Professional Documents
Culture Documents
ผูเขียน
กอบเกียรติ ไพศาลเจริญ ดินและการจัดการ สภาพแวดลอมที่เหมาะสมกับมันสําปะหลัง
การใชปุยกับมันสําปะหลัง การจัดการดินดาน
วลัยพร ศะศิประภา พันธุที่เหมาะสมเฉพาะพื้นที่ การปลูก การเก็บเกี่ยว
นาวี จิระชีวี การใหน้ําแบบน้ําหยด
กอนทอง พัวประโคน เครือขายเกษตรกรกับสังคมการเรียนรู
โสภิตา สมคิด การปลูก เครือขายเกษตรกรที่ประสบความสําเร็จ
นาฏญา โสภา เครือขายเกษตรกรที่ประสบความสําเร็จ
รังษี เจริญสถาพร โรคมันสําปะหลัง
เบญจมาศ คําสืบ การจัดการดินดาน
นรีลักษณ วรรณสาย การปลูกมันสําปะหลังหลังการทํานา
อนุชิต ฉ่ําสิงห เครื่องขุดมันสําปะหลัง
ภาพประกอบ
นาวี จิระชีวี สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม
อนุชิต ฉ่ําสิงห สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม
วลัยพร ศะศิประภา ศูนยสารสนเทศ
ณิชา โปทอง ศูนยสารสนเทศ
สุภาพร ราจันทึก ศูนยสารสนเทศ
สุกิจ รัตนศรีวงษ ศูนยวิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา
เบญจมาศ คําสืบ ศูนยวิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา
อัมพร วิโนทัย สํานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
ชลิดา อุณหวุฒิ สํานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
มานิตา คงชื่นสิน สํานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
สมลักษณ จูฑังคะ ศูนยวิจัยพืชไรระยอง
วัลลีย อมรพล ศูนยวิจัยพืชไรระยอง
รังษี เจริญสถาพร สถาบันวิจัยพืชไร
รวีวรรณ เชื้อกิตติศักดิ์ ศูนยวิจัยและพัฒนาการเกษตรสุโขทัย
นาฏญา โสภา ศูนยวิจัยและพัฒนาการเกษตรรอยเอ็ด
รัชดาวัลย สิรธิ นิตนันท สํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4
จัดพิมพโดย สถาบันวิจัยพืชไร กรมวิชาการเกษตร
ดิน น้ํา และการจัดการปลูกมันสําปะหลัง
1
ทําความรูจักกับดิน
พืชจะเจริญเติบโตไดดีในดินที่มีความรวนซุย มีปริมาณน้ํา อากาศ
และธาตุอาหารที่เปนประโยชนตอพืชอยางเพียงพอ
ดิน มีองคประกอบที่สําคัญ 4 สวน คือ
1. อนินทรียวัตถุ หรือ ของแข็ง เปนสวนประกอบทีม่ ีปริมาณมากที่สุดในดิน ไดมาจากการผุพัง
สลายตัวของหินและแร มีหลายรูปทรงและมีขนาดแตกตางกันไป แบงไดเปน 3 กลุม ไดแก
- ทราย (เสนผาศูนยกลาง 2.00-0.05 ม.ม.)
- ทรายแปง (เสนผาศูนยกลาง 0.05-0.002 ม.ม.)
- ดินเหนียว (เสนผาศูนยกลางนอยกวา 0.002 ม.ม.)
เปนสวนทีส่ ําคัญในการควบคุมลักษณะของเนื้อดิน เปนแหลงกําเนิดของธาตุอาหารพืช และเปน
แหลงอาหารของจุลินทรียดิน รวมทั้งการเกิดกระบวนการทางเคมีตางๆ ในดินดวย
2. อินทรียวัตถุในดิน ครอบคลุมตั้งแตสวนของซากพืชซากสัตวทก่ี ําลังสลายตัว เซลลจุลินทรีย ทั้ง
ที่มีชีวติ อยูและในสวนที่ตายแลว ตลอดจนสารอินทรียที่ไดจากการยอยสลาย หรือสวนที่ถูกสังเคราะหขึ้นมา
ใหม แตไมรวมถึงรากพืช หรือเศษซากพืช หรือสัตวที่ยังไมมีการยอยสลาย จึงเปนแหลงสําคัญของธาตุ
อาหารพืช และพลังงานของจุลินทรียดินโดยเฉพาะอยางยิ่ง ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และกํามะถัน ยังมี
อิทธิพลอยางมากตอสมบัตทิ างกายภาพ เคมี และชีวภาพ ซึ่งสงผลกระทบตอเนื่องไปถึงระดับความอุดม
สมบูรณของดิน และความสามารถในการใหผลผลิตของดินอีกดวย
3. น้ําในดิน พบอยูในชองวางระหวางอนุภาคดินหรือเม็ดดิน มีความสําคัญมากตอการปลูก และ
การเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากเปนตัวชวยในการละลายธาตุอาหารตางๆ ในดิน และเปนสวนสําคัญใน
การเคลื่อนยายอาหารพืชจากรากไปสูสวนตางๆของพืช
4. อากาศในดิน สวนของกาซตางๆ ที่แทรกอยูในชองวางระหวางเม็ดดินในสวนที่ไมมีน้ําอยู กาซ
ที่พบโดยทั่วไปในดิน คือ กาซไนโตรเจน ออกซิเจน และคารบอนไดออกไซด ซึ่งรากพืชและจุลินทรียดินใช
ในการหายใจ และสรางพลังงานในการดํารงชีวิต
ดังนั้นดินที่เหมาะสมตอการเจริญเติบโตของพืช จึงควรมีสัดสวนขององคประกอบที่เปนของแข็ง
หรือ อนินทรียวัตถุซึ่งไดมาจากการสลายตัวของหินและแร และอินทรียวัตถุทไี่ ดมาจากการสลายตัวของเศษ
ซากสิ่งมีชีวิต อยูรวมกันประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาตรทั้งหมด และอีกครึ่งหนึ่งตองมีน้ําและอากาศในดินใน
ปริมาณที่สมดุลกัน เพราะถาชองวางในดินมีอากาศอยูมากก็จะมีที่ใหน้ําเขามาแทรกอยูไดนอย พืชที่ปลูกก็
จะเหี่ยวเฉาเพราะขาดน้ํา แตถาในชองวางมีน้ํามากเกินไป รากพืชก็จะขาดอากาศหายใจ ทําใหการ
เจริญเติบโตหยุดชะงักได
2
ชองวาง 50% ของแข็ง 50%
อากาศ 25%
อนินทรีย 45%
น้ํา 25%
อินทรีย 5%
องคประกอบของดินที่เหมาะสมกับการปลูกพืช การกระจายขององคประกอบตางๆ ในดิน
ดินที่ปลูกมันสําปะหลัง
ปจจุบันพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ดินสวนใหญเปนดินรวนปน
ทราย และดินทรายปนรวน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนลางเปนดินรวนปนทราย ดินทรายปนรวน และดิน
เหนียว ภาคตะวันออกเปนดินรวนปนทราย ดินทรายปนเหนียวและดินทรายปนรวน ภาคเหนือเปนดินรวน
ปนทรายและดินทรายปนรวน ภาคกลางเปนดินทรายปนรวน ดินรวนปนทรายและดินรวนปนเหนียว
3
ชนิดของดินและการกระจายของฝนในพืน้ ที่ปลูกมันสําปะหลัง
การตรวจสอบเนื้อดินอยางงาย
เกษตรกรสามารถตรวจสอบเนื้อดินในแปลงของตนเองไดอยางงายโดย
การปนดินใหเปนเสนเปรียบเทียบความยาวกับลักษณะเนื้อดินจากการตรวจ
แบบงายในสภาพไรดวยตัวเอง
ลักษณะดิน ปนเปนเสนยาว (ซม.) เนื้อดิน เทียบเทาดินเหนียว(%)
ทรายแยกเปนเม็ด ปนเปนเสนไมได ทราย 0-5
ทรายเปนเม็ดและติดมือ 0.5-1.5 ทรายปนรวน 5-15
ทรายเกาะเปนกอนบาง 1.5-2.5 รวนปนทราย 10-20
นุมลื่นมือ แนน ไมมีเม็ดทราย 4.0-5.0 รวนปนเหนียว 25-40
เหนียวหนัก ยืดมาก >7.5 เหนียว >45
4
เลือกพืน้ ที่ใหเหมาะสม
สภาพแวดลอมที่เหมาะสมกับมันสําปะหลัง
มันสําปะหลังสามารถปลูกไดในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณต่ํา เจริญเติบโตไดดีในดินรวนหรือดิน
รวนปนทราย มีการระบายน้ําดี โดยเฉพาะดินนั้นตองเปนดินบนที่ดอน เนื้อหยาบ อินทรียวัตถุนอยกวา 2%
ธาตุอาหารในดินไมสงู มากนัก ความเปนกรด-ดางอยูระหวาง 5-6 เปนกรดจัดถึงกรดปานกลาง และไมเปน
ดินเค็ม ปริมาณน้ําฝนเฉลี่ยปละ 1,000-1,500 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ย 25-29 องศาเซลเชียส เก็บเกี่ยวได
เมื่ออายุประมาณ 8-18 เดือน พื้นที่ปลูกมันสําปะหลังสวนใหญอาศัยน้ําฝนเปนหลัก ผลผลิตแตละพื้นที่จึง
ขึ้นอยูกับปริมาณน้ําฝน และคุณลักษณะของดินที่ปลูกเปนสําคัญ
เลือกพื้นที่ใหเหมาะสม หากไมสามารถหลีกเลี่ยงไดตองเลือกวิธีจัดการดินที่ถูกที่สุดตามลําดับ ไป
จนถึงพื้นที่ที่จัดการดินแลวไมคุมทุนตองปรับเปลี่ยนไปใชประโยชนอยางอื่น
สภาพพื้นที่และภูมิอากาศที่เหมาะสมกับมันสําปะหลัง
สภาพแวดลอม เหมาะสม การปรับปรุง
ปริมาณฝน (มม.) 1,000-1,500 หากมีนอยกวา 800 มม.ใหน้ําเสริม/หากมีมากกวา
1,500 มม. ทํารองระบายน้ํา หรือไถเบิกดานใน
พื้นที่ที่มีดินดาน
อุณหภูมิ (°ซ) 25-29 หากต่ํากวา 20 หรือมากกวา 35 ใหคลุมดินดวย
วัสดุ หรือเศษซากพืช
ความลาดชัน (%) นอยกวา 5 ปลู ก หญ า แฝกขวางแนวลาดชั น ไม ค วรปลู ก
มันสําปะหลังในพื้นที่มีความลาดชันเกิน 15%
5
คุณลักษณะดินที่เหมาะสมกับมันสําปะหลัง
คุณลักษณะดิน เหมาะสม การปรับปรุง
เนื้อดิน ดินทราย-ดินรวน สัมพันธใกลชิดกับการอุมน้ําและระบายน้ําของดิน
เนื้อดินเปลี่ยนไดยาก
ความลึกของหนาดิน (ซม.) มากกวา 50 หากตื้นกวา 50 ซม. ควรอยูในเขตที่มีฝนมากกวา
1,000 มม. หรือใสวัสดุอินทรียมากกวา 2 ตัน/ไร
หรือใหน้ําเสริมบางในชวงแลง
ความแนนของดิน (ก./มล.)
