Professional Documents
Culture Documents
กระทรวงศึกษาธิการ
สำรบัญ
หน้า
คานา ก
บทสรุปผู้บริหาร ข
ผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
นโยบายที่ ๑ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ๑
นโยบายที่ ๒ การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ ๗
นโยบายที่ ๓ การลดความเหลื่อมล้าของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ ๒๑
นโยบายที่ 4 การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบารุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ๒๔
นโยบายที่ ๖ การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ๕๒
นโยบายที่ ๗ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน ๕๕
นโยบายที่ ๘ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ๖๒
การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม
นโยบายที่ ๑๐ การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล ๖๘
และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ
ภาคผนวก
หน่วยงานสนับสนุนข้อมูล ๗๔
คณะบรรณาธิการ ๗๕
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
บทสรุปผู้บริหาร
ตามที่คณะรัฐมนตรีภายใต้การนาของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบาย
การบริ หารราชการแผ่ นดินต่อสภานิ ติบัญญั ติแห่ งชาติ เมื่อวั นที่ 12 กันยายน 2557 กระทรวงศึกษาธิการ
โดยพลเรื อเอก ณรงค์ พิ พัฒนาศั ย รั ฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึ กษาธิ การ ได้มอบนโยบายการบริ หารงานของ
กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดได้ร่วมกันจัดทาแผนปฏิบัติ
ราชการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 และเร่งรัดดาเนินการนานโยบายสู่การปฏิบัติให้บรรลุผลตามเปูาหมาย
ที่กาหนด โดยในการขับเคลื่อนดาเนินการด้านการศึกษาในรอบ ๙ เดือน (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 –
12 มิถุนายน 2558) ของกระทรวงศึกษาธิการ มีความก้าวหน้าในการดาเนินงานที่สาคัญ ดังนี้
นโยบายที่ ๑ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การเชิ ด ชู ส ถาบั น พระมหากษั ต ริ ย์ ด้ ว ยความจงรั ก ภั ก ดี แ ละปกปู อ งรั ก ษาพระบรมเดชานุ ภ าพ
เป็นหน้าที่สาคัญยิ่งของคนไทยทุกคน กระทรวงศึกษาธิการได้ดาเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อเชิดชูสถาบัน
พระมหากษัตริย์ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดาริ ทั้งในหน่วยงาน สถานศึกษา ครู คณาจารย์ นักเรียน ตลอดจนประชาชนได้เรียนรู้เข้าใจหลักการ
ทรงงาน สามารถนามาประยุกต์ใช้ในการดาเนินงานและการดารงชีวิต โดยมีผลดาเนินงานสาคัญ ดังนี้
๑. จั ด งานเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็ จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557
จัดงาน “เทิดไท้พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ ๓ – ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
จัดงานมหกรรมดนตรีมัธยมศึกษา “Melodies of the KING” โดยจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
พระอั จ ฉริ ย ภาพในด้ านดนตรี ของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว การแสดงวงดนตรี ไทย ดุ ริ ย างค์ ส ากล
การแสดงนาฏศิลป์ การแสดงดนตรีสากลประกอบการขับร้องเพลงประสานเสียง และการแสดงดนตรีลูกทุ่งของ
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาจากสถานศึกษาทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมงานระมาณ ๑,๐๐๐ คน และร่วมจัดงานเฉลิม
พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา
5 ธันวาคม 2557 “รักพ่อ” ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
โดยมีนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วมงานมากกว่า 10,000 คน
จัดโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนาบรรพชาเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล
87 พรรษา ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศล
87 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ และส่งเสริมให้ลูกเสือยึดหลัก
ปฏิบัติตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
และมีจิตสาธารณะ จานวน 12 แห่งทั่วประเทศ มีลูกเสือจากสถานศึกษาทุกสังกัดเข้าร่วมทั้งสิ้น 1,083 คน
จัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) ภายใต้โครงการ “ปณิธานความดี
ปีมหามงคล” ในพื้นที่ 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 3 - 5 มีนาคม ๒๕58 มีสถานศึกษา
เข้ าร่ ว ม 24 แห่ ง ครู ผู้ ส อน นั กศึ กษา และเจ้า หน้ า ที่เ ข้า ร่ ว ม 1,500 คน และประชาชนเข้า รั บบริก าร
14,000 คน และต่างจั งหวัด ณ ศาลากลางจังหวัด 76 จังหวัด ระหว่างวันที่ 9 - 11 มี นาคม ๒๕58
มีสถานศึกษาเข้าร่วม 24 แห่ง ครูผู้สอน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมงาน 33,406 คน
ค
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
เพื่อแสดงผลงานวิชาการของโรงเรียนที่น้อมนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่สถานศึกษา เตรียมจัดตั้ง
ศูนย์การเรียนรู้การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ ในสถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทศไทย จัดโครงการอบรมเรียนรู้
ตามรอยพระยุคลบาท ร่วมกับเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอุดมศึกษา 9 เครือข่าย จัดทาโครงการ “ค่ายเรียนรู้
และเผยแพร่โครงการพระราชดาริ”
จั ด ตั้ ง “ศู น ย์ ค วามช านาญเฉพาะทาง”เพื่ อ เชื่ อ มโยงความรู้ จ ากโครงการ
อันเนื่องมาจากพระราชดาริ มาบูรณาการสู่หลักสูตรการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา โดยใช้พื้นที่
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริเป็นห้องเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงาน ซึ่งได้ดาเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2556 มีสถานศึกษาในโครงการ รวมทั้งสิ้น 23 แห่ง โดยเปิดรับนักศึกษาจากนักเรียนทุนพระราชทาน
และนักเรียนปกติทั่วไปเข้าศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
โดยเปิดเป็นห้องเรียนพิเศษสถานศึกษาละ 1 ห้องเรียน โดยให้ดาเนินการตามความชานาญเฉพาะทาง
ของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งนี้ มีเปูาหมายสุดท้ายเพื่อช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเอง
ได้ในที่สุ ด อัน จะนาไปสู่ การพัฒ นาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558
ได้ดาเนินการโอนจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษาดาเนินกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว
นโยบายที่ ๒ การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ
การขั บ เคลื่ อ นนโยบายการรั ก ษาความมั่ น คงของรัฐ และการต่า งประเทศ กระทรวงศึ กษาธิก าร
ได้ขับเคลื่อนภารกิจใน ๓ ด้านที่สาคัญ คือ การปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในกลุ่มเด็กและเยาวชน
ในสถานศึกษา การแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควบคู่กับการพัฒนาการศึกษา
ที่ส อดคล้ องกั บ ความต้ อ งการของประชาชนในพื้ นที่ และการเสริ ม สร้ า งความร่ ว มมื อ และความสั ม พั น ธ์
ด้านการศึกษากับนานาประเทศ ดังนี้
๑. การสร้ า งภู มิ คุ้ ม กั น และป้ อ งกั น ยาเสพติ ด ในกลุ่ ม เด็ ก และเยาวชนในสถานศึ ก ษา
สถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสร้างพื้นฐานการมีภูมิคุ้มกันยาเสพติดที่เข้มแข็ง
ตั้งแต่ระดับปฐมวัย รวมถึงเด็กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงและเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ดังนี้
จัดโครงการรณรงค์ปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยดาเนินการ
ดังนี้ ๑) สร้างภูมิคุ้มกันในระดับประถมศึกษา ในโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนทุกแห่ง ในสังกัดภาครัฐ
และเอกชน จานวน ๓๒,๐๐๐ แห่ง โดยการเสริมสร้างความรู้ ทักษะชีวิต และใช้กิจกรรมที่สร้างภูมิระยะยาว
ได้แก่ ค่ายศาสนธรรม การพัฒนาหลักสูตรการสอน โดยเฉพาะการเสริมสร้างทักษะชีวิตเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันใน
ระดับประถมศึกษาแต่ละชั้นปี ๒) ส่งเสริมการปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับโรงเรียนและสถานศึกษา
เปูาหมายทุกแห่งทั่วประเทศ จานวน ๑๑,๘๐๐ แห่ง ที่เป็นสถานศึกษาขยายโอกาสมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา
และอุดมศึกษาสังกัดภาครั ฐและเอกชน ๓) ส่งเสริมการปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ กับโรงเรียน
และสถานศึ ก ษาเปู า หมายทุ ก แห่ ง ทั่ ว ประเทศ ที่ เ ป็ น สถานศึ ก ษาขยายโอกาสมั ธ ยมศึ ก ษา อาชี ว ศึ ก ษา
และอุดมศึกษา สังกัดภาครัฐและเอกชน และ ๔) จัดการประชุมคณะทางานจัดทากิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต
สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อจัดทาหลักสูตรการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงในสถานศึกษา
จ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ฉ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ช
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ฌ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ในอนาคต (กรอ.) ปั จจุบั นมีผู้ กู้ จ านวน 67,026 คน สนับสนุนทุนการศึกษา (ค่าครองชีพ) ระดับอุดมศึกษา
(ปริญญาตรี) ให้แก่เยาวชนที่มีภูมิลาเนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุนละ ๔๐,๐๐๐ บาท/
ปีการศึกษา ขยายโครงการทุนการศึกษาเฉลิมราชกุมารีระยะที่ 2 จานวน 10 รุ่น รวมทั้งสิ้น 6,000 ทุน โดยเพิ่ม
อัตราเงินทุนในแต่ละระดับการศึกษา นอกจากนี้ ได้ขยายผลโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
เพื่อแก้ปัญหาในโรงเรียนขนาดเล็ก จานวน 15,369 แห่ง และดาเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกล
ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เปู าหมายโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ จานวน 15,553 แห่ง รวมทั้งได้จัด
การศึกษาให้กับผู้ด้อยโอกาส โดยจัดทา (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาพื้นที่ชายแดน ชายฝั่งทะเล
และเกาะแก่ง (พ.ศ. 2559 - 2564) และจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร์หรือไม่มีสัญชาติไทย
๓. การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยจัดให้มีโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนเพื่อต้องการ
ส่งเสริมการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษารองรับนโยบายการปฏิรูปการศึกษา เป็นเวลา ๓ ปี
ต่อเนื่อง (พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๐) ในโรงเรียนนาร่อง จานวน ๓๐๐ แห่ง และส่งเสริมภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัด
การศึกษา โดยที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับ
โครงสร้างการขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชนทุกประเภทอย่างยั่งยืน
รวมทั้งส่งเสริ มการจั ดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชน โดยพัฒนาสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
คุณธรรม จริยธรรม การอบรมวิชาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ให้กับผู้บริหารสถานศึกษา ครู และนักเรียน
๔. ส่ งเสริ มการเรี ยนรู้ ตลอดชี วิ ต ได้ จั ดบริ การการศึ กษาต่ อเนื่ องให้ กั บประชาชน จ านวน
363,128 คน ดาเนินโครงการจัดการความรู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน โดยมี กศน.ตาบล ที่ตั้งอยู่ในวัด
จ านวน ๒,๐๙๓ แห่ งจั ดกิจกรรมร่ วมกั บภาคี เครือข่ ายในพื้ นที่ ให้ กั บนั กศึกษา กศน. และประชาชนในพื้ นที่
จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยสาหรับผู้สูงอายุ รวมทั้งสิ้น 321,262 คน จัดระบบฝึกอาชีพ
เชิงพื้นที่เพื่อเพิ่มโอกาสคนพื้นที่ให้เข้าสู่อาชีพพื้นที โดย กศน. ตาบล จานวน 7,424 แห่ง จัดฝึกอบรมอาชีพให้กับ
ประชาชนในโครงการ “หนึ่งคน หนึ่งอาชีพ” ใน 5 ภูมิภาค มีผู้เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 256,329 คน นอกจากนี้
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จัดกิจกรรม “คืนความสุขให้เธอ...เยาวชน : สร้างระบบคิด ปลูกจิตวิทยาศาสตร์”
ในรูปแบบกิจกรรมค่ายทั้งประเภทไป – กลับ และพักค้างคืน มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม จานวน 270,605 คน
จัดค่ายปิดภาคเรียนฤดูร้อน “MOE Summer Camp ๒๐๑๕” โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อส่งเสริม
เด็กและเยาวชนให้มีการเรียนรู้ พัฒนาร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม และดาเนินโครงการสร้างประสบการณ์
แก่นักเรียน นักศึกษาในช่วงปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๕๗ ระหว่างเดือนเมษายน - มิถุนายน ๒๕๕๘
๕. ส่งเสริมการอาชีวศึกษา ปรับภาพลักษณ์ และเร่งผลิตและพัฒนากาลังคนเพื่อตอบสนอง
ความต้องการพัฒนาประเทศ โดยส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาผ่านโครงการเรียนร่วมหลักสูตร
อาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิ ศึกษา) ในปีการศึกษา 2558 ขณะนี้มีผู้ เรียนสนใจสมัคร เข้าร่วม
โครงการแล้วจาก 588 สถานศึกษา จานวน 30,405 คน เกินจากเปูาหมาย 10,505 คน พัฒนาคุณภาพการเรียน
การสอนและทั กษะด้ านอาชี วศึกษา โดยจั ดการประกวด “สุ ดยอดนวั ตกรรมอาชี วศึ กษา เฉลิ มพระเกี ยรติ ”
การประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ และการแข่งขันหุ่นยนต์ยุวชนอาชีวศึกษาระดับชาติ ประจาปีการศึกษา
๒๕๕๗ การร่วมประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ในงาน 26th International Invention & Innovation Exhibition
