You are on page 1of 85

ชื่อหนังสื อ: กรดไหลย้อน หายได้ ไม่ตอ้ งพึ่งยา

ผูแ้ ต่ง: พิชิต จันทราทิพย์


ภาวิน จันทราทิพย์ - รวบรวมข้อมูลและเรี ยบเรี ยง
ฉบับ ปรับปรุ งครั้งที่ 1 - ก.พ. 2560
คานา
ความทุกข์ทรมานของมันทาให้ผมหมดสนุกไปมาก
แม้วา่ อาการที่ผมเป็ นอยูน่ ้ นั ผมจัดว่าเป็ นอาการอยูใ่ นระดับสาม
และที่สาคัญก็คืออาการกรดไหลย้อนของผมนี้ เริ่ มมีอาการถี่มาก
ขึ้น
หลังจากที่รู้สึกได้วา่ ไม่มีทีท่าที่อาการกรดไหลย้อนของ
ผมจะบรรเทาลง รังแต่จะรุ นแรงมากขึ้น ผมก็ได้ลองค้นคว้าหา
ข้อมูลดูวา่ เกิดจากอะไร แหล่งข้อมูลส่ วนใหญ่บอกว่าไม่ทราบ
ที่มาแน่ชดั บ้างก็วา่ เป็ นเพราะพฤติกรรมของตัวบุคคล หรื อมาจาก
สภาวะจิตใจ
มีวธิ ี ที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ วไม่น่าเชื่อ ผมเห็นความ
เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในวันที่ 2 คือผมไม่มีอาการอีก
จนกระทัง่ ภายในเวลา ไม่เกิน 10 วัน ผมก็มนั่ ใจกลับไปทาน
อาหารโปรดได้ตามปกติ เพราะไม่มีอาการกรดไหลย้อนกลับมา
กวนใจอีกเลย ณ เวลาที่เขียนหนังสื อเล่มนี้ เวลาได้ล่วงเลยมาแล้ว
ถึงปี ครึ่ งผมก็ไม่มีอาการกรดไหลย้อนนั้นอีก
ผมได้ขอ้ สรุ ปเป็ นส่ วนๆดังนี้ คือ
1. เชื้อ H.pylori นี้นอกเหนือจากเป็ นต้นเหตุให้เกิดกรดไหล
ย้อนแล้ว ยังนามาซึ่ งโรคอื่นๆที่เกิดขึ้นภายในระบบ
ทางเดินอาหารอีกมากมาย ที่ร้ายแรงคือมะเร็ ง
2. วิธีการในหนังสื อเล่มนี้ จะช่วยประหยัดทรัพย์ได้มาก
เพราะไม่ตอ้ งซื้ อยาแพงๆรับประทาน
3. วิธีการในหนังสื อเล่มนี้ สามารถช่วยให้หายจากอาการนี้
ได้อย่างรวดเร็ ว
4. วิธีการในหนังสื อเล่มนี้ สามารถขจัดอาการกรดไหลย้อน
นี้ได้อย่างหมดจด (หายขาด)

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วทาให้ผมคิดว่าโรคกรดไหลย้อนนี้
น่าจะเปลี่ยนเป็ นเรี ยกว่า "อาการ" จะเหมาะสมกว่า "โรค"
เพราะว่ามันเป็ นเรื่ องที่เล็กน้อยมากเลย ความทุกข์ทรมานที่ผมเคย
ประสบจากอาการกรดไหลย้อนนี้ก็หายไปราวกับเป็ นเรื่ องโกหก
ผมจึงต้องการนาสิ่ งที่ผมเรี ยนรู ้น้ ีมาเผยแผ่ให้คนอื่นได้ทราบและ
ลองปฏิบตั ิดู หากได้ผลก็ขอให้ช่วยบอกต่อกันไปเพื่อให้ผทู ้ ี่ทุกข์
ทรมานกับอาการกรดไหลย้อนได้พบทางออก นอกจากจะทาให้
พวกเขาหมดความทุกข์ทรมานและลดความเสี่ ยงที่จะเป็ นมะเร็ ง
แล้ว ยังทาให้พวกเขาได้ประหยัดเงินอีกด้วย เพราะยาบรรเทา
อาการกรดไหลย้อนนั้นราคาไม่ถูกเลย (ตอนผมเห็นราคาแล้วผม
ถึงกับตกใจ เพื่อนผมกล่าวบอกว่า “ไม่ใช่กระต่ายบินนะถึงจะถูก
แบบนั้น”)
ผูเ้ ขียน
พิชิต จันทราทิพย์ และ ภาวิน จันทราทิพย์
จากผูเ้ ขียนถึงผูอ้ ่าน
ถ้าท่านมีอาการแสบร้อนกลางอก มีน้ ากรดไหลขึ้นมา มี
ก้อนในลาคอ จุกในลาคอ ไอโดยไม่มีไข้ ไอตอนกลางคืน คลื่นไส้
ไม่สบายท้อง ทานอาหารไม่ค่อยได้ มักจะเป็ นเรื้ อรัง แสบเวลาเรอ
เรอเปรี้ ยว นานเข้าก็จะมีอาการคล้ายหอบหื ด ท่านเพียงศึกษา
หนังสื อเล่มนี้ ศึกษาเรื่ องของกรดไหลย้อน วิธีแก้ แก้ยงั ไง วิธีแก้
ง่ายๆที่แทบไม่ตอ้ งเสี ยค่าใช้จ่ายอะไรเลย อยูใ่ นหนังสื อเล่มนี้ครับ

ตนเป็ นที่พ่ งึ แห่งตนครับ พวกเราควรอย่างยิง่ ที่จะต้อง


ศึกษาหาความรู ้เกี่ยวกับอาการของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆเพื่อ
ประโยชน์ของตัวเราเองจะได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการ
ไปพบแพทย์ซ่ ึ งก็ยงุ่ มากอยูแ่ ล้วและถ้าจาเป็ นต้องพบแพทย์ก็จะ
สามารถบอกอาการที่เจ็บป่ วยไม่สบายได้อย่างถูกต้อง เพื่อหมอจะ
ได้วนิ ิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง ท่านจะได้ประโยชน์อย่างมากจาก
หนังสื อเล่มนี้

พิชิต จันทราทิพย์
สารบัญ
คานา
หน้า
1. กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร? 1
1.1 H.pylori คืออะไร? น่ากลัวอย่างไร? 6
2. อาการกรดไหลย้อนเป็ นอย่างไร? 14
2.1 ระดับของกรดไหลย้อน 24
2.2 กรดไหลย้อนเป็ นแค่อาการ ไม่ใช่โรค 27
3. ถ้าปล่อยไว้จะเป็ นอย่างไร? 32
4. นิยมรักษาอย่างไร? 34
4.1 เมื่อหมอเข้าใจเราผิด 36
5. วิธีที่ดีที่สุดเป็ นอย่างไร? 48
5.1 Sulforaphane คืออะไร? 54
5.2 วิธีน้ ีมีหลักการอย่างไร? 56
5.3 ข้อควรระวังการใช้สมุนไพร 59
5.4 หมวดที่ 1 กาจัด
5.5 หมวดที่ 2 ยับยั้ง
5.6 หมวดที่ 3 สนับสนุน
6. รายการอาหารมากมายแบบนี้ จะเลือกทานอะไรดี?
6.1 ตัวอย่างเมนูการทาน
7. กรดไหลย้อนจะหายขาดได้หรื อไม่? 61
8. กรดไหลย้อนหรื อโรคหัวใจ? 66
9. ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีที่นิยมกัน ในบทที่ 4 68
10. แหล่งข้อมูลอื่น 71
11. บรรณานุกรม
หน้ า 1

1. กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร?
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อนยังไม่ปรากฏแน่ชดั หรื อมี
ใครมัน่ ใจสามารถระบุได้ สาเหตุมีความเป็ นไปได้อยูห่ ลาย
ประการ เช่น ความเครี ยด ทานอาหารไม่เป็ นเวลา ทานอาหารดึก
นอนดึก ทานของมัน ของทอด ของหวาน ทานเยอะ แต่ตาม
ความเห็นของกระผมจากที่ผมเกิดโรคกรดไหลย้อนนี้ข้ ึนกับตัวผม
เอง กระผมก็ขอมีความเห็นไว้วา่ ปั จจัยต่างๆตามด้านบนนั้นไม่ใช่
สาเหตุหลักที่ทาให้เกิดกรดไหลย้อน หากจะมีส่วนก็เป็ นเพียง
ส่ วนประกอบย่อยเล็กๆน้อยๆที่ทาให้เกิดการปวดท้อง/ไม่สบาย
ท้อง เท่านั้นเอง สาเหตุที่ผมคิดเช่นนี้ ขออธิ บายดังนี้

1. ความเครี ยด
ผมก็เป็ นคนธรรมดาคนหนึ่งจบการศึกษาระดับปริ ญญา
ตรี มาก็เข้าทางาน แล้วไม่วา่ ก่อนเป็ นโรคกรดไหลย้อนหรื อ
หลังจากที่หายแล้ว ผมก็ไม่ได้ทางานเบาลงหรื อว่ามีการ
เปลี่ยนแปลงการทางานอะไร ระดับความเครี ยดของผมก็ยงั เท่า
เดิม ผมจึงไม่คิดว่าความเครี ยดจะเป็ นสาเหตุหลักของโรคกรด
ไหลย้อน แต่ก็ยงั มีความเป็ นไปได้วา่ อาจจะเป็ นตัวที่ทาให้ เราเกิด
หน้ า 2

อาการปวดท้องขึ้นมาได้ เพียงแต่จากประสบการณ์ตามความ
เข้าใจของผมอาการปวดท้องที่เกิดจากความเครี ยดจะเป็ นอาการที่
ชัว่ คราวแล้วก็หายไปในระยะเวลาที่ส้ นั มาก อย่างเช่น เด็กตื่นเต้น
ก่อนจะแสดงบนเวที ก็เลยเกิดอาการปวดท้อง/ไม่สบายท้องขึ้นมา
แต่เมื่อแสดงเสร็ จอาการความเครี ยดก็หาย อาการปวดท้องก็หาย
แล้วเวลาหายก็หายไปแบบทันทีเลย ผมจึงไม่คิดว่าความเครี ยดจะ
เป็ นสาเหตุหลักของกรดไหลย้อน

2. ทานอาหารไม่เป็ นเวลา ทานอาหารดึก นอน


ดึก

หลังจากอาการหายแล้ว ผมก็ยงั ทานอาหารดึกเป็ น


บางครั้ง ทานอาหารผิดเวลาบ้าง แล้วก็ยงั นอนดึก ผมจึงไม่คิดว่านี่
คือสาเหตุของกรดไหลย้อน

3. ทานของมัน ของทอด ของหวาน ทานเยอะ


ตอนที่ผมมีอาการกรดไหลย้อนนั้น ผมคิดอยูเ่ หมือนกัน
ว่าการทานของมันคงจะมีส่วน เพราะของมันของทอด ตามทฤษฎี
แล้วเป็ นของที่น้ าย่อยในกระเพาะอาหารไม่สามารถย่อยได้
หน้ า 3

เพราะว่า อาหารจาพวกไขมันจะไปถูกย่อยเมื่อไปถึงลาไส้เล็ก ที่


ลาไส้เล็กจะมีสารไลเปส (Lipase) (สร้างจากตับอ่อน) ออกมาเพื่อ
สลายไขมันให้ร่างกายดูดซึ มได้เพราะฉะนั้นเราจึงเคยได้ยินว่ามี
นางแบบบางคนที่เอาจริ งเอาจังกับงานนางแบบมากๆ เข้าผ่าตัด
เพื่อตัดลาไส้เล็กให้ส้ นั ลงก็มีสาเหตุมาจากจุดนี้เอง (อย่าทาเลยนะ
ครับ) ประกอบกับตัวผมเป็ นคนทานอาหารเยอะ คงไม่ถึงขนาด
ไปออกรายการแข่งกินจุ แต่ก็ถือว่าพอตัวเหมือนกัน อย่างเช่น ถ้า
เป็ นข้าวกล่องหากผมทานเต็มที่ 3 กล่องก็กินหมด ครั้งหนึ่งเพื่อน
ผมเคยชวนผมไปกินบุฟเฟ่ ต์ซูชิ เนื่องจากกินเท่าไหร่ ก็คิด
ค่าอาหารอัตราเดิม แล้วตอนนั้นผมก็เตรี ยมตัวไปดีวนั นั้นผมทา
สถิติส่วนตัวทานซูชิไป 50 ชิ้น (ยังไม่นบั พวกกุง้ เทมปุระ ปลาชิ้น
ที่ใส่ จานเล็กๆมาตามรางอีกหลายจาน - ไม่น่าเกิน 10 จานครับ)
แล้วในเมื่อผมทานเยอะและทุกท่านต่างก็ทราบดีวา่ น้ ามันและ
ไขมันมีน้ าหนักเบากว่าน้ า ก็เป็ นไปได้ที่ในกระเพาะอาหารน้ ามัน
จะลอยขึ้นข้างบน เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่ผมมีอาการกรดไหลย้อน
ขึ้นมาที่ลาคอ ผมจึงได้กลิ่นของน้ ามันขึ้นมาก่อนแต่หากคิดอีกมุม
หนึ่งอาจจะเป็ นเพียงเรื่ อง “คุณสมบัติของสสาร” ที่น้ ามันเบาตัว
กว่าจึงลอยอยูข่ า้ งบน เมื่อมีอาการของมันของทอดก็จะขึ้นมาที่
ลาคอก่อนก็เป็ นธรรมดา เพราะฉะนั้นอาหารมันหรื อทอดอาจจะ
ไม่ใช่สาเหตุของกรดไหลย้อนเลยก็เป็ นได้
หน้ า 4

ส่ วนเรื่ องทานเยอะ - ตอนแรกที่ผมมีอาการกรดไหลย้อน


ใจหนึ่งผมไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะนึกว่าเป็ นเพราะผมทานเยอะ
เกินไป ก็เลยทาให้พวกอาหารที่ลน้ กระเพาะ ถูกบีบขึ้นมาจนถึง
ลาคอ แต่ต่อมาเมื่อผมลองปรับปริ มาณลดลงเหลือทานเพียง 1
กล่อง อาการก็ยงั มีอยู่ ดังนั้นเรื่ องปริ มาณจึงไม่น่าจะเป็ นสาเหตุ
หลักไปได้ เพราะมิฉะนั้นเมื่อผมทานน้อยลงอาการก็ควรจะ
หายไป (ไม่เช่นนั้น พวกนักกินจุคงโดนกรดไหลย้อนเล่นงานตาย
หมดแล้ว) และแม้หลังจากที่อาการกรดไหลย้อนผมหายไป ผมก็
กลับมากินอาหารมันของทอดและปริ มาณตามปกติ แต่อาการก็ไม่
กลับมา ผมจึงคิดว่าของทอดของมันหรื อเรื่ องปริ มาณไม่น่าใช่
สาเหตุหลักของการเกิดอาการกรดไหลย้อนแล้วล่ะ แล้วผมก็ทาน
ของโปรดของผมต่อไป หลังจากที่ตอ้ งพยายามอดกลั้นมานาน
(เรื่ องทานมากผมก็เพลาๆลงด้วยอายุก็ควรจะถนอมตัวเองเสี ยแต่
เนิ่นๆ)
ส่ วนของหวาน ถึงแม้วา่ หลังจากที่อาการกรดไหลย้อน
ของผมหายไปแล้ว ผมจะกลับมากินของหวานได้โดยที่ไม่มี
อาการกลับมา แต่ผมคงไม่บอกว่าของหวานไม่ได้เป็ นสาเหตุเสี ย
ซะทีเดียว
หน้ า 5

ต้นเหตุที่แท้จริ งของกรดไหลย้อน
ที่ผมกล่าวว่าของหวานอาจมีส่วนช่วยให้เกิดกรดไหล
ย้อน เพราะมีการค้นพบว่า ต้นเหตุของโรคกระเพาะ โรคในระบบ
ทางเดินอาหาร โรคมะเร็ ง รวมถึง กรดไหลย้อน เกิดมาจากเชื้อ
แบคทีเรี ย H.pylori (ชื่อเต็ม Helicobactor Pylori) เป็ นที่ทราบดีวา่
แบคทีเรี ยส่ วนใหญ่จะมีอาหารหลักก็คือ คาร์ โบไฮเดรตหรื อก็คือ
น้ าตาล จึงเป็ นไปได้วา่ น้ าตาล/ของหวานมีส่วนทาให้เกิดโรคกรด
ไหลย้อน (ทางอ้อม) เพราะว่าถึงแม้วา่ ของหวานจะไม่ได้เป็ น
สาเหตุหลักของการเกิดอาการกรดไหลย้อน แต่ก็เป็ นอาหารอัน
โอชะของเชื้อ H.pylori ที่เป็ นต้นเหตุให้เกิดอาการกรดไหลย้อน
และนัน่ แปลว่าหากเราสามารถกาจัดเชื้อ H.pylori ออกไปจาก
ร่ างกายได้เราก็ไม่ตอ้ งกังวลกับการทานของหวาน (แต่สาหรับ
ท่านที่เป็ นเบาหวานก็ควรจะลด/งดนะครับ หรื อใครยังไม่เป็ นก็
ระวังด้วยนะครับ เดี๋ยวจะเป็ นเบาหวานหนักขึ้นกว่าเดิมหลังจาก
หายจากกรดไหลย้อนครับ)
หน้ า 6

