You are on page 1of 134

โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 1

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ลางปราชัย (ตอนที5
่ 51)

ในการบุกวุยกกครั้งที่สี่ ทั้งสุมาอี้และขงเบงไดตกลงประลองความรูแ  ละสติปญญากันดวยคายกลพยุหะ


เมื่อขงเบงตั้งคายกลพยุหะแลวสุมาอี้ก็รจ
ู ัก แตครั้นรับคําทาใหเขาตีคายกลพยุหะนั้นกลับแปรขบวนสําแดง
อานุภาพแหงมายา ทําใหทหารวุยกกที่เขาไปในคายกลตกเปนเชลยศึกของขงเบงทั้งสิ้น

ขงเบงเห็นทหารควบคุมตัวเชลยศึกทั้งเกาสิบคนเขามา จึงกลาวกับเชลยศึกทั้งนั้นวา เราถือสัจจะไมทาํ


อันตรายทานและจะปลอยตัวพวกทานกลับไป กลาวแลวขงเบงจึงสั่งใหทหารเปลื้องเอาเสื้อเกราะและ
หมวกเกราะของทหารเชลย ยึดมาศึกและอาวุธไวจนหมดสิ้น ใหทหารเอาดินหมอสีดําทาเชลยศึกทั้งเกา
สิบคน และสั่งวา ทานกลับไปบอกสุมาอี้นายทานเถิด วาใหไปศึกษาเลาเรียนอาจารยที่ดีเสียอีกกอนจึงมา
สูกับเรา

กลาวแลวขงเบงจึงสั่งใหปลอยตัวเชลยศึกกลับไป และสั่งทหารทั้งปวงใหเตรียมพรอมในที่ตั้ง เมื่อเชลย


ศึกทั้งเกาสิบคนกลับไปหาสุมาอี้แลวไดรายงานความที่ขงเบงสั่งมานั้นทุกประการ

สุมาอี้พายแพความรูและสติปญ
 ญาในกระบวนรบดวยคายกลพยุหะกับขงเบงตอหนาบรรดาสายตาทหารทั้ง
ปวงก็รูสึกอัปยศอดสูเปนอันมาก ครั้นไดยินคํารายงานของทหารเชลยศึก ก็ลืมคําสัญญาที่ใหไวกับขงเบง
วาจะไมยอมนําทัพมารบกับขงเบงอีก กลาวกับแมทัพนายกองทั้งปวงในที่นน ั้ ดวยความโกรธวา ขงเบงทํา
หยาบชาแกเราใหไดความอัปยศนัก แมเรามิเอาชนะไดครั้งนี้ ที่ไหนจะมีหนากลับมาเมืองลกเอี๋ยงได ทาน
ทั้งปวงจงอุตสาหชวยกันเอาชัยชนะใหได

สุมาอี้แรงดวยแรงโทสะและความอัปยศ เผลอตัวลืมไปวาเปนแมทัพใหญ ขี่มาออกไปหนาทหาร ชักเอา


กระบี่คูประจํากายชูขึ้นบนฟา แลวสั่งทหารทัง้ ปวงใหยกเขาตีกองทัพของขงเบง ทหารสุมาอี้ไดยินคําสั่งก็
โหรองแลวพากันกรูรุกไปขางหนาพรอมกัน

ขงเบงเห็นดังนั้นก็หัวเราะดวยการสมคะเนทีค
่ ด
ิ ไว จึงโบกพัดขนนกเปนสัญญาณ ใหทหารพลกลองลัน

กลองทํานองเผด็จศึก และสั่งใหถอยเกวียนกลับเขามาในขบวนทหาร

ทหารจกกกไดยินคําสั่งและสัญญาณจากขงเบงแลวจึงพากันกรูขึ้นหนา รุกเขาประจัญบานกับกองทหาร
ของสุมาอี้ ในขณะทีท ่ หารทั้งสองฝายกําลังตอสูกันเปนชุลมุนนั้นเสียงประทัดสัญญาณไดดังกึกกองขึ้น
จากแนวปาดานหลังกองทหารของสุมาอี้ ทหารเมืองเสฉวนภายใตธงของกวนหินไดโหรอ  งกองกระหึ่มยก
ออกจากแนวปา โจมตีกระหนาบเขามาทางดานหลังของทหารวุยกก

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็ตกใจ สั่งทหารใหแปรขบวนเปนสองกอง กองหนึ่งรับศึกทหารเมืองเสฉวนทางดานหนา
อีกกองหนึ่งหันกลับไปรับศึกกับกวนหินทางดานหลัง

ทหารวุยกกแปรขบวนทามกลางความตระหนกตกใจ ครั้นถูกตีกระทบกระหนาบเขามาทั้งสองดานก็พากัน
รวนเร ในทันใดนั้นเสียงประทัดสัญญาณก็ดังกึกกองมาจากในปาดานขางเขากิสาน ปรากฏทหารเมืองเสฉ
วนอีกกองใหญภายใตธงเกียงอุยไดโหรองเสียงประสานกับเสียงกลองรบดังสนั่นหวั่นไหว แลวยกเขาตี
กลางขบวนของกองทัพสุมาอี้

กองทหารของเกียงอุยพอยกเขาถึงหวางกลางกองทหารของสุมาอีท ้ ั้งสองขบวนก็แปรขบวนเปนสองกอง
กองหนึ่งตีกระทบไปทางดานหนา อีกกองหนึ่งตีกระทบไปทางดานหลัง ทําใหทหารของสุมาอีท้ ั้งสองกอง
ตกอยูทามกลางศึกกระหนาบ และถูกทหารจกกกฆาฟนบาดเจ็บลมตายลงเปนอันมาก

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาทหารสุมาอี้ตายประมาณสวนหนึ่ง ในขณะทีฉ่ บับภาษาจีนระบุ


วาทหารสุมาอีท
้ ั้งสองกองถูกลอมตีกระหนาบแบบไมมีทางสู ทหารของขงเบงไดใชเกาทัณฑยิงไปดุจหา
ฝน จนทหารวุยกกตองเรรวน เหยียบกันตายเองก็มาก ตายดวยคมเกาทัณฑก็มาก ถูกอาวุธของทหารขง
เบงบาดเจ็บลมตายก็มาก สุมาอี้เสียทหารไปหกสวนในเจ็ดสวน

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็ตกใจ สั่งทหารใหตฝ
ี าออกไปทางริมแมน้ําอุยโห แลวรีบลงเรือที่ตระเตรียมไวหนีขาม
แมน้ําอุยโหไปยังอีกฟากหนึ่ง

ครั้นหนีขามฟากแมน้ําอุยโหไปไดแลว สุมาอี้จึงใหรวบรวมทหารแลวตั้งคายมั่นไวที่ริมแมน้ํา ใหมาเร็วรีบ


ถือฎีกาเขาไปเมืองลกเอี๋ยงขอกําลังสนับสนุนใหเสริมเติมมาชวยโดยเร็วทีส
่ ด
ุ และนับแตวันนั้นสุมาอี้ก็ไม

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 2

ยอมยกออกไปรบกับขงเบงอีกเลย แตละวันไดแตนั่งหมกมุนอยูภายในคายดวยความละอายใจและอดสูใจ
ที่พายแพแกขงเบงอยางสิ้นรูปหมดเชิง

ฝายขงเบงครั้นไดชัยชนะตอกองทัพสุมาอี้แลว จึงพาทหารกลับไปทีค ่ ายเขากิสาน ใหรวบรวมมาศึก


ศาสตราวุธ และเสื้อเกราะ หมวกเกราะเปนสินศึก และใหปน
ู บําเหน็จแกทหารซึ่งมีความชอบเปนอันมาก

ค่ําลงขงเบงนั่งไตรตรองแผนการสงครามก็ใหวิตกรอนใจเปนอันมาก ดวยเสบียงอาหารกําลังขาดแคลนลง
เนื่องจากการลําเลียงเสบียงอาหารซึ่งลิเงียมไดสั่งใหกิอั๋นเปนแมกองคุมเสบียงมาสงแกกองทัพนั้นได
ลาชาผิดนัดไปรวมสิบวันแลว หากเสบียงอาหารยังไมลําเลียงมาอีก ในไมกี่วันขางหนากองทัพก็จะขาด
เสบียงลง

อันกิอั๋นผูนี้เปนคนสนิทของลิเงียมซึ่งเปนขุนนางผูใหญในราชสํานักของพระเจาเลาเสี้ยน รับราชการมาแต
ครั้งพระเจาเลาปยังทรงพระชนมอยู กิอั๋นนี้เปนผูมักทําความชอบยิ่งกวาทําความดี ดังนั้นแมวาอุปนิสัย
สวนตัวจะเปนนักเลงสุรา บาผูหญิง แตกับผูเปนนายแลวกลับเอาใจใสพน ิ อบพิเทาเฝาแหนอยางใกลชด ิ
หมั่นเอาของกํานัลไปมอบแกลเิ งียมอยูเนือง ๆ ไปเหนือ ไปใตก็จะนําของขวัญกํานัลไปมอบแกลิเงียม
และฮูหยินทุกครั้งไป วันตรุษ วันสารทก็ไมเคยหลงลืม ยามวางก็จะไปเฝาคอยรับใชลิเงียมอยางสนิทสนม
มิหนําซ้ํายังใหผูเปนศรีภรรยาไปรับใชใกลชด ิ กับฮูหยินของลิเงียมอีก ดังนั้นกิอั๋นจึงเปนที่โปรดปรานของลิ
เงียม และสนับสนุนใหมีตําแหนงหนาที่สูงขึน ้ โดยลําดับอยางรวดเร็วเกินหนาคาตาของขุนนางทั้งปวง ใน
ที่สดุ กิอั๋นไดรับตําแหนงเปนแมกองรับผิดชอบลําเลียงเสบียงเอาไปใหแกขงเบง

เพราะเหตุที่กิอั๋นเปนนักเลงสุรา ดังนั้นบรรดาลูกนองคนสนิทจึงเปนคนจําพวกเดียวกัน แตละวันทั้งไพร


และนายตั้งวงเสพสุรากันเปนที่สนุกสนาน จนงานราชการลําเลียงเสบียงผิดพลาดคลาดเคลื่อนเนิ่นชาไป
ถึงสิบวัน

ในวันรุงขึ้นครั้นกิอั๋นลําเลียงเสบียงไปถึงกองทัพจึงเขาไปรายงานความแกขงเบง ขงเบงเห็นหนาของกิอั๋น
กล่ําไปดวยสุราก็โกรธ สั่งทหารใหคุมตัวกิอั๋นไปประหารชีวต ิ ตามพระอัยการศึก

เตียวหงีเห็นดังนั้นจึงเขาไปคํานับทัดทานขงเบงวากิอั๋นเปนคนสนิทของลิเงียม ซึ่งกิอั๋นสงเสบียงมิทน

กําหนด มหาอุปราชจะฆาเสียนั้นก็ควรอยู แตวาราชการศึกจะมีไปเมื่อหนา ขาพเจาเห็นวาผูใดซึ่งจะรับคุม
เสบียงอาหารมาสงนั้นขัดสนนัก ขอใหงดโทษครั้งหนึ่งกอน

ขงเบงเกรงใจและเห็นแกหนาของเตียวหงีเพราะไดรวมกรําศึกตลอดมา ทัง้ เกรงใจลิเงียมซึ่งเปนเพื่อนขุน


นางมาแตครั้งพระเจาเลาป ครั้นไดยินคําทัดทานของเตียวหงี ขงเบงจึงจําตองงดโทษตายใหกับกิอั๋น
เปลี่ยนเปนโทษโบยแปดสิบที

กิอั๋นถูกลงทัณฑโบยถึงแปดสิบที ไดรับความเจ็บปวดเปนอันมาก วิสย


ั นักเลงสุราอันเปนคนพาลก็กําเริบ
ขึ้น แทนที่จะรูสึกสํานึกตัวกลับพาลโทษโกรธและคิดแกแคนขงเบง ดังนั้นพอค่ําลงกิอั๋นจึงพาพรรคพวก
ซึ่งตามมาในกองลําเลียงเสบียงสามสิบคนหนีขามแมน้ําอุยโหไปขอสวามิภักดิ์กับสุมาอี้ และเลาความใหสุ
มาอี้ฟงทุกประการ

สุมาอี้ไดยินคํากิอั๋นแลวแมจะเห็นรองรอยบาดแผลจากการถูกโบยตี ก็ยังกริ่งวาซึ่ง กิอั๋นมาเขาสวามิภักดิ์


ในครั้งนีจ
้ ะเปนกลอุบายของขงเบง จึงกลาวขันตอกับกิอั๋นวาซึ่งทานจะมาขอออนนอมตอเรานั้นยังจะ
วางใจมิได ทานจะตองทําการพิสูจนตวั เองใหประจักษแกเราสักครั้งหนึ่งกอนจึงจะเชื่อได

กิอั๋นจึงวา ทานแมทัพจะใหขาพเจาพิสูจนประการใด ขาพเจาจะเพียรพยายามทําตามคําสั่งทุกประการเพื่อ


พิสูจนใหเห็นความจริงใจของขาพเจา

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็มีความยินดี กลาววา ถาฉะนั้นทานจงรีบกลับไปเมืองเสฉวน ไปเลาแกคนทั้งปวงให


ปรากฏไปวาขงเบงคิดขบถ จะจับพระเจาเลาเสี้ยนฆาเสีย จะชิงเอาราชสมบัติตั้งตัวเปนใหญ ถามีผูเลื่อง
ลือเอิกเกริกไปรูถึงพระเจาเลาเสี้ยน พระเจาเลาเสี้ยนก็จะมิไวใจขงเบง ดีรายจะมีตราใหหากองทัพเลิก
กลับไป ถาทานทําไดฉะนี้ เราจะทูลพระเจาโจยอยตามความชอบ ตั้งใหเปนขุนนางผูใหญ

สุมาอี้เกรงกลัวขงเบง มิรูที่จะทําประการใด ไดแตตั้งคายมัน


่ อยูคนละฟากฝงแมน้ําอุยโห จึงคิดอุบายยอน
รอยขงเบง เหมือนกับอุบายที่มาเจกเสนอขงเบงใหปลอยขาวเลาลือวาสุมาอี้เปนขบถ ทําใหพระเจาโจ
ยอยหลงเชื่อถอดสุมาอี้ออกจากตําแหนงหนาทีท ่ ั้งปวง ใหกิอั๋นปลอยขาวลือยอนสนองเอากับขงเบงบาง
หวังจะพิสูจนความสุจริตใจของกิอั๋นอยางหนึ่ง และหวังเอาความระแวงแคลงพระทัยของพระเจาเลาเสีย ้ น
ใหเรียกกองทัพของขงเบงกลับไปเมืองเสฉวนอีกอยางหนึง่ กิอั๋นซึ่งเปนคนพาลประเภทขาขายเจา บาว

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 3

ขายนาย พรอมจะขายทุกสิ่งทุกอยางแมกระทั่งชาติบา นเมืองเพียงเพื่อผลประโยชนเฉพาะหนาของตน


เทานั้น ครัน
้ ไดฟงคําสุมาอี้ก็ตกลงรับคํา

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็มีความยินดี สั่งกิอั๋นใหรีบกลับไปเมืองเสฉวนและใหเอาเงินทองปูนบําเหน็จติดสินบนแก
กิอั๋นเปนอันมาก

ครั้นกิอั๋นกลับไปถึงเมืองเสฉวนก็ลงมือปฏิบัตก
ิ ารณตามแผนการของสุมาอี้ ปลอยขาวเลาลือไปทั้งในและ
นอกราชสํานักวาขงเบงคิดกบฎตอแผนดิน หมายจะสังหารพระเจาเลาเสี้ยนแลวตั้งตนขึ้นเปนฮองเตแทน

บรรดาพวกขันทีซึ่งไดรับแตงตั้งเพิ่มขึ้นเปนจํานวนมากในสมัยของพระเจาเลาเสี้ยนเปนพวกคนวิปริตผิด
เพศ บางถึงแมจะรูเทาทันแตดวยอุปนิสัยวิปริตก็กลาวความเลาขานขยายไปอยางกวางขวาง บางทีร่ ูไม
เทาทันหรือบางที่เห็นวาขงเบงเปนขุนนางผูภกั ดีตอ แผนดิน เปนอุปสรรคกีดขวางความเลวทรามต่ําชา
โสมมของพวกตน ก็พากันเอาขาวลือเขาไปกราบบังคมทูลตอพระเจาเลาเสีย ้ น

พระเจาเลาเสีย
้ นเปนกษัตริยผ
 ูเยาว เอาแตเสพสุขอยูกับสุรา นารีและขันที มิไดใสใจราชการบานเมือง
เหมือนกับพระเจาเลาป ประกอบทั้งโงเขลาเบาสติปญญา พอไดยินคํากราบทูลคําเลาขาวลือก็พลอย
เชื่อถือตาม

พระเจาเลาเสีย
้ นเชื่อคําเลาขาวลือแลวก็ตกพระทัย แตแทนที่จะทรงปรึกษาหารือกับขุนนางผูใหญที่เปน
หลักชัยของบานเมือง กลับรับสั่งเรียกหาบรรดาขันทีซึ่งใกลชิดโปรดปรานมาปรึกษาวา ขงเบงยกไปตั้งอยู
ที่เมืองฮันตงนานชา ไมคอยเขามาเฝาถึงเมืองเสฉวน หลายปมานี้ไดคุมกองทัพยกไปทําการกับวุยกก
อยางตอเนื่อง ขงเบงจึงเรืองอํานาจขึ้นในทางการทหาร ไมมใี ครเทียมเทียบได เมื่อมีขาวคราววาคิดอาน
เปนขบถดังนี้จะทําประการใด

พวกขันทีผูวป ิ ริตไดฟงรับสั่งดังนั้นก็เออออหอหมกตามพระทัยวา บัดนี้พระองคใหอาญาสิทธิ์แกขงเบง คน


ทั้งปวงก็อยูในอํานาจสิ้น ขงเบงจะวาสิ่งใดก็จะกระทําตาม

ดังนั้นจึงกราบบังคมทูลแนะนําใหตด
ั รอนอํานาจของขงเบงเสีย ขอใหพระเจาเลาเสีย ้ นมีหมายรับสั่งเรียก
กองทัพของขงเบงกลับมา แลวถอนตราอาญาสิทธิท ์ ี่ใหอํานาจขงเบงเสียทั้งสิ้น ขงเบงสิ้นอํานาจทาง
ทหารแลวเห็นจะไมเปนภัยสืบไป

พระเจาเลาเสีย
้ นพระหัตถหนึ่งกําลังคลองอยูท
 ี่คอของขันที พระหัตถหนึ่งถือจอกน้ําจันทน ไดฟงคํากราบ
ทูลดังนัน
้ ก็ทรงเห็นชอบ โปรดใหมีหมายรับสั่งไปถึงขงเบง ตรัสสั่งเรียกกองทัพกลับคืนเมืองเสฉวน
ในทันที

อา! ลางปราชัยไดปรากฏเหนือแผนดินจกกกชัดเจนขึ้นแลว นาเวทนาพญามังกรผูมีความภักดีตอพระ


ราชวงศฮั่นและพระเจาเลาปย
 ิ่งนัก หรือวานี่คือลิขิตสวรรคอันใครไหนจักฝนได?

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

กลอุบายเตาไฟ (ตอนที5
่ 52)

สุมาอี้คดิ เผด็จศึกวุยกกครั้งทีส
่ ี่ จึงยอนกลขงเบง ใหกิอั๋นคนทรยศปลอยขาวลือวาขงเบงเปนขบถ พระเจา
เลาเสี้ยนทรงเชื่อตามขาวลือและคําทูลของขันที จึงมีพระบรมราชโองการใหขงเบงเลิกทัพยกกลับเมือง
เสฉวนในทันที

ขาวเลาลือแพรหลายกระจายไปทั่วราชสํานัก ไดยินไปถึงหูของเจียวอวนขุนนางผูใหญ ครั้นเจียวอวน


ทราบวาพระเจาเลาเสี้ยนมีพระบรมราชโองการใหขงเบงยกกองทัพกลับ จึงรีบเขาไปเฝาแลวกราบบังคม
ทูลวา มหาอุปราชยกไปครั้งนีเ้ ห็นทําการไดทวงทีนัก จะไดเมืองลกเอี๋ยงเปนมั่นคง เหตุใดพระองคจะให
หากลับมาเสียเลา

พระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบดีวาเจียวอวนเปนขุนนางตงฉิน และนับถือศรัทธาขงเบงมาแตครั้งรัชกาลกอน
จึงทรงกริ่งวาหากบอกความจริงแลวเจียวอวนก็จะกราบทูลทัดทานไมใหสงพระบรมราชโองการเรียก
กองทัพกลับ จึงทรงบายเบี่ยงเสียวา เรามีธุระเปนความลับจะหามหาอุปราชมา จะปรึกษาดวย

ครั้นเจียวอวนไดยินรับสั่งแสดงเหตุผลในการเรียกขงเบงกลับวาเกี่ยวดวยขอราชการลับ ก็มิรูที่จะกราบ
บังคมทูลตอไปประการใด เพราะเมื่ออางเปนเรื่องลับเสียอยางหนึ่งแลวก็จะปดหูปด  ตาปดปากผูค  นไมให

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 4

เกี่ยวของไดอีกตอไป และเพราะเหตุที่มักอางความลับเปนเหตุผลปดกั้นผูคนมิใหลว งรูท


 ัดทานดังนี้ จึง
บังเกิดความฉิบหายวายวอดใหญหลวงมากนักตอนักโดยที่ไมอาจมีผใู ดรูเห็นทัดทานหรือทักทวงไดเลย
แตเปนที่นาประหลาดที่การอางความลับเชนนีไ
้ ดกลายเปนแบบอยางสืบทอดตอมา แมกระทั่งในทุกวันนี้

พระเจาเลาเสีย
้ นเห็นเจียวอวนนิ่งอึ้งดังนั้น จึงตรัสสั่งใหขาหลวงรีบเชิญพระบรมราชโองการไปใหแกขง
เบงที่ตําบลเขากิสาน

ฝายขงเบงตั้งคายมั่นอยูท
 ี่ภูเขากิสานนั้น ไดเตรียมการที่จะยกพลขามแมน้ําอุยโหเพื่อตีคายของสุมาอีซ
้ ึ่ง
ออนเปลี้ยเพลียแรง และเหลือทหารนอยลงเปนอันมากแลว จากนั้นจึงรุกเขายึดเอาเมืองเตียงอัน แมได
เมืองเตียงอันแลว เมืองลกเอี๋ยงก็จะเหมือนลูกไกอยูในกํามือ ขงเบงกําหนดแผนการเคลื่อนทัพและ
ตระเตรียมกําลังทหาร ตลอดจนเสบียงเสร็จสิ้นแลว จึงสั่งใหทหารสามหมื่นนายตัดไมไผผูกแพเตรียมไว
รอวันฤกษดแ ี ลวจะยกพลขามแมน้ําอุยโห

ในขณะทีท่ หารของขงเบงกําลังทําแพอยูนั้น ขาหลวงของพระเจาเลาเสีย


้ นก็เดินทางไปถึงคายหลวงของ
ขงเบง ครั้นขงเบงทราบวาขาหลวงเชิญพระบรมราชโองการมาใหก็ออกไปตอนรับ และตั้งพิธีรับพระบรม
ราชโองการตามประเพณี

พอทราบวาพระเจาเลาเสี้ยนมีพระบรมราชโองการเรียกกองทัพกลับเมืองเสฉวน ขงเบงก็ถามขาหลวงนั้น
วา ซึ่งมีพระบรมราชโองการมาทั้งนี้เปนเพราะมีกองทัพจากเมืองกังตั๋งยกมาหรือไฉน

ขาหลวงนั้นไดตอบขงเบงโดยซื่อวาซึ่งกองทัพเมืองกังตั๋งจะยกมานั้นหามิได สัมพันธไมตรีระหวางจกกก
กับงอกกยังคงเปนปกติทุกประการ

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็คะเนการณวาเหตุที่พระเจาเลาเสี้ยนมีพระบรมราชโองการมาครั้งนี้ยอมเกิดแตปญหา
ภายในราชสํานัก เพราะขงเบงรูดีตั้งแตยกกองทัพกลับจากการปราบปรามเบงเฮ็กแลววา พระเจาเลาเสีย ้ น
นี้ผิดกับพระเจาเลาป เพราะทรงเอาแตเสพสุข มักเสวยน้ําจันทน คลอเคลาใกลชดิ สนิทสนมกับพวกขันที
และพวกปากหอยปากปูจนแทบไมเปนอันออกวาราชการ จึงประดุจดังพระอาทิตย แมจะมีฤทธิแ ์ ละอํานาจ
สักเทาใดก็ยอมมัวหมองอับแสงไปดวยเมฆหมอก คือเหลาขันทีและคนพาลซึ่งแวดลอมพระองคอยูฉ  ะนั้น

ขงเบงคิดดังนั้นแลวสีหนาก็เศราหมองลง แหงนหนามองเพดานทอดถอนใจใหญ แลวรําพึงวา เจาเรานี้


หนุมแกความนัก มาเชื่อถอยคําขุนนางสอพลอยุยุงฉะนี้ ที่ไหนเราจะทําการตอไปได ครั้นเรามิไปบัดนี้ก็จะ
เปนขอขัดรับสัง่ ถาจะไปบัดนี้ก็เสียดายนัก สืบไปเบื้องหนาจะกลับมาทําการสักรอยครั้งก็มิอาจลวงเขา
มาถึงที่นี้ได

ขงเบงรูดีวาศึกวุยกกครั้งทีส
่ ี่นไ
ี้ ดบุกรุกลึกเขามาในแดนวุยกก จักแหลนจะยึดเมืองเตียงอันและเขายึดเมือง
ลกเอี๋ยงไดอยูแลว เพราะแนวหลังที่กองทัพผานมาก็ไดยด ึ บรรดาหัวเมืองทั้งปวงมิใหทาํ อันตรายไดอีก
ตอไป ทั้งไดแปรใหเปนฐานสงกําลังบํารุงแกกองทัพอยางแนนแฟน กองทัพสุมาอี้ซึ่งยกมารับมือนั้นเลาก็
ถูกทําลายจนกําลังเหลือนอยเต็มที ทั้งจิตใจสูรบของสุมาอี้ผูเปนแมทัพนัน ้ ไดถูกทําลายลงแทบจะสิ้นเชิง
เปนสถานการณอันดียิ่งทีจ ่ ะยึดแผนดินตงงวนไดสําเร็จ หากจะตองถอยกลับไปก็เปนเรื่องนาเสียดายอยาง
ยิ่ง แตหากจะไมยกกองทัพกลับ ขุนนางสอพลอก็จะยิ่งยุยงใหพระเจาเลาเสีย ้ นแคลงพระทัยมากขึ้น ดีราย
ก็จะถูกขอหาวาเปนกบฏตอแผนดินไปเสียเอง

ดังนั้นขงเบงจึงจําเปนตองตัดสินใจเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวนตามรับสั่ง

พอเกียงอุยทราบความดังนัน้ ก็มิไดติดใจในเหตุผลของการถอยทัพวาจะเปนประการใด เพราะวางใจในการ


ใชดล
ุ ยพินิจตัดสินใจของขงเบง แตกริ่งเกรงวากองทัพไดยกลึกเขามาในแดนวุยกกมากนัก การถอยทัพยิ่ง
เปนอันตรายมากขึ้น เพราะสุมาอี้จะฉวยโอกาสไลตามตีในยามที่ลาถอย จึงเขาไปหาขงเบงแลวถามวา
มหาอุปราชจะลาทัพไปครั้งนี้ ถาสุมาอี้รย
ู กทหารตามมารบพุง จะคิดประการใด

ขงเบงแมตกอยูใ นภาวะสลดใจที่จําตองละโอกาสอันเยี่ยมยอดที่จะยึดแผนดินตงงวน แตครั้นไดฟงคํา


เกียงอุยก็หันหนามาหา แลวกลาวดวยน้ําเสียงอันเมตตาปรานีวา อันตรายจากการถอยทัพจากพื้นที่ทล ี่ ึก
เขามาในดินแดนของขาศึกนั้นเราก็แจงอยูวาอันตรายใหญหลวงนัก ยิง่ สุมาอี้รแ
ู ลวเห็นจะอันตรายเปน
ทวีคูณ แตทานอยาไดปรารมภเลย เราจะคิดอานอุบายมิใหสม
ุ าอี้ยกกองทัพไลตามตีได

ขงเบงกลาวแลวก็หันไปบอกขาหลวงวา เสร็จธุระของทานแลว จงรีบกลับไปเมืองเสฉวนเถิด เราจะรีบยก


กองทัพกลับไปตามรับสั่ง ขาหลวงไดยินดังนัน
้ จึงคํานับลาขงเบงแลวเดินทางกลับไปเมืองเสฉวน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 5

พอขาหลวงออกไปจากคาย ขงเบงจึงบอกเกียงอุยวา ในการลาถอยทัพครัง้ นี้อันตรายใหญหลวงนัก จําจะ


คิดอุบายใหแยบยลจึงจะทําใหสุมาอี้เกรงขามไมกลายกกองทัพไลตามตี เราจะแบงทหารเปนหากอง ให
คอยๆ ทยอยลาถอยออกจากที่ตั้ง ใหทําทีถอยทัพอยางชาๆ แตละกองยกไปตั้ง ณ ที่ใดแลวก็ใหทําเตา
ไฟหุงขาวเพิ่มขึ้นทุกครั้งไป สุมาอี้รูวา เตาไฟหุงขาวเพิ่มมากขึ้นก็จะสงสัยวาเปนอุบายลวงใหไลตามตี เห็น
จะไมกลาติดตามอีกตอไป

เอียวหงีซึ่งเปนนายทหารชั้นผูใ หญไดยินดังนัน
้ จึงกลาววา อันอุบายเตาไฟนี้เมื่อครั้งทีซ
่ ุนปนรบกับผังเจียน
ในยุคสมัยเลียดกกนั้นก็เคยใชเตาไฟหุงขาวเปนกลอุบาย แตในครั้งนั้นทุกระยะที่ถอยทัพซุนปนไดลด
จํานวนเตาไฟใหเหลือนอยลง ผังเจียนไดยกกองทัพไลตามตีจึงเสียทีแกซุนปน มาครั้งนี้เหตุไฉนมหา
อุปราชจึงใหเพิม่ เตาไฟหุงขาวเลา

ขงเบงจึงวา กลอุบายทั้งปวงนั้นจะนํามาใชอยางตายตัวไมได เมื่อครั้งซุนปนทําศึก กับผังเจียนนั้น ซุนป


นมีทหารเปนอันมาก แตมีเสบียงอาหารนอย จึงแสรงทําทีเปนถอยทัพ ลอใหผังเจียนตามตี จึงลดจํานวน
เตาหุงขาวลง ผังเจียนทราบความจากหนวยสอดแนมก็สําคัญวาทหารของซุนปนหนีทัพจนเหลือนอยลงจึง
ยกกองทัพมาตามตี เหตุนจ ี้ ึงเสียทีแกซุนปน

ขงเบงกลาวสืบไปวา สุมาอี้นี้มส ี ติปญ  ญาในการสงครามเปนอันมาก กลอุบายเตาไฟอันมีมาแตโบราณสุมา


อี้ยอมแจงอยู ณ บัดนี้สุมาอี้เกรงกลัวเรา ไมกลายกกองทัพออกมารบ ครั้นเห็นเราถอยทัพก็จะสงสัยวาเปน
กลอุบาย เห็นจะระมัดระวังไมบม ุ บามไลตามตี ครั้นเมื่อเราลาถอยไปแลวสุมาอี้รูวาเตาไฟหุงขาวเพิ่มขึ้น ก็
จะคิดถึงกลอุบายของซุนปนวาเราพลิกกลับกลอุบายของซุนปนเสีย ลวงใหหลงวามีทหารนอย จึงแสรงทํา
เปนเพิ่มเตาไฟหุงขาวเปนมีทหารมากแลวซุม  ทหารไวคอยโจมตี สุมาอี้คะเนการณดังนี้แลวเห็นจะไมกลาย
กกองทัพไลตาม เราก็จะลาถอยทัพกลับเขาเมืองเสฉวนไดโดยสะดวก

เกียงอุยและเอียวหงีไดฟงคําขงเบงอธิบายเหตุผลแหงกลอุบายเตาไฟโดยละเอียดดังนัน ้ ก็สรรเสริญขง
เบงวามีสติปญ
 ญาลึกซึ้งแหลมคมยิ่งกวาเทพยดา ครั้นปรึกษาพรอมกันแลวขงเบงจึงสั่งใหเลิกทัพลาถอย
กลับไปทางเมืองฮันตงตามแผนการที่วางไวทุกประการ

ฝายสุมาอีห
้ ลังจากบอกใหกิอั๋นกลับไปเมืองเสฉวนแลว ก็ใหหนวยสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของ
กองทัพขงเบง ในขณะเดียวกันก็สั่งเตรียมกองทัพใหพรอมที่จะยกขามแมน้ําไลตามตีกองทัพของขงเบง
ในขณะถอยทัพ

ครั้นสุมาอี้ไดทราบรายงานจากหนวยสอดแนมวา เมื่อใกลรงุ วันนี้กองทัพของขงเบงไดเลิกทัพถอยกลับไป


แลว สุมาอี้ไดฟงรายงานดังนั้นน้ําใจหนึ่งก็มีความยินดี คิดวาแผนการที่ไดมอบหมายใหกิอั๋นไปทํานัน ้
ประสบความสําเร็จแลว แตใจหนึ่งก็กริ่งวาขงเบงทําการไดชย
ั ชนะรุกลึกเขามาถึงเพียงนี้แลว ซึ่งจะลาถอย
ไปโดยงายนั้นยังเปนทีส
่ งสัยนัก นาจะเปนกลอุบายอยางใดอยางหนึ่ง ดังนั้นสุมาอี้จึงสั่งทหารใหตั้งมั่นอยู
ในคาย และใหเพิ่มการสอดแนมติดตามขาวคราวการถอยทัพของขงเบงตอไป

ในแตละวันหนวยสอดแนมไดกลับมารายงานแกสุมาอี้วา กองทัพของขงเบงไดถอยทัพไปอยางเชื่องชา
แตเปนที่นาสังเกตวาเตาไฟสําหรับหุงขาวของทหารมีจํานวนเพิ่มขึ้นทุกครั้งไป

สุมาอี้ไดทราบดังนั้นก็สงสัย จึงปลอมตัวเปนทหารเลว ขี่มาพาทหารองครักษลอบออกไปสังเกตการณตาม


คายเกาของทหารเมืองเสฉวนเปนหลายแหง ปรากฏวาตามทีต ่ ั้งคายของทหารยังปรากฏรองรอยของเตา
ไฟหุงขาววามีจาํ นวนเพิ่มขึ้นทุกครั้งทีล
่ าถอยทัพ

สุมาอีท
้ ราบดังนั้นก็หัวเราะ แลวกลาวกับแมทัพนายกองทัง้ ปวงวา ขงเบงเห็นเราไมยกออกไปสูรบก็คิด
อุบายลอเตาออกจากกระดอง ทําทีเปนถอยทัพ หวังจะใหเรายกไปตามตี หากเรายกไปก็จะตองดวยกลขง
เบง เห็นจะถูกซุมโจมตีเสียทีเปนมั่นคง

แมทัพนายกองทั้งปวงไดยินคําสุมาอี้กส
็ งสัย จึงกลาววากองทัพขงเบงไดลาถอยทัพออกจากที่ตั้งและ
เดินทัพกลับไปเมืองฮันตงอยางไมหยุดยั้ง ไมมีวี่แวววาจะยกกลับมารบอีกเลย ขอใหทานแมทัพรีบยก
กองทัพไลตามตีก็จะไดชัยชนะโดยงาย

สุมาอี้จึงวา เราไดกําชับไวแลววาถาผูใดมาเสนอใหยกไปรบกับขงเบง เราก็จะตัดศีรษะเสีย เหตุการณเมื่อ


ครั้งเตียวคับดึงดันยกไปรบกับขงเบงเพิ่งผานพนไปไมนานนัก ไฉนพวกทานจึงหลงลืมเสียได

สุมาอี้เห็นแมทพ
ั นายกองทั้งปวงเกรงอาญาพากันนิ่งอึ้ง จึงกลาวสืบไปวาขงเบงนี้มีสติปญ
 ญาเลหกลเปน
อันมาก จะดูเบาแกความคิดของขงเบงนั้นไมได ขงเบงบุกความจริงก็อาจเปนการถอย ซึ่งไดปรากฏใหเห็น

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 6

แลว ครั้นจะถอยเลาเนื้อแทก็คอ
ื การเตรียมรุกบุกโจมตี ก็ปรากฏใหเห็นอีกเชนกัน พวกทานมิไดสังเกตหรือ
วาเหตุใดเตาหุงขาวทหารจึงเพิ่มขึ้นทุกครั้งเลา

แมทัพนายกองทั้งปวงไดยินคําถามของสุมาอีก
้ ็มิรูที่จะตอบประการใด สุมาอีจ
้ ึงกลาวตอไปวาขงเบงรูวาเรา
รูอุบายเตาไฟของซุนปน หากลดจํานวนเตาไฟหุงขาวเสียเราก็จะรูเทาทันไมยกไปตี จึงแสรงพลิกกลเตา
ไฟของซุนปน กลับเพิ่มเตาไฟหุงขาวใหมากขึ้น เพื่อลวงเราวามีทหารนอยจึงตองเพิม ่ เตาไฟหุงขาว ให
สําคัญวามีทหารมาก หากหลงกลของขงเบงยกทหารตามไปแลวขงเบงดักซุมทหารไว ก็จะเสียทีแกขง
เบงเปนมั่นคง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

กาฝากราชบัลลังก (ตอนที5
่ 53)

ขงเบงพลิกกลอุบายของซุนปนในยุคเลียดกก จากการลดเตาไฟหุงขาวของทหารในขณะถอยทัพ เปนการ


เพิ่มจํานวนเตาไฟหุงขาวทุกครั้งที่ลา ถอย เพื่อปองกันอันตรายจากการไลตามตีของกองทัพวุยกก สุมาอีร้ ู
ความแลวสําคัญวาเปนการทํากลอุบายของขงเบง หวังจะลวงใหสุมาอี้ยกตามไปรบพุง แลวซุมทหารคอย
โจมตี หากขืนยกไปก็จะเสียทีแกขงเบง

ครั้นแมทัพนายกองไดฟงคําสุมาอี้ดังนั้นก็พากันคํานับแลวสรรเสริญวาสติปญ
 ญาของทานแมทัพหลัก
แหลมลึกซึ้งยิ่งนัก หากมิไดทา นแมทัพชี้แนะแผนการอุบายของขงเบง เห็นจะเสียทียับเยินเปนแนแท

สุมาอี้ยิ้มแยมกลาวถอมตัวตามธรรมเนียมแลว สั่งใหทหารทัง้ ปวงตั้งมั่นรักษาคายไวมใิ หประมาท หลังจาก


นั้นอีกหลายวันหนวยสอดแนมที่อยูช  ายแดนเมืองฮันตงไดสง ใบบอกเขามารายงานความแกสุมาอี้วา
กองทัพของขงเบงไดลาถอยกลับเขาไปในแดนเมืองฮันตงหมดสิ้นแลว

สุมาอี้ไดทราบดังนั้นก็ทอดถอนใจใหญ เอามือตบที่หนาอก แลวกลาววา ขงเบงทํากลลวงเราครั้งนี้ รูมท


ิ น

เลย ตัวเรามีปญ ญานอย ซึ่งจะทําศึกไปเบื้องหนานั้น ยากทีจ
่ ะประมาณกลศึกขงเบงได

สุมาอี้ไดตรวจสอบขาวสารความเคลื่อนไหวของกองทัพขงเบงอีกครั้งหนึ่ง พอทราบแนชด ั วากองทัพเมือง


เสฉวนไดลาทัพกลับเขาแดนเมืองฮันตงหมดสิ้นจริงแลว จึงสั่งใหเลิกทัพแลวยกกลับไปเมืองลกเอี๋ยง

ฝายขงเบง ครัน้ พาทหารลาถอยกลับไปถึงเมืองฮันตงแลว ใหพักทหารไวในเมืองฮันตง กําชับใหฝกปรือ


บํารุงทแกลวทหารไวใหพรอม ตัวขงเบงและทหารองครักษเดินทางกลับเขาไปเมืองเสฉวน แลวรีบเขาไป
เฝาพระเจาเลาเสี้ยน

ขงเบงไดกราบถวายบังคมพระเจาเลาเสี้ยนตามประเพณี แลวกราบทูลถามวา ขาพระองคถือรับสั่งยก


กองทัพไปตีวุยกก ไดยกลวงเขาไปจนถึงริมแมน้ําอุยโห เตรียมการจะยกขามแมน้ําเขายึดเอาเมืองเตียง
อันแลวยกจะไปตีเมืองลกเอี๋ยง การของพระเจาเลาปทท ี่ รงสั่งเสียไวจวนเจียนใกลจะสําเร็จแลว เหตุไฉน
พระองคจึงมีหมายรับสั่งเรียกขาพระพุทธเจากลับมาเมืองเสฉวนเลา

พระเจาเลาเสีย
้ นเห็นสีหนาขงเบงขึงขัง ถอยคําซึ่งกราบบังคมทูลก็หนักแนน และทวงทาขงเบงที่เปยม
ดวยความจงรักภักดีก็มิไดแปรเปลี่ยนไปจากครั้งที่พระองคยังทรงพระเยาวเลยแมแตนอยนิด จึงรูส
 ึก
ละอายพระทัยที่ทรงระแวงสงสัยขงเบง แตครั้นจะตรัสความไปตามตรงก็ทรงเกรงวาจะเปนความผิดถึง
พระองค จึงทรงตอบบายเบีย ่ งเลี่ยงไปวา มหาอุปราชยกทัพไปแดนไกลนานชาแลว เรามีความรําลึกถึง
เปนอันมาก อยากจะสนทนาดวย จึงใหหามหาอุปราชกลับมา

ขงเบงคาดคะเนอยูแตกอนแลววา พระเจาเลาเสี้ยนตรัสสัง่ ใหเลิกทัพกลับมาก็เพราะหลงคําคนพาลยุยง


ครั้นไดฟงคําตรัสที่เหลวไหลเลอะเทอะยิ่งกวาถอยคําของเด็กทารกก็มิปาน ก็มั่นใจวาทีค ่ าดคะเนนั้นมิได
ผิดพลาด จึงกราบบังคมทูลวา เหตุทั้งนี้ขาพเจาแจงอยู ไอเหลาสอพลอทูลยุยงพระองควาขาพเจาเอาใจ
ออกหาก พระองคจึงใหหากลับมา

พระเจาเลาเสีย
้ นไดยินคําขงเบงถูกตรงน้ําพระทัยลึกก็รูสึกอดสู มิรท
ู ี่จะตรัสตอบประการใด จึงทรงนิ่งอึ้งอยู
บนพระราชบัลลังกนั้น

ขงเบงเห็นดังนั้นจึงกราบทูลดวยสีหนาที่เศราสลด และดวยน้ําเสียงที่สด ุ รันทดวา ตัวขาพเจาชราถึงเพียงนี้


แลว แลวก็รับสั่งพระเจาเลาปไ
 ว จึงตั้งใจทํานุบํารุงแผนดินของพระองค บัดนี้ศัตรูยย
ุ งอยู เหมือนวัณโรค
อันมีพิษกําเริบอยูในอกขาพเจา ซึ่งขาพเจาจะคิดอานกําจัดศัตรูภายนอกเสียนั้นเห็นขัดสน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 7

ความจริงในขณะนั้นขงเบงเพิ่งมีอายุเพียงหาสิบเอ็ดปเทานัน
้ แตเพราะความตรอมใจทีพ ่ ระเจาเลาเสีย
้ น
มิไดเปนหลักชัยแกนสารของบานเมือง จะฆาเสียตามรับสัง่ ลับของพระเจาเลาปเลาก็หักใจทํามิได จะทํา
การสืบไปเบื้องหนาก็อับจนขัดสนไปทั้งสิ้น เพราะพระเจาเลาเสี้ยนทรงอยูใ นทามกลางแวดลอมของเหลา
พาลที่ไมเห็นแกความ รมเย็นเปนสุขของบานเมืองและราษฎร เอาแตเสพสุขทุกคืนวัน ทั้งมิไดรูจักผิดถูกดี
ชั่ว ประกอบทั้งหลายปมานีข ้ งเบงตองตรากตรํากรําศึกทั้งเหนือใต ไมเคยวางเวนแมแตวันเดียว ตอง
เผชิญหนาและแกไขปญหามิไดหยุดหยอน เวลาหลับนอนแทบจะไมมี ดังนั้นขงเบงจึงดูเหมือนชราภาพ
ลง ผมสีขาวไดแซมประปรายทั่วทั้งศีรษะ หนวดเคราเลาก็เริ่มมีสีขาวแซมใหเห็นเดนชัดขึ้น ในขณะที่
สุขภาพก็ออนแอลง ขงเบงรูตัวดีจึงกราบทูลวา ตัวเองชราภาพแลว

สามกกฉบับสมบูรณไดพรรณนาความซึ่งขงเบงกราบทูลในตอนนี้วา ขาพระพุทธเจาขุนนางผูเกาแก ไดรบ



พระมหากรุณาธิคุณจากเจาเหนือหัวองคกอน ไดใหสัตยปฏิญาณตนขอเอาความตายเขาตอบแทนถวาย
ความจงรักภักดี บัดนี้แมนวาภายในราชสํานักมีพวกมิจฉาคดโกง ขาพระพุทธเจาไฉนจะสามารถปฏิบัติการ
ปราบโจรกบฎได

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคําทูลของขงเบงที่เปยมไปดวยความจงรักภักดีในพระเจา เลาปและพระองคกส็ ลด
พระทัย ไมอาจบายเบี่ยงปกปดสืบไป จึงตรัสสารภาพตามตรงวา อันเหตุทั้งนี้เพราะเราเบาความเชื่อฟงคํา
คนชั่ว หากมหาอุปราชมาวากลาวออกเราจึงรูเ หตุ ซึ่งทานจะถือโทษนั้นไมควร ดวยทุกวันนี้ตัวเราเหมือน
หนึ่งคนจักษุมด ื ทานชวยนําทางใหจึงคอยเดินตามไปไดบาง ครั้งนี้เราคิดผิดทานจึงตองยกทัพกลับมา

ครั้นพระเจาเลาเสี้ยนทรงตรัสความเปนทํานองสํานึกผิดที่หลงฟงคําคนพาลยุยงใหขงเบงยกทัพกลับแลว
จึงทรงตรัสตอไปวาทานพอมหาอุปราชจะสะสางแกไขเรื่องนี้อยางไร ก็สดุ แทแตใจจะเห็นชอบนั้นเถิด เรา
มิไดขัด

ตรัสแลวก็เสด็จขึ้น ขงเบงและขุนนางทั้งปวงตางพากันถวายบังคมตามประเพณี

ขงเบงจึงเปดการไตสวนสืบสาวตนสายปลายเหตุวาขุนนางชัว่ ผูใดเปนผูย  ุยงใสไคลใหพระเจาเลาเสี้ยน


ระแวงแคลงพระทัย ในที่สด ุ ก็ทราบวากิอั๋นเปนผูปลอยขาวลือ จึงสั่งทหารใหไปควบคุมตัวกิอั๋น แตปรากฏ
วากิอั๋นไดหนีไปสวามิภักดิ์กับสุมาอี้กอนแลว

ขงเบงจึงเรียกขุนนางผูใหญเขามาพรอมกัน แลวกลาวกับเจียวอวนและบิฮุยซึ่งเปนขุนนางผูใหญใกลชิด
พระเจาเลาเสีย
้ นวา เมื่อเกิดคําเลาขาวลืออัปมงคล และมีผูนําความขึ้นกราบบังคมทูลยุยงพระเจาเลาเสีย
้ น
เหตุไฉนพวกทานซึ่งเปนขุนนางผูใหญจึงไมกราบทูลทัดทาน ทําใหเสียการใหญของแผนดินไปดังนี้

เจียวอวนและบิฮุยไดยินคําตอวาของขงเบงก็รูสึกสํานึกผิด จึงกลาววาเปนความผิดของพวกขาพเจาเอง
พวกขาพเจาไดเขาไปกราบทูลทัดทานแลว แตฮองเตมีกระแสพระราชดํารัสวา ซึ่งเรียกมหาอุปราชเขามา
เมืองเสฉวนนั้นเพราะมีราชการลับเปนสําคัญ จึงมิกลาทูลถามความสืบไป

ขงเบงจึงกลาวกับขุนนางชั้นผูใ หญทั้งปวงวา ราชบัลลังกนเี้ ปนหลักชัยของแผนดิน เปนศูนยรวมและเปน


ศูนยกลางแหงอํานาจวาสนาทัง้ ปวง ดังนั้นผูค  นทั้งปวงทั้งชัว่ และดีตางเขามาแวดลอมเปนอันมาก ยิ่งเปน
คนพาลสันดานชั่วยิ่งมีวิสย ั คิดอานทําการหาชองทางเขาใกลชิดราชบัลลังก แตหาใชเปนไปเพื่อประโยชน
สุขของอาณาประชาราษฎรและบานเมืองไม หากเปนไปเพื่อแสวงหาลาภยศสุขสรรเสริญสวนตนเทานัน ้
คนพาลหยาบชาเชนนี้เปรียบประดุจดังกาฝาก เกาะกินกิ่งไมใดแลว ก็จะสูบน้ําเนื้อจนกิ่งนั้นตองตายซาก
ราชบัลลังกของเจาเราก็เชนเดียวกัน หากมีกาฝากเกาะกินแนนหนาขึ้นแลว ก็เหลือทีศ ่ ีรษะของอาณา
ประชาราษฎรจะเทิดทูนแบกรับเอาไวได เห็นจะลมสลายลงในวันหนึ่ง ตัวเราจําตองไปทําศึกทางไกล
พวกทานอยูท  างใกลจงรับเปนธุระ กําจัดเหลากาฝากราชบัลลังกใหสิ้นสูญ ทําใหศรี ษะของอาณา
ประชาราษฎรทเี่ ทิดทูนราชบัลลังกนั้นไดบรรเทาบางเบาลง ชวยกันคิดอานปองกันมิใหกาฝากราชบัลลังก
ใหมกอเกิดขึ้น ดังนี้แผนดินก็จะเปนสุขสืบไป

บรรดาขุนนางชัน้ ผูใหญทั้งปวงไดฟงคําขงเบงดังนั้นตางพากันคํานับรับคํา ขงเบงจึงหันไปทางลิเงีย


มแลวกลาววา ตัวทานกับเรานี้ไดรับราชการสนองพระเดชพระคุณพระเจาเลาป รวมทุกขรวมสุขรวมเสีย่ ง
มาดวยกัน จงชวยกันทํานุบํารุงพระเจาเลาเสี้ยนใหจําเริญในราชสมบัติ เปนประโยชนสุขแกอาณา
ประชาราษฎรเถิด ขาพเจาจะรีบกลับไปเมืองฮันตงเพื่อเตรียมกองทัพยกไปตีวุยกกซึ่งกําลังเพลี่ยงพล้ําอีก
ครั้งหนึ่ง ฝากฝงใหทานดูแลการจัดสงเสบียงอาหารอยาใหขัดสน และอยาใหเกิดเหตุการณแบบกิอั๋นอีก
เปนอันขาด

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 8

ลิเงียมรับคําขงเบงแลว จึงพรอมดวยขุนนางทั้งปวงคํานับลาขงเบงกลับออกไป วันรุงขึ้นขงเบงจึงเขาไป


เฝาพระเจาเลาเสี้ยนถึงในพระตําหนัก แลวกราบถวายบังคมลากลับไปเมืองฮันตง

ครั้นถึงเมืองฮันตง ขงเบงจึงสัง่ ชุมนุมทหาร สํารวจตรวจสอบไพรพล เสบียงอาหารและศาสตราวุธทั้งปวง


ใหเตรียมความพรอมรอวันฤกษดีแลวจะยกไปตีวุยกกตอไป

เอียวหงีเห็นขงเบงจัดแจงกองทัพจะยกไปตีวย ุ กกก็เขาไปหาขงเบง แลวกลาววามหาอุปราชจัดเตรียม


กองทัพถึงยีส่ ิบหมื่น จะยกไปตีวุยกกอีกเลา ก็แลกองทัพเพิ่งลาถอยมาจากแดนวุยกก ยังออนลาอิดโรย
อยู ชอบทีจ
่ ะงดกองทัพไวกอน แลวทํานุบํารุงทแกลวทหารใหพรักพรอมจึงคอยยกไป

ขงเบงจึงวา การศึกครั้งที่แลวเราทําการไดที และสุมาอี้ก็สน


ิ้ ความคิดที่จะตอสูอยูแ
 ลว หากละเวลาใหเนิ่น
ชาไป สุมาอีต้ ระเตรียมทหารและวางแผนการตั้งรับ เราจะยกไปก็ขัดสน

เอียวหงีไดฟงก็เห็นดวย แตติงวาทหารของเราเพิ่งเสร็จศึกมาไมทันนาน จะยกไปทั้งหมดทีเดียวยอมออน


ลาอิดโรย ชอบที่จะแบงทหารออกเปนสองกอง กองละสิบหมื่น กองแรกยกเขาตีวุยกกกอน อีกกองหนึ่ง
ซองสุมบํารุงอยูในเมืองฮันตง กําหนดเวลารอยวันใหกองทีย่ กไปตีวุยกกกลับมาพักฟน ใหกองที่ตั้งอยูใ น
เมืองฮันตงยกไปเปลี่ยนเวรแทน จะไดมีกําลังทําศึกอยางเต็มที่

ขงเบงไดฟงดังนั้นจึงวา ความคิดของทานตองดวยความคิดเรา การศึกครั้งนี้เรากะจะทําการศึกระยะยาว


จนกวาจะเผด็จศึกยึดเอาเมืองลกเอี๋ยงไดโดยเด็ดขาด ซึ่งอาจตองใชเวลาเปนป

กลาวแลวขงเบงจึงสั่งใหจัดทหารเปนสองกอง กําหนดเวลาหนึ่งรอยวันใหผลัดเปลีย ่ นเวรกันตามแผนการ


ของเอียวหงีทก ุ ประการ และกําชับวาเมื่อครบกําหนดรอยวันแลวใหกองทหารซึ่งตั้งบํารุงอยูในเมืองฮันตง
รีบยกไปในแดนวุยกก สับเปลีย ่ นใหกองทหารทีย
่ กไปกอนไดกลับมาฟนบํารุง ถาถึงกําหนดแลวผูใดฝาฝน
หรือลาชาก็จะตัดศีรษะเสียตามพระอัยการศึก แมทัพนายกองและทหารทัง้ ปวงไดฟงแผนการของขงเบง
แลวตางคํานับรับคํา

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบสี่พรรษา เดือนสี่ ขงเบงไดกรีฑาทัพพลสิบหมื่นยกออก


จากเมืองฮันตง บุกเขาแดนวุยกกเปนครั้งที่หา ในขณะนั้นพระเจาโจยอยไดเสวยราชสมบัตแ
ิ ลวหาป

ครั้นกองทัพของขงเบงยกลวงเขาถึงแดนวุยกก มาเร็วก็ไดนาํ ความเขาไปกราบบังคมทูลพระเจาโจยอยให


ทรงทราบวา บัดนี้ขงเบงยกกองทัพสิบหมื่นลวงลึกเขามาตัง้ อยูที่ตาํ บลเขากิสานแลว

พระเจาโจยอยไดทราบรายงานดังนั้นก็ตกพระทัย รับสั่งใหหาสุมาอี้มาปรึกษาวา ขงเบงยกกองทัพมาครั้ง


นี้จะคิดอานปองกันประการใด

สุมาอี้ไดฟงพระราชปรารภดังนั้นแลว จึงขออาสาเปนแมทัพยกไปรบกับขงเบง พระเจาโจยอยไดฟง คํา


อาสาก็ดีพระทัย โปรดเกลาแตงตั้งใหสุมาอี้เปนแมทัพใหญ ยกไปรบกับขงเบง

ครั้นถึงวันฤกษดีสุมาอีจ้ ัดแจงแตงกองทัพแลวก็สั่งใหชุมนุมกองทัพไวที่หนาประตูเมืองลกเอี๋ยง พระเจาโจ


ยอยไดประทับบนรถพระที่นั่งเสด็จออกไปสงกองทัพถึงนอกเมือง ครั้นไดเวลาฤกษสุมาอี้ไดกราบถวาย
บังคมลาแลวเคลื่อนทัพออกจากเมืองลกเอี๋ยง พระเจาโจยอยประทับยืนทอดพระเนตรกองทัพที่กําลัง
เคลื่อนไปอยูครูห
 นึ่งจึงเสด็จกลับ

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย กินขาวขาศึก (ตอนที5


่ 54)

ขงเบงบุกวุยกกครั้งที่หาโดยแบงทหารเปนสองกอง แตละกองกําลังพลสิบหมื่น กองหนึ่งตั้งมั่นอยูใ น


เมืองฮันตง อีกกองหนึ่งยกไปตั้งอยูทต ี่ ําบลเขากิสาน กําหนดเวลารอยวันใหผลัดเปลีย
่ นเวรกันครั้งหนึง่
พระเจาโจยอยทราบความก็โปรดใหสุมาอี้ยกกองทัพออกไปรบกับขงเบง

เมื่อสุมาอี้ยกกองทัพไปถึงเมืองเตียงอันก็เรียกประชุมแมทพ ั นายกองทั้งปวง ปรึกษาแผนการทีจ ่ ะยกทหาร


ไปตั้งรับศึกกองทัพขงเบงที่รม
ิ แมน้ําอุยโห คนละฝงกับตําบลเขากิสานทีข
่ งเบงตั้งคายพักทหารอยู

เตียวคับไดขออาสาสุมาอี้ยกทหารขามแมนา้ํ อุยโหไปรบกับขงเบง แตสม ุ าอี้ทัดทานวาการจะรบพุงกับขง


เบงนั้นชอบที่จะรวมศูนยกําลังทหารจึงจะไดชย
ั ชนะ ซึ่งทานอาสาทั้งนี้ก็ขอบใจ แตการแบงทหารออกเปน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 9

สองสวน กําลังแตละสวนก็ลดลง เห็นจะสูข


 งเบงไมได ชอบที่จะยกไปพรอมกัน และใหทานเปนกองทัพ
หนา ทานจะเห็นเปนประการใด

เตียวคับไดยินดังนั้นจึงคํานับขอบคุณสุมาอีท้ ี่ไววางใจ ครั้นจัดแจงกองทัพเสร็จแลวสุมาอี้จึงสั่งใหเคลื่อน


ทัพจากเมืองเตียงอันแลวยกไปตั้งอยูทรี่ ิมฝงแมน้ําอุยโห

ฝายกองทัพของขงเบง ครั้นตั้งคายลงที่ตาํ บลเขากิสานแลว ขงเบงจึงเรียกแมทัพนายกองทั้งปวงมา


ปรึกษาวา เรายกกองทัพรุกวุยกกครั้งนี้หวังจะรุกรบใหแตกหัก และไมตองการใหสุมาอี้พก ั กําลังตั้งตัว จึง
ไดใชกองทัพมารีบรุดมาโดยเร็ว เหตุนี้จึงมีเสบียงอาหารมาแตนอย เวลานี้ลว งพนมาเดือนหนึ่งแลว ลิเงียม
ยังไมสงเสบียงอาหารมาตามกําหนด เห็นกองทัพเราจะขัดสน

เกียงอุยจึงวา ขาพเจาก็แปลกใจวาเหตุไฉนมหาอุปราชจึงกรีฑาทัพมาโดยมิไดลําเลียงเสบียงอาหารมา
พรอมกันใหเพียงพอตอการรับมือขาศึกในระยะยาว เมื่อเปนเชนนี้ชอบที่มหาอุปราชจะไดมีหนังสือไปเรงลิ
เงียมใหรีบสงเสบียงอาหาร อยาใหกองทัพตองขัดสน

ขงเบงจึงวา เราไดมีหนังสือใหมาเร็วนําไปแจงใหลิเงียมทราบแลว แตการจะหวังพึ่งพาเสบียงอาหารซึง่


ตองลําเลียงมาเปนระยะทางไกลจากเมืองเสฉวนนั้นเห็นจะไมทันการ เราไดเตรียมการจัดหาเสบียงจาก
แดนของขาศึกเปนกําลังของกองทัพไวพรอมกอนที่จะเดินทัพออกจากเมืองฮันตงแลว

เกียงอุยจึงถามวา มหาอุปราชจะทําประการใดจึงจะอาศัยเสบียงอาหารจากขาศึกมาบํารุงกองทัพ

ขงเบงจึงวา อันประเพณีการสงครามแตโบราณมากําหนดวา กินขาวของขาศึกหนึ่งถัง ดีกวากินขาวของเรา


เองสิบถัง ปมเงื่อนก็คือใหขวนขวายหาเสบียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณจากขาศึกยึดมาเปนกําลังของ
กองทัพเรา ขาศึกจะออนแอลง เราจะเติบใหญเขมแข็งขึน ้ เทศกาลนี้เปนเทศกาลขาวโพดสาลีสุก แล
เมืองหลงเสนั้นก็เปนแหลงปลูกขาวโพดสาลีอันอุดม เรากําหนดการทีจ
่ ะยึดเอาขาวสาลีจากเมืองหลง
เสมาเปนเสบียงของกองทัพ จึงไดรีบรุดมาโดยที่ไมไดนําพากองเสบียงมาเหมือนครั้งกอน

เกียงอุยไดฟงดังนั้นก็คํานับขงเบง สรรเสริญความคิดของขงเบงเปนอันมาก

วันรุงขึ้นขงเบงสั่งใหอองเปงและเตียวหงีคุมทหารหาหมื่นรักษาคายที่ตําบล เขากิสาน สวนขงเบงพรอม


กับเกียงอุยและอุยเอี๋ยนไดคุมทหารอีกกองหนึ่งจํานวนหาหมื่นยกไปทางเมืองโลเสียจะไปเมืองหลงเส

ฝายสุมาอีค
้ รั้นยกทหารมาตั้งอยูที่รม
ิ แมน้ําอุยโหแลว ก็ใหทหารหนวยสอดแนมสืบขาวคราวความ
เคลื่อนไหวของกองทัพขงเบง พอรูขาววาขงเบงพาทหารยกออกจากตําบลเขากิสานจะไปที่เมืองโลเสียสุ
มาอี้ก็ตกใจ รีบเรียกเตียวคับมาปรึกษาแลวปรารภวาเทศกาลนี้เปนฤดูขาวโพดสาลีสุก ซึ่งกองทัพขงเบง
ยกไปทางเมืองโลเสียนั้น เห็นจะไปยึดเอาเมืองหลงเสแลวเก็บเกี่ยวขาวโพดสาลีเปนเสบียงเปนมั่นคง

สุมาอี้เห็นเตียวคับนั่งงงอยูจึงกลาวสืบไปวา เมืองโลเสียนั้นมีเขตแดนติดตอกับเมืองหลงเส ซึ่งเปนแหลง


นาขาวโพดสาลีของวุยกก หากขงเบงยึดขาวโพดสาลีจากเมืองหลงเสไดแลว วุยกกเราจะขาดเสบียง
อาหารลง ในขณะที่ขงเบงมีเสบียงอาหารอุดมสมบูรณ สามารถตั้งหนาทําศึกระยะยาวกับเราได จําจะตอง
ยกกองทัพไปปองกันเมืองหลงเสไวกอน

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหเตียวคับคุมทหารตั้งขัดตาทัพกองทัพของขงเบงซึ่งตั้งอยูท
 ี่ตําบลเขากิสาน ไมให
ยกรุกขามแมนา้ํ อุยโหมาได สวนสุมาอี้จะยกกองทัพไปปองกันเสบียงที่เมืองหลงเสดวยตนเอง

ครั้นจัดแจงทหารปองกันระมัดระวังกองทัพจกกกที่ตั้งประจันอยูริมแมนา้ํ อุยโหเสร็จสิ้นแลว สุมาอีจ้ ึงมอบ


อาญาสิทธิส ์ ําหรับบังคับบัญชาทหารใหกับเตียวคับเพื่อบังคับบัญชาทหารแทนตัว แลวใหโกฉุยเปน
กองทัพหนา สุมาอี้คุมกองทัพหลวง เรงเดินทัพทั้งกลางวันและกลางคืนไปที่เมืองหลงเสและเขาไปตั้ง
คายมั่นไวขางในเมือง

ฝายขงเบงครั้นนํากองทัพยกไปถึงเมืองโลเสียก็สั่งทหารใหยกเขาประชิดเมือง กินอซึ่งเปนเจาเมืองเห็น
กองทัพขงเบงยกมาเปนอันมากก็กลัว จึงพาขุนนางและกรมการเมืองทั้งปวงออกไปคํานับยอมนบนอบตอ
ขงเบง และเชิญขงเบงเขาไปในเมือง

ครั้นขงเบงเขาไปในเมืองโลเสียแลวจึงถามกินอวา ในพืน
้ ที่บริเวณนีท
้ องที่ใดที่ขาวโพดสาลีสุกพรอมจะ
เก็บเกี่ยวได

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 10

กินอจึงวา ตั้งแตปลายแดนเมืองโลเสียตอเนือ
่ งไปจนถึงแดนเมืองหลงเสเปนทุงราบอุดมสมบูรณ ฤดูกาลนี้
เปนเดือนหก ขาวโพดสาลีสุกพรอมจะเก็บเกี่ยวแลว

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็มีความยินดี จึงใหเตียวเอกและมาตงคุมทหารหาพันอยูรักษาเมืองโลเสียคอยปองกัน
ระวังหลังมิใหขา ศึกกระหนาบยกไปทําอันตรายแกกองทัพของขงเบง สวนขงเบงพรอมดวยเกียงอุย และ
อุยเอี๋ยนคุมทหารสีห ่ มื่นหาพันคนอีกกองหนึ่งยกไปที่เมืองหลงเส

กองทัพขงเบงพอพนปลายแดนเมืองโลเสียก็เห็นทุงขาวโพดสาลีเหลืองอรามเวิ้งวางกวางไกลสุดลูกหูลูก
ตาลึกเขาไปในแดนของเมืองหลงเส ก็มค ี วามยินดีเปนอันมาก ในขณะนั้นหนวยสอดแนมระยะไกลของ
กองหนาไดเขามารายงานความแกขงเบงวา สุมาอี้ไดยกกองทัพมาตั้งอยูที่เมืองหลงเสกอนหนานี้ไมกี่วัน
และกองทัพยังคงตั้งมั่นอยูใ นตัวเมือง

ขงเบงไดฟงรายงานดังนั้นก็ตกใจ รําพึงวาสุมาอี้นส
ี้ ติปญญาหลักแหลมเฉลียวฉลาดยิ่งนัก องอาจลวงรู
ความคิดของเราได ซึ่งสุมาอี้ยกกองทัพมาตั้งอยูที่เมืองหลงเสนี้ เห็นจะคิดอานมาปองกันไมใหเราเก็บ
เกี่ยวขาวโพดสาลีเปนมั่นคง

ขงเบงรําพึงดังนั้นแลวจึงสั่งทหารใหตั้งคาย ตระเตรียมเคียว กระสอบ และเกวียนสําหรับจะเก็บเกี่ยวขาว


เปนอันมาก จัดแบงกําลังทหารสามหมื่นคนใหเปนพลเก็บเกี่ยวขาวโพดสาลี อีกหมื่นหาพันคนทําหนาที่
เปนกองกําลังคุมกันทหารที่เก็บเกี่ยวขาวโพดสาลีนั้น และสั่งใหเตรียมเกวียนแบบเดียวกับเกวียนรถที่นั่ง
ของขงเบง พรอมกับหุนรูปเหมือนขงเบง ซึ่งไดนํามาจากเมืองฮันตงจํานวนสามเลมไวใหพรอมทีจ
่ ะ
ออกไปเก็บเกี่ยวขาวโพดสาลี

ครั้นวันรุงขึ้นเวลาเชา หนวยสอดแนมไดนําความมารายงานขงเบงวา ขณะนี้กองทัพสุมาอีก


้ ําลังรุดหนามา
ทางนี้

ขงเบงไดฟงดังนั้นจึงเรียกแมทพ
ั นายกองทั้งปวงมาสั่งวา ใหกองทหารทีท
่ าํ หนาที่เก็บเกี่ยวขาวโพดสาลี
เรงเก็บเกี่ยวขาวโพดสาลีไปตามปกติ อยาไดหวั่นไหวไปกับกองทัพของสุมาอี้ เราไดคิดกลอุบายใหสุมาอี้
ยกกองทัพกลับไปไวพรอมแลว กลาวแลวขงเบงจึงสั่งทหารกองที่จะทําหนาที่เก็บเกี่ยวขาวโพดสาลีใหยก
ไปทําการตามแผนการที่กําหนดไว

ตัวขงเบงนั้นอาบน้ําชําระกาย แตงตัวแบบนักพรตในลัทธิเตา ใสเสื้อคลุมขนนกกระเรียน ในมือถือพัดขนน


กออกมาจากคายพัก เรียกทหารกองคุมกันเขามาหาและสั่งใหเอาเกวียนซึ่งมีรูปเหมือนของขงเบงนั่งอยูใน
เกวียนทั้งสามเลมออกมาพรอมกัน ปรากฏวารูปลักษณะสีสน ั และการตกแตงเกวียนและหุน  ลวนเหมือนกัน
ทุกประการ

ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็พากันงุนงงสงสัย ขงเบงสั่งใหเกียงอุย อุยเอี๋ยนและมาตายคุมทหารคนละกอง


กองละหนึ่งพันคน ทําหนาที่อารักขาหุนขงเบงและเกวียนซึ่งเตรียมไวทั้งสามเลมนั้น เมื่อยกไปถึงตําบลผา
ไมดําแลว ใหมาตายคุมกันเกวียนรูปหุนขงเบงยกไปซุมอยูในปาดานซาย ใหอุยเอี๋ยนคุม  กันเกวียนรูปหุน

ขงเบงยกไปซุมอยูในปาดานขวามือ สวนเกียงอุยใหทําหนาทีค่ ุมกันเกวียนรูปหุนขงเบงซุมอยูตรงกลาง
และจัดทหารอีกกองหนึ่งจํานวนหารอยนายทําหนาทีต ่ ีมาลอฆองกลอง และใหยกไปตั้งซุมอยูใ นปา
ดานหลังกองทหารของเกียงอุย กําหนดใหเกวียนแตละเลมมีทหารแตงตัวดวยเสื้อผาชุดสีดํา เดินดวยเทา
เปลา สยายผมเหมือนปศาจ มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือหนึ่งใหถือธงริว้ ประดับรูปดาวจระเข แบงกันอยู
ดานซายขวาของเกวียนขางละสิบสองคน สวนทหารที่เหลือใหทําหนาทีเ่ ปนกองหนุน คอยปองกันและ
หนุนชวยหากกองทัพสุมาอี้จะยกเขาตี

ครั้นสั่งการเสร็จแลวขงเบงจึงสั่งใหยกขบวนไปที่ตนทางซึ่งจะมาจากเมืองหลงเสและใหทุกหนวยเขา
ประจําที่ตั้งในปาตําบลผาไมดาํ สําหรับเกวียนที่ขงเบงนั่งนั้นใหกวนหินมัดขมวดผม หมเสื้อคลุม ปลอม
เปนเทพเจาแหงความอุดมสมบูรณของเกษตรกร เดินนําหนาเกวียนของขงเบง ในมือถือธงริ้วยาวประดับ
ดวยภาพดาวจระเข สวนขงเบงนั่งอยูในเกวียน ในมือถือพัดขนนก ตั้งซุม  อยูที่เนินเขา และคอยฟงขาว
คราวจากหนวยสอดแนม

ฝายทหารของขงเบงกองที่ทําหนาที่เก็บเกี่ยวขาวโพดสาลี พอขงเบงยกออกไปแลวก็ระดมกันเก็บเกี่ยว
ขาวโพดสาลีบรรทุกใสเกวียนเปนอันมาก

ครั้นขงเบงไดทราบรายงานจากหนวยสอดแนมวากองทัพของสุมาอี้ใกลจะมาถึงแลว จึงสัง่ ใหทหารซึ่งยัง


ไมมีหนาที่อื่นประมาณหมื่นคนถอยรนลงไปซุม
 อยูในปาสองขางทาง ตัวขงเบงใหทหารเข็นเกวียนออกมา
อยูกลางทาง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 11

ฝายสุมาอีค้ รั้นยกกองทัพพนเขตตัวเมืองหลงเส ก็ไดรับรายงานจากหนวยสอดแนมวา บนเสนทางที่จะไป


ยังทุงขาวโพดสาลี เห็นผูคนแตงตัวลักษณะประหลาดขวางทางอยู ไมรูแนชัดวาเปนภูตผีปศาจหรือคน
ธรรมดากันแน

สุมาอี้ไดทราบรายงานดังนั้นก็ประหลาดใจ รีบพาทหารองครักษขี่มาตามหนวยสอดแนมรีบรุดไปที่ ไดเห็น


ภูตผีปศาจขวางทางอยูนั้น

สุมาอี้พาทหารมาตามทางหางจากเกวียนของขงเบงยี่สิบเสน ก็เห็นขงเบงนั่งโบกพัดขนนกดวยทาทีอิ่ม
เอิบเบิกบานอยูบนเกวียน เห็นเทพเจาแหงการเกษตรถือธงสัตตดารายืนอยูขางหนา ขนาบขางดวยภูตผี
อีกยี่สิบสีต
่ นก็ตกตะลึงแทบไมเชื่อสายตาตนเอง รําพึงขึ้นในใจวาเรายกทหารมามากมายปานนี้ มิรูวาขง
เบงคิดกลอุบายประการใด จึงบังอาจมาขวางทางกองทัพเราไวแตผูเดียวดังนี้

สุมาอี้ลังเลไมแนแกใจ จึงสั่งนายกองคนหนึ่งใหคุมทหารสองพันยกลวงหนาไปจับตัวขงเบงและเหลาภูตผี
ปศาจมาใหหมด นายกองรับคําสั่งสุมาอี้แลวรีบคํานับลา พาทหารตรงไปที่เกวียนของขงเบง

พลันที่นายกองคุมทหารวุยกกเขาไปใกล ก็รส
ู ก
ึ วามีสายลมเย็นยะเยือกพัดมากระทบกาย เห็นฟาเบื้องหนา
มืดมัวสลัวลง กอนเมฆไดคลอยต่ํากลายเปนหมอกปลิววอนไปทั่วปริมณฑล ในขณะนั้นเห็นขงเบงหัน
เกวียนกลับแลวลาถอยไปตามทาง

ทหารสุมาอี้แมจะสัมผัสกับเหตุการณประหลาดก็มิไดเกรงกลัว รีบเรงฝเทามาไลตามขงเบงไปเปน
ระยะทางเกือบสามสิบเสนแลว ระยะหางของเกวียนขงเบงกับทหารของสุมาอี้ที่ไลตามก็ยังอยูในระยะเดิม
นายกองเห็นดังนั้นก็รูสึกตกใจ รีบปรึกษากับเพื่อนทหารวา เราไลตามอยางรวดเร็วถึงปานนี้ เหตุไฉนถึงไล
ไมทัน ชะรอยจะเปนภูตผีปศาจมาหลอกหลอนเปนแนแท

พอเอยถึงเรื่องภูตผีซึ่งเปนที่เกรงกลัวกันในยุคนั้น ทหารวุยกกก็พากันหยุดอยูกับที่ ในทันใดนั้นก็เห็นขง


เบงหันเกวียนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยกกหายตกตะลึงจึงรุกไลตอไป แตเห็นเกวียนของขงเบงกลับ
หลังหันหนีไปอีก

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

มายาภาพ ณ ผาไมดาํ (ตอนที่555)

ขงเบงคิดอุบายลวงสุมาอี้เพื่อชิงเอาขาวโพดสาลีที่กําลังสุกเต็มทองทุง โดยแบงทหารสามหมื่นทําหนาที่
เก็บเกี่ยวขาวสาลี ตัวขงเบงนําทหารที่เหลืออีกหมื่นหาพันคนยกไปหลอกสุมาอี้ สุมาอี้ใหทหารตามจับตัว
ขงเบง แตทหารวุยกกไลตามไมทัน ทั้งตกใจกลัววาภาพที่เห็นเบื้องหนาเห็นจะไมใชคน หากคงเปนภูตผี
ปศาจมาหลอกหลอน

ทหารวุยกกไลตามขงเบงตอไปอีกแตไมทันจึงพากันหยุดอยูก
 ับที่ ทันใดนั้นก็เห็นเกวียนของขงเบงหัน
กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยกกก็รุกไลตามไป เกวียนของขงเบงก็ถอยรนไปตามทางซึ่งสั่งทหารเมืองเสฉ
วนดักซุมอยู

ฝายสุมาอีห้ ลังจากสั่งใหนายกองคุมทหารสองพันไลตามขงเบงไปแลว ก็รูสก ึ ประหลาดใจที่ทหารมาฝเทา


จัดไมสามารถไลทันเกวียนของขงเบงได จึงกลาวกับบรรดาแมทัพนายกองซึ่งยืนมาเรียงรายอยูดว ยกันวา
ขงเบงนี้ชํานาญในวิชาคายกลอัฏฐทิศ ทั้งเปนนักบวชในลัทธิเตา สามารถรองขอวิงวอนตอเทพเจาอัคคี
แหงลัทธิเตาใหชวยเหลือได ทั้งมีกลอุบายยากที่จะหยั่งคาด จึงตองระมัดระวังอยาไดประมาท

นายทหารรองอาวุโสคนหนึ่งซึง่ เห็นเหตุการณอยางเดียวกับสุมาอี้ ไดยินดังนั้นจึงกลาววาซึ่งทหารมาไล


ตามเกวียนขงเบงไมทันนี้เนื่องเพราะขงเบงไดใชวิชายอธรณีรนระยะทาง จึงทําใหทหารเราไลตามไมทัน
ถึงมาตรแมนทานแมทัพจะใหทหารไลตามไปสักเทาใด ก็เห็นจะไมอาจไลจับตัวขงเบงไดเปนแนแท ชอบ
ที่ทา นแมทัพจะบัญชาเรียกทหารซึ่งไลตามขงเบงนั้นกลับมา หากขืนรุกไลตอไปเห็นจะเสียทีแกขงเบง
เปนมั่นคง

สุมาอี้ไดฟงดังนั้นก็เชื่อตาม แตยังไมทันที่จะออกคําสั่งใหเรียกกองทหารกลับมา พลันไดยินเสียงมาลอ


ฆองกลองดังลั่นในปา สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็ตกใจ เกรงวาจะตองกลของขงเบง จึงสั่งทหารใหเตรียมพรอม
รบ ตัวสุมาอี้หน ั หนาไปทางตนเสียงก็รส ู ึกตกใจเปนอันมาก เพราะภาพที่เห็นปรากฏเปนภาพขงเบงนั่งอยู

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 12

บนเกวียน มีภต
ู ผีปศ
 าจสยายผมถือกระบี่และธงริ้วดาวจระเขยี่สิบสี่ตน เหมือนกันกับภาพที่เห็นขงเบงหนี
ไปทุกประการ

สุมาอี้ปรารภดวยความลืมตัววา ขงเบงพึ่งหนีไปเพียงอึดใจเดียวเทานั้น ไฉนจึงมาปรากฏกายที่นี่อีกเลา


ในขณะนั้นสุมาอี้ใหรสู ึกขนพองสยองเกลา คิดวาชะรอยที่เห็นทั้งนี้เห็นจะไมใชขงเบง หากเปนภูตผีปศ  าจ
มาหลอกหลอน ทั้งรําลึกไดวาตําบลนีค
้ ือตําบลผาไมดําซึง่ มีกิตติศัพทรา่ํ ลือมาชานานวาภูตผีปศาจดุดัน
รายแรงนัก ก็รส
ู ึกหวาดผวา

สุมาอี้รีบหันหนามาทางกองทหารที่อยูท  างดานหลัง เห็นทั้งไพรและพลลวนตกใจตัวสั่น หนาตาซีดเซียวก็


ยิ่งตกใจ ในทันใดนั้นเสียงมาลอฆองกลองก็ดังกองขึ้นในปาอีกครั้งหนึ่ง พลันมีเสียงคลายเสียงสวดมนต
บนพึมพําแววดังมาจากทั้งดานขวาและดานซาย สุมาอีจ้ องมองไปตามตนเสียงก็ยิ่งตกใจเปนอันมาก
เพราะเห็นขงเบงอีกสองคนนั่งเกวียนพรอมภูตผีปศาจเหมือนกับที่เห็นครั้งแรกทุกประการ ยกออกมาจาก
ปาทั้งดานขวาและดานซายพรอมกัน กลายเปนมีขงเบงสามคนพรอมภูตผีปศาจเคลื่อนเกวียนออกมาจาก
แนวปา ในขณะที่ขงเบงอีกคนหนึ่งก็ขี่เกวียนหนีไปโดยทีท ่ หารมาไลตามไมทัน

ณ เวลานั้นสุมาอี้เชื่อถือโดยสนิทใจวาภาพทีเ่ ห็นเบื้องหนาตัง้ แตขงเบงคนแรกจนถึงขงเบงคนทีส ่ ี่ลวนเปน


เทพยดาหรือไมก็เปนภูตผีปศ  าจมาหลอกหลอน จึงตกใจกลัวเปนอันมาก พลันไดยินเสียงแตกฮือขึ้นที่กอง
ทหาร สุมาอี้เหลียวไปดู เห็นทหารทั้งตัวนายและพลพากันแตกตื่นวิ่งหนี สุมาอีย ้ ิ่งตะลึงตะลาน ใจหนึ่ง
กลัววาเปนภูตผีปศาจ แตอีกใจหนึ่งก็เกรงวาชะรอยเปนขงเบงทํากลอุบายที่ล้ําลึกเหลือหยั่งคาด สุมาอีม ้ ิรู
ที่จะตัดสินใจประการใด แตเมื่อเห็นทหารแตกหนีเอาตัวรอดคุมกันไมตด ิ ดังนั้น จึงออกคําสั่งใหทหารถอย
ทัพ ตัวสุมาอี้ขม
ี่ าเรงทหารใหรีบถอยกลับเขาไปในเมืองหลงเส

ครั้นเขาไปถึงในเมืองหลงเสแลว สุมาอี้ไดสั่งใหปด
 ประตูเมือง และใหขึ้นระมัดระวังรักษาเชิงเทินและ
กําแพงเมืองไวมิใหประมาท

ฝายทหารของสุมาอี้ซึ่งขี่มาไลตามขงเบงไปนั้น ครั้นไปถึงจุดทีท
่ หารเมืองเสฉวนซุมดักอยูก
 ็ถูกทหารเมือง
เสฉวนยกออกมาลอมโจมตีฆา ฟนเจ็บตายไปกวาครึ่ง พวกทีเ่ หลือก็ถูกจับเปนเชลยจนหมดสิ้น

ความซึ่งขงเบงแตงกลอุบายหลอกลวงสุมาอีใ้ นครั้งนี้ สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ไดระบุความ


ตรงกันกับฉบับภาษาจีนวา ขงเบงไดรายมนตรนระยะทางปองกันไมใหทหารสุมาอี้ไลตามทัน สุมาอีแ้ ละ
ทหารทั้งปวงเห็นภาพและเหตุการณดังนั้นก็สาํ คัญวา ผีโขมดปาแกลงมาหลอกเรา ... ก็ตกใจแตกตื่นไป

ทหารของขงเบงกองที่มาทําหนาที่หลอกลวงกองทัพสุมาอี้ ครั้นเห็นสุมาอีพ
้ าทหารหนีกลับไปแลว พอค่ํา
ลงก็พากันกลับไปหาขงเบง

ขงเบงไดใหทหารสามหมื่นคนเก็บเกี่ยวขาวโพดสาลีที่เมืองหลงเสถึงสองวันติดตอกัน ไดขาวโพดสาลี
เปนอันมากเต็มแปลทุกเลมเกวียน ครั้นเพียงพอตอความตองการแลวขงเบงจึงพาทหาร และลําเลียง
เกวียนขาวโพดสาลีกลับเขาไปตั้งอยูในเมืองโลเสีย

ฝายสุมาอีต
้ ั้งมัน
่ รักษาเมืองหลงเสอยูถึงสามวัน ไมเห็นขาวคราวความเคลื่อนไหวของกองทัพขงเบงวาจะ
ยกมายึดเมืองหลงเสก็ประหลาดใจ ยิ่งคิดถึงเหตุการณที่เกิดขึ้นก็ยิ่งฉงนสนเทห สุมาอีค ้ ด ิ เทาใดก็ไมตก
ครั้นตรวจสอบขาวสารจากหนวยสอดแนม ทราบวาขงเบงยกทหารไปตั้งอยูที่เมืองโลเสียแลว สุมาอีจ ้ งึ
ปลอมตัวเปนทหารเลวและพา ทหารสองรอยคนยกไปทีต ่ ําบลผาไมดํา เพื่อตรวจสอบใหรูวา เกิดเหตุการณ
อะไรขึ้นในวันนัน ้

สุมาอี้ใหทหารไปคุมตัวชาวบานในยานนั้นมาสอบถาม ก็ไดความวาขงเบงคนแรกที่เห็นนั่นแลวคือตัวจริง
นอกจากนั้นเปนหุนและเปนภูตผีปศ
 าจปลอมที่ขงเบงเตรียมมาหลอกหลอนโดยเฉพาะ หลังจากทานยก
กองทัพกลับไป ขงเบงไดใหทหารเก็บเกี่ยวขาวโพดสาลีจนหมดสิ้น แลวยกกลับไปเมืองโลเสีย

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา สุมาอี้จับไดทหารขงเบงคนหนึ่ง ซึ่งพลัดจากหลังมาขาหัก


หลงอยูในแถบนั้น จึงไตสวนแลวไดความเปนอยางเดียวกัน

สุมาอีท
้ ราบความดังนั้นก็ทอดถอนใจใหญและเสียใจเปนอันมาก ปรารภวา ขงเบงทําการครัง้ นี้ดังเทพยดา
มาชวย เหลือความคิดเราจะหยั่งรูถึง

ฝายโกฉุยทราบวาสุมาอี้ปลอมเปนทหารเลวยกไปที่ตําบลผาไมดํา เกรงวาสุมาอี้จะเปนอันตราย จึงรีบคุม


ทหารยกตามสุมาอี้มา ครั้นพบกับสุมาอี้จึงคํานับและรายงานใหทราบความซึ่งเปนหวงใยแลวยกตามมานัน ้

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 13

สุมาอี้รับคํานับโกฉุยตามประเพณีแลว จึงเลาความซึ่งถูกขงเบงหลอกลวงใหโกฉุยฟงทุกประการ

โกฉุยไดฟงคําสุมาอี้แลวจึงวา กลอุบายของขงเบงหลอกลวงไดก็แตในยามที่เราไมรค
ู วามจริง บัดนี้เมือ่
ทราบความจริงแลวจะเกรงกลัวอะไรกับความคิดของขงเบงอีกเลา ซึ่งขงเบงยกทหารไปตั้งอยูที่เมืองโล
เสียนั้น เห็นจะคอยทาใหทหารนวดขาวโพดสาลีใหเสร็จแลว จึงจะยกไปตําบลเขากิสาน ควรทีท ่ านแมทพ

จะไดยกกองทัพไปตีเมืองโลเสีย เห็นจะจับตัวขงเบงไดโดยงาย

สุมาอี้ยามหวาดหวั่นขงเบงก็ไมทันคิดที่จะยกไปตีเมืองโลเสีย ครั้นไดยินคําโกฉุยก็คิดวาเมืองโลเสียเปน
หัวเมืองนอย หากยกกองทัพไลตามไปเห็นจะไดการตามความคิดของโกฉุย คิดดังนั้นแลวสุมาอี้จึงชวนโก
ฉุยกลับไปที่เมืองหลงเส แลวจัดแจงทหารเปนสองกอง ยกออกจากเมืองหลงเสจะไปตีเอาเมืองโลเสีย

ฝายขงเบงหลังจากยกทหารกลับเขาเมืองโลเสียแลว ก็เรงใหทหารรีบนวดขาวโพดสาลี พอถึงวันทีส ่ ี่เวลา


บาย บังเกิดลมหัวดวนพัดมาทีบ
่ ริเวณซึ่งทหารกําลังนวดขาวโพดสาลีอยูนั้นหมุนเอาฟางขาวลอยขึ้นไปบน
อากาศ แลวปลิวมาตกขางหนาของขงเบง

ขงเบงรีบจับยามตามตํารา แลวผงกศีรษะอยูส  องสามครั้ง หลังจากนั้นจึงเรียกแมทัพนายกองเขามาพรอม


กัน แลววาเวลาค่ําวันนี้เห็นสุมาอี้จะยกทหารมาตีเอาเมืองโลเสีย เราจะคิดอานตีกองทัพของสุมาอี้ใหแตก
พายไปจงได

ขงเบงเห็นบรรดาแมทัพนายกองทั้งปวงมีทา ทีงุนงงสงสัย จึงกลาวสืบไปวานอกเมืองโลเสียนี้เปนทีน


่ า
ขาวโพดสาลีกวางขวางนัก เราจะใหเกียงอุย อุยเอี๋ยน คุมทหารคนละพันไปซุมอยูในปานอกเมืองดาน
ตะวันตก กองหนึ่งใหอยูใ กลหนาเมือง อีกกองหนึ่งใหอยูไกลออกไปพอที่จะตีตลบหลังกองทัพของสุมาอี้
ใหมาตงและมาตายคุมทหารคนละพันยกไปซุม  อยูนอกเมืองดานทิศตะวันออก กองหนึ่งใหอยูใกลหนา
เมือง และอีกกองหนึ่งใหอยูไ  กลออกไปเชนเดียวกัน แลวกําชับวาเมื่อไดยินเสียงประทัดสัญญาณจุดขึ้น
เมื่อใด ใหทหารทุกกองยกเขาตีกระหนาบกองทัพสุมาอี้พรอมกัน

สี่นายทหารรับคําสั่งขงเบงแลว คํานับลาออกไปจัดแจงทหารและยกออกไปตั้งซุมไวตามแผนการของขง
เบงทุกประการ เมื่อสี่นายทหารออกไปแลว ขงเบงจึงสั่งทหารที่เหลือใหขึ้นระมัดระวังเชิงเทินคายคูประตู
หอรบไวใหมนั่ คง ครั้นเวลาใกลพลบค่ําขงเบงไดสั่งทหารรอยคนพรอมกับประทัดครบมือออกไปซุมอยู
ทางดานทิศเหนือนอกประตูเมือง

ฝายสุมาอีย
้ กทหารออกจากเมืองหลงเสแลวรีบรุดมาถึงแดนเมืองโลเสีย พอเวลายามหนึ่งทหารของสุมาอี้
ก็ยกเขาประชิดกําแพงเมืองโลเสียพรอมกัน และระดมยิงเกาทัณฑเขาไปในตัวเมืองเปนอันมาก ทหารวุ
ยกกไดพยายามปนปายบุกขึ้นมาบนกําแพงเมือง แตทหารของขงเบงก็ไดรบพุงปองกันไวเปนสามารถ

ฝายขงเบงขึ้นไปสังเกตการณอยูบนหอรบบนเชิงเทิน ครั้นเห็นกองทัพสุมาอี้รุกเขาตีเมืองเปนที่ชล
ุ มุนแลว
จึงสั่งทหารใหจด
ุ ประทัดสัญญาณขึ้น ทหารของขงเบงรอยคนที่เตรียมประทัดไปซุมอยูนอกเมืองก็จุด
ประทัดขึ้นพรอมกัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวประดุจฟาถลมแผนดินทลาย

สิ้นเสียงประทัดสัญญาณ สี่นายทหารของจกกกซึ่งยกไปตั้งซุมอยูตามแผนการของขงเบงก็พากันโหรอง
ยกออกจากที่ซม ุ รุกโจมตีกระหนาบหลังทหารของสุมาอี้เขามาพรอมกันทั้งสี่ดาน ในขณะนั้นทหารจกกก
ที่อยูขางในเมืองก็เปดประตูเมืองแลวยกตีกระทบออกไปพรอมกัน

ทหารของสุมาอี้ไมทันรูเนื้อรูตวั ถูกโจมตีกระหนาบเขามาพรอมกันทุกทิศทางทุกดาน บาดเจ็บลมตายดุจ


ใบไมรวงก็พากันแตกตื่นตกใจคุมกันไมติด สุมาอี้เห็นดังนั้นรูว าตองกลของขงเบงก็ตกใจ รีบสั่งทหารใหลา
ถอย และไปพักทหารอยูท  ี่เนินเขาแหงหนึ่ง

วันรุงขึ้นขงเบงไดทราบรายงานจากหนวยสอดแนมวา ซึ่งสุมาอี้พาทหารถอยหนีไปตั้งแตเมื่อคืนนั้น ไดไป


พักทหารอยูท  ี่เนินเขาหางเมืองโลเสียประมาณสองรอยเสน ขงเบงจึงสั่งใหเกียงอุย อุยเอี๋ยน มาตง และมา
ตาย ตั้งคายอยูน  อกเมืองทั้งสีด
่ านคอยระมัดระวังปองกันไมใหขาศึกยกมาประชิดตัวเมือง

ฝายสุมาอีค้ รั้นพาทหารหนีไปปลงทัพอยูท  ี่เนินเขาแลว ก็รส


ู ึกอัปยศที่แพรเู สียทีแกขงเบงอีกครั้งหนึ่ง จึง
เปนทุกขใจยิ่งนัก โกฉุยเห็นสุมาอี้มสี ีหนาหมนหมองจึงเขาไปกลาวกับสุมาอี้วา แตเราทําสงครามกับขง
เบงมาก็หลายครั้งยังไมสําเร็จ เพราะมิไดตัวขงเบง ครั้งนี้ขงเบงคิดกลศึกฆาทหารเราเสียเปนอันมาก แม
ทานไมคดิ อานกําจัดขงเบงเสียใหได นานไปก็จะกําเริบใหญหลวงขึ้น ขอใหทานมีหนังสือไปถึงเมืองเลียง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 14

จิ๋ว แลเมืองเลงจิ๋ว ใหยกทัพมาชวย ขาพเจาจะคุมทหารไปตีเอาตําบลเกีย


้ มโกะซึ่งเปนดานเมืองฮันตงให
ได กองทัพขงเบงก็จะขาดเสบียงลง ทานจงคุมทหารเขาตีก็จะไดชยั ชนะแกขงเบงเปนมั่นคง

สุมาอี้ไดฟงแผนการของโกฉุยก็คลายทุกข คิดวาแผนการของโกฉุยนี้แยบยลยิ่งนัก ดานหนึ่งโกฉุยจะยก


ไปตีดานเกี้ยมโกะซึ่งเปนดานสําคัญของเมืองฮันตง และเปนเสนทางลําเลียงเสบียงอาหารมาสงกองทัพ
ของขงเบง มีฐานะทางยุทธศาสตรสาํ คัญใกลเคียงกับตําบลเกเตง ทั้งหากไดกําลังทหารจากเมืองเลียงจิ๋ว
และเมืองเลงจิว๋ มาชวย ก็เห็นจะเอาชนะกองทัพขงเบงได

สุมาอี้คด
ิ ดังนั้นแลวจึงแตงหนังสือสั่งใหมาเร็วถือไปเมืองเลียงจิ๋วและเมืองเลงจิ๋วตามแผนการของโกฉุย
ทุกประการ และสุมาอี้ไดสั่งใหเกณฑทหารจากเมืองหลงเสมาเสริมกําลังตั้งคายอยูท  ี่เนินเขาแหงนั้น คอย
ทาทหารจากสองเมืองพรอมแลว จะยกเขาตีเมืองโลเสียตอไป

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

เหตุผลของคนโง (ตอนที5
่ 56)

ขงเบงใชมนตมายาและอุบายหลอกกองทัพสุมาอี้ใหลาถอยออกไปจากผาไมดํา และใหทหารอีกกองหนึ่ง
เก็บเกี่ยวขาวสาลีเขาไปนวดในเมืองโลเสีย สุมาอี้จึงเตรียมการที่จะยกกองทัพเขาตีเมืองโลเสียเพื่อจะจับ
ตัวขงเบง และเตรียมการทีจ ่ ะตัดเสนทางลําเลียงเสบียงจากเมืองเสฉวนซึ่งลําเลียงผานดานเกี้ยมโกะอีก
ทางหนึ่งดวย

ฝายเจาเมืองเลียงจิ๋วและเมืองเลงจิ๋วครั้นไดทราบหมายเกณฑทหารของสุมาอี้แลว จึงใหซุนเลคุมทหาร
จากสองเมืองจํานวนยีส ่ ิบหมื่นยกไปสมทบกับกองทัพของสุมาอี้ ครั้นซุนเลคุมกองทัพไปถึงแลวจึงเขาไป
รายงานความกับสุมาอี้

สุมาอี้ไดกําลังทหารมาสมทบถึงยีส
่ ิบหมื่นก็มค
ี วามยินดี จึงแบงทหารใหโกฉุยและซุนเลยกไปตีดานเกีย้ ม
โกะ เพื่อตัดเสนทางลําเลียงเสบียงอาหารทีจ ่ ะมาสงกองทัพของขงเบง ในขณะทีส่ ุมาอีค
้ ุมทหารที่เหลือ
ทั้งหมดเตรียมจะยกเขาตีเมืองโลเสีย

ฝายขงเบงตั้งมัน ่ อยูในเมืองโลเสีย คอยทาใหทหารนวดขาวเสร็จแลวจะยกไปที่ตําบลเขากิสาน และไดให


ทหารเตรียมพรอมที่จะรับมือกับการบุกโจมตีของสุมาอี้ ครั้นเห็นวาหลายวันผานไปแลวสุมาอี้ก็ยังคุมเชิง
สงบนิ่งอยู ขงเบงจึงเรียกเกียงอุยและมาตายเขามาหา แลวปรารภวาการทีส ่ ม
ุ าอี้ตั้งมั่นไมยอมยกออกมารบ
พุง เห็นจะรอคอยกองทัพหนุนมาจากหัวเมืองอื่นแลวจึงยกมาตีอยางหนึ่ง และเห็นจะจัดทหารยกไปตีดา น
เกี้ยมโกะเพื่อตัดเสนทางลําเลียงเสบียงอาหารอีกทางหนึ่ง การตั้งรับอยูที่เมืองโลเสียนี้เห็นจะไมเพลีย ่ ง
พล้ําแกสมุ าอี้ วิตกก็แตดา นเกี้ยมโกะหากสุมาอี้สงทหารไปยึดไดแลว เสบียงอาหารก็จะขัดสน

ปรารภดังนั้นแลวขงเบงจึงสั่งเกียงอุยและมาตายใหคุมทหารหนึ่งหมื่นรีบยกไปปองกันดานเกี้ยมโกะ ใหเรง
ยกไปทั้งกลางวันและกลางคืน ขัดตาทัพไวมิใหกองทัพของสุมาอี้ยกไปตีดานเกี้ยมโกะได เกียงอุยและมา
ตายรับคําสั่งแลวออกไปจัดแจงทหารและยกไปแตในวันนัน ้

พอเกียงอุยและมาตายออกไปแลว เอียวหงีไดเขาไปรายงานกับขงเบงวาซึ่งมหาอุปราชยกกองทัพบุกวุ
ยกกครั้งนี้จะครบกําหนดรอยวันแลว ถึงวันเวลาผลัดเปลี่ยนทหารจากเมืองฮันตงมาแทน แตไดรับรายงาน
วาทหารที่จะมาผลัดเปลีย่ นเวรจากเมืองฮันตงนั้นยกมาถึงกลางทางแลวแตไมทราบภูมิประเทศในแดนวุ
ยกก ขอใหมหาอุปราชสงทหารไปรับ

ขงเบงไดฟงดังนั้นจึงกลาววา วันเวลาผานไปรวดเร็วนักจนเราเกือบจะลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป เมื่อครบกําหนดที่


ทหารจะไดกลับบานก็ชอบที่จะรักษาคําสัตย จะใหทหารทีย ่ กมาดวยเรากลับไปกอนเปนกองแรก ใหผน ู ํา
ทางไปกับกองแรกเพื่อสงทหารทีค ่ รบเวรกลับไปเมืองฮันตง และรับเอาทหารจากเมืองฮันตงซึ่งยกมาแลว
ไปที่ตําบลเขากิสาน เมื่อทหารทีผ ่ ลัดเปลี่ยนเวรมาถึงแลวก็ใหทหารที่ตําบลเขากิสานกลับไปเมืองฮันตง

แลวขงเบงจึงสัง่ ใหเอียวหงีออกไปจัดแจงทหารเพื่อใหกองแรกกลับไปพักผอนที่เมืองฮันตงกอน คงเหลือ


ไวเฉพาะกองลําเลียงขาวโพดสาลีเทานั้น ทหารเมืองเสฉวนพอคนทราบความวาจะไดกลับไปบานตางก็มี
ความยินดี พากันจัดแจงขาวของเตรียมที่จะเดินทางกลับ

วันรุงขึ้นยังไมทน
ั ที่ทหารซึ่งครบกําหนดเปลี่ยนเวรและจะไดกลับเมืองฮันตง หนวยสอดแนมก็ไดเขามา
รายงานความแกขงเบงวา เมื่อเวลาวานนี้ซุนเลไดคุมทหารยีส ่ ิบหมื่นยกมาชวยสุมาอี้ สุมาอีไ
้ ดใหโกฉุยและ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 15

ซุนเลแบงทหารยกไปตีดานเกี้ยมโกะ ตัวสุมาอี้เองกําลังจัดเตรียมทหารที่เหลือทั้งหมดจะยกมาตีเมืองโล
เสียในวันพรุงนี้

เอียวหงีไดยินดังนั้นจึงกลาวกับขงเบงวา ซึ่งมหาอุปราชจะใหทหารผลัดเวรกลับไปเมืองฮันตงกอนนั้น
ชอบที่จะรั้งตัวเอาไวกอนเพื่อรับมือกับกองทัพของสุมาอี้

ขงเบงไดฟงดังนั้นจึงคิดวา เราไดอนุญาตเปนสัญญาวาจะใหทหารกลับไปบานเมืองแลว หากจะผิดสัญญา


กลับคําเสีย ขวัญกําลังใจของทหารก็จะเสื่อมไป จะใชทําการสงครามเห็นขัดสน จําจะคิดกลอุบายให
ทหารเหลานั้นเต็มใจรบพุงจะดีกวา

ขงเบงคิดดังนั้นแลวจึงใหออกประกาศไปยังทหารที่กําลังเตรียมตัวจะเดินทางกลับเมืองฮันตงวา ถึงแม
กองทัพสุมาอี้จะยกมาตีเมืองโลเสีย แตมหาอุปราชก็ยังยึดมั่นในคําสัญญาที่จะใหทหารทัง้ ปวงไดกลับไป
บานเมือง จึงใหออกเดินทางกลับไปเมืองฮันตงตามกําหนด มหาอุปราชและทหารที่เหลืออยูจะรับมือกับ
กองทัพของสุมาอี้เอง อยาไดหวงใยเลย ถึงมาตรแมนวาจะเสียทีแกสุมาอี้ก็จะมิใหเสียคําสัตยของผูถ
 ือ
อาญาสิทธิ์กองทัพเปนอันขาด

พอทหารทั้งปวงไดทราบดังนัน ้ ก็พากันสรรเสริญขงเบงวามหาอุปราชยึดมั่นในคําสัตยและเอือ
้ อาทรตอ
เหลาทหาร แตหากพวกเราพากันกลับไปเมือง มหาอุปราชเหลือทหารอยูแ  ตนอย อาจพลาดพลั้งเสียทีแก
สุมาอี้ พวกเราจะมีแกใจเดินทางกลับบานเมืองไดกระนั้นหรือ

เพียงชั่วครูเทานั้นบรรดาทหารทั้งปวงก็ตกลงพรอมใจกันวา จะอยูกับขงเบงเพื่อรับมือกับกองทัพสุมาอี้
กอน ถึงแมขงเบงจะเรงรัดใหเดินทางกลับไปเมืองฮันตงก็จะไมยอมกลับไป

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา บรรดาทหารทัง้ ปวงซึ่งถูกเรงรัดใหเดินทางกลับเมืองฮันตง


ไดพากันเขาไปแจงแกขงเบงวา ขาพเจาทั้งนีจ
้ ะขอเอาชีวิตอยูแทนคุณ อาสาทานทําการเอาชนะแกขาศึก
ใหจงไดกอนจึงจะไป

ขงเบงเห็นทหารทั้งปวงเต็มใจอาสาสูรบโดยไมคิดชีวิตดังนั้นก็มีความยินดี กลาวกับบรรดาทหารทั้งปวงวา
ซึ่งทานเห็นแกการใหญของบานเมือง สละสิทธิ์และความสุขสวนตัวครั้งนี้ เราขอบใจยิ่งนัก

กลาวแลวขงเบงจึงเรียกประชุมบรรดาแมทัพนายกองทั้งปวง แลวสั่งวากองทัพสุมาอี้พาทหารซึ่งมาใหมจะ
มาตีเมืองโลเสีย ทหารทั้งนั้นเดินทัพมาแตทางไกล ยังออนลาอิดโรยอยู ดังนั้นใหทหารทั้งปวงเตรียมรบ
ไวใหพรอม ในทันทีที่กองทัพสุมาอี้ยกมาถึงและกําลังจะตัง้ คาย ก็ใหโจมตีกองทัพของสุมาอี้พรอมกัน
แมวาทหารของสุมาอี้จะมีเปนจํานวนมากแตออนอิดโรยไรเรี่ยวแรง ประดุจธนูแลนออกจากแหลงสุดกําลัง
แลว เราใชทหารแมนอยกวาก็จะเอาชนะไดเปนมั่นคง

แมทัพนายกองทั้งปวงรับคําขงเบงแลวลากลับออกไปเตรียมมาและศาสตราวุธทั้งปวงพรอมไวรอฟงคําสั่ง
ของขงเบง

ฝายสุมาอี้นํากองทัพรีบรุดมา ครั้นถึงเมืองโลเสียก็สั่งทหารใหตั้งคายประชิดเมือง ทหารทั้งนั้นเดินทัพมา


แตทางไกล เมื่อมาถึงกองทัพสุมาอี้แลวก็มิไดพักผอน ถูกสัง่ ใหรีบเดินทัพมาประชิดเมืองโลเสีย พอไดยน ิ
คําสั่งใหตั้งคาย ตางคนตางรีบลงจากหลังมา พากันขนขาวของสัมภาระและปกไมตั้งคายเปนชุลมุน

ในทันใดนั้นเสียงประทัดใหญก็ดังลั่นขึ้นภายในเมืองโลเสีย ประตูเมืองถูกเปดออกอยางรวดเร็ว กองทัพ


ของขงเบงทั้งทหารมาและทหารราบพากันโหรองรุกจูโจมเขาตีทหารของสุมาอี้ซึ่งกําลังสาละวนตั้งคาย
อยางดุเดือด

