperson, marketing manager, psychologist, travel agent, exotic, call center
representative, frustrating, advertising, graphic designer, stressful, deadline, engineer, construction,
firm เป็นต้น
- ครูอธิบายการใช้ส�ำ นวนภาษาบางสำ�นวนให้แก่นกั เรียนโดยเขียนสำ�นวนภาษาดังนี้ in a furniture store, in
the hospital และ in a travel agency จากนั้นเขียนสำ�นวนภาษาเพิ่มเติมดังนี้ for a construction company,
for a computer software company และ for an advertising firm จากนั้นสรุปให้นักเรียนฟังว่า in ใช้พูด
ถึงสถานที่ ส่วน for ใช้พูดถึงบริษัท
ขั้นปฏิบัติ - ครูตรวจสอบความเข้าใจเรื่องคำ�ศัพท์เกี่ยวกับอาชีพที่พบในหนังสือเรียน หน้า 14 - 15 โดยให้นกั เรียน
ทำ�กิจกรรม Quick Check ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 14 จากนัน้ ตรวจคำ�ตอบกับเพือ่ น ครูให้นักเรียน
ที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียนฟัง (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 14 - 15 และให้นักเรียน
อ่านตามในใจ จากนั้นเปิดซีดีบันทึกเสียงให้นักเรียนฟังรอบที่ 2 และให้อ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
และทำ�กิจกรรม Quick Check
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนเขียนแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ของแต่ละบุคคล แบ่งเป็นกลุ่ม
ขัน้ นำ� - ครูถามแต่ละภาพอีกครั้ง หลังจากนักเรียนมีข้อมูลจาก Mind mapping
- What’s her/his name?
493
- Who does she/he work for?

- Where does she/he work?
ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ A - B ในหนังสือเรียน หน้า 15 โดยให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียง
บทสนทนาตัวอย่างการพูดขอและให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับอาชีพและทีท่ �ำ งานของ Lee Yung ในกิจกรรม Pair Work
ข้อ A และการพูดขอและให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับเป้าหมายในการประกอบอาชีพของ Judy ในกิจกรรม Pair Work
ข้อ B
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงบทสนทนาตัวอย่างตามซีดบี นั ทึกเสียง จากนัน้ ให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นเพือ่ ให้สลับ
กันพูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพของบุคคลอีก 5 คน จากข้อมูลในหนังสือเรียน หน้า 14 - 15
- ครูให้นกั เรียนออกมานำ�เสนอบทสนทนาหน้าชัน้ เรียน ครูประเมินการพูดขอและให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับอาชีพ
ของบุคคลอื่นโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพูด
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work ข้อ C ในหนังสือเรียน
หน้า 15 และให้นักเรียนอ่านออกเสียงตาม
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นกั เรียนสรุปบุคคลแต่ละอาชีพและนำ�เสนอหน้าชัน้ โดยแบ่งเป็นกลุม่
ขั้นนำ� - ครูทบทวน/สอนโครงสร้างประโยค Simple present tense โดยให้นักเรียนอ่านหลักการใช้โครงสร้าง
ประโยคในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 16
- ครูสรุปหลักการใช้ให้นักเรียนฟังดังนี้ ประโยคโครงสร้าง Simple present tense ใช้พูดถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งโดย
ปกติแล้วจะเป็นความจริงเสมอและสิ่งนั้นมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำ� เช่น The doctor works in a hospital.
ในกรณีที่ประธานของประโยคเป็นคำ�นามเอกพจน์หรือเป็นคำ�สรรพนาม he, she, it จะต้องเติม s ที่
คำ�กริยา หรือ es เมื่อคำ�กริยานั้นลงท้ายด้วย s, x, z, o, ch หรือ sh
- ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า Verb do จะถูกนำ�มาใช้ในประโยคโครงสร้าง Simple present tense เมื่อประโยคนั้น
ไม่เป็นความจริงหรือเมื่อประโยคนั้นเป็นประโยคคำ�ถาม เช่น
- I don’t want to be a travel agent.
- My uncle doesn’t like his new job.
- What do call center representatives do?
- Where does your mother do?
- ครูให้นักเรียนสังเกตว่ามีหลายอาชีพที่ใช้คำ�นามคล้ายคลึงกับคำ�กริยา เช่น
- A news reporter reports the news.
- The bus driver drives very fast.
494
- ครูสรุปหลักการใช้ Verb want + infinitive ในสำ�นวนประโยค I want to be a… ว่าเป็นการพูดถึงอาชีพ

ที่ต้องการเป็นในอนาคต เช่น
A: What does he want to be?
B: He wants to be a salesperson.
- ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 17 เมื่อนักเรียนทำ�แบบฝึกหัดเสร็จสิ้นแล้ว
จึงให้นักเรียนจับคู่ตรวจคำ�ตอบและสลับกันพูดถาม - ตอบบทสนทนานั้น
- ครูให้นักเรียนคู่ที่สมัครใจอ่านบทสนทนาที่เติมสมบูรณ์แล้วให้แก่เพื่อนในชั้นเรียนฟัง
- ครูทบทวนข้อมูลของบุคคล 6 คน ในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 14 - 15 ว่าใคร
ประกอบอาชีพอะไร โดยถามนักเรียนว่า
T: What does Judy Simpson do?
Ss: She is a nurse.
ครูถามคำ�ถามเช่นนี้จนครบทั้ง 6 คน
- ครูทบทวนกลุม่ คำ�ศัพท์เกีย่ วกับอาชีพและกลุม่ คำ�ศัพท์ทีใ่ ช้บรรยายความคิดเห็นทีม่ ตี อ่ อาชีพ ดังปรากฏ
ในแบบฝึกหัด ข้อ D ด้วยการให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้น
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนเล่นเกม Tic Tac Toe จากบทเรียนSimple Present Tense
ฟังบทพูดเกี่ยวกับอาชีพของบุคคลอื่นได้อย่างถูกต้อง
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนดูรูปภาพด้านล่างของหนังสือเรียน หน้า 17 แล้วถามนักเรียนเกี่ยวกับรูปภาพว่า
- Where are the people? (in a courtroom)
- What is happening? (A lawyer is asking a witness questions.)
- ครูถามความคิดเห็นของนักเรียนบางคนที่มีต่อการประกอบอาชีพทนายความว่า Do you like this job?
Why/Why not?
ขั้นสอน - ครูถามนักเรียนต่อไปว่า What do you think are interesting jobs? ครูเขียนอาชีพทีน่ กั เรียนบอกบนกระดาน
ซึ่งอาจจะมีคำ�ว่า teacher, doctor, engineer, computer programmer, travel agent, actor, journalist เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนบอกเหตุผลที่สนใจอาชีพดังกล่าว ซึ่งนักเรียนอาจใช้รูปประโยคที่เคยเรียนมาแล้วใน
บทเรียนย่อยที่ 1 เช่น I think it’s interesting to be a doctor. I like to help people. เป็นต้น
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนอ่านประโยคข้อ 1 - 6 ในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 17 ซึง่ เป็นข้อความบรรยาย
เหตุผลที่ Raymond ต้องการประกอบอาชีพทนายความ ครูอธิบายว่านักเรียนสามารถใช้ประโยคเหล่านี้
เป็นจุดมุง่ หมายในการฟังได้ จากนัน้ ครูให้นกั เรียนลองคาดเดาคำ�ตอบข้อ 1 - 6 ก่อนให้นักเรียนฟังบทพูด
495
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทพูดดังกล่าวให้นักเรียนฟังรอบแรก และให้ตรวจสอบคำ�ตอบที่ได้คาดเดาไว้
จากนัน้ ให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทพูดรอบที่ 2 และให้นกั เรียนเขียน yes หรือ no ลงไป ในแต่ละข้อ
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกคำ�ตอบ (ดู Audioscript และเฉลยท้ายเล่ม) ครูประเมินการฟังบทพูดเกี่ยวกับ
อาชีพที่ผู้อื่นต้องการทำ�ในอนาคต
ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับอาชีพที่บุคคลต่างๆ ต้องการทำ�ในอนาคตดัดแปลงให้เหมาะสม
- ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 18 โดยให้ปดิ ในส่วนของบทสนทนา
แล้วให้นกั เรียนบอกเกีย่ วกับสิง่ ทีน่ กั เรียนเห็นในรูปภาพ โดยให้ตอบคำ�ถามทีค่ รูเขียนไว้บนกระดานดังนี้
- What are the young man and woman talking about?
- What do the people in the thought bubbles do?
- What is the man in the thought bubble doing right now?
- What is the woman doing right now?
- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟังซีดีบันทึกเสียงเกี่ยวกับการสนทนาระหว่าง Rosa กับ David จำ�นวน
3 รอบ จากนั้นครูเขียนคำ�ศัพท์และสำ�นวนที่คาดว่านักเรียนไม่ทราบความหมายบนกระดาน และบอก
ความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านัน้ แก่นกั เรียน ได้แก่ cool, You know…, yeah, kindergarten teacher, pilot
และ writer
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงรอบแรกแบบปิดหนังสือเรียน เพือ่ ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาในภาพรวม
ว่าบุคคลทั้ง 2 คุยกันเกี่ยวกับเรื่องใด ครูให้นักเรียนใช้คำ�ถามที่ครูเขียนไว้บนกระดานเป็นจุดประสงค์
ในการฟัง
- จากนั้นจึงให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบที่จับประเด็นได้จากการฟัง ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบดังนี้
- Two young people are talking about their parents’ jobs. The boy wants to be a pilot like his father.
The girl wants to be a kindergarten teacher like the woman in the picture.
- ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 18 แต่ให้ปิดในส่วนของบทสนทนาเอาไว้ แล้วฟังซีดีบันทึกเสียง
รอบที่ 3 ในการฟังรอบนี้ให้นักเรียนตอบคำ�ถามท้ายบทสนทนาในกิจกรรม About the Conversation
ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม) ครูประเมินผลการฟังบทสนทนาจากจำ�นวน
คำ�ตอบที่ถูกต้องโดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 70
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฝึกอ่านออกเสียงบทสนทนาในกิจกรรม Conversation กับเพื่อน ครูสุ่มให้ นักเรียนบางคู่
นำ�เสนอบทสนทนานั้น
- ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Your Ending ในหนังสือเรียน หน้า 18 โดยเปิดซีดีบันทึกเสียงเฉพาะในส่วน
ประโยคสิ้นสุดของบทสนทนาซึ่งมี 3 ประโยคด้วยกัน จากนั้นให้นักเรียนเลือกประโยคที่คาดว่า David
496
จะพูดกับ Rosa ในตอนจบของบทสนทนา ทัง้ นีน้ กั เรียนอาจจะเลือกแต่งประโยคตอนจบของบทสนทนา

ด้วยตนเองก็ได้
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนทำ�งานกลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน เพื่อทำ�กิจกรรม Your Turn ในหนังสือเรียน หน้า 18 ซึง่
กิจกรรมนีน้ กั เรียนจะได้อภิปรายเกีย่ วกับอาชีพของสมาชิกในครอบครัวของนักเรียนว่าพวกเขาประกอบ
อาชีพอะไร สถานที่ทำ�งานอยู่ที่ไหนและมีความคิดเห็นอย่างไรต่ออาชีพที่ทำ� ก่อนให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม
ทำ�กิจกรรมนี้ ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกประโยคคำ�ถามที่นักเรียนต้องใช้ในการอภิปรายกลุ่ม ซึ่งอาจจะ
มีประโยคต่อไปนี้
- What does your father do?
- Where does he work?
- Does he like his job?
- Do you agree?
- ครูให้นกั เรียนส่งตัวแทนกลุม่ นำ�เสนอข้อมูลของกลุม่ ครูประเมินการทำ�งานกลุม่ โดยใช้แบบประเมินการปฏิบตั ิ
งานกลุ่ม
เขียนข้อความเกี่ยวกับอาชีพที่ตนเองสนใจ
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับอาชีพที่นักเรียนต้องการที่จะทำ�มากที่สุดในอนาคต ครูเขียนชื่ออาชีพ
ที่นักเรียนบอกบนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันลงคะแนนเสียงว่าอาชีพใดที่นักเรียนต้องการทำ�
มากที่สุด
- ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงหัวเรื่องหลัก My Kind of Job และหัวเรื่องรอง Aboard a Cruise Ship และ
The World of High Fashion ในหนังสือเรียน หน้า 19 แล้วบอกนักเรียนว่าหัวเรื่องหลักและหัวเรื่อง
รองของบทความสามารถนำ�มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการคาดเดาว่าบทความที่กำ�ลังจะได้อ่านนี้น่าจะ
เกี่ยวกับเรื่องใด
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนดูหัวเรื่องหลักและหัวเรื่องรองดังกล่าว แล้วถามคำ�ถามก่อนให้นักเรียนอ่านบทความว่า
What kind of jobs do you think the two people have?
- ครูเขียนคำ�ศัพท์ accessories, a famous brand, create, fabric, passengers, scenic ports, sketches และ
socialize บนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนจัดกลุ่มคำ�ศัพท์ โดยให้ช่วยกันบอกว่าคำ�ศัพท์ใดบ่งบอกอาชีพ
social director และอาชีพ fashion designer
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทความเรื่อง My Kind of Job ในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 19 ให้
นักเรียนฟังและอ่านตามในใจ
497
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 2 ในการฟังรอบนี้ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
และตรวจสอบความถูกต้องของการจัดกลุ่มคำ�ศัพท์
- ครูให้นกั เรียนถามความหมายของคำ�ศัพท์ทน่ี กั เรียนไม่ทราบ ครูเขียนคำ�ศัพท์เหล่านัน้ บนกระดาน แล้วให้
นักเรียนที่ทราบบอกความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านั้นแก่เพื่อน ครูกระตุ้นให้นักเรียนเดาความหมายจาก
บริบทรอบข้างซึง่ อาจใช้รปู ภาพ เช่น คำ�ว่า cruise ship ก็ให้นกั เรียนดูรปู ภาพชนิดของเรือแล้วจะสามารถ
เดาได้ว่า cruise ship คือเรือสำ�ราญ หรือนักเรียนอาจใช้ข้อมูลแวดล้อม เช่น คำ�สันธานเป็นเครือ่ งมือช่วย
ในการเดาความหมายของคำ�ศัพท์ เช่นคำ�ว่า outgoing ก็ให้นักเรียนดูคำ�สันธาน and ซึ่งเป็นคำ�สันธานที่
บ่งบอกว่าความหมายของคำ�ที่ใช้เชื่อมคำ�ทั้ง 2 คำ� จะมีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นคำ�ว่า
outgoing จะมีความหมายไปในทิศทางเดียวกันกับคำ�ว่า friendly คือมีความหมายว่า เป็นมิตร
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านออกเสียงภาระงานที่นักเรียนต้องทำ� 2 ข้อในกิจกรรม After Reading ใน
หนังสือเรียน หน้า 19 และให้นกั เรียนคนนัน้ สรุปภาระงานทีต่ อ้ งทำ�ซึง่ น่าจะสรุปได้วา่ ให้นกั เรียนเขียน
รายการข้อดีและข้อเสียของอาชีพที่ Marion ทำ�อยู่ และบรรยายอาชีพของ Guy
- ครูเน้นยา้ํ กับนักเรียนว่านักเรียนไม่ตอ้ งกังวลทีจ่ ะต้องรูค้ วามหมายของคำ�ศัพท์ทกุ คำ� แต่ให้นกั เรียนค้นหาเพียง
ข้อความในบทความทีใ่ ห้ขอ้ มูลเกีย่ วกับข้อดีและข้อเสียของอาชีพที่ Marion และ Guy ทำ�อยู่ให้พบแล้ว
ขีดเส้นใต้เมื่อพบข้อความดังกล่าว แล้วให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่าน
คำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นนำ�ไปใช้ - สรุปบทอ่านแบ่งเป็นกลุ่ม จากMind Mapping
ซีดี
ประเมินจากแต่งบทอาชีพที่อยากเป็น
การออกเสียง, สำ�เนียง การฝึกปฏิบตั จิ ริง การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
เกณฑ์การประเมิน, การทำ�แบบฝึกหัด, ภาระงาน
รูบริค
498
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
499
travel agent marketing manager salesperson

graphic designer engineer
What does she do? She’s a nurse.

