Professional Documents
Culture Documents
2015 AHA Guidelines Highlights Thai
2015 AHA Guidelines Highlights Thai
ของแนวทางการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR)
และการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจหลอดเลือดในภาวะฉุกเฉิน (ECC)
ของ American Heart Association (AHA) ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558
สารบัญ
บทน�ำ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 1
ประเด็นด้านจริยธรรม. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 3
ระบบการดูแลและการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 3
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในผู้ใหญ่และคุณภาพในการนวดหัวใจ
ผายปอดกู้ชีพ: การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพโดยผู้ช่วยเหลือทั่วไป . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 5
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในผู้ใหญ่และคุณภาพในการนวดหัวใจ
ผายปอดกู้ชีพ: ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 8
เทคนิคทางเลือกและอุปกรณ์ช่วยเหลือส�ำหรับการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ. . . . . . . 11
การช่วยชีวิตขั้นสูงส�ำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจหลอดเลือดในผู้ใหญ่ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 13
การดูแลหลังภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 15
ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 16
การกู้ชีพในสถานการณ์พิเศษ. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 18
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในเด็กและคุณภาพในการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ . . . . . . . 20
การช่วยชีวิตขั้นสูงในเด็ก . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 23
การกู้ชีพในทารกแรกเกิด . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 25
การให้ความรู้ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 27
การปฐมพยาบาล. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 29
เอกสารอ้างอิง . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 32
กิตติกรรมประกาศ
American Heart Association ขอขอบคุณบุคคลดังต่อไปนี้ที่ให้การสนับสนุนในการพัฒนาเอกสารนี้: Mary Fran Hazinski, RN, MSN; Michael
Shuster, MD; Michael W. Donnino, MD; Andrew H. Travers, MD, MSc; Ricardo A. Samson, MD; Steven M. Schexnayder, MD; Elizabeth
H. Sinz, MD; Jeff A. Woodin, NREMT-P; Dianne L. Atkins, MD; Farhan Bhanji, MD; Steven C. Brooks, MHSc, MD; Clifton W. Callaway,
MD, PhD; Allan R. de Caen, MD; Monica E. Kleinman, MD; Steven L. Kronick, MD, MS; Eric J. Lavonas, MD; Mark S. Link, MD;
Mary E. Mancini, RN, PhD; Laurie J. Morrison, MD, MSc; Robert W. Neumar, MD, PhD; Robert E. O’Connor, MD, MPH; Eunice M.
Singletary, MD; Myra H. Wyckoff, MD; and the AHA Guidelines Highlights Project Team.
© 2558 American Heart Association
ใน ฉันทามตินานาชาติด้านวิทยาศาสตร์การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR)
บทน�ำ และการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจหลอดเลือดในภาวะฉุกเฉิน (ECC) พร้อมกับ
ค�ำแนะน�ำการรักษา พ.ศ. 2558 (COSTAR) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์พร้อมกัน
เอกสาร “ไฮไลท์ของแนวทาง” ฉบับนี้ได้สรุปประเด็นส�ำคัญและการเปลี่ยนแปลง ในวารสาร Circulation2 และ Resuscitation3
ใน แนวทางการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR) และการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ
หลอดเลือดในภาวะฉุกเฉิน (ECC) ของ American Heart Association (AHA) แนวทางการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR) และการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ
ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558 ซึ่งพัฒนาขึ้นมาส�ำหรับผู้ด�ำเนินการกู้ชีพและส�ำหรับครู หลอดเลือดในภาวะฉุกเฉิน (ECC) ของ AHA ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558 อิงกับ
ของ AHA เพื่อมุ่งเน้นวิทยาศาสตร์การกู้ชีพและค�ำแนะน�ำตามแนวทางที่ส�ำคัญที่ กระบวนการประเมินหลักฐานระหว่างประเทศที่ผู้ทบทวนหลักฐาน 250 คน