1.1 H.pylori คืออะไร? น่ากลัวอย่างไร?


มีนกั วิจยั ค้นพบว่าเชื้ อ H.pylori (ชื่อเต็มคือ Helicobactor
Pylori) เป็ นต้นเหตุให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร เกิดโรคภายใน
กระเพาะอาหารและภายในระบบทางเดินอาหาร และยังเป็ น
ต้นเหตุให้เกิดมะเร็ งต่างๆ เช่น มะเร็ งกระเพาะ มะเร็ งลาไส้ มะเร็ ง
หลอดอาหาร มะเร็ งตับอ่อน มะเร็ งต่อมลูกหมาก มะเร็ งเต้านม
(รวมถึงกรดไหลย้อนด้วย) และในเวลาต่อมา Barry J. Marshall
และ Robin Warren (Barry James Marshall และ John Robin
Warren) ได้ศึกษาและทาการวิจยั ร่ วมกันเกี่ยวกับเชื้อ H.pylori นี้
แต่ไม่สามารถหาใครมาทดลองได้ (เหมือนจะถูกห้ามเพราะ
อันตราย) และ งานวิจยั ก็เกือบจะต้องหยุดแค่น้ นั แต่ยงั มีอีกทาง
หนึ่งคือ ด้วยจรรยาบรรณทางการแพทย์ มีบุคคลหนึ่งที่สามารถ
เป็ นหนูทดลองได้โดยไม่ผดิ จรรยาบรรณ คือ "ตัวเอง" Barry
Marshall จึงดื่มเชื้อ H.pylori ด้วยตัวเอง แล้วหลังจากนั้น (1-2 วัน)
ก็มีอาการทรุ ดลงจากอาการปวดท้อง คลื่นไส้ ทานอาหารไม่ลง
อาเจียน ฯลฯ ผลการทดลองนี้ถูกกล่าวว่าเป็ นการหักล้างทฤษฎี
ทางยาที่มีมาแต่ด้ งั เดิมที่กล่าวว่า แผลเปื่ อยและโรคภายใน
กระเพาะอาหาร/ระบบทางเดินอาหาร เกิดจากการทานอาหารรส
จัด, มีกรดในกระเพาะมากเกินไป, ความเครี ยด, ทานอาหารมัน
หน้ า 7

ฯลฯ และทั้งสองท่านนี้ก็ได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 2005 สาขา


สรี รศาสตร์ (Physiology) – สื่ อต่างๆกล่าวขวัญยกย่องกันว่า ใคร
กล้าเป็ นผูช้ นะ (Who dares, wins.)
ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1970 Robin Warren พยายามหา
ตัวอย่างเนื้อเยือ่ กระเพาะอักเสบ พบว่า ไม่มีตวั อย่างเนื้ อเยื่อ
กระเพาะอักเสบใดที่ไม่มีเชื้อ H.pylori
เกร็ ดตลกๆในวงการแพทย์: ด้วยลักษณะหมุนเป็ นเกลียว
คลื่น และการสะกดคา คุณหมอใหม่บางคนจาผิดเป็ น Helicopter
– ยานพาหนะทางอากาศชนิดหนึ่ง – เมื่อผมได้ทราบเรื่ องนี้ ทาให้
ผมจาและสะกดชื่อเต็มของเชื้ อนี้ได้อย่างแม่นยา
หน้ า 8

รู ป หน้าตาเชื้ อ H.pylori
หน้ า 9

ที่มาของเชื้อ H.pylori
มีงานวิจยั ระบุวา่ ประชากรโลก 2 ใน 3 จะมีเชื้อร้ายนี้อยู่
ในตัว เชื้ อ H.pylori เข้าสู่ ร่างกายโดยการรับประทานอาหารเป็ น
ส่ วนใหญ่ซ่ ึ งเกิดจาก สุ ขอนามัย ความสะอาดของอาหารที่
บกพร่ อง ใช้ชอ้ นร่ วมกัน ติดต่อกันทางน้ าลาย ทาให้มีเชื้ อนี้หลุด
รอดเข้าไปได้บา้ งแล้วจึงเข้าไปฝังตัวในร่ างกาย และเริ่ มเพาะตัว
(colonizing) เมื่อมีจานวนมากพอก็จะเริ่ มแสดงอาการออกมา โดย
จะแตกต่างกันไปในแต่ละคนคือบางคนแสดงอาการกรดไหลย้อน
ออกมา บางคนมีแผลในกระเพาะอาหาร (แผลเปื่ อย - Ulcer) แต่
ในบางรายก็ไม่ได้มีอาการออกมาให้เห็น ซึ่ งผูเ้ ชี่ยวชาญเองก็ไม่
สามารถระบุได้วา่ ทาไมบางคนถึงแสดงอาการ บางคนไม่แสดง
อาการ เป็ นไปได้วา่ อาการกรดไหลย้อนเกิดจากเชื้อ H.pylori ทา
ให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและความระคายเคืองของแผลใน
กระเพาะอาหารนี้เองที่ทาให้เกิดกรดไหลย้อน
หน้ า 10

เชื้อ H.pylori ทนทานต่อน้ าย่อยในกระเพาะอาหาร


ตามปกติร่างกายมีกระบวนการกาจัดเชื้ อโรคที่จะเข้าสู่
ร่ างกายโดย
1. น้ าลาย – น้ าลายในปากช่วยกาจัดเชื้ อโรคได้บางส่ วน
ก่อนที่จะลงสู่ หลอดอาหาร
2. ต่อมทอนซิ ล เป็ นต่อมน้ าเหลืองที่อยูภ่ ายในช่องปาก มี
หน้าที่หลักคือ คอยตรวจจับและทาลายเชื้อโรค ที่จะเข้าสู่
ร่ างกายทางช่องทางเดินอาหาร
3. น้ าย่อยในกระเพาะอาหาร ซึ่ งนับได้วา่ น้ าย่อยในกระเพาะ
อาหารนี้ฆ่าเชื้อโรคได้มากเลยทีเดียว

เชื้อแบคทีเรี ย H.pylori นี้ ถูกพบว่าสามารถอาศัยอยู่


ภายในกระเพาะอาหารของมนุษย์ได้ ทั้งๆที่ภายในกระเพาะอาหาร
มีน้ าย่อยที่ทาลายเชื้อโรคตัวอื่นๆส่ วนใหญ่ได้
ส่ วนวิธีการแพร่ เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่ อีกคนหนึ่งนั้นคาด
ว่าน่าจะติดต่อกันทางน้ าลาย เช่น ใช้ชอ้ นร่ วมกัน เป็ นต้น การกิน
อาหารที่ปนเปื้ อนอุจจาระก็อาจทาให้ติดเชื้อได้ เพราะสามารถ
เพาะเชื้อแบคทีเรี ย H.pylori จากอุจจาระของผูท้ ี่มีเชื้ อได้
หน้ า 11

ชาวญี่ปุ่นกับโรคกระเพาะ
ประเทศญี่ปุ่นเป็ นประเทศที่ใช้จ่ายเงินไปกับยาต้านมะเร็ ง
กว่าปี ละ 1 ล้านล้านเยน (1 Trillion Yen) (1,000,000,000,000 เยน)
หรื อประมาณ 3.3 แสนล้านบาท ต่อปี (ถึงแม้จะเรี ยกว่า Anti-
cancer drugs แต่แทบไม่ได้มีผลในการ "กาจัดมะเร็ ง" แต่มีผลไป
ในทางการ "หยุดยั้งการเติบโต" ของมะเร็ ง) และญี่ปุ่นก็เป็ น
ประเทศมีสถิติการตายจากมะเร็ งกระเพาะอาหารมากเป็ นอันดับ
ต้นๆของประเทศและของโลก จึงมีการค้นคว้าวิจยั เกี่ยวกับเรื่ อง
มะเร็ งกระเพาะอาหารอย่างจริ งจัง
ผลจากการวิจยั ในเวลาต่อมา นักวิจยั ญี่ปุ่นพบว่า 99%
ของการเกิดมะเร็ งกระเพาะอาหาร เกิดจากเชื้อแบคทีเรี ย H. Pylori
(แทบทุกกรณี - 99% of All cases of stomach cancer)
ซึ่งก็นับว่ าสอดคล้ องกันกับการทานอาหารไม่ ถูก
สุ ขอนามัย เพราะคนญีป่ ุ่ นชอบทานปลาดิบ (ผมด้ วย – โอ๊ ะแย่
แล้ว!) ทาให้ คนญีป่ ุ่ นได้ รับเชื้อ H.pylori มากกว่าคนชาติอนื่
ซึ่ งนัน่ แปลว่าหากเราสามารถกาจัดเชื้อ H. Pylori ได้
โอกาสการเกิดมะเร็ งต่างๆ จะลดลงไปเป็ นอย่างมาก (มะเร็ งเต้า
นม มะเร็ งกระเพาะอาหาร มะเร็ งลาไส้ มะเร็ งต่อมลูกหมาก มะเร็ ง
ตับ มะเร็ งตับอ่อน ฯลฯ)
หน้ า 12

สถานการณ์ ผูต้ ิดเชื้อ H.pylori ทัว่ โลก


นักวิทยาศาสตร์ ผเู ้ ชี่ยวชาญตั้งทฤษฎีวา่ การติดเชื้ อ
H.pylori มาจากการที่คนเราบริ โภคอาหารที่มีการปนเปื้ อนเชื้อ
H.pylori จึงประเมินว่าจะมีสัดส่ วนการติดเชื้ อมากในประเทศ
กาลังพัฒนา หรื อกลุ่มประเทศโลกที่สาม มากกว่า ในกลุ่มประเทศ
พัฒนาแล้ว โดยประเมินคร่ าวๆว่า ในทางด้านยุโรปและอเมริ กา
จะมีผตู ้ ิดเชื้ อ H.pylori กว่า 20-30% ในขณะที่ ทางเอเชียของเรา
จะมีอยูร่ าว 60-80% โดยแอฟริ กามีมากที่สุด สู งถึง 70-90%
หน้ า 13

สรุ ปบทที่ 1
 มีการค้นพบว่าสาเหตุที่แท้จริ งของการเกิดอาการกรดไหล
ย้อน รวมไปถึงโรคภายในกระเพาะอาหารและระบบทางเดิน
อาหาร ไม่ได้เกิดจากความเครี ยดหรื อนิสัยการรับประทาน
อาหารเป็ นปัจจัยหลัก
 ต้นเหตุสาคัญของการเกิดกรดไหลย้อนและโรคต่างๆภายใน
กระเพาะอาหารรวมถึงมะเร็ ง เกิดจากเชื้ อแบคทีเรี ย H.pylori
 เชื้อ H.pylori สามารถอาศัยอยูใ่ นกระเพาะอาหารทั้งที่มีน้ าย่อย
อยูไ่ ด้
 ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็ นประเทศที่มีผปู้ ่ วยเป็ นโรคกระเพาะ
และมะเร็ งกระเพาะอาหารมากเป็ นอันดับต้นๆของโลก เดิมที
ก็เชื่อกันว่าเป็ นเพราะความเครี ยดของคนญี่ปุ่น แต่นกั วิจยั
ญี่ปุ่นก็พบเช่นกันว่า เชื้ อ H.pylori คือสาเหตุหลักกว่า 99% ที่
ทาให้เกิดโรคเหล่านั้น
 การที่คนญี่ปุ่นเป็ นโรคกระเพาะกันมาก สอดคล้องกับเหตุผล
จากความนิยมการทานอาหาร – คือ คนญี่ปุ่นชอบทานปลาดิบ
 ในประเทศต่างๆทัว่ โลกโดยเฉลี่ยแล้วมีผทู ้ ี่มีเชื้อ H.pylori
ภายในร่ างกายกว่า 60% หรื อ ประมาณ 2ใน3 ของประชากร
ทัว่ โลก
หน้ า 14

2. อาการกรดไหลย้อนเป็ นอย่างไร?
บางครั้งเราคิดว่า อาการกรดไหลย้อนเป็ นอาการที่เด่นชัด
เพียงแต่บางครั้งอาการของกรดไหลย้อนก็เป็ นอาการที่ เราคาดไม่
ถึง และบางคนก็อาจจะเข้าใจว่าเป็ นอาการจากโรคอื่น
รายการดังข้างล่างนี้ได้รวบรวมทั้งอาการทัว่ ไปและ
อาการที่อาจพบได้ไม่บ่อย

อาการของกรดไหลย้อน

1. รู้สึกคล้ายมีกอ้ นอยูใ่ นลาคอ (ในหลอด


อาหาร) จุกหน้าอก หรื อแน่นคอ
เป็ นอาการขั้นอ่อนๆ ขออธิ บายว่า ลองนึกภาพเหมือนเรา
สะอึก ร้องดัง "อึ๊ก!" (Hick!) แต่อาการ "คล้ายมีกอ้ นในลาคอ" คือ
การที่มีอาการคล้ายสะอึก แต่ไม่ร้องดัง "อึ๊ก!" หรื อบางคนเรี ยก
"สะอึกในลาคอ" หรื อรู ้สึกมีอะไรเหมือนจะขึ้นมาแต่ไม่หลุด
ขึ้นมา (เกือบหลุดขึ้นมา) หากรุ นแรงมากขึ้น ก็จะเกิดเป็ นอาการ
จุกในลาคอหรื อแน่นคอ บางคนบอกว่า แค่ดื่มน้ าก็จุกอกแล้ว
หน้ า 15

2. มีน้ าลายมากในปาก
เกิดมาจาก การที่ร่างกายพยายามขับน้ าลายเพื่อชะล้าง
หลอดอาหาร เพื่อให้หายระคายเคือง

3. มีรสขมหรื อเปรี้ ยว (จากน้ ากรดย่อยอาหารใน


กระเพาะที่ไหลขึ้นมา)
เกิดจากเมื่อน้ ากรดจากกระเพาะอาหารไหลขึ้นมาถูก
บริ เวณหลังคอทาให้ในปากเราได้รับรสขมๆ ในกรณี ที่รุนแรง
อาการนี้ อาจทาให้ผปู ้ ่ วยเกิดอาการสาลักได้ ในกรณี น้ ีคุณหมอจะ
สั่งยาลดกรดเป็ นกรณี ฉุกเฉินให้ เพื่อป้ องกันไม่ให้มีอาการสาลัก
อีก

4. แสบร้อนกลางอก
เมื่อน้ ากรดไหลย้อนขึ้นมา แล้วกัดเอาหลอดอาหารทาให้
เกิดอาการแสบร้อน ซึ่ งหากไม่ได้รับการรักษา ปล่อยไว้ต่อไป
อาจจะนาไปสู่ มะเร็ งหลอดอาหาร (Barrett's esophagus) ซึ่งจะเป็ น
ชนวนนาไปสู่ มะเร็ งลามต่อไป
หน้ า 16

5. แสบร้อนเวลาเรอ / เรอเปรี้ ยว / เรอมาก


บางครั้งเวลาเราเรอออกมาตามปกติคือการที่ในกระเพาะ
เรามีแก๊สมาก กระเพาะเลยขับแก๊สนี้ออกมาโดยใช้การเรอ แต่ใน
กรณี ที่คนที่มีอาการกรดไหลย้อนนั้น สิ่ งที่ออกมากับแก๊สก็คือ
น้ ากรดในกระเพาะอาหาร น้ ากรดที่ไหลออกมาด้วยจึงกัดบริ เวณ
หลอมลม เกิดความปวดแสบปวดร้อน ความรู้สึกของกรดที่ไหล
ย้อนออกมานี้อาจเป็ นน้ าหรื อไอร้อน ซึ่งคนอเมริ กนั ใช้ชื่อเรี ยก
เล่นๆว่า “Fire Burbs” เพราะเหมือนพ่นไฟออกมา ทาให้แสบไป
ทั้งลาคอ

6. ไอ
เกิดมาจากเมื่อกรดจากกระเพาะอาหารไหลขึ้นมาที่คอ
และไหลลงไปในปอด แต่หากมักจะมีอาการขึ้นมาหลังจากทาน
อาหาร ก็เป็ นไปได้วา่ จะเป็ นอาการของกรดไหลย้อน และมักจะ
เกิดหลังจากมีอาการแสบร้อนกลางอก
ตอนที่ผมมีอาการกรดไหลย้อน ผมมีกรดไหลขึ้นมาจน
ตกลงไปในหลอดลม (คล้ายสาลัก) เมื่อเกิดเหตุเช่นนั้นผมก็
พยายามไอเพื่อขับเอาน้ ากรดที่ตกลงไปในหลอดลมออกมา คน
อื่นดูเราจะคล้ายอาการไอจากหวัด แต่คนที่เป็ นจะรู ้ตวั ว่าไอจาก
กรดไหลย้อนที่ตกลงไปในหลอดลมหรื อปอด
หน้ า 17