ทหารของสุมาอี้กําลังสาละวนอยูกับการตั้งคาย ครั้นถูกจูโจมโดยไมทันตัง้ ตัวดังนั้นก็พากันแตกตื่นตกใจ


ยังไมทันไดฉวยหาอาวุธหรือขึ้นหลังมาก็ถูกทหารของขงเบงบุกเขาถึงตัว ฆาฟนบาดเจ็บลมตายลงเปนอัน
มาก พวกที่เหลือก็พากันแตกตื่น วิ่งหนีคนละทิศคนละทาง สุมาอี้เห็นจะคุมทหารไมไดจึงออกคําสั่งให
ถอยทัพ แลวพา ทหารแตกหนีไป

ทหารของขงเบงไดรับชัยชนะอยางงดงามเพราะไดถนอมออมกําลังพรอมอยูในเมือง และเตรียมการโจมตี
เปนอยางดี ในขณะที่ขาศึกออนลาอิดโรยและไมทันตั้งตัว ครั้นไดรับชัยชนะแลวจึงเก็บเอาศาสตราวุธ มา
และเชลยศึกพากันเขาไปในเมืองแลวรายงานความทั้งปวงใหขงเบงทราบ

ขงเบงทราบรายงานแลวจึงสั่งใหปูนบําเหน็จแกบรรดาแมทพ
ั นายกองและทหารซึ่งมีความชอบเปนอันมาก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 16

ในบายวันนั้นทหารรักษาการณเขามารายงานแกขงเบงวา บัดนี้ลิเงียมซึ่งเปนขุนนางผูใหญรับผิดชอบ
จัดสงเสบียงอาหาร ไดใหทหารถือหนังสือมามอบแกมหาอุปราช

ขงเบงรับเอาหนังสือนั้นมาอานดู ปรากฎความจากหนังสือของลิเงียมวา ยังไมสามารถจัดสงเสบียงอาหาร


มาไดทันตามกําหนด เนือ
่ งจากไดทราบขาววาซุนกวนคบคิดกับโจยอยจะยกกองทัพมาตีเมืองเสฉวน
และโจยอยกะเกณฑใหซุนกวนยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนทางดานใตกอน แลวโจยอยจึงจะสงกองทัพ
เขาตีเมืองเสฉวนทางดานเหนือ ขณะนี้ทหารเมืองกังตั๋งยังคุมกําลังตั้งมั่นอยู จึงยังวางใจมิได เหตุนี้จึงยัง
ไมอาจลําเลียงเสบียงอาหารมาสงใหแกมหาอุปราช

ความจริงลิเงียมผูนี้เปนขุนนางผูใหญมาแตครั้งพระเจาเลาป ครั้นมีอํานาจวาสนามากขึ้นในเมืองเสฉวน ได


คบหาสมาคมเสวนาดวยเหลาขุนนางและพอคาวานิชเปนอันมาก ความเอาใจใสในราชการที่เคยมีมาแต
กอนก็หยอนคลายลง มุงเนนไปในทางเสพสุขและแสวงหาประโยชนสวนตนและพรรคพวกมากขึ้นโดย
ลําดับ จึงมีเหลาคนพาลเขาหาแวดลอมมิไดขาด จนแตละวันไมเปนอันปฏิบัติหนาที่ราชการ เอาแตพบปะ
คบหาพอคาวานิชและเสพสุขทั้งสตรีและสุรา ประกอบทั้งขุน  เคืองใจที่ขงเบงลงโทษตีกิอน ั๋ ขุนนางคนสนิท
เมื่อครั้งทีล
่ ําเลียงเสบียงอาหารลาชา ดังนัน
้ การปฏิบัตหิ นาที่เรงรัดเสบียงอาหารของลิเงียมจึงไมเปนไป
ตามกําหนด ถึงกําหนดแลวก็ยังไมสามารถลําเลียงเสบียงอาหารไปสงแกกองทัพได แตครั้นจะไมชี้แจง
แสดงเหตุผลก็เกรงขงเบงจะเอาเปนโทษ จึงมีหนังสือไปถึงขงเบงอางเหตุผลที่ไมอาจลําเลียงเสบียงไป
สงไดทันตามกําหนด วาเปนเพราะจําตองระมัดระวังกองทัพเมืองกังตั๋ง ซึ่งบัดนี้ไดคบคิดกับวุยกกจะยก
มาตีเมืองเสฉวน

เหตุผลของลิเงียมเปนเหตุผลเพียงเพื่อจะเอาตัวรอดใหพนจากความผิดฐานลําเลียงเสบียงอาหารไปสง
กองทัพไมทัน แตลืมคํานึงไปวาการอางเหตุผลเชนนีย ้ อมกระทบตอการทําสงครามของขงเบงอยางรุนแรง
เพราะขงเบงกรําศึกอยูในแดนลึกเขาไปในแดนวุยกก มีความเชื่อถือลิเงียมที่เปนขุนนางชั้นผูใ หญเกาแก
มาแตครั้งพระเจาเลาป เมื่อไดเห็นหนังสือของลิเงียมแลว ไหนเลยจะมามัวคิดถึงเรื่องเสบียงอาหารอยูอก

ยอมตองวิตกกังวลดวยการปองกันรักษาเมืองเสฉวนมิใหเปนอันตราย เหตุผลเล็กจึงกลายเปนเรื่องใหญ
และทําลายการบุกวุยกกครั้งทีห ่ าลงอยางนาเสียดาย แตเหตุผลของคนโงที่คด
ิ วาฉลาดแบบนี้ก็ยังคงมีอยู
ทุกยุคทุกสมัย

ขงเบงทราบความตามหนังสือของลิเงียมก็ตกใจเปนอันมาก รีบเรียกบรรดาแมทัพนายกองมาปรึกษาแลว
ปรารภความตามหนังสือของลิเงียมใหทราบ และกลาววา ครั้นเราจะทําศึกอยูกับสุมาอี้บัดนี้ก็เปนกังวล
หลัง ดวยซุนกวนจะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวน เราจําจะเลิกทัพกลับไปรักษาเมืองไวจึงจะควร

แมทัพนายกองไดฟงคําขงเบงดังนั้นก็เห็นดวย ขงเบงจึงแตงหนังสือใหมาเร็วถือไปถึงกองทัพซึ่งตั้งอยู ณ
ตําบลเขากิสาน ใหถอยทัพกลับไปเมืองเสฉวนทางดานตะวันตกเฉียงเหนือ แตใหถอยทัพอยางชา ๆ อยา
ใหขาศึกรูวาถอยจริงหรือถอยลวง

เอียวหงีจึงถามวา ซึ่งมหาอุปราชจะใหกองทัพลาถอยจากตําบลเขากิสาน จะไมคิดอานปองกันระวังการไล


ตามตีของทหารวุยกกหรือ

ขงเบงจึงวา แรกทีส ่ ุมาอี้ยกมาตั้งทีร่ ิมแมน้ําอุยโห ก็ไมกลายกกองทัพออกมารบพุงกับเรา บัดนี้สุมาอี้ให


เตียวคับตั้งมั่นอยูที่รม
ิ แมน้ําอุยโห ตัวสุมาอีย ้ กมาที่เมืองหลงเส จะเกรงกลัวอันใดกับเตียวคับเลา อนึ่งนั้น
เห็นสุมาอี้จะกําชับเตียวคับไวเปนแนนหนา ใหตั้งมั่นคอยสกัดอยูทรี่ ิมแมนา้ํ อุยโห ไมใหยกไปรบพุงดวย
เกรงวาจะตองกลอุบายเรา ดังนั้นกองทัพทีต ่ าํ บลเขากิสานยอมลาถอยไดโดยไมเปนอันตราย ทานอยาได
กังวลเลย

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย เก็บตกขางทาง (ตอนที่557)

ขงเบงกําลังรุกลึกเขาไปในแดนวุยกก แตลิเงียมซึ่งทําหนาทีส
่ งเสบียงไมสามารถลําเลียงเสบียงสงแก
กองทัพตามกําหนด จึงอางเหตุผลกับขงเบงวาเปนเพราะเมืองกังตั๋งจะยกมาตีเมืองเสฉวน ขงเบงจึง
จําตองเลิกทัพกลับ และสั่งใหกองทัพที่ตาํ บลเขากิสานเลิกทัพกลับไปกอน

ครั้นกองทัพเมืองเสฉวนที่ตําบลเขากิสานไดทราบหนังสือของขงเบงแลว จึงเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวน
ตามคําสั่งของขงเบง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 17

ฝายเตียวคับครัน้ ไดทราบรายงานจากหนวยลาดตระเวนวากองทัพจกกกซึ่งตั้งอยูทต ี่ ําบลเขากิสานไดเลิก


ทัพ และกําลังลาถอยกลับไปเมืองเสฉวน ก็รูสึกประหลาดใจวาเปนการลาถอยทัพจริงหรือวาเปนกลอุบาย
ครั้นจะยกไลตามตีก็เกรงวาจะตองกลของขงเบงเหมือนครั้งกอน ทั้งสุมาอี้ไดสั่งกําชับไวเปนมั่นคงวาให
เตียวคับคุมกําลังตั้งมั่นอยูท
 ี่รม
ิ ฝงแมนา้ํ อุยโหเพียงเพื่อสกัดกองทัพขงเบงมิใหยกรุกขามแมน้ําไปตีเมือง
เตียงอันเทานั้น หามมิใหออกรบโดยมิไดรับคําสั่งเปนอันขาด เตียวคับจึงมิไดไลตามตี และใชมาเร็วใหรบ ี
นําความไปรายงานแกสุมาอีท ้ ี่เมืองหลงเส

ครั้นสุมาอีท
้ ราบรายงานของเตียวคับก็เกรงวาเตียวคับจะยกทหารไลตามตี จึงสั่งมาเร็วใหรีบกลับไปบอก
แกเตียวคับวาอยาไดยกทหารตามตีกองทัพทีต ่ ําบลเขากิสานเปนอันขาด และใหเรงระมัดระวังกวดขันเวร
ยามอยาไดประมาท แตตัวเตียวคับนั้นใหรบ ี รุดไปหาสุมาอี้โดยเร็ว เพราะเพียงแคตั้งมั่นยันอยูนั้นก็เห็น
เพียงพอจะรับมือได

มาเร็วรับคําสั่งของสุมาอี้แลวจึงรีบกลับไปแจงใหเตียวคับทราบ พอมาเร็วออกไปแลวงุยเปงซึ่งเปนนาย
ทหารรองไดเขาไปทักทวงกับสุมาอี้วา ขาศึกถอยไป ทานมิไดติดตาม จะมานิ่งอยูดังนี้ ไพรบานพลเมืองก็
จะหัวเราะเยาะวาทานคิดเกรงทหารเมืองเสฉวนเหมือนหนึ่งฝูงเนื้ออันกลัวเสือ ขอใหยกกองทัพตามตีให
ทหารขงเบงระส่ําระสาย จึงจะไดทท ี ําการสืบไป

สุมาอี้พอไดยินคําทวงดังนั้นก็โกรธ โบกมือเปนเชิงไลนายทหารรองผูนั้นใหออกไป พลางกลาววาเจาเปน


แตเพียงทหารรอง อยาริบังอาจมาสั่งสอนเรา งุยเปงถูกสุมาอี้ตําหนิและขับไลไสสงดังนั้นก็รีบคํานับลา
กลับออกไป

ฝายขงเบงครั้นไดทราบวากองทัพทีต่ ําบลเขากิสานไดเลิกทัพลาถอยกลับไปเมืองเสฉวนโดยปลอดภัย
แลว จึงเรียกเอียวหงีและมาตงมาสั่งวา เราจะเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวนครัง้ นี้ หากจะกลับไปแตมือเปลา
ก็เสียดายนัก จําจะคิดกลอุบายเก็บตกขางทางกําจัดแมทัพนายกองคนสําคัญของสุมาอี้เสียกอน ใหทาน
ทั้งสองคุมพลเกาทัณฑหนึ่งหมื่นรีบยกไปซุมอยูที่แดนตอแดนตําบลบิตกกับตําบลบอกบุนซึง่ เปนปากทาง
จะไปดานเกี้ยมโกะ ถาหากทหารของสุมาอี้ยกตามไป และไดยินเสียงประทัดสัญญาณแลว ก็ใหทหารขน
เอากอนศิลาและกิ่งไมปดกั้นปากทางเสีย ใหพลเกาทัณฑทั้งปวงระดมยิงเกาทัณฑเขาไปทั้งสองขาง
สังหารหรือจับตัวแมทัพนายกองของสุมาอี้ใหจงได

เอียวหงีและมาตงรับคําสั่งแลวออกไปจัดแจงทหาร รีบยกไปตามคําสั่งของขงเบง ครั้นสองนายทหาร


ออกไปแลวขงเบงจึงสั่งใหเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวนทางดานตะวันออกตามเสนทางตําบลเกี้ยมโกะ ให
อุยเอี๋ยนและกวนหินคุมทหารเปนกองระวังหลัง ขงเบงคุมทหารและกองเสบียงสิ้นทั้งเมืองโลเสียยกไป
เปนกองหนา

ขงเบงไดกําชับอุยเอี๋ยนและกวนหินวา เมื่อเรายกออกจากเมืองโลเสียไปแลว ใหพวกทานเอาเพลิงมาสุม


ไวใจกลางเมืองโลเสียแตอยาไดลดธงทิวประจํากองทัพซึ่งปกไวตามกําแพงเมืองเปนอันขาด จากนั้นจึง
คอยยกตามเราไป

ครั้นอุยเอี๋ยนและกวนหินรับคําแลว ขงเบงจึงคุมทหารและกองเสบียงออกจากเมืองโลเสีย เลิกทัพกลับไป


เมืองเสฉวน

เมื่ออุยเอี๋ยนและกวนหินไดจด
ั แจงการขางหลังภายในเมืองโลเสียตามคําสั่งของขงเบงแลว จึงยกทหาร
กองหลังติดตามกองทัพของขงเบงไป

ฝายสุมาอีค
้ รั้นไดทราบรายงานจากหนวยลาดตระเวนวากองทัพเมืองเสฉวนไดเลิกทัพและลาถอยออกจาก
เมืองโลเสียแลว ก็รูสึกแปลกประหลาดใจวาเหตุไฉนกองทัพของ ขงเบงซึ่งรบพุงไดทีเปนหลายครั้ง จูๆ
จะเลิกทัพกลับไปเสียดื้อๆ สุมาอี้จึงไมเชื่อโดยสนิทใจวาขงเบงจะเลิกทัพกลับไปจริง จึงพาทหารสองรอย
นายลอบขี่มาไปที่ริมกําแพงเมืองโลเสีย

ครั้นไปใกลกําแพงเมือง สุมาอี้เห็นธงทิวกองทัพจกกกยังคงประดับประดาบนกําแพงเมืองเปนปกติ ทั้ง


ภายในตัวเมืองก็เห็นควันไฟลุกพุงอยู สุมาอีห
้ ัวเราะแลวกลาววา ขงเบงคิดจะเลิกทัพแลว ยังจะแตงกล
อุบายซุมทหารไวในเมืองเพื่อจะตีกระหนาบหลังกองทัพเราอีก เราจะโจมตีทหารในเมืองโลเสียเสียกอน
จึงจะตามตีขงเบงตอไป กลาวแลวสุมาอี้ก็รีบพาทหารกลับไปที่คาย

วันรุงขึ้นสุมาอี้จงึ คุมทหารยกมาที่เมืองโลเสีย เห็นธงทิวบนกําแพงเมืองยังเปนปกติอยู แตควันไฟนั้นดับ


มอดไปแลว จึงใหทหารกองหนาบุกเขาไปในตัวเมือง หลังจากนั้นสุมาอีจ ้ ึงยกทหารตามเขาไป เห็นมีแต

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 18

เมืองวางเปลา สุมาอี้จึงทอดถอนใจใหญ แลวกลาววาขงเบงเห็นจะเลิกทัพกลับไปจริง แตกลับแตงอุบาย


ลวงถวงเวลาเราอีกเลา

สุมาอี้คด
ิ คํานึงตอไปวา ซึ่งขงเบงเลิกทัพกลับไปในครั้งนี้ แมจะยกลวงหนาไปแลว แตระยะทางยังยาว
ไกล หากใชกองทัพมาไลตามตีเห็นจะทันกับกองทัพของขงเบง ขณะนั้นเตียวคับซึ่งไดเดินทางมาสมทบ
กับสุมาอี้แลว ไดทราบวากองทัพของขงเบงกําลังถอยทัพกลับไปเมืองเสฉวน จึงขออาสายกทหารมาไล
ตามตีกองทัพของขงเบง

สุมาอี้ไดยินคําอาสาของเตียวคับจึงวา ใจทานรวดเร็วนัก ซึ่งจะไปนั้นเกรงจะเสียทวงที

เตียวคับจึงวา การศึกครั้งนี้ทานแมทัพไดตั้งใหขาพเจาเปนกองทัพหนา ตั้งแตยกมายังมิไดรบพุงให


ประจักษฝมือ บัดนี้กองทัพเมืองเสฉวนเลิกทัพกลับไปแลว ชอบที่จะใหขาพเจาซึ่งเปนกองทัพหนาไลตาม
ตี ไฉนทานจึงกลาววาจาดังนี้เลา

สุมาอี้จึงวา เมือ่ ขาศึกถอยทัพเปนธรรมเนียมใหกองทัพหนาไลตามตีนั้นก็จริงอยู แตหนทางซึ่งจะไลตาม


กองทัพของขงเบงเปนซอกเขาปาชัฏกันดารอันตรายนัก จึงเกรงวาหากขงเบงแตงทหารซุมดักไวก็จะเปน
อันตราย เหตุนจ ี้ ึงไดทวงติงทาน

เตียวคับจึงวา ประเพณีการไลตามตีขาศึกที่กําลังลาถอยนั้นมีมาแตโบราณนานชา การไมเขาตีตางหาก


เลาเทากับเปนการเปดใหขาศึกถอยทัพไดโดยสะดวก ซึ่งจะไลตามตีกองทัพของขงเบงในครั้งนี้อยูใ น
แดนเมืองเรา จะวิตกไปไย

สุมาอี้จึงวา ทานกลาวมาก็ชอบดวยประเพณีการสงคราม ดังนั้นเมื่อทานขันอาสาจะยกไปตามตีกองทัพ


ของขงเบง ขาพเจาก็มิไดขัด แตจงระมัดระวังตนอยาวูวามเบาความประมาทแกความคิดของขงเบง เพราะ
หากพลาดพลั้งเสียทีแลว ตัวทานเปนขุนนางผูใหญในพระเจาอยูหัว ก็จะเสื่อมเสียถึงพระเกียรติไปในภาย
หนา

เตียวคับเห็นสุมาอี้พูดจาประวิงเวลาดังนั้นก็ขุนใจ กลาวขึ้นดวยถอยคําอันขึงขังวา ตัวขาพเจาเปนชาติ


ทหาร จะอาสาเจาโดยสุจริต ถึงมาตรวาจะตายก็ไมเสียดายชีวิต

สุมาอี้ไดยินคําเตียวคับพูดถึงคําวาตายก็ประหวั่นใจ แตเมื่อไดออกคําอนุญาตใหเตียวคับยกตามตีกองทัพ
ของขงเบงแลว จึงขมใจแลวกลาววา ขออวยพรใหทา นมีชย ั ชนะแกขาศึกเถิด กลาวแลวสุมาอี้ก็จัดทหาร
หาพันใหเตียวคับยกไปเปนกองหนา และใหงุยเปงคุมทหารสองหมื่นยกหนุนตามไป ตัวสุมาอี้คุมทหาร
สามพันทําหนาที่เปนกองหลัง ยกติดตามกองทัพของขงเบง

กองหนาของเตียวคับยกไปใกลตําบลบิตกและบอกบุน ก็เห็นอุยเอี๋ยนคุมทหารสองสามรอยคนโหรองยก
ออกมาจากราวปาสน แลวตรงเขามาทาทายดาวาเตียวคับเปนขอหยาบชา วากูรับคําสั่งขงเบงมาคอยทา
รอมึงอยูนานแลว ครั้งนี้เห็นจะไมรอดชีวิตกลับไป

เตียวคับเห็นอุยเอี๋ยนมีทหารสองสามรอยคน ก็นึกประมาทวาทหารเพียงเทานี้ ไหนเลยจะรับมือทหาร


กองทัพหนาของเราได ประกอบทั้งไดยินคําอุยเอี๋ยนแลว เตียวคับก็รส ู ึกโกรธเพราะไปกระทบใจที่เคยพาย
แพเสียทีแกขงเบงอยางยับเยินมากอน จึงขี่มาพุงออกไปรบกับอุยเอี๋ยน

อุยเอี๋ยนรบกับเตียวคับไดสิบหาเพลงก็ทําเปนสูเตียวคับไมได ชักมาหนีออกจากวงรบแลวพาทหารหนีไป
เตียวคับเห็นไดทีจึงพาทหารไลตามตีอุยเอี่ยนไปเปนระยะทางถึงหกรอยเสน อุยเอี๋ยนและทหารก็หนีเขา
ปาไป

เตียวคับรั้งทหารสังเกตการณวา จะรุดไปขางหนาหรือประการใด ในพลันนั้นก็เห็นกวนหินคุมทหารสองรอย


นายโหรองออกมาจากแนวปา เตียวคับเห็นทหารกวนหินมีนอยคน ก็ลําพองใจวาอุบายเอาคนไมกี่คนมา
สกัดกองทัพเราเปนการหมิ่นน้าํ ใจเรานัก แลวเตียวคับจึงขี่มาเขารบกับกวนหิน

กวนหินเขารบกับเตียวคับไดสบ ิ เพลงก็ชักมาออกจากวงรบ แลวพาทหารรีบหนีไป เตียวคับไมรูกลก็ยก


ทหารไลตามตีไปเปนระยะทางอีกหกรอยเสน เห็นกวนหินพา ทหารลับหลืบเขาไป แตเห็นอุยเอี๋ยนคุม
ทหารสามรอยคนยกออกมาจากอีกหลืบเขาหนึ่ง เตียวคับจึงสั่งทหารใหเขาตีทหารของอุยเอี๋ยน เตียวคับ
เองขี่มาเขารบกับอุยเอี๋ยน แตพอผานพนไปไดเกาเพลง อุยเอี๋ยนก็ปลีกตัวชักมาออกจากการรบกับเตียว
คับแลวพาทหารหนีไปอีกครั้งหนึ่ง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 19

เตียวคับเห็นดังนั้นก็สําคัญวา ซึ่งขงเบงแตงกลอุบายมาซุม
 โจมตีมฤ
ี ทธิ์พิษสงแตเพียงเทานี้ก็ลําพองใจ สัง่
ทหารใหไลตามตีตอไป จนใกลถึงปากทางก็เปนเวลาพลบค่ํา เตียวคับเห็นอุยเอี๋ยนพาทหารออกมาสกัด
ขวางทางไวอีก เตียวคับเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงสั่งทหารใหเขาโจมตีกองทหารของอุยเอี๋ยน

เพียงครูเดียวอุยเอี๋ยนก็พาทหารลาหนี เตียวคับก็สั่งทหารใหไลตามตีตอไป ทันใดนั้นแสงเพลิงไดลุกขึ้น


บนหนทางขางหนาและแนวปาทั้งสองขาง เตียวคับเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบออกคําสั่งใหทหารลาถอย ทหาร
ของเตียวคับรูว า ตองกลขาศึกก็พากันถอยรนไปตามเสนทางเดิม แตปรากฏวาทางดานหลังก็เกิดเพลิงลุก
ขึ้น และทหารของขงเบงไดทุมกอนศิลาลงมาปดทางไวจนหมดสิ้น

ทหารของเตียวคับในกองทัพหนาทั้งหมดพากันตื่นตกใจรวนเรอยูในซอกเขา สองขางทางเปนหนาผาสูง
ทั้งดานหนาดานหลังมีแสงเพลิงลุกพุงโชติชว ง เตียวคับเห็นทหารทั้งปวงตกใจรวนเรรองอื้ออึงไมเห็นทาง
หนีรอดออกไปไดก็ทอแทใจ รําพึงขึ้นโดยไมรส ู ึกตัววา ตัวกูครั้งนี้เสียความคิดแกขาศึกเสียแลว

ในทันใดนั้นหาเกาทัณฑก็ถูกยิงลงมาจากหนาผาทั้งสองขาง ถูกทหารเตียวคับบาดเจ็บลมตายลงดุจใบไม
รวง เตียวคับไดใชทวนกวัดแกวงปองกันลูกเกาทัณฑเปนสามารถ แตทหารของขงเบงไดยิงเกาทัณฑมา
แนนหนาดุจเมล็ดฝน ลูกเกาทัณฑฝา มานทวนของเตียวคับ ถูกตัวเตียวคับเปนหลายแหง เตียวคับก็ยงิ่
โกรธแคนเปนอันมาก แลเกาทัณฑหลายลูกเปนเกาทัณฑอาบยาพิษ พอเตียวคับโกรธพิษก็กําเริบขึ้น
เตียวคับจึงพลัดตกลงจากหลังมาถึงแกความตาย

ทหารเมืองเสฉวนยังคงระดมยิงลูกเกาทัณฑลงมาไมขาดสายถูกทหารของเตียวคับลมตายลงจนหมดสิ้น

ฝายกองทัพหนุนของวุยกกซึ่งงุยเปงยกตามเตียวคับมาถึงซอกเขา เห็นแสงเพลิงลุกขึ้นขางหนาก็เกรงวา
เตียวคับจะถูกซุม โจมตีจึงรีบรุดจะยกไปชวย แตเมื่อมาถึงจุดที่เตียวคับถูกซุมโจมตีก็พบวามีกอนศิลาปด
กั้นทางไวจนหมดสิ้น ตางพากันคิดวาเตียวคับตองกลขาศึกในครั้งนี้เห็นจะเสียทีแกขาศึกแลวเปนมั่นคง
ครั้นจะบุกเขาไปรื้อเอากอนศิลาออกก็ไมรูวาขาศึกทํากลอุบายประการใด ทหารกองหนุนของวุยกกจึงได
แตอออัดกันอยูใ นซอกเขานั้น ดวยความตื่นตระหนกตกใจ

ในทันใดนั้นแสงเพลิงไดลุกสวางขึ้นบนเขาใกล ๆ กับกําแพงศิลาที่กั้นขวางกองทัพของวุยกก และไดยน ิ


เสียงทหารโหรอ  งมาจากบนเขา ทหารวุยกกเห็นดังนั้นก็ตกใจ มองขึ้นไปบนภูเขาเห็นขงเบงยืนอยูกับ
ทหารองครักษ และรองลงมาวา อายเหลาทหารเตียวคับอยาตกใจกลัวเลย กูหาทําอันตรายไม มึงจงเรง
พากันกลับไปบอกแกสุมาอี้เถิดวากูคด ิ อานทําการทั้งนี้ หวังจะจับมาตัวหนึง่ อันมีพยศก็ไมสมความคิด บัดนี้
จับไดแตเสือรายตัวหนึ่ง มึงจงกําชับสุมาอี้ใหระวังตัว กูจะคิดอานจับใหได

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ใจคนยอมไหลไปทางต่าํ (ตอนที5
่ 58)

การถอยทัพครัง้ ที่หาของขงเบงในการบุกแดนวุยกกเปนไปอยางระมัดระวัง เพื่อปองกันความเสียหายจาก


การไลตามตี ขงเบงไดสั่งใหกองทัพที่ตาํ บลเขากิสานลาทัพกลับไปกอน ขงเบงจึงลาถอยตาม แตไมใช
การลาถอยเปลา หากวางแผนซุมสังหารเตียวคับยอดทหารเสือของวุยกกไปพรอมกันดวย

ทหารวุยกกซึ่งออคั่งกันอยูในหุบเขาดวยความตกใจที่หลงเขามาในกลของขาศึก ครั้นไดยินคําขงเบงวาจะ
ปลอยกลับไป ตางพากันยินดี แลวคอยๆ ทยอยถอยหลังกลับไปตามเสนทางเดิม แลวกลับไปที่กองทัพ
หลวง รายงานความทั้งปวงแกสุมาอี้

ฝายสุมาอีค
้ รั้นทราบวากองทัพหนาเสียที และเตียวคับถึงแกความตายก็ตกใจ คิดสงสารเตียวคับเปนอัน
มาก รําพึงวาซึง่ เตียวคับถึงแกความตายครั้งนีเ้ ปนเพราะเราใจออนเอง รูทั้งรูวาขงเบงนั้นมากดวยกลอุบาย
ยามจะลาถอยทัพยอมตองวางกองกําลังซุมดักโจมตี ก็ยงั เบาใจใหเตียวคับไปติดกับของขงเบงจนถึงแก
ความตาย

สุมาอี้ตระหนักดีวาซึ่งขงเบงฝากบอกมากับทหารวาใหระมัดระวังตัวใหจงดี จะคิดอานจับตัวสุมาอี้ใหไดนน ั้
หาใชเปนเพียงคําขูเพื่อใหเกรงกลัวไม หากยอมเปนเปาหมายทางยุทธศาสตรของจกกกที่ตองการกําจัด
ตัวแมทัพใหไดเสียกอน การบุกวุยกกจึงจะประสบความสําเร็จ รําลึกดังนีแ ้ ลวสุมาอี้ใหเกิดความรูส
 ึกหนาว
สะทานขึ้นทั้งตัว เพราะรูตัวดีวา ตั้งแตบด
ั นี้ไป เปาหมายการสงครามของจกกกคือการจับกุมตัวสุมาอี้ หรือ
สังหารตัวสุมาอีเ้ ปนเปาหมายหลัก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 20

สุมาอี้คด
ิ ทีจ
่ ะใหทหารไปรับเอาศพของเตียวคับ แตคด
ิ เกรงวาขงเบงยอมรูดีวาเตียวคับเปนขุนพลคน
สําคัญของวุยกก เมื่อสิ้นชีวิตลงแลววุยกกยอมยกทหารมาเก็บเอาศพไปจนได เมื่อเปนเชนนี้ขงเบงยอม
ซุมทหารไวดักโจมตีอีกระลอกหนึ่งเปนมั่นคง หากใหทหารไปเก็บเอาศพของเตียวคับก็อาจถูกขงเบงซุม
โจมตีเสียหายอยางยับเยินอีกครั้งหนึ่ง

สุมาอี้คด
ิ ดังนั้นจึงตัดสินใจทิ้งศพเตียวคับพรอมทหารหาพันไวที่ซอกเขาตําบล บอกบุน แลวสั่งใหเลิกทัพ
ยกกลับไปเมืองลกเอี๋ยง และเขาไปเฝาพระเจาโจยอย กราบบังคมทูลความใหทรงทราบทุกประการ

พระเจาโจยอยทราบความวาเตียวคับพลาดทาเสียทีถึงแกชีวต
ิ แลวก็เศราโศกพระทัยเปนอันมาก ตรัสกับ
ขุนนางและแมทัพนายกองทั้งปวงวา เตียวคับนี้เปนทหารเอกแตครั้งพระอัยกา แลบิดาจนมาถึงเรา บัดนี้
มาถึงแกความตายในทามกลางศึก สมควรเปนชาติทหาร

บรรดาขุนนางทัง้ ปวงไดทราบความดังนั้นตางพากันกราบทูลพระเจาโจยอยวา ซึ่งสุมาอี้ทิ้งศพเตียวคับไว


ไมเอากลับมาเมืองลกเอี๋ยงเปนการไมชอบ ทําใหทหารจกกกหมิ่นประมาทแกเราเปนอันมาก และบัดนี้
เวลาเนิ่นนาน เห็นขงเบงจะเลิกทัพกลับไปเมืองฮันตงแลว ชอบที่จะใหทหารไปรับเอาศพเตียวคับกลับมา
ทําพิธฝ
ี งตามอยางธรรมเนียมขุนนางชั้นผูใ หญ

สุมาอี้ไดยินคําขุนนางกราบทูลพระเจาโจยอยดังนั้นก็รสู ึกอัปยศอดสู ไดแตกมหนานิ่ง พระเจาโจยอยจึง


ตรัสสั่งใหจดั กองทหารออกไปรับศพเตียวคับ และศพของทหารอีกหาพันกลับมาทําพิธก ี ารศพที่เมืองลก
เอี๋ยงอยางสมเกียรติ แลวนําไปฝงไวทส
ี่ ส
ุ านวีรชนในเมืองลกเอี๋ยง

ฝายขงเบง ครั้นคิดกลอุบายไดรับชัยชนะตอกองทัพหนาของสุมาอี้อยางงดงามแลว ก็สั่งใหถอยทัพ


บรรดานายทหารหลายคนไดเสนอขงเบงวา ซึ่งศพเตียวคับและทหารยังคางคาอยูท  ี่ตําบลบอกบุนนั้น เห็น
ทีสม
ุ าอี้จะยกทหารมาเก็บเอาศพกลับไปเมือง ชอบทีม ่ หาอุปราชจะจัดทหารไวซุมดักโจมตี เห็นจะไดชย ั
ชนะอยางงดงาม

ขงเบงจึงวา สุมาอี้ชาํ นาญการสงคราม ยอมคาดหมายไดเชนเดียวกันวาเราจะตั้งกองทหารไวซุมโจมตี


เห็นวาสุมาอีจ
้ ะยอมทิ้งศพของเตียวคับและทหารไว ฉะนั้นหากเราสั่งใหทหารยกไปซุม
 ก็จะยากลําบากแก
ไพรพลโดยเปลาประโยชน

กลาวแลวขงเบงจึงสั่งใหเลิกทัพกลับไปเมืองฮันตง

ฝายลิเงียมซึ่งมาตั้งกองเกณฑเสบียงอาหารอยูที่เมืองฮันตงนั้น หลังจากมีหนังสือไปยังขงเบงแลวก็ยงั
เกณฑเสบียงไดไมครบจํานวน แตละวันสาละวนอยูกับการพบปะพอคา วานิช มิไดคด ิ คํานึงวาซึ่งไดให
หนังสือไปถึงขงเบงเพียงเพื่อหวังจะผัดผอนเวลาทีล ่ ําเลียงเสบียงอาหารลาชาจะกลับกลายเปนเรื่อง
รายแรงถึงขนาดทําใหกองทัพของขงเบงตองยกกลับ ครั้นไดทราบขาววาขงเบงกําลังยกกองทัพกลับมา
เมืองฮันตงก็ตกใจ

ลิเงียมคิดทบทวนเรื่องราวก็รูวา ซึ่งขงเบงยกทัพกลับคืนเมืองฮันตงทั้งนี้ยอมมีมาแตเหตุจากจดหมายซึ่งให
ไปถึงขงเบงวาซุนกวนคบคิดกับโจยอยจะยกมาตีเมืองเสฉวนก็ตกใจ เกรงวาความผิดจะตกมาถึงตัว คิด
ดังนั้นแลวลิเงียมจึงรีบเดินทางกลับเขาไปเมืองเสฉวน

ลิเงียมทําผิดแลวมิไดสํานึกผิด กลับคิดปายผิดใหกับขงเบงเพื่อใหตัวพนจากความผิดตอไปอีก ลิเงียม


บัดนี้จึงกลายเปนคนพาลสันดานชั่วไปแลว ผิดกับลิเงียมคนกอนซึ่งทําราชการกับพระเจาเลาปดวยความ
ซื่อสัตยสจ
ุ ริตและจงรักภักดี มีวิริยะอุตสาหะเปนลนพน ความเปลี่ยนแปลงยอมเกิดแตการเสพสุขโดยไม
รูจักประมาณ จึงทําใหคุณธรรมในใจไหลลงในทางต่าํ กลายเปนคนเลวทรามดังนี้

ครั้นกลับไปถึงเมืองเสฉวนแลวลิเงียมจึงรีบเขาไปเฝาพระเจาเลาเสี้ยน กราบบังคมทูลวาขาพระองคสู
ยากลําบากออกไปเกณฑเสบียงอาหารพรอมที่จะลําเลียงสงใหแกกองทัพแลว แตขงเบงนี้มิไดเอาใจใส
ในราชการ จูๆ ก็ยกกองทัพกลับมาโดยมิไดรบ ั พระบรมราชานุญาต

พระเจาเลาเสีย้ นไดฟงคํากราบบังคมทูลของลิเงียมก็ทรงฉงนพระทัย เพราะความซึ่งลิเงียมกราบบังคมทูล


นั้นมิใชวส
ิ ัยของขงเบง จึงตรัสสั่งใหบิฮุยรีบเดินทางไปเมืองฮันตง ใหไปถามขงเบงวาซึ่งเลิกทัพกลับมา
ครั้งนี้เพราะเหตุผลตนปลายประการใด

บิฮุยเดินทางไปถึงเมืองฮันตงก็เขาไปหาขงเบง แลวแจงความตามรับสั่งของพระเจาเลาเสี้ยนแกขงเบงทุก
ประการ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 21

ขงเบงทราบความก็โกรธลิเงียม กลาววา ตัวเราทําการสงครามอยู พอลิเงียมมีหนังสือไปวาซุนกวนจะยก


ไปตีเมืองเสฉวน เราตกใจดวยเปนกังวลหลัง จึงยกกองทัพกลับมาหวังจะปองกันเมืองไว

บิฮุยจึงวา ลิเงียมอางวาไดเตรียมเสบียงอาหารไวพรอมแลวแตทานไมใสใจในราชการจึงยกกองทัพ
กลับมา

ขงเบงจึงวา ลิเงียมจัดสงเสบียงลาชากวากําหนด จนกองทัพตองแสวงหาเสบียงอาหารจากแนวหนาดวย


ความยากลําบาก สิยังมีหนามาอางวาจัดเตรียมเสบียงอาหารไวพรอมอีกเลา

กลาวแลวขงเบงจึงสั่งใหทหารออกไปตรวจสอบคลังเสบียงและกองลําเลียงเสบียง ตอมาทหารนั้นได
กลับมารายงานวา เสบียงอาหารในคลังและทีจ ่ ัดเตรียมไวยังไมครบจํานวนที่กําหนด ลิเงียมเกรงความผิด
จึงคิดอานมีหนังสือไปลวงทาน

ขงเบงไดทราบความดังนัน
้ ก็ยงิ่ โกรธ สั่งทหารใหรีบเดินทางไปเมืองเสฉวน จับตัวลิเงียมกลับมาเมืองฮัน
ตงเพื่อไตสวนความผิด

ครั้นทหารควบคุมตัวลิเงียมมาถึงเมืองฮันตงแลว จึงคุมตัวลิเงียมเขาไปหาขงเบง ลิเงียมในยามถูกควบคุม


ตัวบัดนี้เริ่มสํานึกผิดวาคิดแตเอาตัวรอด จึงทําเรื่องเล็กใหกลายเปนเรื่องใหญ จนทําใหราชการของ
กองทัพตองเสียหาย ดังนั้นพอพบหนาขงเบงจึงคุกเขาคํานับสารภาพผิด และรองขอใหขงเบงไวชีวิต

< ขงเบงจึงวา ทานกับเรารับราชการมาแตครัง้ พระเจาเลาป แตระยะหลังนีท


้ านเปลี่ยนแปลงไป ไมใสใจใน
ราชการ คบแตพวกพาลสันดานหยาบ ปรารถนาแตลาภยศและอามิสมิรูจักอิม ่ ราชการของพระเจาอยูห  ัวจึง
เสียไป ตัวทานเปนขุนนางมาแตกอน รูด  ีวาราชการกองทัพเปนเรื่องความเปนความตายของบานเมืองจะดู
เบามิได ครากอนกิอั๋นขุนนางในบังคับของทานทรยศตอแผนดินเขาดวยขาศึก ทําใหเสียราชการมาครั้ง
หนึ่งแลว ควรที่ทา นจะตระหนักในผิดถูกชั่วดี แตตวั ทานกลับทําผิดเสียเอง การอันรายแรงครั้งนีห
้ ากจะไม
ลงโทษทานตามพระอัยการศึกก็จะเสียขวัญกําลังใจของทหารทั้งปวง

กลาวแลวขงเบงจึงออกคําสั่งใหทหารเอาตัวลิเงียมไปตัดศีรษะแลวเสียบประจาน มิใหเปนเยี่ยงอยางแก
คนทั้งปวงสืบไป

บิฮุยไดยินคําสัง่ ขงเบงดังนั้นก็ตกใจ ยกมือขึ้นหามทหารซึ่งกําลังจะคุมตัวลิเงียมออกไปใหหยุดไวกอน


พลางคุกเขาลงคํานับขงเบงแลวกลาววา โทษลิเงียมครั้งนีถ ้ งึ ตายแลว ซึ่งมหาอุปราชจะลงโทษประหาร
ชีวิตก็ชอบอยู แตลิเงียมนี้เคยทําคุณงามความดีมาแตกอน แตทานจงคิดถึงพระเจาเลาป ซึ่งไดฝากลิเงียม
แลราชการไวแกทาน

ขงเบงไดยินคําบิฮุยยกเอาพระบารมีของพระเจาเลาปขึ้นอาง น้ําใจก็ประหวัดไปถึงความแตหนหลังครั้งทีล ่ ิ
เงียมตั้งหนาทําราชการกับพระเจาเลาปดวยดีมาดวยกัน ยามที่พระเจาเลาปท  รงพระประชวรหนักใกล
สิ้นพระชนมก็คด ิ ถึงคุณของลิเงียม จึงออกปากฝากฝงลิเงียมและการแผนดินทั้งสิ้นไวกบ ั ขงเบง ขงเบง
รําลึกถึงพระเจาเลาปดังนั้นแลวน้ําตาก็ไหลพรากอาบแกม และนิ่งอึ้งอยูเปนครูใหญ

หลังจากนั้นขงเบงจึงกลาวกับลิเงียมวาซึ่งขาพเจามีคําสั่งลงโทษทานนั้นใชจะเปนดวยน้ําใจชังแมแตนอย
หนึ่ง แตจําตองรักษาพระอัยการศึกใหเปนแบบอยางธรรมเนียมแกทหารไว เดชะบุญที่พระเจาเลาปกอน
สิ้นพระชนมไดฝากฝงทานไวกับเรา เทียบเทากับพระบรมราชโองการยกโทษตายใหไวลว งหนา ดังนั้นจึง
ลดโทษทานเปนถอดออกจากทุกตําแหนงในราชการ และใหเนรเทศไปอยูท  ี่ภูมล
ิ ําเนาเดิม และจะเอาบุตร
ของทานทําราชการในหนาทีแ ่ ทนทาน ทานจะเห็นเปนประการใด

ลิเงียมไดยินดังนั้นจึงคํานับขอบคุณขงเบง เอามือตบหนาตัวเองสองสามครั้ง ร่ําไหแลวกลาววา ขาพเจา


สํานึกผิดวาทําการของเจาใหเสียไป ซึ่งมหาอุปราชมีใจกรุณาลงโทษดังนี้ ขาพเจาเต็มใจรับโทษทุก
ประการ

ขงเบงไดยินดังนั้นจึงสั่งใหบิฮย
ุ และลิเงียมกลับเขาไปเมืองเสฉวน ใหไปกราบทูลพระเจาเลาเสี้ยนตามที่
ขงเบงไดตัดสินโทษ

บิฮุยพาลิเงียมเขาไปถึงเมืองเสฉวนแลวจึงเขาไปเฝาพระเจาเลาเสี้ยน กราบบังคมทูลตามที่ขงเบงไดบอก
มานั้นทุกประการ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 22

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคํากราบบังคมทูลก็ทรงพระโกรธลิเงียมเปนอันมาก ตรัสสั่งใหเอาตัวลิเงียมไป
ประหารชีวิต

บิฮุยไดยินรับสัง่ ก็คุกเขาถวายบังคม แลวกราบบังคมทูลความซึ่งไดทักทวงและตอบโตกับขงเบงใหพระ


เจาเลาเสี้ยนทราบ และกราบบังคมทูลตอไปวาความผิดของลิเงียมครั้งนี้มหาอุปราชไดตัดสินลงโทษตาม
พระอัยการศึกแลว ขอพระองคไดไตรตรองอีกครั้งหนึ่ง

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคําทวงก็ไดพระสติ จึงตรัสสั่งใหถอดยศและปลดลิเงียมออกจากตําแหนง เนรเทศ
ใหกลับไปอยูภม ู ิลําเนาเดิมตามคําตัดสินของขงเบง และโปรดใหตั้งลิหลวงบุตรของลิเงียมเปนขุนนาง
แทนตําแหนงของลิเงียมตั้งแตบัดนั้น

ฝายขงเบงหลังจากยกกองทัพกลับมาตั้งอยูท  เี่ มืองฮันตงแลว ก็ปรารภวาเราไดยกกองทัพบุกเขาแดนวุ


ยกกถึงหาครั้ง การก็ยังไมสําเร็จดังปรารถนา แตสญ ู เสียทแกลวทหารและเสบียงเปนอันมาก ดังนั้นจําจะ
ตระเตรียมซองสุมผูคนและเสบียงอาหารอีกสามปใหพรักพรอมกอนแลวจึงคอยยกไปตีวย ุ กกอีกครั้งหนึง่

ขงเบงรําลึกตอไปวา พระเจาเลาเสี้ยนเปนกษัตริยห  นุมออนแกความนัก ผิดกับพระเจาเลาปและมิไดมี


อุดมการณทจ ี่ ะกอบกูบานเมืองฟนฟูพระราชวงศฮั่น มักเสพสุขและทรงพระเกษมสําราญกับเหลาขันที
และคนพาลหยาบชา ถาหากตัวเราเขาไปอยูที่เมืองเสฉวนเห็นพฤติกรรมที่ผด ิ ธรรมเนียมประเพณีก็จะอด
ใจไวไมได จําทัดทานขัดขวางก็จะไมตองพระทัย เห็นจะผิดใจกัน ไมพระเจาเลาเสี้ยนคิดทํารายเรา เราก็
อาจตองถือรับสั่งของพระเจาเลาปสังหารพระเจาเลาเสี้ยนเสียซึ่งไมสมควรทั้งสองทาง กระนั้นเลยจําจะคุม
ทหารตั้งซองสุมผูคนและเสบียงไวที่เมืองฮันตงจะควรยิ่งกวา

ขงเบงคิดดังนั้นแลวจึงตั้งมั่นอยูที่เมืองฮันตง ฝกปรือไพรพล ซองสุมผูคนและเสบียงอาหาร กําหนดครบ


สามปแลวจะยกกองทัพบุกวุยกกอีกครั้งหนึ่ง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ความลับในน้ําใจลึก (ตอนที5
่ 59)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบสี่พรรษา เดือนเกา พระเจาโจยอยเสวยราชยอยู ณ เมือง


ลกเอี๋ยงราชธานี ในปนั้นชาวเมืองขางทิศเหนือของเมืองลกเอี๋ยงไดเห็นมังกรเขียวปรากฏกายขึ้นจากบอ
น้ําใหญ แลวเผนโผนโจนทะยานขึ้นไปสําแดงฤทธิ์อยูบนอากาศ เกิดขาวเลาลืออยางกวางขวางทั่วทั้ง
แควน

บรรดาขุนนางไดทราบความจึงพากันเขาไปกราบทูลพระเจาโจยอยวา ซึ่งมังกรเขียวปรากฏกายขึ้นเบื้อง
ทิศอุดรของราชธานี เปนนิมิตรหมายวาวุยกกจะเจริญรุงเรือง บารมีของพระองคจะแผกฤษดานุภาพไปทั่วสี่
คาบมหาสมุทร ชอบที่พระองคจะไดเปลีย ่ นศักราชใหรองรับหนุนเนื่องกับนิมิตมงคลในครั้งนี้

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบบังคมทูลของขุนนางพรอมกันดังนั้นก็มีพระทัย ยินดี ทรงเห็นชอบกับการ


เปลี่ยนศักราชตามความเห็นของขุนนางทั้งปวง และตรัสสั่งใหขุนนางผูใ หญแหงสํานักราชเลขาธิการ
ผูชํานาญการดาราศาสตรและราชพิธีโบราณ ตั้งการพิธีบวงสรวงบูชาเทพยดาฟาดิน เพื่อความเปนสิริ
มงคลและความอุดมสมบูรณแกราชอาณาจักร และโปรดเกลาใหเปลีย ่ นศักราชใหมเปนศักราชมังกรเขียว
หรือศักราชแชเลงตั้งแตบัดนั้นมา

เสร็จการพิธีแลวทรงโปรดใหแตงโตะเลีย
้ งขุนนางขาราชการทั้งปวง และใหตั้งการมหรสพเพื่อความ
บันเทิงเบิกบานของอาณาประชาราษฎร

พระสุริยันยาตรา ดาวเดือนเคลื่อนคลอยหมุนเวียนเปลี่ยนไปอยางรวดเร็ว โดยที่มิอาจมีใครเหนี่ยวรั้งหรือ


ผลักดันใหผันแปรไปแตประการใดได จนพระพุทธศักราชลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนสี่
หลังจากขึ้นปใหมแลวเพียงหนึ่งเดือน ซึ่งเปนระยะเวลาที่พระเจาเลาเสีย
้ นเสวยราชสมบัตไ ิ ดสิบสามป ขง
เบงเห็นไพรพลและเสบียงอาหารพรอมแลว จึงดําริที่จะยกกองทัพไปตีวย ุ กกครั้งที่หก

ดําริดังนั้นแลวขงเบงจึงเดินทางเขาไปเมืองเสฉวน เขาไปเฝาพระเจาเลาเสี้ยนแลวกราบบังคมทูลวา ซึ่ง


ขาพระองคไดพักทหารซองสุมกําลังและเสบียงอยูที่เมือง ฮันตงมาชั่วสามปแลวนั้น บัดนี้การทั้งปวงได
เตรียมพรอมแลว จึงขอรับพระบรมราชานุญาตยกกองทัพไปปราบปรามวุยกก รวบรวมแผนดินใหเปนหนึ่ง
ตามพระราชปณิธานของพระเจาเลาป ขอไดโปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตแกขาพระองคดว ย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 23

พระเจาเลาเสีย
้ นไมไดทรงพบขงเบงมาสามป เห็นขงเบงเขามาเฝาในครั้งนีป ้ รากฏความชราครอบงําตั้งแต
ศีรษะถึงปลายเทา ผมและหนวดเปนสีขาวเกือบทั้งสิ้น มีสีดาํ แซมบางก็แตเพียงสวนนอย ประกายตาที่เคย
เจิดจาดุจดาวประจําเมืองก็ดูซบ ู โรยลงไป ใบหนามีรอยเหีย ่ วยนโดยทั่วไป กิริยาทาทางเดินเหินลุกนัง่
ถวายบังคมก็เชือ ่ งชาลง จึงรูส
 กึ สงสารขงเบงเปนอันมากที่กรากกรําราชการโดยไมเห็นแกความสุขสวนตัว
แตละวันเทาทีท่ รงทราบขงเบงก็หมกมุนอยูกับการฝกปรือทหาร และตระเตรียมแผนการบุกวุยกกมิไดเปน
อันพักผอน ทั้งสถานการณปจจุบันนี้บานเมืองก็สงบสันติเปนที่พอพระราชหฤทัยแลว

พระเจาเลาเสีย
้ นคํานึงการดังนัน
้ แลวจึงตรัสกับขงเบงวา แผนดินทุกวันนีแ
้ บงออกเปนสามกก ตางไมขึ้นแก
กันก็จริง แตกห ็ าไดรุกรานทําอันตรายแกกันไม บานเมืองและราษฎรเปนสุขจึงชอบทีท ่ านพอมหาอุปราช
จะไดยินยอมปลอยใหสถานการณดําเนินไปในลักษณะเชนนี้ และเขามาพักผอนอยูในเมืองหลวงเถิด
อยาไดออกไปตรากตรําใหยากลําบากกายอีกเลย

ขงเบงจึงกราบบังคมทูลวา ขาพระองคไดรบ ั พระมหากรุณาธิคุณจากพระเจาเลาป ไววางพระราชหฤทัย


ปลงการแผนดินไวให ทรงตั้งพระบรมราชปณิธานใหรวบรวมแผนดินเขาเปนหนึ่ง ฟน
 ฟูเชิดชูพระบรม
ราชวงศฮั่น บํารุงอาณาประชาราษฎรทั่วแผนดินใหเปนสุขแตบัดนี้การอันสําคัญนั้นยังไมสาํ เร็จลุลวง ตัวขา
พระองคก็ลวงวัยไปตามกาลเวลา ดังนั้นวันคืนจึงเต็มไปดวยความทุกขใจ อันแผนดินซึ่งเปนสามกกในทุก
วันนี้ใชวา จะมีสน
ั ติภาพอยางแทจริงก็หาไม วันใดบานเมืองเราออนแอ วันนั้นขาศึกก็จะยกมาทําอันตราย
ในวันนี้เมืองเราเขมแข็งอยูขาศึกจึงไมกลายกมารุกราน ซึ่งจะวางใจปลอยใหอริราชศัตรูซอ  งสุมบํารุงทหาร
สืบไป อันตรายก็จะเกิดแกเมืองเรา ขอใหพระองคไดพระราชทานพระบรมราชานุญาตเถิด

ขงเบงกลาวขาดคําลง เจาจิว๋ ซึ่งเปนโหรหลวงประจําราชสํานักมาแตครั้งพระเจา เลาปไ


 ดออกไปคุกเขา
ถวายบังคมพระเจาเลาเสี้ยนแลวกราบทูลวา ซึ่งมหาอุปราชจะขอรับพระบรมราชานุญาตยกไปปราบปรามวุ
ยกกครั้งนี้ไมสอดคลองกับการบนอากาศ

เจาจิ๋วกลาวแลวหันไปมองหนาขงเบง แลวกราบบังคมทูลตอไปวา เมื่อสองสามเดือนกอนไดปรากฏฝูงนก


หลายหมื่นตัวอพยพมาจากขางทิศใตไปอยูท  แ
ี่ มน้ําหันซุย มิชานานฝูงนกทั้งหมดก็พากันตายสิ้น นับเปน
ลางรายเปนอัปมงคลแกแผนดิน ในยามค่ําคืนเลาชาวเมืองก็ไดยินเสียงใบสนตองลม ดังกองระงมดุจดัง่
เสียงคนร่ําให เปนที่ขยาดหวาดกลัวแกชาวเมืองทั้งปวง นับเปนลางรายของแผนดินอีกสถานหนึ่ง

เจาจิ๋วกราบบังคมทูลสืบไปวา ขาพระองคไดพิเคราะหปรากฏการณบนอากาศก็เห็นอยางแจมแจงวา กลุม


ดาวนักษัตรทีช่ อ
ื่ วาดาวกุยแชไดโคจรเกาะกุมเปนเชิงมุมอยูกบ
ั ดาวพระศุกรซงึ่ เปนดาวประจําเมืองของวุ
ยกก ทั้งแลเห็นดาวพระศุกรนน ั้ สดใสยิ่งนัก เปนนิมิตหมายวาวุยกกยังเรืองโรจน ไมถึงกาลดับสูญ ดังนัน

แมนมหาอุปราชซึ่งมีสติปญญาเปนอันมากจะกรีธาทัพใหญไปในครั้งนี้ เห็นจะไมอาจกําราบวุยกกได

กราบทูลดังนั้นแลวเจาจิว๋ จึงหันมาทางขงเบง แลวกลาววามหาอุปราชทานก็รอบรูด  าราศาสตรแลการ


อากาศทั้งปวงมิไดยิ่งหยอนไปกวาขาพเจาแมแตนอย ยอมรูลิขิตสวรรคเปนอันดีวาเปนเชนไร แลวไฉนจึง
ยังฝนลิขต
ิ แหงฟาใหไดยากลําบากแกตัวเองและไพรพลดังนี้เลา

ขงเบงไดยินคําเจาจิ๋วดังนั้นก็สา ยศีรษะ แลวคุกเขาลงกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสี้ยนวา การในฟาอากาศ


เปนเพียงการอันประมาณเทานั้น จะยึดถือเปนจริงจังอยางไรได ตอใหการบนฟาแสดงนิมิตวาวุยกกยัง
รุงเรือง แตถา หากเรายกกองทัพไปตีวย ุ กกจนพายแพยับเยิน ยึดเมืองลกเอี๋ยงไดแลว การบนดินตางหาก
เลาจะกําหนดและผันแปรการในอากาศทําใหดาวประจําเมืองของวุยกกลวงลับดับสูญไปเอง

ขงเบงกลาวดังนั้นแลวน้ําตาก็ไหลอาบแกมโดยไมรต ู ัว เพราะมีหรือการในอากาศดังที่เจาจิ๋วรูนั้นขงเบงจะ
ไมลวงรู เปนแตวายังมั่นใจในสติปญ  ญาคนวาเหนือกวาลิขต ิ แหงสวรรค สามารถผันแปรลิขิตแหงฟาให
เปลี่ยนแปลงไปได ขงเบงจึงกราบทูลตอไปวา ขาพระองคไดรับความไววางพระราชหฤทัยจากพระเจาเลา
ปใหอุมชูทํานุบาํ รุงพระองค จึงมีหนาที่ตองถวายความจงรักภักดีไปกวาจะสิ้นชีวต
ิ การยกกองทัพไปตีวุ
ยกกครั้งนี้แมนไมสําเร็จการดังประสงคก็ดี เห็นจะปองกันยับยั้งไมใหวย ุ กกหาญกลายกกองทัพมารุกราน
บานเมืองเราไปอีกนานเทานาน ขอพระองคอยาไดทรงฟงคําทัดทานที่เหลวไหลนั้นเลย

พระเจาเลาเสีย
้ นทอดพระเนตรเห็นขงเบงยืนยันขันแข็งที่จะยกกองทัพไปปราบปรามวุยกกโดยไมฟงคํา
ทัดทานของโหรหลวงก็ไมอาจขัดใจได จึงตรัสวาเมื่อทานพอมหาอุปราชตัง้ ใจปรารถนาหนักแนนดังนี้ก็สด

แทแตใจเถิด

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ไดบรรยายคําทัดทานของเจาจิ๋ววา ขาพเจาดูในตําราแลวเห็นดาว


มหาอุปราชเมืองเรานี้เศราหมอง อันดาวประจําเมืองฝายเหนือนั้นรุงเรือง อนึ่งชาวเมืองเราเลื่องลือกันวา
เวลากลางคืนไดยินใบสนซึ่งตองลมนั้นเหมือนเสียงคนรองไหอื้ออึงอยู ซึ่งมหาอุปราชจะยกไปครั้งนี้ขอให

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 24

งดไวกอน แต ขงเบงไมฟงคําของเจาจิ๋ว กลาวแกวา ตัวเราไดรับรับสั่งพระเจาเลาปไววา จะคิดอานบํารุง


แผนดินใหราบคาบ ซึ่งทานจะเอานิมิตมโนสาเรมาขัดไวนั้นไมได จําเราจะยกไปทําการตามรับสั่งจึงจะควร

หลังจากพระเจาเลาเสี้ยนมีพระบรมราชโองการอนุญาตใหขงเบงไปปราบปราม วุยกกแลว สามกกฉบับ


เจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา แลวขงเบงก็เอาธูปเทียนไปจุดบูชาพระศพพระเจาเลาป จึงกราบลงแลว
รองไหร่ําวา ตัวขาพเจาไดรับสัง่ พระองคใหปราบปรามศัตรูราชสมบัติเสียใหราบคาบ ขาพเจาก็ไดยกไปทํา
การกับเหลาศัตรูแผนดิน ณ เขากิสานถึงหาครั้ง ก็ยังไมสาํ เร็จตามรับสั่งกอน ครั้งนี้ขาพเจาจะยกกองทัพ
ไปอีก แมไมสมความคิดก็จะมิไดกลับมาเลย

ในขณะทีส ่ ามกกฉบับสมบูรณระบุวา ขงเบงออกจากที่เฝาแลว มีบัญชาใหเจาหนาที่จด ั สัตวสามชนิดคือ


สุกร โค แพะ ทําพิธีบวงสรวง ณ ที่ศาลบูชาพระเจาเลาป ขงเบงน้ํามูกน้ําตาไหล ถวายสักการะกราบบังคม
ทูลตอหนาศาลบูชาวา ขาพระพุทธเจา เหลียงไดกรีธาทัพออกจากภูเขากิสานถึงหาครัง้ แลว มิไดเอา
ดินแดนกลับมาแมแตนวิ้ เดียว ตองแบกโทษมิเบา บัดนี้ขาพระพุทธเจากลับควบคุมกองทัพทั้งหมด ออก
ศึกทางภูเขากิสานอีกครั้ง ขอถวายคําสัตยปฏิญาณจะออกแรงอยางสุดแรงสุดใจ ปราบปรามโจรขบถตอ
ฮั่นใหสญ
ู สิ้น ฟน
 ฟูดินแดนตงงวน จะขอโคงคํานับยอมเหน็ดเหนื่อยจนถึงทีส ่ ด
ุ ตายแลวแลวกัน

สวนสามกกฉบับบริวิทเทเลอรของอังกฤษไดระบุความวาหลังออกจากที่เฝาพระเจาเลาเสีย
้ นแลว ขงเบง
เตรียมเดินทางกลับไปเมืองฮันตง แตกอนจะกลับไปนั้นขงเบงไดขอรับพระบรมราชานุญาตเปดสุสานพระ
บรมศพของพระเจาเลาป ตั้งการพิธีเซนไหว บวงสรวงเพื่ออําลาพระบรมศพ

ในการบูชาบวงสรวงพระบรมศพพระเจาเลาปน  ั้น ขงเบงไดคุกเขาลงหนาแทนบูชาร่ําไหจนน้ําตานอง


ใบหนา กราบทูลเบื้องหนาพระบรมรูปของพระเจาเลาปซึ่งสรางไวประจําสุสานพระบรมศพวา ขาพระองคจู
กัดเหลียง-ขงเบง เดิมเปนชนชาวนาสามัญที่ไมมีผใู ดรูจักหนาคาตาแหงตําบลลําเอี๋ยง ทุกวันคืนซุมซอน
กายศึกษาฝกฝนวิทยาการตาง ๆ กับเพื่อนสนิทมิตรสหาย มิไดปรารถนาลาภยศสุขสรรเสริญ ในทามกลาง
ฤดูกาลอันหนาวเหน็บดวยหิมะและพายุ พระองคไดตรากตรําพระวรกายมิไดถือพระองคเสด็จออกไปเยือน
ขาพระองคถึงกระทอมนอยถึงสามครั้งสามหน ทรงมีพระราชปรารภวาราชวงศฮั่นเสื่อมทรุดใกลดับสูญ คน
ชั่วฮึกหาวเหิมหาญครองอํานาจบานเมืองเปนกบฏตอแผนดิน อาณาประชาราษฎรเดือดรอนทุกหยอมหญา
ทรงตั้งความปรารถนารวบรวมแผนดินใหเปนหนึ่ง กอบกูฟน  ฟูพระราชวงศฮั่นใหรุงเรืองสถาพร ทํานุบํารุง
อาณาประชาราษฎรใหรมเย็นเปนสุข เพื่ออุดมการณอันสูงสงฉะนี้ ทรงมีความไววางพระราชหฤทัยชวน
เชิญใหขาพระองคออกจากปาเขามาชวยแบงเบาพระราชธุระ ดวยเห็นแกน้ําพระทัยที่ทม ุ เทและปณิธาน
อันยิ่งใหญที่หวังเอาความสงบสุขของแผนดินและราษฎรเปนที่ตั้ง ขาพระองคจึงยอมละวิเวกสุขออกมารับ
ใชพระองค แตเสียดายสวรรคไมมีใจกับผูมีนา้ํ ใจอันประเสริฐ ยังคงปกปองคนชั่วใหครองอํานาจในแผนดิน
ทําใหพระองคตองทอดทิ้งพระราชธุระไวเบื้องหลัง ฝากฝงใหขาพระองคสบ ื สานพระราชปณิธาน และทํานุ
บํารุงพระราชบุตรสืบไป ขาพระองคก็นอมใจสนองพระราชปณิธานนั้น แตหาครั้งแลวทีย ่ กกองทัพไปบุกวุ
ยกกก็ไมสําเร็จดังประสงค บัดนี้วันเวลาของขาพระองคเหลือนอยนิด แลสวรรคกย ็ ังบงบอกวาแผนดินวุ
ยกกคงรุงเรืองเฟองฟุง หากละไวสิ้นขาพระองคแลวเมืองเสฉวนยอมเปนอันตราย จึงจําตองยกกองทัพไป
ปราบปรามวุยกกอีกครั้งหนึ่ง ดวยเชื่อมั่นสติปญญาตัววาจะสามารถผันแปรลิขิตสวรรคเพื่อความรมเย็นเปน
สุขของบานเมืองและราษฎรได หากแมนการไมสําเร็จเห็นขาพระองคจะไมมีโอกาสไดกลับมาถวายบังคม
อีกแลว จึงขอถือวาระอันสําคัญนี้กราบถวายบังคมลา ขอบารมีแหงพระองคจงอํานวยชัยใหพรขาพระองค
ใหทาํ การสําคัญสนองพระคุณสําเร็จดังปรารถนาดวยเถิด

ความอันขงเบงกราบบังคมทูลหนาสุสานพระบรมศพพระเจาเลาปนี้ประจักษถึงความคิดทางยุทธศาสตร
และสถานการณทั้งบนฟาบนดินอยางกระจาง หาใชวาจะยาตราทัพไปโดยไมคาํ นึงถึงการในอากาศดังที่
เจาจิ๋วโหรหลวงลวงรูแตประการใดไม แตดวยน้ําใจทีภ
่ ักดีมน
ั่ คงตอผูเปนนาย และความทะนงในสติปญญา
วาจะเปลี่ยนแปลงลิขิตแหงฟาไดตางหาก ขงเบงจึงจําตองยาตราทัพไปในครั้งนี้

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

แผนการยุทธวิธีศก
ึ ครั้งทีห
่ ก (ตอนที5
่ 60)

ขงเบงขอรับพระบรมราชานุญาตยกกองทัพไปปราบวุยกกครั้งที่หก ดวยความเชื่อมั่นวาสติปญญาคนจะ
สามารถพลิกผันลิขิตสวรรคได กอนกลับไปเมืองฮันตง ขงเบงไดขอพระบรมราชานุญาตเปดสุสานพระบรม
ศพพระเจาเลาป เขาไปรําพันร่ําไหทําพิธีสักการะพระบรมศพแลวถวายบังคมลา

เสร็จพิธีบวงสรวงเซนไหวพระบรมศพพระเจาเลาปแลว ขงเบงไดกลับเขาไปถวายบังคมลาพระเจาเลา
เสี้ยนและเดินทางกลับไปเมืองฮันตง ระดมกําลังพลสามสิบสีห
่ มื่นและศาสตราวุธทั้งปวง รอวันฤกษดีจะยก
ทัพไปตีวย ุ กก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 25

ขณะที่กําลังรอคอยวันฤกษดีนนั้ วันหนึ่งทหารรักษาการณเขามารายงานขงเบงวา เมื่อค่ําคืนนี้กวนหินได


ปวยดวยโรคปจจุบันถึงแกกรรมแลว

ขงเบงทราบขาวกวนหินตายโดยไมทันตั้งตัวก็ตกใจ รองไหรักกวนหินเปนอันมากจนสลบสิ้นสติสมประดี
แมทัพนายกองพากันตกใจ และชวยกันแกไขจนขงเบงฟนคืนสติดังเดิม

พลันทีฟ่ นคืนสติ ขงเบงไดรําพึงรําพันดวยความเศราสลดวา กวนหินนี้เปนทหารเอก ทั้งมีใจสัตยซื่อ


เหมือนกวนอูผบ ู ิดา ควรทีจ
่ ะชวยทํานุบํารุงแผนดินสืบไป ซึ่งกวนหินมาถึงแกความตายครั้งนี้ เหมือนเรา
เสียกําลังไปแกขาศึกกึ่งหนึ่ง

แตการสงครามนั้นเปนการใหญ ขงเบงจึงไมอาจรั้งรอกองทัพรวมพิธีศพของ กวนหินได จึงสั่งใหทหารคน


สนิทเขารวมพิธก
ี ารศพของกวนหินแทนตัว และจัดแจงเตรียมการทีจ ่ ะเคลื่อนทัพตามวันเวลาฤกษ

วันรุงขึ้นเวลาเกานาฬิกา ขงเบงสั่งใหลั่นมาลอฆองกลองเอาฤกษเอาชัย กรีฑาทัพใหญสามสิบสี่หมื่นออก


จากเมืองฮันตง ตั้งใหเกียงอุยและอุยเอี๋ยนเปนกองทัพหนาซายขวา ใหลอ ิ ิ๋นคุมกองเสบียง ขงเบงคุม
กองทัพหลวงยกไปที่ตําบลเขากิสาน

ในระหวางเดินทัพตั้งแตดา นเกี้ยมโกะจนถึงหุบเขาจํากก ขงเบงสั่งใหตั้งคายรายเรียงเปนระยะถึงยี่สิบสี่


คาย แตละคายจัดกําลังทหารสามพันคนระมัดระวังรักษาคาย ทามกลางความแปลกใจของเหลาทหารวา
ขงเบงคิดทําการครั้งนีแ
้ ปลกประหลาดกวาแตกอนมา แตไมมีผูใดกลาไตถามความวามีเหตุผลตนปลาย
ประการใด

ครั้นถึงตําบลเขากิสานแลวขงเบงไดสั่งใหตั้งคายใหญเปนหาคาย ดานหนามีสองคายซายขวา ดานหลังมี


สองคายซายขวา ขงเบงตั้งคายหลวงอยูตรงกลาง แลวสั่งใหทหารลาดตระเวนออกลาดตระเวนระยะใกล
ไกลมิไดประมาท

ในระหวางที่ขงเบงกําลังเคลื่อนทัพไปตําบลเขากิสานนั้น หนวยสอดแนมของวุยกกไดทราบความจึงสง
รายงานเขาไปกราบบังคมทูลพระเจาโจยอยใหทรงทราบ

พระเจาโจยอยทราบรายงานแลวก็ตกพระทัย รับสั่งใหหาสุมาอี้เขามาเฝา แลวมีพระราชปรารภวาสามปที่


ผานมา จกกกมิไดยกกองทัพมารุกรานเมืองเรา อาณาประชาราษฎรไดรับความรมเย็นเปนสุข บัดนี้ขงเบง
ไดยกกองทัพใหญ มีขาวเลาลือวามีกําลังพลถึงสีส
่ ิบหมื่นกําลังยกมาที่ตําบลเขากิสานอีก ทานจะคิดอาน
ประการใด

สุมาอี้จึงกราบทูลวา ขาพเจาดูดาวแลตําราเห็นวาฝายเมืองเรารุงเรืองสุกใสอยู อันดาวสําหรับเมืองเสฉวน


นั้นเศราหมองนัก ซึ่งขงเบงยกมาครั้งนี้เหมือนหนึ่งหาภัยใสตัว พระองคอยาคิดวิตกเลย ไวขาพเจาจะ
อาสาไปตานทานเอาชัยชนะใหได

สามกกฉบับภาษาจีนระบุวา เมื่อสุมาอี้ไดยินพระราชปรารภของพระเจาโจยอยแลวไดกราบบังคมทูลวา ขา


พระองคไดพิเคราะหดูการในอากาศ เห็นดาวประจําเมืองของวุยกกสวางไสวรุงโรจน ดาวกุยแชไดโคจร
เปนเชิงมุมคุมกันดาวประจําเมือง พลังธาตุของวุยกกเรืองกฤษดานุภาพยิง่ นัก สวนเมืองเสฉวนเลาดาว
ประจําตัวขุนนางผูใหญเศราหมอง ขงเบงยกกองทัพมาครั้งนี้เห็นจะเปนอันตรายเปนมั่นคง พระองคอยาได
ทรงพระวิตกสืบไปเลย ขาพระองคขออาสายกกองทัพไปรับศึกครั้งนี้ จะคิดอานเอาชัยชนะขงเบงใหจงได

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบทูลของสุมาอี้ก็ทรงดีพระทัย มีพระบรมราชานุญาตใหสม
ุ าอีย
้ กกองทัพไปรับ
ศึกขงเบง และโปรดเกลาตัง้ ใหสม
ุ าอี้เปนแมทัพใหญ พระราชทานตราและหมายรับสัง่ ใหสม
ุ าอี้บังคับ
บัญชาทหารและพลเรือนตลอดทั้งแควนเพื่อทําศึกในครั้งนี้

สุมาอี้ถวายบังคมขอบพระทัยพระเจาโจยอยแลวกราบทูลตอไปวา เปนพระมหากรุณาธิคุณทีท ่ รงไววาง


พระราชหฤทัย ในการศึกครั้งนี้ขาพระองคขอพระราชทานพระราชานุญาตใหบต ุ รของแฮหัวเอี๋ยนสี่คน คือ
แฮหัวปา แฮหัวหุย แฮหัวฮุย และแฮหัวสี่ ไปชวยราชการในกองทัพดวย ทั้งจะถือโอกาสแกแคนแทนแฮ
หัวเอี๋ยนทีถ
่ ูกฮองตงสังหารทีภ
่ ูเขาเตงกุนสันในอดีต

พระเจาโจยอยไดฟงคําสุมาอี้ดังนั้นจึงตรัสวา ในศึกครั้งกอนแฮหัวหลิมราชบุตรเขยในพระเจาวุยอองซึง่
เปนบุตรของแฮหัวตุนเปนแมทพั ยกทหารไปสูร บกับจกกกแลวพายแพเสียที มีความอัปยศแกผคู นทั้งปวง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 26

ไมกลาเขามาในเมืองหลวงถึงบัดนี้ ครั้งนีท
้ านจะขอเอาบุตรแฮหัวเอี๋ยนทั้งสี่คนไปอีกเลา เกรงวาเหตุการณ
จะซ้ํารอยเหมือนเมื่อครั้งแฮหัวหลิม ทานจงไตรตรองใหจงดี

สุมาอี้จึงกราบทูลวา บุตรแฮหัวเอี๋ยนทั้งสี่คนนี้แตกตางจากแฮหัวหลิมราวฟาแลดิน เพราะมีฝมือรบพุงกลา


หาญ มีความรอบรูในกลสงครามทั้งปวง ทั้งมีความพยาบาทหมายจะลางแคนจกกกแทนบิดา เห็นจะทําศึก
โดยเต็มกําลัง

พระเจาโจยอยจึงตรัสวา เมื่อทานแมทัพยืนยันดังนี้เราก็มิไดขัด ยิ่งกวานั้นหากทานเห็นผูหนึ่งผูใดมี


สติปญ
 ญาแลฝมือที่จะชวยการศึกได ก็ใหอํานาจแกทา นแตงตั้งเปนขุนนางตามที่เห็นสมควรเถิด

สุมาอี้ไดรับพระราชานุญาตดังนั้นก็มีความยินดี ถวายบังคมพระเจาโจยอยแลวกราบทูลวาการศึกครั้งนี้
ใหญหลวงนัก ขาพเจาไดคด ิ อุบายใหขงเบงถอยกลับไปเมืองฮันตงใหจงได แตเกรงวาจะบังคับบัญชา
ทหารไมคลองตัว จึงจําตองขอพระบารมีของพระองคทรงโปรดสนับสนุนตามแผนอุบายซึ่งขาพระองคได
ทําเปนฎีกาไวแลว

กราบทูลแลวสุมาอี้จึงลุกขึ้นเอาฎีกาลับขึ้นทูลเกลาถวายพระเจาโจยอยเปนการเฉพาะพระองค พระเจาโจ
ยอยเปดฎีกาของสุมาอี้ออกทอดพระเนตรแลวทรงพยักหนาเปนทีเห็นดวย แตมิไดตรัสประการใด

สุมาอี้เห็นดังนัน้ จึงมีความยินดี ถวายบังคมขอบพระทัยพระเจาโจยอยแลวกลับออกไป เรียกบุตรของแฮ


หัวเอี๋ยนทั้งสี่คนเขามาพบ แจงความตามทีม ่ พ
ี ระบรมราชานุญาตใหทราบทุกประการ ครั้นถึงวันฤกษดส
ี ุมา
อี้จึงใหตั้งการชุมนุมกองทัพไวที่หนาประตูเมือง

กอนถึงเวลาเคลื่อนทัพ ทหารรักษาการณไดเขามาแจงแกสม
ุ าอี้วาบัดนี้มีขบวนขาหลวงของพระเจาโจยอย
อัญเชิญพระบรมราชโองการมามอบแกทานแมทัพ สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็ดใี จ รูวาซึ่งไดทูลเกลาถวายฎีกาลับ
นั้นพระเจาโจยอยทรงโปรดดําเนินการตามแผนการทุกประการ จึงนําแมทัพนายกองออกมาตั้งขบวนรับ
พระบรมราชโองการตามประเพณี

ครั้นขาหลวงในพระเจาโจยอยนําขบวนเชิญพระบรมราชโองการมาถึงหนาแถวทหารซึ่งสุมาอี้ไดตั้งเปน
กองเกียรติยศคอยรับ จึงเชิญพระบรมราชโองการมาถือไวขางหนาแถวทหาร

สุมาอี้และแมทพ
ั นายกองทั้งปวงตลอดจนเหลาทหารถวายบังคมพระบรมราชโองการอยางพรอมเพรียง
พลางกลาวพรอมกันวาขอจงทรงพระเจริญ

ขาหลวงของพระเจาโจยอยจึงอานพระบรมราชโองการ ความวาพระเจาโจยอยพระมหากษัตริยผ  ูประเสริฐ


ตรัสสั่งตั้งใหสม
ุ าอี้เปนแมทัพใหญ ยกไปทําสงครามปกปองพระราชอาณาจักร ใหทหารทั้งปวงเชื่อฟงคํา
บัญชาของสุมาอี้ อยาไดฝาฝนเปนอันขาด เมื่อสุมาอี้นํากองทัพไปถึงแมนา้ํ อุยโหแลว ใหตั้งมั่นรักษาตัว
อยาไดประมาท กองทัพเมืองเสฉวนรุกรบลวงเขามาไมได ก็จะแกลงแตงอุบายทําทีเปนถอยทัพ อยาได
ไลติดตามไปเปนอันขาด ขาศึกสิ้นเสบียงอาหารลงแลวก็จะเลิกทัพกลับไปเอง ถึงเวลานั้นจึงคอยยกไล
ตามตีเห็นจะไดชัยชนะโดยมิตอ  งเปลืองแรงทหารแตประการใด ใหทหารทั้งปวงปฏิบัตติ ามอยางเครงครัด

พระบรมราชโองการดังกลาวแทจริงคือแผนการของสุมาอีท ้ กี่ ําหนดยุทธวิธต ี ั้งรับกองทัพของขงเบง รอให


กองทัพเมืองเสฉวนสิ้นเสบียงแลวยอมจะตองเลิกทัพกลับไปเอง แตการศึกทีผ ่ านมานั้นสุมาอี้รด ู ีวาแมทัพ
นายกองจํานวนมากมิไดเคารพเชื่อฟง ดื้อรั้นจะยกกองทัพไปรบกับขงเบง ซึ่งขัดกับยุทธวิธต ี ั้งรับ และตัวสุ
มาอี้เองก็รูดีวาขงเบงมากดวยกลอุบาย ยากแกการรับมือ หากยกไปรบกับขงเบงแลวโอกาสจะแพมี
มากกวาโอกาสชนะ แตสม ุ าอีน
้ ั้นไดเห็นจุดออนอันสําคัญของกองทัพเมืองเสฉวนเพราะยกมาจากแดนไกล
การลําเลียงเสบียงอาหารขัดสนและไมพอเพียง จึงไมมียท ุ ธวิธีอื่นทีด
่ ีกวาการตั้งรับ แตเกรงวาแมทัพนาย
กองทั้งปวงจะมิฟงคําบัญชา ดือ ้ รั้นยกกองทัพไปรบกับขงเบงใหเสียทีอีก จึงอาศัยพระบารมีของพระเจาโจ
ยอยทําเปนพระบรมราชโองการกําชับทหารทัง้ ปวง ดานหนึ่งก็เพื่อแสดงใหเห็นวาแผนการยุทธวิธต ี ั้งรับนัน

เปนพระราชดําริของพระเจาโจยอย อีกดานหนึ่งก็เพื่อปองกันมิใหถูกแมทัพนายกองครหาวาสุมาอี้ขี้ขลาด
ตาขาว ไมกลาตอสูกับขงเบง

ดังนั้นสงครามครั้งที่หกระหวางจกกกกับวุยกกตางฝายจึงตางกําหนดยุทธวิธีที่แนนอนตั้งแตกอน
เผชิญหนากัน วุยกกนั้นสุมาอีล ้ งทุนถึงขนาดขอพระบารมีของพระเจาโจยอยใหมีพระบัญชากําหนดยุทธวิธี
ตั้งรับทําสงครามยืดเยื้อยาวนาน รอใหกองทัพขงเบงสิ้นเสบียงแลวตองเลิกทัพกลับไปเอง จากนั้นจึงคอย
ไลตามตี ซึ่งยุทธวิธีนี้ไดตั้งอยูบนพื้นฐานจุดออนของกองทัพจกกกที่การลําเลียงเสบียงอาหารลําบากขัด
สน ไมเพียงพอตอการบํารุงเลี้ยงกองทัพ แตในขณะเดียวกันนั้นขงเบงก็คาดการณถึงยุทธวิธีนี้ไดอยูกอ น
แลว ดังนัน้ กอนเคลื่อนทัพจึงกําหนดยุทธวิธท ี ําสงครามยืดเยื้อและแกไขปญหาเสบียงอาหารโดยจะจัดหา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 27

จากแดนของขาศึกเอง เหตุนี้ขงเบงจึงใหตงั้ คายรายเรียงตลอดทางถึงยีส ่ บ


ิ สี่คาย เพื่อปองกันเสนทาง
ลําเลียงและทําการแสวงหาเสบียงอาหารในเขตแดนขาศึกอยูในแนวหลัง ในขณะที่กองทัพหลวงของขง
เบงก็เตรียมการแกไขปญหาขาดแคลนเสบียงไวพรอมสรรพ ตางฝายตางรูจุดออนและปองกันแกไข
จุดออนดังนี้ สงครามครั้งที่หกระหวางจกกกกับวุยกกจึงเขมขนยิ่งนัก

ครั้นขาหลวงอานพระบรมราชโองการจบแลว สุมาอี้และทหารทั้งปวงพากันถวายบังคมและถวายพระพรให
พระเจาโจยอยทรงพระเจริญอีกครั้งหนึ่ง สุมาอี้ไดลุกขึ้นรับพระบรมราชโองการจากมือของขาหลวง แลว
หันไปประกาศแกแมทัพนายกองทั้งปวงวาฮองเตตรัสสั่งกําหนดแผนการรบไวดังนี้แลว หากผูใดฝาฝนไม
เชื่อฟง เราจําตองประหารชีวต
ิ ตามวินย
ั ศึก

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหเคลื่อนทัพยกทหารออกจากเมืองลกเอี๋ยงไปที่เมืองเตียงอันและใหหมายเกณฑ
ทหารจากหัวเมืองตาง ๆ รวมเปนกําลังพลสีส ่ บ
ิ หมื่นยกไปบรรจบพรอมกันทีเ่ มืองเตียงอัน

สุมาอี้ยกกองทัพไปถึงเมืองเตียงอันบรรจบกับกองทัพหัวเมืองทั้งปวงพรอมแลว จึงเคลื่อนทัพไปทีร่ ิม
แมน้ําอุยโห ตัง้ คายรายเรียงตามแนวแมนา้ํ จากนั้นจึงใหแฮหัวปาและแฮหัวฮุยเปนกองทัพหนา ยกทหาร
หาหมื่นขามแมน้ําไปตั้งคายอยูอีกฟากหนึ่ง และสั่งใหแมทพ
ั หนาตั้งคายใหญสองคายขึ้นที่ทุงราบริมแมน้ํา
อุยโห ใหทําสะพานลอยขามแมน้ําอุยโหมาเชือ ่ มกับกองทัพหลวงรวมเกาตําบล หนาคายใหญทั้งสองแหง
ใหกอแนวกําแพงปองกันทหารขงเบงมิใหบุกรุกเขาโจมตีคา ยไดโดยสะดวก

แฮหัวปาและแฮหัวฮุยรับคําสัง่ สุมาอี้แลว คํานับลาออกไปจัดแจงทหารยกขามแมน้ําอุยโหไปตั้งคาย กอ


กําแพง และสรางสะพานลอยตามคําสั่งของสุมาอีท ้ ุกประการ

วันหนึ่งโกฉุยและซุนเลไดเขาไปหาสุมาอี้ แลวกลาววา กองทัพเมืองเสฉวนมาอยู ณ เขากิสาน ขาพเจา


คิดเกรงวาขงเบงจะลอบยกไปตีเอาหัวเมืองหลงเส แมเสียเมืองหลงเสขาศึกก็จะมีกําลังมากขึ้น ทานจงคิด
ปองกันไวใหได

หนังสือพิมพผูจัดการออนไลน http://www.manager.co.th

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

รองรอยจากการตัดตนไผ (ตอนที5
่ 61)

พระเจาโจยอยทราบวาขงเบงยกกองทัพบุกวุยกก จึงโปรดเกลาตั้งสุมาอี้เปนแมทัพยกมาตั้งรับกองทัพ
ของขงเบงอยูที่ริมแมน้ําอุยโห และใหกองทัพหนายกขาม แมน้ําไปตั้งสกัดอยูอีกสองคาย พอตั้งคายเสร็จ
โกฉุยและซุนเลเขาไปเสนอแกสุมาอี้ใหคิดอานปองกันตําบลหลงเสมิใหขงเบงยึดเปนกําลังได

สุมาอี้ไดฟงแผนการของโกฉุยจึงวา ความคิดทานลึกซึ้งรอบคอบนัก เราเองก็ลืมนึกวาเมืองหลงเสและหัว


เมืองขางเคียงมีความสําคัญยิง่ นัก หากขงเบงยึดไดหัวเมืองหลงเส ทัง้ ปวงแลวก็จะระดมไพรพลเสริม
กําลังกองทัพเขมแข็งขึ้น ทัง้ จะไดเสบียงอาหารเปนอันมากอีกเลา จึงใหทานทั้งสองยกทหารไปตั้งคาย
สกัดกองทัพขงเบงไวที่ตําบลปกหงวน ปากทางเมืองหลงเส อยาใหขงเบงยกไปทําอันตรายได

โกฉุยและซุนเลรับคําสั่งสุมาอี้แลวคํานับลาออกไปจัดแจงทหาร แลวยกไปเมือง หลงเสตั้งแตวน


ั นั้น

วันหนึ่งหนวยสอดแนมไดนําความเขาไปรายงานแกขงเบงวา สุมาอี้ไดใชโกฉุยและซุนเลใหยกทหารไปตัง้
คายสกัดอยูท ต
ี่ าํ บลปกหงวนปากทางเมืองหลงเสแลว

ค่ําวันนั้นขงเบงไดเรียกแมทัพนายกองทั้งปวงเขามาพรอมกัน แลวปรารภวา สุมาอีต ้ ั้งกองทัพอยูทฟ


ี่ าก
ตะวันออกของแมน้ําอุยโห ใหกองทัพหนายกมาตั้งอยูท  ี่ฟากตะวันตก แตใหทาํ สะพานขามแมน้ําถึงกันได
เปนหลายตําบล และยังยกทหารไปปองกันเมืองหลงเสอีกเลา สุมาอี้ทาํ การทั้งนี้เพื่อหวังจะตั้งรับ รอให
กองทัพเราสิ้นเสบียงอาหารลงแลวจะตองเลิกทัพกลับไปเอง และหากตั้งยันกันเชนนี้สืบไปก็จะเปนไปตาม
ยุทธวิธท ี ส
ี่ ุมาอีต
้ องการ จําจะคิดกลอุบายใหสุมาอี้ยกมารบพุงกับเราจงได

ขงเบงไดกลาวสืบไปวา กองทัพของเราตั้งคายอยูท  างดานเหนือน้ํา กองทัพสุมาอี้ตั้งอยูทางปลายน้ํา เรา


จะใหทําแพสักรอยเศษ ขนเอาหญาฟางทําเชื้อเพลิงไวหลังแพทั้งสิ้น จะเกณฑทหารหาพันซึ่งมีฝมือ
ชํานาญการเรือแพลงเตรียมไว แตงทหารยกตามไปตีคา ยปกหงวน แลกองทัพเราจะเขาตีคายหนาซึง่
ตั้งอยูริมน้าํ นั้นใหพรอมกัน ฝาย สุมาอี้ก็จะเปนกังวลหนาหลัง แลวเราจึงใหวางแพลอยลงไป ถึงสะพาน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 28

เขาเมื่อใดจึงใหทหารจุดเชื้อเพลิงขึ้น สะพานทั้งนั้นก็จะทําลายลงสิ้น ถึงจะใหทหารหนุนเพิ่มเติมไป


ชวยกันก็เห็นจะไมทัน แมสุมาอี้เสียทีดังนี้ เห็นการเราจะสําเร็จเปนมั่นคง

แผนการยุทธของขงเบงในครัง้ นี้ไดกําหนดขึน ้ เปนสามกระบวน กระบวนแรกทําหนาทีย ่ กไปตีกองทัพของ


สุมาอีท
้ ี่ยกไปตัง้ ขัดตาทัพอยูท  ต
ี่ ําบลปกหงวนปากทางเมืองหลงเส กระบวนทีส ่ องทําหนาทีย่ กเขาตี
กองทัพหนาของสุมาอี้ ซึ่งแฮหัวปาและ แฮหัวฮุยยกมาตั้งคายสองคายอยูทางฝงแมน้ําฟากตะวันตก
กระบวนที่สามเปนกระบวนแพ ทําหนาที่ลองแพเผาสะพานลอยขามแมนา้ํ อุยโหทุกตําบลที่กองทัพสุมาอี้
สรางเชื่อมกองทัพหนาและกองทัพหลวงเพื่อใหชวยเหลือถึงกันได แตจะยกเขาทําการเมือ ่ กระบวนทีห่ นึง่
และกระบวนทีส ่ องเขาตีกองทัพของสุมาอี้แลวฉวยโอกาสทีก ่ องทัพ สุมาอี้สาละวนหวงหนาพะวงหลังยก
เขาทําการเผาสะพานลอยทุกตําบลเสีย เมื่อตัดกองทัพหนาและกองทัพหลวงใหขาดจากกันแลว กองทัพ
หนาซึ่งอยูฟ ากแมน้ําเดียวกับขงเบงก็จะตองแตกพายไป จากนั้นจึงยกเขาตีกองทัพหลวงตอไป

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงแผนการรบดังนัน ้ ก็พากันสรรเสริญสติปญญาของ ขงเบงเปนอันมาก ขงเบงจึง


สั่งใหจัดทหารหมื่นคนตัดไมไผจากปามาทําแพ เอาหญาฟาง ดินประสิวสุพรรณถันเตรียมการไวใหพรอม
และกําชับวาใหกระทําเปนการลับ อยาใหสุมาอี้ลวงรูแผนการได

ฝายหนวยสอดแนมของสุมาอี้เห็นทหารขงเบงเขาปาตัดไมไผเปนจํานวนมาก จึงนําความเขาไปรายงานให
สุมาอีท
้ ราบ พลันทีท
่ ราบขาวสุมาอี้ก็ตกใจ นั่งครุนคิดไตรตรองอยูพักใหญ จึงเรียกแมทัพนายกองทั้งปวง
เขามาพรอมกัน แลวปรารภความซึ่งทหารขงเบงตัดไมไผดังกลาว

สุมาอี้เห็นแมทพ
ั นายกองทั้งปวงนิ่งฟงอยางตัง้ ใจ แตมีทา ทีงุนงงสงสัย ไมรูวาทหารขงเบงตัดไมไผเพือ

ทําการอันใด สุมาอี้จึงกลาวสืบไปวาบุญวุยกกเรายังมากอยู ทหารขงเบงเผลอเรอตัดไมไผเปนการ
เอิกเกริกจึงเผยรองรอยแผนการยุทธใหเรารู หาไมแลวกองทัพเราก็จะพากันเปนอันตรายสิน ้ การทั้งนี้ ขง
เบงคิดกลศึกจะใหเปนกังวลหนาหลัง แลวก็จะลอยแพมาทําลายสะพานเราเสีย จําจะคิดปองกันมิให
กองทัพเราเปนอันตรายได

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหมาเร็วรีบเดินทางไปแจงแกโกฉุยและซุนเล ซึ่งตั้งคายอยูท
 ี่ปากทางเมืองหลงเสวา
ขงเบงจะยกกองทัพไปตีแตอยาไดหวั่นไหว ใหระมัดระวังรักษาคายและสอดแนมใหไกลทีส ่ ุดเทาทีจ
่ ะไกล
ได ใหซุนเลและโกฉุยแบงทหารเปนสองกอง กองหนึ่งทําหนาที่รักษาคาย อีกกองหนึ่งใหโกฉุยและซุนเล
คุมทหารยกไปซุมอยูในปาสองขางทางที่จะยกไปตําบลหลงเส ถากองทัพขงเบงยกมาก็ใหยกเขาโจมตี
สวนสุมาอี้จะยกทหารหนุนตามไปชวยตีกระหนาบ

จากนั้นสุมาอีจ
้ งึ เรียกแฮหัวปาและแฮหัวฮุยมาสั่งวา ถาไดยน
ิ เสียงรบพุง รูว ามีการ สูร บกันที่ตําบลปกหงวน
เมื่อใดแลว ใหแฮหัวปาและแฮหัวฮุยยกทหารออกไปตั้งซุม  อยูนอกคายดานทิศใต ถาขงเบงยกทหารมา
ปลนคายก็ใหยกทหารทีซ ่ ุมไวเขาตีอยาใหทน
ั ตั้งตัว

แฮหัวปาและแฮหัวฮุยรับคําสัง่ สุมาอี้แลวจึงขามฟากไปจัดแจงทหารเตรียมการไวตามคําสัง่

พอแฮหัวปาและแฮหัวฮุยกลับออกไปแลว สุมาอี้จึงสั่งเตียวฮองและงักหลิมใหคุมพลเกาทัณฑสองกอง
กองละพันคน ยกลงไปซุมอยูท  ี่ริมแมน้ําอุยโหกอนจะถึงสะพานลอยขามแมน้ํา สั่งวาถาเห็นแพของทหาร
ขงเบงลอยมาก็ใหระดมยิงดวยเกาทัณฑ อยาใหทันจุดเพลิงเผาทําลายสะพานได

ครั้นเตียวฮองและงักหลิมคํานับกลับออกไปแลว สุมาอี้จึงเรียกสุมาสูและสุมาเจียวซึ่งเปนบุตรทั้งสองคน
เขามามอบหมายใหทําหนาทีร่ ก ั ษาคายหลวง ตัวสุมาอี้จะคุมทหารยกหนุนไปชวยโกฉุยและซุนเลที่ตําบล
ปกหงวน แลวสั่งสุมาสูและสุมาเจียววาถาขงเบงยกทหารมาปลนคายกองทัพหนา ก็ใหยกทหารขาม
สะพานลอยหนุนไปชวยกองทัพหนาตีกระหนาบกองทัพขงเบงเขาไปพรอมกัน เห็นจะไดชย ั ชนะ

สุมาอีส้ ั่งจัดกระบวนรบถึงหากระบวน กระบวนหนึ่งทําหนาที่ดก ั ซุมกองทัพขงเบง อยูที่ขางทางกอนจะถึง


ตําบลปกหงวน กระบวนทีส่ องใหกองทัพหนาทําหนาที่ซม
ุ ตีกองทัพขงเบงซึ่งจะยกมาปลนคายกองทัพ
หนา กระบวนที่สามเปนพลเกาทัณฑทาํ หนาที่ซุมยิงทหารขงเบงซึ่งคุมแพลอยมาเผาสะพาน กระบวนที่สี่
รักษาคายหลวงคอยชวยเหลือกองทัพหนา และกระบวนทีห ่ าสุมาอี้คุมดวยตนเองยกหนุนไปชวยโกฉุยและ
ซุนเล

ครั้นสั่งการเสร็จสิ้นแลว ค่ําลงสุมาอี้จึงคุมทหารลอบยกออกทางดานหลังคายกองทัพหลวง เดินทัพทาง


ลัดยกไปตั้งซุมอยูในปาใกลกบ ั ตําบลปกหงวน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 29

ฝายขงเบง ครั้นรุงขึ้นจึงสั่งใหอุยเอี๋ยนและมาตายคุมทหารกระบวนแรกยกไปตีคายของวุยกกที่ตาํ บลปก


หงวน ใหงออี้และงอปนคุมทหารกระบวนที่สองคุมแพซึ่งเตรียมพรอมทีจ ่ ะยกไปเผาสะพานลอย ใหออง
เปง เตียวหงี เกียงอุย มาตง เลียวฮัวและเตียวเอกคุมทหารเปนกระบวนที่สาม ยกเปนสามกองทําหนาที่
เขาตีคายกองทัพหนาของสุมาอี้ กําหนดเวลาพลบค่ําใหทุกกระบวนรบเขาโจมตีขาศึกพรอมกัน

ยุทธการครั้งนี้สม
ุ าอี้เพียงเห็นรองรอยจากการตัดไมไผของทหารขงเบง ก็คาดการณแผนการรบของขงเบง
ไดอยางถูกตอง และเตรียมการรับมืออยางละเอียด ถี่ถวน ในขณะที่ขงเบงคาดไมถึงวาแผนยุทธการซึง่
เปนความลับนัน ้ ไดเผยรองรอยใหสุมาอี้ลวงรูแลว กองทัพของขงเบงในยุทธการครั้งนี้จงึ ประดุจดังฝูงเนื้อ
วิ่งเขาปากเสือฉะนั้น

ครั้นเวลาพลบค่ําอุยเอี๋ยนและมาตายไดยกทหารขามแมน้ําและเคลื่อนไปใกลปากทางตําบลปกหงวน เห็น
คายของโกฉุยและซุนเลเงียบสงัดอยูกร็ ูสึกประหลาดใจ อุยเอี๋ยนจึงสั่งทหารไมใหเขาไปในคาย และ
เตรียมการทีจ
่ ะสั่งใหลาถอยดวยเกรงวาจะตองกลขาศึก

ยังไมทันที่อุยเอี๋ยนจะออกคําสั่งถอยทัพ ก็ไดยินเสียงทหารโหรองดังกึกกองออกมาจากปาสองขางทาง
ทั้งดานหนาและดานหลัง ขางหนาเปนโกฉุยและซุนเลคม
ุ ทหารจูโจมเขามาอยางรวดเร็ว ในขณะที่
ดานหลังนั้นสุมาอี้ก็ยกทหารจูโ จมตีกระหนาบเขาไป

กองทัพของวุยกกตีกระหนาบหนาหลังฆาฟนทหารของอุยเอี๋ยนและมาตาย บาดเจ็บลมตายลงเปนอันมาก
อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบพาทหารที่เหลือตีฝาหนีกลับไปทางดานเหนือน้ําจะกลับไปยังคายหลวง พบ
กับงออี้กําลังเตรียมการจะลองแพลงไปเผาสะพานลอยขามแมน้ํา

งออี้เห็นดังนั้นจึงสั่งใหเอาแพรับอุยเอี๋ยน มาตายและทหารขามฟากมายังแมน้ําดานตะวันตก ในขณะนั้น


งอปนไดคุมแพกองหนาลอยเขาไปใกลสะพานลอย ทันใดนั้นทหารของสุมาอี้ก็ไดระดมยิงเกาทัณฑมาที่
ขบวนแพดุจหาฝน งอปนถูกเกาทัณฑดอกหนึ่งที่ซอกคอถึงแกความตาย ทหารของงอปนถูกระดมยิงดวย
เกาทัณฑ บางก็กระโดดน้ําหนีถึงแกความตายเปนจํานวนมาก

ทหารทีค ่ วบคุมแพของจกกกถูกระดมยิงดวยเกาทัณฑก็ไมเปนอันควบคุมแพ กระแสน้ําจึงพัดพาแพเขาไป


ติดตลิ่ง เตียวฮองและงักหลิมเห็นไดทจ
ี ึงคุมทหารฆาฟนและจับกุมตัวทหารของงอปนไดเปนจํานวนมาก

ฝายอองเปง เตียวหงี เกียงอุย มาตง เลียวฮัว และเตียวเอกคุมทหารจะยกไปปลนคายกองทัพหนาของวุ


ยกก รอฟงสัญญาณการสูรบทางดานตําบลปกหงวนตามคําสั่งของขงเบง จนถึงเวลาตนยามสองก็ไมไดยิน
เสียงสูร บ จึงปรึกษากันวาจะถอยทัพกลับไปคายหรือจะยกเขาตีประการใด ดวยการมิไดเปนไปตาม
แผนการ

ในขณะที่กําลังปรึกษากันอยูนนั้ มาเร็วไดเขามารายงานวา กองทัพซึ่งยกไปตีตําบลปกหงวนและที่คมุ


ขบวนแพไปเผาสะพานลอยนัน ้ เสียทีแกขาศึกแลว บัดนีข้ งเบงสั่งใหพวกทานยกกองทัพกลับไปกองทัพ
หลวง

นายทหารทั้งหกคนทราบความดังนั้นก็ตกใจ พากันถอยทัพจะกลับไปคายหลวง ในทันใดนั้นก็ไดยินเสียง


ทหารวุยกกโหรองดังมาจากทุกทิศทาง แลวจุดเพลิงสวางไสวทั้งสีท ่ ิศ สุมาสู สุมาเจียว แฮหัวปา และแฮ
หัวฮุย ไดคุมทหารยกตีกระหนาบเขามาพรอมกันทั้งสีท ่ ิศทาง ทั้งสองฝายไดสรู บกันเปนสามารถ แต
กองทัพจกกกถูกตีกระหนาบโดยไมทันรูเนื้อ รูตัวจึงพากันแตกตื่นตกใจ ถูกทหารวุยกกฆาฟนบาดเจ็บลม
ตายลงถึงครึ่งหนึ่ง

เนื่องเพราะนายทหารจกกกทั้งหกคนลวนมีฝมอ
ื เขมแข็งกลาหาญ จึงนําทหารที่เหลือตีฝาหนีกลับไปหาขง
เบงได และเขาไปรายงานความใหขงเบงทราบทุกประการ

ขงเบงทราบวาทหารทุกกระบวนที่ยกออกไปทําศึกกับวุยกกลวนแตกพายเสียที ก็รูวาสุมาอี้อานแผนการ
ยุทธการไดกระจาง แลวคิดการตอบโตจนตองเสียทียับเยินดังนี้ ขงเบงจึงรูสก
ึ ละอายใจ และรอนใจเปนอัน
มาก

ในขณะที่ขงเบงกําลังเปนทุกขใจวาจะคิดอานแผนการแกมอ
ื สุมาอี้ประการใดนั้น บิฮุยขุนนางผูใหญก็
เดินทางจากเมืองเสฉวนมาตรวจราชการกองทัพ และไดเขาไปหาขงเบง ตางคนตางคํานับกันตามธรรม
เนียม บิฮุยไตถามสภาพการณตาง ๆ แลวจะขอลาขงเบง กลับไปเมืองเสฉวน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 30

ขงเบงจึงวา การปราบปรามวุยกกนั้นเปนภาระรวมกันระหวางจกกกกับงอกก เมื่อครั้งกอนพระเจาซุนกวนมี


พระราชสาสนขอใหพระเจาเลาเสี้ยนยกกองทัพไปตีวุยกก แลวพระเจาซุนกวนก็จะยกกองทัพตีขึ้นมาจาก
ทางใต แตการครั้งนั้นยังไมสําเร็จ บัดนี้กองทัพเราไดยกมาทําศึกกับวุยกกอีกครั้งหนึ่ง ชอบที่พระเจาซุน
กวนจะยก กองทัพรุกเขาตีเมืองลกเอี๋ยงจากทางดานใต ดังนั้นจึงขอไหววานใหทา นถือหนังสือของ
ขาพเจาไปถวายพระเจาซุนกวน เมื่อสองกกรวมมือกันดังนี้แลว แผนดินก็จะสงบสุขสืบไป

บิฮุยไดยินดังนัน
้ ก็รับคํา ขงเบงจึงแตงหนังสือฉบับหนึ่งปดผนึกแลวมอบใหแกบิฮุย เอาไปทูลเกลาถวาย
พระเจาซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง

ฝายพระเจาซุนกวนครั้นทราบวาบิฮุยถือหนังสือของขงเบงมาถึงเมืองกังตั๋ง จึงตรัสสั่งใหเรียกประชุมขุน
นางและแมทัพนายกองทั้งปวง และโปรดใหบิฮุยเขาเฝาทามกลางมหาสมาคม

บิฮุยถวายบังคมพระเจาซุนกวนตามประเพณีแลว จึงกราบทูลวามหาอุปราช จูกัดเหลียงไดสั่งใหขาพเจา


ถือหนังสือมาถวายพระองค กราบทูลแลวจึงยื่นหนังสือใหขน
ั ทีรับไปถวายพระเจาซุนกวน

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

รองรอยจากฝมือรบพุง
 (ตอนที่562)

กองทัพของขงเบงเลินเลอเผยรองรอยการตัดไมไผทําแพใหสุมาอี้ลวงรู จึงถูก สุมาอี้วางแผนโจมตีเสียที


อยางยับเยิน พอดีบิฮุยเดินทางไปตรวจเยี่ยมกองทัพ ขงเบงจึงใชใหไปชวนพระเจาซุนกวนใหยกกองทัพ
เมืองกังตั๋งขึ้นไปตีวุยกก

พระเจาซุนกวนรับหนังสือของขงเบงมาอานดู ปรากฏความวา ขาพเจาขงเบงคํานับถึงพระเจาซุนกวน ดวย


เมืองลกเอี๋ยงรวงโรยมาแตครัง้ พระเจาเหี้ยนเต เพราะ โจโฉเปนศัตรูแผนดิน คิดทํารายใหไดความ
เดือดรอน อันโจโฉนั้นก็ตายแลว แลลูกหลานวานเครือมันทําจลาจลตอ ๆ มา แลตัวขาพเจานี้ไดรับสั่งพระ
เจาเลาปไว ใหกําจัดเหลาศัตรูแผนดินเสีย ขาพเจาก็ไดยกกองทัพไปทําสงครามเปนหลายครั้งแลว ครั้งนี้
ขาพเจายกไปทําการศึกอีก ก็เสียทแกลวทหารเปนอันมาก อันเมืองกังตั๋งกับเมืองเสฉวนก็เปนไมตรีกันมา
แตครั้งพระเจาเลาป ใหพระเจาซุนกวนเห็นแกพระเจาเลาปซึ่งเปนเชื้อพระวงศ ขอกองทัพเมืองกังตั๋งมา
ชวยรบเมืองลกเอี๋ยงเปนทัพกระหนาบ แมสําเร็จราชการสงครามแลวจะแบงเมืองลกเอี๋ยงใหกึ่งหนึ่ง

พระเจาซุนกวนทราบความตามหนังสือของขงเบงแลว จึงตรัสตอบไปตามทางไมตรีวา เมื่อครั้งโจโฉ


และโจผีไดยกกองทัพมารุกรานเมืองกังตั๋ง เราตองเสียทหารแลทรัพยสินเปนอันมาก ความแคนยังกรุนอยู
ในหัวใจเรา คิดจะยกกองทัพไปแกแคน ซึ่งขงเบงมีหนังสือมาทั้งนีต
้ องดวยความคิดของเรานัก ทานจง
กลับไปบอกขงเบงตามคําเรา อยาไดปรารมภสืบไป เราจะยกกองทัพเมืองกังตั๋งไปตีเอาเมืองลกเอี๋ยงตาม
หนังสือของขงเบง ตอไป