สุดหรือข้อโต้แย้ง หรือสิ่งที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติการกู้ชีพ จาก 39 ประเทศมีส่วนร่วม กระบวนการในการทบทวนอย่างเป็นระบบ ส�ำหรับ
หรือการฝึกอบรมการกู้ชีพ นอกจากนี้ ยังระบุถึงเหตุผลส�ำหรับค�ำแนะน�ำด้วย คณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศด้านการกู้ชีพ (ILCOR) พ.ศ. 2558
เนื่องจากเอกสารฉบับนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นบทสรุป จึงไม่ได้อ้างอิง แตกต่างอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนการที่ใช้ใน พ.ศ. 2553 ส�ำหรับ
การวิจัยสนับสนุนที่ตีพิมพ์และไม่ได้แสดงประเภทของค�ำแนะน�ำหรือระดับของ กระบวนการในการทบทวนอย่างเป็นระบบ พ.ศ. 2558 นั้น คณะท�ำงาน
หลักฐาน ส�ำหรับข้อมูลโดยละเอียดและเอกสารอ้างอิง ขอเชิญชวนให้ผู้อ่าน เฉพาะกิจของ ILCOR ได้จัดล�ำดับความส�ำคัญของหัวข้อในการทบทวน โดย
อ่าน แนวทางการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR) และการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ เลือกหัวข้อที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หรือข้อโต้แย้งใหม่เพียงพอที่จะกระตุ้น
หลอดเลือดในภาวะฉุกเฉิน (ECC) ของ AHA ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558 รวม ให้ท�ำการทบทวนอย่างเป็นระบบ ผลของการจัดล�ำดับความส�ำคัญนี้ ท�ำให้มี
ถึง บทสรุปส�ำหรับผู้บริหาร1 ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Circulation ในเดือน การทบทวนที่ด�ำเนินการเสร็จสิ้นใน พ.ศ. 2558 (166 รายการ) น้อยกว่าใน
ตุลาคม 2558 ตลอดจนถึงดูบทสรุปโดยละเอียดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกู้ชีพ พ.ศ. 2553 (274 รายการ)
ภาพที่ 1
ระบบการจ�ำแนกประเภทใหม่ของ AHA ส�ำหรับประเภทของค�ำแนะน�ำและระดับของหลักฐาน*
ภาพที่ 4
เหตุการณ์ต่อเนื่องของการรอดชีวิตส�ำหรับภาวะหัวใจหยุดท�ำงานที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล (IHCA)
และภาวะหัวใจหยุดท�ำงานนอกโรงพยาบาล (OHCA)
ภาวะหัวใจหยุดทำงานที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
หอง หนวยดูแล
ผูใหบริการดานสุขภาพขั้นพื้นฐาน ทีมกูชีพฉุกเฉิน ปฏิบัติการ
สวนหัวใจ ผูปวยหนัก
ภาวะหัวใจหยุดทำงานที่เกิดขึ้นนอกโรงพยาบาล
การกู้ชีพเป็นทีม: ระบบสัญญาณเตือนล่วงหน้า
ทีมดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน และระบบทีมแพทย์ฉุกเฉิน การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและ
2558 (ปรับปรุง): ส�ำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่ ระบบทีมดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน (RRT) การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพในผู้ใหญ่
หรือ ระบบทีมแพทย์ฉุกเฉิน (MET) สามารถมีประสิทธิภาพในการลดอุบัติการณ์ คุณภาพ: การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ
ของภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหอผู้ป่วยทั่วไป สถานพยาบาล
ซึ่งให้การดูแลเด็กที่มีการเจ็บป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในแผนกผู้ป่วยในทั่วไป ควร
โดยผู้ช่วยเหลือทั่วไป
พิจารณาจัดตั้งระบบทีมแพทย์ฉุกเฉิน/ทีมดูแลผู้ป่วยเด็กฉุกเฉิน อาจพิจารณาใช้
ระบบสัญญาณเตือนล่วงหน้าส�ำหรับผู้ใหญ่และเด็ก สรุปย่อประเด็นและการเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ
2553 (เดิม): แม้มีหลักฐานที่ขัดแย้งกันอยู่ แต่ฉันทามติของผู้เชี่ยวชาญ ประเด็นและการเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญตามค�ำแนะน�ำในแนวทางฉบับปรับปรุง
แนะน�ำให้มีการบ่งชี้ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดท�ำงานอย่างเป็นระบบ การ พ.ศ. 2558 ส�ำหรับการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพในผู้ใหญ่โดยผู้ช่วยเหลือทั่วไป
ตอบสนองที่มีการจัดการอย่างดีส�ำหรับผู้ป่วยดังกล่าว และการประเมินผลลัพธ์ มีดังต่อไปนี้
เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง • ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมโยงที่ส�ำคัญในแผนภาพเหตุการณ์ต่อเนื่อง
เหตุผล: มีการจัดตั้ง RRT หรือ MET ขึ้นเพื่อให้การรักษาระยะเริ่มแรก ส�ำหรับผู้ใหญ่ของการรอดชีวิตภายนอกโรงพยาบาลไปจาก พ.ศ. 2553
โดยยังคงเน้นที่ขั้นตอนวิธีการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (BLS) ในผู้ใหญ่
แก่ผู้ป่วยที่มีอาการทางคลินิกแย่ลงโดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันภาวะหัวใจ
หยุดท�ำงานที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ทีมประกอบไปด้วยการรวมกันของแพทย์ • มีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนวิธีการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในผู้ใหญ่เพื่อสะท้อน
พยาบาล และนักบ�ำบัดระบบหายใจ ตามปกติ ทีมเหล่านี้จะถูกเรียกตัวมาที่ข้าง ข้อเท็จจริงว่าผู้ช่วยเหลือสามารถกระตุ้นให้มีการตอบรับฉุกเฉินได้ (ได้แก่
เตียงผู้ป่วยเมื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพบว่าผู้ป่วยมีอาการแย่ลงอย่างเฉียบพลัน โดยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่) โดยไม่ต้องออกห่างจากข้างกายผู้ป่วย
โดยทั่วไป ทีมจะน�ำอุปกรณ์ตรวจสอบฉุกเฉินและอุปกรณ์กู้ชีพและยามาด้วย • มีค�ำแนะน�ำว่าชุมชนซึ่งมีผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดท�ำงานให้น�ำโครงการ
ถึงแม้ว่าหลักฐานยังมีการพัฒนาต่อไป แต่พบว่าแนวคิดให้ทีมฝีกอบรมในท่าทาง การกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงได้ในที่สาธารณะ (PAD) มาใช้
การกู้ชีพที่ซับซ้อนมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่ก�ำหนด ปฏิบัติ
• มีการปรับปรุงค�ำแนะน�ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการรับรู้ถึง
การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องส�ำหรับ การไม่ตอบสนองได้ในทันที การกระตุ้นระบบตอบรับฉุกเฉิน และการ
โครงการกู้ชีพ เริ่มต้นการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ ถ้าผู้ช่วยเหลือทั่วไปพบว่าผู้ป่วย
ไม่ตอบสนองคือไม่หายใจหรือหายใจไม่เป็นปกติ (เช่น หายใจล�ำบาก)
2558 (การยืนยันของปี 2553): ควรก�ำหนดให้มีการประเมินระบบ
การกู้ชีพอย่างต่อเนื่องและการปรับปรุงระบบการดูแล • เพิ่มการเน้นย�้ำเกี่ยวกับการบ่งชี้ภาวะหัวใจหยุดท�ำงานที่อาจเกิดขึ้นได้
รวดเร็วโดยผู้รับเรื่องที่ให้การสอนวิธีการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพให้กับผู้โทร
เหตุผล: มีหลักฐานแสดงถึงความแตกต่างระหว่างภูมิภาคที่ส�ำคัญใน ได้ในทันที (ได้แก่ การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพตามค�ำบอกของผู้รับเรื่อง
เหตุการณ์ที่รายงานและผลลัพธ์ของภาวะหัวใจหยุดท�ำงานในสหรัฐฯ ความแตก (dispatch-guided CPR))
ต่างนี้แสดงถึงความจ�ำเป็นของชุมชนและระบบในการระบุการเกิดภาวะหัวใจหยุด
• ยืนยันล�ำดับขั้นตอนที่แนะน�ำส�ำหรับผู้ช่วยเหลือคนเดียว โดยผู้ช่วยเหลือ
ท�ำงานที่ได้รับการรักษาอย่างแม่นย�ำ และการบันทึกผลลัพธ์ มีแนวโน้มส�ำหรับ คนเดียวเริ่มกดที่หน้าอกก่อนการช่วยหายใจ (การกดหน้าอก (C) -
โอกาสในการปรับปรุงอัตราการรอดชีวิตในหลายชุมชน การเปิดทางเดินหายใจ (A) - การช่วยหายใจ (B) แทนที่จะเป็น การเปิด
โครงการกู้ชีพที่ด�ำเนินการในชุมชนและโครงการกู้ชีพที่ด�ำเนินการใน ทางเดินหายใจ (A) - การช่วยหายใจ (B) - การเพิ่มการไหลเวียนเลือด
โรงพยาบาลควรตรวจสอบภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน ระดับการดูแลระหว่างการกู้ชีพ (C)) เพื่อไม่ให้การกดหน้าอกครั้งแรกช้าออกไป ผู้ช่วยเหลือคนเดียว
ที่ด�ำเนินการ และผลลัพธ์อย่างเป็นระบบ การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ควรเริ่มท�ำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพด้วยการกดหน้าอก 30 ครั้ง
รวมถึงการประเมินและการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นระบบ การวัดผลหรือ ตามด้วยการช่วยหายใจ 2 ครั้ง
เกณฑ์มาตรฐาน และการวิเคราะห์ จ�ำเป็นต้องมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง • มีการเน้นย�้ำถึงลักษณะของการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพที่มีคุณภาพสูง
เพื่อท�ำให้การดูแลระหว่างการกู้ชีพมีความเหมาะสม เพื่อลดช่องว่างระหว่าง โดยการกดหน้าอกในอัตราและความลึกเพียงพอ การให้หน้าอกขยายกลับ
การปฏิบัติการกู้ชีพตามหลักการและตามความเป็นจริง ได้เต็มที่หลังจากการกดแต่ละครั้ง การลดการเว้นระยะในการกดหน้าอก
และการหลีกเลี่ยง การระบายลมมากเกินไป
การแบ่งการดูแลตามภูมิภาค • อัตราการกดหน้าอกที่แนะน�ำคือ 100 ถึง 120 ครั้งต่อนาที (เปลี่ยนแปลง
2558 (การยืนยันของปี 2553): อาจพิจารณาวิธีการแบ่งตามภูมิภาค จากอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที)
ส�ำหรับการกู้ชีพภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน รวมถึงการใช้ศูนย์นวดหัวใจกู้ชีพ • ค�ำแนะน�ำที่ชัดเจนส�ำหรับความลึกในการกดหน้าอก ส�ำหรับผู้ใหญ่คือ
เหตุผล: ศูนย์นวดหัวใจกู้ชีพ คือ โรงพยาบาลที่ท�ำการดูแลตามหลักฐาน อย่างน้อย 2 นิ้ว (5 ซม.) แต่ไม่เกิน 2.4 นิ้ว (6 ซม.)