-เนื้อดินทราย นอยกวา 1.76 ไถเบิกดาน ผสมผสานกับใชวัสดุอินทรียส ลายตัว
-เนื้อดินรวน นอยกวา 1.66 ชา เชน แกลบดิบ เปนตน
-เนื้อดินเหนียว นอยกวา 1.46
การระบายน้ํา (ซม./ชม.) 6-12.5 แกไขเชนเดียวกับความแนนของดิน
ปฏิกิริยาดิน 5-6 -ต่ํากวา 4.5 ตองปรับปรุงดวยปูนขาว ปูนมารล
(ความเปนกรด-ดาง; pH) โดโลไมท วัสดุอินทรีย หินฟอสเฟต
-สูงกวา 7.5 ใชปุยแอมโมเนียมซัลเฟตแทนยูเรีย
หวานผงกํามะถัน
ความเค็ม (EC, เดซิซีเมน/ม.) นอยกวา 0.5 ปลูกพืชอื่น เชน ออย ขาว ยูคาลิปตัส หรือพืชทน
เค็ม ดีกวาปลูกมันสําปะหลัง
อินทรียวัตถุ (%) 0.6-1.0 ใสปุยตามคาวิเคราะหดิน
ฟอสฟอรัส (มก./ก.) 5-15 ใสปุยตามคาวิเคราะหดิน
โพแทสเซียม (มก./ก.) 38-64 ใสปุยตามคาวิเคราะหดิน
แคลเซียม (มก./ก.) 125-2,500 ใช ปู น ขาว ปู น มาร ล ยิ ป ซั ม โดโลไมท เมื่ อ ดิ น มี
นอยกวา 60 มก./กก.
แมกนีเซียม (มก./ก.) 167-833 ใช MgSO4 โดโลไมท อัตรา 4 กก.Mg /ไร เมื่อดิน
มีนอยกวา 10 มก./กก.
กํามะถัน (มก./ก.) 20-70 ไนโตรเจนจาก ปุยแอมโมเนียมซัลเฟต (24% S)
เหล็ก (มก./ก.) 4-100 ใชพันธุระยอง 11 ระยอง 5 จุมทอนพันธุ FeSO4
สังกะสี (มก./ก.) 0.5-5.0 จุมทอนพันธุ ZnSO4 เขมขน 2% หรือพนทางใบ
ทองแดง (มก./ก.) 0.1-1.0 ปุยหรือวัสดุอินทรียหรือพนปุยทางใบที่มีทองแดง
แมงกานีส (มก./ก.) 5.0-100 ปุยหรือวัสดุอินทรียหรือพนปุยทางใบที่มีแมงกานีส
โบรอน (มก./ก.) 0.20-1.0 ปุยหรือวัสดุอินทรียหรือพนปุยทางใบที่มีโบรอน
6
การเตรียมดินปลูกมันสําปะหลัง
การเตรียมดินสําหรับปลูกมันสําปะหลัง ควรไถพรวนใหลึก 20-30 ซ.ม. โดยไถกลบเศษเหลือของ
พืช เชน ลําตน เหงา ใบและยอด ของมันสําปะหลังที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว ไมควรเผาหรือเคลื่อนยาย
ออกจากพื้นที่เพาะปลูก เนื่องจากการเผาทิ้ง หรือขนยายไปทิ้ง จะทําใหธาตุอาหารสูญหายไปเปนจํานวน
มาก การไถพรวนควรมีการใชผาล 3-4 สลับกับผาล 7 บางเพื่อพลิกดินชั้นลางกลับขึ้นมา นอกจากจะชวย
ทํ าดิ น ให ร ว นซุยแลว ยังนําเอาธาตุอาหารที่ถูก ชะลางลงไปอยูดิน ชั้นลางกลับ ขึ้ นมาอยู ใ นชั้ นดิ นบนให
มันสําปะหลังนําไปใชไดอีก
การสูญเสียของธาตุอาหารพืชจากพื้นที่ปลูกมันสําปะหลัง
สวนของมันสําปะหลัง ธาตุอาหารที่สญ
ู หายไปจากพื้นที่ปลูกมันสําปะหลัง 1 ไร
ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
หัวมัน 6 กก. 3 กก. 20 กก.
ตน+ใบ 10 กก. 2 กก. 9 กก.
หัว + ตน + ใบ 16 กก. 5 กก. 29 กก.
เทียบเทากับปุย 15-7-18 ประมาณ 100 กิโลกรัม ตอไร (ปุย 2 กระสอบ)
7
• ควรปลูกพืชบํารุงดิน เชน ปอเทือง หรือถั่วพุม ใชเมล็ดอัตรา 5 กิโลกรัมตอไร โดยโรยเปนแถว
ระยะระหวางแถว 50 เซนติเมตร หรือปลูกถัว่ พรา อัตรา 15 กิโลกรัมตอไร ระยะระหวางแถว
50-100 เซนติเมตร แลวไถกลบเปนปุยพืชสดเมื่อพืชออกดอกในขณะที่ดินยังมีความชื้น แลวทิ้ง
ไว 7 - 10 วัน กอนปลูกมันสําปะหลัง
•
ถั่วพรา ปอเทือง
8
มันสําปะหลังพันธุดี
พันธุของกรมวิชาการเกษตร
ระยอง 5
• ปรับตัวไดดีกับหลาย
สภาพแวดลอม ผลผลิตสูง
• ยอดออนสีมวงอมน้ําตาล
ลําตนสีเขียวอมน้ําตาล
คอนขางออนแอตอโรคใบไหม
• ปริมาณแปง 25-27%
• ทรงตนแตกกิง่ ไดตนพันธุ
นอย
ระยอง 9
• ลําตนสูงตรง แข็งแรง ยอดออนสี
เขียวออน ลําตนสีน้ําตาลอมเหลือง
• ผลผลิตสูง มีปริมาณแปงสูง 28-
31%
• ตานทานโรค ไมตานทานไรแดง
ไมเหมาะสําหรับดินรวนเหนียว
และดินรวนปนลูกรัง
• ไมเหมาะกับการเก็บเกี่ยวต่าํ กวา
12 เดือน
ระยอง 11
• มีปริมาณแปงสูงในฤดูแลง
42.8% ฤดูฝน 25.8%
• ยอดออนสีน้ําตาลอมเขียว
ลําตนสีเขียวเงิน
• ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 12
เดือนเนื่องจากมีเปอรเซ็นต
แปงสูง แตสะสมน้ําหนักชา
9
ระยอง 7
• ความงอกสูง เจริญเติบโตเร็ว
ในชวง 1-2 เดือนแรก ไมคอย
แตกกิ่ง ยอดออนสีเขียว ลําตนสี
น้ําตาลออน
• ผลผลิตสูง ทนแลง
• ปริมาณแปง 27-29%
• ไมตานทานโรคใบไหมและ
ไรแดง
ระยอง 72
• ใหผลผลิตหัวสดสูง ตนพันธุ
คุณภาพดี ทนแลง
• ยอดออนสีมวง ลําตนสีเขียวเงิน
• ปริมาณแปงต่ํา 20-24 % เมื่อ
ปลูกในภาคตะวันออก
• คอนขางออนแอตอโรคใบไหม
ระยอง 90
• ปริมาณแปงสูง 27-29%
• ยอดสีเขียวออน ลําตนสีน้ําตาล
อมสม
• ตนพันธุสูญเสียความงอกเร็ว
และไมทนแลง จึงไมเหมาะกับ
การปลูกปลายฤดูฝน
10
พันธุของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
เกษตรศาสตร 50
• ปรับตัวเขากับสภาพแวดลอม
ไดดี มีความงอกดีและเก็บ
รักษาไดนาน
• ลําตนสูงใหญ หัวมีลักษณะเปน
กลุม ยอดออนสีมวงเขม ลําตน
สีเขียวเงิน
• มีปริมาณแปงสูง 23-28 %
• ใหผลผลิตไดดีในสภาพที่ดินมี
ความอุดมสมบูรณต่ํา
หวยบง 60
• ยอดออนสีมวง ลําตนสีเขียวเงิน
• มีผลผลิตและปริมาณแปงสูง
ตานทานโรคใบจุดปานกลาง
• ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุไมนอยกวา
10 เดือน
• ปริมาณแปง 25.5 %
หวยบง 80
• ยอดออนสีเขียว ลําตนสีเขียวเงิน
• ปริมาณแปงสูง 27.3 %
• ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุไมนอยกวา
10 เดือน
11
เลือกพันธุใหเหมาะกับเฉพาะพื้นที่
เลือกพันธุมันสําปะหลังใหเหมาะสมกับพื้นที่สามารถเพิ่มผลผลิตไดตามกําลังศักยภาพของดินแตละ
ชนิด สามารถเลือกพันธุปลูกอยางงายๆ จากชนิดของดิน ความตองการของเกษตรกรหรือตลาด การปฏิบัติ
เชน เกษตรกรในแหลงปลูกดินเหนียวชอบพันธุระยอง 5 มากกวาระยอง 72 และระยอง 9 เนื่องจากหัวเปน
ชั้น ขั้วสั้น เปลือกหัวหนา ขุดงาย เกษตรกรในแหลงปลูกดินทรายถึงรวนปนทรายชอบพันธุระยอง 72
มากกวาระยอง 9 และระยอง 5 เพราะขุดถอนงาย หัวใหญยาวและขั้วหัวยาว เปลือกบางสะอาด และยัง
ตอบสนองตอการใชปุยไดดีกวาพันธุอื่นๆ
ลักษณะเนื้อดินที่เหมาะสมกับมันสําปะหลังแตละพันธุ
ชนิดของดิน พันธุที่เหมาะสม
ดินทราย/ดินทรายปนรวน เกษตรศาสตร 50 ระยอง 72 หวยบง 60
ดินรวนปนทราย ระยอง 7 ระยอง 9 ระยอง 90 เกษตรศาสตร 50 หวยบง 60
ดินรวนปนเหนียว ระยอง 5 ระยอง 7 ระยอง 11 หวยบง 80
ดินดาง ระยอง 11 ระยอง 5
เลือกพันธุใหเหมาะสมเฉพาะพื้นที่
การเลื อ กพั น ธุ ใ ห เ หมาะกั บ พื้ น ที่ เ ป น การลดต น ทุ น การผลิ ต และเพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพการผลิ ต มั น
สําปะหลังใหสูงสุดตามกําลังศักยภาพของพื้นที่ การปลูกมันสําปะหลังในพื้นที่ดอนทําไดตลอดป แตบาง
พื้นที่ปลูกแบบหลังนา จึงมีขอจํากัดเรื่องชวงเวลาปลูก และตองการพันธุที่สะสมน้ําหนักเร็ว นอกจากดินแลว
ตองพิจารณาปริมาณฝนรวมดวย แตละพื้นที่ควรเลือกใชพันธุใดสามารถศึกษาไดจาก แผนที่พันธุมัน
สําปะหลังที่เหมาะสมเฉพาะพื้นที่ อยางไรก็ตาม เกษตรกรควรทดลองปลูกในแปลงขนาดเล็กกอน หาก
เหมาะสมคอยขยายเพิ่ม
สามารถใชบริการเลือกใชพันธุและชวงปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ไดผานทางเครือขายอินเตอรเน็ตที่
