Professional Documents
Culture Documents
Decisions in Inventory Management
Decisions in Inventory Management
Inventory Analysis 1
วัสดุคงคลังต่ําที่สุด โดยวัสดุคงคลังแบบวงจรเปนเครื่องมือสําคัญในการบริหารระบบวัสดุ
คงคลังธุรกิจ
ในทางปฏิบัตธิ ุรกิจตางๆ คงมิไดแยกเก็บวัสดุคงคลังตามหนาที่อยางชัดเจนตามที่กลาวมา และ
หลายธุรกิจก็ไมจําเปนที่จะตองมีวัสดุคงคลังในทุกหนาที่ แตเพื่อใหสามารถทําความเขาใจถึงความ
แตกตางของวัสดุคงคลังเพื่อใชในระบบการวางแผนจัดการวัสดุในเชิงรุก
รูปแบบของวัสดุคงคลัง (Forms of Inventories)
เราสามารถจําแนกวัสดุคงคลังออกเปน 4 รูปแบบดังตอไปนี้
1. วัตถุดิบ (Raw Materials) เปนวัตถุสินคา (Raw Materials) เปนวัตถุสินคา (Commodity)
วัสดุและชิน้ สวนตางๆ (Element) ที่นําเขาจากภายนอกองคการโดยการสั่งซื้อโดยตรงหรือ
โดยออม เพื่อใชในการผลิตผลิตภัณฑหรือบริการสําหรับลูกคา
2. พัสดุสําหรับธํารงรักษา ซอมบํารุงและดําเนินงาน (Maintenance, Repair and Operating
Supplies) หรือ MRO เปนวัสดุที่ใชในการสนับสนุนและธํารงรักษาการดําเนินงานของ
องคการ ไดแก อะไหล พัสดุ และอุปกรณในสโตร
3. งานระหวางทํา (Work in process) หรือ WIP เปนวัสดุคงคลังสําเร็จรูปเพื่อจัดเก็บและสง
มอบตอลูกคาตอไป โดยวัสดุคงคลังแบบควบคูจะเปนตัวอยางที่ดีของ WIP
4. สินคาสําเร็จรูป (Finished Goods) เปนผลลัพธที่ผานกระบวนการผลิตและจัดเก็บไว เพื่อรอ
การจัดจําหนายหรือสงตอไปยังบุคคลอื่น เชน ผูคาสง ผูคาปลีก หรือลูกคาเปนตน
เราจะเห็นวาระบบการดําเนินงานและระบบสินคาคงคลังจะมีความสัมพันธเกี่ยวเนื่องกัน โดย
การบริหารวัสดุคงคลังจะมีผลกระทบตอการตอบสนองความตองการของลูกคา การใช
เครื่องมือและอุปกรณ กําลังการผลิตและแรงงาน ดังนั้นความสามารถในการบริหารวัสดุคงคลัง
ยอมจะทําใหธรุ กิจสามารถจัดการตนทุน และสามารถดําเนินงานอยางมีประสิทธิภาพ
Pipeline
WIP Finished
Goods
Inventory Analysis 2
การตัดสินใจเกี่ยวกับวัสดุคงคลัง
(Decisions in Inventory Management)
การจัดการวัสดุคงคลังจะมีวตั ถุประสงคสําคัญ เพื่อใหการตัดสินใจในระดับสินคาคงคลังที่
เหมาะสมและตองเปลี่ยนแปลงอยางไร ซึ่งผูบริหารวัสดุคงคลังจะตองตอบคําถามสําคัญ 2 ขอ
ตอไปนี้
1. เมื่อใดสมควรสั่งซื้อสินคา/วัตถุดิบ (When should an order be placed to replenish the
inventory?)
2. ปริมาณสินคาที่สมควรสั่งซื้อเปนเทาไร (How much should be ordered?)
