Professional Documents
Culture Documents
Department of Forest Products: By: Kitipong Tangkit
Department of Forest Products: By: Kitipong Tangkit
คุณสมบัติเบื้องตนของกระบวนการแปรรูป
ทางวนผลิตภัณฑ และการวัดคุณคา
การใชประโยชนวนผลิตภัณฑ
2. ความเหมาะสมของวัตถุดิบแตละชนิด
3. การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
การที่ เ ราจะนํ าไม ทั้ งจากธรรมชาติ หรื อ ที่ ม นุ ษย ส ร า งหรื อ บริ ห ารจัด การวัต ถุดิ บขึ้น มา มาใช
ประโยชนทางวนผลิตภัณฑ เราจําเปนตองมีความรูเกี่ยวกับไมบางประการ.............
นอกจากนี้ในปจจุบันชีวมวล (Biomass) ซึ่งก็รวมเนื้อไมอยูในความหมายนี้ดวย เริ่มทวีบทบาท
ของการใชประโยชนทางวนผลิตภัณฑมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็หลีกหนีไมพนการที่เราตองทําความเขาใจ
ดวยเชนกัน
ไมใบแคบ ไมใบกวาง
softwood Hardwood
เนื้อไมตนฤดู เนื้อไมปลายฤดู
early wood or springwood late wood or summerwood
1.1 ลักษณะทางกายวิภาคของเนื้อไม
Wood Anatomy กระพี้และแกน (Sapwood and Heartwood)
• คุณสมบัติที่แตกตางระหวางกระพี้และแกน
– น้ําหนัก
– ความทนทาน
– การยอมใหของเหลวไหลผาน
สวนของวงรอบป (Tree Ring)
1.1 ลักษณะทางกายวิภาคของเนื้อไม
Wood Anatomy
เนื้อไมที่เกิดในฤดูฝนหรือฤดูใบไมผลิ
ความหนาแนนต่ํา
เซลลขนาดใหญ
โปรงและผนังบาง
เรียกเนื้อไมตนฤดูวา (early wood หรือ springwood)
เนื้อไมที่เกิดขึ้นปลายฤดูการเจริญเติบโต หรือฤดูรอน
ความหนาแนนสูง
มีเซลลแคบ
ทึบและผนังหนา
เรียกเนื้อไมปลายฤดูวา (late wood หรือ summerwood)
1.1 ลักษณะทางกายวิภาคของเนื้อไม
Wood Anatomy
1.1 ลักษณะทางกายวิภาคของเนื้อไม
Wood Anatomy
1.1 ลักษณะทางกายวิภาคของเนื้อไม
Wood Anatomy
ลักษณะโครงสรางของเนื้อไม
• เสี้ยนไม (Grain) คือการเรียงตัวของเซลล โดยเฉพาะเซลลที่เรียงตัว
ตามยาว สังเกตไดจากดานตามยาวของเนื้อไม
– เสี้ยนตรง (straight grain) เซลลเรียงตัวกันตามยาวของลําตน
– เสี้ยนเกลียว (spiral grain) เซลลเรียงตัวบิดรอบแกนของลําตน
– เสี้ยนสน (interlock grain) เซลลเรียงตัวสลับทิศทางและสวนทางกัน
– เสี้ยนเปนคลื่น (curly or wavy grain) เซลลเรียงตัวเปนลอนคลายลูกคลื่น
จุดรับแรงอัดขนานเสี้ยน
1.3 คุณสมบัติทางกลของเนื้อไม
(Mechanical properties of wood) 1.3.5. ความเคน/ความแข็งแรงอัดตั้งฉากเสีย้ น
Compressive Stress Perpendicular to Grain
การทดสอบความเคนอัดตั้งฉากเสี้ยน เราจะพบเห็นไดทั่วไป เชน คาน (Beam) ซึ่งรองรับแรงอัด
ตั้งฉากเสี้ยนตรงบริเวณปลายทั้งสองขาง ซึ่งอาจจะรับแรงในสภาพการใชงานจริงแบบเต็มผิวหนา
หรือแบบไมเต็มผิวหนาก็ได ดังนั้นในการทดสอบจึงแบงเปนการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป (กด
เต็มผิวหนาชิ้นตัวอยาง) หรือการทดสอบตามมาตรฐานอเมริกา (กดบนตัวอยางไมบางสวน)
ซึ่งเมื่อแรงอัดกระทํากับผิวหนาชิ้นตัวอยางทดสอบ ในแนวตั้งฉากเสี้ยน แรงอัดจะ
ทําใหไมเกิดการยุบตามแรงที่มากระทําซึ่งแบงไดเปน 3 กรณี
Cite : www.daflorestaaopapel.com
1.4 คุณสมบัติทางเคมีของเนื้อไม
(Chemical properties of wood) 1.4 คุณสมบัติทางเคมีของเนื้อไม
Chemical properties of Wood
แทนนิน ถูกคนพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1796 เรียกวา tannare ที่มาจากภาษาลาติน แปลวา เปลือกตนโอค
เปนสารประกอบจําพวกโพลีฟนอล (polyphenol) ที่ละลายไดในน้ํา และแอลกอฮอลใหสีเหลืองหรือสี
น้ําตาล มีน้ําหนักโมเลกุล 500-3000 ดาลตัน มีโครงสรางสลับซับซอน และแตกตางกันในแตละชนิดพืช
แทนนินทั่วไปจะมีสีเหลืองหรือน้ําตาล มีรสขม ฝาด พบไดในพืชทุกชนิดในสวนของเปลือก ใบ ผล ซึ่งพบ
ปริมาณมากในเปลือกไม
Cite: http://www.siamchemi.com
1.4 คุณสมบัติทางเคมีของเนื้อไม
(Chemical properties of wood)
3.2 ความเหมาะสมของวัตถุดิบแตละชนิด
Kitipong Tangkit
Kitipong Tangkit
3.3. การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
(Measuring and Delivering) 3.3.การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
Measuring and delivering value forest products.