ตรัสกับบิฮุยดังนั้นแลวจึงตรัสสั่งตั้งใหลกซุนเปนแมทัพใหญ ใหจูกัดกิ๋นเปนปลัดทัพ เกณฑทหารสามสิบ


หมื่นใหยกไปตัง้ ชุมนุมพลพรรคกันที่เมืองกังแฮ

บิฮุยไดยินกระแสพระราชดํารัสของพระเจาซุนกวนดังนั้นก็มค
ี วามยินดี คุกเขาถวายบังคมลาไปพักทีต ่ ก

รับรองแขกเมือง ครั้นรุงขึ้นพระเจาซุนกวนไดจัดงานสโมสรสันนิบาตเลีย
้ งรับรองเพื่อเปนเกียรติแกบิฮุยใน
ทองพระโรงใหญเมืองกังตั๋ง เชิญขุนนางชั้นผูใหญและแมทพั นายกองทั้งปวงมารวมงานโดยพรอมเพรียง
กัน

ในระหวางกินโตะพระเจาซุนกวนไดตรัสถามบิฮุยวา ซึ่งขงเบงยกกองทัพไปรบเมืองลกเอี๋ยงนี้ไดตั้งแตง
ผูใดเปนแมทัพกองทัพหนา

บิฮุยจึงกราบทูลวา ขงเบงไดตั้งใหอุยเอี๋ยนเปนกองทัพหนา พระเจาซุนกวนไดยินดังนัน ้ ก็ทรงพระสรวล


แลวตรัสวา อุยเอี๋ยนนั้นมีกําลังกลาหาญก็จริง แตน้ําใจมิไดสัตยซื่อ มักคิดทรยศ แมหาบุญขงเบงไมแลว
วันใด อุยเอี๋ยนก็จะเอาใจออกหากเลาเสี้ยน เมื่อนั้นแลตัวเราจะยกไปชวยขงเบงเอง

บิฮุยไดยินพระราชดํารัสของพระเจาซุนกวนแบบไมมีปมีขลุยดังนั้นก็มิรูที่จะกราบทูลประการใด เพราะหาก
ปฏิเสธหรือแกตางใหกับอุยเอีย
๋ นก็ยอมไมตองพระทัย แตหากจะรับเอาเลาก็จะกลับกลายเปนวามีคนทรยศ
อยูในกองทัพเมืองเสฉวน เปนการเสื่อมเสียพระบรมเดชานุภาพของพระเจาเลาเสี้ยนและเกียรติยศของขง
เบง บิฮุยจึงกราบทูลวาความซึง่ พระองคไดตรัสทั้งนี้ ขาพระองคจะนําความไปแจงใหขงเบงทราบ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 31

พระเจาซุนกวนไดตรัสถามสารทุกขสุขดิบของขงเบงจากบิฮุยหลายประการ แลวตรัสวาเมื่อครั้งทําสงคราม
เซ็กเพ็กกับโจโฉ เราไดคุนเคยเห็นความคิดแลอุบายของขงเบงเปนอันมาก เปนบุญของพระเจาเลาเสีย ้ น
ที่ไดขงเบงชวยทํานุบํารุง ตัวเราไมไดพบขงเบงเปนเวลาชานานแลว มีความรําลึกถึงเปนอันมาก ทาน
กลับไปพบขงเบงแลวใหนําความรําลึกของเราแจงแกขงเบงดวย

เสร็จงานเลีย้ งราชทูตตามประเพณีแลว บิฮุยจึงถวายบังคมลาพระเจาซุนกวนเดินทางกลับไปตําบลเขากิ


สาน รายงานความซึ่งไดไปเจรจาความเมืองกับพระเจาซุนกวน และแจงพระราชดํารัสของพระเจาซุนกวน
เกี่ยวกับอุยเอี๋ยนใหขงเบงทราบทุกประการ

ขงเบงไดฟงความตลอดแลวก็มีความยินดี กลาวความสรรเสริญพระเจาซุนกวนวามีสติปญ  ญาหลักแหลม


ลึกซึ้งสมควรเปนใหญในแดนกังตั๋ง แลวกลาววา แลตัวเราทุกวันนี้ใชจะไมเล็งเห็นใจแลพยศอุยเอี๋ยนหา
มิได เพราะเห็นแกฝมือกลาหาญจึงเลี้ยงไวแตพอเปนเพื่อนทหารเลว

บิฮุยจึงวา ก็แลเมื่อมหาอุปราชแจงวาอุยเอี๋ยนเปนคนคิดคดกบฏตอแผนดิน จะเลีย ้ งไวสืบไปก็ปวยการ


เปลา มิหนําอาจทําอันตรายตอทานและกองทัพโดยไมรูเนือ ้ รูตัวก็เปนได ทานจงคิดอานกําจัดเสีย อยาให
มีราคีในกองทัพดีกวา

ขงเบงไดยินดังนั้นก็หัวเราะ พลางกลาววาบิฮย
ุ ทานอยาไดวต
ิ กเกินไปเลย เรื่องของอุยเอี๋ยนนั้นขาพเจาได
คิดอานเอาไวแลว เมื่อถึงเวลาทานจะรูเอง

เสร็จธุระแลวบิฮุยจึงคํานับลาขงเบงแลวเดินทางกลับไปเมืองเสฉวน

วันหนึ่งในขณะที่ขงเบงออกนั่งวาราชการตามปกติ ทหารรักษาการณไดเขามา รายงานวามีทหารหนีทัพมา


จากกองทัพของสุมาอี้ แจงความจํานงจะขอเขามาสวามิภักดิ์และประสงคจะขอพบกับมหาอุปราช

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็รูสึกประหลาดใจ จึงสัง่ ใหนําทหารแปรพักตรเขามาพบ แลวถามวาตัวเจาเปนนาย


ทหารชั้นยศใด อยูในสังกัดหนวยใดในกองทัพของสุมาอี้ แลวเหตุใดจึงหนีทัพมาเขานบนอบดวยเราเลา

ทหารนั้นคํานับขงเบงแลวกลาววา ขาพเจาชือ ่ แตบุน เปนรองนายกองของกองทัพหนาของกองทัพสุมาอี้


ในกองทัพหนามีรองนายกองสองคน คือขาพเจากับจีนลง ขาพเจาตั้งหนาทําราชการ ไมเคยคิดถึงชีวต ิ
แตสุมาอี้มีความลําเอียงไมปกครองทหารโดยยุติธรรม ยกยองจีนลงใหเสียความยุติธรรมไป ตั้งใหจีนลง
เปนนายกอง เมื่อจีนลงเปนนายกองแลว ลุแกอํานาจ ขมเหงย่ํายีน้ําใจขาพเจาเปนอันมาก แสรงกลาวหา
ความเพื่อจะลงโทษขาพเจาเปนหลายครั้ง แตโชคดีที่ขาพเจาไมไดกระทําความผิดจึงรอดตายมาได เหตุ
นี้ขาพเจาจึงคิดวาขืนอยูกับสุมาอี้ตอไป วันหนึ่งก็อาจตองถูกลงโทษประหารชีวต
ิ จึงหลบหนีมาขอ นบ
นอบตอทาน หวังพึ่งใบบุญทานสืบไป

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็ผงกศีรษะ ในทันใดนั้นทหารรักษาการณไดวิ่งเขามารายงานขงเบงวา ขณะนี้กองทัพวุ


ยกกไดยกตรงมาทีค ่ าย มีธงประจําตัวนายทัพชื่อจีนลงเปนสําคัญ และเรียกรองใหมหาอุปราชรีบสงตัว
แตบุนคืนใหกับจีนลง

ขงเบงไดยินรายงานดังนั้นจึงถามแตบุนวา ฝมือรบพุงของทานกับจีนลงนั้น ถาเปรียบเทียบกันแลวจะเปน


ประการใด แตบุนไดตอบขงเบงในทันทีวา ฝมือรบพุงขาพเจาดีกวาจีนลง ซึ่งจีนลงยกทหารตามขาพเจา
มานี้ ขาพเจาขออาสานําทหารออกไปตัดศีรษะจีนลงมามอบแกทาน ใหเห็นความสุจริตของขาพเจาใหจง
ได

ขงเบงจึงกลาววา เจาอาสาดังนี้ชอบใจนัก หากทําการสําเร็จดังปากวาเราก็จะสิ้นสงสัย กลาวแลวขงเบงจึง


สั่งจัดทหารหนึง่ พันคน และสั่งใหแตบุนยกออกไปรบกับจีนลง

แตบุนคํานับขงเบงแลวออกไปรับมอบทหาร แลวยกออกไปนอกคาย พอแตบุนออกไปแลว ขงเบงไดพา


ทหารองครักษตามไปสังเกตการณดูการรบพุง อยูใกลประตูคา ย

ฝายจีนลงครั้นยกทหารมาถึงหนาคายของขงเบง เห็นแตบุนคุมทหารออกมารบ ดังนั้นจึงดาวาแตบุนเปน


ขอหยาบชาวา ไอคนทรยศตอเจา ลืมขาวแดงแกงรอนของเจากูที่เลี้ยงดูมึงมา มิหนําซ้ํายังลักมาของกูหนี
มาอีกเลา จงมามอบตัวและสงมอบมาใหแกกูเสียโดยดี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 32

แตบุนไมตอบคําของจีนลง ขี่มาพุงออกไปรบกับจีนลง ทั้งสองฝายตอสูกันเพียงเพลงเดียวแตบุนก็เอางาว


ฟนถูกจีนลงตกมาตาย ทหารของจีนลงก็พากันแตกหนีถอยกลับไป แตบน ุ จึงตัดเอาศีรษะของจีนลงกลับ
เขาคายแลวนําไปมอบแกขงเบง

ขงเบงเห็นแตบุนเอาศีรษะจีนลงมามอบใหก็ทาํ ทีเปนโกรธ ตวาดใสแตบุนวาตอหนาเราเจายังบังอาจมา


หลอกลวงเราหรือ

แตบุนไดยินดังนั้นก็ตกใจ ขงเบงจึงกลาวสืบไปวาอันจีนลงนั้นเรารูจักอยู ศีรษะซึ่งเจาตัดมามอบแกเรานี้


ไมใชศรี ษะของจีนลง ไฉนเจาจึงบังอาจมาลวงเราดังนี้

ขงเบงเห็นแตบุนมีทาทีอึกอักตกใจ จึงสําทับตอไปวาสุมาอี้คด
ิ กลอุบายใชเจาใหเขามาเปนไสศึกใน
กองทัพเรา แลวแสรงแตงคนปลอมตัวเปนจีนลงยกทหารตามมาใหเจาฆาเสีย หวังจะลวงใหเราตายใจ
อุบายแตเพียงเทานี้มีหรือจะลวงเราได กลาวแลวขงเบงจึงสัง่ ทหารวาไอแตบุนนี้เปนไสศึก ใหคุมตัวไปตัด
ศีรษะเสีย

แตบุนไดยินดังนั้นก็ตกใจ คุกเขาลงคํานับขงเบงแลววา ขาพเจาเปนแตทหารผูนอย ไมอาจขัดคําสั่งของสุ


มาอี้ผูเปนแมทพ
ั ได เมื่อมหาอุปราชแจงกลศึกดังนี้แลว ขาพเจาก็จําตองรับสารภาพตามความเปนจริงวา สุ
มาอี้ไดใชใหขาพเจามาเปนไสศึกสมดังที่มหาอุปราชไดคาดรูน  ั้นแลว คนซึ่งขาพเจาสังหารคือจีนเบง
นองชายจีนลง ขอใหมหาอุปราชไวชีวิตขาพเจาเอาบุญดวยเถิด ขาพเจาจะขออาสาทําการแทนคุณทาน
ไปจนตลอดชีวต ิ

ขงเบงไดยินดังนั้นก็มีความยินดี จึงวาเมื่อเจารองขอชีวิต เราก็จะเวนชีวต


ิ ใหเอาบุญ แตเจาตองทําการเอา
ความชอบไวในราชการจึงจะควร แตบุนจึงถามวามหาอุปราชมีสิ่งใดจะใชสอยก็ขอไดโปรดบัญชา ขาพเจา
จะทําการอาสาดังประสงคทุกประการ

ขงเบงไดยินดังนั้นจึงสั่งทหารใหเอากระดาษและพูกันมาใหแตบุน แลวบอกความใหแตบน ุ เขียนตามเปน


เนื้อความวา ขาพเจาแตบุนรายงานความมาถึงทาน แมทัพสุมาอี้ ดวยขาพเจาไดตด ั ศีรษะจีนเบงนองชาย
จีนลง ขงเบงสําคัญวาขาพเจาฆาจีนลงเสียแลวมีความชอบ จึงเชื่อถือในความสุจริตของขาพเจา ไววางใจ
ตั้งใหเปนนายทหาร ขอใหทานแมทัพยกกองทัพมาปลนเอาคายของขงเบงในวันพรุง นี้เวลาสองยาม
ขาพเจาจะจุดเพลิงขึ้นในคายของขงเบง และจะชักชวนทหารซึ่งแปรพักตรใหตีกระหนาบออกไปพรอมกัน

แตบุนเขียนถอยคําตามความที่ขงเบงสั่งทุกประการ แลวมอบหนังสือนั้นแกขงเบง ขงเบงรับเอาหนังสือมา


อานดู เห็นตัวหนังสือเรียบรอยเปนปกติมิไดมล
ี ักษณะเปนการกลั่นแกลงเขียนใหจับไดก็พอใจ

ขงเบงอานและพิเคราะหความที่แตบุนเขียนจบแลวจึงกลาวกับแตบุนวา เรากําลังทําการสําคัญ จําจะตอง


คุมขังเจาไวชั่วคราวกอน อยาไดนอยใจเลย สิ้นคําขงเบงทหารก็คุมตัวแตบุนไปจําขังไว

อวนเกี๋ยนขุนนางฝายทหารเห็นดังนั้นจึงถามขงเบงวา เพราะเหตุใดมหาอุปราชจึงรูว าแตบุนเปนไสศึก และ


บังคับใหแตบุนเขียนหนังสือดังนี้เลา

ขงเบงจึงวา ความจริงเรามิไดรูจักตัวจีนลง แตเมื่อสังเกตการรบพุงระหวาง แตบุนกับจีนลงแลว เพียงชัว่


เพลงเดียวแตบน ุ ก็สังหารจีนลงไดผิดวิสย ั นัก ดวยสุมาอี้นั้นเปนคนรอบคอบลึกซึ้งหลักแหลม มักใชคนดีมี
ฝมือมาทําการ ซึ่งสุมาอีต้ ั้งแตงใหจีนลงเปนแมกองของกองทัพหนา จีนลงยอมมีฝมือเปนอันมาก ไหนเลย
แตบุนจะสังหารจีนลงภายในเพลงรบเดียวได เราเห็นรองรอยพิรุธจากฝมือรบพุงดังนี้รูวาเปนอุบาย จึงคิด
ซอนกลสุมาอีฉ้ ะนี้

อวนเกี๋ยนและทหารทั้งปวงไดฟงดังนั้น ตางพากันสรรเสริญขงเบงวามีสติปญญาหลักแหลมคมกลา มอง


ฝาทะลุถึงแผนการอุบายของสุมาอี้ไดกระจางแจงเสมอดวย เทพยดา

ขงเบงจึงเรียกกิตุนซึ่งเปนนายทหารประจํากองเสนาธิการ มีสติปญ
 ญาเฉลียวฉลาดในเชิงชั้นเจรจา และมี
ความจงรักภักดีในราชวงศฮั่นอยางมั่นคงเขามาใกล กระซิบสั่งความอยูค
 รูหนึ่งแลวจึงมอบหนังสือของ
แตบุนแกกิตุน

กิตุนรับหนังสือแลวคุกเขาลงคํานับขงเบง ครั้นเวลาค่ําจึงทําทีลอบหนีออกจากคายไปที่คา ยของสุมาอี้


ทหารลาดตระเวนของวุยกกเห็นกิตุนจึงเขาควบคุมตัว ครั้นไตถามไดความวามีเรื่องราวความลับตองการ
พบกับสุมาอี้ จึงนําตัวกิตุนไปมอบใหแกทหารรักษาการณ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 33

ครั้นสุมาอี้ไดทราบความจึงใหทหารรักษาการณพาตัวกิตุนมาพบขางในคาย แลวถามวาตัวเจาเปนใคร มี
ความลับอันใดจะบอกแกเรา

กิตุนคํานับสุมาอี้แลวกลาววา ขาพเจากับแตบุนเปนชาวเมืองลกเอี๋ยง เลาเรียนหนังสือดวยกันมาแตนอย


พอโตขึ้นขาพเจาพลัดเขาไปทําราชการอยูในเมืองเสฉวนและเปนทหารเลวในกองทัพของขงเบง ครั้นพบ
กับแตบุน แตบนุ จึงไหววานใหขาพเจาถือหนังสือมาใหทาน

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

เทพแหงดาวไถ (ตอนที5
่ 63)

ยุทธการครั้งแรกในศึกวุยกกครั้งที่หก ขงเบงตองปราชัยเพราะฝายจกกกพลั้งเผลอเผยรองรอยของ
แผนการจากการทีท ่ หารตัดไมไผไปทําแพ ทําใหสุมาอี้อานแผนการอุบายของขงเบงได ครั้นจะเริ่ม
ยุทธการครั้งทีส
่ องสุมาอีแ
้ ตงกลอุบายใชแตบุนมาเปนไสศก ึ แตรองรอยกลับปรากฏขึ้นจากฝมือการรบพุง
ของแตบุนกับจีนเบง ขงเบงจึงคิดซอนกลใหกต ิ ุนถือหนังสือของแตบุนไปใหสุมาอี้

สุมาอี้ไดรับหนังสือของแตบุนจากกิตุนแลว กริ่งวาจะเปนกลอุบายของขงเบงซอนกลมา จึงซักไซรไลเลียง


กิตุนวาพื้นเพเดิมอยูในเมืองลกเอี๋ยงตําบลใด คบหาสมาคมกับแตบุนเปนประการใด แลวเหตุใดจึงพลัด
หลงเขาไปเปนทหารเลวอยูใ นเมืองเสฉวน

กิตุนไดรับคําแนะนํากลโตตอบกับสุมาอี้จากขงเบงมาเปนอยางดีแลว จึงสามารถตอบโตคําถามของสุมาอี้
ไดอยางกระจางแจง มิหนําซ้ํายังแสรงทําตีสห
ี นาและแววตาชื่นชมยินดีที่ไดมาพบกับสุมาอี้ เปนทํานองชื่น
ชมบุญบารมีเปนยิ่งนัก

สุมาอี้มีวสิ ัยรอบคอบถี่ถว น ฟงคําใหการไตสวนถวนกระบวนความ แมไมเห็นพิรุธรองรอยก็ยังไมวางใจ จับ


จองมองหนาและสายตาของกิตุนวนไปเวียนมาเปนหลายหน ประดุจสุนัขจิ้งจอกยามระแวงภัยก็ไมปาน แต
ครั้นเห็นแววตาและใบหนาของกิตุนแสดงความชื่นชมยินดีทไ ี่ ดพบผูมีบุญบารมีก็เกิดความอิ่มเอิบขึ้นในใจ
ชั่ววูบที่ความระวังตัวขาดหวงลงเทานั้น สุมาอี้ก็รูสึกวากิตุนผูนี้เปนคนมีน้ําใสใจจริง เห็นจะรับการไหววาน
จากแตบุนมาโดยสุจริต จึงเปดจดหมายของแตบุนออกอานดู

ครั้นทราบความตามหนังสือของแตบุนแลว สุมาอี้นยังคงใชความรอบคอบรัดกุมตรวจสอบลายมือพูกันของ
แตบุนโดยละเอียดถีถ
่ วนหลายครั้งหลายรอบ จําไดมั่นคงวาเปนลายมือของแตบุนแนนอนแลวก็มีความ
ยินดี

สุมาอี้จึงกลาวกับกิตุนวา ทานจงกลับไปบอกแตบุนใหเตรียมการไวจงพรอม พรุงนี้เวลาสองยามเราจะยก


ไปปลนคายขงเบงใหได แมสําเร็จการครั้งนี้เราจะตั้งใหทานเปนนายทหารเอก

กิตุนไดยินคําสุมาอี้ดังนั้นก็คํานับรับคําแลวกลาววา ขาพเจาจะรีบนําความไปบอกแตบุน และขอถือเอา


ทานเปนที่พึ่งสืบไป ในขณะกลาวความกิตุนก็จองมองหนาสุมาอี้ดวย สีหนาและแววตาทีช ่ ื่นชมเปนลนพน
ทําใหสุมาอี้มีความเบิกบานมั่นใจเปนยิ่งนัก ราวกับสุนัขจิ้งจอกเห็นเหยื่ออยูในระยะโจมตีฉะนั้น

กิตุนลาสุมาอี้เดินทางกลับไปคายแลวนําความไปรายงานใหขงเบงทราบทุกประการ

ขงเบงทราบความจากกิตุนแลวก็มีความยินดี ซักไซรไลเลียงถอยคําซึ่งสุมาอี้ซักไซรไตถามกิตุนทุก
ประการ และไตถามถึงการตีสีหนาและแววตาของกิตุน ตลอดจนสีหนาและแววตาของสุมาอีท ้ ี่กิตุนได
ประจักษ กิตุนก็เลาความโดยละเอียดใหขงเบงทราบทุกประการ แลวกลาวกับกิตุนวาความชอบของทาน
ครั้งนี้ใหญหลวงนัก ราชการสําเร็จแลวเราจะปูนบําเหน็จใหสมแกความชอบของทาน

วันรุงขึ้นขงเบงจึงเรียกอองเปง เตียวหงี มาตง มาตาย อุยเอี๋ยนและเกียงอุย เขามารับคําสั่ง กําหนด


แผนการยุทธเปนการลับ แลวกําชับใหนายทหารเอกแตละคนปฏิบัตต ิ ามแผนการทีส ่ ั่งไวอยางเครงครัด
นายทหารทั้งหกคนไดรับคําสัง่ ลับของขงเบงแลวจึงพากันออกไปจัดแจงเตรียมการตามคําสั่ง

ครั้นเวลาใกลพลบค่ํา ขงเบงอาบน้ําชําระกายสยายผม แตงตัวในชุดนักพรตแหงลัทธิเตา ตั้งการพิธี


บวงสรวงพระวายุเทพทั้งหกซึง่ เปนเจาแหงพายุ ปกธงดาวไถซึ่งเปนกลุม
 ดาวอันเปนทีส
่ ิงสถิตของเทพ
แหงวายุทั้งหกองคไวหนาแทนพิธี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 34

ขงเบงเอากระบี่อาญาสิทธิ์ชูขึ้นฟา กาวเทาไปตามตําแหนงดาวไถ รายมนตไปมาเปนหลายตลบ แลว


บวงสรวงออนวอนขออัญเชิญวายุเทพทั้งหกองคไดเห็นแกความจงรักภักดีทข ี่ งเบงมีตอพระราชวงศฮั่น
และพระเจาเลาป ใหชวยเหลือดลพายุพด ั เมฆและหมอกบังฟาในยามราตรีซึ่งกําลังเปนคืนขึ้นสิบหาค่ําใน
เวลาสองยามวันนี้ จะไดปราบปรามแมทพ ั สําคัญของศัตรูแผนดินเพื่อความรมเย็นเปนสุขของบานเมือง
และราษฎรสืบไป

บวงสรวงอธิษฐานเสร็จแลวขงเบงไดอมสุราพนไปที่ปลายกระบี่สูเปลวไฟในกระถางบูชา ไฟไดลุกโชติ
ชวงขึ้น ควันไฟพวยพุงขึ้นไปบนฟา ขงเบงจึงคุกเขาลงคํานับเทพแหงวายุทงั้ หกองคอีกครัง้ หนึ่ง เสร็จแลว
จึงพาทหารองครักษหาสิบคนขึ้นไปอยูบนเนินเขากิสาน เพื่อดูการกระทํายุทธการตามแผนการที่กําหนด

อันดาวไถนี้มคี ติวาเปนทีส
่ ิงสถิตของเทพแหงวายุทั้งหกองค ที่มีหนาทีแ
่ ละอิทธิฤทธิ์ในการดลบันดาลให
เกิดลมพายุและเมฆหมอก เนื่องเพราะคืนวันนี้เปนคืนขึ้นสิบหาค่ํา เดือนเจ็ด พระจันทรกระจางฟา ทอแสง
สวางเจิดจาตามวิสย ั ในยามกลางคืนจึงสวางดุจเวลากลางวัน หากมองเห็นกันไดชัดเจนก็ไมอาจทํากล
อุบายไดตามแผนการถนัดนัก เหตุนี้ขงเบงจึงตั้งการพิธีบวงสรวงวิงวอนเชิญเทพแหงวายุใหมาชวยบังฟา
โดยอางเอาความจงรักภักดีเปนสัตยาธิษฐาน

วิชาบังฟาเปนวิชาทีค ่ ูกันกับวิชาบังไพร แตวช


ิ าบังฟานั้นมิไดอาศัยตนไมหรือกอนศิลา หรือสิ่งของอยางอืน ่
ในการบังสายตาคน หรือในการสรางมายาภาพ แตเปนวิชาที่ใชเวทยมนตในคัมภีรว ิเศษของลัทธิเตา
อัญเชิญเทพแหงวายุทั้งหกองคใหดลบันดาลลมพายุพด ั เมฆหมอกมารวมตัวกันบังฟาใหมืดมิด ชาวประมง
ในหลายพื้นที่กค ็ ุนเคยตอวิชาเชนวานี้ แตไดนํามาใชในการทํามาอาชีพ รายมนตออนวอนใหเทพแหงวายุ
สําแดงนิมิตใหปรากฏวาเปนเทศกาลอันควรแกการจับปลาหรือจับกุง หรือวาไมพึงออกทําการประมงใน
ทะเล มีคติเชื่อวาเทพแหงวายุเมื่อไดรับคําออนวอนแลวก็จะดลบันดาลเมฆหมอกใหปรากฏ ถาเปน
เทศกาลจับกุงก็จะบันดาลใหเมฆหมอกลองลอยขึ้นรับแสงพระอาทิตย ก็จะปรากฏนิมิตบนทองฟาเปนสี
แดง หรือถาเปนเทศกาลจับปลาก็จะบันดาลใหเมฆหมอกลองลอยขึ้นรับแสงพระจันทร ก็จะปรากฏนิมต ิ บน
ทองฟาเปนสีขาว ชาวประมงจึงกลาวขานเปนคติวา ฟาแดงถูกกุง ฟารุงถูกปลา แตถาฟามืดก็หมายความ
วาอยาไดออกทําการประมงเลย

ฝายสุมาอีค
้ รั้นค่ําลงก็จด
ั แจงกองทัพเตรียมจะยกไปปลนคายขงเบงตามเวลาที่กําหนด ใหสุมาสูเปนปก
ซาย ใหสุมาเจียวเปนปกขวา ตัวสุมาอี้คุมกองทัพหลวงจะไปปลนคายขงเบงดวยตนเอง

สุมาสูผูบต
ุ รซึ่งมีความเฉลียวฉลาดเห็นสุมาอีผ ้ ูบิดาจัดแจงเตรียมการดวยความคึกคักและอิม
่ เอิบเบิกบาน
จึงคิดวาบิดาเราทําการทั้งนี้ประหนึ่งทุม
 เทจนสุดตัว หากเปนไปตามแผนการก็จะประสบความสําเร็จใหญ
หลวง หากพลาดพลั้งก็จะเสียหายใหญหลวงเชนเดียวกัน แตการตอสูกับคนแบบขงเบงนั้นหากมีโอกาส
เปนไปไดถึงสองทางแลว โอกาสทางรายเห็นจะมากกวาทางดี เมื่อบิดามีความมั่นใจถึงปานนี้ หาก
ขัดขวางก็เห็นจะไมสําเร็จ จําจะกลาวเตือนเปนอนุสติเพื่อปองกันระวังตนมิใหเปนอันตรายจึงจะควร

สุมาสูคด
ิ ดังนั้นแลวจึงเขาไปกลาวกับสุมาอี้ผพ
ู อวา ซึ่งแตบุนมีหนังสือมาหาบิดานัดหมายใหไปปลนคาย
ขงเบงครั้งนี้ แมจะมั่นใจในความสุจริตของแตบุน แตถาบุมบามทุมเทจนสุดเนื้อสุดตัวแลว หากพลาดพลั้ง
กลับกลายเปนกลอุบายของขงเบงก็จะเสียทียับเยิน ชอบทีบ ่ ิดาจะไดคิดปองกันระมัดระวังตน เผื่อทางหนี
ทีถอยเอาไวบาง ก็ไมเห็นจะเสียหายแกแผนการทีต ่ รงไหน

สุมาอี้ไดยินคําเตือนของผูบุตรก็ไดสติยั้งคิด จึงสั่งเปลี่ยนการจัดขบวนรบใหม ใหจีนลงคุมทหารหนึ่งหมื่น


เปนกองทัพหนา สุมาอี้เปนกองทัพหลังจะยกหนุนตามจีนลงไป

ครั้นเวลาใกลสองยาม พระจันทรคืนเพ็ญทอแสงสวางกระจางกลางเวหา สวางไสวดุจเวลากลางวัน


มองเห็นทิวเขาและแนวปาตลอดจนเสนทางไดถนัดชัดเจน สายลมเย็นพอสบายโชยพลิ้วแผวมา สุมาอี้สั่ง
เคลื่อนพลออกจากที่ตั้ง กองทัพหนาของจีนลงไดยกออกไปกอน พักหนึ่งสุมาอี้จึงคุมกองทัพหลังยกตาม
ไป

จีนลงคุมกองทัพหนายกไปใกลคายของขงเบงหางเพียงสิบหาเสน ในพลันนั้นทองฟาทีส ่ วางไสวกลับมืด


มิด ดวยมีสายลมแรงพัดมาจากทุกทิศทาง กอนเมฆไดรวมตัวกันเปนมานดําผืนใหญบดบังดวงจันทรจน
หายลับไปจากฟา สุมาอี้เห็นปรากฏการณดังนั้นกลับยิ้มดวยความลําพองใจวาเทพยดาฟาดินเปนใจดวย
เราแลว จึงดลเมฆหมอกมาบังจันทร บังสายตาทหารลาดตระเวนและทหารรักษาการณในคายของขงเบงมิ
ใหเห็นกองทัพซึ่งจะยกไปปลนคาย สุมาอีส
้ ําคัญดังนั้นแลวจึงสูดหายใจลึก ๆ บนหลังมาดวยความโลงอก

จีนลงคุมกองทัพหนาไปใกลคา ยของขงเบงแลว จึงออกคําสั่งใหทหารทุกกองรุกเขาจูโจมปลนเอาคาย


ของขงเบงอยางพรอมเพรียงกัน แตเมื่อไปถึงคายกลับปรากฏวาเปนคายราง ไมมีทหารอยูแมแตคนเดียว

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 35

จีนลงใหรูสึกหวาดหวั่นจนขนลุกซู เกรงวากําลังจะตองกลอุบายของขงเบง จึงรีบออกคําสั่งใหทหารถอย


ทัพกลับไปโดยเร็วทีส ่ ุด

ในพลันนั้นแสงเพลิงไดลุกสวางขึ้นขางนอกคายทั้งสีด
่ าน ขางในคายก็มีแสงเพลิงลุกขึ้น ทหารจกกกขาง
นอกคายจากทุกทิศทางไดโหรองประสานเสียงกับทหารขางในคาย จุดประทัดสัญญาณดังสนั่นหวั่นไหว
แลวรุกตีกระหนาบกองทัพหนาของจีนลงเขามาพรอมกัน

ทหารของจีนลงเห็นดังนั้นก็พากันตื่นตกใจ ทั้งตกอยูใ นความมืด ไมรูกําลังขาศึกวามากแลนอย จึงถูก


ทหารจกกกในการบังคับบัญชาของอองเปง เตียวหงี มาตง มาตาย ระดมยิงดวยเกาทัณฑเขามาจากทุก
ทิศทาง หาเกาทัณฑดจ ุ ฝูงแมลงเมาพุงวอนตรงเขามาที่กองทัพของจีนลง ถูกทหารบาดเจ็บลมตายดุจ
ใบไมรวง จีนลงและทหารในกองทัพหนาทั้งหมื่นคนถูกทหารจกกกฆาฟนลมตายจนหมดสิ้น เลือดทวม
นองทองทุงราบหนาคายเขากิสานนั้น

ฝายสุมาอีย
้ กกองทัพหลังหนุนตามจีนลงมา เห็นแสงเพลิงลุกขึ้นเปนอันมากและไดยินเสียงทหารโหรอง ก็
สําคัญวาจีนลงกําลังปลนคายของขงเบง จึงเรงทหารใหรีบหนุนตามไปชวย

พอกองทัพสุมาอี้เขาไปใกลหางจากที่จีนลงถูกลอมอยูเพียงหาเสน พลันเห็นแสงไฟลุกขึ้นตามทางดาน
หลังเปนอันมาก ไดยินเสียงทหารโหรองและจุดประทัดตีมา ลอฆองกลองดังสนั่นก็ตกใจ รูว าแสงเพลิงและ
เสียงโหรองขางหนานั้นเปนสัญญาณบงบอกถึงการเสียทีของจีนลงแลว แมตนเองเลาเบื้องหลังก็ถกู
กองทัพของเกียงอุยและอุยเอี๋ยนตีกระหนาบสกัดหลัง แตไมรูกําลังมากแลนอยประการใด

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็ตกใจ คิดถึงคําที่ขงเบงสั่งฝากมากับทหารวาจะคิดอานจับตัวสุมาอี้ใหจงได สุมาอี้ก็รส
ู ก

หนาวสะทานขึน ้ ทั้งตัว รีบออกคําสั่งใหทหารกลับหลังตีฝากลับไปคาย

แตทหารสุมาอี้ยามนี้อยูใ นภาวะตื่นตระหนกตกใจ คุมกันไมติด กระจัดกระจายแตกหนี เกียงอุยและอุยเอี๋ย


นจึงขับทหารเขาฆาฟนทหารของสุมาอี้บาดเจ็บลมตายลงเปนอันมาก สามกกฉบับภาษาจีนระบุวา ทหารสุ
มาอี้ซึ่งยกมาครั้งนี้ตายไปถึงแปดในสิบสวน

สุมาอี้ดวยความกลัวสุดขีด คุมทหารองครักษและทหารมีฝม ือตีหักฝาวงลอมกลับไปคายได พอสุมาอีพ ้ า


ทหารพนออกไปจากแนวสกัดของเกียงอุยและอุยเอี๋ยนเทานัน ้ กอนเมฆใหญที่บดบังพระจันทรก็ลอยเลื่อน
เคลื่อนคลอยออกไปจากรัศมีพระจันทร ทองฟาสวางไสวในบัดดล เห็นศพของทหารวุยกกลมตายเกลือ ่ น
กลาดดุจใบไมที่รวงอยูในปายามหนาแลง เลือดไหลนองทวมพื้น นับเปนความปราชัยอยางใหญหลวงยิ่ง
กวาความเสียหายของกองทัพขงเบงในยุทธการครั้งแรกของศึกครั้งที่หกมากนัก

ฝายขงเบงยืนสังเกตการณอยูบนภูเขากิสานพรอมกับทหารองครักษ เห็นทหารจกกกทําการสําเร็จลุลวง
ตามแผนการก็มีความยินดี ปรารภกับบรรดาทหารองครักษซึ่งเรียงรายอยูโ ดยรอบวาบุญของเจาเรายังมาก
อยู เทพแหงวายุทั้งหกองคจงึ ทรงมีเมตตา ประทานเมฆหมอกตามคําบวงสรวงของเราทุกประการ ปรารภ
ดังนั้นแลวขงเบงจึงพาทหารกลับไปคาย และใหปูนบําเหน็จแกทหารซึ่งมีความชอบเปนอันมาก

ครั้นกลับไปถึงคายแลวขงเบงจึงสั่งใหเบิกตัวแตบุนออกจากที่จํา แลววาธรรมเนียมการสงครามนั้น สายลับ


แบบแตบุนนีจ
้ ะเลี้ยงดูและปลอยไปมิได จึงสั่งใหเอาตัวแตบุนไปตัดศีรษะเสีย

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

กําเนิดโคกล (ตอนที5
่ 64)

ขงเบงเพียงแคจับรองรอยพิรุธจากการสูร บของแตบุนก็อานกลของสุมาอี้ไดกระจาง จึงบังคับแตบุนใหลวง


สุมาอี้ยกกองทัพมาปลนคาย ทั้งไดใชคนซึ่งเฉลียวฉลาดเชิงชั้นเจรจาและทวงทาถือหนังสือลับไปหาสุมา
อี้ ครั้นสุมาอี้หลงกลยกเขาปลนคายจึงพายแพเสียทีอยางยับเยิน

สุมาอี้พาทหารเดนตายหนีกลับไปถึงคายเปนเวลาใกลรุง ไมเปนอันหลับนอนอีกตอไป เฝาแตเปนทุกขใจ


และรูส
 ึกอัปยศอดสูมริ ูทจ
ี่ ะเอาหนาไวแหงใด เพราะยุทธการครั้งนี้ไดสญ ู เสียทหารและศาสตราวุธเปนอัน
มาก หลังจากวันนั้นแลวสุมาอีก ้ ็ตั้งมั่นรักษาคาย ไมยกออกไปรบกับขงเบงอีกเลย

ขงเบงใหทหารไปดาวาทารบเปนหยาบชาสาหัสนัก แมหลายครั้งหลายหนสุมาอี้ก็ยอมทนตั้งมั่นอยูในคาย
ไมยกทหารออกมารบพุง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 36

ขงเบงเห็นสุมาอี้ไมยอมยกออกมารบก็เปนทุกขใจ ดวยเสบียงอาหารซึง่ ลําเลียงแสวงหาจากแดนของ


ขาศึกไมพอเพียงแกการบํารุงกองทัพ ครั้นจะรีดนาทาเรนเอากับราษฎรก็เอ็นดู และเกรงวาราษฎรจะไม
เปนใจแลวขัดขวางการปฏิบต ั ิการทางทหาร ทั้งเวลานี้กย
็ างเขาฤดูฝน การลําเลียงเสบียงอาหารมาแต
เมืองฮันตงสงมายังกองทัพยิ่งลําบากยากเย็น

วันหนึ่งขงเบงจึงขี่เกวียนพาทหารองครักษออกไปสํารวจตรวจตราภูมิประเทศทั่วเทือกเขากิสาน ขงเบงไป
ถึงหุบเขาแหงหนึ่งมีลักษณะประหลาดคลายกับรูปน้ําเตา เปนภูเขาสูงชันโดยรอบ บริเวณสวนที่เปนกน
ของน้ําเตามีลานกวางอยูตรงกลางลี้ลับ สามารถจุคนไดพันเศษ บริเวณสวนที่เปนคอของน้ําเตามีลานอยู
แหงหนึ่งสามารถจุคนไดอีกสี่รอ  ยคนเศษ ตรงปากทางเปนทางแคบ เพียงแคมาเดินเรียงหนากระดานได
หกตัวเทานั้น สุดปลายกนรูปน้าํ เตามีซอกเขาเล็กๆ ขี่มาไปไดเพียงตัวเดียวเทานั้น

ขงเบงเห็นภูมิประเทศลี้ลับตองดวยใจก็มีความยินดีเปนอันมาก รําพึงวาเทพยดามาเสกสรรปนแตงภูมิ
ประเทศนี้ใหแกเรา เห็นจะไดการถึงสามสถาน กลาวแลวขงเบงจึงพาทหารจะกลับไปคาย พอไปถึงปาก
ทางเห็นชาวบานยานนั้นจึงไตถามวาหุบเขานี้มีชื่อใด

ชาวบานนั้นไดตอบวา หุบเขานี้เรียกขานกันแตโบราณมาวาหุบเขาน้ําเตา มีรูปลักษณะดั่งน้ําเตาของเซียน


ผูเปนเทพแหงอายุหรือซิว่ ซิ่ง ขงเบงไดยินดังนั้นก็มีความยินดี เพราะนามแหงหุบเขาสอดคลองตองกับ
สภาพความเปนจริงแหงภูมิประเทศที่จะคิดการสําคัญทั้งสามประการนั้น ขงเบงจึงพาทหารกลับไปคาย

ค่ําวันนั้นขงเบงไดเรียกตอยอยและอาวตงแมกองทหารชางเขามาหาถึงขางในคายเปนการลับ หยิบเอา
กระดาษแผนหนึ่งขึ้นมากางบนโตะวาราชการ แลวกลาวกับสองนายกองทหารชางวา นี่คือรูปแบบ
รายละเอียดการสรางโคกลที่เราไดคด ิ เตรียมไวตั้งแตครั้งทีย
่ ังอยูในเมืองฮันตง กลาวแลวขงเบงก็ชี้ใหสอง
นายกองดูโครงสรางสวนหัว สวนลําตัว สวนขา สวนหาง โครงสรางภายนอก โครงสรางภายในและกลไกที่
เชื่อมโยงภายในตัวโคกล อธิบายความสั้นยาวหนาบางของไมและอุปกรณที่จะใชสรางโคกลโดยละเอียด
ทุกประการ และกําชับวารอยตอเชื่อมระหวางลิ้นของโคกลกับกลไกในบริเวณสวนลําคอของโคกลนั้น
สําคัญนัก ใหจด ั ทําโดยแข็งแรง ประณีต ความหนาบางจะคลาดเคลื่อนมิไดเปนอันขาด

สองนายกองทหารชางสอบถามขอสงสัยอีกหลายประการแลวก็รับคําขงเบงวา ฝมือของทหารชางซึ่งมหา
อุปราชไดจัดแจงมาแตเมืองเสฉวนนั้นสามารถที่จะทําการใหสําเร็จดังความปรารถนาไดเปนแนนอน มหา
อุปราชอยาไดวต
ิ กเลย

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็มีความยินดี มอบแบบรายการละเอียดของโคกลนั้นใหแกสองนายกองทหารชาง และ


ใหเกณฑทหารชางกวาพันคน พอค่ําลงก็ใหลอบยกเขาไปในหุบเขาน้ําเตา ใหเรงสรางโคกลใหแลวเสร็จ
โดยเร็วทีส
่ ุด และสั่งมาตายใหคุมทหารอีกหารอยยกไปปองกันคนในไมใหออก คนนอกไมใหเขา อยูท ี่
ปากทางหุบเขาน้ําเตา

ทุกวันขงเบงจะออกไปตรวจตราการทําโคกลถึงวันละสองครั้ง มีขอขัดของในระหวางการสรางโคกล
ประการใด ขงเบงก็ชี้แจงอธิบายและใหแกไข จนการสรางโคกลถูกตองตามตนแบบทุกประการ

วันหนึ่งเตียวหงีขุนนางผูใหญไดเขามาหาขงเบงแลวรายงานวา บัดนีย
้ างเขาฤดูฝน การลําเลียงเสบียง
อาหารยากลําบาก ทั้งระยะทางจากดานเกี้ยมโกะมาถึงคายเขากิสานนี้ก็เปนระยะทางไกลและทุรกันดาร
เปนอันมาก การลําเลียงเสบียงอาหารกระทําไดแตนอย และขัดสน จึงกังวลวาทหารจะรวนเรเสียขวัญ
กําลังใจ มหาอุปราชจะคิดอานประการใด

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็หัวเราะ แลวกลาววาความทั้งนี้เราไดคิดแกไขไวกอนแลว ทานอยาไดวิตกเลย


ประกอบกับทั้งขณะนั้นกองทหารชางไดจด ั ทําโคกลแลวเสร็จกวาพันตัว จึงเอาตัวอยางตัวหนึ่งมาใหขงเบง
ดู ขงเบงจึงชวนเตียวหงีออกไปดูโคกลตัวอยางนั้น

เตียวหงีและแมทัพนายกองเห็นโคกลรูปรางลักษณะประหลาดนักก็พากันสงสัย ขงเบงจึงกลาววา ตั้งแต


ครั้งที่เราอยูใ นเมืองเสฉวนก็ไดทดลองสรางโคกลขึ้น ครั้นมาอยูเมืองฮันตงก็ไดคิดแบบแปลนแผนผัง
รายละเอียดทุกประการ หวังจะใชในการลําเลียงเสบียงอาหารใหกับกองทัพ อันโคกลนี้ไมกินหญา ไมดื่ม
น้ํา ไมหลับนอน แตละตัวสามารถลากเกวียนเสบียงไดเลมหนึ่ง เพียงแคผลักใหเดินไปขางหนาแตเพียง
ครั้งเดียวก็จะเดินขึ้นเนิน ลงที่ลุมไดดั่งโคเปน และล้ําเลิศกวาโคเปนมากมายนัก ดวยสามารถเดินทางทั้ง
วันทั้งคืนไมรูจกั เหน็ดเหนื่อย บัดนี้เปนฤดูฝนแลว โคกลไดสรางเสร็จตามจํานวน เห็นจะแกไขปญหาขัดสน
ในการลําเลียงเสบียงอาหารได

กลาวแลวขงเบงจึงใชทหารเข็นโคกลใหเดินไปขางหนา โคกลก็เดินไปเหมือนดังหนึ่งโคเปนทุกประการ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 37

ขงเบงจึงพรรณนาสรรพคุณโคกลตอไปวา ถาเดินแตตัวเดียวจะไดระยะทางวันละสามรอยเสน แตถาเดิน


ไปเปนฝูงก็จะเดินทางไดถึงวันละเจ็ดรอยถึงแปดรอยเสน

เตียวหงีและแมทัพนายกองทั้งปวงเห็นดังนั้นตางพากันตื่นเตน สรรเสริญสติปญ
 ญาริเริ่มสรางสรรคของขง
เบงเปนอันมาก วาคิดการทั้งนีด
้ ุจหนึ่งพระวิษณุกรรมมาดลใจ

โคกลอันขงเบงประดิษฐคิดคนสรางขึ้นในครั้งนี้ สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) เรียกวาโคยนตซงึ่


ไมเห็นสม เพราะในยุคนั้นยังไมมีเครื่องยนต เจมสวัตสนก ั ประดิษฐไดคด
ิ คนเครื่องยนตเปนคนแรกของ
โลก มีลักษณะเปนเครื่องจักรไอน้ําหลังจากยุคของขงเบงรวมสองพันป ทั้งอุปกรณภายในของโคกลก็มี
ลักษณะเปนกลไก ไมถึงขนาดเปนเครื่องยนต ดังนั้นจึงเรียกวาโคกลยอมจะสมและสอดคลองกับสภาพยิ่ง
กวา สามกกฉบับสมบูรณเรียกโคกลนี้วาโคไมมาไหล ซึ่งใกลเคียงกับลักษณะของโคกล คือมีลักษณะ
คลายโคหรือมา และเพียงแคผลักก็เดินไปได

ความมหัศจรรยของโคกลเกิดแตกลไกที่อาศัยพลังงานกลในการขับเคลื่อนครั้งแรก เมื่อขับเคลื่อนไปแลว
เทาหลังจะสงพลังกลตอไปยังเทาหนา เทาหนาก็กาวไป แลวสงพลังกลกลับมายังเทาหลัง เทาหลังก็กาว
ไปเปนวงจรตอเนื่อง แตที่มหัศจรรยยิ่งกวานัน
้ ก็คือศักยภาพที่ถาหากเดินทางตัวเดียวกับเดินทางเปนฝูงจะ
มีศักยภาพตางกันเปนระยะทางถึงวันละหารอยเสน แตเมื่อมาถึงยุคปจจุบันนี้ก็แลเห็นไดถงึ ความเปนไปได
เชนนั้น เพราะถาเดินตัวเดียวก็ตองผานแรงเสียดทานโดยลําพังตน ครั้นเดินเปนฝูงเสนทางที่ตัวหลังเดิน
ไปก็ราบเรียบขึน ้ แรงเสียดทานของตัวหลังจึงแทบไมมี แรงขับเคลื่อนของตัวหลังจะสงพลังขับเคลื่อนถึง
ตัวหนาใหเคลื่อนที่ไดเร็วขึ้นอีกดวย

หากจะพิจารณาวาขงเบงไดแนวคิดชนิดนี้มาจากที่ไหน ยอมคาดหมายไดวา ขงเบงเปนชาวปาชาวดอย


เห็นฝูงหงสฝูงหานปาทีบ
่ ินไปบนอากาศเปนลักษณะรูปตัววี ซึ่งวิทยาศาสตรยค ุ หลังไดยอมรับวาเปนความ
มหัศจรรยแหงธรรมชาติ ทีส ่ ัตวเดรัจฉานดังกลาวสามารถใชประโยชนจากแรงอากาศพลศาสตร (Aero
Dynamic) ได ทําใหการบินเปนฝูงเร็วขึ้นกวาการบินตัวเดียว และมีความปลอดภัยสูงกวา เปนแตวาโคกล
ของขงเบงนั้นไดแปลงตนคิดอากาศพลศาสตรจากหงสและหานซึ่งบินในอากาศ มาใชกับโคกลซึ่งเดินบน
ดินเทานั้น และหลักการอากาศพลศาสตรนย ี้ อ
 มถือไดวาเปนตนแบบที่แทจริงของหลักอากาศพลศาสตรที่
มุนษยในยุคสองพันกวาปหลังไดนํามาใชเปนหลักในการกําหนดรูปแบบเครื่องบินและรถยนต

หลังจากลงมือสรางโคกลไดสบ ิ สี่วัน กองพันโคกลก็สําเร็จเปนรูปเปนรางพรอมใชการไดกวาพันตัว ครัน



เตรียมการพรอมแลวขงเบงจึงสั่งทหารพันนายใหคุมโคกลไปลําเลียงเสบียงอาหารจากดานเกี้ยมโกะมาสง
ที่คายเขากิสานเปนหลายเทีย
่ ว ปญหาความ ยุงยากและขัดสนเสบียงอาหารของกองทัพจกกกก็หมดสิน ้
ไป ทั้งไพรและนายทหารตางมีความชื่นชมยินดีถวนหนากัน

ฝายหนวยสอดแนมของวุยกกไดออกลาดตระเวนสอดแนมตามปกติ วันหนึ่งไดพบขบวนโคกลลําเลียง
เสบียงอาหารมาแตดา นเกี้ยมโกะก็ตกตะลึงพรึงเพริด หลังจากสังเกตเหตุการณถวนถี่แลวจึงนําความไป
รายงานแกสุมาอี้วา กองทัพจกกกไดใชโคกลขนเสบียงอาหารบํารุงกองทัพเปนที่อัศจรรยนก

สุมาอี้ไดยินรายงานก็ตกใจ ถามซ้ําซากสามสี่ครั้งวาสิ่งที่พวกเจาเห็นนั้นเปนความจริงหรือเรื่องละเมอเพอ
ฝน ทหารหนวยลาดตระเวนทุกหนวยตางรายงานความตรงกัน สุมาอีฟ ้ งไดดังนั้นจึงปรารภวา เราใหหนวง
ไวไมออกรบพุง หวังจะใหกองทัพขงเบงขาดเสบียง บัดนี้ขงเบงใหทําโคยนตเข็นเกวียนเสบียงมาสงกัน
มิไดขาด เห็นการสงครามนีจ ้ ะยืดยาวไป จําจะคิดอานใหทหารไปตีเอาโคยนตมาดูอยาง จะไดทําเข็น
เกวียนเสบียงเราบาง

สุมาอี้ครุนคิดและเดินไปเดินมาอยูในคายเปนหลายรอบ แลวหวนกลับมาสอบถามหนวยลาดตระเวนวาซึง่
กองลําเลียงเสบียงโคกลนั้นมีทหารควบคุมไปมากแลนอยประการใด ครั้นไดรับรายงานวากองลําเลียง
เสบียงอันยาวเหยียดมีทหารควบคุมกองลําเลียงเพียงพันนาย กระจายกําลังดูแลตั้งแตตนจนถึงปลาย
ขบวน จึงเหลือแตละจุดเพียงไมกี่คน สุมาอี้จึงตัดสินใจสั่งเตียวฮองและงักหลิมใหคุมทหารหารอยนาย
ปลอมตัวเปนทหารจกกก สั่งใหลอบเดินทางโดยเสนทางลัดในหุบเขาจํากก ใหโจมตีชิงเอาโคกลสีห ่ รือหา
ตัวเพื่อจะใชเปนตนแบบสรางโคกลเอามาใชในการลําเลียงเสบียงอาหารบํารุงเลี้ยงกองทัพเหมือนอยาง
ขงเบงบาง

เตียวฮองและงักหลิมรับคําสั่งสุมาอี้แลว จึงยกทหารไปตามแผนการของสุมาอี้ และตั้งกําลังซุมคอยทีอยู


ครั้นเห็นโกเสียงนายกองลําเลียงเสบียงคุมกองเสบียงมายาวเหยียด จึงสั่งทหารเขาจูโจม ทหารของโก
เสียงตรงจุดทีถ่ ก
ู จูโจมมีอยูเพียงสี่หา คน พอถูกโจมตีก็พากันวิ่งหนี ทหารของสุมาอี้จึงชิงเอาโคกลไดหา
ตัวแลวเข็นเอาไปมอบใหแกสม ุ าอี้

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 38

สุมาอี้เห็นโคกลเปนที่ประหลาดนักก็ชื่นชมสติปญญาของขงเบงเปนอันมาก วามีสติปญ
 ญาคิดประดิษฐ
สรางสรรคเหนือปญญาของมนุษย และสัง่ ใหกองพันทหารชางสรางโคกลแบบเดียวกันกับโคกลของขง
เบง

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา สุมาอี้เห็นโคยนตนั้นดังเปน ก็ชมวาขงเบงนั้นคิดอานใหทาํ ดี


นัก แลวสุมาอี้ใหหาชางมาประมาณรอยเศษ ใหรื้อโคยนตนั้นออกดูจํากําหนดทีใ่ หญนอยหนาบาง แลสวน
สั้นยาวพรอมกันแลว ก็ใหชางทําโคยนต ประมาณหาสิบวันก็ไดโคยนตถึงสองพัน

นักลอกเลียนแบบคนแรกในประวัตศ ิ าสตรที่อาจถือวาละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรตามแบบอยางในปจจุบน

ก็คือสุมาอี้นี่เอง และสิ่งประดิษฐชิ้นแรกของโลกที่ถูกลอก ครั้นกองพันทหารชางสรางโคกลเสร็จตาม
กําหนดแลว สุมาอี้ออกไปตรวจดูดวยตนเอง แลวหัวเราะดังกองกังวานไปทั่ว พลางกลาววาเราไมตองเสีย
แรงคิดอาน ก็สามารถทําการสรางโคกลไดเหมือนกับขงเบง กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหงิมอุยคุมทหารพัน
เศษคุมขบวนโคกลไปขนลําเลียงเสบียงจากเมืองหลงเสมาบํารุงเลี้ยงกองทัพ

ฝายโกเสียงซึ่งถูกทหารของวุยกกโจมตีและชิงโคกลหนีกลับไปแลว โกเสียงจึงคุมขบวนโคกลที่เหลือ
กลับไปคายที่ตาํ บลเขากิสานแลวรีบเขาไปหาขงเบง คุกเขารายงานสารภาพผิดที่ไมสามารถคุมกันกอง
เสบียงใหปลอดภัย ถูกทหารสุมาอี้ตช ี ิงโคกลไปไดถึงหาตัว

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

คนขายขนม (ตอนที5
่ 65)

ขงเบงชอบใจในภูมิประเทศของหุบเขาน้ําเตา คิดอานแผนการสําคัญถึงสามประการ ประการแรกคือการ


สรางโคกลเพื่อแกไขปญหาการลําเลียงเสบียงบํารุงเลี้ยงกองทัพ แตอกี สองประการทีเ่ หลือนั้นขงเบง
ยังคงปดงําไวอยางเงียบกริบ

ครั้นไดทราบรายงานจากโกเสียงดังนั้น แทนที่ขงเบงจะตําหนิติเตียนลงโทษ ขงเบง กลับหัวเราะปรบมือ


แลวกลาววา ซึง่ สุมาอี้ไดโคยนตไปนั้นเรามีความยินดีนัก เห็นเราจะไดเสบียงไวเปนกําลังอีกเปนมั่นคง

โกเสียงไดยินดังนั้นก็รูสึกประหลาดใจแตไมทน
ั ที่จะไตถามประการใด แมทัพนายกองซึ่งพรอมกันอยูใน
คายของขงเบงไดพากันถามพรอมกันวา เหตุใดมหาอุปราชจึงไมตื่นเตนตกใจ กลับกลาววาจะไดเสบียง
เปนกําลังเพิ่มเติมอีกเลา

ขงเบงจึงอธิบายวา ทานทั้งปวงยอมจํานิทานโบราณเกี่ยวกับอุบายของคนขายขนมที่เอาขนมแจกใหเด็ก
ลองกินเลนกอน เด็กกินอรอยชอบใจแลวก็ขายขนมใหแกเด็กนั้นมากขึ้นไดไมใชหรือ ซึง่ สุมาอี้ใหทหาร
มาตีชิงเอาโคกลไปครั้งนี้ เห็นจะไปลอกเลียนแบบทําโคกลขึ้นใชในกองทัพสําหรับลําเลียงเสบียงอาหาร
ตามอยางกองทัพเราบาง การทั้งนี้จึงสมกับความคิดที่เราตัง้ ใจไว เราจะคิดอานกลอุบายใหทหารไปตีชงิ
เอาโคกลและเสบียงอาหารของสุมาอี้ใหจงได จะเสียดายไปไยกับโคกลตัวอยางแคหาตัวนั้นเลา

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงดังนั้นยังคงพากันงุนงงสงสัย แตไมมีผใู ดกลาไตถาม หลังจากนั้นอีกหลายวัน


หนวยสอดแนมไดนําความมารายงานแกขงเบงวา บัดนี้สม ุ าอีไ
้ ดลอกเลียนแบบโคกลของมหาอุปราช และ
ใชไปลําเลียงเสบียงอาหารกําลังจะนํามาสงแกกองทัพที่ริมแมน้ําอุยโห

ขงเบงไดฟงรายงานดังนั้นก็มคี วามยินดี รําพึงขึ้นในใจวาแผนการคิดสรางโคกลของเรากําลังจะสําเร็จผล


อีกประการหนึ่งแลว รําพึงดังนัน้ แลวจึงเรียกอองเปงมาสั่งใหคุมทหารพันหนึง่ ปลอมเปนทหารวุยกก ยกไป
ซุมอยูระหวางเสนทางลําเลียงเสบียงที่จะมาสงยัง กองทัพของสุมาอี้ในเวลากลางคืน เมื่อกองลําเลียง
มาถึงจุดซุมก็ใหกระจายกําลังเขาประกบทหารซึ่งคุมเสบียง แลวแจงแกทหารที่ลําเลียงเสบียงนั้นวาสุมาอี้
สั่งใหมาชวยปองกันรักษาเสบียง เปนทีแลวก็ใหสังหารทหารวุยกกเสียใหสิ้น แลวเข็นเอาเกวียนเสบียงมา
ที่คายตําบลเขากิสาน

อองเปงไดฟงคําสั่งของขงเบงดังนั้นจึงไตถามวา ถาหากสุมาอี้ยกทหารมาชวย จะใหทําประการใด

ขงเบงจึงวา แมหากสุมาอี้จะยกทหารหนุนมาชวย เห็นเหลือกําลังแลวก็ใหพลิกลิ้นโคกลเสียใหสิ้นทุกตัว


โคกลก็จะเดินไมได เราจะคิดอานอุบายขับไลทหารของสุมาอี้เอง ทานจงยกไปเถิด อยาไดวิตกเลย เมือ ่
ทหารสุมาอี้หนีไปแลวใหพลิกลิ้นโคกลกลับดังเดิมแลวเข็นโคกลกลับมาที่คา ย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 39

อองเปงเคยประสบเหตุการณที่ขงเบงใชใหคมุ ทหารหนึ่งพันไปปองกันกองทัพสีส ่ ิบหมื่นของสุมาอี้มาแลว


วาในทีส
่ ด
ุ ทหารสีส
่ ิบหมื่นก็ติดจมปลักฝนตกหนักอยูในหุบเขา ครั้นไดยินดังนั้นจึงมิไดสงสัย รับคําแลว
คํานับลาขงเบงออกไปจัดแจงทหารและยกไปตามคําสั่ง

พออองเปงกลับออกไปแลวขงเบงจึงเรียกเตียวหงีเขามาหาขางในคาย สั่ง ใหคุมทหารหารอยแตง


ตัวเขียนหนาปลอมเปนทัพผี มือหนึ่งถือธง มือหนึ่งถือกระบี่ ใหเอาดินประสิวสุพรรณถันใสหมอสะพายไป
ซุมอยูทุกคน แมเห็นทหารสุมาอี้ตามอองเปงมาก็ใหจดุ ดินประสิวสุพรรณถันขึ้นทุกคน แลวโหรองคุกคาม
หลอกหลอนเปนทัพผีออกมา

สามกกฉบับสมบูรณระบุแผนการของขงเบงตอนนี้วา ขงเบงไดสั่งเตียวหงีวา ทานจงนําทหารหารอยนาย


ใหแตงตัวเปนลักเตงลักกะทหารเทพเจา สวมหัวปศาจ รางเปนสัตว เอาหาสีทาหนา ตกแตงเปนตัว
ประหลาดหลาย ๆ แบบ มือหนึ่งใหถือธงปกดวยไหม มือหนึ่งถือกระบี่วิเศษ ทีร่ างแขวนน้ําเตา ภายในให
บรรจุดินปนซุมดักอยูที่เชิงเขา รอใหโคไมมาไหลมาถึงก็พรอมกันออกมาแลวปลอยเพลิงไฟ บังคับโคมา
ออกเดินทาง ทหารงุยเห็นเขาก็ตองวาผีสางเทวดา ก็จะมิกลาไลติดตามมา

ก็ไดเห็นความมหัศจรรยของโคกลของขงเบงอีกประการหนึ่งวา มีเครื่องมือสําหรับเบรคมิใหโคกลเดิน
ตอไปไดหรือใหหยุดอยูกับที่ และเปนกลไกที่ลี้ลับพิสดารเพราะติดตั้งอยูท
 ี่ลิ้นของโคกล เมื่อพลิกลิ้นโค
กลก็จะผลักดันใหสลักขัดกลไกภายในโคกลมิใหขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทหารสุมาอี้ซึ่งเอาแตลอกเลียน
โดยไมรถ ู ึงเลศนัยของกลไกภายในตัวโคกลก็จะงุนงงสงสัย นับเปนสิ่งประดิษฐที่กาวหนาล้ํายุคสมัยเปน
อยางยิ่ง เพราะเมื่อมนุษยชาติพัฒนากาวหนาในยุคสองพันปหลัง สามารถคิดคนรถจักรยานขึ้นไดเปนครั้ง
แรกก็ไมมีเบรคสําหรับหยุดรถ ตองใชเทาเปนเครื่องมือชวยในการหยุดรถจักรยาน ในขณะทีส ่ องพันกวาป
กอนนั้นขงเบงสามารถคิดกลไกเครื่องมือสําหรับเบรคโคกลไดอยางลึกล้ําแลว

เตียวหงีรับคําสัง่ ขงเบงแลวคํานับลาออกไปจัดแจงทหารตามแผนการที่ขงเบงกําหนดทุกประการ

พอเตียวหงีออกไปขงเบงจึงเรียกเกียงอุย เตียวเอก มาตาย มาตง เขามาพรอมกันแลวสัง่ ใหเกียงอุยคุม


ทหารหมื่นหนึ่งยกไปคอยคุมกันกองลําเลียงเสบียงอยาใหเปนอันตรายหรือถูกทหารสุมาอีต ้ ีชิงกลับไปได
สวนเตียวเอกและเลียวฮัวใหคม
ุ ทหารหาพันยกไปซุมอยูขางเสนทางที่กองทัพสุมาอี้จะติดตามมาชิงเอา
ขบวนโคกลมากลับคืน แลวคอยซุมโจมตีกองทัพของสุมาอี้ สวนมาตงและมาตายใหคม ุ ทหารอีกหาพัน
คอยไปกอกวนอยูที่คา ยของสุมาอี้ ทําทีจะปลนคายลวงใหกองทัพสุมาอี้หวงหนาพะวงหลัง ไมใหยก
ออกไปชวยเหลือกันได

นายทหารเอกทั้งสีค
่ นรับคําสัง่ ของขงเบงแลวจึงคํานับลากลับออกไปจัดแจงทหารแลวยกไปตามแผนการ
ที่ขงเบงกําหนด

ฝายเงียมอุยซึ่งคุมขบวนโคกลลําเลียงเสบียงอาหารจะมาสงกองทัพของสุมาอี้ พอค่ําลงก็เห็นทหารวุยกก
กองหนึ่งยกมา แจงวาสุมาอี้วต
ิ กวาทหารจกกกจะยกมาตีเอาเสบียง จึงใหมาชวยปองกัน เงียมอุยสําคัญวา
เปนความจริงก็มีความยินดี สัง่ ใหทหารกองที่มาใหมกระจายกําลังสมทบกับหนวยคุมกันกองเสบียงที่มีอยู
แตเดิม พอเวลายามเศษกองทหารทีม ่ าใหมก็ชักเอาอาวุธแทงฟนทหารของเงียมอุยโดยไมทันรูเนื้อรูต
 ัว
ทหารของเงียมอุยลมตายลงเปนอันมาก

เงียมอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขีม
่ าจะกลับมาชวยทหารทางดานหลัง ในทันใดนั้น อองเปงก็ขี่มาสกัดหนาไว
เพียงไมถึงสามเพลงอองเปงก็เอาทวนแทงเงียมอุยตกมาตาย ทหารของเงียมอุยเห็นตัวนายตกมาตาย ก็
พากันแตกหนีไปจนหมดสิ้น

อองเปงจึงสั่งใหทหารเข็นโคกลจะไปทีค
่ ายตําบลเขากิสาน

ฝายทหารของเงียมอุยซึ่งแตกหนีกลับไปไดนาํ ความเขาไปรายงานใหโกฉุยแมทัพกองทัพหนาทราบ โก
ฉุยไดฟงรายงานก็ตกใจ รีบคุมทหารออกจากคายจะไปตีชงิ ขบวนเสบียงกลับคืน ครั้นไปทันกับขบวนโค
กลซึ่งอองเปงกําลังจะเข็นกลับไปคาย ก็สั่งทหารใหเขาโจมตี

อองเปงเห็นทหารของโกฉุยยกตามมาเปนอันมาก เกรงวาจะเข็นโคกลหนีไมทัน จึงสั่งทหารใหพลิกลิ้นโค


กลตามคําสั่งของขงเบงแลวทําทีแตกหนีไป โกฉุยเห็นดังนั้นก็ไมไลติดตาม สั่งทหารใหเข็นโคกลจะเอา
กลับไปคาย แตเข็นเทาใดโคกลก็ไมขยับเขยื้อน

โกฉุยและทหารพากันตรวจดูตามขาโคกลวาติดขวากกิ่งไมหรือกอนศิลาประการใดหรือไม แตปรากฏวา
ทุกอยางยังอยูใ นสภาพปกติ โกฉุยจึงสั่งทหารใหเข็นโคกลใหมอีกครั้งหนึง่ แตโคกลก็ไมขยับเขยื้อน โก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 40

ฉุยและทหารใหรส ู ึกประหลาดใจและตกตะลึง สําคัญวาภูตผีปศาจมาหลอกหลอนบันดาลใหเปนไป ใน


ทันใดนั้นก็ไดยน
ิ เสียงทหารโหรองดังขึ้นจากสองขางทางและขางหนา ปรากฏกองทหารของอองเปง
เกียงอุย และอุยเอี๋ยนตีกระหนาบกระทบเขามาพรอมกันทั้งสามดาน

โกฉุยเห็นดังนัน
้ ก็ตกใจ รีบสั่งทหารใหทิ้งขบวนโคกลแลวรีบลาถอยกลับไป อองเปงเห็นดังนั้นจึงสั่งให
ทหารพลิกลิ้นโคกลกลับดังเดิม แลวเข็นโคกลจะเอาไปคาย

โกฉุยพาทหารซึ่งกําลังแตกตืน ่ ถอยไปไดครูห
 นึ่ง ครั้นมองยอนกลับมาเห็นขบวนโคกลกําลังขับเคลื่อนเปน
ปกติอีกครั้งหนึง่ ก็โกรธ จึงสั่งทหารใหแปรขบวนกลับหลังยกเขาตีทหารจกกกอีกครั้งหนึ่ง

แตพอโกฉุยขี่มา นําหนาทหารเขาไปใกลขบวนโคกล พลันไดยินเสียงโหรอ  งประหลาดพิกลดังขึ้นบนเนิน


เขาประสานกับเสียงเปาเขาควาย ตัวประหลาดรูปลักษณะแตกตางหลากหลายพากันยกขบวนออกมาจาก
ปา ในมือของแตละตัวถือธงและกระบีร่ ูปลักษณะประหลาดพิกล ที่หนาอกหรือบางที่ดานหลังก็มีควันเพลิง
พวยพุงออกมาเปนที่นาเกรงกลัวยิ่งนัก ขบวนปศาจพากันกูรอ
 งตรงเขาไปทีข
่ บวนโคกล โกฉุยรูสึกวาขบวน
โคกลเคลื่อนรุดไปขางหนาอยางรวดเร็ว ดังนัน
้ ทั้งไพรและนายจึงพากันแตกตื่นตกใจ คิดวาเปนผีปาโขมด
ไพรยกขบวนออกมาคุมกันทหารจกกก ตางคนจึงตางพากันเกรงกลัว หยุดกึกอยูกับที่ไมกลาไลติดตามอีก
ตอไป

ฝายสุมาอีค
้ รั้นไดทราบรายงานจากทหารรักษาการณวา กองลําเลียงโคกลถูกทหารจกกกโจมตีชิงเอาไป
ได และโกฉุยไดยกทหารออกไปชวยก็เกรงวาโกฉุยจะเสียที จึงรีบคุมทหารจะยกไปชวยโกฉุย

กองทัพสุมาอีย้ กไปถึงกลางทางก็ไดยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นจากสองขางทางหุบเขาทั้งดานหนา
ดานหลัง ประสานกับเสียงโหรองกึกกองกระหึ่ม ทางขางขวาเตียวเอกคุมทหารโจมตีเขามา ทางขางซาย
เลียวฮัวคุมทหารตีกระทบเขามาพรอมกัน ทหารของสุมาอี้ไมทันรูเนื้อรูต
 ัวก็แตกตื่นตกใจ ตางคนตางวิ่งหนี
ไปคนละทิศคนละทาง สุมาอีห ้ นีไปแตตัวผูเดียว

เลียวฮัวเห็นสุมาอี้ขี่มาหนีไปดังนั้นจึงขี่มาไลตาม ถึงชายปาแหงหนึ่งใกลจะทันกันและอยูใ นระยะงาว เลียว


ฮัวจึงเงื้องาวขึ้นฟนสุมาอี้ สุมาอี้เหลียวมาเห็นดังนั้นก็กระตุน
 มาใหโผนทะยานรุดไปขางหนา งาวของเลียว
ฮัวจึงฟนพลาดเปาติดอยูกับตนไม สุมาอี้จึงรีบชักมาหนีไปทางดานทิศใต

เลียวฮัวรีบดึงงาวออกจากตนไมแลวจึงเรงมาไลตามสุมาอี้ไป สุมาอี้เห็นเลียวฮัวยังขับมาไลตามมาก็ตกใจ
ตะลีตะลานเรงฝเทามาใหรีบหนี หมวกเกราะทองสําหรับยศของสุมาอี้เกี่ยวติดอยูกับกิ่งไมพลัดตกลงจาก
ศีรษะ สุมาอี้ไมคํานึงถึงยศศักดิ์อีกตอไป คงตะบึงหอมาหนีโดยไมคด
ิ ชีวิต

เลียวฮัวเห็นจะไลตามสุมาอี้ไมทัน จึงเก็บเอาหมวกเกราะทองคําประจําตําแหนงของสุมาอี้ แลวขี่มา


กลับไปสมทบกับเกียงอุย อุยเอี๋ยน เตียวหงี และอองเปง คุมขบวนโคกลของวุยกกกลับไปถึงคายทีต
่ ําบล
เขากิสาน แลวพากันเขาไปรายงานใหขงเบงทราบทุกประการ

ครั้นรายงานความเสร็จแลว เลียวฮัวจึงเอาหมวกเกราะทองคําของสุมาอี้มอบใหแกขงเบง และเลาความซึง่


ไดไลติดตามสุมาอี้ใหขงเบงฟงทุกประการ

ขงเบงนั่งฟงรายงานของเลียวฮัวดวยความปลื้มปติ สายตาก็ชําเลืองไปทีอ
่ ุยเอี๋ยน เห็นประกายตาของอุย
เอี๋ยนวาววาบดวยแรงริษยา ขงเบงแสรงทําเปนไมทันสังเกต แลวเมินหนากลับไปฟงรายงานของเลียวฮัว
จนจบสิ้นกระแสความ

ฝายสุมาอีค้ รั้นกลับไปถึงคายก็ใหสํารวจความสูญเสีย ปรากฏวาทหารบาดเจ็บลมตายไปกวาครึ่ง สูญเสีย


มาศึกและศาสตราวุธเปนอันมาก ทั้งกองทัพจกกกยังยึดเอาโคกลและเสบียงอาหารไปเปนกําลังอีก ก็ให
รูสึกอัปยศอดสูยิ่งนัก นั่งเปนทุกขใจอยูแตในคาย บรรดาทหารวุยกกซึ่งหลายคนดูหมิ่นสุมาอี้วาเปนแมทัพ
ที่ขี้ขลาด ไมกลายกออกไปรบกับขงเบงเดินผานไปมา เห็นสุมาอี้นั่งหนานิว่ คิ้วขมวดอยูในคาย ตางพากัน
สมน้ําหนาแลวเดินผานเลยไป

ในขณะทีส ่ ุมาอีเ้ ปนทุกขใจอยูน


 ั้น ขาหลวงของพระเจาโจยอยก็เดินทางมาถึง แลวเอาหมายรับสั่งเขาไป
แจงแกสุมาอี้วา บัดนี้กองทัพเมืองกังตั๋งกําลังยกบุกรุกเขาตีวย
ุ กกทางทิศใต

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 41

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ดุลกําลังสามกก (ตอนที5
่ 66)

ขงเบงสรางโคกลขึ้นเปนครั้งแรกในโลก เพือ ่ แกไขปญหาการลําเลียงเสบียงอาหาร แลวแสรงทํากลใหสุ


มาอี้แยงชิงตัวอยางโคกลไปเปนตนแบบและสรางขึ้นใชในการลําเลียงเสบียงอาหารดวย จากนั้นจึง
วางแผนปลนชิงทั้งโคกล ทั้งเสบียง และทําลายกองทหารของสุมาอี้เปนจํานวนมาก ในขณะนั้นพระเจาโจ
ยอยก็มีหมายรับสั่งแจงใหสุมาอี้ทราบวา พระเจาซุนกวนยกกองทัพบุกวุยกกเปนสามทาง

สุมาอี้รับหมายรับสั่งจากขาหลวงมาอานดู ปรากฏความวาขณะนี้กองทัพเมืองกังตั๋งไดกรีฑาทัพรุกเขาตีวุ
ยกกเปนสามทาง ทางหนึ่งยกมาตั้งอยูท  ี่เมืองกังแฮ ทางหนึ่งจะยกเขาตีเมืองซงหยง และอีกทางหนึง่
กําลังจะเขาตีเมืองหับปา แตอยาใหสุมาอี้วิตกดวยการศึกทางดานเมืองกังตั๋ง ไวเปนธุระของพระเจาโจ
ยอยทีจ ่ ะยกไปปองกันและตีโตกองทัพของงอกกเอง

ในหมายรับสั่งนั้นไดกําชับสุมาอี้เปนสําคัญวา ใหสุมาอีต
้ ั้งคายมั่นไว อยาออกรบพุงกับขงเบง เราจะจัดแจง
กองทัพยกไปตานทานซุนกวนไวใหได

สุมาอี้แจงความในหมายรับสั่งแลวก็รูสึกเปนทุกขใจ ปรากฏวาสามกกทุกฉบับ มิไดระบุวาสุมาอี้เปนทุกขใจ


ดวยเหตุกังวลวาวุยกกจะเปนอันตราย หรือวาดวยเหตุอันใด แตสามกกฉบับวิจารณบางฉบับไดระบุวา ใน
น้ําใจลึกของสุมาอี้ที่วต ิ กทุกขใจในครั้งนี้ เพราะรูวา การที่พระเจาโจยอยทรงเขาบัญชาการทหารดวย
พระองคเอง และยกทหารไปตานทานกับงอกกในครั้งนี้ จะทําใหพระบารมีของพระเจาโจยอยในวงการ
ทหารเกริกกองเสมอดวยพระเจาวุยอองโจโฉ และทรงหลุดพนจากฐานะที่เปนฮองเตซึ่งเอาแตเสพสุขใน
ราชสํานักแตอยางเดียว ทั้งจะบังเกิดแมทพ ั นายกองที่มค ี วามสามารถประจักษขึ้นในการสงคราม ดังคติ
โบราณที่วา สงครามยอมสรางวีรชน และวีรชนยอมปรากฏตนขึ้นทามกลางสถานการณวก ิ ฤต ทําใหฐาน
อํานาจของสุมาอี้มีคูแขงมากขึน ้ ยากแกการสถาปนาอํานาจทางการเมืองอยางเบ็ดเสร็จในอนาคต ทั้งนี้
เพราะสุมาอี้รูดวี าตนเองยังเปนที่ระแวงพระทัยของพระเจาโจยอย อันเปนผลมาแตคําตรัสของพระเจาวุย
อองโจโฉในอดีตซึ่งเปรียบประดุจดังคําสาปทีว่ า สุมาอี้นี้อยาใหมีอํานาจทางการทหาร ถาหากมีอํานาจ
ทางการทหารขึน ้ เมื่อใดแลวก็จะเปนขบถตอ แผนดิน สุมาอี้ตระหนักดีวาอํานาจทางการทหารทีม ่ ีอยูลวน
เปนผลพวงจากสงครามกับจกกก เสร็จสงครามคราวใดอํานาจบัญชาทหารก็จะถูกเรียกกลับคืนทุกครั้งไป
ครั้นเกิดสงครามครั้งใหมก็จะโปรดเกลาแตงตัง้ เปนครั้งคราว เปนความเจ็บช้าํ น้ําใจและความนอยเนื้อต่ําใจ
ดุจดังหนองที่กลัดอยูในอกของสุมาอี้ และไมอาจบงใหหายโดย เด็ดขาดได

สุมาอี้เปนทุกขใจแตมิรท
ู ี่จะทําประการใดดวยเปนหมายรับสั่ง และคาดวาเวลานี้พระเจาโจยอยคงกรีฑาทัพ
ยกไปรับศึกเมืองกังตั๋งแลว สุมาอี้จึงไดแตกําชับทหารใหตรวจตราระมัดระวังเวรยามปองกันรักษาคายคู
และมิใหออกรบกับกองทัพของขงเบง

ฝายพระเจาโจยอย ครั้นไดรบ
ั ทราบขาวศึกเมืองกังตั๋งวายกกองทัพจะรุกเขาตีวุยกกถึงสามทาง จึงตรัสสั่ง
ใหจัดแจงกองทัพหลวงยกไปตานทานศึกเมืองกังตั๋งดวยพระองคเอง รับสั่งใหจัดกองทัพเปนสามสาย
สายแรกทรงตั้งใหเลาเซียวเปนแมทัพยกไปตานทานกองทัพเมืองกังตั๋งทางดานเมืองกังแฮ ใหเตียวอี้เปน
แมทัพยกทหารไปปองกันเมืองซงหยง สวนพระเจาโจยอยเองยกเปนทัพกษัตริยไปปองกันเมืองหับปา
และโปรดใหหมันทองเปนปลัดทัพ ใหมีหนาที่ตรวจตราลาดตระเวนตามชายทะเล

ครั้นกองทัพของพระเจาโจยอยทั้งสามสายยาตราทัพออกไปตานทานกองทัพเมืองกังตั๋งตามพระบัญชา
และกองทัพหลวงยกไปถึงเมืองหับปาแลว พระเจาโจยอยจึงตรัสสั่งใหหมันทองออกไปตรวจตราสภาพภูมิ
ประเทศและการขางกองทัพเรือของเมืองกังตั๋ง

ตอมาหมันทองไดกลับเขามาเฝาพระเจาโจยอยแลวกราบบังคมทูลวา ขาพระองคไดพาทหารออกไป
ลาดตระเวนและสังเกตการณกองทัพเรือเมืองกังตั๋งแลว เห็นกองทัพเรือเมืองกังตั๋งเปนอันมากจอดเรียง
รายประดับธงรบอยูในทะเลสาปเปนอันมาก แตยังมิไดเตรียมรบ ประหนึ่งวากองทัพของเมืองกังตั๋งยก
มาถึงกอน ยังไมรูวากองทัพของพระองคไดยกมาถึงแลว จึงยังประมาทมิไดกวดขันระมัดระวังเตรียมการรบ

หมันทองไดกราบบังคมทูลตอไปวา ชอบที่พระองคจะฉวยเอาโอกาสทีช ่ าวเมืองกังตั๋งประมาทมิได


เตรียมพรอมแตงกองทัพบก กองทัพเรือ รุกเขาโจมตีทําลายกองทัพเรือเมืองกังตั๋งเสียใหสิ้น เห็นจะกําจัด
ศึกทางดานเมืองหับปาไดเปนมั่นคง

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบบังคมทูลของหมันทองก็ทรงดีพระทัยและเห็นชอบกับแผนการทีห ่ มันทอง
เสนอ จึงตรัสสัง่ ใหเตียวกิ๋วจัดทหารเรือหาพัน นําคบเพลิงดินประสิวสุพรรณถันและเชื้อเพลิงลงเรือเร็วหา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 42

รอยลําบุกเขาโจมตีวางเพลิงเผากองทัพเรือเมืองกังตั๋งใหราบเรียบในเวลาสองยามวันนี้ และตรัสสัง่ ให


หมันทองจัดแจงทหารสองหมืน ่ คนยกไปโดยทางบก เขาปลนตีคายของทหารเมืองกังตั๋งพรอมกัน

หมันทองและเตียวกิ๋วรับพระบัญชาของพระเจาโจยอยแลวถวายบังคมลาออกไป จัดแจงทหาร และ


ตระเตรียมกองทัพบก กองทัพเรือ พรอมเชื้อเพลิงฟนไฟไวพรอมสรรพ คอยทาเวลาตามที่ทรงกําหนด
แลวจะยกเขาปฏิบัติการพรอมกัน

ขณะนั้นเปนชวงพนฤดูฝนยางเขาเทศกาลหนาแลง สายลมทะเลเวลาใกลสองยามคอยๆ แรงขึ้นโดยลําดับ


กองทัพบก กองทัพเรือของเตียวกิ๋วและหมันทองไดเคลือ ่ นออกจากที่ตงั้ อยางเงียบกริบ เขาประชิด
กองทัพเรือและคายของทหารเมืองกังตั๋ง โดยที่ฝา ยงอกกมิไดรูตวั เลยแมแตนอย

พอเวลาสองยามเตียวกิ๋วก็สั่งใหจุดประทัดสัญญาณขึ้น ทหารเรือทั้งหารอยลําก็ระดมยิงธนูเพลิงใส
กองทัพเรือของเมืองกังตั๋งดังหาฝนแลวจุดไฟขึ้นบนเรือเพลิงทั้งหารอยลํา ปลอยใหลองตามลมเขาชน
กองเรือรบของเมืองกังตั๋งอยางพรอมเพรียงกัน บรรดาทหารเรือของวุยกกเมื่อจุดเพลิงขึ้นในเรือแลวก็รีบ
หนีเพลิงลงเรือใหญ แจวถอยไปยกพลขึ้นบกยกไปสมทบกับกองทัพบก

เพลิงจากธนูเพลิงและจากเรือเพลิงลุกไหมกองเรือรบของเมืองกังตั๋งพรอม ๆ กันทุกลํา พอไฟลุกขึ้นลมก็


ยิ่งแรง ไฟก็ยิ่งกลา ลมก็ยิ่งกลาตามขึ้นไป เพียงครูเดียวแสงเพลิงลุกโชติชวงทวมกองเรือเมืองกังตั๋ง แสง
สีแดงฉานจับทองฟาดุจเวลากลางวันสวางไสวไปทั่วทั้งอาว ทหารเรือเมืองกังตั๋งไมทันรูเนื้อรูตัว แสง
เพลิงก็ไหมลามมาถึงตัว คิดจะดับเพลิงก็ไมทัน จึงพากันกระโดดลงน้ําวายกลับเขาฝง แตจมน้าํ ตายและ
ถูกเพลิงไหมเสียเปนจํานวนมาก

ฝายกองทัพบกของหมันทอง ครั้นเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นทางกองทัพเรือก็สั่งทหารใหระดมยิงธนูเพลิงเขา
ไปในคายของทหารเมืองกังตัง๋ และสั่งทหารใหหักเขาตีคา ยพรอมกันทุกคาย แสงเพลิงที่ลุกขึ้นในคาย
ประสานกับเสียงโหรอง เสียงประทัด ฆองกลองของทหารวุยกกดังลั่นสนัน ่ ไปทั่ว ทหารเมืองกังตั๋งกําลัง
หลับนอนพักผอนดวยความสุขสบาย ไมทันไดรูตัวก็พากันแตกตื่นวิ่งหนี ถูกทหารวุยกกฆาฟนบาดเจ็บลม
ตายลงเปนอันมาก ทหารวุยกกไดยึดศาสตราวุธและจับทหารงอกกเปนเชลยนับไมถวน กองทัพงอกกดาน
ที่ยกจะมาตีเมืองหับปาจึงตองแตกหนีไปอยางไมเปนทา

ฝายจูกัดกิ๋นซึ่งคุมกองทัพงอกกยกไปทางดานเมืองกังแฮ ครั้นทราบขาววากองทัพสายทีย
่ กไปตีเมือง
หับปาเสียทีแกกองทัพวุยกกแตกถอยกลับสิ้นแลวก็ตกใจ ไมกลายกกองทัพรุดหนาตอไป สั่งใหตั้งมัน่
ระวังตัวแลวรีบเดินทางไปหาลกซุนซึ่งคุมกองทัพสายที่จะยกไปตีเมืองซงหยง

ในขณะนั้นลกซุนตั้งกองทัพอยูท  ี่ตําบลแฮเคา มิไดยกกองทัพคืบหนาไป เพราะในน้าํ ใจลกซุนนั้นไม


ประสงคที่จะยกกองทัพไปตีวุยกกตามที่ขงเบงไดรองขอมายัง พระเจาซุนกวน ดวยตระหนักวาถามาตร
แมนขงเบงทําการสําเร็จ ทั้งจกกกและงอกกรวมกันตีวย ุ กกแตกสลายไปแลว จกกกซึ่งเปนกกใหญ มีทหาร
ซึ่งมีสติปญญาและฝมือเปนอันมากก็จะตั้งตนเปนใหญแตกกเดียว งอกกซึ่งมีกําลังนอยกวาไหนเลยจะ
ตานทานอํานาจของจกกกได เห็นจะตองยอมสวามิภักดิ์หรือโอนออนตามจกกก ดุจดังเมื่อครั้งที่พระเจา
ซุนกวนเคยออนนอมตอพระเจาวุยอองโจโฉ ถึงวันนั้นแลวสัญญาที่ ขงเบงใหไววาจะแบงแผนดินวุยกกให
ครึ่งหนึ่งก็ยอมไมมีผลบังคับแตประการใด การดํารงสถานการณที่เปนสามกกใหตางกกตางคานกัน ไมขึ้น
ตอกันดังที่เปนอยูนี้จะเปนประโยชนแกงอกกยิ่งกวา ดังนัน ้ แมไดรับรับสัง่ ใหคุมกองทัพไปตีเมืองซงหยง
แตลกซุนก็แสรงหนวงเหนี่ยวเดินทัพอยางเชือ ่ งชา หาไดตั้งใจตีเมืองซงหยงจริงๆ ไม และหวังวาวันเวลา
ที่ผา นไปเมื่อกองทัพจกกกทีต ่ ําบลเขากิสานขาดเสบียงลงแลว ขงเบงก็ยอมตองถอยทัพ ถึงเวลานั้นก็จะ
อางเปนเหตุยกทัพกลับคืนเมืองกังตั๋งบาง

ครั้นลกซุนทราบวาจูกัดกิ๋นมาหาถึงคายก็ออกไปตอนรับคํานับทักทายตามประเพณี แลวเชิญจูกัดกิ๋นเขา
มาสนทนากันในคายหลวง ลกซุนไดฟงขาวคราวดานเมืองหับปาจากจูกัดกิ๋นแลว ในน้ําใจลึกของลกซุนก็
มีความยินดี แลวคิดวาแผนการบุกวุยกกของงอกกครั้งนี้ไดลมครืนลงมาแลว แตเพื่อริดรอนกําลังทหาร
ของวุยกกก็ชอบที่จะทําลายกองทัพวุยกกบางสวนเสียกอนที่จะถอยทัพ

ดังนั้นลกซุนจึงกลาวกับจูกัดกิน
๋ วา ขาพเจาเห็นวาซึ่งจะตีกองทัพวุยกกทีย
่ กมา สกัดกองทัพงอกกในครัง้ นี้
ชอบที่จะรวมศูนยกําลังเขาตีกองทัพพระเจาโจยอย เพราะเมื่อกองทัพหลวงของวุยกกตองแตกพายไป
แลวก็จะทําการตอไปไดโดยสะดวก ขาพเจาจะแตงฎีกากราบทูลพระเจาซุนกวนซึ่งตั้งอยู ณ เมืองซินเสีย
ใหยกกองทัพออมไปสกัดเสนทางถอยของกองทัพพระเจาโจยอยทางดานหลัง ขาพเจาจะยกกองทัพตี
กระหนาบเขาไปทางดานหนา กองทัพของพระเจาโจยอยเห็นจะแตกพายไปเปนมั่นคง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 43

จูกัดกิ๋นและแมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงแผนการของลกซุนก็เห็นชอบพรอมกัน ลกซุนจึงแตงฎีกาและใช
ใหมาเร็วถือไปสงแกกองทัพของพระเจาซุนกวนซึ่งตั้งอยูท
 ี่เมือง ซินเสีย

แตสวรรคไมเขาขางงอกก ครั้นมาเร็วถือฎีกาของลกซุนใกลจะถึงเมืองซินเสีย ก็เผชิญหนากับกองทหาร


ลาดตระเวนระยะไกลของวุยกก กองลาดตระเวนเห็นเปนพิรุธจึงจับตัวมาเร็วไว เมื่อคนตัวก็พบฎีกาของลก
ซุน จึงคุมตัวมาเร็วกลับไปที่เมืองหับปา แลวนําฎีกานั้นเขาไปทูลเกลาถวายพระเจาโจยอย

พระเจาโจยอยทอดพระเนตรฎีกาของลกซุนแลวตกพระทัย ตรัสวาสติปญญาความคิดอานของลกซุน
ลึกซึ้งหลักแหลมนัก เดชะบุญที่จับตัวมาเร็วไดทําใหเราลวงรูความลับกอน หาไมแลวกองทัพเราเห็นจะ
เปนอันตรายเปนมั่นคง ตรัสแลวจึงรับสั่งใหจําขังมาเร็วเอาไวกอน

ครั้นทหารคุมตัวมาเร็วออกไปแลว พระเจาโจยอยจึงมีหมายรับสั่งใหมา เร็วนําไปมอบแกเลาเซียวซึ่งยกไป


สกัดกองทัพจกกกทางดานเมืองกังแฮ ใหยกกองทัพไปตั้งสกัดทางกองทัพลกซุนไว อยาใหกองทัพเมือง
กังตั๋งยกออมไปทางดานหลังกองทัพของพระเจาโจยอยได

ฝายจูกัดกิ๋นหลังจากปรึกษากับลกซุนแลวจึงเดินทางกลับไปที่คายเมืองกังแฮ ครั้นไดทราบวาทหารวุยกก
สายทีย่ กมาเมืองกังแฮไดลาถอยกลับไปแลว จึงสั่งใหลา ทัพถอยมาตั้งคายหางจากที่เดิมสองรอยเสน แต
ขณะนั้นเปนเทศกาลแลงจัด ทั้งการลําเลียงเสบียงอาหารขาดความเปนระบบ ทหารเมืองกังตั๋งขาดแคลน
เสบียงอาหาร อดขาวอดน้ํา อิดโรยปวยเจ็บลมตายลงเปนอันมาก จูกัดกิ๋นจึงแตงหนังสือใหมาเร็วถือไป
ใหแกลกซุนทีค ่ า ยแฮเคาวา สภาพการณบัดนี้เห็นทีจะยกเขาตีวุยกกไมสําเร็จ อยาใหไดยากแกไพรพล
สืบไป ชอบทีท ่ า นแมทัพจะขอรับพระบรมราชานุญาตจากพระเจาซุนกวนเลิกทัพกลับไปเมืองกังตั๋ง

ลกซุนไดรับหนังสือของจูกัดกิ๋นแลว ทําทีเปนทองไมรูรอน แสรงบอกกับมาเร็วใหกลับไปบอกแกจูกัดกิ๋น


วา อยาเพอยกทัพกลับเมืองกังตั๋ง ใหตั้งมั่นอยูในที่เดิมกอน การทัง้ ปวงนั้นเราไดเตรียมไวพรอมแลว

จูกัดกิ๋นทราบความก็ประหลาดใจ จึงซักไซรไลเลียงกับมาเร็ววาเจาเห็นลกซุนทําการประการใดบาง มาเร็ว


ไดแจงวามิไดเห็นลกซุนทําการประการใด เห็นแตใหทหารปลูกถั่วปลูกมันและผักไวริมคายเปนอันมาก ตัว
ลกซุนเองแตละวันเอาแตออกกําลังกายรายรําเพลงกระบี่กับทหารอยูท  ี่ดานหนาคาย

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

กลศึกหุบเขาน้ําเตา (ตอนที5
่ 67)

ในขณะทีด ่ านตําบลเขากิสาน กองทัพจกกกกําลังคุกคามวุยกกอยูนั้น งอกกก็ไดกรีฑาทัพถึงสามทางรุก


เขาตีจกกกทางดานใต แตเมื่อกองทัพเรือของงอกกถูกลอบโจมตีและวางเพลิงแลวงอกกก็ตกอยูในสภาพ
รนถอย จูกัดกิ๋นแมทัพสายเมืองกังแฮทราบวาลกซุนมิไดคด ิ รบพุง เอาแตปลูกถั่ว ปลูกมัน ปลูกผักและราย
รํากระบี่กต
็ กใจ

จูกัดกิ๋นจึงกลาวกับแมทัพนายกองทั้งปวงวา ลกซุนวางแผนจะสูรบกับกองทัพวุยกกแลวไฉนจะมามัวทํา
การมโนสาเรอยูดังนี้ ทหารทัง้ ปวงมิรูเบื้องลึกความลับประการใด ก็ไดแตงน ุ งงสงสัย จูกัดกิ๋นจึงรีบเดินทาง
ไปหาลกซุนอีกครั้งหนึ่ง แลวสอบถามเหตุผลตนปลายทีล ่ กซุนกระทําอยูนน
ั้

ลกซุนจึงกลาววา ซึ่งขาพเจามีฎีกาไปกราบบังคมทูลใหพระเจาซุนกวนยกกองทัพมาตีกระหนาบกองทัพ
ของพระเจาโจยอยนั้น มาเร็วที่ถือฎีกาบังเอิญถูกทหารวุยกกจับตัวได อุบายของขาพเจาจึงเสียไป กอน
หนาทีท
่ านจะมาถึงขาพเจาไดแตงฎีกาสงไปถวายพระเจาซุนกวน ขอพระบรมราชานุญาตเลิกทัพกลับไป
เมืองกังตั๋งแลว คาดวาจะมีพระบรมราชานุญาต

จูกัดกิ๋นจึงวา เมื่อทานมั่นใจดังนี้ก็ชอบที่จะเลิกทัพกลับไปเมืองกังตั๋งกอน

ลกซุนจึงวา การจะเลิกทัพแลวถอยกลับนั้นมิใชเรื่องงาย ดวยกองทัพขาพเจาอยูใกลกับกองทัพของวุยกก


หากทหารวุยกกรูก็จะยกมาไลตามตี จําจะคิดอุบายถอยทัพใหแยบยล กองทัพจึงไมเปนอันตราย

จูกัดกิ๋นจึงถามวา ทานแมทัพจะคิดอานประการใด

ลกซุนจึงตอบวาทานจงรีบกลับไปที่คาย แตงทัพเรือใหพรอมไว ทําทีเปน เตรียมการจะยกพลขึ้นบกบุก


แดนวุยกกอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยกกรูดังนั้นก็จะสําคัญวาเราเตรียมกองทัพจะเขาตี เห็นจะตั้งมั่นคอยรับมือ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 44

เปนทีแลวจึงคอยเลิกทัพถอยกลับเขาเมืองกังตั๋ง ขาพเจาก็จะถือโอกาสนั้นเลิกทัพกลับคืนเมืองกังตั๋ง
ตอไป

จูกัดกิ๋นไดฟงดังนั้นก็เห็นดวย จึงลาลกซุนเดินทางกลับไปคาย จัดแจงเรือรบและกองทัพบกพรอมไว ทําที


เปนเตรียมพรอมเพื่อจะรุกรบตอไป

ฝายพระเจาโจยอย ครั้นทราบความเคลื่อนไหวของกองทัพลกซุนและกองทัพของจูกัดกิน ๋ ก็ทรงหวั่น


พระทัยวาซึ่งกองทัพงอกกจัดแจงดังนี้ หรือเปนการเตรียมรุกแดนวุยกกครัง้ ใหญ ทรงคิดดังนั้นแลวจึงตรัส
สั่งใหกองทัพทุกกองตั้งมั่นระมัดระวังปองกันกองทัพงอกกซึ่งจะยกมาโจมตี

หลังจากนั้นหาวันหนวยสอดแนมไดนําความเขามากราบบังคมทูลวา บัดนี้กองทัพเมืองกังตั๋งทุกกองทัพ
ไดเลิกทัพถอยกลับไปแลว พระเจาโจยอยไดทราบรายงานดังนั้นก็สําคัญวาเปนกลอุบายของลกซุน จึง
ตรัสกําชับใหหนวยลาดตระเวนและหนวยสอดแนมเรงกวดขันสืบทราบขาวคราวขางกองทัพเมืองกังตั๋ง
และตรัสสั่งทหารทั้งปวงใหตั้งมั่นอยูในคาย คอยฟงทวงทีใหแนชด
ั กอนวากองทัพเมืองกังตั๋งถอยทัพจริง
หรือไมประการใด

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนแปด กองทัพของขงเบงยังคงตั้งประจัญ


อยูกับกองทัพของสุมาอี้ทต ี่ ําบลเขากิสาน ขงเบงเห็นวันเวลาผานมาหลายวันแตกองทัพของสุมาอี้ยังคง
ตั้งมั่นอยูแตในคาย มิไดมท ี าทีจะยกมารบพุง ก็คิดวาชะรอยจะมีเหตุการณประการใดเกิดขึ้นขางกองทัพวุ
ยกก ครั้นไดทราบขาวจากหนวยสอดแนมวา ขณะนี้กองทัพของพระเจาซุนกวนไดกรีฑาทัพบุกวุยกก
ทางดานใตถึงสามสาย พระเจาโจยอยไดคุมกองทัพหลวงยกไปตานทานกองทัพของงอกกดวยพระองค
เอง ขงเบงก็ดีใจคิดวาซึ่งสุมาอี้ทําการดังนีก ้ ็เพียงเพื่อตั้งมั่นปองกันมิใหเรายกรุกลวงเขาไปจนกลายเปน
ศึกกระหนาบเหนือใตเทานั้น หากสุมาอี้ไมยอมรบพุงดังนี้ การศึกก็จะยืดเยื้อยาวนานตอไป ครั้นจะยก
กองทัพรุกขามแมน้ําอุยโหก็เปนอันตรายอยางยิ่งเพราะกองทัพวุยกกตั้งมั่นควบคุมสถานการณอยูทั้งสอง
ฝงแมน้ํา

ขงเบงคํานึงตอไปวาปญหาเฉพาะหนาที่สาํ คัญทีส ่ ุดที่คุกคามกองทัพจกกกคือปญหาเสบียงอาหาร ซึง่


ขณะนี้ไดกําหนดมาตรการแกไขใหผอนคลายลงไปไดแลว โดยใหทหารทีต ่ ั้งคายรายเรียงอยูตั้งแตดา น
เกี้ยมโกะถึงเขากิสานยีส
่ ิบสี่ยส
ี่ ิบหาคายรวมทํานา ปลูกถั่วปลูกมันกับชาวเมืองวุยกก ตกลงกับชาวนา
ชาวไรทั้งปวงวา กองทัพจกกกจะขอแบงผลผลิตหนึ่งสวนในสามสวน อีกสองสวนใหเปนของชาวนา
ชาวไร ทําใหชาวนาชาวไรทงั้ ปวงมีความยินดี ตกลงใหทหารจกกกตลอดเสนทางเดินทัพรวมทํานาทําไร
และแบงพืชผลตามขอตกลงดังกลาว นอกจากนี้ยังไดกําชับทหารทั้งปวงใหปรับทุกขผูกมิตรสนิทสนมกับ
ราษฎร มิใหเบียดเบียนขมเหง ชาวเมืองวุยกกตลอด เสนทางจึงยินดีรักใครทหารของขงเบงเปนอันมาก
ทําใหทหารจกกกและราษฎรวุยกกสนิทสนมเปนปกแผนราวกับวาเปนชาวแควนเดียวกัน กิตติศัพทได
เลื่องลือไปทั่ว แตการซึ่งจะตั้งกองทัพยันกันอยูไมมีทส ี่ ิ้นสุดดังนี้ผิดวิสย
ั การสงคราม

ดังนั้นขงเบงจึงจําตองคิดอานเผด็จศึก และเห็นวาซึ่งจะเผด็จศึกวุยกกใหราบคาบไดนั้น เบื้องแรกจะตอง


ตัดศีรษะคือสุมาอี้อันเปนมันสมองของกองทัพวุยกกใหไดกอ  น จึงจะทําการใหสําเร็จไดโดยสะดวก หากสุ
มาอี้ยังมีชีวต
ิ อยูตราบใดซึ่งจะรุกลึกเขาไปยิ่งกวานี้ขัดสนนัก ขงเบงตัดสินใจดังนั้นแลวจึงคิดอานแผนการ
ที่จะกําจัดสุมาอี้ใหไดกอน

ฝายสุมาสูซึ่งเปนบุตรของสุมาอี้และไดรับมอบหมายใหทําหนาที่คมุ กองลาดตระเวนและสอดแนมอีก
หนาทีห่ นึ่ง ไดยินกิตติศัพทซึ่งกองทัพขงเบงอุดมสมบูรณดวยเสบียงอาหาร มิไดขาดแคลนเหมือนดังที่
คาดคิดไว เพราะดําเนินนโยบายรวมทํานาทําไรกับชาวเมืองวุยกก และยังใชโคกลลําเลียงเสบียงจาก
เมืองฮันตงมาสมทบอีก มิหนําซ้ําชาวเมืองวุยกกตลอดเสนทางตั้งแตปลายแดนจนถึงตําบลเขากิสานลวน
รักใครชอบใจทหารของขงเบงไปทั้งสิ้น จึงเกรงวาหากสถานการณเปนไปเชนนี้ราษฎรวุยกกก็จะพากันไป
เขากับกองทัพของขงเบง การณจะกลับกลายเปนวาขงเบงจะใชทั้งคนและเสบียงอาหารของวุยกกเปน
กําลังบุกเขายึดวุยกกเสียเอง จึงมีความวิตกเปนอันมาก

ดังนั้นสุมาสูจึงเขาไปหาสุมาอีผ
้ ูบิดา แลวปรารภความวิตกใหผูพอฟง สุมาอีไ
้ ดยินคําบุตรก็กลาววา ขณะนี้
กองทัพเมืองกังตั๋งกําลังยกรุกเขาตีทางดานใต ฮองเตตองเสด็จนําทัพไปตานทานขาศึกดวยพระองคเอง
และมีหมายรับสั่งมากําชับใหเราตั้งมั่นรับมือขงเบง อยาใหออกรบพุง หากแมนไมทําตามรับสั่งก็จะเปน
โทษถึงประหารชีวิต

ในขณะนั้นทหารรักษาการณไดวิ่งเขามารายงานสุมาอี้วา อุยเอี๋ยนไดคุมทหารยกมาทารบที่ขางหนาคาย
และอุยเอี๋ยนไดเอาหมวกเกราะทองของทานสวมปลายไมเอามาชู เยาะเยยถากถางประจานทานแมทัพให
ไดอายอีกดวย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 45

สุมาอี้ไดฟงดังนั้นก็ทําเปนนิ่งเฉย แมทัพนายกองทั้งปวงทราบความก็พากันโกรธแคน เรงเราใหสุมาอี้ยก


ทหารออกไปรบกับอุยเอี๋ยน แตสุมาอี้กลับกลาววาฮองเตมีหมายรับสั่งหามออกไปรบพุง ดังนั้นแมเรามี
น้ําใจใครยกออกไปรบก็ไมอาจขัดรับสั่งได

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงคําสุมาอี้ก็โกรธ นึกดูหมิ่นวาสุมาอี้นี้เปนคนขี้ขลาดตาขาว ขาศึกเอาหมวก


เกราะยศซึ่งไดรับพระราชทานมาประจานใหไดอาย และกระทบตอพระเกียรติยศของพระเจาโจยอยถึง
เพียงนี้แลวก็ยังทนนิ่งเฉยอยูได ดังนั้นตางคนตางฮึดฮัดลุกขึน
้ ฉวยอาวุธจะออกไปรบกับอุยเอี๋ยน

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็โกรธ ตวาดดวยเสียงอันดังวา ตัวเราเปนแมทัพถืออาญาสิทธิ์ของฮองเต ไดหามปราม
พวกทานก็ไมฟง ถาแมนผูใดฝาฝนเราจําเปนตองตัดศีรษะเสีย แมทัพนายกองทั้งปวงไดยินสุมาอี้อาง
อํานาจแหงกระบี่อาญาสิทธิ์กพ ็ ากันอึ้ง แลวกลับมานั่งในที่เดิมดวยทาทีที่ฮด
ึ ฮัดไมพอใจอยางรุนแรง

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ จึงกลาววา อันโบราณกลาวไววาเหตุการณนิดหนึ่งจะพาใหเสียการใหญ พวกทานจําไมได
แลวหรือวากอนจะออกเดินทัพ ฮองเตก็ไดมีพระบรมราชโองการกําหนดยุทธวิธใี นการสูร บกับกองทัพขง
เบงวาใหใชวิธตี ั้งรับ อยายกออกไปรบพุง แมกองทัพขงเบงทํากลลาถอยก็อยาไดยกไปไลตามตี ไวแนแก
ใจแลววาขงเบงถอยทัพจริงจึงยกโจมตีก็จะไดชัยชนะ