Where does she work? She works in a hospital
1. What does he do? —————————————————— .
Where does he work? —————————————————— .
2. What does she do? —————————————————— .
Where does she work? —————————————————— .
3. What does she do? —————————————————— .
4. What does he do? —————————————————— .
Where does he work? —————————————————— .
5. What does she do? —————————————————— .
500
Answers:
1. He’s a salesperson. He works in a store.
2. She’s marketing manager. She works in a advertising firm.
3. She’s a travel agent. She works in travel agency.
4. He’s an engineer. He works for a construction company.
5. She’s a graphic designer. She works in a advertising firm.
wwwwwwww
501
รหัสวิชา อ22101 Favorite Pastimes
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวข้อเรื่องใจความ บอกรายละเอียดสนับสนุน (supporting detail) และแสดงความคิด
เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและอ่าน พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างง่ายๆ ประกอบ
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มี ทั ก ษะการสื่ อ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ ย นข้ อ มู ล ข่ า วสารแสดงความรู้ สึ ก และ
ตัวชี้วัด ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง หรือ
อ่านอย่างเหมาะสม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์
พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้น ประกอบ
1. พูดและอ่านบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภทต่างๆ มีประสิทธิภาพในการสื่อความ
2. พูดและเขียนคำ�ศัพท์ สำ�นวน ประโยคและข้อความที่ใช้ในการขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิด
เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังอย่างมีวิจารณญาณ
3. พูดและเขียนบรรยายข้อมูลตนเอง กิจวัตรประจำ�วัน ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจอย่างมี
ความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
502
4. ฟังและพูดแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลประกอบเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่างๆ ใกล้ตัวและประสบการณ์

อย่างมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
การฟังและพูดบทสนทนา โต้ตอบเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ�ในเวลาว่าง รับความรู้ด้านคำ�ศัพท์ สำ�นวน และ
โครงสร้างทางภาษา
1. Functions: - Describing daily activities and routines
- Asking about and telling how often one does activities
- Talking about one’s abilities
- Describing hobbies
2. Grammar - Questions with How often and Expressions of frequency (Present simple Tense)
- Adverbs of frequency
- Know how to
3. Vocabulary - bread - cards - chess - free time
- guitar - hobby - music instrument - pastimes
- piano - tennis - wave - climbing
- cooking - paragliding - hiking - jogging
- painting - work out - climb - dance
- exercise - paint - practice - sail
- ski - surf the Internet - surf the wave
รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และฝึกฝนอย่างจริงจังและเพียงพอ
503
มีวินัย (มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร)
บรรยายกิจกรรมยามว่าง
ทุกประโยค เล็กน้อย หลายแห่ง ผิดพลาดเกินครึ่ง
หนึ่งของงานเขียน
การสะกดคำ�และการ สะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สดคำ�และ
ใช้เครื่องหมาย ใช้เครื่องหมาย ใช้เครื่องหมาย เครื่องหมาย เครื่องหมายวรรค
วรรคตอน วรรคตอนถูกต้อง วรรคตอนผิดพลาด วรรคตอนผิดพลาด ตอนผิดพลาดเกิน
เขียน
สำ�นวนเหมาะสม สำ�นวนเหมาะสมแต่ ในการใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวนผิดพลาด
อ่านแล้วเข้าใจชัดเจน อ่านแล้วไม่เข้าใจบาง สำ�นวน อ่านแล้ว หลายแห่ง อ่านแล้ว
ทั้งหมด แห่ง ไม่เข้าใจหลานแห่ง ไม่เข้าใจ
เนื้อหาตามลำ�ดับ เรียบเรียงเนื้อหาได้ เรียงเนื้อหาไม่คอย เรียงเนื้อหาคามลำ�ดับ
เหมาะสม ค่อนข้างเหมาะสม เหมาะสมเท่าที่ควร
พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกของผู้อื่นได้
บอกความหมายของคำ�ศัพท์
ระบุโครงสร้าง
504
กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ครูทำ�ในยามว่างและความบ่อยครั้งที่ทำ�กิจกรรมนั้นๆ เช่น
I go to the gym three times a week. I also surf the Internet two or three times a week. I go to the
movies once or twice a month.
- ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกกิจกรรมยามว่างอื่นๆ ที่นักเรียนรู้จัก แล้วเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน
ซึ่งนักเรียนอาจบอกว่า surf the Web, play video games, read, go dancing, paint, travel, exercise, watch
TV, listen to music เมื่อนักเรียนบอกกิจกรรมยามว่างที่รู้จักเสร็จสิ้นแล้ว ครูจึงให้นักเรียนบอกกิจกรรม
ยามว่างที่นักเรียนชอบทำ� โดยถามนักเรียนว่า What do you do in your free time? ครูบอกนักเรียนว่า
นักเรียนสามารถนำ�กิจกรรมยามว่างที่เขียนบนกระดานมาใช้เป็นคำ�ตอบได้
ครูอธิบายคำ�ศัพท์ time ซึ่งโดยปกติแล้วมีความหมายว่า เวลา ให้แก่นักเรียนเนื่องจากในหน่วยการเรียนรู้
นี้มีการใช้คำ�ว่า time ในหลายบริบทด้วยกัน เช่น free time สำ�นวนนี้หมายถึงช่วงเวลาว่างจากการทำ�งาน
ซึ่งมีความหมายเหมือนคำ�ว่า spare time และ leisure time ส่วน three times a week คำ�ว่า time ในทีน่ ห้ี มาย
ถึงจำ�นวนครัง้ ทีท่ �ำ การกระทำ�ใดการกระทำ�หนึง่ และ pastime มีความหมายว่า งานอดิเรก หรือกิจกรรมที่
ผู้คนทำ�กันในช่วงเวลาว่างจากการทำ�งาน
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพบุคคลในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 20 แล้วถามนักเรียน
เกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนเห็นในรูปภาพว่า What are the people doing? นักเรียนตอบคำ�ถามโดยดูรูปภาพ
บุคคลซึ่งกำ�ลังทำ�กิจกรรมที่แตกต่างกันไป ซึ่งนักเรียนอาจตอบดังนี้
- They are hanging out with friends.
- She is eating in the food court or restaurant.
- He is exercising.
- They are traveling.
- They are playing video games.
- She is playing the guitar.
- ครูให้นักเรียนสรุปข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพดังกล่าวโดยถามนักเรียนว่า What do the pictures have in
common? (They all show pastimes or hobbies.)
- ครูถามนักเรียนเพื่อหาคนที่ทำ�กิจกรรมยามว่างเหมือนกับบุคคลที่ทำ�กิจกรรมในรูปภาพ ดังนี้
- Which of these pastimes do you do? และถามนักเรียนต่อว่า
- Which of the following pastimes are popular in you country?
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�กิจกรรม Quick Check ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 21 ครูให้นักเรียนใช้ตาราง
การสำ�รวจข้อมูล What Teens Do Online ในการทำ�กิจกรรม โดยทำ�เครื่องหมาย ✓ หน้ากิจกรรม
ออนไลน์ท่ีนักเรียนทำ�บ่อยครั้ง จากนั้นให้นักเรียนแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนโดยให้อ่านประโยค
แบบเต็ม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- I send or read email a lot.
- I often play online games.
505
พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกของผู้อื่นได้
ขั้นนำ� - ครูทบทวนการตัง้ คำ�ถามทีข่ น้ึ ต้นด้วย How often? การตอบคำ�ถามด้วย Frequency expressions และการใช้
Adverbs of frequency โดยให้นักเรียนอ่านหลักการใช้ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 22
- ครูสรุปว่าคำ�ถามทีข่ นึ้ ต้นด้วย How often? การตอบคำ�ถามสามารถตอบด้วยการบอกความบ่อยครัง้ ทีท่ �ำ คือ
every day (ทุกวัน), once a week (1 ครั้งต่อสัปดาห์), twice a week (2 ครั้งต่อสัปดาห์) หรือ three times
a week (3 ครั้งต่อสัปดาห์) เป็นต้น และการใช้ Adverbs of frequency เช่น always, often, never, usually,
sometimes, seldom ใช้เมือ่ ผูพ้ ดู ต้องการบอกความถีห่ รือความบ่อยครัง้ ของการกระทำ�กิริยาใดกิริยาหนึ่ง
เช่นกัน โดยปกติแล้วตำ�แหน่งของ Adverbs of frequency จะวางอยูห่ น้า Verb หรือวางอยูห่ ลัง Verb be เช่น
- I sometimes work out.
- I am always hungry after I swim. เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ A - B ในหนังสือเรียน หน้า 22 จากนั้นให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน
และให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนดูรูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 23 แล้วให้นักเรียนบอกงานอดิเรกที่บุคคลต่างๆ ใน
รูปภาพกำ�ลังกระทำ�อยู่ ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน ซึ่งได้แก่ text messaging, hanging out,
skateboarding, playing soccer, listening to music และ shopping
- ครูให้นักเรียนบอกงานอดิเรกที่นักเรียนชอบทำ�เหมือนกับงานอดิเรกของบุคคลต่างๆ ในรูปภาพ โดยให้
นักเรียนพูดเป็นประโยค เช่น I send text messages.
- ครูให้นกั เรียนบอกงานอดิเรกทีน่ กั เรียนไม่ชอบทำ�เหมือนกับงานอดิเรกของบุคคลต่างๆ ในรูปภาพ โดยให้
นักเรียนพูดเป็นประโยค เช่น I don’t go shopping.
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูเดินสำ�รวจการทำ�กิจกรรมของนักเรียน และให้นักเรียนแต่ละคู่ออกมานำ�เสนอบทสนทนาหน้า
ชัน้ เรียน ครูประเมินการพูดถาม - ตอบเกีย่ วกับงานอดิเรกโดยใช้เกณฑ์การประเมินความสามารถในการ
สนทนา
ฟังบทพูดเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกใช้ให้เป็นประโยชน์
506
ขั้นนำ� - ครูถามนักเรียน What do you usually do on Saturday?
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านประโยคคำ�สั่งและประโยคข้อความของ Chet และ Melissa ในกิจกรรม
Listening ในหนังสือเรียน หน้า 23
- ครูให้นกั เรียนหาคำ�ศัพท์ทบ่ี ง่ บอกงานอดิเรกและความบ่อยครัง้ ในการทำ�งานอดิเรกนัน้ จากประโยคข้อความ
ของ Chet และ Melissa ซึ่งได้แก่ indoor climbing, every day, very well, never, usually, dance และ
ballroom dancing
- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟังบทพูดของ Chet และ Melissa ซึ่งเป็นบทพูดเกี่ยวกับสิ่งที่บุคคล
ทัง้ 2 ทำ�ในช่วงเวลาว่างของพวกเขา จากนัน้ จึงเขียนคำ�ศัพท์และสำ�นวนทีค่ าดว่านักเรียนไม่ทราบความหมาย
และต้องพบในบทพูดที่กำ�ลังจะได้ฟังบนกระดาน พร้อมทั้งบอกความหมายของคำ �ศัพท์และสำ�นวน
เหล่านั้นบนกระดาน ได้แก่ indoor climbing, ballroom dancing, I know how to…, depend เป็นต้น
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทพูดในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 23 ในขณะที่นักเรียน
กำ�ลังฟังซีดีบันทึกเสียงให้นักเรียนดูกลุ่มคำ�บนกระดานและจดคำ�ที่ได้ยินลงกระดาษ
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทพูดรอบที่ 2 แล้วตอบ yes หรือ no หน้าประโยคข้อความในกิจกรรม
Listening
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทพูดรอบที่ 3 เพื่อให้นักเรียนตรวจสอบคำ�ตอบที่ได้ทำ�ไปแล้ว
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน (ดู Audioscript และเฉลยท้ายเล่ม)
อ่านบทสนทนาเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกใช้ให้เป็นประโยชน์
- ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพในหนังสือเรียน หน้า 24 โดยให้นกั เรียนปิดส่วนของบทสนทนาไว้ แล้วให้นกั เรียน
พูดเกีย่ วกับสิง่ ทีน่ กั เรียนเห็นในรูปภาพ ครูใช้ค�ำ ถามเป็นตัวกระตุน้ ในการดึงความคิดของนักเรียนออกมา
ดังนี้
- What are the people in the picture doing? (talking)
- What are they talking about? (flying planes)
507
- What is the plane doing? (stunts or aerobatics)

ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทสนทนาเกีย่ วกับงานอดิเรกในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน
หน้า 24 รอบแรก ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนได้ฟังข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับบทสนทนาว่า Margo และ Rick คุยกัน
เกี่ยวกับเรื่องใด
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนารอบที่ 3 แล้วอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
- ครูให้นกั เรียนกวาดสายตาหาคำ�ศัพท์และสำ�นวนทีไ่ ม่ทราบความหมาย ครูเขียนคำ�ศัพท์เหล่านัน้ บนกระดาน
จากนัน้ ให้นกั เรียนทีท่ ราบบอกความหมายของคำ�ศัพท์เหล่านัน้ แก่เพือ่ น ส่วนคำ�ศัพท์หรือสำ�นวนใดที่ไม่มี
นักเรียนคนใดทราบความหมายแล้ว ครูเป็นผู้บอกความหมายนั้นเอง ซึ่งอาจมีคำ�ว่า aerobatics, unusual,
You mean, + statement, stuff like that, You should come along…sometimes, I see เป็นต้น
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูตรวจสอบความเข้าใจในการอ่านบทสนทนา โดยให้นกั เรียนทำ�กิจกรรม About the Conversation ในหนังสือ
เรียน หน้า 24 เมื่อนักเรียนทำ�กิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว ครูให้นักเรียนจับคู่ตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Your Turn ในหนังสือเรียน หน้า 24 โดยให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิด
เกี่ยวกับกิจกรรมที่นักเรียนชอบทำ�ในยามว่าง ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน แล้วให้นักเรียน
จดลงสมุดของนักเรียน เช่น play the guitar, cook, draw, paint, watch TV เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนเดินถามเพื่อนในชั้นเรียนว่า What activities do you do in your free time?
อ่านบทสนทนาเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกใช้ให้เป็นประโยชน์
ขั้นนำ� ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ท�ำ กิจกรรมสนทนาถาม - ตอบเกีย่ วกับงานอดิเรกของบุคคลต่างๆ
ขัน้ สอน ในกิจกรรม Pair Work ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 21 โดยให้น�ำ ข้อมูลจากรูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 20
และข้อมูลจากตารางการสำ�รวจ What Teens Do Online ในหนังสือเรียน หน้า 21 มาใช้เป็นข้อมูลพืน้ ฐาน
ในการสนทนาถาม - ตอบเกี่ยวกับงานอดิเรกของวัยรุ่น
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูเปิดซีดบี นั ทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างเกีย่ วกับงานอดิเรกของบุคคลต่างๆ ในกิจกรรม Pair Work ข้อ A
เพื่อให้นักเรียนฟังและอ่านออกเสียงตาม แล้วใช้บทสนทนาตัวอย่างเป็นแนวทางในการแต่งบทสนทนา
เพิ่มเติม
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนฝึกสนทนาเปลี่ยนบทสนทนาในการถาม Adverb of Frequency
508
ชั่วโมที่ 6
อ่านบทสนทนาเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกใช้ได้ถูกต้อง
ขั้นนำ� - ครูเขียนชือ่ บทความเรือ่ ง Sky High! ในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 25 บนกระดาน แล้วสนทนา
กับนักเรียนเกี่ยวกับชื่อเรื่องนั้นว่าบทความนี้น่าจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใด
ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพในหนังสือเรียน หน้า 25 แล้วให้นกั เรียนบรรยายเกีย่ วกับสิง่ ทีน่ กั เรียนเห็นในรูปภาพ
เช่น The boy is flying a plane. Flying a small - size plane is an interesting hobby.
- ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะอ่านว่านักเรียนรู้สิ่งใดบ้างเกี่ยวกับงานอดิเรก
ประเภทการเล่นเครื่องบินบังคับ (aero modeling) โดยถามนักเรียนว่า What do you know about this
hobby? ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน
- ครูกระตุ้นให้นักเรียนตั้งคำ�ถามเพื่อถามสิ่งที่นักเรียนต้องการรู้เกี่ยวกับการเล่นเครื่องบินบังคับว่า What
kinds of questions do you have about aero modeling? ครูเขียนคำ�ถามที่นักเรียนบอกบนกระดาน เช่น
What is aero modeling? Do many people like it? How do the planes work? เป็นต้น
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทความเรือ่ ง Sky High! รอบที่ 1 ในการฟังรอบนี้ ครูให้นกั เรียนดูคำ�ถาม
ทีน่ กั เรียนได้ตง้ั ไว้กอ่ นหน้านีบ้ นกระดานว่ามีขอ้ ความใดทีน่ กั เรียนได้ยนิ จากซีดบี นั ทึกเสียง และเป็นคำ�ตอบ
ของคำ�ถามบนกระดานบ้าง
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทความรอบที่ 2 และให้นักเรียนอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ จากนัน้
ให้นกั เรียนตอบคำ�ถามบนกระดานเฉพาะข้อทีม่ คี �ำ ตอบในบทความทีไ่ ด้ฟงั จากซีดบี นั ทึกเสียง
- ครูให้นกั เรียนดูตารางท้ายบทความในกิจกรรม After Reading ในหนังสือเรียน หน้า 25 จากนัน้ ให้นกั เรียน
ช่วยกันบอกว่ามีขอ้ มูลใดเกีย่ วกับเครือ่ งบินบังคับ (aero model) ทีน่ กั เรียนจำ�เป็นต้องหาในบทความและนำ�
มาเขียนในตาราง ซึง่ นักเรียนน่าจะตอบได้ดงั นี้ ชนิดของเครือ่ งบินบังคับ ขนาด ราคา ชนิดของเครือ่ งยนต์
และความเร็ว
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความโดยใช้เทคนิคการอ่านกวาดสายตาแบบคร่าวๆ (scan) เพื่อหาข้อมูลดังกล่าว
ข้างต้น และนำ�มาเขียนลงในตารางท้ายบทความ รวมทั้งขีดเส้นใต้บรรทัดที่เป็นคำ�ตอบในบทความ
ซีดี
509
ประเมินจากแต่งบทอาชีพที่อยากเป็น
การออกเสียง, สำ�เนียง การฝึกปฏิบตั จิ ริง การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
เกณฑ์การประเมิน, การทำ�แบบฝึกหัด, ภาระงาน
รูบริค
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
510
Rewrite each sentence. Put the adverb of frequency in the correct place.
(usually) I drink a lot of coffee.
I usually drink a lot of coffee.
1. (offen) We eat at the food court in the mall.
—————————————————————————————
2. (always) Mr. Yee is at the park with his dog on Sunday.
—————————————————————————————
3. (never) They hang out with other people.
—————————————————————————————
4. (sometimes) What do you do after school?
—————————————————————————————