การพัฒนาผู้ บริหาร ครู โรงเรี ยนเอกชนอาชีวศึกษา ครูฝึกในสถานประกอบการ ในด้านต่าง ๆ ดาเนินการปรั บ
ภาพลั กษณ์ นั กเรี ยน นั กศึ กษาอาชี วศึ กษาโดยจั ดศู นย์ อาชี วะอาสา “ตรวจรถพร้ อมใช้ ปลอดภั ยแน่ นอน”
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ และเทศกาลสงกรานต์ ดาเนินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน โครงการเตรียม
ญ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ฎ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ฏ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๗ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
กระทรวงศึ กษาธิ ก ารมี บ ทบาทส าคั ญในการเตรีย มความพร้ อมด้า นการพัฒ นาทรัพ ยากรมนุ ษ ย์
โดยการส่ งเสริ มและพัฒ นาความรู้ความสามารถนักเรียน นักศึกษา ผู้ บริห าร ครู บุคลากรทางการศึกษา
และประชาชน ส่งเสริมบทบาท และพัฒนาศักยภาพ ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทักษะการเรียน
การสอนด้ า นภาษาอั ง กฤษ และภาษาประเทศเพื่ อ นบ้ า น รวมทั้ ง ขยายความร่ ว มมื อ ด้ า นการศึ ก ษา
และการประชุมที่สาคัญต่าง ๆ
๑. เตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมีการดาเนินงานสาคัญต่าง ๆ ดังนี้
จัดทาแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (Post ๒๐๑๕)
(พ.ศ. 2558 – 2562) ขณะนี้อยู่ระหว่างดาเนินการจัดพิมพ์เอกสาร เพื่อเผยแพร่
จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอาเซียนศึกษาในสานักงานศึกษาธิก ารภาค ๑ – ๑๓ ทั่วประเทศ
เรียบร้อยแล้ว เพื่อประสานและขับเคลื่อนความเข้าใจ ส่งเสริมต้นแบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านทักษะการใช้
ภาษาอังกฤษ และภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียนให้กับนักเรียน นักศึกษา โรงเรียน สถานศึกษา ชุมชน
และประชาชนทั่วไป
การพัฒนาทักษะการเรียนการสอนด้ านภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน
ผ่านโครงการ และกิจกรรมสาคัญต่าง ๆ อาทิ โครงการ “การศึกษาไทย ก้าวไกลสู่อาเซียน” สัญจร ๔ ภูมิภาค
และกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจัดโครงการ “สพฐ. ก้าวไกล นาการศึกษาไทยสู่อาเซียน” พัฒนาครูวิทยากร
แกนนาการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ ร่วมมือกับสมาคมการพูดภาษาอังกฤษ
(ประเทศไทย) หรือ ESU Thailand และ British Council จัดการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ
ในที่ ชุ ม ชนระดั บ ชาติ ครั้ ง ที่ 15 ประจ าปี ๒๕58 จัด โครงการส่ ง เสริ ม การเรี ย นการสอนภาษาอั ง กฤษ
และภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาศักยภาพและทักษะทางภาษาและการสื่อสารให้กับครูภาษาอังกฤษ
และครูวิชาชีพในสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาภาคภาษาอังกฤษ การแลกเปลี่ยนนักศึกษา
ครูอาสาสมัคร กับประเทศสมาชิกอาเซียน
๒. ส่งเสริมบทบาทและพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ โดยดาเนินการผ่านโครงการ
และกิจกรรมสาคัญต่าง ๆ
พัฒนาหลักสูตรตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อพัฒนาสมรรถนะกาลังคนสายอาชีพ
ตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมสัมมนา ภายใต้โครงการเสวนาวิชาการ
: การค้าและการพัฒนาที่อยู่ในความสนใจ โครงการพัฒนาแนวทางการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับ
กรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะทางานประสานความร่วมมือในการขับเคลื่อนกรอบ
คุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบั ติ และการแต่งตั้งคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อจัดทากรอบคุณ วุฒิ
แห่งชาติ ที่จะนาไปสู่การจัดทากรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน (Task Force on ASEAN Qualifications Reference
Framework : TF-AQRF)
สร้ างความร่ ว มมื อด้ านการศึ กษากั บประเทศสมาชิ กอาเซี ยนและประเทศอื่ น ๆ
พร้อมทั้งจัดทายุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดาเนิน
ความร่วมมือกับราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ฐ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ฑ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ฒ
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๑
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
----------------------------
สถาบั น พระมหากษั ต ริ ย์ เ ป็ น องค์ ป ระกอบส าคั ญ ของการปกครองในระบอบประชาธิ ป ไตย
ตามประเพณีการปกครองของประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการจึงถือเป็นหน้าที่สาคัญยิ่งยวดในอันที่จะเชิดชู
สถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ ผ่านการจัด กิจกรรมเทิดพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ การเผยแพร่
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน การขับเคลื่อนปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงและการส่งเสริมสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ การส่งเสริมให้สถานศึกษา
และหน่วยงานทางการศึกษาเรียนรู้เข้าใจหลักการทรงงาน โดยมีความก้าวหน้าในการดาเนินงานที่สาคัญ ดังนี้
๑. จั ด งานเพื่ อ เฉลิ ม พระเกี ย รติ แ ละถวายพระพรชั ย มงคลพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว
เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557
จัดงาน “เทิดไท้พระผู้ทรงเป็นครู แห่งแผ่นดิน” ระหว่างวั นที่ ๓ – ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
จัดงานมหกรรมดนตรีมัธยมศึกษา “Melodies of the KING” โดยจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
พระอัจฉริยภาพในด้านดนตรี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การแสดงวงดนตรีไทย ดุริยางค์สากล การแสดง
นาฏศิลป์ การแสดงดนตรีสากลประกอบการขับร้องเพลงประสานเสียง และการแสดงดนตรีลูกทุ่งของนักเรียนระดับ
มัธยมศึกษาจากสถานศึกษาทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ คน
ร่วมจัดงาน“รักพ่อ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจ้าอยู่หัว เนื่องใน
โอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 โดยมีนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ข้าราชการ
เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วมงานมากกว่า 10,000 คน
จัดกิจกรรมคาราวานจิตอาสา เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผ่านกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ วัด โรงพยาบาล สถานแรกรับเด็กอ่อน
บ้ านพั กคนชรา เป็ นต้ น แบ่ งออกเป็ น 5 จุ ด คื อ วั ดเบญจมบพิ ตร วั ดสระเกศ วั ดชนะสงคราม วัดราชาธิ วาส
และวัดนั กบุ ญฟรั งซิสเซเวียร์ สามเสน มี ผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากรที่มีจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรม จานวน
285 คน และคาราวานรถยนต์ จานวน 33 คัน
จัดพิธี ถวายสัตย์ปฏิ ญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาส
มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 เพื่อร่วมแสดงพลังแห่งความสามัคคีน้อมนา
พระบรมราโชวาท มาเป็นแนวปฏิบัติในการประพฤติปฏิบัติของการเป็นข้าราชการที่ดี ตั้งใจทาความดี เพื่อแผ่นดิน
ถวายเป็นพระราชกุศล เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ๒๕57 ณ บริเวณลานหน้ากระทรวงศึกษาธิการ
จัดงานวันครู ครั้งที่ 59 ประจาปี พ.ศ. ๒๕58 “ครูดีศรีแผ่นดิน” เมื่อวันที่ 16 มกราคม
๒๕58 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะที่พระองค์ทรงเป็น “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน”
สมเด็จพระนางเจ้ าสิ ริ กิติ์ พระบรมราชินี นาถในฐานะที่พระองค์ทรงเป็น “พระผู้ ทรงเป็นครูและแม่แห่ งแผ่ นดิน”
และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ทรงให้ความสาคัญและความสนใจในเรื่องการเรียน
การสอน และทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ๒ เมษายน ๒๕๕๘ รวมทั้งระลึกถึงพระคุณของครู ให้สังคมเล็งเห็นถึง
๒
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๕
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
จัดโครงการอบรมเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเกิดการเรียนรู้นาแนวทาง
ไปประพฤติปฏิบัติเป็นข้าราชการที่ดี มีผู้เข้าร่วม จานวน ๗๐ คน
ร่ วมกั บมู ล นิ ธิ บิ๊ กซี จั ดการเรี ยนการสอนที่ มุ่ งเน้ นการปฏิ บั ติ เพื่ อสร้ างทั กษะอาชี พ
การบู รณาการปรั ชญาเศรษฐกิ จพอเพี ยงสู่ การปฏิ บั ติ ในแต่ ละรายวิ ชา โดยมี สถานศึ กษาในสั งกั ดส่ งโครงการ
เข้าร่วมประกวดกว่า 60 แห่ง และคณะกรรมการตัดสินฯ พิจารณาคัดเลือก เหลือ 9 แห่ง เพื่อรับทุนสนับสนุน
สถานศึกษาละ 70,000 บาท
จัดโครงการ “เสริมสร้างอุดมการณ์ รักชาติ และสถาบันพระมหากษัตริ ย์ ” ร่วมกับศูนย์
ประสานงานโครงการพัฒนาตามพระราชดาริ เพื่อเป็นการปลูกจิตสานึก สร้างความเข้าใจ ให้ความรู้และสร้างภูมิคุ้มกัน
ให้กับเยาวชนระดับอุดมศึกษา เพื่อให้มีความเข้าใจในความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย และพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ได้พระราชทานแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ให้กับนักศึกษา
บุ คลากร และอาจารย์ในมหาวิทยาลั ย สังกั ดส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งในปีการศึกษา ๒๕57
ศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาตามพระราชดาริ มีเป้าหมายดาเนินโครงการในสถาบันอุดมศึกษา จานวน 10 แห่ง
จัดตั้ง “ศูนย์ความชานาญเฉพาะทาง” เพื่อเชื่อมโยงความรู้จากโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดาริมาบูรณาการสู่หลักสูตรการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา โดยใช้พื้นที่โครงการอันเนื่ องมาจาก
พระราชดาริเป็นห้องเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงาน ซึ่งได้ดาเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 มีสถานศึกษา
ในโครงการ รวมทั้งสิ้น 23 แห่ง โดยเปิดรับนักศึกษาจากนักเรียนทุนพระราชทานและนักเรียนปกติทั่วไปเข้าศึกษา
ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง โดยเปิดเป็นห้องเรียนพิเศษสถานศึกษาละ
1 ห้ องเรี ยน โดยให้ดาเนิ นการตามความช านาญเฉพาะทางของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งนี้ มีเป้าหมายสุ ดท้าย
เพื่อช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด อันจะนาไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ในอนาคตต่อไป ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ได้ดาเนินการโอนจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษาดาเนินกิจกรรม
เรียบร้อยแล้ว
๖
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๒
การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ
----------------------------
การมีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงของรัฐ กระทรวงศึกษาธิการเป็นหนึ่งในหน่วยงานสาคัญที่ขับเคลื่อน
งานตามนโยบายสู่ ก ารปฏิ บั ติ โดยเฉพาะในด้ า นการป้ อ งกั น และแก้ ไ ขปั ญ หายาเสพติ ด ในสถานศึ ก ษา
การพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างโอกาสและเพิ่มคุณภาพทางการศึกษาให้กับผู้ เรียน
พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือระหว่าง
ประเทศ ซึ่งมีการดาเนินงาน ดังนี้
๑. สร้ างภูมิ คุ้ มกั นและปู องกั นยาเสพติ ดในกลุ่ มเด็ กและเยาวชนในสถานศึ กษาสถาบันอุดมศึกษา
รวมทั้ งร่ วมมื อกั บหน่ วยงานต่ าง ๆ เพื่ อสร้ างพื้ นฐานการมี ภู มิ คุ้ มกั นยาเสพติ ดที่ เข้ มแข็ ง ตั้ งแต่ ระดั บปฐมวั ย
รวมถึงเด็กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงและเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ดังนี้
จัดโครงการรณรงค์ปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยดาเนินการดังนี้
สร้างภูมิคุ้มกันในระดับประถมศึกษา ในโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนทุกแห่งสังกัด
ภาครัฐและเอกชน จานวน ๓๒,๐๐๐ แห่ง โดยการเสริมสร้างความรู้ ทักษะชีวิต และใช้กิจกรรมที่สร้างภูมิระยะยาว
ได้แก่ ค่ายศาสนธรรม การพัฒนาหลักสูตรการสอน โดยเฉพาะการเสริมสร้างทักษะชีวิตเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับ
ประถมศึกษาแต่ละชั้นปี
ส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับโรงเรียนและสถานศึกษาเป้าหมาย
ทุกแห่งทั่วประเทศ จานวน ๑๑,๘๐๐ แห่ง ที่เป็นสถานศึกษาขยายโอกาสมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา
สังกัดภาครัฐและเอกชน
ส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับโรงเรียนและสถานศึกษาเป้าหมาย
ทุกแห่งทั่วประเทศ ที่เป็นสถานศึกษาขยายโอกาสมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา สังกัดภาครัฐและเอกชน
จัดการประชุมคณะทางานจัดทากิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตสร้างภู มิคุ้มกันเพื่อจัดทา
หลักสูตรการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงในสถานศึกษา
จัดโครงการรณรงค์ปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาสถาบันอุดมศึกษา
ทุกแห่งทัว่ ประเทศ โดยดาเนินการ ดังนี้
จั ดท าแผนสนั บสนุ นการขั บเคลื่ อนงานด้ านการป้ องกั นและแก้ ไขปั ญหายาเสพติ ด
ในสถาบันอุดมศึกษา โดยมีแผนการดาเนินงานให้ การสนับสนุนเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอุดมศึกษา 9 เครือข่าย
และจัดการประชุมสัมมนาโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถาบันอุดมศึกษา ประจาปีงบประมาณ
พ.ศ. 2558 เพื่อชี้แจงนโยบายและบูรณาการจัดทาแผนงานโครงการระหว่างสถาบันแม่ข่าย 9 เครือข่าย ร่วมกับ
สานักงาน ปปส.ภาค/กทม.
