Professional Documents
Culture Documents
78658-Article Text-189162-1-10-20170301
78658-Article Text-189162-1-10-20170301
วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
การเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
The Comparison of Utilization of Multiple Regression with
Structural Equation Model
in Construction Industry Research
นิชาภา จันต๊ะมา และ ปิยนุช เวทย์วิวรณ์
ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
E-mail: miu.nichapa@gmail.com, fengpyv@ku.ac.th
บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง โดยใช้งานวิจัยเรื่องปัจจัยหลักด้านโครงสร้างพื้นฐานองค์กร
และการศึกษาความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคล ที่ขับเคลื่อนการจัดการความรู้ในองค์กรก่อสร้างไทย ซึ่งได้
เก็บข้อมูลและวิเคราะห์โดยวิธีถดถอยพหุมาเป็นกรณีศึกษา ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากกรณีศึกษาด้วยวิธีการ
วิเคราะห์สมการโครงสร้าง และเปรียบเทียบผลการวิจัยจาก 2 วิธีการ พบว่า การวิเคราะห์สมการโครงสร้างนี้
มีปัญหาในเรื่องของอัตราส่วนระหว่างจำ�นวนกลุ่มตัวอย่างต่อจำ�นวนพารามิเตอร์ที่ประมาณค่า อย่างไรก็ดีการ
วิเคราะห์สมการโครงสร้างนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาทางสถิติของความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
ระหว่างตัวแปรที่มีความซับซ้อนได้ และสามารถยืนยันสมมุติฐานของผู้วิจัยในภาพรวมที่ไม่สามารถทำ�ได้ในวิธี
ถดถอยพหุ ซึ่งมีความถูกต้อง สอดคล้องกับข้อมูลจริง โดยแสดงจากค่าดัชนีที่ใช้ตรวจสอบความสอดคล้องของ
แบบจำ�ลอง ผลที่ได้จากงานวิจัยนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาความเหมาะสมของกลุ่มตัวอย่างกับ
สถิติที่เลือกใช้ เพื่อใช้พัฒนางานวิจัยด้านการจัดการก่อสร้างในอนาคตได้
lorem
IPSUm
คำ�สำ�คัญ :LoREM
Lorem IPSUM
วิธีถดถอยพหุ แบบจำ�ลองสมการโครงสร้าง องค์กรการก่อสร้าง
Lorem IPSUM
ABSTRACT
Lorem IPSUM
This research aimed to compare utilization of multiple regression and Structural Equation
Lorem IPSUM
Model in construction industry research. Using research case study Key organizational infrastructure
factors and study of human LoREM
resource readiness for knowledge management in Thai construction
IPSUm
lorem
1
วิศวกรรมสาร มก.
organizations. The data collected and analyzed by multiple regression. The research presents a
running example which analyzes the same dataset via SEM statistical techniques. It then compares
two different statistical techniques. Finally, the results of this study showed that the result by using
analysis of structural equation is the issue of the ratio between the numbers of samples per parameter.
However, Multiple Regression Method wasn’t able to analyze the relationship of all factors as a
whole, but SEM can confirm the relationship of all factors that occur as the overall hypothesis. The
results of this research can be used as a guide in determining the appropriateness of the statistical
TEXT le
sample used in the research and development of research in construction management in the future.