Answers:
1. We often eat at the food court in the mail.
2. Mr. Yee is always at the park with his dog on Sunday.
3. They never hang out with other people.
4. What do you sometimes do after school?
wwwwwwww
511
รหัสวิชา อ22101 Is there any Ice cream?
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ
คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวชี้วัด ต 1.2 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้
ตัวชี้วัด ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำ�คัญ/ แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์เรือ่ ง/
สาระที่ 2: ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำ�ไปใช้ได้อย่าง
เหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วัด ต 2.1 ม. 2/2 อธิบายเกีย่ วกับเทศกาล วันสำ�คัญ ชีวติ ความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา
และวัฒนธรรมไทย และนำ�มาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ
1. ฟังและพูดแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธในสถานการณ์ให้ความ
ช่วยเหลือสถานการณ์ต่างๆ
2. ฟังและพูดการจับใจความสำ�คัญแก่นสาระ หัวข้อเรื่อง การวิเคราะห์ข่าวที่อยู่ในความสนใจ
3. พูดและอ่านความเป็นมาและความสำ�คัญของเทศกาลวันสำ�คัญชีวติ ความเป็นอยูแ่ ละประเพณีของเจ้าของภาษา
512
4. พูดและอ่าน เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรม
ของเจ้าของภาษากับของไทย
การฟัง พูด และอ่านเกี่ยวกับการสั่งอาหาร การแสดงความรู้สึกในสิ่งที่ชอบ เป็นการใช้ภาษาเพื่อสื่อความในชีวิต
ประจำ�วัน เรียนรู้ คำ�ศัพท์ สำ�นวนและโครงสร้างเกี่ยวข้องรวมทั้งวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
1. Function - Ordering from a menu
- Stating preferences
- Making an offer
- Acceptation or rejecting and offer
- Excusing oneself for misunderstanding
- Clarifying after being misunderstood
2. Grammar - CountNon count nouns
- Expression of quantity: some/any
- Would like
- Partitives
3. Vocabulary - breakfast - check - customer - dinner
- dollar - dozen - fast food - lunch
- Main dish - menu - pound - sidewalk
- tax - tip - waiter - waitress
- beverage - cheese - cheesecake - dessert
- dressing - French fries - ham - juice
- ketchup - potatoes chips - salad - shrimp
- soda - spaghetti - steak - tomato
- turkey - steak - a carton of - order
หน้าที่ภาษา
- Talking about foods
- Ordering from a menu
- Expressing preferences
513

การเขียน: การเขียนบรรยาย การเขียนกรอกแบบฟอร์ม
มีประสิทธิภาพในการสื่อความ
ใฝ่เรียนรู้ มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
แสดงบทบาทสมมติการสั่งอาหาร
การประเมินชิ้นงานหรือภาระงาน
การออกเสียง ออกเสียงถูกต้อง ออกเสียงถูกต้อง ออกเสียงถูกต้องเป็น ออกเสียงไม่ถูกต้อง
ตามหลักการออก ตามหลักการออก บางส่วนแต่พอเข้าใจ ทำ�ให้ไม่เข้าใจ
เสียง เน้นคำ� เสียงเป็นส่วนใหญ่
เป็นธรรมชาติ สามารถสื่อสาร พอสื่อสารได้บ้าง ตะกุกตะกักสื่อสาร
คล่องแคล่วสื่อสาร ได้ชัดเจน ได้น้อยมากหรือ
และโครงสร้าง โครงสร้างภาษาถูก และโครงสร้าง และโครงสร้าง และโครงสร้าง
ต้องและเหมาะสม ประโยคถูกต้อง ประโยคแบบง่ายๆ ประโยคแบบง่ายๆ
เป็นส่วนใหญ่แต่ และมีข้อผิดบ้าง และมีข้อผิดมาก
ไม่หลากหลาย
514
ประกอบ พูดด้วยนํ้าเสียง พูดด้วยนํ้าเสียง ท่าทางประกอบ ท่าทางประกอบ
ที่เหมาะสมกับ ที่เหมาะสมกับ นํ้าเสียงคล้ายการ นํ้าเสียงเป็นการ
บทบาทและ บทบาทและ อ่านหรือการท่องจำ� ท่องจำ�
สถานการณ์ดีมาก สถานการณ์ใน
ระดับดี
พูดสั่งอาหารจากเมนูอาหารได้ถูกต้อง
กิจกรรมกรรมการเรียนรู้ชั่วโมงที่ 1
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับอาหารที่ครูชื่นชอบว่า I like grilled chicken. It is my favorite dish. I also
like cheesecake and chocolate ice cream.
- ครูแลกเปลีย่ นความคิดเห็นกับนักเรียนโดยให้นกั เรียนบอกอาหารจานโปรดของนักเรียน โดยบอกกับนักเรียน
ว่า Name your favorite foods. ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน ซึ่งอาจมี pizza, steak, noodle soup,
sandwich และ hamburger เป็นต้น
- ครูถามนักเรียนเกีย่ วกับอาหารชนิดอืน่ ทีอ่ ยูน่ อกเหนือจากทีค่ รูเขียนบนกระดานโดยถามนักเรียนว่า Do you
like salads? ซึ่งนักเรียนอาจตอบว่า Yes, I do. หรือ No, I don’t. ครูพยายามถามนักเรียนต่อไปโดยเปลี่ยน
ชื่ออาหารเป็นชนิดอื่น ทั้งนี้เพื่อดึงความรู้เดิมของนักเรียนที่มีเกี่ยวกับชื่ออาหารออกมา
- ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 32 แล้วให้นักเรียนอ่านออกเสียงชื่อหน่วยการเรียนรู้เรื่อง Is There
Any Ice Cream? จากนัน้ ให้นกั เรียนคาดเดาว่านักเรียนน่าจะได้เรียนรูเ้ กีย่ วกับเรือ่ งใด โดยถามนักเรียนว่า
What do you think it is about?
- ครูให้นักเรียนดูเมนูอาหารในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 32 แล้วถามนักเรียนว่า
Which of these foods do you like? และ Which foods don’t you like?
- ครูให้นักเรียนดูเมนูอาหารและรูปภาพผู้คนที่อยู่ในร้านอาหารในหนังสือเรียน หน้า 32 และ 33 ไปพร้อม
กัน แล้วถามนักเรียนเกี่ยวกับเมนูอาหารและรูปภาพดังนี้
- Where are the people? (at restaurants)
- How are the restaurants different? (One is a fast - food place, the other has table servers.)
515
- What are the customers doing in the restaurants? (ordering food)

- What kinds of appetizers do you see in the pictures? (shrimp and bean soup)
- What kind of salad do you see in the picture? (a mixed salad)
- What kinds of entrées do you see in the pictures? (steak, chicken, fish, and pasta)
- What kinds of desserts do you see? (apple pie, cheesecake, ice cream)
- What kinds of drinks do you see? (coffee, chocolate milk, soda, and water)
- What about the baked potato and rice? Why are there pictures of them? (All the entrées come with
them.)
- ครูให้นกั เรียนถามคำ�ศัพท์และสำ�นวนทีน่ กั เรียนไม่ทราบความหมาย ครูเขียนคำ�ศัพท์เหล่านัน้ บนกระดาน
จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเดาความหมายของคำ�ศัพท์ดังกล่าวจากบริบทรอบข้าง เช่น รูปภาพ หรือจาก
การจัดอาหารเป็นประเภทต่างๆ ครูบอกความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนที่ไม่มีนักเรียนคนใดสามารถ
บอกหรือเดาความหมายได้แล้ว เช่น for here or to go ครูอธิบายว่าเป็นวลีที่พนักงานขายในร้านอาหาร
จานด่วน (fast - food restaurant) ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ถามลูกค้าว่าต้องการซื้อเพื่อรับประทาน
ที่ร้านหรือนำ�กลับไปรับประทานที่บ้าน และคำ�ว่า would like เป็นคำ�ใช้พูดเพื่อบอกความชอบหรือ
ความต้องการบางสิ่งบางอย่าง
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงเกี่ยวกับเมนูอาหารในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 32
ให้นักเรียนฟังรอบแรก เพื่อให้นักเรียนฟังและอ่านชื่ออาหารตามในใจ
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงเกี่ยวกับเมนูอาหารรอบที่ 2 ในการฟังรอบนี้ให้นักเรียนฟังแล้ววงกลม
ล้อมรอบชื่ออาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีรูปภาพปรากฏในเมนูอาหารดังกล่าว ซึ่งนักเรียนน่าจะวงกลม
ล้อมรอบคำ�ว่า green salad, tea และ fresh fruit juice
- ครูให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นและใช้บทสนทนาดังกล่าวฝึกพูดสนทนาโต้ตอบเกีย่ วกับการรับรายการอาหาร
และการสั่งอาหาร ครูสุ่มนักเรียนออกมานำ�เสนอหน้าชั้นเรียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูตรวจสอบความเข้าใจคำ�ศัพท์เกีย่ วกับอาหาร โดยให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นเพือ่ ทำ�กิจกรรม Quick Check
ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 33 ครูให้นักเรียนช่วยกันนำ�ชื่ออาหารที่ปรากฏอยู่ในเมนูอาหารในหนังสือ
เรียน หน้า 32 มาจัดตามประเภทของอาหารให้ถกู ต้อง ซึง่ มีประเภทเนือ้ สัตว์ (meat) ประเภทอาหารทะเล
(seafood) ประเภทผัก (vegetables) ประเภทผลไม้ (fruits) และประเภทขนมหวาน (sweets)
พูดสั่งอาหารจากเมนูอาหารได้อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
บอกความหมายของคำ�ศัพท์ และสำ�นวน
ขั้นนำ� - ครูถามนักเรียน Is there Any sugar? Is there any milk? Is there any water?
- นักเรียนตอบ Yes, there is. กรณีที่มี หรือ No, there isn’t. กรณีที่ไม่มี
516
ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนถามคำ�ศัพท์และสำ�นวนทีน่ กั เรียนไม่ทราบความหมาย ครูเขียนคำ�ศัพท์เหล่านัน้ บนกระดาน

จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเดาความหมายของคำ�ศัพท์ดังกล่าวจากบริบทรอบข้าง เช่น รูปภาพ หรือจาก
การจัดอาหารเป็นประเภทต่างๆ ครูบอกความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนที่ไม่มีนักเรียนคนใดสามารถ
บอกหรือเดาความหมายได้แล้ว เช่น for here or to go ครูอธิบายว่าเป็นวลีที่พนักงานขายในร้านอาหาร
จานด่วน (fast - food restaurant) ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ถามลูกค้าว่าต้องการซื้อเพื่อรับประทาน
ที่ร้านหรือนำ�กลับไปรับประทานที่บ้าน และคำ�ว่า would like เป็นคำ�ใช้พูดเพื่อบอกความชอบหรือ
ความต้องการบางสิ่งบางอย่าง
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาเกี่ยวกับการรับรายการอาหารและการสั่งอาหารในหนังสือ
เรียน หน้า 33 โดยให้นักเรียนฟังและอ่านตามในใจ จากนั้นให้นักเรียนวงกลมรายการอาหารที่ลูกค้าสั่ง
ซึง่ จากบทสนทนาบทแรกนักเรียนจะวงกลมที่ a turkey sandwichส่วนบทสนทนาที่ 2 นักเรียนจะวงกลม
ที่ cheese cake
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาเกี่ยวกับการรับรายการอาหารและการสั่งอาหารให้นักเรียนฟังอีกครัง้
ซึง่ ในการฟังรอบนี้ ครูจะหยุดซีดบี นั ทึกเสียงทุกครัง้ ทีบ่ คุ คลในบทสนทนากล่าวจบประโยคเพือ่ ให้นกั เรียน
อ่านออกเสียงประโยคนั้นตาม
- ครูให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นและใช้บทสนทนาดังกล่าวฝึกพูดสนทนาโต้ตอบเกีย่ วกับการรับรายการอาหาร
และการสั่งอาหาร ครูสุ่มนักเรียนออกมานำ�เสนอหน้าชั้นเรียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนเปลี่ยนบทสนทนาสื่อสารโดยใช้บทบาทสมมติ
พูดสั่งอาหารจากเมนูอาหารได้อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
บอกความหมายของคำ�ศัพท์ และสำ�นวน
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนเขียน Dictation จากบทเรียนที่ 5
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Pair Work ในหนังสือเรียน หน้า 33 โดยเริ่มต้นจากการให้นักเรียนในชัน้ เรียน
ช่วยกันระดมคำ�ศัพท์ภาษาอังกฤษเกีย่ วกับอาหารทีน่ กั เรียนรูจ้ กั ทัง้ จากทีเ่ คยเรียนมาและจากประสบการณ์
เดิมที่มีเกี่ยวกับชื่ออาหารนั้น ครูเขียนชื่ออาหารที่นักเรียนบอกบนกระดาน
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างข้อ A ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับการพูดขอและ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายการขนมหวานจากเมนูอาหาร จากนั้นให้นักเรียนอ่านออกเสียงตามซีดีบันทึกเสียง
- ครูให้นกั เรียนสังเกตคำ�ว่า some และ any ทีป่ รากฏในบทสนทนาตัวอย่าง ครูทบทวนการใช้ Expressions
of quantity: some/any โดยให้นักเรียนอ่านหลักการใช้ some/any ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน
หน้า 34 จากนัน้ ครูสรุปหลักการใช้วา่ some ใช้น�ำ หน้าคำ�นามทีไ่ ม่สามารถนับได้และหน้าคำ�นามพหูพจน์
และมักจะใช้ในประโยคบอกเล่า เช่น I want some coffee. My sister wants some fries. เป็นต้น แต่ some
517
ก็สามารถใช้ในประโยคคำ�ถามได้เมื่อต้องการใช้พูดเพื่อเสนอบางสิ่งบางอย่างให้กับอีกบุคคลหนึ่ง เช่น
Would you like some coffee? ในขณะที่ any ก็ใช้นำ�หน้าคำ�นามที่ไม่สามารถนับได้และหน้าคำ�นาม
พหูพจน์เช่นกัน แต่ any จะใช้ในประโยคคำ�ถามและปฏิเสธ เช่น I don’t want any cookies. Do you have
any dessert?
- ครูตรวจสอบการใช้ Expressions of quantity: some/any โดยให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ C ในหนังสือ
เรียน หน้า 35 เมื่อนักเรียนทำ�แบบฝึกหัดเสร็จสิ้นแล้วจึงให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน ครูให้นักเรียน
ที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนสลับกันพูดขอและให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับรายการขนมหวานจากเมนูอาหาร ครูให้นกั เรียนออกมา
นำ�เสนอการพูดบทสนทนาหน้าชั้นเรียน
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 33 โดยให้
นักเรียนฟังและอ่านออกเสียงตามบทสนทนาตัวอย่าง ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับการรับรายการอาหาร
และการสั่งอาหาร
- ครูให้นกั เรียนฝึกพูดสนทนาโดยให้นกั เรียนสลับกันรับบทบาทเป็นพนักงานเสิรฟ์ ซึง่ ทำ�หน้าทีร่ บั รายการ
อาหารที่ลูกค้าสั่งจากเมนูอาหารของทางร้าน หลังจากนั้นจึงให้นักเรียนออกมานำ�เสนอบทสนทนา
หน้าชั้นเรียน
- ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อให้ช่วยกันแต่งบทสนทนาเกี่ยวกับการพูดสั่งอาหาร ครูให้นักเรียนใช้
บทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work ในหนังสือเรียน หน้า 33 เป็นตัวอย่างในการแต่งบทสนทนา
และให้ใช้เมนูอาหารในหนังสือเรียน หน้า 32 เป็นข้อมูลในการสั่งอาหาร
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนออกมานำ�เสนอบทสนทนารวมทั้งแสดงท่าทางประกอบที่หน้าชั้นเรียน โดยให้นกั เรียน
คนหนึ่งรับบทบาทเป็นพนักงานเสิร์ฟและนักเรียนอีกคนหนึ่งรับบทบาทเป็นลูกค้าของทางร้านอาหาร
หลังจากนั้นให้นักเรียนสลับบทบาทกันเป็นพนักงานเสิร์ฟและลูกค้าของทางร้านอาหาร แล้วนำ�เสนอ
บทสนทนาอีกครั้ง ครูประเมินการพูดสั่งอาหารจากเมนูอาหารโดยใช้เกณฑ์การประเมินความสามารถ
ในการสนทนา
ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนฝึกการออกเสียง /s/, /z/ และ /∂z/ ในกิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรียนหน้า 35
โดยให้ฟังจากซีดีบันทึกการออกเสียง /s/, /z/ และ /∂z/ จำ�นวน 2 รอบในการฟังรอบแรกให้นักเรียนฟัง
และสังเกตความแตกต่างกันของการออกเสียง /s/, /z/ และ /∂z/ จากนัน้ เปิดซีดบี นั ทึกเสียงให้นกั เรียนฟัง
รอบที่ 2 เพื่อให้นักเรียนอ่านออกเสียงตาม
518
ขั้นสอน - ครูทบทวนการใช้ Count/Noncount nouns โดยให้นกั เรียนอ่านหลักการใช้ในกรอบ Grammar ในหนังสือ