เชิงประจักษ์ในการกู้ชีพและการดูแลหลังภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน ได้แก่ ความ • อาจพิจารณาการให้ยานาโลโซนโดยผู้ประสบเหตุเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
สามารถที่จะท�ำหัตถการรักษาโรคหลอดเลือดโคโรนารีย์ผ่านสายสวน (PCI) ซึ่งสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยากลุ่มสารสกัดจากฝิ่นที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
ในเวลา 24 ชม. และ 7 วัน การจัดการให้ได้ตามอุณหภูมิเป้าหมายที่มีปริมาณ (suspected life-threatening opioid-associated emergencies)
ตารางที่ 1 สิ่งที่ควรท�ำและไม่ควรท�ำในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานส�ำหรับการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพที่มีคุณภาพสูงในผู้ใหญ่
เด็ก ทารก
องค์ประกอบ ผู้ใหญ่และวัยรุ่น (อายุน้อยกว่า 1 ปี
(อายุ 1 ปีถึงวัยเริ่มหนุ่มสาว) ยกเว้น ทารกแรกเกิด)
ความปลอดภัยของ ให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมปลอดภัยส�ำหรับผู้ช่วยเหลือและผู้ป่วย
สถานที่เกิดเหตุ
การรับรู้ถึงภาวะ ตรวจสอบการตอบสนอง
หัวใจหยุดท�ำงาน ไม่หายใจหรือมีเพียงการหายใจเฮือก (เช่น ไม่มีการหายใจตามปกติ)
ไม่รู้สึกถึงชีพจรที่แน่นอนภายใน 10 วินาที
(สามารถด�ำเนินการตรวจสอบการหายใจและชีพจรที่เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาน้อยกว่า 10 วินาที)
การแจ้งระบบ หากท่านอยู่เพียงล�ำพังและไม่มีโทรศัพท์มือ พบเห็นการล้มลง
ตอบรับฉุกเฉิน ถือ ให้ปล่อยผู้ป่วยไว้เพื่อท�ำการแจ้งระบบ ปฏิบัติตามขั้นตอนส�ำหรับผู้ใหญ่และวัยรุ่นด้านซ้าย
ตอบรับฉุกเฉินและน�ำเครื่องกระตุ้นหัวใจ
ไม่พบเห็นการล้มลง
ด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกายแบบอัตโนมัติ
ท�ำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ 2 นาที
มาไว้ ก่อนเริ่มการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ
ปล่อยผู้ป่วยไว้เพื่อท�ำการแจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน และน�ำเครื่องกระตุ้นหัวใจ
หรืออีกทางหนึ่ง ส่งบุคคลอื่นไปและ
ด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกายแบบอัตโนมัติมาไว้
เริ่มการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพในทันที โดย
ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอก กลับไปยังเด็กหรือทารก และเริ่มการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ โดยใช้เครื่อง
ร่างกายแบบอัตโนมัติทันทีเมื่อได้เครื่องมา กระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกายแบบอัตโนมัติทันทีเมื่อได้เครื่องมา
อัตราส่วนการกด ผู้ช่วยเหลือ 1 หรือ 2 คน ผู้ช่วยเหลือ 1 คน
ต่อการช่วยหายใจ 30:2 30:2
ที่ปราศจากอุปกรณ์ ผู้ช่วยเหลือ 2 คนหรือมากกว่า
ช่วยหายใจ 15:2
อัตราส่วนการกด การกดอย่างต่อเนื่องที่อัตราเร็ว 100-120 ครั้ง/นาที
ต่อการช่วยหายใจ ผายปอด 1 ครั้ง ทุก 6 วินาที (10 ครั้ง/นาที)
ที่ใช้อุปกรณ์
ช่วยหายใจ
อัตราการกด 100-120 ครั้ง/นาที
ความลึกในการกด อย่างน้อย 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร)* อย่างน้อยหนึ่งในสามของ อย่างน้อยหนึ่งในสามของ
เส้นผ่านศูนย์กลางจากด้านหน้า เส้นผ่านศูนย์กลางจากด้านหน้า
ไปหลังของหน้าอก ไปหลังของหน้าอก
ประมาณ 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร) ประมาณ 1½ นิ้ว (4 เซนติเมตร)
การวางมือ วาง 2 มือลงบนครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก วางมือทั้ง 2 มือ หรือมือ 1 ข้าง ผู้ช่วยเหลือ 1 คน
(sternum) (เป็นทางเลือกส�ำหรับเด็กเล็กมาก) วาง 2 นิ้วลงตรงกลางหน้าอก
ลงบนครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก ให้ต�่ำกว่าเส้นหัวนมเล็กน้อย
(sternum) ผู้ช่วยเหลือ 2 คนหรือมากกว่า
วางนิ้วหัวแม่มือ 2 นิ้ว-โอบมือลง
ตรงกลางหน้าอกให้ต�่ำกว่าเส้นหัวนม
เล็กน้อย
การขยายกลับ ปล่อยให้หน้าอกขยายกลับได้เต็มที่หลังการกดแต่ละครั้ง ห้ามพิงบนหน้าอกหลังการกดแต่ละครั้ง