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงดังนั้นก็ทวงวา พระบรมราชโองการของฮองเตเปนเพียงการกําหนดแนวทาง
กวาง ๆ เพื่อเปนเกณฑในการตัดสินใจเทานัน ้ คัมภีรพช
ิ ัยสงครามก็บงบอกวาอันแมทัพซึง่ อยูหนาศึก ให
พิเคราะหการสงครามอยางพลิกแพลงตามสถานการณ แมนไดทีรบพุง ถึงฮองเตจะสั่งหามก็ไมจําตองทํา
ตาม แมนเสียทีสรู บมิได ถึงมีหมายรับสั่งใหรบก็อยาใหออกไปรบ ดวยฮองเตนั้นอยูไกลจากสมรภูมิ ให
ถือเอากระบี่อาญาสิทธิ์พระราชทานเปนเด็ดขาดแทนพระองคทุกเมื่อ

สุมาอี้ไดยินแมทัพนายกองกลาวดังนั้นก็ยังคงนิ่งเฉย ปลอยใหอุยเอี๋ยนดาวาเยาะเยยอยูจนถึงเวลาเย็น
แลวกลับไปคายเอง ตั้งแตวันนั้นมาบรรดาแมทัพนายกองทั้งปวงก็ฮึดฮัดดูหมิ่นสุมาอี้วาขี้ขลาดตาขาวเปน
อันมาก

ฝายขงเบงหลังจากสุมาอี้ไมยกออกมารบพุง ก็ตั้งหนาคิดอานแผนการเผด็จศึกอยูห  ลายวัน บางวันได


ออกไปตรวจตราดูภูมิประเทศดวยตนเอง และเห็นภูมิประเทศในหุบเขาน้ําเตาเปนที่ชอบกลตรงกับ
แผนการทีค ่ ิดไว ขงเบงก็มีความยินดี รําพึงวากลโคกลของเราจะทําลายสุมาอี้เปนผุยผงก็ในครั้งนี้

แผนการใชโคกลเพื่อบรรลุภารกิจสําคัญในประการทีส ่ ามไดกอ
 รูปรางขึ้นในแผนยุทธการสําคัญของขงเบง
แลว และเปนแผนการที่มั่นใจวากลอุบายในครั้งนี้จะสังหารผลาญชีวิตสุมาอี้ใหกลายเปนผุยผงไดเปนแน
แท

ขงเบงจึงเริ่มการดวยการสั่งใหมาตายคุมทหารไปตัดไม แลวทําเปนคายขึน
้ ที่ปากทางหุบเขาน้ําเตา และ
ใหสรางโรงเหมือนโรงเก็บเสบียงไวกลางหุบเขาเปนอันมาก หางจากโรงเก็บเสบียงทําเปนคายพักทหาร
ขนาดเล็กตั้งไวโดยรอบ ในโรงเก็บเสบียงและคายพักทหารนั้นใหเอาเชื้อเพลิง ดินประสิวสุพรรณถันใสไว
จนเต็ม ตอฝกแคสายชนวนออกไปที่ดานขางใกลเชิงเขา และหางออกมาจากคายพักทหารใกลเชิงเขาให
ขุดหลุมลึกวาเศษเปนจํานวนมาก เอาไมไผขัดแตะปดปากหลุม เอาดินประสิวสุพรรณถันโรยไวโดยทั่ว
แลวเอาดินและใบไมแหงกลบปดไวไมใหเห็นรองรอย ตอสายชนวนฝกแคโยงตอกับสายชนวนทีล ่ ามโยง
มาจากโรงเสบียงและคายพัก และยังตอสายชนวนโยงออกไปยังจุดตาง ๆ ในหุบเขาอีกหลายจุดอยาง
ทั่วถึง

ครั้นทําการทั้งปวงเสร็จแลว ขงเบงจึงสั่งใหมาตายเอาโคมไฟเจ็ดดวงไปแขวนหอยไวที่ปากทางเขาหุบ
เขา และสั่งอุยเอี๋ยนใหออกไปทารบกับสุมาอีอ้ ีก กําชับวาครัง้ นี้หากสุมาอีใ้ หทหารออกมาสูรบ ก็ใหรบถวง
เวลาไวจนเวลาพลบค่ํา แลวแสรงถอยมาที่โคมไฟเจ็ดดวงซึ่งจุดไวที่ปากทางหุบเขาน้ําเตานั้น

ขงเบงไดสั่งการตอไปใหโกเสียงซึ่งคุมกองเสบียงลําเลียงมาจากเมืองฮันตง จัดขบวนการลําเลียงเสบียง
อาหารเสียใหม ใหจด ั ทหารคุมโคกลแบงเปนกองๆ กองละหาตัวบาง สิบตัวบาง สีส ่ ิบตัวบาง หาสิบตัวบาง
แลวทยอยกันขนเสบียงไปทีห ่ บุ เขาน้ําเตาอยาใหขาดสายทุกวัน หากแมนสุมาอี้ใหทหารมาโจมตีก็แสรงวิ่ง
หนีทิ้งโคกลเสีย เวนแตสุมาอีย
้ กมาเองก็ใหรม ุ ตีกระหนาบจับตัวสุมาอี้ใหจงได

สั่งการแลวขงเบงจึงจัดทหารอีกกองหนึ่งยกขึ้นไปตั้งอยูบนเนินเขาตนลม คอยสังเกตการณความ
เคลื่อนไหวของกองทัพสุมาอี้ ฝายแฮหัวโฮและแฮหัวฮุยไดทราบขาวจากหนวยสอดแนมวา ทหารจกกก
ลําเลียงเสบียงอาหารไปที่หุบเขาน้ําเตามิไดขาด และขางในหุบเขาก็มีคลังเสบียงใหญ มีทหารตั้งคาย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 46

เล็กๆ ดูแลอยูห
 ลายคาย ครัน
้ ตกกลางคืนเห็นแตโคมไฟเจ็ดดวงปกอยูปากทางเขาหุบเขาเทานั้น จึงนํา
ความไปรายงานแกสุมาอี้วา ขงเบงสั่งสมเสบียงมากมายดังนี้ เห็นทีเปนแผนการทําสงครามยืดเยื้อ หาก
นานไปราษฎรวุยกกเปนใจเขาดวยแลวจะรับมือกับกองทัพของขงเบงไดโดยยาก ชอบทีท ่ า นแมทัพจะคิด
อานตัดไฟเสียแตตนลม

สุมาอี้ไดฟงสองแมทัพจึงกลาววา เหตุการณประหลาดดังนี้เห็นจะเปนกลอุบายของขงเบงไมประการใดก็
ประการหนึ่ง ทานอยาเพิ่งวูวาม

สองแมทัพยังไมเคยกลขงเบง ไดยินคําสุมาอีจ ้ ึงกลาววา ขงเบงจะมีกลอุบายแยบยลอะไรหนักหนา สภาพ


พื้นที่ภูมิประเทศเราก็แจงอยู ไมเห็นจะคิดกลศึกประการใดที่ลึกซึ้งไดเลย ขาพเจาสองพี่นองจะขออาสา
ยกทหารไปยึดเอาเสบียงขงเบงเอง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สวรรคบันดาล (ตอนที5
่ 68)

ขงเบงคิดอานแผนการเผด็จศึกวุยกกและคิดกําจัดสุมาอี้เสียกอน จึงวางกลอุบายอันแยบยลไวทห ี่ ุบเขา


น้ําเตา แฮหัวโฮและแฮหัวฮุยเห็นกองทัพจกกกลําเลียงเสบียงอาหารไปที่หบ ุ เขาน้ําเตาไมขาดสาย จึงไป
รายงานความแกสุมาอี้และขออาสาไปตีชิงเอาเสบียง สุมาอีจ ้ ะทักทวงหามปรามก็ไมฟง ยืนยันขออาสาไป
ทําการตามความคิดเดิม

สุมาอี้ขัดไมไดจึงกลาววา เมื่อทานทั้งสองมุงมั่นจะอาสาไปทําการใหจงไดเราก็ขอบใจ แตใหระมัดระวังให


จงหนัก มิฉะนัน ้ อาจพลาดทาหลงกลของขงเบงไดโดยงาย ใหพวกทานคุมทหารคนละพัน แยกเขาตีเปน
สองกอง แมนยึดเสบียงไดพอสมควรแลวก็ใหรีบยกกองทัพกลับ

แฮหัวโฮกับแฮหัวฮุยไดรับอนุญาตจากแมทพ
ั ใหญดังนั้นก็มีความยินดี คํานับลาสุมาอี้ออกไปจัดแจงทหาร
แลวยกไปบรรจบกองทัพกันใกลเสนทางลําเลียงเสบียงที่จะไปยังหุบเขาน้ําเตา

ทหารจกกกเห็นทหารวุยกกบุกเขาจูโจมก็พากันวิ่งหนีตามคําสั่งของขงเบง ทหาร วุยกกจึงยึดไดโคกล


เกือบรอยตัว แลวพากลับไปทีค
่ าย และนําความไปรายงานแกสุมาอี้ทุกประการ

วันรุงขึ้นแฮหัวโฮและแฮหัวฮุยก็ยกทหารไปตีชิงเสบียงอีก แตครั้งนี้เห็นทหารซึ่งคุมเสบียงรอยกวาคนยก
ออกมาตั้งสกัดขวางทางไว แฮหัวโฮและแฮหัวฮุยจึงสั่งทหารใหปดลอมแลวจับกุมตัวทหารทั้งรอยคนนั้น
กลับไปคาย และนําความเขาไปรายงานแกสม ุ าอี้

สุมาอี้ไดทราบดังนั้นก็มีความยินดีและใครจะรูความขางกองทัพของขงเบง จึงสั่งใหเอาเชลยศึกทั้งรอยคน
มาทําการไตสวนวาขงเบงคิดอานจัดแจงกองทัพประการใด

เชลยศึกเหลานัน
้ ไดตอบเปนเสียงเดียวกันวา ขงเบงเห็นทานไมยกออกไปรบพุงก็สั่งทหารใหเตรียมการ
ทําสงครามยืดเยื้อ ใหทหารทําไรนารวมกับชาวเมืองวุยกก แลวลําเลียงเสบียงอาหารมาซองสุมไวที่หุบ
เขาน้ําเตา

สุมาอี้ไตสวนความเปนที่พอใจแลวจึงสั่งใหปลอยเชลยศึกเหลานั้นกลับไป แฮหัวโฮเห็นดังนั้นก็สงสัยจึง
ถามสุมาอี้วา ไฉนทานแมทัพจึงใหปลอยเชลยศึกเหลานี้เสียเลา

สุมาอี้หัวเราะแลวตอบวา ทานหนุมแกความนักจึงไมลวงรูความคิดเรา ซึ่งเราใหปลอยทหารขงเบงเสียนั้น


หวังจะใหเลื่องลือวาใจเรานี้มไ ิ ดพยาบาทแกทหารเลว ถึงมาตรวาทําการศึกก็คิดเอาแตนายทัพนายกอง
ซึ่งเปนตัวการ ซึ่งเราทําทั้งนี้เปนกลอุบายเหมือนครั้งลิบองรบกวนอู ณ เมืองเกงจิ๋ว ลิบองจับทหารกวนอู
ไดก็ใหปลอยเสีย

แฮหัวโฮไดยินดังนั้นก็สรรเสริญสุมาอี้วา มีแผนการอุบายครองใจเชลยศึกอยางลึกล้ํา นานไปวันขางหนา


ขางในกองทัพของขงเบงคงจะเรรวนปนปวนเปนมั่นคง

สุมาอี้ไดยินคําชมของแฮหัวโฮก็ไดใจ รีบออกคําสั่งสนามไปยังทุกกองทหารวานับแตวน ั นี้เปนตนไป ถา


หากจับเชลยศึกไดก็ใหปลอยตัวเสียใหสิ้น และสั่งใหทุกคายเตรียมพรอมปองกันระวังตัวอยาไดประมาท

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 47

วันรุงขึ้นแฮหัวโฮก็คุมทหารไปปลนชิงโคกลเสบียงของขงเบงอีก ไดโคกลไปอีกสามสิบตัว และจับเชลย


ศึกไดอีกหาสิบคน จึงนําความเขาไปรายงานแกสุมาอี้

สุมาอีท
้ ราบรายงานแลวจึงใหคม
ุ ตัวเชลยเขามาไตสวนวาตัวขงเบงตั้งคายอยูท
 ี่คายไหน และลําเลียง
เสบียงไปที่ไหนบาง

เชลยศึกทั้งหาสิบคนตอบเหมือนกันวาขงเบงตั้งคายพักอยูทค
ี่ ายเนินเขาเซียมกกในเขตเทือกเขากิสาน
และใหสรางคลังเสบียงใหมไวในหุบเขาน้ําเตา ทุกวันจะลําเลียงเสบียงไปเก็บตุนไวที่คลังเสบียงใหญใน
หุบเขาน้ําเตาทัง้ สิ้น

สุมาอี้ไตสวนความเชลยศึกกลุมนี้แลว เห็นความตรงกันกับเชลยศึกกลุม  กอน ก็เชื่อวาความซึ่งไตสวนนั้น


เปนความจริง จึงสั่งใหปลอยตัวเชลยศึกทั้งหาสิบคนเสีย แลวเรียกประชุมแมทัพนายกองทัง้ ปวง

สุมาอี้ไดปรารภแกบรรดาแมทพ
ั นายกองทั้งปวงวา เราดําเนินยุทธวิธต
ี ั้งรับ หวังใหกองทัพขงเบงสิ้นเสบียง
แลวเลิกทัพกลับไปเอง แตขงเบงนี้มีสติปญญาเปนอันมาก คิดอานแกไขปญหาเสบียงไดแลว ยังสราง
ความศรัทธารักใครกับบรรดาชาวเมืองอีก นานไปเบื้องหนาหากชาวเมืองเขาดวยกองทัพขงเบงสิ้นแลว วุ
ยกกเราก็จะเปนอันตราย

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหจัดทหารเปนสองกอง กองหนาใหยกไปตีคายใหญของขงเบงที่ภูเขากิสาน สุมาอี้


จะคุมกองทัพหลังยกหนุนตามไป

สุมาสูผูบตุ รสุมาอี้ไดยินคําสั่งสุมาอี้ดังนั้นจึงทวงวา คายใหญของขงเบงอยูทางดานหลังเขากิสาน สวน


คายที่อยูบนเนินเขาเซียมกกนั้นเปนคายเล็ก และเปนคายสวนหนา เหตุไฉนทานพอจึงไมบก ุ เขาโจมตีคาย
เล็กที่เนินเขาเซียมกกกอน แลวคอยยกไปตีคายใหญที่เขากิสานเลา หากทานพอยกไปตีคายใหญที่ตาํ บล
เขากิสาน ขงเบงคุมทหารอยูท  ี่เนินเขาเซียมกกก็อาจยกหนุนไปชวยได กองทัพเราถูกตีกระหนาบเขามา
ทั้งสองดาน จะไมเสียทีแกขงเบงดอกหรือ

สุมาอี้จึงวาคายที่ตําบลเขากิสานนั้นเปนคายใหญตั้งมั่นคง ถาหากเรายก กองทัพไปตีคายใหญแลว เห็น


ขงเบงจะพาทหารจากทุกคายยกไปชวยคายใหญ และหากขงเบงยกไปก็จะตองดวยกลของเรา เราจะนํา
กองทัพแยกไปตีเอาคลังเสบียงใหญของขงเบงที่หุบเขาน้ําเตาเสีย แลวจะใหเผาเสบียงขาวปลาอาหาร
ของกองทัพขงเบงที่คลังเสบียงใหญนั้นใหวายวอด กองทัพของขงเบงก็จะสิ้นขวัญกําลังใจเลิกทัพกลับไป
เอง

สุมาสูและแมทพั นายกองทั้งปวงไดยินคําอธิบายของสุมาอีช
้ ัดเจนวา ซึ่งจะยกไปตีคายใหญทต
ี่ ําบลเขากิ
สานนั้นเปนแตเพียงการตีลวง เปนกลอุบายใหขงเบงระดมทหารยกไปชวยคายใหญ แลวสุมาอี้จะฉวยเอา
โอกาสนั้นแยกกองทัพไปทําลายคลังเสบียงใหญของขงเบงที่หุบเขาน้ําเตาเสียใหวายวอด จึงพากัน
สรรเสริญความคิดของสุมาอี้วา แยบยลล้ําลึกเสมอดวยเทพยดา

พอวันรุงขึ้นสุมาอี้จึงจัดแจงกองทัพเปนสามกอง ใหเตียวฮองและงักหลิมคุมทหารหาพันเปนกองคอยระวัง
หลัง และใหจด ั ทหารอีกสองหมื่นเปนกองทัพหนายก ลวงหนาไปทางคายใหญของขงเบงที่ตําบลเขากิ
สานกอน สุมาอีค ้ ุมทหารอีกหาหมื่นเปนกองทัพหลวงยกตามไปแตหางๆ

ฝายขงเบงคุมทหารตั้งสังเกตการณอยูบนยอดเขาเปนเวลาหลายวัน แตละวันเห็นทหารสุมาอี้เขาตีชิงกอง
เสบียงและจับเชลยศึกไปสมดังแผนการที่วางไวก็มีความยินดี ตั้งตาคอยวาในทีส ่ ุดสุมาอีจ
้ ะตองนําทัพยก
ออกมาปลนเอาคลังเสบียงเปนมั่นคง ครั้นเห็นแตไกลลิบๆ วาสุมาอี้จด ั แจงกองทัพยกมา โดยกองทัพหนา
ยกลวงมากอนแตกองทัพหลวงของสุมาอี้ยกตามมาทีหลังหางๆ และเคลื่อนทัพอยางออยอิ่ง ขงเบงก็ยิ่งมี
ความยินดี แจงในความคิดของสุมาอี้วาสุมาอี้ทํากลทั้งนี้เพียงเพื่อหวังจะลวง แลวจะแยกยกทหารไปปลน
คลังเสบียงทีห
่ บ
ุ เขาน้ําเตา

ขงเบงจึงเรียกแมทัพนายกองเขามาพรอมกัน แลวสั่งวา ถาเห็นกองทัพสุมาอี้ยกไปตีคายใหญเรา ณ เขากิ


สาน ทานทั้งปวงจงลงไปทําเปนจะไปชวยปองกันคายใหญ แลวใหแยกวกตลบหลังกลับไปโจมตียด ึ เอา
คายสุมาอี้ใหจงได ทางหุบเขาน้ําเตาและคายทั้งปวงที่ตําบลเขากิสานนั้น ไวเปนธุระเราจัดการเอง

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงคําของขงเบงดังนั้น จึงคํานับลาลงไปจัดแจงทหารตามแผนการของขงเบง
ทุกประการ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 48

ฝายสุมาอีค
้ ุมกองทัพหลวงยกหนุนตามกองทัพหนามาหาง ๆ ครั้นถึงเนินเขาแหงหนึ่งจึงขี่มาขึ้นไป
สังเกตการณ เห็นกองทัพหนายกเขาไปใกลอาณาเขตคายใหญของขงเบงที่ตําบลเขากิสาน และเห็น
ทหารจากคายตาง ๆ ของขงเบงกําลังเคลื่อนพลเปนกอง ๆ จะไปชวยปองกันรักษาคายใหญทต ี่ ําบลเขากิ
สานก็มีความยินดี สั่งใหกองทัพหลวงเบนทิศทางการเดินทัพตรงไปยังหุบเขาน้ําเตาในทันที

สุมาอี้ขี่มานําหนาทหารเรงรุดจะใหเดินทางไปถึงหุบเขาน้ําเตาโดยไว ดวยสําคัญวาขงเบงหลงกลระดม
ไพรพลไปปองกันรักษาคายใหญทต ี่ ําบลเขากิสาน แตพอยกเขาไปใกลปากทางเขาหุบเขาน้ําเตา ก็เห็น
อุยเอี๋ยนขี่มาถือทวนคุมทหารสองรอยกวาคนออกมาสกัดขวางทางไวและรุกโจมตีเขามาอยางรวดเร็ว อุย
เอี๋ยนรองตวาดขึ้นดวยเสียงอันดังวา สุมาอี้วันนี้ไมพนมือกูเปนแนนอน

สุมาอี้เห็นอุยเอีย
๋ นคุมทหารออกมาสกัดแตนอยตัวก็สําคัญวาอุยเอี๋ยนเปนแตเพียงกองคุมกันคลังเสบียง
ไหนเลยจะตานทานกองทัพทีย ่ กมาได ใจหนึง่ ก็โกรธอุยเอี๋ยนที่ดาวาเปนหยาบคายแตแสรงทําเปนหัวเราะ
แลวขี่มารุดไปขางหนาทหารเขารบกับอุยเอี๋ยนตัวตอตัว และขับทหารใหโจมตีเขาไปในหุบเขา

อุยเอี๋ยนขี่มากรายทวนรบกับสุมาอี้ทําทีประหนึ่งจะสูต
 ายเพื่อปองกันหุบเขาน้ําเตาไวใหได แตพอรบกันได
สามเพลงเห็นทหารวุยกกหนุนเนื่องมาเปนอันมากก็ทําทีเปนตกใจกลัว รีบพาทหารหนีเขาไปทางโคมไฟ
เจ็ดดวงที่จด ุ ไวหนาปากทางหุบเขานั้น แลวลับหายเขาไปขางในหุบเขา

สุมาอี้ขี่มาไลตามอุยเอี๋ยน ในขณะทีส
่ ุมาสูและสุมาเจียวบุตรทั้งสองขี่มาตามบิดาไปอยางใกลชด
ิ แต
ทหารวุยกกนั้นยกลวงเขาไปในหุบเขาไดเพียงพันเศษ เพราะจํากัดดวยภูมิประเทศปากทางซึ่งคับแคบ
และภายในหุบเขาก็แออัดดวยทหารวุยกกที่ยกเขาไปถึงกอน

สุมาอี้เขาไปในหุบเขาแลวไมเห็นทหารขงเบงแมแตสักคนเดียว พบแตความเงียบวังเวง เห็นแตคลัง


เสบียง คายทหารตั้งอยูในหุบเขาเทานั้น สุมาอี้ไมทราบภูมิประเทศในหุบเขามากอน ก็สําคัญวาอุยเอี๋ย
นพาทหารซึ่งคุม  กันรักษาคลังเสบียงลาถอยออกไปทางดานหลังหุบเขาแลว จึงหัวเราะดวยความยินดีแลว
วาขงเบงคิดซองสุมเสบียงอาหารเปนคลังใหญไวทําศึกยืดยาว แตเดชะบุญที่เรามาถึงทําลายคลังเสบียง
ของขงเบงเสียได ศึกครั้งนี้ขงเบงจะตองพายแพเปนมั่นคง

สุมาอี้กลาวสิ้นคําลง ทหารก็วิ่งมารายงานวาที่เห็นเปนคลังเสบียงและคายทหารนั้น ขางในมีแตฟางและ


ฟนเต็มไปหมด และที่ปลายหุบเขามีเพียงซอกเล็ก ๆ ลําพังขี่มาตัวเดียวออกไปไดเทานั้น

สุมาอี้ไดฟงดังนั้นก็ตกใจ กลาวขึ้นอยางลืมตัววาหุบเขานี้เปนมรณะภูมค
ิ บ
ั ขันนัก ปากทางเขาแคบและ
ปลายทางออกก็เกือบจะตัน หากขาศึกปดทางเขาออกแลวโจมตีดว ยเพลิงเห็นจะเสียทีเปนมั่นคง

สุมาอี้กลาวสิ้นคําลง ก็ไดยน ิ เสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นบนยอดเขาโดยรอบหุบเขาทุกดาน และไดยน



เสียงทหารโหรอ  งดังอื้ออึง คบไฟจํานวนมากสวางพรึบขึ้นบนยอดเขาจนละลานตา ในพลันนั้นคบเพลิง
และธนูเพลิงถูกทิ้งและถูกยิงลงมาเบื้องลางดุจหาฝนดาวตก

ชั่วพริบตาเดียวที่ธนูเพลิงและคบไฟตกถึงพื้นก็ไหมลามสายชนวนบังเกิดเพลิงไหมขึ้นทั้งหุบเขา ลามไหม
คายและโรงเสบียงลุกโชติชวงจับทองฟาสีแดงฉานราวฟาเลือด สวางไสวดุจเวลากลางวัน ทหารวุยกกที่
อยูขางในหุบเขาพากันรองไหกลัวความตายดวยความรอนแรงแหงเพลิงที่ไหมลามอยูนนั้

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็ตกใจจนคุมสติไมได รองขึน
้ ดวยเสียงอันดังวา ชีวิตเราดับสิ้นแนแลวในวันนี้ พลันสายลม
แรงพัดวูบมา เปลวไฟตองสุมาอี้พลัดตกลงจากหลังมา พรอม ๆ กับสุมาสูและสุมาเจียว สุมาอี้ขณะที่กําลัง
จะใกลสิ้นสติกก ็ อดบุตรทั้งสองไวกับอก รองไหแลวกลาววา ครั้งนี้ชวี ิตเราพอลูกจะตายในที่นี้เปนมั่นคง

แมแสงเพลิงจะลุกขึ้นทั่วทั้งหุบเขาไมเห็นทางรอด ไดยน
ิ แตเสียงทหารวุยกกรองไหโหยหวนดวยความ
ปวดรอนจากไฟกาฬ สุมาอี้กพ ็ ยายามคุมสติ ตะกายจะขึ้นมาถึงสองสามครั้งก็พลัดตกรวงลงมาทุกครั้ง สุ
มาอี้และบุตรทัง้ สองคนไดแตกอดกันตัวกลม รองไหหมดอาลัยตายอยาก พริ้มตาเตรียมรับความตาย

ในขณะทีส ่ ุมาอีพ
้ ริ้มตารอความตายนั้นทองฟาพลันมืดครึ้ม อสุนีบาตฟาดเปรีย ้ งลงมาดังสนัน ่ หวั่นไหว ฝน
หาใหญไดตกลงมาโดยไรเคาฝนมาแตกอน สายฝนเมล็ดโตเทาถัว่ เขียวเทกระหน่ําลงมาไมขาดสาย
เพลิงที่กําลังไหมก็มอดดับไปสิ้น ชั่วพริบตาน้ําในหุบเขาก็ทวมถึงเกือบศอก สุมาอี้เห็นดังนั้นก็ดีใจ รองขึ้น
ดวยอารามดีใจสุดขีดวา บุญของเรามีอยูเปนอันมาก เทพยดาจึงบันดาลใหฝนตกลงมาชวยเรา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 49

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ยอดกลยุทธหนาดาน (ตอนที5
่ 69)

สุมาอีท
้ ํากลอุบายทําทีจะยกไปตีคายใหญของขงเบงที่เขากิสาน เพื่อใหขงเบงสงทหารไปปองกันรักษา
คายใหญ แลวยกกองทัพวกจะไปเผาทําลายเสบียงของขงเบงที่หุบเขาน้ําเตา โดยหารูไ  มวาการทํากล
อุบายเชนนั้นก็คือการตกเขาไปในกลของขงเบง เพราะแทจริงในหุบเขาน้ําเตาไมใชคลังเสบียง หากเปน
หุบเขาเพลิงที่เตรียมการไวเผาสุมาอี้โดยเฉพาะ แตสวรรคบน
ั ดาลใหฝนตก เพลิงดับไปสิ้น

สุมาอี้รต
ู ัววารอดตายก็ดีใจจนตะลึงพรึงเพริด รีบพาบุตรทั้งสองคนขึ้นมาควบยอนกลับไปทางปากทาง ซึ่ง
ทหารวุยกกยังคงออกันอยูดวยความตื่นตระหนกตกใจ เตียวฮองและงักหลิมซึ่งเปนกองหลังเห็นแสงเพลิง
ลุกขึ้นในหุบเขาน้ําเตา จึงเรงยกกองทัพมาชวยและรับเอาสุมาอี้ออกจากปากหุบเขา

ฝายมาตายซึ่งตั้งซุมคุมเชิงอยูในปาปากทางหุบเขาน้ําเตา เห็นกองทัพวุยกกยกมาเปนอันมาก ก็คิดเกรง


วาหากยกเขาตีก็จะเสียทีแกขาศึกเพราะมีทหารนอยกวา จึงพาทหารยกกลับไปคาย

ครั้นสุมาอี้และทหารวุยกกยกกลับไปใกลคาย ก็เห็นคายทางฝงทิศใตของแมน้ําอุยโหประดับประดาดวยธง
ของจกกก และมีทหารของขงเบงเปนจํานวนมากปองกันรักษาคายไวอยางเขมแข็ง คงเหลือแตคา ยฝง
ขางทิศเหนือทีย ่ ังสามารถรักษาไวได สุมาอี้ก็รูวาไมเพียงแตตองกลของขงเบงแทบถูกเพลิงคลอกตาย
เทานั้น ยังถูกขงเบงคิดกลตลบหลังใหทหารยกมายึดเอาคายในขณะที่ขา งในคายมีทหารแตเบาบางอีก
ดวย

ในขณะทีส ่ ุมาอีแ
้ ละทหารกําลังตกตะลึงที่เสียคายฝงทิศใตใหแกขงเบง ทหารจกกกทีย
่ ด ึ คายฝงทิศใตไว
ไดก็พากันยกออกมาโจมตีทหารของสุมาอี้อยางรวดเร็ว สุมาอี้และทหารกําลังขวัญเสียและไมมีขวัญสูร บ
ครั้นถูกจูโจมโดยไมทันตั้งตัวก็พากันแตกหนี สุมาอี้ไดนําทหารตีฝาไปทางปลายน้าํ ของแมน้ําอุยโห
ทหารจกกกก็ไลตามตีตอไป พบกับโกฉุยและซุนเลซึ่งกําลังพาทหารแตกหนีมาเชนเดียวกัน จึงพากันยก
ไปทางปลายน้าํ เพื่อหาทางขามแมน้ําไปยังฝง ขางทิศเหนือ

ทหารจกกกไลตามตีกองทัพสุมาอี้ไปเปนระยะทางสองรอยเสน เห็นไกลออกมาจากคายแลวจึงพากันลา
ถอยกลับไปคายดังเกา

สุมาอี้พาทหารไปทางปลายน้าํ ไกลออกไปถึงเจ็ดรอยเสน จึงพาทหารขามแมน้ําไปยังฝง ทิศเหนือ แลวยก


ยอนกลับมายังคายดานเหนือแมน้ําอุยโห

ฝายกองทัพหนาของสุมาอี้ทย ี่ กไปตีคายใหญของขงเบงที่ตําบลเขากิสานนัน ้ เมื่อยกไปถึงคายใหญก็เห็น


ทหารจกกกเตรียมพรอมปองกันระมัดระวังรักษาคายอยางเขมแข็งจึงหยุดยัง้ ไมกลาเขาตี ครั้นไดทราบวา
กองทัพหลวงของสุมาอี้ทย ี่ กไปปลนเสบียงทีห ่ ุบเขาน้ําเตาพายแพเสียทีแกขาศึก และคายฝงทิศใตของ
แมน้ําอุยโหก็เสียแกขงเบงสิน้ แลวก็พากันตกใจเสียขวัญ เกิดความวุนวายแตกตื่นทัว่ ทั้งกองทัพหนา จึง
พากันลาถอยทัพ

ในทันใดนั้นทหารในคายใหญตําบลเขากิสานก็พากันกรูไลตามตีเขาไปอยางรวดเร็ว ทหารของสุมาอี้กําลัง
ลาถอย ไมสามารถตั้งตัวตอสูกับขาศึกไดทน
ั ตางคนคิดแตจะหนีเอาตัวรอด จึงถูกทหารจกกกฆาฟน
บาดเจ็บลมตายลงเปนจํานวนมาก สามกกฉบับภาษาจีนระบุวา กองทัพหนาของสุมาอี้ถูกทหารจกกก
สังหารถึงแปดในเกาสวน พวกที่เหลือตายพากันหนีขามแมน้ําอุยโหไปยังฝงขางทิศเหนือสมทบกับทหาร
ของสุมาอี้

ฝายขงเบงยืนสังเกตการณอยูบนเนินเขา ครั้นเห็นอุยเอี๋ยนลอสุมาอี้ลวงปากหุบเขาน้ําเตาเขาไปแลว ขง
เบงก็ถอนหายใจอยางโลงอก พลางรําพึงวา ครั้งนีส
้ ุมาอี้จะตายอยูในเพลิงเปนมั่นคงแลว

ครั้นขงเบงเห็นแสงเพลิงลุกโชนแดงฉานทาบทองฟาเหนือหุบเขาน้ําเตา ก็ยิ่งมั่นใจวาแผนการอุบายที่คด ิ
การไวเปนอยางดีนั้นจะผลาญเผาสุมาอี้ใหเหลือแตเถาถาน สุมาอี้ตายแลวซึ่งจะคิดอานปราบปรามวุยกก
ใหราบคาบก็จะงายดายนัก ขงเบงจึงมีความยินดีเปนอันมาก แตพอแหงนหนามองขึ้นไปบนฟาขงเบงก็
ตองตกตะลึงเพราะเห็นเมฆดําทะมึนลอยมาปกคลุมเหนือหุบเขาน้ําเตาอยางไรรองรอย เมื่อไดยินเสียง
อุสนีบาตและเห็นฝนตกราวกับฟารัว่ แลวสุมาอี้หนีออกมาจากปากหุบเขาได ขงเบงก็ทรุดตัวลงนั่งกับโขด
หินอยางทอแท

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 50

ขงเบงรําพันดวยน้ําเสียงทีแ
่ ผวเบาประหนึ่งพูดตัดพอตอวากับเทพเจาบนสรวงสวรรควา แผนการอุบายเรา
เอาชีวิตสุมาอี้ไดอยูแลว แตสวรรคทานไรความยุติธรรม ค้ําจุนโจรชั่วกบฏตอแผนดิน จากนั้นขงเบงจึง
รําพึงกับตัววา สติปญ
 ญาของมนุษยแมเลิศล้าํ ลึกซึ้งปานไหน ก็ไมอาจพลิกผันลิขิตสวรรคไปไดเลย

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุความตอนนี้วา ครั้นฝนตกลงมาสุมาอี้รอดออกไปจากหุบเขา ขง


เบงจึงทอดใจใหญแลววา ธรรมดาคนทั้งปวงจะทําสิ่งใดก็ยอมสําเร็จดวยความคิด แมการไมตลอดก็เพราะ
ผูนั้นมีกรรมอยู

ขงเบงลุกขึ้นยืนสายศีรษะไปมาอยูครูหนึ่ง หนาก็จองขึ้นไปบนฟาประหนึ่งจะตอวาเทพยดาเบื้องบน ครู


หนึ่งขงเบงก็ถอนหายใจลึก แลวสั่งทหารใหถอนกําลังกลับไปคาย

ฝายสุมาอี้เมื่อกลับไปถึงคายฝง ทิศเหนือของแมน้ําอุยโหแลวใหรส
ู ึกประหวัน
่ พรั่นพรึงที่ชีวต
ิ สามพอลูก
หวุดหวิดจะตายในกองเพลิง แลวกลับรอดมาไดอยางปาฏิหาริย ทั้งรูสึกเสียใจที่ไพรพลทหารบาดเจ็บลม
ตายเปนอันมาก สุมาอี้เห็นทหารเหลืออยูแตนอ  ย ไมอาจทําสงครามเชิงรุกไดอีกตอไป จึงใหออกประกาศ
คําสั่งสนามไปยังทหารทุกกองวา แมเห็นทหารขงเบงยกมาก็อยาใหออกรบพุง จงรักษาคายไวใหมั่นคง
ถาผูใ ดมิฟงออกสูรบ เราก็จะใหตัดศีรษะเสีย

ฝายขงเบงครั้นกลับไปถึงคายใหญที่เขากิสานแลว ไดสั่งใหกองทัพหนายกขามแมน้ําอุยโหไปตาม
สะพานลอยที่ทหารของสุมาอี้ไดทําไว แลวยกไปตั้งคายอยูฝ
 งทิศเหนือของแมน้ําอุยโหอีกสองคาย ให
ทหารใชสะพานลอยขามแมนา้ํ ไปมาเชื่อมโยงถึงกัน คอยหนุนชวยกันและกัน เตรียมที่จะรุกเขาตีคายสุมา
อี้ตอไป

ครั้นตั้งคายฝงเหนือของแมน้ําอุยโหไดแลว ขงเบงจึงใหทหารยกไปทาสุมาอีท
้ ี่หนาคายของทหารวุยกก
ใหยกทหารออกมารบกันเปนหลายครั้งหลายหน

ฝายโกฉุยและซุนเลเห็นทหารจกกกมาทารบและดาวาทาทายเปนหยาบชาก็โกรธ ครั้งแรก ๆ สามารถ


ระงับโทสะเอาไวไดดวยเกรงคําสั่งของสุมาอี้ที่ไมใหยกออกไปรบ ครั้นหลายหนเขาโกฉุยและซุนเลก็ทน
ไมได ทั้งบรรดาแมทัพนายกองทั้งปวงพากันโกรธแคนทหารจกกก ใครจะยกออกไปรบกับทหารขงเบงอยู
ทุกตัวคน แมทพ ั นายกองเหลานั้นไดรุมเราชักชวนโกฉุยและซุนเลใหยกออกไปรบกับทหารของขงเบง

โกฉุยและซุนเลจึงพาแมทัพนายกองทั้งปวงเขาไปหาสุมาอีท ้ ี่คายหลวง ขออนุญาตยกทหารออกไปรบกับ


ทหารจกกก แตสุมาอี้กลับสายศีรษะแลวกลาววา ใหรักษาคายไวจงมั่นคงเถิด อยาออกรบพุงเลย

โกฉุย ซุนเล และแมทัพนายกองทั้งปวงจึงตองพากันสายศีรษะกลับออกมาดวยความผิดหวัง และพากัน


นึกดูหมิ่นสุมาอีว้ าไมสมควรที่จะเปนแมทัพ เกรงกลัวขงเบงจนกลายเปนคนสิ้นคิดยิ่งกวาหนูกลัวแมวเสีย
อีก

ฝายขงเบงใหทหารออกไปทาสุมาอี้ใหยกออกมารบพุงเปนหลายครั้งหลายหน ไมเห็นสุมาอีย
้ กทหาร
ออกมารบ ก็คิดเยาะเยยใหสุมาอี้โกรธและไดอายแกคนทั้งปวง จึงใหเอาผาซับในกางเกงหญิงนั้นมาใสหีบ
ลง กับหนังสือซึ่งแตงฉบับหนึง่ แลวสั่งทหารใหเอาไปมอบแกสุมาอี้

สุมาอีท
้ ราบรายงานจากทหารรักษาการณวาขงเบงใหทหารนําสิ่งของมามอบก็รูสึกประหลาดใจ จึงใหรับ
ทหารของขงเบงเขาไปในคาย ทหารนั้นก็เอาหีบและหนังสือมอบแก สุมาอีต ้ ามคําสั่งของขงเบง สุมาอี้รบ

เอาของทั้งสองสิ่งแลวก็บอกใหทหารของขงเบงรออยูกอน คิดวามีการใดจะโตตอบก็จะไดฝากไปกับ
ทหารของขงเบงนั้น

ครั้นสุมาอี้เปดหีบเห็นของขางในสีหนาก็แดงก่ํา แลวฉีกซองซึ่งผนึกหนังสือขงเบง ออกอาน ปรากฏความ


วา สุมาอี้เปนขุนนางผูใหญในเมืองลกเอี๋ยง ยกกองทัพออกมาจะทําสงครามดวยเรา เหตุใดจึงนิ่งอยูใ น
คายชานาน มิไดออกรบพุงใหรูจักฝมือแลความคิดกันไว อันธรรมดาเปนชาติทหารแลวมิไดออกจากคาย
ฉะนี้ ก็เหมือนหนึ่งผาซับในกางเกงของหญิงซึ่งเราใหไปนั้น แลเราทําการมาใหทั้งนี้หวังจะใหสุมาอี้อัปยศ
แกทหารทั้งปวง จะไดมีมานะออกรบพุงดวยเรา

สุมาอี้ตั้งแตแรกเปดหีบเห็นสิง่ ของที่ขงเบงสงมามอบก็โกรธจนหนาแดง ยิง่ ไดอานหนังสือของขงเบงก็ยิ่ง


แคนเคือง ชําเลืองตามองบรรดาแมทัพนายกองที่อยูพรอมหนากัน ในใจก็รส ู ึกอัปยศอดสูเปนที่ยิ่ง พลันได
คิดวาซึ่งขงเบงทําการทั้งนี้หมายใหเราไดอัปยศแกผูคนทั้งปวง แลวจะยกทหารออกไปรบพุงก็จะตองดวย
กลของขงเบง กระนั้นเลยจําจะทําในสิ่งที่ตรงกันขามกับความปรารถนาของขงเบง ไมใหกลของขงเบงบรร
ลุผลในครั้งนี้

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 51

สุมาอี้แมเห็นบรรดาแมทัพนายกองพากันโกรธแคนจนตัวสัน ่ ก็ทําเปนไมสนใจ เงยหนามองเพดานแลว


หัวเราะดังลั่น พลันหยิบเอาซับในกางเกงสตรีออกมาชูใหแมทัพนายกองทั้งปวงดู แลวหยิบเอากางเกง
สตรีทใี่ สมาพรอมกันในหีบนั้นมานุงเดินหัวเราะรวนไปมา พลางกลาววาเมื่อขงเบงมีน้ําใจมอบของทั้งนี้
ใหแกเรา เราก็ตองสนองน้ําใจของขงเบง กลาวแลวก็ยิ่งหัวเราะเดินไปเดินมาอีกหลายรอบ

แมทัพนายกองทั้งปวงเห็นสุมาอี้ในลักษณาการดังนั้นก็รส
ู ึกละอายใจ และอัปยศ อดสูที่ผูเปนแมทัพมี
อาการประหนึ่งคนบา ไมรักหนาตาศักดิ์ศรีแมทัพใหญของวุยกกแมแตนอย แมทัพนายกองหลายคนอดรน
ทนไมไดจึงเดินกลับออกไปนอกคาย คงเหลืออยูขางในเพียงไมกี่คน

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ จึงหันมากลาวกับทหารของขงเบงวา เจามีน้ําใจเอาสิ่งของมามอบแกเรา เราจะเลี้ยงดูเจา
สักมื้อหนึ่ง วาแลวก็สั่งใหทหารแตงโตะเลีย
้ งสุราทหารของขงเบง และใหทหารเบิกเสื้อผามามอบแก
ทหารของขงเบงเปนบําเหน็จความชอบ

ระหวางกินโตะเสพสุรา สุมาอี้แสรงถามทหารของขงเบงวา ทุกวันนี้ขงเบงยกมาทําการศึก ยังกินนอน


ปรกติอยูหรือ ประการหนึ่งใหกาํ ชับตรวจตราทแกลวทหารพรอมมูลอยูหรือประการใด

ทหารของขงเบงไมทันความคิดของสุมาอี้ จึงกลาวตอบความไปตามจริงวา ขงเบงแตไหนแตไรมาเอาใจ


ใสกิจการทั้งปวงของกองทัพอยางละเอียดถีถ ่ ว น ไมเปนอันกินอันนอน งานเล็กงานนอยขงเบงจะตองตรวจ
ตรากําชับกํากับดวยตนเองทัง้ สิ้น กวาจะเขานอนก็เปนเวลาลวงสองยาม แลวตื่นแตเชาตรูกอนไกขัน ยาม
กินก็กินไดไมกี่คําก็ตองวางมือจากชามขาว ไปสั่งการเรื่องตางๆ มากหลาย บางทีก็ลุกออกไปตรวจตรา
คายตางๆ จนใกลสวางจึงจะกลับมาหลับนอน

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงกลาววา ขงเบงแบกภาระทั้งกองทัพดวยตัวคนเดียวดังนี้ ยอมจะมีความทุกขตรม


หมองไหมอยูในใจ ไหนเลยจะทนทานอยูไดนาน เห็นอายุขงเบงจะไมยืนยาวสืบไปเปนแนแท ตัวเรานีใ้ ห
วิตกวาหากขงเบงตายเสียแลว ซึ่งจะทําสงครามสืบไปก็ไมเห็นผูใดในแผนดินเมืองเสฉวนที่จะยกมารบพุง
ใหสนุกมือเหมือนขงเบงนี้เลย

ความจริงอุบายของขงเบงซึ่งหวังจะยั่วยุสุมาอีใ้ หไดความอัปยศนั้นเปนกลอุบายอยางเดียวกันกับที่เคยทํา
ใหจิวยี่รากเลือดถึงแกความตาย ทําใหโจจิน ๋ ตรอมใจตาย แตกลับใชไมไดผลกับสุมาอี้ เหตุทั้งนี้เนื่อง
เพราะทั้งจิวยีแ ่ ละโจจิ๋นมากดวยน้ําใจมานะ ยึดมั่นถือมั่นในความเปนตัวตน เทิดทูนเกียรติศักดิห
์ นาตายิง่
กวาสิ่งอื่นใด ครั้นถูกกลอุบายปรามาสเหยียบย่ําเยาะเยยของขงเบงจึงไมอาจทนทานรักษาชีวิตเอาไวได
สวนสุมาอี้นั้นเปนผูทมี่ ากดวยเลห ชาญฉลาดในกลอุบายทัง้ ปวง แตความรูความชํานาญจัดจานเชิงอุบาย
ก็หาไดสําคัญเทากับสุดยอดวิชาหนึ่งซึ่งสุมาอี้มีไม นั่นคือสุดยอดวิชาหนาดาน ยอมทนดานหนาให
ผูใตบังคับบัญชาทั้งปวงดูหมิน ่ เหยียดหยาม แตไมยอมหลงเขาไปในกลของขงเบงจนตองพายแพเสียที
ซ้ําอีก ความสามารถในการขมใจชนิดนี้ถือเปนตบะชนิดหนึ่งที่จะเผาผลาญกลอุบายซึ่งกระทํามาให
กลายเปนผุยผงได คนจํานวนมากรูทั้งรูแตก็ยงั ทําความผิดพลาด ก็เพราะไมสามารถขมใจ ไมสามารถทํา
หนาดานเหมือนกับสุมาอี้นี้ได เหตุนี้จึงมีภาษิตโบราณวาคนดีไมนากลัว คนชั่วก็ไมนากลัว แตที่นากลัว
มากทีส ่ ุดก็คือคนหนาดานดังสุมาอี้นี้แลว

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย อิงฟา (ตอนที5


่ 70)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนเกา ขงเบงใชสด ุ ยอดวิชาขันทีเยาะเยย


ใหสม
ุ าอี้อัปยศแกคนทั้งปวง หวังพิฆาตสุมาอี้ แตสุมาอี้กลับใชสุดยอดวิชาหนาดานตานทานสุดยอดวิชา
ของขงเบงได และยังขมไปถึงขงเบงดวยวาหากรับเหมางานไวแตผูเดียว ตรากตรําภาระอันหนักเชนนี้ เห็น
ทีขงเบงจะอายุไม ยืนยาวสืบไป

ครั้นกินโตะเสร็จแลวทหารของขงเบงจึงคํานับลาสุมาอี้กลับไปคายแลวรายงานความแกขงเบงวา ไดมอบ
สิ่งของและหนังสือใหแกสุมาอี้ตามคําสั่งแลว ขงเบงจึงถามวา สุมาอีร้ ับสิ่งของและทราบความในหนังสือ
แลวกลาวสิ่งใดบางหรือไม

ทหารนั้นจึงเลาความที่สม
ุ าอี้กระทําและที่กลาวในขณะกินโตะใหขงเบงทราบทุกประการ

ขงเบงทราบความดังนั้นก็รูวา สุมาอี้แจงในกลอุบาย ยอมเสียหนาแตไมยอม เสียทีตกเขามาในกลอุบาย ขง


เบงทอดถอนใจใหญแลวกลาววา สุมาอี้นี้มส ี ติปญญายิ่งนัก สามารถลวงรูค
 วามคิดเรา กลาวแลวขงเบงก็มี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 52

สีหนาสลดลงดวยตระหนักวาทีต ่ รากตรําทํางานหนักอยูในทุกวันนี้ก็ดวยน้ําใจภักดีตอพระเจาเลาป แตภาระ


นั้นหนักแสนเข็ญเหลือกําลังนัก คํากลาวของสุมาอีท
้ ี่วาอายุจะไมยืนยาวก็ใชวาจะไกลความจริงเทาใดนัก

ฝายเอียวหูไดนงั่ สังเกตดูทาทีของขงเบงอยูโดยตลอด เห็นดังนั้นจึงกลาววาซึ่งมหาอุปราชตรากตรํา


ทํางานหนักไมเปนอันกินอันนอนจนรางกายผายผอมถึงเพียงนี้ หากไมแบงเบาภาระใหแกผูอื่น ก็เห็นจะ
เปนดังคําสุมาอีว้ า

ขงเบงไดยินคําเอียวหูก็รูสึกสะเทือนใจ รองไหแลวจึงตอบวา ทุกวันนี้ใชเราไมรูหรือ ซึ่งเราทําการทั้งปวงนี้


เพราะคิดถึงคุณพระเจาเลาป ครั้นจะละเลยก็หาผูใดไวใจมิได เราจึงอุตสาหมาทําการศึก หวังจะ
ปราบปรามศัตรูแผนดิน จะไดบาํ รุงพระเจา เลาเสี้ยนใหอยูเย็นเปนสุข

เอียวหูและทหารทั้งปวงไดยินคําขงเบงดังนั้นก็พากันสะเทือนใจโดยถวนหนา ตางคนตางรองไหรักขงเบง
เปนอันมาก สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาหลังจากขงเบงกลาวความอันสะเทือนใจนี้แลว
หนาขงเบงก็เศราสลดไมสบาย ใหปวยในอกอยูดังหนามยอก มิไดคิดออกไปรบพุงกับสุมาอี้เปนหลายวัน

ความอันขงเบงตรอมใจเหมือนหนึ่งหนามยอกอยูในอกนั้น เกิดจากความนอยอกนอยใจสวรรคที่ไมทรง
ความยุติธรรม ค้ําจุนคนชั่วใหครองอํานาจบาตรใหญในบานเมือง ไมค้ําชูคนดีมีคุณธรรมใหไดมีโอกาส
ทํานุบํารุงอาณาประชาราษฎร แผนดินจึงเดือดรอนวุนวายทุกหยอมหญาประการหนึ่ง และนอยใจตัววาสิ่ง
ที่เคยมัน
่ ใจตลอดมาวาสติปญ  ญามนุษยเมื่อถึงจุดสูงสุดแลวก็สามารถผันแปรลิขิตสวรรคไดนั้น แทจริงแลว
ความคิดและสติปญญาคนแมสามารถคิดแผนการอุบายล้ําลึกสักเพียงใด มนุษยมส
ี ิทธิเพียงแคคด
ิ ได
เทานั้น แตความสําเร็จกลับมิไดขึ้นอยูกับเจตนาของมนุษย หากอยูทสี่ วรรคจะบันดาลใหเปนไปประการใด
ตางหาก

เมื่อสวรรคสําแดงฤทธิ์ใหปรากฏถึงลิขิตดังนีแ ้ ลว ขงเบงก็รูแจงแกใจวาชั่วชีวต


ิ นี้ยอ
 มไมอาจรวบรวม
แผนดินเขาเปนหนึ่งสนองพระคุณพระเจาเลาปใหสาํ เร็จสืบไปได ปณิธานอันสูงสงที่เคยตั้งไวแตเดิมทีวา
รวบรวมแผนดินเขาเปนหนึ่ง ฟนฟูเชิดชูราชวงศฮั่นใหรุงเรืองดังแตกอน และอาณาประชาราษฎรรมเย็น
เปนสุขแลวจะหวนคืนกลับเขาโงลังกั๋ง ปลีกวิเวกทําไรนาตามประสาชาวบานก็เปนอันพังครืนลงสิ้น ยิ่งเมื่อ
คํานึงถึงสุขภาพตัวก็รูดแ
ี กใจวาเปนเชนใด จึงหวงการในภายหนาหากชีวต ิ ตองดับสูญวาจะลาถอยทัพโดย
ไมเปนอันตรายประการใด ซึ่งอุยเอี๋ยนมาพยศที่รอวันคืนกอการกบฎจะจัดการประการใด และในวัน
ขางหนาหากขาศึกบุกรุกเขาย่าํ ยีเมืองเสฉวนที่สูพลีกายใจสถาปนาขึ้นดวยความยากลําบากแลว จะ
ปกปองอาณาประชาราษฎรมใิ หขาศึกย่ํายีบท ี าไดฉันใด ความหนักใจทั้งสามประการนี้จึงหนักอยูในหัวอก
ของขงเบง แตละวันจึงเฝาครุน  คิดถึงปญหาทั้งสามประการนี้จนมิไดคด ิ อานที่จะออกไปรบพุงกับสุมาอี้

ฝายแมทัพนายกองของวุยกก หลังจากไดเห็นสุมาอี้เอากางเกงในสตรีที่ขงเบงมอบใหเอามานุง และเอา


กางเกงสตรีมานุงซ้ําอีกก็รูสึกอับอายขายหนาแคนเคืองเปนอันมาก ตางคนไมแจงในความคิดของสุมาอี้
จึงพากันเหยียดหยามดูหมิ่นสุมาอี้วาไมสมกับเปนแมทัพใหญ ไมเทิดพระเกียรติของพระเจาโจยอย ขาศึก
เหยียดหยามหยาบชาถึงเพียงนี้ก็ยังไมคิดอานสูรบ

แมทัพนายกองทั้งปวงไดปรึกษาหารือกันแลว จึงพากันเขาไปหาสุมาอี้ แลวกลาววาซึ่งขงเบงดูหมิน่


เหยียดหยามทานแมทัพครั้งนี้ เปนการดูหมิ่นเหยียดหยามใหกระทบไปถึงพระบรมเดชานุภาพในพระ
เจาโจยอยดวย เหตุไฉนทานแมทัพจึงไมรูรอ
 นรูหนาว ไมรเู จ็บ รูแคน นิ่งเฉยอยูไดฉะนี้ ขาพเจาทั้งปวงให
รูสึกเจ็บแคนเปนอันมาก จะขออาสานําทหารออกไปรบกับขงเบงใหรูแพแลชนะ

สุมาอี้จึงวา ซึ่งเราตั้งมั่นนิ่งอยูด
 ังนี้ใชจะเปนเพราะน้ําใจเราเองก็หาไม หากเปนเพราะฮองเตมีพระบรมราช
โองการกําชับไวตั้งแตกอนออกเดินทัพจากเมืองหลวงวาใหใชยท ุ ธวิธต
ี ั้งรับ อยาออกไปรบกับขงเบง แม
เคลื่อนทัพมาตัง้ ที่ริมแมน้ําอุยโหนี้แลวก็ยังทรงมีหมายรับสั่งกําชับซ้ํามาอีก หากขัดขืนพระบรมราช
โองการความผิดก็จะอยูแ  กเรา เหตุนี้เราจึงไมยกออกไปรบพุง

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงดังนั้นจึงวา ทานแมทัพจะมาถือประเพณีดังนี้ยอ
 มไมชอบ ซึ่งฮองเตมีพระบรม
ราชโองการแลหมายรับสั่งดังนั้นเพียงเพื่อเปนแนวทางในการทําศึก ใชวาจะออกไปรบพุงไมไดเลย
เวนเสียแตจะเกรงกลัวขาศึกดุจหนูกลัวแมวเทานั้น โบราณวาแมทัพรับอาญาสิทธิ์ออกไปทําสงคราม ให
ทําการไปตามสถานการณที่เปนจริงในสมรภูมิ ทานแมทพ
ั ก็แจงอยู กองทัพขงเบงบัดนี้ขัดสนเสบียง
อาหาร ทั้งยกลวงลึกเขามาในแดนวุยกกชานานแลว เหลาทหารคิดถึงลูกเมียตองการกลับบาน เสียขวัญ
กําลังใจรวนเรอยูแลว ชอบทีจ
่ ะยกกองทัพไปรบพุงเห็นจะไดชัยชนะโดยงาย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 53

สุมาอี้จึงวา เมือ
่ พวกทานทั้งปวงปรารถนาจะยกออกไปรบกับขงเบงเราก็ไมขัด แตจะยกออกไปโดยพลการ
นั้นเปนการขัดกับพระบรมราชโองการ เราจะกราบบังคมทูลฮองเตใหทราบความตามความประสงคของ
พวกทานกอน แมโปรดเกลาประการใดแลวก็จะทําตามนั้น

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงคําสุมาอี้ดังนัน
้ ก็เห็นดวย สุมาอี้จึงทําฎีกาใหมาเร็วถือไปกราบบังคมทูลพระ
เจาโจยอยขอใหทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย

พระเจาโจยอยไดรับฎีกาของสุมาอี้มีใจความวา ขาพเจาสุมาอี้ไดทําการรบพุงกับขงเบงตามเนื้อความแต
หลัง ขาพเจาก็ตั้งมั่นอยูตามรับสั่ง บัดนี้ขงเบงใหหนังสือมาเยาะเยยเปนขอหยาบชา ขาพเจาแลทหารใน
เมืองหลวงไดความอัปยศชาวเมืองเสฉวน จึงปรึกษากันจะออกรบพุงกับขงเบง ถาจะโปรดประการใดก็จะ
ไดทําตาม

พระเจาโจยอยแจงในฎีกาของสุมาอี้ดังนั้นจึงปรึกษาดวยขุนนางและแมทัพนายกองทั้งปวงวา ซึ่งสุมาอีม
้ ี
ฎีกามาดังนีท
้ านทั้งปวงจะเห็นเปนประการใด

ฝายชินขุนซึ่งเปนขุนนางไดยน ิ ปรารภของพระเจาโจยอย จึงกราบบังคมทูลวา สุมาอีย้ ืนหยัดในยุทธวิธต


ี ั้ง
รับ ดวยเห็นวาเปนยุทธวิธีเดียวที่จะเอาชนะกองทัพขงเบงได เพราะกองทัพของขงเบงนั้นยกลวงลึกเขามา
ในแดนวุยกก กําลังพลมากก็เหมือนหนึ่งนอย เสบียงอาหารก็ลําบากขัดสน ทหารทั้งปวงคิดถึงบาน ไม
อยากรบพุง หากนานวันไปขงเบงก็จะเลิกทัพกลับไปเอง ขงเบงจึงแสรงเยาะเยยสุมาอี้ใหไดอายแกทหาร
ทั้งปวง สุมาอี้แจงในกลอุบายของขงเบงจึงไมออกไปรบพุง แตแมทัพนายกองทั้งปวงไมรูกลของขงเบง
ไมทันความคิดสุมาอี้ จึงเรงจะใหสุมาอี้ยกออกไปรบ ซึ่งขัดตอพระบรมราชโองการ สุมาอี้จึงคิดกลอุบาย
อิงฟา แตงฎีกามาทั้งนี้เพื่อขอพระบารมีเปนทีพ
่ ึ่ง ใหมีพระบรมราชโองการออกไปวาอยาออกไปรบ

ขุนนางและแมทัพนายกองไดฟงคําชินขุนก็เห็นชอบพรอมกัน พระเจาโจยอยทอดพระเนตรเห็นดังนัน ้ จึง


รับสั่งใหแตงหมายรับสั่ง แลวตรัสใชใหชินขุนเชิญหมายรับสั่งเอาไปมอบแกสุมาอีท
้ ี่ริมแมน้ําอุยโห กําชับ
วาอยาใหสุมาอี้และทหารทั้งปวงยกออกไปรบพุง ใหตั้งมั่นรักษาคายไวใหมั่นคงก็จะไดชย ั ชนะแกกองทัพ
เมืองเสฉวนเปนแมนมั่น

สุมาอี้ไดรับหมายรับสั่งของพระเจาโจยอยแลวก็มีความยินดี เรียกประชุมบรรดา แมทพ


ั นายกองทั้งปวง
แลวประกาศหมายรับสั่งของพระเจาโจยอยใหทราบโดยถวนหนากัน

ชินขุนซึ่งเปนผูเ ชิญหมายรับสัง่ ของพระเจาโจยอยไดกลาวสําทับซ้ําดวยวา ฮองเตมีพระบรมราชโองการ


กําหนดยุทธวิธต ี ั้งรับ ดังนั้นนับแตวันนี้หากผูใดฝาฝนคิดจะออกไปรบพุงกับขงเบงอีก ก็จะถือวาขัดพระบรม
ราชโองการ

ทหารวุยกกครัน ้ ไดทราบหมายรับสั่งของพระเจาโจยอยแลวก็ยําเกรงพระบารมี คิดวาเมือ ่ ฮองเตมีพระราช


ดํารัสมาดังนี้ชอบที่ตองปฏิบต ั ต
ิ ามโดยเครงครัด ดังนั้นหลังจากวันนั้นแลวตางคนจึงตางระมัดระวังกวดขัน
รักษาคาย ไมเรงรัดใหสุมาอี้ยกกองทัพออกไปรบอีก

หลังจากแมทัพนายกองทั้งปวงไดคํานับลากลับไปแลว สุมาอี้จึงแตงโตะเลี้ยงชินขุนตามประเพณี แลว


สอบถามความเปนไปขางในราชสํานักวา เหตุใดฮองเตจึงมีหมายรับสั่งมาดังนี้ ชินขุนไดเลาความซึ่งได
กราบบังคมทูลพระเจาโจยอยใหสม
ุ าอี้ฟงทุกประการ

สุมาอี้ไดฟงความตลอดแลวจึงกลาวสรรเสริญชินขุนวามีสติปญญากระจางแจงนักอยูไกลจากแนวหนาเปน
อันมากยังสามารถลวงรูส
 ถานการณไดกระจางดังตาเห็น มิหนําซ้ํายังลวงรูค
 วามคิดของขาพเจาไดถองแท
ดุจนิ้วในฝามือ

ฝายหนวยสอดแนมของขงเบง ครั้นไดทราบความขัดแยงภายในกองทัพของสุมาอี้ จนกระทั่งพระเจาโจ


ยอยตองมีหมายรับสั่งมาหามทหารมิใหออกรบพุง จึงนําความเขาไปรายงานแกขงเบง

ขงเบงไดฟงรายงานก็หัวเราะ พลางกลาววาสุมาอีท
้ ี่แทจริงเกรงกลัวจนหัวหด ใชกลยุทธตั้งรับหมายให
กองทัพเราขาดเสบียงแลวตองเลิกทัพกลับไปเอง แตเกรงวาแมทัพนายกองทั้งปวงจะดูหมิ่นวาขี้ขลาดตา
ขาว จึงทํากลอุบายอิงฟา อาศัยบารมีของพระเจาโจยอยหามปรามทหารไว ทําใหผค ู นหลงเชื่อวาเปนดําริ
ของพระเจาโจยอยแลวจําตองเชื่อฟง

อยูมาวันหนึ่งบิฮุยไดเดินทางมาจากเมืองเสฉวนเพื่อตรวจราชการกองทัพตามปกติ ครัน
้ มาถึงคายหลวงที่
ตําบลเขากิสานจึงเขาไปคํานับขงเบงตามประเพณี แลวแจงความแกขงเบงวา พระเจาซุนกวนไดแตง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 54

กองทัพเปนสามทางยกไปตีวย
ุ กก ครั้นพระเจาโจยอยทราบความศึกจึงยกกองทัพหลวงไปรับศึกพระเจา
ซุนกวน โดยแยกยกออกไปเปนสามทาง

ขงเบงไดฟงดังนั้นก็มีความยินดี บิฮุยจึงกลาวติงวามหาอุปราชอยาเพิ่งดีใจ เพราะปรากฏวาพอกองทัพงอ


กกและวุยกกปะทะกัน กองทัพของงอกกก็พลาดทาเสียที ถูกทหารวุยกกวางเพลิงเผาทําลายกองทัพเรือ
และกองทัพบกจนยอยยับ เปนเหตุใหกองทัพของจูกัดกิ๋นซึ่งยกไปตั้งที่เมืองกังแฮตองเสียขวัญ ประจวบ
กับทหารปวยไขเจ็บตายเปนอันมาก จึงปรึกษากับลกซุนใหแตงฎีกาเขาไปกราบบังคมทูลพระเจาซุนกวน
ขอเลิกทัพกลับเมืองกังตั๋ง

ลกซุนคิดกลอุบายจะตีกระหนาบกองทัพของพระเจาโจยอยหวังจะเผด็จศึกเสียในคราวเดียว แตเผอิญ
ทหารวุยกกจับตัวมาเร็วซึ่งลกซุนใชใหถือฎีกาไปเฝาพระเจาซุนกวนได แผนการตีกระหนาบกองทัพวุยกก
ของลกซุนจึงตองลมเลิกไป ลกซุนจึงแตงฎีกากราบบังคมทูลใหพระเจาซุนกวนเลิกทัพกลับคืนเมืองกังตั๋ง
พระเจาซุนกวนทรงเห็นชอบ ตรัสสั่งใหกองทัพเมืองกังตั๋งทุกสายเลิกทัพ บัดนี้กองทัพเมืองกังตั๋งทั้งสาม
กองไดเลิกทัพกลับคืนเมืองกังตั๋งสิ้นแลว พระเจาโจยอยทรงทราบวากองทัพเมืองกังตั๋งเลิกทัพลากลับไป
แลว จึงเลิกทัพกลับคืนเมืองลกเอี๋ยง

หนังสือพิมพผูจัดการออนไลน http://www.manager.co.th

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ดับโคมไฟชีวต
ิ (ตอนที5
่ 71)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนสิบ แรมหนึ่งค่ํา กองทัพของขงเบงยังคง


ตั้งมั่นอยูท
 ี่ตําบลเขากิสาน ดานหนึ่งเตรียมการโจมตีกองทัพสุมาอี้ ดานหนึ่งคอยฟงขาวกองทัพหนุน
ของงอกกที่จะยกเขาตีวุยกกทางดานทิศใต ขงเบงมั่นใจวาเมื่อเปนศึกกระหนาบสองดานพรอมกันดังนี้
แลววุยกกก็จะลมสลายลง

ขงเบงไดฟงคําบิฮุยวากองทัพเมืองกังตั๋งไดเลิกทัพกลับไปหมดแลวก็ตกใจ แผนการทีค่ ิดไวเปนอัน


พังทลายลงอยางสิ้นเชิง ลมในอกอัดแนนขึน ้ ถึงหัวใจ ขงเบงรองขึ้นไดคาํ เดียววาสวรรคนะสวรรคชางไร
ความยุติธรรม แลวอาเจียนออกมาเปนโลหิต สิ้นสติสมประดีพับอยูที่เกาอี้วา ราชการนั้น

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา ขงเบงไดฟงขาวกองทัพเมืองกังตั๋งถอยทัพแลว ก็ตกใจ รอง


หวีดขึ้นดวยเสียงอันดัง ก็ทอดใจใหญ พอลมปะทะขึ้นมาก็ลมสลบลงกับที่

บิฮุยและแมทัพนายกองทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ตกใจ เขาชวยกันนวดเฟนแกไขขงเบงจนฟนคืนสติ และพลันที่


ไดสติลืมตาขึ้นขงเบงไดรําพึงขึ้นดวยน้ําเสียงอันออนลาวา โรคเกาของเรากําเริบขึ้นอีกครั้งหนึ่งแลว หนัก
กวาเกาเปนอันมาก เห็นชีวิตเราจะไมยั่งยืนสืบไป

พอค่ําลงพระจันทรยังไมทันทอแสงทาบขอบฟาตามเวลาแรมตนๆ ขงเบงทั้งที่ปว ยและออนลาอิดโรย ให


ทหารพยุงไปนัง่ บนเกวียนแลวเข็นออกไปนอกคายบัญชาการ สายลมหนาวในตนยามแรกยังแผวเบา
แมวาจะเปนทีส
่ บายแตก็หนาวจับเขาไปถึงหัวใจ ขงเบงแหงนหนามองขึ้นไปบนฟาเบื้องทิศอีสานก็ตกใจ
เปนอันมาก รีบสั่งทหารใหเข็นเกวียนกลับเขาไปในคายหลวง และใหทหารพยุงไปนั่งที่เตียง พลางเรียก
เกียงอุยมาที่ขางหนาเตียงแลวกลาววา ชีวิตเราเห็นจะเหลืออยูเพียงที่พระจันทรโคจรอยูบนฟาค่ําคืนนี้
หรืออยางชาก็ชั่วพระสุริยาลับเหลี่ยมเขาดานทิศตะวันตกในวันพรุงเทานั้น

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา ครั้นเวลาค่ําขงเบงอุตสาหเดินออกไปดูอากาศ เห็นดาว


สําหรับตัวนั้นเศราหมองกวาแตกอนก็ยิ่งตกใจเปนอันมาก จึงพาเกียงอุยเขาไปที่ขางในแลววา ชีวิตเรานี้
เห็นจะตายในวันพรุงนี้แลว

เกียงอุยไดยินดังนั้นก็ตกใจ รีบกลาววามหาอุปราชปวยแตเพียงเล็กนอย ไฉนจึงกลาวความฉกรรจฉะนี้

ขงเบงจึงวา เราปวยครั้งนี้อาการหนักวิกฤตกวาทุกครั้ง จึงไดสํารวจตรวจตราดาวขุนพลประจําตัวซึ่งสถิต


อยูเบื้องทิศอีสาน เห็นดวงดาวบริวารยังคงสองแสงสุกใส แตดาวขุนพลดวงใหญอันเปนดาวประจําตัวเรา
นั้นรัศมีหมนหมองแดงริบหรี่ วิปริตกวาแตกอน เราจึงรูวาชะตาชีวต
ิ เราจะสิน
้ แลว

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 55

เกียงอุยจึงวา ถึงมาตรแมนวาเปนคราฆาต มหาอุปราชก็รูวิชาสืบชะตาชีวต


ิ ไฉนจึงไมแตงการบูชา
บวงสรวงเทพยดา สะเดาะพระเคราะห ใหสืบชะตาตอไปเลา

ขงเบงจึงวาวิชาบวงสรวงพระเคราะหสืบชะตาชีวิตนี้เราก็แจงอยู แลบัดนี้เทพโลกบาลประจําทิศอุดรซึ่งทํา
หนาทีจ
่ ดบัญชีเปนตายของมนุษยมิไดอยูใ นแดนมนุษยแลว หากกลับขึ้นไปบนสรวงสวรรค สถิตอยูใน
วิมานในกลุมดาวเหนือตั้งแตวน
ั เพ็ญเดือนเกา การจะสําเร็จประการใดหรือไมนั้น ยอมขึ้นกับสวรรคลิขต
ิ วา
กําหนดอายุเราจะยืนยาวตอไปไดอีกหรือไม แตกระนั้นก็จะลองทําพิธก
ี รรมตามคําทานเพื่อทราบเจตนา
สวรรควา เปนประการใด

กลาวดังนั้นแลวขงเบงจึงสั่งใหเกียงอุยจัดทหารใสเสื้อเกราะคลุมดวยเสื้อคลุมสีดําจํานวนสี่สิบเกาคนถือ
ธงดําประดับภาพกลุมดาวเหนือ ทําหนาทีร่ ักษาการณอยูโดยรอบคายพักของขงเบง ภายในคายใหจัดโคม
ไฟสีส
่ ิบเกาดวงวางเรียงรายเปนรูปวงกลมเหมือนจักรวาล ตรงกลางวงกลมจุดโคมไฟอีกเจ็ดดวงวางตาม
ตําแหนงของดาวเหนือ ดานหนาไฟตําแหนงดาวเหนือจุดโคมใหญเปนโคมเสี่ยงทายชะตาชีวิต

ขงเบงไดสั่งกําชับเกียงอุยวา ในชั่วเวลาเจ็ดวันนี้หา มคนนอกเขามาในคายพักของเราโดยเด็ดขาด ถา


มาตรแมนมีกิจดวนสิ่งใดใหเกียงอุยตัดสินใจแกไขสั่งการไดตามที่เห็นสมควร สําหรับอาหารการกินให
ศิษยรับใชของเรานําเอาเขามาขางในคายพัก เราจะทําพิธส ี ืบชะตาชีวิตเปนเวลาเจ็ดวัน หากครบเจ็ดวัน
แลวโคมเสี่ยงทายอายุเรายังคงรุงเรืองสวางไสว อายุเราก็จะยืนยาวไปอีกสิบสองป แตถา หากโคมไฟตอง
ดับลงในกลางคัน อายุเราก็จะสิ้นเปนแนแท ใหเกียงอุยทานกวดขันระมัดระวังตามที่เราสั่งการโดย
เครงครัด

เกียงอุยคํานับรับคําขงเบงแลวกลาววา ดวยอํานาจแหงความซื่อตรง จงรักภักดีของมหาอุปราช จงดล


บันดาลใหโคมชีวิตไดประสิทธิ์รุงโรจนดังปรารถนาเถิด กลาวดังนั้นแลวเกียงอุยจึงคํานับออกไปรักษาการ
อยูดานนอกคายพักของขงเบง

พอเกียงอุยออกไปแลวขงเบงจึงจุดธูปเทียนบูชาเทพยดาประจําดาวเหนือคือเทพโลกบาลทิศอุดรผูคม ุ
บัญชีตายของมนุษย แลวตั้งสัตยาธิษฐานวาขาพเจาจูกัดเหลียง-ขงเบง ไดถือรับสั่งของพระเจาเลาปให
ทําการปราบปรามศัตรูราชสมบัติ รวบรวมแผนดินเขาเปนหนึ่ง ฟนฟูเชิดชูราชวงศฮั่นใหรุงเรืองดังแตกอน
ขาพเจาไดยกทหารมาทําการถึงหกครั้งแลวก็ยังไมสําเร็จ บัดนี้ชะตาชีวิตใกลดับสูญ หากสิ้นบุญขาพเจา
แลวศัตรูราชสมบัติก็จะฮึกเหิมกอการกําเริบ ไมอาจปราบปรามไดอีกตอไป ขออํานาจแหงความจงรักภักดี
ที่ขาพเจามีตอพระราชวงศฮั่นและพระเจาเลาปเปนที่ตั้งแหงสัตยาธิษฐาน ขอใหเทพโลกบาลประจําทิศ
อุดรไดเมตตา ยืดเวลาอายุขาพเจาออกไปอีกสิบสองปดว ยเทอญ

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) พรรณนาความสัตยาธิษฐานของขงเบงวา ขงเบงไดอาราธนาเทพย


ดาวา ตัวขาพเจาชื่อจูกัดเหลียงคือขงเบง เอากําเนิดมาในระหวางแผนดินจลาจล พระเจาเลาปอุตสาหไป
หาขาพเจาถึงสามครั้ง ก็ไดมาชวยทําการทํานุบํารุงแผนดิน พระเจาเลาปน  ั้นมีพระคุณชุบเลี้ยงขาพเจาถึง
ขนาด เมื่อพระองคจะสวรรคตก็ไดสั่งการทั้งปวงไวแกขาพเจา แลขาพเจาก็ไดคิดอานทําการสงคราม หวัง
จะกําจัดศัตรูแผนดิน แลการทั้งนี้ก็ไมสําเร็จ บัดนี้เห็นดาวสําหรับตัวขาพเจาเศราหมองจะถึงกําหนดอายุอยู
แลว ตัวขาพเจาตั้งใจจะทําการบํารุงพระมหากษัตริยกย ็ ังไมสําเร็จ ขอเทพยดาทั้งปวงจงใหกําลังแลชีวต ิ
ขาพเจาไวกอน จะชวยปองกันดับรอนอาณาประชาราษฎรสืบไป แลวนั่งอานมนตไปจนรุง

สามกกฉบับสมบูรณไดพรรณนาความตอนนี้วา ขงเบงกราบไหวพลางอธิษฐานวิงวอนวา เหลียงเกิดมาใน


ยุคจลาจล ปลงใจทีจ ่ ะแกเฒาอยูในดงไมลาํ ธาร ดวยเดชะพระบารมีปกเกลาปกกระหมอมแหงพระเจาเลา
ปทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเยีย ่ มเยือนกระทอมสามครา ทรงฝากฝงรัชทายาทกําพราอันสําคัญ มิ
กลาที่จะมิพยายามสุดแรง ยอมเหนื่อยยากลําบากประดุจสุนข ั หรืออาชา ขอใหสตั ยปฏิญาณที่จะปราบโจร
กบฏ คาดมิถึงดาวขุนพลจวนจะรวงหลน อายุขัยในโลกมนุษยใกลจะอวสาน ขอเคารพนบนอบดวยหนังสือ
นี้ กลาวตอฟาคราม ณ เบื้องบนกมหมอบคารวะหวังในความกรุณาแหงสวรรค กรุณาหยอนยานตรวจตรา
รับฟง คดเคีย ้ วประวิงเวลาตามที่ ขาพระพุทธเจาคํานวณเอาไว ณ เบื้องบนจะไดทดแทนในพระมหา
กรุณาธิคุณแหงเจาเหนือหัว ณ เบื้องลางไดชว ยชีวต
ิ ประชาราษฎร ไดกอบกูของเกาคืนมา ไดบูชาราชวงศ
อยูตลอดกาล หามิใชกลาที่จะวิงวอนอยางมุสา แทจริงโดยเหตุจําเปน ครัน
้ ไหวคารวะอธิษฐานวิงวอนจบก็
กมหมอบอยูในกระโจมเพื่อรอใหฟา สวาง

พิธีบวงสรวงเทพโลกบาลประจําทิศอุดรดําเนินไปอยางราบรืน ่ ตลอดคืนวันแรก โคมไฟเสี่ยงทายชะตาชีวต



ยังคงลุกโชติชว ง พอฟาสวางขงเบงก็ออกวาราชการทั้งทีย
่ ังมีอาการออนเพลีย กําชับทแกลวทหารให
กวดขันระมัดระวังรักษาคายอยาไดประมาท ในระหวางนั้นขงเบงไดอาเจียนออกมาเปนโลหิตอีกหลายครัง้
แมทัพนายกองทั้งปวงไดชวยกันนวดคลึงเฟน หมอประจํากองทัพก็เอายาระงับลมมาใหขงเบงกิน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 56

กลางวันขงเบงออกวาราชการ ตกกลางคืนก็เขากระโจมกระทําพิธีบวงสรวงบูชาเทพยดา รายมนตวิเศษใน


คัมภีรลี้ลับแหงลัทธิเตาไปจนสวาง จนเหตุการณผานพนไปดวยดีถึงหกวัน ดาวขุนพลประจําตัวของขงเบ
งบนอากาศทีร่ บ ิ หรี่ใกลดับแสงก็รุงเรืองขึ้นกวากอน ในขณะที่โคมเสี่ยงทายอายุในกระโจมก็ลุกโชติชว ง
ขงเบงเห็นดังนั้นก็มีความยินดี รําพึงวาฤาสวรรคจะเมตตาใหชีวต ิ เรายืนยาวไปไดอีกสิบสองป โคมไฟชีวิต
จึงโชติชวงไมตด ิ ขัดวูบวาบแมแตนอย

ฝายสุมาอีต ้ ั้งมัน
่ รักษาคายตามปกติ ครั้นเห็นหลายวันผานไปทหารขงเบงมิไดยกออกมาทารบก็สงสัย ใน
ค่ําวันที่หกนั้นสุมาอี้จึงเดินออกไปนอกคาย มองตรวจตราดูดาราบนอากาศ เห็นดาวขุนพลประจําตัวของขง
เบงวิปริตเศราหมองไมผองใสก็ดีใจ กลาวกับ แฮหัวปาวา เห็นดาวมหาอุปราชเมืองเสฉวนนั้นเศราหมอง
เห็นอายุขงเบงจะถึงกําหนดอยูแลว ทานจงคุมทหารพันหนึ่งไป ณ คายขงเบง แมเห็นทหารในคายนั้นสงบ
อยู ขงเบงจะปวยลงเปนมั่นคง ทานจึงรองทาทายใหทหารขงเบงยกออกมารบ แมเรารูประจักษวาขงเบง
เปนประการใด จะไดคด ิ การตอไป

แฮหัวปารับคําสั่งสุมาอี้แลว เวลาเชาตรูจึงคุมทหารหนึ่งพันยกไปที่หนาคายของขงเบง แลวใหทหารรอง


ดาทาทายใหฝา ยจกกกยกออกมารบกัน

ในขณะนั้นเกียงอุยเขาไปในคายพักของขงเบง เห็นขงเบงสยายผมชูกระบีร่ ายมนตกาวเทาไปตาม


ตําแหนงดาวเหนือซึ่งไดจุดโคมไวขางในคายพัก ไดยินเสียงทหารวุยกกโหรองดาวาทาทายอยูขางนอก
คาย จึงเดินออกไปขางนอกเพื่อจะตรวจตราดูใหรูความแนชัด

ขณะเดียวกันนัน
้ อุยเอี๋ยนคุมทหารรักษาการณอยูดานนอกคาย ไดยินเสียงทหารวุยกกมารองดาทาทายก็
โกรธ รําพึงดาแตในใจวาไอพวกลูกเตา ขี้ขลาดตาขาว หลายวันกอนเรายกทหารออกไปรองดาทาทาย
กลับหดหัวอยูแตในคาย มาวันนี้ริอานจะมาทาทายใหเรายกออกไปรบ

อุยเอี๋ยนรําพึงดังนั้นแลวก็ระลึกไดวาขงเบงไดกําชับทหารใหตั้งมั่นรักษาคาย แตเพราะแรงแหงโทสะอุย
เอี๋ยนจึงวิ่งเขาไปในคายพักของขงเบงเพื่อจะขออนุญาตนําทหารยกออกไปรบกับทหารของสุมาอี้ พลาง
ปากก็กลาวขึ้นดวยเสียงอันดังวา ไอพวกขี้ขลาดวุยกกยกมาทาทาย สิ้นคําอุยเอี๋ยนก็กาวล้ําเขาไปในคาย
พักของขงเบง สะดุดโคมไฟเสี่ยงทายชีวต ิ ของขงเบงลมลง ไฟประจําโคมก็ดับลงในบัดดล

อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงยืนนิ่งขึงอยูกับที่ ขงเบงเห็นดังนั้นก็ตกใจ ทิ้งกระบี่ลงกับพื้น พลางทอดถอน


ใจวาอายุเราสิ้นแลว

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา อุยเอี๋ยนไดยินทหารสุมาอี้รองทาทายดังนั้นก็โกรธ มิไดรูวา


ขงเบงทําการอยูขางใน จึงทะลวงเขาไปหวังจะบอกขงเบง พอสะดุดโคมสําหรับเสีย ่ งทายอายุขงเบงนั้น
ดับไป ขงเบงเห็นดังนั้นก็ตกใจทิ้งกระบี่เสีย รองขึ้นดวยเสียงอันดังวาความตายนี้เปนบุราณกรรม ถึงมาตร
วาจะคิดอานแกไขประการใดก็ไมพน ตัวเราครัง้ นี้จะถึงความตายเปนมั่นคง

ฝายเกียงอุยเห็นอุยเอี๋ยนวิ่งสวนพรวดเขาไปในคายพักของขงเบงก็ตกใจ รีบสาวเทาตามเขาไป เห็นโคม


ไฟเสี่ยงทายชีวติ ของขงเบงลมดับลงกับพื้น เกียงอุยทั้งโกรธ ทั้งตกใจ ชักกระบี่ออกจากฝกจะฟนอุยเอี๋ยน

ขงเบงเหลือบมองเห็นดังนั้นจึงเขายุดเอากระบีข
่ องเกียงอุยไว แลวกลาววาซึง่ ทานจะฆาอุยเอี๋ยนเสียนั้นไม
สมควร เหตุทงั้ นี้หาใชความผิดของอุยเอี๋ยนไม แตเปนเพราะเหตุที่อายุเราถึงกาลดับสูญแลว กรรมจึง
บันดาลใหเปนไป

ขงเบงกลาวสิ้นคําลงก็ไออยางรุนแรง โลหิตสดๆ ไหลออกจากปาก ขงเบงทรุดตัวลมลงกับพื้นสิ้นสติ


สมประดี

เกียงอุยและอุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบเขาไปประคองขงเบงพาไปที่เตียงนอน แลวชวยกันแกไขจนขง


เบงฟนคืนสติ

ขงเบงพอลืมตาไดสติก็กลาวกับอุยเอี๋ยนวา สุมาอีท
้ ําการทัง้ นี้เพราะคาดวาเราปวยหนัก จึงใหทหารมายัว่ ยุ
หวังจะทราบความจริงวาเปนประการใด ทานจงคุมทหารออกไปรบพุงกับทหารสุมาอี้ อยาใหรรู องรอยได
วาเราปวยอยู

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 57

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สามคําสั่งเสีย (ตอนที5
่ 72)

ขงเบงทําพิธีลล
ี้ ับบวงสรวงตอเทพประจําดาวเหนือ ขอใหยืดอายุออกไปอีกสิบสองป พิธล ี วงไปดวยดีจน
เหลือเพียงวันเดียวก็จะสําเร็จการ แตอุยเอี๋ยนลุแกโทสะที่ขา ศึกยั่วยุ ผลุนผลันเขาไปในกระโจมพิธี สะดุด
โคมไฟเสีย่ งทายดับลง ขงเบงเกรงวาขาศึกจะรูวาปวย จึงสั่งอุยเอี๋ยนใหยกทหารไปรบกับขาศึก

อุยเอี๋ยนไดยินคําสั่งของขงเบงที่ใหยกทหารไปรบกับทหารของสุมาอี้ก็แจงในความคิดของขงเบง จึงพา
ทหารออกจากคายจะออกไปรบกับแฮหัวปา

ฝายแฮหัวปายกทหารมาเพียงเพื่อจะหยั่งดูทา ทีวาขงเบงปวยจริงหรือไมเทานั้น ครั้นเห็นอุยเอี๋ยนคุมทหาร


จะออกจากคายไปรบพุงก็ตกใจ รีบพาทหารถอยกลับไป อุยเอี๋ยนเห็นดังนัน ้ จึงขี่มาพาทหารไลตามตี จน
แฮหัวปาหนีลับหายไปแลวจึงพาทหารกลับเขาคาย แลวนําความเขาไปรายงานแกขงเบง

ขงเบงทราบรายงานจากอุยเอีย ๋ นแลว จึงสัง่ ใหอุยเอี๋ยนคุมทหารออกไปลาดตระเวนรักษาตรวจตราคายมิ


ใหประมาท อุยเอี๋ยนรับคําสั่งขงเบงแลวจึงคํานับลากลับออกไป

ขงเบงเรียกเกียงอุยเขามานั่งทีข
่ างเตียงแลวกลาววา ตัวเราตัง้ ใจจะบํารุงพระมหากษัตริย ก็ไมสมความคิด
เพราะชีวต ิ เราจะตายอยูแลว แตเรามีวิชาแลความรู แลตําราซึ่งไดเรียนมาคิดเปนอักษรสิบหมื่นสี่พันรอย
สิบสองตัว คิดเปนความยี่สิบสีข่ อ การพิชัยสงครามแลตําราดูฤกษบน ฤกษต่ําอยูในนั้นสิน ้ เราพิเคราะหดู
ไมเห็นผูใดซึ่งจะมีความอุตสาหะเรียนตําราทัง้ นี้ได เห็นแตทา นผูเดียวมีสติปญญาสัตยซื่อ ทั้งประกอบดวย
ความเพียรเปนอันมาก ควรจะรักษาตําราแลเรียนใหชํานาญไวได

เกียงอุยไดยินคําขงเบงดังนั้นก็รองไห ขงเบงจึงสั่งทหารใหไปขนตํารับตําราทั้งปวงเอามากองไวเบื้องหนา
แลวบอกแกเกียงอุยวาทานจงศึกษาวิชาตามตําราทั้งนี้ไวทําการบํารุงแผนดินสืบไปเถิด

ขงเบงหยิบเอาตําราฉบับหนึ่งขึ้นมาเปดใหเกียงอุยดู แลวกลาววา ตําราหนาไมนี้ของเราคิดเอง ยังมิไดทํา


ทานจงเอาไวแลวคิดอานทําเถิด ยิงไดทีละสิบลูก

สามกกฉบับสมบูรณระบุความซึ่งขงเบงไดกลาวกับเกียงอุยตอนนี้วา ขาความจริงตั้งใจจะถวายความ
จงรักภักดีอยางสุดความสามารถ เอาดินแดนตงงวนกลับคืนมาใหราชสํานักฮั่นไดฟนฟูเจริญรุงเรืองอีกครัง้
แตจนใจที่เจตนารมยแหงสวรรคเปนเชนนี้ ขาไมเชาก็เย็นคงจะตาย ตลอดชีวิตขาที่ไดศึกษาเลาเรียนมา
ไดประพันธหนังสือไวยส ี่ ิบสี่บท นับอักษรไดสิบหมื่นสี่พันหนึ่งรอยสิบสองตัว เปนหลักการประกอบดวย
แปดตองทํา ศีลเจ็ด หกเกรงกลัว หาครามขยาด ขาไดวิเคราะหดูบรรดาแมทัพนายกองทั้งหลาย ไมมีผใู ด
จะมอบใหได เฉพาะทานเทานั้นที่ควรจะไดรบ ั การถายทอดหนังสือของขา ขอใหทานอยาประมาทคิดวาไม
สําคัญ เกียงอุยร่ําไหคารวะและรับมอบ ขงเบง กลาวอีกวาขายังมีวช ิ าการยิงเกาทัณฑติดตอกันยังมิเคยได
ใช ลูกเกาทัณฑนั้นยาวแปดนิ้ว ยิงครั้งเดียวจะปลอยออกมาสิบลูก ลวนไดวาดเปนภาพอยูแลว ทาน
เครื่องยิงเกาทัณฑชนิดใหมทข ี่ งเบงคิดประดิษฐไวนี้คือเกาทัณฑกล ทีส่ ามารถยิงไดครัง้ ละสิบลูก เปน
เครื่องยิงที่วาดภาพแบบแผนรายละเอียดไวครบถวนแลว แตยังไมเคยทดลองนํามาใช ถึงกระนั้นก็นับได
วาเปนเกาทัณฑกลครั้งแรกของโลก และเปนตนแบบของปนกลในระยะเกือบสองพันปหลัง ความจริงใน
ยุคนั้นฝรั่งชาติตะวันตกยังคงทําสงครามกันดวยกอนหินและทอนไม ยังไมรูจักใชงาว หอก ดาบ และ
เกาทัณฑเลย เห็นไดชัดวาชนชาติจีนไมเพียงแตสามารถคิดอานตําราพิชัยสงครามอันเปนวิชาฆามนุษย
ดวยกันไดอยางพิสดารเทานั้น ยังสามารถคิดคนอาวุธรายแรงสามารถใชประหัตประหารเพื่อนมนุษย
ดวยกันเองครั้งละจํานวนมากไดกอนพวกฝรั่งอีกดวย

เกียงอุยกระทําคารวะขงเบง แลวรับเอาตํารายิงเกาทัณฑกลซึ่งสามารถยิงไดครั้งละสิบลูกมาถือแนบกับอก
ในขณะที่น้ําตาไหลซึมเต็มใบหนา

ขงเบงไดกลาวตอไปดวยน้ําสียงอันออนลาวา หลังเราตายแลวยังมีเรื่องสําคัญอีกสามเรื่องที่จะตองทํา
ตอไป เรื่องแรกคือการถอยทัพกลับเมืองเสฉวนโดยปลอดภัย เรื่องที่สองคือการคิดอานกําจัดอุยเอี๋ยนซึ่ง
จะเปนกบฏทันทีที่เราตายแลว และเรื่องทีส่ ามเปนเหตุการณขางหนา วิตกวาเมืองเสฉวนจะถูกขาศึกบุกรุก
โจมตี เราอาทรดวยอาณาประชาราษฎรซึ่งทํานุบํารุงมาแตกอ  นจะเดือดรอนลมตาย ขอวิตกทั้งสามประการ
นี้เราไดคด
ิ อานเตรียมการไวแลว

ขงเบงหยุดหายใจอยางเหนื่อยออนครูหนึ่ง จึงกลาวสืบไปวาใหทานสืบทอดภารกิจของเรา ทํานุบาํ รุง


แผนดินสืบไปตามตําราทั้งปวงที่มอบไวใหนี้ อนึง่ เมืองเสฉวนนั้นตั้งอยูในชัยภูมิอันเลิศล้ํา ยากแกการที่

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 58

ขาศึกจะเขาตีได เพราะมีเสนทางเปนซอกเขาเล็กแคบ มากดวยหวยธารทุรกันดารอันตรายนัก จะมีก็แต


เสนทางซอกเขาตําบลอิมเปง และชองเขาเตงกุนสันเทานั้นที่ขาศึกอาจลอบยกรุกเขามาได

ขงเบงชี้ใหเกียงอุยดูแผนที่ตําบลอิมเปงแลว จึงกลาววาเมือ
่ เราตายแลวใหจัดทหารไปตัง้ รักษาการณอยูที่
ซอกเขาตําบลอิมเปงนี้ มาตรแมนขาศึกจะยกมาเปนอันมากก็ไมอาจรุกฝาเขาไปได อนึ่งเลาเมื่อเสร็จการ
พิธีศพของเราแลว ใหนําศพไปฝงไวที่กลางทางในซอกเขาเตงกุนสัน อยาไดลืมความนี้เปนอันขาด

เกียงอุยดูแผนที่ซึ่งขงเบงไดชี้ใหดูซอกเขาที่ตําบลอิมเปงและเขาเตงกุนสันแลวถามขงเบงวาศพของมหา
อุปราชจะใหฝงไว ณ ตําแหนงใด ขงเบงไดเอามือชี้ไปที่แผนที่ซึ่งเปนเสนทางระหวางเขาเตงกุนสัน แลว
สั่งเกียงอุยใหเอาพูกันไปกาไวตรงจุดที่กําหนดซึ่งเปนตําแหนงขางทางของเสนทางในหุบเขา แลวกลาว
วาใหนําศพเราฝงไวตรงจุดนี้ แตอยาใหกอสุสานหรือตั้งศาลใดๆ เปนสําคัญ หลุมศพนั้นเมื่อฝงแลวให
เกลี่ยกลบเสมอพื้นทางอยาใหเปนที่สังเกตได

เกียงอุยสงสัยวาเหตุไฉนขงเบงจึงไมยินยอมใหศพตัวไดเขาอยูในสุสานหลวงตามตําแหนงมหาอุปราช
และบิดรแหงแควน อันเปยมไปดวยความอัครฐานสงางามตามตําแหนงยศศักดิ์ กลับสั่งใหนาํ ศพไปฝง
ตรากน้ําคางกลางหาว อยูขางทางกลางปาเขาอันทุรกันดาร แตเห็นขงเบงออนเพลียจึงเก็บงําความสงสัย
นั้นไว

ขงเบงเรียกมาตายเขามากระซิบพอไดยินแตเพียงสองคนวา เมื่อเราตายแลวอุยเอีย
๋ นจะเปนกบฏตอ
แผนดิน ทานจงไปอยูกับอุยเอี๋ยน ทําตัวใหเปนที่ไววางใจ เมื่อใดที่อุยเอี๋ยนแหงนหนามองฟา รองขึ้นวา
ใครจะบังอาจมาฆากู ก็ใหคิดอานสังหารอุยเอีย
๋ นเสียใหจงได

ขงเบงเห็นมาตายรองไหคํานับรับคําก็มค
ี วามวางใจ โบกมือเปนทีใหมาตายกลับออกไป มาตายเห็นดังนั้น
ก็รองไหเสียงดังลั่นแลวคํานับลาขงเบงกลับออกไปดานนอก

ขงเบงเรียกตัวเอียวหงีเขามาขางในคายพักแลวกลาววา ตัวทานมีสติปญ  ญา สัตยซื่อตอแผนดิน ทํา


ราชการมานานชา จงคิดอานทํานุบํารุงแผนดินพระเจาเลาเสี้ยนใหจําเริญสืบไป อายุเรานี้เหลืออยูเพียงชั่ว
พระจันทรอยูบนฟาคืนนีห
้ รืออยางชาเพียงแคคืนพรุงนี้เทานัน
้ แตวิตกวาเราตายลงเมื่อใดอุยเอี๋ยนก็จะคิด
เปนกบฏเมื่อนั้น

กลาวแลวขงเบงจึงหยิบซองหนังสือซึ่งปดผนึกออกมาจากใตหมอนมอบใหแกเอียวหงี แลววาเราไดคด

แผนกําจัดอุยเอี๋ยนไวในซองหนังสือนี้ ทานจงเก็บไวเปนความลับ เมื่อถึงคราอุยเอี๋ยนเปนกบฏยกมาทํา
อันตราย คับขันแลวก็จงเปดหนังสือนี้ออกดูแลวจะรูความเอง

เอียวหงีสงสัยจึงกลาวเปนเชิงถามวา อุยเอี๋ยนมีฝมือกลาแข็งเปนอันมาก ยากจะหาแมทพ


ั นายกองคนใด
รบพุงสังหารอุยเอี๋ยนได

ขงเบงจึงวา ผูซ
 ึ่งจะสังหารอุยเอี๋ยนนั้นไดกําหนดตัวไวแนนอนแลว ไวถึงเวลาทานจะรูเอง ทานจงทําตาม
แผนการที่เราสัง่ ไวอยาไดประมาทเถิด

เอียวหงีเห็นขงเบงออนอิดโรยเต็มทีก็รส
ู ึกสงสารจึงรองไห รับคําขงเบงแลวคํานับลากลับออกไป

ขงเบงสั่งความเอียวหงีเสร็จก็สลบสิ้นสติ เกียงอุยเห็นดังนัน
้ ก็ตกใจ รีบแตงฎีกามอบใหมาเร็วรีบสงเขาไป
เมืองเสฉวนเพื่อกราบบังคมทูลใหพระเจาเลาเสี้ยนทรงทราบ

พระเจาเลาเสีย้ นทรงทราบความวาขงเบงปวยหนักเห็นจะไมมีชีวิตกลับเขามาเฝาอีกแลวก็ตกพระทัย ตรัส


สั่งใหลิฮกรีบเดินทางไปเยี่ยมไขขงเบงที่ตําบลเขากิสานในทันที ลิฮก รับรับสั่งพระเจาเลาเสี้ยนแลวจึงรีบ
เดินทางไปถึงคายเขากิสาน แลวเขาไปเยี่ยมขงเบงถึงขางในคาย

ขงเบงทราบวาลิฮกมาแตเมืองเสฉวนก็ลืมตาขึ้นมอง ลิฮกเห็นสภาพขงเบงดังนั้นก็รองไห แลวกลาววาพระ


เจาเลาเสี้ยนทรงทราบขาววามหาอุปราชปวย จึงตรัสสั่งใหขาพเจามาเยี่ยมไขแทนพระองค

ขงเบงจึงวา ตัวเรานี้คิดจะอยูท ําราชการ บัดนี้หาบุญไม อายุจะถึงแกความตายในวันนี้พรุงนี้แลว ตัวทาน


อยูภายหลังจงตั้งใจสุจริตตอพระเจาเลาเสีย
้ นใหเหมือนเรา ซึ่งจะใชผค ู นทําการสิ่งใดๆ จงประมาณการ
หนักแลเบากับสติปญ  ญาผูนั้นใหควรแกการจึงใช อันการขางฝายทหารแลตําราพิชัยสงครามนั้นเราก็สั่ง
เกียงอุยไวเสร็จแลว ทานจงกลับไปทูลพระเจาเลาเสี้ยนกอนเถิดวาเราเปนคนบุญนอย จะขอกราบถวาย
บังคมลาในวันพรุงนี้แลว เราจะแตงหนังสือขึน ้ ไปถวายตอภายหลัง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 59

สามกกฉบับภาษาจีนระบุวา ขงเบงไดสั่งเสียลิฮกผูแทนพระองคพระเจาเลาเสี้ยนวา เมื่อเราหาบุญไมแลว


การขางฝายทหารนั้นเรามอบหมายวางใจไวกับเกียงอุยทั้งสิ้น จงกลับไปกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสีย ้ น
ใหโปรดเกลาแตงตั้งเกียงอุยสืบแทนตําแหนงทางการทหารแทนตัวเรา ก็จะปองกันรักษาบานเมืองไวมิให
เปนอันตรายได

ลิฮกรับคําขงเบงแลวจึงคํานับลาแลวรีบเดินทางกลับไปเมืองเสฉวน

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนสิบ แรมแปดค่ํา เวลาบาย ขงเบงซึ่งปวย


อาการหนักประคองตัวลุกขึ้นจากเตียง สั่งทหารใหเอาเสื้อคลุมมาคลุมแลวใหพยุงไปขึ้นเกวียนจะออกไป
ตรวจตราดูแลคายทั้งปวง แตพอไปถึงดานหนาคายสายลมหนาวโชยพัดจัดมา ขงเบงหนาวสะทานทั้งตัว
ไมอาจออกไปตรวจตราคายไดดังใจ จึงสั่งทหารใหเข็นเกวียนกลับเขาคายดังเกา

ขงเบงนั่งลงบนเตียงพลางทอดถอนใจใหญ แลวรําพึงวา ตัวเรานี้มีความสัตยซื่อตอแผนดินจะมาถึงแก


ความตาย เทพยดาไมชวยเราแลวหรือ แลวจึงสั่งใหทหารตามตัวเอียวหงีมาพบ เอียวหงีตรวจตราคายอยู
ในที่ใกล พอรูกร็ ีบเขามาหาขงเบง

ขงเบงเห็นเอียวหงีจึงกวักมือเรียกเขามาใกลแลวกลาววา ตัวเราจะหาบุญไม ทานจะเปนผูใหญอยูใน


กองทัพ จงเลี้ยงดูทหารทั้งปวงอยาใหเสียใจ อันอองเปง มาตาย เลียวฮัว เตียวเอก เตียวหงี หาคนนี้มีใจ
สัตยซื่อ ทานจงทํานุบํารุงใหเหมือนตัวเรา อนึ่งเมื่อทานจะเลิกกองทัพกลับไปนั้นอยาวูวาม ใหถอยไป
โดยปรกติ ถึงมาตรวาขาศึกรูจ  ะติดตามไปก็ชวยกันรบพุงปองกัน อยาใหมีอันตรายแกทหารใหญนอยได
อันเกียงอุยนั้นมีสติปญ
 ญาแลฝมืออยู เราก็ไดสั่งการทั้งปวงไวเสร็จแลว แมทานจะทําการสิ่งใดก็ใหปรึกษา
กันกับเกียงอุย

เอียวหงีรองไหรับคําสั่งขงเบงที่มอบหมายใหทําหนาทีแ
่ มทพ
ั แทนเมื่อขงเบงตายแลว และกลาววามหา
อุปราชจงวางใจ ขาพเจาจะปฏิบัติตามคําสั่งฝากฝงสั่งเสียของมหาอุปราชดวยชีวิต และจะพากองทัพถอย
กลับเมืองเสฉวนใหปลอดภัยจงได

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

กลพยุงดาวขุนพล (ตอนที5
่ 73)

ทันทีที่อุยเอี๋ยนสะดุดโคมไฟเสี่ยงทายชีวต
ิ ดับลง ขงเบงก็รูวาอายุขัยสิ้นแลว แตหว งการขางหลังจึงสั่งเสีย
ไวกับผูวางใจรวมสามเรื่อง คือแผนการลาถอยทัพมิใหเปนอันตรายอยางหนึ่ง แผนการกําจัดอุยเอี๋ยนซึ่งจะ
กอการกบฏอยางหนึ่ง และแผนการชวยปองกันชีวิตชาวเมืองเสฉวนหากขาศึกจะยกเขาตีในวันขางหนาอีก
อยางหนึ่ง

ขงเบงมอบหมายตราประจําตําแหนงแมทัพใหเอียวหงีทําหนาที่บัญชาการทัพแทนแลว ยังคงวิตกวาใน
ระหวางถอยทัพนั้นอาจเกิดเหตุการณที่ไมคาดหมายขึ้น ขงเบงจึงเรียกเกียงอุยและเอียวหงีเขามาใกล
เตียงที่นอน แลวกระซิบวาเสนทางเดินทัพถอยกลับไปเมืองเสฉวนนั้น จะตองผานเสนทางหุบเขาและตอง
เดินทัพบนสะพานลอยที่เชื่อมระหวางหุบเขา หากถูกตัดเสนทางนั้นแลวกองทัพก็จะเปนอันตราย แตยงั มี
เสนทางลับอีกเสนทางหนึ่งซึ่งเราไดสํารวจภูมิประเทศไวแลว ดังนั้นถาเกิดเหตุรา ยขึ้นในระหวางถอยทัพ
สะพานลอยถูกตัดขาด ก็ใหลอบยกวกออมไปตามเสนทางลัดนั้นเถิด ขงเบงกลาวแลวก็ชี้มือไปที่แผนที่ให
เอียวหงีและเกียงอุยเห็นเสนทางลับสายนั้น

เอียวหงีและเกียงอุยไดยน
ิ ดังนั้นก็รับคําขงเบงวา มหาอุปราชอยาไดวต
ิ กสืบไปเลย สติปญ
 ญาการคิดอาน
ของมหาอุปราชยอมคุม  ครองใหกองทัพเราลาถอยกลับเมืองเสฉวนโดยปลอดภัยเปนมั่นคง

กลาวแลวสองขุนนางผูใหญกร็ องไห ตระหนักวาขงเบงนี้นาบูชาศรัทธายิ่งนัก แมยามปวยเจ็บใกลจะตายก็


ยังหวงหาอาทรไพรทหาร แลวคิดอานปกปองคุมครองมิใหไดรับอันตราย ตางคนตางสํานึกในพระคุณของ
ขงเบงเปนลนพน

ขงเบงสั่งเสียเอียวหงีและเกียงอุยเสร็จแลว จึงสั่งทหารใหเอากระดาษและพูกันมาวางไวที่โตะขางเตียง
ขงเบงพยุงตัวลุกออกจากเตียงที่นอนอยางยากลําบากตรงไปที่โตะยามนั้นใจก็หวนรําลึกถึงพระคุณของ
พระเจาเลาป น้าํ ตาขงเบงก็ไหลพรากอาบแกม ขงเบงกลั้นน้ําตาแลวแตงฎีกาเปนใจความวา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 60

ขาพระพุทธเจาจูกัดเหลียง-ขงเบง ขอแตงฎีกาฉบับนี้มากราบบังคมลาแทนตัว ดวยเมื่อพระองคได