เรียน หน้า 34 จากนั้นครูสรุปหลักการใช้ดังนี้
- Count nouns คือ คำ�นามที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆ ที่เราสามารถนับเป็นจำ�นวนตัวเลขได้ ซึ่ง Count nouns นี้
สามารถมีรูปเป็นคำ�นามเอกพจน์และคำ�นามพหูพจน์ได้ เช่น a tomato, a turkey, an onion, an apple,
dishes, vegetables, potatoes เป็นต้น ทั้งนี้ครูให้นักเรียนคำ�นึงถึงหลักการใช้ Indefinite articles a และ an
ด้วยว่า a จะใช้นำ�หน้า Count nouns ที่มีเสียงขึ้นต้นของคำ�เป็นเสียงพยัญชนะ ในขณะที่ an จะใช้นำ�หน้า
Count nouns ที่มีเสียงขึ้นต้นของคำ�เป็นเสียงสระ
- Noncount nouns คือ คำ�นามที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถนับเป็นจำ�นวนตัวเลขได้ซึ่ง Noncount
nouns นี้สามารถมีรูปเป็นคำ�นามเอกพจน์ได้แต่จะไม่มีรูปคำ�นามพหูพจน์ เช่น water, milk, rice เป็นต้น
ครูบอกนักเรียนเพิม่ เติมว่ามีค�ำ นามบางคำ�ทีส่ ามารถมีรปู เป็นทัง้ คำ�นามเอกพจน์และคำ�นามพหูพจน์ เช่น
a salad หรือ some salad, a soup หรือ some soup เป็นต้น
- ครูตรวจสอบการใช้ Count/Noncount nouns โดยให้นกั เรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ A - B ในหนังสือเรียน หน้า 34
เมือ่ นักเรียนทำ�แบบฝึกหัดเสร็จสิน้ แล้วจึงให้นกั เรียนตรวจคำ�ตอบกับเพือ่ น ครูให้นกั เรียนที่สมัครใจอ่าน
ขั้นสอน - ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นบทสนทนา
ระหว่างพนักงานเสิร์ฟกับ Raul และ Gloria
- ครูให้นักเรียนดูรายการอาหารและเครื่องดื่มในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 35 ซึ่งเป็น
รายการที่ Raul และ Gloria จะต้องสั่งกับพนักงานเสิร์ฟ ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนใช้ข้อมูลรายการอาหาร
และเครื่องดื่มดังกล่าวเป็นจุดประสงค์ในการฟังว่า Raul และ Gloria จะสั่งอะไรรับประทาน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 35 โดยเปิดซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาของ
Raul และ Gloria ให้นักเรียนฟังหลายรอบจนกระทั่งครูมั่นใจแล้วว่านักเรียนทุกคนทำ�เครื่องหมาย
หน้ารายการอาหารและเครื่องดื่มที่ Raul และ Gloria สั่งครบทุกรายการ
แสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการรับรายการอาหารและการสั่งอาหารอย่างมั่นใจในการสื่อสาร
- ครูให้นักเรียนดูภาพในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 36 โดยให้นักเรียนปิดในส่วนของ
บทสนทนา แล้วให้นักเรียนคาดเดาว่าบุคคลในภาพกำ�ลังทำ�สิ่งใดอยู่และพวกเขาน่าจะกำ�ลังสนทนา
เกีย่ วกับเรือ่ งใด ครูใช้ค�ำ ถามเป็นตัวกระตุน้ ให้นกั เรียนคาดเดาข้อมูล และเขียนสิง่ ทีน่ กั เรียนบอกบนกระดาน
ซึ่งคำ�ถามมีดังนี้
- What are the people doing?
519
- What do you think they are talking about?

- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการรับรายการอาหารและการสั่งอาหารใน
กิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 36 ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างพนักงานเสิร์ฟ กับ Brandon
อีกทั้งบอกให้นักเรียนฟังบทสนทนาเพื่อตรวจคำ�ตอบของคำ�ถาม 2 ข้อที่นักเรียนได้ตอบไว้ก่อนหน้านี้
บนกระดาน
- ครูอธิบายสำ�นวน Let me see. และ I’ll have... ในกรอบ Real Talk ในหนังสือเรียน หน้า 36 ว่าสำ�นวน
Let me see. ใช้พูดเมื่อผู้พูดต้องการใช้เวลาในการคิดหาคำ�ตอบเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ส่วนสำ�นวน
I’ll have... ใช้พูดเมื่อลูกค้าต้องการบอกชื่ออาหารที่ลูกค้าต้องการสั่งกับพนักงานเสิร์ฟ หลังจากนั้นครู
ให้นักเรียนอ่านออกเสียงสำ�นวน Let me see. และ I’ll have... ตามครู โดยเน้นให้นักเรียนอ่านออกเสียง
อย่างถูกต้อง
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาเกี่ยวกับการรับรายการอาหารและการสั่งอาหารในกิจกรรม
Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 36 โดยให้ฟังแบบปิดหนังสือเรียน ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบของ
คำ�ถาม 2 ข้อ ที่ถูกเขียนไว้บนกระดานก่อนหน้านี้
- ครูตรวจสอบความเข้าใจในการฟังบทสนทนารอบแรกโดยตั้งคำ�ถามถามนักเรียนดังนี้
- What does Brandon want for an appetizer? (He wants calamari, but they don’t have any.)
- What does he ask about the shrimp? (How big are they?)
- What does the server say about the shrimp? (She says they’re giant.)
- Does Brandon order the shrimp? (Yes, he does.)
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทสนทนารอบที่ 2 ในการฟังรอบนีค้ รูให้นกั เรียนฟังและอ่านออกเสียง
คลอตามเบาๆ
- ครูให้นกั เรียนตอบคำ�ถามเกีย่ วกับบทสนทนาในกิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 36
จากนัน้ ให้นกั เรียนตรวจคำ�ตอบกับเพือ่ นและให้นกั เรียนทีส่ มัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพือ่ นในชั้นเรียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม About You ในหนังสือเรียน หน้า 36 โดยให้นักเรียนทำ�งานกลุ่ม กลุ่มละ
3 - 4 คน แสดงบทบาทสมมติในร้านอาหาร
อ่านบทสนทนาเกี่ยวกับกับการทำ�งานอดิเรกใช้ได้อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับอาหารนานาชาติที่นักเรียนรู้จักและชอบรับประทาน ซึ่งนักเรียนอาจจะ
ตอบว่า hamburger, sausage, pizza, barbeque, steak เป็นต้น
520
- ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 37 แล้วถามนักเรียนเกีย่ วกับชือ่ บทความเรือ่ ง Globalization of Foods

ในกิจกรรม Reading และรูปภาพอาหารนานาชาติว่า
- What is the title of the reading? (Globalization of Foods)
- What do you see in the pictures? (pizza, kebab, Inca Kola, restaurants)
- How are the pictures connected to the title of the reading? (The items and places in the pictures are
examples of globalization.)
ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงชือ่ บทความเรือ่ ง Globalization of Foods จากนัน้ ให้นกั เรียนบอกสิง่ ทีน่ กั เรียน
รู้เกี่ยวกับบทความเรื่องนี้ โดยครูใช้คำ�ถามที่ปรากฏในกิจกรรม Before Reading ในหนังสือเรียน หน้า 37
เป็นตัวกระตุ้นความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับบทความที่นักเรียนกำ�ลังจะได้อ่าน ดังนี้ What do you
know about international foods? ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทความเรื่อง Globalization of Foods ในกิจกรรม Reading ในหนังสือ
เรียน หน้า 37 แล้วให้นักเรียนอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
- ครูบอกนักเรียนว่าในบทความภาษาอังกฤษนัน้ ในแต่ละย่อหน้าของบทความจะมี 1 ใจความหลัก จากนัน้
ครูให้นกั เรียนอ่านบทความเรือ่ ง Globalization of Foods แล้วให้ชว่ ยกันหาใจความหลักของแต่ละย่อหน้า
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจบอกใจความหลักของแต่ละย่อหน้าของบทความเรื่องนี้ ซึ่งใจความหลักของ
แต่ละย่อหน้ามีดังนี้
- ย่อหน้าแรก คือ the international popularity of fast - food chains
- ย่อหน้าที่ 2 คือ famous brands in different countries
- ย่อหน้าที่ 3 คือ the international popularity of ethnic foods
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านออกเสียงคำ�ถามในกิจกรรม After Reading ในหนังสือเรียน หน้า 37 หลัง
จากนัน้ จึงให้นกั เรียนตอบคำ�ถามในกิจกรรมนี้ และให้นกั เรียนขีดเส้นใต้บรรทัดของบทความที่เป็นคำ�ตอบ
ของคำ�ถามแต่ละข้อ
ซีดี
การออกเสียง, สำ�เนียง การฝึกปฏิบตั จิ ริง หรือสถานการณ์จ�ำ ลอง บทบาทสมมุติ การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
521
รูบริค จากบทบาทสมมติ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
522
Write the sentences in the correct place to form a conversation.
And a glass of milk I’d like some juice.

What would you like? Would you like a beverage?
And I’d like a steak sandwich. Would you like some fries with your sandwich?
523
Answers:
a. What would you like?
b. And I’d like a steak sandwich.
c. Would you like some fries with your sandwich?
d. Would you like a beverage?
I’d like some juice.
And a glass of milk.
wwwwwwww
524
รหัสวิชา อ22101 How was the show?
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้นๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขียนประโยค และข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มีทกั ษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมูลข่าวสารแสดงความรูส้ กึ และความคิด
เห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวชี้วัด ม. 2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำ�ไปใช้ได้อย่าง
เหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วัด ต 2.1 ม. 2/3 เข้าร่วม/จัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ
1. พูดและอ่านข่าว ประกาศและบทร้อยกรอง การใช้พจนานุกรมอย่างมีประสิทธิภาพ
2. พูดและเขียนประโยค หรือข้อความ และความมายเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียนสิ่งแวดล้อม อาหาร
เครื่องดื่ม เวลาว่างและนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ
525
3. ฟังและพูดสื่อสารระหว่างบุคคลอย่างจริงจัง
4. พูดและเขียนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำ�วันประสบการณ์ที่อยู่ในความสนใจในการสื่อสาร
5. พูดใช้ภาษานํ้าเสียง และกริยาท่าทาง เหมาะสมกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ
เจ้าของภาษา
การอ่านเหตุการณ์ในอดีตทัง้ ทีเ่ ป็นบทสนทนาและสารคดีรวมทัง้ การพูดและการเขียนเป็นการฝึกเพือ่ การสือ่ สาร
1. Function - Asking and answering about past activities
- Describing past activities
- Expressing opinions
- Expression regret
2. Grammar - Past Simple Tense with be
- Past Simple Tense, Wh - question
- Past Simple Tense : irregular pasts
3. Vocabulary - adult - cell phone - comedy - concert
- entertainment - event - exhibit - gold
- laugh - mummy - museum - opening hours
- price - pyramid - score - ticket
- tomb - theater - voice mail - call
- die - discover - drive - learn
- live - leave - miss - throw
- win - cool - enormous - extra
- famous - fantastic - funny - great
- interesting - perfect - scary - valuable
มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
526
ความสามารถในการคิด ใช้เทคโนโลยี
มีจิตสาธารณะ (มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร)
นักเรียนเขียนเหตุการณ์บันทึกประจำ�วันโดยใช้ Past Simple Tense 1 สัปดาห์
ทุกประโยค เล็กน้อย หลายแห่ง ผิดพลาดเกิน
ครึ่งหนึ่งของงาน
เขียน
การสะกดคำ�และการ สะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สะกดคำ�และ สดคำ�และ
ใช้เครื่องหมายวรรค ใช้เครื่องหมาย ใช้เครื่องหมาย เครื่องหมายวรรค เครื่องหมายวรรค
ตอน วรรคตอนถูกต้อง วรรคตอนผิดพลาด ตอนผิดพลาด ตอนผิดพลาดเกิน
เขียน
สำ�นวนเหมาะสม สำ�นวนเหมาะสม ในการใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวนผิดพลาด
อ่านแล้วเข้าใจชัดเจน แต่อ่านแล้วไม่เข้าใจ สำ�นวน อ่านแล้ว หลายแห่ง อ่านแล้ว
ทั้งหมด บางแห่ง ไม่เข้าใจหลานแห่ง ไม่เข้าใจ
เนื้อหาตามลำ�ดับ เรียบเรียงเนื้อหาได้ เรียงเนื้อหาไม่คอย เรียงเนื้อหาคาม
เหมาะสม ค่อนข้างเหมาะสม เหมาะสมเท่าที่ควร ลำ�ดับ
527
พูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ�ในอดีตอย่างจริงจัง
ระบุโครงสร้าง สำ�นวน และคำ�ศัพท์
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ครูได้ทำ�เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาดังนี้
- I went to the mall last Friday.
- I visited my friends last Saturday.
- I was at a party last Sunday.
- ครูถามนักเรียนบางคนเกี่ยวกับกิจกรรมที่นักเรียนได้ทำ�เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
- Did you go to the mall?
- Did you visit a friend?
- Were you at a party?
- ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 38 จากนัน้ ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงชือ่ หน่วยการเรียนรูเ้ รือ่ ง How Was
the Show? แล้วให้นักเรียนคาดเดาว่านักเรียนน่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องใดในหน่วยการเรียนรู้นี้
- ครูให้นกั เรียนดูหน้าเว็บไซต์สมมติในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 38 แล้วให้นกั เรียน
กวาดสายตาอ่านหน้าเว็บไซต์นั้นแบบคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นถามนักเรียนว่า
- What is the subject of the web page? (entertainment activities)
- What’s the name of the web page? (The “What’s on?” Entertainment Guide)
- What does “What’s on?” mean? (What is happening?)
- ครูให้นกั เรียนบอกกิจกรรมบันเทิงในหน้าเว็บไซต์สมมติทน่ี กั เรียนสนใจ รวมทัง้ ให้บอกเหตุผลด้วยว่าทำ�ไม
นักเรียนจึงสนใจกิจกรรมบันเทิงนั้น โดยถามนักเรียนว่า Which events interest you? Why?
- ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนสอบถามคำ�ศัพท์ทน่ี กั เรียนไม่ทราบความหมายครูจะเป็นผูบ้ อกความหมายของคำ�
ศัพท์นน้ั เช่น perform, discount, exhibit, traditional, contemporary เป็นต้น
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงข้อความแนะนำ�ความบันเทิง (Entertainment Guide) จากหน้าเว็บไซต์
สมมติในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 38 แล้วให้นักเรียนอ่านตามในใจและชี้ไปที่
โฆษณาซึ่งตรงกับข้อความที่ผู้พูดในซีดีบันทึกเสียงกำ�ลังพูดถึงอยู่
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงรอบที่ 2 ในการฟังรอบนีค้ รูจะหยุดซีดบี นั ทึกเสียงทุกครัง้ ทีผ่ พู้ ดู กล่าวจบ
โฆษณาแต่ละชิ้น และให้นักเรียนอ่านออกเสียงตามซีดีบันทึกเสียง ครูทำ�เช่นนี้จนครบจำ�นวนโฆษณา
ทุกชิ้น
528
- ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อความแนะนำ�ความบันเทิง (Entertainment Guide) ดังนี้