7. เจ็บปวดบริ เวณอก
เกิดจากเมื่อน้ ากรดในกระเพาะอาหารไหลขึ้นมาถูก
หลอดอาหาร ซึ่ งอาการเจ็บนี้ บางคนอาจจะเข้าใจผิดเป็ นโรคหัวใจ
แต่ท้ งั นี้สาหรับโรคหัวใจนั้นอาการเจ็บที่หน้าอกมักจะเกิดจากเมื่อ
เวลาออกกาลังกายหนักเกินไปแล้วรู ้สึกเจ็บหน้าอก เช่นเดียวกันก็
คือ หากเกิดอาการเจ็บหน้าอกหลังจากทานอาหารใหม่ๆ ก็เป็ นไป
ได้วา่ จะเป็ นอาการของกรดไหลย้อน

8. ความเจ็บปวดรุ นแรงขึ้นเมื่อนอนพัก
เกิดมาจากน้ ากรดที่ควรจะอยูใ่ นกระเพาะอาหารแต่เมื่อมี
อาการกรดไหลย้อน มันจะพยายามไหลขึ้นมา ซึ่ งเมื่อเรานอนพักก็
ยิง่ ทาให้น้ ากรดไหลขึ้นมาที่ลาคอง่ายขึ้น จึงมีคาแนะนาสาหรับผู ้
ที่เป็ นกรดไหลย้อนให้ยกหัวและลาตัวส่ วนบนให้สูงเวลานอน
เช่น ใช้หมอนหนุ น
หน้ า 18

9. ปวดแสบปวดร้อนหลังจากทานอาหาร
ส่ วนใหญ่อาการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่ทานอาหารปริ มาณ
มาก เพราะอาจจะเป็ นปัจจัยหนึ่งที่ทาให้อาหารถูกกระเพาะบีบตัว
และไหลกลับขึ้นมาที่ลาคอ บางคนจึงกล่าวว่าสามารถบรรเทา
อาการลงได้โดยการทานอาหารอย่ามากเกินไป ลดเลี่ยงอาหารมัน
ฯลฯ ส่ วนความเครี ยดก็มีส่วนทาให้กระเพาะบีบตัว ด้วยเช่นกัน

10. เสี ยงแหบ


เกิดจากเมื่อน้ ากรดจากกระเพาะไหลขึ้นมาที่คอแล้วไป
ถูกเส้นเสี ยง ซึ่ งแน่นอนว่าก่อนหน้าที่จะมีอาการเสี ยงแหบ ก็
มักจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริ เวณอกมาก่อนเพราะถูก
น้ ากรดกัด และเมื่อน้ ากรดไปถูกเส้นเสี ยงก็จะทาให้เสี ยงเพี้ยนไป
หรื อเสี ยงแหบได้

11. เจ็บคอ
เป็ นอาการที่คล้ายคลึงกับอาการหวัด แต่หากว่ามักจะ
เกิดขึ้นหลังจากทานอาหาร ก็เป็ นไปได้วา่ คงไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา
หรื อสังเกตได้อีกอย่างว่าไม่มีอาการอย่างอื่น เช่น ไม่มีอาการคัด
จมูก หรื อมีน้ ามูก ไม่มีไข้ ก็มีแนวโน้มที่จะเป็ นอาการของกรด
ไหลย้อน ไม่ใช่หวัด
หน้ า 19

12. หอบหื ด/หายใจคล้ายคนเป็ นหอบ


เป็ นอาการขั้นรุ นแรงขึ้นจากการไอธรรมดา เพราะภายใน
ปอดถูกกรดจากกระเพาะอาหารกัดกร่ อนเข้าบ่อยๆ จึงเกิดอาการ
หายใจเหมือนหอบหืด หรื อหายใจลาบาก

13. คลื่นไส้
อาการคลื่นไส้ เป็ นอาการที่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุที่
เป็ นอาการป่ วยภายในช่องท้อง เช่น อาหารไม่ยอ่ ย หรื อเกิดจาก
สุ ขภาพจิต เช่น ความเครี ยด แต่ในบางกรณี ก็อาจจะเป็ นอาการ
ของโรคกรดไหลย้อนได้

14. กลืนอาหารลาบาก/ทานอาหารไม่ลง/เบื่อ
อาหาร/ไม่อยากทานอาหาร
เกิดจากเมื่อมีอาการกรดไหลย้อนเกิดขึ้นหลายๆครั้ง จน
เกิดการบาดเจ็บ เกิดแผลภายในหลอดอาหาร / กระเพาะทาให้มี
ความเจ็บปวด จึงก่อให้เกิดอาการกลัวที่จะกลืนอาหาร ซึ่ งอาจเกิด
ความกลัวโดยไม่รู้ตวั อาจส่ งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียและหมดแรง
เป็ นลาดับต่อไป (เพราะขาดสารอาหาร) รวมถึงน้ าหนักตัวลด
หน้ า 20

15. เกิดความเครี ยด หงุดหงิด


หนึ่งในสิ่ งที่ทาให้คนเราคลายความเครี ยดคลายความ
กังวล คือ การได้รับประทานอาหารที่ชอบ แต่เมื่อทานอาหารที่
ชอบไม่ได้เพราะเมื่อทานแล้วทาให้อาการกรดไหลย้อนรุ นแรง
ขึ้น จึงเลี่ยงที่จะไม่ทาน เมื่อไม่ได้ทานก็ยงิ่ ทาให้เครี ยดมาก
ขึ้น แล้วเมื่ออาการกรดไหลย้อนยังคงอยูบ่ างครั้งจึงทาให้เราเข้าใจ
ไปว่าความเครี ยดทาให้เกิดกรดไหลย้อน ทั้งที่จริ งๆเมื่อนึ กย้อนดู
ลาดับเหตุการณ์ดีๆอาจพบว่าแท้จริ งแล้วอาการกรดไหลย้อนทา
ให้เกิดความเครี ยด (ซึ่ งความเครี ยดที่มากขึ้นนี้ ก็ส่งผลให้ไม่สบาย
ท้องมากขึ้นไปด้วย)

16. เมื่อเป็ นแล้ว มักเป็ นเรื้ อรัง เป็ นบ่อย


ผูท้ ี่เคยเกิดอาการกรดไหลย้อนกับตัวเองแล้ว จะพบว่า จะ
เป็ นๆหายๆไปเรื่ อย หลายคนทาใจได้ปรับการใช้ชีวิตจนหุ่ นผอม
เพรี ยวแต่ก็ยงั มีอาการกลับมารังควานอยูเ่ นื องๆ (คือ ดีข้ ึนแต่ไม่
หายสนิท)
ซึ่ งสอดคล้องกับการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ /นักวิจยั ที่
กล่าวว่าต้นเหตุเกิดจาก เชื้อ H.pylori เมื่อมีมากขึ้นในร่ างกายเรา
เพราะไม่ได้กาจัดมันหรื อกาจัดน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของเชื้ อภายใน
ตัว ก็เกิดการสะสมในร่ างกายจนเกิดกรดไหลย้อน เมื่อเวลาผ่าน
หน้ า 21

ไปถึงแม้วา่ อาการจะบรรเทาลง แต่ก็ไม่ได้กาจัดเชื้ อนี้ ออกไปจาก


ร่ างกาย จึงทาให้ยงั คงมีอาการกรดไหลย้อนกลับมาถามหาอยู่
เนืองๆ

17. อุจจาระมีสีคล้ า/ดา


ปกติเนื่ องด้วยน้ าดีจากถุงน้ าดี จะทาให้อุจจาระมีสีเหลือง
– น้ าตาลอ่อน อาจมีสีเขียวหากรับประทานผักบางชนิ ด เช่น ผัก
โขม ผักบุง้
แต่หากมีสีคล้ า/ดา เป็ นไปได้คือ ถุงน้ าดีผดิ ปกติ จึงไม่
ผลิตน้ าดีออกมา หรื อเกิดจากมีเลือดออกภายใน หากเป็ นสี ดาอาจ
บ่งบอกว่าเป็ นมะเร็ งลาไส้ใหญ่
ตามประสบการณ์ผรู ้ ายงานท่านหนึ่ง บอกว่า ตลอดมา
ตั้งแต่เด็กอุจจาระตัวเองมีสีน้ าตาลเข้ม แต่เห็นมาตลอดก็ไม่ได้
เอะใจอะไร จนมาอายุ 20 ปลายๆก็มีอาการกรดไหลย้อน หลังจาก
แก้กรดไหลย้อนได้โดยใช้วธิ ี จากหนังสื อเล่มนี้ หลังจากนั้นก็
พบว่าอุจจาระตัวเองเปลี่ยนเป็ นสี เหลือง และเป็ นสี เหลืองมาตลอด
สอดคล้องกับเมื่อตอนเด็กๆ ครู เคยเล่าให้ฟังตอนไปเรี ยน
พิเศษ ว่า “มีเพื่อนครู คนนึงเป็ นครู พละ ร่ างกายแข็งแรงมาก แต่
ตายตอนอายุ 30 กว่าเอง อาการที่เด่นชัดอันหนึ่งคือ อุจจาระสี ดา”
เด็กๆก็เงียบไป ซักพักมีเด็กหญิงในห้องถามขึ้น “แล้วของครู สีดา
หน้ า 22

หรื อเปล่าคะ” “ของครู เหลืองทองอร่ ามย่ะ” แล้วทุกคนก็หวั เราะ


กันยกเว้นตัวผูร้ ายงาน เพราะที่ผา่ นมาอุจจาระตัวเองมีแต่สีน้ าตาล
เข้มไม่เคยมีสีเลืองเลย แต่ก็ไม่เคยดาเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้ายกมือ
ถามครู เพราะรู ้สึกอาย และคิดว่าไม่ใช่เรื่ องร้ายแรงเท่าไหร่ แล้วครู
ก็อธิ บายเพิ่มเติมว่า “ที่อุจจาระคนเรามีสีเหลือง เป็ นเพราะน้ าดีจาก
ถุงน้ าดีที่มีสีเหลือง”
สอดคล้องกับการค้นพบว่า เชื้อ H.pylori เป็ นต้นเหตุให้
เกิดแผลในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร จึงเป็ นสาเหตุให้มี
เลือดออกภายในและทาให้อุจจาระสี คล้ า
มีโอกาสมากที่ความเข้ม/คล้ าของสี อุจจาระ (แสดงว่ามี
เลือดออกภายใน) เป็ นตัวบ่งชี้ทางอ้อมว่ามีปริ มาณเชื้ อ H.pylori
อยูพ่ อสมควร ถึง มาก และเชื้ อค่อนข้างขยัน ขึ้นกับความคล้ า คือ
ถ้ามีเชื้อมาก >> มีแผลมาก >> เลือดออกมาก >> สี คล้ ามาก
แต่อย่างไรก็ดี แม้อุจจาระไม่ได้มีสีคล้ า/ดา อาจไม่ได้
แปลว่าไม่มีเชื้อ H.pylori แต่แปลว่าเชื้อ H.pylori ยังไม่สร้าง
บาดแผลให้มีเลือดออกในร่ างกาย

อาการกรดไหลย้อนนี้ หลายคนที่เคยเป็ นแล้ว กล่าว


ตรงกันว่า ทรมานปางตาย/ทรมานเหมือนจะตาย
หน้ า 23

ตอนที่ผมเป็ นกรดไหลย้อนอาการที่ผมเป็ นคือ มีของไหล


จากในกระเพาะอาหารขึ้นมาที่คอผม (มาถึงโคนลิ้น) ซึ่ งส่ วนใหญ่
จะเป็ นพวก ไขมัน น้ ามันพืชที่ปรุ งอาหาร แล้วเมื่อไหร่ ที่ไหล
ขึ้นมาบนลาคอจะเกิดอาการแสบคอราวกับว่าน้ ากรดของกระเพาะ
กัดบริ เวณลาคอ โดยเฉพาะเมื่อบางครั้งผมสาลักเข้าไปใน
หลอดลม ผมก็จะรู ้สึกแสบร้อนบริ เวณที่โดนน้ ากรด โดยใน
บางครั้งมันก็ไหลลงไปในหลอดลมลึกทีเดียว ทาให้ผมไอเพื่อขับ
เอาน้ ากรดที่ตกลงไปในปอดออกมา (อาการจะคล้ายไอ/สาลัก)
หน้ า 24

2.1 ระดับของกรดไหลย้อน
ระดับของกรดไหลย้อนมีวธิ ี การแบ่งอยูห่ ลายวิธี แต่เพื่อ
ความเข้าใจง่ายโดยปกติมกั นิ ยมแบ่งด้วยระดับอาการดังนี้
1. ไม่มีอาการเด่นชัด หรื อมีแต่ไม่รู้ตวั เช่น คล้ายมีกอ้ นใน
ลาคอนิดๆหน่อยๆ
2. มีอาการคลื่นไส้ ไม่สบายท้อง แสบร้อน แต่ยงั ไม่มีกรด
ไหลพ้นออกมาจากกระเพาะอาหาร
3. มีอาการรุ นแรงขึ้น และมีกรดไหลพ้นขึ้นมาจากกระเพาะ
อาหารอาจขึ้นมาถึงหลอดอาหารหรื อพ้นขึ้นมาจนถึง
บริ เวณปากทางเข้าหลอดอาหาร (ซึ่งอาจไหลต่อลงไปใน
หลอดลมหรื อเข้ามาในช่องปากหรื อโพรงจมูกได้)
4. มีอาการรุ นแรงขึ้นอีก และอยูใ่ นระดับพร้อมจะก่อตัวเป็ น
เนื้อร้าย >> ซึ่ งจะกลายไปเป็ นมะเร็ งต่อไป
หน้ า 25

กรดไหลย้อนนี้เป็ นสิ่ งที่แปลกมาก คือ เต็มไปด้วยความ


ไม่แน่นอน
บางคนอาจไม่มีอาการแสดงออกมา (คือมีเชื้ อ H.pylori
อยูใ่ นตัวแต่ไม่แสดงอาการกรดไหลย้อน) บางทีแสดงอาการ
ออกมาเล็กน้อยแล้วก็หายไปจนหลายวันหรื อหลายสัปดาห์ต่อมา
ค่อยมีอาการกลับมาอีก
การแสดงอาการของแต่ละคนก็แตกต่างกันอีก บางคน
แสดงอาการออกมาเล็กๆน้อยๆก่อให้เกิดความราคาญ คือเกิด
อาการแสบร้อนภายในลาคออยูพ่ อสมควรในขณะที่เกิดอาการ
กรดไหลย้อน บางคนอาการแสบร้อนมีมากจนเกิดเป็ นความ
เจ็บปวด เมื่อเกิดบ่อยๆติดต่อกันก็เกิดเป็ นความทรมาน ในบางราย
ที่อาการหนักๆจะหนักจนถึงขนาดนอนซมอยูก่ บั เตียงไม่มีแรงลุก
ไปไหน
ระยะเวลาการแสดงอาการก็ต่างกันอีก บางคนมีอาการครู่
เดียว บางคนมีอาการติดต่อกันหลายวัน รายที่อาการหนักๆอาจคง
อยูย่ าวนานเป็ นแรมปี
สิ่ งที่แน่นอนคือ กรดไหลย้อนนี้ ใครเป็ นแล้ว มักเป็ น
เรื้ อรัง เพราะไม่ได้กาจัดเชื้อร้ายนี้ออกจากตัว
หน้ า 26

คนที่มีอาการหนักมากจะรู้สึกทรมานมาก เพราะ

1. ทานเมื่อไหร่ มีอาการเมื่อนั้น – ทาให้ไม่มีความสุ ขในการ


ทานอาหาร
2. อาการที่มีปวดแสบปวดร้อนมาก
3. คลื่นไส้แน่นท้อง
4. อาเจียนบ่อย
5. ปวดแน่นท้องจนไม่มีแรงลุกหรื อเดินทางไปไหน
6. บางครั้งอาการหนักมากจนทานอะไรไม่ลง ส่ งผลให้
ร่ างกายอ่อนแอลงไปอีก
7. หลายครั้งมีอาการตอนกลางดึกทาให้ตื่นขึ้นมากลางดึก
ส่ งผลให้นอนไม่เต็มอิ่ม - พักผ่อนไม่เพียงพอ