ร่วมกับศูนย์อานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) กทม. จัดประชุมจัดทา
แผนงานบู รณาการด้านการป้ องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยให้การสนับสนุนงบประมาณจัดตั้งกองลู กเสื อ
ต้านยาเสพติดในโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลั ยในพื้นที่กรุงเทพฯ โรงเรียนละ 10,000 บาท จากงบประมาณ
สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
๘
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๙
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๑๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๑๑
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
การเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษา
จัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมในโรงเรียนขนาดเล็ก จานวน 365 แห่ง
ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายไปสู่โรงเรียนขนาดกลาง จานวน 782 แห่ง
จั ดสรรทุ นการศึ กษาระดั บปริ ญญาเอก เพื่ อผลิ ตและพั ฒนาอาจารย์ และบุ คลากร
ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐบาลที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 จังหวัด ในสาขาที่รองรับ
การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจสามฝ่ าย ประกอบด้วย อินโดนี เซีย มาเลเซี ย และไทย จ านวน 30 ทุน โดยมีผล
การดาเนินการ ดังนี้ จัดสรรทุนศึกษาต่อระดับปริญญาเอก จานวน 270 ทุน จาแนกเป็นผู้รับทุนที่อยู่ระหว่างศึกษา
จานวน 227 ทุน ผู้รับทุนที่สาเร็จการศึกษา จานวน 43 ทุน ประกอบด้วย ผู้รับทุนหลักสูตรปริญญาเอกในประเทศ
จานวน 19 ราย ผู้รับทุนหลักสูตรปริญญาเอกร่วมในและต่างประเทศ จานวน 19 ราย ผู้รับทุนหลักสูตรปริญญาเอก
ต่างประเทศ จานวน 5 ราย และอยู่ระหว่างจัดสรรทุนโครงการพัฒนาอาจารย์และบุคลากร สาหรับสถาบันอุดมศึกษา
ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจาปี 2558 จานวน 30 ทุน
สนับสนุนทุนอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสนับสนุน
ทุนการศึกษา (ค่าครองชีพ) ระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) ให้แก่เยาวชนที่มีภูมิลาเนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุนละ 40,000 บาท/ปีการศึกษา โดยมีการดาเนินการกิจกรรม ดังนี้
กลุ่ มที่ ๑ นั กเรี ยนที่ ไม่ สามารถสอบเข้ าศึ กษาในสถาบั น อุ ดมศึ กษา โดยขอรั บ
การสนับสนุนที่นั่งเป็นกรณีพิเศษจากสถาบันอุดมศึกษา จานวน 69 แห่ง มอบทุนค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร จานวน
1,108 คน และส านั กงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลั ยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ด าเนิ นการรั บสมั ครและคั ดเลื อกผู้ รั บทุ น จ านวน 319 คน และกลุ่ มที่ ๒ นั กเรี ยนที่ สามารถสอบเข้ าศึ กษา
ในสถาบันอุดมศึกษา มีนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับทุนแล้ว จานวน 125 คน ทั้งนี้ ได้โอนเงินทุนการศึกษา
ให้แก่ผู้รับทุนผ่านสถาบันอุดมศึกษาเรียบร้อยแล้ว จานวน 1,2๔๐ คน
จัดโครงการปัจฉิมนิเทศเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาชีพในพื้นที่ และสร้างเครือข่าย
ผู้รับทุนโครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สาหรับนักศึกษาทุนฯ รุ่นที่ 3 รุ่นที่ 4 และรุ่นที่
5 ที่จะสาเร็จการศึกษาในปี การศึกษา 2557 โดยมีผู้รับทุนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จานวนทั้งสิ้ น 363 คน
จากสถาบันอุดมศึกษา 70 แห่ง
รับสมัครนิสิต นักศึกษาที่มีภูมิลาเนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ที่กาลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕57 ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีความประพฤติดี
มีผลการเรียนดี และศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลนของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้สมัครขอรับทุนที่มีคุณสมบัติ
ตามประกาศรับสมัครและมีสิทธิสอบสัมภาษณ์ จานวน 605 คน ทั้งนี้ ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๘
จั ดโครงการพั ฒนาผู้ บริ หารโรงเรี ยนและครู โรงเรี ยนเอกชน สถาบั นศึกษาปอเนาะ
ศูนย์การศึกษาอิสลามประจามัสยิด (ตาดีกา) เข้าศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตบริหารและประกาศนียบัตร
บัณฑิตวิชาชีพครู ในมหาวิทยาลัยในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา
แก่ครูในพื้นที่ เข้าศึกษาหลักสูตรต่อประกาศนียบัตรบัณฑิตบริหารและประกาศนียบัตรวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัย
ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และมหาวิทยาลัยทักษิณ
๑๒
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
จั ดกิ จกรรมค่ ายนั กเรี ยนทุ นอาชี วศึ กษาจั งหวั ดชายแดนภาคใต้ เพื่ อสร้ างความรู้
ความเข้าใจแก่นักเรียนทุนอาชีวศึกษาในการอยู่ร่วมกันภายใต้วัฒนธรรมที่หลากหลาย สร้างความสมานฉันท์ เทิดทูน
พระมหากษัตริย์ และส านึกรักบ้านเกิด ตลอดจนสร้างความรัก ความสามัคคีในกลุ่มนักเรียนทุน เพื่อประโยชน์
ทางวิชาการ และความร่วมมือช่วยเหลือกันต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้จัดสรร
ทุนการศึกษาระดับประกาศนี ยบั ตรวิชาชีพ และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ให้ กับนั กเรียนกลุ่ มพิเศษ
ในเขตอาเภอห่างไกลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากว่า 5 ปีแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2558 ได้มีการคัดเลือกผู้รับทุน
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ จานวน 300 คน แบ่งเป็นทุนไป - กลับในพื้นที่ และทุนพักประจา (จัดหอพัก) ทุนละ
29,000 บาท ทุนต่างพื้นที่ ทุนละ 35,000 บาท และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จานวน 100 คน แบ่งเป็น
ทุนไป - กลับในพื้นที่ และทุนต่างพื้นที่ ทุนละ 40,000 คน เข้าศึกษาในสถานศึกษาอาชีวศึกษาในพื้นที่พิเศษจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ 15 แห่ง และทุนต่างพื้นที่อีก 4 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการแม่เมาะ วิทยาลัย
เทคโนโลยีและการต่อเรือนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี และวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์พังงา
ทั้งนี้ ได้มีพิธีปิดและมอบทุนการศึกษาฯ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ๒๕58
เสริมสร้างขวัญกาลังใจ และช่วยเหลือเยียวยา
ฟื้นฟูสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ลอบวางเพลิง โดยจัดสรรงบประมาณ
จ านวน 23 ล้ านบาท เพื่อก่อสร้ างอาคารเรี ยนถาวรใหม่ จ านวน 5 หลั ง ให้ แก่ สถานศึ กษาที่ได้รั บผลกระทบ
จากเหตุ การณ์ลอบวางเพลิ ง ณ อาเภอทุ่งยางแดง และอาเภอมายอ จังหวัดปัตตานี โดยมีทหารช่างกองทัพบก
เป็นกาลังหลักในการก่อสร้าง และนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาที่มีจิตอาสาไปช่วยสร้างอาคารเรียน รวมทั้งจัดหาสื่อ
อุปกรณ์
มอบทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัว
ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กาหนดให้ช่วยเหลื อทายาทผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ กรณีที่เสียชีวิต
บาดเจ็บสาหัส และทุพพลภาพให้ได้รับการช่วยเหลือทุนการศึกษาตามระบบชั้นการศึกษา ได้แก่ โดยแบ่งเป็นระดับ
การศึกษานอกระบบและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 5,000 บาทต่อคน ระดับอนุบาลและประถมศึกษา 6,000 บาทต่อคน
ระดับมัธยมศึกษา 10,000 บาทต่อคน และระดับอุดมศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง อนุปริญญา และปริญญาตรี
20,000 บาทต่อคน กาหนดให้การช่วยเหลือทุนการศึกษาดังกล่าว ตั้งแต่เข้ารับการศึกษาไปจนจบการศึกษาระดับ
ปริญญาตรีภายในประเทศ และมีอายุไม่เกิน 25 ปี และได้มอบหมายให้ผู้อานวยการศูนย์ประสานงานและบริหาร
การศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) เป็นหัวหน้าคณะทางาน ทั้งนี้ มีพิธีมอบทุนการศึกษารายปีต่อเนื่อง
ให้ กับทายาทผู้ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จานวน ๒๗๖ ทุน
มอบทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องให้กับทายาท ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ซึ่งมีภูมิลาเนาอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง เช่น ชลบุรี ราชบุรี เพชรบุรี
ประจวบคีรีขันธ์ จานวน 121 คน
จัดงานราลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ๒๕58 โดยมีผู้บริหาร
กระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมพิธี
ณ กองพลทหารราบที่ 15 ตาบลบ่อทอง อาเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ประธานสมาพันธ์ครู
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดขึ้นเพื่อร่วมอุทิศส่วนกุศลและราลึกถึงคุณงามความดีของข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จานวน 179 คน และเพื่อสร้างความรัก
ความสามัคคี เสริมสร้างขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานของครูในพื้นที่
๑๓
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ยกระดับความสามารถและอัจฉริยภาพทางด้านกีฬา
จั ดโครงการ “สานฝั นการกี ฬาสู่ ระบบการศึ กษาจั งหวั ดชายแดนภาคใต้ ในพื้ นที่
๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดความรักความสามัคคีโดยดาเนินการ แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ดังนี้
๑) ระยะสั้น จัดมหกรรมกีฬาระดับอาเภอทุกพื้นที่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ๒๕๕๘
๒) ระยะกลาง จัดตั้งโรงเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ - กีฬา ซึ่งปัจจุบันได้ดาเนินการแล้วในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๕๘
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ณ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อาเภอเมืองยะลา
จังหวัดยะลา เป็นแห่งแรก มีผู้ผ่านการคัดเลือก 57 คน ทั้งนี้ นักเรียนจะได้รับทุนการศึกษา (ทุนภูมิทายาท) จานวน
40,000 บาทต่อคนต่อปี ตลอดระยะเวลา 3 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างดาเนินการขยายผล ณ โรงเรียนรือเสาะชนูปถัมภ์
อาเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เป็นแห่งที่ ๒ ซึ่งจะเร่งเปิดให้ทันภาคเรียนที่ ๒/๒๕๕๘ ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘
และ ๓) ระยะยาว จะดาเนิ นการต่อยอดในการรับนั กเรียนที่จบการศึกษา มาเข้าศึกษาต่ อระดับอุดมศึกษาและ
มอบทุนการศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน
จัดการแข่งขัน “ฟุตบอล กศน.คัพ 5 จังหวัดชายแดนใต้” และกีฬาพื้นบ้านในระดับ
ตาบล อาเภอ และจังหวัด และระดับกลุ่มสานักงาน กศน.จังหวัด ระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕57 – เมษายน ๒๕58
โดยมีพิธีปิดการแข่งขันฯ เมื่อวันที่ 24 เมษายน ๒๕58 และจัดการแข่งขันกีฬา “โครงการสานฝันการกีฬา สู่ระบบ
การศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” ระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน ๒๕58 โดยมีพิธีปิดการแข่งขันฯ เมื่อวันที่
27 เมษายน ๒๕58
๓. เสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ด้านการศึกษากับนานาประเทศ
ให้ การต้ อนรั บและหารื อประเด็ นความร่ วมมื อด้ านการศึ กษากั บผู้ แทนประเทศต่ าง ๆ
เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางการศึกษา และนากลไกทางการทูตแบบบูรณาการมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก่การพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย
ให้การต้อนรับนายหลี บุนค้า (H.E. Mr. Ly Bounkham) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ
ประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสเข้ารับตาแหน่งหน้าที่ใหม่ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้เสนอให้มีการทบทวนเพื่อปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาไทย – ลาว
ให้การต้อนรับนางฉั่ว ซิ่ว ซาน (H.E. Mrs. Chua Siew San) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ
สิงคโปร์ ประจ าประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือประเด็นความร่วมมือด้ านการศึ กษา ในการนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไทยได้เสนอขยายความร่วมมือโรงเรียนคู่พัฒนา (Partner Schools) ซึ่งปัจจุบัน
มีอยู่ ฝ่ายละ ๑๐ แห่ง นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตประจาสิงคโปร์ประจาประเทศไทยได้เรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการเดินทางไปเยือน Institute of Technical Education เพื่อศึกษารูปแบบแนวทางและการดาเนินงาน
ให้การต้อนรับนายชิเกะกะซุ ซะโตะ (H.E. Mr. Shigekazu Sato) เอกอัครราชทูตญี่ปุน
ประจาประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือความร่วมมือด้านการศึกษา ในการนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น
ประจาประเทศไทยขอความร่วมมือในการสนับสนุนการดาเนินงานของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นที่เข้ามาจัดตั้งสานักงาน
ในประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยินดีให้การสนับสนุนดังกล่าว
ให้การต้อนรับนายหนิง ฟูุขุย (H.E. Mr. Ning Fukui) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ
ประชาชนจีนประจาประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือความร่วมมือด้านการศึกษากับรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึ กษาธิการ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ รั บการสนั บสนุ นจากจี นในการส่ งครูอาสาสมั ครชาวจี นจานวนมาก
มาสอนภาษาจีนในสถานศึกษาของไทยอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนช่วยลดปัญหาในการจัดหาครูที่มีความรู้ด้านภาษาจีน
๑๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๑๘
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๒๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๓
การลดความเหลื่อมล้าของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
----------------------------
กระทรวงศึกษาธิการได้ขับเคลื่ อนการดาเนินงานเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิ ต
ให้ กั บประชาชนอย่างต่อเนื่ อง ภายใต้ การบู รณาการความร่ วมมื อกั บหน่ วยงานในสั งกั ดและหน่ วยงานภายนอก
กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีการดาเนินงาน ดังนี้
๑. จัดระบบฝึกอาชีพเชิงพื้นที่เพื่อเพิ่มโอกาสคนพื้นที่ให้เข้าสู่อาชีพพื้นที่
จั ดกระบวนการเรี ยนการสอนใน กศน. ต าบล ภายใต้ โครงการ “หนึ่ งคน...หนึ่ งอาชี พ”
จานวน 7,424 แห่ง พื้นที่ 5 ภูมิภาค โดยสารวจและฝึกอบรมให้แก่ประชาชนที่สนใจ 5 หลักสูตรกลุ่มอาชีพ ได้แก่
หลักสูตรกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม หลักสูตรกลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม หลักสูตรกลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์ หลักสูตรกลุ่ม
อาชีพพาณิชยกรรมและบริการ และหลักสูตรกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง โดยมีผู้ต้องการเข้ารับการอบรม 256,329 คน
จัดโครงการอุดมศึกษา สร้างความรู้ สร้างอาชีพ สร้างความสุข เพื่อฝึกอาชีพระยะสั้นในพื้นที่