- What are the four events that are on? (a rock concert, a classical concert, a traveling exhibit, and
a play)
- Who is playing in the rock concert? (The Five Aces)
- Who is playing in the classical concert? (The City Philharmonic Orchestra and Kim Piau)
- What country is the traveling exhibit from? (China)
- What is the name of the play? (Life Is a Ride)
- What kind of the play is it? (a comedy)
- Which event has no information about prices? (the play)
- ครูให้นักเรียนดูหน้าเว็บไซต์สมมติในหนังสือเรียน หน้า 39 และถามนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนเห็น
ในหน้าเว็บไซต์นี้ว่า
- What is the name of the web page? (All Kinds of Sounds!)
- Which concerts interest you? Why?
- ครูให้นกั เรียนดูขอ้ มูลเกีย่ วกับดนตรีแนวต่างๆ ในหน้าเว็บไซต์สมมติ แล้วให้นกั เรียนช่วยกันบอกว่าดนตรี
แต่ละแนวมีลกั ษณะเป็นอย่างไร (ดูขอ้ มูลด้านวัฒนธรรม) และถ้ามีนกั เรียนคนใดเคยฟังเพลงแนวดังกล่าว
ก็ให้นักเรียนยกตัวอย่างเพลงที่เคยฟังนั้นด้วย
- ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพของบุคคล 2 คนในหนังสือเรียน หน้า 39 และให้นกั เรียนคาดเดาว่าบุคคลทั้ง 2 คน
น่าจะกำ�ลังคุยกันเกี่ยวกับเรื่องใด โดยถามนักเรียนว่า What are the two people talking about?
- ครูอธิบายประโยค What was it like? ทีอ่ ยูใ่ นบทสนทนาของบุคคล 2 คน ในรูปภาพว่าเป็นประโยคคำ�ถาม
ที่ใช้ถามเมื่อผู้พูดต้องการถามความคิดเห็นของคู่สนทนา ว่ากิจกรรมที่เขาได้ทำ�ไปเมื่อในอดีตนั้นเป็น
อย่างไร
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงข้อความในหน้าเว็บไซต์สมมติและบทสนทนาในกิจกรรม Listen and
Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 39 แล้วให้นักเรียนอ่านตามในใจและให้นักเรียนชี้ไปที่รูปภาพซึ่งตรงกับ
ข้อความที่ผู้พูดในซีดีบันทึกเสียงกำ�ลังพูดถึงอยู่
- ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นฟั ง ซี ดี บั น ทึ ก เสี ย งรอบที่ 2 ในการฟั ง รอบนี้ ใ ห้ นั ก เรี ย นฟั ง และอ่ า นออกเสี ย งคลอ
ตามเบาๆ และถามนักเรียนว่า
- What kind of music can you hear this weekend? (Latin, R&B, reggae, jazz, country, rap or hip - hop)
- Where can you hear Latin music? (at the Caribbean Club)
- What are Mia and her friend talking about? (what Mia did on the weekend)
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูตรวจสอบความเข้าใจเกีย่ วกับคำ�ศัพท์ โดยให้นกั เรียนทำ�กิจกรรม Quick Check ข้อ A ในหนังสือเรียน
หน้า 39 เมื่อนักเรียนทำ�กิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน และให้นักเรียน
ที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน
- ครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่านข้อความในหน้าเว็บไซต์และบทสนทนา โดยให้นักเรียนทำ�กิจกรรม
Quick Check ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 39 เมื่อนักเรียนทำ�กิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
529
พูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ�ในอดีตอย่างจริงจัง
ขั้นนำ� - ครูถามนักเรียนบางคนเกี่ยวกับกิจกรรมที่นักเรียนได้ทำ�เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
- Did you go to the mall?
- Did you visit a friend?
- Were you at a party?
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 39 โดยให้นักเรียน
ฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างแล้วอ่านออกเสียงตาม จากนั้นฝึกพูดบทสนทนาตามสถานการณ์
ที่กำ�หนดมาให้ ครูให้นักเรียนฝึกพูดโดยรับบทบาทเป็นทั้ง A และ B
- ครูให้นักเรียนคู่เดิมพูดบทสนทนาโดยให้คนหนึ่งรับบทบาทเป็น A สอบถาม B เกี่ยวกับแนวดนตรีที่
B ชื่นชอบ และให้อีกคนหนึ่งรับบทบาทเป็น B ตอบคำ�ถามของ A เกี่ยวกับแนวดนตรีที่ตนเองชื่นชอบ
จากนัน้ ให้นกั เรียนสลับบทบาทกันพูดบทสนทนา ครูให้นกั เรียนออกมานำ�เสนอบทสนทนาหน้าชัน้ เรียน
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนคู่เดิมทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 39 และให้นักเรียนฟังซีดีบันทึก
เสียงบทสนทนาตัวอย่างแล้วอ่านออกเสียงตาม จากนัน้ ครูให้นกั เรียนฝึกพูดบทสนทนาตามสถานการณ์
ที่กำ�หนดมาให้ดังนี้ ให้นักเรียนที่รับบทบาทเป็น A ถาม B เกี่ยวกับกิจกรรมที่ B ทำ�เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
รวมทัง้ ถามความคิดเห็นที่ B มีตอ่ กิจกรรมนัน้ และให้ B ตอบคำ�ถามทัง้ 2 ข้อของ A จากนัน้ ครูให้นกั เรียน
ฝึกพูดโดยสลับบทบาทกัน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนคู่ท่แี ต่งบทสนทนาเสร็จเรียบร้อยแล้วแลกเปลี่ยนกันอ่านบทสนทนากับนักเรียนคู่อ่นื เพื่อ
ช่วยแก้ไขจุดทีผ่ ดิ ในบทสนทนา แล้วนักเรียนนำ�บทสนทนากลับมาแก้ไขและฝึกซ้อมการพูดตามบทบาท
ในบทสนทนาที่นักเรียนแต่งขึ้นมา ครูให้นักเรียนสลับกันรับบทบาทเป็นทั้ง A และเป็น B
พูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ�ในอดีตอย่างมั่นใจในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - ครูถามนักเรียนเกีย่ วกับกิจกรรมทีน่ กั เรียนได้ท�ำ หรือเข้าร่วมเมือ่ สุดสัปดาห์ทผ่ี า่ นมาว่า What did you do
last weekend? ซึ่งนักเรียนอาจตอบได้อย่างหลากหลาย เช่น
530
- I saw a TV show at home.

- I visited the wax museum.
- I went to the theater.
- ครูถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการไปทำ�กิจกรรมนั้นๆ ว่า How was it?What was it like?
- ครูทบทวน/สอนหลักการใช้ Simple past tense: be โดยให้นกั เรียนศึกษาในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน
หน้า 40 และให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านออกเสียงประโยคตัวอย่างที่ให้มาในกรอบ Grammar จากนั้น
ครูสรุปหลักการใช้ให้นักเรียนฟังว่า the past tense of be มี 2 คำ�ด้วยกัน คือ was และ were ซึ่ง was
จะใช้กับคำ�นามเอกพจน์และกับคำ�สรรพนาม I, he, she และ it ส่วน were จะใช้กับคำ�นามพหูพจน์และ
กับคำ�สรรพนาม we, you และ they การใช้ the past tense of be นั้นจะใช้เมื่อต้องการบอกเกี่ยวกับ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น
- The TV show was fabulous.
- The exhibition was interesting.
นอกจากนี้ the past tense of be ยังใช้เพื่อบอกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ณ ช่วงเวลาใด
เวลาหนึ่ง เช่น I was in the cafeteria at noon yesterday.
- ครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการใช้ Simple past tense: be โดยให้นักเรียนทำ �แบบฝึกหัด
ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 40 ซึ่งเป็นแบบฝึกหัดให้นักเรียนเติม the past tense of be ลงในบทสนทนา
ให้ถูกต้อง
- ครูทบทวน/สอนหลักการใช้ Simple past tense: regular and irregular verbs โดยให้นกั เรียนศึกษาในกรอบ
Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 40 และให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านออกเสียงประโยคตัวอย่างที่ให้มาใน
กรอบ Grammar จากนั้น
- ครูสรุปหลักการใช้ให้นักเรียนฟังว่านักเรียนสามารถใช้โครงสร้างประโยค Simple past tense เมื่อ
ต้องการบอกว่ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นและได้จบลงแล้วเมื่อในอดีต เช่น Peter went surfing yesterday.
จากประโยคนี้สามารถอธิบายได้วา่ กิจกรรมการเล่นกระดานโต้คลืน่ ของ Peter ได้เกิดขึน้ และได้จบลงแล้ว
ตัง้ แต่เมือ่ วานนี้ ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าในประโยคคำ�ถามและประโยคปฏิเสธจะต้องนำ� Auxiliary did มาใช้
ในโครงสร้างประโยค Simple past tense แต่มีข้อควรระวังคือในประโยคที่มี Auxiliary did คำ�กริยาแท้
ของประโยคจะอยู่ในรูปของ the simple present form เช่น Where did they have dinner? Did you want
to go? They did not see the movies. เป็นต้น ยกเว้นในประโยคบอกเล่า คำ�กริยาแท้ของประโยคจะอยู่ใน
รูปของ the simple past form of regular and irregular verbs ยกตัวอย่างเช่น We traveled to Japan last
year. My mother went to the theater last night. เป็นต้น
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 41 โดยให้นักเรียนเติมคำ�กริยาลงในบทสนทนา
ให้ถูกต้องตาม the past tense of the verbs จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ตรวจคำ�ตอบกับเพือ่ นโดยให้สลับกัน
อ่านออกเสียงประโยคในบทสนทนาทีเ่ ติมสมบูรณ์แล้ว จากนัน้ ให้นกั เรียนคูท่ สี่ มัครใจออกมาอ่านบทสนทนา
ที่เติมสมบูรณ์แล้วหน้าชั้น
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นเพือ่ ตรวจคำ�ตอบ แล้วให้นกั เรียนทีส่ มัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพือ่ นในชัน้ เรียน
- ครูให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นเพือ่ ฝึกพูดโต้ตอบตามบทสนทนาในแบบฝึกหัด ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 40
จากนั้นครูสุ่มให้นักเรียนบางคู่อ่านบทสนทนาดังกล่าวโดยให้ใช้นํ้าเสียงในการอ่านที่เหมาะสมกับ
สถานการณ์ในประโยค
531
ฟังบทวิจารณ์ทางวิทยุเกี่ยวกับกิจกรรมบันเทิงเลือกใช้ได้อย่างจริงจัง
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนฝึกการออกเสียงคำ�กริยาที่เติม ed ใน the simple past form of regular ซึ่งได้แก่เสียง /t/, /d/
และ /Id/ โดยเปิดซีดีบันทึกเสียงเกี่ยวกับวิธีการออกเสียงดังกล่าวในกิจกรรม Pronunciation ในหนังสือ
เรียน หน้า 41 ให้นักเรียนฟังจำ�นวน 2 รอบ ในการฟังรอบแรกให้นกั เรียนฟังและสังเกตความแตกต่างกัน
ของการออกเสียง /t/, /d/ และ /Id/ จากนัน้ เปิดซีดบี นั ทึกเสียงให้นักเรียนฟังรอบที่ 2 เพื่อให้นักเรียนอ่านออก
เสียงตาม
ขั้นสอน - ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟงั บทพูดวิจารณ์ทางวิทยุเกีย่ วกับกิจกรรมบันเทิงในรอบสัปดาห์ทผี่ า่ นมา
แล้วให้นักเรียนกวาดสายตาอ่านหัวข้อกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ในตารางในกิจกรรม Listening ในหนังสือ
เรียน หน้า 41 และให้นกั เรียนบอกว่ามีหวั ข้อใดบ้างทีผ่ รู้ ายงานข่าวพูดวิจารณ์ ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบว่า the
soccer game, the rock concert, the modern art exhibit และ the movie
- ครูบอกความหมายของคำ�ศัพท์ที่คาดว่านักเรียนไม่ทราบความหมาย เช่น worth, referee, terrible,
disappoint, opinion, separate, remind, plot, chase, amusement park เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทพูดวิจารณ์ทางวิทยุจำ�นวน 3 รอบ โดยใช้หัวข้อในตารางเป็น
จุดประสงค์ในการฟังว่าผู้รายงานข่าวชอบหรือไม่ชอบกิจกรรมบันเทิงใด ซึ่งในการฟังรอบแรกเป็น
การฟังเพื่อทราบข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับบทพูดวิจารณ์โดยยังไม่ต้องทำ�เครื่องหมายลงในช่องตาราง
ในการฟังรอบที่ 2 เป็นการฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะแล้วทำ�เครื่องหมายลงในช่องตาราง และในการ
ฟังรอบที่ 3 เป็นการฟังเพื่อตรวจคำ�ตอบ
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนให้คำ� Key Words จากเรื่องที่ฟัง
ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ�ได้อดีตได้อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 42 และดูรปู ภาพโดยให้ปดิ ส่วนของบทสนทนาไว้ จากนัน้ ถามคำ�ถาม
เกี่ยวกับรูปภาพดังนี้
532
- Where are the people?

- Would you like to be there? Why or why not?
- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟังบทสนทนาระหว่าง Marilyn และ Danny ครูให้นักเรียนคาดเดาว่า
บทสนทนาระหว่างบุคคลทั้ง 2 คน น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ซึ่งนักเรียนน่าจะคาดเดาจากประสบการณ์
ทีไ่ ด้เรียนมาว่าต้องมีบคุ คลหนึง่ ซึง่ อาจจะเป็น Marilyn หรือไม่ก็ Danny ทีไ่ ปเทีย่ ว disco จากนัน้ ก็มาเล่าสูก่ นั
ฟังและบอกความรู้สึกที่มีต่อการไปเที่ยว disco
- ครูให้นักเรียนตั้งคำ�ถามเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนต้องการรู้เกี่ยวกับบทสนทนาระหว่าง Marilyn และ Danny
ครูเขียนคำ�ถามเหล่านั้นบนกระดาน ซึ่งนักเรียนน่าจะตั้งคำ�ถามดังนี้
1. Who went to the disco? (Marilyn)
2. What was the disco like? (It was fantastic.)
3. Where was the one who did not go to the disco? (the movies)
- ครูบอกให้นักเรียนใช้คำ�ถามเหล่านี้เป็นจุดประสงค์ในการฟัง
- ครูอธิบายคำ�ศัพท์และสำ�นวนที่คาดว่านักเรียนไม่ทราบความหมาย เช่น fantastic, awesome, terrific,
special effect, That’s too bad., You did?, out of this world เป็นต้น
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทสนทนากิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 42 ครูให้นกั เรียน
ฟังเพื่อตอบคำ�ถาม 3 ข้อบนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนที่ทราบคำ�ตอบออกมาเขียนคำ�ตอบบนกระดาน
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนารอบที่ 2 ในการฟังรอบนี้ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบของ
คำ�ถามทั้ง 3 ข้อ
- ครูให้นักเรียนอ่านคำ�ถาม 6 ข้อ ในกิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 42 โดยให้
นักเรียนอ่านในขณะที่ยังคงปิดบทสนทนาอยู่ ครูให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำ�สำ�คัญในคำ�ถามทั้ง 6 ข้อ เพื่อ
ใช้เป็นคำ�สำ�คัญในการหาคำ�ตอบจากการฟังบทสนทนา
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 3 ซึ่งในการฟังรอบนี้ครูให้นักเรียนฟังโดยยังไม่ต้องตอบคำ�ถาม
แต่ให้นกั เรียนพยายามฟังเพือ่ จับข้อความในซีดบี นั ทึกเสียงทีก่ ล่าวตรงกับคำ�สำ�คัญในข้อคำ�ถามทัง้ 6 ข้อ
แล้วให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 4 เพื่อตอบคำ�ถามทั้ง 6 ข้อ
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนใช้โครงสร้างประโยค Simple past tense ด้วยการถามแบบ yes/no questions และตอบแบบ
short answers เช่น
S1: Did you cook a meal on the weekend?
S2: Yes, I did./ No, I didn’t.
อ่านบทความเกี่ยวกับรูปปั้นกองทัพนักรพเลือกใช้ได้ถูกต้อง
533
- ครูเขียน The Terra Cotta Warriors บนกระดาน แล้วถามนักเรียนเพื่อตรวจสอบความรู้ เดิมของนักเรียน
เกี่ยวกับรูปปั้นกองทัพนักรบดินเผา โดยใช้คำ�ถามดังนี้
- Did you ever hear about the Terra Cotta Warriors?
- What do you know about them?
- ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 43 และให้นกั เรียนอ่านออกเสียงชือ่ บทความเรือ่ ง The Terra Cotta
Warriors จากนั้นให้นักเรียนดูรูปภาพรูปปั้นกองทัพนักรบดินเผาแล้วบอกกับนักเรียนว่ารูปภาพที่
ปรากฏอยู่ในบทความสามารถบอกหลายสิ่งหลายอย่างให้แก่ผู้อ่านได้ แล้วตั้งคำ�ถามถามนักเรียน
เกี่ยวกับรูปภาพรูปปั้นกองทัพนักรบดินเผา ดังนี้
- What do you see in the pictures? (statues)
- Where are they from? (China)
- What are they made of? (terra cotta clay)
- What are they statues of? (soldiers and horses)
- Do they look like modern soldiers or soldiers from a long time ago? (a long time ago)
- What kinds of weapons did soldiers use a long time ago? (spears)
- Where are the soldiers standing? (in a tomb)
- ครูเขียนคำ�ถาม Why are they standing in the tomb? บนกระดาน จากนั้นบอกให้นักเรียนใช้คำ�ถามข้อนี้
เป็นจุดประสงค์ในการอ่านบทความเรื่อง The Terra Cotta Warriors
- ครูอธิบายความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนที่ครูคาดว่านักเรียนไม่ทราบ เช่น discover, archaeologist,
sculpture, terra cotta, accompany, protect, life - size, expression, pose, represent, first - hand เป็นต้น
ขั้นปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทความในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 43 ในการฟังรอบแรกนี้
ครูให้นกั เรียนฟังและอ่านตามในใจ รวมทัง้ หาคำ�ตอบของคำ�ถาม Why are they standing in the tomb? ซึ่ง
นักเรียนน่าจะตอบว่า They were put there when Emperor Qin died over two thousand years ago to
help and protect him.
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทความรอบที่ 2 เพื่อให้นักเรียนอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
- ครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่านบทความเรื่อง The Terra Cotta Warriors โดยให้นักเรียนตอบคำ�ถาม
ในกิจกรรม After Reading ในหนังสือเรียน หน้า 43 ครูเน้นย้ำ�ให้นักเรียนขีดเส้นใต้ในบทความตรง
ตำ�แหน่งที่เป็นคำ�ตอบของคำ�ถามแต่ละข้อ เมื่อนักเรียนตอบคำ�ถามเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงให้นักเรียน
ตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน จากนั้นให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนทำ�งานกลุ่ม กลุ่มละ 3 - 4 คน เพื่อทำ�กิจกรรม Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 43 โดยให้
นักเรียนแลกเปลีย่ นข้อมูลเกีย่ วกับการค้นพบทางโบราณคดีทน่ี า่ สนใจในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ
ทีน่ กั เรียนรูจ้ กั รวมทัง้ บอกรายละเอียดข้อมูลของการค้นพบนัน้ จากนัน้ ให้นกั เรียนส่งตัวแทนกลุม่ ออกมา
นำ�เสนอข้อมูลหน้าชัน้ เรียน ครูประเมินการทำ�งานกลุม่ โดยใช้แบบประเมินการปฏิบัติงานกลุ่ม
ซีดี
534
ประเมินการเขียนบันทึกเหตุการณ์ในอดีต
การแต่งประโยค, บทสนทนา, การตอบคำ�ถาม
รูบริค จากบันทึกประจำ�วัน
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
535
Write new sentences. Use past tense verbs. Use the words in parenthese.
She watches television every day.
(last week) She watched television last week.
1. He rides his bike to school every day.
(yesterday) —————————————————————————————————————
2. She is studying French this year.
(last year) —————————————————————————————————————
3. My mother makes cookies every weekend.
(last weekend) —————————————————————————————————————
4. She gets up early every morning.
(yesterday) —————————————————————————————————————
5. They take the bus to school this year.
(last year) —————————————————————————————————————
Answers:
1. He rode his bike to school yesterday.
2. She studied French last year.
3. My Mother made cookies last weekend.
4. She got up early morning yesterday.
5. They took the bus to school last year.
wwwwwwww
536
รหัสวิชา อ22101 What happened?
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี
เหตุผล
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขียนประโยค และข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน
ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค
ชนิดต่างๆ และการลำ�ดับคำ�ตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
สาระที่ 3: ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐาน
ในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน
ตัวชี้วัด ต 3.1 ม. 2/1 ค้นคว้ารวบรวม และสรุปข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก
แหล่งเรียนรู้ และนำ�เสนอด้วยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4: ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนโลก
537
1. พูดและเขียนประโยค หรือข้อความ และความหมายเกี่ยวกับตนเองครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อม อาหาร
เครื่องดื่ม เวลาว่างและนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ
2. อ่านและพูดการเปรียบเทียบและการอธิบายความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิด
ต่างๆของเจ้าของภาษาได้อย่างมั่นใจ
3. ฟังและพูดการรวบรวม การสรุป และการนำ�เสนอข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นอย่าง
จริงจัง
มีทกั ษะในการสอบถาม การเล่า การรายงาน และการแสดงความรูส้ กึ ต่ออุบตั เิ หตุทเี่ กิดขึน้ จึงเป็นสิง่ จำ�เป็น ดังนัน้
นักเรียนจึงต้องฟังบทพูดบรรยายเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับรายละเอียดและสาเหตุของ
การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน อ่านข้อความเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและบทความเกี่ยวกับวิธีการดำ�เนินชีวิต
ให้มีความสุข และเขียนบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ
1. Functions - Expressing emotion
- Making suggestions
- Giving reason
2. Grammar - There was/ There were
- WhyBecause
- Adverb: ago
- Verb: irregular past forms
- Prepositions: inside/outside, out into
3. Vocabulary - accident - alarm clock - corner - crash
- crossing - injury - meeting - newsstand
- noise - police office - report - sidewalk
- stop sign - suggestion - traffic light - witness
- borrow - bother - break - feel
- forget - happen - hear - hit
- put - run (into) - say - take
- wake - damaged - hurt - patient
- afraid - angry - bored - glad
- nervous - neurotic - pleased - sad
538
- scared - surprised - worried - inside