http://www.doa.go.th/cassava โดยใหขอมูลผลผลิตคาดการณของมันสําปะหลัง 7 พันธุ ไดแก พันธุ
ระยอง 5 ระยอง 90 ระยอง 7 ระยอง 72 ระยอง 9 ระยอง 11 และเกษตรศาสตร 50 ภายใตสภาพการผลิต
โดยอาศั ย น้ํ า ฝน ใน 6 ช ว งปลู ก ได แ ก เดื อ นมี น าคม เมษายน พฤษภาคม มิ ถุ น ายน ตุ ล าคม และ
พฤศจิกายน อางอิงจากเขตการปกครอง จังหวัด อําเภอ ตําบล และชุดดินที่ใชปลูก
12
13
ทอนพันธุดีและสะอาด
การคัดเลือกและการเก็บเกี่ยวทอนพันธุ
สวนที่ใชขยายพันธุของมันสําปะหลัง คือ สวนของลําตน การเก็บรักษาตนพันธุมีระยะเวลาจํากัด
เนื่องจากความสมบูรณ ความแข็งแรง และความงอกจะลดลงเรื่อยๆ
• ระยะเวลาทีเ่ หมาะสมกับการเก็บเกี่ยวทอนพันธุที่ดีคอื อายุ 10-12 เดือน ควรเลือกจากแปลง
ขยายทอนพันธุที่แยกไวตางหาก
• ตัดตนพันธุท ี่ไมไดขนาด เปนโรค มีแมลงทําลายและพันธุอื่นที่ปนมาทิ้งกอน
• เมื่อตัดทอนพันธุแลวควรรีบนําไปปลูกภายใน 15-30 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับความสมบูรณของทอน
พันธุ จึงไมควรตัดตนพันธุมาเก็บไวเพื่อรอจําหนาย จาย แจก
• วิธีการเก็บรักษาตนพันธุทดี่ ีที่สุด คือ การทําแปลงขยายพันธุไวเฉพาะ ซึ่งจะเก็บเกี่ยวหลังจาก
เอาตนพันธุไปปลูกแลว หรือในปถัดไป
ตัดตนที่ไมดีทิ้งกอนแลวจึงเลือกตัดตนพันธุดีมัดรวมกัน เก็บรักษาโดยมัดและกองรวมตั้งไวบนพื้นดิน
เหมาะสมกับทอนพันธุที่แข็งแรง
• ในฤดูฝนสภาพอากาศมีความชื้นสูง สามารถเก็บรักษาตนพันธุไดยาวนานกวาในฤดูแลง
- ในฤดูฝน เก็บไวในสภาพกลางแจงหรือในที่รมมีผลไมแตกตางกัน
- ในฤดูแลง เก็บในที่รมจะเก็บไวไดนานกวาเก็บในสภาพกลางแจง
• ระยะเวลาและคุณภาพการเก็บรักษาทอนมันสําปะหลังแตละพันธุหลังตัด
พันธุ ระยะเวลาที่เหมาะสม
ระยอง 90 ระยอง 9 ไมควรเกิน 15 วัน
ระยอง 5 ไมควรเกิน 30 วัน
พันธุอื่นๆ เชน ระยอง 11 ระยอง 72 เกษตรศาสตร 50 หวยบง 60 ไมควรเกิน 45 วัน
14
การเตรียมทอนพันธุ
• ใหเลือกทอนพันธุที่ตรงตามพันธุ หรือเลือกจากแหลงที่เชื่อถือได
• ตัดทอนพันธุยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร (ปลูกฤดูฝน 20 ซม. และฤดูแลง 25 ซม.) มีตาจํานวน
ไมนอยกวา 5 ตา ตัดทอนพันธุโดยใชเลื่อยหรือมีดคมๆ เพื่อไมใหทอนพันธุช้ําเกินไป
• ใชทอนพันธุที่สะอาดปราศจากเพลี้ยแปง
ปริมาณฝน(มม,)
350 เหนือ
ตะวันออกเฉี ยงเหนือ
300 กลาง
ตะวันออก
250
200
150
100
50
0
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
เหนือตอนลาง
ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ตะวันออกเฉียงเหนือตอนลาง
กลาง
ตะวันออก
ชวงปลูกที่เหมาะสม
ปริมาณน้ําฝนรายเดือนและชวงปลูกที่เหมาะสมในแตละภาค
• ควรปลูกตนฝน
ในแหลงปลูกที่มีการระบาดของเพลี้ยแปงใหปลูกชวงตนฤดูฝนเทานั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเขา
ทําลายของเพลี้ยแปงในชวงที่มันสําปะหลังอายุนอยกวา 4 เดือน ฝนจะชวยลดการระบาดของเพลีย้ แปงได
16
ระยะปลูก
เกษตรกรสามารถปลูกมันสํา ปะหลังในอัต ราที่เหมาะสมได ตั้งแต 1,600-2,500 ต นต อไร
โดยประมาณ ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกใชระยะระหวางแถวตั้งแต 80 ถึง 100 ซ.ม. ระหวางตน 60 ถึง 100
ซ.ม แตการปลูกมันสําปะหลังใหแถวถี่ขึ้นจะสิ้นเปลืองทอนพันธุเพิ่มขึ้น แตการคลุมดินจะเร็วกวา ชวยลด
การกัดกรอนผิวดินและเก็บน้ําไวในดินเพิ่มขึ้น
วิธีการปลูก
• ยกรองหรือไมยกรองก็ได ขึ้นอยูกับความสะดวก
• กรณียกรองปลูก ใหปลูกบนสันรอง ปกใหตั้งตรง ลึกประมาณ 5-10 เซนติเมตร หากปลูกในฤดูแลง
ใหปกลึก 15 เซนติเมตร
การปลูกแบบไมยกรอง การปลูกแบบยกรอง
การปองกันกําจัดศัตรูพืช
17
เพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพู เพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีเขียว
แตนเบียนเพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพู ชวยทําลายเพลี้ยแปงมันสําปะหลัง
สีชมพูที่ระบาดทําลายมันสําปะหลัง กรมวิชาการเกษตรจึงแนะนําใหปลอย
แตนเบียนเพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพูนี้ เพื่อควบคุมเพลี้ยแปงมันสําปะหลัง
โดยหลังปลอย 1-2 เดือน สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการควบคุมไดจากการ
ปรากฏตัวของแตนเบียนเพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพู ยอดใหมที่แตกมีอาการ
ยอดหงิกลดลง หรือพบเพลี้ยแปงที่ถูกเบียนเปนมัมมี่
รัศมี 2 กิโลเมตร
การแพรกระจายของแตนเบียนเพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพูที่อําเภอเมืองจังหวัดกําแพงเพชรหลังปลอย 3 เดือน
การปลอยแตนเบียนเพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพู สามารถแพรกระจายไปยังแปลงขางเคียงไดโดย
ในชวง 3 เดือนหลังปลอยสามารถพบแตนเบียนที่มองเห็นไดหางไกลจากจุดปลอยอยางนอย 4 กิโลเมตร
ไรแดง
ดูดกินน้ําเลี้ยงบนหลังใบของสวนยอดและ
ขยายปริ ม าณลงสู ใ บส ว นล า ง ทํ า ให ต าลี บ
ใบเหลื องขีด มวนงอ และร วง ระบาดรุน แรงใน
สภาพอากาศแหงแลง หรือฝนทิ้งชวงเปนเวลานาน
การปองกันกําจัด
• ดวงเตาและแมลงชางเปนศัตรูธรรมชาติ
• การตกของฝนสามารถลดการระบาดได
• หมั่นตรวจแปลงหากพบระบาดรุนแรงในระยะ
เปนตนออน ใหพนสารปองกันกําจัด
ไรแดงและลักษณะใบที่ถูกทําลาย
19
แมลงหวี่ขาว
พบตามใตใบ เกาะนิ่งใตใบ เมื่อโตเต็มที่จะ
หยุดกินอาหาร ระบาดรุนแรงในสภาพอากาศแหง
แลง หรือฝนทิ้งชวง
การปองกันกําจัด
• ดวงเตาและแมลงชางเปนศัตรูธรรมชาติ
• การตกของฝนสามารถลดการระบาดได
• เก็บสวนของพืชที่ถูกทําลาย ออกนอกแปลงปลูก
หรือฝงกลบ
ในสภาพแหงแลงและฝนทิ้งชวงเปนเวลานาน อาจพบศัตรูพืชเขาทําลายมันสําปะหลัง ให
หมั่นตรวจแปลง เก็บสวนที่ถูกทําลายใสถุงดํานําไปทําลายหรือฝง หากยังพบการระบาดรุนแรงใหพน
สารปองกันกําจัดเฉพาะตนที่ถูกทําลายและตนที่อยูโดยรอบ ไมควรพนสารฆาแมลงในแหลงที่มี
การปลอยแตนเบียนหรือแมลงชางปกใส เนื่องจากจะไปทําลายศัตรูธรรมชาติที่ชวยควบคุม
การใชสารปองกันกําจัดไร และแมลงศัตรูมันสําปะหลังบางชนิด
ไรและแมลง สารปองกันกําจัด1/ อัตราการใช วิธีการใช/ขอควรระวัง
ศัตรูพืช ตอน้ํา 20 ลิตร
ไรแดง อามีทราซ(20 % อีซี) 40 ซีซี พนเฉพาะบริเวณที่มีไรแดงทําลาย และพนเมื่อใบ
ไดโคโฟล(18.5%อีซี) 50 ซีซี สวนยอดของตนออนเริ่มแสดงอาการมวนงอ และ
อยูในสภาพอากาศแหงแลงเปนเวลานาน
แมลงหวี่ขาว โอเมโทเอต 40 ซีซี พนใตใบ เฉพาะบริเวณที่พบแมลงหวี่ขาวมีความ
(50% เอสแอล) หนาแนนทั้งตน ประมาณ 30 %
เพลี้ยแปง ไทอะมีโทแซม 4 กรัม ควรใชกลุมของสารเคมีที่แนะนําใหใชในการควบคุม
25%WG เพลี้ยแปงมันสําปะหลัง แบบสลับกันในแตละชั่วอายุ
ไดโนทีฟูแรน 20 กรัม ของเพลี้ยแปงโดยในชั่วอายุเดียวกันควรใชสารกลุม