ให้บริการของวิทยาลัยชุมชน 20 แห่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จานวน 75 กิจกรรม มีผู้สนใจบริการ 2,892 คน
จัดศูนย์ฝึกอบรมอาชีพในสถานศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อพัฒนาอาชีพประชาชน เป็นการส่งเสริม
การฝึกอาชีพให้กับประชาชนที่ไม่มีงานทา ผู้ถูกเลิกจ้างงาน ผู้กาลังอยู่ในข่ายถูกเลิกจ้าง ผู้สาเร็จการศึกษาที่ยังไม่มีงาน
ทา กลุ่มเกษตร กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ให้มีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้านทักษะวิชาชีพ สามารถ
ต่อยอดความรู้และเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพได้ สถานศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ได้ดาเนินกิจกรรมฝึกอบรมอาชีพโดยมีกลุ่มเป้าหมาย จานวน 10,725 คน ในสถานศึกษา 288 แห่ง
๒. พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ สตรี และเด็ก
แก้ไขปัญหาคุณแม่วัยใส ร่วมมือกับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (United Nations
Population Fund - UNFPA) ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้พัฒนาระบบการดูแลและช่วยเหลือเด็กนักเรียนในทุกมิติ
เช่น การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม การจัดให้มีการเรียนการสอนเพศศึกษา โดยอบรมผู้สอนให้รู้เรื่องเพศศึกษารอบ
ด้าน การเสริมสร้างทักษะชีวิตให้แก่นักเรียน
แต่ งตั้งคณะอนุกรรมการจั ดตั้ งและพั ฒนาการศึกษาในศู นย์การเรี ยนเฉพาะความพิ การ
ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
อนุกรรมการ มีทาหน้าที่ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สังคมเคราะห์ความต้องการ ปัญหาและแนวทางการแก้ไขเกี่ยวกับการ
จัดตั้งศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ จัดทาข้อเสนอเกี่ยวกับกฎ ระเบียบ แนวทางการจัดตั้งและการพัฒนาการศึกษา
สาหรับคนพิการ กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดตั้งศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ จัดทามาตรฐานและเกณฑ์
การประเมินศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ เพื่อการรับรองหรือเพิกถอนการรับรอง ขณะนี้อยู่ระหว่างดาเนินการ
ยก (ร่าง) กฎกระทรวงเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการและการบริ หารจัดการต่าง ๆ เพื่อเสนอให้ที่
ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ ประมาณต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘
จัดประชุมสัมมนาระดับภูมิภาค (อาเซียน+3) ร่วมกับส านักงานยูเนสโก กรุงเทพมหานคร
เพื่ อระดมความคิ ดเห็ นเพื่ อรั บมื อกั บการเปลี่ ยนแปลงโครงสร้ างสั งคมไทยที่ ก าลั งจะเกิ ดขึ้ นด้ วยการส่ งเสริ มให้
ศู นย์ การเรี ยนชุ มชนเข้ ามามี บทบาทในการเชื่ อมโยงการเรี ยนรู้ ระหว่ างกลุ่ มวั ย โดยเน้ นผู้ สู งอายุ เป็ นส าคั ญ
และครอบคลุมใน 3 มิติหลัก ได้แก่ 1) มิติด้านสุขภาพ โดยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี 2) มิติด้านสังคม
๒๒
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๒๓
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ 4
การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบารุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
----------------------------
รัฐบาลให้ความสาคัญกับพัฒนาเด็ก เยาวชน และประชาชนไทยให้มีคุณภาพ สามารถเรียนรู้ พัฒนาตนเอง
ได้ตามศักยภาพ ประกอบอาชีพและดารงชีวิตได้โดยมีความใฝ่รู้และทักษะที่เหมาะสม ตลอดทั้งเป็นคนดีมีคุณธรรม
กระทรวงศึกษาธิการได้นาแนวนโยบายรัฐบาลสู่การปฏิบัติโดยได้เร่งรัดดาเนินการในเรื่องสาคัญ ดังนี้
๑. พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้
ปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและตารางการเรียนการสอน ให้ยืดหยุ่น
โดยดาเนินการ ดังนี้
ศึกษาวิเคราะห์ ข้อมูลสภาพและปัญหาการนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ผ่านระบบออนไลน์จากสถานศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สานักงาน
งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนตารวจตะเวนชายแดน และสานัก
การศึกษา กรุงเทพมหานคร วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการปฏิบัติจากโรงเรียนนาร่องจากเอกสาร
ประชุมเสวนารับฟังความคิดเห็นสภาพและปัญหาเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ ใน ๑๒ จุด ครอบคลุม ๔ ภูมิภาค
ปรั บตารางการเรียนการสอนให้ ยืดหยุ่ น โดยจั ดท าคาชี้แจงเกี่ยวกับการจั ดโครงสร้าง
และเวลาเรียนและการจัดการเรียนรู้ระดับประถมศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขต้นฉบับ
จัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง โดยดาเนินการ ดังนี้
พัฒนาแกนนาในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง
จากสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 225 เขตพื้นที่การศึกษา
4 รุ่น จานวน 1,200 คน
จั ดท าเอกสารแนวทางการจั ดการเรี ยนรู้ ประวั ติ ศาสตร์ เพื่ อสร้ างส านึ กความเป็ นไทย
แนวทางการจัดการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง และจัดทาเอกสารการสอนประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์ไทย
หลากหลายวิธีเรียน เอกสารการสอนเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ครู แนวทางการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เผยแพร่ 32,000
แห่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างการจัดทาเอกสารการเรียนรู้ผ่านแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และติดตามการจัดการเรียน
การสอนวิชาประวัติศาสตร์และวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง
พั ฒ นาครู ส อนประวั ติ ศาสตร์ และวิ ช าเพิ่ มเติ มหน้ าที่ พลเมื องให้ ครู ทุ กสอนวิ ช า
ประวัติศาสตร์ วิชาหน้าที่พลเมือง และครูสังคมศึกษาทุกโรงเรียน รวม 60,000 คน
ปรั บสาระวิชาหลั กสู ตร กศน.ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 รายวิ ชาประวัติศาสตร์ ศาสนา
และหน้าที่พลเมือง โดยเพิ่มเนื้อหาสาระวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยทั้ง 3 ระดับ คือ ระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา
ตอนต้นและตอนปลาย ส่วนวิชาหน้าที่พลเมืองได้ ปรับเพิ่มสาระในเรื่องค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ พร้อมทั้ง
ได้พัฒนาสื่อประกอบการเรียนการสอน และปรับตัวชี้วัดของหลักสูตรให้สอดรับกับสาระวิชาที่ปรับเพิ่มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ปรับปรุงการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (Ordinary National Educational
Test : O - NET) โดยดาเนินการออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกาหนดวิชาในการสอบทางการศึกษา
ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O - NET) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ซึ่งได้ปรับลดการสอบจาก 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
๒๕
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๒๖
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๒๗
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๒๘
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
สร้างความเข้าใจและแนวทางการนิเทศสถานศึกษาให้กับบุคลากรเครือข่ายการนิเทศด้านการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษา จานวน ๑๕๐ คน
จัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาในสถานศึกษา พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา
ในหลักสูตร “การบูรณาการคุณธรรมจริยธรรมในการจัดการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ
ระยะที่ ๑ จานวน ๑๐ รุ่น มีผู้เข้ารับการอบรม จานวน ๑๐,๒๙๗ คน ระยะ 2 จานวน 2 รุ่น มีผู้เข้ารับการอบรม จานวน
3,041 คน และรุ่ นพิเศษสาหรับบุ คลากรส่วนกลาง สังกัดส านักงานปลั ดกระทรวงศึกษาธิการ จานวน ๓๐๗ คน
รวมทั้งสิ้น ๑3,๖๔5 คน คุรุสภาเขตพื้นที่การศึกษาจัดหลักสูตรอบรมผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อเสริมสร้าง
ศีลธรรม คุณธรรม และจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ขณะนี้มีผู้ผ่านการพัฒนาแล้วไม่น้อยกว่า
11,000 คน รวมทั้งฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และลูกเสือ “ช่อสะอาด” เป้าหมายจานวน ๔๐๐ คน
๒. เสริมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาให้แก่ผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส
โครงการสนั บสนุ นค่ าใช้ จ่ ายในการจั ดการศึ กษาตั้ งแต่ ระดั บอนุ บาลจนจบการศึ กษา
ขั้นพื้นฐาน จัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน ๑,๒๓๓,๕๖๙,๙๙๕ บาท
ให้ กั บผู้ เรี ยนในสถานศึ กษาสั งกั ดองค์ กรปกครองส่ วนท้ องถิ่ น ภาคเรี ยนที่ ๒/๒๕๕๗ จ านวน ๖๘๗,๓๐๓ คน
และจัดสรรงบประมาณ จานวน ๘๔,๙๙๘,๑๕๔,๙๐๐ บาท ให้กับผู้เรียนในสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๕๗ และภาคเรี ยนที่ ๑/๒๕๕๘ จ านวน ๑๑,๕๙๑,๖๒๗ คน ความก้ าวหน้ าในการด าเนิ นการ
ขณะนี้ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กาลังเสนอขอทบทวนอัตราเงินอุดหนุนรายหัวสาหรับนักเรียน
ซึ่งมี ๕ รายการ คือ ค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนา
ผู้เรียน และรวมไปถึงเงินช่วยเหลือเด็กยากจน เงินค่าใช้จ่ายสาหรับนักเรียนพักนอนที่โรงเรียน เนื่องด้วยภาวะสภาพ
เศรษฐกิจได้เปลี่ยนไป ประกอบกับสถานศึกษาในปัจจุบันต้องรับภาระค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น ขณะนี้ได้ยกร่างอัตรา
เงินอุดหนุ นดังกล่ าวเสร็ จเรี ยบร้ อยแล้ ว โดยจะนาเสนอขอความเห็ นชอบจากรั ฐมนตรี ว่าการกรทรวงศึกษาธิการ
และคณะรัฐมนตรีต่อไป
กองทุ น เงิ น กู้ ยื ม เพื่ อ การศึ ก ษา คณะรั กษาความสงบแห่ ง ชาติ ลงมติ เ มื่ อ วั น ที่
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบให้ขยายเวลาการดาเนินงานโครงการกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้
ในอนาคต (กรอ.) ต่ อไปในปี การศึ กษา ๒๕๕๘ และในปี การศึ กษาต่ อ ๆ ไป จนกว่ ากฎหมายใหม่ จะแล้ วเสร็ จ
และมีผลบังคับใช้ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสานักงบประมาณและสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติไปพิจารณาดาเนิ นการต่อไปด้ วย ทั้ งนี้ ให้ ฝ่ ายสังคมจิ ตวิทยาร่ วมกั บฝ่ ายกฎหมาย
และกระบวนการยุ ติ ธรรมพิ จารณาก าหนดแนวทางการแก้ ไขปั ญหากองทุ นเงิ นให้ กู้ ยื ม เพื่ อการศึ กษาทั้ งระบบ
ให้มีประสิทธิภาพ โดยให้มีการกู้และส่งคืนเงินอย่างรัดกุม เหมาะสม รวมทั้งไม่เกิดปัญหาความซ้าซ้อนในการกู้ยืม
และให้นาเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านการศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความ
สงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป โดยมีผลการดาเนินงาน ดังนี้
กองทุ นเงิ นให้ กู้ ยื มเพื่ อการศึ กษา (กยศ.) ได้ รั บการจั ดสรรงบประมาณ จ านวน
๑๔,๓๙๔.๐๐ ล้ านบาท กองทุนสมทบ (เงิ นนอกงบประมาณ) ๒๒,๒๒๙.๓๒ ล้ านบาท รวมเป็นเงิ นให้ กู้ยื มทั้งสิ้ น
๓๖,๖๒๓.๓๒ ล้านบาท มีการใช้จ่ายเงินให้กู้ยืมไปแล้ว ๑๙,๙๑๑.๗๗ ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้กู้ จานวน 739,072 ราย
เป็นเงิน 29,448.59 ล้านบาท จากสถานศึกษา 4,141 แห่ง
๓๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
กองทุ นเงิ นกู้ ยื มเพื่ อการศึ กษาที่ ผู กกั บรายได้ ในอนาคต (กรอ.) ได้ รั บการจั ดสรร
งบประมาณ ๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท กองทุนสมทบ (เงินนอกงบประมาณ) ๖,๖๒๙.๗๖ ล้านบาท รวมเป็นเงินให้กู้ยืม
จานวน ๘,๖๒๙.๗๖ ล้านบาท มีการใช้จ่ายเงินให้กู้ยืมไปแล้ว ๓,๕๖๙.๓๐ ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้กู้ จานวน 67,026 ราย
เป็นเงิน 4,453.45 ล้านบาท จากสถานศึกษา 292 แห่ง
กองทุนได้ดาเนินการยกร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... เพื่อควบรวม
กองทุ น กยศ. และกองทุ น กรอ. โดยน าส่ วนดี ของทั้ งสองกองทุ นมารวมกั นเรี ยบร้ อยแล้ ว ขณะนี้ อยู่ ระหว่ าง
กระทรวงการคลังดาเนินการนาเสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ต่อสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ส าหรั บปั ญหาอุ ปสรรค พบว่ า มี หนี้ ค้ างช าระสู ง โดยมี แนวทางการแก้ ไข คื อ ปรั บปรุ งมาตรการในการติ ดตาม
ทุนการศึกษาคืนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้กองทุนต้องเป็นภาระแก่งบประมาณแผ่นดิน
ขยายผลโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance Learning
Television : DLTV) เพื่อแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก จานวน 15,369 แห่ง ที่ขาดแคลนครู ครูไม่ครบชั้นครูสอนไม่ตรง
สาขาวิชาเอก จากการนิเทศและติดตามประเมินผลโครงการฯ ผ่านระบบออนไลน์ พบว่า โรงเรียนประเมินตนเองผ่าน
ร้อยละ 99.87 และจากการประเมินของศึกษานิเทศก์ ผ่านร้อยละ 97.38 และสวนดุสิตโพล สารวจความคิดเห็น
ของประชาชนทั่วไป ผู้ปกครองและครู พบว่า 1) โครงการมีประโยชน์ร้อยละ 98.45 2) ผลที่ได้รับจากโครงการฯ ร้อยละ
78.02 3) ความพึงพอใจ ร้อยละ 98.45 และล่าสุด คือรายงานผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) พบว่า ผลค่าคะแนน
เฉลี่ยรวมของโรงเรียนขนาดเล็กสูงกว่าค่าเฉลี่ ยรวมของโรงเรียนขนาดกลาง นอกจากนี้ ได้ดาเนินโครงการขยายผล
การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในโรงเรียนเอกชน โดยจัดสรรเงินอุดหนุนให้โรงเรียนเอกชนประเภทการกุศลที่ยื่น
ขอรับเงินอุดหนุน จานวน 25 แห่ง (พฤศจิกายน 2557 – สิงหาคม 2558) รวมทั้งจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อพัฒนา
คุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศให้ กับโรงเรียนเอกชนที่ยื่นขอรับเงินอุดหนุน จานวน 2,050 แห่ ง
(พฤศจิกายน 2557 – กันยายน2558)
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Distance Learning
Information Technology : DLIT) เป็นการต่อยอดจากโครงการพัฒนาคุณภาพศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV)
โดยคัดเลือกครูจากโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงและโรงเรียนที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นโรงเรียนต้นทาง
ในการถ่ายทอดสดการสอนของผู้ไปยังโรงเรียนปลายทางที่มีความพร้อมสามารถจัดการเรียนกาสอนตามโรงเรียนต้นทาง
ได้และโรงเรียนที่ยังไม่พร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจัดการเรียนการสอนได้ด้วยระบบเรียกดูตามความต้องการ
เป้าหมายโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ จานวน 15,553 แห่ง ซึ่งมีการเปิดระบบ DLTV ไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน
2558 ซึ่งจะสามารถทาให้โรงเรียนสังกัด สพฐ. กว่า 3๐,๐๐๐ แห่ง ได้รับการพัฒนาผ่านกิจกรรม 5 รูปแบบ ได้แก่
ห้องเรียนต้นแบบ คลังสื่อการสอน ห้องสมุดดิจิทัล คลังข้อสอบ และการพัฒนาวิชาชีพครู ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการพัฒนา
คุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยยึดถือภารกิจและพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นฐาน หรือ “ระบบ TEPE Online”