- outside
การพูด: การพูดบรรยาย การแสดงบทบาทสมมติ
การเขียน: การเขียนบรรยายการเกิดอุบัติเหตุ
รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และฝึกอย่างจริงจังและเพียงพอ
ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา
มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร, มีประสิทธิภาพในการสื่อความ
นักเรียนเขียนเหตุการณ์อุบัติเหตุที่พบเห็นหรือประสบกับตนเองโดยใช้ Past Simple Tense
การออกเสียง ออกเสียงถูกต้องตาม ออกเสียงถูกต้องตาม ออกเสียงถูกต้องเป็น ออกเสียงไม่ถูกต้อง
หลักการออกเสียง หลักการออกเสียง บางส่วนแต่พอเข้าใจ ทำ�ให้ไม่เข้าใจ
เน้นคำ�ในประโยค เป็นส่วนใหญ่
อย่าง
เป็นธรรมชาติ สามารถสื่อสารได้ พอสื่อสารได้บ้าง ตะกุกตะกักสื่อสาร
คล่องแคล่วสื่อสาร ชัดเจน ได้น้อยมากหรือ
539
คำ�ศัพท์ สำ�นวนและ ใช้สำ�นวน และ ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน
โครงสร้าง โครงสร้างภาษา และโครงสร้าง และโครงสร้าง และโครงสร้าง
ถูกต้องและ ประโยคถูกต้องเป็น ประโยคแบบง่ายๆ ประโยคแบบง่ายๆ
เหมาะสม ส่วนใหญ่ และมีข้อผิดบ้าง และมีข้อผิดมาก
การแสดงท่าทาง แสดงท่าทางและพูด แสดงท่าทางและพูด พูดโดยไม่แสดง พูดโดยไม่แสดง
ประกอบ ด้วยนํ้าเสียง ด้วย ท่าทางประกอบ ท่าทางประกอบ
ที่เหมาะสมกับ นํ้าเสียงที่เหมาะสม นํ้าเสียงคล้ายการ นํ้าเสียงเป็นการ
บทบาทและ กับบทบาท อ่านหรือการ ท่องจำ�
สถานการณ์ และสถานการณ์ ท่องจำ�
อ่านข้อความเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมั่นใจในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - ครูทักทายนักเรียนและบอกความรู้สึกของครูในวันนี้ว่า I’m happy because I’m going to a movie this
evening. I’m also happy because I saw an old friend yesterday.
- ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 44 และให้นกั เรียนอ่านออกเสียงชือ่ หน่วยการเรียนรู้ What Happened?
และชื่อบทความ The Scene of the Accident
ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพในหนังสือเรียน หน้า 44 และถามนักเรียนเกีย่ วกับเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ โดยใช้ค�ำ ถาม
ในกิจกรรม Listen and Discuss ถามนักเรียนว่า What do you think happened? และ What causes traffic
accidents in your country? จากนั้นครูถามนักเรียนเกี่ยวกับความรู้สึกของบุคคลในรูปภาพว่า Do you
think any of these people are happy? ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบ no เนื่องจากนักเรียนใช้ข้อมูลแวดล้อมและ
สีหน้าของบุคคลในรูปภาพเป็นเครื่องมือช่วยในการตอบคำ�ถาม
- ครูเขียนคำ�ศัพท์ที่คาดว่านักเรียนไม่ทราบความหมายบนกระดาน เช่น car insurance, sleepy, relieved,
crash เป็นต้น จากนั้นกระตุ้นให้นักเรียนเดาความหมายของคำ�ศัพท์จากบริบทรอบข้างทั้งที่เป็นรูปภาพ
และข้อความที่แวดล้อมคำ�ศัพท์
540
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงข้อความเรือ่ ง The Scene of the Accident ในกิจกรรม Listen and Discuss
ในหนังสือเรียน หน้า 44 ครูให้นักเรียนอ่านตามในใจและชี้ที่ข้อความตามที่ได้ยิน ครูถามคำ�ถามเกี่ยวกับ
บทความโดยใช้คำ�ถามแบบ Yes/no questions ดังนี้
- Did the car driver stop at the stop sign? (No, he didn’t.)
- Did the SUV driver see the car coming? (No, he didn’t.)
- Was the car driver on his cell phone? (Yes, he was.)
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงข้อความรอบที่ 2 ในการฟังรอบนี้ ครูหยุดซีดีบันทึกเสียงทุกครั้งที่ผู้พูด
กล่าวจบข้อความเพื่อให้นักเรียนอ่านออกเสียงตาม ครูถามคำ�ถามเกี่ยวกับข้อความโดยใช้คำ�ถามแบบ
Wh - questions ดังนี้
- Why is the witness relieved? (No one was hurt.)
- Why is the car driver worried? (He doesn’t have any car insurance.)
- Why didn’t the SUV driver see the car coming? (He was sleepy.)
- Why is the passenger always nervous when she rides with the car driver? (He’s a bad driver. This is
implied, not stated.)
- Why isn’t the police officer surprised there was another accident? (There is not traffic light at the
intersection.)
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่านบทความโดยให้นกั เรียนทำ�กิจกรรม Quick Check ในหนังสือเรียน หน้า
45 เมื่อนักเรียนทำ�เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อนและให้นักเรียนที่สมัครใจอ่าน
อ่านข้อความเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมั่นใจในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันแต่งประโยคคำ�ถามเพื่อถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์
ในหนังสือเรียน หน้า 45 โดยให้ใช้บทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work เป็นแนวทางในการแต่ง
ประโยคคำ�ถาม
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงข้อความรอบที่ 2 ในการฟังรอบนี้ ครูหยุดซีดีบันทึกเสียงทุกครั้งที่ผู้พูด
กล่าวจบข้อความเพื่อให้นักเรียนอ่านออกเสียงตาม
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 45 ซึ่งเป็นกิจกรรม
ให้นักเรียนถาม - ตอบเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของนักเรียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนสนทนาสถานการณ์อุบัติเหตุที่พบเห็นในอดีต
541
อ่านข้อความเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่ามีประสิทธิภาพในการสื่อความ
ขั้นนำ� - ครูทบทวน/สอนหลักการใช้ Adverb: ago และ Pronoun: someone, no one, nothing, anything โดยให้
นักเรียนศึกษาหลักการใช้ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 46 ครูสรุปให้นักเรียนฟังว่านักเรียน
สามารถใช้คำ�วิเศษณ์ ago ในประโยคโครงสร้าง Simple past tense เพื่อบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือ
สถานการณ์ที่ได้เกิดขึ้นผ่านมาแล้วในอดีต ตำ�แหน่งของ ago จะถูกวางไว้หลังคำ�ที่บ่งบอกเวลา เช่น
I had something to eat two hours ago. จากนั้นครูสรุปหลักการใช้ Pronoun: someone, no one, nothing,
anything ว่าคำ�สรรพนาม someone และ no one ใช้เรียกแทนคำ�นามที่เป็นบุคคล คำ�สรรพนาม anything
และ nothing ใช้เรียกแทนคำ�นามที่เป็นสิ่งของ คำ�สรรพนาม anything จะใช้ในประโยคคำ�ถามและ
ในประโยคที่มี not อยู่ในประโยค ในขณะที่ nothing จะไม่ใช้ในประโยคที่มี not อยู่ในประโยคนั้น
ขั้นสอน - ครูตรวจสอบความเข้าใจหลักการใช้ Adverb: ago และ Pronoun: someone, no one, nothing, anything
โดยให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ B - C ในหนังสือเรียน หน้า 47 และให้ตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน จากนั้น
ให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูแนะนำ�ให้นักเรียนมีข้อมูลเกี่ยวกับ date and time, location, description of vehicles และ sequence of
events ในงานเขียนของนักเรียน รวมทั้งแนะนำ�ให้นักเรียนใช้ตัวอย่างจากแบบฝึกหัดข้อ B ในหนังสือ
เรียน หน้า 47 เป็นแนวทางในการเขียนบรรยายข้อมูลดังกล่าว เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
- นักเรียนนำ�งานเขียนของตนเองกลับมาแก้ไข ครูให้นกั เรียนออกมาพูดนำ�เสนอผลงานเขียนหน้าชัน้ เรียน
ครูประเมินการเขียนบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ โดยใช้เกณฑ์การประเมินการเขียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Writing ในหนังสือเรียน หน้า 47 โดยให้นักเรียนเขียนบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับ
การเกิดอุบัติเหตุที่นักเรียนเคยพบหรือเคยได้ยินมาก่อน
ฟังบทพูดบรรยายเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมีประสิทธิภาพในการสื่อความ
542
ขั้นนำ� - ครูให้นกั เรียนฝึกการออกเสียง h ในกิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรียน หน้า 47 โดยให้ฟงั ซีดบี นั ทึก
เสียงการออกเสียง h จำ�นวน 2 รอบ
ขั้นสอน - ครูบอกนักเรียนว่า วันนีน้ กั เรียนจะได้ฟงั บทพูดบรรยายเกีย่ วกับการเกิดอุบตั เิ หตุบนท้องถนนระหว่างรถ
บรรทุกกับรถโรงเรียนของพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ 2 คน คือ Harry Skinner และ Jill Black ก่อนที่ครู
จะให้นักเรียนฟังบทพูด ครูให้นักเรียนบอกสิ่งที่นักเรียนต้องการรู้เกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้
- ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทพูดบรรยายเกีย่ วกับการเกิดอุบตั เิ หตุบนท้องถนนระหว่างรถบรรทุก
กับรถโรงเรียนในกิจกรรม Listening
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านประโยคข้อมูลการบรรยายเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของ
Harry Skinner และ Jill Black ในกิจกรรม Listening และบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้ฟังซีดีบันทึกเสียง
อีกจำ�นวน 2 รอบ เพื่อให้นักเรียนบอกว่าข้อมูลการบรรยายแต่ละข้อในกิจกรรมนี้มีข้อมูลใดที่ตรงกัน
กับบทพูดที่นักเรียนกำ�ลังจะได้ฟังจากซีดีบันทึกเสียงนี้
- ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน และให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียน
(ดู Audioscript และเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนสรุปจากสิ่งที่ฟัง
อ่านข้อความเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมีประสิทธิภาพในการสื่อความ
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ของนักเรียนที่เคยทำ�สิ่งของของผู้อื่นเสียหาย ซึ่งนักเรียน
มีความจำ�เป็นต้องแจ้งข่าวร้ายนั้นให้เจ้าของได้รับทราบ โดยครูให้นักเรียนเล่าว่าสิ่งของนั้นคือสิ่งใด
เสียหายได้อย่างไร ใช้วิธีใดในการแจ้งข่าวร้าย และผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร
- ครูให้นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 48 โดยให้นกั เรียนปิดในส่วนของบทสนทนาไว้ จากนัน้ ครูถาม
นักเรียนเกี่ยวกับภาพนั้นว่า Who is talking? Is the daughter telling her mother something that she is
going to be happy or unhappy about?
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาเกี่ยวกับการแจ้งข่าวร้ายให้คู่สนทนารับทราบ ในกิจกรรม
Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 48 ซึง่ ในการฟังรอบแรก ครูให้นกั เรียนฟังเพือ่ หาคำ�ตอบในตอนท้าย
ของบทสนทนาว่าแม่ของหญิงสาวรูส้ กึ อย่างไรกับการแจ้งข่าวร้ายของลูกสาวของเธอ โดยพูดกับนักเรียน
ว่า Listen to the conversation and find out how the mother feels at the end. ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบว่า She
is shocked.
543
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 2 โดยครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 48 แล้วอ่านออกเสียง