จนบางคนกล่าวว่า “รู้สึกเหมือนใกล้ตาย”
หน้ า 27

2.2 กรดไหลย้อนเป็ นแค่อาการ ไม่ใช่โรค


มาถึงจุดนี้ท่านผูอ้ ่านคงสังเกตได้วา่ ในหนังสื อเล่มนี้ผม
จะเลี่ยงที่จะเรี ยกกรดไหลย้อนว่า “โรคกรดไหลย้อน” โดยเรี ยกว่า
“อาการกรดไหลย้อน” หรื อ “กรดไหลย้อน” เฉยๆ
หัวข้อนี้ เป็ นใจความหลักของหนังสื อเล่มนี้ที่ผมต้องการ
ที่จะสื่ อให้ทุกท่านได้ทราบ และบอกต่อคนที่คุณผูอ้ ่านรักและเป็ น
ห่วง
“กรดไหลย้อนเป็ นแค่อาการ ไม่ใช่โรค”
ประโยคสั้นๆประโยคนี้บอกอะไรกับเราหลายๆอย่าง คือ

1. กรดไหลย้อนมักถูกเรี ยกว่า “โรค“ เพราะมีความรุ นแรง


อยูพ่ อสมควรโดยเฉพาะในรายที่เป็ นหนักๆ อาการ
เหมือนปางตาย
2. แต่อย่างไรก็ดี โรคกรดไหลย้อนนี้ เต็มไปด้วยความไม่
แน่นอน เต็มไปด้วยหลายๆสิ่ งที่มนุษย์ยงั ไม่
ทราบ (โดยเฉพาะในอดีต) และไม่ได้มีความน่ากลัว
รุ นแรงเหมือนโรคดังๆ อย่างเช่น มะเร็ ง ความ
ดัน หัวใจ อัลไซเมอร์ ฯลฯ – จึงไม่ได้รับความสนใจนัก
หน้ า 28

 ซึ่ งในปั จจุบนั เราได้ทราบว่า เชื้อ H.pylori เป็ น


ต้นเหตุหลักของการเกิดมะเร็ งภายในทางเดิน
อาหาร (Stomach Cancer) – หนึ่งในโรคยอดฮิต
3. มีการค้นพบว่ากรดไหลย้อน เกิดจาก เชื้ อ H.pylori
4. หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกรด
ไหลย้อนกับโรคมะเร็ ง (โรคยอดฮิต) จึงสมควรที่จะให้
ความสาคัญกับกรดไหลย้อนและเชื้อ H.pylori มากขึ้น
กว่าแต่ก่อน
5. แต่ถึงกระนั้นกรดไหลย้อนก็ไม่ใช่เรื่ องน่ากลัวเพราะ
ปั จจุบนั เราได้ทราบแล้วว่ากรดไหลย้อนเกิดจากอะไร
(ถึงแม้จะยังไม่ทราบแน่ชดั ว่าทาไมบางคนจึงไม่มีอาการ)
6. อีกทั้งวิธีการกาจัดต้นเหตุ (วิธีกาจัดเชื้อ H.pylori) ก็เป็ น
วิธีการที่ทาได้อย่างง่ายดาย - โดยการทานอาหารให้ถูก
ชนิด (ที่มีสารกาจัดเชื้ อ H.pylori)
7. อาการกรดไหลย้อน เป็ นเพียงแค่ดชั นีช้ ีวดั ที่แสดงให้ผมู ้ ี
อาการได้ทราบอย่างชัดเจนว่า “ภายในร่ างกายของบุคคล
นั้นมีเชื้ อ H.pylori อยู”่

เปรี ยบเหมือนกับเวลาเราขับรถเราเห็น เข็มชี้ระดับน้ ามัน


อยูท่ ี่ E - เราก็แค่มองหาปั๊ มน้ ามันเพื่อแวะเติมน้ ามัน เท่านั้นเอง
หน้ า 29

ดังนั้นจะเห็นได้วา่ อาการกรดไหลย้อนเป็ นเหมือนเข็มชี้


วัดระดับ (อาการบ่งชี้ ) ที่ช้ ีให้เราได้เห็นว่า ในร่ างกายเรามี
เชื้อ H.pylori อยู่ หากปล่อยเอาไว้ก็อาจทาให้เราเป็ นโรคภายใน
กระเพาะอาหารทางเดินอาหารส่ วนอื่นๆรวมไปถึงโรคมะเร็ งตาม
ส่ วนต่างๆได้ - เราก็แค่มองหาวิธีการกาจัดมันเพื่อให้เข็มชี้ เบน
เข็มกลับมาให้เราทราบว่า เราได้กาจัดเชื้ อ H.pylori ให้เหลือ
น้อยลงหรื อหมดไป

อาการกรดไหลย้อนเป็ นดัชนีช้ ีวดั การมีเชื้อ


H.pylori ในร่ างกายได้
เป็ นดัชนี ตวั ชี้วดั ที่ไม่ค่อยแม่นยานัก แต่เชื่ อถือได้ ดังนี้
ถ้าไม่มีอาการ แปลได้ 3 ประการ คือ

1. ไม่มีเชื้อ H.pylori (เป็ นไปได้ยากเพราะประชากรเกิน


60% ทัว่ โลกมีเชื้ อนี้อยูใ่ นตัว)
2. มีเชื้อ H.pylori น้อย
3. มีเชื้อ H.pylori มาก แต่ไม่มีอาการ
หน้ า 30

ถ้ามีอาการ แปลได้ประการเดียว คือ

 มีเชื้อ H.pylori ในร่ างกาย (น้อย/ปานกลาง/มาก ไม่วา่


อย่างใด ก็คือ มีเชื้ อ H.pylori ในร่ างกาย แต่โดยทัว่ ไปถ้ามี
อาการกรดไหลย้อน เป็ นไปได้สูงว่า มีเชื้อ H.pylori ใน
ตัวมาก)
หน้ า 31

สรุ ปบทที่ 2
 บ่อยครั้งที่อาการกรดไหลย้อนอาจถูกมองข้ามไปเพราะเข้าใจ
ไปว่าเป็ นโรคอื่นที่คนพูดถึงมากกว่า (ดังกว่า)
 เราจึงต้องหมัน่ สังเกตดูโดยมีหลักง่ายๆว่าอาการกรดไหลย้อน
มักเกิดหลังทานอาหาร กล่าวคือมีความเกี่ยวข้องกับการทาน
อาหาร
 ความรุ นแรงและการแสดงอาการของกรดไหลย้อนแตกต่างกัน
ไปตามแต่ละบุคคล จึงก่อให้เกิดความไม่แน่นอนหลายๆ
ประการ การศึกษาเพื่อให้เกิดความชัดเจนจึงไม่ใช่เรื่ องง่าย
 ในรายที่อาการหนักๆ ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานเป็ นอย่างมาก
 ระดับของกรดไหลย้อนมีดว้ ยกัน 4 ระดับ ไม่มีอาการ, มี
อาการไม่สบายท้อง/ปวดท้อง, เริ่ มมีกรดไหลพ้นขึ้นมาจาก
กระเพาะอาหาร, เริ่ มก่อตัวเป็ นเซลล์มะเร็ ง
 ผูท้ ี่มีอาการกรดไหลย้อนแล้วมักเป็ นเรื้ อรัง อาจเป็ นเพราะไม่ได้
กาจัดเชื้อ H.pylori
 “กรดไหลย้อนเป็ นแค่อาการ ไม่ใช่โรค”
 กรดไหลย้อนสามารถใช้เป็ นดัชนีช้ ีวดั ว่ามีเชื้อ H.pylori อยู่
ภายในร่ างกายได้

หน้ า 32

3. ถ้าปล่อยไว้จะเป็ นอย่างไร?
โดยทัว่ ไปก็คืออาการอะไรก็ตามที่เราปล่อยเอาไว้ /
ปล่อยให้เป็ นต่อไป จะมีอาการหนักขึ้นมากขึ้น ในกรณี กรดไหล
ย้อนก็คือ

 เรอเปรี้ ยว
 เป็ นถี่/บ่อยมากขึ้น
 กรดไหลขึ้นมาที่คอปริ มาณมากขึ้น
 ปวดแสบปวดร้อนมากขึ้น
 ปวดแสบปวดร้อนเมื่อเรอ
 ไอมากขึ้น
 สาลักมากขึ้น
 เครี ยด วิตกกังวล
 ตื่นนอนกลางดึก
 ไอกลางคืน
 เสี ยงแหบมากขึ้น
 เสี ยงเปลี่ยน
 ปวดท้องมากขึ้น
หน้ า 33

 ทานอาหารลาบาก
 หมดแรง อ่อนเพลีย ไม่มีกาลัง

ตามลาดับคร่ าวๆดังนี้

แผลในกระเพาะอาหาร สู่มะเร็ง
มีการค้นพบว่า เชื้ อ H.pylori เป็ นต้นเหตุให้เกิดแผลใน
กระเพาะอาหาร ซึ่ งจากงานวิจยั พบว่าเมื่อกาจัด
เชื้อ H.pylori ออกไปแผลเหล่านี้จะสมานตัวเอง (รักษาตัวเอง) แต่
หากปล่อยเอาไว้จะกลายเป็ นแผลเปื่ อย และมีความเสี่ ยงสูงที่จะ
กลายเป็ นเนื้อร้ายนาไปสู่ โรคมะเร็ งในระบบทางเดินอาหารต่อไป

สรุ ปบทที่ 3
 เนื่องมาจากกรดไหลย้อนเกิดมาจากเชื้อ H.pylori หากเราปล่อยไว้
ต่อไปไม่กาจัด ก็เท่ากับเป็ นการปล่อยให้เชื้ อ H.pylori เติบโตตั้ง
อาณานิคมภายในร่ างกายเราต่อไป
 ส่ งผลให้ความรุ นแรงและความถี่เพิ่มขึ้นเรื่ อยๆเป็ นลาดับ
 ความรุ นแรงที่เพิ่มขึ้นนาไปสู่ การเกิดแผลภายในกระเพาะอาหาร
และทางเดินอาหาร
 จนในที่สุดแผลภายในกระเพาะอาหารเหล่านี้สามารถพัฒนาไป
กลายไปเป็ นเซลล์มะเร็ งลุกลามได้ในที่สุด
หน้ า 34

4. นิยมรักษาอย่างไร?
มีวธิ ี การดังนี้
สังเกตตนเองว่าเมื่อบริ โภคอาหารชนิ ดใดแล้วมีอาการ
(สาหรับผม คือ นมวัว) ก็พยายามหลีกเลี่ยงหรื อจากัดการบริ โภค
สิ่ งนั้น

1. หลีกเลี่ยงการรับประทาน อาหารรสจัด เผ็ด ของทอด มัน


เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ กาเฟอีน ชา กาแฟ น้ าอัดลม ผลไม้
เปรี้ ยว การสู บบุหรี่
2. ห้ามทานแล้วนอนเลย ให้เว้นระยะเวลาหลังจากทานเสร็ จ
และก่อนนอน 3-4 ช.ม.
3. ไม่รับประทานอาหารในปริ มาณครั้งละมาก ๆ และไม่ดื่ม
น้ าระหว่างรับประทานอาหาร
4. ควบคุมการทานอาหาร / ทานน้อยลง
5. รับประทานอาหารให้ชา้ และเคี้ยวให้ละเอียด
6. ทิ้งช่วงห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 3 ชัว่ โมง
7. เคี้ยวหมากฝรั่งหลังอาหาร ทาให้ผลิตน้ าลายออกมามาก
ช่วยลดความเป็ นกรดในกระเพาะอาหาร
8. สวมใส่ เสื้ อผ้าหลวมสบายตัว เพื่อลดความดันใน
กระเพาะอาหาร
หน้ า 35

9. นอนหนุนศีรษะและลาตัวส่ วนบนให้เอนสู งขึ้นเล็กน้อย


ทาให้กรดไหลย้อนกลับขึ้นมายากขึ้น
10. หมัน่ ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
และผ่อนคลายความเครี ยด
11. ควบคุมโรคประจาตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดัน ถุงลม
โป่ งพอง อ้วน หอบ/หืด
12. รับประทานยารักษากรดไหลย้อน ควบคุมอาการเป็ น
ระยะเวลา 8 สัปดาห์
หน้ า 36

4.1 เมื่อหมอเข้าใจเราผิด
ไปพบแพทย์
จากการที่ผมค้นหาข้อมูลได้พบกรณี ศึกษาหลายกรณี
พบว่า ส่ วนใหญ่แพทย์ไม่ค่อยให้ความสาคัญกับอาการกรดไหล
ย้อนนี้เท่าใดนัก (คือ หมอไม่สามารถศึกษารายละเอียดของโรคได้
ทุกโรค หรื อ เน้นความสาคัญไปที่โรคใดโรคหนึ่ง) มีหลายสาเหตุ
ด้วยกัน คือ

1. เข้าใจผิดว่าเป็ นอาการของโรคอื่น เช่น ปวดท้องธรรมดา


หรื อโรคทางเดินหายใจ (จากอาการไอ/หอบ/เสี ยงแหบ)
2. คุณหมออาจจะไม่ได้เข้าใจถึงความทรมานของกรดไหล
ย้อนจึงไม่ได้ให้ความสาคัญ
3. ไม่ใช่คุณหมอทุกคนจะเคยเป็ นกรดไหลย้อน
4. ยาที่สงั่ จ่ายไม่ช่วยให้อาการกรดไหลย้อนบรรเทาลง หรื อ
หายไป
5. ในกรณี ผมู ้ ีอาการกรดไหลย้อนไม่รุนแรง มักหายไปเอง
(แต่ก็มีอาการกลับมาใหม่) (แต่สาหรับผูท้ ี่มีอาการหนักๆ
อาการอาจคงอยูห่ ลายเดือน เรื้ อรังแรมปี )
หน้ า 37

แต่ท้ งั นี้ก็อยากขอให้ โปรดให้ อภัยคุณหมอด้ วยเพราะ


ตลอดเวลาคุณหมอมีคนไข้เป็ นจานวนมากที่คุณหมอต้องทาการ
รักษาต่อไป จึงอาจมีเวลาให้เราได้ไม่เต็มที่ จึงทาให้เก็บข้อมูลจาก
เราได้ไม่เพียงพอ
ยกตัวอย่างเช่น อาการกรดไหลย้อนนี้ เวลาเราเป็ นมากๆ
แล้วเราจะกินอาหารได้นอ้ ยลง ซึ่งเมื่อเรารับประทานอาหารได้
น้อยลงจะมีแร่ ธาตุตวั หนึ่งน้อยลงนัน่ คือโซเดียม ทีน้ ีพอเราไปหา
หมอแล้วเราเล่าอาการให้ฟัง หลายครั้งเราเล่าอาการผิดไปจาก
ตาราการแพทย์ (พูดไม่เหมือนในหนังสื อเล่มที่หมอเรี ยน) หรื อ
อาการของเราไม่เหมือนอาการของผูป้ ่ วยกรดไหลย้อนอื่นที่หมอ
เคยรักษาหรื ออธิ บายอาการไม่เหมือนกัน หรื อเล่าผิดจังหวะ ทาให้
เข้าใจคลาดเคลื่อน อย่างเช่น คุณหมอได้ยนิ เรากล่าวว่าทานอาหาร
ไม่ค่อยได้ ก็อาจจะตีความได้วา่ เรามีอาการเบื่ออาหาร คุณหมอก็
เลยจ่ายยาให้วติ ามินรวมมาเพื่อบารุ งร่ างกาย หรื อในบางกรณี คุณ
หมอก็ขอเจาะเลือดเรา เมื่อตรวจค่าเลือดออกมาก็จะเจอว่าโซเดียม
เราน้อยกว่าเกณฑ์ ก็จะแจ้งบอกเราว่าเรามีค่าโซเดียมในเลือดน้อย
ก็จะจ่ายยาให้เม็ดโซเดียมมาทานหรื อให้น้ าเกลือ บอกว่าพอทาน
แล้วจะกระฉับกระเฉงกระปรี้ กระเปร่ าเกิดอยากอาหาร
เอง (เนื่ องมาจากว่าโซเดียมเมื่อมีนอ้ ยเกินไปในเลือดจะส่ งผลทา
ให้เรารู ้สึกอ่อนเพลีย ไม่กระปรี้ กระเปร่ า ไม่กระฉับกระเฉง)
หน้ า 38

เหล่านี้คือสาเหตุที่ทาให้เราต้องไปหาหมอในครั้ง
ต่อไป เนื่องจากว่าไปครั้งแรกแล้วไม่หาย ดังในท้ายเล่มผมได้ ใส่
เอาไว้เป็ นเรื่องเล่าของนางพยาบาลท่านหนึ่งได้เล่าเรื่ องไว้ใน
เว็บ Pantip เล่าให้ฟังถึงความทุกข์ทรมานของกรดไหลย้อนที่เกิด
ขึ้นกับตัวเธอเอง ซึ่ งเป็ นอยูถ่ ึง 2 เดือน ได้เล่าให้ฟังว่า
เชื้อ H.pylori นี้คุณหมอคนที่ 2 ตรวจพบได้จากการตรวจตัวอย่าง
อุจจาระแล้วก็จ่ายยาให้ ซึ่งได้ผลรวดเร็ ว (5 มื้อ) แต่ก็เล่าให้ฟังต่อ
ว่า ขนาดตัวเองเป็ นพยาบาลยังพลาดได้เลย กินเวลาตั้ง 2 เดือนกว่า
จะหาย (นับจากไปพบหมอคนแรก)