ของหน้าอก
การเว้นระยะ จำ�กัดการเว้นระยะในการกดหน้าอกให้น้อยกว่า 10 วินาที
ให้น้อยที่สุด
ตรวจสอบดูความปลอดภัยของสถานที่เกิดเหตุ
ผู้ป่วยไม่ตอบสนอง
ตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉินผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
(ถ้าเหมาะสม)
จัดหาเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอก
ร่างกายแบบอัตโนมัติและอุปกรณ์ฉุกเฉิน
(หรือส่งคนอื่นไปกระท�าแทน) ให้ท�าการผายปอด: ผายปอด 1 ครั้ง
ทุก 5-6 วินาที หรือ ผายปอดประมาณ
10-12 ครั้งต่อนาที
การหายใจปกติ ไม่มีการหายใจ • แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน (ถ้ายังไม่ได้
มีชีพจร มองหาการไม่หายใจ หรือ ตามปกติ มีชีพจร กระท�า) หลังจาก 2 นาที
เฝ้าระวังจนกระทั่ง มีเพียงการหายใจเฮือก และ • ให้ท�าการผายปอดต่อไป; ตรวจสอบ
หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมาถึง ตรวจชีพจร (ท�าไปพร้อมๆ กัน) การเต้นของชีพจรทุก 2 นาที ถ้าไม่พบ
พบชีพจร อย่างแน่นอน รู้สึกได้ ชีพจร ให้เริ่มท�าการนวดหัวใจผายปอด
ภายใน 10 วินาทีหรือไม่ กู้ชีพ (ไปยังกรอบ “การนวดหัวใจ
ผายปอดกู้ชีพ”)
• ถ้าเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากสารสกัดจาก
ไม่หายใจ หรือ ฝิ่น ให้ยานาโลโซนถ้ามีพร้อมใช้งาน
มีเพียงการหายใจเฮือก ตามข้อก�าหนด
ไม่มีชีพจร
โดยขณะนี้ในทุกสถานการณ์ ระบบตอบรับฉุกเฉินหรือ
ระบบส�ารองจะได้รับแจ้งเหตุแล้ว และได้รับเครื่องกระตุ้น
หัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกายแบบอัตโนมัติและ
การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ อุปกรณ์ฉุกเฉินแล้ว หรือคนอื่นก�าลังไปน�าอุปกรณ์เหล่านั้นมา
เริ่มต้นรอบของกด 30 ครั้งและผายปอด 2 ครั้ง
ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกาย
แบบอัตโนมัติทันทีเมื่อได้รับมา
เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกาย
แบบอัตโนมัติมาถึง
ตรวจจังหวะชีพจร
จังหวะชีพจรที่สามารถกระตุ้น
ได้ ด้วยไฟฟ้าได้หรือไม่ ไม่ได้
สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้ ไม่สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้
ผลทางคลินิกที่เป็นประโยชน์ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ที่เกี่ยวข้องกับ แนวทางฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558 แสดงการเปลี่ยนแปลงภายในของเขตของ
ผลลัพธ์ทางประสาทวิทยาที่ไม่ดี* แนวทางของ AHA ส�ำหรับการประเมินและการจัดการภาวะหัวใจขาดเลือด
เฉียบพลัน เริ่มจากการปรับปรุงนี้ จะจ�ำกัดค�ำแนะน�ำไว้ในส่วนของการดูแลช่วง
ก่อนมาถึงโรงพยาบาลและช่วงแผนกฉุกเฉิน ได้มีการกล่าวถึงการดูแลภายใน
• ไม่มีรีเฟล็กซ์ม่านตาต่อแสงที่ 72 ชั่วโมงหรือมากกว่าหลังเกิดภาวะหัวใจ โรงพยาบาลไว้ในแนวทางในการจัดการภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตามที่ตีพิมพ์ร่วมกัน
หยุดท�ำงาน ระหว่าง AHA และ มูลนิธิวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา
• มีภาวะกล้ามเนื้อกระตุกรัว (ซึ่งแตกต่างจากการกระตุกของแขนขา
(myoclonic jerks)) ในระหว่าง 72 ชั่วโมงหลังการเกิดภาวะหัวใจหยุด
ท�ำงาน
สรุปย่อประเด็นและการเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ
• ไม่มีการรับรู้ทางร่างกายที่ต�ำแหน่ง N20 จากการกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้า ประเด็นหลักพร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงส�ำคัญตามค�ำแนะน�ำในแนวทางฉบับ
ชั้นนอกที่ 24 ถึง 72 ชั่วโมงหลังการเกิดภาวะหัวใจหยุดท�ำงานหรือหลังจาก ปรับปรุง พ.ศ. 2558 ส�ำหรับผู้ให้บริการด้านสุขภาพ มีดังต่อไปนี้
การให้ความร้อนอีกครั้ง • การจัดหาและการแปลผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (อีซีจี) ก่อนมา
• มีการลดลงของอัตราส่วนสีเทา-สีขาวจากการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดโดยใช้ โรงพยาบาล