บทสนทนาตามซีดีบันทึกเสียง
- ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงสำ�นวน It’ll only take a minute. What’s up? Don’t lose your cool. และ
The thing is ในกรอบ Real Talk ในหนังสือเรียน หน้า 48 ซึ่งเป็นสำ�นวนที่พบในบทสนทนาที่นักเรียน
ได้ฟังไปเมื่อสักครู่ จากนั้นครูตั้งคำ�ถามกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ทราบถึงวิธีการใช้สำ�นวนดังกล่าว
ดังนี้
- Who says It’ll only take a minute? (the daughter)
- Why does she say It’ll only take a minute? (It’s not going to take a long time, and it’s important)
- Who says What’s up? (the mother)
- When do people say What’s up? (at the start of a conversation)
- Who says Don’t lose your cool? (the daughter)
- When do people say Don’t lose your cool? (when they don’t want someone to get angry)
- Who says The thing is? (the daughter)
- What does thing mean? (problem)
- ครูสรุปให้นกั เรียนฟังว่าสำ�นวน It’ll only take a minute. ใช้พดู เพือ่ บอกคูส่ นทนาให้ทราบว่าเรือ่ งทีก่ �ำ ลัง
จะสนทนาด้วยนี้ใช้เวลาไม่นานมาก สำ�นวน What’s up? ใช้เพื่อถามคู่สนทนาว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้น สำ�นวน
Don’t lose your cool. ใช้พดู เพือ่ บอกคูส่ นทนาว่าอย่าโกรธเกีย่ วกับเรือ่ งทีต่ นเองกำ�ลังจะบอกกับคูส่ นทนา
และ The thing is ใช้พูดเพื่อบอกคู่สนทนาให้ทราบว่าเรื่องที่กำ�ลังจะพูดนี้เป็นเรื่องที่มีปัญหาหรือเป็น
ข่าวร้าย
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงตอนจบของบทสนทนาทีใ่ ห้มาจำ�นวน 3 ข้อ ในกรอบ Your Ending ในหนังสือ
เรียน หน้า 48 และให้ตอบคำ�ถามของครูหลังอ่านตอนจบของบทสนทนาในแต่ละหัวข้อ ดังนี้ How does
the daughter feel about the accident? ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบข้อ 1 She feels bad. ข้อ 2 She doesn’t feel
responsible. และข้อ 3 She doesn’t feel bad because she doesn’t think it’s a big deal.
- ครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่านบทสนทนา โดยให้นกั เรียนตอบคำ�ถามในกิจกรรม About the Conversation
ในหนังสือเรียน หน้า 48 และให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำ�ตอบ
(ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นเพือ่ แสดงบทบาทสมมติเป็นแม่และลูกสาวในบทสนทนา โดยให้ใช้ประโยคใน
กรอบ Your Ending ทีน่ กั เรียนได้ตดั สินใจเลือกไว้ 1 ข้อ เป็นประโยคทีใ่ ช้กล่าวในตอนจบของบทสนทนา
ครูเน้นให้นักเรียนพูดออกเสียงที่ถูกต้องตาม stress และ intonation รวมทั้งให้ใส่สีหน้าและท่าทางให้
สอดคล้องกับประโยคที่พูด ครูให้นักเรียนสลับบทบาทกันเป็นทั้งแม่และลูกสาว ครูประเมินการแสดง
บทบาทสมมติโดยใช้แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมติ
อ่านบทความเกี่ยวกับวิธีการดำ�เนินชีวิตให้มีความสุขได้อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
544
- ครูสอบถามนักเรียนเกีย่ วกับความรูส้ กึ ทีม่ ตี อ่ การดำ�เนินชีวติ ของนักเรียนในปัจจุบนั ว่า นักเรียนมีความสุข
ความทุกข์ กังวล หรือไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง ครูกระตุ้นให้นักเรียนบอกสิ่งเหล่านั้นและบอก
สาเหตุที่ทำ�ให้นักเรียนมีความรู้สึกเช่นนั้น
- ครูให้นกั เรียนช่วยกันบอกวิธกี ารดำ�เนินชีวิตให้มีความสุขว่านักเรียนควรจะทำ�อย่างไรบ้าง ครูเขียนสิง่ ที่
นักเรียนบอกบนกระดาน
- ครูให้นกั เรียนดูรปู ภาพและอ่านออกเสียงชือ่ บทความเรือ่ ง So You Want to Be Cool ในกิจกรรม Reading
ในหนังสือเรียน หน้า 49 แล้วถามนักเรียนว่า
- How old are the people in the picture?
- What do teens often want to be?
- What does it mean to be cool?
ขั้นสอน - ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้อ่านบทความเรื่อง So You Want to Be Cool ซึ่งเป็นบทความที่บอกวิธี
การดำ�เนินชีวิตให้มีความสุข
- ครูเตือนนักเรียนเกี่ยวกับคำ�สรรพนามที่ใช้เรียกแทนคำ�นามในบทความ เนื่องจากคำ�สรรพนาม 1 คำ�
สามารถใช้เรียกแทนคำ�นามได้หลายคำ� เช่น คำ�สรรพนาม them ที่อยู่ในบรรทัดที่ 6 ใช้เรียกแทนคำ�นาม
looks แต่ them ที่อยู่ในบรรทัดที่ 10 ใช้เรียกแทนคำ�นาม new people
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทความเรื่อง So You Want to Be Cool และอ่านออกเสียงตามในใจ
ครูให้นักเรียนตรวจสอบข้อมูลในบทความที่กล่าวถึงวิธีการดำ�เนินชีวิตให้มีความสุขซึ่งตรงกับความคิด
ของนักเรียนที่เขียนไว้บนกระดานก่อนหน้านี้
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทความในรอบที่ 2 แล้วให้นักเรียนอ่านออกเสียงคลอตามเบาๆ
- ครูให้นักเรียนแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันภายในกลุ่มให้ชัดเจน และให้นักเรียนช่วยกันนึกถึงคำ�ศัพท์
ทีบ่ ง่ บอกความรูส้ กึ ต่างๆ เช่น happy/glad, sad, scared/afraid, nervous, relieved, surprised, angry, bored,
worried เป็นต้น แล้วเขียนบันทึกคำ�ศัพท์เหล่านั้นไว้
- ครูให้นกั เรียนภายในกลุม่ บอกสิง่ ต่างๆ ทีส่ ง่ ผลให้นกั เรียนมีความรูส้ กึ ดังกล่าวมาข้างต้น เช่น tests, math,
accident เป็นต้น แล้วเขียนบันทึกคำ�ศัพท์เหล่านั้นไว้
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูแนะนำ�ให้นกั เรียนพูดเป็นประโยคเพือ่ บอกข้อมูลของตนเองให้แก่เพือ่ นภายในกลุม่ โดยเขียนตัวอย่าง
ประโยคบนกระดาน เช่น Listening to music makes me happy. Tests make me nervous. เป็นต้น จากนั้น
ให้นักเรียนจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เพื่อนๆ บอก โดยให้เขียนแบ่งแยกเป็นหัวข้อให้ชัดเจน
- ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำ�เสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน โดยให้นักเรียนเขียนตารางแสดงผลการ
สำ�รวจบนกระดานดังตัวอย่างต่อไปนี้
nervous scared worried bored

tests ✓✓ snakes ✓✓ the future math ✓
driving ✓ the dark ✓ my parents homework
545
- ครูให้นักเรียนพูดอธิบายข้อมูลดังกล่าว เช่น Three people are afraid of snakes. เป็นต้น

- ครูให้นกั เรียนช่วยกันสรุปข้อมูลของชัน้ เรียนว่า สิง่ ใดทีท่ �ำ ให้นกั เรียนในชัน้ เรียนนีม้ คี วามรูส้ กึ ดีและไม่ดี
ติดอันดับสูงทีส่ ดุ ของแต่ละรายการ ครูประเมินการทำ�งานกลุม่ โดยใช้เกณฑ์การประเมินการทำ�งานกลุม่
ซีดี
ประเมินการเขียนภาระงาน, การเขียน, แบบฝึกหัด, การสนทนาถามอาการเจ็บป่วย
การออกเสียง สำ�เนียง การฝึกปฏิบัติจริง หรือสถานการณ์จำ�ลอง บทบาทสมมุติ การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
รูบริค จากบันทึกประจำ�วัน
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
546
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
547
Answer the questions. Use the past tense and adverbs ago.
When were you angry?
I was angry two days ago.
Why were you angry?
I was angry because I broke my MP3 player.
1. When were you surprised?
—————————————————————————————————————
Why were you surprised?
—————————————————————————————————————
2. When were you nervous?
—————————————————————————————————————
Why were you nervous?
—————————————————————————————————————
3. When were you tired?
—————————————————————————————————————
Why were you tired?
—————————————————————————————————————
Answers will vary. Sample answers:

1. I was surprised a week ago.
I was surrprised because I saw an old friend.
2. I was nervous two hours ago.
I was nervous because I had a big math test.
3. I was tired three days ago.
I was tired bacause I went to the party on Saturday night.
wwwwwwww
548
รหัสวิชา อ22101 What’s wrong?
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขียนประโยค และข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ
ตัวชี้วัด ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำ�คัญ/ แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง/
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์
พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ
ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ
1. พูดและเขียนประโยคหรือข้อความและความหมายเกี่ยวกับตนเองครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อม สุขภาพได้
อย่างมั่นใจในการสื่อสาร
2. ฟังและพูดในการสื่อสารระหว่างบุคคลอย่างมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
549
3. พูดและอ่านจับใจความสำ�คัญแก่นสาระ หัวข้อเรื่อง การวิเคราะห์/ข่าว/เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ

4. พูดและอ่านการเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของ
เจ้าของภาษาและของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ภาษาในการบรรยายถึงอาการป่วยไข้ไม่สบาย นักเรียนต้องเรียนรู้คำ�ศัพท์ สำ�นวน และโครงสร้างประโยค
1. Functions - Making suggestions
- Asking/Telling about one’s health
- Using words for parts of the ailments in context
2. Grammar - Why don’t/ doesn’t …….?
- WhyBecause
3. Vocabulary - advice - aspirin - cabin - camp
- cure - date - dentist - drugstore
- forest - heating - illness - medicine
- remedy - trip - vitamin - cold
- headache - cough - stomachache - flu
- toothache - cancel - catch - pack
- sneeze - wake up - weak - tired
- wonderful - unfortunately
รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และฝึกฝนอย่างจริงจังและเพียงพอ
550
มุ่งมั่นในการทำ�งาน (มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร)
เขียนอาการเจ็บป่วยและข้อควรปฏิบัติในการเจ็บป่วย เป็นการ์ดให้ความรู้
ตามหลักการออก ตามหลักการ เป็นบางส่วน ทำ�ให้ไม่เข้าใจ
เสียง เน้นคำ�ใน ออกเสียงเป็น แต่พอเข้าใจ
ประโยคอย่าง ส่วนใหญ่
เป็นธรรมชาติ สามารถสื่อสารได้ พอสื่อสารได้บ้าง ตะกุกตะกักสื่อสาร
คล่องแคล่วสื่อสาร ชัดเจน ได้น้อยมากหรือ
คำ�ศัพท์ สำ�นวนและ ใช้สำ�นวน และ ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน ใช้คำ�ศัพท์ สำ�นวน
โครงสร้าง โครงสร้างภาษา และโครงสร้าง และโครงสร้าง และโครงสร้าง
ถูกต้องและ ประโยคถูกต้อง ประโยคแบบง่ายๆ ประโยคแบบง่ายๆ
เหมาะสม เป็นส่วนใหญ่ และมีข้อผิดบ้าง และมีข้อผิดมาก
เหมาะสมกับบทบาท เหมาะสมกับบทบาท นํ้าเสียงคล้ายการ นํ้าเสียงเป็นการ
และสถานการณ์ และสถานการณ์ อ่านหรือการท่องจำ� ท่องจำ�
พูดสอบถามเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและพูดแนะนำ�วิธีการดูแลรักษาอย่างมีประสทธิภาพ
551
ขั้นนำ� - ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและการเจ็บป่วยของครูเมื่อครั้งล่าสุด ดังนี้ Last month
I had the flu. I had a headache and a stomachache. I also had a sore throat and a cough. It was terrible.
ในขณะที่ครูเล่าให้นักเรียนฟังครูใช้ท่าทางประกอบ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจในสิ่งที่ครูพูดมากขึ้น
- ครูสอบถามนักเรียนบางคนเกี่ยวกับเรื่องการเจ็บป่วยของนักเรียนเมื่อในอดีตว่า Did you ever have
a sore throat/the flu/a stomachache/a cough?
ขั้นสอน - ครูเขียนชื่อหน่วยการเรียนรู้ What’s Wrong? บนกระดาน และให้นักเรียนอ่านออกเสียงพร้อมกันทั้ง
ชั้นเรียน จากนั้นให้นักเรียนคาดเดาว่านักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องใดในหน่วยการเรียนรู้นี้ โดยถาม
นักเรียนว่า What do you think the unit is about?
- ครูตรวจสอบความรูเ้ ดิมของนักเรียนเกีย่ วกับชือ่ โรคหรือการเจ็บป่วยต่างๆ โดยใช้ค�ำ ถามข้อ 1 ในกิจกรรม
Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 50 ที่ถามว่า What are the most common illness you know
about?
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพเดิมและให้นักเรียนคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนักเรียนในรูปภาพ โดยครูใช้
คำ�ถามข้อ 2 ในกิจกรรม Listen and Discuss ในหนังสือเรียน หน้า 50 ถามนักเรียนดังนี้ What do you
think happened to the students on the school trip in the picture?
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาระหว่างผู้ป่วยกับนายแพทย์ในกิจกรรม Listen and Discuss
ในหนังสือเรียน หน้า 51 โดยให้นกั เรียนฟังและอ่านออกเสียงตามในใจ จากนัน้ ให้นกั เรียนขีดเส้นใต้กลุม่
คำ�ที่บอกอาการของผู้ป่วยรวมทั้งชื่อโรคหรืออาการเจ็บป่วยนั้น ซึ่งได้แก่ an awful headache and a high
temperature ส่วนชื่อโรคคือ the flu ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า a high temperature มีความหมายคล้ายกับ
คำ�ว่า fever
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูสุ่มเรียกชื่อเด็กนักเรียนที่อยู่ในรูปภาพ แล้วให้นักเรียนในชั้นเรียนบอกชื่อโรคหรืออาการเจ็บป่วย
ที่เด็กนักเรียนคนนั้นเป็น เช่น ครูเอ่ยชื่อ Michael นักเรียนก็จะพูดว่า earache เป็นต้น
- ครูตั้งคำ�ถามถามนักเรียนเกี่ยวกับรายละเอียดในบันทึกข้อมูลผู้ป่วยของเด็กนักเรียนในรูปภาพ ดังนี้
- How many students got sick on the school trip? (eight)
- Who has a toothache? (Sonia)
- Who has a cold? (Sylvia)
- Who has the flu? (Sarah)
- Who has a headache? (Grace)
- Who has a cough? (Charles)
- Who has a stomachache? (Peter)
- Who has a sore throat? (Maria)
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 51 โดยยังไม่ให้นักเรียนอ่านบทสนทนาในกรอบคำ�พูด
จากนั้นครูถามนักเรียนเกี่ยวกับรูปภาพดังนี้
- Where are the people? (in a doctor’s office)
552
- What are they probably talking about? (the patient’s illness)

- What’s wrong with the woman? (She has the flu.)
- ครูตรวจสอบความเข้าใจในการฟังและการอ่านรอบแรกของนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า What does the
doctor suggest? (The patient should drink a lot of liquids, shouldn’t go out, and should stay in bed and
rest.)
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาระหว่างผู้ป่วยกับนายแพทย์อีกครั้ง ในการฟังรอบนี้ครูหยุด
ซีดีบันทึกเสียงเมื่อจบแต่ละประโยค จากนั้นให้นักเรียนอ่านออกเสียงตาม
- ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามคำ�ศัพท์ที่นักเรียนไม่ทราบความหมาย
- ครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่านบันทึกข้อมูลผู้ป่วยและบทสนทนาระหว่างผู้ป่วยกับนายแพทย์ โดยให้
นักเรียนทำ�กิจกรรม Quick Check ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 51 เมื่อนักเรียนทำ�กิจกรรมเสร็จเรียบร้อย
ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน แล้วให้นักเรียนที่สมัครใจอ่าน
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนสรุปอาการเจ็บป่วยในรูปภาพ
พูดสอบถามเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและพูดแนะนำ�วิธีการดูแลรักษาได้
ขั้นนำ� - ครูสอบถามนักเรียนบางคนที่อาการไม่ปกติ What’s wrong with you?
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนาตัวอย่างในกิจกรรม Pair Work ในหนังสือเรียน หน้า 51
และให้นักเรียนอ่านออกเสียงตาม
- ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อฝึกสนทนาโต้ตอบตามบทสนทนาตัวอย่าง ครูสุ่มให้นักเรียนบางคู่ออก
มานำ�เสนอบทสนทนาหน้าชั้นเรียน
- ครูให้นักเรียนคู่เดิมแต่งบทสนทนา โดยให้นักเรียนเปลี่ยนแปลงบางส่วนของบทสนทนาในกิจกรรม
Pair Work ให้มีความหลากหลาย ตัวอย่างเช่น
1. ให้นักเรียนสลับการตั้งคำ�ถามจาก What’s wrong? เป็น What’s the matter?
2. ให้ นั ก เรี ย นเปลี่ ย นแปลงการแนะนำ � วิ ธี ก ารดู แ ลรั ก ษาตนเอง จาก You should take some
medicine เป็น You should go to the doctor. หรืออาจเปลี่ยนแปลงตามความคิดของนักเรียน
3. ให้นักเรียนเปลี่ยนแปลงประโยคคำ�ถามจาก What do you do when you have a cold? เป็น What do
you do when you have a headache/a cold/the flu?
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นักเรียนออกมานำ�เสนอบทสนทนาหน้าชั้นเรียน ครูประเมินการพูดสอบถามเกี่ยวกับการเจ็บป่วย
และพูดแนะนำ�วิธีการดูแลรักษาโดยใช้เกณฑ์การประเมินความสามารถในการสนทนา
553
พูดสอบถามเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและพูดแนะนำ�วิธีการดูแลรักษาได้
ขั้นนำ� - ครูและนักเรียนอ่านคำ�อธิบายหลักการใช้ Should/Shouldn’t ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 52
จากนั้นครูสรุปหลักการใช้ดังนี้ Modal auxiliaries should มีความหมายว่า ควรจะใช้ได้กับประธานที่เป็น
ทั้งคำ�นามและคำ�สรรพนามที่อยู่ในรูปของเอกพจน์และพหูพจน์ ตำ�แหน่งของ Modal auxiliaries should
ในประโยคคำ�ถามแบบ Yes/no questions และคำ�ถามแบบ Information questions จะอยู่ด้านหน้าของ
ประธาน เช่น Should I take some aspirin? When should I take the medicine?
ขั้นสอน - ครูตรวจความเข้าใจหลักการใช้ Should/Shouldn’t โดยให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด ข้อ D ในหนังสือเรียน
หน้า 53
- ครูให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านบทสนทนาตัวอย่างในแบบฝึกหัด ข้อ D จากนั้นให้นักเรียนนำ�คำ�ตอบที่ได้
จากการทำ�แบบฝึกหัดนี้ มาฝึกพูดถาม - ตอบเกี่ยวกับปัญหาของเพื่อนและการให้คำ�แนะนำ�แก่เพื่อนที่มี
ปัญหา ครูสุ่มนักเรียนบางคนให้นำ�เสนอบทสนทนาที่หน้าชั้นเรียน
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูและนักเรียนศึกษาหลักการใช้ Clauses with when ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 52 จาก
นั้นครูสรุปหลักการใช้ดังนี้ Clauses with when เมื่อถูกนำ�มาใช้ในประโยคคำ�ถามที่มีโครงสร้างประโยค
Present tense จะเป็นการใช้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกริยาที่ผู้ถูกถามมักจะกระทำ�ในสถานการณ์หนึ่งเป็น
เรื่องปกติ ส่วน Clause with when ที่ถูกนำ�มาใช้ในประโยคคำ�ถามที่มีโครงสร้างประโยค Past tense
จะเป็นการใช้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกริยาที่โดยปกติแล้วผู้ถูกถามมักจะกระทำ�เมื่อครั้งในอดีต ครูเตือน
นักเรียนว่าให้นักเรียนใส่ประธานและกริยาหลังอนุประโยค when ด้วย เช่น What do you do when you
are very tired?
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูตรวจสอบความเข้าใจเกีย่ วกับการใช้ Clauses with when โดยให้นกั เรียนทำ�แบบฝึกหัดข้อ A ในหนังสือ
เรียน หน้า 52
- ครูให้นักเรียนฝึกพูดสนทนาถาม - ตอบ โดยใช้ข้อมูลจากแบบฝึกหัด ข้อ A เป็นข้อมูลในการสนทนา
ครูสุ่มนักเรียนบางคู่ออกมานำ�เสนอหน้าชั้นเรียน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ฟังบทพูดบรรยายอาการเจ็บป่วยได้อย่างมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
554
ขั้นนำ� - ครูให้นักเรียนฝึกการอ่านออกเสียงพยัญชนะควบเสียง s ในตำ�แหน่งต้นของคำ�ศัพท์ ซึ่งมี /sn/, /st/, /sw/
และ /sl/ เช่น snow, stop, swing, slope เป็นต้น ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียง กิจกรรม Pronunciation
ในหนังสือเรียน หน้า 53 จำ�นวน 2 รอบ ในการฟังรอบแรกครูให้นักเรียนฟังและอ่านตามในใจ จากนั้น
ให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 2 โดยให้นักเรียนฟังและอ่านออกเสียงตาม
ขั้นสอน - ครูบอกว่านักเรียนจะได้ฟงั ซีดบี นั ทึกเสียงการบรรยายอาการเจ็บป่วยของบุคคล 5 คน จากนัน้ ให้นกั เรียน
ดูรูปภาพในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 53 และถามนักเรียนว่า What is wrong with each
person? ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน เช่น She/He has a...
- ครูบอกความหมายของคำ�ศัพท์ที่คาดว่านักเรียนไม่ทราบและต้องพบในบทพูดในกิจกรรม Listening
เช่น carry, suitcase, shout, brush, expect, awful เป็นต้น
- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทพูดบรรยายอาการเจ็บป่วยและสาเหตุของการเจ็บป่วยในกิจกรรม
Listening โดยให้นักเรียนฟังเพื่อตรวจสอบคำ�ตอบของคำ�ถาม What is wrong with each person? ที่ครู
เขียนไว้บนกระดาน
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นกั เรียนฟังซีดบี นั ทึกเสียงบทพูดรอบที่ 3 โดยให้นกั เรียนฟังเพือ่ ตรวจคำ�ตอบ ครูให้นกั เรียนทีส่ มัครใจ
อ่านคำ�ตอบให้แก่เพือ่ นในชัน้ เรียน (ดู Audioscript และเฉลยท้ายเล่ม) ครูประเมินผลการฟังบทพูดบรรยาย
อาการเจ็บป่วยและสาเหตุของการเจ็บป่วย
ขั้นนำ�ไปใช้ - สรุปอาการเจ็บป่วย แบ่งเป็นกลุ่มๆ
อ่านข้อความเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในกาสื่อสาร
- ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์แบบรับประทานได้
ไม่จำ�กัด (อิ่มไม่อั้น) ว่ามีนักเรียนคนใดเคยไปรับประทานที่ร้านไหนมาบ้าง นักเรียนรับประทานอะไร
จำ�นวนปริมาณที่รับประทานและอาการหลังรับประทานเป็นอย่างไร โดยใช้คำ�ถามถามนักเรียนดังนี้
- Did anyone here ever eat at an all - you - can - eat buffet?
- What did you eat?
- How much food could you eat at an all - you - can - eat buffet?
- How did you feel after eating the food?
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 54 โดยให้ใช้กระดาษปิดในส่วนของบทสนทนาไว้ จากนั้น
ถามนักเรียนดังนี้
- Who is talking?
555
- How does the boy feel in each picture?