• ความซับซอนของผลขึ้นอยูกับหลากหลายของตัวแปรตางๆในระบบ
• พิจารณาการวางแผนการผลิตและการควบคุมสินคาคงคลังการรองรับในอนาคต
ทั้งภายในและภายนอก
ประเภทของระบบการจัดการวัสดุคงคลัง
(Type of Inventory Management Systems)
เราสามารถแบงประเภทของการจัดการวัสดุคงคลัง ตามเวลาในการสั่งซื้อ (When to order)
ออกเปน 3 ลักษณะคือ
1. ระบบจุดสั่งซื้อ (Reorder Point Systems)
เปนระดับของวัสดุคงคลังที่ถูกกําหนดสําหรับการสั่งซื้อเขามาทดแทนสินคาเดิมทีถ่ ูกใชไปใน
ปริมาณทีแนนอน ซึ่งจะสั่งเมือ่ วัสดุคงคลังที่มีอยูในมือลดจํานวนลงถึงระดับที่กําหนดไว
Inventory Analysis 3
2. ระบบการตรวจสอบในรอบระยะเวลา (Periodic Review System)
ระดับของวัสดุคงคลังจะถูกตรวจสอบในแตละชวงเวลาที่เทากัน เพื่อจะทําการสั่งซื้อใน
จํานวนที่จะทําใหระดับของวัสดุคงคลังเปนไปตามตองการ โดยปริมาณการสั่งซื้อจะขึ้นอยู
กับระดับวัสดุคงคลังสูงสุด ซึ่งสามารถคํานวณจากสูตรตอไปนี้
RQ = ML - OI - OQ - DL
โดยที่ RQ = ปริมาณการสั่งซื้อใหม (Reorder Quantity)
ML = ระดับสูงสุด (Maximum Level)
OI = วัสดุคงคลังในมือ (On-hand Inventory)
OQ = ปริมาณที่กําลังสั่งซื้อ (On-order Quantity)
DL = ความตองการของเวลานํา
Inventory Analysis 4
โดยระบบมีผลลัพธ (Output) ที่สําคัญไดแก
• รายงานการสั่งซื้อ (Order Action Report)
• รานงานการเปดการสั่งซื้อ (Open Orders Report)
• รายงานแผนการสั่งซื้อ (Planned-order Release Report)
การแบงแยกวัสดุคงคลังแบบ ABC
ในทางปฏิบัติ ธุรกิจมีวัสดุคงคลังที่หลากหลาย จึงเปนไปไมไดที่ผูดแู ลจะสามารถดูแล
สินคาคงคลังทุกชนิดไดอยางเทาเทียมกัน จึงตองมีการจัดลําดับความสําคัญ เพื่อใหการจัดการระบบ
วัสดุคงคลังมีประสิทธิภาพ ซึ่งนิยมใช ระบบการจัดการวัสดุคงคลังแบบ ABC (ABC Classification
System) โดยมีระบบการแบงแยกแบบ ABC ซึ่งพิจารณาจากยอดเงินในการสั่งซื้อวัสดุคงคลังแตละ
ประเภทในแตละป เราเห็นวา มีสินคาบางประเภทที่มีปริมาณไมมากแตมีราคาสูง และสินคา
ประเภทมีปริมาณมากแตมีราคารวมต่ํา ซึ่งเปนปรากฏการณปกติในองคการตางๆ ที่จัดเก็บวัสดุคง
คลังหลากหลายซึ่งสมควรจําแนกออกเปน 3 ประเภทไดแก
1. รายการที่มีมูลคาสูง (High-value Items)
หมายถึง วัสดุคงคลังรอยละ 15 หรือ 20 ของรายการ ที่มีมลู คารวมถึงรอยละ 75 ถึง 80 ของ
คาใชจายวัสดุคงคลังใน 1 ป
2. รายการที่มีมูลคาปานกลาง (Medium-value Items)
หมายถึง วัสดุคงคลังรอยละ 30 ถึง 40 ของรายการ ที่มีมลู คารวมประมาณรอยละ 15 ของคา
วัสดุคงคลังใน 1 ป
3. รายการที่มีมูลคาต่ํา (Low-value Items)
หมายถึง วัสดุคงคลังรอยละ 40 ถึง 50 ของรายการ ที่มีมลู คารวมประมาณรอยละ 10 ถึง 15
ของคาวัสดุคงคลังในรอบ 1 ป
Inventory Analysis 5
ปริมาณการสัง่ ซื้อที่ประหยัด
ปกติแบบจําลอง ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (Economic Order Quantity) หรือ EOQ จะ
เหมาะสําหรับการประยุกตกบั วัสดุคงคลังที่สั่งซื้อเปนครั้งๆ โดยไมไดดําเนินงานหรือจัดสงอยาง
ตอเนื่อง ซึ่งเราจะพิจารณาการเปรียบเทียบตนทุนการสั่งซื้อและตนทุนการเก็บรักษา
โดยมีสมมุติฐานตอไปนี้
1. อัตราความตองการคงที่ (Rate of Demand is constant.)