10%WP เดียวกัน และสลับดวยสารอีกกลุมเมื่อชั่วอายุตอไป
โปรไทโอฟอส 50 ซีซี กลุมสารเคมีดังกลาวมีดังนี้
50%EC กลุม 1 นีโอนิโคตินอยด (ไทอะมีโทแซม
พิริมิฟอส เมทิล 50% 50 ซีซี อิมิดาโคลพริด ไดโนทีฟูแรน)
ไทอะมีโทแซม+ 10 ซีซี กลุม 2 ออรกาโนฟอสเฟต (พิริมิฟอสเมทิล
แลมบดาไซฮาโลทริน โปรไทโอฟอส)
24.7%ZC
1/
ในวงเล็บ คือเปอรเซ็นตสารออกฤทธิ์และสูตรของสารปองกันกําจัดไรและแมลงศัตรูพืช
20
โรคใบไหม
มีสาเหตุจากเชื้อบักเตรี เริ่มแรกแสดงอาการใบจุด
เหลี่ยม ฉ่ําน้ํา ใบไหม ใบเหี่ยว ยางไหล จนถึงอาการยอด
เหี่ยว และแหงตายลงมา แพรระบาดโดยติดไปกับทอนพันธุ
โดยฝนหรือดิน รวมทั้งเครือ่ งมือเกษตรที่ใช
การปองกันกําจัด
• ใชพันธุต านทาน หรือพันธุที่ทนทานตอโรคปานกลาง เชน ระยอง 90 ระยอง 9
• ใชทอนพันธุท ปี่ ราศจากเชื้อ หรือหลีกเลี่ยงการใชทอนพันธุสวนโคนลําตนมันสําปะหลัง
• ในพื้นที่ที่มีโรคระบาดรุนแรงใหปลูกพืชหมุนเวียน อายุสั้น เพื่อลดประชากรเชื้อโรคในดิน
• การใชสารเคมีเปนทางเลือกสุดทาย ควรใชสารเคมีที่มอี งคประกอบเปนพวกทองแดง
โรคแอนแทรคโนส
มีสาเหตุจากเชื้อรา ใบจะมีขอบใบไหมสนี ้ําตาลขยายตัวเขาสูกลางใบ แผลบนใบจะมีเม็ดเล็ก ๆ สีดํา
ขยายตัวไปตามขอบแผล สวนกานใบอาการจะปรากฏที่สวนโคนกานใบ เปนแผลสีน้ําตาลขยายตัวไปตาม
กานใบ ทําใหกานใบลูล ง หรือหักงอจากกานใบ เกิดอาการใบเหี่ยวและแหงได
22
ความเปนประโยชนของธาตุอาหารพืชขึ้นอยูกับความเปนกรด-ดางของดิน และธาตุอาหารที่มีอยูใน
ดิน ในดินที่เปนกรดจัดหรือดางจะทําใหธาตุอาหารพืชบางชนิดไมละลายออกมาเปนประโยชนตอพืช หรือ
ละลายออกมามากจนเปนพิษกับพืช หากพบวาความเปนกรด-ดางของดินไมเหมาะสม ตองปรับกอนใสปุย
ธาตุอาหารพืชจะเปนประโยชนตอพืชในดินที่เปนกลางหรือกรดเล็กนอย
การเก็บตัวอยางดินเพื่อสงวิเคราะห
ควรสุมเก็บตัวอยางดินในพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังทุก 3-5 ป หลังการเก็บเกี่ยวเล็กนอย หรือ 2 เดือน
กอนการปลูกพืช สงไปวิเคราะหเพื่อตรวจสอบวาดินในแปลงปลูกมันสําปะหลังมีธาตุอาหารพืชเพียงพอ
หรือไม มีปญหาใดบางที่ตองปรับปรุงหรือบํารุงดินเพิ่มเติม
23
การใสปุยตามคาวิเคราะหดิน
มันสําปะหลังตองการปุยในชวงอายุ 1-3 เดือนหลังปลูก จากคําแนะนําการใชปุยกับมันสําปะหลัง
ของกรมวิชาการเกษตร ใหใชปุยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมอัตรา 16-8-16 กิโลกรัมตอไร
ตามลําดับ ในดินทรายถึงดินรวนปนทราย อัตรา 8-4-8 กิโลกรัมตอไรในดินรวนเหนียว และอัตรา 8-4-8
กิโลกรัมตอไรในดินเหนียวปนกรวด
การใสปุยตามคาวิเคราะหดินจะชวยลดจํานวนปุยที่ตองใส ทําใหประหยัดคาใชจาย มีแนวทางการ
ใชปุยตามคาวิเคราะหดินทั้งปุยอัตราสูงและอัตราต่ํา เพื่อประกอบการตัดสินใจของเกษตรกร มีดังนี้
ปริมาณธาตุอาหาร คําแนะนําการใชปุย (กก./ไร)
เนื้อดิน
ตัวชี้วัด ระดับ คาวิเคราะห ปุยอัตราสูง1/ ปุยอัตราต่ํา2/
ต่ํา < 0.60 เอน (N) 16 เอน (N) 8
อินทรียวัตถุ
ปานกลาง 0.60-2.0 เอน (N) 8 เอน (N) 4
(%)
สูง >2.0 เอน (N) 4 เอน (N) 2
ดินทราย ถึง ต่ํา <5 พี (P2O5) 16 พี (P2O5) 8
ฟอสฟอรัส
ดินรวนปน ปานกลาง 5-30 พี (P2O5) 8 พี (P2O5) 4
(มก./กก.)
ทราย สูง >30 พี (P2O5) 4 พี (P2O5) 2
ต่ํา <30 เค (K2O) 16 เค (K2O) 8
โพแทสเซียม
ปานกลาง 30-90 เค (K2O) 8 เค (K2O) 4
(มก./กก.)
สูง >90 เค (K2O) 4 เค (K2O) 2
1/
เมื่อราคาหัวมันสดมากกวา 1.50 บาทตอกิโลกรัม ฝนกระจายดีและเกษตรกรมีเงินทุนมากพอ
2/
เมื่อราคาหัวมันสดต่ํากวา 1.50 บาทตอกิโลกรัม ฝนกระจายตัวไมดีและเกษตรกรมีเงินทุนนอย
สําหรับดินรวนถึงดินเหนียวที่ปลูกมันสําปะหลัง สวนใหญมีอินทรียวัตถุและโพแทสเซียมสูงอยูแลว
การใสวัสดุอินทรียปรับปรุงดินจึงเปนการเพิ่มธาตุอาหารที่เพียงพอสําหรับมันสําปะหลังแลว
ปริมาณธาตุอาหาร คําแนะนําการใชปุย (กก./ไร)
เนื้อดิน
ตัวชี้วัด ระดับ คาวิเคราะห ปุยอัตราสูง1/ ปุยอัตราต่ํา2/
อินทรียวัตถุ(%) มีมากเกิน >1.2
ใชวัสดุอินทรีย
ฟอสฟอรัส ใชวัสดุอินทรีย
ดินรวน ถึง มีนอย <5 ปรับปรุงดิน
(มก./กก.) ปรับปรุงดิน
ดินเหนียว อัตรา 0.5-1 ตัน/
โพแทสเซียม อัตรา 1-2 ตัน/ไร
มีมากเกิน >90 ไร
(มก./กก.)
24
ตัวอยาง
ปลูกมันสําปะหลังในดินรวนปนทรายเก็บดินสงวิเคราะห ผลการวิเคราะหดินพบวา มีอินทรียวัตถุ
0.8% ฟอสฟอรัสที่เปนประโยชน 35 มก./กก. โพแทสเซียมที่ละลายน้ําได 60 มก./กก. ควรจะใสปุยเทาไร
• เนื้อดินเปนดินรวนปนทราย ใหเลือกใชตารางแนะนําปุยที่เนื้อดินเปนดินรวนปนทราย
• เทียบคาวิเคราะหดินกับตารางแนะนําปุยตามคาวิเคราะหดิน
ปริมาณธาตุอาหาร คําแนะนําการใชปุย (กก./ไร)
ตัวชี้วัด คาวิเคราะห ปุยอัตราสูง1/ ปุยอัตราต่ํา2/
< 0.60 เอน (N) 16 เอน (N) 8
อินทรียวัตถุ
0.60-2.0 เอน (N) 8 เอน (N) 4
(%)
>2.0 เอน (N) 4 เอน (N) 2
<5 พี (P2O5) 16 พี (P2O5) 8
ฟอสฟอรัส
5-30 พี (P2O5) 8 พี (P2O5) 4
(มก./กก.)
>30 พี (P2O5) 4 พี (P2O5) 2
<30 เค (K2O) 16 เค (K2O) 8
โพแทสเซียม
30-90 เค (K2O) 8 เค (K2O) 4
(มก./กก.)
>90 เค (K2O) 4 เค (K2O) 2
• เปรียบเทียบกับตารางแนะนําปุย
o ใสปุยอัตราสูง 8-4-8 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ตอไร
o ใสปุยอัตราต่ํา 4-2-4 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ตอไร
• ตัดสินใจเลือกใสปุยจากราคาหัวสด การกระจายของฝน และทุน
o ถาราคาสูงกวา 1.5 บาทตอกิโลกรัม ฝนมีกระจายดีและมีเงินทุนพอ ควรใชปุย
อัตราสูงหรือ 8-4-8 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ตอไร
o ถาตรงขามควรใชปุยอัตราต่ําหรือ 4-2-4 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ตอไร
• ชนิดปุยที่ใสหากใชปุยอินทรียตองใชในปริมาณมาก แตจะเหลือสะสมในดินไดนาน อีกทั้ง
ชวยปรับปรุงดินในระยะยาว ปุยเคมีตองเลือกสูตรใหเหมาะสม หรือผสมกับแมปุยใหไดธาตุ
อาหารตามที่ตองการ
25
การใหนา้ํ ในมันสําปะหลัง
การปลูกมันสําปะหลังสวนใหญอาศัยน้ําฝน เกษตรกรมักเลือกปลูกชวงตนฝนเพื่อใหไดรับน้ําใน
ชวงแรกของการเจริญเติบโตโดยเฉพาะชวง 2-5 เดือนแรกซึ่งเปนชวงที่สําคัญทําใหผลผลิตไดตามศักยภาพ
มันสําปะหลังตองการความชื้นในการเตรียมดิน และการงอกของทอนพันธุ หลังฝนตกหนักหรือประมาณ
20-25 มม.ก็เพียงพอสําหรับเริ่มปลูกมันสําปะหลัง การใหน้ําสามารถเสริมสรางความแข็งแรงใหกับมัน
สําปะหลัง พืชสามารถพัฒนาตัวเองใหตานทานตอแมลงศัตรูไดดีขึ้น เหมาะสมกับแมลงตัวห้ําและตัวเบียนที่
มีอยูตามธรรมชาติ แตไมเหมาะสมกับแมลงศัตรูพืชอยางเพลี้ยแปง
หลักการพิจารณาใหน้ํา
- มันสําปะหลังตองการน้ําในชวงแรกของการเจริญเติบโตโดยเฉพาะอายุมันสําปะหลังระหวาง 2-5
เดือนหลังปลูก
- ควรใหน้ําเมื่อปริมาณการคายระเหยสะสมถึง 60 มม.