ทอดพระเนตรฎีกาฉบับนี้ ชีวต ิ ของขาพระองคยอมถึงกาลสิน ้ แลว จึงไมอาจมาถวายบังคมลาดวยตนเอง
ขาพระพุทธเจาเดิมเปนชนชาวนาสามัญแหงเมืองลําเอี๋ยง ชีวิตแตนอยคุมใหญไมปรารถนาลาภ ยศ สุข
สรรเสริญ มุงหนาศึกษาวิทยาการทั้งบุนบู เสพเสวนาดวยเหลาบัณฑิตอันเปนมิตรสหาย หมายปลีกวิเวก
อยูกับธรรมชาติในปาเขา ดวยรูดีวาสรรพสิ่งเกิดแลวตั้งอยูและยอมดับสูญ ไมมีสิ่งใดจะลวงพนความดับไป
ได พระเจาเลาปทรงมีพระเมตตาฝาพายุและหิมะอันหนาวเหน็บไปเยือนขาพระองคถึงกระทอมนอยถึงสาม
ครั้ง มิไดถือพระองคและมิไดคํานึงถึงความตรากตรําพระวรกาย ทรงปรารภปณิธานอันสูงสงวาแผนดินเปน
จลาจล คนพาลสันดานหยาบครองอํานาจในบานเมือง อาณาประชาราษฎรไดความเดือดรอนทุกหยอม
หญา ทรงปรารถนาจะรวบรวมแผนดินเขาเปนหนึ่ง ฟนฟูเชิดชูพระราชวงศฮั่นใหรุงเรืองเฟอ  งฟูเหมือนครั้ง
แผนดินองคปฐมบรมกษัตริย ทํานุบํารุงอาณาประชาราษฎรใหรมเย็นเปนสุข ขาพระพุทธเจาเลื่อมใสในน้าํ
พระทัยอันประเสริฐ จึงละวิเวกสุข ติดตามรับใชเบื้องพระยุคลบาท แตกรรมบันดาลใหเปนไป ฮองเตใน
พระบรมโกศจึงเสด็จสูสวรรคกอ  นที่พระราชธุระจะสําเร็จ ทรงฝากฝงใตฝาละอองธุลีพระบาทใหขาพระองค
ไดทํานุบํารุงเหมือนหนึ่งพระองคเอง ขาพระองคก็ไดถวายความจงรักภักดีดวยความสัตยสุจริต มิไดคด ิ ถึง
ความยากลําบากและชีวต ิ ตัว และดวยวิตกวาศัตรูเหนือใตยังไมราบคาบ จึงจําตองผูกมิตรกับศัตรูใต มุง
ทําลายศัตรูเหนือ เพื่อบรรลุถงึ พระราชปณิธานอันสูงสง ขาพระองคไดกรีฑาทัพปราบปรามศัตรูแผนดินถึง
หกครั้ง ก็ยังไมประสบความสําเร็จ แตสวรรคกลับไรความยุติธรรม ลิขิตชะตาชีวต ิ ขาพระองคใหสิ้นสุดแต
เพียงนี้ วันเวลาขาพระองค ณ บัดนี้มีเหลืออยูไมเกินเวลาที่พระจันทรจะโคจรอยูบนนภากาศเทานั้น วิตก
ดวยการแผนดินขางหนา จึงขอพระราชทานกราบบังคมทูลวาซึ่งจะปกครองแผนดินใหรมเย็นเปนสุขนั้น
แผนดินกวางใหญยิ่งกวากําลังใครแตผูเดียวจะแบกรับได ขอพระองคไดเสวนาคบหากับผูเ ปนบัณฑิต เชิญ
ชวนเขามารวมแบกรับพระราชภารกิจอันสูงหนักดังแผนฟาแผนดิน หลีกเลี่ยงละเวนไมเสพเสวนาดวย
เหลาพาล มอบหมายการงานทั้งปวงใหถูกคน ใชคนทั้งปวงใหเหมาะสมแกความสามารถและการงาน ขอ
พระองคจงทรงมีความอดทนตอการที่จะถูกเหลาบัณฑิตชักพาไปในทางที่ถก ู ตอง ขอพระองคทรงมีความ
อดทนตอถอยคําอันหวานของเหลาพาลที่จะชักนําไปในทางที่ผด ิ แลขาพระองคนั้นมีที่นาหาสิบไร มีตน
หมอนแปดรอยตน เพียงพอตอการเลี้ยงดูบต ุ รภรรยาครอบครัวไมขัดสน ไมตองทรงพระราชทานสิ่งใดเปน
บําเหน็จอีก ทรัพยสินเครื่องใชสวนตัวของขาพระองคมิไดมส ี ิ่งใด สวนบรรดาขาวของและที่พักอาศัยอัน
เปนของพระราชทานนัน ้ เมื่อสิน
้ บุญขาพระพุทธเจาแลวขอถวายกลับคืนเพือ ่ ทรงโปรดนําเขาพระคลังหลวง
สําหรับแจกจายขาทหาร ดวยเกลาดวยกระหมอม

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา ฎีกาสุดทายของขงเบงฉบับนี้มีความวา ขาพเจาขงเบงขอ


กราบถวายบังคมมาใหทราบ ดวยขาพเจาแจงอยูวาบุราณกรรมมาถึงแลว แลตัวขาพเจานีก ้ ็อุตสาหตั้งใจ
ทําราชการตามสติปญ  ญา พระเจาเลาปช ุบเลี้ยงใหเปนใหญถึงเพียงนี้ แตขาพเจามีความวิตกอยูวาศัตรู
ฝายเหนือฝายใตยังไมราบคาบ ควรหรือจะมาดวนถึงแกความตาย ก็คด ิ แคนอยูทุกเวลา แมขาพเจาตาย
แลวพระองคจงรักษาความสัตย บํารุงอาณาประชาราษฎรใหอยูเย็นเปนสุขตามประเพณี อยาไดเชื่อฟงคํา
คนอันเปนพาล บานเมืองจึงจะปรกติสืบไป อันในที่อยูขาพเจานั้นมีตนหมอนสําหรับเลีย ้ งไหมอยูถ  ึงแปด
รอยตน นาหาสิบไร แลทีน ่ ากับตนหมอนนี้ก็พอจะเลี้ยงดูบุตรภรรยาขาพเจาอยูแลว อันทรัพยสิ่งของ
ขาพเจาซึ่งอยูในเรือนนั้นขอใหเอาไปไวในทองพระคลัง จะไดแจกทหาร

สามกกฉบับสมบูรณไดระบุความในฎีกาของขงเบงวา ฟงมาวาความเปนความตายนั้นยอมเปนเรื่องธรรมดา
ยากที่จะหนีรอดจากชะตากรรมที่แนนอนได บัดนี้ความตายจวนจะมาถึง ปรารถนาที่จะถวายความซื่อสัตย
จงรักภักดีจนสิน
้ สุด ขาพระพุทธเจาเหลียงอุปนิสัยโงเขลาปญญาทึบ ประสบชีวต ิ ในยามทุกขยากลําบาก
รับแบงปายอาญาสิทธิ์กองทัพ เทิดทูนพระบัญชา ควบคุมดุลอํานาจเปนพิเศษ ไดปฏิบัติการกรีฑาทัพ
ปราบปรามภาคเหนือยังมิประสบความสําเร็จ ไฉนในยามนี้ตองมาเจ็บปวยเขาขั้นหมดหวัง ชีวิตแขวนอยูใน
เวลาเชาเย็น มิอาจรับใชพระองคถึงทีส ่ ด
ุ ตองกล้ํากลืนความแคนสุดพรรณนา ขอกมหมอบปรารถนาให
พระองคทรงพระราชหฤทัยผองใสรักสันโดษ ทรงผูกพันโปรดทวยราษฎร ทรงรอบรูกตเวทิตาแดฮองเตที่
ลวงลับไปแลว ทรงแผพระเมตตามหากรุณาธิคุณทั่วจักรวาล เลือกสรรยกยองปราชญที่ซุมซอนตัว เพื่อให
เมธาผูประเสริฐถวายตัวเขามา ถอดถอนขับไลผท ู ุจริตมิจฉาชีพออกไปเพื่อฟนฟูจารีตประเพณีใหดีงาม
ขาพระพุทธเจามีตนหมอนอยูแ  ปดรอยตน มีนาอยูหาสิบไร เรื่องเสื้อผาอาหารการกินบุตรหลานพอมี
เหลือเฟอ สวนสิ่งของที่ขา พระพุทธเจาติดตัวใชสอยอยูภ  ายนอกก็เฉพาะพอใชในหนาที่ขุนนางเทานัน ้
มิไดกระทําหรือมีสมบัตใิ ดๆ วันใดที่ขาพระพุทธเจามรณา มิไดมีทรัพยสมบัติอยูภายใน หรือมีเงินทองอยู
ภายนอก โดยเปนการทรยศตอใตฝา ละอองธุลีพระบาทปกเกลาปกกระหมอมแมแตประการใด

ขงเบงแตงฎีกาเสร็จแลวผนึกใสซองมอบใหเอียวหงีนําไปถวายพระเจาเลาเสี้ยน แลวกลาวกับเอียวหงี
ตอไปวา หลังจากเราถึงแกความตายแลวหามมิใหทหารทั้งปวงรองไหไวทก ุ ขเปนเด็ดขาด ใหตอโลงนั่งมี
พื้นที่นั่งสูง เอาศพเราใสไวในโลงนั้นในทานั่งหอยเทา ใหเอาขาวสารเจ็ดเมล็ดใสไวในปาก และเอาโคม
ตะเกียงดวงหนึง่ จุดไวทฝี่ าเทา ดังนี้แลวดวงวิญญาณของเราก็จะลองลอยขึ้นไปบนสวรรค บังคับดาว
ประจําตัวขุนพลไมใหหลนจากฟาสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อดาวขุนพลประจําตัวเราไมรวงลงจากฟากฟาใน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 61

เวลาลาถอยทัพ สุมาอี้ก็จะสงสัยวาเราถึงแกความตายจริงหรือวาเปนกลอุบาย เห็นจะไมกลายกมาทํา


อันตราย

ขงเบงหยุดหอบหายใจอยูอีกครูใหญ ในขณะที่เอียวหงีและเกียงอุยยังคงนั่งนิ่งตั้งใจฟงดวยน้ําตาอาบ
ใบหนา แลวขงเบงจึงกลาวสืบไปวาในการลาถอยทัพจากแดนทีล ่ ึกเขามาในแดนของขาศึกนั้นยากลําบาก
นัก ใหทานสั่งการใหกองทัพสวนหลังคอยๆ ทยอยลาถอยทัพกลับไปกอน กองทัพสวนหนาคอยๆ ลาถอย
ทัพกลับไปอยางชาๆ ใหเอาหุน  รูปตัวเราซึ่งจัดเตรียมไวแลวบรรทุกไปในเกวียนที่เราเคยนัง่ คุมกองหลังลา
ถอยทัพไป มาตรแมนวาสุมาอีย ้ กกองทัพมาตามตี ก็ใหกองหลังแปรขบวนกลับหนาตั้งขบวนรบ ชูธงจูกด ั
เหลียงอันเปนธงประจําตัวเราใหเดนชัดที่ขางเกวียน เข็นเกวียนออกไปหนาขบวนรบ สุมาอี้จะสําคัญวาตัว
เราทํากลอุบาย เห็นจะถอยทัพหนีประหนึ่งสุนข ั โดนน้ํารอนลวกฉะนั้น

ขงเบงกลาวสิ้นความก็ไออีกหลายครั้ง โลหิตสดๆ ไหลออกจากปาก ขงเบงหลับตาพริ้มอยูบนเตียง


เอียวหงีและเกียงอุยเห็นดังนัน
้ ก็สงสารพากันรองไห แลวกลาววาถอยคําทั้งปวงที่มหาอุปราชไดบญ
ั ชา
ขาพเจาจะจดจําใหแมนยําไวในใจ ขอมหาอุปราชอยาไดหวงใยสืบไปเลย

พอเวลาค่ําลงขงเบงสั่งทหารใหพยุงตัวออกไปดานนอกคายพักอีกครั้งหนึ่ง เทศกาลแรมแปดค่ํา เดือนสิบ


ทองฟามืดสนิทราวกับผืนผาสีดํา เห็นดาวพราวพรางเต็มทองฟา ขงเบงแหงนหนามองฟาเบื้องทิศอีสาน
พลางชี้นิ้วไปทีด
่ าวใหญดวงหนึ่งซึ่งมีรัศมีสแ
ี ดงดั่งสีเลือด แตริบหรีเ่ ศราหมองโรยราวจะรวงหลนจาก
ฟากฟา แลวกลาววานีค
่ ือดาวขุนพลประจําตัวเรา

เกียงอุย เอียวหงี และทหารองครักษใกลชด ิ มองตามมือขงเบงไปบนอากาศก็รส ู ึกเศราสลดใจ เพราะดาว


ประจําตัวขุนพลของขงเบงริบหรี่เต็มที ประหนึ่งกําลังจะรวงหลนลงจากฟากฟา อุปมาคลายกับผลไมสก ุ
ใกลหลุดออกจากขั้วตกลงสูพน
ื้ ฉะนั้น

ทุกคนมองดวงดาวบนอากาศแลวหันไปมองขงเบง ตางคนตางหยุดนิ่งอยูใ นความสงบ แลเห็นขงเบงเอา


กระบี่ชี้ไปที่ดาวประจําตัว ปากก็พร่ําทองสวดมนตอันเปนไสยเวทยในลัทธิเตา พอทองมนตจบกระแสลม
หนาวก็พัดมาวูบใหญ ขงเบงสลบสิ้นสติสมประดี เอียวหงีและเกียงอุยจึงใหทหารพยุงขงเบงกลับเขาไปใน
คายพัก

ในขณะนั้นลิฮกไดเดินทางกลับมาทีค ่ ายพักของขงเบงอีกครั้งหนึ่ง เห็นผูค


 นในคายพักของขงเบงสับสน
อลหมานก็ตกใจ รีบสาวเทาเขาไปในคายพักของขงเบง เห็นขงเบงนอนสลบไสลอยูบนเตียงก็รองไห ปาก
ก็กลาวรําพึงวาหรือตัวเรามาลาชาไปไมทันการ การใหญของแผนดินเห็นจะเสียหายเปนแนแท

สิ้นคําวาแผนดินจะเสียหาย ลิฮกเห็นขงเบงลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แลวเบือนหนาหันมามองลิฮกอยาง


ยากเย็น

ขงเบงขยับปากดวยความยากลําบาก กลาวดวยน้ําเสียงอันแผวเบาวา ขาพเจารูจด


ุ มุงหมายการมาของ
ทานเปนอยางดี

ลิฮกไดยินคําขงเบงก็รูวาขงเบงลวงรูเจตนาการมาของตน จึงชิงกลาวเสียเองวาขาพเจาเดินทางมาครั้งนี้
เนื่องเพราะองคพระจักรพรรดิมพ ี ระบัญชาใหมาขอความเห็นจากมหาอุปราชเกี่ยวดวยการแผนดินหลังจาก
สิ้นบุญทานแลววาผูใ ดสมควรที่จะเปนมหาอุปราชแทนตัวทาน

ขงเบงกลาวตอบดวยน้ําเสียงแผวเบาตะกุกตะกักวาเจียวอวนเปนขุนนางผูใหญ เปนบัณฑิต รูการแผนดิน


เปนอันมาก มีความสามารถซื่อสัตยจงรักภักดี ควรที่จะแทนตําแหนงขาพเจาได

ลิฮกจึงถามตอไปวา ถาหากเจียวอวนสิ้นบุญแลว มหาอุปราชเห็นวาผูใ ดเหมาะสมที่จะดํารงตําแหนงสืบ


แทนเจียวอวน

ขงเบงพยายามตอบอยางยากเย็นดวยน้ําเสียงที่แผวเบาและตะกุกตะกัก ในขณะทีต
่ านั้นพริ้มสนิทวาถา
เจียวอวนตายใหตั้งบิฮุยแทนเจียวอวนเถิด

ลิฮกไดถามตอไปวา ถาหากบิฮุยตาย จะใหผใู ดแทนบิฮุยเลา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 62

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สิ้นบุญขงเบง (ตอนที5
่ 74)

หลังจากรูช
 ะตากรรมตนเองวาอายุเหลืออยูเพียงพระจันทรโคจรอยูบนฟา ขงเบงจึงมอบหมายให
เอียวหงีควบุคมกองทัพแทน มอบหมายแผนการกําจัดอุยเอี๋ยนและแผนการถอยทัพจนเปนที่วางใจวา
กองทัพจะไมเปนอันตรายแลว ขงเบงจึงแตงฎีกาถวายบังคมลาพระเจาเลาเสี้ยน และเสนอใหแตงตั้งเจียว
อวนเปนมหาอุปราชแทน เมื่อเจียวอวนตายก็ใหตั้งบิฮุยแทน

ทุกผูค
 นตั้งใจฟงวาหลังจากบิฮย
ุ ตาย ผูใดจะไดครองตําแหนงมหาอุปราชแทน แตไมมีเสียงตอบจากขง
เบง สายลมเย็นยะเยือกหนาวจับหัวใจโชยพลิ้วผานมานคายพักเขามาถึงขางใน ลิฮก เกียงอุย
และเอียวหงี มองไปที่ขงเบง เห็นนอนนิ่งไมไหวติงอยูบนทีน
่ อน มือซายทอดราบอยูขางตัว มือขวาพาด
อยูบนอกนิ่งสนิทไมมีไมเห็นรอยกระเพื่อมของการหายใจ ลิฮกรีบยกมือขึ้นแตะที่ปลายจมูกของขงเบง
ปรากฏวา ลมอัสสาสะ ปสสาสะหมดสิ้นแลว ขงเบงอําลาโลกไปอยางสงบตอหนาผูคนที่วางใจในวันแรม
แปดค่าํ เดือนสิบ พุทธศักราชเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา ในขณะที่อายุไดหาสิบสี่ป เปนชวงเวลาที่พระเจา
เลาเสี้ยนเสวยราชสมบัติไดสิบสองป

ลิฮกกลาวขึ้นดวยอาการตกใจวา มหาอุปราชสิ้นลมแลว ในพลันนั้นเสียงรองไหก็ดังระงมขึ้นในคายพักของ


ขงเบง

พญามังกรแหงเทือกเขาโงลังกั๋งซึ่งเลื่องชื่อลือชาวามีสติปญ  ญาลึกล้ํากวางขวาง แจงฟาจบดิน เปนเอก


อยูแตผูเดียวในโลก ทั้งๆ ที่เดิมทีมีปณิธานแหงชีวิตที่ไมปรารถนาลาภยศสุขสรรเสริญ หมายอยูวิเวกในปา
เขาลําเนาไพร เสพเสวนาอยูก  ับเหลาบัณฑิตมิตรสหาย ศึกษาคนควาวิทยาการมากหลาย แตจําตองยอม
ละวิเวกสุขเขาคลุกงาน ดวยไมอาจทนทานตอมือซึ่งพนมโดยสุจริตของพระเจาเลาป ผูมป ี ณิธานอันสูงสง
ใหญหลวงที่จะกอบกูแผนดินราชวงศฮั่นใหรุงเรืองเฟองฟู ทํานุบํารุงอาณาประชาราษฎรใหรมเย็นเปนสุข
ทั้ง ๆ ทีร่ ูดีวา การละวิเวกออกจากเขาเขาไปชวยเหลือเชื้อพระวงศพเนจรผูอาภัพนั้นมีอนาคตเบื้องหนาที่
จะตองรากเลือดถึงแกความตาย ก็มิไดยอมจํานนตอลิขิตแหงสวรรค ดวยมั่นใจวาสติปญ  ญาของมนุษยที่มี
พลังแหงความจงรักภักดีอันบริสท ุ ธิส
์ ัตยซื่อ จะสามารถเอาชนะและเปลี่ยนแปลงลิขิตสวรรคได จึงสั่งลาจู
กัดกิ๋นผูนองยามจะลงจากเขาวา เสร็จการแผนดินแลวจะกลับมาทําไรไถนาอยูตามประสาพี่นองดังแตกอ  น
วันเวลาแรกที่ลงจากเขานั้นพระเจาเลาปกําลังสิ้นเนื้อประดาตัว ผืนแผนดินสักตารางนิ้วหนึ่งก็ไมมี
มิหนําซ้ํายังถูกศัตรูรุกไลโจมตีจนไมมีที่จะตั้งตัว แตดวยสติปญญาครอบฟาคลุมดิน ขงเบงจึงสามารถ
นําพากองทัพของพระเจาเลาปห  นีรอดพนจากเงื้อมมือขาศึก แลวชักพาใหกองทัพนับเกือบรอยหมืน ่
ของโจโฉกอความกดดันแกชาวเมืองกังตั๋ง จนทําใหเกิดความแคลงใจกลายเปนสงครามเซ็กเพ็ก ถึง
กระนั้นแลวเพื่อจะทําลายกองทัพโจโฉใหวายวอด ขงเบงจึงเอาตัวเสี่ยงตายเขาไปอยูในปากเสือที่เมือง
กังตั๋ง คิดอานแผนการอุบายหลายหลากผลาญเผากองทัพของโจโฉจนพินาศสิ้น แลวชวงชิงโอกาสที่
แผนดินสับสนทําใหเลาปตั้งตัวขึ้นไดในภาคใตกอเปนรูปดุลกําลังสามกกขึน ้ หลังจากนั้นอีกสิบกวาปก  ็
สามารถบรรลุยท ุ ธศาสตรสามกกขั้นที่สอง ตัดผืนแผนดินจีนหนึ่งในสามมอบใหแกเลาปผูเปนนายไดใช
เปนฐานกําลังในการกาวไปสูย  ทุ ธศาสตรสามกกขั้นที่สาม แตความคิดเปนของคน ความสําเร็จเปนของฟา
แผนการตามยุทธศาสตรเริ่มกระทบกระเทือนนับแตกวนอูไมฟงคาถารักษาเมือง ทําใหเกิดสงครามกับ
เมืองกังตั๋งจนกวนอูถึงแกความตาย เปนเหตุใหพันธมิตรซุน-เลาตองพังทลายลง และนําไปสูความปราชัย
ครั้งยิ่งใหญของพระเจาเลาปจนกระทั่งสิ้นพระชนมที่เมืองเปกเต สิ้นนายไรหลักแลวขงเบงยังตองแบก
รับภาระที่พระเจาเลาปฝากฝงใหทาํ นุบํารุงรัชทายาทผูเยาวซึ่งไมเคยรอนหนาวดวยการสงคราม ไมเคย
ตรากตรําอยูกับขาทหาร พลันที่สิ้นแผนดินพระเจาเลาปก็ตองฟนไมตรีกับงอกก แลวยกกองทัพไปปราบ
ขบถทางใตถึงแดนพุกามประเทศ เพื่อกําจัดเสีย
้ นหนามในการฟนฟูแผนยุทธศาสตรที่กาํ หนดไวแตเดิม
หลังจากตรากตรําทําศึกเมืองหมั่นอองแลวจึงนําทัพบุกวุยกก หวุดหวิดจะไดชย ั ชนะถึงสองครั้งสองครา
แตบังเอิญมามีเหตุขางในราชสํานักฮั่น ขงเบงจึงตองลาทัพกลับอยางนาเสียดาย แมในสงครามครั้งทีห ่ กก็
หวุดหวิดจะผลาญชีวต ิ แมทัพใหญคือสุมาอี้แหงวุยกกไดอยูแ  ลว แตสวรรคบันดาลชวยชีวิตสุมาอี้รอดไป
อยางหวุดหวิด ดวยชีวิตที่ตรากตรํางานหนักจนเกินตัว ขงเบงจึงตองปวยหนักถึงรากเลือด และถึงแกความ
ตายในทามกลางศึก ทิ้งภารกิจที่มนุษยอื่นคาดไมถึงไวถึงสามประการ คือการนําทัพลาถอยเขาสูแดนเสฉ
วนโดยปลอดภัยประการหนึ่ง การกําจัดอุยเอี๋ยนทีจ ่ ะกอการขบถหลังการตายประการหนึ่ง และการคุมครอง
ปองกันชีวิตชาวเมืองเสฉวนไมใหเปนอันตรายจากการรุกรานของขาศึกในวันหนาอีกประการหนึ่ง

ชีวิตอันเปยมดวยความจงรักภักดีตรากตรํางานหนักและบริบรู ณดวยยศศักดิอ
์ ัครฐาน เปนถึงมหาอุปราช
และบิดรแหงแควน กุมอํานาจบริหารและกองทัพเบ็ดเสร็จ มีโอกาสที่จะแสวงหาประโยชนเพื่อตนและพวก
ยิ่งกวาใครใด แตหาไดใชอํานาจและโอกาสทําการทุจริตตอแผนดินแมแตนอยนิด ทรัพยสินสวนตัว
คงเหลือแตสมบัติเกาคือนาหาสิบไร ตนหมอนอีกแปดรอยตนเทานั้น บรรดาสมบัติพัดสถานที่ไดมาใน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 63

ระหวางปฏิบัตริ าชการไดนอมเกลาถวายคืนเขาพระคลังจนหมดสิ้น อา! ชีวต ิ ทีส


่ ันโดษและสมถะสูงสงดังนี้
ควรแลวที่จะไดรับการยกยองวาเปนยอดวีรชนเหนือแผนดินจีนตั้งแตอดีตจวบปจจุบัน

อุทาหรณแหงชีวิตของขงเบงไดพิสูจนสัจธรรมวา สติปญ  ญาของมนุษยแมจะเลิศล้าํ ลึกซึ้งกวางไกลเพียง


ไหนก็ตาม ก็มีฐานะเพียงแคจะคิดจะทําไดเทานั้น การจักสําเร็จหรือลมเหลวประการใดยอมเปนไปตาม
ลิขิตสวรรคอันไมอาจผันแปรได ชีวิตเกิดขึน ้ แลวมีความตัง้ อยูและดับไปดุจดังกระแสน้ําในแมน้ําแยงซีที่
ไหลรีส่ ูทศ
ิ บูรพาโดยไมอาจผันแปรไดนั่นแล

พลันที่ขงเบงสิน
้ ลมสามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา ขณะนั้นในกองทัพขงเบงใหเย็นเยียบไป
ทั้งคาย พยัพลมมัวไปทั่วอากาศ ทหารทั้งปวงรูก็ตกใจ ตางคนตางรองไห แลวหามกันสงบอยูมิใหเลื่องลือ
อื้ออึง

เอียวหงีและเกียงอุยรีบจัดแจงเอาศพของขงเบงใสในโลงนั่ง แลวเอาขาวสารเจ็ดเมล็ดใสไวในปาก และ


จุดโคมไฟไวที่เทาของขงเบงตามแบบแผนวิธท ี ี่ขงเบงไดสั่งเสียไวทุกประการ แลวเอียวหงีจึงออกคําสั่ง
ใหกองทัพสวนหลังลาถอยทัพกลับเขาเมืองเสฉวน และใหกองทัพสวนกลางคอยๆ ทยอยถอยทัพอยาง
ชาๆ หามทหารมิใหรองไหหรือไวทุกขตามคํากําชับของขงเบงทุกประการ

ในยามดึกคืนวันนั้นสุมาอี้ไดออกไปยืนอยูนอกคายพัก สังเกตดวงดาวในอากาศ พลันเห็นดาวใหญดวง


หนึ่งที่เคยริบหรี่โรยราอยูบนฟากฟาเบื้องทิศอีสาน ไดรวงวูบลงจากฟาหลนเฉียงไปทางขางทิศหรดีตกลง
ที่กลางคายทหารเมืองเสฉวน สุมาอี้ดใี จเปนลนพน รําพึงขึน ้ อยางลืมตัววาขงเบงตายแลว แผนดินวุยกก
ปลอดภัยแลวอยูหลายครั้ง

แตทันใดนั้นสุมาอี้ก็ตองอุทานดวยความตกใจวาเปนกลอุบายอะไรกันแน เพราะดวงดาวซึ่งรวงหลนจากฟา
นั้นไดลอยกลับขึ้นไปสถิตในทีเ่ ดิมแลวรวงหลนลงมาอีก หลนลงแลวก็ลอยขึ้นไปอยูบนฟาดังเดิมถึงสาม
ครั้งสามครา แตสุมาอีส ้ ังเกตเห็นดาวใหญนั้นแมขึ้นไปโคจรอยูบนฟาดังเดิม แตแสงริบหรีซ
่ ีดโรย จึงรําพึง
ขึ้นอีกครั้งหนึ่งวาขงเบงตายแนแลว เราจะเกรงอะไรกับกองทัพเสฉวน

รําพึงดังนั้นแลวสุมาอี้รีบกลับเขาไปในคายพัก พอรุงขึ้นก็เรียกแมทัพนายกองทั้งปวงมาพรอมกัน แลว


ปรารภความวาบัดนี้ขงเบงตายแลว กองทัพจกกกเหมือนหนึ่งหนูอยูในถัง จําทําลายใหสิ้นซาก ใหกองทัพ
ทุกกองเตรียมกําลังพลพรอมไวหนาคายหลวง แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงดังนั้นก็มค ี วามยินดี รีบคํานับสุ
มาอี้ออกไปจัดแจงกองทัพ พักใหญเสียงกลองระดมพลพรอมรบก็ดังขึ้นทีห ่ นาคายหลวง สุมาอี้ใสเกราะ ขี่
มาออกไปที่หนากองทหาร แลวออกคําสั่งใหเคลื่อนทัพ

สุมาอี้ขี่มานําทัพออกไปยังไมทันพนแนวคายหนา พลันหวนรําลึกถึงเหตุการณที่ตองกลขงเบงหวุดหวิดจะ
เสียชีวิตทั้งสามพอลูกในหุบเขาน้ําเตา สุมาอี้ก็สะทานขึ้นทัง้ ราง ในพลันนัน
้ สายลมเย็นยะเยียบโชยมาแต
ขางกองทัพของขงเบง ตองธงชัยกองทัพสุมาอี้ลูลิ่วไปตามลม สุมาอีร้ ีบออกคําสั่งใหกองทัพทั้งปวงหยุด
ในทันที

สุมาอี้หยุดมาคิดอยูครูหนึ่งวาขงเบงนี้รูมนตวเิ ศษในลัทธิเตา ตัวเราก็เคยประจักษวาขงเบงไดใชวช


ิ าไสย
เวทยอัญเชิญเทพแหงวายุมาชวยเหลือในการสงครามได ขงเบงยอมรูวิชาที่จะทําใหดวงดาวโคจรวิปริต
ผิดปกติเพื่อลอลวงไดเชนเดียวกัน ชะรอยขงเบงจะเห็นวาเรามิไดยกออกไปรบพุงเปนเวลาชานาน จึง
แสรงใหทหารจุดพลุไฟทิ้งลงมาจากยอดเขากิสานทําอุบายวาถึงแกความตายแลว หวังจะลวงใหเรายก
ออกไปรบ หากเรายกกองทัพไปก็จะตกเขาในกลของขงเบงเห็นจะเปนอันตรายเปนมั่นคง

สุมาอี้ยิ่งคิดก็ยงิ่ สําคัญวาเปนกลอุบายลวงของขงเบงเปนแนแทแลว ครั้นจะอธิบายเหตุผลแกทหารทั้งปวง


ก็เกรงวาจะไมทันการ จึงออกคําสั่งใหถอยทัพกลับเขาคายดังเดิม และใหตั้งมั่นอยูในคายเพิ่มความ
ระมัดระวังกวดขันเวรยามขึ้นอีกสองสามเทาตัว

เมื่อกลับไปถึงคายแลวสุมาอีย
้ ังคิดระแวงวาขงเบงตายจริงหรือไม จึงสัง่ ใหแฮหัวปานําหนวยลาดตระเวน
ออกไปสืบขาวคราวในเสนทางเดินทัพของขงเบง

ฝายอุยเอี๋ยนหลังจากสะดุดโคมไฟชะตาชีวิตของขงเบงดับลงแลว ไดถูกกันไมใหเขาของแวะดวย
เหตุการณภายในคายพักของขงเบง และถูกมอบหมายหนาที่ใหตรวจตราระมัดระวังรักษาคายหนาไวมิให
เปนอันตราย ในค่ําคืนวันที่ขงเบงสิ้นลมนั้นอุยเอี๋ยนนอนหลับอยูในคาย ไดฝนไปวามีเขาสองเขางอกขึ้น
บนศีรษะ พอตืน ่ ขึ้นก็สงสัยในความฝนอันประหลาดนั้นวาเปนประการใด จึงเรียกเตียวติดนายทหารรองใน
บังคับบัญชาซึ่งมีความรูภาคพยากรณ นิมิตและลางมาปรึกษาวาซึ่งฝนทั้งนีจ
้ ะดีรายประการใด

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 64

เตียวติดพิจารณาความฝนของอุยเอี๋ยนตามคัมภีรอี้จิงถวนถีแ
่ ลวก็รูวา ฝนทั้งนี้รายนัก แตเกรงวาหาก
พยากรณไปตามความจริงแลวอุยเอี๋ยนก็จะไมพอใจ จึงแสรง เฉไฉกลาววากิเลนแลมังกรอันมีฤทธานุภาพ
มากลวนมีสองเขา ซึ่งทานฝนวามีเขางอกขึ้นบนศีรษะประหนึ่งกิเลนแลมังกรอันสําแดงฤทธิ์ยอมถือวาเปน
นิมิตความฝนอันมงคล แตนี้ไปทานจะมากดวยอํานาจวาสนาหาผูใ ดเสมอเหมือนมิได

อุยเอี๋ยนไดฟงคําพยากรณดังนั้นก็มีความยินดี หัวเราะขึน
้ ดวยเสียงอันดังแลวกลาววา ขอใหสมดังคํา
ทํานายของทานเถิด ถึงวันนั้นแลวเราจะสมนาคุณทานใหถึงขนาด

เตียวติดเห็นอุยเอี๋ยนมีความยินดีก็รีบปลีกตัวลากลับออกไปและจะไปเยีย
่ มอาการขงเบงที่คา ยหลวง เตียว
ติดเห็นบิฮุยเดินสวนมาจึงคํานับตามประเพณี บิฮุยเห็นเตียวติดเดินมาแตหนทางขางคายของอุยเอี๋ยน จึง
ถามวาทานมาจากคายของอุยเอี๋ยนหรือ มีเหตุการณอันใดเกิดขึ้นบาง

เตียวติดเปนขุนนางผูจงรักภักดีตอราชสํานัก พอไดฟงคําถามจึงตอบวาขาพเจาเพิ่งกลับออกมาจากคาย
ของอุยเอี๋ยน เนื่องจากอุยเอี๋ยนใหทหารไปตามขาพเจาเขาไปทํานายความฝน

บิฮุยสงสัยวาเปนความฝนประการใด อุยเอี๋ยนถึงกับตองตามตัวเตียวติดตัง้ แตเชาตรู จึงถามเตียวติดวา


ทานทํานายความฝนใหอุยเอี๋ยนประการใด

เตียวติดจึงเลาความใหบิฮุยฟงวาอุยเอี๋ยนฝนรายนัก เห็นจะใกลถึงแกความตาย แตขาพเจาไมกลากลาว


ตามความเปนจริง จึงแสรงเบี่ยงเบนเปนวาความฝนนั้นเปนเรื่องมงคล อางอิงเอามังกรแลกิเลนขึน

เปรียบเทียบหวังจะใหอยุ เอี๋ยนกําเริบลืมตัว

บิฮุยไดยินดังนัน้ ก็ตกตะลึง พอไดสติก็รบ ี กลาวกับเตียวติดวา ซึ่งทานพยากรณความแกอุยเอี๋ยนทั้งนีจ


้ ง
เก็บงําไวเปนความลับ อยาไดแพรงพรายใหผูใดไดลวงรูเปนอันขาด เตียวติดไดยินคําบิฮยุ แข็งขันบงความ
เงื่อนงําดังนั้นก็รูนัย จึงรับคําแลวคํานับลากลับไป

บิฮุยแยกจากเตียวติดแลวจึงเดินไปที่คา ยของอุยเอี๋ยน คํานับกันตามประเพณีแลวบิฮย


ุ จึงชายตาแกอุย
เอี๋ยน อุยเอี๋ยนก็รูทีจึงขับทหารรับใชในคายออกไปขางนอกจนหมดสิ้น

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย "คนตายหลอกคนเปน" (ตอนที5


่ 75)

สุมาอี้เห็นดาวประจําตัวของขงเบงรวงลงจากฟาแลวลอยขึ้นไปอยูที่เดิมถึงสามครั้งสามหน ตอนแรกเชื่อ
วาขงเบงตายแนแลวจึงยกทหารจะไปตีคายขงเบง แตกลับคิดวาเปนกลอุบายของขงเบงจึงตองงดกองทัพ
ไวในขณะทีภ ่ ายในกองทัพจกกกนั้นบิฮุยไดไปที่คายของอุยเอี๋ยนเพื่อจะฟงทาทีดรี ายของอุยเอี๋ยน

ครั้นทหารรับใชในคายของอุยเอี๋ยนออกไปแลว บิฮุยจึงแจงแกอุยเอี๋ยนวาเมื่อเวลายามสามคืนนี้มหา
อุปราชไดอําลาโลกนี้ไปแลว กอนจะสิ้นใจไดกําชับเปนหลายครั้งใหถอยทัพกลับเมืองเสฉวนอยางชาๆ
และใหทา นคุมทหารเปนกองทัพหลังคอยคุม  กันมิใหสุมาอีท้ ําอันตรายแกทหารทั้งปวงได

อุยเอี๋ยนไดยินดังนั้นจึงถามวามหาอุปราชไดมอบหมายอาญาสิทธิ์ใหผูใดคุมกองทัพแทนตัวเลา

บิฮุยจึงวามหาอุปราชไดมอบหมายใหเอียวหงีเปนผูรับผิดชอบควบคุมกองทัพแทน ทั้งไดมอบตราสําคัญ
ประจําตําแหนงใหแกเอียวหงีไว และเอียวหงีไดใหขาพเจาถือตราอาญาสิทธิ์นําความมาแจงแกทาน ให
ทานคุมทหารเปนกองทัพหลังตามคําสั่งของมหาอุปราช ในสวนของตําราวิชาการและแผนการในการถอย
ทัพมหาอุปราชไดมอบไวแกเกียงอุยทั้งสิ้น

อุยเอี๋ยนถามตอไปวามหาอุปราชไดสั่งความสิง่ ใดไวอีก บิฮุยจึงวามหาอุปราชไดกําชับวาหามมิใหประกาศ


ขาวตายใหเลื่องลือไปเปนอันขาด และหามมิใหกองทัพทั้งปวงไวทุกขในระหวางเดินทัพกลับคืนเมืองเสฉ
วน

ในขณะทีถ ่ ามความ อุยเอี๋ยนเริ่มมีสีหนาบึ้งตึงชัดเจนขึ้นโดยลําดับ พอบิฮุยกลาวจบความอุยเอี๋ยนจึงวา


เอียวหงีเปนเพียงขุนนางฝายบุน ไหนเลยจะรับผิดชอบงานสําคัญควบคุมกองทัพได งานที่เหมาะแก
เอียวหงีก็เห็นจะมีเพียงการควบคุมขบวนศพขงเบง กลับไปเมืองเสฉวนเทานั้น ตัวขาพเจาทําราชการมา
แตครั้งพระเจาเลาป มีฝมือยิ่งกวาผูใดในกองทัพ แตเหตุไฉนมหาอุปราชจึงไมมอบอํานาจและอาญาสิทธิ์
ใหแกขาพเจา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 65

อุยเอี๋ยนกลาวสืบไปวา ราชการสงครามเปนการใหญของแผนดิน จะใหขึ้นอยูกับการตายของมหาอุปราช


เพียงผูเดียวนั้นไมชอบ เมื่อมหาอุปราชสิ้นบุญแลวชอบทีจ
่ ะเอาศพกลับไปเมืองเสฉวน ขาพเจาจะควบคุม
กองทัพไปรบกับสุมาอี้เอง

บิฮุยไดยินดังนัน
้ จึงวา มหาอุปราชไดบญ
ั ชาการสั่งเสียไวกอนสิ้นลมวาใหถอยทัพ ไหนเลยจะฝาฝนได

อุยเอี๋ยนไดยินดังนั้นก็โกรธ กลาววายามมีชวี ิตอยูมหาอุปราชก็เคยทําศึกเสียทีหลายครั้ง ตั้งแตการบุกวุ


ยกกครั้งแรกหากยอมรับแผนการรุกเขาจูโจมเมืองเตียงอันตามที่ขาพเจาเสนอ บัดนี้ก็ยึดเมืองลกเอี๋ยงได
นานแลว แตมหาอุปราชเชื่อมัน ่ แตความคิดของตนเอง การศึกจึงยืดเยื้อเรือ ้ รังอยูดังนี้ ตัวขาพเจาเปนแม
ทัพกองทัพหนา ไมชอบที่จะทําหนาที่เปนกองทัพหลัง

อุยเอี๋ยนกลาวแลวก็ลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมา สะบัดใบหนาดวยความไมพอใจอยางรุนแรง บิฮุยเห็นดังนั้นจึง


แสรงประโลมใจอุยเอี๋ยนวา “ทานวานี้กช ็ อบอยู เราจะไปบอกเอียวหงีใหเอาตราสําหรับที่แมทัพหลวงมา
ใหทา นจึงจะควร”

บิฮุยลวงรูค
 วามนัยอยูแตกอนแลววาหลังขงเบงสิ้นบุญแลวอุยเอี๋ยนจะคิดกบฏ ครั้นไดเห็นอุยเอี๋ยนโมโห
โกรธาไมพอใจและไมยอมรับคําสั่งดังนั้น หากจะยืนยันความเดิมสืบไปอุยเอี๋ยนก็จะชิงกอการกบฏเสียกอน
จึงแสรงทําอุบายวาเห็นดวยกับความคิดของอุยเอี๋ยน แลวจะกลับไปเกลี้ยกลอมเอียวหงีใหยกตําแหนงแม
ทัพแกอุยเอี๋ยน

อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็พอใจ จึงกลาวกับบิฮุยวาขาพเจาจะคุมกองทัพหนาไว ณ ที่เดิมกอน จะคอยฟงผลการ


เจรจาของทาน ไดผลประการใดแลวใหรีบนําความมาแจงใหขาพเจาทราบเปนการดวน

บิฮุยรับคําอุยเอี๋ยนแลวรีบคํานับลากลับไปหาเอียวหงี แลวรายงานความใหเอียวหงีทราบทุกประการ

เอียวหงีไดฟงรายงานดังนั้นจึงกลาววา ซึ่งมหาอุปราชคาดคะเนวาอุยเอี๋ยนจะเปนกบฏนัน
้ สมจริงแลว ซึ่ง
ขาพเจาใหทานนําปายอาญาสิทธิ์ไปแจงแกอุยเอี๋ยนใหทําหนาที่กองทัพหลังถอยทัพกลับคืนเมืองเสฉวน
นั้น ความจริงเปนเพียงการลองใจหวังจะดูทาทีเชิงชั้นของอุยเอี๋ยนเทานั้น

บิฮุยจึงถามวา เมื่อการเปนเชนนี้ทานแมทัพจะทําการประการใดตอไป

บิฮุยจึงเรียกเกียงอุยเขามาสั่งการใหทําหนาที่เปนกองหลังคอยคุมกันการลาถอยทัพตามคําสั่งของขงเบง
ครั้นสั่งการเสร็จแลวเอียวหงีจงึ นําขบวนคุมกันศพของขงเบงไปขางหนา และใหกองทัพสวนหนาคอยๆ ลา
ถอยทัพตามไป

ฝายอุยเอี๋ยนคอยทาฟงขาวคราวจากบิฮุยอยูใ นคายเปนเวลาชานาน ไมเห็นบิฮุยกลับมารายงานความ


ตามที่ตกลงกันก็สงสัย จึงสั่งใหมาตายนําทหารมาสิบหานายไปสืบขาวคราวที่คายหลวงของขงเบง

อีกพักใหญมาตายไดนําทหารมากลับมาหาอุยเอี๋ยนแลวรายงานวา บัดนี้กองทัพหลวงและกองทัพสวน
หนาไดลาถอยกลับไปแลว เกียงอุยทําหนาที่เปนกองหลังคอยคุมกันกองทัพมิใหเปนอันตราย ขณะนี้
กองทัพสวนใหญไดลาถอยเขาหุบเขาไปแลว

อุยเอี๋ยนไดฟงดังนั้นก็โกรธ ลุกขึ้นยืนเอามือชี้ไปที่คายหลวงของขงเบงแลวดาวา ไอพวกนักศึกษาลูกเตา


บังอาจมาลวงเราใหหลงคอยได กูจะฆามันเสียใหสิ้น กลาวแลวจึงหันมาทางมาตาย แลวถามวาตัวทานจะ
คิดอานสมัครอยูดวยเราหรือวาจะตามไปสมทบกับเอียวหงี

มาตายจึงวา แตไหนแตไรมาขาพเจาไมพอใจเอียวหงีที่ดแ ี ตสอพลอเพ็ดทูลหาไดมฝ ี มือรบพุงเสมอดวย


ทานแมทัพไม ดังนั้นขาพเจาจึงปกใจสมัครอยูกับทานแมทพั จะขึ้นเหนือลงใตขึ้นเขาลงหวยประการใด
ขาพเจาพรอมที่จะติดตามทานแมทัพไปทุกแหงหน

อุยเอี๋ยนจึงวา ซึ่งจะไลตามไปในหุบเขานั้นเห็นขัดสนนัก ดวยเปนเสนทางแคบไมอาจทําการไดถนัด


ดังนั้นขาพเจาจะยกทหารไปสกัดหนาเอียวหงีไว กลาวแลวอุยเอี๋ยนจึงสั่งใหเคลื่อนกองทัพหลังยกออมไป
ตามทางลัดเพือ ่ จะไปสกัดหนาขบวนทัพของเอียวหงี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 66

ฝายแฮหัวปาเมือ
่ รับคําสั่งสุมาอี้ใหมาตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกองทัพขงเบงแลว เห็นคายทั้งปวงไม
มีทหารเหลืออยูแมแตสักคนเดียว และไดทราบวากองทัพของขงเบงสวนใหญไดเคลื่อนเขาหุบเขาไปแลว
จึงนําความไปแจงแกสุมาอี้

สุมาอี้ไดทราบรายงานแลวรูส  ึกวาเสียทีหลงกลของขงเบง จึงกระทืบเทาลงดวยความโมโห แลวกลาววา


กองทัพเมืองเสฉวนถอยไปในครั้งนี้ เห็นขงเบงจะตายแลวเปนมั่นคง ตายแลวมิหนําซ้าํ ยังมาลวงเราให
กลัวอีกเลา กลาวดังนั้นแลวสุมาอี้จึงใหยกกองทัพไลตามขบวนทัพเมืองเสฉวนไป

สุมาอี้พรอมดวยบุตรทั้งสองนํากองทหารมาถึงคายหลวงของขงเบงก็เห็นมีแตคายราง สุมาอี้จึงขี่มาขึ้นไป
บนเนิน เห็นปากทางเขาหุบเขายังมีกองหลังของขบวนทัพจกกกกําลังทยอยจะเขาหุบเขา

สุมาอี้จึงหันกลับมาสั่งสุมาสูกบ
ั สุมาเจียววา กองทัพเมืองเสฉวนเพิ่งยกลวงเขาหุบเขา ยังเปนระยะทาง
ไกลกวาจะพนแดนวุยกก ใหเจาทั้งสองคุมทหารเปนกองหลัง เราจะรีบพาทหารมาเปนกองหนาไลตามไป
กอน

สุมาอี้กลาวแลวก็จัดแจงทหารรีบยกไลตามขบวนทหารเมืองเสฉวนไปที่ปากหุบเขา สุมาสูและสุมาเจียวรับ
คําสั่งสุมาอีแ
้ ลวจึงจัดแจงทหารเปนกองหลังยกตามไป

สุมาอี้พาทหารมารีบรุดไปอยางรวดเร็ว ครั้นใกลถึงปากทางเขาหุบเขา พลันไดยินเสียงประทัดสัญญาณดัง


สนั่นหวั่นไหวมาจากภายในหุบเขา เห็นทหารเมืองเสฉวนแปรขบวนดาหนาออกจากหุบเขาเตรียม
ประจัญบาน พอตั้งขบวนเสร็จประตูธงก็เปดออก ในทันใดนัน ้ ธงประจําตัวขงเบงผืนใหญระบุนามจูกัดเหลี
ยง-ขงเบง ก็ถูกยกขึ้นชูพลิ้วปลิวไสว

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็ตกใจ รีบออกคําสั่งใหกองทหารหยุดอยูก
 ับที่ แลวจองเขมนมองไปที่กองทหารซึ่งแปร
ขบวนอยูเบื้องหนา เห็นทหารองครักษสี่หาสิบคนเข็นเกวียนเลมหนึ่งออกมาหนาขบวน เห็นขงเบงนั่งอยู
บนเกวียน ใสเสื้อคลุมขนนกกระเรียน คาดเอวดวยผาไหมสีดํา สวมหมวกผาไหมสีน้ําเงิน ในมือถือพัดขน
นก

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็สําคัญวาขงเบงยังมีชีวิตอยู ก็รูวากําลังตองกลอุบายของขงเบงอีกครั้งหนึ่ง ใจก็หวน
ประหวัดไปถึงเหตุการณที่หุบเขาน้ําเตา สุมาอี้ตกใจจนสุดขีด รองขึ้นดวยเสียงอันดังแบบคุมสติไมไดวาขง
เบงทํากลอุบายดาวตกลวงเรา เราหลงเขามาในกลอุบายของขงเบงเสียแลว กลาวพลางก็ชักมาหันกลับรีบ
ขับมาหนีหอตะบึงไป ในขณะที่ปากก็ออกคําสั่งใหทหารทั้งปวงรีบถอยทัพกลับไปคาย

พลันไดยินเสียงเกียงอุยรองดังมาจากดานหลังวา “สุมาอี้ตอ
 งกลมหาอุปราชแลว จะหนีไปไหนไดเลา”

สุมาอี้ไดยินเสียงเกียงอุยดังนั้นก็ไมกลาเหลียวหลังกลับมามอง กระทืบโกลนมาเรงรุดหนีไปอยางไมคิด
ชีวิต ทหารของสุมาอี้เห็นตัวนายตกใจแตกตื่นถึงเพียงนั้นก็พากันตกใจตาม ตางคนตางทิ้งอาวุธและ
สัมภาระ รีบหอมาหนีอยางไมคิดชีวิต

แฮหัวปา แฮหัวฮุย เห็นสุมาอี้ขับมาหนีเหมือนคนไรสติกว็ ิตกวาสุมาอี้จะเปนอันตราย จึงขี่มารีบตามเขา


ประกบสุมาอี้ไว แลวรองเรียกวาทานแมทัพจงหยุดอยูกอน อยาเพิ่งรีบหนี

สุมาอี้ไดยินเสียงของแฮหัวปาและแฮหัวฮุย ตอนแรกก็ตกใจวาขาศึกไลตามมาถึงตัว หลงผิดไปวาถูกตัด


ศีรษะหลุดออกจากบาแลว สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุอาการตกใจของสุมาอี้วา “สุมาอี้ได
ฟงดังนั้นก็ตกใจนัก คิดวาขาศึกตามมาตัดเอาศีรษะไปได จึงเอามือคลําดูก็รูวาศีรษะติดตัวอยู ก็ยิ่งขับมา
รีบหนีไป”

แฮหัวปาและแฮหัวฮุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงขี่มาไลตามสุมาอี้ พลางตะโกนไลหลังวาทานแมทัพจะตกใจ


ไปไยกัน กองทัพเมืองเสฉวนไดถอยกลับไปหมดสิ้นแลว

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็คอยไดสติ หยุดมาเหลียวหลังกลับมาดู เห็นแฮหัวปาและแฮหัวฮุยก็คอยคลายใจ จึง


รีบพาทหารกลับไปคาย แลวกําชับใหทหารทั้งปวงระมัดระวังเวรยามและลาดตระเวนอยาใหขาศึกรุกล้ํามา
ทําอันตราย

วันเวลาผานไปอีกสองวัน หนวยลาดตระเวนของสุมาอี้ไดยินชาวบานพูดจากันวาขงเบงตายแลว จึง


ควบคุมตัวพาเขาไปหาสุมาอี้ สุมาอีจ
้ ึงไตสวนถามความนัย ชาวบานนั้นไดแจงแกสุมาอี้วาเมื่อกองทัพเมือง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 67

เสฉวนยกลวงเขาหุบเขาไปแลวไดเปลี่ยนชุดทหารเปนชุดไวทุกขทุกตัวคน และเปลี่ยนธงประจําตัวแมทัพ
เปนธงขาว เสียงรองไหของทหารเมืองเสฉวนระงมไปตลอดหุบเขา

สุมาอี้ไดฟงก็ยงั ไมเชื่อใจ จึงถามวาแลเกวียนและขงเบงซึ่งนัง่ อยูในเกวียนนัน


้ เปนประการใดเลา

ชาวบานทั้งนั้นตางยืนยันวาขงเบงตายแนนอนแลว ซึ่งเห็นเปนขงเบงนั่งอยูบนเกวียนนัน
้ แทจริงเปนเพียง
หุนปลอมเหมือนกับขงเบงเทานั้น

สุมาอี้ไตสวนความเสร็จสิ้นแลวก็มีความยินดีเปนอันมาก กลาวกับแมทัพนายกองทั้งปวงวา เราคาดหมาย


มาแตเดิมวาขงเบงตายแลว แตกลับคาดคิดไมถึงวาแมตายแลว ขงเบงยังแกลงแตงอุบายมาลวงเราไดอกี
นับแตนี้ไปเราจะเกรงกลัวอันใดกับกองทัพเมืองเสฉวน กลาวแลวสุมาอี้จึงสัง่ ใหกองทัพทุกกองยกกองทัพ
ไลตามกองทัพเมืองเสฉวนไปอีกครั้งหนึ่ง

สุมาอี้ยกกองทัพมาถึงตําบลชะงันโผ แตไมทันกับกองทัพเมืองเสฉวนเพราะไดยกไกลออกไป ไมอาจไล


ตามไดทันอีกแลว สุมาอี้จึงสั่งใหทหารถอยทัพ แลวกลาวกับแมทัพนายกองทั้งปวงวา “ซึ่งขงเบงตายเสีย
บัดนี้ บรรดาเราทานจะไดนั่งเปนสุข จะไดนอนตาหลับ”

สุมาอี้ประเมินคุณคาของขงเบงอยางยิ่งใหญ ไมเห็นบรรดาแมทัพนายกองเมืองเสฉวนอยูในสายตาแมแต
สักคนเดียว ขงเบงตายเสียคนหนึ่งทุกคนในวุยกกจะนั่งก็เปนสุข จะนอนก็ตาหลับดังนี้

สุมาอี้กลาวดังนั้นแลวจึงยกกองทัพกลับ ในระหวางขากลับใจก็คิดติดใจถึงการตั้งคายคูประตูรบของขงเบง
ดังนั้นสุมาอี้จึงสั่งใหเดินทัพกลับไปทางคายหลวงของขงเบงอีกครั้งหนึ่ง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

เงาของไม นามของคน (ตอนที่576)

อุบายใช “คนตายหลอกคนเปน” ของขงเบงประสบความสําเร็จอยางงดงาม ทําใหสุมาอี้ตกใจกลัว พา


ทหารถอยหนีอยางไมคด ิ ชีวต
ิ ภารกิจประการแรกหลังการตายที่ขงเบงวางแผนไวสําเร็จแลว แตภารกิจ
ลําดับที่สองที่จะตองกําจัดอุยเอี๋ยนซึ่งกอการกบฏยังคงตองดําเนินตอไป

สุมาอี้พาทหารมาถึงคายหลวงของขงเบงแลว จึงขี่มาตรวจตราคายใหญนอ
 ยทั้งคายหลวง คายรองตางๆ
แลวออกปากสรรเสริญวาขงเบงนี้มีสติปญ
 ญาชํานาญในพิชยั สงคราม ตัง้ คายใหญนอยถูกตองครบถวน
กระบวนสงคราม พรอมรับพรอมรุกและพรอมหนุนชวยกันไดอยางทรงอานุภาพยิ่งนัก

สุมาอี้ตรวจตราดูคายของขงเบงแลวพาทหารกลับไปที่คายเดิมเพื่อรอคอยฟงขาวคราวการถอยทัพกลับ
เมืองเสฉวนของทหารจกกก และกําชับทหารทั้งปวงใหกวดขันระมัดระวังรักษาคายมิไดประมาท เมื่อแนใจ
วากองทัพจกกกลาถอยพนอันตรายแลวสุมาอี้จึงสั่งการใหดานตามรายทางทุกตําบลเพิ่มความระมัดระวัง
ตรวจตราไวใหมั่นคง จากนั้นจึงเลิกทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง

หลังจากขาวขงเบงถึงแกความตายแพรกระจายออกไป ลิเงียมซึ่งถูกขงเบงกราบบังคมทูลใหถอดออกจาก
ตําแหนงฐานผิดวินัยทัพจัดสงเสบียงแกกองทัพไมทันตามกําหนด แลวยังรายงานเท็จวากองทัพเมือง
กังตั๋งยกมาย่าํ ยีเมืองเสฉวน ทําใหขงเบงตองเลิกทัพเสียกลางคัน ก็ไดทราบขาวคราวจึงรองไหเปนอัน
มาก

ลิเงียมรําพึงวาตัวเราเปนขาเกาของพระเจาเลาป ไดกระทําความผิด มหาอุปราชเสนอใหออกจากราชการ


นั้นควรแกความผิดแลว แตตลอดวันเวลาที่ผานมาเราไดตั้งความหวังวาวันใดวันหนึ่งมหาอุปราชจะเห็นแก
ความดีแตหนหลัง และเห็นวาเราสํานึกผิดไดแลว ก็อาจเรียกตัวกลับเขารับราชการ แตเมือ ่ มหาอุปราชมา
ตายเสียเชนนีย ้ อ
 มไมมีผูใดรําลึกถึงอีกตอไป ความหวังตั้งใจที่จะกลับเขารับราชการอีกครั้งหนึ่งจึงเปนอัน
หมดสิ้นไปดวย

ลิเงียมยิ่งคิดยิ่งตรอมใจ ในที่สด
ุ ก็ปวยหนักและถึงแกความตาย

ขางในเมืองเสฉวนนั้น เดิมมีขุนนางผูหนึ่งชือ
่ เลียวหลิบเปนผูทะนงตนวาเปนผูมส
ี ติปญญา รอบรูในพิชัย
สงครามและการปกครองแผนดิน พร่ําพูดกับคนทั่วไปวาสติปญญาความรูค  วามสามารถของตนนั้นสามารถ
ที่จะครองตําแหนงรองอุปราชได

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 68

เพราะเหตุที่เลียวหลิบทะนงตนตีราคาตนเองขางเดียวดังนี้ จึงเฝาแตรอคอยวาวันเวลาใดจะไดเลือ ่ น
ตําแหนง ครั้นไมไดสมดังใจก็พาลติฉินนินทา กลาวหาวาขงเบงมีแตตาแตไมรจ
ู ักคนดีมีสติปญ
 ญา ขาว
คราวลวงรูไปถึงขงเบงหลายครั้งหลายหน จึงเรียกตัวมาพบและตักเตือนวากลาวแตเลียวหลิบก็มิไดเชื่อฟง
ขงเบงจึงถอดเลียวหลิบออกจากตําแหนงขุนนาง เนรเทศไปอยูที่ภูเขาบุกองสัน

ครั้นเลียวหลิบทราบขาววาขงเบงถึงแกความตายแลว ก็ไดคิดวาซึ่งทะนงตนวามีสติปญญาควรคาแก
ตําแหนงสูงในทางราชการนั้น แทจริงแลวก็เปนเพียงการประเมินคาตนเองขางเดียวคนเดียว โดยไมมใี คร
รับรูยอมรับดวย ขงเบงตายแลวเห็นจะไมมีใครรําลึกถึง เรียกตัวกลับเขารับราชการอีกตอไป

เลียวหลิบคํานึงดังนั้นก็รองไหอาลัยรักขงเบง และไวทุกขใหแกขงเบงอยูถึงสามป

ฝายเอียวหงีและเกียงอุยไดนําขบวนทัพลาถอยเขาหุบเขาและเคลื่อนไปตามเสนทางที่คับแคบอยางชา ๆ
ตามแผนการทีข ่ งเบงกําหนดทุกประการ เมื่อกองทัพพนจากการตามตีของสุมาอี้แลว เอียวหงีจึงให
ประกาศแกทหารทั้งปวงวามหาอุปราชปวยหนักถึงแกกรรมแลว ใหทหารทัง้ ปวงนุงขาวหมขาวไวทุกขตาม
ประเพณี

พลันที่ขบวนทัพประกาศขาวการตายของขงเบง ทหารทั้งปวงในกองทัพจกกกที่กําลังลาถอยนั้นตางพากัน
ตกใจ รองไหระงมไปทั้งกองทัพ สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “ทหารใหญนอยไดฟง
ดังนั้นก็ตกใจ ตางคนตางรองไหรักขงเบง ที่เอาศีรษะกระทบศิลาแตกบาง จนสลบไปเปนอันมาก”

พอสรางโศกทหารทั้งปวงในกองทัพจกกกจึงเปลี่ยนชุดเสื้อเกราะเปนนุงขาวหมขาวไวทุกขใหกับขงเบง
และเปลี่ยนธงประจําตัวแมทัพเปนธงขาวไวทก
ุ ขนําหนาขบวนศพขงเบง

ครั้นเอียวหงีและเกียงอุยพากองทัพถอยไปใกลหุบเหวในตําบลเจียงโตเพื่อจะขามสะพานลอยขามหุบเหว
เขาเขตแดนเมืองเสฉวน หนวยลาดตระเวนไดขี่มากลับมารายงานดวยทาทีที่ตกอกตกใจวา ขณะนี้อย ุ
เอี๋ยนไดยกกองทัพไปสกัดขวางทางขามหุบเหวไว และไดเผาสะพานลอยขามหุบเหวหมดสิ้นแลว

เอียวหงีไดฟงรายงานดังนั้นก็ตกใจ กลาวกับบรรดาแมทพ ั นายกองทั้งปวงวาบัดนี้อุยเอีย


๋ นกอการกบฏสม
ดังที่มหาอุปราชไดคาดการณไวแลว ทานทัง้ ปวงจะมีความเห็นเปนประการใด

บิฮุยจึงวาซึ่งจะรบพุงกําจัดอุยเอี๋ยนนั้นมหาอุปราชไดกําหนดแผนการเอาไวแลว แตอุยเอี๋ยนเปนขุนนาง
ผูใหญ ชอบทีจ ่ ะแตงฎีกากราบบังคมทูลใหพระเจาเลาเสีย้ นทรงทราบกอน จะไดคด
ิ อานปองกันเมืองเสฉ
วนอยางหนึ่งและปองกันมิใหอุยเอี๋ยนแตงฎีกากลาวโทษใสรายอีกประการหนึ่ง

เอียวหงีไดฟงคําบิฮุยก็เห็นดวย เกียงอุยซึ่งอยูในที่นั้นไดกลาววามหาอุปราชไดคาดการณเรื่องนี้ไวกอน
แลว จึงไดบอกเสนทางลับซึง่ จะวกออมกลับไปเมืองเสฉวนไดโดยสะดวก กลาวแลวเกียงอุยจึงนําแผนที่
ซึ่งขงเบงบอกเสนทางไวเอามาใหเอียวหงีดู แลวชี้วา เสนทางในซอกเขาเจาสันนี้คือเสนทางลัดวกออก
ทางดานหลังสะพานลอยขามหุบเหวไปยังเมืองเสฉวนได

เอียวหงีเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงแตงฎีกาแลวใชใหมาเร็วถือฎีการีบนําความเขาไปกราบบังคมทูลพระ
เจาเลาเสี้ยน และสั่งใหเคลื่อนขบวนทัพไปตามเสนทางลัดซึง่ ขงเบงไดบอกไวนั้น

ฝายพระเจาเลาเสี้ยนตั้งแตทรงทราบขาววาขงเบงปวยก็ไมสบายพระทัย ในค่ําคืนที่ขงเบงจะสิ้นบุญนั้น
พระเจาเลาเสีย
้ นเขาที่พระบรรทมแลว ทรงมีพระสุบินนิมิตวาไดเสด็จไปประพาสปาถึงเขากิมปนสัน ใน
ทันใดนั้นภูเขากิมปนสันถูกอสุนีบาตพังทลายลงจึงตกพระทัยตื่น แลวไมอาจบรรทมหลับไดอีกตอไป

พระเจาเลาเสีย
้ นทอดพระบาทเสด็จพระราชดําเนินวนไปวนมาอยูในพระตําหนักดวยความรุม  รอนพระทัยจน
สวาง จึงตรัสสัง่ ใหเรียกประชุมขุนนางในทองพระโรงตั้งแตเวลาเชา แลวปรารภความซึ่งมีพระสุบนิ นิมิตนัน

ใหขุนนางทั้งปวงทราบ และตรัสถามวาซึ่งเราฝนครั้งนี้จะรายดีประการใด

เจาจิ๋วซึ่งเปนโหรหลวงไดเดินไปหนาพระราชบัลลังก ถวายบังคมแลวกราบทูลวาเมื่อคืนนี้ขาพระองคได
ตรวจดูการโคจรของดวงดาวบนอากาศ เห็นดาวประจําตัวมหาอุปราชตกลงขางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เห็นวามหาอุปราชจะสิ้นบุญแลว ซึ่งพระองคทรงมีพระสุบน ิ วาเขากิมปนสันพังทลายลงนัน
้ ก็เปนสุบินราย
ตองกันกับปรากฏการณของดวงดาวบนอากาศ

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคํากราบทูลดังนัน้ ก็ตกพระทัย พระพักตรเศราหมองลงเปนอันมาก น้ําพระทัยก็หวน
ประหวัดรําลึกถึงขงเบงที่สูตรากตรําลําบากเพื่อพระองค น้ําพระเนตรก็คอยๆ ไหลอาบพระพักตรโดยไม

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 69

รูสึกพระองค หลังจากวันนั้นแลวพระเจาเลาเสี้ยนก็ไดแตกงั วลพระทัยอยูในพระตําหนัก ไมเสด็จออกวา


ราชการตามปกติ

หลังจากนั้นอีกหาวันลิฮกไดเดินทางกลับมาจากตําบลเขากิสาน แลวเขาไปเฝากราบบังคมทูลวามหา
อุปราชถึงแกกรรมแลว และไดกราบทูลความตามที่ขงเบงไดสั่งไวนั้นใหพระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบทุก
ประการ

พระเจาเลาเสีย
้ นแมวาจะทําพระทัยยอมรับในความเปนไปอยูบ างแลว แตพลันที่ไดทราบวาขงเบงตายก็
ตกพระทัย ทรงกันแสงดังลั่นทั้งพระตําหนัก แลวตรัสวา “ซึ่งขงเบงถึงแกความตายนั้น ชะรอยเทพยดาจะ
สังหารชีวต
ิ เรา”

ตรัสแลวก็ยิ่งกันแสงหนักขึ้นแลวลมฟุบลงบนพระเกาอี้ ขันทีทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงเขาชวยพยุง


พระองคเขาไปที่ขางใน หลังจากวันนั้นแลวพระเจาเลาเสีย
้ นก็ทรง พระประชวร ไมเสด็จออกวาราชการ

สํานักราชเลขาธิการไดออกประกาศราชสํานักใหชาวเมืองทั้งปวงไดทราบวาบัดนี้มหาอุปราชจูกัดเหลียง-
ขงเบง สิ้นบุญแลว ใหชาวเมืองทั้งปวงไวทก
ุ ขตามประเพณี ชาว จกกกทั้งปวงไดทราบขาวหมายประกาศ
ของราชสํานักตางพากันรองไหอาลัยรักขงเบง และนุงขาวหมขาวไวทุกขใหแกขงเบงเสมอดวยญาติ
ผูใหญอันเปนทีเ่ คารพ

วันหนึ่งราชเลขาธิการไดนําความขึ้นกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสี้ยนวา บัดนี้ อุยเอี๋ยนไดแตงฎีกาเขามา


กราบบังคมทูลวาเอียวหงีกอการกบฏ ชิงเอาศพมหาอุปราช แลวสมคบกับขาศึกจะยกมาทําอันตรายเมือง
เสฉวน อุยเอี๋ยนจึงคุมทหารสกัดทางกองทัพเอียวหงีไวที่ปากทางตําบลเจียงโต

พระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบความก็ตกพระทัย ตรัสสั่งใหขุนนางคนสนิทเอาฎีกาของอุยเอี๋ยนมาอานใหทรง
ฟง ปรากฏความวาขาพเจาแมทัพกองทัพหนาอุยเอี๋ยนขอถวายฎีกากราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบวา
เอียวหงีไดถือโอกาสที่มหาอุปราชปวยหนักชิงเอาตราประจําตําแหนงแมทัพ แลวคุมกองทัพไวในอํานาจ
กอการกบฏสมคบกับขาศึก แยงชิงเอาศพของมหาอุปราชไวเปนเครื่องมือขูเข็ญบังคับทหาร แลวนํา
กองทัพเขาสวามิภักดิ์กับวุยกก ขาพระองคจึงไดนํากองทัพหนาเผาทําลายสะพานขามหุบเหวเพื่อขัดขวาง
ไมใหเอียวหงียกทัพมาตีเอาเมืองเสฉวน ความคืบหนาประการใดจะกราบบังคมทูลมาเพื่อทรงทราบตอไป

พระเจาเลาเสีย
้ นทราบความในฎีกาของอุยเอี๋ยนตรงกับทีร่ าชเลขาธิการกราบบังคมทูลดังนั้น จึงตรัสกับ
พระมเหสีวาจะทําประการใด

พระมเหสีไดฟงรับสั่งถามของพระเจาเลาเสีย ้ นดังนั้น จึงกราบทูลวาเคยไดยินพระเจาเลาปตรัสอยูเนืองๆ


วาขงเบงไดทํานายวาอุยเอี๋ยนจะเปนกบฏ แตยังรักในฝมือของอุยเอี๋ยนอยู จึงเอาไวใชในราชการไปพลาง
ซึ่งอุยเอี๋ยนมีฎก
ี ามากราบบังคมทูลดังนี้ยังมิควรทีจ
่ ะเชื่อกอน โบราณวาเงาของไม นามของคน บงบอก
ความเปนไปใหรูได อันตัวเอียวหงีนั้นเปนขุนนางฝายพลเรือน มหาอุปราชไววางใจใหเปนปลัดทัพ คงจะ
เห็นในน้ําใจซื่อสัตยจงรักภักดีตอพระองค ขงเบงเชื่อถือได เมื่อขงเบงวางใจเอียวหงี เอียวหงีก็ควรทีจ ่ ะ
ไดรับการเชื่อถือเชนเดียวกัน หากดวนพระทัยตัดสินตามฎีกาของ อุยเอี๋ยน เอียวหงีรูแลวก็จะเสียน้ําใจอาจ
เขาสวามิภักดิ์กบ ั วุยกก ชอบทีพ
่ ระองคจะทรงไตรตรองใหจงดี

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาพระเจาเลาเสีย ้ นทราบความในฎีกาแลว ทรงปรึกษาดวยขุน


นางทั้งปวงวา “แมเอียวหงีจะเปนกบฎจริง อันอุยเอี๋ยนก็มีฝม  ือพอจะสูร บเอียวหงีได เหตุใดจึงรีบมาสกัด
ทางเจียงโตไวดังนี้ อนึ่งแตกอนนั้นเราไดยน
ิ พระราชบิดาตรัสวา ขงเบงทํานายไววาอุยเอี๋ยนนั้นลักษณะ
เปนขบถ จะใหฆาเสียเนืองๆ อยู หากคนทั้งปวงหามไววาอุยเอี๋ยนมีฝมือจึงเอาไวเปนเพื่อนทหารเลว ซึ่ง
อุยเอี๋ยนกลาวโทษเอียวหงีมานี้ ครั้นเราจะทําตามเกลือกวาเอียวหงีดีอยูก็จะเสียใจแตกตื่นไป เราจําจะฟง
ดูใหแนกอน”

ในขณะนั้นกรมขาวแหงสํานักพระราชวังก็ไดเขามาเฝา แลวกราบบังคมทูลรายงานวาเอียวหงีไดใหมา เร็ว


ถือฎีกามาถวาย พระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบดังนั้นจึงตรัสสั่งใหมาเร็วเขามาเฝา

มาเร็วของเอียวหงีกราบถวายบังคมตามประเพณีแลว จึงกราบทูลวาเอียวหงีซึ่งเปนผูรับสืบทอดตําแหนง
แมทัพแทนขงเบงไดใชใหขาพระองคถือฎีกาเขามาถวาย กราบทูลแลวจึงลุกขึ้นเอาฎีกาของเอียวหงีมอบ
แกขันทีนําขึ้นไปถวายพระเจาเลาเสี้ยน

พระเจาเลาเสีย
้ นทรงรับเอาฎีกาของเอียวหงีมาทอดพระเนตรปรากฏความวา ขาพระองคเอียวหงีขอกราบ
บังคมทูลถวายฎีกาเพื่อทรงพระกรุณาทราบวา กอนที่มหาอุปราชจะถึงแกความตายนั้นไดสั่งไววาใหอุย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 70

เอี๋ยนเปนกองทัพหลังคุมกันกองทัพถอยกลับเมืองเสฉวน เมื่อมหาอุปราชตายแลวอุยเอี๋ยนละเมิดไมทํา
ตามคําสั่ง ไดกอการกบฏแลวยกทหารมาสกัดเสนทางของกองทัพที่จะกลับคืนเมืองเสฉวนที่ตําบลเจียง
โต ทําการเผาทําลายสะพานขามหุบเหวและยกทหารสกัดเสนทางไว หวังจะชิงเอาศพของมหาอุปราชไป
สวามิภักดิ์กับวุยกก

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย “ลอเสือเอาลูก ลอจระเขเอาไข” (ตอนที5


่ 77)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนสิบเอ็ดอุยเอี๋ยนกอการกบฎ คุมทหารไป


เผาสะพานขามหุบเหว และสกัดเสนทางถอยของขบวนทัพจกที่จะยกเขาแดนเมืองฮันตง ทั้งอุยเอีย ๋ น
และเอียวหงีตางแตงฎีกาเขาไปกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสีย
้ นกลาวหาวาอีกฝายหนึ่งเปนกบฏ

พระเจาเลาเสีย
้ นทราบความตามฎีกาของเอียวหงีแลว จึงปรึกษาดวยขุนนางทั้งปวงวา ทั้งอุยเอี๋ยน
และเอียวหงีตางมีฎีกาเขามากลาวหากันและกันวาเปนกบฏ ทานทั้งปวงจะมีความเห็นเปนประการใด

เจียวอวนซึ่งเปนขุนนางอาวุโส ไดกราบถวายบังคมแลวกราบทูลวาเอียวหงีนั้นแมเปนขุนนางฝายบุน ใจ
รอน วูวาม แตไดรวมงานสงครามกับมหาอุปราชมาเปนเวลานาน สามารถรับผิดชอบเรือ ่ งราวธุรการของ
กองทัพไดไมขาดตกบกพรอง กอนมหาอุปราชจะสิ้นใจก็ไดฝากฝงใหเอียวหงีควบคุมกองทัพ ขาพระองค
เห็นวาเอียวหงีเปนขุนนางที่ซื่อสัตยจงรักภักดี ไมมีทางทีจ
่ ะกอการกบฏตามขอกลาวหาของอุยเอี๋ยน ขา
พระองคขอเอาตัวเอง บุตรภรรยาและครอบครัวเปนประกันความภักดีของเอียวหงี หากแมนเอียวหงีเปน
ขบถก็ยินดีใหประหารชีวต ิ เสียทั้งครอบครัว

พระเจาเลาเสีย
้ นและขุนนางทัง้ ปวงไดยินคําเจียวอวนรับรองค้ําประกันเอียวหงีแนนหนามัน
่ คงดังนั้นก็พา
กันตกตะลึง เจียวอวนจึงกราบทูลตอไปวา ในความคาดคิดของขาพระองค อุยเอี๋ยนนั่นแลวที่เปนฝายกอ
กบฏ เพราะแตไหนแตไรมาอุยเอี๋ยนอวดดื้อถือดีวามีวรยุทธเขมแข็งแกรงกลาเหนือกวาใคร ไมเห็นผูใดอยู
ในสายตา แตมหาอุปราชระแวงอุยเอี๋ยนวาจะเปนขบถมาชานานแลวจึงไมมอบหมายใหอย ุ เอี๋ยนควบคุม
กองทัพ กลับมอบใหแกเอียวหงี อุยเอี๋ยนจึงไมพอใจแลวกอการกบฏขึ้น มิหนําซ้ํายังแตงฎีกากราบทูลเท็จ
ปายสีความผิดใหแกเอียวหงีอก ี

ขุนนางอีกหลายคนไดยินคํากราบบังคมทูลของเจียวอวนดังนั้น จึงกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสี้ยนตองกัน
วา อุยเอี๋ยนเปนคนทะเยอทะยานมักใหญใฝสูง แตชวงเวลาทีผ ่ านมายังไมกลากอกรรมกบฏก็เพราะยัง
เกรงกลัวมหาอุปราชอยู บัดนี้มหาอุปราชสิ้นบุญแลวจึงคิดกําเริบฉวยโอกาสทําการกบฎ

พระเจาเลาเสีย
้ นไดยินคําขุนนางทั้งปวงลงความเห็นตองกันวา เอียวหงีเปนฝายจงรักภักดี อุยเอี๋ยนเปน
ฝายกอกบฏ ก็ทรงเห็นดวย จึงตรัสถามขุนนางทั้งปวงวาเมื่อ อุยเอี๋ยนเปนกบฏดังนี้ จะคิดอานประการใดจึง
จะควร

เจียวอวนจึงกราบบังคมทูลวา มหาอุปราชระแวงระวังอุยเอี๋ยนวาจะเปนกบฏตลอดมา เห็นจะมีอุบายไม


อยางใดก็อยางหนึ่งมอบใหกับเอียวหงีไว ซึ่งเอียวหงีสามารถคุมกองทัพลาถอยออกมาจากตําบลเขากิ
สานโดยที่สุมาอี้ทําอันตรายมิไดนั้น เห็นจะเปนเพราะแผนการอุบายที่มหาอุปราชสั่งสอนไว มิฉะนั้นแลว
ไหนเลยจะลาถอยทัพโดยปลอดภัยได ขาพระองคคะเนวามหาอุปราชนาจะมอบแผนการอันใดอันหนึ่งไว
กับเอียวหงีเพื่อกําจัด อุยเอี๋ยนเปนมั่นคง ขอพระองคอยาทรงพระวิตกเลย

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงกราบบังคมทูลของเจียวอวนก็ทรงเห็นดวย หลังจากนั้นไมนานอุยเอี๋ยนก็มีฎีกาเขา
มากราบบังคมทูลอีกวาเอียวหงีกอการกบฏเปนแนแลว ขาพระองคไดเกลี้ยกลอมใหยอมสํานึกผิด แต
เอียวหงีไมยอมคิดจะยกกองทัพเขาตีเมืองฮันตง ขอพระองคไดแตงกองทัพยกไปกําจัดเอียวหงีเสีย

พระเจาเลาเสีย
้ นยังไมทันที่จะตรัสประการใด เอียวหงีก็ไดใหมา เร็วถือฎีกามา กราบบังคมทูลอีกวาอุย
เอี๋ยนไดกอการกบฏ คุมกําลังกองทัพหนาตัง้ สกัดกองทัพหลวงอยูทต ี่ ําบลเจียงโต เห็นจะเตรียมการบุก
เขาตีเมืองฮันตง ขอพระองคไดทรงกําชับดานรายทางทั้งปวงใหระมัดระวังกวดขัน อยาใหกองทัพอุย
เอี๋ยนยกลวงเขาไปได

พระเจาเลาเสีย
้ นทอดพระเนตรฎีกาทั้งสองฉบับแลวจึงปรารภความกับบรรดาขุนนางวาจะมีความเห็นเปน
ประการใด ยังมิทันที่ขุนนางจะกราบบังคมทูลบิฮุยไดเดินทางกลับจากตําบลเขากิสานมาถึงเมืองเสฉวน
แลวลุกลีล
้ ุกลนเขามาเฝา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 71

พระเจาเลาเสีย
้ นทอดพระเนตรเห็นบิฮุยดังนั้นก็ดีพระทัย ตรัสเรียกบิฮุยเขาไปสอบถามความเปนไป บิฮุย
ถวายบังคมตามประเพณีแลวกราบบังคมทูลวากอนจะสิ้นบุญมหาอุปราชไดมอบหมายใหเอียวหงีควบคุม
กองทัพลาถอยกลับเมืองเสฉวน และใหอย ุ เอี๋ยนเปนกองทัพหลังคอยคุมกันกองทัพไมใหเปนอันตราย แต
อุยเอี๋ยนไมเชื่อฟง เอียวหงีและเกียงอุยจึงทําตามแผนการอุบายของมหาอุปราช พากองทัพลาถอยจาก
ตําบลเขากิสานโดยปลอดภัย ครั้นมาถึงตําบลเจียงโตอุยเอี๋ยนไดคุมกองทัพหนามาสกัดทางไว และเผา
สะพานขามหุบเหวเสียทั้งสิ้น เห็นอุยเอี๋ยนจะเปนกบฏสมตามที่มหาอุปราชไดทํานายไว แตพระองคได
โปรดวางพระราชหฤทัย เพราะขงเบงไดคิดอานแผนการกําจัดอุยเอี๋ยนเอาไวแลว

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคํากราบบังคมทูลดังนัน
้ ก็ดีพระทัย และตรัสถามขุนนางทั้งปวงวาเมื่ออุยเอี๋ยนเปนก
บฏดังนี้จะคิดอานผันผอนประการใด

เจียวอวนจึงกราบบังคมทูลวา อุยเอี๋ยนเปนคนเจาเลห หากทราบวาพระองค ปกใจเชื่อวาเปนกบฏเห็นจะ


คิดกําเริบยกกองทัพไปตีเอาเมืองฮันตง จึงชอบที่จะมีหมายรับสั่งไปปลอบประโลมใจอุยเอี๋ยนเอาไวกอน
รอจนกองทัพหลวงยกลวงเขาเมืองฮันตงแลวจึงคอยดําเนินการสืบไป

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงดังนั้นก็ทรงเห็นชอบ จึงโปรดใหตังอุน  เชิญหมายรับสั่งไปเกลี้ยกลอมอุยเอี๋ยนไววา
ฮองเตไดรับทราบฎีกาของอุยเอี๋ยนแลว กําลังจัดแจงกองทัพเพื่อปราบปรามฝายกบฏใหราบคาบ โดยที่
ไมยืนยันเปนแนชัดวาฝายใดเปนฝายกบฏ แตเปนทีใหอุยเอี๋ยนเขาใจวาฝายเอียวหงีเปนกบฏ

ตังอุนรับหมายรับสั่งแลวจึงถวายบังคมลารีบเดินทางไปตําบลเจียงโต

ฝายเอียวหงีและเกียงอุยครั้นไดแตงฎีกาเขาไปกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสีย
้ นแลว พอเวลาค่ําลงก็สั่งให
ทหารทั้งปวงลอบยกไปตามเสนทางลัดตามซอกเขาเจาสัน โดยเอียวหงีและเกียงอุยคุมขบวนศพของขง
เบงยกลวงหนาไปกอน ใหอองเปงเปนกองหลัง คอยคุมกันการโจมตีของอุยเอี๋ยน และสั่งใหเรงเดินทัพทั้ง
กลางวันและกลางคืน

ฝายอุยเอี๋ยนหลังจากเผาสะพานลอยขามหุบเหวแลว ก็มั่นใจวากองทัพหลวงของเอียวหงีจะไมสามารถลา
ถอยกลับไปเมืองฮันตงได เนื่องจากไมรูวามีทางลัดตามซอกเขาเจาสันอยูอ ีก จึงยกกองทัพหนาเขาไปตั้ง
สกัดอยูใ นเสนทางสายจํากก หวังจะสกัดกั้นไมใหกองทัพหลวงของเอียวหงียกมาถึงตําบลเจียงโตได และ
ตั้งตาคอยหมายรับสั่งของพระเจาเลาเสี้ยนทีจ่ ะยกกองทัพมากําจัดเอียวหงีเสียตามฎีกาทีไ
่ ดกราบบังคม
ทูลไป

วันหนึ่งหนวยลาดตระเวนของอุยเอี๋ยนไดนําความไปแจงแกอยุ เอี๋ยนวา ทานแมทัพหลงกลแกเอียวหงีแลว


เพราะเอียวหงีและเกียงอุยไดลอบยกกองทัพไปตามเสนทางลัดออมกองทัพหนาและหุบเหวเขาเสนทาง
จํากกไปกอนแลว กําลังรุดจะเขาแดนเมืองฮันตงอยูแลว

อุยเอี๋ยนไดฟงรายงานดังนั้นก็โกรธ รีบคุมทหารออกไลตาม เห็นอองเปงคุมกองหลังสกัดอยูในเสนทางซึ่ง


เปนที่ราบกวางกลางหุบเขา จึงคุมทหารประชิดเขาไป

อองเปงเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารใหโหรองเยาะเยยอุยเอี๋ยนวา มหาอุปราชรูอยูกอ
 นแลววามึงจะเปนกบฏ บัดนี้
มหาอุปราชสิ้นบุญ ศพยังไมทน ั เย็น มึงก็กอการกบฏสมตามคําทํานายของมหาอุปราช

พอทหารเงียบเสียงลงอองเปงจึงประกาศแกทหารของอุยเอี๋ยนวา พวกเราเปนขาแผนดินจก เปนพี่นอง


รวมเปนรวมตาย รวมทําสงครามกับมหาอุปราชมาชานาน ตลอดมามหาอุปราชก็เอื้ออาทรทํานุบาํ รุงดุจดัง
บุตรในอุทร มิไดทําสิ่งใดใหแคนเคือง ไยจะตองไปเขาดวยไอกบฏ จงคิดถึงลูกเมียทีอ
่ ยูขางหลังแลว
มารวมกับเรากลับไปเมืองเสฉวนพรอมกันเถิด ลูกเมียและครอบครัวจะไดมค
ี วามสุขสืบไป

อุยเอี๋ยนไดยินดังนั้นก็โกรธ ชักมาพุงปราดเขารบกับอองเปง อองเปงเขารบกับอุยเอี๋ยนไดหาเพลงก็ทาํ ที


เปนสูอุยเอี๋ยนไมได ชักมาเบนหนีออกจากวงรบ อุยเอี๋ยนไมรก
ู ลก็ขี่มาไลตามอองเปงไป

ในขณะที่อุยเอีย
๋ นขี่มาไลตามอองเปงนั้น บรรดาทหารในกองทัพหนาของอุยเอี๋ยนไดยินคําประกาศของ
อองเปงแลวก็รองไหรักขงเบง และคิดถึงบุตรภรรยาที่อยูขางหลัง จึงพากันไปเขาดวยกับอองเปงเปนอัน
มาก ทหารของอุยเอี๋ยนไปเขาดวยกับทหารของอองเปงถึงครึ่งหนึ่ง

อองเปงเห็นการเปนไปตามแผนการก็มีความยินดี ขี่มาวนกลับมาที่กองทหารแลวรองสั่งทหารทั้งปวงวา
ใหระดมยิงเกาทัณฑสกัดไอกบฎไว ทหารของอองเปงไดยินคําสั่งก็ยิงเกาทัณฑสกัดไมใหอุยเอี๋ยนไลตาม

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 72

อองเปง อุยเอี๋ยนเห็นมานเกาทัณฑหนาแนน ขี่มาฝาเขาไปไมได จึงชักมาถอยกลับออกมา เห็นทหารใน


กองทัพหนาที่เหลืออยูไมถึงครึ่งตางพากันรวนเร จะพากันไปเขาดวยกับอองเปงอีกก็โกรธ

อุยเอี๋ยนรองตวาดขึ้นดวยเสียงอันดังวา ถาผูใ ดเอาใจออกหากเราก็จะตัดศีรษะเสีย พลันเหลือบไปเห็น


ทหารมาสี่หาคนกําลังจะขี่มาไปเขากับอองเปง อุยเอี๋ยนจึงขีม
่ าเขาไปฆาทหารทั้งหาคนนัน
้ จนตายสิ้น แลว
ขี่มากลับมาที่กองทหาร เห็นมาตายยังคุมกองทหารสงบนิ่งอยู

อุยเอี๋ยนจึงขี่มาเขาไปหามาตายแลววา ตัวทานนี้มีน้ําใจสัตยซื่อตอขาพเจาเปนอันมาก แมนทําการสําเร็จ


สมความปรารถนาแลว เรามียศศักดิ์วาสนาอยางใด ทานก็จะมียศศักดิว์ าสนาดังนั้นดวย นับแตนต ี้ อไปเรา
สองคนมีสุขตองรวมเสพ มีทุกขตองรวมตาน

มาตายไดฟงคําอุยเอี๋ยนดังนั้นจึงวา ขาพเจาปกใจอยูดวยทานแลว ไฉนทานจึงกลาวความเสมือนหนึ่งเปน


คนอื่นไกลดังนีเ้ ลา

อุยเอี๋ยนไดยินดังนั้นก็มีความยินดี เหลียวกลับไปมองกองทหารของอองเปง เห็น อองเปงพาทหารรีบรุด


หนีไปอยางรวดเร็ว อุยเอี๋ยนจึงบอกมาตายและทหารทั้งปวงใหยก ไลตามอองเปงไป

อุยเอี๋ยนและมาตายคุมทหารไลตามอองเปงเปนระยะทางถึงสองรอยเสนแตไมทันกัน อุยเอี๋ยนจึงหยุด
ทหารไวแลวปรึกษากับมาตายวา เราทําการทั้งนี้เห็นความจะลวงรูไปถึงพระเจาเลาเสีย
้ นแลว กระนั้นเลย
เมื่อไดชื่อวาเปนกบฏแลวจําจะเขาสวามิภักดิก
์ ับวุยกก เห็นจะมีความชอบสืบไป ทานจะเห็นเปนประการใด
เลา

มาตายซึ่งรับแผนการมาจากขงเบงไดยินคําอุยเอี๋ยนดังนั้นก็นึกสรรเสริญขงเบงวาแมยามปวยหนักใกล
สิ้นใจก็ยังคะเนการณไวไมผิดพลาด หากจะเออออไปกับอุยเอี๋ยนเขาสวามิภักดิ์กับวุยกกยอมเทากับเพิ่ม
กําลังวังชาใหกบั วุยกก จึงแสรงกลาวกับอุยเอี๋ยนตามแผนการที่ขงเบงสั่งไววา “ทานวานีไ
้ มควร ธรรมดา
เปนชาติทหารถาคิดการสิ่งใดก็ใหสําเร็จจึงจะปรากฏชื่อเสียงไปภายหนา อันตัวทานบัดนีก ้ ็มีฝมือกลาหาญ
ประกอบดวยสติปญญาคิดการลึกซึ้ง ในเมืองเสฉวนแลเมืองฮันตงหาผูใดจะตานทานฝมือแลความคิดทาน
ไม ขาพเจาจะขออาสาตีเอาเมืองฮันตงแลวจะตีเมืองเสฉวนใหได ทานก็จะไดเปนใหญ”

อุยเอี๋ยนไดฟงคํามาตายดังนัน
้ ก็มีใจกําเริบ คิดจะยกกองทัพเขาตีเมืองฮันตงแลวยึดเอาเมืองเสฉวน จึง
กลาวกับมาตายวาแมนการสําเร็จดังแผนการของทาน เราสองคนชาตินย ี้ อมเสพสุขไมสิ้นเปนแนแท กลาว
แลวอุยเอี๋ยนและมาตายก็หัวเราะขึ้นพรอมกัน เปนแตเบื้องลึกของเสียงหัวเราะนั้นตางกันอยางสิ้นเชิง อุย
เอี๋ยนหัวเราะดวยกําเริบใจวาจะครองอํานาจเปนใหญในเมืองเสฉวนและเมืองฮันตง ในขณะที่มาตาย
หัวเราะดวยความชื่นชมนิยมในสติปญ  ญาของขงเบงที่ลวงรูการณเบื้องหนา แลววางแผนการอยางแยบยล
ดุจเทพยดา มั่นใจไดวาแผนการที่ขงเบงสั่งเสียไวกอนตายจักสัมฤทธิผ ์ ลเปนแนแท

ครูหนึ่งหนวยลาดตระเวนไดนาํ ความมารายงานแกอุยเอี๋ยนวา ขณะนี้กองทัพหลวงของเอียวหงีไดยกเขา


ไปตั้งอยูในเมืองหนาดานของเมืองฮันตง และอองเปงไดพาทหารตามเขาไปสมทบอยูในเมืองแลว

อุยเอี๋ยนไดฟงรายงานดังนั้นจึงพามาตายและทหารยกไปที่เมืองหนาดาน เตรียมการทีจ
่ ะโจมตียด
ึ เอาเปน
ฐานที่มั่นตอไป

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ใครจะบังอาจฆากู (ตอนที5
่ 78)

กวาที่อุยเอี๋ยนจะรูกล เอียวหงีและเกียงอุยก็ไดพากองทัพหลวงยกเขาไปตัง้ ในเมืองหนาดานของเมืองฮัน


ตงแลว อุยเอี๋ยนคิดกําเริบจะเขายึดเอาเมืองฮันตงและตีตลอดไปจนถึงเมืองเสฉวน ตั้งตนขึ้นเปนใหญ จึง
ยกกองทัพเขาประชิดเมืองหนาดานนั้น

ฝายเอียวหงีและเกียงอุยเมื่อคุมกองทัพหลวงเขาเมืองหนาดานไดแลว เอียวหงีไดมอบหมายการบังคับ
บัญชาทหารใหกับเกียงอุยตามคําสั่งเสียของขงเบง เกียงอุยจึงคุมทหารขึ้นรักษาเชิงเทินและกําแพงเมือง
มิไดประมาท ดวยคาดการณวาอุยเอี๋ยนจะตองยกทหารติดตามมา

วันหนึ่งเกียงอุยเดินตรวจตรารักษาการณอยูบนเชิงเทิน เห็นกองทัพอุยเอี๋ยนยกมาประชิดเมือง จึงปรึกษา


กับเอียวหงีวาอุยเอี๋ยนนี้มีกําลังฝมือเขมแข็งกลาหาญ แมจะมีทหารนอยแตประมาทมิไดเปนอันขาด ทัง้
บัดนี้มาตายก็แปรพักตรเขาสวามิภักดิด ์ วยอุยเอี๋ยนแลว ทานจะเห็นเปนประการใด

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 73

เอียวหงีจึงวา มหาอุปราชไดทํากลอุบายไวในหนังสือลับ กําชับวาเมื่ออุยเอี๋ยนเปนกบฏแลวยกทหารมา


ประชิดเมืองหนาดานเปนทีค่ ับขัน ก็ใหเปดหนังสือลับออกอานดู ซึ่งทานวิตกดวยมาตายนั้นอยาไดกังวล
เลย ที่มาตายไปอยูกับอุยเอี๋ยนเปนแผนการของมหาอุปราช เห็นจะมีแผนการประการใดสั่งไวกับมาตาย
เปนมั่นคง

เกียงอุยไดฟงดังนั้นจึงกลาววา เมื่อเปนเชนนี้ชอบทีท
่ านแมทัพจะไดเปดหนังสือลับของมหาอุปราชออก
อานดู เอียวหงีจึงเอาซองหนังสือปดผนึกของขงเบงฉีกออกดู เห็นมีหนังสือลับอยูช  ั้นในอีกฉบับหนึ่งปด
ผนึกไวอยางแนนหนา หนาซองเขียนความไววาเมื่อจะยกไปรบกับอุยเอี๋ยนจึงคอยฉีกซองหนังสือฉบับนี้

เกียงอุยทราบความดังนั้นก็มั่นใจวา ขงเบงไดคิดอานแผนการล้ําลึกผนึกไวขางในซอง จึงไมปรารถนาจะรู


ความสืบไป แลวกลาวกับเอียวหงีวาเมื่อมหาอุปราชวางแผนกํากับมาดังนี้แลวทานจงเก็บซองหนังสือ
ชั้นในนี้ไวเถิด ขาพเจาจะพาทหารออกไปรบกับอุยเอี๋ยนกอน

ตกลงกันดังนั้นแลวเกียงอุยและเอียวหงีจึงลงมาจากเชิงเทิน เกียงอุยจัดแจงทหารแลวยกออกจากประตู
เมือง ตั้งขบวนเผชิญหนากับกองทัพของอุยเอี๋ยน ฝายเอียวหงีคุมทหารอีกกองหนึ่งหนุนตามเกียงอุยไป

เกียงอุยขี่มาออกไปขางหนาทหาร รองดาอุยเอี๋ยนวา “เมื่อมหาอุปราชยังอยูนั้น มิไดทําหยาบชาแกมึง


ประการใด เหตุไฉนมึงจึงคิดกบฏดังนี”้

อุยเอี๋ยนไดยินดังนั้นจึงรองโตกลับมาวา การทั้งนี้มิใชเรื่องอันใดของมึงเลย อยาแสออกมาหาเรื่องจะดีกวา


ใหเรียกเอียวหงีตัวหัวโจกออกมาเจรจาดวยเราจึงจะควรแกฐานะ

ในขณะนั้นเอียวหงีไดเปดซองหนังสือลับของขงเบงออกอานดูเปนใจความวา การจะกําจัดอุยเอี๋ยนนั้นไม
จําตองใชกําลังทหาร ใหรองทาอุยเอี๋ยนวาถาสามารถรองขึน
้ ดังดังสามครั้งวาใครจะสามารถฆากูได ก็จะ
ยอมเขาดวยอุยเอี๋ยนและยกเมืองฮันตงใหแกอุยเอี๋ยนดวย คนซึ่งจะสังหารอุยเอี๋ยนอยูที่ขา งกายอุยเอี๋ยน
แลว

เอียวหงีทราบความดังนั้นก็มีความยินดี รีบขี่มาออกไปขางหนาทหาร อุยเอี๋ยนเห็นเอียวหงีขี่มาออกมา


ดังนั้นจึงกลาววา พวกเราลวนเปนทหาร ไฉนจะมาประหัตประหารกันเอง บัดนี้มหาอุปราชหาไมแลว ชอบ
ที่จะมารวมมือกันจึงจะควร

เอียวหงีไดยินคําอุยเอี๋ยนก็หัวเราะ แลวกลาววามหาอุปราชรูล
 วงหนาอยูแ
 ลววามึงจะเปนกบฏ แตตัวมึงนัน

ขี้ขลาดตาขาว มหาอุปราชจึงมอบหมายใหตัวกูควบคุมกองทัพไว หากตัวมึงเปนผูกลาลบลางคําปรามาส
ของมหาอุปราชไดกูจึงจะยอมเขาดวย แลวจะยกเมืองฮันตงใหแกมึง

อุยเอี๋ยนไดยินคําเอียวหงีดังนัน
้ จึงวา ซึ่งมึงวากูขี้ขลาด มึงจะลองออกมาสูรบกับกูตัวตอตัว หรือจะใหทํา
การประการใดจึงจะยินยอมมารวมมือกัน

เอียวหงีจึงวาถามึงกลารองตะโกนขึ้นบนฟาใหไดยินกันทั่วทัง้ สมรภูมิรบครบสามครั้งวา “ใครจะบังอาจฆากู


ได” กูก็จะยอมออนนอม ติดตามรับใชไปตลอดชีวิต

อุยเอี๋ยนไดยินดังนั้นก็หัวเราะ แลวกลาววาลูกผูชายตองถือสัจจะ เอียวหงีไดยินคําทาของอุยเอี๋ยนจึงรีบ


ตอบกลับไปวา ลูกผูชายตองถือสัจจะ

อุยเอี๋ยนจึงวามึงจงฟง กลาวแลวก็แหงนหนาขึ้นมองฟา รองตะโกนขึ้นดวยเสียงอันดังวา ใครจะบังอาจฆา


กูได ใครจะบังอาจฆากูได

อุยเอี๋ยนยังไมทันรองตะโกนครั้งที่สาม พลันไดยินเสียงดังสนั่นดุจฟาถลมสอดแทรกขึ้นมาวา “กูผูมีฝม


 อ

ไดรับคํามหาอุปราชไววา จะฆามึง” สิ้นเสียงเงากระบี่วาบปลาบแปลบ หาโลหิตสีแดงพุงตามออกมา ศีรษะ
ของอุยเอี๋ยนพลัดออกจากรางรวงลงกับพื้น ในขณะทีด ่ วงตาของอุยเอี๋ยนยังคงลืมมองอยูในลักษณะตก
ตะลึง

สายตาทุกคูของทหารทั้งปวงจองไปที่ขางมาของอุยเอี๋ยน เห็นมาตายกําลังเอากระบี่ซงึ่ ผานการเชือดคอ


อุยเอี๋ยนมาสดๆ เช็ดกับขางลําตัวมาแลวสอดกระบี่เขาฝก มาตายเห็นคนทัง้ ปวงจองมองมาอยางตกตะลึง
พรึงเพริด จึงรองประกาศขึ้นดวยเสียงอันดังวากอนจะสิ้นใจ มหาอุปราชไดสั่งเราวาอุยเอีย
๋ นนี้จะเปนกบฏ
ใหเราทําทีมาอยูกับอุยเอี๋ยนและประกบตัวไวอยาไดหาง เมื่อใดที่ไดยินอุยเอี๋ยนแหงนหนารองตะโกนขึน้

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 74

ฟาวาใครจะบังอาจฆากูไดแลว ก็ใหเอากระบี่เชือดคอหอยอุยเอี๋ยนเสีย การทั้งปวงเปนไปดังแผนการของ


มหาอุปราชทุกประการ กลาวแลวมาตายก็รองไหรักรําลึกถึงขงเบง ทหารทั้งปวงคลายจากตกตะลึงแลวก็
พากันรองไหตาม

ภารกิจชิ้นที่สองของขงเบงหลังจากสิ้นบุญคือแผนการกําจัดอุยเอี๋ยนผูกบฏไดสัมฤทธิผ ์ ลอยางสมบูรณ
คงเหลือภารกิจชิ้นทีส
่ ามที่คด
ิ การเผื่อวันหนาวาวันเวลาใดที่เมืองเสฉวนถูกขาศึกรุกรานไมอาจตานทานได
แลว จะปกปองชีวิตราษฎรซึ่งสูท  ํานุบํารุงมาใหปลอดภัย ซึ่งเปนภารกิจสุดทายของขงเบงหลังจากสิ้น
ลมปราณแลว

เอียวหงีและเกียงอุยเห็นดังนัน
้ ก็มีความยินดี นึกสรรเสริญขงเบงวามีสติปญ ญาคิดอานการลวงหนาได
แมนยําประหนึง่ เทพยดาเขาดลใจ บรรดาทหารของอุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็พากันเขาออนนอมกับเอียวหงี
ทั้งสิ้น

เอียวหงีจัดแจงเมืองหนาดานเปนปกติแลว จึงสั่งใหเคลื่อนทัพออกจากเมืองหนาดานเพื่อยกเขาเขต
เมืองฮันตง ระหวางทางสวนกับตังอุน เมื่อไดคํานับกันตามประเพณีแลว ตางฝายตางเลาเนื้อความแกกน ั
และกันทุกประการ

ตังอุนจึงวาฮองเตทรงพระวิตกวาอุยเอี๋ยนจะคิดการกําเริบ จึงใชใหขาพเจามาเกลี้ยกลอมอุยเอี๋ยนเอาไว
กอน แตเมื่ออุยเอี๋ยนตายดวยแผนการของมหาอุปราชแลว ชอบทีท ่ านจะเดินทางเขาไปเมืองเสฉวน
โดยเร็วเพื่อจะแตงการพิธศ ี พของมหาอุปราชตามประเพณี

เอียวหงีไดยินดังนั้นก็เห็นดวย จึงใหมา ตายและตังอุนคุมศีรษะของอุยเอีย


๋ นเดินทางลวงหนาเขาไปเมือง
เสฉวนเพื่อกราบบังคมทูลพระเจาเลาเสี้ยนกอน เอียวหงีและเกียงอุยจะคุมขบวนศพขงเบงติดตามไป

มาตายและตังอุน
 รับคําเอียวหงีแลวจึงคํานับลา พาศีรษะของอุยเอี๋ยนเดินทางกลับเขาเมืองเสฉวน แลว
กราบบังคมทูลความใหพระเจาเลาเสี้ยนทรงทราบทุกประการ

พระเจาเลาเสีย้ นไดทราบความแลวจึงตรัสกับขุนนางทั้งปวงวา ชั่วชีวต


ิ ของอุยเอี๋ยนไดทําราชการรับใชพระ
ราชบิดาและตัวเรามาชานาน มีความชอบในราชการเปนอันมาก ยามบั้นปลายของชีวิตคิดผิดกอการกบฏ
บัดนี้อุยเอี๋ยนก็ตายแลว ความผิดความชอบสองสถานประมาณกันเขาแลว เห็นแกความดีในหนหลัง จึง
พระราชทานอภัยโทษใหกับอุยเอี๋ยน ใหปน ู บําเหน็จความชอบแตหนหลังแกบุตรภรรยาของอุยเอี๋ยนเปน
อันมาก และใหแตงการศพของอุยเอี๋ยนตามประเพณีขุนนางผูใหญ แลวนําศพไปฝงไวในสุสานในเมือง
เสฉวน

ฝายเอียวหงีและเกียงอุยเมื่อคุมขบวนศพขงเบงผานแดนเมืองฮันตงเขาแดนเมืองเสฉวนแลว จึงใหมา เร็ว


รีบนําความเขาไปกราบบังคมทูลใหพระเจาเลาเสี้ยนทรงทราบวันเวลาที่ขบวนศพจะถึงเมืองหลวง

พระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบความดังนั้น จึงมีหมายรับสั่งใหจัดขบวนและพิธีการตอนรับศพขงเบงอยาง
เอิกเกริก ถึงวันกําหนดนัดหมายพระเจาเลาเสี้ยนเสด็จประทับรถพระทีน่ ั่งพรอมขบวนอิสริยายศในชุดไว
ทุกขเปนขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคยกออกจากเมืองเอกจิ๋วไปเปนระยะทางกวาสองรอยเสน

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาในการรับศพของขงเบงเขาเมืองเสฉวนนี้ “พระเจาเลาเสีย


้ น
กับขุนนางทั้งปวงแลอาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็รองไหรักทุกคน”

สามกกฉบับสมบูรณระบุวา “เจาเหนือหัวองคหลังนําคณะขุนนางบุนบูลวนสวมชุดขาวไวทุกขเสด็จออก
จากเมืองไปยี่สบ
ิ ลี้รอรับหีบศพ เจาเหนือหัวองคหลังทรงกันแสงเปนการใหญ จากเบื้องบนถึงมหาเสนาบดี
ต่ําลงมาถึงราษฎรชาวไรชาวเขา ทั้งชายหญิงทั้งเด็กนอย ไมมีผูใดมิไดรองไหดวยความโศกศัลย เสียงอัน
รันทดใจสะทานสะเทือนพื้นปฐพี”

พระเจาเลาเสีย
้ นทอดพระเนตรเห็นขบวนศพของขงเบงเคลื่อนมาแตไกล ก็ตรัสสั่งใหหยุดขบวนรถพระที่
นั่ง ใหทหารทัง้ ปวงตั้งเปนกองเกียรติยศตามประเพณี แลวเสด็จลงจากรถพระทีน
่ ั่งประทับยืนอยูขางทาง
ครั้นขบวนศพมาถึงพระเจาเลาเสี้ยนทรงกันแสง เสด็จเขาไปกอดหีบศพขงเบง นอมพระเศียรคํานับโขกกับ
หีบศพ พลางตรัสวาทานพอ มหาอุปราชไมนาจะรีบจากไปเลย แตนี้ไปใครเลาจะปกปองทํานุบํารุงราษฎร
เมืองเสฉวน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 75