(Teachers and Educational Personnels Enhancement Based on Mission and Functional Areas as Majors)
หลั งจากจั ดหาสื่ อ อุปกรณ์ และวางระบบเรียบร้ อยแล้ ว สถานศึกษาจะสามารถน าเนื้อหาและสื่ อดิ จิทั ลไปใช้ ใน
การจัดการเรียนการสอนได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
จัดการศึกษาทางไกลให้กับประชาชนที่มีพร้อมจะเรียนในรูปแบบการพบกลุ่มหรือการเรียน
ในระบบ เพื่ อส่ งเสริ มการเรี ยนรู้ ด้ วยตนเองตามความสามารถความสนใจ ความพอใจ และศั กยภาพของตนเอง
โดยดาเนินการประชาสัมพันธ์ รั บสมัครและจัดการเรียนการสอนให้ กับนักศึกษา กศน. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
และมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยวิธีเรียนแบบทางไกล ในภาคเรียนที่ 2/2557 จานวน 4,639 คน และภาคเรียนที่
1/2558 จ านวน 3,200 คน ในแต่ละภาคเรียนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเสริม จานวน 3 ครั้งต่อภาคเรียน
๓๑
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ในระหว่างเรียนหากนักศึกษาประสบปัญหาสามารถขอรับคาปรึกษาได้จากครูแนะแนวตลอดภาคเรียน ซึ่งรูปแบบ
ดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสทางการศึกษาและเรียนรู้ให้กับประชาชนลดข้อจากัดของการศึกษาในระบบโรงเรียน
จัดทา (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาพื้นที่ชายแดน ชายฝั่งทะเลและเกาะแก่ง
(พ.ศ. 2559 - 2564) กระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ๑) ยุทธศาสตร์จัดและให้บริการ
การศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ๒) ส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านการเสริมสร้าง
ความมั่นคง และการเรียนรู้ในการจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธี ๓) ส่งเสริมการธารงรักษาศิลปวัฒนธรรม ประเพณี
อันดีงาม การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โบราณคดี วิถีชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น และ ๔) ส่งเสริมอาชีพ เพื่อหารายได้
จากการมีงานทาที่มั่นคง และสามารถดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
จัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร์หรือไม่มีสัญชาติไทย โดยจัดประชุมการ
จัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร์หรือไม่มีสัญชาติไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดการศึกษา
แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร์หรือไม่มีสัญชาติไทย และการจัดการศึกษาของศูนย์การเรียนเด็กต่างด้าว
ในประเทศไทย โดยแต่ งตั้ งคณะกรรมการและคณะท างานในบางประเด็น ได้ แก่ ระบบข้ อมูลตั วเลข 13 หลั ก
ของผู้ไม่มีสัญชาติไทย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการศึกษาวิจัยเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหา โดยมีผู้แทนจากหน่ วยงาน
ภายใน และหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาทนายความ
และมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
๓. การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
โครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน (Education Reform Lab & Coaching Lab) เพื่อต้องการ
ส่งเสริมการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษารองรับนโยบายการปฏิรูปการศึกษา เป็นเวลา ๓ ปีต่อเนื่อง
(พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๖๐) โดยมีสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ๒๐ เขต เป็นหน่วยงานนาร่อง ครอบคลุมโรงเรียนนาร่อง
เขตละ ๑๕ แห่ง รวมกลุ่มโรงเรียนนาร่อง จานวน ๓๐๐ แห่ง ซึ่งมีความก้าวหน้าในการดาเนินการ ดังนี้ จัดสัมมนา
เชิงปฏิบัติการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (Reform Lab) และปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน (Coaching Lab)
โดยสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั้ง ๒๐ เขต ร่วมกันเลือกประเด็นปัญหาสาคัญที่ต้องการแก้ไขและนาไปสู่การพัฒนา
และจัดทาแผนปรับปรุงคุณภาพโรงเรียน (School Improvement Plan) จัดส่งให้กับสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ สพฐ. ได้จัดทาแนวปฏิบัติโครงการปฏิรูปการเรียนรู้
สู่ผู้เรียนเพื่อการส่งเสริมการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษารองรับนโยบายการปฏิรูปการศึกษาสาหรับ
ให้สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ๒๐ เขต โรงเรียนนาร่องและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนาไปเป็นแนวปฏิบัติ รวมทั้ ง
จัดให้มีทีมโค้ชสนับสนุนการติดตั้ง Coaching System และกระบวนการนิเทศโรงเรียนทั้ง ๒๐ สานักงานเขตพื้นที่
การศึกษา ซึ่งได้ดาเนินการตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘
กระทรวงศึกษาธิการได้มีคาสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอานวยการโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน และมีการประชุม
คณะกรรมการอ านวยการโครงการปฏิ รู ปการเรี ยนรู้ สู่ ผู้ เรี ยนครั้ งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่ อวั นที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘
เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการดาเนินงานโครงการ และพิจารณา แนวทางการขับเคลื่อนการดาเนินงานระยะต่อไป
๓๒
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ส่งเสริมภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
แนวทางการให้ เ งิ น อุ ด หนุ น การจั ด การศึ กษาขั้ น พื้ น ฐานของโรงเรี ย นเอกชน
โดยที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับ
โครงสร้างการขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชนทุกประเภทอย่างยั่งยืน
เป็น ๒ ระยะ โดยระยะที่ ๑ ปรับโครงสร้างเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
กว่า ๓.๙๐๐ โรงเรียนไปสู่การอุดหนุนด้านอุปสงค์หรือคูปองการศึกษาในอนาคตเท่ากันทุกระดับคือ ร้อยละ ๗๐
และระยะที่ ๒ ปรับเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนโรงเรียนเอกชนเพิ่มขึ้นจากอัตราร้อยละ ๗๐ อีกร้อยละ ๑๐ ต่อปี
เพื่อนาไปสู่อัตราร้อยละ ๑๐๐ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ คณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการเพิ่มเติมจากมติ
คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๓๙ ช่วยเหลือนักเรียนในรูปบัตรค่าเล่าเรียนหรือการอุดหนุนรายบุคคล
นักเรียนโรงเรียนเอกชนในอัตราร้อยละ ๑๐๐ ของค่าใช้จ่ายรายบุคคลนักเรียนภาครัฐเพิ่มเติมให้แก่นักเรียนประเภท
อาชีวศึกษาที่จัดการเรียนการสอนโรงเรียนการกุศลหรือการศึ กษาสงเคราะห์ที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา
จากนักเรียน ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ทั้งนี้ได้แต่งตั้งคณะทางานศึกษา แนวทางการให้การอุดหนุนของรัฐ
ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ซึ่งที่ประชุ มมีมติ
เห็ น ชอบก าหนดแนวทางการให้ ก ารอุ ดหนุ น ของรั ฐ ในการจั ดการศึ ก ษาขั้ นพื้ นฐานของโรงเรี ย นเอกชน
และคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของแนวทางดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์
2558 โดยให้นาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
(ร่ าง) ประกาศคณะกรรมการส่ งเสริ มการศึ กษาเอกชน เรื่ อง หลั กเกณฑ์ วิ ธี ก าร
และเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
(กช.) ครั้งที่ 3/2558 ได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... เนื่องจากประกาศเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2557 นั้น
ได้ให้การกู้ยื มเงินเฉพาะด้านการก่อสร้างหรือการซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และการจั ดซื้ออุปกรณ์
การเรียนการสอนตามหลักสูตรเท่านั้น แต่ร่างประกาศฉบับใหม่จะเป็นช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนเพิ่มขึ้น โดยสามารถ
กู้ยืมเงินเพื่อนาไปใช้จ่ายในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนได้ อันจะส่งผลให้โรงเรียนเอกชน
ทั่วประเทศมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการปรับปรุงร่างประกาศดังกล่าวก็เพื่อให้มีความเหมาะสม
และสอดคล้องกับระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการบริหารกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ พ.ศ. 2556 อีกด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ สาหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา
อิสลามภาคใต้ พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักเกณฑ์เดียวกัน เพียงแต่เป็นเงินยืม ปลอดดอกเบี้ยสาหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา
อิสลามที่เปิ ดสอนวิชาศาสนาควบคู่ วิชาสามัญที่แปรสภาพมาจากโรงเรี ยนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ปอเนาะ)
และได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคลใน 14 จังหวัดภาคใต้
ส่ ง เสริ ม การจั ด การศึ ก ษาของสถานศึ ก ษาเอกชน โดยพั ฒ นาสาระการเรี ย นรู้
ด้ านคณิ ตศาสตร์ วิ ทยาศาสตร์ คุ ณธรรม จริ ยธรรม การอบรมวิ ชาชี พให้ กั บนั กเรี ยน บุ คลากรทางการศึ กษา
และผู้บริหารโรงเรียนเอกชน จานวน ๕๕,๐๘๑ คน โรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการสนับสนุน
การพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษา อาทิ การพัฒนาคุณภาพครู และการจัดการเรียนการสอน ๒,๖๓๒ แห่ง
รวมทั้งให้การอุดหนุนเป็นเงินค่าอาหารเสริม (นม) นักเรียน โรงเรียนเอกชน จานวน ๑,๕๙๖,๑๑๑ คน ๓,๑๘๑ แห่ง
และอุดหนุนเป็นเงินค่าอาหารกลางวันนักเรียน จานวน ๔๐๕,๐๘๙ คน ๑,๙๗๕ แห่ง
๓๓
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๔. ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
จัดบริการการศึกษาต่อเนื่องให้กับประชาชน โดยมีประชาชนกลุ่มเป้าหมายลงทะเบียนเรียน
ในทุกหลักสูตร/กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง จานวน 363,128 คน จัดกิจกรรมส่ งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัย
ในรูปแบบของห้องสมุดประชาชน บ้านหนังสืออัจฉริยะ สื่ อ ETV แหล่งเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ
รวม 2,588,110 คน ดาเนินโครงการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน โดยสานักงาน กศน.
ได้สารวจข้อมูล กศน.ตาบล ที่ตั้งอยู่ในวัดซึ่งมีจานวน ๒,๐๙๓ แห่งและมอบนโยบายให้จัดกิจกรรม กศน. โดยนาภาคี
เครือข่ายในพื้นที่ ได้แก่ วัด โรงเรียน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม
เพื่อให้ บริ การแก่ นั กศึกษา กศน. และประชาชนในพื้ นที่ได้ตามเป้าหมายอย่ างมี ประสิ ทธิ ภาพ นั กศึกษา กศน.
และประชาชน ที่เข้าร่วมกิจกรรมเกิดการเรียนรู้สามารถพัฒนาตนเองและยังนาความรู้ที่ได้รับ ไปพัฒนาชุมชนในพื้นที่
จั ดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยส าหรั บผู้สู งอายุ โดยด าเนินการ
จัดการศึกษานอกระบบ มีผู้สูงอายุเข้ารับบริการ รวม 321,262 คน จาแนกเป็นส่งเสริมการรู้หนังสือ 12,296 คน
จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ระดับชั้นประถมศึกษาถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย) 27,929 คน จัดการศึกษา
ต่อเนื่อง (การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ การจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนา
สังคมและชุมชน) จานวน 281,037 คน และจัดการศึกษาตามอัธยาศัย อาทิ การบริการห้ องสมุดประชาชน
การบริหารบ้านหนังสืออัจฉริยะ การบริหารวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการศึกษา มีผู้รับบริการ รวม 256,706 คน
จัดระบบฝึกอาชีพเชิงพื้นที่เพื่อเพิ่มโอกาสคนพื้นที่ให้เข้าสู่อาชีพพื้นที่ โดย กศน. ตาบล
จานวน 7,424 แห่ง ดาเนินการฝึกอบรมอาชีพให้กับประชาชนใน โครงการ “หนึ่งคน หนึ่งอาชีพ” โดยการสารวจ
ผู้สนใจเข้ารับการอบรมและอาชีพที่ต้องการเข้ารับการอบรม ซึ่งมี 5 หลักสูตรกลุ่มอาชีพ ได้แก่ หลักสูตรกลุ่มอาชีพ
เกษตรกรรม หลักสูตรกลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม หลักสูตรกลุ่มอาชี พพาณิชยกรรมและบริการ หลักสูตรกลุ่มอาชีพ
ความคิดสร้างสรรค์ และหลั กสู ตรกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง และจัดอบรมอาชีพให้กับประชาชนตามแผนการอบรม
ทั้ง 5 ภูมิภาค ผู้เข้ารับการอบรม รวม 256,329 คน และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบ
ให้สานักงาน กศน. ดาเนินการฝึกอบรมอาชีพนอกภาคเกษตรให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และถูกลด
การส่งน้าเพื่อการเพาะปลูก ข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้าเจ้าพระยา และลุ่มน้าแม่กลอง ในพื้นที่ 14 จังหวัด จานวน
๑,๕๐๕ คน ๗๕ หลักสูตร โดยเริ่มดาเนินการเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ - เมษายน ๒๕๕๘ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมอบรม
อาชีพ มีความรู้และทักษะด้านอาชีพ และมีความพอเพียงในการดาเนินชีวิต ทาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ฝึกวิชาชีพระยะสั้น สานักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้ดาเนินการ ดังนี้
จัดอบรมหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นตามความต้องการของตลาดแรงงาน ได้แก่ หลั กสูตรวิชาเสริมสวย ตัดผมชาย
หลักสูตรวิชาการทาอาหารไทย หลักสูตรวิชาการทาขนม เบเกอร์รี่ หลักสูตรวิชาการผสมเครื่องดื่มนานาชาติ หลักสูตร
วิชาการนวดไทยเพื่อสุขภาพ ฯลฯ ส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนนอกระบบศูนย์ฝึกวิชาชีพระยะสั้น ได้แก่ กลุ่มโรงเรียน
สอนเสริมสวย กลุ่มโรงเรียนสอนประกอบการทาอาหาร อาหารว่าง เครื่องดื่ม เบเกอร์รี่ กลุ่มโรงเรียนสอน ตัดเย็บ
เสื้ อผ้ า กลุ่ มโรงเรี ยนสอนการนวดไทยเพื่อสุ ขภาพ กลุ่มโรงเรี ยนสอนวิชาช่างประเภทต่าง ๆ กลุ่ มโรงเรียนสอน
ภาษาต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาทักษะผู้เรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น การแข่งขันทักษะวิชาชีพเสริมสวย แต่งหน้า
เจ้าสาว เกล้าผม การตัด ซอยผมฟรีสไตล์ ชาย – หญิง
๓๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๓๕
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๓๖
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ปรับภาพลักษณ์นักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษา
จั ดกิจกรรมให้บริ การประชาชน ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ จัดศูนย์อาชีวะอาสา
“ตรวจรถพร้อมใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ จานวน ๒๕๐ จุดบริการ มีรถเข้ารับบริการ
จานวน ๔๐,๓๑๗ คัน นักเรียน นักศึกษาที่ออกให้บริการ จานวน ๒๑,๐๐๐ คน จัดโครงการอาชีวะอาสา เทศกาล
สงกรานต์ ๒๕๕๘ จานวน ๒๕๐ ศูนย์ มีรถเข้ารับบริการ 37,384 คัน จัดโครงการอาชีวะพัฒนา โดยออกค่ายอาสา
พัฒนาเพื่อซ่อม/สร้างอาคารอเนกประสงค์ ศูนย์การเรียนรู้ และหอพักนอนให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร
๒๗ จังหวัด มีผลการดาเนินงาน ดังนี้ สิ่งปลูกสร้างในโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน
จานวน ๒๒ หลัง โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน จานวน ๓๐ หลัง และโรงเรียนในกองทุนการศึกษา จานวน ๘ หลัง