e TEXT
Samp
Sampl
XT
le TE
Key Words:
Samp
XT
le TE
Samp
Samp
Sampple text he
XT
Sa
Sam
Sample TEXT
บริหารก่อสร้างที่วิเคราะห์ด้วยวิธีสมการโครงสร้าง
การเลือกใช้สถิติวิจัยเพื่อนำ�มาวิเคราะห์ข้อมูลใน
สูงถึง 13 บทความ จากการรวบรวมบทความนี้ทำ�ให้
งานวิจัย เป็นปัญหาสำ�คัญปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับ
ทราบถึงความสำ�คัญของการวิจัยเพื่อหาเหตุผลในการ
ผู้วิจัย ซึ่งยังคงมีมุมมองและทัศนคติที่แตกต่างกันใน
สนับสนุนสมมุติฐาน ด้วยเหตุผลเชิงปริมาณ ด้วยการ
การเลือกใช้สถิติวิจัย โดยเฉพาะการหาความสัมพันธ์
วิเคราะห์พหุตัวแปร (Multivariate Analysis) ซึ่งการ
ของตัวแปรด้วยวิธถี ดถอยพหุ ซึง่ เป็นทีแ่ พร่หลายในการ
วิเคราะห์นมี้ หี ลายวิธี และมีความเหมาะสมและเงือ่ นไข
ศึกษาเชิงการจัดการพฤติกรรมองค์กรในอุตสาหกรรม
แตกต่างกันไป
การก่อสร้าง และการหาความสัมพันธ์ของตัวแปรด้วยวิธี
การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติที่สามารถตอบคำ�ถาม
การวิเคราะห์สมการโครงสร้าง ซึง่ เป็นวิธกี ารวิเคราะห์
วิจยั ด้านความสัมพันธ์เชิงสาเหตุได้เริม่ จาก ผลงานของ
ที่ผู้วิจัยนิยมใช้สถิตินี้เพิ่มมากขึ้น
Francis and Pearson ทีก่ ล่าวไว้ใน [1] ในปี ค.ศ. 1911
จากการรวบรวมข้อมูลในวารสารระดับนานาชาติ
ที่ประมวลผลวิเคราะห์เชิงสถิติที่เรียกว่า การวิเคราะห์
ในด้านการบริหารการก่อสร้าง ระหว่างปี ค.ศ. 2003-
ถดถอยพหุ การวิจัยนี้ ได้ศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของ
2013 ได้แก่ Journal of Construction Engineering
บุคคล โดยได้ศกึ ษาเรือ่ งราวของกรรมพันธุ์ [1] และผล
and Management, Journal of Management in
งานของ Binet and Simon ทีก่ ล่าวไว้ใน [2] ในปี ค.ศ.
Engineering, International journal of Project
1916 เป็นการศึกษาเรือ่ งปัญญาซึง่ เป็นผลรวมของความ
Management และ Construction Management and
สัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการตัดสินใจ การคิด
Economics พบว่า แนวโน้มในการเลือกใช้สถิตวิ จิ ยั ทัง้
หาเหตุผล จินตนาการ การใช้สามัญสำ�นึกกับความ
2 วิธขี องนักวิจยั มีแนวโน้มเพิม่ ขึน้ โดยในปี ค.ศ. 2003
สามารถในการปรับตัว [2] เป็นต้น โดยการวิเคราะห์
ไม่พบบทความด้านบริหารก่อสร้างที่วิเคราะห์ด้วย
2
การเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
ถดถอยพหุเป็นสถิตดิ งั้ เดิมทีใ่ ช้กนั แพร่หลาย มีขอ้ จำ�กัด ด้วยข้อจำ�กัดของข้อมูล แสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 บทความ
5 ข้อคือ 1. ตัวแปรต้องเป็นตัวแปรต่อเนือ่ งหรือตัวแปร ตัวอย่างนั้นอธิบายผลแตกต่างกันไป
เมตริก มีการแจกแจงเป็นโค้งปกติ และไม่มคี วามคลาด งานวิจัยนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลด้วย
เคลือ่ นในการวัด 2. การกระจายของตัวแปรตามทุกค่า วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
ของตัวแปรต้องไม่ตา่ งกัน 3. ตัวแปรต้นต้องสัมพันธ์กนั จากตัวอย่างงานวิจัยในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ผู้วิจัย
น้อย คือไม่มีภาวะร่วมเส้นตรง 4. ตัวแปรทั้งหมดต้อง ได้เลือกงานวิจัยด้านการจัดการความรู้ในองค์กรการ