- ปริมาณการใหน้ําแตละครั้งประมาณ 40 มม. (การใหน้ําแบบหยดจะประหยัดน้ํากวา)
- การใหน้ําในชวง 2-5 เดือนแรก ไมแตกตางจากการใหน้ําตลอดฤดูปลูก
- ความถี่ในการใหน้ําทุก 2 สัปดาห ใหผลผลิตแตกตางกับ ทุก 4 สัปดาห
การใหน้ําแบบน้ําหยดกับมันสําปะหลัง
การใชระบบน้ําหยดกับมันสําปะหลังมีความเปนไปไดในการเพิ่มผลผลิตมันสําปะหลัง แตจะประสบ
ความสําเร็จหรือไม ยังขึ้นกับปจจัยอื่นๆ ดวย เชน การปลูกและดูแลรักษามันสําปะหลัง การออกแบบ การ
ติดตั้ง การใชงานและการบํารุงรักษาระบบน้ําหยดที่เหมาะสม เพื่อใหกระจายน้ําไดทั่วถึงและสม่ําเสมอ ไม
เกิดปญหาการอุดตัน และประหยัดคาใชจายคาพลังงาน
องคประกอบของระบบน้ําหยด
1. แหลงน้ําและชุดเครื่องสูบน้ํา (ปม)
แหลงน้ําผิวดิน ไดแก แมน้ํา ลําคลอง สระน้ํา กรณีที่ไมมีไฟฟา ตองใชเครื่องยนตในการสูบน้ํา
ปมหอยโขงพรอมเครื่องยนตเบนซินแบบ ปมหอยโขง(ปมเพลาลอย)ตอดวย
ชุดสําเร็จที่ประกอบจากโรงงาน สายพานกับเครื่องยนต
26
บอน้ําตื้น หากระดับน้ําลึกเกินที่จะใชปมหอยโขงธรรมดาได (ลึกเกิน 4-5 เมตร) สามารถเลือกใชปม
หอยโขงแบบไมตองลอน้ําซึ่งดูดไดลึกกวา ในกรณีน้ําลดระดับต่ําลงในฤดูแลง อาจหยอนปมหอยโขงลงให
ใกลระดับน้ํามากขึ้นได แตควรมีเครื่องปองกันการพลัดตกลงบอน้ําทั้งปมน้ําและคน
บอบาดาลระดับตื้น ใชปม หอยโขงได หาซื้อไดงายและมีราคาถูกกวาปมบาดาล แตควรตรวจสอบ
ระดับน้ําในชวงฤดูแลงวาลึกเกินที่ปมหอยโขงจะดูดไดหรือไม หากปริมาณน้ําลดลงมากตองแกไข เชน อาจ
ตองเปลี่ยนเปนปมบาดาล เปนตน
บอบาดาลระดับลึก ใชปมบาดาล โดยเลือกขนาดมอเตอรไมเกิน 2-3 แรงมา เนื่องจากเปนระบบ
ไฟฟา 220 โวลท เชนเดียวกับที่ใชในบานเรือน ถาแรงมามากกวานี้จะไมสามารถใชไฟฟาบานได
ปมบาดาลติดตั้งตายตัวไมยายปมไปบออื่น ปมบาดาลติดตั้งแบบยกขึ้นและยายปมไปบออื่นได
การใหน้ําในแปลงที่อยูไกลมาก แรงดันน้ําอาจไมพอ (ทอน้ําหยดไมแข็งในชวงใหน้ํา) ถาไม
เปลี่ยนชุดปมน้ําใหใหญขึ้นอาจใชปมเครื่องยนต (3-5 แรงมา) อีกชุดมาเสริมแรงดันใหสูงขึ้น โดยตอทางสง
ของปมตัวแรกเขากับทางดูดของปมที่มาเสริม และทอทางสงของปมตัวที่เสริมจายเขากับแปลง
การใชปมเสริมแรงดัน
27
2. เครื่องกรองน้ํา เปนเครื่องกรองน้ําพลาสติกที่ไสกรองจะเปนแบบตะแกรง หรือแบบแผนดิสก
(เปนแผนพลาสติกซอนอัดหลายๆ ชั้น) แบบแผนดิสกจะกรองไดดีและมีความทนทานกวาแบบตะแกรงแต
ราคาแพงกวาเล็กนอย
ไสกรองแบบแผนดิสก ไสกรองแบบตะแกรง
ความละเอียดของไสกรอง ไสกรองที่ใชกับระบบน้ําหยดจะตองมีความละเอียด 120 เมช (MESH)
หรือ 130 ไมครอน หากไสกรองหยาบกวานี้ เชน 80 เมช จะไมสามารถกรองสิ่งสกปรกขนาดเล็กได ทําให
เกิดการอุดตันที่รูน้ําหยด แตจะเหมาะสมกับระบบมินิสปริงเกลอร
ขนาดความละเอียดของไสกรอง
ที่ระบุไวทเี่ ครื่องกรองน้ําสําหรับน้ําหยด
• ปฏิบัติตามคูม ือของผลิตภัณฑ
เชน ติดตั้งตอจากปมน้ํา การตั้งขึ้นหรือลง
ทิศทางน้ําเขาและออก
• ถอดล างไส กรองอยางสม่ําเสมอ ขึ้น อยู
กับคุณภาพน้ําและจํานวนเครื่องกรองน้ําที่
ใช การใชน้ําที่ มีตะกอนมากทํา ใหตองล าง
กรองบอยๆ การละเลยจะทําใหไสกรองอุด
ตั น และน้ํ า ไหลน อ ยลงกว า ปกติ ทํ า ให เ สี ย
พลังงานและคาใชจายมากขึ้น
30
4. ทอน้ําหยด ที่เหมาะสมสําหรับมันสําปะหลัง คือ เทปน้ําหยดระยะ 30 ซม. หากระยะหางกวานี้
เชน 50 หรือ 60 ซม. จะเหมาะกับดินที่เนื้อเปนดินเหนียวและตองมีระบบปองกันการอุดตันที่ดี มีอัตราการ
จายน้ําแตละจุดนอยๆ (ประมาณ 1-2.5 ลิตรตอชัว่ โมง) เมื่อใหน้ํานานประมาณ 1-3 ชั่วโมง (ขึ้นกับชนิดดิน
ระยะและอัตราการหยด) พื้นที่เปยกของแตละจุดที่หยดจะบรรจบกัน
5. อุปกรณอื่นตามความจําเปน
• ประตูน้ําใหญสําหรับปด-เปดควบคุมน้ํา
• มาตรหรือเกจวัดแรงดันน้ําไวตรวจสอบแรงดัน และถาตองสงน้ําขึ้นเนินตองมีประตูกันน้ํา
ไหลกลับ (เช็ควาลว) ที่ตนทาง เปนตน
• ที่มวนเก็บและวางสายทอน้ําหยด ชวยลดความเสียหายจากการพันกัน การเก็บรักษา การ
พับเก็บจะทําใหเกิดมุมหักของสาย การขูดขีด ทําใหรั่วงาย
การออกแบบหรือการวางระบบทอน้ําหยดในแปลง
หลักการพิจารณาเบื้องตน
1. ความยาวของทอน้ําหยดแตละแถวไมควรเกิน 120-150 ม. เพื่อสะดวกในการจัดการและดูแล
รักษาระบบน้ําหยด
- ความยาวสูงสุดประมาณ 120 ม. สําหรับทอน้ําหยดที่มีอัตราการไหลประมาณ 2.2 ลิตร/ชม.
- ความยาวสูงสุดประมาณ 150 ม. สําหรับทอน้ําหยดที่มีอัตราการไหลนอยกวา 1.5 ลิตร/ชม.
2. เลือกใชอัตราการไหลของน้ําหยดที่เหมาะสม อัตราการไหลของน้ําหยดแตกตางกันในแตละ
ผูผลิตหรือแตละรุน ทําใหเวลาที่ใชในการใหน้ําไมเทากัน
3. การแบงพื้นที่ใหน้ําใหเหมาะสมในแตละครั้ง
31
4. พื้นที่มีความลาดเทมาก ตองหลีกเลียงการสงน้ําขึ้นเนิน อาจวางทอเมนพีวีซีเปนแนวยอยๆ
เพื่อใหมีการติดตั้งทอน้ําหยดออกจากทอพีวีซีดานเดียวที่เปนดานลงตามความลาดเท
การแบงพื้นที่ใหน้ํา (แบงโซนการใหน้ํา)
ทอน้ําหยดแตละรุนมีอัตราการจายน้ําไมเทากัน ระยะแถวของมันสําปะหลังแตละแปลงก็ไมเทากัน
จึงเปนการยากที่จะระบุไดวาระบบน้ําหยดไดครั้งละกี่ไร แตถารูวาอัตราการหยด ขนาดทอสงน้ําที่ตอออก
จากปมน้ํา ก็สามารถกําหนดความยาวรวมของทอน้ําหยดทั้งหมดที่จะสามารถเปดไดในแตละครั้งดังตาราง
ตารางแนะนําความยาวของทอน้ําหยดรวมมากที่สุดที่จะสามารถเปดใหน้ําไดในแตละครั้ง (โซน)
ขนาดทอเมน ที่อัตราการไหลของทอน้ําหยดแตละจุด
(นิ้ว) 1.0 ลิตร/ช.ม. 1.5 ลิตร/ช.ม. 2.0 ลิตร/ช.ม. 2.5 ลิตร/ช.ม.
2 3,900 ม. 2,600 ม. 2,000 ม. 1,600 ม.
2 1/2 6,000 ม. 4,000 ม. 3,000 ม. 2,400ม.
3 9000 ม. 6,000 ม. 4,500 ม. 3,600 ม.
หมายเหตุ : ถาปมน้ํามีแรงมาจํากัดหรือระยะแปลงใหนา้ํ อยูไกลมากอาจสงน้ําไดนอยกวาที่ระบุ
ตัวอยางที่ 1
สมมุติวาเกษตรกรมีพื้นที่ปลูกมันสําปะหลัง 10 ไร เปนพื้นที่ราบ กวาง 65 ม. ยาว 250 ม. ระยะ
ระหวางแถว 1.2 ม.
ใชทอน้ําหยดแบบระยะหยดทุก 30 ชั่วโมง อัตราการไหล 2.1 ลิตรตอชั่วโมง
แนวคิดในการออกแบบ :
1) หาความยาวของทอน้ําหยดแตละแถวไมควรเกิน 120-150 ม.
พิจารณาจากอัตราไหล 2.1 ลิตร/ชม. และความยาวของพื้นที่ 250 ม. พบวา เกินความยาวของทอ
น้ําหยดแตละแถวที่แนะนําไววาอยูในชวงไมเกิน 120 ม. (สําหรับทอน้ําหยดอัตรา 2.2 ลิตร/ชม.) จึงแบง
ความยาวแปลง 250 ม. ออกเปน 2 ชวงๆ ละ 125 ม. (เกิน 120 ม. ไปเล็กนอย อนุโลมวาใชได)
2) กําหนดแนวทอเมนสงน้ํา เขากลางแปลงระหวาง 2 ชวงของแถวปลูกขางละ 125 ม. และให
ทอน้ําหยดออกจากทอเมน 2 ดาน ลักษณะคลายกางปลา (เนื่องจากเปนพื้นที่ราบ)
3) หาจํานวนระยะความยาวรวมของทอน้ําหยดที่เปดใชในแตละครัง้ (โซน)
- หาจํานวนแถวในแปลง โดยนับหรือคํานวณจากหนากวาง 65 ม.หารดวยระยะแถว 1.2 ม.= 54 แถว
- คํานวณความยาวรวมแตละโซน เชน ทดลองแบงเปน 6 โซนๆ ละ 18 แถว
จากจํานวนแถว x ความยาวแถว = 18 x125 ไดความยาวรวมโซนละ = 2,250 ม.