พระเจาเลาเสีย้ นตรัสรําพึงรําพันดวยความโศกเศราอยูเปนชานาน ขุนนางทั้งปวงทั้งฝายทหารและพล


เรือนเห็นดังนั้นก็พากันรองไหเสียงระงม สายลมตองใบไมหวีดหวิวดังเหมือนเสียงคนร่ําไหทั่วทั้งแนวปา
เขา

ครูหนึ่งพระเจาเลาเสี้ยนจึงถอยออกมาจากโลงศพขงเบง คุกเขาถวายบังคมศพขงเบงดวยถือวาเปนบิดา
ตามคําสั่งเสียของพระเจาเลาป พระโอษฐก็อธิษฐานวาขอทานพอมหาอุปราชจงไปสูส
 ค
ุ ติบนสวรรคนน
ั้
เถิด

ถวายบังคมศพขงเบงเสร็จแลว พระเจาเลาเสี้ยนจึงตรัสสั่งใหขุนนางผูใ หญเขาประคองหีบศพขงเบง และ


เคลื่อนขบวนกลับเขาเมืองเอกจิ๋ว ใหตั้งการพิธีศพขงเบงไวที่จวนมหาอุปราช และใหจูกัดเจี๋ยมบุตรของขง
เบงทําพิธีเซนไหวตามประเพณี

ถึงวันออกวาราชการ เอียวหงีไดเขาไปเฝาในทองพระโรง กราบบังคมทูลถวายรายงานการสงครามกับวุ


ยกกครั้งที่หก จนกระทั่งการนําขบวนศพขงเบงกลับถึงเมืองเสฉวนใหพระเจาเลาเสี้ยนทรงทราบทุก
ประการ

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคํากราบบังคมทูลก็ทรงกันแสง ขุนนางทั้งปวงก็รองไหตามเสียงระงมไปทั้งทองพระ
โรง

เอียวหงีไดนําหนังสือพินัยกรรมของขงเบงขึ้นถวายพระเจาเลาเสี้ยนแลวกราบทูลวา กอนจะสิ้นลมหายใจ
มหาอุปราชไดแตงฎีกามอบใหขาพระองคนาํ มากราบบังคมทูลใตฝาละอองธุลีพระบาท และสั่งเสียไววา
เมื่อเสร็จพิธีศพแลวใหนําศพไปฝงไวที่ขางทางในซอกเขาเตงกุนสัน อยาใหกอสุสานหรือทําพิธีเซนสรวง
บวงกลาวใดๆ และใหแตงทหารไปรักษาเสนทางในซอกเขาตําบลอิมเปงไว เมืองเสฉวนก็จะไมมีอันตราย

พระเจาเลาเสีย ้ นไดฟงคํากราบทูลดังนัน ้ ก็ตกตะลึง มิทราบวาขงเบงมีเจตนาหมายมุงประการใดจึงไมยอม


ใหซากศพของตนเองไดนอนสงบนิ่งอยูในสุสานหลวงตามประเพณี มีทหารเฝาจุดตะเกียงหนาศพตาม
ตําแหนงขุนนาง กลับสั่งใหเอาศพของตนเองไปฝงไวขางทางในปาเปลี่ยวซึ่งวันคืนไมมผ ี ค
ู นผาน ครั้นทรง
ตรัสถามเอียวหงี เกียงอุย บิฮุย และลิฮก ซึ่งอยูในคายพักของขงเบงในขณะขงเบงสิ้นลมวาที่ขงเบงสัง่
เสียเชนนี้เพื่อประสงคสิ่งใด ก็หามีผใู ดทราบความไม

พระเจาเลาเสีย้ นจึงตรัสวาทานพอมหาอุปราชเล็งการณกวางไกล ทําการสิ่งใดรอบคอบสุขุมหนักแนน


มั่นคง ซึ่งสั่งเสียไวทั้งนี้จึงชอบที่ตองปฏิบต
ั ต
ิ าม จากนั้นจึงตรัสถามโหรหลวงใหกําหนดวันเวลาฤกษฝง
ศพขงเบง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

เทพบิดรแหงฮั่น (ตอนที5
่ 79)

กลอุบายของขงเบงที่กําหนดไวเพื่อบรรลุภารกิจหลังการตาย ประการแรกคือการถอยทัพกลับเมืองเสฉวน
โดยปลอดภัย และประการทีส
่ องคือการกําจัดอุยเอี๋ยนซึ่งจะกอกบฏไดบรรลุผลสําเร็จอยางงดงามทุก
ประการ คงเหลือภารกิจประการทีส ่ ามที่จะปกปองคุมครองอาณาประชาราษฎรเมืองเสฉวนหากขาศึกยกมา
ย่ํายีอีกประการเดียวเทานั้น

พระเจาเลาเสีย ้ นตรัสถามโหรหลวงเพื่อกําหนดวันฝงศพขงเบงตามประเพณี แตไมทันทีโ่ หรจะกราบบังคม


ทูล ขุนนางอาวุโสหลายคนก็ไดชิงกราบบังคมทูลขึ้นกอนวามหาอุปราชเปนขุนนางผูใหญมาแตครั้งพระ
เจาเลาป มีความซื่อสัตยจงรักภักดีหาผูใดเสมอเหมือนมิได เปนผูทําความชอบใหญหลวงแกบานเมือง ซึง่
จะนําศพไปฝงไวกลางปาไรสส ุ านและการเซนไหวบวงสรวงเปนที่เวทนานัก จักเสื่อมเสียพระบรมเดชานุ
ภาพขอพระองคจงทรงพิจารณา

พระเจาเลาเสีย้ นไดยินคํากราบบังคมทูลดังนัน
้ ก็ทรงนิ่งอึ้ง น้ําพระทัยลึกก็นึกสงสารขงเบงวาความชอบที่
สรางไวกับแผนดินเสฉวนนั้นใหญหลวงนัก พระเจาเลาปก็ไดฝากฝงใหขงเบงทํานุบํารุงพระองคเสมอดวย
พระเจาเลาป ตลอดมาขงเบงไดถวายความจงรักภักดีโดยสุจริต มิไดเห็นแกความเหนื่อยยาก พระองคเอง
ก็ทรงรักและนับถือขงเบงเหมือนกับพระราชบิดา ควรที่ศพขงเบงจะไดรับการฝงไวในสุสานหลวง มีทหาร
เฝาและเซนไหวบวงสรวงอัญเชิญดวงวิญญาณสถิตบนสรวงสวรรคตามประเพณี

เอียวหงีเห็นดังนั้นจึงกราบบังคมทูลวากอนสิน
้ ใจมหาอุปราชไดสั่งเสียไวเปนความสามประการ คือการทํา
กลอุบายลาถอยทัพจากตําบลเขากิสานกลับเมืองเสฉวน มิใหสุมาอีท
้ ําอันตรายไดประการหนึ่ง การ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 76

วางแผนอุบายกําจัดอุยเอี๋ยนซึ่งจะกอการกบฏประการหนึ่ง และคําสั่งเสียใหแตงทหารไปรักษาชอง
แคบอิมเปงแลวเอาศพไปฝงไวที่ซอกเขาเตงกุนสัน ไมใหกอ  สุสานทําพิธีบวงสรวงเซนไหวเชิญวิญญาณสู
สรวงสวรรคอีกประการหนึ่ง สองประการแรกนั้นปรากฏเปนจริงตามที่มหาอุปราชไดคาดการณไวทุก
ประการแลว เหลือแตประการสุดทายแมวาจะไมอาจคาดหมายไดวามหาอุปราชมุงประสงคสิ่งใด แตยอม
ไมใชเรื่องไรเหตุผล จึงชอบทีจ
่ ะทําตามคําสั่งเสียของมหาอุปราช

เอียวหงีไดกราบบังคมทูลตอไปวา เมื่อรูตวั วาจะตายมหาอุปราชไดสั่งใหตอโลงนั่งและเอาศพนั่งในโลง


สั่งใหเอาขาวสารเจ็ดเมล็ดใสไวในปาก และจุดตะเกียงที่เบื้องลางของฝาเทา บอกวาทําพิธีดังนีแ้ ลว
วิญญาณของมหาอุปราชก็จะขึน ้ ไปพยุงดาวประจําตัวขุนพลที่รวงหลนลงสูพ  ื้นใหกลับคืนสูต
 ําแหนงดังเกา
หวังจะลวงสุมาอี้ใหไมแนใจวามหาอุปราชตายจริงหรือไม ประจักษเบื้องตนวามหาอุปราชไมประสงคที่จะ
ใหดวงวิญญาณเดินทางพนไปจากมนุษยโลก และยอมจะมีวัตถุประสงคทแ ี่ นนอนเปนมั่นคง

เจียวอวนเห็นเอียวหงีกราบทูลดังนั้นจึงถวายบังคมแลวกราบทูลเสริมวาธรรมดาเกิดมาเปนคน ทุกผูค
 น
ยอมปรารถนาความสุขสบาย ไมตองการความยากลําบาก แมตายแลวยอมปรารถนาไปสถิตอยูบนสรวง
สวรรค ประเพณีแตกอนมาหากวาเปนผีรายก็ตองตั้งการพิธีขมวิญญาณมิใหออกมาระรานหลอกหลอนกอ
ภัยพิบัตแิ กมวลมนุษย รอวันเวลาทีย่ มทูตจะมารับเอาดวงวิญญาณไปทําโทษในเมืองนรก หากเปนผีดก ี ็
ตองตั้งการพิธีเชิญวิญญาณไปสถิตบนสรวงสวรรค ซึ่งมหาอุปราชไมใหทาํ การเซนสรวงเชิญดวงวิญญาณ
เห็นจะเปนเพราะมหาอุปราชตองการใหวิญญาณสถิตอยูรักษาเมืองเสฉวน ประการหนึ่งเลามหาอุปราชเปน
ผูชํานาญการไสยเวทย เจนจบสรรพวิชาในลัทธิเตา ซึ่งสั่งเสียไวดังนี้ยอมเกี่ยวของดวยพิธีกรรมอันล้ําลึกลี้
ลับเปนแนแท ขอพระองคจงทรงดําเนินการตามคําสั่งเสียของมหาอุปราชจึงจะควร

ขุนนางทั้งปวงไดฟงคํากราบทูลของเอียวหงีและเจียวอวน กอปรดวยเหตุผลหนักแนนมั่นคงจึงเห็นดวย
แลวพากันกราบบังคมทูลใหพระเจาเลาเสีย
้ นจัดการศพของขงเบงตามคําสัง่ เสียทุกประการ

พระเจาเลาเสีย
้ นเห็นขุนนางทัง้ ปวงเห็นชอบพรอมกันดังนั้นก็ทรงเห็นตาม ตรัสกับโหรหลวงอีกครั้งหนึ่งวา
เราจะทําตามคําสั่งเสียของมหาอุปราช ทานจงกําหนดวันเวลาฤกษฝงศพขงเบงเถิด

เจาจิ๋วจึงกราบทูลวา โดยศักดิแ
์ ละอิสริยยศของมหาอุปราชชอบทีจ ่ ะตั้งการพิธีมากหลายยาวนานตาม
ประเพณี แตเมือ ่ ขงเบงมีความประสงคดังนี้ขาพระองคไดตรวจดูแลวเห็นวาวันขึ้นสิบสองค่ําปนี้เปนวันฤกษ
ดีสําหรับทําพิธฝ
ี งศพขงเบง

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงดังนั้นก็ทรงเห็นชอบ และมีพระบรมราชโองการโปรดเกลาเลื่อนอิสริยยศของขงเบง
เปนเจาพระยามหาอุปราชเทพบิดรผูภักดีและปรีชาสามารถแหงฮั่น ใหสรางศาลบูชาสําหรับชาวเมืองได
กราบไหวไวที่รมิ แมน้ําในเมืองเสฉวน และโปรดใหตั้งการพิธีฝงศพขงเบงตามวันเวลาที่โหรหลวงกําหนด
ทุกประการ

ครั้นถึงวันฤกษดีพระเจาเลาเสีย
้ นโปรดเกลาใหแตงขบวนอิสริยยศเชิญศพขงเบงประกอบดวยธงทิว มาลอ
ฆองกลอง ทหารมา ทหารราบเปนอันมาก แลวประทับรถพระที่นั่งเสด็จสงศพขงเบงเสมือนหนึ่งขงเบงเปน
พระญาติผใู หญจนถึงที่ฝงศพ

เกียงอุยทําหนาที่เปนแมงานเตรียมการหลุมฝงศพ ไดทําหลุมฝงศพขงเบงไวที่ขางทางในหุบเขาเตงกุน
สัน เลือกพื้นทีใ่ กลเนินเขา น้ําไมทวมขัง แลวขุดเปนหลุมกวางเจ็ดศอกยาวเกาศอกลึกหาศอก เอากรวด
โรยพื้นลาง เอาทรายโรยพื้นกลาง ดานบนโรยดินภูเขาและปูทับดวยแผนเงินแผนทอง กระดาษเงิน
กระดาษทองและเสื้อผาอาภรณเปนอันมาก กําหนดวางศพขงเบงหันศีรษะไปทางดานเมืองเสฉวน หัน
ปลายเทาไปขางเมืองลกเอี๋ยง ประหนึ่งนอนดูบรรดาขาศึกที่จะยกมาตามเสนทางในเทือกเขาเตงกุนสันชั่ว
กาลนาน

ครั้นไดเวลาฤกษตามที่โหรหลวงกําหนด พระเจาเลาเสีย
้ นประทับยืนที่ดา นหัวของหลุมศพ ขุนนาง
ผูรับผิดชอบการพิธีไดเอาโลงศพขงเบงวางลงหลุม พระเจาเลาเสี้ยนทรงวางธูปเทียน ขาวตอก ดอกไม
เงินทองที่ดา นปลายเทาของขงเบง เอาดินถมจนเต็มปากหลุม จากนั้นจึงเกลี่ยกลบไมใหเห็นรองรอย พระ
เจาเลาเสี้ยนทรงกันแสงตลอดเวลาทีท่ ําพิธฝ
ี ง ศพ ขุนนางทั้งปวงลวนหลั่งน้ําตารองไหรักขงเบงเปนอัน
มาก

อนาถนัก! มหาบุรุษผูมส
ี ติปญ
 ญาแจงฟาคลุมดิน เปนเอกอยูแตผูเดียวในพิภพ มากล้ําดวยอิสริยยศ อํานาจ
วาสนา มีคุณูปการใหญหลวงตอบานเมือง เปนเทพบิดรแหงแควนจก ควรที่ศพจะไดสถิตอยูในสุสานหลวง
มีไพรทหารทําความสะอาดกวาดถูจด ุ ตะเกียงบูชาหนาศพ รับการเคารพเซนไหวของฮองเต บรรดาขุนนาง
ผูใหญและอาณาประชาราษฎรใหสมแกความชอบชั่วชีวิต แตกลับตองมานอนตากน้ําคางกลางหาวอยูขา ง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 77

ทางในปาเปลีย ่ ว ประหนึ่งดังผีไมมีญาติ ไมยินยอมใหดวงวิญญาณเสวยสุขในสรวงสวรรค กลับยอมทน


ยากลําบากเวียนวนอยูในแดนผี ไรการเซนไหวทุกตรุษสารท ซึ่งยอมหิวโหยอดโซสุดทีจ ่ ะเวทนา ดวย
ปรารถนาบรรลุภารกิจสุดทายในอนาคตกาล คือปกปองคุมครองอาณาประชาราษฎรชาวเสฉวน ซึ่งสูทาํ นุ
บํารุงมาดวยหยาดเหงื่อและน้าํ ใจอันการุณย มิใหขาศึกย่ํายีทาํ อันตรายได น้ําใจที่ยามเปนก็ภักดีจนตัวตาย
ยามตายก็ถวายการรับใชเพื่อความปลอดภัยของอาณาประชาราษฎรโดยไมเห็นแกความสุขบนสรวงสวรรค
ดังนั้นแผนดินนีท
้ ั้งอดีต ปจจุบน
ั และอนาคตจะมีผใู ดเสมอเหมือนเลา ความเปนเอกแตผูเดียวในพิภพหา
ไดดํารงความเปนเอกในยามเปนเทานั้นไม หากยังดํารงความเปนเอกในยามตายจวบนิรันดรนั่นแล

ครั้นฝงศพขงเบงเสร็จแลวพระเจาเลาเสี้ยนไดเสด็จกลับเมืองเสฉวน วันรุงขึ้นก็เสด็จออกวาราชการ
ตามปกติ

ขณะนั้นเจาหนาที่กรมขาวไดถวายบังคมแลวกราบทูลวา เมืองเองอั๋นไดสงใบบอกรายงานความมาวา
กองทัพเมืองกังตั๋งกําลังพลสิบหมื่นไดยกมาตั้งอยูที่ปากทางเมืองปากิ๋ว แตไมทราบวัตถุประสงคที่แนชัด
วาจะยกมาโจมตีเมืองเสฉวนหรืออยางไร

พระเจาเลาเสีย
้ นไดยินคํากราบทูลดังนัน
้ ก็ตกพระทัย ทรงปรารภวามหาอุปราชเพิ่งตาย เมืองกังตั๋งสิยก
กองทัพมาตั้งอยูดังนี้จะทําประการใด

เจียวอวนจึงกราบทูลวาเมื่อกองทัพเมืองกังตั๋งยกมาตั้งประชิดแดนเมืองเสฉวนดังนี้ ชอบที่จะคิดอาน
ปองกันระวังตัวจึงจะควร ขอพระองคไดตรัสสัง่ ใหเตียวหงีและ อองเปงคุมทหารสิบหมื่นยกไปตั้งคุมเชิงอยู
ที่เมืองเองอั๋น แลวใหแตงขุนนางไปฟงทาทีเมืองกังตั๋งดูวาซึ่งยกกองทัพใหญมาตั้งดังนี้มเี หตุผลกลใด

พระเจาเลาเสีย
้ นจึงตรัสถามวาแลเมื่อเรายกทหารไปตั้งประหนึ่งขัดตาทัพอยูท
 ี่เมืองเองอั๋นแลวจะแตงทูต
ไปวากลาวกับเมืองกังตั๋งไดอยางไร

เจียวอวนจึงกราบทูลตอไปวา ใหราชทูตที่จะเดินทางไปเมืองกังตั๋งทําทีไปแจงขาวตายของมหาอุปราชแก
พระเจาซุนกวน ก็จะรูทา ทีของเมืองกังตั๋งเองวาคิดอานประการใด

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคําทูลดังนั้นก็ทรงเห็นชอบ จึงตรัสสัง่ ใหเตียวหงีและอองเปงยกกองทัพสิบหมื่นไป
ตั้งขัดตาทัพอยูท ี่เมืองเองอั๋น แลวตรัสถามทีป
่ ระชุมขุนนางวาผูใดจะอาสาเปนทูตไปเมืองกังตั๋งในครั้งนี้

ฝายจองอี้ซึ่งเปนขุนนางผูใหญ มีสติปญ
 ญาไหวพริบเฉลียวฉลาด ไดฟงพระราชปรารภดังนั้นจึงเขาไป
กราบบังคมทูลขออาสาเปนทูต พระเจาเลาเสี้ยนเห็นจองอีก ้ ็วางพระทัยวาจะไดราชการ จึงโปรดเกลาตัง้
จองอี้เปนราชทูตใหอัญเชิญเครื่องราชบรรณาการ และเดินทางไปเฝาพระเจาซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง

พอจองอี้คุมขบวนเดินทางลวงแดนเมืองเสฉวนเขาสูแดนเมืองกังตั๋งก็รูสึกประหลาดใจเพราะเห็นชาวเมือง
นุงขาวหมขาวไวทุกข จนกระทัง่ ถึงเมืองกังตั๋งแลวจึงขอเขาเฝาพระเจาซุนกวนตามประเพณี

จองอี้เขาไปถึงทองพระโรงก็เห็นพระเจาซุนกวนและขุนนางทั้งปวงนุมขาวหมขาวไวทุกขทั้งสิ้น จึงเขาไป
ถวายบังคมพระเจาซุนกวนแลวกราบทูลวาพระเจาเลาเสี้ยนตรัสสั่งใหขาพระองคเชิญเครื่องบรรณาการมา
กราบทูลวาบัดนี้มหาอุปราชจูกัดเหลียง-ขงเบงไดถึงแกความตายแลว

พระเจาซุนกวนไดฟงคํากราบทูลของจองอี้จบก็ตรัสตอบดวยความโกรธวา เรารูดีวาทานมาเมืองกังตั๋งครั้ง
นี้เพียงเพื่อจะดูทาทีวาที่งอกกเรายกทหารไปตั้งทีต
่ ําบลปากิว๋ นั้นเพราะเหตุผลกลใด แตไฉนจะตองเอา
ขาวการตายของขงเบงมาบังหนาดวยเลา “เมืองกังตั๋งกับเมืองเสฉวนก็เปนไมตรีกัน เรารูวาขงเบงตาย เรา
ใหชาวเมืองนุงขาวหมขาวทุกคน”

แลวพระเจาซุนกวนจึงตัดพอตอวาวา พระเจาเลาเสี้ยนแคลงใจเราวาไมซื่อตรง จึงใหยกทหารไปตั้งอยูท  ี่


เมืองเองอั๋น หรือหวังจะทําการแกแคนที่ลกซุนเผากองทัพพระเจาเลาปถ  ึงเจ็ดสิบสองหมื่นในครั้งกอน เปน
เหตุใหพระเจาเลาปเสด็จไปประทับที่เมืองเปกเตแลวสิ้นพระชนมที่เมืองนั้น

จองอี้ถวายบังคมพระเจาซุนกวนแลวกราบทูลวา ซึ่งพระเจาเลาเสี้ยนจะแคลงพระทัยในพระองคนั้นหามิได
ดวยเมืองปากิ๋ว เมืองเองอั๋นลวนเปนจุดยุทธศาสตรสําคัญใกลกับแดนวุยกก พระองคยอมทรงมีพระวิตกวา
เมื่อขงเบงตายแลวกองทัพวุยกกจะยกมาทําอันตรายจึงยกทหารไปตั้งอยูท  ี่เมืองปากิ๋ว พระเจาเลาเสีย้ นก็
ทรงพระวิตกดวยเห็นเหตุเปนอยางเดียวกัน จึงตรัสสั่งใหยกทหารไปตั้งอยูท  ี่เมืองเองอั๋น หวังจะปองกัน
อันตรายจากวุยกกเชนเดียวกัน ขอพระองคอยาไดแคลงพระทัยเลย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 78

พระเจาซุนกวนไดยินดังนั้นก็ทรงรูวาจองอี้รูเทาทันความคิดของพระองคจึงทรงพระสรวล แลวตรัสวา
บรรดาทูตแตเมืองเสฉวนนั้นเรารักนับถือเตงจีเ๋ ปนอันมาก หลังจากเตงจี๋ถึงแกความตายแลวรูขา วคราว
เมืองเสฉวนครัง้ ใดก็ใหอาลัยหาเพราะเตงจีม ๋ ีสติปญ ญาเฉลียวฉลาดในการเจรจาใหสองเมืองมีไมตรีแนน
แฟนวางใจกัน คาดไมถึงวาวันนี้เมืองเสฉวนยังคงมีราชทูตซึ่งปรีชาสามารถไมแตกตางอันใดกับเตงจี๋นน ั้
เลย

พระเจาซุนกวนไดตรัสตอไปวา “แตเรารูขาววาขงเบงถึงแกความตาย เราก็เปนทุกขอยูเปนอันมาก เรา


เกรงวาโจยอยจะใหยกไปตีเมืองเสฉวน เราจึงแตงกองทัพไปตั้งสกัดไว ณ เมืองปากิ๋ว หวังจะชวยปองกัน
เมืองเสฉวน”

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สภาพการณตอนปลายสามกก (ตอนที5
่ 80)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนสิบสอง ขึ้นสิบสองค่ํา พระเจาเลาเสีย ้ น


เสด็จไปสงและทําพิธฝ ี งศพขงเบงตามคําสั่งเสีย ครั้นเสด็จกลับเขาเมืองหลวงก็ทรงทราบขาววางอกกยก
ทหารมาตั้งอยูท
 ี่ชายแดน จึงแตงราชทูตไปฟงความที่เมืองกังตั๋ง

สามกกฉบับสมบูรณระบุวา พระเจาซุนกวนไดยน ิ คําของราชทูตเมืองเสฉวนตองพระทัยลึกก็ทรงพระสรวล


แลวตรัสวา ตัวทานก็มิไดดอยไปกวาเตงจี๋เลย ขาไดยินกิตติศัพทวาทานสมุหนายกจูกด ั เหลียงถึงแกกรรม
กลับสูสวรรค แตละวันก็น้ําตาไหลนอง ไดบัญชาใหคณะขุนนางลวนตองไวทุกขใหขงเบง ดวยขาเกรงวา
กกวุยจะฉวยโอกาสการไวทุกขเขาบุกโจมตีเสฉวน ดวยเหตุนี้จึงเพิ่มทหารอีกหนึ่งหมื่นคนไปเฝารักษา
พื้นที่ปากิ๋วเพื่อจะไดชว ยเหลือกัน มิไดมีจิตใจคิดเปนอื่นแตประการใด ขาในเมื่อรวมเปนพันธมิตร ไฉนจะมี
เหตุผลอันใดไปทรยศตอสัตยธรรม

พระเจาซุนกวนตรัสดังนั้นแลวจึงรับสั่งใหทหารมหาดเล็กไปเอาลูกเกาทัณฑหุมทองคําสําหรับพระองคมา
ดอกหนึ่ง ทรงหักลูกเกาทัณฑนั้นตอหนาขุนนางทั้งปวง แลวทรงประกาศวาถามาตรแมนขาทรยศตอ
พันธมิตรก็ขอใหเปนอันตรายตายดวยคมอาวุธเหมือนหนึ่งลูกเกาทัณฑนี้ และอยาใหลูกหลานทั้งปวงมี
อํานาจและความสุขสืบไปเลย

พระเจาซุนกวนประกาศดังนั้นแลวจึงตรัสสั่งตั้งราชทูตเชิญเครือ
่ งราชบรรณาการไปถวายพระเจาเลาเสี้ยน
เปนการตอบแทน และใหนาํ ดอกไมธูปเทียนเครื่องเซนไหวเดินทางไปเคารพศพขงเบงพรอมกับจองอี้

จองอี้ถวายบังคมลาพระเจาซุนกวนแลว จึงนําขบวนราชทูตกังตั๋งเดินทางกลับไปเมืองเสฉวน แลวพา


ราชทูตเขาไปเฝาพระเจาเลาเสี้ยน กราบบังคมทูลใหทรงทราบความทุกประการ

พระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบความดังนั้นก็ดีพระทัย ตรัสสั่งใหขันทีรับเครื่องราชบรรณาการของพระเจาซุน
กวน และพระราชทานขาวของปูนบําเหน็จแกราชทูตเปนอันมาก

ราชทูตเมืองกังตั๋งพักอยูในเมืองเสฉวนคืนหนึ่งแลว รุงขึ้นจึงเดินทางไปสักการะศพขงเบงกับจองอี้ เสร็จ


การแลวจึงเดินทางกลับไปเมืองกังตั๋ง

ครั้นเสร็จการไวทุกขขงเบงตามประเพณีแลว พระเจาเลาเสีย
้ นจึงโปรดเกลาตั้งใหเจียวอวนเปนมหาอุปราช
ตามคําแนะนําของขงเบง และใหบิฮย ุ เปนรองมหาอุปราช ใหงออี้เปนเจาเมืองฮันตง บัญชาการทั้งฝาย
ทหารและพลเรือน สวนเกียงอุยนั้นโปรดเกลาตั้งใหเปนขุนนางผูใหญ ตําแหนงผูบญ ั ชาการทหารสูงสุด
แหงแควน มีอํานาจในการบัญชาทหารทัว่ แควนจก และมีอาญาสิทธิ์ตด ั ศีรษะผูกระทําความผิดกอนแลว
คอยกราบบังคมทูลภายหลังตามคําแนะนําของขงเบงทุกประการ บรรดาขุนนางอื่นโปรดใหคงตําแหนงเดิม

ฝายเอียวหงีคด
ิ วาตนเองมีความชอบในการสงคราม เปนที่ไววางใจของขงเบง และไดรับมอบหมายตรา
อาญาสิทธิ์จากขงเบงใหบัญชากองทัพลาถอยกลับจากแดนวุยกกโดย มิไดเปนอันตราย ควรที่จะไดรบ ั
ความชอบเลื่อนขั้นและตําแหนงในครั้งนีด ้ วย เอียวหงีตั้งความหวังวาความชอบของตนนั้นใหญหลวง ควร
แกตําแหนงรองมหาอุปราช ครั้นไดยินพระบรมราชโองการตั้งเจียวอวนเปนมหาอุปราช และบิฮุยเปนรอง
มหาอุปราชโดยทีต ่ นเองมิไดเลื่อนขั้นตําแหนงก็นอยใจวา เราสูภักดีทาํ การสนองพระเดชพระคุณโดยไม
กลัวยากไมกลัวตายแตไมทรงเห็นความชอบ หากรูด
 ังนีแ
้ ลวเราจะนําทัพไปสวามิภักดิก
์ ับวุยกกก็จะเปน
ความชอบยิ่งกวา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 79

เอียวหงีนอยใจดังนั้นแลวจึงถวายบังคมลากลับไปเรือน แลวเชิญบิฮุยมากินโตะ ปรารภความซึ่งนอยใจ


พระเจาเลาเสีย
้ นใหบิฮุยฟงทุกประการ

บิฮุยฟงคําเอียวหงีแลวมิไดกลาวประการใด ครั้นไดเวลาบิฮุยก็ลากลับ พอวันรุงขึ้นบิฮุยจึงขอเขาไปเฝา


พระเจาเลาเสีย้ นถึงขางในที่ประทับแลวกราบบังคมทูลใหพระเจาเลาเสี้ยนทรงทราบความซึง่ เอียวหงี
ปรารภนั้นทุกประการ

เอียวหงีสําคัญวาบิฮุยเปนสหายรวมรบทีว่ างใจได จึงปรารภความนอยใจใหบิฮุยฟง โดยมิไดสํานึกวาความ


เปนสหายรวมรบและความใกลชิดสนิทสนมสวนตัวไหนเลยจะเทียบไดกับความจงรักภักดีตอ  ชาติบานเมือง
และพระมหากษัตริย ไหนเลยจะเปลีย ่ นแปลงน้ําใจภักดีของบิฮุยที่มีตอพระเจาเลาเสีย
้ นใหคลอนแคลนไป
ได ความลับอันเอียวหงีปรารภกับบิฮุยจึงมีแตจะเปนภัยแกตัว นี่แลวที่โบราณวา อยาไวใจทาง อยาวางใจ
คน จะจนใจเอง

พระเจาเลาเสีย
้ นทรงทราบความจากบิฮุยดังนัน
้ ก็ทรงพิโรธ ตรัสสั่งใหขาหลวงไปเรียกตัวเอียวหงีเขาวัง
แลวตรัสถามความตามที่บิฮุยกราบบังคมทูลนัน ้ เอียวหงีไดยน
ิ คําตรัสก็ตกใจ รับสารภาพตามความจริงทุก
ประการ

พระเจาเลาเสีย
้ นจึงตรัสสั่งใหคม
ุ ตัวเอียวหงีไปประหารชีวิต

เจียวอวนทราบดังนั้นก็ตกใจ รีบเขาไปเฝาพระเจาเลาเสีย้ นแลวกราบทูลวา แตกอนนั้นเอียวหงีก็ไดทํา


ความชอบมาเปนอันมาก ครั้งนีเ้ อียวหงีเจรจาผิด ขาพเจาจะขอชีวิตไว แตใหถอดออกจากที่ขุนนาง

พระเจาเลาเสีย
้ นไดฟงคําทูลของเจียวอวนก็ทรงเห็นชอบ จึงโปรดใหยกโทษประหารชีวต
ิ แตใหถอด
เอียวหงีออกจากตําแหนงขุนนาง และเนรเทศไปอยูเมืองฮันตง

เอียวหงีกราบบังคมทูลขอบพระทัยพระเจาเลาเสี้ยนแลวถวายบังคมลากลับไปที่พัก เอียวหงีใหรส ู ึกอัปยศ


อดสูเปนยิ่งนัก นั่งหมนหมองตรอมใจอยูท
 ั้งวัน คิดหนาคิดหลังไมตก ค่ําลงก็เอามีดเชือดคอตัวเองถึงแก
ความตาย

ฝายงออี้ครั้นไดรับพระบรมราชโองการแลว ไดถวายบังคมลาพระเจาเลาเสี้ยนเดินทางไปรับตําแหนงที่
เมืองฮันตง

ขณะนั้นพระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเจ็ดสิบแปดพรรษา พระเจาเลาเสีย ้ นเสวยราชสมบัตใิ น


แควนจกไดสิบสามป พระเจาโจยอยเสวยราชยในแควนวุยไดเกาป พระเจาซุนกวนเสวยราชยในแควนงอ
ไดสิบป ตางฝายตางเปนอิสระแกกัน และมุงพัฒนาบานเมืองโดยมิไดทาํ สงครามแกกัน สันติภาพจึง
กลับคืนสูแ
 ผนดินจีนอีกครั้งหนึง่

สามกกฉบับภาษาจีนระบุวา ในปพุทธศักราชเจ็ดรอยเจ็ดสิบแปดนั้น พระเจาเลาเสี้ยนเสวยราชยไดสิบสาม


ป พระเจาโจยอยเสวยราชยไดสามป พระเจาซุนกวนเสวยราชยไดเกาป เหตุทรี่ ะยะเวลาการเสวยราชย
ของพระเจาโจยอยและพระเจาซุนกวนแตกตางกันเกิดจากการนับเวลาการเสวยราชยที่ตั้งตนตางกัน สาม
กกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) นับวันตั้งตนจากวันเสวยราชยครั้งแรก แตสามกกฉบับภาษาจีนนับวันตัง้
ตนจากวันที่พระเจาโจยอยและพระเจาซุนกวนเปลี่ยนศักราชใหม หลังจากตั้งศักราชในครัง้ แรกแลว แต
เมื่อนับเวลาที่เสวยราชยตั้งแตตนก็จะตรงกันทั้งสามกก

แผนดินสามกกในยามวางศึก ภาวะสันติภาพไดแผปกคลุมทัว่ สามแควน แตเปนภาวะสันติภาพทีค


่ ั่นกลาง
ยุคสงครามชวงกอนหนานี้กับชวงหลังจากนี้ ขับเคลื่อนใหสามกกกาวเขาสูยค
ุ ปลาย

สถานการณดังนี้ยอมมีเหตุและปจจัยทีแ
่ นนอน ใชวาสันติภาพจะเกิดขึ้นอยางเลื่อนลอยก็หาไม

ประการแรก สงครามไมอาจดําเนินตอเนื่องไปชั่วนิรันดร เมือ ่ มีสงครามแลวยอมมีวันเวลาทีส ่ งครามสิ้นสุด


บังเกิดภาวะที่สงบสุขและสันติภาพขึ้น สันติภาพเกิดขึ้นแลวก็ไมอาจจีรังยัง่ ยืนเปนนิรันดรดุจกัน และเมือ ่
สันติภาพสิ้นสุดลงสงครามก็ยอมเกิดขึ้น กฎแหงสงครามและสันติภาพแตครั้งประวัตศ ิ าสตรเนื่องมาจนถึง
ปจจุบันและทีจ ่ ะทอดไปสูอนาคตยอมเปนไปเชนนี้ ดังนั้นใครใดที่เพอฝนวาโลกจะมีสันติภาพนิรันดร สิ้น
แลวซึ่งสงครามยอมเปนความเพอฝนอันไมมีรากฐานแหงประวัติศาสตรและความเปนจริงรองรับ นับเปน
การตั้งอยูใ นความประมาท อาจนําพาชาติไปสูความลมจม และตกเปนเมืองขึ้นของอีกชาติหนึ่งไดโดยไม
ทันรูต
 ัว

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 80

ประการทีส่ อง สันติภาพที่บังเกิดขึ้นชั่วคราวนั้นเปนผลตอเนื่องจากประวัตศ
ิ าสตรสงครามของสามกก ทีแ
่ ต
ละกกตางก็มีความจําเปนและตกอยูในสภาพบังคับที่ไมอาจทําสงครามได

ฝายจกกกหลังจากสิ้นขงเบงแลว ความโศกเศราเสียใจและความประหวั่นพรั่นพรึงไดบังเกิดขึ้นทั่วทัง้
แควน เพียงแคพระเจาซุนกวนใหยกกองทัพไปตั้งที่เมืองปากิ๋ว พระเจาเลาเสี้ยนก็ตกพระทัย สภาพจิตใจ
ของชาวจกกกตั้งแตดินถึงฟาไมอยูในสภาพที่พรอมจะทําสงคราม ในทางการเมือง แมเจียวอวนไดครอง
ตําแหนงมหาอุปราช แตเจียวอวนก็ไมชํานาญการสงคราม คุนก็แตการปกครองการบริหารราชการแผนดิน
หวังความสงบเปนที่ตั้ง มิไดทอดสายตาไปยาวไกล และไมไดสืบทอดอุดมการณที่จะรวบรวมแผนดินเขา
เปนหนึ่งเหมือนกับพระราชปณิธานของพระเจาเลาปและความตั้งใจของขงเบง

ในทางการทหาร แมจะมีเกียงอุยเปนผูบัญชาการทหารสูงสุด มีสติปญญาความสามารถทางการบัญชาหาร


และไดรับถายทอดสรรพวิทยาการจากขงเบง มีฐานะประหนึ่งเปนทายาทโดยตรงของขงเบง แตก็ยังเปน
ขุนนางหนาใหมของราชสํานัก ยังไมมีบารมีและอํานาจทางการเมืองที่จะผลักดันการสงครามใหเปนไป
ตามปณิธานของขงเบงได ประกอบทั้งจกกกไดอยูในภาวะสงครามตลอดมา แมวาจะมีความอุดมสมบูรณ
ทั้งไพรพลและเสบียงอาหาร แตสงครามก็ไดทําใหไพรพลและเสบียงอาหารนั้นรอยหรอลง จําตองซองสุม
บํารุงไพรพลและซองสุมเสบียงใหเพียงพอตอไป

ฝายวุยกกแมจะครองดินแดนตงงวนซึ่งอุดมสมบูรณ และเปนศูนยกลางการปกครองแผนดินจีนมาตั้งแต
ราชวงศฮั่นไดสถาปนามากวาสีร่ อยป แตตลอดระยะเวลาอันยาวนานวุยกกก็อยูในสถานการณสงครามไม
เคยหยุดหยอน กําลังพลและเสบียงอาหารก็รอ  ยหรอ จําเปนตองซองสุมบํารุงกันใหม ยิ่งสงครามหกครั้งที่
กระทํากับขงเบง แมจะสามารถรักษาบานเมืองเอาไวได แตบรรดาขุนทหารตั้งแตนายถึงไพรลวนทอถอย
ทอแทเบื่อหนายการสงคราม ยิ่งการจะยกไปรุกจกกกหรืองอกกดวยแลวยิ่งยากลําบาก ประกอบทั้ง
สถานการณทางการเมืองภายในก็มีการแกงแยงแขงขันกันอยางรุนแรง

หลังสิ้นขงเบงแลวประหนึ่งวาสุมาอี้จะเปนผูมสี ติปญ
 ญาเปนเลิศในแผนดิน แตสุมาอี้ก็ถก
ู สาปดวยคําตรัส
ของพระเจาวุยอองโจโฉวาคนผูนี้หากมีอํานาจทางการทหารแลวก็จะคิดการกบฏ จึงเปนทีห ่ วาดระแวงของ
ราชสํานักวุยและบรรดาขุนนางผูใหญไดอาศัยคําสาปนี้กีดกันความกาวหนาในทางราชการของสุมาอี้มิได
ขาด เสร็จศึกกับขงเบงแลวแทนที่สม ุ าอี้จะไดครองอํานาจทางการทหารเหมือนยามสงคราม กลับถูก
เวนคืนอาญาสิทธิ์และอํานาจทางการทหาร เหลือแตเพียงตําแหนงขุนนางฝายทหารที่ไมอาจบังคับบัญชา
ไพรพลไดเหมือนครั้งกอนๆ มา วุยกกจึงไมอยูในสภาพที่จะทําสงครามไดเชนเดียวกัน

ฝายงอกกนั้นเลา ในทางการเมืองมีพื้นฐานทางความคิดของชาวภาคใตที่มุงหนาแตการทํามาคาขาย
ตองการสันติภาพและความสงบสุขเปนรากฐาน กอเปนรูปการจิตสํานึกใหชาวงอกกตั้งแตพระเจาซุนกวน
ลงมาจนถึงไพรทหารไมใฝในการสงคราม สวนในทางการทหาร แมวางอกกจะวางเวนภาวะสงครามมา
นาน เพราะหลังจากสงครามเซ็กเพ็กมาถึงสงครามกับพระเจาเลาปซึ่งเปนสงครามขนาดใหญแลว แมจะมี
สงครามประปรายกับพระเจาโจผีและพระเจาโจยอยบางก็เปนสงครามขนาดเล็ก แตทเี่ สียหายมากก็คือ
สงครามที่ รวมมือกับขงเบงยกกองทัพเปนสามสายบุกวุยกกแลวถูกทําลายกองทัพบก กองทัพเรืออยาง
ยอยยับจนตองลาทัพกลับคืนเมืองกังตั๋ง กําลังคนและเสบียงอาหารจึงออนลาอิดโรยลงเชนเดียวกัน

ลกซุนผูเปนแมทัพใหญ แมจะมีสติปญญาความสามารถคิดอานการสงครามใหลิบองเอาชนะกวนอู และ


บัญชากองทัพสูรบกับพระเจาเลาปจนมีชยั ชนะครั้งใหญ แตลกซุนเองก็เปนบัณฑิตฝายพลเรือน ไมรักการ
สงคราม ความรูในพิชัยสงคราม ประสบการณและความสามารถแมมอ ี ยูเปนอันมากก็มีลักษณะเชิงรับ
สามารถทําสงครามเชิงรับไดอยางดียิ่ง แตในสงครามเชิงรุกกลับออนดอยยิ่งนัก ดังไดประจักษฝมือใน
สงครามที่รวมมือกับจกกกแลวปราชัยอยางยับเยิน ดังนั้นภาวการณทางการเมืองการทหารและรูปการณ
จิตสํานึกของงอกกจึงไมพรอมที่จะทําสงครามเชนเดียวกัน

เพราะเหตุนท ี้ ั้งสามกกจึงตางไมพรอมทีจ
่ ะทําสงคราม ไมมก
ี กใดคิดอานกอสงครามครั้งใหมขึ้น ตางฝาย
ตางคุมกําลังซองสุมบํารุงผูคนและเสบียงอาหารอยูใ นแควนตน สันติภาพจึงบังเกิดขึ้นดังนี้

หนังสือพิมพผูจัดการออนไลน http://www.manager.co.th

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 81

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

เภทภัยของยาขม (ตอนที5
่ 81)

หลังขงเบงถึงแกความตายทั้งสามกกตางตกอยูในสภาพที่ไมพรอมรบ แตละกกจึงไมกลากอสงคราม ทํา


ใหภาวะสันติภาพชั่วคราวบังเกิดขี้น เพราะเหตุที่บานเมืองสงบสุขสันติดังนั้นลัทธิเสพสุขจึงบังเกิดขึน

โดยทั่วไป การบริโภคสวนเกินในทุกปริมณฑลไดขยายตัวไปอยางกวางขวางในทุกกก

ฝายวุยกกพระเจาโจยอยไดแปรพระราชฐานมาประทับที่เมืองฮูโต และไดโปรดเกลาแตงตั้งใหสุมาอี้เปนที่
มหาอุปราช แตใหมีอํานาจทางการทหารเฉพาะการดูแลปองกันแนวชายแดน และใหเนนในการระมัดระวัง
ชายแดนดานเมืองเสฉวน จึงตรัสสั่งใหสุมาอี้ไปตั้งกองบัญชาการอยูท
 ี่เมืองลกเอี๋ยง

สุมาอี้รับตําแหนงแลวจึงถวายบังคมลาพระเจาโจยอยออกไปอยูเมืองลกเอี๋ยง

เพราะเหตุที่บานเมืองวางศึกสงคราม พระเจาโจยอยจึงทรงมีพระราชปรารภวาเกิดมาเปนพระมหากษัตริย
อันประเสริฐ หากไมไดสรางสรรคสิ่งไรไวประดับพระบารมี วันเวลาลวงไปเบื้องหนาพระนามของพระองคก็
จะเลือนหายไปในประวัติศาสตร ดังนั้นเพื่อธํารงพระนามของพระองคใหจีรังยั่งยืนตราบสิ้นฟาดินสลาย จึง
มีพระราชดําริใหสรางพระราชวังแหงใหมขึ้นในเมืองลกเอี๋ยง

เมื่อมีพระราชดําริดังนั้นจึงตรัสสั่งใหขุนนางตําแหนงเจากรมโยธาชื่อมากิ้นเปนแมกอง ทําการกอสราง
พระราชวังแหงใหมใหยิ่งใหญตระการตาเสมอดวยพระราชวังของพระเจาจิน ๋ ซีฮองเต ใหทําการกอสราง
อยางเรงรีบ แมจะใชงบประมาณแผนดินเทาใดก็ไมทรงจํากัด เพื่อการนี้ทรงตรัสสั่งใหมากิน ้ ระดมชางฝมือ
ทั่วแผนดินกวาสามหมื่นคน และเกณฑราษฎรอีกกวาสามสิบหมืน ่ ไปทําการกอสรางทั้งกลางวันและ
กลางคืน เรงใหพระราชวังใหมแลวเสร็จโดยเร็วทีส ่ ุด

สามกกฉบับสมบูรณระบุวา พระราชวังแหงใหมนี้พระเจาโจยอยตรัสสั่งใหสรางขึ้นที่เมืองฮูโต โดยให


กอสรางใหมทั้งกําแพงเมือง เชิงเทิน คูเมือง ปราสาทพระราชวัง และพระตําหนักตางๆ สําหรับปราสาทนัน ้
กําหนดสูงถึงยีส่ ิบวา

สามกกฉบับภาษาจีนระบุวา พระราชวังแหงใหมนี้พระเจาโจยอยตรัสสั่งใหสรางเปนพระราชวังหลวงแหง
หนึ่ง พระราชวังสําหรับที่ประทับในฤดูรอนอีกแหงหนึ่ง มี พระที่นั่งขนาดใหญในพระราชวังแตละแหง
สําหรับเปนที่วา ราชการสูงยี่สิบวา กวางสามสิบวา ยาวหาสิบวา และพระตําหนักขนาดเล็กสําหรับขาใน
พระองคทั้งฝายหนาฝายในกวาหนึ่งพันหลัง สําหรับพระราชวังที่ประทับในฤดูรอนนั้นตรัสสั่งใหขุดสระน้ํา
กวางสิบเสนยาวยี่สิบเสน มีคูน้ําเชื่อมจากสระกับคูรอบพระราชวัง ใหสรางหอสูงเจ็ดชั้นสําหรับประทับ
ทอดพระเนตรความงามของพระราชวัง พระราชทานนามพระราชวังใหญวาพระราชวังสุรย ิ ันสถิต
พระราชวังที่ประทับในฤดูรอนวาเริงจิตหฤหรรษ พระราชทานนามพระที่นั่งใหญอันเปนที่วา ราชการวาพระที่
นั่งทวยราษฎรภักดี พระตําหนักใหญในพระราชวังที่ประทับในฤดูรอนวาพระตําหนักมณีพม ิ าน พระราชทาน
นามสําหรับหอสูงเจ็ดชั้นวาหอจักรวาลทัศนา พระราชทานนามสําหรับสระใหญวาเกามังกรกมลาลัย
พระราชวัง พระที่นั่ง พระตําหนัก และหอสูงใหมุงหลังคาดวยกระเบื้องพิเศษสีเหลืองสําหรับ
พระมหากษัตริย พื้นปูหินภูเขาพิเศษสีแดงลวน กําแพงทาสีปูนแดง ตามผนังและเพดานวาดลวดลาย
ประดิษฐจําลองเรื่องราวในประวัติศาสตร มุขและหนาบรรณแกะสลักดวยไมงดงามวิจต ิ ร ใหเกณฑเอาไม
และอุปกรณการกอสรางมาจากหัวเมืองทั้งปวง

ทรงกําชับมากิน ้ ใหเรงการกอสรางใหแลวเสร็จภายในสิบแปดเดือน หากลาชากวากําหนดก็จะลงโทษ


ประหารชีวิต มากิ้นเกรงพระราชอาญาจึงเรงการกอสรางทัง้ วันคืน ครัน
้ การกอสรางผานไปหกเดือนมากิ้น
เกรงวาการกอสรางจะไมแลวเสร็จตามกําหนด จึงขอ พระบรมราชานุญาตใหเกณฑทหารเลวและขุนนาง
ผูนอยเพิ่มเติมอีกสิบหมื่นไปทําการกอสราง พระเจาโจยอยก็ทรงโปรดอนุญาตตามที่ทล ู ขอทุกประการ

ขุนนาง ทหาร และราษฎรทั้งที่ถูกเกณฑมาทําการกอสรางและทั้งทีถ ่ ูกเกณฑเอาวัสดุสิ่งของตางๆ พากัน


เดือดรอนทุกหยอมหญา เสียงครหานินทากึกกองกังวานไปทั้งแควนวุย บรรดาชางและคนทํางานทั้งปวง
หากปวยเจ็บก็ไมอนุญาตใหพก
ั และตองทํางานเพื่อใหงานแลวเสร็จตามกําหนด ผูคนลมตายเจ็บปวยเปน
อันมาก มีลักษณาการอยางเดียวกันกับเมื่อครัง้ ที่พระเจาจิ๋นซีฮองเตทรงสรางกําแพงเมืองจีน

ฝายตังสิมขุนนางฝายบุนผูภ
 ักดี ไดยินคําครหานินทาทีด
่ ังกองกระหึ่มและไดทราบความเดือดรอนของผูคน
ทั้งปวงก็มีน้ําใจสงสาร ทั้งๆ ที่ทราบวาการคัดคานทัดทานหามปรามนั้นผลรายมีแตจะเกิดกับตัว ก็ยังคง
ปรึกษาดวยเพื่อนขุนนาง แตทุกคนไดตอบเปนเสียงเดียวกันวาเวลานี้น้ําเชี่ยวจัดนัก หากเอาเรือเขาไป
ขวางก็มีแตจะลมจมลงเปนแนแท ตางคนจึงตางพากันนิ่งเฉย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 82

ตังสิมเห็นดังนัน
้ ก็โกรธ รําพึงในใจวาคนทั้งปวงลวนแตรักตัวกลัวตาย คิดถึงแตความสุขสวนตัว ไมคิดถึง
ความเดือดรอนของอาณาประชาราษฎรและความฉิบหายของบานเมือง เพราะบานเมืองนั้นแมจะวางเวน
ศึกแตการพัฒนาบานเมืองก็ยังคงตองดําเนินตอไปเพื่อความรมเย็นเปนสุขของอาณาประชาราษฎร การที่
ฮองเตระดมเงินจากทองพระคลังหลวงและวัสดุอุปกรณ ตลอดจนแรงงานจํานวนมหาศาลมาทําการ
กอสรางซึ่งไมสรางผลผลิต ทําใหแผนดินขาดแคลนซึ่งเงินลงทุนในการพัฒนาประเทศ ทําใหประเทศตอง
ออนแอลาหลัง ประวัตศ
ิ าสตรไดใหบทพิสจ
ู นแจมแจงแลววาหากทุมเทงบประมาณไปใชในการกอสราง
ถาวรวัตถุที่ไมเพิ่มผลผลิต อาณาจักรนั้นๆ ยอมถึงวันดับสูญ ตัวอยางมีใหเห็นเปนอันมาก เวลาบัดนีผ
้ ูคน
เดือดรอนทั้งแผนดิน ซึ่งตัวเราจะมาคํานึงถึงความสุขสวนตัว คิดเอาตัวรอดยอมไมชอบ แตการซึ่งจะนํา
ความกราบบังคมทูลคัดคานนั้นเลาดีรายโทษตายก็จะมาถึงตัว

ตังสิมคิดไปคิดมาเปนหลายวัน ในที่สด ุ ก็ตัดสินใจแตงฎีกาขึน


้ ฉบับหนึ่งใจความวานับแตศก ั ราชเจี้ยนอันมา
จนถึงบัดนี้ แผนดินเกิดจลาจลเปนสงครามตอเนื่องยาวนาน ราษฎรบานแตกสาแหรกขาด ควรทีจ ่ ะฟนฟู
พัฒนาประเทศชาติใหเจริญรุงเรืองกาวหนา ทําใหชาวนาชาวไรมีสภาพชีวต ิ ความเปนอยูแ  ละรายไดที่ดีขน ึ้
เพิ่มผลผลิตของประเทศชาติ สรางสรรครายไดใหกับประเทศ และนําไปสูการพัฒนาตอไป ไมชอบที่จะ
ลงทุนในการกอสรางถาวรวัตถุที่มิไดใหผลตอบแทนบังเกิดแกราษฎร การกอสรางครั้งใหญในแผนดินนี้
ประเทศชาติตองสูญเสียงบประมาณและทรัพยากรนับไมถวนขุนนางและทหารถูกย่าํ ยีเกียรติยศ ลดฐานะ
ลงไปทําหนาทีแ ่ บกหาม ไมชอบดวยธรรมเนียมแตโบราณมา ขงจื๊อไดกลาวไววาใชขุนนางตองใหเกียรติ
รับใชฮองเตตองถวายความจงรักภักดี ดังนีแ ้ ลวพระราชอาณาจักรก็จะมั่นคงมั่งคั่ง ขาพระองคทราบดีวา
การกราบบังคมพระกรุณาเพื่อใหระงับการกอสรางยอมมีโทษถึงตาย ถึงกระนั้นก็ไมอาจทนไดยน ิ ไดฟง
เสียงร่ําไหของราษฎรทั้งปวงได จึงขอเอาชีวิตเปนเดิมพันดวยใจมั่นภักดีตอพระองค ถือวายาขมยอมมี
ประโยชนตอการรักษาโรค คํากราบทูลที่ไมตอ  งพระทัยยอมมีประโยชน จึงขอกราบบังคมทูลความซึ่งอาจ
ไมตองพระทัย ใหทรงระงับยับยั้งการกอสรางเอาไวกอน ใหราษฎรไดประกอบสัมมาอาชีพโดยปกติสุข ให
ทหารและขุนนางไดทําราชการสนองพระคุณเพื่อความผาสุขของราษฎรแทนการแบกหาม อนึ่งเลาแม
แผนดินวางศึกก็ไมอาจไววางใจได หากขาศึกรูก็อาจจะยกกองทัพมาย่าํ ยี แผนดินก็จะเปนอันตราย ขอได
ทรงพระกรุณาวินิจฉัย ดวยเกลาดวยกระหมอม

ครั้นถึงวันที่พระเจาโจยอยเสด็จออกวาราชการ ตังสิมจึงนําฎีกาขึ้นทูลเกลาถวายแลวคุกเขาหมอบถวาย
บังคมอยูเบื้องหนาพระราชบัลลังกประหนึ่งเตรียมตัวพรอมรับความตาย

พระเจาโจยอยรับฎีกาของตังสิมมาอานตลอดแลว จึงพระราชทานฎีกาของตังสิมใหแกราชเลขาธิการ แต


ไมไดทรงตรัสประการใด

ครั้นเสด็จขึ้นแลวบรรดาขุนนางตางแปลกใจวาเหตุไฉนฮองเตทอดพระเนตรฎีกาของตังสิมแลวจึงมีพระ
อาการไมพอพระทัย จึงพากันไตถามความจากราชเลขาธิการ ครั้นทราบความแลวตางคนตางสายศีรษะ
แลวกลับไปเรือน

ตอมาขุนนางหลายคนซึ่งบางคนไมพอใจตังสิมมาแตเดิม บางคนเปนพวกชางเพ็ดทูลเพื่อเอาความชอบ
ไดพากันเขาไปเฝาพระเจาโจยอยเปนการสวนพระองค แลวกราบบังคมทูลวาซึ่งตังสิมบังอาจคัดคาน
พระราชดํารินั้นเปนการลวงพระราชอาญา และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทําตัวเปนผูรส
ู ั่งสอนฮองเต พึงมี
โทษถึงตาย ขอใหพระองคทรงลงพระอาญาประหารชีวิตตังสิมเสีย

พระเจาโจยอยแมจะขุนพระทัยตังสิม แตก็ยงั คงเปนพระมหากษัตริยท  รี่ ูผด


ิ ชอบ พอไดฟงคําขุนนางดังนัน

จึงตรัสวา “ตังสิมเปนคนเกา มีความชอบอยู ซึ่งจะฆาเสียนั้นไมได”

แตใจคนไหนเลยจะทนน้ําคําเพ็ดทูลของขุนนางจําพวกลิ้นยาวได พระเจาโจยอยไดฟงคําเพ็ดทูลของขุน
นางเหลานั้นอีกพักใหญก็ทรงพระโกรธ ตรัสสั่งใหถอดตังสิมออกจากขุนนางลงเปนไพร และใหไปทําการ
กอสรางพระราชวังกับราษฎรทั้งปวง

เมื่อถอดตังสิมออกจากตําแหนงแลว พระเจาโจยอยเกรงวาจะมีขุนนางอื่นคัดคานทัดทานใหระงับการ
กอสรางอีก จึงตรัสสั่งใหออกหมายประกาศทั่วไปวาถาผูใดนําความมากราบทูลใหระงับยับยั้งการกอสราง
อีกจะถือเปนความผิดฉกรรจ และจะลงโทษประหารชีวต ิ

ฝายเตียวบอซึ่งเปนเพื่อนเรียนหนังสือมากับพระเจาโจยอยเมือ
่ ครั้งยังทรงพระเยาวและไดรบ
ั ราชการเปน
ขุนนาง ไดยน ิ คําครหานินทาตําหนิติเตียนพระเจาโจยอยวาทรงคิดแตความสุขและชื่อเสียงสวนพระองค
ไมคํานึงถึงความเดือดรอนของราษฎรและความเสียหายของบานเมือง ก็เกรงวาสหายตนจะไดรับอันตราย
เพราะคิดวาอํานาจของฮองเตนั้นอุปมาดั่งแผนฟา สูงสงสงางามไดก็เพราะแผนดินคืออาณาประชาราษฎร

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 83

ฟาปกดินแตดินก็เทิดฟา หากอาณาประชาราษฎรไมยินยอมพรอมใจ ฮองเตก็ไมอาจปกครองแผนดินได


และคิดวาเคยเปนสหายรวมเรียนหนังสือกันมาแตนอย แมจะมีหมายรับสั่งคาดโทษฉกรรจไวก็คงจะไดรบ

การผอนผันอภัยโทษให

เมื่อหวงกังวลพระเจาโจยอยดังนี้แลว เตียวบอจึงเขาไปเฝาพระเจาโจยอย และกราบทูลถวายฎีกาใหทรง


ระงับดับทุกขเข็ญของบานเมืองและราษฎรดวยการระงับการกอสรางพระราชวังเอาไวกอน

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบทูลของเตียวบอก็ทรงพระพิโรธดั่งกองเพลิงถูกสาดดวยน้าํ มัน พระเจาโจยอย


ไมตรัสตอบเตียวบอแมแตสักคําเดียว กลับตรัสสั่งใหทหารจับตัวเตียวบอเอาไปตัดศีรษะในทันที

อนาถหนอเตียวบอและตังสิมที่มุงถือเอาความจงรักภักดีและหวงหาอาทรตอผูเปนนาย หลงคิดวายาขม
แลวจะรักษาโรคไดเสมอไป หาไดคิดไมวาหากคนไขไมยอมดื่มยาแลวพาลโกรธ เอาถวยยาทุบศีรษะหมอ
ก็ยอมถึงตายไดเชนเดียวกัน นี่แหละที่โบราณวาไววาอันพระมหากษัตริยนั้นดุจดังดวงอาทิตย แมจะยัง
สรรพชีวต ิ ใหดําเนินไปแตก็อาจเผาผลาญสิ่งทัง้ หลายใหมอดมลายไดในพริบตา ความผูกพันสนิทสนม
แนนแฟนกับผูม  ีอํานาจในอดีตนั้นยอมเปนเรือ
่ งของอดีต ไมอาจยึดถือมาผูกพันสนิทสนมแนนแฟนในยาม
มีอํานาจในปจจุบันได หากใครหลงยึดถือวาปจจุบันเปนเหมือนกับอดีตก็ยอ  มมีอนาคตที่เปนเชนเดียวกับ
เตียวบอและตังสิมนั่นแล

หลังจากประหารชีวต ิ เตียวบอแลวพระเจาโจยอยก็รูสึกเสียพระทัย เพราะทรงรูดีวาเตียวบอนั้นเปนสหาย


สนิทรวมสํานักมาแตนอยนาจะรูน้ําใจดี ไมชอบที่จะมาขัดขวางทัดทานใหขัดอัชฌาสัย แตก็ทรงคิดวาสิง่ ที่
เตียวบอกราบทูลนั้นหาใชประโยชนใดของเตียวบอไม หากเปนไปเพื่อประโยชนของพระองคโดยแท รูส  ึก
ดังนั้นแลวพระเจาโจยอยก็สงสัยวาที่มา กิ้นทํารายงานกราบทูลตลอดมาวาคนทั้งปวงมีความจงรักภักดี จึง
ตั้งหนาทําการกอสรางสนองพระคุณดวยความยินดีนั้นจะเปนจริงหรือไฉน

พระเจาโจยอยจึงตรัสสั่งใหเรียกมากิ้นมาสอบถาม หวังจะทราบความจริงทีเ่ ปนไปในการกอสราง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

โจยอยกําเริบใจ (ตอนที5
่ 82)

พระเจาโจยอยตองการสรางพระราชวังและพระตําหนักเพื่อเปนอนุสรณแหงประวัตศ ิ าสตรของพระองคให
ยิ่งใหญเสมอดวยพระราชวังของพระเจาจิ๋นซีฮองเต ทําใหบานเมืองตองเสียงบประมาณและทรัพยากร
จํานวนมาก ราษฎรเดือดรอนทุกหยอมหญา ขุนนางผูภักดีสองคนไดกราบบังคมทูลทัดทานกลับถูก
ลงโทษ แตทาํ ใหเฉลียวพระทัยแลวเรียกแมกองงานกอสรางเขามาสอบถาม

มากิ้นแมกองงานกอสรางจึงกราบทูลวา คนทั้งปวงซึ่งมาสนองพระเดชพระคุณทําการกอสรางในครั้งนี้ลว น
เต็มใจและปลื้มใจที่ไดทาํ การถวายฮองเต หลายคนไดมีหนังสือมาแจงวาเปนวาสนาที่ไดทําการครั้งนี้
เพราะจะเปนอนุสรณใหชนรุนหลังไดประจักษถึงความรุงเรืองแหงพระราชอาณาจักร จึงเต็มใจยอมเหนือ ่ ย
ยากลําบาก แมถึงตายก็ไมเสียดายแกชวี ิต เพราะถึงแมจะไมไดทําการอันยิ่งใหญนี้ก็ตองตายอยูนน
ั่ เอง สู
สรางผลงานอันยิ่งใหญฝากไวกับคนรุนหลังจะดีกวา

มากิ้นไดเอาหนังสือทีห่ ัวเมืองตางๆ สงอุปกรณและขาวของมารวมการกอสรางซึ่งลวนมีความวาเต็มใจ


สนองพระเดชพระคุณทั้งสิ้น แลวกราบทูลวาซึ่งคําคนยุยงวาราษฎรไดความเดือดรอนนั้นมีมาแตนา้ํ จิต
ริษยา ขอพระองคอยาไดเชือ ่ ฟง อนึ่งเลาแมมีแรงงานไพรถึงแกความตายไปบางก็เปนไปตามอายุขย ั
เพราะเปนธรรมดาทีค ่ วามตายยอมมาถึงไดทก ุ เมื่อ ไมวาหนุมชะแลแกชราประการใด ซึ่งพระองคตรัสสั่งให
ทําการกอสรางครั้งนี้จะเปนผลงานชิ้นประวัตศ ิ าสตรที่ไมอาจลืมเลือนไดตราบชั่วกัลปาวสาน

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบทูลของมากิ้นก็ตองพระทัย และมั่นใจวาโครงการกอสรางที่ตรัสสั่งใหทาํ นั้น


เปนประโยชนใหญแกบานเมือง จึงรับสั่งกับมากิ้นตอไปวาเราไดยินคําซินแสแตโบราณกลาวไววา ถาได
สรางหอสูงเสียดฟา ตั้งการพิธีบวงสรวงบูชาเทพยดาแลว ก็จะมีอายุขัยทีย ่ ั่งยืนยาวนาน เจาเคยไดยน

ความนี้บางหรือไม

มากิ้นไดฟงคําพระเจาโจยอยดังนั้นก็เขาใจในพระราชประสงควาทรงเกรงกลัวตอความตาย ปรารถนาจะมี
พระชนมายุยั่งยืนยาวนาน เปนโอกาสทีจ ่ ะสรางความชอบไวแกตัว จึงกราบทูลวาในยุคตนราชวงศฮั่นมี
ฮองเตเสวยราชยถึงยีส่ ิบสี่พระองค ในจํานวนนี้พระเจาฮั่นบูเ ตทรงเสวยราชยยาวนานทีส ่ ุดและมีพระชนมา
ยุมากทีส่ ุด ขาพระองคไดทราบมาวาเหตุที่เปนเชนนั้นเนื่องจากพระเจาฮั่นบูเตเมื่อครั้งที่ประทับอยูที่พระ
ตําหนักสันติสุข ไดโปรดใหสรางหอสูงเจ็ดชั้นพระราชทานนามวาหอวนากาศ ทรงโปรดใหหลอรูปคน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 84

ทองแดงตั้งไวบนยอดหอ ในมือรูปหลอถือถาดทองสําหรับรองน้ําทิพยซึ่งประทานจากเทพดาวไถจาก
สรวงสวรรค ทุกเวลายามสามจะมีน้ําปริ่มอยูใ นถาดทอง พระเจาฮั่นบูเตโปรดใหเอาหยกงามและมุกเม็ด
สมบูรณบดเปนผง แลวใชน้ําในถาดทองนั้นเปนกระสัยยาทําเปนยาอายุวฒ ั นะ โบราณวามีสรรพคุณทําให
ผูชรากลับกลายเปนคนหนุม ชอบทีพ ่ ระองคซึ่งมีบญ
ุ ญาธิการจะไดทําการตามแบบอยางของพระเจา
ฮั่นบูเตก็จะมีพระชนมายุยืนนานเปนหมื่นป เปนหลักชัยของบานเมืองสืบไป

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบทูลตองดวยพระทัยจึงทรงชื่นชมยินดี แลวตรัสถามมากิน
้ วาบัดนี้รูปมนุษย
ทองแดงที่พระเจาฮั่นบูเตทรงหลอไวนั้นอยูที่ไหน เจารูหรือไม

มากิ้นจึงกราบทูลวาขาพระองคทราบวารูปมนุษยทองแดงนี้ยงั คงอยูที่เมืองเตียงอัน และมีความสมบูรณ


ทุกประการ

พระเจาโจยอยจึงตรัสสรรเสริญมากิ้นวามีความรอบรูการแผนดินในประวัตศ
ิ าสตรเปนอันมาก ซึ่งกราบทูล
ความทั้งนี้หากสําเร็จจริงแลวก็จะมีความชอบใหญหลวง แลวจึงตรัสสั่งใหมากิ้นคุมพลหมื่นคนรีบเดินทาง
ไปเมืองเตียงอันเพื่อรื้อถอนรูปหลอมนุษยทองแดงจากหอวนากาศ เพื่อเอามาประดับไวที่พระราชอุทยาน
ซึ่งโปรดใหสรางขึ้นในพระราชวังใหญแหงใหม และใหรีบเดินทางไปทําการตามรับสั่ง

มากิ้นถวายบังคมลาพระเจาโจยอยแลว กลับไปจัดแจงไพรหมื่นคนรีบเดินทางไปเมืองเตียงอัน ใหสราง


นั่งรานโดยรอบหอวนากาศซึ่งมีความสูงถึงยีส่ ิบกวาวา เสากลางของหอนี้ทําดวยทองแดงขนาดใหญ
เทากับสิบคนโอบ แลวใหตั้งปน
 จั่นขนาดใหญถึงสิบตัวยกมนุษยทองแดงลงจากหอสูงเจ็ดชัน

มากิ้นใชเวลาเกือบครึ่งเดือนจึงยกรูปหลอมนุษยทองแดงออกจากหอวนากาศไดสําเร็จ แตเมื่อยกรูปหลอ
ลงถึงพื้นมากิ้นและไพรทหารเลวทั้งปวงตางพากันตกใจ เพราะไดเห็นใบหนาของมนุษยทองแดงนั้นมี
น้ําตารินไหลออกมาจากเบาตาเหมือนหนึ่งจะรองไห

มากิ้นและทหารเลวทั้งปวงพากันคุกเขากราบไหว ในทันใดนั้นก็บังเกิดพายุหมุนพัดดินฝุน
 เปนวงตรงมาที่
รูปหลอมนุษยทองแดง อสุนีบาตไดฟาดเปรี้ยงปรางสะเทือนสะทานไหวไปทั่วบริเวณ หอวนากาศ
พังทลายลงทับไพรทหารเลวบาดเจ็บลมตายหลายพันคน

อีกพักใหญลมฟาก็สงบเปนปกติลง มากิ้นจึงสั่งใหเอาศพของไพรทหารฝงไวขางหอวนากาศนั้น แลวเรง


ทหารชางใหตอ  รถลากขนาดใหญมีแปดลอ เสร็จแลวยกรูปหลอมนุษยทองแดงขึ้นบนรถลากรีบขนกลับไป
เมืองลกเอี๋ยง แลวกราบบังคมทูลความใหพระเจาโจยอยทรงทราบทุกประการ

พระเจาโจยอยไดฟงเหตุอันเปนนิมิตดังนั้นก็ไมสนพระทัย ตรัสถามวาเมื่อหอวนากาศพังทลายลงดังนี้แลว
เสาทองแดงนัน้ เหตุไฉนจึงไมขนมาเมืองลกเอี๋ยง

มากิ้นจึงกราบทูลวา เสาทองแดงมีขนาดใหญมาก มีน้ําหนักถึงรอยหมื่นชัง่ ไมอาจชักลากมาเมืองลกเอี๋ยง


ได

พระเจาโจยอยจึงตรัสวา เราเปนจักรพรรดิแหงแผนดิน เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ยอมไดดังประสงค ความ


ยากลําบากใดๆ ไมอาจขัดขวางความประสงคของเราได ใหทานเกณฑผูคนไปลากขนเอาเสาทองแดง
กลับมาเมืองลกเอี๋ยงใหจงได

มากิ้นจึงกราบทูลวา พระองคทรงมีพระปรีชาสามารถ ขาพระองคจะรีบดําเนินการตามรับสัง่ กราบทูลแลว


มากิ้นจึงถวายบังคมลาพระเจาโจยอยกลับไปจัดแจงผูค นแลวยกไปเมืองเตียงอันอีกครั้งหนึ่ง ทําลอเลื่อน
ขนาดใหญสองตอนยาวสิบแปดวาบรรทุกเสาทองแดงซึ่งเปนเสาเอกของหอวนากาศชักลากกลับมาเมือง
ลกเอี๋ยง แลวเขาไปกราบบังคมทูลใหพระเจาโจยอยทรงทราบ

พระเจาโจยอยทราบความตามคํากราบทูลแลวก็มีพระทัยยินดี เสด็จไปทอดพระเนตรเสาทองแดงและรูป
หลอมนุษยทองแดงถึงบริเวณที่กอสรางดวยความปลาบปลืม ้ พระทัย หลังจากทรงพินจ ิ พิจารณาอยูค
 รูห
 นึ่ง
จึงตรัสสั่งใหมา กิ้นหลอมเสาทองแดงนั้นหลอเปนรูปทหารโบราณสองตัวพระราชทานนามวาฮองตง เมื่อ
เสร็จแลวใหเอาไปตั้งไวขางหนาประตูพระราชวัง ทองแดงที่เหลือโปรดใหหลอเปนหงสตัวหนึ่งและมังกร
อีกตัวหนึ่ง เมื่อเสร็จแลวใหเอาไปตั้งไวหนาทองพระโรงบนพระทีน
่ ั่งในพระราชวังใหญ

พระเจาโจยอยทอดพระเนตรการกอสรางวังใหญแลว เห็นดานหลังพระตําหนักใหญยังไมเปนที่รื่นรมย จึง


ตรัสสั่งใหสรางอุทยานขึ้นในบริเวณดานหลังพระตําหนักใหญนั้น เปนที่กวางขวาง โปรดใหสรรหาพันธุไม
นานาพรรณจากทั่วทั้งแควนมาปลูกไวในอุทยาน ใหปลูกไมดอก ไมผล และไมดด ั เปนจํานวนมาก ทาย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 85

อุทยานใหปลูกตนไมอยางแนนหนาคลายกับปา และโปรดใหเอานก เนื้อ กวาง ทราย มาปลอยไวใน


อุทยานนั้น

สําหรับรูปหลอมนุษยทองแดงนั้น เมื่อทรงพิเคราะหแลวโปรดใหเอาไปตั้งไวดานหลังพระตําหนักใหญใกล
กับอุทยานเปนที่กลางหาว ตรัสสั่งมากิ้นดวยวาเมื่ออุทยานเสร็จแลวใหเพิ่มนางกํานัลจํานวนมากสําหรับ
คอยปรนนิบต ั ิเวลาเสด็จลงอุทยาน

พระเจาโจยอยเสด็จตรวจการกอสรางทั่วแลวจึงทรงกําชับมากิ้นวา โครงการกอสรางดําเนินมาดวยดีแลว
จงเรงรีบใหแลวเสร็จตามกําหนด จากนั้นพระเจาโจยอยจึงเสด็จกลับเมืองฮูโต

มากิ้นยิ่งเรงการกอสรางเทาใด ความเดือดรอนก็ยิ่งมากขึ้นเทานั้น เสียงแหงความทุกขยากของอาณา


ประชาราษฎรกองกระหึ่มไปทัง้ แควน ราชครูเอียวหูอดรนทนมิไดจึงมิไดเกรงแกความตาย แตงฎีกาขึ้น
กราบทูลพระเจาโจยอยฉบับหนึ่ง ซึ่งสามกกฉบับสมบูรณระบุความวา “ครั้งแผนดินพระเจาเงี่ยวเตทรง
ประทับอยูในกระทอมหลังคามุงแฝก กกทั้งหลายอยูเย็นเปนสุข พระเจาอูเตก็ทรงประทับพระราชวังเล็กๆ
และแผนดินก็รม  เย็นเปนสุข กระทั่งมาถึงราชวงศฮึงและจิวตองการใหสงาผาเผยจึงไดยกสูงเปนสามเชี๊ยะ
คาดคะเนวาแตละวันตองจัดงานกินเลี้ยงถึงเกาครั้ง จักรพรรดิผูเมธา อองผูปราดเปรื่องในยุคโบราณ ยัง
มิไดมีพระราชวัง ตําหนักสูงใหญวจิ ิตรตระการตา ซึ่งทําใหไพรฟาประชาราษฎรตองสูญเสียแรงและ
ทรัพยสินตองรอยหรอยากจนขนแคนลง พระเจาเกี๊ยกทรงสรางพระราชวังประดับเพชร คอกมาประดับ
งาชาง พระเจาติ้วอองทุมเทสรางพระราชวังเตกไถหรือพระราชวังกวาง เปนเหตุใหสูญเสียแผนดิน ฌอเลง
อองใหสรางวังเจียวฮัว รางกายจึงตองรับเภทภัย จักรพรรดิจิ๋นซีทรงสรางพระราชวังอาปง เกงและนําภัย
พิบัติมาสูบุตรตน เกิดขบถทรยศทั่วทั้งแผนดิน แคสองชัว่ คนก็ดับสูญ การที่ไมคาดคะเนกําลังมหาชน
ปลอยตามแตหต ู าตนตองการพอใจ ยังมิมผ ี ูใดที่มต
ิ องสูญสิน้ พระองคควรตองทรงเอาวิธข ี องพระเจาเงี้ยว
ซุน อู ทัง บุน เอาเรื่องพระเจาเกี๊ยก ติ้วออง ฌอเลงออง จักรพรรดิจิ๋นซีเปนขอหาม แตหากพระองคจะ
ทรงพักผอนและสําราญพระทัยจําเพาะเจาะจงจะตกแตงพระราชวัง ก็คงจะตองมีเภทภัยอันตรายถึงสูญสิน ้
แนนอน พระองคทรงเปนพระเจาแผนดิน ขาพระพุทธเจาเปนดั่งผูช  วยมือซายมือขวา ความเปนความตาย
ยอมหนึ่งเดียวกัน จะไดหรือเสียก็เสมือนกัน”

ราชครูรูหมายรับสั่งเปนอยางดีวาการกราบบังคมทูลครั้งนี้อาจตองโทษถึงประหาร จึงกราบทูลไวในฎีกา
ดวยวา เมื่อพระเจาโจยอยไดทอดพระเนตรฎีกานีแ ้ ลวขอไดโปรด พระราชทานโลงศพใหแก
ขาพระพุทธเจาดวย

พระเจาโจยอยทอดพระเนตรฎีกาของราชครูแลวก็ทรงไมพอพระทัย แตไมกลาลงพระราชอาชญาถึง
ประหารชีวิตตามหมายรับสั่ง เพราะเกรงคําคนครหาวาเปนศิษยคิดลางครู ดังนั้นจึงทรงเก็บฎีกาของราชครู
ไวโดยมิไดตรัสประการใดจนกระทั่งการกอสรางแลวเสร็จ จึงเสด็จมาประทับที่พระราชวังแหงใหม ณ เมือง
ลกเอี๋ยง

อนึ่งพระเจาโจยอยนั้นมีพระมเหสีองคหนึ่งชื่อนางมอซือ ทรงอภิเษกสมรสตาม พระบรมราชานุญาตในพระ


เจาโจผี ครั้นพระเจาโจยอยไดเสวยราชยแลวทรงโปรดปรานพระสนมโกยฮุยหยินและยกยองใหเปนที่พระ
สนมเอก ดวยความชํานาญในศาสตรแหงกามและความออนชอยเอาอกเอาใจทุกประการของพระสนมเอก
โกยฮุยหยิน พระเจาโจยอยจึงยิ่งโปรดปรานเปนอันมาก

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “พระเจาโจยอยรักยิ่งกวานางมอซือ ดวยการใชสอยมี


อัชฌาสัย”

พระสนมเอกถวายการปรนนิบัตริ ับใชพระเจาโจยอยทุกถวนกระบวนทาสุดแทแตจะมีพระราชประสงค น้ํา


พระทัยรักของพระเจาโจยอยตอพระสนมเอกโกยฮุยหยินจึงลนหลั่งกลายเปนความลุม  หลง ไมยอมหาง
บางครั้งประทับอยูกับพระสนมเอกนับสัปดาหโดยไมเสด็จออกวาราชการ บางครั้งก็ประทับอยูกับพระสนม
เอกถึงหนึ่งเดือนโดยไมเสด็จไปยังพระตําหนักของพระมเหสี

เดือนหาในปนน
ั้ ยางเขาฤดูฝน ดอกไมในอุทยานแหงใหมไดรับฝนแรกก็บานสะพรั่ง ชูชอ  ดอกไสวงดงาม
ตระการตา พระเจาโจยอยไดพาพระสนมเอกไปพักผอนพระ อริยาบถในพระราชอุทยาน และโปรดใหตั้ง
โตะเสพสุรากับพระสนมเอก ตรัสสั่งใหจัดมโหรีขับกลอมเปนที่บันเทิงเพลิดเพลินพระหฤทัย

พระสนมเอกตองการจะลองน้ําพระทัยพระเจาโจยอย จึงกราบทูลถามวาบรรยากาศอันงามตระการตาเปย
 ม
สุขดังนี้ ไฉนพระองคจึงไมโปรดใหพระมเหสีมารวมเสวยน้ําจัณฑพรอมๆ กันดวยเลา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 86

พระเจาโจยอยไมทันกลสตรี พอไดฟงคําทูลดังนั้นก็ตรัสวาโลกสวนตัวของเรานี้มีแตเจาเพียงผูเดียว หาก


มีพระมเหสีมารวมทีด
่ วยแลว ไหนเลยเราจะกลืนน้ําจัณฑไดลงคอ

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

พิษรัก ภัยหลง (ตอนที5


่ 83)

พระเจาโจยอยเหลิงระเริงในอํานาจยามบานเมืองสันติ ตั้งโครงการกอสรางขนาดใหญทใี่ ชทรัพยากรเงิน


ทองและแรงงานทั่วทั้งแผนดินหวังเปนอนุสรณของชีวิต จนความเดือดรอนเกิดขึ้นทุกหยอมหญา แมการ
ในราชสํานักก็ทรงลุม
 หลงดวยพระสนมเอกจนไมเปนอันเสด็จออกวาราชการ

พระสนมเอกไดฟงคําตรัสของพระเจาโจยอยที่ตั้งความรังเกียจพระมเหสีถึงขนาดวาหากรวมที่เสวยแลวก็
ไมอาจเสวยน้าํ จัณฑไดลงคอ ก็รูน้ําพระทัยวาบัดนี้ฮองเตลม
ุ หลงในเสนหา ไมคํานึงราชประเพณีอีกตอไป
แลวก็ดีใจ รีบรินน้ําจัณฑใสจอกถวายพระเจาโจยอยจอกแลวจอกเลา ทามกลางเสียงหัวเราะอยาง
ครื้นเครง

พระเจาโจยอยเห็นพระสนมเอกเอาอกเอาใจก็ยิ่งกําเริบหลง ตรัสกําชับบรรดานางกํานัลและขันทีที่ประจํา
อยูในอุทยานใหเก็บงําความซึง่ เสด็จลงอุทยานกับพระสนมเอกเปนความลับ อยาไดแพรงพรายใหลวงรูถ
 ึง
หูพระมเหสี ตรัสแลวก็รับสั่งใหมโหรีขับกลอมและใหนางรําออกมาฟอนถวายเปนทีส
่ ําราญยิ่งนัก

ฝายพระมเหสีมอซือประทับรออยูแตในพระตําหนัก ไมเห็นพระเจาโจยอยเสด็จมาที่พระตําหนักรวมเดือน
เศษก็ไมสบายพระทัย ในวันที่พระเจาโจยอยพาพระสนมเอกลงพระราชอุทยานนั้น พระมเหสีมอซือไม
ทราบกําหนดการมากอนจึงเสด็จลงพระราชอุทยานดวย มีนางพระกํานัลตามเสด็จสิบสองคน

พระมเหสีมอซือเสด็จลงอุทยานทอดพระเนตรมวลดอกไมนานาพรรณเพือ ่ ใหคลายความทุกขพระทัย พลัน


ไดยินเสียงมโหรีขับกลอมจึงตรัสถามนางกํานัลผูรักษาเวรในพระราชอุทยานวา เสียงมโหรีขับกลอมนั้น
เสนาะโสตนัก มีราชการประการใดหรือ

นางกํานัลไมอาจงําความพระมเหสีได จึงทูลความไปตามจริงวามิไดมีราชการสิ่งใด เปนแตฮองเตพาพระ


สนมเอกลงอุทยาน และโปรดใหแตงโตะเสวยน้าํ จัณฑ มีมโหรีขับกลอมและใหนางบําเรอฟอนถวาย
เทานั้น

พระมเหสีไดฟงดังนั้นก็นอยพระทัย รีบเสด็จกลับพระตําหนัก

วันรุงขึ้นพระมเหสีเสด็จพระราชดําเนินอยูใ นบริเวณกลุมพระตําหนักฝายใน สวนทางกับพระเจาโจยอยซึ่ง


กําลังจะเสด็จจากพระตําหนักที่ประทับไปยังพระตําหนักของพระสนมเอก พระมเหสีถวายบังคมตาม
ประเพณีแลวทรงพระสรวล และมีพระราชเสาวนียวา “เวลาวานนี้พระองคเสด็จไปประพาสสวนดอกไม
ขาพเจาเห็นจะมีความสุขสบายหาที่สด ุ มิได”

พระเจาโจยอยไดยินพระราชเสาวนียดังนั้นก็ทรงกริว้ สําคัญวานางกํานัล ขันทีและทหารรับใชในพระราช


อุทยานไมเคารพรับสั่งทีท่ รงกําชับหามนําความที่เสด็จลงอุทยานกับพระสนมเอกไปแพรงพรายแกพระ
มเหสี จึงทรงเบือนพระพักตรหนีพระมเหสี แลวตรัสสั่งใหทหารองครักษยกกําลังไปจับกุมบรรดานางกํานัล
คนรับใช และขันทีซึ่งมีหนาทีอ
่ ยูใน พระราชอุทยานทั้งหมด และใหเอาตัวไปประหารชีวต
ิ ฐานขัดรับสั่งเสีย
ทั้งสิ้น

พระมเหสีมอซือเห็นพระเจาโจยอยทรงพระพิโรธและลงพระราชอาชญาแกคนทั้งปวงถึงประหารชีวิตดังนั้น
ก็ตกพระทัย รีบถวายบังคมแลวเสด็จกลับไปพระตําหนัก

พระมเหสีเสด็จถึงพระตําหนักยังไมทันหายตกพระทัย นางกํานัลไดวิ่งดวยความ ตกอกตกใจเขามากราบ


ทูลพระมเหสีวา ฮองเตโปรดใหกงกงพระราชทานเครื่องประหารแดพระองค

พระมเหสีไดยินดังนั้นก็ตกพระทัย พอดีขันทีไดถือถาดสิ่งของเขามาถึงแลวกราบทูลพระมเหสีวา ฮองเต


ไดพระราชทานของเหลานี้แดพระองค สุดแทจะทรงพิจารณาเถิด

พระมเหสีมองไปที่ถาดเห็นมีกระบี่เลมหนึ่ง มีปานสุราพรอมกับจอก และมีผาไหมพับอยูอีกแถบหนึ่ง ก็ทรง


รูความหมายวาพระเจาโจยอยพระราชทานโทษประหารชีวต ิ ใหพระองคทรงเลือกเองวาจะใชกระบี่เชือดคอ
ตาย หรือดื่มสุราพิษ หรือเอาแถบผาไหมผูกคอตาย จึงทรงกันแสง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 87

ขันทีเห็นดังนั้นจึงกราบทูลวา ฮองเตพระราชทานมาดังนีแ
้ ลว พระองคอยาทรงเนิ่นชาสืบไปเลย ขา
พระองคจะไดนาํ ความไปกราบบังคมทูลไดตามหนาที่ พระมเหสีไดยินดังนั้นก็ยิ่งทรงกันแสง ขันทีไดนํา
ถาดเขามาถวายถึงพระหัตถ พระมเหสีเห็นวาไมมีทางเอาชีวิตรอดไดอีก จึงหยิบเอาปานสุรารินใสจอกแลว
เสวย ครูหนึ่งเลือดก็ไหลออกจากปากและจมูก แลวสิ้นพระชนมในที่นั้น

ขันทีเห็นพระมเหสีสิ้นพระชนมแลวจึงกลับออกไปจากพระตําหนักแลวเขาไปเฝาพระเจาโจยอย กราบ
บังคมทูลความใหทรงทราบทุกประการ พระเจาโจยอยทราบความก็ทรงดีพระทัย ตรัสกับพระสนมเอกวา
เจาไดประจักษน้ําใจรักของเราแลวมิใชหรือ

พระสนมเอกไดยินดังนั้นก็ลงมาคุกเขาโขกศีรษะกับพื้นถวายบังคมพระเจาโจยอยแลวกราบทูลวา หมอม
ฉันขอถวายความจงรักภักดีรับใชสนองเบื้องพระยุคลบาทไปจนกวาชีวต ิ จะหาไม กราบทูลแลวพระสนม
เอกก็คลานเขาไปกอดพระบาทของพระเจาโจยอยเอาไวแนน ซบหนาลงกับตักของพระเจาโจยอยแลว
รองไห พระเจาโจยอยเห็นดังนัน
้ ก็ยิ่งมีน้ําพระทัยสงสาร และยิ่งลุมหลงเปนอันมาก

วันรุงขึ้นพระเจาโจยอยเสด็จออกวาราชการ หลังจากสํานักราชเลขาธิการไดประกาศขาวการสิ้นพระชนม
ของพระมเหสีแลว พระเจาโจยอยจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกลาสถาปนาพระสนมเอกโกยฮุยหยินขึ้น
เปนที่พระมเหสีสืบแทนพระนางมอซือ

ฝายเมืองเลียวตั๋งซึ่งเปนดินแดนทางภาคอีสานของแควนวุย เมื่อครั้งที่อวนชงและอวนฮีบุตรของอวนเสีย ้ ว
หนีโจโฉไปพึ่งกองซุนของผูเปนเจาเมืองเลียวตั๋ง ครั้งนั้นกุยแกที่ปรึกษาคนสําคัญของโจโฉปวยหนักใกล
ตายไดสั่งเสียความไววา ใหโจโฉตั้งมั่นอยาเพิ่งติดตามไปก็จะไดตวั อวนชงและอวนฮี โจโฉเชื่อฟงคําสั่ง
เสียของกุยแก ตอมากองซุนของผูเปนเจาเมืองไดตัดศีรษะของอวนชงและอวนฮีมามอบใหแกโจโฉ

โจโฉจึงกราบทูลพระเจาเหีย ้ นเตใหโปรดเกลาตั้งกองซุนของเปนเจาเมืองเลียวตั๋ง เมื่อกองซุนของถึงแก


กรรม มีบต ุ รสองคนอายุยังเยาวไมอาจทําหนาที่เจาเมืองได กองซุนเกี๋ยนผูนองกองซุนของจึงไดครอง
อํานาจเปนเจาเมืองสืบตอมา

ครั้นถึงแผนดินพระเจาโจผีก็พระราชทานยศเลื่อนตําแหนงใหกองซุนเกี๋ยนเปนขุนพลผูพท ิ กั ษภาคอีสาน
ตอมาถึงแผนดินพระเจาโจยอย กองซุนเอี๋ยนบุตรคนทีส ่ องของกองซุนของจําเริญวัยขึ้น ไดร่ําเรียนความรู
วิชาการทั้งฝายบุนฝายบูค
 รบครัน คบสมัครพรรคพวกเปนอันมาก บรรดาขุนนางซึ่งเคยเปนลูกนองเกาของ
กองซุนของซึ่งไมพอใจกองซุนเกี๋ยน ไดยุยงกองซุนเอี๋ยนวาแผนดินเมืองเลียวตั๋งนี้เปนของบิดาทาน หา
ใชสิทธิของกองซุนเกี๋ยนไม บัดนี้ทานจําเริญวัยแลว ซึ่งกองซุนเกี๋ยนยังไมยอมเวนคืนอํานาจเจาเมืองให
ยอมเปนการกอกบฎ หวังจะชิงเอาสมบัติไวแกตัว

กองซุนเอี๋ยนถูกยุยงมากเขาก็ใครไดอํานาจเจาเมืองกลับคืน จึงเขาไปเจรจาวากลาวกับกองซุนเกี๋ยนวา
บัดนี้ขาพเจาจําเริญวัยแลว ขอใหทา นอาเวนคืนเมืองเลียวตั๋งแกขาพเจาตามประเพณี

กองซุนเกี๋ยนครองอํานาจเจาเมืองแลวก็ตด ิ ยึดในยศศักดิ์อํานาจวาสนา ไมยอมละวาง แตไมอาจปฏิเสธ


โดยตรงใหผด ิ ประเพณีได จึงบายเบี่ยงเลี่ยงไปวาตัวเจายังเยาวนัก จะรีบรอนไปไย เราดูแลการบานเมือง
เปนปกติดีอยู รอวันเวลาทีต
่ ัวเจาอายุมากกวานี้อีกสักหนอยหนึ่งเราก็จะคืนเมืองให

กองซุนเอี๋ยนไดฟงกองซุนเกี๋ยนก็รูวากองซุนเกี๋ยนไมยอมคืนอํานาจ จึงคบคิดกับบรรดาขุนนางฝายทหาร
ซึ่งหลายคนยังคงจงรักภักดีตอ  กองซุนของ กอการรัฐประหารชิงอํานาจจากกองซุนเกี๋ยนผูเปนอา และตั้ง
ตัวเปนเจาเมืองสืบแทน

ครั้นตั้งตัวเปนเจาเมืองเลียวตัง๋ แลว กองซุนเอี๋ยนยังคงเกรงอํานาจของวุยกก จึงแตงทูตเขาไปกราบทูล


ความซึ่งกองซุนเกี๋ยนคิดฉอสมบัติ จึงจําตองยึดอํานาจกลับคืน สืบทอดอํานาจของบิดา แตยังคงมีความ
จงรักภักดีตอพระเจาโจยอยอยู จึงกราบบังคมทูลมาเพื่อทรงทราบและขอเปนขาในขอบขัณฑเสมาสืบไป
พรอมกับใหนําของบรรณาการขึ้นทูลเกลาถวายเปนอันมาก

พระเจาโจยอยเห็นกองซุนเอี๋ยนยังมีความจงรักภักดีก็พอพระทัย เพราะการรบราฆาฟนภายในเมืองเลียวตั๋ง
ไมใชการใดของพระองค จึงโปรดเกลาตั้งใหกองซุนเอี๋ยนเปน ขุนพลพิทักษภาคอีสาน และเปนเจาเมือง
เลียวตั๋ง

ตอมาเมื่อพระเจาซุนกวนไดรบ
ั การรองขอจากขงเบงใหยกกองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยง พระเจาซุนกวนจึง
แตงราชทูตใหเชิญเครื่องราชบรรณาการไปมอบแกกองซุนเอี๋ยน และพระราชทานอิสริยศักดิ์ตั้งใหกองซุน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 88

เอี๋ยนเปนสมเด็จเจาพระยาในตําแหนงเอี้ยนออง และขอใหกองซุนเอี๋ยนยกกองทัพตีกระหนาบวุยกกลงมา
จากภาคอีสาน ประสานกับกองทัพเมืองกังตั๋งซึ่งจะยกขึ้นไปตีเมืองลกเอี๋ยงทางดานใต และประสานกับ
กองทัพจกกกที่ขงเบงยกเขาตีทางตําบลเขากิสาน

กองซุนเอี๋ยนทราบความจากราชทูตของพระเจาซุนกวนแลว เห็นวาวุยกกยังเขมแข็ง จึงไมยอมเปน


ฝกฝายกับพระเจาซุนกวน สัง่ ใหประหารราชทูตของพระเจาซุนกวน และทหารติดตามขบวนราชทูตเสีย
ทั้งสิ้น แลวสงศีรษะราชทูตพรอมกับทําฎีกาสงไปถวายพระเจาโจยอย กราบบังคมทูลใหพระเจาโจยอย
ทรงทราบความทุกประการ

พระเจาโจยอยไดรับศีรษะราชทูตเมืองกังตั๋งและฎีการายงานความของกองซุนเอี๋ยนแลวก็ทรงดีพระทัย
ทรงปรารภวากองซุนเอี๋ยนมีความจงรักภักดี ไมเขาดวยขาศึก มีความชอบเปนอันมาก จึงโปรดใหเลื่อน
ตําแหนงของกองซุนเอี๋ยนขึ้นเปนที่รองสมุหนายกปกครองภาคอีสาน และพระราชทานเครือ ่ งยศ เงินทอง
ขาวของเปนอันมาก

กองซุนเอี๋ยนไดรับพระราชทานตําแหนงสูงขึน
้ ก็กําเริบใจ และเห็นวาซึ่งพระเจาโจยอยพระราชทาน
ตําแหนงและของพระราชทานมากมายดังนี้ เปนเพราะแผนดินวุยกกซึ่งดูภายนอกเหมือนเขมแข็งแต
ภายในนั้นยอมออนแอ จึงเกรงกลัวเมืองเลียวตั๋งเรา เมื่อเปนดังนี้เราจะเกรงกลัววุยกกไปไยกัน

กองซุนเอี๋ยนจึงปรึกษาดวยขุนนางขาราชการทั้งปวงวาแผนดินเมืองเลียวตัง๋ กวางใหญอุดมสมบูรณ มี
กําลังทหารและเสบียงเปนอันมาก ไฉนจะตองยอมเปนขาขอบขัณฑสีมาของเมืองอื่น

บรรดาขุนนางทัง้ ปวงไดยินปรารภของกองซุนเอี๋ยนดังนั้นจึงพากันสงเสริมสนับสนุนใหกองซุนเอี๋ยนตั้งตัว
ขึ้นเปนฮองเต เปนอิสระแกตน ไมขึ้นกับวุยกกสืบไป

ฝายแกหวนซึ่งเปนรองแมทัพ เห็นกองซุนเอี๋ยนกระทําการดังนั้นก็เกรงวาวุยกกจะยกกองทัพมาปราบปราม
จึงทัดทานกองซุนเอี๋ยนวาบานเมืองสงบสุขสันติมาชานาน ราษฎรไดความสุข พระเจาโจยอยก็มีพระ
เมตตาทํานุบํารุงเลี้ยงดูทานเปนอันดี ไมชอบที่จะแข็งเมือง หากทานฟงคําคนทั้งปวงเห็นแผนดินเลียวตัง๋
จะเดือดรอนเปนมั่นคง

ลุนติดซึ่งเปนขุนนางผูใหญ ไดยินคําแกหวนดังนั้นก็กลาวเสริมวาซึ่งแกหวนไดทัดทานนีช ้ อบดวยประเพณี


แตกอนมา อนึง่ โบราณวาไววา บานเมืองยามใกลรวงลับดับสูญมักมีอาเพศบอกบงเหตุใหไดรู ชัว่ สองสาม
เดือนมานี้ในเมืองเลียวตั๋งเรามีเหตุการณประหลาดพิสดารเกิดขึ้นหลายครัง้ หลายหน สามกกฉบับสมบูรณ
ระบุเหตุการณนวี้ า “มีสุนัขโพกผา ทีต่ ัวสวมเสื้อแดง ขึ้นหลังคาบานเดินเหมือนคนเรา อีกทั้งทางทิศใต
ของตัวเมืองมีชาวบานหุงขาว ภายในหมอนึ่งพลันมีเด็กเล็กถูกตมตายอยูใ นหมอนั้น และภายในตลาดดาน
ทิศเหนือเมืองเซียงเพง พื้นที่เกิดถลมเปนหลุมหนึ่ง เกิดมีเนื้อกอนหนึ่งพลุงขึ้นมา วัดรอบตัวไดหลายเชี๊ยะ
มีศีรษะ ใบหนา ตา ปาก จมูก ครบถวนแตไมมีแขนขา คมมีดลูกเกาทัณฑมิสามารถจะทําใหบาดเจ็บได
จึงมิรูวาเปนสิ่งของอะไร ผูพยากรณเสี่ยงทายแลวทํานายวามีรางไมสาํ เร็จ มีปากไมมีเสียง ประเทศชาติจะ
ลมจมพินาศ จึงปรากฏรูปนี้ขน ึ้ มีเรื่องสามประการนีล
้ วนเปนนิมิตไมเปนมงคล” จึงควรที่จะยับยั้งการ
ประกาศเอกราชเอาไวกอน

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

แผนทลายรังโจร (ตอนที5
่ 84)

กองซุนเอี๋ยนผูบ
 ุตรของกองซุนของเจาเมืองเลียวตั๋ง คิดตั้งตัวเปนเจาไมขึ้นกับวุยกก ขุนนางผูภักดีไดทด

ทานและบอกนิมิตลางประหลาดราย ซึ่งถาหากเกิดขึ้นในประเทศไทยก็ยอมเปนขาวใหญใหผูคนไดซอ ื้
หวยใตดินกันเปนที่สนุกสนาน เพื่อให กองซุนเอี๋ยนระงับความคิดที่จะประกาศอิสรภาพนั้นเสีย

กองซุนเอี๋ยนไดฟงคําทัดทานดังนั้นก็โกรธ สั่งทหารใหคุมตัวแกหวนและลุนติดไปตัดศีรษะ เพื่อนขุนนาง


หลายคนไดรองขอชีวิตไว แตกองซุนเอี๋ยนไมฟงคํา เรงใหผค ู ุมเอาตัวแกหวนและลุนติดไปตัดศีรษะที่
กลางตลาด หลังจากวันนั้นแลวก็ไมมีผูใดกลาทัดทานอีกเลย

กองซุนเอี๋ยนเห็นคนทั้งปวงพรอมใจกันดังนั้น จึงตั้งการพิธปี ราบดาภิเษกเปนพระมหากษัตริย ทรงพระ


สมัญญานามวาเอี้ยนออง ใหตั้งศักราชประจําพระองคตามประเพณีแลวประกาศความเปนเอกราชไม
ขึ้นกับวุยกก ใหยกเวนภาษีอากรแกราษฎรสามป และปลอยนักโทษทีถ ่ ูกจองจําใหเปนไททัง้ สิ้น

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 89

เมื่อสถาปนาตนเองขึ้นเปนเจาทรงพระนามวาเอี้ยนอองแลว กองซุนเอี๋ยนไดแตงตั้งขุนนางตามทําเนียบ
ขุนนางในพระมหากษัตริยตามประเพณีเปนอันมาก สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวากองซุน
เอี๋ยน ใหสรางเวียงวังคายคูประตูหอรบไวเปนมั่นคง แลวซองสุมทแกลวทหารไดรอยหมื่น

ครั้นจัดแจงบานเมืองเรียบรอยแลว กองซุนเอี๋ยนจึงตั้งใหปเ อี๋ยนเปนแมทพ


ั ใหเอียวจอเปนรองแมทัพยก
กองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยง กองซุนเอี๋ยนจะยกกองทัพหนุนตามไป ปเอี๋ยนและเอียวจอรับคําสั่งกองซุน
เอี๋ยนแลวจึงออกไปเกณฑทหารและเสบียง เพื่อเตรียมการจะยกกองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยงตอไป

ขาวคราวการเตรียมการจะยกกองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยงของเมืองเลียวตั๋งทราบความไปถึงหนวยสอดแนม
ของวุยกก บูขิวเคียมเจาเมืองอิวจิ๋วซึ่งเปนหัวเมืองชายแดนของวุยกกติดตอกับแดนเมืองเลียวตั๋ง จึงทําใบ
บอกขึ้นไปกราบบังคมทูลใหพระเจาโจยอยทรงทราบ

พระเจาโจยอยทราบความแลวตกพระทัย ตรัสสั่งใหเรียกประชุมขุนนางและแมทัพนายกองทั้งปวง ปรารภ


ความซึ่งกองซุนเอี๋ยนคิดการกบฏจะยกกองทัพมาตีเมืองลกเอี๋ยง แลวตรัสถามวาจะมีผูใดอาสายกกองทัพ
ไปรับศึกเมืองเลียวตั๋งบาง

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงออกไปถวายบังคมพระเจาโจยอยแลวกราบทูลขออาสายกกองทัพสีห
่ มื่นไปรับศึกกอง
ซุนเอี๋ยนและจะตีเอาเมืองเลียวตั๋งมานอมเกลาถวายใหจงได

พระเจาโจยอยไดฟงคําอาสาของสุมาอี้ก็ดีพระทัย แตทรงสงสัยวาสุมาอี้จะทําการประการใด จึงตรัสถาม


วาเมืองเลียวตั๋งมีทหารเปนอันมาก ทั้งระยะทางก็ไกล ซึ่งทานจะยกทหารเพียงสีห่ มื่นไปทําการทั้งนี้เกรง
จะเสียทีแกขาศึก

สุมาอี้จึงกราบทูลวา อันการสงครามนั้นมากชนะนอยก็มี นอยเอาชนะมากก็มี เพราะเหตุที่เมืองเลียวตั๋งเปน


ทางไกล หากยกทหารไปเปนอันมากยอมยากลําบากแกการลําเลียงเสบียงอาหาร กลายเปนจุดออนให
ขาศึกทําลายไดโดยงาย ขาพระองคจะนําทหารไปแตนอย จะคัดเอาแตทหารซึ่งมีฝมือจัดเปนกองกําลัง
ทหารมา จะใชสติปญ  ญาในการสงครามเขาทําการ และขอเอาพระบารมีแหงพระองคคม ุ เกลาเปนที่พึ่งใน
ยามศึก เห็นจะไดชัยชนะแกเมืองเลียวตั๋งเปนมั่นคง

พระเจาโจยอยจึงตรัสถามสืบไปวา ทานคะเนการศึกครั้งนี้ประการใด

สุมาอี้กราบทูลตอบวา ขาพระองคไดคะเนการศึกนี้เปนสามสถาน

สถานแรกถากองซุนเอี๋ยนเฉลียวฉลาดในการสงครามก็จะพาทหารลาถอยลึกเขาไปในแนวหลัง ยอมยาก
แกการไลตามตี นานวันไปกองทัพของขาพระองคก็จะ ออนเปลี้ยเพลียลง ถากองซุนเอี๋ยนดําเนินการ
สงครามสถานนี้ ก็นับวาเปนยุทโธบายชั้นเลิศ

สถานทีส่ อง ถากองซุนเอี๋ยนตั้งรับอยูใ นเมืองเลียวตั๋ง ใหทหารทั้งปวงตั้งมัน


่ อยูในเมือง ระมัดระวังกวดขัน
คายคูประตูหอรบ ไมยกออกมารบพุง รอใหกองทัพขาพระองคออนลาแลวคอยยกเขาโจมตี ก็นับวาเปน
ยุทโธบายชั้นรอง เพราะแพชนะยอมก้ํากึ่งกัน

สถานทีส่ าม ถากองซุนเอี๋ยนยกทหารมาตั้งรับอยูท  ี่เมืองเซียงเปงซึ่งเปนเมืองชายแดนอันเปนเขตติดตอ


ระหวางแดนเมืองเลียวตั๋งกับวุยกกเราก็นับวาเปนยุทโธบายชั้นเลวทีส ่ ด
ุ ถาหากกองซุนเอี๋ยนดําเนินยุทโธ
บายสถานนี้ก็จะเสียทีแกขาพระองคเปนมั่นคง

พระเจาโจยอยตรัสถามตอไปวา ยุทโธบายทั้งสามสถานนี้ทานคาดวากองซุนเอี๋ยนจะดําเนินยุทโธบาย
สถานใด

สุมาอี้กราบทูลวา กองซุนเอี๋ยนตั้งตัวขึ้นเปนเจา กําเริบใจในอํานาจ คิดอานจะยกกองทัพมาตีวุยกก เห็นจะ


ดําเนินยุทโธบายสถานที่สาม ขาพระองคมั่นใจวาจะจับตัวกองซุนเอี๋ยนไดเปนแนแท

พระเจาโจยอยตรัสถามอีกวาศึกครั้งนี้กระทําในแดนไกล ทานคาดวาจะใชระยะเวลายาวนานเทาใด

สุมาอี้กราบทูลตอบวา ระยะทางจากเมืองลกเอี๋ยงไปเมืองเลียวตั๋งเปนทางไกลถึงสิบหมื่นเสน ตองใชเวลา


