Professional Documents
Culture Documents
242854 ไฟล์บทความ 838687 1 10 20200601
242854 ไฟล์บทความ 838687 1 10 20200601
อรณัฏฐ์ นครศรี1
บทคัดย่ อ
การวิ จัย นี ม้ ี วัต ถุป ระสงค์ เ พื่ อ ศึก ษาอิ ท ธิ พ ลของคุณ ลัก ษณะส่ว นบุค คล
คุณภาพบริ การ ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลเอกชน และคุณภาพความสัมพันธ์ ที่มีต่อ
ความภักดีของผู้รับบริ การโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุ งเทพมหานคร ด้ วยระเบียบวิธี
วิจัยเชิ งปริ มาณ โดยใช้ แบบสอบถามในการเก็ บข้ อมูลจากผู้รับบริ การโรงพยาบาล
เอกชนในเขตกรุ งเทพมหานคร จานวน 675 ราย วิเ คราะห์ ข้อ มูลโดยใช้ เทคนิคการ
วิเคราะห์สมการโครงสร้ าง (SEM) ด้ วยโปรแกรมสาเร็ จรูปลิสเรล (LISREL)
จากการวิจยั พบว่าคุณลักษณะส่วนบุคคล คุณภาพบริ การ ภาพลักษณ์ของ
โรงพยาบาลเอกชน เป็ น ปั จ จัย ที่ ส่ง ผลทัง้ ทางตรงและทางอ้ อ ม ต่อ ความภัก ดี ข อง
ผู้รับบริ การโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุ งเทพมหานคร ยกเว้ นคุณภาพความสัมพันธ์ ที่
ส่งผลทางตรงเท่านัน้ ดังนันผู ้ ้ บริ หารโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุ งเทพมหานคร ควรให้
ความสาคัญกับการพัฒนาคุณภาพบริ การ การสร้ างความน่าเชื่อถื อในบริ การและตรา
สินค้ า เพื่อให้ ผ้ รู ับบริ การเกิดความเชื่อถือ ยอมรับ และกลับมาใช้ บริ การซ ้า จนกระทัง่
แปรเปลีย่ นสัมพันธภาพไปสูค่ วามภักดีในระยะยาวต่อไป
หลักสูตรวิทยาศาสตร์ บณ
ั ฑิต สาขานักปฏิบตั กิ ารฉุกเฉินการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล
มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
วัตถุประสงค์ ของการวิจัย
การศึก ษาครั ง้ นี ้ มุ่ง ศึก ษาอิ ท ธิ พ ลของคุณ ลัก ษณะส่ว นบุค คล คุณ ภาพ
บริ การ ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลเอกชน และคุณภาพความสัมพันธ์ที่มีตอ่ ความภักดี
ของผู้รับบริ การโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร
กรอบแนวคิดและสมมติฐานการวิจัย
สมมติฐานการวิจัย
สมมติ ฐ านข้ อที่ 1 ความภั ก ดี ข องผู้ รั บ บริ การขึ น้ อยู่ กั บ (ก) คุ ณ ภาพ
ความสัมพันธ์ (ข) ภาพลักษณ์ ของโรงพยาบาลเอกชน (ค) คุณภาพบริ การ และ (ง)
คุณลักษณะส่วนบุคคล
LOYALTY = β1 RELATION + β2 IMAGE + β3 SERVQUAL + β4 DEMOGRAP
…..…..(1)
สมมติ ฐ านข้ อ ที่ 2 คุณ ภาพความสัม พัน ธ์ ขึ น้ อยู่กับ (ก) ภาพลัก ษณ์ ข อง
โรงพยาบาลเอกชน (ข) คุณภาพบริ การ และ(ค) คุณลักษณะส่วนบุคคล
RELATION = β5 IMAGE + β6 SERVQUAL + β7
DEMOGRAP...………………………..(2)
การด าเนิ น การวิ จัย ครั ง้ นี ้ ผู้วิ จัย ใช้ แนวทางการวิ จัย เชิ ง ปริ ม าณ (สุช าติ
ประสิทธิ์ รัฐสินธุ์, 2555) เพื่อที่จะให้ ได้ ผลการศึกษาที่สอดคล้ องกับวัตถุประสงค์ของ
การศึกษา โดยมีรายละเอียดดังนี ้
ประชากรเป้ าหมาย
ประชากรเป้ า หมายของการวิ จั ย ครั ง้ นี ้ คื อ ผู้ รั บ บริ ก ารที่ เ คยใช้ บริ ก าร
โรงพยาบาลเอกชน ประเภททัว่ ไปในเขตกรุงเทพมหานคร
กลุ่มตัวอย่ าง
ในการศึกษาครั ง้ นี ้ ผู้วิ จัย จะท าการสุ่ม เพื่ อ สารวจว่า ผู้รั บ บริ ก ารที่ เ คยใช้
บริ การโรงพยาบาลเอกชน ประเภททัว่ ไปที่มีพื ้นที่ให้ บริ การในเขตกรุ งเทพมหานคร มี
พฤติกรรมการใช้ บริ การโรงพยาบาลเอกชนอย่างไร และมีบุพปั จจัยใดบ้ างที่กาหนด
ความภักดีของผู้รับบริ การกลุม่ นี ้ต่อโรงพยาบาลเอกชน