จัดกิจกรรม “อาชีวะเอกชน สร้างคน สร้างชาติ” โดยนักเรียนจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน จานวน ๓๑,๒๖๙
คน จากสถานศึกษา 193 แห่ง ร่วมกิจกรรมจิตอาสาบริการชุมชนในพื้นที่ ๕ ภูมิภาค และสถานศึกษาอาชีวศึกษา
จานวน ๔ แห่ง ร่วมกับแอ็ดดร้า ประเทศไทย (ADRA Thailand) พัฒนาวิชาชีพแก่ผู้ที่พานักในศูนย์พักพิงชั่วคราว
ชายแดนไทย – เมียนมาร์
จัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัด
นราธิวาส โดยการซ่อม ตรวจเช็คสภาพยานพาหนะ จานวน ๑๓๓ คัน และบริการน้าดื่ม จานวน ๕,๓๔๐ ขวด ร่วมกับ
เทศบาลเมืองสุไหง - โกลก ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ จานวน ๓ ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์อาเภอสุไหง - โกลก
ศูนย์อาเภอสุไหงปาดี และศูนย์อาเภอแว้ง นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ มีกิจกรรมการให้บริการศูนย์ซ่อมสร้าง
เพื่อชุมชนในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตาบลและเทศบาล จานวน ๗๒๐ แห่งทั่วประเทศ
ดาเนินโครงการเตรียมความพร้อมอาชีวศึกษา รุ่น 2 สานักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่ วมกับหลายหน่วยงาน ได้แก่ สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และโรงเรียน
ชุมพลทหารเรือ กองทัพเรือ ดาเนินการระหว่างวันที่ 20 เมษายน – 9 พฤษภาคม 2558 มีนักเรียนเข้าฝึกอบรม
จากสถานศึกษาสังกัด สอศ. จานวน 9 แห่ง จานวนนักศึกษา 466 คน และสังกัด สช. จานวน 1 แห่งจานวนนักเรียน
16 คน รวมสถานศึกษาทั้งสิ้น 10 แห่ง รวมนักเรียนนักศึกษาทั้งสิ้น 482 คน อบรม ณ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ผลจากการฝึกอบรมพบว่า นักเรียนที่เข้า
ร่วมโครงการได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะพื้นฐานวิชาชีพ ฝึกระเบียบวินัย พัฒนาจิตใจให้มีความเข้มแข็ง
อดทนอดกลั้น และเกิดความรักสามัคคีในหมู่คณะ เชื่อมั่นว่าหลักสูตรการฝึกอบรมดังกล่าวจะสามารถปรับเปลี่ยน
ทัศนคติและค่านิยมของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ และทาให้ผู้ปกครองเกิดความภาคภูมิใจต่อบุตรหลานของตนเอง
จัดกิจกรรม “THE HERO POWER CAMP” อบรมนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษา
เอกชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง จานวน 143 คน ในระหว่างวันที่ 21 – 25 ธันวาคม
2557 ณ นครริมขอบฟ้าเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ให้มีความเป็นผู้นาในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้าง
คุณธรรมจริ ยธรรม และปลู กฝั งความคิดให้ มีความรู้ ความเข้ าใจ ทัศนคติ ที่ดีต่ อการเป็นผู้ นาในเชิ งสร้ างสรรค์
มีจิตสาธารณะ นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ตามค่านิยมหลัก
๑๒ ประการของคนไทย นาไปสู่การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติให้มีประสิทธิภาพ อันเป็นกลไกสาคัญ ในการพัฒนา
ประเทศให้มีคุณภาพต่อไป
๔๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๔๑
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
การลงทุนหรือการใช้จ่ายในกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศหรืออุตสาหกรรมโดยรวมมากขึ้น โดยครอบคลุม
ตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การสนับสนุนกองทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิเทคโนโลยีที่พัฒนาจาก
แหล่งในประเทศ การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง การพัฒนาผู้ผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนในประเทศ (Local Supplier)
ที่มีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๑ และ การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ หากนักลงทุน
ทั้งไทยและต่างประเทศมีการลงทุนหรือการใช้จ่ายตามหลักการของมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามคุณค่า
ของโครงการ (Merit-based Incentives) จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมเป็นจานวนปีที่
เพิ่มขึ้น สูงสุด ๓ ปี แต่เมื่อนามารวมกับสิทธิประโยชน์พื้นฐานที่ได้รับอยู่เดิม จะต้องไม่เกิน ๘ ปี รวมทั้ง ให้นามูลค่า
การลงทุนหรือการใช้จ่ายในกิจกรรมดังกล่าว มาเพิ่มวงเงินภาษีนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นเพิ่มเติมเป็นสัดส่วนร้อยละ
๑๐๐ ยกเว้นการลงทุ นหรื อค่ าใช้ จ่ ายในการวิ จัยพั ฒนาจะได้ รับวงเงิ นเพิ่มขึ้ น ร้ อยละ ๒๐๐ โดยมี หลั กเกณฑ์
และเงื่อนไขตามรายละเอียดของประกาศ สกท.ที่ 2/2557 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557
- กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานข้อมูลผลการศึกษาตามโครงการจัดทายุทธศาสตร์
การผลิตและพัฒนากาลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ๕ สาขาหลัก คือ ยานยนต์
และชิ้นส่วน ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เครื่องจักรกล สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งคาดการณ์ในระยะยาว มีความ
ต้องการกาลังคนปี พ.ศ. ๒๕๖๕ สูงถึง ๔๘.๙ ล้านคน
- สภาหอการค้ า ไทยได้ จั ด ท าข้ อ ตกลงความร่ ว มมื อ ระดั บ นโยบายกั บ
กระทรวงศึกษาธิการ และได้จัดทาข้อตกลงระดับปฏิบัติการเป็นพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่มีหอการค้าตั้งอยู่จานวน ๑๘ กลุ่ม
โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ยืนยันความต้องการกาลังคนของผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกเน้น ๕ สาขาหลัก
คือ ช่างกล ช่างเชื่อมโลหะ แม่พิมพ์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และแมคคาทรอนิกส์ นอกจากนี้ ได้หารือถึงแนวทาง
การดาเนินงานเพื่อบรรลุตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการกาหนด
มาตรการจู งใจผู้ ประกอบการกลุ่ มต่าง ๆ ให้ เข้าร่วมส่งเสริมสนั บสนุนการผลิตและพัฒนากาลั งคนของประเทศ
โดยเฉพาะการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี และการจัดสหกิจศึกษา
- ผลการรับผู้เรียนระดับอาชีวศึกษาในปีการศึกษา 2558 ขณะนี้สถานศึกษา
ต่ าง ๆ ในสั งกั ดส านั กงานคณะกรรมการการอาชี วศึ กษา (สอศ.) ได้ รั บผู้ เรี ยนเข้ าศึ กษาต่ อระดั บอาชี วศึ กษา
(สิ้นสุดการลงทะเบียนวันที่ 15 มิถุนายน 2558) ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รวมทั้งสิ้น 318,537 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 86,052 คน โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) รับผู้เรียนเพิ่มขึ้น จานวน 53,386 คน แยกเป็น ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) (ปกติ ) 21,981 คน และระดั บประกาศนี ยบั ตรวิ ชาชี พ (ปวช.) (ทวิ ศึ กษา) 31,405 คน และระดั บ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รับผู้เรียนเพิ่มขึ้น จานวน 32,666 คน ทั้งนี้ ปัจจัยความสาเร็จซึ่งมีผลทาให้
เพิ่มปริมาณผู้เรียนในปีนี้ คือ นโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งยุทธศาสตร์และกลยุทธ์
ของส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา คือ การสร้างภาพลักษณ์อาชีวะสร้างชาติและฝี มือชนคนสร้างชาติ
การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของอาชีวศึกษา อาทิ การจัดระบบทวิภาคี ทวิศึกษา Pre.VET R-Innovation ตลอดจน
องค์กรเครือข่ายต่าง ๆ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน
เพื่อพัฒนากาลังคนอาชีวศึกษา (กรอ.อศ.) ที่ได้เข้ามามีบทบาทสาคัญต่อการอาชีวศึกษา
การจัดการศึกษาในวิทยาลัยชุมชน ผู้รับบริการการศึกษาระดับอนุปริญญา ระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ที่กาลังศึกษาอยู่ ณ ภาคการศึกษา
2/๒๕57 รวม 11,385 คน เปิดสอนในสาขาวิชา ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย การปกครองท้องถิ่น สาธารณสุขชุมชน
การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุชุมชน การโรงแรม การจัดการโลจิสติกส์และการค้าชายแดน การบริหารการพัฒนาท้องถิ่น
๔๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๔๖
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
รับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง
มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา จานวน ๑๐๒ หลักสูตร รับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ โดยการเทียบโอน จานวน
๗,๐๕๒ ราย ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จานวน ๕๗,๖๓๖ ราย และต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จานวน
๒๓๓,๖๕๘ ราย และดาเนินการสืบสวน สอบสวน การประพฤติผิดจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
จานวน ๓๙ เรื่อง นอกจากนี้ ได้ดาเนินการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพ ให้แก่ผู้ประกอบ
วิชาชีพทางการศึกษา ตามหลักสูตรที่กาหนด ขณะนี้มีผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาได้รับการพัฒนาแล้วไม่น้อยกว่า
๑๑,๐๐๐ คน
จัดการประชุมวิชาการ “สานพลังเรียนรู้ครูนักปฏิบัติ : คืนความสุขสู่ผู้เรียน”
ภายใต้ความร่วมมือระหว่ างส านั กงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริ มสุ ขภาพ (สสส.) ส านักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)
และมูลนิธิสถาบันวิจัยระบบการศึกษา (IRES) เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นจุดเริ่มต้น
ของเวที ส าหรั บครู นั กปฏิ บั ติ ที่ กระจายอยู่ ทั่ วประเทศ ให้ ได้ แลกเปลี่ ยนเรี ยนรู้ ประสบการณ์ จากการท างาน
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมการปฏิรูปการศึกษาทั้งในระดับพื้นที่ โรงเรียน จนถึงระดับห้องเรียน
แก้ไขปัญหาขาดแคลนครู
รับรองคุณวุฒิและปริญญาที่เป็นสาขาขาดแคลนตามความต้องการของหน่วย
ผู้ใช้ โดยคณะกรรมการคุรุสภาเห็นชอบให้ผู้ที่มีคุณวุฒิสาขาขาดแคลนด้านอาชีวศึกษาสามารถขอหนังสืออนุญาต
ให้ปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากคุรุสภา มีอายุ ๙๐ วัน เพื่อใช้ในการสมัครสอบครูผู้ช่วยได้
จานวน ๙๘ สาขา สาหรับในส่วนของ สพฐ. ได้อนุมัติ จานวน ๑๐ สาขา โดยมีการจัดทาเป็นประกาศคณะกรรมการ
คุรุสภา เรื่องกาหนดประเภทวิชาและสาขาขาดแคลน ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
นอกจากนี้ ได้มีการจัดทาประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่องบุคคลผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว จานวน 130 รายและผู้มีคุณวุฒิสาขาขาดแคลน กลุ่มวิชากายภาพบาบัด จานวน
178 ราย และดาเนินการปรับปรุงข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้มีความ
เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยจัดทาข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
ประกาศใช้ หลั กเกณฑ์ เ พื่ อแก้ ไ ขปั ญ หาการขาดแคลนครู โดยประกาศ
ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตาแหน่งครูผู้ช่วย
ที่มีเหตุ พิเศษ ประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุและแต่งตั้ง
เป็ นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสายงานการสอน นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบเกณฑ์มาตรฐาน
อัตรากาลังในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอาชีวศึกษา โดยจะดาเนินการวิเคราะห์และจัดทาข้อมูล
เพื่อเสนอ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคล โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
การบริหารอัตรากาลังฯ ใน ๓ ภูมิภาค
ออกประกาศคณะกรรมการคุ รุ สภา เรื่ อง การรั บรองหลั กสู ตรอบรมความรู้
เพื่อประกอบการขอรั บใบอนุ ญาตประกอบวิ ชาชีพครู ของชาวต่างประเทศ และประกาศคณะกรรมการคุรุ สภา
เรื่ อง การรั บรองการปฏิ บั ติ การสอนในสถานศึ กษาเพื่ อประกอบการขอรั บใบอนุ ญาตประกอบวิ ชาชี พครู ของ
ชาวต่างประเทศ
๔๗
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
ปรั บปรุ งหลั กเกณฑ์ การย้ ายครู ได้ จั ดประชุ ม อ.ก.ค.ศ.วิ สามั ญเฉพาะกิ จ
เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยในเบื้องต้นที่ประชุม ได้พิจารณา
แนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึ กษา สายงานการสอน สรุปได้
ดังนี้ ควรนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพฤติกรรมและคุณลักษณะของนักเรียนย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน มาเป็นเกณฑ์
ในการพิจารณาย้ายและควรกาหนดให้ยื่นคาร้องขอย้ายได้ปีละ ๑ ครั้ง ในระหว่างวันที่ ๑ – ๑๕ กรกฎาคม ทั้งนี้
คาร้องขอย้ายดังกล่าว ให้ใช้พิจารณาย้ายได้ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ของปีถัดไป ทั้งนี้ สานักงาน ก.ค.ศ. จะได้นาเสนอ
อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจฯ เพื่อพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งระบบ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป
ปรับปรุ งพระราชบัญญัติเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว การปรับเพิ่มเงินเดือนครู โดยคานึงถึงค่าครองชีพ
ที่เปลี่ยนแปลงไป ค่าตอบแทนภาคเอกชน ฐานการคลังของประเทศ
พัฒนาคุณภาพชีวิตครูตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการสร้างวินัย
ทางการเงินเพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความตระหนักในการพัฒนาอาชีพของตนเอง ตามหลักเศรษฐกิจ
พอเพียง โดยจัดอบรม จานวน ๕ ครั้ง ใน ๔ ภูมิภาค มีผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น ๓,๑๒๓ คน
ส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
พัฒนาครู และบุ คลากรทางการศึ กษา โดยยึ ดถื อภารกิ จและพื้ นที่ ปฏิ บั ติ งาน
เป็นฐาน ด้วยระบบ TEPE Online (Teachers and Educational Personnels Enhancement Based on Mission
and Functional Areas as Majors) ดาเนินการด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย เพื่อประหยัดเวลาของครู
และบุคลากรทางการศึกษา ประหยัดงบประมาณของส่วนราชการ กลุ่มเป้าหมายหลักของระบบ TEPE Online ได้แก่
ครู ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. จานวน ๔๐,๐๐๐ คน
รวมถึ งครู และบุ คลากรทางการศึ กษา ในสั งกั ดอื่ นของกระทรวงศึ กษาธิ การที่ จะมี การเชื่ อมโยงเข้ าสู่ ระบบนี้
ทั้งนี้ ข้าราชการครูสายผู้สอน สายผู้ บริ หารสถานศึกษา รวมถึงพนักงานราชการ ลู กจ้างชั่วคราวที่ปฎิบัติหน้าที่
ทาการสอนทุกคนในโรงเรียน สามารถสมัครเป็นสมาชิกลงทะเบียนเข้ารับการพัฒนาที่ www.tepeonline.org รายงาน
ต่อสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต ๑ ทุกวันที่ ๑๐ ของเดือน
สร้างโอกาสทางการศึกษาผ่านรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) โดยผลิต
รายการ TV รายวิชาที่มีเนื้อหายากของระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน ๓ วิชา คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และภาษาอังกฤษ เพื่อใช้เป็นสื่อเสริมในการเรียนรู้ของผู้สอนและผู้เรียน โดยผู้เรียนที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา
ดังกล่าว จะได้รับความรู้เพิ่มเติมจากสื่อ ETV และ Youtube เผยแพร่สื่อดังกล่าวผ่านทางช่องสัญญาณ ETV
ทั่วประเทศ ๗๗ จังหวัด รวม ๔,๕๙๗ จุด มีผู้รับชมรวมทั้งสิ้น ๑๗๒,๑๗๕ คน นอกจากนี้ ในช่วงปิดภาคเรียน