2. หามมีสินคาขาดมือ (Shortages are not allowed.)
3. รูเวลานําที่แนนอน ทําใหสามารถจัดตารางการสั่งสินคาอยางเหมาะสมกอนวัสดุคงคลังจะ
หมด (Lead times are known with certainty, so stock replenishment can be schedule to
arrive exactly when the inventory drops to zero.)
4. ราคาสั่งซื้อ ตนทุนการจัดซื้อ และคาใชจายในการจัดเก็บตอหนวยตางไมขึ้นกับปริมาณการ
สั่งซื้อ (Purchase price, ordering cost and per-unit holding cost are independent of
quantity ordered.)
5. การสั่งซื้อแตละรายการจะเปนอิสระจากัน (Items are ordered independently of each
other.)
Inventory Analysis 6
กําหนดให
Q = ปริมาณสั่งซื้อ (Order Quantity)
U = ความตองการในแตละป (Annual Usage)
CO = ตนทุนการสั่งซื้อแตละครั้ง (Cost to Place One Order)
CH = ตนทุนการเก็บรักษาตอหนวย (Annual Holding Cost per Unit)
ตนทุนการสั่งซื้อในแตละป = (U/Q) x CO
ตนทุนการเก็บรักษาในแตละป = (Q/2) x CH
ตนทุนรวมในแตละป (TAC) = [U/Q]CO + [Q/2]CH
2UC O
EOQ =
CH
Inventory Analysis 7
ตนทุนที่เกี่ยวของกับวัสดุคงคลัง
(Inventory-related Costs)
ปกติการจัดการวัสดุคงคลังที่มีตนทุนที่สําคัญ 5 ประการ
1. ตนทุนการสั่งซื้อหรือติดตั้ง (Ordering or Setup Costs) ตนทุนการสั่งซื้อจะเกีย่ วของกับการ
จัดหาวัตถุดิบและพัสดุจากภายนอกองคการขณะที่ตนทุนการติดตั้งหรือดําเนินงาน จะ
เกี่ยวของกับตนทุนการจัดหาและการดําเนินงานภายในระบบ เพื่อใหระบบการผลิต
ดําเนินงานซึ่งจะเกี่ยวของกับคาใชจายที่เปนเงินและเวลา
2. ตนทุนเก็บรักษา (Inventory Carrying of Holding Costs) จะมีสว นประกอบสําคัญ 3 ดาน
ไดแก
• ตนทุนของเงิน (Capital Costs)
• ตนทุนการจัดเก็บ (Storage Costs)
• ตนทุนความเสี่ยง (Risk Costs)
• Handling
• Insurance
3. ตนทุนสินคาขาดมือ (Stock Out Costs) เปนวัสดุคงคลังที่ขาดมือเมื่อเกิดความตองการ ซึ่ง
จะทําใหธุรกิจเสียจังหวะในการดําเนินงานหรือโอกาสในการตอบสนองความตองการของ
ลูกคา
4. ตนทุนเสียโอกาส (Opportunity Costs) เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยน (Trade-off) ระหวาการ
ตัดสินใจเลือกที่จะดําเนินการอยางหนึ่งกับทางเลือกอยางอื่น ตัวอยางเชน กําลังการผลิตกับ