- นําไปเทียบกับตารางแนะนําความยาวของทอน้ําหยดรวมที่มีอัตราไหล 2.0 ลิตร/ชม.(ใกลเคียง) จะได
• ถาใชทอ 2 นิ้ว เปดใชในแตละโซนไมเกิน 2,000 ม. ซึ่งนอยกวา 2,250 ม. จึงใชไมได
• ถาใชทอ 2 1/2 นิ้ว เปดใชในแตละโซนไมเกิน 3,000 ม. ซึ่งมากกวา 2,250 ม. จึงใชได
ดังนั้นจึงเลือกเปดใหน้ําแตละโซน จากพื้นที่ทั้งหมด 6 โซน โดยใชทอเมนขนาด 2 1/2 นิ้ว
32
การตอทอน้ําหยดจากทอเมน
มีวาลวน้ําออก 2 ดาน
การวางระบบทอในแปลงน้าํ หยดในพื้นที่ราบ
ตัวอยางที่ 2
พื้นที่มีความลาดเทเกิน 2 % ทอน้ําหยดไมควรสงน้ําขึน้ เนินมาก เพราะจะทําใหนา้ํ หยดที่ปลายทางนอยกวา
ตนทางทําใหจายน้ําไมสม่ําเสมอ จึงจําเปนตองวางทอเมนใหจายน้ําออกดานเดียวลงตามลาดเท
การวางระบบทอในแปลงน้าํ หยดในพื้นที่ลาดเท
33
การติดตั้งทอน้ําหยดกับทอจายน้ําพีวีซี
อุปกรณ
- ทอพีวีซี
- สวานไฟฟาหรือสวานแบบชารจแบตเตอรี่ (ดอกสวานควรซื้อจากรานขายขอตอทอน้ําที่จะใส
โดยเฉพาะ เพื่อไมใหเกิดการรั่วซึมถาขนาดรูเจาะผิดไปจากขนาดขอตอ)
- ลูกยางกันรั่ว
- วาลว ปด-เปดน้ํา ขนาด 1/2 นิ้ว
- ทอน้ําหยด
วิธีการติดตั้ง
1) วางทอเมนและทอจายน้ําพีวีซีตามแนวที่ไดออกแบบไว
2) เจาะรูทอพีวีซีตรงแนวกลางแถวรองปลูกดวยสวานไฟฟา
3) ใสลูกยางกันรั่วที่รูเจาะ
4) ใสวาลว ปด-เปดน้ํา ขนาด 1/2 นิ้ว
5) วางทอน้ําหยดบนแปลง
6) ตอทอน้ําหยดเขากับทอจายน้ําพีวีซี
7) ลางสิ่งที่จะไปอุดตันน้ําหยดออกจากระบบทอกอนเปดใชงานน้ําหยด
34
ลากทอน้ําหยดไปสุดปลายแถวทุกแถว วางทอที่โคนทอนพันธุขัดสลับตนใหทออยูบนสันแปลง
ใสทอน้ําหยดที่โรยไวตามแถวเขาวาลว การลางสิ่งที่จะไปอุดตันน้ําหยดออกจากกอนใชงาน
การดูแลรักษา
• ปญหาแรงดันน้ําระหวางใชงาน
ควรใหน้ํามีแรงดันน้ําของทอน้ําหยดที่แปลงอยางนอย 0.4 บาร หากแรงดันนอยกวานี้แมน้ําจะหยด
ออกมาได แตปริมาณน้ําจะนอยและตองใชเวลานานขึ้น หรืออาจเกิดการอุดตันที่รูหยดได
35
ทอนิ่มมากพับหักเปนมุมเมื่อยก ทอคอนขางแข็ง
แสดงวาแรงดันที่แปลงนอยกวา 0.4 บาร แสดงวาแรงดันที่แปลงมากกวา 0.4 บาร
การแกไข
- เปลี่ยนปมน้ํา หรือเครื่องยนตใหม อาจเนื่องจากปมที่ไมไดมาตรฐานจากโรงงานผลิตตามสมรรถนะที่
ระบุไว หรือเสื่อมสภาพจากการใชงาน
- ถาไมเปลี่ยนปม ตองปรับรอบเครื่องยนตเพิ่ม (แตควรอยูในระดับที่ไมเรงมากจนเกินไป) ถาคิดวาเรง
รอบเครื่องที่เหมาะสมแลวยังไดแรงดันน้ําต่ํามากเกินไป อาจตองเพิ่มขนาดเครื่องยนต
- ถาไมเปลี่ยน หรือเพิ่มขนาดเครื่องยนต ควรลดจํานวนการเปดวาลวทอน้ําหยดลง
• ทอน้ําหยดพับทําใหเกิดมุมหักและรั่ว
ทอน้ําหยด ที่ถูกเก็บพับแลวขนมากองรวมกัน
การพับทําใหเกิดมุมหักและรั่วงาย
การแกไข
ควรใชเครื่องมวนทอน้ําหยด โดยทําเปนโครงขาตั้ง
รูปตัวเอเชื่อมติดกัน ที่ดานบนมีรองหรือหวงไวใสเพลาโรล
มวนทอและทําแขนหมุนไวสวมขณะมวนทอ เมื่อตองการ
วางทอน้ําหยดก็นําเอามวนทอเกาหรือมวนใหมมาใสเพลา
เหล็กวางบนโครงขาตั้งที่หัวแปลง แลวใชคนลากไปสุดแปลง
พันธุที่มีศักยภาพในการปลูกหลังนา
พันธุ คุณลักษณะ
CMR 33-38-48 มีคุณสมบัติดีเดนดานผลผลิตและเปอรเซ็นตแปงลดลงไมมากนักเมื่อกระทบฝน
ชวงเก็บเกี่ยว
ระยอง 72 มีการตอบสนองตอการใชปุยเคมีอัตรา 50 กก./ไร
ระยอง 7 มีตอบสนองกับดินที่มีความอุดมสมบูรณสูง
เกษตรศาสตร 50 ผลผลิตและเปอรเซ็นตแปงปานกลาง ไมตอบสนองตอการใชปุยในนา ในสภาพ
ที่ไมมีการใหน้ํา
การใชปุยเคมี
การใชปุยเคมีใหผลผลิตสูงกวาไมใชปุย การใชปุยเคมีสูตร 15-7-18 อัตรา 50 กก./ไร ใหผลผลิต
มันสําปะหลังสูงกวาการไมใสปุยเคมี การใชปุยอัตราสูงไมทําใหผลผลิตเพิ่มขึ้น ในสภาพที่ไมมีการใหน้ํา
แตพันธุเกษตรศาสตร 50 เปนพันธุที่ไมตอบสนองตอการใชปุยเคมี โดยการใสปุยและไมใสปุยให
ผลผลิตไมแตกตางกัน ในสภาพที่ไมมีการใหน้ํา
ขอควรคํานึง
อาจมีปญหาตลาดที่จะรับซื้อผลผลิตเนื่องจากเปอรเซ็นตแปงต่ํา และหัวเนาเนื่องจากน้ําขังแปลง
โดยเฉพาะพื้นที่นาลุม
37
CMR 33-38-48 ระยอง 72 เกษตรศาสตร 50
ผลผลิต(กก./ไร)
ผลผลิตมันสําปะหลังที่ปลูกหลังนาในดินรวนปนทรายชุดเรณูโดยไมมีการใหน้ําที่พิษณุโลก เก็บ
เกี่ยวอายุ 6 เดือน
38
การจัดการดินดานในการผลิตมันสําปะหลัง
การปลูกมันสําปะหลังติดตอกันเปนเวลานาน มีผลทําใหเกิดชั้นดินดานใตชั้นไถพรวนทําให
มันสําปะหลังไมสามารถใชน้ําใตดินที่มีอยู และเมื่อฝนตกลงมาน้ําไมสามารถซึมผานชั้นดานนี้
ได ทําใหเกิดการทวมขัง สงผลใหหัวมันเนา
ชั้นดานแบงเปน 2 ชนิด
1. ชั้นดานเปราะ ชั้นดานเปราะพบในดินทั่วๆไป เปนชั้นดานที่มีความหนาแนนสูงกวาชั้นดินบน
และลาง และมีปริมาณอินทรียวัตถุต่ํา
2. ชั้นดานแข็ง เปนชั้นดินที่มีการเชื่อมตัวกันแนนทึบและแข็ง เกิดขึ้นโดยการยึดเกาะกันระหวาง
อนุภาคของเม็ดดินกับสารเชื่อมตางๆ ที่มีอยูในดิน
สาเหตุการเกิดดินดาน
ในพื้นที่ที่มีการปลูกมันสําปะหลังติดตอกันมาหลายป และบางปมีการเขตกรรมที่ไมเหมาะสม ทําให
พื้นที่นั้นมีโอกาสเกิดดินดานขึ้นได ซึ่งสาเหตุที่สําคัญ คือ การใชเครื่องยนตหรือรถขนาดใหญลงไปในพื้นที่
ขณะดินเปยก ทําใหดินลางลึกประมาณ 30-50 เซนติเมตรถูกบดอัดจนไมมีโครงสราง หรืออาจเกิดจากการ
ไถพรวนที่ไมถูกวิธี เชน การไถขณะที่ดินมีความชื้นสูงเกินไป หรือการไถดวยผาลพรวน เปนตน
หนาตัดดินที่มีชั้นดาน ชั้นดานเปนอุปสรรคตอการใชน้ําของพืช
น้ําที่อยูใตชั้นดานไมสามารถผานขึ้นมาเปนประโยชนตอพืชในชวงแลงได รวมทั้งหากฝนตกมากน้ํา
จะไมซึมผานชั้นดานไดทําใหน้ําขังและอาจหัวเนาได
39
ทราบไดอยางไรวาแปลงปลูกมีชั้นดาน
• ความหนาแนนของดินเกินกวา 1.76 ก./มล.ในดินทราย หรือ 1.66 ก./มล.ในดินรวน หรือ 1.46
ก./มล.ในดินเหนียว
• ดินที่มีอนุภาคทรายแปงเปนสวนประกอบอยูมาก เชน ดินชุดกําแพงแสน เมื่อมีการไถพรวนไม
ถูกวิธี อนุภาคทรายแปงจะตกอยูในชั้นดินลึกประมาณ 40-50 เซนติเมตร และถูกบดอัดทําให
เกิดชั้นดาน
• การสังเกตจากเวลาฝนตก ถาเปนพื้นทีร่ าบน้ําจะแชทวมขังอยูนาน เนื่องจากน้ําไมสามารถซึม
ลงไปในดินชัน้ ลางได ถาเปนพื้นที่ลาดเอียงฝนตกลงมาน้ําจะไมซึมลงไปดินชั้นลาง แตจะไหล
บาบนผิวดิน ทําใหเกิดการชะลางพังทลายบนผิวดิน
การแกไขและปองกัน
ดินปลูกมันสําปะหลังที่มีชั้นดินดาน ควรทําการไถระเบิดดานทุก 3 หรือ 5 ป โดยการไถ 2 แนวตัด
กันเปนตารางหมากรุก หลังจากนั้นก็ทําการไถพรวนตามปกติ การไถเบิกดินดานไมจําเปนตองทําทุกป
ขึ้นอยูกับชนิดของดินและวิธกี ารเขตกรรม
ลักษณะของไถระเบิดดินดาน การไถระเบิดดินดานเปนแนวตาขาย
หลังการไถดินดานควรเตรียมดินใหลึกและรวนซุย ทําลายวัชพืชใหหมด เพื่อใหทอนพันธุสมั ผัสดิน
และความชื้นในดินไดดี เมื่องอกเปนตนแลว ก็จะสามารถเจริญเติบโตมีชีวติ อยูรอดได และใหผลผลิตดี
• ชั้นดานนี้ไมควรอยูลึกเกินกวา 70 เซนติเมตรจากผิวดิน เนื่องจากการไถระเบิดดานตองใชรถ
แทรกเตอรขนาดหนัก มีแรงมามากกวา 95 แรง และไถไดลึกไมเกิน 70 เซนติเมตรเทานั้น
• หากชั้นดานอยูลึกเกินกวานี้ จะเสียคาจายโดยเปลาประโยชน
• ในเขตที่มีฝนตกนอยกวา 1,000 มิลลิเมตร และมากกวา 1,400 มิลลิเมตร จะเห็นผลของการไถ
ระเบิดดานมากกวาเขตฝน 1,000-1,400 มิลลิเมตร
• ในดินที่มีชั้นเกลือใตดินไมควรไถเบิกดินดาน เนื่องจากจะทําใหเกลือขึ้นมาพรอมกับน้ําใตดิน
40
การเก็บเกี่ยวมันสําปะหลัง
การเก็บเกี่ยวมันสําปะหลังควรเลือกเก็บเกี่ยวในชวงทีเ่ หมาะสมตั้งแตอายุ 12-18 เดือน ผลผลิต
สูงขึ้นเมื่อเก็บเกี่ยวที่อายุมากขึ้น การเก็บเกี่ยวมันสําปะหลังที่อายุขามป จะไดผลผลิตเพิ่มขึน้ เกือบสองเทา
เมื่อเทียบกับเก็บเกี่ยวในปเดียว เปนการเพิ่มผลผลิตโดยไมตองลงทุนปลูกใหม แตหัวมันสําปะหลังที่อายุ
เกิน 18 เดือนจะใหเปอรเซ็นตแปงในหัวสดต่ํา คุณภาพของแปงไมไดมาตรฐาน มีปริมาณเสนใยสูง โดย
ลดลงในชวงทีผ่ านแลงแลวไดรับฝนทําใหแตกใบออน
ผลผลิต(ตัน/ไร) ปริมาณน้ําฝน(ม.ม.)