ขอเล่าทุกข์ให้หมอฟัง
เวลาเราไปหาหมอ เกิดความสู ญเสี ยอย่างใหญ่หลวง คน
ส่ วนใหญ่คิดแค่วา่ เสี ยเวลาตรวจ 15 นาที จริ งๆแล้วมันมหาศาล
มาก เพราะ
1. เราเสี ยเวลาในการเดินทาง
2. เสี ยเวลาในการลงทะเบียนทาบัตรผูป้ ่ วย (ครั้งแรก) หรื อ
ติดต่อ Counter เมื่อมาตามนัดครั้งต่อไป
3. เสี ยเวลารอพบแพทย์ (ต่อคิว)
4. พบแพทย์
หน้ า 39

5. เสร็ จแล้ว ถ้าแพทย์สงสัยเรื่ องใด ก็ส่งตรวจแผนกนั้นๆ


เช่น MRI, X-ray, Ultra-Sound บางทีตอ้ งข้ามวันเลย
(โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ)
6. หลังตรวจเสร็ จต้องพบแพทย์อีกครั้งเล็กน้อย
7. จ่ายค่ายา ค่าแพทย์ ค่าตรวจ (ราคาแตกต่างไปแต่ละ
โรงพยาบาล)
8. รอรับยา
9. เดินทางกลับ
 รวมระยะเวลาอย่างน้อย ครึ่ งวัน หากเป็ น
โรงพยาบาลรัฐจะนานกว่านั้น
 หากคิดเป็ นค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ก็เกินพัน วันนั้นทั้ง
วัน ไม่ตอ้ งทามาหากินกันเลยทีเดียว
 เปรี ยบกับคนขับ Taxi ก็ไม่ได้ใช้รถฟรี ๆ
 ถ้าคนป่ วยอาการหนักๆ ไปด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องให้มี
คนพาไป 1-2 คน ก็ดึงเวลาคนในครอบครัวไปอีก
ด้วย
 ซึ่ งโรค/อาการป่ วย ส่ วนใหญ่พบว่าไปหาหมอครั้ง
เดียวไม่หายหรอก ไปหาครั้งแรก หมอจะสัง่ ยาให้
ทานซัก 3-7 วัน เพื่อดูวา่ ยาที่ให้ถูกกับโรคหรื อเปล่า
ถ้าไม่ถูกก็ปรับยาใหม่ เปลี่ยนวิธีรักษาใหม่
หน้ า 40

ขอเล่าทุกข์ให้หมอฟัง - ยกตัวอย่าง โรคหัวใจ


คุณแม่ผมเล่าอาการให้พยาบาลฟังว่า "หัวใจเต้นกระโดด
จังหวะ ข้ามจังหวะ บางเวลาก็รู้สึกเต้นอ่อนลง รู ้สึกหวิวๆเหมือน
จะหยุดเต้น"
พยาบาลที่ฟังเรื่ องหัวเราะร่ า ตอบบอกว่า "555 ป้ าคะ ถ้า
หัวใจหยุดเต้นก็ตายไปแล้วล่ะค่ะ"
คุณแม่ผมบอก "ก็ใช่น่ะสิ คะ มันรู ้สึกแบบนั้นจริ งๆ"
พยาบาลก็หวั เราะปั ดเรื่ องไป เขียนรายงานไปว่าแม่มี
อาการเพ้อ/ประสาทหลอน
ต่อมาพยาบาลก็มาเจาะเลือดตามคาสั่งแพทย์ หลังจาก
ตรวจผลก็เจอว่า โซเดียมต่า
หมอก็มาบอกว่า "เจอว่ามีโซเดียมในเลือดต่านะครับ โดย
ปกติจะทาให้มีอาการอ่อนเพลียเหมือนง่วงนอน ซึ่ งอาจส่ งผลทา
ให้มีอาการเพ้อได้" - แสดงว่าได้รายงานจากพยาบาลว่ามีอาการ
เพ้อ จึงมาตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุวา่ ทาไมเพ้อ ไม่ได้ฟังว่ามี
อาการผิดปกติที่หวั ใจเลย
ซึ่ งเราจึงได้โอกาสเล่าให้หมอฟังอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เงียบ
ไป
หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ ง จึงได้พบกับแพทย์หวั ใจก็
มาวินิจฉัยดูกล่าวบอกว่า ฟังดูอาการน่าจะใช่ เพราะทั้งอ่อนแรง
หน้ า 41

ออกกาลังกายหนักไม่ได้ มีความรู ้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรื อ


รู ้สึกหวิวๆนี่ก็ใช่ จึงนัดให้มาตรวจ EKG เป็ นเวลา 24 ช.ม.
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็ได้ตรวจ EKG แต่แม้จะตรวจด้วย
EKG ถึง 24 ช.ม. ก็ไม่เจอความผิดปกติ คุณหมอโรคหัวใจ ก็มี
ความกังวลอยูบ่ า้ ง เราถามหมอว่ามีเรื่ องอะไรก็ขอให้บอกกัน
ตรงๆเลย คุณหมอหัวใจจึงบอกว่า มีวธิ ี ฉีดสี เพื่อตรวจดูการตีบ
ของเส้นเลือดหัวใจได้ แต่ไตคุณแม่ไม่ค่อยดี สารที่ฉีดเข้าไปจะทา
ให้ไตแย่ลงได้
คุณหมอจึงส่ งให้แพทย์ทางเดินปั สสาวะ (หมอไต) อีกที
หนึ่ง (1 สัปดาห์ต่อมา) ตรวจดูก็บอกว่า ไตคนไข้ไม่ดีแล้วจริ งๆ
และจะไม่ดีข้ ึนไปกว่านี้
เราก็งงๆอยูเ่ พราะเราก็พอรู ้เรื่ องนี้อยู่ (ไม่ใช่ครั้งแรกที่มา
หาหมอไต) แต่ที่มาเพราะสงสัยว่าจะฉี ดสี ดีม้ ยั ก็ตอ้ งเล่าให้หมอ
ไตฟังอีกที หมอเลยอ่านดูในแฟ้ มคนไข้ก็เจอ Note ของหมอหัวใจ
จึงเข้าใจ
ต่อมาคุณหมอหัวใจจึงนัดฉี ดสี (ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะ
ทราบผล) ก็เจอว่ามี 1 เส้นตีบมาก อีก 1 เส้นตีบไปซัก 30%
ก็นดั ทาบอลลูนแต่งวดนี้คุณหมอนัดให้เร็ ว 2-3 วัน พาเข้า
ห้องปฏิบตั ิการทาบอลลูนเลย หลังจากนั้นจึงอาการดีข้ ึนอย่างเห็น
ได้ชดั และไม่มีอาการบ่อยหรื อรุ นแรงเหมือนแต่ก่อน
หน้ า 42

เบ็ดเสร็ จรวมเวลาเป็ นเดือน แต่ละครั้งที่มาใช้เวลาอยู่


โรงพยาบาลทั้งวัน และจะเห็นได้วา่ มีโอกาสตีความผิดได้ง่ายมาก
สื่ อสารผิดพลาดได้ง่ายมากในทุกๆขั้นตอน และใช้เวลานานมาก
ต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อพบแพทย์/ผูเ้ ชี่ยวชาญในแผนกต่างๆหลาย
ครั้ง
ซึ่งกรณีโรงพยาบาลเอกชนจะต่ างไปดังนี้
มีเพื่อนวิศวกรคนหนึ่งขับรถและเดินเข้าไปตรวจร่ างกาย
ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
เล่าอาการให้แพทย์ฟังว่า “ทุกอย่างดีหมด มีแน่นหน้าอก
นิดๆหน่อยๆเป็ นบางครั้ง อยากทราบว่ามีอะไรผิดปกติกบั ตัวผม
หรื อเปล่า”
แพทย์ทาการส่ งตัวไปแสกน MRI และ ฉีดสี ดูอาการตีบ
ของเส้นเลือด
หมอแจ้งผลว่าเส้นเลือดหัวใจตีบไป 1 เส้น จึงสั่งให้
คนไข้เข้ารับการทาบอลลูนในทันที คนไข้ขอกลับบ้านก่อน (คง
เพื่อขอเวลาคิดและปรึ กษาครอบครัวก่อน) โดยหมอกล่าวว่า
“ไม่ได้ ตอนคุณเดินเข้ามา ยังไม่รู้วา่ เป็ นอะไร ตอนนี้รู้แล้วว่าคุณมี
เส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบ 1 เส้น และคุณเป็ นคนไข้ของผม ถ้าคุณ
ออกไปแล้วเป็ นอะไร ผมต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายไม่ตอ้ งห่วง รู ด
หน้ า 43

บัตรเครดิตได้ เบ็ดเสร็ จ 200,000 บาท (รวมทั้งหมด – ค่าทา


บอลลูน 120,000 บาท / 1 เส้น)”
นี่คือเรื่ องที่เกิดเมื่อ ช่วงปี 2010-2011 ที่วศิ วกรคน
ดังกล่าวได้นามาเล่าให้ฟังในหมู่เพื่อน ก็ลอ้ กันว่า “สงสัยหมอกลัว
เราไม่กลับมาอีก หรื อไม่ก็กลัวเราหนีไปใช้โครงการรัฐ”

จึงจะเห็นได้วา่ ภายในโรงพยาบาลอาจมีการสื่ อสารกัน


ผิดพลาด และใช้เวลานานในกรณี โรงพยาบลรัฐบาล ส่ วน
โรงพยาบาลเอกชนจะรวดเร็ วกว่าแต่แลกกับค่าใช้จ่ายจานวนมาก
เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนควรศึกษาอาการเจ็บป่ วยต่างๆ
ด้วยตัวเอง เพื่อดูแลสุ ขภาพตนเอง และเพื่อไม่ให้โดนค่าใช้จ่าย
เป็ นเงินก้อนโต (เว้นแต่กรณี ที่เราเกิดอาการประหลาด/ไม่เข้าใจ
หรื อรุ นแรงเฉี ยบพลัน ก็ตอ้ งรี บไปพบแพทย์และเล่าอาการให้
ชัดเจน)

อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ อู่ซ่อมรถ (เดี๋ยวเข้าใจว่าเราว่าแต่


หมอ – คือจริ งๆเรื่ องแบบนี้ เป็ นได้แทบทุกวงการเอกชน)
ตัวอย่างแรก สตาร์ ทรถไม่ได้ – เพราะน้ ากลัน่ ใน
แบตเตอรี่ แห้ง ทาให้ไฟฟ้ าอ่อนกาลัง
หน้ า 44

คาถาม - แล้วเราจะเติมเองหรื อไปให้อู่เติม ถ้าเราเข้าใจ


ปั ญหา เราก็ซ้ื อน้ ากลัน่ เตรี ยมไว้ล่วงหน้า แล้วคอยตรวจและเติม
ทุก 3-4 สัปดาห์ (น้ ากลัน่ ขวดละ 10-20 บาท)
หากไม่รู้เรื่ อง ก็เรี ยกรถลากมาลากเพื่อไปเข้าอู่ (1,500
บาท) เมื่อไปถึงอู่ อู่อาจเปลี่ยนแบตเตอรี่ 1,600 บาท (อาจไม่ได้
เสี ยแต่เปลี่ยนให้ บอกว่า “แบตฯตายแล้วครับ เพราะปล่อยให้น้ า
กลัน่ แห้ง”)
ถ้าหนักๆช่างบอกว่า “ชุด Starter เสี ยครับ” เราก็เสี ย
12,000 บาท – “ถ้าให้ซ่อมก็ 3,000 ครับ”

ตัวอย่างสอง ผ้าเบรกรถ – ยังสึ กไม่ถึง 20% ก็ให้เปลี่ยน –


1,500 บาท/2ล้อ “ข้างในผ้าเบรกร้าวหมดแล้วครับ”
บางอู่แจ้งให้ซ่อมทั้งระบบเบรก 12,000 บาท
 ตามตาราช่าง ผ้าเบรกจะมีความหนามากกว่า 10
มม. และใช้ได้จนเหลือความหนา 1.5 มม. (จุด
วิกฤติ) คือถึงแม้เหลือความหนาเพียง 0.5 มม. ก็
ยังเบรกได้ปกติ แต่ ณ 1.5 มม. ก็ควรเปลี่ยนเพื่อ
ระวังไม่ให้เหล็กรองผ้าเบรกไปถูกบั จานเบรก
ซึ่ งจะทาให้เกิดความร้อนในระบบน้ ามันเบรก
หน้ า 45

สู งทาให้ระบบเบรกเสี ยได้ จะส่ งผลให้เบรกไม่


ทางานเป็ นลาดับต่อไปซึ่ งอันตรายมาก
 หากในกรณี ที่เราใช้รถขึ้นลงเขามาก 2.0 มม. ก็
ถือว่าเป็ นจุดวิกฤติ
 ตามประสบการณ์โดยเฉลี่ย (รถวิง่ ปี ละ 20,000
กม.) ประมาณ 6 เดือนผ้าเบรกจะสึ กไปราว 2-3
มม.

ตัวอย่างสาม บางอู่มีวธิ ี การหาตลาดโดย “ตรวจฟรี 108


รายการ” แล้วจึงเปลี่ยนชิ้นส่ วนที่สึกหรอ – ซึ่ งไม่วา่ สึ กหรอ 10%,
30% หรื อ 80% ก็เปลี่ยนหมด จึงทารายการออกมายาวยืด (ปกติถา้
สึ กหรอเกิน 70% จึงนับว่า Critical ควรเปลี่ยน หรื อเมื่อประเมิน
แล้วจึงเปลี่ยนเพื่อไม่ให้รถไปเสี ยกลางทาง)

ถ้ าเราไม่ ร้ ู เรื่อง/ไม่ หมั่นศึกษาหาความรู้ เราก็จะกลายเป็ น


ลูกค้ าชั้ นดีอกี คนหนึ่งของธุรกิจนั้นๆ
เสริ ม: เนื่องจาก กรดไหลย้อนนี้ เกิดจากเชื้อ H.pylori ชื่อ
โรคที่จะถูกต้องกว่า เหมาะสมกว่าที่จะบอกให้คุณหมอทราบและ
นาไปสู่ การตรวจโรคและการรักษาที่ถูกต้อง ลองบอกคุณหมอว่า
“คุณหมอครับ ผมสงสัยว่าจะเป็ น “โรคติดเชื้อเอชไพโลไร”
หน้ า 46

ครับ” – จะเห็นว่าเป็ นชื่อที่คนธรรมดาอย่างเราไม่เรี ยกกันหรอก


แล้วก็เล่าอาการ + ที่มาทาไมถึงรู ้จกั อ่านเจอ หรื อ เพื่อนเล่าให้ฟัง
อะไรก็วา่ ไป

การตรวจเชื้ อ H.pylori ในประเทศทางตะวันตก มีหลาย


วิธี เช่น ตรวจอุจจาระเพาะเชื้ อ ตรวจเชื้อจากลมหายใจ (Urea
Breath Test) (ในไทยก็เริ่ มมีเหมือนกัน) ตรวดเลือด และตรวจจาก
เนื้อเยือ่ ตัวอย่างภายในท้อง โดยวิธีการตรวจลมหายใจอาจไม่
แม่นยานัก คือ หากตรวจพบ = มีเชื้อแน่นอน, หากตรวจไม่พบ =
แนะนาให้ตรวจวิธีอื่นประกอบ
หน้ า 47

สรุ ปบทที่ 4
 วิธีการรักษาที่นิยมกัน จะเน้นการปรับตัวโดยการปรับการ
รับประทานอาหาร ดูแลสุ ขภาพร่ างกายให้แข็งแรง และปรับ
การทากิจวัตรประจาวันให้สบายที่สุดเพื่อบรรเทาความทุกข์
ทรมานของกรดไหลย้อน
 ซึ่ งจะส่ งผลดีทาให้ร่างกายห่างไกลโรคอื่นๆด้วย
 เนื่องจากกรดไหลย้อนไม่ใช่สิ่งที่คนให้ความสาคัญกันนัก
ประกอบกับมีคนไข้ไปรักษาเป็ นจานวนมากด้วยอาการป่ วย
นานาชนิด หลายๆครั้งจึงอาจทาให้การปรึ กษาคุณหมอ การ
วินิจฉัยโรคและการรักษาสั่งยาของคุณหมอ คลาดเคลื่อนไป
หรื อไม่ได้ผล แต่ขอโปรดให้ท่านผูอ้ ่านให้อภัยคุณหมอด้วย
 จากประสบการเรื่ องเล่าในการไปพบแพทย์ ไม่วา่ ด้วยโรคใด มี
โอกาสเกิดความผิดพลาดในการสื่ อสารได้ง่าย อาจส่ งผลให้
การรักษาคลาดเคลื่อน
 ถ้าเราไม่รู้เรื่ องไม่หมัน่ ศึกษาหาความรู ้ เราก็จะกลายเป็ นลูกค้า
ชั้นดีอีกคนหนึ่งของธุ รกิจนั้นๆ
 อาการกรดไหลย้อนมีอีกชื่อหนึ่งว่า “โรคติดเชื้ อเอชไพโลไร”
 การตรวจเชื้ อ H.pylori มีดว้ ยกันหลายวิธีโดยวิธีที่ใช้กนั มากใน
ประเทศไทย คือ ตรวจอุจจาระเพาะเชื้อ ตรวจจากลมหายใจ
ตรวจเลือด ตรวจเนื้อเยือ่ ตัวอย่างจากในท้อง
หน้ า 48