วัสดุคงคลังเปนตน
5. Shortage Costs Cost: of canceling and order etc.
6. ตนทุนสินคา (Costs of Goods) ในการจัดเก็บเพื่อรอการสั่งซื้อและจัดสง ซึ่งจะมีผลตอ
ตนทุนของวัสดุคงคลัง
ขอดีและขอเสียของการประยุกตแบบ JIT
คุณสมบัติ ระบบดั้งเดิม ระบบทันเวลาพอดี
(Traditional system) (Just in time)
ความสําคัญ (Priorities) Accept all orders Limited market
Many options Few options
Low cost, high quality
วิศวกรรม (Engineering) Customized outputs Standardized outputs
Design from scratch Incremental design
Inventory Analysis 8
คุณสมบัติ ระบบดั้งเดิม ระบบทันเวลาพอดี
(Traditional system) (Just in time)
กําลังการผลิต (Capacity) Highly utilized Moderately utilized
Inflexible Flexible
Inventory Analysis 9
คุณสมบัติ ระบบดั้งเดิม ระบบทันเวลาพอดี
การวางแผนและควบคุม Planning-oriented Control-oriented
(Planning and control) Complex Simple
Computerized Visual
คุณภาพ (Quality) Via inspection At the source
Critical points Continuous
Acceptance sampling Statistical process control
การบํารุงรักษา Corrective, By experts Preventive, By operator
(Maintenance) Run equipment fast Run equipment slowly
Run on shift Run 24 hours
ประโยชนของ JIT
1. ลดตนทุน (Cost Saving)
2. เพิ่มรายได (Revenue Increases)
3. ลดการลงทุน (Investment Savings)
4. พัฒนาแรงงาน (Work-force Improvement)
5. การคนหาปญหา (Uncovering Problems)
อุปสรรคหรือปญหาในการนําระบบ JITมาใช
1. เหมาะกับการผลิตที่ซ้ําๆมากกวาการทําตามลูกคา (Make to order)
2. เหมาะกับระบบการไหลตอเนื่องหรือเปนโครงการ
3. เหมาะกับงานมีระยะเวลาการดําเนินงานสูงหรือมาก
4. ตองมีวินยั สอดคลองกับการดําเนินงาน
5. ตองมีความเชือ่ ใจของคนในระบบทุกระดับ
Inventory Analysis 10
ตัวอยางที่ 1
โรงงานผลิตสินคาชนิดหนึ่งมีสายการผลิตดังรูปโดยที่การประกอบสินคา X จะตองใช
ชิ้นสวนหลัก 3 ชนิดคือ A, B และ C อยางละ 1 ชิ้น ซึ่ง B และ C สามารถสั่งซื้อจากภายนอกไดและ
ไดรับสินคาทันที ขณะที่สว นประกอบ A ทําการผลิตมาจาก D 1 ชิ้น จะผลิตมาจากสวนประกอบ E
1 ชิ้น ผูจัดการโรงงานมีแผนการผลิตสินคา X ในอีก 2 เดือนขางหนาคือ 1,000 ชิ้น และสินคา
คงเหลือปจจุบนั ของแตละชิน้ สวน สรุปไดดังนี้
ตารางแสดงจํานวนของสินคาคงคลัง
สวนประกอบ สินคาคงเหลือปจจุบัน
A 360
B 0
C 0
D 250
E 400
รูปแสดงสายการผลิตในโรงงาน
X
A B C
1. ปริมาณการสัง่ ซื้อที่ตองการ
การประกอบสินคา X จะใชชิ้นสวน A, B และ C อยางละ 1 ชิ้นสวนสําหรับชิ้นสวน B และ
C เทากันอยางละ 1,000 ชิ้น สําหรับสวนประกอบ A จะมีสินคาคงเหลือปจจุบัน 360 หนวย ซึ่ง
สวนประกอบ A จะมาจากการผลิต D และ D มาจากการผลิต E ดังนั้นเราสามารถหาปริมาณสั่งซื้อที่
ตองการไดดังนี้
สวนประกอบ A
ความตองการสินคา X มีจํานวน 1,000 ชิ้น