14 ระยอง 9 450
12 ระยอง 7 400
ระยอง 72 350
10
ปริมาณฝน 300
8 250
6 200
150
4
100
2 50
0 0
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค.
ปลูก เก็บที่ 6 เดือน 8 เดือน 10 เดือน 12 เดือน 14 เดือน 16 เดือน
ผลผลิตมันสําปะหลังที่เก็บเกี่ยวอายุตางกันตั้งแต 6 – 16 เดือน
คุณลักษณะของเครื่องขุดมันสําปะหลัง
เปนแบบไถหัวหมูซึ่งมีผาลขุดแบบจานโคง สามารถปรับมุมและความยาวปกไถตามชนิดและ
ความชื้นดินซึง่ แกปญหาขอจํากัดเรื่องพื้นที่ไดมากขึ้น ปรับเลื่อนตามระยะระหวางแถวไดสะดวก ตองการ
แรงลากจูงต่ํา
41
(ก) (ข) (ค) (ง)
เครื่องขุดมันสําปะหลังแบบไถหัวหมู (ก) สามารถปรับมุมปกไถสวนหนาได 15 องศาจากการปรับ
ปกไถปานสุด (ข) สามารถปรับมุมปกไถสวนหลังไดในชวง 0-45 องศากับแนวทิศทางการเคลื่อนที่ (ค) ปก
ไถสวนหลังสามารถปรับเลือ่ นเพื่อเพิ่มความยาวได 10 เซนติเมตร เพื่อใหสามารถสงดินและเหงา
มันสําปะหลังออกจากรองการขุดไดมากขึ้น (ง)
ประสิทธิภาพการทํางาน
- มีความสามารถในการทํางาน 1.4 ไรตอ ชั่วโมง
- อัตราการสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิง 2.9-3.4
ลิตรตอชั่วโมง
- มีความสูญเสียหัวมันสําปะหลัง 2.3-5.0 %
(ความเสียหายเนื่องจากการแตกหักและหัวหลุดออกจากตน)
ซึ่งนอยกวาผลการทดสอบเครื่องขุดที่มีใชงานอยูแลว
ลักษณะการทํางาน/ความสามารถ
ลักษณะการขุดแบบมีการพลิกดิน ใหมีการพลิกดินออกทั้งสองขางของผาลขุด และแบบใหมีการ
พลิกดินออกขางเดียว ทําใหเก็บรวบรวมหัวมันสําปะหลังงายและสะดวก แตตองใชแรงงานจํานวนมากพอ
ในการเก็บหัวมันออกจากรองขุดตลอดการขุดของแตละรอง เพื่อใหทันการขุดของรถแทรกเตอร ไมใหลอรถ
แทรกเตอรเหยียบหัวมันเมือ่ ทําการขุดรองตอไป
การทดสอบสมรรถนะการทํางานของเครื่องตนแบบในสภาพดินรวนปนทราย
เกียร ความสามารถใน การสิ้นเปลือง ความเร็ว การลื่นไถล %สูญเสีย
แทรกเตอร การทํางานจริง นํ้ามันเชื้อเพลิง แทรคเตอร (%) ผลผลิต
(ไรตอชั่วโมง) (ลิตรตอไร) (ขณะขุด)
เกียร 4 Low 1.47 3.16 3.61 19.50 2.74
เกียร 1 High 1.59 3.54 4.07 23.33 4.79
43
3.3 เกษตรกรฝกวิเคราะหสาเหตุของปญหา จากขอมูลของตนเองวา เกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุใด
และศึกษาขอมูลจากผูรวมแลกเปลี่ยนเรียนรูจากพื้นที่อื่น ขั้นตอนนี้เกษตรเกิดการเรียนรูอยางนอย 2
ประเด็นคือ
• เกษตรกรไดคิดแลววาตนเองมีผลผลิตต่ําหรือตนทุนสูงเพราะเหตุใด
• เกษตรกรไดรับรูแลววาผูรวมแลกเปลี่ยนเรียนรูมีปญหาและมีวิธีแกปญหาอยางไร
3.4 การถายทอดเทคโนโลยี
จากขั้ น ตอนที่ 3.1-3.3 นั ก วิ ช าการสามารถตรวจสอบได แ ล ว ว า เกษตรกรมี ป ญ หาในการผลิ ต
แตกตางกันอยางไร เกษตรกรใชความรูถูกตองมากนอยเพียงได ควรใชประเด็นปญหาใดเปนโจทยวิจัย/
พัฒนา และประเด็นปญหาใดที่มีผลการวิจัยแลว ตองรีบถายทอดความรูและนําเสนอหลักวิชาที่ถูกตองให
เกษตรกรไดรับรูทันที โดยรวมแลวความรูที่เกษตรกรไมรู หรือใชไมเปน ไดแก
- หลักวิชาการเพิ่มผลผลิต ไดแก ตัวพืช พันธุพืช อาหาร (ปุย) และน้ํา
- ปจจัยที่ตองปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิต ไดแก ดินและความอุดมสมบูรณของดิน
- ปจจัยควบคุมไมใหลดผลผลิต ไดแก โรค แมลง วัชพืช
- ปจจัยที่ตองลงทุน ไดแก การปรับปรุงดิน การใชปุย ยา แรงงาน เครื่องมือ
4. การฝกทําแผนปฏิบัติเพือ่ แกปญหาของตนเอง
นักวิชาการควรกระตุนใหเกษตรกรตัดสินใจนําความรูท ี่ไดนี้ไปทดลองใชแกปญหาของตนเองทันที
โดยนักวิชาการเปนผูแนะนําเกษตรกรแตละรายใหฝกทําแผนปฏิบัตขิ องตนเอง โดยมีหลักการดังนี้
- ตั้งเปาหมายยกผลผลิตและลดตนทุนใหมากกวาเดิมอีกเทาตัว
- ทําแผนการปฏิบัติทุกขั้นตอนตั้งแตปลูกถึงเก็บเกี่ยวและสรุปผล
- แสดงวิธีการ เครื่องมือ และความรูที่จะใชในการปฏิบัติทุกขั้นตอน
- แสดงวิธีการใหมที่ทดลองเพิ่มผลผลิตและลดตนทุนการผลิต (คือการทดสอบในพื้นที่)
- คํานวณตนทุนที่จะตองใชทุกขั้นตอน
- คํานวณผลตอบแทนตอไรและผลตอบแทนตอกิโลกรัมหรือตอตัน
- นําแผนไปทดลองปฏิบัติทันที
- นักวิชาการเสนอแผนสนับสนุนตามโจทยของเกษตรกร ไดแก การถายทอดเทคโนโลยี การ
บริการวิชาการ การทดสอบเทคโนโลยีและการวิจัยแกปญหาที่ยังไมรูวิธีแกไข
5. การเรียนรูดวยการปฏิบัติ เกษตรกรนําความรูไปทดลองปฏิบัติ โดยใชแปลงเกษตรกรเปน
แหลงเรียนรูของตนเอง
- จัดเวทีสรุปผลการทดลองเปนความรูระหวางเพื่อนเกษตรกร
- เชิญเกษตรกรใกลเคียงเปนสมาชิกเรียนรูในชุมชนทองถิ่น
6. สรางเครือขายการเรียนรู นักวิชาการควรหนุนเสริมใหเกษตรกรที่สามารถเรียนรูดวยการ
ปฏิบัติ ใหสรางเครือขายการเรียนรูรวมกันในระยะยาว โดย
6.1 กําหนดตัวผูประสานงานระดับกลุม และเครือขาย และกําหนดบทบาทหนาที่ใหชัดเจน
6.2 ผูประสานงานมีการรวมวางแผนงานเพื่อสรางสังคมการเรียนรูในระยะยาว เชน
44
- มีการนัดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรูระหวางกลุม
- มีการประชุมสรุปผลในแปลงทดลอง และการประชุมสรุปผลประจําป
- มีการประสานงานกับภาคีการพัฒนา เชน ผูประกอบการ และนักวิชาการเพื่อรวมวางแผน
และรวมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู ดูงานตางๆ
กลุมและเครือขายเกษตรกร
นักวิชาการสามารถประสานและจัดการใหเกษตรกรรายบุคคลหรือกลุมเกษตรกรตาง ๆ สามารถ
รวมตัวกันเปนกลุมและเครือขายการพัฒนาอาชีพโดยมีวัตถุประสงคและเปาหมายการเรียนรูการผลิตและ
การจัดการรวมกันในดานตาง ๆ คือ 1) การแลกเปลี่ยนขอมูลขาวสาร ความรูและเทคโนโลยี 2) พัฒนา
เทคโนโลยีแบบมีสวนรวม 3) รวมจัดการซื้อปจจัยการผลิต และ 4) รวมจัดการจําหนายผลผลิต
เครือขายเกษตรกร
4. สนับสนุนใหเกษตรกรประสานงานกันเปนเครือขายการเรียนรู
- กําหนดผูประสานงานแตละพื้นที่ระดับบุคคล ระดับกลุม ระดับจังหวัดและระดับประเทศ
- มีวัตถุประสงคการแกปญหาอาชีพและใชความรูในการยกระดับผลผลิตและรายได
- วางแผนการขับเคลื่อนการเรียนรู
5. มีการหนุนเสริมจากนักวิชาการ สนับสนุนการแกปญหาของเกษตรกรตามประเด็นปญหา คือ
- การจัดประชุมสรุปผลในพื้นที่ การฝกอบรม และการจัดทําเอกสารวิชาการตาง ๆ
- การจัดกิจกรรมเรียนรู ดูงานในแปลงเกษตรกรที่ประสบความสําเร็จเพื่อสรางกลุมเรียนรูใน
พื้นที่และใหเกษตรกรเปนวิทยากร
- ใหบริการวิชาการ เชน บริการตรวจสอบดิน น้ําพืช หรือใหคําแนะนําตาง ๆ
- ทดสอบเทคโนโลยีที่เกษตรกรจะนําความรูไปทดลองเอง
- วิจัยเพื่อแกปญหาที่ยังไมรูวิธีแกไข
มารวมกันสรางสังคมแหงการเรียนรูกัน
46
เครือขายเกษตรกรที่ประสบความสําเร็จ
นายสม ทะนาสินธุ
เกษตรกรผูปลูกมันสําปะหลังบานหนองนกทา ตําบลโพธิ์
ศรี อําเภอโพธิ์ชัย จังหวัดรอยเอ็ด สูเกษตรกรตนแบบใน
ระดับนานาชาติ จากการทําการเกษตรในพื้นที่ 12 ไร
เสนทางเกษตรกรตนแบบ
นายสม ทะนาสินธุ เกษตรกรธรรมดา ๆ ทํานา ทําไร ปลูกพืชหลายชนิดทั้งปอ แตงโม ออย และ