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังการเกิดภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน • เลือกวิธีการท�ำให้เลือดกลับมาไหลเวียนใหม่เมื่อมีการให้ยาละลายลิ่มเลือด
• มีการแพร่กระจายที่ถูกจ�ำกัดในบริเวณกว้างจากการถ่ายภาพรังสีโดยใช้ ก่อนมาโรงพยาบาล
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของสมองที่ 2 ถึง 6 วันหลังการเกิดภาวะหัวใจหยุด • เลือกวิธีการท�ำให้เลือดกลับมาไหลเวียนใหม่ในโรงพยาบาลที่ไม่สามารถ
ท�ำงาน ท�ำหัตถการรักษาโรคหลอดเลือดโคโรนารีย์ผ่านสายสวนได้
• มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับตลอดเวลาของภาพคลื่นไฟฟ้าสมอง (อีอีจี) ต่อ
• โทรโปนินใช้บ่งชี้ว่าสามารถจ�ำหน่ายผู้ป่วยนั้นออกจากแผนกฉุกเฉินได้
สิ่งกระตุ้นจากภายนอกที่ 72 ชั่วโมงหลังการเกิดภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน
อย่างปลอดภัย
• มีอาการลมชักตลอดเวลาหรือมีอาการชักโดยไม่รู้สึกตัวซึ่งรักษาได้ยากจาก
ภาพคลื่นไฟฟ้าสมอง (อีอีจี) หลังจากที่ให้ความอบอุ่น • การรักษาที่อาจจะมีหรือไม่มีประโยชน์ถ้าให้ก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล
การขาดหายไปของการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ท่าทางที่เกิดจากกล้ามเนื้อเหยียดตึง หรือ
กล้ามเนื้อกระตุก ไม่ควรถูกน�ำมาใช้ในการท�ำนายผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว การจัดหาและการแปลผลการตรวจคลื่นไฟฟ้า
*ภาวะช็อค อุณหภูมิ ความผิดปกติของเมแทบอลิซึม ภาวะก่อนให้ยาระงับประสาทหรือยาที่ระงับ
ความรู้สึกที่จุดเชื่อมต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ และปัจจัยทางคลินิกอื่น ควรถูกน�ำมา
หัวใจ (อีซีจี) ก่อนมาโรงพยาบาล
พิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการทดสอบหรือการแปลผล 2558 (ใหม่): ควรมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ 12 ลีด ก่อนมา
ของการทดสอบบางอย่าง
โรงพยาบาลให้กับผู้ป่วยที่อาจมีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ภาวะหัวใจหยุดท�ำงานในผู้ป่วยที่ทราบมาก่อน
การกู้ชีพในสถานการณ์พิเศษ หรือสงสัยว่าได้รับสารสกัดจากฝิ่นเกินขนาด
2558 (ใหม่): ผู้ป่วยที่คล�ำชีพจรไม่ได้อาจจะอยู่ในภาวะหัวใจหยุดท�ำงานหรือ
สรุปย่อประเด็นและการเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ อาจจะมีชีพจรอ่อนหรือช้าจนคล�ำไม่ได้ ควรรักษาผู้ป่วยเหล่านี้เหมือนกับผู้ป่วย
• ประสบการณ์จากการรักษาผู้ป่วยที่ทราบมาก่อนหรือสงสัยว่าได้รับสาร ที่มีภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน ควรให้ความส�ำคัญกับมาตรการกู้ชีพมาตรฐานก่อน
สกัดจากฝิ่นเกินขนาด แสดงให้เห็นว่าสามารถให้ยานาโลโซนได้โดยมี การให้ยานาโลโซน โดยเน้นการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพคุณภาพสูง (การกด
ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการช่วยเหลือเบื้องต้นและการช่วยชีวิต หน้าอกและการระบายอากาศ) อาจมีความสมเหตุสมผลที่จะให้ยานาโลโซน
ขั้นพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีค�ำแนะน�ำการให้ยานาโลโซนโดยผู้ช่วยเหลือ ทางกล้ามเนื้อหรือทางช่องจมูกโดยยึดตามความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะ
ทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์พร้อมทั้งมีการฝึกอบรมอย่างง่ายอีกด้วย หยุดหายใจ ไม่ใช่ภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน ผู้ตอบสนองไม่ควรท�ำให้การเข้าถึง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดท�ำขั้นตอนใหม่ในการจัดการผู้ป่วยที่สงสัยว่าได้รับ บริการทางการแพทย์ขั้นสูงกว่านี้ต้องล่าช้าออกไปในขณะที่รอการตอบสนอง
สารสกัดจากฝิ่นเกินขนาด ของผู้ป่วยต่อยานาโลโซนหรือการรักษาอื่นๆ
• อาจพิจารณาให้สารละลายอิมัลชันของไขมันส�ำหรับหยดเข้าทางหลอด เหตุผล: ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีค�ำแนะน�ำในการให้ยานาโลโซนส�ำหรับผู้ท�ำ
เลือดด�ำ (ILE) เพื่อรักษาการเกิดพิษทั่วร่างกายจากยาชาเฉพาะที่ (local การปฐมพยาบาล ผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ให้การช่วยชีวิต