ปริมาณสวนประกอบ A ที่ใชประกอบสินคา X 1,000 ชิ้น
สินคาคงเหลือปจจุบัน 360 ชิ้น
ความตองการสวนประกอบ A เพิ่ม 640 ชิ้น
Inventory Analysis 11
สวนประกอบ D
ความตองการสินคา A มีจํานวน 640 ชิ้น
ปริมาณสวนประกอบ D ที่ใชประกอบสินคา A 640 ชิ้น
สินคาคงเหลือปจจุบัน 250 ชิ้น
ความตองการสวนประกอบ D เพิ่ม 390 ชิ้น
สวนประกอบ E
ความตองการสินคา D มีจํานวน 390 ชิ้น
ปริมาณสวนประกอบ E ที่ใชประกอบสินคา D 390 ชิ้น
สินคาคงเหลือปจจุบัน 400 ชิ้น
ความตองการสวนประกอบ E เพิ่ม 0 ชิ้น
ตารางสรุป ปริมาณความตองการสวนประกอบในการผลิตสินคา X
สวนประกอบ สินคาคงเหลือปจจุบัน
A 640
B 1,000
C 1,000
D 390
E 0
2. ชวงเวลาในการสั่งซื้อ
ในขั้นตอนการประกอบการผลิตแตละสวนประกอบ จะมีจํานวนวันทีใ่ ชในการผลิตที่
แตกตางกัน (Lead-time)
ตารางแสดงเวลาที่ใชในการผลิตสวนประกอบ
สวนประกอบ เวลาทํา
(เวลาที่ใชผลิต)
X 10
A 20
D 5
E 0
จากลําดับในสายการผลิต และเวลาทีใ่ ชในการประกอบสายการผลิตเราสามารถ
เขียนเสนเวลาของแตละขั้นตอน (Time Phasing) ไดดังนี้
Inventory Analysis 12
เริ่มผลิตสวนประกอบ A
เริ่มประกอบสินคา X
เริ่มผลิตสวนประกอบ D สินคา X
วัน
25 30 50 60
รูปแสดงเสนเวลาในการผลิตสินคา X
สินคา X มีกําหนดการสงมอบในอีก 2 เดือนขางหนา (60 วัน) การวงแผนความ
ตองการวัสดุเพื่อใชเปนสวนประกอบในการผลิตสินคา X สามารถกําหนดแผนงานในการ
ดําเนินการดังนี้
เริ่มผลิตสวนประกอบ D จากสวนประกอบ E ซึ่งมีสินคาคงเหลือเพียงพอ และมี
ความตองการสวนประกอบ D เพิ่ม จํานวน 390 กรัม โดยเริ่มผลิตในวันที่ 25 เมื่อรวมกับ
สินคาคงเหลือ D ปจจุบันอีก 250 ชนทํ ิ้ าใหเพียงพอตอความตองการสวนประกอบ A
จํานวน 640 ชิ้น และเริ่มผลิตในวันที่ 30 โดยใชเวลาผลิต 20 วัน และเริ่มทําการประกอบ
สินคา X ในวันที่ 50 โดยใชสวนประกอบ A ที่ผลิตเพิ่ม 640 ชิ้น รวมกับสินคาคงเหลือ
ปจจุบัน 360 ชิ้น ประกอบกับชิ้นสวน B และ C อยางละ 1,000 ชิ้น มาเปนสินคา X จํานวน
1,000 ชิ้นในวันที่ 60 ซึ่งเปนเวลา 2 เดือน พอดีกับความตองการสินคา X ในอีก 2 เดือน
ขางหนา
สําหรับการวางแผนความตองการวัสดุ ยังมีขอพิจารณาหรือเงื่อนไขที่เกีย่ วของใน
การวางแผน เชน การกําหนดมูลคากันชน (Safety Stock) ของผลิตภัณฑ ซึ่งจะสงผลตอ
ปริมาณสินคาหรือวัสดุที่จะนําไปใชไดจริง ตัวอยางเชน ถากําหนดให D มีผลิตภัณฑกันชน
จํานวน 100 ชิ้น ปริมาณความตองการ E ในการประกอบสวนประกอบ D จะเปลี่ยนเปน
490 ชิ้น ทําใหปริมาณสั่งซื้อที่ตองการของ E จาก 0 เปน 90 ชิ้น เปนตน เงื่อนไขการสัง่ ไม
ต่ํากวา 100 ชิ้นตอครั้ง จะทําใหสวนประกอบ E จะมีสินคาคงเหลือเพิ่ม 10 ชิ้น ซึ่งจะทําให
ตนทุนการเก็บรักษาเพิ่ม และตนทุนรวมในการผลิตเพิ่มขึ้นเชนกัน
ตัวอยางที่ 2
บริษัทเกษตรการคาทําการจําหนายลูกไกใหแกเกษตรกร ซงต ึ่ องสั่งจากสหฟารม
สําหรับลูกไกที่จําหนายตองผานกระบวนการนําไขไกไปอบเพื่อฟกเปนลูกไก ซึ่งจะใชเวลา