เริ่มหันมาปลูกมันสําปะหลังตั้งแต พ.ศ.2515 จากการดําเนินการปลูกมันสําปะหลังตามแบบวิธีการเขตกรรม
ของตนเองคือ การเตรียมดินโดยการใชรถไถผาล 3 ใชระยะปลูกระหวางตนเพียง 30 เซนติเมตร และมีการ
ใสปุยตามความพอใจของตนเอง ซึ่งจากวิธีดังกลาวทําใหไดผลผลิตมันสําปะหลังสูงสุดพียง 4 ตันตอไร
ตอมาในป 2548 ศูนยวิจัยและพัฒนาการเกษตรรอยเอ็ด ไดเขามาใหความรู ทดสอบงานวิจัยแปลงมัน
สําปะหลังในพื้นที่ และนายสม ไดอาสาทํางานวิจัยรวมกับกรมวิชาการเกษตร ทําใหไดเทคโนโลยีมาปรับใช
ใหเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของตน และไดรวมทดสอบ แลกเปลี่ยนเรียนรู จากการดูงานแปลงเกษตรกร
ตนแบบในหลายพื้นที่ แลวนํามาทําการทดลองดวยตนเอง โดยมีฐานความรูดานวิชาการ ตั้งแตการเลือก
พันธุใหเหมาะสมกับพื้นที่ คือ พันธุระยอง 7 และการปรับใชเทคโนโลยีการปลูกมันสําปะหลัง จนกระทั่ง
ผลผลิตเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จากเดิม 4 ตันตอไร เปน 5 ตันตอไร และ 16 ตันตอไร ตามลําดับ
วิจัยดวยตนเองตลอดเวลา
เทคโนโลยีที่นายสมนํามาปรับใช คือ การปลูกจากเดิมใชระยะปลูกถี่ มาเปนระยะปลูก 1x1 เมตร ที่
กรมวิชาการเกษตรแนะนํา ตอมาในป 2550 ไดทดลองขุดหลุมปลูกกับมันสําปะหลัง ทําใหในปนั้นนายสมได
ผลผลิตถึง 16 ตัน/ไร
เมื่อไดผลผลิตมันสําปะหลังตรงตามเปาหมาย นายสมก็ไมหยุดการพัฒนาการปลูกมันสําปะหลัง มี
การศึกษาหาความรูใหมและทดลองทําอยางตอเนื่องทุกป ปจจุบันนายสมไดมีการปรับเปลี่ยนการใชปุยเคมี
รวมกับการปลูกพืชหมุนเวียน ซึ่งในพื้นที่การเกษตรของนายสม จะแบงพื้นที่เปนสัดสวน มีทั้งออย แตงโม
และมันสําปะหลัง หลังปลูกออยแลวจะปรับเปลี่ยนมาปลูกแตงโม แลวจึงปลูกมันสําปะหลังหมุนเวียนกันไป
47
รองหลุมปลูกดวยอินทรียวัตถุ การปลูกแบบขุดหลุมปลูกทีต่ ําบลโพธิ์ศรี
แนวทางการขยายเทคโนโลยี
เทคโนโลยีของเกษตรกรตนแบบ จากแปลงตนแบบของนายสม ไดรับความสนใจจากเกษตรกร
ทั่วไปในตําบลโพธิ์ศรี พบวา สามารถทําไดจริง จึงเขามาศึกษาเรียนรูผานแปลงตนแบบ และนําเทคโนโลยีที่
ทําไดนี้ ไปปรับใชในพื้นที่ของตน ทัง้ ในอําเภอโพธิ์ชัย อําเภอหนองพอกและอําเภอโพนทอง รวมทั้ง
เกษตรกรที่อยูจังหวัดกาฬสินธุ และอุดรธานี การมาดูงานของเกษตรกรทั้งในและนอกพื้นที่ทําใหเทคนิคการ
ปลูกมันสําปะหลังของนายสมไดขยายพื้นที่ออกไป รวมทั้งไดรวบรวมเกษตรกรผูผลิตมารวมเปนเครือขาย
ในการซื้อขายผลผลิตและทอนพันธุมันสําปะหลัง ทําใหเกิดเครือขายการผลิตแบบนายสม จนไดรับการ
ยอมรับจากเกษตรกรผูปลูกมันสําปะหลังวาเปนเกษตรกรตนแบบในการบริหารจัดการของไรมันสําปะหลัง
ขนาดเล็กจนประสบความสําเร็จ
และประสบความสําเร็จอีกครั้งเมื่อกรมการคาตางประเทศ กระทรวงพาณิชยไดเลือกนายสม ทะนา
สินธุ เปน “เกษตรกรที่ประสบความสําเร็จดานการบริหารจัดการในไรมันสําปะหลังขนาดเล็ก”
รางวัลระดับนานาชาติ จากงานประชุมสัมมนามันสําปะหลังนานาชาติ ป พ.ศ. 2554 (World Tapioca
Conference 2011) จากกรมการคาตางประเทศ กระทรวงพาณิชย
รวมเสวนากับเกษตรกรอําเภอโพธิ์ชัย วงสนทนากับเกษตรกรตนแบบในงานนิทรรศการ
48
บรรณานุกรม
กรมวิชาการเกษตร. 2548. คําแนะนําการใชปุยกับพืชเศรษฐกิจ. เอกสารวิชาการลําดับที่ 8/2548. ISBN 974-436-434-3
กระทรวงเกษตรและสหกรณ. 121 หนา.
กอบเกียรติ ไพศาลเจริญ วัลลีย อมรพล ศรีสุดา ทิพยรักษ วินัย ศรวัติ และเกษม ชูสอน. 2554. การตอบสนองของพันธุ
มันสําปะหลังตอการจัดการธาตุอาหารเพื่อผลิตเอทานอลในจังหวัดขอนแกน. รายงานผลงานวิจัยศูนยวิจัยพืชไร
ขอนแกนประจําป 2553. สถาบันวิจัยพืชไร. กรมวิชาการเกษตร. 15 หนา.
กอบเกียรติ ไพศาลเจริญ ศรีสุดา ทิพยรักษ วินัย ศรวัต วัลลีย อมรพล และดนัย ศุภาหาร. 2550. การตอบสนองของพันธุมัน
สําปะหลัง 2 พันธุ ตอการจัดการธาตุอาหารเพื่อผลิตเอทานอลในจังหวัดขอนแกน. ใน: รายงานการสัมมนาเรื่อง
แนวทางการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสําปะหลัง. สถาบันวิจัยพืชไร 24-26 กรกฎาคม 2550
ณ โรงแรมขวัญมอ จังหวัดขอนแกน.
โชติ สิทธิบุศย, 2539. แนวทางพัฒนาระบบการใหคําแนะนําการใชปุยกับพืชไร. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ. ISBN 974-7465-15-9.
เถลิงศักดิ์ วีระวุฒิ สุเทพ สหายา อัมพร วิโนทัย วลัยพร ศะศิประภา เมธาพร พุฒขาว และ ดารารัตน มณีจันทร . 2554.
คูมือ การจัดทําแปลงขยายทอนพันธุมันสะอาดและเหมาะสมกับพื้นที่. กรมวิชาการเกษตร, กรุงเทพ 16 หนา.
วลัยพร ศะศิประภา ณิชา โปทอง และเถลิงศักดิ์ วีระวุฒิ. 2552. การจําแนกพันธุมันสําปะหลัง. สํานักงานพุทธศาสนา
แหงชาติ, กรุงเทพ. 32 หนา.
วลัยพร ศะศิประภา สุกิจ รัตนศรีวงษ โสพิศ ใจปาละ นายวินัย ศรวัติ เถลิงศักดิ์ วีระวุฒิ นรีลักษณ วรรณสาย โสภิตา
สมคิด สันติ พรหมคํา นพดล แดงพวง วิภารัตน ดําริเขมตระกูล แคทลิยา เอกอุน ณรงคศักดิ์ ศรีสุวอ สุภาพร รา
จันทึก จิราลักษณ ภูมิไธสง และอิสระ พุทธสิมมา. 2553. แผนที่ความเหมาะสมของเทคโนโลยีการผลิตมัน
สําปะหลังเฉพาะพื้นที่. ISBN :978-974-436-745-7. สํานักงานพุทธศาสนาแหงชาติ, กรุงเทพ 62 หนา.
วลัยพร ศะศิประภา. 2554. การแพรกระจายของแตนเบียนเพลี้ยแปงมันสําปะหลังสีชมพูในพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังจังหวัด
กําแพงเพชร. 10 หนา.
วินัย ศรวัต วุฒินันท ผาบสิมมา และเพียงเพ็ญ ศรวัต. 2553. การใหผลผลิตของมันสําปะหลังในการปลูกหมุนเวียนตลอด
ทั้งปในสภาพดินรวนปนทรายของจังหวัดขอนแกน รายงานเรื่องเต็มผลการวิจัยที่สิ้นสุด ปงบประมาณ 2553
ศูนยวิจัยพืชไรขอนแกน, กรมวิชาการเกษตร.12 หนา.
วินัย ศรวัต วุฒินันท ผาบสิมมาและกอนทอง พวงประโคน. 2551. ผลของการใหน้ําตอพันธุมันสําปะหลังในสภาพดินรวน
ปนทราย. ศูนยวิจัยพืชไรขอนแกน, กรมวิชาการเกษตร. 12 หนา.
สุเทพ สหายา อัมพร วิโนทัย วลัยพร ศะศิประภา รังษี เจริญสถาพร รวีวรรณ เชื้อกิตติศักดิ์ เถลิงศักดิ์ วีระวุฒิ สมลักษณ
จูฑังคะ สมศักดิ์ ทองศรี อนุวัฒน จันทราสุวรรณ ชลิดา อุณหวุฒิ มานิตา คงชื่นสิน เมธาพร พุฒขาว และดารา
รัตน มณีจันทร. 2553. คูมอื การเพิ่มผลผลิตมันสําปะหลังโดยการกระจายพันธุดีและขยายทอนพันธุมันสะอาด.
กรมวิชาการเกษตร. 33 หนา.
อัจฉรา ลิ่มศิลา และกอบเกียรติ ไพศาลเจริญ. 2551. ศักยภาพของมันสําปะหลังใน 10 ชุดดิน. ใน: รายงานการประชุมแผน
งานวิจัยมันสําปะหลังประจําป 2551. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.
โอภาษ บุญเส็ง. ไมระบุ. ปลูกมันสําปะหลังแบบมีการใหน้ําชวยเพิ่มผลผลิตและปองกันเพลี้ยแปง. ศูนยวิจัยพืชไรระยอง.
สถาบันวิจัยพืชไร กรมวิชาการเกษตร. 11 หนา.
Howeler R.H. 2002. Cassava Mineral Nutrition and Fertilization. p 115-147. In: R.J.Hillock, J.M.Thresh and
A.C.Bellotti (eds). CAB International. Cassava: Biology, Production and Utilization.:
49