มีความสัมพันธ์แบบเส้นตรง และ 5. เทอมความคลาด ก่อสร้าง โดยใช้งานวิจัยที่ได้เก็บข้อมูลและวิเคราะห์
เคลือ่ นต้องไม่สมั พันธ์กนั [3] จึงเกิดความคลาดเคลือ่ น โดยวิธีถดถอยพหุมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อเปรียบเทียบ
ในการวัด ส่งผลให้การวิเคราะห์ไม่คอ่ ยแม่นยำ� รวมถึง กับการวิเคราะห์ด้วยวิธีสมการโครงสร้าง
ไม่ยอมให้ความคลาดเคลือ่ นระหว่างตัวแปรสัมพันธ์กนั Sample TEXT
2. วิธีการดำ�เนินงานวิจัย
Sample TEXT
และไม่มกี ารตรวจสอบความสอดคล้องของแบบจำ�ลอง
การวิเคราะห์ [4] จากกรณีศึกษาได้เก็บข้อมูลจากบุคลากรในระดับ
นักวิจยั และนักสถิตหิ ลายท่าน เช่น Jöreskog and บริหาร เช่น กรรมการผูจ้ ดั การ ผูจ้ ดั การทัว่ ไป ผูจ้ ดั การ
Sörbom [5] และ Muthén [6] เป็นต้น ได้ตระหนักถึง โครงการ เป็นต้น ของ 101 องค์กรอุตสาหกรรมก่อสร้าง
การวิเคราะห์แบบถดถอยพหุทยี่ งั มีขอ้ จำ�กัด จึงได้พฒ ั นา ไทย โดยแบบสอบถามประกอบด้วย 84 ข้อคำ�ถาม และ
สถิติขึ้นมาเพื่อปรับปรุงกระบวนการวิเคราะห์ และได้ วิเคราะห์ด้วยวิธีถดถอยพหุ ผลการวิเคราะห์ได้ปัจจัย
สถิตแิ นวใหม่ทเี่ รียกว่า การวิเคราะห์สมการโครงสร้าง ทัง้ หมด 9 ปัจจัย แต่ผวู้ จิ ยั นำ�ผลมาวิเคราะห์ปจั จัยสำ�รวจ
เป็นการวิเคราะห์แก้ชุดสมการเชิงเส้นตรงพร้อมกัน เพิ่ม ทำ�ให้สามารถแบ่งกลุ่มปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด
หลายสมการ ซึ่งสามารถสร้างตัวแปรแฝง รวมถึงแยก ประสิทธิผลการเรียนรู้ใหม่ได้เป็น 10 ปัจจัย โดยการ
เทอมความคลาดเคลื่อนในการวัดตัวแปร ใช้คะแนน พิจารณาจากปัจจัย ความร่วมมือร่วมใจในการทำ�งาน
จริงวิเคราะห์ ยอมให้ความคลาดเคลื่อนของตัวแปรมี (Employee Collaboration) ซึ่งปัจจัยใหม่คือ ความ
ความสัมพันธ์กัน และสามารถศึกษาอิทธิพลทางตรง ยอมรับนับถือในองค์กร (Organizational Respect)
และทางอ้อมระหว่างตัวแปรในกรณีที่มีตัวแปรส่งผ่าน ขัน้ ตอนต่อมาจึงสร้างแบบจำ�ลองการวัด และวิเคราะห์
[7] โดยการศึกษาของ Gefen, et al. [8], Nusair and แบบจำ�ลองดังกล่าว จากนัน้ จึงออกแบบ สร้างแบบจำ�ลอง
Hua [9] ได้วเิ คราะห์เปรียบเทียบระหว่างวิธถี ดถอยพหุ สมการโครงสร้าง และนำ�แบบจำ�ลองไปวิเคราะห์ผลด้วย
กับวิธกี ารวิเคราะห์สมการโครงสร้าง โดยที่ Gefen [8] วิธวี เิ คราะห์สมการโครงสร้าง พัฒนาและปรับปรุงแบบ
ได้วเิ คราะห์ปจั จัยทีส่ ง่ ผลต่อ Intentions to Use ผลการ จำ�ลอง เพือ่ เปรียบเทียบผลการวิเคราะห์กบั ผลของงาน
ศึกษาพบว่าการวิเคราะห์สมการโครงสร้างอธิบายความ วิจัยที่เป็นกรณีศึกษา โดยการตรวจสอบและวิเคราะห์
ซับซ้อนของแบบจำ�ลองได้ดกี ว่า ส่วน Nusair and Hua ข้อมูลด้วย SPSS และการวิเคราะห์แบบจำ�ลองสมการ
[9] ประเมินรูปลักษณ์ของระบบ E-Commerce โดย โครงสร้าง โดยการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลด้วย
ใช้แบบจำ�ลองการวิเคราะห์ทั้ง 2 วิธี ผลการศึกษาพบ โปรแกรม AMOS ซึง่ มีขน้ั ตอนรายละเอียดคือ การกำ�หนด
ว่าผลจากการวิเคราะห์แบบถดถอยพหุสามารถอธิบาย ตัวแปรสังเกตและตัวแปรแฝง จากนั้นนำ�ไปวิเคราะห์
แบบจำ�ลองได้ดกี ว่าการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง เนือ่ ง ปัจจัยเชิงสำ�รวจ เพือ่ ออกแบบแบบจำ�ลองการวัด และนำ�
3
วิศวกรรมสาร มก.