เดินทัพขาไปรอยวัน ใชเวลาทําศึกรอยวัน และใชเวลาเดินทางกลับรอยวัน ใชเวลาในการพักทหารหกสิบ
วัน สรุปรวมเปนหนึ่งป เห็นจะยกทัพกลับคืนเมืองหลวงได

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 90

พระเจาโจยอยไดฟงดังนั้นก็ถอนพระทัย ตรัสวาทานยกไปทําศึกนานชาถึงหนึ่งป หากทางตะวันตก


กองทัพเมืองเสฉวนยกมาหรือทางดานใตกองทัพเมืองกังตั๋งยกมา จะทําประการใด

สุมาอี้จึงกราบทูลวา ชาวเมืองกังตั๋งไมชํานาญสงครามเชิงรุก ถนัดแตเชิงรับ และเมืองกังตั๋งก็เพิ่งวางศึก


เห็นจะยังไมยกมา สวนเมืองเสฉวนนั้นเลาขงเบงเพิ่งสิ้นบุญ ขวัญกําลังใจทหารยังออนแอ และตรากตรํา
สงครามมาเปนเวลานานเห็นจะยังไมพรอมทีจ ่ ะยกมารุกราน แตถึงแมกองทัพทั้งสองทางยกมา ขา
พระองคก็ไดเตรียมการระมัดระวังดานรายทางเปนกวดขันเห็นจะไมเปนอันตราย ขอพระองคจงทรงวาง
พระทัย

พระเจาโจยอยไดฟงคําสุมาอี้กราบทูลถวนกระบวนความสิ้นกระแสแลวก็ทรงดี พระทัย มีพระบรมราช


โองการตั้งใหสม
ุ าอี้เปนแมทัพยกไปรับศึกเมืองเลียวตั๋งตามแผนการที่ไดกราบบังคมทูลนั้นทุกประการ

สุมาอี้ถวายบังคมลาพระเจาโจยอยแลวออกไปจัดแจงทหารมาสีห
่ มื่น ใหโฮจุนเปนกองทัพหนา สุมาอี้เปน
กองทัพหลวง และจัดเสบียงอาหารเปนอันมาก ครั้นถึงวันเวลาฤกษดี สุมาอี้ก็สั่งใหเคลื่อนทัพยกไปเมือง
เลียวตั๋ง

ฝายเมืองเลียวตั๋งจัดแจงกองทัพจะยกไปตีเมืองลกเอี๋ยงยังไมทันเสร็จ ก็ไดทราบขาวศึกวาสุมาอี้กําลังยก
กองทัพสี่หมืน่ มาที่เมืองเลียวตั๋ง หนวยสอดแนมจึงรายงานความใหกองซุนเอี๋ยนทราบ

กองซุนเอี๋ยนทราบความดังนั้นจึงสั่งใหปเอี๋ยนกับเอียวจอ ซึ่งกําลังเตรียมกองทัพเปลี่ยนแผนการยกทหาร
แปดหมื่นไปขัดตาทัพสุมาอี้ ทีต ่ ําบลเลียวชุนปลายแดนเมืองเซียงเปง ซึ่งเปนหัวเมืองแดนตอแดนระหวาง
วุยกกกับเมืองเลียวตั๋ง หวังปองกันมิใหสุมาอี้ยกกองทัพลวงล้ําเขาแดนเมืองเลียวตั๋งแมแตตารางนิ้วเดียว
เพื่อมิใหเสื่อมเสียแกเกียรติยศของเอี้ยนออง

ปเอี๋ยนและเอียวจอรับคําสั่งกองซุนเอี๋ยนแลวจึงรีบยกกองทัพไปที่ตําบลเลียวชุน ใหตั้งคายมั่นไวที่ปลาย
แดนเปนระยะทางถึงสองรอยเสน และใหขด ุ คูปองกันหนาคายไวตลอดแนวเพื่อมิใหขาศึกรุกล้ําเขาตีคา ย
แลวกําชับทหารใหระมัดระวังรักษาคายมิใหประมาท

ฝายโฮจุนยกกองทัพหนามาใกลแดนตําบลเลียวชุน ไดรับรายงานจากหนวยสอดแนมวากองทัพเมืองเลียว
ตั๋งยกกองทัพมาตั้งคายสกัดดังนั้น จึงสั่งมาเร็วใหนําความไปรายงานแกสุมาอี้ที่กองทัพหลวง

สุมาอีท้ ราบรายงานของโฮจุนแลวก็ดีใจเปนอันมาก ดวยเห็นการดําเนินยุทโธบายของเมืองเลียวตั๋งเปน


การดําเนินยุทโธบายที่เลวทีส ่ ด
ุ มิใชยุทโธบายชั้นเลิศอันเปนที่หวั่นเกรงแตประการใด เพราะกองทัพเมือง
เลียวตั๋งมีกําลังไพรพลเปนอันมาก แตกองทัพของสุมาอี้มีทหารเพียงสี่หมืน ่ ชอบที่กองทัพเมืองเลียวตัง๋
จะทําสงครามเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยรวดเร็ว ใชกําลังมากปะทะกําลังนอยซึง่ หนาก็ยอมไดเปรียบแกกองทัพ
สุมาอี้ แตกลับใชยท ุ ธวิธท
ี ผ
ี่ ิดจัดกําลังทหารจํานวนมากมาตัง้ คายอยูแ  นวหนา ทิ้งเมืองเซียงเปงใหทหาร
จํานวนนอยรักษา และคิดทําสงครามยืดเยือ ้ ยาวนานโดยหารูไมวาฝายทีม ่ ีทหารมากยอมสิ้นเปลืองเสบียง
อาหารมากกวา กลายเปนจุดออนของ กองทัพ การดําเนินยุทโธบายของเมืองเลียวตั๋งจึงแปรความแข็ง
เปนความออน ทําใหความไดเปรียบกลายเปนความเสียเปรียบ และเปดโอกาสใหกองทัพวุยกกสามารถ
ชวงชิงความไดเปรียบไวไดดว ยปญญา

สุมาอี้จึงเรียกประชุมแมทัพนายกองทั้งปวงแลวกลาววาซึ่งกองทัพเมืองเลียวตั๋งยกมาตั้งคายอยูนอกเมือง
ดังนี้ หวังจะแกลงถวงเวลาใหกองทัพเราขาดเสบียงอาหาร แลวคอยยกโจมตี แตเราคะเนวาเมื่อกองทัพ
เมืองเลียวตั๋งยกมาตั้งดังนี้แลว ทหารซึ่งจะรักษาเมืองเซียงเปงนั้นยอมเหลือแตนอย เราจะยกกองทัพวก
ออมหลังไปตีเอาเมืองเซียงเปงใหไดกอน กองทัพเมืองเลียวตั๋งซึ่งมาตั้งคายอยูท ต
ี่ ําบลเลียวชุนนั้นเห็นจะ
แตกไปเอง เราจะไดคด ิ ทําการตอไป

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงแผนการความคิดของสุมาอี้ดังนั้นก็พากันสรรเสริญวา แผนการทลายรังโจร
ของมหาอุปราชนี้ดีนักหนาเสมอดวยเทพยดาเขาดลใจ สุมาอี้เห็นแมทัพนายกองทั้งปวงเห็นชอบพรอมกัน
ก็มีความยินดี พอค่ําลงก็สั่งใหเคลื่อนทัพยกวกออมคายของปเอี๋ยนและเอียวจอตรงไปที่เมืองเซียงเปง

ฝายปเอี๋ยนและเอียวจอซึ่งยกกองทัพเมืองเลียวตั๋งมาตั้งขัดตาทัพสุมาอี้นั้น พอตั้งคายเสร็จก็ปรึกษากันวา
เมื่อครั้งทีส
่ ุมาอีร้ บกับขงเบงนั้น สุมาอี้เห็นขงเบงยกทัพมาแตแดนไกล จึงรักษาคายตั้งมั่นไมออกรบ จนขง
เบงตองตายไปเอง บัดนี้สุมาอี้ยกทัพมาแตแดนไกลถึงสิบหมื่นเสน ชอบทีเ่ ราจะตั้งรับไมออกรบกับสุมาอี้
เห็นสุมาอี้จะเสียทีเหมือนกับทีข ่ งเบงเสียทีแกสุมาอี้เปนมั่นคง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 91

ครั้นปรึกษาเห็นชอบพรอมกันแลวปเอี๋ยนและเอียวจอจึงออกคําสั่งใหทหารทั้งปวงตั้งมั่นรักษาคายไมให
ยกออกไปรบพุงกับสุมาอี้ โดยทีห่ ารูไมวา สุมาอี้นั้นชํานาญการสงคราม รูค
 วามพลิกแพลงในการสงคราม
ไดกําหนดแผนการทลายรังโจรไวแลว

วันหนึ่งหนวยลาดตระเวนไดเขามารายงานแกปเอี๋ยนวา บัดนี้สุมาอี้ไดลอบยกกองทัพวกออมคายจะไปตี
เอาเมืองเซียงเปงแลว

ปเอี๋ยนและเอียวจอไดทราบความดังนั้นก็ตกใจ ปรึกษากันวาซึ่งสุมาอีย ้ กกองทัพไปทั้งนี้เพราะคาดวาเมือง


เซียงเปงมีทหารรักษาแตนอย เห็นเมืองเซียงเปงจะเสียแกสุมาอี้ ซึ่งเรามาตั้งกองทัพอยูบัดนี้กจ
็ ะ
กลายเปนวาวทีถ่ ูกตัดสายปาน จําจะตองยกกองทัพถอยไปชวยรักษาเมืองเซียงเปงจึงจะควร

ครั้นปรึกษาตกลงกันดังนั้นปเอี๋ยนจึงสั่งใหถอยทัพจะยกกลับไปรักษาเมืองเซียงเปง

ฝายหนวยลาดตระเวนของสุมาอี้ที่คอยเกาะกุมสภาพความเคลื่อนไหวของกองทัพ ปเอี๋ยน พอทราบความ


ก็รีบใหมาเร็วไปแจงขาวใหสม
ุ าอี้ทราบวา ปเอี๋ยนกําลังถอยทัพจะกลับไปชวยเมืองเซียงเปง

สุมาอี้ไดทราบดังนั้นก็ดีใจ หัวเราะปรบมือแลวกลาววา ซึ่งปเอี๋ยน เอียวจอ จะถอยเขามานี้เห็นจะสม


ความคิดเรา

กลาวดังนั้นแลวสุมาอี้จึงสั่งใหแฮหัวปาและแฮหัวฮุยคุมทหารไปซุมอยูในปาสองขางทางใกลกับแมน้ําเจ
ซุย ซึ่งเปนเสนทางเชื่อมระหวางตําบลเลียวชุนและเมือง เซียงเปง กําชับวาเมื่อกองทัพของปเอี๋ยนยก
มาถึง ก็ใหจุดประทัดสัญญาณขึ้นแลวตีกระหนาบออกมาพรอมกัน เห็นจะไดชัยชนะแกขาศึกเปนมั่นคง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

หลักการดําเนินสงคราม (ตอนที5
่ 85)

กองทัพเมืองเลียวตั๋งดําเนินยุทโธบายชั้นเลวทีส
่ ุดสมดังทีส
่ ุมาอี้ไดคาดการณไว คือยกกองทัพออกมาตั้ง
รับทีแ
่ นวชายแดน สุมาอี้จึงยกกองทัพวกออมกองทัพหนาของเมืองเลียวตั๋งจะไปตีเมืองเซียงเปง ทําให
กองทัพหนาตองถอนทัพเพื่อยกกลับไปชวยเมืองเซียงเปง ซึ่งตองดวยกลของสุมาอี้ทค ี่ าดคิดไว

แฮหัวปาและแฮหัวฮุยรับคําสัง่ สุมาอี้แลว จึงยกทหารออกไปซุมอยูทส


ี่ องขางทางใกลแมน้ําเจซุยเพื่อดัก
ซุมโจมตีกองทัพหนาเมืองเลียวตั๋งทีจ ่ ะยกไปชวยเมืองเซียงเปง

ครั้นกองทัพหนาของเมืองเลียวตั๋งยกมาถึงจุดซุม แฮหัวปาและแฮหัวฮุยจึงใหจุดประทัดขึ้นเปนสัญญาณ
กองทัพวุยกกไดยกออกจากจุดซุมพรอมกันรุกกระหนาบเขาตีกองทัพเมืองเลียวตั๋งไมใหทน
ั ระวังตั้งตัว

ปเอี๋ยนและเอียวจอเห็นดังนั้นก็ตกใจ รองสั่งทหารใหลาถอยแตไมทันการ ทหาร วุยกกตีกระหนาบเขามา


ทุกดาน แลวฆาฟนทหารเมืองเลียวตั๋งบาดเจ็บลมตายลงเปนอันมาก

ปเอี๋ยนและเอียวจอเห็นจะตอสูไ
 มไดจึงพาทหารหนีไปขางทิศเหนือ ครั้นถึงเขาซิวสันจึงสวนทางกับกอง
ซุนเอี๋ยนซึ่งยกกองทัพหลวงหนุนตามมา ปเอีย ๋ นและเอียวจอจึงรายงานความทั้งปวงใหกองซุนเอี๋ยนทราบ

กองซุนเอี๋ยนทราบความก็โกรธ สั่งใหเคลื่อนทัพตรงไปที่ริมแมน้ําเจซุยเพื่อแกแคนทหารวุยกกแทน
กองทัพหนา เมื่อกองซุนเอี๋ยนยกกองทัพเขาไปใกลแมน้ําเจซุย กองทัพวุยกกก็ทราบความ แฮหัวปาจึงคุม
ทหารตั้งเปนขบวนสกัดไว

ปเอี๋ยนมั่นใจในกําลังกองทัพของกองซุนเอี๋ยนจึงขี่มาออกหนาทหาร ทาใหแฮหัวปาออกมารบกันตัวตอตัว
แฮหัวปาก็รับคําทาชักมาออกไปขางหนาทหาร พลกลองของทั้งสองฝายไดโหมกลองรบดังลั่นสมรภูมิ
สองทหารเอกไดขี่มาเขาประมือกันอยางรวดเร็ว แตไมทันผานสามเพลงแฮหัวปาก็เอางาวฟนถูกปเอี๋ยนตก
มาตาย

ทหารวุยกกเห็นตัวนายไดทจ
ี งึ รุกเขาโจมตีกองทัพเมืองเลียวตั๋ง ซึ่งในขณะนั้นพากันตกอกตกใจทีส
่ ูญเสีย
ตัวนายภายใตเพลงรบเพียงไมถึงสามเพลง ตางคนตางรวนเรกันอยู จึงถูกทหารวุยกกรุกรบเขาฆาฟน
บาดเจ็บลมตายลงเปนอันมาก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 92

กองซุนเอี๋ยนเห็นปเอี๋ยนเสียแกขาศึกก็ตกใจ และทหารวุยกกจูโจมรุกหนักมาเห็นจะตานทานมิได จึงพา


ทหารถอยหนีเขาไปตั้งอยูในเมืองเซียงเปง สั่งทหารใหปดประตูเมืองแลวขึ้นรักษาการณบนกําแพงเชิง
เทินหอรบทั้งปวง

หนวยลาดตระเวนของวุยกกเห็นดังนั้นจึงนําความไปรายงานแกสุมาอี้ สุมาอี้ทราบความแลวจึงสั่งให
เคลื่อนทัพยกไปประชิดเมืองเซียงเปง และใหตั้งคายรายลอมเมืองไวทั้งสีด
่ าน

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยแปดสิบเอ็ดพรรษา ตนเดือนแปด กองทัพของสุมาอี้ไดลอมเมือง


เซียงเปงไวอยางแนนหนา แตดวยเปนกลางวสันตฤดู ฝนไดตกหนักลงมาอยางไมขาดสาย สามกกฉบับ
เจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “ฝนตกทั้งกลางวันกลางคืนถึงเดือนเศษ น้ําทวมแผนดินลึกประมาณสอง
ศอกเศษ เสบียงซึ่งสงมานัน้ มิไดขาดเปนแตสะเทินน้ําสะเทินบก แลทหารกับมาในกองทัพสุมาอี้นั้นได
ความลําบากดวยน้ําทวม”

สามกกฉบับสมบูรณระบุวา “ฝนตกไมหยุด ภายในคายทหารก็เกิดมีดินเลน ทหารมิอาจหยุดพักได”

ฝายปวยเกงซึ่งเปนปกขวาของกองทัพวุยกก เห็นทหารไดยากลําบากจึงเขาไปแจงแกสุมาอี้วาทหารจะนั่ง
จะนอนก็มิได เสบียงอาหารก็เปยกน้ําจนหมดสิ้น ชอบที่มหาอุปราชจะใหรื้อคายขึ้นไปตัง้ คายใหมบนเนิน
เขา ฝนซาน้ําแหงเหือดแลวจึงคอยยายคายมาปดลอมดังเกา

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็โกรธ กลาววาซึ่งเรายอมยากลําบากปดลอมเมืองเซียงเปงดังนี้ ก็เพราะไดคด ิ อาน


อุบายไวเปนแนนอน เห็นจะจับกุมตัวกองซุนเอี๋ยนไดในวันนีว้ ันพรุงอยูแลว เหตุไฉนเจาซึ่งไมรูความนัย
บังอาจมาเสนอดังนี้เลา

กลาวแลวสุมาอี้ก็ขับปวยเกงออกไปดานนอกแลวใหออกคําสั่งสนามแจงแกทหารทั้งปวงวา นับแตนไ
ี้ ป
หามมิใหผใู ดเสนอความคิดเห็นใหถอยทัพหรือยายคายอีกตอไป แมนผูใดไมเชื่อฟงก็จะตัดศีรษะเสีย

วันนั้นฝนยังคงตกหนัก น้ําทวมสูงขึ้น ทหารยิ่งไดยากลําบากกวาแตกอน พอรุงขึ้นเชา ซือเหลียนซึ่งเปน


ปกซายของกองทัพวุยกกไดเขาไปหาสุมาอีแ ้ ลวกลาววา ฝนยังคงตกหนัก น้ําทวมสูงขึ้น “จะนั่งนอนก็
จมน้ําอยูกึ่งตัวบาง จะหุงหาอาหารก็ไมใครจะได” จึงขอใหมหาอุปราชยายคายไปตั้งอยูบนเนินเขากอน
ฝนหยุด น้ําทวมหายเมื่อใดแลวจึงคอยยกลงมาลอมเมืองดังเกา

สุมาอี้ไดยินสิ้นคําลงก็โกรธ กลาววาตัวเราเปนแมทัพถืออาญาสิทธิ์ ไดออกคําสั่งสนามใหทราบทัว่ กันแลว


ไฉนทานจึงฝาฝนนําความมากลาวอีกเลา จะไมเปนแบบอยางใหคนทั้งปวงละเมิดคําสั่งดอกหรือ

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งทหารเขาคุมตัวซือเหลียนและสั่งใหตด
ั ศีรษะเสียบประจานไวหนาคายไมใหเปน
เยี่ยงอยางแกคนทั้งปวง ทหารวุยกกทราบความดังนั้นก็พากันกลัวเกรงอาญาสิทธิ์ของสุมาอี้ ไมมีผูใดกลา
เสนอความเห็นในเรื่องนี้แกสุมาอี้อีกเลย

สุมาอีส
้ ั่งประหารชีวต
ิ ซือเหลียนแลวไดออกคําสั่งใหกองทัพที่ปดลอมเมืองเซียงเปงดานทิศใตใหถอนคาย
แลวยกไปตั้งหางจากตัวเมืองสองรอยเสน กองทัพดานอื่นๆ ใหปดลอมเมืองไวตามเดิม

ตันกุนซึ่งเปนนายทหารฝายเสนาธิการเห็นดังนั้นก็สงสัย จึงถามสุมาอี้วามหาอุปราชไดปด
 ลอมเมืองไว จน
ขางในเมืองเซียงเปงก็ไดรับความลําบากเปนสาหัส เหตุไฉนจึงถอนการปดลอมดานทิศใต ทําใหขางใน
เมืองสามารถออกไปตัดฟนหาเสบียงอาหารฟน  ฟูกําลังไดเลา

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็หัวเราะแลวกลาววา เมื่อครั้งที่เรายกไปรบกับเบงตัดที่เมืองซงหยงนั้นเรามีกําลังทหาร
มาก แตมีเสบียงอาหารนอย ครั้งนั้นเบงตัดมีกําลังทหารนอยแตมีเสบียงอาหารมาก เราจึงตองรีบรุกรบ
รวดเร็ว สวนครั้งนี้เรายกทหารมาเพียงสี่หมื่นคนแตมีเสบียงอาหารมาก สวนกองทัพเมืองเลียวตั๋งมีกําลัง
ทหารมากแตมีเสบียงอาหารนอย สภาพการสงครามกําหนดใหเราไมอาจรุกโจมตีเอาชนะโดยรวดเร็วได
สวนขาศึกมีคนมาก มีเสบียงนอยจึงยอมขาดแคลน ฝายเรากินอิ่ม ฝายขาศึกหิวโหย จะตองรบราใหเปลือง
แรงทหารไปไยเลา รอคอยวันเวลาใหขาศึกแตกพายไปกอนแลวคอยตามตีก็จะไดชย ั ชนะ

สุมาอี้กลาวสืบไปวา ซึ่งเราใหถอนคายที่ปดลอมเมืองดานทิศใตเสียนั้น หวังจะลวงใหขา ศึกหนีทัพออก


จากเมืองไป ทหารในเมืองเหลือนอยลงเมื่อใดแลวเห็นจะจับตัวกอง ซุนเอี๋ยนไดเปนมั่นคง

สุมาอี้กลาวแลวก็หัวเราะ พลางสั่งทหารฝายเสนาธิการใหแตงมาเร็วรีบเดินทางไปเมืองลกเอี๋ยง เรงใหรีบ


สงเสบียงมาอยาใหลาชากวากําหนด

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 93

ทางดานเมืองลกเอี๋ยง วันหนึ่งพระเจาโจยอยเสด็จออกวาราชการตามปกติ ขุนนางชั้นผูใ หญหลายคนได


กราบบังคมทูลพระเจาโจยอยวา ไดยินกิตติศัพทวาฝนเดือนเกาตกหนักติดตอกันถึงเดือนเศษ กองทัพ
ของมหาอุปราชไดความลําบากออนลาอิดโรยลง หากนานไปเห็นจะเสียทีแกขาศึก ขอใหพระองคมีพระ
บรมราชโองการเรียกกองทัพกลับคืนมากอน ถึงฤดูแลงแลวจึงคอยยกไปทําการใหม

พระเจาโจยอยไดฟงคําขุนนางดังนั้นก็ตรัสวา “ทานทั้งปวงอยาวิตกเลย อันสุมาอี้นั้นมีสติปญ


 ญา ทั้ง
ชํานาญในการสงคราม ไมชา นักก็จะรูขาววาสุมาอี้มีชย
ั ชนะแกกองซุนเอี๋ยน”

พระเจาโจยอยตรัสสิ้นความลง มาเร็วของสุมาอี้ก็เดินทางไปถึงและขอเขาเฝาพระเจาโจยอยทรงทราบ
ความแลวจึงตรัสกําชับใหเรงรัดจัดสงเสบียงอาหารใหแกสุมาอี้ตามกําหนด

ฝายสุมาอีต้ ั้งคายปดลอมเมืองเซียงเปงเปนสามดาน หลังจากฝนหยุดตกแผนดินแหงแลว สุมาอี้ก็มีความ


ยินดีเปนอันมาก ครั้นเวลาค่าํ สุมาอี้จึงเดินออกไปนอกคาย แหงนหนาสํารวจดูบนอากาศ พลันเห็นลูก
อุกกาบาตลูกหนึ่งสีฟา แกมเหลืองพุงผานมาจากทิศอีสานเหนือภูเขาซิวสันตรงไปทางทิศอาคเนย แลวตก
ลงใกลกับเมืองเซียงเปง

ทหารทั้งปวงเห็นนิมิตดังนั้นก็พากันตกใจ เกรงวาจะเกิดเหตุรา ยขึ้นกับกองทัพ พากันเลาลือทั่วไปทุกคาย


สุมาอีท
้ ราบความจึงใหประกาศปลอบใจทหารทั้งปวงวา “อยาตกใจเลย อันเปนเหตุทั้งนี้เพราะเทพยดา
สําแดงเหตุจะใหเรามีชย
ั ชนะแกขาศึก พนจากนี้หาวันเมืองเซียงเปงก็จะเสียแกเรา ซึ่งอุกกาบาตตกลง
แหงใดเราก็จะไดฆากองซุนเอี๋ยนในที่นั้น”

ครั้นออกประกาศสนามแลวสุมาอี้จึงเรียกแมทพ ั นายกองทั้งปวงเขามาสั่งวา การบนอากาศไดสาํ แดงนิมต ิ


วาเมืองเซียงเปงจะเสียแกเราแลว ดังนั้นในวันพรุงนี้ใหปด
 ลอมเมืองอยางแนนหนาทั้งสามดานแตใหเปด
ดานทิศใตไวตามเดิม ใหขนดินพูนเปนเนินเสมอดวยกําแพงเมืองทั้งสามดาน คอยระดมยิงเกาทัณฑ
สนับสนุนกองหนาซึ่งใหเตรียมบันไดและพะองสําหรับพาดปนกําแพงบุกเขาตีเมือง ใหทําการพรอมกันทัง้
สามดาน

วันรุงขึ้นสุมาอี้ไดคุมทหารโหมรุกเขาตีเมืองเซียงเปงทุกดานอยางพรอมเพรียงกัน กองหนารุกเขาประชิด
กําแพงเมือง พาดบันไดและพะองกับกําแพงเมืองแลวปนบุกเขาตี ในขณะที่กองหลังตั้งกําลังบนเนินดิน
ระดมยิงเกาทัณฑเขาไปในเมืองราวหาฝน

ขางในเมืองเซียงเปงเห็นขาศึกรุกเขาตีดังนั้นก็ชวยกันตอสูปอ งกันรักษาเมืองไวเปนสามารถ ทหารของสุ


มาอี้รุกเขาตีเมืองตั้งแตเชาจนถึงเวลากลางคืนก็ถูกทหารเมืองเลียวตั๋งรบปองกันไวไมอาจหักเขากําแพง
เมืองได สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงสั่งใหถอยทหารกลับที่ตั้งดังเกา

ในค่ําคืนวันนั้นบรรดาทหารเมืองเลียวตั๋งซึ่งอยูในเมืองเซียงเปงไดออนลาอิดโรยลงเปนอันมากเพราะขาด
แคลนเสบียงอาหารตอเนื่องมาหลายวัน ความอดอยากหิวโหยแผขยายปกคลุมทั้งตัวเมือง อาณาประชา
ราษฎรลวนเดือดรอนทุกครัวเรือน เพื่อแกไขปญหาอดตายทหารเมืองเลียวตั๋งตองฆามาและโคกระบือ
ภายในเมืองกินกันจนหมดสิ้น ครั้นสิ้นเสบียงแลวก็หมดกําลังใจจะตอสู ทหารจํานวนหนึ่งไดลอบหนีออก
จากเมืองทางดานทิศใต พวกที่ไมอาจหลบหนีออกไปไดตางคนตางพูดจากันวา หากตอสูก  ันนานชาสืบไป
ก็จะพากันตายสิ้น ควรจะตัดศีรษะกองซุนเอี๋ยนเอาไปมอบแกสุมาอี้เปนความชอบจะดีกวา

ขาวคราวทีท
่ หารทั้งปวงคิดเอาใจออกหากไดยินไปถึงหูของกองซุนเอี๋ยนก็ตกใจกลัวเปนอันมาก คิดวา
ขาศึกลอมกระชับอยูท
 ุกดาน เสบียงอาหารก็ขัดสน ขางในเมืองก็รวนเรเอาใจออกหาก หากเนิ่นชาไปเห็น
จะเกิดการกบฏขึ้นเปนแนแท

กองซุนเอี๋ยนคิดดังนั้นแลววันรุงขึ้นจึงสั่งใหอองเกี๋ยนซึ่งเปนอัครมหาเสนาบดีและลิวฮูซึ่งเปนขุนนาง
ผูใหญออกไปหาสุมาอี้เพื่อขอยอมสวามิภักดิ์แตโดยดี

สุมาอี้พอทราบความก็ตวาดอองเกี๋ยนและลิวฮูวา เมื่อจะยอมสวามิภักดิ์แลวไฉนกองซุนเอี๋ยนจึงไมออกมา
เอง กลาวแลวก็สั่งใหทหารคุมตัวอองเกี๋ยนและลิวฮูเอาไปตัดศีรษะ และมอบแกทหารซึ่งติดตามอองเกี๋ยน
และลิวฮูใหเอากลับไปมอบแกกองซุนเอี๋ยน

กองซุนเอี๋ยนทราบความดังนั้นก็ตกใจ รีบสั่งใหโอยเอี๋ยนซึ่งเปนขุนนางคนสนิทออกไปหาสุมาอี้อีกครัง้
หนึ่ง แลวกลาวกับสุมาอี้วาซึง่ ทานตําหนิวาเหตุใดกองซุนเอี๋ยนยังไมยอมออกมาออนนอมดวยตนเองนั้น
บัดนี้กองซุนเอี๋ยนไดใหขา พเจามาแจงแกทานวาในวันพรุงนีจ้ ะสงตัวกองซุนสิวซึ่งเปนบุตรของกองซุน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 94

เอี๋ยนมามอบเปนตัวประกันไวกอ
 น พรอมแลวกองซุนเอี๋ยนและขุนนางทั้งปวงก็จะยินยอมออกมาคํานับออน
นอมกับทานตอไป

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงกลาววา “อันธรรมดาการสงครามนีม
้ ีอยูห
 าประการ ประการหนึ่งเห็นวาจะตานทานไดก็
ใหคดิ อานออกมารบพุงจงสามารถ ประการหนึ่งถาเห็นสูมไ ิ ดก็อยาออกมารบพุง ใหรักษาเมืองจงมั่นคง
ประการหนึ่งถารักษาเมืองไวไมไดใหหนีเอาตัวรอด ประการหนึ่งแมไมหนีก็ใหออกมาออนนอมโดยดีกจ ็ ะมี
ชีวิตสืบไป ประการหนึ่งถาไมออกมาออนนอมโดยดีกค ็ วรที่จะตาย” กองซุนเอี๋ยนอับจนแลว ไมยอม
ออกมาออนนอมดวยตนเอง จะสงบุตรมาเปนตัวประกันจะมีประโยชนอันใด

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

แสงไฟนอยยอมสวางในที่มด
ื (ตอนที5
่ 86)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยแปดสิบเอ็ดพรรษา เดือนสิบสองสุมาอี้คุมกองทัพวุยกกปดลอม
เมืองเซียงเปงไวสามดาน เปดดานทิศใตไวเพื่อเปนทางใหหลบหนี กองซุนเอี๋ยนเห็นวาจะตอสูมิไดจึงให
ขุนนางออกไปเจรจาขอสวามิภก ั ดิ์แตสุมาอี้ไมยอม ซ้ํายังสําทับอีกวาเมื่อไมยอมออกมาออนนอมก็ควรที่
จะตองตาย

สุมาอี้ไมยอมรับขอเสนอของกองซุนเอี๋ยนทีจ
่ ะมอบบุตรมาเปนตัวประกันกอนแลว จะออกมาออนนอมใน
ภายหลัง แลวตวาดขับไลโอยเอี๋ยนกลับไป พลางนึกกระหยิ่มอยูในใจวา ความตายของกองซุนเอี๋ยนไดถูก
กําหนดแนนอนแลว ไยจะตองยอมรับขอเสนอที่เปนเพียงอุบายลวงเอาตัวรอดอีกเลา

โอยเอี๋ยนถูกตวาดและขับไลก็ตกใจ รีบคํานับลาสุมาอี้คลานออกไปจากคาย แลวกลับไปหากองซุนเอี๋ยน

การสงครามครัง้ นี้ไดประจักษวา กิตติศัพทที่เลาลือวากองซุนเอี๋ยนมีสติปญ  ญา ชํานาญทั้งฝายบูแ  ละ


ฝายบุนมาแตนอ ยนั้น เปนเพียงคําเลาขาวลือตามความคิดความเชื่อของผูค  นระดับเมืองเลียวตั๋งซึ่งเปนหัว
เมืองบานนอกเทานั้น การศึกเพียงยุทธการแรกก็ไดแลเห็นแลววา กองซุนเอี๋ยนเปนเพียง แสงไฟนอยที่
สวางในที่มด
ื เทานั้น เพราะการดําเนินยุทโธบายในสงครามก็ดําเนินยุทโธบายชั้นเลวทีส ่ ุด ไมรูขอเดน
ขอดอยของทั้งสองฝาย ไมรูเขา ไมรูเรา ไมรูการใชจด ุ แข็งเขาตีจุดออน ไมรูการหลีกจุดแข็งของขาศึก
แลวบั่นทอนทําลายลง การยกทหารเขาไปตัง้ อยูในเมืองเซียงเปงซึ่งเปนหัวเมืองเล็กแทนที่จะลาถอยลึก
เขาไปในแดนเมืองเลียวตั๋ง แลวคอยจูโจมทําลายตัดเสบียงลอบสังหารขาศึกก็จะไดชย ั ชนะ จึงเหมือน
หนึ่งเอากองทัพของตนเองเขาไปกักขังไวในเมืองเซียงเปง ทหารมากก็เหมือนนอย เพราะสุมาอี้เพียงใช
ทหารปดลอมตัวเมือง จุกชองประตูเมืองทัง้ สี่ดานไวเพียงดานละหมื่นคน กองทัพของกองซุนเอี๋ยนก็
เหมือนหนึ่งแมลงเมาที่อยูใ นรูโดยมีกองไฟสุมอยูปากรู มีแตจะพากันตายสิ้น จึงเปนเหตุใหกองซุนเอีย ๋ น
เขาสูตาจน มิหนําซ้ํายังเกิดการรวนเรและมีความคิดแปรพักตรขึ้นภายใน ถึงขนาดจะลอบตัดศีรษะกองซุน
เอี๋ยนเอาไปใหแกสุมาอี้ จึงทําใหกองซุนเอี๋ยนตองยอมจํานนแบบคนสิ้นคิด

กองซุนเอี๋ยนไดทราบรายงานจากโอยเอี๋ยนทีก ่ ลับมาจากคายสุมาอี้แลวก็ยงิ่ ตกใจ คิดวาซึ่งสุมาอี้ไม


ยอมรับการสวามิภักดิ์ครั้งนี้ เปนเพราะคิดรายหมายสังหารตัวเราเปนแนแท จึงเรียกกองซุนสิวผูบุตรและ
ทหารคนสนิทซึ่งเปนที่ไววางใจมาสั่งการใหเตรียมกําลังทหารซึ่งไววางใจจํานวนหนึ่งพันนายไวใหพรอม

พอเวลาใกลสองยามกองซุนเอี๋ยนจึงพากองซุนสิวและทหารพันนายเปดประตูเมืองดานทิศใตหนีออกจาก
เมืองเซียงเปง พอพนออกจากประตูเมืองก็เรงฝเทามานําทหารหนีไปทางดานทิศอาคเนยอยางรวดเร็ว

กองซุนเอี๋ยนเห็นเสนทางปลอดโปรงไมมีขาศึกก็มีความยินดี เรงทหารใหรีบหนีกลับไปทางเมืองเลียวตั๋ง
แตพอออกจากเมืองไปไดหนึ่งรอยเสนถึงเนินเขาแหงหนึ่งก็ไดยินเสียงประทัดสัญญาณดังกึกกองทั้งเบื้อง
หนา สองขางทางและดานหลังพรอม ๆ กัน

สุมาอี้ขี่มาขนาบขางดวยสุมาสูและสุมาเจียวคุมทหารสกัดดานหนาไว เตียวฮองกับงักหลิมคุมทหาร
ออกมาขวางเสนทางถอยดานหลัง สวนโจจุน  ยกทหารกระหนาบเขามาทางดานซาย แฮหัวปาและแฮหัว
ฮุยคุมทหารออกมาทางดานขวา

ทหารวุยกกทั้งหนาหลังซายขวาพากันโหรองกึกกองและจุดคบเพลิงชูขึ้นสวางไสว บีบกระชับวงลอมใกล
เขามา ในขณะที่มีเสียงรองดังกองมาจากทุกทิศวา อายกองซุนเอี๋ยนเปนขบถแลวจะหนีไปไหนเลา

กองซุนเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ตกใจ เหลียวไปมองทหารทีต ่ ิดตามมาเห็นตางคนตางตกใจ ไมมีแกใจสูรบก็คด ิ


วาซึ่งจะตอสูห
 รือตีฝาหนีออกไปเห็นขัดสนนัก ดีรายก็จะถูกทหารเมืองเลียวตั๋งชวยกันจับตัวมอบใหแกสุมา

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 95

อี้ เห็นจะถึงแกความตายเปนมั่นคง ขณะทีก ่ ําลังคิดเอาตัวรอดอยูนั้น ทหารวุยกกทุกดานก็กระชับวงลอม


ใกลเขามา พลเกาทัณฑกําลังตั้งทาเล็งจะยิงเกาทัณฑเขามาพรอมกัน

กองซุนเอี๋ยนเห็นหมดทางสูสิ้นทางหนี จึงพากองซุนสิวลงจากหลังมา ตรงเขาไปหาสุมาอี้แลวคุกเขาลง


คํานับ พลางกลาววาขาพเจาทําผิดไปแลวขอทานไดโปรดไวชีวิต จะสนองคุณทานไปจนกวาชีวิตจะหาไม

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็หัวเราะ กลาววาคืนวันกอนเราเห็นลูกอุกกาบาตพุงมาจากฟาเบื้องทิศอีสาน ตกลงขาง
ทิศอาคเนยของเมืองเซียงเปงเหนือเขาซิวสัน วันนั้นเปนวันธาตุไฟ วันนี้เปนวันธาตุน้ํา เราจึงรูวาวันนี้กอง
ซุนเอี๋ยนจะตองหนีออกจากเมืองมาทางนี้ เราจึงแสรงเปดการปดลอมดานทิศใตแลวมาดักซุมอยูที่นี่ ก็ได
ตัวกองซุนเอี๋ยนตามนิมิตที่ปรากฏนั้น

บรรดานายทหารไดยินดังนั้นตางพากันสรรเสริญสุมาอี้วา รูการณในฟาอากาศเสมอดวยเทพยดา

สุมาอี้แหงนมองทองฟาดวยความกระหยิ่มยิ้มยอง แลวหันมาจองกองซุนเอี๋ยนอยูครูห
 นึ่ง กองซุนเอี๋ยนเห็น
สุมาอี้จองหนาดังนั้นก็ไมกลาสบสายตา กมหนานิ่งอยูกับที่

สุมาอี้จึงวา กองซุนเอี๋ยนนี้มีน้ําใจกําเริบคิดกบฏตอฮองเต ซึ่งจะเลี้ยงไวใหมีอํานาจสืบไปก็เหมือนปลอย


ใหเสีย
้ นตําอยูในเทา เห็นจะทําการเปนกบฏอีกเปนมั่นคง กลาวแลวจึงสั่งทหารใหคุมตัวกองซุนเอี๋ยน กอง
ซุนสิว ไปตัดศีรษะ ณ ที่นั้น

สุมาอี้ดูการประหารชีวิตกองซุนเอี๋ยน กองซุนสิว สองพอลูกเสร็จแลว จึงสั่งทหารใหเอาศีรษะเอาไปเสียบ


ไวที่หนาเมืองเซียงเปง และแบงทหารหมื่นหนึ่งใหบุกเขาไปยึดเมืองเซียงเปง สวนสุมาอี้รบ
ี นํากองทัพตรง
ไปที่เมืองเลียวตั๋ง สั่งใหโฮจุนเปนกองหนายกลวงไปกอน

พอสุมาอี้คุมกองทัพหลวงมาถึงกําแพงเมืองเลียวตั๋ง โฮจุนซึ่งยกกองทัพหนาลวงมากอนไดบุกเขายึด
เมืองเลียวตั๋งไดโดยงาย ขุนนางขาราชการทัง้ ปวงของเมืองเลียวตั๋งไดยอมสวามิภักดิ์โดยไมมีการสูร บ โฮ
จุนจึงพากรมการเมืองทั้งปวงออกมาคํานับสุมาอี้ แลวรายงานความใหสม ุ าอี้ทราบทุกประการ

สุมาอีท
้ ราบรายงานก็มีความยินดี สั่งใหเคลือ
่ นกองทัพเขาไปในเมืองเลียวตั๋ง สุมาอี้พาทหารไปทีศ
่ าลาวา
ราชการ สั่งใหควบคุมตัวบุตรภรรยาพรรคพวกของกองซุนเอี๋ยนเอาไปประหารชีวิตเจ็ดสิบกวาคน แลว
จัดแจงบานเมืองจนสงบราบคาบ

วันหนึ่งสุมาอี้ขึ้นนั่งวาราชการ ขุนนางเมืองเลียวตั๋งไดรายงานแกสุมาอี้วา เมื่อครั้งที่กองซุนเอี๋ยนคิดกบฏ


นั้น แกหวนและลุนติดซึ่งเปนราชครูและขุนนางผูใหญไดทักทวงหามปราม แตกองซุนเอี๋ยนไมฟง ใหเอา
ตัวสองขุนนางไปประหารชีวิตเสีย

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงคิดวา จําจะสําแดงอํานาจปกครองใหประจักษวาใครภักดีตอฮองเตก็จะมีความชอบ
ใครขบถตอฮองเตก็จะตองถูกลงโทษประหาร บัดนี้เราไดประหารชีวิตพรรคพวกผูก
 บฏราบคาบแลว
คงเหลือผูมค ี วามชอบแตถูกกองซุนเอี๋ยนประหารชีวติ ไปแลว

สุมาอี้คด
ิ ดังนั้นจึงประกาศวา แกหวนและลุนติดเปนขุนนางผูจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย เสียดายนักทีถ
่ ูก
ประหารชีวิตโดยไมมีความผิด ดังนั้นจึงใหฟน ฟูเกียรติภูมิของแกหวนและลุนติดเสียใหม ใหขุดเอาศพของ
แกหวนและลุนติดมาตั้งการพิธีศพอยางสมเกียรติตามตําแหนงขุนนางผูใ หญ แลวใหเอาศพไปฝงไวใน
สุสานวีรชนของเมืองเลียวตั๋ง จากนั้นจึงใหปูนบําเหน็จแกบุตรภรรยาและพรรคพวกของแกหวนและลุนติด
เปนอันมาก เพื่อเปนแบบอยางของคนทั้งปวง

เสร็จพิธศ
ี พของแกหวนและลุนติดแลว สุมาอี้จึงสั่งใหเบิกทรัพยสินเงินทองจากคลังเมืองเลียวตั๋งออกมา
แจกจายปูนบําเหน็จแกแมทัพนายกองและทหารทั้งปวงซึ่งมีความชอบ

ครั้นจัดแจงการปกครองเมืองเลียวตั๋งเปนปกติแลว สุมาอี้จึงเลิกทัพกลับจากเมืองเลียวตั๋ง และสั่งใหมาเร็ว


รีบนําความไปกราบบังคมทูลใหพระเจาโจยอยทรงทราบกอนวายึดเมืองเลียวตั๋งไดดังพระราชประสงคแลว

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยแปดสิบสองพรรษา เดือนสามพระเจาโจยอยรูส ึกไมสบายพระทัย


และทรงพระประชวร จึงเสด็จแปรพระราชฐานจากเมืองลกเอี๋ยงไปประทับที่เมืองฮูโต

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 96

คืนวันหนึ่งในขณะที่พระเจาโจยอยทรงพักผอนพระอริยาบถอยูบนปราสาทในพระราชวัง ทรงรําคาญ
พระทัยจึงเอาหนังสือมาอานแลวเคลิ้มพระองคงีบไป ในภาวะภวังคนั้นสายลมเย็นยะเยือกประดุจลมจาก
ปากของปศาจโชยพัดมาวูบหนึ่ง ตะเกียงประจํายามในปราสาทก็ดับมืดลง พระเจาโจยอยรูสึกพระองคเห็น
พระมเหสีมอซือ นางพระกํานัลและขันทีลอมรอบพระองค มีทีทา อยูในทุกขเวทนาแสนสาหัส รองทวงชีวต ิ
ที่ถูกประหารโดยไมมีความผิด พระนางมอซือมีพระราชเสาวนียวาพระองคกอ  กรรมทําเข็ญ ประหัตประหาร
ผูคนซึ่งไมมีความผิดเปนจํานวนมาก พระองคทําลายชีวิตผูคนมากเทาใด พระชนมายุขย ั ของพระองคก็จะ
สั้นลงเทานั้น บัดนี้กรรมตามมาทันแลว พวกเราจึงมาทวงความยุติธรรมตอพระองค

พระเจาโจยอยเห็นดังนั้นก็รองขึ้นดวยเสียงอันดังเพราะความตกพระทัย พลัดตกลงมาจากพระแทน สลบ


สิ้นพระสติสมประดี ขันทีและราชองครักษไดยินเสียงดังก็พากันวิ่งเขามา เห็นพระเจาโจยอยสลบอยูกับพืน

ก็ตกใจ ชวยกันพยุงขึ้นไปบนพระแทนที่บรรทม แลวชวยกันแกไขจนฟนคืนพระสติดังเดิม

พระเจาโจยอยไดสติแลวก็มีอาการหวาดผวา ตรัสถามขันทีวาขณะนี้เปนเวลาเทาใด ขันทีไดกราบทูลวา


เปนเวลาสองยามแลว พระเจาโจยอยก็ทอดถอนพระทัย ทรงรําพึงวาอาการแนนในอกประหนึ่งลมหายใจ
จะหยุดดังนีม
้ ิเคยเปนมาแตกอน หรือวาอายุขย
ั เราจะสิ้นดังไดยินพระราชเสาวนียของพระมเหสีในภวังคนั้น

แตเวลานั้นมาพระเจาโจยอยก็ทรงพระประชวรหนักขึ้นโดยลําดับ ไมอาจหลับพระเนตรบรรทมไดตลอดทัง้
คืน พอรุงขึ้นจึงตรัสใหหาเลาฮองและซุนจูซงึ่ เปนขุนนางทีส
่ นิทเปนที่ไววางพระราชหฤทัยเขามาเฝา แลว
มีพระราชปรารภวาเราปวยครั้งนี้เห็นทีจะหายยาก โจฮองพระราชบุตรนั้นเพิ่งมีอายุเพียงแปดขวบ ไมอาจ
วาราชการแทนเราได ทานเห็นวาผูใดมีความจงรักภักดีมส ี ติปญญาพอทีจ ่ ะชวยสําเร็จราชการในระหวางที่
โจฮองยังเยาวได

สองขุนนางผูภ  ก
ั ดีไดฟงพระราชปรารภดังนั้นก็ปลอบพระทัยวา พระองคทรงประชวรเพียงเล็กนอย ไฉนจึง
ทรงพระวิตกถึงปานนี้ พระเจาโจยอยสายพระเศียรอยางออนลาอิดโรยแลวตรัสวา กรรมมาถึงตัวเราแลว
เรารูตัวดี อยาเซาซีส้ ืบไปเลย ใหคํานึงถึงการแผนดินขางหนาในเวลาอันเหลือนอยนี้เถิด

สองขุนนางจึงกราบทูลวา สมเด็จพระปตุลาเอี้ยนอองโจฮูซึ่งเปนพระราชบุตรในพระเจาโจผีนั้นมีสาโลหิต
เดียวกับพระองคและมิไดมักใหญใฝสูง เห็นจะตั้งใหเปนผูส
 าํ เร็จราชการแผนดินได

พระเจาโจยอยไดฟงคํากราบทูลดังนัน ้ ก็ทรงเห็นชอบ จึงตรัสใหขันทีรีบไปเชิญโจฮูเขามาเฝา แลวปรารภ


ความซึ่งจะทรงตั้งใหเปนผูสําเร็จราชการแผนดิน

โจฮูไดยินดังนัน
้ ก็ตกใจ รีบคุกเขาลงขางพระแทนแลวกราบทูลวา ขาพระองคมีสติปญญานอย ไมอาจรับ
ภารกิจอันใหญหลวงดังพระราชประสงคได ประการหนึ่งขาพระองคมศ ี ักดิ์เปนอาของโจฮอง วันหนาอาจ
ตกเปนที่ครหาไดวาคิดแยงยึดราชสมบัติ จะกอความขัดแยงขึ้นในตระกูลโจของเรา อีกประการหนึ่งขา
พระองคมีน้ําใจออนเกินไป ไมอาจบังคับบัญชาขาราชการได เพราะผูมค ี วามผิดน้าํ จิตก็ไมอาจลงโทษ ผูม
 ี
ความชอบก็ไมอาจเอื้อมบําเหน็จตามควรแกความชอบนั้น การแผนดินก็จะเสียไป

พระเจาโจยอยไดฟงคําโจฮูดงั นั้นก็ทรงเห็นดวย จึงตรัสถามเลาฮองและซุนจูวาเมือ


่ เอี้ยนอองโจฮูไม
ยอมรับหนาที่ ทานจะเห็นเชื้อพระวงศผูใดทีค
่ วรแกภารกิจอันหนักนี้

เลาฮองและซุนจูเคยเปนขุนนางเกาในสังกัดของโจจิ๋น ไดรับการทํานุบาํ รุงเลี้ยงดูจากโจจิน๋ เปนอันดี จึงมี


ความรําลึกถึงพระคุณของโจจิน ๋ ตลอดมา ครั้นเอี้ยนอองโจฮูไมยอมรับตําแหนงจึงเห็นเปนโอกาสที่จะ
สนองคุณเจานายเกา จึงกราบทูลพรอมกันวาในบรรดาเชื้อพระวงศทั้งปวงนั้น โจจิ๋นมีความจงรักภักดีตอ 
สกุลโจมากทีส ่ ด
ุ บัดนี้โจจิน
๋ ตายแลวแตโจซองผูบุตรของโจจิ๋นนั้นไดสืบทอดตําแหนงของโจจิ๋นตอมา โจ
ซองมีสาโลหิตแซโจรวมแซกับพระองค มีความซื่อสัตยจงรักภักดี เห็นจะชวยพระราชบุตรวาราชการได

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

องครักษพท
ิ ักษนาย (ตอนที5
่ 87)

พระเจาโจยอยถูกดวงวิญญาณของพระมเหสี ขันที และนางกํานัลซึ่งถูกประหารชีวต ิ โดยไมมค


ี วามผิดมา
หลอกหลอนทวงชีวิตก็ทรงพระประชวร รูพระองคเองดีวาอาการประชวรครัง้ นี้เขาขั้นวิกฤต จึงปรึกษาดวย
ขุนนางผูใกลชด
ิ เพื่อจะแตงตั้งผูสาํ เร็จราชการแผนดิน

พระเจาโจยอยไดยินนามของโจซองซึ่งเปนพระญาติสนิทและมีความคุนเคยมาแตกอนก็ทรงเห็นชอบ จึง
รับสั่งใหโจฮูกลับออกไป

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 97

พอโจฮูกลับออกไปแลว เลาฮองและซุนจูจึงกราบบังคมทูลวา แผนดินไมควรมีผูมีอํานาจเปนสอง อันเปน


ทางใหผูไมปรารถนาดียยุ งใหแตกความสามัคคีเขนฆากันเอง โจฮูนั้นก็เปนเชื้อพระวงศผใู หญ มีอส
ิ ริยยศ
เปนเอี้ยนออง มีสมัครพรรคพวกเปนอันมาก เมื่อพระองควางพระทัยจะโปรดเกลาตั้งใหโจซองเปนผูสําเร็จ
ราชการแผนดินแลว จึงชอบทีจ ่ ะโปรดใหเอี้ยนอองโจฮูออกไปอยูนอกเมืองหลวง เพื่อปองกันอันตรายใน
ภายหนา

พระเจาโจยอยไดยินคํากราบทูลก็ทรงเห็นชอบ จึงมีพระราชโองการตัง้ ใหโจซองผูบต ุ รของโจจิ๋นเปน


ผูสาํ เร็จราชการแผนดินในระหวางทีท
่ รงพระประชวร และชวยเหลือองครช ั ทายาทในการปกครองบานเมือง
ตอไปจนกวาจะบรรลุนต ิ ิภาวะ และมีพระบรมราชโองการสั่งใหเอี้ยนอองโจฮูออกไปอยูเมืองเลียวตั๋ง หามมิ
ใหเขามาในแผนดินตงงวนเวนแตจะมีหมายรับสั่ง

ครั้นโจฮูไดรับหมายรับสั่งดังนั้นก็รูความนัยวาฮองเตไมวางพระทัย โปรดใหเนรเทศออกไปอยูเมืองเลียว
ตั๋งซึ่งเปนเมืองแดนไกลก็นอยใจ แตไมอาจขัดพระบรมราชโองการได จึงเขามากราบถวายบังคมลาแลว
พาครอบครัวเดินทางไปเมืองเลียวตั๋ง

อาการประชวรของพระเจาโจยอยทรุดหนักลงโดยลําดับ ทรงคิดถึงสุมาอี้วา มีสติปญ  ญา สามารถชวยเหลือ


ราชการแผนดินของพระราชบุตรรวมกับโจซองได จึงตรัสสั่งใหมาเร็วรีบไปเชิญสุมาอี้มาที่เมืองฮูโต

ขณะนั้นสุมาอี้กาํ ลังเดินทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง ครั้นไดทราบพระบรมราชโองการ จึงสั่งใหสุมาสูและสุมา


เจียวคุมกองทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง สวนสุมาอี้พาทหารองครักษทส ี่ นิทพันคนรีบเดินทางไปเมืองฮูโต

ครั้นถึงเมืองฮูโตสุมาอี้กท
็ ราบขาวจากพรรคพวกวาฮองเตทรงพระประชวร มีพระอาการวิกฤตก็ตกใจ จึงรีบ
เขาไปเฝา แลวถวายบังคมอยูแ  ทบพระแทนที่บรรทมของพระเจาโจยอย

พระเจาโจยอยทราบวาสุมาอี้เขามาเฝาก็ดีพระทัย ตรัสดวยพระสุรเสียงอันออนอิดโรยวาเราปวยหนักอยู
แลว แตฝนทนอยูคอยทาทานพอไดสั่งเสียสักหนอยหนึ่ง

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็รองไห กราบทูลวาขาพระองคนํากองทัพกลับมาถึงกลางทาง ไดทราบวาพระองคทรง


ประชวรก็รีบรุดเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน เสียดายที่ไมมีปก หาไมแลวก็จะรีบบินเขามาเฝาในทันที ไดเขามา
ถวายบังคมในวันนี้เปนบุญของขาพระองคยิ่งนัก

พระเจาโจยอยตรัสสั่งใหขันทีเชิญโจฮองราชบุตรและโจซองผูสาํ เร็จราชการแผนดินเขามาเฝาที่พระที่
พรอมกับเลาฮองและซุนจู

พอมากันพรอมหนาแลวพระเจาโจยอยจึงยุดเอามือสุมาอี้มากุมไวแลวตรัสวา เมื่อครั้งที่เลาปปวยหนักอยูท
 ี่
เมืองเปกเตก็ใหหาขงเบงและเลาเสี้ยนเขามาพรอมกัน แลวฝากฝงเลาเสีย้ นไวกับขงเบง ครั้นเลาปต าย
แลวขงเบงก็ใหความจงรักภักดี ทํานุบํารุงเลาเสี้ยนโดยสุจริตสืบมา มิไดเสียดายแกชวี ิต จนถึงแกความ
ตายในการสงคราม เลาเสีย ้ นจึงเปนสุขมาจนถึงทุกวันนี้

พระเจาโจยอยจึงหยุดอยูครูหนึ่งแลวจึงตรัสตอไปวา “บัดนี้เราจะใหโจฮองครองราชสมบัติ ใหโจซองผู


เปนพระราชวงศชวยประคองวาราชการไปกวาอายุโจฮองจะจําเริญขึ้น ใหทา นกับราชวงศแลขุนนางทั้ง
ปวงชวยกันทํานุบํารุงโจฮองสืบไป”

แลวผินพระพักตรไปตรัสกับราชบุตรโจฮองวา อันตัวบิดานีก ้ ับสุมาอี้เสมือนหนึ่งเปนคนคนเดียวกัน บัดนี้


บิดาใกลจะตายแลว ใหเจาฝากฝงตัวคํานับสุมาอี้เปนบิดาบุญธรรมสืบไป

ตรัสแลวก็โบกพระหัตถเปนทีใหโจฮองคํานับสุมาอี้ โจฮองเปนเด็กฉลาด เห็นทวงทีของพระเจาโจยอย


ดังนั้นก็รองไห แลวโผเขาไปกอดคอสุมาอี้ไวแนน สุมาอี้เห็นดังนั้นก็ รองไห อุมโจฮองแนบไวกับอก

พระเจาโจยอยน้ําพระเนตรไหลอาบพระพักตร แลวตรัสกับสุมาอี้อีกวา “โจฮองนั้นก็มีอาลัยฝากตัวแกทาน


ทานจงเห็นแกเรา อยาไดลืมลูกนอยเสียเลย อันชีวิตเราเห็นจะตายในวันนีแ
้ ลว”

พระเจาโจยอยตรัสดังนั้นแลวก็ทรงกันแสงดวยเสียงอันดัง พลันก็เงียบเสียงไป คงมีพระสติอยูแ  ตตรัส


ประการใดไมได ทรงเอาพระหัตถชท ี้ ี่โจฮองกับสุมาอี้ แลวพระหัตถก็ตกลง เสด็จสวรรคต ณ เวลานั้น

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 98

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาขณะนั้นพระเจาโจยอยเสวยราชยไดสิบสามป เสด็จสวรรคต


เมื่อมีพระชนมายุไดสามสิบหกป

โจซองและสุมาอี้เห็นพระเจาโจยอยเสด็จสวรรคตจึงพากันรองไห พอสรางจากโศกแลวจึงใหมีหมาย
ประกาศการเสด็จสวรรคต และใหชาวเมืองไวทุกขตามประเพณี

หลังจากตั้งการพิธีพระบรมศพเสร็จแลว โจซองผูสําเร็จราชการแผนดินและขุนนางทั้งปวงไดเชิญพระบรม
ศพของพระเจาโจยอยไปฝงไวที่สสุ านหลวง ณ ตําบลโกเบงเหลงตามประเพณี

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยแปดสิบสามพรรษา เดือนสาม ขางแรม เปนวันฤกษดี โจซอง


ผูสาํ เร็จราชการแผนดินและสุมาอี้จึงไดตั้งการพิธีบรมราชาภิเษกโจฮองพระราชบุตรขึ้นเปน
พระมหากษัตริย สืบสันตติวงศแผนดินวุยกกสืบมา

อันโจฮองนั้นแทจริงแลวมิใชเลือดเนื้อเชื้อไขในตระกูลโจ และมิใชพระราชบุตรของพระเจาโจยอย เนื่อง


เพราะพระเจาโจยอยนั้นทรงเปนหมัน ไมอาจมีพระราชบุตร พระราชธิดาได แตเพื่อมิใหแผนดินสิ้น
พระมหากษัตริย จึงทรงคบคิดกับพระมเหสีลักเอาบุตรของราษฎรซึ่งไมปรากฏนามมาเลีย ้ งไวเปนพระราช
บุตร และทรงปกปดความมิใหขุนนางทั้งปวงไดรับรู ขุนนางทั้งปวงมิรค ู วามลับของฝายใน ทุกคนจึงคิดวา
โจฮองคือพระราชบุตรทีแ ่ ทจริง ครั้นโจฮองเจริญวัยขึ้นก็สําแดงความเปนเด็กฉลาด นารัก เอาอกเอาใจ
เคลาเคลียพระราชบิดาและพระมเหสี เปนทํานองรูจักเอาใจและสอพลอเกงมาตั้งแตเล็ก โจฮองจึงเปนที่
โปรดปรานของพระเจาโจยอยและพระมเหสี ดังนั้นเมื่อสิ้นแผนดินพระเจาโจยอย อํานาจปกครองแผนดิน
ของตระกูลโจที่โจโฉหมายมัน ่ ปนมือใหสืบทอดสันตติวงศครองอํานาจเปนใหญในแผนดินจึงสิ้นสุดลง ณ
บัดนั้น และ ณ บัดนี้ราชสมบัติในแผนดินตงงวนจึงตกเปนของคนซึ่งไมรูเทือกเถาเหลากอนามโจฮองดวย
ประการฉะนี้

พระเจาโจฮองเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติโดยมีโจซองเปนผูส  ําเร็จราชการแผนดิน และสุมาอี้เปนผูช


 วย
ผูสาํ เร็จราชการแผนดินแลว จึงโปรดใหสถาปนาพระมเหสีโกยฮุยหยินขึ้นเปนพระราชชนนีที่ไทเฮา และ
ทรงตั้งศักราชประจําพระองควา ศักราชเจี้ยสี แตบรรดาราชการทั้งปวงนัน ้ ทรงมอบหมายใหโจฮองผูสาํ เร็จ
ราชการแผนดินและสุมาอี้ผช ู วยผูส
 ําเร็จราชการแผนดินรวมกันวากลาวทั้งสิน

โจซองเปนเชื้อพระวงศผูออนนอมถอมตน และยําเกรงผูใ หญ ดังนั้นราชการงานสิ่งใดก็จะปรึกษาหารือ


รวมกับสุมาอี้ เปนตนแบบของการมีผส ู ําเร็จราชการรวม และเปนตนแบบของการครองตําแหนงรัฐมนตรี
รวมใหรัฐบาลของกัมพูชายึดถือปฏิบัติในระยะเกือบสองพันปหลังตอมา

แตโจซองนั้นเปนผูถือลัทธิเสพสุข รักการบันเทิงเริงรื่นครบครัน ดังนั้นการคบหามวลมิตรสหายทั้งหลายจึง


คบหากับคนทีม ่ ีอัธยาศัยเปนอยางเดียวกัน แตละวันมีการเลี้ยงดูสนุกสนานกันเปนการเอิกเกริก ถึงกับตั้ง
เรือนรับรองขนาดใหญสาํ หรับเลี้ยงดูผูคนไดถึงหารอยคน แตละวันมีเพื่อนกินมารวมสังสรรคเฮฮาเสพสุข
ถึงหารอยคน

ในบรรดาสหายสนิทของโจซองนั้น มีขุนนางอยูหาคนทีส ่ นิทสนมไววางใจเปนพิเศษไดแก โฮอั๋น เตงเหยี


ยง หลีซิน เตงปด และปดหวน ทั้งหาคนนีถ ้ อ
ื ไดวาเปนคอหอยและลูกกระเดือกของโจซอง เสพสุรา นารี
และอาหาร ก็รวมการรวมกินรวมเสพไมเคยหางแมแตสักวันเดียว และทั้งหาคนนี้กท ็ าํ ตัวเปนองครักษ
พิทักษโจซอง จัดการแอบอางการทั้งปวงตามอําเภอใจ จัดการประการใดหรือจะกลาวความประการใด โจ
ซองก็เชื่อฟงทัง้ สิ้น นับวาเปนตัวอยางของการมีเพื่อนกินที่ขึ้นชื่อลือชาที่สดุ เชื้อพระวงศหนุมผูค รอง
ตําแหนงผูส ําเร็จราชการแผนดินที่มีเพื่อนกินสนิทหาคน และเพื่อนกินประจําอีกหารอยคนนี้จึงเปนเรื่อง
ฮือฮาลือลั่นอยูในประวัติศาสตรจวบปจจุบัน

แตในคนหมูมากนั้นก็ยอมมีคนดีมีฝมืออยูบาง นั่นคือฮวนหอมซึ่งเปนขุนนางฝายกรมนา มีสติปญ ญา


ปรากฏประจักษแกขุนนางทั้งปวง เนื่องเพราะมีวส ิ ัยบัณฑิตติดตัวอยูบา งเชนนี้ ฮวนหอมจึงมิไดใกลชด

สนิทสนมกับโจซองเหมือนกับหาขุนนางองครักษ ยามใดทีร่ าชการของโจซองติดขัดเปนปญหา ก็ไดอาศัย
ความคิดสติปญญาของฮวนหอมคิดอานแกไขชี้นํา ดังนัน
้ โจซองจึงไววางใจฮวนหอมในฐานะที่เปนผู
ชวยเหลือแกไขปญหาและวิกฤตตางๆ และเรียกหาฮวนหอมเขามากินอยูเสวนาถึงในจวนเปนประจํา

ยอมเปนธรรมดาขององครักษพิทักษนาย แตไหนแตไรมาไมวาอดีตหรือปจจุบันแมในอนาคตยอมเปน
อยางเดียวกันทัง้ สิ้น คือรักนาย หวงนาย ถือตัวเปนเจาของครอบครองนาย กีดกันผูอื่นมิใหเขาใกลนาย
ดวยเกรงวานายจะแบงความรักความวางใจไปให และไมตอ  งการใหใครใดใหญยิ่งเสมอดวยนายตน ดังนั้น
หาองครักษพทิ ก
ั ษนายจึงรวมกันคิดอานจะใหโจซองครองอํานาจเปนใหญในแผนดินแต ผูเดียว เพราะ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 99

ยิ่งโจซองครองอํานาจเปนใหญเพียงใด อํานาจวาสนาและลาภยศของหาองครักษพิทักษนายก็จะบริบูรณ
พูนสุขมากขึ้นเพียงนั้นดวย

เมื่อหาองครักษพิทักษนายคบคิดกันดังนั้นแลว โฮอั๋นจึงทําหนาที่เปนหัวหอกเสนอความคิดแกโจซองวา
“ตัวทานเปนเชือ
้ พระวงศ พระเจาโจยอยก็ใหเปนผูชวยราชการ ขาพเจาเห็นสุมาอี้มีใจกําเริบสูงศักดิ์อยู ซึง่
ทานจะไปคํานับสุมาอี้นั้นไมควร”

เอาเขาแลว! หาองครักษพท ิ ก
ั ษนายมิไดคาํ นึงวาสุมาอี้เปนกําลังของแผนดินในการปกปองคุมครองรักษา
ความปลอดภัยแหงแควน ไมคํานึงวาสุมาอี้เปนเสาหลักที่ค้ําจุนแผนดินและอํานาจรัฐตามคําสั่งเสียของ
พระเจาโจยอย คิดแตจะใหนายตัวครองอํานาจเปนใหญอยูแ  ตผูเดียว เพื่อพวกตนจะไดเสวยอํานาจวาสนา
มากขึ้น โดยหารูไมวาการยุยงเชนนั้นคือการรื้อถอนรากฐานแหงอํานาจทั้งของแควน ของฮองเต ของโจ
ซอง และรวมทัง้ ฐานอํานาจของตนเองดวย

โจซองไดฟงดังนั้นก็แยงวา สุมาอี้ก็เปนที่มหาอุปราช ตัวเราเปนผูสําเร็จราชการแผนดิน ไดรับการฝากฝง


จากฮองเตในพระบรมโกศใหชว ยกันประนอมพรอมใจ รวมทํานุบํารุงฮองเตและบานเมืองใหรมเย็นเปนสุข
สุมาอี้เลาก็อาวุโสดวยอายุ มีความรูแ ละสติปญ ญา ซึ่งจะไมใหเราเคารพนับถือรวมปรึกษาราชการดวยนัน ้
ไมควร

โฮอั๋นเปนผูฉลาดในการเพ็ดทูลอันเปนคุณสมบัติธาตุประจําตัวของพวกองครักษพิทักษนาย พอไดยินโจ
ซองกลาวดังนัน ้ ก็จุดพลุระเบิดขนาดใหญเขาใสกลางใจของโจซองวา ทานจะคิดอานดังนี้ไมชอบ ทานลืม
เสียแลวหรือวาเมื่อครั้งที่โจจิ๋นบิดาทานยังมีชวี ิตอยูนั้น ถูกสุมาอี้เหยียดหยามขามหนาขามตาเปนอาจิณ
เมื่อครั้งที่โจจิ๋นและสุมาอี้ไปทําสงครามกับกองทัพเมืองเสฉวน สุมาอี้ก็ไดทาทายทําการใหโจจิ๋นไดอาย
จนตรอมใจถึงแกความตาย คนทั้งปวงก็รูทวั่ กัน ขาพเจาเปนแตคนนอกก็ยังคุมแคนสุมาอี้ไมเคยคลาย
ทานจะมาหลงนับถือศัตรูผูเขนฆาบิดาดังนีจ ้ ะควรไฉน

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย “ยกขึ้นหิ้ง” (ตอนที5


่ 88)

โจซองผูส  ําเร็จราชการแผนดินและสุมาอี้มหาอุปราชไดรวมกันทํานุบํารุงพระเจาโจฮองไมทน
ั นานก็เริ่มมี
ความขัดแยงทางการเมืองเกิดขึ้น เนื่องจากหาองครักษพท ิ ก
ั ษนายของโจซองยุยงโจซองใหครองอํานาจ
ไวแตผูเดียว โดยอางเหตุการณทส ี่ ุมาอี้เหยียดหยามขามหนาขามตาจนโจจิ๋นบิดาของโจซองถึงแกความ
ตาย

โจซองไดยินความหลังสะกิดใจใหราํ ลึกถึงความคับแคนของบิดา พลันความแคนพยาบาทก็พลุงพลานขึ้น


เห็นดีเห็นงามไปกับความเห็นของโฮอั๋น โฮอั๋นเห็นเปนทีจงึ เรียกเพื่อนองครักษเขามาพรอมกัน แลวกลาว
วาความแคนของทานก็เหมือนความแคนของพวกขาพเจา มีการสิ่งใดทานจงวางใจใหพวกเราไดคด ิ อาน
ทําการจนกวาจะสําเร็จ

โจซองจึงปรึกษาวาหลังจากสุมาอี้ไดชัยชนะในสงครามเมืองเลียวตั๋งแลวก็คุมอํานาจทางทหารไวเปนอัน
มาก จะคิดอานประการใดจึงจะใหสม ุ าอี้หลุดพนไปจากวงจรแหงอํานาจได

หาองครักษพท ิ กั ษนายเห็นโจซองตัดสินใจกําจัดสุมาอี้ใหพน  หนทางแหงอํานาจก็ดีใจ ปรึกษาพรอมกัน


แลวเห็นวาสุมาอี้นี้เปนขุนนางผูมีอาวุโส มีความรูประสบการณเปนอันมาก ควรแกตําแหนงราชครู และหาก
สุมาอี้ไดรับแตงตั้งใหเปนราชครูแลวก็จะหลุดพนไปจากอํานาจทางการทหาร

เมื่อตกลงกันดังนั้นโจซองจึงนําความไปปรึกษาหารือกับขุนนางทั้งปวง ซึ่งลวนแลวแตมค
ี วามสัมพันธ
ใกลชิดกับตระกูลโจ ขุนนางทั้งปวงจึงเห็นดวย ครั้นถึงวันพระเจาโจฮองเสด็จออกวาราชการ โจซองจึง
กราบบังคมทูลใหโปรดเกลาตัง้ สุมาอี้เปนราชครู มีหนาทีถ
่ วายคําแนะนําสั่งสอนวิทยาการทัง้ ปวง

บรรดาขุนนางซึง่ เห็นดีเห็นงามกับความคิดของโจซองอยูกอนแลว ไดชว ยกันเพ็ดทูลเปนอยางเดียวกันวา


ฮองเตยังทรงพระเยาว ชอบทีจ ่ ะตองมีราชครูตามประเพณี เพื่อแนะนําสั่งสอนเกี่ยวกับการปกครองและการ
บริหารราชการแผนดินทั้งปวง

สุมาอี้เห็นดังนัน
้ ก็รูวาโจซองและเหลาขุนนางคิดอานวางแผนการยกเอาตัวขึ้นไวบนหิ้ง ใหหลุดพนออกไป
จากอํานาจทางการทหาร เปนแผนการที่โจซองจะยึดอํานาจปกครองไวแตผูเดียว แตตําแหนงราชครูก็เปน
ตําแหนงสูงสง เปนตําแหนงซึ่งใกลชด ิ และไววางใจของฮองเตอันถือเปนการแผนดินที่สาํ คัญ เปนแตไมมี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 100

อํานาจทางการทหาร ครั้นจะปฏิเสธหรือบายเบี่ยงก็อาจถูกกลาวหาไดวา มีวาระซอนเรนในใจ ตองการ


ครองอํานาจทางการทหารเพื่อกอการกบฏตามขาวที่เลาลือมาแตกอน สุมาอี้แมรแ
ู ผนการก็ไมอาจกราบ
ทูลทัดทานประการใดได จึงไดแตกมหนานิ่งอยูหนาพระราชบัลลังก

พระเจาโจฮองเห็นการตองดวยประเพณี และขุนนางทั้งปวงปรึกษาเห็นชอบพรอมกันดังนัน ้ แลว จึงมีพระ


บรมราชโองการโปรดเกลาตั้งใหสมุ าอี้มีตําแหนงเปนราชครู พนจากหนาที่การงานอื่นทัง้ ปวง และโปรด
เกลาตั้งใหโจซองครองตําแหนงมหาอุปราชแทนสุมาอี้อีกตําแหนงหนึ่ง

นับแตนั้นมาอํานาจการปกครองบานเมืองทั้งทหาร พลเรือน ทั้งภายในภายนอกราชสํานักจึงตกอยูในมือ


ของโจซองทั้งสิ้น

ครั้นอํานาจการปกครองตกอยูใ นมือของโจซองแตผูเดียวแลว โจซองก็กําเริบในอํานาจวาสนากวาแตกอ  น


ตั้งพี่นองในตระกูลโจสามคนเปนขุนนางผูใหญทั้งฝายทหารและพลเรือน คือตั้งใหโจอี้ผูนองเปนนาย
ทหารเอกตําแหนงผูช  วยผูบญ
ั ชาการทหารสูงสุด ตัง้ ใหโจหุนนองรองเปนทหารเอกมีตําแหนงหนาที่
ปองกันระมัดระวังรักษาชายแดน และตัง้ ใหโจงานนองคนสุดทองเปนขุนนางผูใหญประจําสํานักราช
เลขาธิการ มีหนาที่ถวายหนังสือราชการและเสนอความคิดเห็นตอพระเจาโจฮอง ทั้งโจอี้ โจหุน และโจ
งานมีทหารองครักษประจําตัวคนละสามพันนาย ประกอบดวยอิสริยยศเปนอันมาก หากเดินทางไปแหงหน
ตําบลใดมีผูเดินตัดหนาขบวน ก็ใหอาญาสิทธิ์จับประหารชีวต ิ ไดตามทีจ่ ะเห็นสมควร

และยังมอบหนาที่พิเศษแกโจอี้ โจหุน และโจงาน ใหทําหนาที่รักษาความปลอดภัยของพระราชวัง


ควบคุมกรมทหารราชองครักษและทหารมหาดเล็กรักษาพระองคอีกดวย

เพื่อกระชับอํานาจใหแนนแฟนยิ่งขึ้น โจซองจึงปูนบําเหน็จใหแกหาองครักษพิทักษนาย ใหโฮอั๋น เตงเหยี


ยง เตงปด เปนขุนนางประจําสํานักราชเลขาธิการ ดูแลการในราชสํานักทั้งหมด ใหปดหวนเปน
ผูอํานวยการกองกําลังรักษาพระนคร และตรวจตราวินัยขุนนางที่กระทําความผิดวินย ั สวนหลีซินใหเปนขุน
นางเจากรมการปกครองชั้นใน ควบคุมดูแลหัวเมืองชั้นในทีต ่ ด
ิ ตอกับเมืองหลวงรวมยี่สิบเอ็ดหัวเมือง

โจซองมีอํานาจวาสนาเพิ่มมากขึ้น หาองครักษก็มีอํานาจวาสนาเพิ่มขึ้นตาม และยิ่งเพิ่มความเขมขนใน


การทําหนาที่องครักษพิทักษนายมากขึ้นโดยลําดับ สามกกฉบัฝบเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา หา
องครักษพิทักษนายนี้ “พิทักษรักษาโจซองทั้งกลางวันกลางคืน”

คงเหลือแตฮวนหอมเทานั้นแมวาจะเปนผูมีสติปญญาและเปนที่พึ่งพาทางความคิดชวยโจซองแกไขวิกฤต
ตลอดมา กลับมิไดรับแตงตัง้ ใหมีอํานาจวาสนาเพิ่มขึ้น เพราะเหตุที่ฮวนหอมมิไดแวะเวียนเขาหาใกลชด

เหมือนกับหาองครักษพิทักษนาย ดังนั้นตําแหนงตางๆ จึงถูกจัดสรรไปจนหมดสิ้น ประหนึ่งฮวนหอมจะถูก
ลืมไปแลวฉะนัน

เปนธรรมดาของอํานาจวาสนา มีศูนยกลางตัง้ อยูทผ


ี่ ูใด ผูค
 นก็ยอมหลั่งไหลเขาไปหา เหตุนี้ “บาวไพรขุน
นางทั้งปวงชวนกันเขาอยูดวยโจซองเปนอันมาก” ในแตละวันบรรดาเพื่อนกินที่เคยมีอยูถึงหารอยคนก็เพิ่ม
จํานวนมากขึ้น จากการแตงโตะเลี้ยงวันละเวลาก็เพิ่มเปนวันละสามเวลา ผลัดเปลีย ่ นเวียนหนากันเขาหา
ทั้งวันคืน

โจซองและหาองครักษพิทักษนายจึงตองทําหนาทีต ่ อนรับขับสูแขกเหรื่อที่แวะเวียนเขามาหาตลอดทั้งวัน
ทั้งคืน สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “โจซองกับที่ปรึกษาหาคนก็ชวนกันเสพสุราทุกวันมิได
ขาด โจซองนั้นแตงตัวเหมือนพระเจาโจฮอง ถามีเครื่องบรรณาการหัวเมืองมาถวาย โจซองก็เลือกเก็บเอา
ของดีไวตามชอบใจ”

เมื่อเรื่องเกียรติและเรื่องกินพรัง่ พรอมลนหลามดังนี้แลว เรือ


่ งกามก็ตามมา ฝายเตียวตองซึ่งเปนเจากรม
ขันที เห็นโจซองมีอํานาจวาสนาควบคุมการในราชสํานักไวในมือทั้งสิ้นก็คิดสรางความชอบ พอรูการที่
เปนไปขางในจวนของโจซองก็อานรูปการความคิดของโจซองออกวามีความกําเริบมักใหญใฝสูง ติดยึด
มักมากในการเสพเสวยสุขประหนึ่งเปนฮองเตเสียเอง บรรดาเนื้อวัวเนื้อควายเนื้อกระตายและเนื้อแพะโจ
ซองยอมเสพสิน ้ ทุกสิ่งแลว คงเหลือแตเนื้อหงสซึ่งยังไมเคยลิ้มรสและเปนวิสัยทีค
่ นมักใหญใฝสูงแบบโจ
ซองนี้จะมีความปรารถนาขั้นสูงสุด

เตียวตองอานความปรารถนาของผูมักใหญใฝสูงแบบโจซองออกกระจางแลว จึงลอบจัดนางพระสนมอัน
เปนบาทบริจาริกาของฮองเตในพระบรมโกศ ซึ่งมีรูปโฉมสะคราญ ผิวพรรณผุดผองดั่งผิวหยวกเนื้อในเจ็ด
แปดคนเอาไปมอบบรรณาการแกโจซอง แลวกระซิบกระซาบใหรค
ู วามนัยวานางผูเ ปนบาทบริจาริกาใน
ฮองเตพระองคกอนทั้งแปดคนนี้ใชจะงดงามสคราญตาแตรูปโฉมภายนอกก็หาไม ความงามงดสดใส

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 101

ภายในซึ่งไมมีใครใดในแผนดินรูเห็น ยังล้ําเลิศกวาที่เห็นแตภายนอกมากนัก ทั้งการปรนนิบัติพัดวีรับใชใน


เชิงชั้นกามกลก็ไดรับการฝกฝนอบรมเปนอยางดี นับเปนเนื้อหงสฟาอันประเสริฐล้ําเลิศที่ไมมีผใู ดใน
แผนดินไดลิ้มรส

โจซองผูพรั่งพรอมดวยอํานาจทรัพยสิ่งศฤงคารทุกประการ ครั้นเห็นของบรรณาการดังนั้นก็ตองใจลึก
ยอมรับเอาของบรรณาการนัน ้ ดวยความเต็มใจ และมอบขาวของเงินทองเปนบําเหน็จแกเตียวตองเปนอัน
มาก

หลังจากนั้นมาเตียวตองจึงกลายเปนคนใกลชด ิ ทีส
่ นิทวางใจ การใดในราชสํานัก เตียวตองก็นํามารายงาน
แกโจซองทั้งสิน
้ โจซองก็ปูนบําเหน็จแกเตียวตองเปนอันมากทุกครั้งไป ตางฝายตางตอบสนองความ
ตองการและความปรารถนาของกันและกันอยางเต็มที่

เพราะเหตุที่ฮองเตยังทรงพระเยาว เตียวตองจึงสามารถปลีกตัวใชอํานาจแหงราชสํานักกะเกณฑหญิงงาม
อันเปนบุตรสาวชาวบานจากทัว่ แควน แบงสรรปนสวนมาบรรณาการใหกับโจซองสําหรับขับรองประโคม
และประโลมใจในยามเปลีย ่ วอีกกวาสี่สิบคน

ผูคนลนหลามมากขึ้นดังนี้ หองโถงของจวนใหญซึ่งใชเปนที่สโมสรของคนทั้งปวงที่แวะเขาหาก็คับแคบ
ลง โจซองจึงใหเกณฑชางฝมือดีเกือบพันคนมาทําการกอสรางสโมสรสําหรับจวนผูส  ําเร็จราชการแผนดิน
ขึ้นใหมอีกหลังหนึ่ง ตบแตงดวยวัสดุล้ําคาราคาแพง และใชจต
ิ รกรฝมือดีวาดลวดลายอันประณีตงดงาม
ตระการตา เรงใหทําการทั้งกลางวันและกลางคืน

บารมีของโจซองทั้งอํานาจวาสนาและความสุขสโมสรจึงเอิกเกริกครึกโครมยิ่งกวายุคใดสมัยใด บรรดาขุน
นางขาราชการและพอคาวาณิชจึงหลั่งไหลเขาหาโจซองมากขึ้นทุกที

โจซองกําเริบในอํานาจวาสนาดังนี้แลว จึงบริหารราชการแผนดินตามอําเภอใจ

ฝายสุมาอี้นับแตไดรับตําแหนงเปนราชครู รูท
 วี าถูกกีดกันออกจากอํานาจการบริหารจึงพาลไมเขามาเฝาใน
ทองพระโรงในขณะที่พระเจาโจฮองเสด็จออกวาราชการ คงปฏิบัติหนาที่อบรมสั่งสอนพระเจาโจฮองตาม
หนาที่ของราชครูเทานั้น

แมกระนั้นแลวโจซองก็ยังไมวางใจในสุมาอี้ สั่งทหารใหไปตั้งกองรักษาการณที่หนาจวนของสุมาอี้ คอย


ตรวจสอบผูคนเขาออกจวนของสุมาอีท ้ ั้งกลางวันและกลางคืน ขุนนางขาราชการทั้งปวงรูนย
ั อันเปนไปทาง
การเมืองจึงใชกระบวนทารูห
 ลบเปนปก รูหลีกเปนหาง รูรักษาตัวรอดเปนยอดดี พากันหลีกลี้หนีหายไป
จากจวนของสุมาอี้จนหมดสิ้น

จวนสุมาอี้จึงมีแตความเงียบเหงาเปลาเปลี่ยววังเวง เมื่อกลับจากการสั่งสอนวิทยาการแกฮองเตผูเยาวแลว
สุมาอี้จึงไดแตปลูกผัก เดินเลนอยูภายในบานเทานั้น

แรงกดดันทางการเมืองไมเพียงแตมีกับตัวสุมาอี้เทานั้น ยังกดดันไปถึงสุมาสูและสุมาเจียวผูบุตรของสุมาอี้
ดวย ทั้งสุมาสูและสุมาเจียวนอยใจจึงลาออกจากราชการมานอนเลนอยูกับบาน

หลังจากสุมาสูและสุมาเจียวลาออกจากราชการแลว ตระกูลสุมาก็หมดอํานาจทางการทหารอยางสิ้นเชิง
โจซองจึงยิ่งกําเริบ ทําการทั้งปวงตามอําเภอใจ เดินทางไปแหงหนใดก็ตั้งขบวนแหประดุจดังขบวนเสด็จ

ฝายโฮอั๋นหัวโจกใหญของหาองครักษพิทักษนาย เปนผูหลงใหลในคําพยากรณ ยามวางก็ใหหานัก


พยากรณมาดูโชคชะตาราศี นักพยากรณเหลานั้นดูจากปรากฏการณขางนอกเห็นโฮอั๋นเรืองอํานาจวาสนา
เปนที่วางใจสนิทของโจซอง ก็พากันทํานายทายทักวาเปนผูมีบุญมาเกิด มียศศักดิ์ วาสนาและอายุยืนยิ่ง
กวาใคร โฮอั๋นก็พอใจ มอบขาวของเงินทองเปนบําเหน็จแกหมอดูจํานวนมาก

โฮอั๋นไดยินวากวนลอแหงเมืองเพงงวนกวนเปนผูชํานาญการพยากรณ มีกิตติศัพทลือเลื่อง จึงเชิญกวนลอ


มาดูลักษณะนรลักษณวาสืบไปเมื่อหนาวาสนาจะกาวหนาไปถึงไหน พรอมกับเลาความฝนใหฟงวาเมื่อ
สองสามวันมานี้ไดฝนเห็นแมลงวันหลายสิบตัวบินมาเกาะอยูที่ปลายจมูกจะดีรายประการใด และจะเปน
นิมิตหมายวาตัวเราจะไดครองตําแหนงมหาอุปราชซึ่งโจซองครอบครอง กับตําแหนงผูส  ําเร็จราชการ
แผนดินหรือไม

กวนลอจับยามตามคัมภีรอี้จิงและพิเคราะหดน
ู รลักษณของโฮอั๋นประกอบแลว เห็นจมูกโดงมีฐานจมูกใหญ
จึงพยากรณวาลักษณะจมูกของทานดุจดั่งขุนเขา เปนที่ตั้งแหงอํานาจวาสนาในชีวต
ิ ของทาน แตแมลงวัน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 102

นั้นเปนของโสโครก เกาะกินแตสิ่งสกปรก ซึง่ ความฝนอันประกอบกับนรลักษณดังนี้จึงพยากรณวา อํานาจ


วาสนาที่มีอยูกาํ ลังถูกสิ่งปฏิกล
ู เกลือกกลั้ว การซึ่งคิดไวจะเปนอันตรายแกตัว ชอบทีจ
่ ะระงับความคิดนัน

เสีย จึงจะมีความจําเริญสืบไป

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุคําพยากรณของกวนลอวา “ทานจะมีความสุขอยู แมลงวันนัน ้


เปนของโสโครก อันจมูกนั้นเหมือนตนไมสูง มีกลิ่นหอม บัดนี้ทานมียศถาศักดิ์อยูแลว จงประหยัดอยาเห็น
แกของดี ถาไมฟงจะมีอันตรายเหมือนลมพายุพัดมาตองไมสูงหักลง แมทา นละโลภเสียได อุตสาหบํารุง
ตนโดยสัตยซื่อก็จะไดมียศถาศักดิ์จําเริญขึ้นไป”

เตงเหยียงเพื่อนองครักษพิทักษนายของโฮอั๋นไดยินคําทํานายไปในทางรายก็โกรธ ตําหนิกวนลอวาทาน
พยากรณดังนี้เหมือนคนมิรต
ู ํารา คิดจะใหตกใจกลัวแลวใหทานแตงการพิธีสะเดาะเคราะหกระนั้นหรือ

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ปรัชญาสอนใจของสุมาอี้ (ตอนที5
่ 89)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบเอ็ดพรรษา โจซองคุมอํานาจแควนฮุยอยางเบ็ดเสร็จ ไม


วาราชการฝายทหาร พลเรือน ไมวาราชการขางในและขางนอกราชสํานัก ทําใหโจซองและพรรคพวกยิง่
กําเริบ ถึงขนาดโฮอั๋นหัวโจกองครักษพิทักษนายก็ริอานคิดจะเปนมหาอุปราช

กวนลอไดยินคําเตงเหยียงหนึง่ ในองครักษพท ิ ักษนายไมพอใจคําพยากรณที่ใหโฮอั๋นเลิกความคิดทีจ ่ ะได


ตําแหนงมหาอุปราช จึงกลาววาซึ่งทานเห็นวาคําทํานายไมเปนไปตามตํารานั้นก็จริงอยู ตัวขาพเจานี้หาได
ทํานายตามตําราไม แตพยากรณไปตามคําเลาขานของผูเฒาผูแกอันมีมาแตโบราณ ผูใ ดเชื่อฟงคําก็จะ
จําเริญสืบไป หากผูใดไมเชื่อฟงก็จะมีอันตรายดวยประการตางๆ

กวนลอกลาวแลวก็ลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อเดินกลับออกไป โฮอั๋นและเตงเหยียงเห็นดังนัน
้ ก็พากันหัวเราะ
เตงเหยียงเกรงวาโฮอั๋นจะวิตกดวยคําทํานาย จึงแสรงกลาววาโบราณวาอยาถือคนบา อยาวาคนบวช อยา
สวดคนเมา กวนลอนี้ดูทท ี าจะเปนคนวิกลจริต ฟงคําเปนแกนสารมิได

ฝายกวนลอเมื่อกลับออกจากจวนของโฮอั๋นแลวไดเดินทางกลับไปเมืองเพงงวนกวน ผูเปนนาชายเห็นกวน
ลอกลับมาดังนัน้ จึงถามวา เจาไปเมืองหลวงครั้งนี้ไดความประการใด กวนลอก็เลาเนื้อความซึ่งได
พยากรณชะตาของโฮอั๋นใหนาชายฟงทุกประการ

นาชายของกวนลอไดฟงความก็ตกใจ กลาววาคําเจากลาวกระทบใจขุนนางผูใหญในผูสาํ เร็จราชการ


แผนดินโจซองดังนี้ ไมเกรงหรือวาอันตรายจะมาถึงตัวตามทํานองปลาหมอตายเพราะปาก

กวนลอไดยินก็หัวเราะแลวกลาววา “โฮอั๋นกับเตงเหยียงเปนคนถึงตายอยูแ
 ลวกลัวอะไร”

นาชายของกวนลอจึงถามวา เหตุใดเจาจึงกลาววาโฮอั๋นและเตงเหยียงจะถึงแกความตายเลา

กวนลอจึงวา ขาพเจาไดพิเคราะหดรู ูปรางลักษณะและกิรย ิ าของโฮอั๋นและเตงเหยียงแลว เห็นพลังชีวิตบน


ใบหนาเหลือนอยริบหรี่เต็มที สีเลือดฝาดอันพึงมีแกใบหนาของขุนนางผูมีอํานาจวาสนาจางหายไป
ปรากฏเงาสีเขียวดําซึมซานอยางเห็นไดชด ั ตรงหวางคิ้วมีเงาสีดําทาทาบทั้งสองคน ดังนี้ขาพเจาจึงรูวา
ทั้งโฮอั๋นและเตงเหยียงใกลจะถึงแกความตายแลว ถึงแมจะมีอํานาจวาสนาปานใด อํานาจและวาสนานั้นก็
จะลางผลาญตัวเอง เห็นวาในไมชาอันตรายก็จะมาถึง อยาไดพักสงสัยเลย

นาชายไดยินคํากวนลอดังนั้นก็ไมเชื่อ กลาววาอํานาจราชศักดิ์ในแผนดินทุกวันนี้อยูในเงือ
้ มมือโจซองสิน

ผูคนเลาก็พรักพรอม ขุนนางที่เปนศัตรูก็ถูกกําจัดไปจนหมดสิ้น ใครไหนจะกลาบังอาจทําอันตราย แลว
กลาววาดูทาเจาเห็นจะเสียจริตเปนแนแท

กวนลอไดฟงคํานาชายดังนั้นก็หัวเราะ แลวเดินกลับไปที่พก

ฝายสุมาอีห้ ลังจากถูกยกขึ้นหิง้ เปนราชครูหมดสิ้นอํานาจวาสนาในทางการทหารและการปกครอง ก็ไดแต


จับเจาอยูทบี่ าน นานวันเขาก็ตรอมใจและลมปวยลง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 103

สุมาสูและสุมาเจียวทราบขาววาสุมาอีผ
้ ูบิดาปวยก็ตกใจ พากันมาเยี่ยมสุมาอีถ
้ ึงทีห
่ องนอน สุมาเจียวรักนับ
ถือบิดาเปนอันมาก เห็นบิดาปวยก็ตองการเอาใจ เห็นเด็กรับใชอุนหมอยาเสร็จแลว จึงรับเปนธุระรินยาใส
ถวยดวยตนเอง แลวถือเขาไปหาสุมาอี้

สุมาเจียวเปายาใหพอคลายรอนแลวเอาชอนตักยาขึ้นมาชิม พลางบนวายานี้ขมนัก ทานพอจะดื่มยาไหว


หรือ

สุมาอี้พยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงแลวกลาววายาขมยอมมีสรรพคุณในการรักษาโรค คําคนที่ไมตองหูมักมี
ประโยชน สืบไปเบื้องหนาเจาทั้งสองจงจําคําเราไวใหจงดี อันตรายที่จะบังเกิดแกผูมีอํานาจวาสนานั้นมัก
มีมาแตคําคน ดวยวิสย ั ใจคนยอมรักยอมพึงใจยอมปรารถนาในคําหวาน สิ่งใดหวานตองใจก็มักจะเชื่อถือ
รับฟง ลืมเฉลียวคิดวาเปนจริงหรือไมและเปนประโยชนจริงหรือไม เพราะโลกนิยมเปนดังนี้ผูมักแสวงหา
ประโยชนจึงฝกฝนจนชํานาญในการกลาวคําใหไพเราะเสนาะหวานหูแกผูมีอาํ นาจ เนื้อแทแลวหาไดมุงให
ประโยชนแกผม ู ีอํานาจไม หากหวังเอาประโยชนและความชอบทีผ ่ ูมีอํานาจจะประทานใหตางหาก

สุมาอี้กลาวแลวจึงรับเอาถวยยาจากสุมาเจียวมาดื่มจนหมดถวย

สุมาสูเห็นบิดาดื่มยาแลวจึงกลาววา ทานพอตกระกําลําบากก็เพราะไอโจซองนี้โดยแท มีโอกาสเมื่อใดจะ


สับเสียใหเปนชิน
้ ไมใหกากินติดคอเลย

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงเตือนบุตรทั้งสองวา ไยเจาจึงตองกลาวคําดังนี้เลา หาเปนประโยชนอันใดไม ความ


คับแคนพยาบาทอันใดมีอยูในใจ ยอมตองถือเอาเปนความลับอันยิ่งยวด จะเปดเผยแพรงพรายใหผูใด
ลวงรูมิไดเปนอันขาด หากพลัง้ พลาดยอมอาจถึงตายได แมเปนบานของเราเองก็วางใจมิได ดวยหนาตาง
นั้นมีหู ประตูนน ั้ มีตา จะปลอยปากไปตามอารมณกลาวความ ซึ่งเปนอันตรายแกตวั โดยหาประโยชนอันใด
มิไดดังนี้ เจาจงจําไวอยากระทําการดังนี้อีก

สุมาเจียวไดยินดังนั้นจึงกลาววา ทานพอมีสติปญญาและมีความชอบแกแผนดินเปนอันมาก จะปลอยใหโจ


ซองทําหยาบชาแกฮองเตและราษฎรสืบไปหรือ

สุมาอี้จึงวา ความรูส
 ึกนึกคิดของเจาเปนอยางไรเจาก็รูอยูแ
 กตัว รูดังนี้แลวไฉนจึงมาถามใหเราตองออก
ปากเองเลา

กลาวแลวสุมาอี้จึงมองหนาบุตรทั้งสองคน แลวกลาวย้าํ อยางหนักแนนวาความรูส


 ึกนึกคิดอันครองจิตใจ
เจาอยูนั้นมีมาแตเหตุอันใด เจาจงจดจําไวใหมั่นคง วันขางหนาเมื่อเจาเติบใหญขึ้นแลวจะตองไมกระทํา
การกอเหตุซึ่งทําใหผค ู นเกิดความรูส ึก ดังที่เจาเปนอยูใ นวันนี้ ในการสงครามนั้นการจะลอมตีขาศึก
โบราณวาใหปด  ลอมไวแตเพียงสามดาน เปดดานหนึ่งไวปลอยใหหนีไป แลวคอยกําจัดในภายหลัง
เหตุผลของคําโบราณนี้อยูตรงที่ตองไมทําใหหมาจนตรอก ตองไมทําใหคนอับจนทางถอย เพราะหมาเมื่อ
จนตรอก คนเมือ ่ จนทางถอย ก็ยอมกลายเปนพวกสิ้นคิด ไมเกรงกลัวตอความตาย ยอมคิดอานเสีย ่ งตาย
ความสูญเสียจะบังเกิดขึ้นอยางคาดคิดไมถึง โจซองทําใหพวกเราอับจนทางถอยถึงเพียงนี้ เห็นโจซองจะ
กําเริบน้ําใจ วันหนึ่งก็จะตั้งอยูใ นความประมาท เห็นจะเสียทีแกเราเปนแนนอน

สุมาเจียวไดยินดังนั้นจึงกลาววา บิดาจะรอถึงวันเวลาใดจึงจะลางความพยาบาทในใจใหหมดสิ้น

สุมาอี้จึงวาบัดนี้โจซองไดครองอํานาจทั้งฝายบุน ฝายบู มีผูคนในอํานาจจํานวนมาก จึงยากที่จะกําหนดวัน


เวลาได การทั้งปวงตองเปนไปตามลิขิตสวรรค สุดแทแตวันเวลาใดเงื่อนไขจะอํานวยจึงคอยคิดทําการ
สืบไป

สุมาสูไดฟงคําสุมาอี้จึงกลาววาโจซองยามนีม
้ ีอํานาจเปนใหญ ไมมีผใู ดเสมอเหมือน นับวันยิ่งกําเริบแลว
ตั้งตนเสมอฮองเต แตบรรดาขุนนางขาราชการและพอคาวาณิชก็หาไดมค ี วามรังเกียจไม กลับยอมเขาเปน
พวกของโจซองเปนอันมาก นับแตโจซองครองอํานาจถึงวันนี้รวมหกปแลว ผูคนบริวารและอํานาจของโจ
ซองกลับยิ่งเพิ่มพูนขึ้น จึงวิตกวาความคิดของบิดาอาจเปนหมันไป

สุมาอี้หัวเราะอยางแคนๆ แลวกลาววาสรรพสิ่งในโลกนีย ้ อมมีวันแปรผันเปลี่ยนแปลง พระอาทิตยขึ้นแลว


ยอมอัสดง ราตรีที่ทอดยาวแลวยอมเปนนิมต ิ หมายวารุงอรุณกําลังใกลมาถึง ฟามืดเมื่อมีไดก็ฟาใหมยอ
 ม
คงมี โจซองครองอํานาจถึงบัดนี้เห็นทีใกลสก ุ งอมแลว เพราะหกปมานี้อํานาจวาสนาของโจซองไดเพิ่มพูน
ขึ้นอยางรวดเร็ว อุปมาดังหนึง่ กองไฟที่กลายเปนกองใหญขึ้นทุกที กองไฟใหญขึ้นเทาใดยอมกินฟนไฟ
มากขึ้นเทานั้น กองไฟของโจซองกองนี้กินฟนไฟมานานหนักหนา เห็นจะใกลเวลาดับมอดแลว นี่เปนสัจ
ธรรมอันไมอาจฝาฝนได ชาเร็ววันแหงการดับสูญของโจซองก็จะตองมาถึง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 104

แลวสุมาอี้จึงกลาววา พวกเราเพียงแตติดตามขาวสารความเคลื่อนไหวของโจซองไวใหใกลชิดก็เพียงพอ
การทั้งปวงบิดาไดคิดอานอยางรอบคอบรอบดานแลว

หลังจากวันนั้นมาทั้งสุมาสูและสุมาเจียวจึงติดตามขาวคราวความเคลื่อนไหวของโจซองอยางเงียบๆ

ฝายโจซองเมื่อไดครองอํานาจในวุยกกเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็ยิ่งกําเริบขึ้น ริอานคิดวาเปนประเพณีของฮองเต
ยามแผนดินสงบสุขก็ชอบทีจ ่ ะออกปาลาสัตว ตัวเราวันนีร้ าชการบานเมืองทุกสิ่งอยางก็เขาทางเขาที่ จําจะ
หาความสําราญเปนการเสริมสรางบารมีไปในตัว

ดังนั้นโจซองจึงพาหาองครักษพิทักษนายและพรรคพวกเขาปาลาสัตว จัดเปนขบวนใหญประหนึ่งฮองเต
เสด็จประพาสปา สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “โจซองกับโฮอั๋น เตงเหยียง หลีซิน เตงปด
ปดหวนนั้น พากันไปเที่ยวยิงเนื้อทุกวันมิไดขาด”

ฝายโจอี้ผูนองของโจซองเห็นโจซองคิดกําเริบและเห็นวาการออกปาลาสัตวเปนเนืองนิจนั้นเปนอันตราย
เพราะหากศัตรูคูปรปกษสังเกตความเคลื่อนไหวเอาเปนกฏเกณฑไดแลวก็อาจคิดทําอันตรายได
โดยสะดวก

คิดดังนั้นแลวโจอี้จึงเขาไปหาโจซองแลวเตือนวา “ทานมียศถาบรรดาศักดิถ
์ งึ เพียงนี้ ซึ่งจะพากันไปยิงเนื้อ
ในปานั้นไมควร เกลือกศัตรูจะลอบไปทําอันตรายก็จะเสียทีแกมัน”

โจซองยามนี้มอ ี ํานาจ คิดวาตัวเองฉลาดกวาใครในแผนดิน พอไดยินคําเตือนของผูนองก็โกรธ กลาววาตัว


เจาอยาทําตัวตกใจงายเปนกระตายตื่นตูมเลย แผนดินนี้เรามีอํานาจวาสนายิ่งกวาใคร บาวไพรผค ู นทั้ง
ทหารและพลเรือนก็อยูในอํานาจเราสิ้น ทรัพยสิ่งศฤงคารขาวของเงินทองก็มากลน จนอาจจะมากกวาเงิน
ทองในทองพระคลังหลวงเสียอีก ใครไหนจะหาญกลามาคิดอานทําอันตรายแกเรา

บังเอิญในวันนั้นฮวนหอมเจากรมนาซึ่งมีสติปญ  ญายิ่งกวาใครในบรรดาพรรคพวกของโจซองไดมาที่จวน
ของโจซองตามคําเรียกหา เห็นโจซองโกรธผูนองดังนั้นจึงหามปรามวาซึ่งโจอี้กลาวมานี้ใชวาจะไรซึ่ง
เหตุผล ตัวอยางการลอบทํารายฮองเตยามเสด็จประพาสปาลาสัตวที่มีมาในหนหลังก็เปนตัวอยางอยู ตัว
ทานมีบุญถึงเพียงนี้แลวพึงคิดอานระมัดระวังตัวก็จะดีกวาตั้งอยูในความประมาท

แตโจซองวันนีผ ้ ิดกับโจซองเมื่อกอนแลว แมเคยรับฟงเชื่อถือฮวนหอมตลอดมา แตอํานาจวาสนาได


ปดบังตาจนลืมเลือนความหลังไปจนหมดสิ้น แมไดยินคําทัดทานของฮวนหอมก็ไมฟงคํา แลวกลาววาเมือ

เจาทั้งสองไมรกั การออกปาลาสัตวก็จงอยูแตในเมืองเถิด

ฝายสุมาอีแ
้ ละบุตรทั้งสองคนไดติดตามขาวคราวความเคลือ ่ นไหวของโจซองอยางตอเนือ ่ งตลอดมาแตยัง
ไมเห็นชองทําการ ครั้นอีกสามเดือนจะขึ้นปใหมสุมาอี้ก็แสรงทําเปนปวยหนัก ไมเขาไปสั่งสอนวิทยาการ
แกพระเจาโจฮองตามปกติ

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบสองพรรษา เดือนสาม ขึ้นปใหมแลว โจซองทราบวาสุมา


อี้ปวยหนักและไมไดเขาเฝาพระเจาโจฮองเปนเวลาหลายเดือนก็สงสัย ประจวบกับพระเจาโจฮองมีพระ
บรมราชโองการตั้งหลีซินหนึ่งในหาองครักษพิทักษนายใหเปนเจาเมืองเซียงจิ๋ว จึงคิดวาสุมาอี้ปวยถึงบัดนี้
ก็นานแลว จําจะตรวจสอบดูวาสุมาอี้ปวยหนักจริงหรือไม จะไดไมเปนที่ระแวงสงสัยอีกตอไป

โจซองคิดดังนัน ้ จึงเรียกหลีซน
ิ เขามาพบ แลวกลาววาหลายปมานี้เรากริง่ เกรงสติปญญาของสุมาอี้ จึง
กวดขันตรวจตราสอดสองพฤติกรรมของสุมาอี้และบุตรทั้งสองคนมิไดขาด หากสิ้นสุมาอี้เสียแลวเราก็จะ
สิ้นทีว่ ิตกสืบไป บัดนี้ไดยินวาสุมาอี้ปวยหนักพักรักษาตัวอยูห
 ลายเดือนแลว แตไอเฒาเจาเลหผ
 ูนี้จะปวย
หนักจริงหรือไมยังคงเปนทีส ่ งสัย จึงไหววานใหเจาไปหยั่งทาทีตรวจสอบดูวาสุมาอี้ปว ยหนักจริงหรือไม
ประการใด ใหเจาจงทําทีเขาไปลาสุมาอี้เพือ ่ ไปรับตําแหนงเจาเมืองเซียงจิ๋ว หากไดความประการใดก็ให
รีบมาแจงแกเรา

หลีซินรับคําโจซองแลวจึงคํานับลาและเดินทางไปทีจ
่ วนของสุมาอี้

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 105

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

ชิงโอกาสกอรัฐประหาร (ตอนที่590)

โจซองผูส  ําเร็จราชการแผนดินและมหาอุปราชระแวงระวังสุมาอี้ตลอดมา ครั้นทราบวาสุมาอี้ปวย จึงสั่งให


หลีซินซึ่งเปนพรรคพวกและเพิง่ ไดรับโปรดเกลาตั้งเปน เจาเมืองเซียงจิ๋วไปเยี่ยมสุมาอี้เพื่อดูทวงทีวาสุมา
อี้ปวยจริงหรือไม และใหทาํ ทีวา มาเยี่ยมเพื่อคํานับลาไปรับตําแหนงเจาเมือง

หลีซินไปถึงจวนของราชครูสม ุ าอี้แลว จึงแจงทหารรักษาการณหนาจวนวาจะมาเยีย


่ มสุมาอี้เพื่อคํานับลา
ไปรับตําแหนงเจาเมืองเซียงจิว๋ ทหารรักษาการณหนาจวนของสุมาอี้เชิญใหหลีซินนั่งรออยูที่เรือนรับรอง
ดานนอก แลวเขาไปแจงความแกสุมาอี้

สุมาอี้พอทราบความก็กลาวกับสุมาสูและสุมาเจียวผูเปนบุตรวา ซึ่งหลีซน ิ คนสนิทของโจซองมาเยี่ยมไข