5. วิธีที่ดีที่สุดเป็ นอย่างไร?
วิธีที่ดีที่สุดนี้ เรากล่าวว่าดีที่สุดเพราะว่าเป็ นการกาจัดที่
ต้นเหตุสาคัญของอาการกรดไหลย้อน คือเชื้ อ H.pylori (พบว่า
กว่า 60-99% ที่เชื้อ H.pylori นี้เป็ นต้นเหตุของโรคต่างๆภายใน
กระเพาะและทางเดินอาหารรวมถึงมะเร็ งทางเดินอาหาร) อีกทั้ง
ยังเป็ นวิธีการรักษาที่

1. ประหยัดทรัพย์
2. ใช้ความพยายามน้อย
3. ไม่ใช้สารเคมี
4. ไม่ใช่ของหายาก
5. ไม่มีความเสี่ ยง / ไม่อนั ตราย
6. ข้อจากัดน้อย (หรื อไม่มีเลย)
7. และวิธีน้ ีไม่ได้กาจัดอาการกรดไหลย้อนเพียงอย่าง
เดียว แต่ยงั กาจัดต้นเหตุ (เชื้อร้ายตัวนี้ ) ของโรคภายใน
กระเพาะอาหาร/ทางเดินอาหาร รวมถึงมะเร็ งต่างๆไป
ด้วยพร้อมๆกัน เหมือนเหวีย่ งแหไปทีเดียวได้นกทั้งฝูง
(แล้วแหนี้ยงั เก็บกลับมาเหวีย่ งใหม่ได้อีก แต่ไม่รู้วา่ จะ
เหลือนกให้จบั อีกมั้ย)
หน้ า 49

(แห = วิธีการกาจัดเชื้อ H.pylori, นก= เชื้อ H.pylori)

ผมก็เป็ นหนึ่งในหลายๆคนที่ประสบกับโรคกรดไหล
ย้อน ความทุกข์ทรมานของมันทาให้ผมหมดสนุกไปมาก อาการที่
ผมเป็ นอยูน่ ้ นั ผมจัดว่าเป็ นอาการอยูใ่ นระดับ 3 คือ มีน้ ากรดจาก
ในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่ลาคอ น้ ากรดที่ไหลขึ้นมานี้ก็
กัดกร่ อนบริ เวณส่ วนต่อระหว่างหลอดอาหารและหลอดลม
บางครั้งมีบางส่ วนกระเด็นขึ้นไปถูกโพรงจมูกบริ เวณเพดาน
อ่อน เกิดความรู ้สึกปวดแสบปวดร้อน บางครั้งตกลงไปใน
หลอดลมลึกพอควร เมื่อผมรู ้สึกอย่างนั้นผมจะพยายามพ่นลม
หายใจออกมาจากปอด (เกิดเป็ นอาการคล้ายการไอ) เพื่อหวังให้
ขับเอาน้ ากรดที่ไหลลงไปในหลอดลมให้หลุดออกมา ซึ่งความ
ปวดแสบปวดร้อนนั้นก็จะคงอยูไ่ ปอีกสักระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยๆ
หายไป แต่มนั ก็ชวนให้ผมคิดว่าเมื่อกรดมันไหลขึ้นมากัดกร่ อน
เอาเรื่ อยๆแบบนี้ คงจะทาให้ผนังหลอดลมและหลอดอาหารถูกกัด
กร่ อนไปเรื่ อยๆ วันหนึ่งลิ้นที่ปิดหลอดลมเวลาเรากลืนอาหารอาจ
ปิ ดไม่สนิท หรื ออาจจะเกิดรู เชื่อมถึงกันระหว่างหลอดลมและ
หลอดอาหารได้ หรื อเมื่อหากเป็ นมากขึ้นเรื่ อยๆหากน้ ากรดไหล
ลงไปในปอดมันจะเป็ นอย่างไรนะ? โดยที่ผมลืมนึกถึงไปเลยว่ายัง
มีเส้นเสี ยงคัน่ อยูก่ ่อนที่จะลงไปถึงปอดอีก ถ้ามันทาให้เสี ยงหล่อ
ขึ้นก็ดีไป แต่คงจะยากเพราะเราสัง่ มันไม่ได้วา่ จะให้มนั กัดจะ
หน้ า 50

กร่ อนอย่างไร และที่สาคัญก็คืออาการกรดไหลย้อนของผมนี้


ไม่ได้เกิดแค่ครั้งสองครั้ง แต่มนั เกิดขึ้นเรื่ อยๆและเริ่ มถี่มากขึ้น

หลังจากที่รู้สึกได้วา่ ไม่มีทีท่าที่อาการกรดไหลย้อนของ
ผมจะบรรเทาลง รังแต่จะรุ นแรงมากขึ้นเรื่ อยๆ เป็ นบ่อยขึ้น
เรื่ อยๆ ผมก็ได้ลองค้นคว้าหาข้อมูลดู ข้อมูลส่ วนใหญ่บอกว่า
อาการกรดไหลย้อนนี้ เกิดจากการที่กรดในกระเพาะอาหารไหล
ย้อนขึ้นมาที่ลาคอจึงทาให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน อัน
เนื่องมาจากกรดในกระเพาะอาหารกัดกร่ อนหลอดอาหารและ
อวัยวะอื่นๆภายในลาคอ ซึ่ งก็ไม่ใช่คาตอบที่ผมต้องการ เพราะผม
ต้องการทราบว่าเกิดจากอะไรไม่ใช่อาการ แหล่งอื่นๆก็จะบอกว่า
ไม่ทราบที่มาแน่ชดั บ้างก็วา่ เป็ นเพราะพฤติกรรมของตัว
บุคคล เช่น ทานของมัน ทานของหวาน นอนดึก กินอาหารไม่เป็ น
เวลา บ้างก็วา่ เป็ นเพราะสภาวะจิตใจ คือ ความเครี ยด ความ
กังวล เป็ นต้น

หลังจากค้นคว้าหาข้อมูลไปไม่นานเกินรอ ผมยังไม่ทนั
ได้ทดลองวิธีการตามคาแนะนาที่ผมพบมา ก็บงั เอิญไปเจอข้อมูล
ใหม่เสี ยก่อน เป็ นทฤษฎีการเกิดโรคกรดไหลย้อนที่คนส่ วนใหญ่
ไม่ได้พดู ถึง หรื อถ้าพูดถึงก็เพียงแค่อา้ งเล็กๆน้อยๆแต่ไม่ได้ให้
หน้ า 51

ความสาคัญกับมันเลย แต่ทฤษฎีน้ ีกลับเน้นให้ความสาคัญกับเชื้อ


แบคทีเรี ยตัวหนึ่ง คือ H.pylori (ชื่อเต็ม Helicobacter pylori) และ
กล่าวย้าซ้ าๆว่าเชื้อแบคทีเรี ยตัวนี้คือต้นเหตุของทุกอย่างที่
เกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อน รวมไปถึงโรคอีกหลายชนิ ดที่เกิด
ภายในระบบทางเดินอาหาร ทฤษฎีน้ ีเน้นย้าที่เชื้ อแบคทีเรี ยตัวนี้
มาก แต่ก็แปลกที่ไม่เคยได้ยนิ ใครกล่าวถึงเลยทั้งๆที่น่าจะเป็ นเรื่ อง
ที่ควรให้ความสาคัญ แต่ผมก็คิดในอีกแง่หนึ่งว่าถ้าหากว่ามันเป็ น
ดังนั้นจริ งหากเราปฏิบตั ิดู แล้วกาจัดเชื้ อตัวนี้ได้โรคกรดไหลย้อน
ที่เราเป็ นอยูก่ ็หายได้ง่ายๆ เพราะดูเป็ นการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างตรง
จุดแก้ปัญหาที่ตน้ เหตุได้อย่างแท้จริ ง

เปรี ยบเหมือนว่าหากผมต้องการที่จะวิง่ ได้เร็ วและมีคน


สองคนให้คาแนะนาผม คนที่ 1 บอกผมว่าให้วงิ่ ไปเรื่ อยๆวันหนึ่ง
ก็จะวิง่ เร็ วขึ้น คนที่ 2 บอกว่าจะต้องฝึ กวิง่ Sprint ระยะสั้น ก็ไม่
ต้องคิดเลยว่าผมก็คงจะปฏิบตั ิตามคนที่ 2 เพราะตรงจุดกว่าและมี
ประสิ ทธิภาพมีประสิ ทธิผล วิธีการของคนที่ 1 เมื่อเปรี ยบกันแล้ว
ฟังดูเหมือนเป็ นการให้กาลังใจเสี ยซะมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่วา่ ไม่
ดี เพราะหากผมไม่ทาอย่างสม่าเสมอไม่หมัน่ ฝึ กซ้อมก็คงจะไม่
เห็นผลอย่างที่ตอ้ งการ
หน้ า 52

หลังจากที่ได้ลองปฏิบตั ิดูผมก็เห็นผลได้อย่างรวดเร็ วไม่


น่าเชื่อ โดยจากข้อมูลที่ผมค้นคว้ามา (ก่อนเจอทฤษฎีน้ ี) บางคน
กล่าวว่าจะเป็ นๆหายๆไปเรื่ อย บางคนกล่าวว่าให้ทานยาควบคู่กนั
ไปด้วยเป็ นเวลา 8 สัปดาห์หรื อก็คือ 2 เดือน หากยังเป็ นอยูก่ ็ให้
รับประทานต่อ ซึ่ งนัน่ ถึงแม้วา่ จะไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าใช้เวลา
ในการรักษาหรื อบรรเทาอาการนานเพียงใด แต่จากข้อความนี้ทา
ให้ผมทราบระยะเวลาได้วา่ อาจเกิน 1 หรื อ 2 เดือน ทาให้ผมได้
ทราบอีกว่าคงมีคนอีกมากมายที่ประสบทุกข์ร้อนทรมาน
เช่นเดียวกับผมนี้และเป็ นระยะเวลาไม่นอ้ ย แต่หลังจากที่ผม
ปฏิบตั ิตามทฤษฎีใหม่น้ ีดู (ซึ่ งอ้างว่าใช้เวลา 3 ถึง 4 วันไม่
เกิน 1 สัปดาห์ + เห็นผลความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วนั แรกที่
ปฏิบตั ิ) ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในวันที่ 2 คือผมไม่
มีอาการอีก อาจจะไม่ทนั สังเกตเห็นในวันแรก แต่เพียงเท่านี้ก็นบั
ได้วา่ ผมมีความสุ ขขึ้นมากแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ทานติดต่อกันอย่าง
เคร่ งครัดเสี ยซะทีเดียว อาการจึงมีกลับมาอีกแต่ไม่ถี่ไม่รุนแรง
เหมือนก่อนหน้านี้ ผมก็ปฏิบตั ิอีก แล้วอาการก็นอ้ ยลง จนกระทัง่
ภายในเวลา สัปดาห์กว่าๆ (ได้ผลช้าอาจเพราะผมทานอาหารตาม
สู ตรนี้แค่ม้ือเย็นมื้อเดียว) หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการกลับมาอีก
เลย จนปั จจุบนั เวลาได้ล่วงเลยมาแล้วถึงปี ครึ่ งผมก็ไม่มีอาการกรด
ไหลย้อนนั้นอีก
หน้ า 53

ผมไม่เคยไปหาหมอ ไม่เคยซื้ อยาทานเลย เป็ นเพียงแค่


เมนูอาหารธรรมดาๆที่หากินได้ตามปกติ หลังจากอาการทุเลาและ
หายไปแล้วก็กลับมากินอาหารที่ชื่นชอบได้ โดยที่ไม่มีอาการกรด
ไหลย้อนกลับมาอีก มันเป็ นเรื่ องที่อศั จรรย์ใจผมมาก

หลังจากนั้นผมก็ได้ศึกษาได้อ่านบทความเกี่ยวกับกรด
ไหลย้อนและเชื้อโรคตัวแสบ H.pylori นี้เพิ่มเติมจึงได้พบว่า เชื้อ
ตัวนี้นอกจากจะเป็ นต้นเหตุให้เกิดกรดไหลย้อนแล้ว ยังเป็ น
ต้นเหตุสาคัญในการเกิดโรคอื่นๆภายในกระเพาะอาหารอีก
มากมาย รวมถึงมะเร็ งตามส่ วนต่างๆอีกด้วย (ครั้งแรกที่หาข้อมูล
ไม่เคยสนใจเพราะมัวแต่หาการแก้กรดไหลย้อน ไม่รู้เลยว่าทาให้
เกิดโรคอื่นๆอีก) (กรดไหลย้อนกลายเป็ นเรื่ องเล็กไปเลย)

โดยมีการวิจยั ค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อ H.pylori กันมากมายทัว่


โลก และปรากฏว่าในอาหารบางชนิดจะมีสารตัวหนึ่งที่มี
ประสิ ทธิ ภาพในการฆ่าเชื้ อตัวนี้เป็ นอย่างดีนน่ั ก็คือ สาร
Sulforaphane
หน้ า 54

5.1 Sulforaphane คืออะไร?


สาร Sulforaphane สามารถกาจัดเชื้ อ H.pylori อันเป็ น
ต้นเหตุของกรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ โรคอื่นๆภายใน
ทางเดินอาหาร อีกทั้งสาร Sulforaphane ยังมีฤทธิ์ ในการยับยั้ง
เซลล์มะเร็ ง

โดยมีที่มาจาก สาร Glucoraphanin (กลูโคราฟา


นิน) (Glucoraphanin เป็ นสารใน
ตระกูล Glucosinolate - ภาษาอังกฤษจะ
เติม s เป็ น Glucosinolates เพื่อแสดงว่าเป็ นชื่อตระกูล)
สาร Glucoraphanin เมื่อเข้าสู่ ร่างกายจะเป็ นสารตั้งต้น
เปลี่ยนตัวเองกลายไปเป็ นสาร Sulforaphane
สาร Sulforaphane จะไปสร้างเอนไซม์ต่างๆซึ่ งมีฤทธิ์ ใน
การ
1. กาจัดสารพิษออกจากร่ างกาย
2. ต้านเบาหวาน
3. ฆ่าเซลล์กาเนิดมะเร็ ง – ลดความเสี่ ยงในการเกิดมะเร็ งเต้า
นมได้กว่า 60% + ช่วยลดปริ มาณเซลล์ผวิ หนังที่จะ
กลายเป็ นมะเร็ งได้
หน้ า 55

 สาร Sulforaphane เป็ นสารที่สามารถดึงสารก่อ


มะเร็ งที่เรี ยกว่า คาร์ ซิโนเจน (Carcinogens) ออก
จากเซลล์ได้
4. ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ
5. และที่สาคัญคือกาจัดเชื้ อ H.pylori ด้วย

โดยสาร Sulforaphane จะเป็ นสารที่คนรู ้จกั กันมากกว่า


สาร Glucoraphanin (โดยเฉพาะในวงการกรดไหลย้อน)

กล่าวสรุ ปง่ายๆสั้นๆตามจุดประสงค์ของหนังสื อเล่ม


นี้ ดังนี้ก็แล้วกันนะครับ ว่า

สาร Sulforaphane กาจัดเชื้อ H.pylori ส่ งผลให้เกิดการ


ป้ องกันและกาจัดอาการกรดไหลย้อนได้อย่างหมดจด
หน้ า 56

5.2 วิธีน้ ีมีหลักการอย่างไร?