No
Assessing Measurement Model Yes Change Indices and Create new model
Yes 1.Data Reduction 2.Item Parceling
No
Assessing Structural Model Yes
Re-specified model (Factor Score)
Yes
ภาพที่ 1 ขั้นตอนการดำ�เนินงานวิจัย
ภาพที่ 1 ขั้นตอนการดําเนินงานวิจัย
ผลของกรณีศึกษา สามารถอธิบายได้ทั้งหมด 4 สมการได้แก่
สมการที
ผลของกรณี ศึกษา่ 1สามารถอธิ
KM Performance = a+4 0.847KM2
บายไดทั้งหมด สมการไดแก + 0.931KM3 + 0.822HR1 + error
สมการทีสมการที ่ 2 Learning =Supported
่ 1 KM Performance a+ 0.847KM2Activities = a+ 0.804KM1+
+ 0.931KM3 + 0.822HR10.604KM4
+ error + 0.651HR4 + error
สมการทีสมการที
่ 2 Learning่ 3 Learning & Development
Supported Activities = a+Culture
0.804KM1+= a+0.604KM4
0.737KM3+ +0.651HR4
0.640KM4 + 0.758HR2 + 0.566HR3
+ error
สมการที+่ 3error
Learning & Development Culture = a+ 0.737KM3 + 0.640KM4 + 0.758HR2 +
สมการที
0.566HR3 ่ 4 Employee Collaboration = a+ 0.822HR2 + 0.807HR5 + error
+ error
สมการทีสามารถสรุ
่ 4 Employee ปรายละเอี ยดของผลการวิ
Collaboration เคราะห์ได้+ด0.807HR5
= a+ 0.822HR2 ังภาพที่ 2 + error
สามารถสรุปรายละเอียดของผลการวิเคราะหไดดังภาพที่ 2 4
การเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
3. ผลและวิจารณผลการทดลอง
3. ผลและวิจารณ์ผลการทดลอง
ผลการวิเคราะห์ดผลการวิ
้วยวิธเีสคราะห
มการโครงสร้ าง าง
ดวยวิธีสมการโครงสร
.69
Creative Teamwork
e6 Environment
.48
.68 Learning Supported
e19
Strengthening Activities
.76
.70
.86 e23
.83 Leaning Culture
Motivation for learning e20
e4
and Development .87
.93
.99
.17 Secondary Knowledge .66
Primary Knowledge Management .99
.41 .81
Information Performance Management Performance Employee collaboration e21
e3 Technology
.74 .83
.66
Top Management
e1 Commitment
.83
.69
Knowledge
e18
Management Performance
Sample TEXT
ในองค์กรก่อสร้างไทย โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้อง
ของแบบจำ�ลองสมการโครงสร้าง ค่าน้ำ�หนักของ วิธีถดถอยพหุ และสมการโครงสร้าง
ตัวแปรสังเกตได้ ในแต่ละปัจจัยแฝง และค่าสัมประสิทธิ์ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างวิธถี ดถอยพหุ
เส้นทางระหว่างปัจจัยแฝง กับสมการโครงสร้าง พบว่าในภาพที่ 3 เป็นผลการ
ค่าดัชนีในการวัดความเหมาะสมของแบบจำ�ลอง วิเคราะห์ซงึ่ ได้จากการวิเคราะห์แบบสมการโครงสร้าง
ได้แก่ χ2/df = 2.218, GFI = 0.894, RMSEA = 0.110, สามารถยืนยันได้ว่า ปัจจัยพื้นฐานในการจัดการ
6
การเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
วิธีถดถอยพหุ และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
Sample TEXT
Sample TEXT
จัดการความรูใ้ นองค์กรการก่อสร้างไทยจริง ตามภาพ
ที่ 2 การวิเคราะห์ผลด้วยแบบสมการโครงสร้าง เป็นการ
อย่างไรก็ดี ในภาพที่ 2 ซึ่งเป็นการวิเคราะห์แบบ วิเคราะห์แบบจำ�ลองในภาพรวม โดยพิจารณาความ