ปจจุบันการแขงขันในการผลิตสินคาใหมีความแตกตางหรือการใชคุณสมบัติหรือประโยชนเพิ่มเติมเขามาในตัวสินคา
เปนการสรางคุณคาเพิ่มใหกับลูกคา ซึ่งเราอาจจําแนกลักษณะของสินคาหรือผลิตภัณฑเปน 5 ระดับ
1. คุณประโยชนหลัก (The core benefit) เปนความตองการพื้นฐานที่ผูบริโภคไดรับจากสินคาหรือบริการ
2. ระดับสินคาทั่วไป (The Generic product level) เปนสินคาพื้นฐานทั่วไปซึ่งเปนคุณสมบัติที่จําเปนตอหนาที่
ของสินคาเทานั้น
3. ระดับสินคาคาดหวัง (The Expected product level) กลุมของคุณสมบัติในตัวสินคาที่ผูซื้อคาดหวังจะไดรับ
เมื่อซื้อสินคา
4. ระดับสินคาเพิ่มเติม ( The Augmented product level) คุณสมบัติผลประโยชนหรือบริการที่เพิ่มเติมเขา
มาในสินคาเพื่อสรางความแตกตางจากสินคาคูแขง
5. ระดับสินคาที่มีศักยภาพ (The Potential product level) เปนสิ่งที่เพิ่มเติมหรือการเปลี่ยนแปลงที่สินคาจะ
มีในอนาคต
3.3. การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
(Measuring and Delivering) 3.3.การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
Measuring and delivering value forest products.
ดังนั้นคุณสมบัติตางๆของสินคาที่ผูบริโภคจะไดรับ และจะเกิดความพึ่งพอใจในสินคาหรือผลิตภัณฑของเรา
โดยการใชคุณสมบัติตางๆของผลิตภัณฑที่มีอยูจริง จับตองไดที่เกี่ยวกับการใชเหตุผล (Rational) หรือเปนสิ่ง
ที่จับตองไมไดที่เกี่ยวกับอารมณ (Emotion) ซึ่งเปนสิ่งที่ผูสรางสินคาหรือบริการจะตองสื่อความหมายไปยัง
ผูบริโภคใหสําเร็จ คุณสมบัติหรือคุณลักษณะที่เดนชัดของผลิตภัณฑจะสามารถเชื่อมโยงไปยังคุณประโยชน (B
enefits) ทั้งตามหนาที่และตามอารมณของผลิตภัณฑนั้นๆได โดยเราสามารถวัดวาผลิตภัณฑของเรามีคุณคา
หรือไมไดดังนี้
1. วัดจากมุมมองดานการเงิน คือเราสามารถตั้งราคาไดสูงกวาตลาด หรือคูแขง และเราสามารถลดภาระ
คาใชจายในการสงเสริมการตลาดได
2. วัดจากมุมมองดานการตลาด คือเรามีสวนแบงทางการตลาดของสินคานั้นเพิ่มขึ้น มีชองทางการจัด
จําหนายหรือการไดรับการยอมรับจากชองทางการจัดจําหนายของเรา
3. วัดจากมุมมองดานทัศนคิตของผูบริโภค เชนการสนับสนุนสินคาหรือผลิตภัณฑของเรา พูดปากตอปาก
ทําใหสินคาหรือผลิตภัณฑของเราเปนที่รูจักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนําไปสูการรูจักในตราสินคาของเรานั้นเอง
3.3. การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
(Measuring and Delivering) ตราสินคา
Brand
ความแข็งแกรงของตราสินคาเปนกุญแจหลักในการกอใหเกิดมูลคาตราสินคา ซึ่งจะทําใหเราสามารถอธิบาย
ถึงตราสินคาของเราไดอยางชัดเจน เราเรียกวา “คุณคาตราสินคาในมุมมองของผูบริโภค” โดยจะแสดงใน
ดานที่เปนคุณภาพของตราสินคา และจะนําไปสูการมีมูลคา
คุณคาตราสินคา (Brand Equity) ประกอบดวย
1. การตระหนักคาตราสินคา (Brand Awareness)
2. การรับรูคุณภาพ (Perceived Quality)
3. การเชื่อมโยงตราสินคา (Brand Association)
4. ความภักดี (Brand Loyalty)
5. เอกลักษณตราสินคา (Brand Identity)
3.3. การวัดและสงมอบคุณคาวนผลิตภัณฑ
(Measuring and Delivering)