ฤดูร้อนได้ดาเนินการตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดบริการ “ETV ติว Summer” วิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์
เคมี ชีววิทยา วิทยาศาสตร์ทั่วไป และภาษาไทยผ่านสื่อ ดังนี้ ๑) ช่องสัญญาณดาวเทียมระบบ Ku-Band, True,
GMMZ, DTV, Sunbox และ PSI ๒) เคเบิลทีวีท้องถิ่น ๓) ทางเว็ปไซต์ etvthai.tv ๔) ผ่านระบบปฏิบัติการ Android
และ ๕) ผ่านระบบสมาร์ทโฟน
โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา (MoE NET) มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ
ปรับเปลี่ยนสื่อให้กับหน่วยงาน และสถานศึกษาสามารถเข้าถึงและใช้ระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วขึ้น จานวน
๓๕,๐๐๐ แห่ง และมีการติดตั้งระบบ MOENet Wi-Fi ให้กับทุกหน่วยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเข้าถึงระบบ
เครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๔๙
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๕๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๕๑
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๖
การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
----------------------------
การศึ ก ษาเป็ น กลไกส าคั ญในการเพิ่ มขี ดความสามารถและศั กยภาพทางเศรษฐกิจ ของประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดาเนินการเพิ่มองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ได้ ซึ่ง
ดาเนินงาน ดังนี้
๑. เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
จัดตั้งศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ ปัจจุบันมีศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา (University
Business Incubator : UBI) จานวน 72 แห่ง สามารถสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ารับการบ่มเพาะที่อยู่ในศูนย์
บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา จานวน 248 ราย และเตรียมพัฒนาเป็นบริษัทธุรกิจเต็มรูปในอนาคต (Spin off
Companies) จานวน 9 ราย โดยจะเริ่มโครงการเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งจะมีการติดตามประเมินผลการดาเนินงาน
โครงการทุก 6 เดือน
๒. ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัลและวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านระบบดิจิทัล พัฒนาผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ให้เข้าถึง
และใช้ระบบดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ โดยจัดโครงการบูรณาการร่วม 4 กระทรวง ประกอบด้วย
โครงการคลังความรู้ดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้
โครงการระบบข้อมูลดิจิทัล เพื่อการศึกษาเรียนรู้และมีงานทา
โครงการบูรณาการการเรียนรู้สู่อาชีพและวิชาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและมาตรฐาน
วิชาชีพสู่สากลรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลและประชาคมอาเซียน 2558
โครงการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ระบบเปิดสาหรับมหาชน
โครงการพัฒนาโครงข่ายสาหรับให้บริการอินเทอร์เน็ต
๓. พัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่
เขตชายแดน ประกอบด้วย
เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อาเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ด าเนิ นการตามความร่ วมมื อจั ดการอาชี วศึ กษาระหว่ างวิ ทยาลั ยการอาชี พแม่ สอด
กับสถานประกอบการในอาเภอแม่สอด ในด้านเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย ร่วมมือกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
และฝึ กอบรมวิชาชีพระยะสั้ น ให้กับประชาชนในพื้นที่ จังหวัดตาก และกาหนดแนวทางความร่วมมือในการพัฒนา
สถานศึกษาอาชีวศึกษาโดยจะขยายความร่วมมือในด้านอาชีวศึกษาทั้ง ๒ ประเทศ การหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ
ในการพัฒนากาลังคนด้านอาชีวศึกษาให้กับนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งฝึกอบรมวิชาชีพ
ระยะสั้นให้กับผู้หนีภัยสงครามที่พานักในศูนย์พักพิงชั่วคราวบริเวณชายแดนไทย – เมียนมาร์
เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อาเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ด าเนิ นการพั ฒนาเยาวชนกั มพู ชา จ านวน 58 คน ด้ านวิ ชาชี พ โดยวิ ทยาลั ยเกษตร
และเทคโนโลยี สระแก้ ว และวิ ทยาลั ยเทคนิ คสระแก้ ว และฝึ กอบรมวิ ชาชี พให้ กั บประชาชนบริ เวณชายแดน
และสถานประกอบการไทยที่ไปลงทุนในจังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา
๕๓
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๕๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๗
การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
----------------------------
การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี ๒๕๕๘ จะเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก
หากประเทศไทยเตรี ยมการในเรื่ องต่ าง ๆ ให้ พร้ อมเพื่ อการเข้ าสู่ ประชาคมอาเซี ยนให้ เกิ ดประโยชน์ สู งสุ ด
ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน กระทรวงศึกษาธิการถือว่ามีบทบาทสาคัญในการเตรียมการด้านทรัพยากร
มนุษย์ จึงได้ดาเนินการด้านพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ การพัฒนาความรู้ความสามารถนักเรียน นักศึกษา ผู้บริหาร
ครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชน ส่งเสริมบทบาทและพัฒนาศักยภาพ ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การพัฒนา
ทักษะการเรี ยนการสอนด้านภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งขยายความร่วมมือด้านการศึกษา
และการประชุมที่สาคัญต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมีผลการดาเนินงาน ดังนี้
๑. เตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมีการดาเนินงานสาคัญ ดังนี้
จัดทาแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (Post ๒๐๑๕)
(พ.ศ. 2558 – 2562) ขณะนี้อยู่ระหว่างดาเนินการจัดพิมพ์เอกสาร เพื่อเผยแพร่
จั ดตั้ งศู นย์ ส่ งเสริ มอาเซี ยนศึ กษาในส านั กงานศึ กษาธิ การภาค ๑ – ๑๓ เพื่ อประสาน
และขับเคลื่อนความเข้าใจ ส่งเสริมต้นแบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาของประเทศ
สมาชิกอาเซียนให้กับนักเรียน นักศึกษา โรงเรียน สถานศึกษา ชุมชน และประชาชนทั่วไป ขณะนี้ดาเนินงานขับเคลื่อน
ศูนย์อาเซียนศึกษาภาค 1 - 13 ดังนี้
อบรมพัฒนาผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา เพื่อส่งเสริมการใช้หลักสูตรแกนกลาง
อาเซียน หรื อ ASEAN Curriculum Sourcebook ไปสู่การปฏิบัติ จานวนศูนย์ละ 150 คน รวม 1,950 คน
ซึ่งหลักสูตรนี้ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนให้แจกจ่ายไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วอาเซียนแล้ว ตั้งแต่
วันที่ 4 กรกฎาคม ๒๕55 เพื่อเป็นแม่บทให้กับ “ครู” ทั่วอาเซียนในการให้การศึกษาเกี่ยวกับอาเซียนแก่เยาวชน
ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจากผลการสารวจ พบว่า ครูที่รับผิดชอบการสอนอาเซียนศึกษามีอุปสรรคในการนาหลักสูตร
ดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ
รวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ ด้านอาเซียนศึกษา เพื่อให้ศูนย์อาเซียนศึกษาภาค 1 – 13
เป็น Resource Center ให้กับสถานศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕58 จะดาเนินการ รวบรวม
ข้อมูล องค์ความรู้ ด้านอาชีวะ ทั้งในระดับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับหลักสูตรประกาศนียบัตร
วิชาชีพขั้นสู ง (ปวส.) เพื่อให้ การผลิตอัตรากาลังสอดคล้องกับความต้องการตลาดแรงงานของประชาคมอาเซียน
ซึ่งคณะกรรมการฯ ประจาศูนย์ จะเป็นผู้ออกแบบนวัตกรรม และเครื่องมือในการเก็บรวบรวม ตามบริบทพื้นที่
รวบรวมผลงานนวัตกรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนสู่ประชาคมอาเซียน จากสถานศึกษาในพื้นที่
รับผิดชอบของศูนย์อาเซียนศึกษาภาค 1 – 13 ซึ่งระยะเวลาการดาเนินงานรวบรวมนวัตกรรมของแต่ละศูนย์ฯ
จะดาเนินการภายในเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ๒๕58
๕๖
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๕๘
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๕๙
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๔. ขยายความร่วมมือด้านการศึกษาและการประชุมที่สาคัญต่างๆ
ความร่วมมือด้านการศึกษา
จัดทายุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทาง
ในการดาเนินความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ของสานักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
และสถาบันอุดมศึกษา
แลกเปลี่ยนเยาวชนในโครงการ JENESYS 2.0 ร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในการจัดส่ง
อาสาสมัครชาวญี่ปุ่น จานวน 29 คน มาเป็นครูช่วยสอนในสถานศึกษา 29 แห่ง ร่วมกับครูชาวไทย เพื่อไปเรียนรู้
วัฒนธรรมญี่ปุ่น ร่วมมือกับประเทศจีนในการจัดส่งครูอาสาสมัครชาวจีนมาปฏิบัติงานในประเทศไทย รวม 270 คน
และทุนการศึกษาระหว่างกัน ปีละ 7 ทุน
จัดโครงการทุนการศึกษาด้านการสอนภาษาต่างประเทศที่สอง ร่วมมือกับสถาบันภาษา
ในประเทศมาเลเซียและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จัดส่งผู้รับทุนของเพื่อผลิ ตครูในสาขาวิชาที่ขาดแคลน
เข้ารับการอบรมภาษา วัฒนธรรมและเทคนิคการสอนมาเลย์และเมียนมาร์ตามมาตรฐานของเจ้าของภาษา
มอบทุนการศึ กษาระดับมั ธยมศึกษา ปี ละ 60 ทุน ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิ การ
มาเลเซีย เป็นเวลา 6 ปี จานวน 360 ทุน แลกเปลี่ยนครู คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ด้านการอาชีวศึกษา จัดค่ายลูกเสือ
เยาวชนไทย - มาเลเซีย และนาเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาไทย – มาเลเซีย
ร่วมจัดการศึกษาให้กับโรงเรียนพระราชทานวิทยาลัยกาปงเฌอเตียล ราชอาณาจักร
กั มพู ชา ซึ่ งเป็ นสถานศึ กษาในโครงการพระราชทานในสมเด็ จพระเทพรั ตนราชสุ ดาฯ สยามบรมราชกุ มารี
ให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาหลักสูตร ตาราเรียน วัสดุอุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เป็น
ต้นแบบในการจัดการศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนสายสามัญศึกษาและสายอาชีวศึกษา ได้จัดกิจกรรมพัฒนาการ
จัดการเรียนการสอนแก่ครูและนักเรียนวิทยาลัยกาปงเฌอเตียล ดังนี้ การพัฒนาหลักสูตร การจัดทาแผนการเรียนรู้
ตารา สื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอน และการนิเทศการจัดการเรียน การสอนอาชีวศึกษา
ลงนามความร่ วมมื อด้ า นส่ งเสริ มการเรี ยนการสอนภาษาจี น ร่ วมกั บส านั กงาน
คณะกรรมการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนนานาชาติ (Hanban) โดยได้รับการส่งเสริมสนับสนุนการเรียน
การสอนภาษาจีนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และสานักงานส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีน
นานาชาติ (Hanban) จัดครูไปสอนโรงเรียนเอกชนทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕46 จนถึงปัจจุบัน 13 รุ่น
โดยปีการศึกษา ๒๕57 มีครูอาสาสมัครจีน จานวน 625 คน
จั ดโครงการครู ผู้ช่วยสอนภาษาญี่ปุ่น รุ่ นที่ 2 มี กาหนดจะเดิ นทางมาปฏิบั ติหน้าที่
ในโรงเรียน 41 แห่งทั่วประเทศระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม ๒๕58 – มีนาคม ๒๕59 รวมระยะเวลา 10 เดือน
จานวน 41 คน
จัดโครงการผู้ช่วยสอนภาษาฝรั่งเศส ประจาปี 2558 ภายใต้โครงการ “Teaching in
Thailand Project” ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจาประเทศไทย โดยนานักศึกษาที่กาลังศึกษาระดับ
ปริญญาโท วิชาเอกด้านการสอนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาต่างประเทศจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสาธารณรัฐฝรั่งเศส
มาเป็นอาสาสมัครช่วยสอนภาษาฝรั่งเศสในสถานศึกษาของไทย ระยะเวลา 9 สัปดาห์ เพื่อช่วยพัฒนาทักษะภาษา
ฝรั่งเศสของครูและนักเรียนของไทย ตลอดจนเป็นแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและกระชับความสัมพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่
ในสถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา
เอกชน จานวน 15 แห่ง โดยอาสาสมัครจากฝรั่งเศสมาเป็นผู้ช่วยสอนภาษาฝรั่งเศส จานวน 15 คน
๖๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๖๑
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๘
การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม
----------------------------
กระทรวงศึกษาธิ การได้ ส่ งเสริ มระบบการเรียนการสอนที่ เชื่อมโยงระหว่ างวิ ทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยี การผลิตกาลังคนในสาขาที่ขาดคแลน การเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้กับการทางาน รวมทั้งการส่งเสริม
การวิ จั ย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อเป็ นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญหาที่ส าคัญในการต่ อยอดสู่การใช้เชิ งพาณิชย์
ของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีการดาเนินงาน ดังนี้
๑. ส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ
มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ 9 แห่ง จัดส่ง Performance Agreement (PA) สาหรับงบประมาณ
ประจาปี 2558 ขณะนี้อยู่ระหว่างการดาเนินงานวิจัยเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการฯ
มหาวิทยาลัยภายใต้โครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา 70 แห่ง ส่งข้อเสนอโครงการวิจัย
รวม 1,438 โครงการ โดยผู้ ทรงคุ ณวุ ฒิ และคณะกรรมการได้ พิ จารณาและประกาศผลผู้ ได้ รั บการจั ดสรรทุ น
โครงการวิจัย ประจาปี พ.ศ. 2558 รวม 542 โครงการ
จัดโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ ประจาปี
งบประมาณ พ.ศ. 2559 เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด และความคุ้มค่ากับงบประมาณที่หากได้รับการ
จัดสรรงบประมาณ เพื่อพัฒนาบุคลากร และงานวิจัยในรูปแบบเครือข่ายกลุ่มวิจัยเชิงบูรณาการของมหาวิทยาลัย
ภายใต้โครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล
และสั งคม ชุมชน ท้องถิ่น ประชาชน และองค์กรทุกภาคส่ วนได้รับประโยชน์จากผลงานวิจัยที่เกิดขึ้น พร้อมทั้ง
การสร้ างบุ คลากรที่ มี คุ ณภาพสู ง เพื่ อเตรี ยมความพร้ อมสู่ การเป็ นน าของประชาคมอาเซี ยนและการแข่ งขั น
กับมหาวิทยาลัยระดับโลกต่อไป
สนับสนุนการดาเนินการวิจัยของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ซึ่งขณะนี้ดาเนินการโครงการวิจัย
ต่อเนื่อง จานวน 40 โครงการ และโครงการวิจัยใหม่ จานวน 12 โครงการ มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์
ระดับนานาชาติแล้ว จานวน 24 เรื่อง นาเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการ จานวน 3๘ เรื่อง
๒. พัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
บู ร ณาการการยกระดั บ การพั ฒ นาและส่ ง เสริ ม นั ก เรี ย นที่ มี ค วามสามารถพิ เ ศษ
ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยดาเนินการพัฒนาและส่งเสริมผู้มี
ความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ดังนี้
พัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.)