หลักของการทาน เมนูเหล่ านี้กค็ ือ
1. จะต้ องมีปริมาณสาร Sulforaphane มากพอ (ในคราว
เดียว) ทีจ่ ะฆ่าเชื้อ H.pylori ได้
2. ทานติดต่ อเป็ นเวลานานพอ และมากพอทีจ่ ะฆ่า
เชื้อ H.pylori ได้ จนหมดจด
3. เพือ่ ให้ ได้ ประสิ ทธิภาพดียงิ่ ขึน้ จะต้ องมีสัดส่ วนของ
สารเคมีแต่ ละชนิดทีส่ มดุล เพือ่ ยับยั้งการเติบโตของเชื้อ
H.pylori และเพือ่ ให้ เกิดปฏิกิริยาการสนับสนุนในการฆ่ า
เชื้อ H.pylori

ดังนั้นจึงขอแนะนาให้ท่านผูอ้ ่านควรพิจารณาด้วยตนเอง
ให้เหมาะสมกับตนเองว่าจะเลือกทานอย่างไรปริ มาณเท่าไร (โดย
มีหนังสื อเล่มนี้ เป็ นตัวแนะแนวให้ - Guideline) เพราะอย่างที่เรา
ทราบกันว่าลางเนื้ อชอบลางยา อาหารบางอย่างถูกปากคนบางคน
แต่บางคนกลับมีอาการแพ้ ยาอย่างเดียวกันถูกกับคนหนึ่งแต่ไม่ถูก
กับอีกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นผลในการรักษาอาการกรดไหลย้อน
ด้วยวิธีการทานตามธรรมชาติน้ ีก็อาจจะส่ งผลแตกต่างกันไปใน
หน้ า 57

แต่ละบุคคล อาการดีข้ ึนเร็ ว-ช้า อาจจะเห็นผลทันที หรื อช้ากว่าคน


อื่น แต่ขอให้ผอู ้ ่านสบายใจว่า มันคือการรับประทานสิ่ งที่มีคุณค่ า
ทางอาหาร มีประโยชน์ ต่อสุ ขภาพอย่ างแน่ นอน และยังกาจัด
ต้ นเหตุของโรคร้ ายแรงอื่นๆอีกด้ วย

หากมีเรื่ องให้ตอ้ งระวังก็มีอยูเ่ พียงเรื่ องเดียว คือ ยาฆ่า


แมลงเท่านั้นเอง (หรื อสารเคมีอื่นๆที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงอาหาร
เหล่านั้น - ถ้ามี)

นอกเหนือจากยาฆ่าแมลง และสารเคมีที่ถูกใช้ในการ
เพาะเลี้ยงหรื อปลูกพืช/อาหารเหล่านี้ แล้ว สิ่ งที่เราทานไปก็เป็ น
สารอินทรี ยท์ ี่มีประโยชน์ต่อร่ างกายทั้งสิ้ น ซึ่ งทุกคนต่างก็ทราบดี
อยูแ่ ล้วว่าถ้าอยากมีสุขภาพดีก็ตอ้ งกินผัก เราเพียงแค่ให้รู้เท่านั้นว่า
ควรจะกินผักชนิ ดใดจะตรงกับอาการกรดไหลย้อน ควรจะกิน
อาหารชนิดใดที่จะมีสาร Sulforaphane ให้เข้าไปในร่ างกายและ
จัดการกับเชื้ อแบคทีเรี ย H.pylori เท่านั้นเอง ซึ่ งแน่นอนว่า
นอกจากเชื้ อ H.pylori ที่อยูใ่ นร่ างกายเราจะลดลง อันส่ งผลให้
มะเร็ งทางเดินอาหารมีความเสี่ ยงที่จะเกิดขึ้นน้อยลง ก็ยงั ส่ งผลให้
โอกาสในการเกิดมะเร็ งในส่ วนต่างๆของร่ างกายลดลงด้วย อัน
เนื่องมาจากการกินผักสุ ขภาพ
หน้ า 58

หากว่าลองทานดูแล้วอาการยังไม่ดีข้ ึนอย่างน่าพอใจก็ยงั
มีทางเลือกอื่นได้อีก แล้วลองจินตนาการดูวา่ เพียงผมทานแค่ชนิด
เดียวอาการกรดไหลย้อนก็ยงั หายเป็ นปลิดทิง้ ไป หากตอนนั้นผม
ทานได้ตามสู ตรที่เหมาะสม สารอาหารที่ทานเข้าไปเพื่อหนุนกัน
ในการกาจัดเชื้ อแบคทีเรี ย H.pylori ได้ อาการผมก็คงจะยิง่ บรรเทา
ขึ้นเร็ วกว่านี้อีก (แต่แค่น้ ีผมก็ถือว่าผมไม่ขออะไรมากไปกว่านั้น
แล้วหล่ะครับ) แปลว่าแม้เพียงแค่ผมทานแค่เพียงชนิดเดียวก็ยงั
ได้ผลที่น่าพึงพอใจแล้ว ผมจึงคิดว่าด้วยเมนูอาหารที่หลากหลายนี้
คงช่วยให้ผอู ้ ่านที่ปวดแสบปวดร้อนจากอาการกรดไหลย้อนมี
อาการทุเลาขึ้นในเร็ ววันอย่างแน่นอน

จะขอแบ่งออกเป็ น 3 หมวดด้วยกันดังนี้

1. หมวดที่ 1 กาจัด
2. หมวดที่ 2 ยับยั้ง
3. หมวดที่ 3 สนับสนุน
หน้ า 59

5.3 ข้อควรระวังการใช้สมุนไพร
รายการอาหารในหนังสื อเล่มนี้ มีบางรายการถูกจัดเป็ น
สมุนไพร จึงมีขอ้ ควรระวังบางประการที่ควรทราบก่อนใช้ ดังนี้

การใช้สมุนไพร - ข้อควรระวัง
อันตรายจากการใช้สมุนไพรนี้พบว่าเกิดขึ้นเป็ นจานวน
ไม่มาก ไม่บ่อย แต่ทาให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจถึงอันตราย
อันอาจเกิดได้จากการใช้สมุนไพร เนื่ องจากเราสามารถเลือกซื้ อ
ได้อย่างอิสระ การควบคุมไม่เข้มงวดเหมือนยาแผนปัจจุบนั
บางครั้งเราไม่สามารถทราบปริ มาณของสารออกฤทธิ์ ที่แน่นอน
เพราะแม้สมุนไพรเดียวกันก็ยงั มีความแตกต่างกัน เนื่องมาจาก
สถานที่ ภูมิอากาศ สารอาหารที่สมุนไพรได้รับ ฤดูกาล ส่ วนที่
นามาใช้ วิธีการเก็บเกี่ยว การขนส่ ง ระยะเวลา และกระบวนการ
ผลิต หรื อบางครั้งอาจมีการปนเปื้ อนโลหะหนัก มีสารปลอมปน
และพบว่าบางครั้งบางท่านมีการใช้สมุนไพรร่ วมกับยารักษาโรค
แผนปั จจุบนั ดังนั้นจึงมีความเป็ นไปได้วา่ อาจเกิดปฏิกิริยา
ระหว่างยาแผนปั จจุบนั กับสมุนไพรได้ (ปฏิกิริยาเกื้อหนุ นกัน
หรื อ ขัดแย้งกัน) เมื่อเราจะใช้สมุรไพรจึงควรตระหนักถึง
ความสาคัญในข้อระวังการใช้สมุนไพร
หน้ า 60

หากมีความประสงค์ที่จะใช้สมุนไพรนั้นควรที่จะ
1. ศึกษารายละเอียดและรู้ถึงการใช้สมุนไพรนั้นๆอย่าง
ถูกต้อง โดยมีหลักคือ ใช้ให้ถูกต้น ถูกส่ วน ถูกขนาด ถูก
วิธี ถูกกับโรค
2. หมัน่ สังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้
สมุนไพร
3. ไม่ควรใช้สมุนไพรติดต่อกันเป็ นเวลานานๆ หากจาเป็ น
หรื อมีความประสงค์ที่จะใช้สมุนไพรเป็ นเวลานาน ควร
ปรึ กษาผูเ้ ชี่ยวชาญ
4. หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในระหว่างการใช้สมุนไพร
ควรหยุดใช้ และปรึ กษาแพทย์หรื อเภสัชกร
หญิงมีครรภ์หรื อให้นมบุตร และเด็กไม่ควรที่จะใช้สมุนไพรถ้าไม่
จาเป็ น ควรปรึ กษาผูเ้ ชี่ยวชาญก่อนใช้สมุนไพร
หน้ า 61

7. กรดไหลย้อนหายขาดได้หรื อไม่?
จะหายขาดได้หรื อไม่น้ นั ขอตอบสั้นๆว่า “หายขาดได้
แน่ นอน” ไม่วา่ ท่านจะเป็ นกรดไหลย้อนในระดับใดก็ตาม
อย่างไรก็ดีเพื่อความกระจ่างผมจาเป็ นต้องขออธิ บาย
เพิ่มเติมดังนี้

ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554


หาย แปลว่า ก. สู ญ, หาไม่พบ, ไม่ปรากฏ, หมด, สิ้ น, พ้น
จากการเจ็บป่ วย.
หายขาด แปลว่า ก. หายสนิท.
ก. หมายถึง คากริ ยา

ทีน้ ีเรามาวิเคราะห์ตวั อย่างเกี่ยวกับ “การหายขาด” กันอีก


สักหน่อยนะครับ
หน้ า 62

โรคที่เกิดกับมนุษย์มีดว้ ยกันหลายโรค หลายชนิด หลาย


ประเภท แตกต่างกันไปทั้ง ความหนัก-เบา ความรุ นแรง
ระยะเวลา ฯลฯ หากแบ่งออกเป็ น 3 ประเภทตามระดับความ
รุ นแรงจะแบ่งได้ดงั นี้
1. มีหลายๆโรคที่กล่าวกันว่ายังไม่สามารถหายขาดได้
เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ (แต่สามารถบรรเทาได้
+ ควบคุมการใช้ชีวติ ประจาวันและยาที่จาเป็ นหรื อ
ตามแพทย์สั่ง)
2. โรคที่มีความร้ายแรงลดลงมาหน่อย เช่น ไข้เลือดออก
มาลาเรี ย ท้องร่ วง โรคอ้วน ถึงจะมีความร้ายแรงแต่ก็
เป็ นโรคที่หายขาดได้ – ค่อนข้างกล่าวขวัญกันมากว่า
มะเร็ งถูกจัดอยูใ่ นกลุ่มนี้
3. ส่ วนโรคเล็กๆน้อยๆ เช่น หวัด ท้องเสี ย ปวดกล้ามเนื้ อ
จะไม่ค่อยมีใครกล่าวกันว่าหายขาด เพราะเป็ นโรค
เล็กๆน้อยๆมีอาการอยูว่ นั สองวัน ถ้าพักผ่อนดูแล
ตัวเองดีๆก็หายได้ไว เกิดโรคได้บ่อยครั้งบางคน 2-3
ปี ครั้ง บางคนเป็ นถี่ข้ ึนมาหน่อย ขึ้นอยูก่ บั ความ
แข็งแรงของสุ ขภาพร่ างกายเป็ นปั จจัยหลัก
หน้ า 63

จะเห็นได้วา่ จากการแบ่งคร่ าวๆเป็ น 3 ประเภทตามระดับ


ความรุ นแรงนี้ จะมีประเภทที่ 2 และ 3 ที่เป็ นโรคที่หายขาดได้
แปลว่าคาว่ าหายขาด/หายสนิทนั้นไม่ ใช่ ว่าเป็ นครั้ง
เดียวแล้วตลอดชีวติ จะไม่ เป็ นอีกเลย แตกต่างกับ
ความสามารถในการว่ายน้ าที่เมื่อเราว่ายน้ าเป็ นแล้วครั้งหนึ่งก็จะ
ว่ายน้ าเป็ นไปตลอดชีวิต (ส่ วนเรื่ องสมรรถนะความแข็งแรงของ
ร่ างกายและความเร็ วในการว่ายน้ าเป็ นเรื่ องของการหมัน่ ฝึ กฝนนะ
ครับ)

อย่างโรคไข้เลือดออกก็กล่าวกันว่าเมื่อเป็ นแล้วครั้งหนึ่ง
โอกาสที่จะเป็ นอีกครั้งที่สองจะน้อยลงเพราะร่ างกายมีภูมิคุม้ กัน
แล้ว แต่คนก็กล่าวกันว่าหากเป็ นครั้งที่สองอาการจะรุ นแรงมาก
ขึ้นกว่าครั้งแรกและอาจถึงเสี ยชีวติ ได้ (สงสารคุณปอ ทฤษฎีและ
ครอบครัวมากๆครับ)

ขอโปรดผู้อ่าน นักวิจารณ์ และนักโพสต์ ทาง


อินเตอร์ เน็ตโปรดเข้ าใจว่า “นี่คอื ธรรมชาติของเชื้อ
โรค” เมื่อมันเข้าไปในร่ างกาย เราก็ป่วย เมื่อเรากาจัดมันได้ เราก็
หาย แล้วเมื่อเวลาผ่านไปร่ างกายเราได้รับเชื้อโรคเข้าไปอีก
หน้ า 64

ร่ างกายเราก็ป่วยอีกได้ ขอโปรดเข้ าใจว่ านี่ไม่ ใช่ การเล่นลิน้


หลอกลวงด้ วยคาพูดแต่ ประการใด แต่เราต้องศึกษาและเข้าใจ
ธรรมชาติของอาการกรดไหลย้อน คือ อาการกรดไหลย้อนเกิด
จากเชื้อโรค H.pylori เมื่อเรากาจัดเชื้อนี้ออกไปจากร่ างกายได้
อาการกรดไหลย้อนก็จะหายไป และหากเราได้รับเชื้อโรคนี้เข้าสู่
ร่ างกายอีกอาการกรดไหลย้อนก็เกิดขึ้นอีกได้ หรื อเมื่อเวลาผ่าน
ไปเชื้อโรคเพิ่มจานวนขึ้นในร่ างกายก็เป็ นกรดไหลย้อนได้อีก
(โดยเฉพาะเมื่อเรากาลังพูดถึงเชื้อ H.pylori ที่ข้ ึนชื่อว่าทนทาน
เพราะอาศัยอยูไ่ ด้แม้แต่ในกระเพาะที่มีน้ าย่อยหล่อเลี้ยงอยู)่ และ
ทุกโรคก็เป็ นเช่นนี้

ยกตัวอย่างโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดอีกโรค
หนึ่ง ไขมันมาจากอาหารที่เรากินและคอเลสเตอรอลที่ร่างกาย
ผลิตขึ้น เมื่อมีมากเกินไปมันจะไปเกาะอยูท่ ี่ผนังหลอดเลือดแล้วก็
เริ่ มพอกมากขึ้นเรื่ อยๆจนเกิดการอุดตัน วิธีการแก้ก็คือต้อง
ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลโดยควบคุมการทานอาหาร ไม่ทาน
อาหารที่มีไขมันมาก หากในบางกรณี เกิดจากร่ างกายผลิต
คอเลสเตอรอลผิดปกติ ก็ตอ้ งแก้ไขด้วยวิธีการทางการแพทย์ และ
หากเกิดการอุดตันขึ้นจนเกิดเป็ นอาการฉุ กเฉิ นก็ตอ้ งเข้ารับการ
ผ่าตัดเพื่อเปิ ดทางเส้นเลือด (บายพาส หรื อบอลลูน) เมื่อเราดูแล
หน้ า 65

รักษาสุ ขภาพร่ างกายดีเราก็หายขาดจากโรคไขมันอุดตันในเส้น


เลือดได้ ต่อมาสมมติเราหายจากโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
แล้ว ก็กลับมาทานอาหารมัน กินของทอดอีก อย่างไม่บนั ยะบันยัง
เราก็เป็ นไขมันอุดตันในเส้นเลือดใหม่ได้

ดังนั้นขอเน้นย้าอีกครั้งว่า“กรดไหลย้ อนหายขาด
ได้ อย่ างแน่ นอน” ช้า-เร็วขึ้นอยูก่ บั ปริ มาณเชื้อ H.pylori ที่มีอยู่
ในร่ างกาย (ดังนั้นจึงมักจะเกิดอาการนี้ในกลุ่มผูส้ ู งอายุเนื่ องจากมี
การสะสมและเติบโตของเชื้ อโรคนี้มาเป็ นเวลานาน)
หน้ า 66

8. กรดไหลย้อนหรื อโรคหัวใจ?
กรดไหลย้อนหรื อโรคหัวใจ? คาถามนี้เป็ นคาถามชวนให้
ต้องคิดเพราะว่าบางอาการเกิดขึ้นในบริ เวณเดียวกันคือภายใน
ทรวงอก จึงมีหลายคนที่อาจเกิดความสับสนว่าตนเองเป็ นอะไร
กันแน่ระหว่างกรดไหลย้อนหรื อโรคหัวใจ บางคนตกใจเมื่อมี
อาการเจ็บหน้าอก วิตกกังวลว่าตัวเองจะเป็ นโรคหัวใจ ปรากฏว่า
แท้ที่จริ งแล้วเป็ นแค่อาการกรดไหลย้อน บางคนสงสัยตัวเองเจ็บ
หน้าอก หมอวินิจฉัยว่าเป็ นกรดไหลย้อน ทานยารักษากรดไหล
ย้อนอยู่ 2 ปี พอมาวินิจฉัยกับหมออีกท่านหนึ่งปรากฏว่าเป็ น
โรคหัวใจ

“หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง”

คาพูดของหมอเขียวนี้คงจะใช้ได้ตลอดกาลจริ งๆ
คาตอบก็คือ ในฐานะทีเ่ ราเป็ นผู้รับผิดชอบสู งสุ ดของชี วติ
ตัวเราเอง เราก็จะต้ องทาหน้ าทีเ่ ป็ นผู้หมั่นสั งเกตตัวเอง สังเกตว่า
ตัวเราเองมีกิจวัตรประจาวันอย่างไร นอนหลับอย่างไร ออกกาลัง
กายอย่างไร ทานอย่างไร ทานอะไร ทานแค่ไหน อาการเจ็บป่ วยที่
มีเกิดขึ้นเมื่อใด
หน้ า 67

กรดไหลย้อนอาการที่มีจะแตกต่างกับโรคหัวใจหลักๆ
คือ กรดไหลย้อนจะเกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหาร ในขณะที่
โรคหัวใจอาการจะเกิดขึ้นกับระบบสู บฉี ดเลือดไปหล่อเลี้ยง
ร่ างกาย ดังนั้นการแยกแยะเบื้องต้นก็คือเกิดอาการอย่างอื่น
ประกอบด้วยหรื อไม่ เช่น มีอาการพะอืดพะอม ทานข้าวไม่ลง
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดมวนท้อง มีกรดจากในกระเพาะไหลย้อน
ขึ้นมาจนเกิดอาการแสบร้อนบริ เวณหลอดลม ก็เป็ นไปได้สูงว่าจะ
เป็ นอาการกรดไหลย้อน ในขณะที่หากมักจะมีอาการเมื่อออก
กาลัง หรื อเหนื่อยง่าย ออกกาลังกายหนักไม่ได้เหมือนแต่ก่อน ก็มี
แนวโน้มที่จะเป็ นโรคหัวใจมากกว่า เป็ นต้น

ดังกรณี ขา้ งต้นที่ยกตัวอย่างไว้วา่ หมอวินิจฉัยว่าเป็ นกรด


ไหลย้อนเลยทานยารักษาอยู่ 2 ปี ต่อมาวินิจฉัยกับหมออีกท่าน
หนึ่งปรากฏว่าเป็ นโรคหัวใจ จะไปกล่าวโทษว่าหมอคนแรก
วินิจฉัยผิดก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะว่าสองอย่างนี้ไม่ได้มีขอ้ จากัดว่า
เป็ นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะไม่เป็ นอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นต้องหมัน่
สังเกตตัวเองเพิ่มเติมว่า เป็ นไปได้หรื อไม่ที่เราจะอาจจะเป็ นทั้ง
สองอย่างนี้ เพื่อที่เราจะได้ศึกษาทาความเข้าใจ และเตรี ยม
ร่ างกาย เข้าสู่ การปรับสภาวะร่ างกายเพื่อบรรเทาอาการให้ถูกต้อง
หน้ า 68

9. - ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีที่นิยมกัน
ในบทที่ 4
ทีน้ ีหากเราจะกล่าวว่า วิธีทวั่ ไปที่ใช้ในการรักษากรดไหล
ย้อนตามที่เราหาได้ทวั่ ไปไม่ดีก็ไม่ใช่ (ซึ่งผมรวบรวมไว้ในบทที่
4) อย่างเช่น การควบคุมการทานอาหารลดปริ มาณการกินลง ดูๆ
ไปก็เหมือนเป็ นการแก้ที่ปลายเหตุโดยอาศัยหลักการว่า หากกรด
ไหลย้อนเกิดจากการที่กระเพาะบีบตัวทาให้อาหารจากใน
กระเพาะไหลย้อนขึ้นมา เมื่อเราทานอาหารน้อยลง กระเพาะก็บีบ
ตัวได้มากขึ้นเพราะมีพ้นื ที่อาหารน้อยลง อาหารที่จะย้อนขึ้นมา
จากในกระเพาะอาหารก็นอ้ ยลงหรื อหมดไป หากวิธีน้ ีใช้ได้ผลก็
ยินดีดว้ ยที่อาการปวดแสบปวดร้อน ทุกข์ทรมานก็จะหายไปอย่าง
น้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และนอกจากนั้นการทานอาหารใน
ปริ มาณที่พอเหมาะยังทาให้กระเพาะอาหารทาหน้าที่ในการย่อย
อาหารน้อยลง ก็คือ ระบบทางเดินอาหารทางานน้อยลงนัน่ เอง
เท่ากับเราลดภาระของมัน เหมือนดังคาว่า “อย่าตามใจปาก”
หากแต่ให้เราแน่ใจว่าเรามิได้ลดปริ มาณอาหารมากเกินไปจนทา
ให้เกิดอาการขาดสารอาหาร สังเกตได้จากเมื่อเราขาดสารอาหาร
อาการเบื้องต้นก็คือ ไม่กระปรี้ กระเปร่ า อ่อนเพลีย ไร้กาลัง ซึ่ งเมื่อ
หน้ า 69

เรามีการควบคุมอาหารที่รับประทานได้อย่างดีเยีย่ ม ผลที่ได้ก็คือ
เราจะมีสุขภาพดีข้ ึน น้ าหนักลดลง หุ่นผอมเพรี ยวขึ้น ทาให้ลด
ความเสี่ ยงการเกิดไขมันอุดตันภายในเส้นเลือดน้อยลง โรคหัวใจ
ไม่ถามหา ฯลฯ

ดังนั้นหากมองอีกแง่หนึ่งก็จะเห็นได้วา่ วิธีการที่ดีที่สุด
ในการกาจัดกรดไหลย้อนของหนังสื อเล่มนี้ จะส่ งผลทาให้คุณ
ผูอ้ ่านสามารถกลับมากินได้มากเหมือนเดิม ซึ่ งมองในมุมตลกๆก็
คือ อาจทาให้แผนการลดอาหาร แผนการลดน้ าหนัก พังทลายได้
นี่คงจะเป็ นข้อเสี ยประการเดียวของวิธีการของหนังสื อเล่มนี้ครับ

หากงดเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ทาให้สุขภาพตับดี


หากงดสู บบุหรี่ ก็ทาให้สุขภาพปอดดี
หากงดทานอาหารดึกก็ทาให้ สุ ขภาพร่ างกายดี
หากทานอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด ก็ทาให้กระเพาะ
อาหารทางานน้อยลง
หมัน่ ออกกาลังกายสม่าเสมอก็ทาให้สุขภาพร่ างกาย
แข็งแรง
หน้ า 70

อย่างไรก็ดี ในแง่ของเชื้ อ H.pylori นี้ เราก็ทราบแล้วว่า


ตราบใดที่ยงั มีเชื้ อร้าย H.pylori นี้อยูใ่ นร่ างกาย ก็ยงั เป็ นตัว
ก่อให้เกิดกรดไหลย้อนใหม่ได้ เกิดโรคต่างๆ, เกิดเนื้อร้ายและ
มะเร็ งภายในทางเดินอาหารได้
หน้ า 71

10. แชร์ประสบการณ์ภาวะกรดไหล
ย้อนและโรคกระเพาะที่เกิดจากเชื้อ
แบคทีเรี ยHelicobacter pylori หรื อ H.
pylori
ชื่อผูโ้ พสต์: sasinee

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า ไม่ทราบว่าเคยมีใครตั้งกระทู ้
แนวนี้ไหม แต่ตวั เองอยากจะแชร์ ประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเอง
เพราะเผื่ออาจจะเป็ นประโยชน์กบั คนอื่นบ้างค่ะ ตัวเองเป็ น
พยาบาลมานาน แต่ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ เจอแต่โรคกระเพาะ
อาหารที่เกิดจากกินยาที่มีฤทธ์กดั กระเพาะ ไม่ก็เครี ยดรุ นแรง เรา
เป็ นโรคกระเพาะมายีส่ ิ บกว่าปี แต่ไม่ค่อยกาเริ บเว้นว่าถ้าเครี ยด
จัดๆ

เราไปหาหมอด้วยอาการเจ็บแน่นหน้าอกด้านซ้าย บริ เวณ


เหนื อราวนมด้านใน อาการไม่สัมพันธ์กบั การหายใจหรื อการมี
กิจกรรม ตอนนั้นเพิ่งจะหายจากหวัด เลยกังวลว่า หรื อว่าปอดจะ
หน้ า 72

อักเสบ เพราะไอมากมาย แต่ไข้ไม่มี เอ๊ะหรื อว่าจะเป็ นเกี่ยวกับ


หัวใจ แต่น่าจะไม่ใช่เพราะจาได้ดีวา่ อาการของคนที่เจ็บหน้าอก
แบบ Coronary spasm เป็ นไง เพราะเคยเป็ นเมือสองปี ก่อน ก็
ตัดสิ นใจไปหาหมอดีกว่า

หมอตรวจ และซักประวัติ เราเคยนอนหลับแล้วตื่น


กลางดึกเพราะต้องไอและแสบคอมาก แล้วสรุ ปว่า หมอว่าน่าจะ
เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาทาให้หลอดอาหารอักเสบ ให้กิน
Omeprazol 20 mg / day โดยที่ไม่ได้ส่งตรวจอะไรเพิม่ หลังจาก
เอายามารับประทานก็ดีข้ ึนบ้างเล็กน้อย ไม่ใช่ดีข้ ึนอย่างเห็นได้ชดั
อาการเจ็บหน้าอกหายไปแต่วา่ มีอาการแสบท้องมากทุกๆ 2
ชัว่ โมงต้องกินแครกเกอร์ กินอะไรนิดเดียวก็ทอ้ งอืดบวมเหมือน
คนท้อง ลมเยอะมากๆ

หลังจากนั้นสองสัปดาห์กลับไปหาหมอประจา หมอคน
ก่อนมาแทนหมอประจาชัว่ คราวเพราะเขาไปพักร้อน หมอจ่ายยา
ตามเดิมเพราะยาใกล้หมด เอายากลับไปกินก็ไม่ดีข้ ึนมาก เป็ นๆ
หายๆ ก็ไปหาหมออีกรอบ คราวนี้หมอเอะใจ ซักประวัติแล้วบอก
ว่า โรคกระเพาะ อาการแบบนี้ ก็อาจจะเกิดจากเชื้ อแบคทีเรี ยได้นะ
ขอส่ งอุจจาระตรวจหน่อย 5 วันได้ผล กลับมาบ้านได้ยาเดิมมาเพิ่ม
หน้ า 73

อาการหลังจากนั้นแย่ลง หายใจมีเสี ยงคล้ายคนเป็ นโรค


หอบ ซึ่งเป็ นอาการหนึ่งของโรคนี้ดว้ ย เราถึงได้ถึงบางอ้อว่า
ทาไมเราถึงหายใจไม่สุด หายใจเหมือนคนได้อากาศไม่พอ เรากิน
Omeprazol เป็ น 40 มก. ต่อวัน แล้วมันก็ยงั ไม่ดี อาการแสบที่คอ
ลมในท้อง ไอตอนกลางคืน มากขึ้น ต้องนอนหัวสู งเพื่อไม่ให้กรด
ไหลขึ้นมาได้ ทรมานมาก ได้ไปซื้ ออลัมมิลค์มากินครั้งละ 15 ซซ
ทุกสองชัว่ โมงเลย ไม่ง้ นั ทรมารมาก

หลังจากวันนั้นสัปดาห์นึง หมอโทรเข้าบ้านบอกว่า ผล
อุจจาระออกแล้ว เธอมีเชื้อ Helicobacter pylori หรื อ H. pylori ให้
เจาะเลือดเพิ่มเพื่อเช็คเชื้ อตัวนี้ แล้วอีกหกเดือนเจาะอีกรอบ
หลังจากนั้นให้เริ่ มยาได้ มันเป็ นยาสามตัว ต้องกินพร้อมกัน มียาที่
รักษากระเพราะและลดอาการกระไหลย้อน ร่ วมกับแอนตี้ไบโอ
ติด

ผลคือ หลังจากกินยามาได้ 5 มื้อ หรื อ 2 วันครึ่ ง ท้องไส้


เริ่ มสงบ กินอาหารได้เกือบปรกติ ก่อนหน้านั้นกินไรไม่ได้
นอกจากขนมปั งกะข้าวต้มและปลา ไข่ รวมตั้งแต่ไปหาหมอคน
แรกจนถึงวันที่เริ่ มกินแอนตี้ไบโอติค เป็ นเวลาเกือบสองเดือนที่
ทรมาน
หน้ า 74

อยากจะบอกว่า แม้ตวั เองจะเป็ นพยาบาล ยังพลาดได้เลย


จึงอยากมาแชร์ ประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเองให้เพื่อนๆบ้าง เผือ่ ว่า
ถ้าใครเป็ นอยูห่ รื อมีคนรู ้จกั เป็ น ก็บอกต่อ เพราะการรักษาง่ายมาก
แค่ส่งอุจจาระตรวจ แล้วกินยาแอนตี้ไบโอติค ตามการรักษาของ
แพทย์ มันก็จะกลับมาเป็ นปกติได้ พร้อมกันนี้ เราแปะลิงค์ที่เป็ น
ภาษาไทยไว้ให้อ่านด้วยนะคะ หวังว่าประสบการณ์ของเราอาจจะ
เป็ นประโยชน์บา้ งไม่มากก็นอ้ ย

http://pantip.com/topic/13105404
หน้ า 75

ธรรมดายาโรคร้อน รสขม
กินก็บาบัดลม และไข้
คนซื่ อกล่าวใครชม ว่าชอบ หูแฮ
จริ งไป่ จริ งนั้นไซร้ ผ่ายหน้านานเห็น
-โคลงโลกนิติ
แปลความ
ยาแก้เจ็บแก้ไข้น้ นั มักมีรสขม กินแล้วก็แก้ลม แก้ไข้ได้
เปรี ยบเสมือนกับคนซื่ อที่มกั พูดตรงๆ ซึ่ งคนอาจจะไม่ค่อยชอบ
ฟังนัก แต่ในวันข้างหน้าก็จะรู ้ได้วา่ คาพูดนั้นจริ งหรื อเท็จอย่างไร

ขอฝากหนังสื อเล่มนี้ไว้ในมือท่านผูอ้ ่านทุกท่านครับ


หน้ า 76
หน้ า 77

“อาการจุกในลาคอ/คล้ ายมีก้อนในลาคอ, แสบร้ อนกลางอก, แสบยอดอก,


ปวดแสบปวดร้ อนคอเหมือนถูกกรดกัดบริเวณทางเข้ าหลอดอาหาร/
หลอดลม เบือ่ อาหาร ไอ อาการเหล่ านีค้ อื กรดไหลย้ อนหรือไม่ ?”
“ใครทีเ่ ป็ นกรดไหลย้อนอยู่ หนังสือเล่ มนีจ้ ะเป็ นคาตอบสุ ดท้ ายให้ ท่านได้ ”
“ใครยังไม่ เป็ น โปรดอย่ าวางใจ มีโอกาสมากกว่ า 50% ทีเ่ ชื้อร้ ายนีอ้ าจอยู่ใน
ตัวคุณ แต่ ยงั ไม่ตนื่ ขึน้ มา หรืออาจแค่ ไม่ มอี าการออกมา แต่ กาลังทาบางสิ่ง
อยู่ภายในร่ างกายคุณ”
“เขียนจากข้ อมูลการวิจยั ของผู้ได้ รับรางวัลโนเบลและงานวิจยั ในระดับ
สากลโลก”
“H.pylori ฆาตกรตัวน้ อย ทีป่ ระชากรกว่ า 2ใน3 ของโลก มีอยู่ในร่ างกาย”
“จะมีผลอย่ างไรต่อไปในระยะยาวมั้ย หากเราละเลยอาการกรดไหลย้ อนนี”้
“หนังสือเล่มนีจ้ ะช่ วยให้ เชื้อร้ ายนีอ้ อกไปจากตัวคุณ”
“สัญญาณเตือนภัยร้ ายทีไ่ ม่ ควรปล่ อยไว้ ”
“กรดไหลย้ อน เกิดจากอะไร?”
“มีอะไรทีน่ ่ ากลัวมากกว่ าอาการกรดไหลย้ อน”
“กรดไหลย้ อนเป็ นแค่ อาการ ไม่ ใช่ โรค”
“ทฤษฎีในการแก้กรดไหลย้อนนี้ เขาว่ าอย่ างไร?”
“ทาไมกรดไหลย้ อน เมือ่ เป็ นแล้ วจึงเป็ นเรื้อรัง”
“จะหายขาดได้ หรือไม่ ต้ องทาอย่างไร?”

ข้ อสงสัยด้ านบนและอืน่ ๆอีกมากมายจะถูกเปิ ดเผยใน


“กรดไหลย้ อน หายได้ ไม่ ต้องพึง่ ยา” เล่ มนี้

You might also like