anesthetic systemic toxicity) นอกจากนี้ ยังมีค�ำแนะน�ำใหม่ที่สนับสนุน ขั้นพื้นฐานมาก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อุปกรณ์การให้ยานาโลโซนส�ำหรับให้
บทบาทที่เป็นไปได้ของสารละลายอิมัลชันของไขมันส�ำหรับหยดเข้าทาง ผู้ช่วยเหลือทั่วไปใช้งานได้รับการอนุมัติและมีใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว
หลอดเลือดด�ำในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดท�ำงานและใช้มาตรการกู้ชีพ และศูนย์ควบคุมโรค (Centers for Disease Control) ยังเน้นความส�ำคัญของ
ตามมาตรฐานไม่ได้ผล อันเนื่องมาจากการเกิดพิษจากยาอื่นนอกเหนือ การด�ำเนินโครงการให้ยานาโลโซนโดยผู้ช่วยชีวิตทั่วไปที่ประสบความส�ำเร็จ9
จากการเกิดพิษทั่วร่างกายจากยาชาเฉพาะที่ แม้ว่าจะไม่ได้หวังว่ายานาโลโซนจะเป็นประโยชน์ต่อภาวะหัวใจหยุดท�ำงาน
• ความส�ำคัญของการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพที่คุณภาพสูงระหว่างภาวะหัวใจ ไม่ว่าจะเกิดจากการได้รับสารสกัดจากฝิ่นเกินขนาดหรือไม่ก็ตาม มีความ
หยุดท�ำงานส่งผลให้มีการประเมินค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการบรรเทาการกด ตระหนักว่าอาจจะยากที่จะแยกภาวะหัวใจหยุดท�ำงานออกจากภาวะหายใจ
รูรั่วที่หลอดเลือดแดงเอออร์ตาระหว่างภาวะหัวใจหยุดท�ำงานในรายที่ ล�ำบากรุนแรง (severe respiratory depression) ในผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัด
ตั้งครรภ์ใหม่ การประเมินใหม่ท�ำให้ได้ค�ำแนะน�ำที่ละเอียดขึ้นเกี่ยวกับวิธี จากฝิ่นเกินขนาด แม้ว่าไม่มีหลักฐานว่าการให้ยานาโลโซนจะช่วยผู้ป่วยที่มี
การส�ำหรับการเคลื่อนตัวของมดลูก ภาวะหัวใจหยุดท�ำงานได้ การจัดหายานาโลโซนอาจช่วยผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนอง
ที่มีภาวะหายใจล�ำบากรุนแรงซึ่งพบแต่ภาวะหัวใจหยุดท�ำงานเท่านั้น (หมายถึง
ยากที่จะตัดสินว่ามีชีพจรอยู่หรือไม่)
ประเมินและเริ่มปฏิบัติกำร
ตรวจหำกำรไม่ตอบสนอง และร้องเพื่อขอควำมช่วยเหลือที่อยู่
บริเวณใกล้เคียง ส่งคนอื่นไปโทรแจ้ง 9-1-1 และจัดหำ
เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้ำจำกภำยนอกร่ำงกำย
แบบอัตโนมัติและยำนำโลโซน
สังเกตหำ กำรหำยใจเทียบกับกำรไม่หำยใจ
หรือมีเพียงกำรหำยใจเฮือก
เริ่มกำรนวดหัวใจผำยปอดกู้ชีพ
หำกผู้ป่วยไม่ตอบสนอง ร่วมกับไม่มีกำรหำยใจ หรือมีเพียง
หำยใจเฮือก ให้เริ่มต้นกำรท�ำกำรนวดหัวใจผำยปอดกู้ชีพ*
ถ้ำอยู่คนเดียว ท�ำกำรนวดหัวใจผำยปอดกู้ชีพเป็นเวลำ
ประมำณ 2 นำทีก่อนที่จะออกไปโทรศัพท์แจ้ง 9-1-1
และจัดหำยำนำโลโซน และเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้ำ
จำกภำยนอกร่ำงกำยแบบอัตโนมัติ
ให้ยำนำโลโซน
ให้ยำนำโลโซนทันทีเมื่อได้รับมำ
2 มก. ทำงจมูก หรือ 0.4 มก. ทำงกล้ำมเนื้อ
อำจให้ซ�้ำได้หลังครบ 4 นำที
บุคคลนั้นมีกำรตอบสนอง กระตุ้นและประเมินซ�้ำ
หรือไม่ มี ท�ำกำรตรวจสอบกำรตอบสนองและกำรหำยใจต่อไป
ณ เวลำใดๆ บุคคลนั้นมีกำรเคลื่อนไหว จนกว่ำควำมช่วยเหลือขั้นสูงมำถึง ถ้ำบุคคลนั้นหยุด
อย่ำงตั้งใจ หำยใจเป็นปกติ ครำง กำรตอบสนอง ให้เริ่มท�ำกำรนวดหัวใจผำยปอดกู้ชีพ
หรือมีกำรตอบสนองอื่นหรือไม่ และให้ยำนำโลโซนซ�้ำ
ไม่มี
ท�ำกำรนวดหัวใจผำยปอดกู้ชีพ และใช้เครื่อง
กระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้ำจำกภำยนอกร่ำงกำย
แบบอัตโนมัติต่อไปทันทีเมื่อได้รับมำ
ท�ำต่อไปจนกระทั่งบุคคลนั้นมีกำรตอบสนอง
หรือจนกว่ำควำมช่วยเหลือขั้นสูงมำถึง
*เทคนิคกำรนวดหัวใจผำยปอดกู้ชีพ ขึ้นอยู่กับระดับกำรฝึกฝนของผู้ช่วยเหลือ
ตรวจสอบดูความปลอดภัยของสถานที่เกิดเหตุ
ผู้ป่วยไม่ตอบสนอง
ตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉินผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
(ถ้าเหมาะสม) ให้ท�าการผายปอด: ผายปอด 1 ครั้ง
ทุก 3-5 วินาที หรือ ผายปอดประมาณ
12-20 ครั้งต่อนาที
การหายใจปกติ มองหาการไม่หายใจ หรือ ไม่มีการหายใจ • ท�าการกด ถ้าชีพจรยังคง ≤60 ครั้ง
แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน มีชีพจร ตามปกติ มีชีพจร ต่อนาที ร่วมกับอาการของระบบ
(ถ้ายังไม่ได้กระท�า) มีเพียงการหายใจเฮือก และ
ตรวจชีพจร ไหลเวียนที่ไม่ดี
กลับไปหาผู้ป่วยและเฝ้าระวัง (ท�าไปพร้อมๆ กัน) • แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน (ถ้ายังไม่ได้
จนกระทั่งหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน พบชีพจร อย่างแน่นอน รู้สึกได้ กระท�า) หลังจาก 2 นาที
มาถึง ภายใน 10 วินาทีหรือไม่ • ให้ท�าการผายปอดต่อไป; ตรวจสอบ
การเต้นของชีพจรทุก 2 นาที ถ้าไม่พบ
ชีพจร ให้เริ่มท�าการนวดหัวใจผายปอด
ไม่หายใจ หรือมีเพียง กู้ชีพ (ไปยังกรอบ “การนวดหัวใจ
การหายใจเฮือก ผายปอดกู้ชีพ”)
ไม่มีชีพจร
แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน (ถ้ายังไม่ได้
พบเห็นการ ใช่ กระท�า) และจัดหาเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วย
การล้มลงอย่างฉับพลัน ไฟฟ้าจากภายนอกร่างกายแบบอัตโนมัติ/
เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า
ไม่ใช่
การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ
ผู้ช่วยเหลือ 1 คน: เริ่มต้นรอบของการกด 30 ครั้งและ
ผายปอด 2 ครั้ง
(ใช้อัตราส่วน 15:2 ถ้าผู้ช่วยเหลือคนที่สองมาถึง)
ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกาย
แบบอัตโนมัติทันทีเมื่อได้รับมา
เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอก
ร่างกายแบบอัตโนมัติท�าการวิเคราะห์จังหวะชีพจร
ได้ จังหวะชีพจรที่สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้หรือไม่ ไม่ได้
สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้ ไม่สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้
ตรวจสอบดูความปลอดภัยของสถานที่เกิดเหตุ
ผู้ป่วยไม่ตอบสนอง
ตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ผู้ช่วยเหลือคนที่หนึ่งอยู่กับผู้ป่วย
ผู้ช่วยเหลือคนที่สองแจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน
และจัดหาเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอก
ร่างกายแบบอัตโนมัติและอุปกรณ์ฉุกเฉิน
ให้ท�าการผายปอด: ผายปอด 1 ครั้ง
ทุก 3-5 วินาที หรือ ผายปอดประมาณ
12-20 ครั้งต่อนาที
การหายใจปกติ ไม่มีการหายใจ • ท�าการกด ถ้าชีพจรยังคง ≤60 ครั้ง
มีชีพจร มองหาการไม่หายใจ หรือ ตามปกติ มีชีพจร ต่อนาที ร่วมกับอาการของระบบ
เฝ้าระวังจนกระทั่ง มีเพียงการหายใจเฮือก และ ไหลเวียนที่ไม่ดี
หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมาถึง ตรวจชีพจร (ท�าไปพร้อมๆ กัน) • แจ้งระบบตอบรับฉุกเฉิน (ถ้ายังไม่ได้
พบชีพจร อย่างแน่นอน รู้สึกได้ กระท�า) หลังจาก 2 นาที
ภายใน 10 วินาทีหรือไม่ • ให้ท�าการผายปอดต่อไป ตรวจสอบ
การเต้นของชีพจรทุก 2 นาที ถ้าไม่พบ
ไม่หายใจ หรือ ชีพจร ให้เริ่มท�าการนวดหัวใจผายปอด
มีเพียงการหายใจเฮือก กู้ชีพ (ไปยังกรอบ “การนวดหัวใจ
ไม่มีชีพจร ผายปอดกู้ชีพ”)
การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ
ผู้ช่วยเหลือคนที่หนึ่งเริ่มท�าการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ
ในอัตราส่วน 30:2 (การกด ต่อ การผายปอด)
เมื่อผู้ช่วยเหลือคนที่สองกลับมาแล้ว ให้เริ่มใช้อัตราส่วน 15:2
(การกด ต่อ การผายปอด)
ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกาย
แบบอัตโนมัติทันทีเมื่อได้รับมา
เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าจากภายนอกร่างกาย
แบบอัตโนมัติท�าการวิเคราะห์จังหวะชีพจร
จังหวะชีพจรที่สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้หรือไม่
ได้ ไม่ได้
สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้ ไม่สามารถกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้
ส�ำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร
และโปรแกรมการช่วยชีวิตของ
American Heart Association
โปรดติดต่อเราที่: www.international.heart.org
JN-0286 10/15