โดยสอบข้อเขียนสาหรับผู้รับทุนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 สอบสัมภาษณ์ สอบความคิดสร้างสรรค์และสอบภาคปฏิบัติ
เรียบร้อยแล้ว และได้ประกาศผลซึ่งมีผู้ได้รับทุน จานวน 100 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับทุนระดับปริญญาตรี
โดยศูนย์มหาวิทยาลัยของโครงการฯ
พัฒนาและขยายผลอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์สาหรับเยาวชน
ซึ่งมีนักเรียนสมัครสอบเข้าแข่งขัน จานวน 131,740 คน และดาเนินการคัดเลือกนักเรียนเข้าโครงการอัจฉริยภาพ
ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ประจาปีการศึกษา 2557 จานวน 4,430 คน
๖๓
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
อบรมคัดเลือกผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่าง
ประเทศ ประจาปี พ.ศ. 2558 เพื่อพัฒนาความสามารถทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
เตรียมจัดการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 56 ปี พ.ศ. 2558
ระหว่างวันที่ 4 – 16 กรกฎาคม ๒๕58 โดยมีหน่วยงานที่ร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน ประกอบด้วย มูลนิธิส่งเสริม
โอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สมาคมคณิตศาสตร์
แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สนั บสนุ นทุนการศึ กษาให้ ผู้ มีความสามารถพิ เศษทางวิ ทยาศาสตร์ คณิ ตศาสตร์
และเทคโนโลยี จานวน 1,687 ทุน แยกเป็นทุนพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(ทุน พสวท.) จ านวน 1,500 ทุน และทุนโอลิ มปิกวิชาการ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จานวน 187 ทุน
การพั ฒ นาและส่ ง เสริ ม การผลิ ต ครู ผู้ มี ค วามสามารถพิ เ ศษทางวิ ท ยาศาสตร์ แ ละ
คณิตศาสตร์ (สควค.) โดยดาเนินการสรรหาผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิ ตศาสตร์เข้ารับ
ทุนระดับปริญญาโททางการศึกษา พัฒนาและส่งเสริมศักยภาพผู้รับทุนให้มีความรู้ ความสามารถในการจัดการ
เรียน การสอนนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ดังนี้
คัดเลือกผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้าเป็นนักศึกษา
ทุนโครงการ สควค. ระดับปริญญาโททางการศึกษา ประเภท Premium ปีการศึกษา 2558 โดยดาเนินการ
ประกาศผลผู้ผ่านการสอบข้อเขียนเรียบร้อยแล้ว
สนั บ สนุ น ทุ น ส่ ง เสริ ม การผลิ ต ครู ที่ มี ค วามสามารถพิ เ ศษทางวิ ท ยาศาสตร์ แ ละ
คณิตศาสตร์ (ทุน สควค.) จานวน 1,116 ทุน
พัฒนากาลังคนด้านวิทยาศาสตร์ ระยะ 2 (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย)
เพื่อผลิตอาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยที่มีความสามารถสูงเพื่อพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ที่ใช้ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยรับนักศึกษาทุนระดับปริญญาตรี – ปริญญาเอก สาหรับปีการศึกษา 2557
เข้าร่วมโครงการ ฯ จานวน 167 คน
จั ด ส่งคณะนักเรี ยนไทยไปเข้ า ร่ วมการประชุมนานาชาตินั กวิทยาศาสตร์ รุ่ น เยาว์
(International Conference of Young Sciencetists : ICYS) ครั้งที่ 22 หรือ ICYS 2015 ระหว่าง
วันที่ 19 - 25 เมษายน ๒๕58 ณ เมืองอิซเมียร์ สาธารณรัฐตุรกี มีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันจาก
23 ประเทศ และสังเกตการณ์ 2 ประเทศ ผลปรากฏว่า นักเรียนไทยสามารถคว้ารางวัลการนาเสนอผลงาน
จากงาน ICYS 2015 ประกอบด้วย เหรียญทอง 2 รางวัล สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เหรียญเงิน
1 รางวัล สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เหรียญทองแดง 2 รางวัล สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รางวัลโปสเตอร์
ยอดเยี่ยม 1 รางวัล สาขาคณิตศาสตร์
๖๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๖๕
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
จัดโครงการนาร่องทดลองใช้งานศูนย์เรียนรู้ดิจิทัลระดับชาติด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยี (Ipst Learning Space) โดยเริ่มจากระบบโรงเรียน คัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อม จานวน
11 แห่ง เข้าร่วมโครงการและนาระบบโรงเรียนไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหลักสูตรการศึกษา
แผนการจัดการเรียนรู้ และข้อสอบภายในโรงเรียนผ่านระบบออนไลน์ประกอบด้วย 1) โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย
2) โรงเรียนควนเนียงวิทยา 3) โรงเรียนเสาไห้ “วิมลวิทยานุกูล” 4) โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค 5) โรงเรียนอุตรดิตถ์
ดรุณี 6) โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า อุตรดิตถ์ 7) โรงเรียนปทุมคงคา 8) โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย 9) โรงเรียน
รัตนโกสินทร์สมโภชบางเขน 10) โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ และ 11) โรงเรียนกมลาไสย
๔. ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา
พัฒนานักวิจัยด้านยุทโธปกรณ์กับกองทัพบก โดยสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ลงนาม
บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุน การพัฒนานักวิจัยด้านยุทโธปกรณ์กับกองทัพบก โดย
จัดสรรงบประมาณประจาปี พ.ศ. ๒๕57 จานวน 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ จานวน 14
โครงการ จากสถาบันอุดมศึกษา 8 แห่ง ซึง่ ได้จัดทาคาของบประมาณประจาปี พ.ศ. ๒๕59 สาหรับสนับสนุนงานวิจัย
ด้านยุทโธปกรณ์ จานวน 50 ล้านบาท และจะเปิดรับข้อเสนอโครงการจากนักวิจัยทั้งประเทศประมาณเดือนสิงหาคม
2559
จั ดโครงการ “การจั ดการศึกษาแบบบูรณาการเพื่อส่งเสริ มสุขภาพนั กเรียน กรณีโรงเรียน
ต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพในแถบลุ่มน้าโขง” โดยสานักงานศึกษาธิการภาค ๙ ร่วมกับสานักงานคณะกรรมการวิจัย
แห่ งชาติ ก าหนดการวิ จั ยการจั ดการศึ กษาแบบบู รณาการเพื่ อส่ งเสริ มสุ ขภาพนักเรียน กรณีโรงเรี ยนต้ นแบบ
การส่งเสริมสุขภาพในแถบลุ่มน้าโขง ซึ่งเป็นการศึกษากระบวนการส่งเสริมสุขภาพอย่างเป็นองค์รวม ของโรงเรียน
ต้ น แบบการส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพนั กเรี ย น(โรงเรี ย นต้ นแบบการส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพ หมายถึ ง โรงเรี ยนในสั ง กั ด
กระทรวงศึกษาธิการ ที่ผ่านการประเมินรับรองมาตรฐานด้านการส่งเสริม สุขภาพระดับเพชรในระดับเขตอนามัย
(ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี) และระดับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข) ในแถบลุ่มน้าโขง (จังหวัดนครพนม
มุกดาหาร อานาจเจริญ และอุบลราชธานี) การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
พฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนของโรงเรียน ต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพนักเรียนลักษณะความร่วมมือของชุมชน
กับโรงเรียน ในการส่งเสริมสุขภาพของนักเรียนของโรงเรียนต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพ นักเรียน และศึกษารูปแบบ
การพัฒนาสู่ความสาเร็จและยั่งยืนในการ ส่งเสริมสุขภาพบุคลากรในโรงเรียนของโรงเรียนต้นแบบการส่งเสริม สุขภาพ
นักเรียน ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกเก็บข้อมูลในพื้นที่ ซึ่งจะออกเก็บข้อมูลด้านการสาธารณสุข ด้านการศึกษาในพื้นที่
จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุ ขภาพตาบล (รพ.สต.) และกาหนดการประชุมคณะนักวิจัย จ านวน 8 ครั้ง ขณะนี้
ได้ดาเนินการไปแล้ว 4 ครั้ง ประกอบด้วยคณะนักวิจัยในโครงการ จานวน 9 คน และนักวิจัยพื้นที่โรงเรียนละ 3 คน
ประกอบด้วย ครูฝ่ายวิชาการ ครูฝ่ายอนามัย และผู้บริหาร) กาหนดกลุ่มผู้ให้ ข้อมูลอีกโรงเรียนละ 3 คน โดยใน
เบื้องต้นหลังจากออกเก็บข้อมูลแล้วจะนาเสนอข้อมูลเป็นบทความวิจัย ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ๒๕58
จั ดทาวิจั ยกั บโรงเรี ยนการศึกษาพิ เศษ ร่ วมกับมหาวิทยาลัยกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ตามกรอบ
ความร่วมมือการทาวิจัยกับโรงเรียนการศึกษาพิเศษประเทศไทย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบการจัดการเรียนการสอน
ผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ในการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทาในอาชีพด้านการเกษตรระหว่างการศึกษาพิเศษ
ทั้ง 2 ประเทศ โดยมุ่งเน้นการยกระดับความเป็นมืออาชีพของผู้บริหาร ครูผู้สอน และบุคลากรในสถานศึกษาที่เปิด
สอนให้กับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ โดยมีสถานศึกษาเข้าร่วม 5 แห่ง ประกอบด้วย 1) โรงเรียนลพบุรีปัญญานุกูล
๖๖
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๖๗
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายที่ ๑๐
การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล
และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ
----------------------------
กระทรวงศึ กษาธิ การด าเนิ นการส่ งเสริ มการบริ หารราชการแผ่ นดิ นที่ มี ธรรมาภิ บาล และการป้ องกั น
ปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ โดยการใช้มาตรการทางกฎหมาย และการป้องกันการทุจริต
คอรัปชั่น การปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล รวมทั้งการรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ
และความซื่อสัตย์สุจริต ควบคู่กับการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต
และประพฤติมิชอบของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งการให้บริการประชาชน เรื่อง ร้องเรียน
ร้องทุกข์ของประชาชนที่เกี่ยวข้องการศึกษา โดยมีผลการดาเนินงาน ดังนี้
๑. การใช้มาตรการทางกฎหมาย และการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น
กาหนดแนวทางการป้องกันการทุจริต 2 แนวทาง ดังนี้
การป้องกันปัญหาโดยให้ความรู้กับบุคลากร ในสถาบันการศึกษา สานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐานและสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทาบันทึกความเข้าใจ
(MOU) ร่วมกันขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติ เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ด้วยกระบวนการ
จัดการโดยการวางระบบการคัดเลือกบุคลากรโดยจัดสอบกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริต
ให้สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจาจังหวัดมี
ส่วนร่วมกับโครงการขนาดใหญ่
ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรการควบคุมการจัดทาโครงการที่มี การจัดจ้าง
ให้เอกชนผู้รับจัดงาน (Organizer) งานโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์ ของทุกหน่วยงานในสังกัดและในกากับ
ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีวงเงิน 1 ล้านบาท หรือมีกลุ่มเป้าหมายจานวนตั้งแต่ 100 คน ขึ้นไป ต้องเสนอ
ขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก่อนการจัดงาน
จั ด ตั้ ง ศู น ย์ รั บ เรื่ อ งราว ร้ อ งเรี ย น ร้ อ งทุ ก ข์ ใ ห้ บ ริ ก ารประชาชนที่ เ กี่ ย วข้ อ งการศึ ก ษา
ซึ่งประชาชนสามารถร้องเรียน ร้องทุกข์ เรื่องต่างๆ ผ่านหลากหลายช่องทาง เช่น Call Center 1579
หรือ www.1579.moe.go.th จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการรับนักเรียนและช่วยเหลือนักเรียน
ที่ตกหล่นไม่มีที่เรียนที่สายด่วน สพฐ. หมายเลข 0 2280 5530
๒. ปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล
จั ด โครงการเสริ มสร้ า งคุ ณ ธรรม จริ ยธรรมและธรรมาภิ บาลในสถานศึ กษา “ป้ องกั น
การทุจริต” โรงเรียนสุจริต โดยดาเนินการประชุม/อบรม จานวน 8 หลักสูตร ดังนี้
อบรมหลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง สาหรับผู้บริหารสถานศึกษาโครงการโรงเรียนสุจริต
(สจว.สพฐ.) จานวน 2 รุ่น
ประชุ ม เชิ ง ปฏิ บั ติ ก ารโครงการเสริ ม สร้ า งคุ ณ ธรรม จริ ย ธรรมและธรรมมาภิ บ าล
ในสถานศึกษา “โรงเรียนสุจริต” มีศึกษานิเทศก์ /นักวิชาการศึกษา ที่รับผิดชอบโครงการในระดับสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งสิ้น 225 คน
๖๙
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๗๐
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๗๑
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
๗๒
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
หน่วยงานสนับสนุนข้อมูล
๑. สานักงานรัฐมนตรี
๒. สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
๓. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
๔. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
๕. สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
๖. สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
๗. สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
๘. สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
๙. สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
๑๐. สานักงานเลขาธิการคุรุสภา
๑๑. สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
๑๒. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๓. โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
๑๔. สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)
๑๕. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
๑๖. สานักงานลูกเสือแห่งชาติ
๗๔
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
กระทรวงศึกษาธิการ
คณะบรรณาธิการ
๑. นางนิตย์ โรจน์รัตนวาณิชย์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
๒. นายเชิดศักดิ์ ศรีศักดิ์วิชัย ผู้อานวยการสานักนโยบายและยุทธศาสตร์ สป.
๓. นายวัฒนชัย จันทร์วีนุกูล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการพิเศษ
๔. นางสาวปทุมพร อยู่คง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการพิเศษ
๕. นายสรินท์ ศรีสมพันธุ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการพิเศษ
๖. นางเจนจิรา ธัชศฤงคารสกุล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการ
๗. นางสัมพันธ์ แจ่มหอม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ
๘. นางสาวพรมนันท์ เตียวเจริญชัย นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ
๙. นายศุภกิตติ์ ยอดพิจิตร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ
๗๕
รายงานผลการดาเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในรอบ ๙ เดือน
(ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ – ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘)
สานักนโยบายและยุทธศาสตร์
สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