ถดถอยพหุนนั้ สามารถวิเคราะห์ได้ทลี่ ะสมการ จึงทำ�ให้ สัมพันธ์ของปัจจัยทีซ่ บั ซ้อน และวิเคราะห์ออกมาภายใน
ต้องวิเคราะห์ซ�้ำ ถึงสองครัง้ รวมไปถึงค่าสัมประสิทธิข์ อง ครั้งเดียว จึงสามารถยืนยันแบบจำ�ลองสมมุติฐานได้
การตัดสินใจ R Square และ Adjusted R Square ที่ รวมถึงยืนยันถึงปัจจัยทีม่ ผี ลทัง้ ทางตรงและทางอ้อมได้
เป็นตัวชีว้ ดั ความเหมาะสม (Goodness of Fit) จะแบ่ง ชัดเจน และสามารถทำ�ให้ผวู้ จิ ัยทราบถึงความสัมพันธ์
ได้เป็นของสมการแบบจำ�ลองนัน้ ๆ โดยได้คา่ Adjusted เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรที่ค่อนข้างมีความซับซ้อนได้
R Square ดังนี้ ปัจจัยการขับเคลือ่ นการจัดการความรู้ จากผลการทดลองเมื่อเทียบค่า Adjusted R Square
ในองค์กรการก่อสร้างไทย เท่ากับ 0.572 กิจกรรมส่ง ของวิธีการวิเคราะห์แบบถดถอยพหุกับแบบสมการ
เสริมการเรียนรู้ เท่ากับ 0.735 วัฒนธรรมการเรียนรู้ โครงสร้าง พบว่า วิธีวิเคราะห์แบบสมการโครงสร้าง
และพัฒนา เท่ากับ 0.688 และความร่วมมือร่วมใจ สามารถอธิบายค่า Adjusted R Square ได้ดีกว่า
ในการทำ�งาน เท่ากับ 0.787 ซึ่งค่าเข้าใกล้ 1 เป็นค่าที่ กล่าวคือ การวิเคราะห์พร้อมกันเป็นโมเดลใหญ่ภายใน
อยูใ่ นเกณฑ์ดี ซึง่ หมายถึงสมการถดถอยเป็นตัวแทนที่ ครัง้ เดียว ทีต่ อ้ งพิจารณาตัวแปรส่งผ่านหรือตัวแปรคัน่
ดีของประชากรทั้งหมดได้ [10] โดยค่าที่ได้ทั้งหมดอยู่ กลางเข้าไปด้วยนั้น ทำ�ให้ได้สมการที่เป็นตัวแทนของ
ในเกณฑ์ดี และจากภาพที่ 3 เป็นการวิเคราะห์แบบ ประชากรทัง้ หมดทีด่ กี ว่า และสามารถช่วยแก้ไขปัญหา
สมการโครงสร้าง ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้มากกว่า 1 ทางสถิตทิ เี่ กีย่ วข้องกับข้อมูลทีไ่ ม่ตรงตามข้อตกลงของ
สมการ ในการวิเคราะห์ 1 ครั้ง สามารถยืนยันตัวแปร วิธถี ดถอยพหุได้ แต่จากข้อจำ�กัดทางจำ�นวนข้อมูลของ
ในแต่ละท่อนปัจจัยของวิธีถดถอยพหุได้ และวิเคราะห์ กรณีศึกษา เนื่องจากกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามเป็น
ภาพรวมของแบบจำ�ลองทั้งหมด เพื่อดูความสัมพันธ์ บุคลากรในระดับบริหาร เช่น กรรมการผู้จัดการ ผู้
และเส้นอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมที่มีต่อปัจจัยการ จัดการทั่วไป ผู้จัดการโครงการ เป็นต้น โดยจำ�นวน
ขับเคลื่อนการจัดการความรู้ในองค์กรการก่อสร้าง กลุม่ ตัวอย่างนัน้ ใช้วธิ กี ารเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง จาก
ไทย โดยอธิบายค่าดัชนีในการวัดความเหมาะสมของ องค์กรก่อสร้างชั้นนำ�ในประเทศไทย จึงส่งผลให้การ
แบบจำ�ลองไว้ ซึ่งทุกค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ และ เก็บรวบรวมจำ�นวนข้อมูลทำ�ได้จำ�กัด และทำ�ให้แบบ
ได้ค่า Adjusted R Square ของปัจจัยการขับเคลื่อน จำ�ลองที่วิเคราะห์ด้วยวิธีสมการโครงสร้างมีค่าความ
การจัดการความรูใ้ นองค์กรการก่อสร้างไทย (Knowledge เหมาะสมของแบบจำ�ลองที่แสดงผลลัพธ์ออกมาตาม
Management Performance) = 0.690 เมื่อเทียบค่า ดัชนี ซึ่งในบางตัวแสดงค่าในเกณฑ์ปานกลางเท่านั้น
Adjusted R Square ของวิธกี ารวิเคราะห์แบบถดถอยพหุ โดยอัตราส่วนระหว่างจำ�นวนกลุ่มตัวอย่างต่อจำ�นวน
7
วิศวกรรมสาร มก.