20 วัน ดังนั้นทางสหฟารมจึงใชเวลา 20 วัน หลังจากรับใบสั่งซื้อจึงสามารถดําเนินการสง
มอบได ทางบริษัทเกษตรการคามีเวลาทํางาน 360 วันตอป โดยความตองการลูกไกมี
Inventory Analysis 13
ปริมาณ 22 ½ โหลตอวัน ในการสั่งซื้อแตละครั้งมีตนทุน 40 บาท และมีตนทุนการเก็บ
รักษาเทากับ 80 บาทตอโหล ตอป ใหหา
1. ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด
2. จํานวนครั้งที่สั่งตอป
3. เวลานํา
4. ปริมาณความตองการในชวงเวลานํา
1. ปริมาณสัง่ ซื้อที่ประหยัด
U = 22.5 x 360 = 8,100 โหลตอป
CO = 40 บาทตอครั้ง
CH = 80 บาทตอโหลตอป
2 × 40 × 8,100
แทนคา =
80
= 90 โหลตอครั้ง
2. จํานวนครั้งทีส่ ั่งตอป
= 8,100/90
= 90 ครั้งตอป หรือ 4 วันตอครั้ง
3. เวลานํา
จากโจทย สหฟารมใชเวลาฟกไข 20 วัน ดังนั้นเวลานําเทากับ 20 วัน
4. ปริมาณความตองการในชวงเวลานํา
= C1
= 22.5 x 20
= 450 โหล
ตัวอยางที่ 3
โรงงานผลิตปากกาชนิดพิเศษสามารถผลิตปากกาไดวันละ 500 ดามซึ่งเพียงพอกับ
ความตองการของตลาด ในการทําปากกาจะตองสั่งสปริงเพื่อใชประกอบในการผลิต โดยมี
ราคา 1 บาทตอชิ้น (ปากกา 1 ดามใชสปริง 1 ชิ้น) ขณะที่ตนทุนการสัง่ ซื้อ 90 บาทตอครั้ง
ตนทุนการเก็บรักษาเทากับ 15 % ของราคา ถาบริษัทขายสปริงเสนอเงื่อนไขลด 0.5 %
สําหรับการซื้อทุกๆ 3 เดือน ใหหา
1. ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด และตนทุนรวม
2. ตนทุนแตละทางเลือก
กรณีที่ 1 สวนลด 0.5 สําหรับการสั่งซื้ออยางนอย 20,000 ชิ้นตอครั้งราคาขาย
Inventory Analysis 14
กรณีที่ 2 สั่งซื้อทุกๆ 3 เดือน มีสวนลด 0.7 %
3. โรงงานควรทําการตัดสินใจอยางไร
จากโจทย
U = 500 ชิ้นตอวัน หรือ 120,000 ชิ้นตอป (240 วันตอป)
CO = 90 บาทตอครั้ง
CH = 0.15 x 1 = 0.15 บาทตอชิ้นตอป
ปริมาณสัง่ ซื้อที่ประหยัด
2 × 90 × 120,000
แทนคา = = 12,000 ชิ้นตอครั้ง
0.15
ตนทุนรวม = 120,000 + 90 x (120,000/12,000) + 0.15(12,000/2)
= 121,800 บาทตอป
พิจารณาเงื่อนไข
กรณีที่ 1 สวนลด 0.5 สําหรับการสั่งซื้ออยางนอย 20,000 ชิ้นตอครั้งราคาขาย
เทากับ (1-0.05) = 0.995 บาทตอชิ้น
จากสมการตนทุนรวม
ATC = PD + COD/Q +IPQ/2
แทนคา = (0.995)(120,000) + (90) 120,000/20,000 + (0.15)(0.995) 20,000/2
= 121,432.5 บาทตอป
กรณีที่ 2 สั่งซื้อทุกๆ 3 เดือน มีสวนลด 0.7 %
ราคาขาย = 1-0.007 = 0.993 บาทตอชิ้น
ตนทุนเก็บรักษา = IP = (0.15)(0.993) = 0.149895
จํานวนครั้ง = 4 ครั้งตอป
ปริมาณที่สั่ง = 120,000 = 30,000 ตอครั้ง
ดังนั้นตนทุนรวม
= (0.993)(120,000) + (90)(4) + (0.15)(0.993)(30,000)
= 121,754.25 บาทตอป
จากทั้ง 2 ทางเลือก แสดงใหเราเห็นวา ทางเลือกที่จะรับสวนลด 0.5 % และสั่ง
สปริงที่ปริมาณ 20,000 ชิ้นตอครั้ง จะมีตน ทุนรวมนอยที่สุด ดังนั้นโรงงานควรเลือกวิธีการ
สั่งซื้อแบบที่ 1
Inventory Analysis 15
Homework
1. ใหใชรูปสายการผลิตขางลางคํานวณหาปริมาณตางๆ
X
A B C
D D E
Inventory Analysis 16