- What do you think the conversation will be about?
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพเดิมและคาดเดาเกี่ยวกับอาการไม่สบายของผู้ชายในรูปภาพทางด้านขวาว่าเขา
น่าจะเป็นอะไรและมีอาการอย่างไร โดยให้นักเรียนตอบคำ�ถาม How does the boy feel after the meal?
ครูเขียนสิ่งที่นักเรียนบอกบนกระดาน
- ครูให้นกั เรียนสอบถามความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนทีน่ กั เรียนไม่ทราบความหมาย ครูเขียนคำ�ศัพท์
เหล่านั้นบนกระดาน ครูให้นักเรียนที่ทราบความหมายของคำ�ศัพท์และสำ�นวนดังกล่าวบอกความหมาย
เหล่านั้นแก่เพื่อน ส่วนคำ�ใดที่ไม่มีนักเรียนคนใดทราบความหมายแล้ว ครูเป็นผู้บอกความหมายของคำ�
ศัพท์เหล่านั้น เช่น terrible, prescription, toast, for a while, That’s a shame. เป็นต้น
- ครูอธิบายสำ�นวน I just did., and things like that และ Nothing much. ในกรอบ Real Talk ในหนังสือเรียน
หน้า 54 โดยเริ่มต้นด้วยการตั้งประโยคคำ�ถามที่มีสำ�นวน I just did. อยู่ในประโยคคำ�ถาม ดังนี้
- Who says I just did? (Bud)
- What did he just do? (He just saw a doctor.)
- When did he do it? (A short time ago.)
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทสนทนากิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 54 โดยยังคง
ให้นักเรียนปิดในส่วนของบทสนทนาไว้เหมือนเดิม ครูให้นักเรียนฟังบทสนทนาเพื่อหาคำ �ตอบของ
คำ�ถาม How does the boy fell after the meal? ซึ่งนักเรียนน่าจะตอบว่า He has a stomachache and feels
like vomiting.
- ครูบอกนักเรียนเกี่ยวกับนิสัยการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์แบบรับประทานได้ไม่จำ�กัดว่าหลายคนมัก
รับประทานจนแน่นท้องและเกิดอาการไม่สบายดังเช่น Bud ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
- ครูให้นักเรียนอ่านคำ�ถามในกิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 54 จากนั้นให้ฟังซีดี
บันทึกเสียงรอบสุดท้ายพร้อมทั้งอ่านออกเสียงตามบทสนทนา แล้วตอบคำ�ถามในกิจกรรม About the
Conversation
- ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อน จากนั้นให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่เพื่อนในชั้นเรียนฟัง
(ดูเฉลยท้ายเล่ม) ครูประเมินการอ่านบทสนทนาเกีย่ วกับการบรรยายอาการป่วยและการบอกวิธกี ารดูแล
รักษาจากจำ�นวนคำ�ตอบที่ถูกต้องโดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 70
ขั้นนำ�ไปใช้ - ครูให้นกั เรียนนำ�บทสนทนาทีน่ กั เรียนแต่งขึน้ มาแสดงบทบาทสมมติ โดยให้นกั เรียนสลับบทบาทกันเป็น
ทัง้ บุคคลทีป่ ว่ ยและบุคคลทีใ่ ห้ค�ำ แนะนำ�วิธกี ารดูแลรักษาตนเอง และให้นกั เรียนออกมานำ�เสนอบทบาท
สมมติหน้าชั้นเรียน ครูประเมินการแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการบรรยายอาการป่วยและการบอกวิธี
การดูแลรักษาโดยใช้แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมติ
- ครูให้นักเรียนส่งตัวแทนออกมานำ�เสนอข้อมูลของกลุ่มหน้าชั้นเรียน ครูประเมินการทำ�งานกลุ่มโดยใช้
แบบประเมินการปฏิบัติงานกลุ่ม
อ่านบทสนทนาเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยได้อย่างมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
556
- ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ของครู โดยพูดกับ
นักเรียนว่า I have the flu once a year. I always go to the doctor. I drink hot tea and lie down.
- ครูสมุ่ ถามนักเรียนบางคนเกีย่ วกับประสบการณ์การเป็นไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่และวิธกี ารดูแล
ตัวเองในช่วงเวลาที่ไม่สบาย โดยใช้คำ�ถามดังนี้
- Did you ever have a cold/the flu?
- How often do you have a cold/the flu?
- What do you do for the problem?
- ครูให้นักเรียนดูรูปภาพประกอบบทความในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 55 โดยที่ยังไม่ให้
นักเรียนอ่านเนื้อหาในบทความนั้น แล้วตั้งคำ�ถามกับนักเรียนเกี่ยวกับรูปภาพดังนี้
- What’s the matter with the girl?
- Can you tell if she has a cold or the flu?
- What else do you see in the pictures?
- What is the connection between the four pictures?
- ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงชื่อบทความ Atchoo! Is It a Cold or the Flu? แล้วให้นักเรียนคาดเดาเกี่ยวกับ
บทความที่กำ�ลังจะได้อ่านโดยถามนักเรียนว่า
- What does atchoo mean in the title? (It’s the sound English speakers think they hear when people
sneeze.)
- What do you think the reading is about?
- What do you know about the common cold and the flu?
- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้อ่านบทความเรื่องนี้เพื่อตรวจสอบคำ�ตอบที่นักเรียนได้คาดเดาไว้ โดย
ก่อนทีค่ รูจะให้นกั เรียนอ่านบทความ ครูบอกนักเรียนว่าโดยปกติแล้วย่อหน้าแรกของบทความจะแนะนำ�
หัวข้อหลักเกีย่ วกับบทความ และเป็นย่อหน้าทีโ่ ดยปกติแล้วมักจะมีค�ำ ถามทีผ่ เู้ ขียนต้องการตอบเกีย่ วกับ
บทความเรื่องนั้น
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงบทความ แล้วให้นักเรียนอ่านตามในใจและให้ช่วยกันหาหัวข้อหลัก
ของย่อหน้าแรก ซึ่งคำ�ตอบคือ How can you tell if you have the flu or just a cold?
- ครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่านบทความของนักเรียนโดยให้นักเรียนทำ�กิจกรรม After Reading ใน
หนังสือเรียน หน้า 55 ครูให้นักเรียนตรวจคำ�ตอบกับเพื่อนและให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านคำ�ตอบให้แก่
เพื่อนในชั้นเรียนฟัง
ขั้นนำ�ไปใช้ - นักเรียนเขียน Mind mapping จากเรื่องที่อ่าน
557
เขียนข้อความเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยได้อย่างมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
ขั้นนำ� - บอกอาการเจ็บป่วย และให้คำ�แนะนำ�
ขั้นสอน - ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Writing ในหนังสือเรียน หน้า 55 โดยให้นักเรียนทั้งชั้นเรียนช่วยกันบอกเกี่ยว
กับวิธีการดูแลตนเองเมื่อนักเรียนเป็นไข้หวัดใหญ่ ครูเขียนตารางที่มี 2 ช่อง บนกระดานและเขียนสิ่งที่
นักเรียนบอกลงในตารางนั้น เช่น
What I do when I have the flu?
All the time Sometimes
Take some aspirin. Take a rest.
Go to the doctor. Drink warm liquids.
ขั้นฝึกปฏิบัติ - ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนผลงานเขียนกับเพื่อน ครูให้นักเรียนช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในงานเขียนของ

เพื่อน จากนั้นนักเรียนนำ�งานเขียนของตนเองกลับมาแก้ไข และให้นักเรียนที่สมัครใจอ่านงานเขียนของ
ตนหน้าชั้นเรียนครูประเมินการเขียนข้อความบรรยายเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาตนเองจากไข้หวัดใหญ่
โดยใช้เกณฑ์การประเมินการเขียน
ขั้นนำ�ไปใช้ - นำ�เสนอเวลามีอาการเจ็บป่วยควรทำ�อย่างไร
ซีดี
ประเมินการเขียนภาระงาน, การเขียน, แบบฝึกหัด, การสนทนาถามอาการเจ็บป่วย
การออกเสียง, สำ�เนียง การฝึกปฏิบัตจิ ริง หรือสถานการณ์จ�ำ ลอง บทบาทสมมุติ การตอบคำ�ถาม บทสนทนา
558
รูบริค จากบทบาทสมมติ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
(......................................................................) (......................................................................)
วันที.่ ............................................................... วันที่................................................................
wwwwwwww
559
Answer the question.

Anna has the flu. How does she feel?
She feels sick.
1. Joe is winning his soccer match. How does the feel?
—————————————————————————————————————
2. Vanida and Sandra didn’t get much sleep. How do they feel?
—————————————————————————————————————
3. John was in an accident. How does he feel?
—————————————————————————————————————
4. Diana saw a horror movie. How does she feel?
—————————————————————————————————————
5. Jung didn’t eat breakfast or lunch. How does he feel?
—————————————————————————————————————
Answers will vary. Sample answers:

1. He feels happy.
2. They feel tired.
3. He feels terrible.
4. She feels afraid.
5. He feels hungry.
wwwwwwww
560
บรรณานุกรม
แซนโต แมนูเอล.ดอส. (2556). MegaGoal 2. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ประเทืองสุข ยังเสถียร (ม.ป.ป.). คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ MegaGoal 2. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
แซนโต แมนูเอล.ดอส. (2554). Workbook MegaGoal 2. (พิมพ์ครั้งที่ 1) กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
wwwwwwww
561

142976207311807 (1)

Uploaded by

Document Information

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

142976207311807 (1)

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘

วิชา ภาษาอังกฤษ อ22101

1. จำ�นวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำ�นวน 1.5 หน่วยกิต

มาตรฐานการเรียนรู้ / รายวิชา ภาษาอังกฤษ

ตัวชี้วัด ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกีย่ วกับตนเอง กิจวัตรประจำ�วัน ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์ทอี่ ยูใ่ น

ตัวชี้วัด ต 4.2 ม. 2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู/้ ข้อมูลต่างๆ จากสือ่ และ

ศึกษาความรู้เกี่ยวกับคำ�ขอร้อง คำ�แนะนำ� คำ�ชี้แจงและคำ�อธิบายง่าย อ่านออกเสียงตามหลักการอ่านออกเสียง

หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / เวลา นํ้าหนัก

2 Unit 2 Action ต 1.1 ม. 2/1, การฟัง พูด อ่าน และเขียนเนื้อหา 8 5

4 Unit 4 ต 1.1 ม. 2/4, การฟังและพูดบทสนทนา โต้ตอบ 7 10

หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ / เวลา นํ้าหนัก

6 Unit 6 How was ต 1.1 ม.2/2 - 3, การอ่านเหตุการณ์ในอดีตทั้งที่เป็น 7 10

7 Unit 7 What ต 1.1 ม.2/3, การใช้ภาษาเพื่อการแสดงออกถึง 7 5

8 Unit 8 what’s ต 1.1 ม.2/3, การใช้ภาษาในการบรรยายถึง 7 5

ขั้นสอน - นักเรียนฟังบทสนทนาเรื่องการเข้าพักโรงแรม ครูสอนคำ�ศัพท์และสำ�นวน เช่น desk clerk, reservation,

Write complete Questions. Then answer question for yourself.

3. how / your father?

4. who / your English teacher?

5. why / your sister at home and not at school?

6. when / your vacation?

Answer will vary for the second sentence. Sample

ชี้ไปที่รูปภาพของบุคคลคนนั้น เช่น ครูพูดว่า the actor at the food stand นักเรียนชี้ไปที่นักแสดงชาย

- ครูให้นักเรียนคู่เดิมทำ�กิจกรรม Pair Work ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยให้นักเรียนที่สมัครใจอ่าน

ขั้นสอน - ครูให้นกั เรียนเปิดส่วนของบทสนทนาทีน่ กั เรียนปิดไว้ ครูเขียนคำ�ศัพท์และสำ�นวนดังกล่าวบนกระดาน

- Who does she/he work for?

- ครูสรุปหลักการใช้ Verb want + infinitive ในสำ�นวนประโยค I want to be a… ว่าเป็นการพูดถึงอาชีพ

จะพูดกับ Rosa ในตอนจบของบทสนทนา ทัง้ นีน้ กั เรียนอาจจะเลือกแต่งประโยคตอนจบของบทสนทนา

travel agent marketing manager salesperson

What does she do? She’s a nurse.

4. ฟังและพูดแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลประกอบเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่างๆ ใกล้ตัวและประสบการณ์

- What is the plane doing? (stunts or aerobatics)

การอ่าน: การอ่านออกเสียง การคาดเดาข้อมูล การจับใจความสำ�คัญ

- What are the customers doing in the restaurants? (ordering food)

ขั้นสอน - ครูทบทวนการใช้ Count/Noncount nouns โดยให้นกั เรียนอ่านหลักการใช้ในกรอบ Grammar ในหนังสือ

- What do you think they are talking about?

- ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 37 แล้วถามนักเรียนเกีย่ วกับชือ่ บทความเรือ่ ง Globalization of Foods

Write the sentences in the correct place to form a conversation.

And a glass of milk I’d like some juice.

- ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อความแนะนำ�ความบันเทิง (Entertainment Guide) ดังนี้

- I saw a TV show at home.

- Where are the people?

- scared - surprised - worried - inside

- ครูให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงรอบที่ 2 โดยครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 48 แล้วอ่านออกเสียง

nervous scared worried bored

- ครูให้นักเรียนพูดอธิบายข้อมูลดังกล่าว เช่น Three people are afraid of snakes. เป็นต้น

Answers will vary. Sample answers:

3. พูดและอ่านจับใจความสำ�คัญแก่นสาระ หัวข้อเรื่อง การวิเคราะห์/ข่าว/เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ

- What are they probably talking about? (the patient’s illness)

- How does the boy feel in each picture?

Answer the question.

Answers will vary. Sample answers:

You might also like