ทัง้ นีผ้ ้ ูวิจัยจะใช้ วิ ธี การสุ่มตัวอย่า งแบบหลายขัน้ ตอน โดยจะเริ่ ม จากการ
กาหนดขนาดตัวอย่างที่ต้องการจะเก็บรวบรวม เพื่อนามาวิเคราะห์ ผู้วิจยั เลือกเทคนิค
การวิเคราะห์ สมการเชิ งโครงสร้ าง(structural equation modeling, SEM) ซึ่งมี
หลักเกณฑ์พื ้นฐานว่าควรมีจานวนตัวอย่าง (sample) ไม่ต่ากว่า 25 เท่าของตัวแปร
ประจักษ์ (Grace, 2008 ; MacCallum, Lee & Browne, 2010) ในการศึกษาครัง้ นี ้มีตวั
แปรประจักษ์ จานวนเป็ น 27 ตัวแปร ดัง นัน้ ตัว อย่างที่ เหมาะสมสาหรั บเทคนิค การ
วิเคราะห์นี ้ต้ องไม่ต่ากว่า 675 ชุด เพื่อให้ สอดคล้ องกับหลักเกณฑ์พื ้นฐานการวิเคราะห์
โดยใช้ สมการเชิงโครงสร้ าง ผู้วิจยั จึงกาหนดขนาดตัวอย่างที่ 675 ตัวอย่าง โดยการสุม่
ตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จากลูกค้ าที่เคยใช้ บริ การโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก
กลาง และใหญ่ ในสัดส่วนเท่าๆกัน
การสุ่มตัวอย่ าง
การวิจยั ครัง้ นี ้ จะใช้ การเก็บข้ อมูลโดยการสัมภาษณ์ด้วยแบบสอบถามจาก
ประชากรเป้าหมาย แต่เนื่องจากประชากรเป้าหมายมีจานวนมาก ดั งนันผู ้ ้ วิจยั จะใช้
วิธีการสุม่ ตัวอย่าง เพื่อเป็ นตัวแทนในการวิเคราะห์โดยใช้ วิธีการสุม่ ตัวอย่างด้ วยวิธีการ
ปี ที่ 14 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถนุ ายน 2561
วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 305
จานวนตัวอย่าง
รายการ จานวน (แห่ง) อัตราส่วนร้ อยละ (ราย)
โรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก 19 29.4 199
โรงพยาบาลเอกชนขนาดกลาง 34 50.0 337
โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ 15 20.6 139
รวม 68 100.0 675
ผลการวิจัย
สรุ ป
การที่ ค วามภัก ดี ข องผู้รั บ บริ ก ารโรงพยาบาลเอกชน ได้ รั บ อิ ท ธิ พ ลจาก
คุณภาพความสัมพันธ์มากที่สดุ (Kotler & Keller, 2006) สะท้ อนให้ เห็นว่าสัมพันธภาพ
ระหว่างโรงพยาบาลเอกชนกับผู้รับบริ การที่มีความพึงพอใจจะเกิดความไว้ วางใจ และ
ใช้ บริ การซ ้า (Maurer, et al., 2016) จนเกิดความผูกพัน(Islam, Ahmed & Tarique,
2016) และยินดีที่จะใช้ บริ การต่อไป (Argan, 2016: 191)
ปั จจัยที่มีอิทธิ พลรองลงมาคือ คุณภาพบริ การ โรงพยาบาลเอกชนควรให้
ความสาคัญกับคุณภาพบริ การ เพราะเป็ นปั จจัยที่สง่ ผลต่อ ความภักดีของผู้รับบริ การ
โรงพยาบาลเอกชนทังทางตรงและทางอ้
้ อม (Kumaraswamy, 2012)
นอกจากนัน้ การมีภาพลักษณ์ ที่ดีก็เป็ นปั จจัยที่ไม่ควรมองข้ าม เพราะจะ
เป็ นเครื่ องสะท้ อนถึงการยอมรับเชื่อถือในตราสินค้ า (Kotler & Keller, 2006) และช่วย
เพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาลเอกชนได้ อีกทางหนึ่ง (Mosadeghrad, 2014:
210)
อภิปรายผลและข้ อเสนอแนะ
1) คุณภาพบริ การมีผลต่อความภักดีของผู้รับบริ การโรงพยาบาลเอกชน
ดังนันผู
้ ้ บริ หารควรมุ่งพัฒนาการบริ การ ทังด้ ้ านความน่าเชื่อถือ การเข้ าถึงบริ การได้
รวดเร็ ว และทันท่วงที (Aagja, & Garg, 2010) รวมถึงมุ่งเน้ นการเอาใจใส่และดูแล
ผู้รับบริ การเกิดความเชื่อมัน่ และไว้ วางใจต่อการบริ การของโรงพยาบาลเอกชน ผู้บริ หาร
โรงพยาบาลเอกชนจะต้ องสร้ างมาตรการ และแนวทางในการรักษาคุณภาพบริ การให้
ได้ ตามาตรฐานสากล เพื่อเสริ มคุณภาพบริ การ สร้ างความพึงพอใจ และความภักดีของ
ผู้รับบริ การ (Zaim, Bayyurt & Zaim, 2010: 51-52)
กิตติกรรมประกาศ