เราครั้งนี้มิไดมาโดยสุจริต หากเปนเพียงมาดูทวงทาวาเราปวยจริงหรือไม

สุมาอี้กลาวแลวก็ขับบุตรทั้งสองใหหลบออกไปทางดานหลัง แลวเปลี่ยนเสื้อผาเอาชุดนอนมาสวมใส
สยายผมแลวขึ้นไปนอนบนเตียง เอาผาหมคลุมไว แลวเรียกหญิงรับใชสองคนมานัง่ เฝาอยูขางเตียง
เสมือนหนึ่งวาเฝาไขผูปวยหนัก จากนั้นจึงสั่งทหารรักษาการณใหออกไปเชิญหลีซินเขามาที่ขางใน

หลีซินเขามาถึงหองนอนของสุมาอี้ เห็นสุมาอี้นอนซมอยูบนเตียงนอน ก็สําคัญวาสุมาอี้ปวยหนัก จึงคํานับ


ตามประเพณีแลวกลาววา ขาพเจาไมไดมาเยี่ยมเยียนทานราชครูเปนเวลานาน มิไดรูเลยวาทานราชครู
ปวยหนักถึงเพียงนี้

สุมาอี้ไดยินเสียงหลีซินจึงทําทีพลิกตัวเบือนหนาหันมามองดวยความยากลําบาก แลวทําทีจะพยุงตัวลุก
ขึ้น หญิงรับใชทั้งสองคนรีบเขามาประคองตัวสุมาอี้ใหลก ุ นั่งอยูบนเตียง หลีซินเห็นดังนั้นจึงกลาววา
ขาพเจามาเยี่ยมทานราชครูในวันนี้ก็เพื่อจะคํานับลาไปรับตําแหนงเจาเมืองเซียงจิ๋ว ทานราชครูอยาลําบาก
ตอนรับเลย

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงแสรงทําเปนหูหนัก แลวกลาววา “ซึ่งรับสั่งใหทานไปเปนเจาเมืองเปงจิ๋วนั้นก็ดีอยูแลว


ดวยเมืองเปงจิว๋ ใกลกับเมืองหลวง มีราชการจะไดหามางาย”

หลีซินไดยินสุมาอี้กลาวดังนั้นก็สําคัญวาสุมาอี้ไดยินความไมถนัด จึงกลาววาขาพเจาจะเดินทางไปรับ
ตําแหนงเจาเมืองเซียงจิ๋ว มิใชเมืองเปงจิ๋ว

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็แสรงหัวเราะ ทําเปนหูหนักมากขึ้น แลวกลาววา “ทานมาแตเมืองเซียงจิ๋วหรือ”

หลีซินไดฟงคําสุมาอี้ดังนั้นก็สาํ คัญวาสุมาอี้ปว ยหนักจนหูใกลจะหนวก ไดยินความสับสนแปรปรวนปวย


การที่จะสนทนาอีกตอไป จึงกลาววา “ทานอาจารยปวยหนักจึงพูดฟนเฟอนไป”

หญิงรับใชซึ่งสุมาอี้สั่งสอนไวเปนอันดีจึงกลาวเสริมขึ้นวา ทานราชครูปวยครั้งนี้ลมกําเริบกลาทําใหหห
ู นัก
ฟงความสิ่งใดไมชัดเจน ขอทานจงอภัยดวยเถิด

หลีซินสําคัญวาเปนความจริง คิดวาถึงจะพูดจาประการใดคงจะไมไดความอีกตอไป จึงขอพูกัน น้ําหมึก


และกระดาษจากหญิงรับใช แลวเขียนเปนขอความวาขาพเจาไดรับแตงตั้งเปนเจาเมืองเซียงจิ๋ว จึงมา
เยี่ยมคํานับลาทานราชครูไปรับตําแหนง

ครั้นเขียนเสร็จแลวหลีซินจึงสงใหสม
ุ าอี้ดู สุมาอี้รับเอาหนังสือของหลีซินมาอานแลวแสรงพูดวา “ออ!
บัดนี้โปรดใหทา นไปเมืองเซียงจิ๋วหรือ ดีแลวใหอุตสาหทําราชการ อยาประมาท”

กลาวแลวสุมาอี้จึงหันหนามาทางหญิงรับใช เอามือชี้ที่ปากเปนนัยวาไดพด
ู จามากจนหิวน้ํา หญิงรับใชเห็น
ดังนั้นก็รูที รีบเขาไปในครัวเอาน้ําตมไกใสชามออกมาใหสุมาอี้ดื่ม

สุมาอีท
้ ําทีเปนมือสั่น ปากคอสั่น แลวแสรงยกมือประคองจับชามกับหญิงรับใช พอกลืนน้ําตมไกเขาไป
หนอยหนึ่งก็แสรงทําสะอึก น้าํ แกงไหลออกจากปากเปรอะเปอนเสื้อผาและผาหม และยังกระเด็นถูกหลีซิ
นอีก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 106

สุมาอี้เห็นหลีซน
ิ ตกตะลึงดวยความสมเพชเวทนา จึงเอามือชี้ไปทางดานหลังเปนทีวาตองการเขาหองน้ํา
พอหญิงรับใชประคองใหลุกขึ้นปรากฏวาสุมาอีป
้ สสาวะรดกางเกงจนเปรอะเปอน

สุมาอี้จึงกลาววา ขออภัยหลีซินทานเถิด ตัวเรานีช ้ ราแลวยังปวยหนัก เห็นจะมีชีวต


ิ อยูแควันนีว้ ันพรุง
เทานั้น อันสุมาสู สุมาเจียว บุตรทั้งสองของเราลวนเปนคนไมเอาถาน ไรสติปญญา รักษาตนเองไมได ขอ
ฝากฝงไวกับทานชวยเอ็นดูสั่งสอนอบรม และไหววานทานชวยบอกโจซองดวยวา หากเราถึงแกความตาย
แลวก็ขอฝากฝงบุตรทั้งสองคนชวยทํานุบํารุงดวยเถิด

สุมาอี้กลาวแลวก็ทําทีเหนื่อยหอบ เดินไปหองน้ําไมไหว หญิงรับใชทั้งสองเห็นดังนั้นก็รท


ู ีจึงประคองสุมา
อี้นั่งลงที่เตียงตามเดิม สุมาอีแ
้ สรงทําหอบมากขึ้นแลวเอนหลังนอนบนเตียง

หลีซินเห็นดังนัน
้ จึงรีบคํานับลาสุมาอี้ แลวกลับไปหาโจซอง รายงานความใหโจซองทราบทุกประการ

โจซองทราบความแลวก็ดีใจเปนอันมาก อุทานโดยไมรส
ู ก
ึ ตัววา “ถาอายคนนี้ตายแลว เราก็จะสิ้นความ
วิตก ถึงจะทําการสิ่งใดก็จะไดสะดวก”

โจซองไดกลาวกับหลีซินตอไปวา เมื่อสุมาอี้ปวยหนักดังนีแ
้ ลวก็สิ้นที่วิตกระแวงระวังอีกตอไป นับแตวันนี้
ใหถอนกําลังทหารที่เฝารักษาการณตรวจตราหนาจวนของสุมาอี้ใหจงสิ้น

ฝายสุมาอีค
้ รั้นหลีซินกลับไปแลว จึงสั่งหญิงรับใชใหไปตามบุตรทั้งสองเขามาพบแลวกลาววาหลีซินมาดู
ทาที เห็นเราปวยหนักก็จะไปรายงานใหโจซองทราบ เห็นโจซองจะสิ้นความระแวงสงสัย เราจะเตรียมการ
ทั้งปวงไวใหพรอม เมื่อใดที่โจซองและพรรคพวกออกปาไปลาสัตวนอกเมืองลกเอี๋ยง เปนทีแลวจะไดทํา
การสืบไป

สุมาสูและสุมาเจียวรับคําสุมาอีแ ้ ลวจึงติดตอประสานงานสมัครพรรคพวกเกาของสุมาอี้ไวอยางเงียบกริบ
วันรุงขึ้นเมื่อสุมาอี้เห็นทหารซึง่ รักษาการณตรวจตราอยูห  นาจวนถอนกําลังออกไปก็มีความยินดี หลังจาก
วันนั้นแลวสุมาอี้จึงติดตามความเคลื่อนไหวของ โจซองอยางใกลชิด

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบสองพรรษา เดือนสี่ สุมาอี้ไดทราบขาวจากในราชสํานัก


วาโจซองไดเชิญเสด็จพระเจาโจฮองออกไปเซนไหวพระบูรพกษัตริยท ส
ี่ ุสานหลวงที่ตําบลโกเบงเหลง
นอกเมืองลกเอี๋ยง แลวจะเลยเสด็จไปประพาสปาลาสัตว ในการนี้โจซอง โจอี้ โจหุนและโจงานซึ่งเปน
นองของโจซองและพรรคพวกจะโดยเสด็จพระเจาโจฮองดวย

สุมาอีท้ ราบขาวดังนั้นก็มีความยินดี รีบประสานงานสมัครพรรคพวกใหเตรียมตัวพรอมอยูในเมืองลกเอี๋ยง


ครั้นถึงวันกําหนดพระเจาโจฮองไดประทับรถพระทีน ่ ั่งพรอมขบวนอิสริยยศตามประเพณีพระมหากษัตริย
เสด็จออกจากเมืองลกเอี๋ยง โดยโจซอง โจอี้ โจหุนและโจงานคุมขบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค
และทหารมา ทหารราบ โดยเสด็จเปนจํานวนมาก

ฝายฮวนหอมขุนนางฝายกรมนาซึ่งเปนพรรคพวกของโจซอง ไดทราบความวา โจซองและพีน ่ องตลอดจน


พรรคพวกขุนนางผูใหญจะโดยเสด็จพระเจาโจฮองออกไปนอกเมืองทั้งสิ้นก็ตกใจ รีบขี่มาตามขบวนไป
จนถึงขบวนของโจซอง

ฮวนหอมขี่มาเขาไปประชิดโจซองแลวยุดบังเหียนมาของโจซองไว พลางกลาววาตัวทานเปนขุนนาง
ผูใหญ รักษาความปลอดภัยของเมืองหลวง ซึ่งทานจะตามเสด็จนัน ้ ก็ชอบอยู แตการที่จะพาพี่นองพรรค
พวกซึ่งควบคุมดูแลความปลอดภัยของเมืองลกเอี๋ยงไปจนสิน ้ นั้นไมควร เกลือกจะมีศัตรูคิดรายขางใน
เมือง เห็นจะปองกันแกไขไมทันทวงที ชอบที่ทานจะสั่งการใหนองทั้งสามคนรีบกลับเขาไปควบคุม
สถานการณภายในเมืองจึงจะควร

โจซองไดยินดังนั้นก็โกรธ ตวาดฮวนหอมวาขุนนางทั้งปวงลวนอยูในอํานาจของตัวเราทั้งสิ้น จะมีใครใด


กลาบังอาจกอการกบฎเลา ทานอยาไดกลาวใหมากความอีกเลย กลาวแลวโจซองจึงขี่มาตามขบวนเสด็จ
ตอไป

ฮวนหอมเห็นดังนั้นก็เสียใจ ขีม
่ ากลับไปที่พัก

สุมาอี้พอทราบวาขบวนเสด็จเคลื่อนออกจากพระราชวังก็เรียกระดมพรรคพวกมาพรอมกันทีจ ่ วนราชครู
แลวทําหมายรับสั่งของพระเจาโจฮองปลอมขึ้นฉบับหนึ่งมอบหมายใหสุมาอี้เปนผูรักษาการพระนครใน
ระหวางเสด็จออกนอกเมืองลกเอี๋ยง มีอํานาจบัญชาการทหารและพลเรือนในเมืองหลวงทัง้ สิ้น

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 107

สุมาอี้ไดอาศัยหมายรับสั่งปลอมสั่งใหปด  ประตูเมืองทั้งสี่ดาน และสั่งใหโกหยิวลูกนองเกาแตงตัวเปนขุน


นางผูใหญ พาทหารไปลอมจวนของโจซองไว และสั่งใหอองกวนลูกนองเกาคนสนิทอีกคนหนึ่งคุมทหาร
ไปลอมจวนของโจอี้ และเขาควบคุมกองกําลังรักษาพระนครไวในอํานาจ ทหารทั้งปวงในเมืองหลวงเคย
อยูในบังคับบัญชาของสุมาอี้ ไมทันกลของสุมาอี้จึงหลงเชื่อวามีหมายรับสั่งตั้งใหสุมาอี้เปนผูรักษาพระ
นคร จึงทําตามคําสั่งของสุมาอี้อยางพรอมเพรียงกัน ดังนั้นเพียงไมถึงครึ่งชั่วยามสุมาอี้จึงควบคุม
สถานการณในเมืองลกเอี๋ยงทั้งฝายทหารและพลเรือนไวไดจนหมดสิ้น

ฝายสุมาอีค
้ รั้นควบคุมสถานการณทั้งปวงในเมืองลกเอี๋ยงไวในอํานาจแลว จึงพาทหารมหาดเล็กรักษา
พระองคสองรอยคนไปที่พระตําหนักพระราชชนนี นางพระกํานัลทั้งปวงเห็นสุมาอี้คุมทหารเขามาถึงพระ
ตําหนักในเปนอันมากก็ตกใจ แตสม ุ าอี้ทําทีเปนไมสนใจ สัง่ ทหารใหรออยูด
 านนอกพระตําหนัก ตัวสุมาอี้
พาแตทหารคนสนิทสิบสองคนเขาไปถึงพระตําหนักที่ประทับของพระนางกวยไทเฮา

พระนางกวยไทเฮาซึ่งเปนพระราชชนนีทราบความก็ตกพระทัย แตขมใจเสด็จออกมาตอนรับสุมาอีท ้ ี่หอ


 ง
โถงหนาพระตําหนัก สุมาอี้เห็นพระราชชนนีเสด็จออกจึงถวายบังคมแลวกราบทูลวา พระองคทราบหรือไม
วาบัดนี้โจซองคิดการกบฏ ยึดพระราชอํานาจของพระเจาโจยอยไวสิ้นแลว ยังตีตนเสมอฮองเตอีก

พระราชชนนีไดฟงคําสุมาอี้ก็ตกพระทัย สุมาอี้จึงกราบทูลสืบไปวากอนที่พระเจาโจยอยจะสิ้นพระชนม
ทรงไววางใจขาพระองคและโจซอง ฝากฝงใหทาํ นุบํารุงพระเจาโจฮองและรวมกันบริหารราชการแผนดิน
เพื่อความมั่นคงและความรมเย็นเปนสุขของบานเมือง อันเปนที่ทราบโดยทัว่ กัน แตบัดนี้โจซองกําเริบ ไม
ถือรับสั่งของพระเจาโจยอย แยงยึดอํานาจทั้งหมดไวแตผูเดียว คบคิดกับพรรคพวกทําการทั้งปวงตาม
อําเภอน้ําใจ ฉอราษฎรบังหลวง แยงยึดพระราชอํานาจของฮองเต แมพระสนมของพระเจาโจยอยก็คบคิด
กับเตียวตองกรมขันทีลอบเอามาครองเสียเอง เปนการลวงพระบรมเดชานุภาพ การกินการอยู การแตงกาย
ก็เลียนแบบพระมหากษัตริย พฤติกรรมดังนี้เปนกบฏตอแผนดิน ขาพระองคจะทนนิ่งตอไปยอมไมควร จึง
จําตองทําการปองกันมิใหโจซองกําเริบแยงชิงราชสมบัตต ิ ามที่พระเจาโจยอยไดทรงฝากฝงไว

พระนางกวยไทเฮาไดฟงคําทูลของสุมาอี้ดังนั้นก็ทรงคลอยตาม เพราะพฤติกรรมของโจซองที่ทรงทราบก็
เปนดังทีส
่ ุมาอีไ
้ ดกราบทูลนั้น ทั้งทรงยําเกรงสุมาอีท้ ี่คุมกําลังทหารยึดพระนครไวในอํานาจหมดสิ้นแลว
จึงมีพระราชเสาวนียวาขณะนีพ ้ ระเจาโจฮองเสด็จประพาสอยูนอกเมืองลกเอี๋ยง การซึ่งทานกราบทูลนัน

เปนการฝายหนา เราเปนฝายในมิรูทจ ี่ ะทําประการใดเลย

สุมาอี้เห็นไดทจ
ี ึงกราบทูลตอไปวา เมื่อพระองคทรงเห็นชอบที่ขาพระองคทําการครั้งนี้แลว ขาพระองคก็
จะแตงฎีกาตามที่ทรงเห็นชอบสงไปถวายพระเจาโจฮอง เพื่อมีพระบรมราชโองการใหกําจัดผูกบฏนั้นเสีย
การทั้งปวงขอพระองคอยาทรงพระวิตก ขาพระองคจะรับเปนธุระเองทั้งสิ้น

พระราชชนนีไดฟงสุมาอี้กราบทูลดังนัน
้ ก็มิรท
ู จ
ี่ ะตัดสินพระทัยประการใด เพราะทีทา สุมาอี้แมกราบทูล
ประหนึ่งจะขอพระราชดําริ แตแทจริงกลับเปนเรื่องกราบทูลใหทรงทราบเทานั้น แมหากจะขัดขวางทัด
ทานประการใดเห็นจะไมเปนผล จึงมี พระราชเสาวนียวาทานเห็นควรประการใด ก็จงทําไปตามทีค ่ วรนัน

เถิด

สุมาอี้ไดยินพระราชเสาวนียดงั นั้นก็ดีใจ กราบทูลวาขาพระองคจะทําตามพระราชเสาวนียทท


ี่ รงเห็นชอบนี้
แลวถวายบังคมลาพระราชชนนีกลับไปที่กองกําลังรักษาพระนคร

หนังสือพิมพผูจัดการออนไลน http://www.manager.co.th

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

กล “ลดแรงตานทาน” (ตอนที่591)

สุมาอี้ฉวยโอกาสที่โจซองตั้งอยูในความประมาทพาพรรคพวกตามขบวนเสด็จพระเจาโจฮองไปเซนไหว
บูชาพระบูรพมหากษัตริยนอกเมืองลกเอี๋ยงกอการรัฐประหาร ยึดอํานาจปกครองในเมืองลกเอี๋ยงไวใน
อํานาจ แลวเปลี่ยนฐานะจากผูปลอมพระบรมราชโองการเปนผูจําตองทําการยึดอํานาจตามความเห็นชอบ
ของพระราชชนนี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 108

สุมาอี้กลับไปถึงกองกําลังรักษาพระนครแลวเกรงวาผูร ับผิดชอบบรรดาสรรพาวุธในคลังแสงซึ่งขาดจํานวน
ในบัญชีทะเบียนจะคิดแกลงระเบิดคลังแสงเพือ ่ ทําลายหลักฐาน และเกรงวาพรรคพวกของโจฮองจะยึด
คลังแสงแลวเบิกอาวุธออกแจกจายเพื่อตอตานการรัฐประหาร จึงสั่งทหารที่ไววางใจใหเขายึดและควบคุม
คลังแสงไวจนหมดสิ้น แลวสั่งใหกองกําลังรักษาพระนครเขาควบคุมกองทหารทั้งหมดในเมืองลกเอี๋ยง
แลวจัดทหารขึน้ ระมัดระวังรักษากําแพงเมืองและเชิงเทิน ใหปดประตูเมืองทั้งสีด
่ าน หามคนในไมใหออก
หามคนนอกไมใหเขา

จากนั้นสุมาอีจ
้ งึ ใหออกประกาศไปทั่วทั้งเมืองลกเอี๋ยงวาโจซองกําเริบคิดชิงเอาราชสมบัติ สุมาอี้ไดรบ

ความเห็นชอบจากพระราชชนนีจึงจําตองเขายึดอํานาจเพื่อปกปองคุมครองฮองเต ขอใหชาวเมืองทั้งปวง
อยูในความสงบ และใหรวมมือสนับสนุนฝายกอการรัฐประหาร

หลังจากควบคุมสถานการณในเมืองลกเอี๋ยงไดแลวสุมาอี้จงึ แตงฎีกาขึ้นฉบับหนึ่ง ใหขน


ุ นางซึ่งเปนสมัคร
พรรคพวกรวมลงนามเปนบัญชีหางวาวและสั่งใหหองหวุนขุนนางที่ไวใจถือฎีกานั้นตามไปถวายพระเจาโจ
ฮอง

ครั้นจัดแจงการขางในพระนครเสร็จแลว สุมาอี้จึงจัดกองทัพจะยกออกไปตัง้ อยูนอกประตูเมืองลกเอี๋ยง สุ


มาอี้นํากองทัพออมไปทางจวนของโจซองซึ่งโกหยิวคุมทหารลอมจวนอยูก  อนแลว

ฝายนางเลาชีซงึ่ เปนภรรยาของโจซองไดรับรายงานจากทหารรับใชที่อยูภายในจวนวาโกหยิวไดคม
ุ ทหาร
พรอมอาวุธเปนอันมากมาลอมจวนของมหาอุปราชไว และขณะนี้สุมาอี้กําลังนํากองทัพจะผานมาทางนี้ ไม
รูวาจะเกิดเหตุรา ยประการใด

นางเลาชีไดฟงดังนั้นก็รูสึกประหลาดใจ จึงเรียกพัวกี๋นายทหารผูร ักษาความปลอดภัยของจวนมหาอุปราช


เขามาถามวาเกิดเหตุการณประการใดหรือ

พัวกี๋เองก็ไมรูสถานการณ จึงกลาวตอบวาขาพเจาไมทราบวามีเหตุการณประการใด แตทา นอยาวิตกเลย


ขาพเจาจะออกไปตรวจสอบเหตุการณดูเอง กลาวแลวพัวกี๋ก็พาทหาร องครักษหา สิบคนที่อยูใ นจวน
ของโจซองขึ้นไปบนหอสูงหนาประตูทางเขาจวน มองลงมาขางลางเห็นสุมาอี้กําลังขี่มา นําทหารใกลจะ
ผานมาถึง

พัวกี๋เกรงวาสุมาอี้จะนําทหารบุกเขามาในจวนจึงสั่งทหารใหยงิ เกาทัณฑสกัด สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงหยุด


ขบวนไว

ฝายซุนเหียมซึง่ เปนนายทหารคุมกองหนาของสุมาอี้เห็นดังนัน
้ จึงขี่มาเขามาใกลแลวรองบอกแกพัวกี๋วา
อยายิงเกาทัณฑลงมาเลย ทานราชครูมรี าชการ จะออกไปดานนอกเมือง หากยังดื้อดึงไมฟงคําก็จะเปน
โทษถึงตาย

ทหารของพัวกี๋เมื่อยังไมไดยินคําสั่งของพัวกีก๋ ็ยังคงยิงเกาทัณฑสกัดกั้นไวตอไปซุนเหียมไดรองเตือนอีก
สองสามครั้ง พัวกี๋เห็นวาสุมาอีเ้ พียงแตจะนํากองทัพผานออกไปนอกเมืองจึงสั่งทหารใหหยุดยิง

สุมาเจียวผูบต
ุ รของสุมาอี้เห็นทหารของพัวกี๋หยุดยิงแลว จึงคุมทหารคุมกันสุมาอี้แลวเคลื่อนขบวนผาน
จวนโจซองไปยกออกไปนอกประตูเมือง ผานสะพานศิลาโคงขามคูเมืองแลวตัง้ ขบวนทหารไวที่เชิง
สะพานนั้น คอยระมัดระวังปองกันมิใหพรรคพวกของโจซองยกรุกล้ําเขามาในเมืองลกเอี๋ยง

ขาวการกอรัฐประหารของสุมาอี้ไดแพรสะพัดไปในเมืองลกเอี๋ยงอยางรวดเร็ว บรรดาขุนนางและขาราชการ
ตางพากันพูดจาซุบซิบบอกขาวตอ ๆ กันไป

ฝายสุมาเลาจี๋ซงึ่ เปนนายทหารของโจซองทราบความดังนั้นจึงปรึกษากับซินแปซึ่งเปนนายทหารฝายจเร
และเปนพรรคพวกของโจซองวา ซึ่งสุมาอีท ้ ําการทั้งนีจ
้ ะเห็นเปนประการใด

ซินแปจึงวา สุมาอี้ฉวยโอกาสในขณะที่ฮองเตไมประทับอยูใ นพระนคร เห็นจะทําการนอกรับสั่งเพื่อชวงชิง


อํานาจจากโจซองเปนมั่นคง พวกเราเปนขาแผนดินควรถือฮองเตเปนธงชัย ขณะนี้พระเจาโจฮองเสด็จ
ประพาสปาอยูน  อกเมือง จึงควรที่จะนําทหารใตบังคับบัญชาไปเฝาพระเจาโจฮองจึงจะชอบ สุมาเลาจี๋ได
ยินดังนั้นก็ทวงวา สุมาอีท
้ ําการทั้งนี้ไดอางวาเปนการกระทําตามพระราชเสาวนียของพระราชชนนี เห็นจะ
วูวามมิได

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 109

ซินแปไดฟงคําทวงดังนั้นก็ไดคิด จึงวาสถานการณคับขันดังนี้จะพูดจากลาวความประการใดชอบทีจ ่ ะตอง


ระมัดระวังตัว ขอเชิญทานไปทีบ ่ านของขาพเจาซึ่งเปนทีส
่ งัดปลอดผูค
 น จะไดคิดอานปรึกษากัน

เมื่อปรึกษากันดังนั้นแลวสุมาเลาจี๋และซินแปจึงพากันไปที่บา นของซินแป ครั้นไปถึงบานแลวนางซินเหียน


เองซึ่งเปนพี่สาวของซินแปเห็นซินแปพาเพื่อนขุนนางกลับมาบานอยางลุกลี้ลุกลนก็สงสัย จึงถามวามี
เรื่องราวประการใดหรือ

ซินแปจึงเลาความใหผูพี่สาวฟงวา ฮองเตเสด็จออกประพาสปา สุมาอี้จึงฉวยโอกาสกอการรัฐประหาร และ


ยึดอํานาจการปกครองเมืองลกเอี๋ยงไวทั้งสิ้น

ผูพี่สาวของซินแปไดยินดังนั้นจึงกลาววา โจซองแมเปนขุนนางผูใหญมีอํานาจวาสนาเปนอันมาก แตหาใช


คูมือตอสูของสุมาอี้ไม การครัง้ นี้เห็นทีโจซองจะพลาดทาเสียทีแกสุมาอี้เปนมั่นคง

ซินแปไดยินดังนั้นก็คอยคลายกังวล แลวกลาวกับผูพส
ี่ าววาเมื่อสามวันกอนหนานี้ สุมาอี้กเ็ คยชักชวนให
ขาพเจาพาพรรคพวกที่ไวใจไปสนทนากัน เมื่อเหตุการณเปนดังนี้ควรที่ขาพเจาจะไปหาสุมาอี้หรือไม

นางซินเหียนเองจึงวา เกิดเปนคนตองถือคุณธรรมเปนใหญ ไมควรละทิง้ มิตรในยามยาก บัดนี้โจซองซึ่ง


เปนนายกําลังตกอยูในชะตากรรมอันลําบาก จะทอดทิ้งแลวแปรพักตรไปเขากับสุมาอี้นั้นเหมือนหนึ่งละทิ้ง
สัตยธรรม อนึ่งเลาการทอดทิ้งนายยามนี้ไหนเลยจะไดรับความไววางใจจากสุมาอี้

ซินแปไดฟงคําพี่สาวก็ไดคิด จึงกลาวกับสุมาเลาจี๋วาระหวางอํานาจวาสนากับคุณธรรมนั้นขาพเจาตัดสินใจ
เลือกคุณธรรมเปนที่ตั้ง หากทานเห็นดวยก็จงพาทหารผูใตบงั คับบัญชายกออกไปหาโจซองพรอมกันเถิด

สุมาเลาจี๋ไดยินดังนั้นก็เห็นดวย จึงตามสมัครพรรคพวกที่พอจะตามไดหลายสิบคนยกไปที่ประตูเมือง
ดานขาง นายประตูไดขด ั ขวางไวอางวาเปนคําสั่งของราชครูหามคนเขาออก แตสม
ุ าเลาจีแ
๋ ละซินแปไมฟง
คําหามปราม ฆาฟนนายประตูและทหารรักษาประตูลมตายลงหลายคน แลวเปดประตูเมืองพาพรรคพวก
หลบหนีออกไป

ทหารเฝาประตูเมืองซึ่งเหลือตายเห็นดังนั้นจึงรีบนําความไปรายงานแกสุมาอี้ สุมาอี้ถามวามีผูใดหลบหนี
ออกไปนอกเมืองบาง ทหารนัน ้ ไดรายงานวาผูทห ี่ ลบหนีมีหลายคน จําไมไดวาเปนผูใ ดบาง

สุมาอี้ไดยินดังนั้นจึงปรารภวา ในบรรดาพรรคพวกของโจซองลวนแตเปนคนที่ไมมหี ัว ถึงหนีไปก็ไมเปนที่


นาหวั่นเกรง วิตกอยูก็แตฮวนหอมผูเดียวซึ่งมีสติปญ
 ญา และพอมีหัวคิด หากไปถึงโจซองแลวหัวกับตัว
ประกอบกันเขาก็จะกลายเปนกําลัง ทําใหเราทําการสืบไปไมสะดวก

สุมาอี้เกรงวาฮวนหอมจะหลบหนีออกนอกเมืองจึงสั่งทหารใหไปที่บานของฮวนหอม หากฮวนหอมอยูบาน
ก็ใหเรียกมารายงานตัวที่กองทัพหนาประตูเมือง

ในขณะนั้นฮวนหอมอยูที่บา น ทราบเหตุการณรัฐประหารแลวก็ตกใจ ปรึกษากับบุตรวาควรจะทําการ


ประการใด บุตรของฮวนหอมออกความเห็นวาทานพอเปนคนของมหาอุปราช ยอมตกเปนเปาหมายในการ
กําจัดของราชครูเปนแนแท หากอยูในตัวเมืองเห็นจะเปนอันตราย ชอบที่จะหนีออกไปสมทบกับโจซอง

ฮวนหอมจึงวาการจะหนีออกนอกเมืองเวลานี้ขัดสนนัก เพราะราชครูไดสั่งทหารใหปด
 ประตูเมืองไวทุกดาน
แลว บุตรของฮวนหอมจึงวาประตูเมืองทางทิศใตยังเบาบางอยู เพราะทหารสวนใหญยกไปตั้งขบวนอยู
หนาประตูเมือง และขอใหทานพอเอาปายไมประกาศิตของพระราชชนนีที่เคยพระราชทานติดตัวไปดวย

ฮวนหอมไดยินดังนั้นก็เห็นดวย จึงขี่มาพาทหารซึ่งสนิทเกือบสิบคนไปทางประตูเมืองดานทิศใต เห็นสู


หวนอดีตผูใตบงั คับบัญชาทําหนาที่เปนนายประตูเมือง ฮวนหอมจึงบอกใหสห
ู วนเปดประตู แตสห
ู วน
ปฏิเสธอางวาราชครูมีคําสั่งหามคนเขาออก

ฮวนหอมเห็นดังนั้นจึงลวงปายไมประกาศิตทีพ ่ ระนางกวยไทเฮาเคยพระราชทานไวชใู หสูหวนดู แลวออก


คําสั่งวาพระราชชนนีมีพระราชเสาวนียสั่งใหเราออกไปปฏิบัติราชการนอกตัวเมือง ใหเจารีบเปดประตู
โดยเร็ว

สูหวนเห็นดังนัน
้ ก็คุกเขาถวายบังคมปายประกาศิต แลวกลาววาขาพเจาขอตรวจตราปายประกาศิตสัก
หนอยหนึ่ง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 110

ฮวนหอมเห็นดังนั้นก็แสรงตวาดวาเจาเคยเปนผูใตบังคับบัญชาของเรา เห็นปายประกาศิตของไทเฮาแลว
ยังบังอาจไมเชือ
่ ถือและขอตรวจตราอีกหรือ

สูหวนไดยินดังนั้นก็ตกใจ ประกอบทั้งเกรงใจฮวนหอมซึ่งเปนนายเกา จึงสั่งทหารใหเปดประตูเมือง พอ


ฮวนหอมขี่มาพนประตูก็หันกลับมากลาวกับสูหวนวาขณะนีส
้ ม
ุ าอี้ กอการกบฏ เจาจงรีบตามเราไปเฝา
ฮองเตจะดีกวา

สูหวนไดยินดังนั้นก็ตกใจ สํานึกวาถูกฮวนหอมหลอกลวงจนหลงเชื่อ เปนเหตุใหศัตรูคนสําคัญของสุมาอี้


หนีออกนอกเมืองไปได จึงสั่งทหารใหตามจับฮวนหอม แตฮวนหอมพอไดยินสูหวนออกคําสั่งก็รีบหอมา
หนีไปอยางรวดเร็ว

ทหารทีร่ ักษาประตูเมืองไลตามฮวนหอมไมทนั จึงพากันกลับมารายงานใหสห


ู วนทราบ สูหวนทราบดังนัน

จึงรีบนําความไปรายงานแกสุมาอี้วาฮวนหอมอางปายประกาศิตของพระราชชนนีหนีออกนอกเมืองไปแลว

สุมาอี้ไดยินดังนั้นก็ตกใจ ปรารภวาคนที่เราเกรงวาจะกออุปสรรคไดหลบหนีไปแลว เห็นจะนําความที่เรา


ทําการขางในเมืองไปแพรงพราย ฮวนหอมมีหัวแตไมมีตัว เมื่อไปถึงโจซองซึ่งมีตัวแตไมมีหัวแลวจะคบ
คิดกันตอตานเปนมั่นคง เห็นการครั้งนี้จะยุงยากเสียเปนแนแท

เจียวเจซึ่งเปนทหารคนสนิทของสุมาอี้เห็นดังนั้นจึงกลาววา โจซองนั้นไรสติปญญา บัดนีท


้ านราชครูไดยดึ
อํานาจปกครองเมืองลกเอี๋ยงไวสิ้นแลว ขอเพียงแตตั้งมั่นรักษาเมืองไวใหมั่นคง การทั้งปวงก็จักสําเร็จดัง
ประสงคทุกประการ อยาไดปรารมภเลย

สุมาอี้จึงวาทานอยาไดประมาทแกสถานการณ ดวยบัดนี้ฮองเตเสด็จประทับอยูนอกพระนครในทามกลาง
การอารักขาของโจซองและเหลาทหาร หากคิดการตอตานการรัฐประหารแลวระดมทหารมาจากหัวเมือง
ทั้งปวง ชูธงพิทักษปกปองฮองเต ชักชวนทหารและชาวเมืองใหเขารวม ทหารและราษฎรทั้งปวงก็จะพา
กันเขาดวยฮองเต เราก็จะขัดสน จําจะตองคิดอานใหโจซองประมาทคลายความระมัดระวัง เขามามอบตัว
แตโดยดี จึงจะไมเปนอันตราย

สุมาอี้กลาวแลวจึงเรียกเคาอิ๋นและตานทายซึง่ เปนขุนนางที่วางใจและมีความสนิทสนมกับโจซองเขามา
พบ แลวสั่งวาเจาทั้งสองจงรีบไปหาโจซอง แจงแกโจซองวาซึ่งเราทําการทั้งนี้มิไดคิดรายตอฮองเต
หรือโจซองแตประการใด เปนเพียงการกระทําเพื่อใหเกิดความสงบสุขในบานเมืองเทานั้น อยาไดคด ิ
แคลงใจประการใดเลย

เคาอิ๋นและตานทายมีน้ําใจฝกใฝอยูกับสุมาอี้เพราะเห็นวาเปนผูมส
ี ติปญญาบารมี สามารถฝากผีฝากไขได
ดังนั้นแมวาจะสนิทสนมกินอยูกบั โจซอง แตแทจริงแลวก็คือคนของสุมาอี้ กลายเปนวาโจซองเลี้ยงขุนนาง
สองคนนี้ไวเสียขาวสุก เปลืองขาวสารโดยเปลาประโยชน

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

อุบาย “แยกโคนออกจากขุน” (ตอนที5


่ 92)

สุมาอี้กอรัฐประหารยึดเมืองลกเอี๋ยงไวในอํานาจไดแลว เกรงวาเมื่อฮวนหอมผูมีสติปญญาไปถึงโจซองก็
จะคิดอานเชิดพระเจาโจฮองขึ้นเปนหลักชัยในการระดมทหารและประชาชนเขาตอตานการรัฐประหาร จึง
คิดอุบายผอนคลายแรงตานทาน สั่งใหเคาอิ๋นและตานทายไปหลอกประโลมโจซอง

เคาอิ๋นและตานทายรับคําสั่งสุมาอี้แลวคํานับลาแลวพาทหารคนสนิทออกจากเมืองไปหาโจซอง

พอเคาอิ๋นและตานทายออกไปแลว สุมาอี้กค ็ ิดวาซึ่งพระเจาโจซองเสด็จประทับอยูนอกพระนครกับโจซอง


และเหลาขุนนางทั้งปวงนั้น เปนทางที่โจซองจะอาศัยหรือแอบอางพระบรมเดชานุภาพ ระดมกําลังทหาร
และราษฎรมาปราบปรามฝายกอการรัฐประหารได นับเปนอันตรายอยางใหญหลวง และเกรงวาโจซองอาจ
ไมฟงคําเคาอิ๋นและตานทาย การทีท
่ ําไวก็จะเสียไป

สุมาอี้คดิ วาอันกระบวนรบบนกระดานหมากรุกนั้นจําแนกไดเปนสามกระบวนรบ ชื่อวาขุนนําพล โดยขุนนํา


เบี้ย มา เม็ด โคน เรือ เขาประจัญบานกับขาศึกอยางหนึ่ง ชื่อวาขุนตามพลคือเบี้ย เม็ด โคน มา เรือ ยก
เปนกระบวนไปขางหนา มีขุนตามไปขางหลังอยางหนึ่ง และชื่อวาขุนคุมพลคือมีเบี้ยเปนกองหนา เม็ด
โคน มา ขนาบซายขวา มีเรือเปนกองหลังอีกอยางหนึ่ง ขบวนที่ชื่อวาขุนนําพลและขุนตามพลนั้นดูได

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 111

โดยงายวาขุนกุมอํานาจบัญชาการกําลังพลทัง้ สิ้น แตขบวนที่ชื่อวาขุนคุมพลนั้นยังมีความซับซอนซอน


เงื่อนที่ความจริงอาจไมใชที่เห็น เพราะการอาจเปนเรื่องขุนคุมพลจริงๆ ก็ได

หรือเนื้อแทกลายเปนพลคุมขุนอางเอาพระบรมเดชานุภาพของขุนระดมพลังทั้งปวงมาสนับสนุนก็ได เหตุนี้
การรัฐประหารหลายคราจึงมักใชกระบวนขุนคุมพล ชวงชิงเขาถวายการอารักขาฮองเต เพื่อทําใหเห็นวา
การรัฐประหารนั้นเปนการกระทําของฮองเตโดยฮองเตและเพื่อฮองเต เปนการสรางความชอบธรรมเพื่อ
ระดมพลังความสนับสนุนและลดพลังตานทานนั่นเอง สภาพการฝายโจซองบัดนี้อาจตองดวยลักษณะ
กระบวนที่ชื่อขุนคุมพล จึงคิดอานอุบายสลายพลออกจากขุน แยกโคนใหโดดเดีย่ วแลวคอยกําจัดใน
ภายหลัง

สุมาอี้คด
ิ ดังนั้นแลวจึงเรียกอินตายบกขุนนางผูใหญฝา ยทหารซึ่งมีความใกลชิดสนิทสนมกับโจซอง เปนที่
ไววางใจของโจซองเปนอันมากเขามาหา แลวกลาววาตัวทานแมเปนขาเกาของโจซอง แตเมื่อมาเขาดวย
เราแลวเราก็วางใจ ครั้งนีจ ้ ะมอบการสําคัญใหทานไปทํา แมนสําเร็จก็จะมีความชอบเปนอันมาก ทานจะ
เห็นเปนประการใด

อินตายบกแมสนิทสนมเปนที่ไววางใจของโจซองก็มีฐานะเปนเพียงพวกเพื่อนกิน มีสุขรวมเสพ มีภัยรีบ


เผน พอสุมาอีย ้ ึดอํานาจเมืองลกเอี๋ยงก็รีบแปรพักตรเขาเปนพวกของสุมาอี้ ครั้นไดยินคําสุมาอี้ดังนั้นก็คด

วาสุมาอี้นี้มส
ี ติปญญาเปนอันมาก โจซองหาใชคูมือที่จะตอสูกับสุมาอี้ไม การครั้งนี้เห็นทีสุมาอี้จะไดรับชัย
ชนะ เปนโอกาสที่จะทําความชอบครั้งสําคัญ อินตายบกจึงกลาววา ขาพเจาจงรักภักดีตอราชครู แมนมี
ราชการสิ่งใดก็จงวางใจขาพเจาเถิด

สุมาอี้จึงวา ตัวทานเปนที่ไววางใจเชื่อถือของโจซอง เหมาะทีจ ่ ะรับธุระในครั้งนี้ ใหทานรีบไปหาโจซอง


แลวแจงแกโจซองวา ซึ่งเราทําการครั้งนีม ้ ไ
ิ ดคิดรายตอฮองเตหรือโจซองแตประการใด แตเพราะมีคาํ
ครหาวาโจซองซองสุมทหารพรรคพวกเปนอันมาก คิดจะชิงเอาราชสมบัติ เราจึงจําตองระงับดับตนเหตุ
เพื่อรักษาเกียรติยศของโจซองไมใหเปนทีค ่ รหา ทานจงวากลาวอยาใหโจซองแคลงใจและใหโจซองรีบ
กลับเขามารายงานตัวก็จะมีความสุขสืบไป

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหเจียวเจทําหนังสือถึงโจซองอีกฉบับหนึ่ง มีเนื้อความเหมือนกับทีก ่ ลาวกับอินตาย


บก เสร็จแลวจึงมอบหนังสือนัน ้ ใหแกอินตายบกแลวกําชับวาเมื่อทานเอาหนังสือนี้มอบแกโจซอง ใหแจง
แกโจซองดวยวาเห็นเราและเจียวเจกระทําสัตยสาบานตอกันวา จะไมคด
ิ รายหรือทําอันตรายแกโจซอง
และญาติพี่นองเปนอันขาด กําหนดทําการเพียงเพื่อลดบทบาทอํานาจทางการทหารของโจซอง และเชิด
ชูพระบรมเดชานุภาพของฮองเตเทานั้น

อินตายบกรับหนังสือและคํานับลาสุมาอี้แลวจึงออกเดินทางไปหาโจซองตัง้ แตเวลานั้น

ฝายโจซองตามขบวนเสด็จของพระเจาโจฮองขี่มาลาสัตวอยูในปานอกเมือง มิไดเฉลียวใจหรือระวังระไว
วาจะเกิดเหตุการณรายขึ้นในเมืองลกเอี๋ยง ครั้นถึงเวลาบายทหารในเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเปนพรรคพวกของโจ
ซองและลอบหนีออกจากเมืองตามไปพบโจซอง จึงรายงานโจซองวาบัดนี้สุมาอี้และพรรคพวกไดกอการ
รัฐประหารยึดอํานาจในเมืองลกเอี๋ยงเอาไวแลว

โจซองไดฟงดังนั้นก็ตกใจจนตัวสั่น เพราะเรือ
่ งผิดคิดผิดคาดไดบังเกิดขึ้นโดยไมทันตั้งเนือ
้ ตั้งตัว โจซอง
คิดแตวาสุมาอีป
้ วยหนักใกลจะถึงแกความตายแลวไฉนจูๆ จึงลุกขึ้นมากอการรัฐประหารยึดอํานาจในเมือง
ลกเอี๋ยงไวไดโดยฉับพลันฉะนี้

พระเจาโจฮองเห็นโจซองมีอาการผิดปกติก็ประหลาดพระทัย ตรัสถามวามีเรื่องราวประการใดหรือ ยังไม


ทันที่โจซองจะตอบคํา ทหารองครักษก็เขามากราบบังคมทูลวาราชครูสุมาอี้ไดใชคนนําฎีกามาทูลเกลา
ถวาย แตความประการใดนั้นไมแจง ขณะนั้นหองหวุนซึ่งถือฎีกามาแตสุมาอี้ก็ขี่มาเขามาถึง ไดถวายบังคม
พระเจาโจฮองตามประเพณี แลวกราบทูลวาทานราชครูสุมาอี้มีบัญชาใหขาพระองคนําฎีกาซึ่งทานราชครู
และบรรดาขุนนางทั้งปวงเขาชือ
่ กันมาทูลเกลาถวาย

กราบทูลแลวก็ชูฎีกาขึ้นเหนือศีรษะ โจซองเห็นดังนั้นจึงขีม
่ าเขามารับเอาฎีกาจากมือของหองหวุนสงแก
ขาหลวงซึ่งตามเสด็จในที่นั้นใหอานฎีกาถวาย

ขาหลวงไดอานฎีกาทีส่ ุมาอี้และเหลาขุนนางเขาชื่อกันมีใจความตามทีส่ ามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง


(หน) ระบุวา “ขาพเจาสุมาอีไ ้ ดตามเสด็จพระองคมาแตเมืองเลียวตั๋ง ทําราชการมาชานานแลว เมื่อพระ
บิดาของพระองคจะดับสูญใหหาพระองคกับขาพเจาแลโจซองเขาไปเฝาในทีบ ่ รรทมซึ่งประชวรอยูนั้น จึง
ยื่นพระหัตถมาลูบหลังขาพเจา แลวฝากพระองคแลบานเมืองแกขาพเจาแลโจซอง บัดนี้ขาพเจาเห็นโจ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 112

ซองหารําลึกถึงบิดาของพระองคซึ่งฝากฝงนั้นไม ทําการทั้งนีเ้ ห็นจะคิดขบถตอแผนดิน จึงตั้งใหเตียวตอง


คนสนิทเปนที่เตาก๋ําเขาเฝาขางในได ใหคอยฟงความลับทัง้ ปวง แลวใหรก
ั ษาพระแสงแลตราหยกสําหรับ
กษัตริย

ครั้งกอนโจซองทูลยุยงใหขับมเหสีซายขวาพระบิดาของพระองคผิดแผกกันจนตายเสียองคหนึ่งก็ได
ความแคนเคืองถึงพระญาติวงศ บัดนี้การแผนดินก็มิไดพิดทูลพระองคเลย แมจะใหลางคนโทษถึงตายก็
มิไดทูล ก็สั่งใหฆาเสียตามอําเภอใจ อนึ่งพี่นองแลทหารพรรคพวกโจซองคุมเหงขุนนางผูใหญผูนอย แล
ราษฎรทั้งปวงไดความเดือดรอนเปนอันมาก โจซองทําทั้งนีห ้ าคิดถึงคําพระบิดาของพระองคซึ่งฝากฝงไว
ไมเลย อันตัวขาพเจาหาลืมคําสั่งพระบิดาของพระองคไม ขาพเจากับเจียวเจ สุมาหู รําลึกถึงคุณพระบิดา
ของพระองคซงึ่ ชุบเลี้ยงมาแตกอน จึงปรึกษาพรอมกันจัดแจงใหทหารไปรักษาจวนโจซองแลจวนพี่นอ  ง
โจซอง ขาพเจาจึงเขาไปทูลเนื้อความทัง้ นี้แกพระมารดาของพระองค พระมารดาของพระองคก็ทรง
เห็นชอบดวย จึงใหขาพเจาทําเรื่องราวทั้งนีม ้ าทูลแกพระองค ขาพเจาจึงใหหองหวุนเอาเรื่องราวมาถวาย
ขอใหพระองคถอดโจซอง โจอี้ โจหุน ออกจากที่ แลวใหยกเอาทหารทั้งปวงไปเปนของหลวง แตขาพเจา
คอยหาชองมาพึ่งไดทีครั้งนี้ ขาพเจาจึงคิดอานทําการทํานุบํารุงพระองค ขาพเจาก็ยกกองทหารมารักษา
อยู ณ เชิงสะพานแพ ตําบลลกโห คอยดูผิดแลชอบ”

พระเจาโจฮองฟงฎีกาของสุมาอี้และขุนนางจบแลวก็ทรงรูวา สุมาอี้ยึดอํานาจเมืองลกเอี๋ยงเอาไวไดแลว
ซึ่งพระราชชนนีทรงเห็นชอบนั้นก็เปนเพราะสุมาอี้คุมอํานาจทหารไวในมือนั่นเอง แตก็ทรงคิดวาการ
กระทําของโจซองและสมัครพรรคพวกที่ผา นมากําเริบหยาบชาเปนอันมาก ตีตนเสมอพระมหากษัตริย
มิไดยําเกรงพระบารมีแมแตนอ
 ย ทั้งเห็นวาสุมาอี้มีความใกลชิดเพราะเปนราชครูผูอบรมสั่งสอนพระองคมา
แตนอยและมีอายุอาวุโส เห็นจะไมเปนอันตรายเหมือนโจซอง น้ําพระทัยก็ลําเอียงไปเขาขางสุมาอี้ จึงหัน
มาตรัสกับโจซองวา ซึ่งราชครูและขุนนางมีฎก ี ามาทั้งนี้ ทานจะคิดเห็นเปนประการใด

ในขณะนั้นโจซองกําลังตกใจจนตัวสั่น เพราะการกระทําทีค ่ ิดวามิไดมผ


ี ูใดรูเห็นไดถูกเปดโปงเปดเผยจน
ลอนจอน ประกอบทั้งเปนคนไรสติปญญาขี้ขลาดตาขาวตลอดมาจมปลักอยูกับการเสพสุข ดังนั้นพอไดยิน
เรื่องรายก็ตกใจเปนอันมาก สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “โจซองแจงดังนั้นตกใจนัก หนา
เผือดไมมีเลือด ออนระทวยไปทั้งตัว”

เพราะความตกใจจนสติไมอยูก  ับเนื้อกับตัว โจซองจึงไมรท


ู จ
ี่ ะกราบทูลประการใด จึงหันมาถามโจอีผ
้ ูนอง
วา ทุกขรอนมาถึงตัวแลว เจาจะคิดอานแกไขประการใด

โจอี้ก็เปนคนจําพวกเดียวกับโจซอง พอไดยินคําผูพด ี่ ังนั้นก็โยนความผิดกลับใหกับพี่ชายวา ขาพเจาได


เตือนพี่ทานมากอนหลายครั้งหลายหนแลว แตพท ี่ านก็ไมเชื่อฟง ทําการทั้งปวงตามอําเภอใจ แมการออก
นอกเมืองเที่ยวปาลาสัตวขาพเจาก็เคย ทวงติงวาวันหนึ่งจะมีภัย แตทานพี่ก็มิไดฟงคํา กลับตวาดขับไล
ขาพเจาเสียอีก เมื่อมีเหตุดังนีแ
้ ลวจะคิดอานแกไขประการใดไดอีกเลา

โจอี้ไมเพียงแตปดความผิดใหกับโจซองเทานั้น ยังขมขวัญโจซองตอไปอีกวาทานพี่หาใชคูมือขับเคี่ยว
ตอสูกับสุมาอี้ไม สุมาอี้นี้มส
ี ติปญญาเปนอันมาก แมขงเบงผูเรืองปญญาวิทยาคุณก็ยังไมอาจเอาชัยชนะ
แกสุมาอี้ได ดังนั้นจึงควรที่เราพี่นองจะตองมัดตัวเองเขาไปลุแกโทษกับสุมาอี้จึงจะพนจากอันตราย

โจอี้กลาวขาดคําลง ซินแปและสุมาเลาจี๋ไดตามไปถึงขบวนเสด็จ โจซองเห็นดังนั้นก็คอยคลายใจ รีบถาม


สองขุนนางวาการณขางในเมืองลกเอี๋ยงเปนประการใดบาง

ซินแปและสุมาเลาจี๋จึงเลาสถานการณทส
ี่ ุมาอี้ควบคุมเมืองลกเอี๋ยงไวอยางแนนหนา ใหทหารรักษา
กําแพงเมืองและเชิงเทินมิไดประมาท และยังยกกองทัพออกมาตั้งอยูด  านหนาประตูเมืองอีก สองขุนนาง
ไดออกความเห็นเสนอโจซองวาสถานการณคบ ั ขันดังนี้ทานอยาเพิ่งเขาไปในเมืองลกเอี๋ยงเลย รอให
เหตุการณคลี่คลายชัดเจนกอนแลวคอยคิดทําการสืบไป

โจซองไดยินคําสองขุนนางก็คิดถึงบุตรภรรยาครอบครัวทรัพยสมบัติและนางบําเรอเปนอันมาก วิตกวา
ครอบครัวบุตรภรรยาและทรัพยสินทั้งปวงจะฉิบหายสิ้นในครัง้ นี้ละหรือ

ยังไมทันที่โจซองจะกลาวถอยคําประการใดฮวนหอมก็หอมาไปถึง โจซองเห็นฮวนหอมก็อุนใจ จึงรีบถาม


วาสถานการณขางในเมืองลกเอี๋ยงไปถึงไหนแลว

ฮวนหอมจึงวาบัดนี้สุมาอี้กอการรัฐประหาร ทําการกบฏตอฮองเต ทานจะเขาไปในเมืองลกเอี๋ยงนั้นไมได


ชอบที่จะกราบบังคมทูลอัญเชิญฮองเตเสด็จไปประทับที่เมืองฮูโตเปนการชัว่ คราวแลวเกลีย
้ กลอมทหาร
และชาวเมืองทัง้ ปวงทําการตานการรัฐประหาร อาศัยพระบรมราชโองการของฮองเตเรียกกองทัพหัวเมือง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 113

ทั้งปวงไปกําจัดสุมาอี้ และใหทานบัญชากองพลทหารมาซึ่งตั้งอยูใกลๆ กับดานใหยกไปขัดตาทัพสุมาอี้


เอาไวที่เมืองลกเอี๋ยงกอนจึงจะไมมีอันตราย

โจซองเปนหวงกังวลแตเรื่องครอบครัว บุตรภรรยา นางบําเรอและทรัพยสิ่งศฤงคารทั้งปวง หากบินไดก็คด ิ


จะใครบินเขาไปเมืองลกเอี๋ยงเพื่อใหคลายความทุกขรอน หาไดมีแกใจคิดอานจะตอสูกอบกูเอาอํานาจ
กลับคืนไม พอไดยินคําฮวนหอมดังนั้นก็สา ยศีรษะแลวกลาววา บรรดาขุนนางทั้งปวงลวนมีบุตรภรรยา
ครอบครัวอยูใ นเมืองลกเอี๋ยงทั้งสิ้น หากทําการตามคําทานยอมเกิดเปนจลาจลขึ้นในเมือง สุมาอี้ก็จะอาง
เอาเปนเหตุจับกุมครอบครัวบุตรภรรยาริบทรัพยสินดวยขอหาวาเปนกบฏ

ฮวนหอมไมคอยใหโจซองกลาวจนจบความก็กลาวแทรกขึ้นวา ทานเอยความทั้งนี้เพราะกลัวบุตรภรรยาจะ
เปนอันตราย จึงไมคิดอานกอบกูชวงชิงเอาอํานาจกลับคืน ดังนี้เหมือนหนึง่ ไมรักชีวิตตัว ขาพเจาไมเห็น
ดวยเลย

แลวฮวนหอมจึงกลาวอีกวาคําโบราณสั่งสอนมีมาวา เพราะไรใจจึงทําการยิ่งใหญกวาคนทั้งปวงไดสําเร็จ
บรรลุสูความเปนยอดคน มีนา้ํ ใจยอมทําการใหญไดบรรลุสูความเปนนายคน แตถา ใจติดยึดหวงใยทําการ
ใหญไมได ทําไดก็เพียงการเล็กนอยตัวทานครองอํานาจเปนใหญ มัวแตคด ิ หวงใยเรือ
่ งครอบครัวบุตร
ภรรยาราวกับเปนชาวนาชาวไร ไหนเลยจะกอบกูอํานาจกลับคืนได แมชีวิตก็จะไมอาจรักษาเอาไวได

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

วิสัยเพื่อนกิน (ตอนที5
่ 93)

ฮวนหอมขุนนางพรรคพวกของโจซอง พอตามไปพบโจซองก็เสนอใหโจซองตอตานการรัฐประหารของสุ
มาอี้ ใหอัญเชิญเสด็จพระเจาโจฮองไปประทับที่เมืองฮูโตเพื่อระดมทหารและชาวเมืองกําจัดสุมาอี้ แตโจ
ซองหวงใยในครอบครัวบุตรภรรยาและทรัพยสิ่งศฤงคาร ลังเลรีรอไมกลาตัดสินใจ

ฮวนหอมเห็นโจซองลังเลจึงสําทับตอไปวา ระยะทางจากที่นไ ี่ ปเมืองฮูโตใชเวลาเพียงครึ่งคืนก็ถึง ในเมือง


ฮูโตมีทหารเปนจํานวนมาก ทัง้ ขาวปลาอาหารก็บริบูรณ กําแพงเมืองก็สูงใหญ สามารถอาศัยสูร บกับสุมาอี้
ไดไมขัดสน ขณะนี้ฮองเตทรงอยูในความอารักขาของทาน เมื่อมีพระบรมราชโองการใดๆ ใครไหนจะกลา
บังอาจขัดขืน ขอใหเรงทําหมายรับสั่งไปใหกองพลทหารมาใกลดานรีบยกไปประชิดเมืองลกเอี๋ยงไวกอน
เมื่อเดินทางไปถึงเมืองฮูโตแลวใหรีบทําหมายรับสั่งระดมกําลังทหารจากหัวเมืองยกไปกําจัดสุมาอี้ และ
ใหทาํ พระบรมราชโองการปลดสุมาอี้ออกจากตําแหนงทุกตําแหนง ใหทหารและพลเรือนในเมืองลกเอี๋ยง
ชวยกันจับกุมผูก
 บฏ ดังนี้แลวสุมาอี้ไหนจะรอดพนจากเงื้อมมือทาน แลทานก็สามารถกอบกูยศถาศักดิท ์ งั้
ปวงไดดังเดิม แตการทั้งนี้จะตองรีบทําการโดยฉับพลัน ทอดทิ้งนานวันเวลาไปจักเปนอันตราย

ขอเสนอของฮวนหอมดังนี้แหละที่เปนขอเสนอซึ่งสุมาอี้กริ่งเกรงนักหนา หากโจซองทําตามความคิดของ
ฮวนหอมสุมาอีก
้ ็จะตกอยูในทีน
่ ั่งลําบาก แตก็เปนไปดังคําโบราณวา เมื่อโจซองติดยึดอยูในความหวงใย
อันเปนความคิดปุถชุ นสามัญ ไหนเลยจะทําการใหญสค ู วามเปนยอดคนได

โจซองไดยินแผนการของฮวนหอมก็ยังคงสายศีรษะแลวรองไหจนน้ํามูกน้าํ ตาไหล กลาวดวยปากคอสั่น


เครือวา หากทําตามความคิดทานเราเกรงวาสุมาอี้จะจับกุมบุตรภรรยาครอบครัวเปนตัวประกันและ
บานเมืองจะเปนจลาจล ทานอยาเพิ่งเรงรัดเอาคําตอบเลย ขอเวลาใหเราไตรตรองดูอีกสักหนอยหนึ่ง

ฮวนหอมไดฟงคําเจานายที่บงบอกอาการโลเลเหลวไหลเลอะเทอะดังนั้นก็นอ  ยใจ และเปนฝายรองไหบาง


รําพึงในใจวาเรามีนายผิดเหมือนลงเรือผิดลํา มีแตจะลมจมฉิบหายเปนแนแท รําพึงดังนัน
้ แลวฮวนหอมก็
ยิ่งรองไหจนน้ําตาไหลอาบแกม

ตางคนตางรองไหแตไมมีการตัดสินใจใด ๆ อีกครูหนึ่งเคาอิ๋นและตานทายซึ่งสุมาอี้ใชใหมาหาโจซองก็
เดินทางมาถึง โจซองเห็นสองขุนนางที่เคยเปนเพื่อนกินมาแตกอนก็สาํ คัญวาเพื่อนกินเปนหวงใยติดตาม
มาสมทบ จึงถามวาการขางในเมืองลกเอี๋ยงเปนประการใด

เคาอิ๋นและตานทายคํานับโจซองตามธรรมเนียมแลว จึงกลาววาขาพเจาทั้งสองเห็นสุมาอี้สั่งทหารใหปด
ประตูเมือง จึงไดไปไตถามก็ไดความวาซึ่งราชครูทาํ การทั้งนี้หาไดคด
ิ รายตอฮองเตหรือตอตัวทานประการ
ใดไม หากมุงหมายจะลบลางคําครหาวาทานตีตนเสมอฮองเต คิดอานแยงชิงเอาราชสมบัติ จึงทําการแต
เพียงที่จะปรับปรุงอํานาจทางการทหารใหขน ึ้ อยูในพระราชอํานาจของฮองเตเทานั้น นับเปนเจตนาดีที่มงุ
ปกปองเกียรติยศของทาน อยาไดแคลงใจเลย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 114

โจซองไดยินคําสองขุนนาง แมระรื่นหูกวาถอยคําของฮวนหอมแตกส
็ ัมผัสไดถึงความแปลกประหลาดที่
ซอนอยูขางใตความหวานระรืน
่ นั้นจึงยังคลางแคลงใจ และไมยอมตัดสินใจประการใด

เคาอิ๋นและตานทายเห็นโจซองนิ่งอึ้งดังนั้นก็มิกลาคะยั้นคะยอสืบไป เพราะเคยอยูในอํานาจและเคยกิน
เคยอยูเสพสุขกันมากอนจึงไดแตนิ่งตาม ครูหนึ่งอินตายบกนายทหารคนสนิทของโจซองซึ่งแปรพักตรไป
เขากับสุมาอี้ไดเดินทางมาถึงอีกคนหนึ่ง

โจซองเห็นอินตายบกนายทหารคนสนิทก็สําคัญวาอินตายบกยังคงเปนพรรคพวกที่ไววางใจเชื่อถือไดดัง
แตกอน จึงถามวาสถานการณลาสุดในเมืองลกเอี๋ยงเปนอยางไร

อินตายบกคํานับโจซองตามธรรมเนียมแลว จึงกลาวความเหมือนกับเคาอิ๋นและตานทายวา สุมาอีท ้ ําการ


ครั้งนี้มิไดมุงรายตอโจซอง แตเปนการกระทําเพื่อพิทักษพระบรมเดชานุภาพของฮองเตและโจซองใหพน
คําคนครหาเทานั้น

โจซองไดยินคําอินตายบกสอดคลองกับคําของเคาอิ๋นและตานทาย น้ําใจที่ลังเลอยูก็โนมมาในทางเชือ

ถอยคํา เพราะเปนวิสัยคนเมื่อคนทีร่ ูจักมักคุนกลาวความตรงกันหลายคนแลว มักจะเชื่อถือวาความนั้นเปน
ความจริง ทั้งๆ ที่เนื้อความอันนั้นอาจเปนเรื่องเสกสรรปนแตงออกมาจากแหลงเดียวกันก็ได

อินตายบกเห็นทาทีของโจซองวาคลายความระแวงลงแลว จึงกลาวสืบไปวาขาพเจายังมีความนัยสําคัญ
มาแจงแกทานวา ราชครูสุมาอี้ไดกระทําสัตยสาบานกับเจียวเจวาซึ่งทําการทั้งนี้จะไมทาํ อันตรายตอทาน
และครอบครัวบุตรภรรยาเปนอันขาด เจียวเจคิดถึงคุณทานจึงเขียนหนังสือใหขาพเจานํามามอบแกทา น
และกําชับวาขอใหทานรีบกลับเขาไปในเมืองลกเอี๋ยงโดยเร็วทีส
่ ด
ุ หากเนิ่นชาไปก็จะถูกระแวงสงสัยวา
ทานคิดตอตาน ราชครูก็อาจใชกฎอัยการศึกยกทหารมาทําอันตรายและจับกุมครอบครัว ยึดทรัพยสินของ
ทาน กลาวแลวอินตายบกก็เอาหนังสือของเจียวเจมอบใหแกโจซอง

โจซองไดยินคําอินตายบกที่เปนทั้งคําปลอบและคําขูก็กระทบน้ําใจหวงใยในบุตรภรรยาและครอบครัว ทั้ง
สําคัญวาความซึ่งอินตายบกกลาวนั้นเปนความจริงจึงคอยๆ คลายใจ แลวรับเอาหนังสือของเจียวเจจากมือ
ของอินตายบกมาอานดู

ในหนังสือของเจียวเจนั้นมีใจความวา ขาพเจาเจียวเจคด ิ ถึงคุณของมหาอุปราช จึงมีหนังสือรายงานมาให


แจงวา ซึ่งสุมาอี้ทําการทั้งนี้มไ
ิ ดคิดรายหมายทําอันตรายแกทานและครอบครัวแตประการใด เพราะมุงแต
ปรับปรุงอํานาจทางการทหารใหอยูในพระราชอํานาจของฮองเตตามที่ควรจะเปนเทานั้น จึงชอบทีท ่ านจะ
รีบกลับเขาไปหาบุตรภรรยาในเมืองลกเอี๋ยงโดยเร็ว หากเนิ่นชาก็อาจมีผูยย ุ งวาทานคิดอานเปนกบฏ บุตร
ภรรยาและครอบครัวก็จะเปนอันตราย

โจซองเห็นถอยคําตามหนังสือสอดคลองกับถอยคําของเคาอิ๋น ตานทายและอินตายบกทุกประการก็เชือ

ใจ มีใบหนาผองใสขึ้นโดยลําดับ

ฮวนหอมเห็นดังนั้นก็รูทีวาโจซองจะคิดอานประการใด จึงรีบทักทวงวา “การรอนถึงเพียงนี้แลว ยังจะฟงคํา


คนอื่นอีกเลา ไมคิดอานแกตัวจะบายหนาเขาไปหาความตายอีกเลา”

น้ําใจโจซองแมโนมไปในทางเชื่อถอยคําของอินตายบกและหนังสือของเจียวเจ แตครั้นไดฟงคําทวงของ
ฮวนหอมหนักหนวงรุนแรงก็ไดสติยั้งคิด ระลึกวาฮวนหอมนี้แมคําพูดจาไมหวานระรื่นหูใหสบายใจ แต
ความคิดเห็นใดๆ ก็ไมเคยผิดพลาด รําลึกดังนั้นแลวโจซองก็รองไหสายศีรษะ แลวกลาววาพวกทานอยา
เพิ่งเรงรัดเอากับขาพเจาเลย ขอเวลาใหขาพเจาไตรตรองสักชั่วคืนหนึ่ง

ตลอดคืนวันนั้นโจซองไดแตรอ  งไห ใจหนึ่งก็คิดจะทําตามขอเสนอของฮวนหอม เพราะระแวงวาซึ่งสุมาอี้


ทําการทั้งนี้ก็คอ
ื การยึดอํานาจรัฐ ประเพณีการยึดอํานาจรัฐแตไหนแตไรมาไมเคยมีปรากฏวาจะใหความ
เมตตาปรานีกันและกัน มีแตจะสังหารผลาญชีวิตจนดับดิน ้ ทัง้ สิ้น แตใจหนึง่ ก็หวงใยครอบครัวบุตรภรรยา
นางบําเรอและทรัพยสินทั้งปวงที่อยูในเมืองลกเอี๋ยง หวนคิดรําลึกถึงความสุข ความรืน ่ รมยเบิกบานใน
อํานาจวาสนาทัง้ ปวงแตกอน ก็อยากจะกลับไปสัมผัสกับความสุขเหมือนดังเคยตามความเห็นของอินตาย
บกและพวก ซึง่ ลวนเปนคนสนิทและเชื่อถือมาแตกอน โจซองตรึกตรองไปมาหลายตลบก็ไมอาจตัดสินใจ
ได ตลอดทั้งคืนนั้นโจซองจึงไดแตเดินวนไปเวียนมา ในขณะที่น้ําใจก็อาลัยถึงความสุขแตหนหลังแลว
รองไหจนถึงเวลาใกลรุง พลันน้ําใจก็คดิ สู หยิบเอากระบี่มาถือไวในมือ แตยังคงเดินวนไปมาทบทวน
ความคิดเกาอีก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 115

ทองฟายังไมทนั สางฮวนหอมก็เขามาหาโจซอง เห็นโจซองเดินวนไปเวียนมา ใบหนาซูบซีดอิดโรยก็รู


วาโจซองนอนไมหลับทั้งคืน จึงถามวาทานไตรตรองใครครวญชั่วค่ํายันรุงแลวไดคิดอานแผนการประการ
ใดที่จะกอบกูเอาอํานาจกลับคืนบางแลวหรือไม

โจซองพอไดยนิ คําฮวนหอมก็ทิ้งกระบีล
่ งกับพื้น แลวกลาววา “เราไมยกทัพไปใหลําบากทหารแลว จะ
ถอดเราเสียจากที่ก็ตามเถิด เราจะไดนั่งนอนกินใหสบาย”

สามกกฉบับสมบูรณระบุความตอนนี้วา “โจซองถึงกับโยนกระบี่ทิ้ง พลางถอนใจวาขามิขอยกทัพสูศก



ยินดีที่จะละทิ้งยศตําแหนงขุนนาง ขอเปนครอบครัวเศรษฐีที่ร่ํารวยก็พอแลว”

นับเปนการตัดสินใจที่บด ั ซบที่สด
ุ ในประวัตศ ิ าสตร เพราะหาไดคาดคิดไมวาอํานาจรัฐนัน
้ ยอมเปนสิ่งทีต ่ อง
ชวงชิง ตองรักษาและตองใช จึงจะประกอบเขาเปนองคแหงอํานาจได อํานาจนี้เปนอํานาจทางการเมือง
และทางการทหาร การแยงชิงอํานาจจึงเปนสงครามและเปนสงครามทั้งทีห ่ ลั่งเลือดและไมหลั่งเลือดผสม
กันอยู เปนเรื่องความเปนความตายและมีความอํามหิตเหีย ้ มโหดอันไมอาจหยั่งคาดได ไหนเลยจะหวังเอา
ความปรานีจากฝายปรปกษ ไหนเลยจะหวังการเสพสุขในฐานะเศรษฐีที่เสวยสุขจากเงินซึ่งฉอราษฎรบัง
หลวงและจากการใชอํานาจหนาที่ขมเหงรังแกราษฎรตอไปได การตัดสินใจของโจซองครั้งนีจ ้ ึงเปน
แบบอยางของการตัดสินใจทีใ่ ชไมไดทส ี่ ด
ุ อันควรแกการเปนอุทาหรณของคนทั้งปวงสืบไป

ฮวนหอมเห็นโจซองตัดสินใจดังนั้นก็รองไหดวยเสียงอันดัง ผลุนผลันเดินกลับออกจากที่พักของโจซอง
ปากก็กลาววา “โจจิ๋นพอโจซองอวดตัววาเปนคนมีสติปญญา มีบุตรสามคนก็ไมสั่งสอนใหมีความรูวช
ิ าการ
เลย เหมือนหมูแลกระบือ”

ในขณะนั้นเคาอิ๋น ตานทาย ก็ไดเดินเขามาหาโจซองสวนกับฮวนหอม ไดยินความซึง่ ฮวนหอมกลาวก็รู


วาโจซองตัดสินใจทีจ
่ ะยอมจํานนแกสุมาอีแ ้ ลว จึงเขาไปคํานับโจซองแลวกลาววา ไดยินวาทานตกลงใจที่
จะเขาไปในเมืองลกเอี๋ยงแลว ดังนั้นอยาชักชาเสียเวลาตอไปเลย ชอบที่จะใชใหคนซึ่งวางใจสงตรา
สําคัญประจําตําแหนงเอาไปมอบใหแกราชครูเสียกอน จะไดไมเปนที่แคลงใจ

โจซองไดยินดังนั้นก็เห็นดวย จึงเอาตราหยกประจําตําแหนงมหาอุปราชผูส  ําเร็จราชการแผนดินมอบใหแก


เคาอิ๋นและตานทาย แลวกลาววาขอไหววานทานทั้งสองชวยนําตราประจําตําแหนงนีไ
้ ปมอบแกทาน
ราชครูกอน ขาพเจาจะตามไปรายงานตัวโดยเร็วทีส ่ ุด

ในขณะนั้นเอียวจงปลัดบัญชีประจํากรมของโจซองเห็นเหตุการณ จึงวิ่งเขายุดมือของโจซองที่กําลังจะยื่น
ตราประจําตําแหนงไว แลวกลาววา “ทานทิ้งทหารทั้งปวงเสีย จะมัดตัวเขาไปรับอาญาเขา ขาพเจาเห็นวา
ไมพนที่ตายกลางตลาดเลย”

โจซองเห็นดังนั้นก็สะบัดมือหลุดจากการยุดกุมของเอียวจง แลวกลาววาสุมาอี้เปนถึงราชครู เปนขุนนาง


ผูใหญ ยอมมีวาจาสัตย เห็นจะไมบิดพลิว้ เจาอยาวุนวายสืบไปเลย กลาวแลวก็มอบตราประจําตําแหนง
ใหแกเคาอิ๋นและตานทาย และกลาววาทานทัง้ สองจงรีบลวงหนาไปกอนเถิด

เคาอิ๋นและตานทายเห็นการสําเร็จเหนือความคาดคิดจากที่ไดรับคําสั่งมาจากสุมาอี้ ก็มีความยินดีเปนอัน
มาก คํานับโจซอง รับเอาตราประจําตําแหนงแลวรีบเดินทางกลับไปหาสุมาอี้ ในขณะที่โจซองก็ตระเตรียม
การที่จะกลับเขาไปในเมืองลกเอี๋ยง

พอขาวคราวที่โจซองเวนคืนตราประจําตําแหนงแพรงพรายออกไป บรรดาทหารและไพรพลทั้งปวงที่
ตามโจซองมาในขบวนประพาสปาลาสัตวของพระเจาโจฮองซึ่งลวนแลวแตเปนพวกเพื่อนกินโดยแทก็พา
กันหนีกลับเขาไปในเมืองลกเอี๋ยง เพราะตางคนตางคิดวาโจซองบัดนี้เหมือนเจาไมมีศาล ผีไมมีญาติ อยู
ไปก็ไรอนาคต ดีรายก็จะกลายเปนโทษใหครอบครัวบุตรภรรยาเดือดรอน ขบวนของโจซองจึงเหลือแตพี่
นองสามคนกับขุนนางที่ภักดีไมกี่คนที่เดินทางกลับเขาไปเมืองลกเอี๋ยงอยางวาเหววังเวง

ฝายเคาอิ๋นและตานทาย เมื่อเดินทางกลับไปถึงกองทหารหนาเมืองลกเอี๋ยงจึงนําตราประจําตําแหนง
ของโจซองเขาไปมอบแกสุมาอี้และรายงานความใหทราบทุกประการ

สุมาอี้ไดทราบความก็มีความยินดีที่แผนการแยกโคนออกจากขุนประสบความสําเร็จอยางงดงาม จึงสั่ง
ทหารทั้งปวงใหเตรียมการใหพรอม คอยทีโจซองและญาติพี่นองจะกลับเขามาเมืองลกเอี๋ยง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 116

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

การเมืองทีห
่ ลัง
่ เลือด (ตอนที5
่ 94)

โจซองไมฟงคําแนะนําของฮวนหอมขุนนางผูม  ีสติปญ
 ญาและเปนเพื่อนตาย กลับหลงเชือ ่ คําแนะนําของ
เคาอิ๋น ตานทาย และอินตายบก ซึ่งเปนเพื่อนกินและแปรพักตรไปเขากับสุมาอี้แลว จึงยอมจํานนและสง
มอบตราประจําตําแหนงใหแกสุมาอี้ แลวเดินทางกลับเมืองลกเอี๋ยงเพื่อรายงานตัวตอสุมาอี้

ครั้นขบวนของโจซองซึ่งมีเพียงพี่นองสามคนและทหารคนสนิทไมกค ี่ นไปถึงกองทัพของสุมาอีท้ ี่หนา


เมืองลกเอี๋ยง ก็พากันเขาไปคํานับสุมาอี้ประหนึ่งวาเปนคนตองโทษสุมาอี้รับคํานับตามธรรมเนียมแลวจึง
กลาวกับโจซองวา พวกทานพี่นองสามคนจงกลับไปจวนเถิด แตขุนนางพรรคพวกทั้งปวงนั้นใหไปรายงาน
ตัวที่กองกําลังรักษาพระนคร

โจซองและพี่นอ
 งทั้งสามคนไดยินดังนั้นก็คํานับลาสุมาอี้กลับไปจวน บรรดาทหารและขุนนางที่ตาม
ขบวนโจซองตองแยกทางไปที่กองกําลังรักษาพระนครตามคําสั่งของสุมาอี้

ในขณะนั้นสุมาอี้เห็นฮวนหอมขี่มาตามโจซองและพี่นองกําลังจะผานหนาไป จึงเอาแสมา ชี้หนาแลวกลาว


วา เราทําการเพื่อทํานุบํารุงฮองเตแตไฉนทานจึงคิดอานยุยงใหโจซองรบพุงกับเราเลา

ฮวนหอมไดยินดังนั้นก็กมหนาอยูบนหลังมา สุมาอี้ก็ปลอยใหฮวนหอมขี่มาตามขบวนไป

พอขบวนของโจซองเขาไปในเมืองแลว สุมาอี้จึงยกกองทัพกลับเขาเมืองลกเอี๋ยงแลวตรงไปที่กองกําลัง
รักษาพระนคร

สุมาอี้ไปถึงกองกําลังรักษาพระนครแลวออกคําสั่งใหทหารจับกุมตัวขุนนางและพรรคพวกของโจซองไป
จําขังไวในคุกทัง้ สิ้น และสั่งทหารใหเพิ่มความกวดขันในการลอมจวนของโจซองและพี่นอ
 งไวอยางแนน
หนา ที่ประตูจวนใหใสกุญแจลั่นดานไวไมใหคนขางในออกมาขางนอกได แลวออกคําสั่งใหรองราช
เลขาธิการนําความไปกราบบังคมทูลพระเจาโจฮองซึ่งยังคงประทับอยูขางนอกเมืองใหทรงทราบ และ
กราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จกลับเมืองลกเอี๋ยง

พระเจาโจฮองทรงทราบความจึงตรัสสั่งใหจัดขบวนเสด็จกลับพระนคร สุมาอี้ทราบวาพระเจาโจฮองเสด็จ
มาใกลประตูเมือง จึงพาทหารออกไปถวายการตอนรับ เมื่อไดถวายบังคมตามประเพณีแลวจึงกราบทูล
ถวายรายงานใหทรงทราบแลวเชิญเสด็จกลับเขาวัง

สุมาอีส
้ งเสด็จเสร็จแลวจึงกลับไปที่กองกําลังรักษาพระนคร ฝายเจียวเจไดทราบความวาสุมาอี้ปลอยโจ
ซองสามพี่นองกลับไปที่จวน จึงถามสุมาอี้วาการใหญถึงเพียงนี้ ไฉนทานราชครูจึงประมาทปลอยใหโจ
ซองและพี่นองกลับไปที่จวนได หากโจซองคบคิดกับพรรคพวกทําการตอสูแ  ลวก็จะยุงยากสืบไป

สุมาอี้จึงวาจะวิตกอันใดกับโจซองและพี่นอง เราเกรงอยูก็แตหวงเวลาที่โจซองยังคงถวายอารักขาฮองเต
อยูที่นอกเมืองแลวเชิญเสด็จฮองเตไปเมืองฮูโต อาศัยพระบรมราชโองการของฮองเตระดมไพรพลมา
ตอตานเราตางหาก แตโจซองบัดนี้เหมือนเสืออยูในน้ํา ปลาฉลามอยูบนบก จะเกรงกลัวอันใดอีก การทํา
อันตรายโจซองในขณะนี้ไมชอบเพราะจะเปนที่ครหาแกคนทัง้ ปวงเนื่องจากความผิดยังไมประจักษ

สุมาอี้กลาวสืบไปวา เราไดสงั่ ใหทาํ การไตสวนความผิดของโจซองและพีน


่ องพรรคพวกทั้งปวง ขณะนีไ
้ ด
จับกุมเตียวตองเจากรมขันทีและพรรคพวกมาไตสวนแลว อีกไมนานเมื่อหลักฐานพรอมมูลจึงคอยทําการ
สืบไป

ฝายโจซองเมื่อกลับเขาไปในจวนพบลูกเมียครอบครัวก็คอยอุนใจ แตพอทราบวาถูกทหารปดประตูจวน
และลอมไวอยางแนนหนาก็กลับตกใจ สามพีน่ องมีจวนอยูในบริเวณเดียวกันจึงหันหนาเขาปรึกษาหารือกัน
วาจะคิดอานประการใด

โจอี้ผูนองเห็นโจซองผูพี่เปนทุกขใจเพราะเสบียงอาหารในจวนรอยหรอใกลหมดสิ้น จึงเสนอโจซองวาควร
ที่ทา นพี่จะลองน้ําใจสุมาอี้วามีความสุจริตจริงหรือไม ขอใหแตงหนังสือไปขอเสบียงอาหารจากสุมาอี้ ถา
หากสุมาอีใ้ หเสบียงอาหารก็พอจะเชื่อไดวาสุมาอี้มีน้ําใจสุจริต ไมคิดทําอันตรายพวกเรา

โจซองไดฟงคําผูนองก็เห็นชอบ จึงแตงหนังสือฉบับหนึ่งใหทหารรับใชภายในจวนถือไปใหแกสุมาอี้ ขอ
ยืมเสบียงอาหารตามจํานวนที่เห็นวาสมควร

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 117

สุมาอี้ไดรับหนังสือของโจซองแลวก็รท
ู ันความคิด จึงหัวเราะรวนแลวสั่งทหารใหจัดขาวสารรอยถังเอาไป
สงใหที่จวนของโจซอง

โจซองไดรับขาวสารจากสุมาอีก
้ ็ดีใจวาครั้งนี้เห็นทีจะไมเปนอันตราย ดวยสําคัญวา สุมาอี้มีความสุจริตใจ
ตามคําของอินตายบก

ฝายสุมาอีห
้ ลังจากควบคุมสถานการณในเมืองลกเอี๋ยงเปนปกติแลว จึงเรงรัดการไตสวนความผิดของโจ
ซองกับพวก ไดใหทหารเฆี่ยนเตียวตอง บังคับใหรับสารภาพวาไดคบคิดกับโจซองจะแยงชิงเอาราชสมบัติ
เตียวตองทนอาญาไมไดก็จําตองรับสารภาพวาไดคบคิดกับโจซองจะกอการกบฏในอีกสามเดือนขางหนา

สุมาอี้ใหทหารไตสวนตอไปวาการกบฏจะทํากันแตเพียงสองคนเทานี้หรือเตียวตองก็ไมรท ู ี่จะกลาวประการ
ใด สุมาอี้จึงใหทหารถามนําวาผูรวมคิดการกบฏในครั้งนี้มิไดมีแตเพียงสองคนเทานั้น หากยังมีโฮอั๋น เตง
เหยียง หลีซิน เตงปด ปดหวน รวมคิดการดวยใชหรือไม

เตียวตองไดยินคําถามนําดังนัน
้ ก็ปฏิเสธวา ขาพเจาไมเคยปรึกษาหารือใดๆ กับ ขุนนางทัง้ หาคนนี้ คณะผู
ไตสวนไมยอมเชื่อ สั่งใหโบยเตียวตองเปนสาหัส เตียวตองทนอาญาไมไดก็จํารับสารภาพแลวยอมซัด
ทอดปายผิดวาไดคบคิดกับขุนนางคนสนิททั้งหาคนดวย สุมาอี้จึงใหเตียวตองลงชื่อในคํารับสารภาพไว
เปนหลักฐาน แลวสั่งทหารใหไปคุมตัวหาองครักษของโจซองมาทําการไตสวนตอไป

หาองครักษแมจะรวมคิดสนิทสนมกับโจซองก็เปนเรื่องของการเสพสุขและแสวงหาลาภยศ พอไดยิน
คําถามจึงพากันปฏิเสธ แตผไ ู ตสวนไมเชื่อฟง สั่งใหโบยหาขุนนางเปนสาหัส ทั้งหาองครักษพิทักษนาย
ทนอาญาไมไดก็จํารับสารภาพสิ้น สุมาอี้จึงใหขุนนางทั้งหาคนลงชื่อไวในคํารับสารภาพเปนสําคัญ

พอขุนนางทั้งหาคนลงนามรับสารภาพ สุมาอี้จึงออกคําสั่งใหเอาขุนนางทั้งหาคนไปจําขังในคุกหลวง ตรึง


ขื่อคาในฐานะเปนนักโทษฉกรรจของบานเมือง

ฝายสูหวนซึ่งเปนนายประตูและปลอยใหฮวนหอมหนีออกไปนอกเมือง เกรงวาความผิดจะตกแกตัวจึงเขา
ไปแจงความแกสุมาอี้วา ฮวนหอมไดอางปายอาญาสิทธิ์ปลอมลวงใหขาพเจาหลงปลอยออกไปนอกเมือง
เขาลักษณะคบคิดกับโจซองกอการกบฏดวย มิหนําซ้ํายังชักชวนขาพเจาวาทานราชครูกอ การกบฏ ให
ขาพเจาเขาเปนพวกกําจัดทานราชครูเสีย

สุมาอี้พยาบาทฮวนหอมอยูแลว พอไดยินสูหวนโจทกเปนหลักฐานดังนั้นก็ยิ่งโกรธ แลวกลาววา อายฮวน


หอมมันเปนพวกกบฏ แลวยังมาปายสีเราวาเปนขบถอีกเลา

กลาวแลวสุมาอี้จึงสั่งใหทหารไปจับฮวนหอมกับโจซองและพี่นองไปขังไวในคุก

วันรุงขึ้นสุมาอี้เรียกประชุมขุนนางทั้งปวงแลวปรารภความวา โจซองและพี่นองพรรคพวกไดคบคิดกันเปน
กบฏจะลมลางราชบัลลังกแลวชิงเอาราชสมบัติ เดชะบุญที่ขาพเจารูแ
 ผนการกอนจึงแกไขไดทันทวงที
บัดนี้ไดจับกุมคนผิดมาทําการไตสวนทวนพยานพรอมมูลแลว มีหลักฐานมั่นคงฟงไดชัดวาโจซองและพี่
นองพรรคพวกประมาณพันคนไดคบคิดกันเปนกบฏจริง จะชิงเอาราชบัลลังกในอีกสามเดือนขางหนา ทาน
ทั้งปวงจะเห็นเปนประการใด

บรรดาพรรคพวกสุมาอี้ไดฟงปรารภดังนั้นก็พากันออกความเห็นเปนเสียงเดียวกันวาผูคบคิดแยงชิงเอาราช
สมบัติเปนกบฏ จําตองประหารชีวต
ิ เสียทั้งสิ้น ไมอาจลดหยอนผอนโทษไดแมแตนอย

ขุนนางทั้งปวงไดยินดั้งนั้นก็พากันออกความเห็นคลอยตาม เพราะตางคนตางรูดีวาลมการเมืองบัดนี้ผน

แปรเปลี่ยนแปลงไปเปนประการใด สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงสรุปวาเมื่อทานทั้งปวงมีความเห็นพรอมกันดังนี้แลว
ก็จําตองลงโทษประหารชีวต ิ ผูกอการกบฏเสียทั้งสิ้น

กลาวแลวสุมาอี้จึงออกคําสั่งใหคุมตัวโจซองกับพี่นองและฮวนหอมพรอมกับพรรคพวกญาติพี่นองสามชั่ว
โคตรจํานวนพันกวาคนเอาไปประหารชีวิตที่กลางตลาดเพื่อมิใหเปนเยี่ยงอยางแกคนทั้งปวงสืบไป และให
ริบทรัพยสมบัตข
ิ องคนทั้งนั้นเขาพระคลังหลวงทั้งสิ้น

ฝายญาติของโจซองอีกคนหนึง่ เปนบุตรของแฮหัวเหลงและเปนภรรยาของโจวุนซกนองชายของโจซอง มี
บุตรดวยกันคนหนึ่ง โจวุนซกถึงแกความตายมานานแลวนางจึงตกเปนหมาย แฮหัวเหลงผูบิดาจะใหมส
ี ามี

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 118

ใหมแตนางไมยอม เพราะไดสาบานไววา จะภักดีตออดีตสามีผูตาย ไมยอมมีสามีใหมเปนอันขาด ครั้นถูกผู


พอบังคับนางจึงตัดหูตนเองออกขางหนึ่ง หลังจากนั้นแลวบิดาก็ไมกลาบังคับขืนใจนางอีกเลย

ครั้นโจซองตองโทษฐานกบฏ แฮหัวเหลงผูบิดาเกรงวานางจะตกเปนโทษฐานดองญาติกับโจซอง จึง


บังคับนางอีกครั้งหนึ่งใหออกจากตระกูลโจแตงงานมีสามีใหม แตนางกลับไมยินยอมแลวตัดปลายจมูก
ของตนเองทิ้งเสียหวังใหกลายเปนหญิงเสียโฉม

ผูคนในเรือนเห็นดังนั้นก็ตกใจ ชวยกันอธิบายวาซึ่งบิดานางบังคับดังนี้ก็เพราะไมปรารถนาใหนางตองโทษ
ตาย จึงตองใหแตงงานมีสามีใหมออกไปจากตระกูลโจก็จะไดพนความผิด

นางนั้นจึงตอบวา “ประเพณีลก ู ผูหญิงเมื่อยังหาสามีมิได ก็ตั้งอยูในบังคับบัญชาของบิดา ถามีสามีแลวก็


ตั้งอยูในบังคับสามี ถาสามีไดยศศักดิ์เปนสุขก็ไดเปนสุขดวยสามี ถาสามีประกอบไปดวยทุกข ก็ใหสท ู ก
ุ ข
สูยากดวยสามี เมื่อยังมีชีวิตอยูรักใครรวมสุขรวมทุกขฉันใด สามีตายแลวก็ใหรักใครรวมสุขรวมทุกขดังนั้น
โจซองมีบุญสิพึ่งบุญเขามา ครั้นเขาเปนโทษจะเอาตัวหนีออกหากดังนี้เปนคนอกตัญูหารูค  ุณเขาไม
เหมือนสัตวเดียรัจฉาน”

สุมาอี้ไดทราบความอันเปนไปของนางผูเปนบุตรแฮหัวเหลงดังนั้น จึงสั่งใหนางพนจากโทษประหาร
ปลอยตัวกลับไปเรือน แลวกลาวกับคนทั้งปวงวาสตรีน้ําใจงามสัตยซื่อภักดีตอสามีดังนีห
้ าไดยากนัก สามี
นางชั่วเพราะเกิดมาเปนญาติของโจซอง แตตัวนางนั้นมีคุณธรรมอันประเสริฐ ชอบที่จะทําการใหปรากฏ
เกียรติคุณไปในเบื้องหนาใหเปนแบบอยางแกคนทั้งปวง

สุมาอี้กลาวดังนั้นแลวจึงขอเอาบุตรของนางมาเลี้ยงดูเปนบุตรบุญธรรม หวังจะใหคนทั้งปวงเลื่องลือไปวา
สุมาอี้มีน้ําใจใฝยกยองผูมค
ี ุณธรรม นางขัดอํานาจสุมาอี้ไมไดก็ยกบุตรใหเปนบุตรบุญธรรมของสุมาอี้
สืบไป

ตอมาเจียวเจไดเขาไปหาสุมาอี้แลวเสนอวาทานไดสังหารญาติพี่นองของโจซองและพรรคพวกเสียเปนอัน
มากแตยังไมหมดสิ้น พวกทีเ่ หลืออยูก็จะอาฆาตพยาบาททานสืบไป ชอบที่จะตองถอนรากถอนโคนให
หมดจด จะไดไมเปนที่กังวลใจในภายหนา

เจียวเจเห็นสุมาอี้ตั้งใจฟงจึงกลาวตอไปวา สุมาเลาจี๋กับซินแปเปนทหารคนสนิทของโจซอง ในขณะเกิด


เหตุไดสังหารพวกนายประตูเมืองเสียหลายคนแลวหนีตามไปหาโจซอง นอกจากนี้ยังมีเอียวจงปลัดบัญชี
ของโจซองอีกคนหนึ่ง ขาพเจาไดรับรายงานวาในขณะที่โจซองจะสงตราตําแหนงใหนํามามอบแกทานนั้น
เอียวจงไดยด
ุ มือหามปรามโจซองไว ทั้งสามคนนี้ควรจะกําจัดเสียอยาใหเปนเสี้ยนหนามสืบไป

สุมาอี้ตรองดูกค
็ ิดวาคนทั้งสามนี้มิใชพวกมักใหญใฝสูง และไมมีความคิดที่จะตอตานการครองอํานาจ ไม
เปนพิษเปนภัยอันใดแมแตนอย ทั้งตัวเราไดสังหารผลาญชีวิตโจซองและพรรคพวกไปเปนจํานวนมากแลว
จําจะอาศัยชีวิตสามคนนี้สรางชื่อเสียงใหลือชาปรากฏสืบไปเบื้องหนาจะดีกวา

สุมาอี้คด
ิ ดังนั้นแลวจึงกลาววาทั้งสามคนนี้เปนลูกนองที่มีความกตัญูซื่อสัตยจงรักภักดีตอ
 นาย เปนขาที่
หาไดยาก ใครมีลูกนองแบบนี้ก็นับวาเปนวาสนาของผูนั้น หากประหารผูมค ี ุณธรรมก็จะเปนที่ครหาแกคน
ทั้งปวง อยาไดเอาโทษคนทั้งสามนีส ้ ืบไปเลย

กลาวแลวสุมาอี้จึงใหทหารไปเชิญตัวขุนนางทั้งสามคนเขามาพบแลวกลาววาพวกทานเปนขุนนางที่มี
ความกตัญู สมควรเปนแบบอยางแกคนทั้งปวง เราจะไมเอาผิดกับทาน แลวตั้งใหเปนขุนนางตาม
ตําแหนงทีด
่ ังเดิม

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

รอยเกวียนยอมทับรอยเทาโค (ตอนที5
่ 95)

สุมาอี้ยด
ึ อํานาจแลวไดสังหารผลาญชีวต ิ โจซอง รวมทั้งพี่นอ
 งและสมัครพรรคพวกรวมพันคน ทําลายเชือ

สายตระกูลโจทีอ ่ ยูในตําแหนงขุนนางทั้งฝายทหารและพลเรือนจนยอยยับแลว จึงแกลงยกยองสามขุน
นางประเภทลูกเตาวามีความกตัญูภักดีตอเจานาย สมควรเปนแบบอยางแกคนทั้งปวง และแตงตั้งให
ดํารงตําแหนงตามเดิม

ซินแป สุมาเลาจี๋ และเอียวจง แมจะไดรับพระคุณจากสุมาอี้ไมเอาโทษฐานเปนพรรคพวกกับโจซอง แตก็รู


ทีวาสุมาอีท
้ ําการทั้งนีห
้ าใชปรารถนาดีมีเมตตาแตประการใดไม หากเปนการกระทําเพื่อหวังจะสราง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 119

ภาพลักษณของตนเองวาเชิดชูคุณธรรมเทานั้น จึงแสรงคํานับขอบคุณสุมาอี้แลวลากลับออกไป ตางคน


ตางทอดถอนใจใหญแตมริ ท
ู ี่จะทําประการใด

ซินแปรําลึกถึงความหลังแลวกลาวกับเพื่อนขุนนางอีกสองคนวา เรารอดตายมาครั้งนีเ้ พราะไดคาํ พี่สาว


แนะนํา หาไมแลวก็อาจถูกประหารไปพรอมกับพรรคพวกของโจซองเปนแนแท

ฝายสุมาอี้เมื่อทําทีเชิดชูคุณธรรมปลอยสามขุนนางลูกเตาใหพนผิดแลว ก็ปรับปรุงภาพพจนตัวเองตอไป
เพื่อไมใหเปนที่ครหาแกคนทัง้ ปวง จึงออกหมายประกาศทั่วทุกหัวเมืองวา บรรดาผูใ ตบังคับบัญชาของโจ
ซองซึ่งยังหลบหนีอยูนั้น ใหรีบคืนกลับไปหาครอบครัวบุตรภรรยาเถิด ทางราชการไมเอาเปนโทษอีก
ตอไปแลว ผูใดเปนขุนนางไมวาตําแหนงใหญนอย ไมวาฝายทหารหรือพลเรือน ก็ใหมีตําแหนงและทํา
หนาทีต่ ามเดิม หากเปนราษฎรก็ใหกลับมาทํามาหากินตามภูมิลําเนาเดิมนั้นเถิด

สุมาอี้ยดึ อํานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแลวเห็นวาตําแหนงมหาอุปราชและอัครมหาเสนาบดีซึ่งโจซองครองอยู
นั้นยังวางอยู จึงปรึกษาดวยขุนนางทั้งปวงวาแผนดินจะปลอยใหวางขุนนางผูใหญนั้นไมสมควร ทานทั้ง
ปวงจะเห็นเปนประการใด

ขุนนางทั้งปวงไดฟงปรารภของสุมาอี้ก็รท
ู ี ขุนนางอาวุโสหลายคนยังจดจําเหตุการณเมื่อครั้งที่โจโฉกําเริบ
ในอํานาจคิดตั้งตนขึ้นเปนวุยออง แลวดําเนินกโลบายบีบบังคับจนพระเจาเหี้ยนเตจําตองโปรดเกลาตั้งให
เปนวุยออง ก็คิดวาสุมาอี้ปรารภความทั้งนี้เพราะตองการมีอาํ นาจราชศักดิ์แบบเดียวกับโจโฉ ตามวิสัยผูมี
อํานาจแลวยอมกําเริบลืมตัวฉะนั้น

เมื่อคิดดังนั้นแลวจึงกลาวกับสุมาอี้วา ทานราชครูเปนที่ไววางพระราชหฤทัยในฮองเตพระองคกอน ฝากฝง


การแผนดินใหดูแลทํานุบํารุงฮองเตพระองคปจจุบัน บัดนี้โจซองหาไมแลว จึงควรทีท ่ านราชครูจะไดทํานุ
บํารุงพระเจาโจฮองสืบไป พวกเราจึงขอเสนอใหทานราชครูเขาดํารงตําแหนงมหาอุปราชและอัครมหา
เสนาบดีแทนทีโ่ จซองจึงจะควร

ขุนนางทั้งปวงไดฟงคําขุนนางผูใหญออกความเห็นดังนั้น จึงพากันกลาวเสริมวาความเห็นของขุนนาง
อาวุโสนั้นควรอยูแลว แตทานราชครูเปนผูมค ี วามชอบแกบา นเมือง เปนเสาหลักของบานเมือง ทําให
บานเมืองรมเย็นเปนสุข ดังนัน
้ เพื่อเทิดเชิดชูพระบรมเดชานุภาพของฮองเตใหเปนที่ยําเกรงแกหัวเมืองทัง้
ปวง จึงควรทีจ่ ะขอรับพระราชทานอิสริยยศชัน ้ อองพรอมกันไปดวย

ขุนนางทั้งปวงปรึกษาเห็นชอบกันดังนั้นแลว ยังเห็นสุมาอีน ้ ิ่งอยูก็รูทีวา ตองดวยใจแตไมปรารถนาที่จะทํา


การดวยตนเอง จึงกลาวพรอมกันวาขาพเจาทั้งปวงจะไดรวมกันถวายฎีกาตอฮองเตเพื่อทรงพระกรุณา
โปรดเกลาฯ แตงตั้งใหทานราชครูเปนจิน
้ ออง ครองตําแหนงมหาอุปราชและอัครมหาเสนาบดีแหงแควน

สุมาอี้เห็นขุนนางปรึกษาพรอมใจกันดังนั้นก็แสรงบายเบี่ยงวา ตัวเราทําการมิไดเห็นแกความชอบหรือ
ประโยชนสว นตน หวังเอาแตการเสริมสรางพระบารมีของฮองเตและความรมเย็นเปนสุขของบานเมืองแล
ราษฎรเปนที่ตั้ง อิสริยยศและตําแหนงทั้งปวงตามคําทานทั้งหลายนั้นเกินกวาวาสนาของเรานัก

บรรดาขุนนางทัง้ ปวงไดฟงคําสุมาอี้ดังนั้นก็รูความนัย จึงพรอมใจกันแตงฎีกากราบทูลพระเจาโจฮองขอให


มีพระบรมราชโองการสถาปนาอิสริยยศของสุมาอี้ขึ้นเปนสมเด็จเจาพระยามหาอุปราชแหงจิ้นหรือจิ้นออง
ครองตําแหนงมหาอุปราชและอัครมหาเสนาบดีแลวพากันเขาไปเฝาพระเจาโจฮอง ทูลเกลาถวายฎีกานั้น

พระเจาโจฮองทอดพระเนตรฎีกาและฟงคํากราบทูลของขุนนางทั้งปวงแลว ก็ทรงรูว าการทั้งปวงได


เตรียมการตกลงกันมากอนแลว ถึงแมจะทัดทานประการใดก็ไมเปนผลจึงทรงลูต  ามลม คลอยตามคําขุน
นาง มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาตั้งใหสม ุ าอี้เปนจิ้นออง มีเครื่องประกอบอิสริยยศเกาประการ อยาง
เดียวกับที่โจโฉเคยไดรับพระราชทานจากพระเจาเหี้ยนเต และใหครองตําแหนงมหาอุปราชและอัครมหา
เสนาบดีแทนทีต ่ ําแหนงของโจซองอีกดวย

ครั้นสํานักราชเลขาธิการใหหัวหนาขันทีเชิญพระบรมราชโองการไปพระราชทานแกสุมาอี้ที่จวน สุมาอี้ก็
แสรงบายเบี่ยงไมยอมรับ อางวาตัวเราชราแลวไมปรารถนาลาภยศอะไรอีก

ครั้นหัวหนาขันทีกลับไปกราบบังคมทูลพระเจาโจฮองก็ทรงแปลกพระทัย ตรัสถามขุนนางฝายอาลักษณวา
ไฉนจึงเปนดังนี้ ขุนนางฝายอาลักษณเคยทราบเหตุการณครัง้ ที่โจโฉปฏิเสธพระบรมราชโองการของพระ
เจาเหี้ยนเต จึงกราบทูลวาซึ่งสุมาอีท
้ ําการทัง้ นี้เพียงเพื่อจะแสดงใหปรากฏวามิไดปรารถนาลาภยศเทานั้น
แตใจจริงแลวกระหายใครจะไดอิสริยยศและตําแหนงเปนแนแท

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 120

พระเจาโจฮองจึงตรัสสั่งใหหัวหนาขันทีเชิญพระบรมราชโองการไปพระราชทานแกสุมาอี้อีกสองสามครั้ง
และตรัสสั่งกําชับวาไมทรงอนุญาตใหสมุ าอี้ปฏิเสธ สุมาอี้จึงแสรงทําทีเปนจําใจยอมรับอิสริยยศและ
ตําแหนงที่พระราชทานนั้น

เมื่อสุมาอี้ไดครองอิสริยยศและตําแหนงสมใจแลว จึงใหสม
ุ าสูและสุมาเจียวผูบต
ุ รกลับเขารับราชการใน
ตําแหนงดังแตกอน หลังจากนั้นมาอํานาจบริหารราชการแผนดินก็ตกอยูใ นมือของสุมาอี้และบุตรทั้งสอง
ทั้งสิ้น

กรรมอันใดซึ่งโจโฉผูนําตระกูลโจไดกระทําไวกับพระเจาเหี้ยนเต บัดนีก ้ รรมอันนั้นไดตามสนองมาทัน


ตระกูลโจแลว อุปมาดั่งรอยเกวียนยอมหมุนทับรอยโคฉะนั้น พระเจาโจฮองซึ่งแมจะไมใชเลือดเนื้อเชื้อไข
ของตระกูลโจ แตภายนอกที่คนทั้งปวงรับรูก็คือคนในตระกูลโจนั่นเอง พระเจาโจฮองทรงเห็นพวกสุมา
สามพอลูกครองอํานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแลว ก็ทรงพระวิตกวาสืบไปเมื่อหนาอํานาจกลายิง่ ขึ้นแลวก็ยอม
ชิงเอาราชสมบัติ ทรงรําลึกวาตัวเราบัดนี้แมครองตําแหนงเปนฮองเต แตบรรดาพระบรมวงศานุวงศทั้งปวง
ทั้งขุนนางฝายพลเรือนและทหารลวนถูกกําจัดจนหมดสิ้น ขุนนางทั้งปวงทีอ ่ ยูในราชการก็เขาหาสวามิภักดิ์
แกสุมาอีส
้ ิ้น ตัวเราแมมีฐานะเปนใหญก็ไมตางอันใดกับไมใหญที่โดดเดีย
่ ว ไหนเลยจะถือวาเปนปาได
หลังจากนั้นแลวพระเจาโจฮองก็หวั่นวิตกในพระทัยทุกวันคืน

วันหนึ่งสุมาอี้ไดคิดวาเราไดลา งผลาญขุนนางตระกูลโจ ทั้งที่เปนขุนนางฝายทหารและพลเรือนไปหมดสิ้น


แลว แตพวกตระกูลแฮหัวนั้นมีเชื้อสายและบรรพบุรุษเดียวกันกับตระกูลโจ แลขุนนางในตระกูลแฮหัวบัดนี้
ก็เหลือแตแฮหัวปาซึ่งเปนเชื้อสายใกลชด ิ ของโจซอง ยังคงกุมอํานาจทางการเมืองการทหารอยูท  ี่เมืองฮ
องจิ๋ว เมื่อใดที่แฮหัวปาทราบความที่เกิดขึน ้ ในเมืองลกเอี๋ยงเห็นจะมีความพยาบาทแคนเคืองเปนอันมาก
อาจกอการจลาจลใหสับสนวุนวายตอไป จําจะกําจัดเสียเหมือนหนึ่งตัดไฟเสียแตตนลม จะไดไมกังวล
อันตรายในภายหนา

สุมาอี้คด
ิ ดังนั้นแลวจึงทําหมายรับสั่งเรียกแฮหัวปากลับเขาเมืองลกเอี๋ยงเพื่อปรึกษาขอราชการ ใหตาน
ทายนําไปมอบใหแกแฮหัวปา และสั่งตานทายใหนํากองทหารติดตามไปดวย ถามาตรแมนแฮหัวปาขัดขืน
เปนกบฏก็ใหกําจัดเสีย

ฝายแฮหัวปาคุมทหารรักษาเมืองฮองจิ๋วตามคําสั่งของโจซอง ครั้นเกิดการรัฐประหารในเมืองลกเอี๋ยง
พรรคพวกของแฮหัวปาคนหนึง่ ไดหนีหลุดรอดออกจากเมืองไปได จึงนําความไปแจงใหแฮหัวปาทราบวา
บัดนี้สุมาอี้กอการรัฐประหารยึดอํานาจในเมืองลกเอี๋ยงไวไดแลว และไดประหารชีวต ิ โจซองและบรรดาขุน
นางตระกูลโจจนหมดสิ้น ในไมชาเห็นทีวาสุมาอี้จะคิดอานกําจัดทานเปนมั่นคง

แฮหัวปาทราบความดังนัน ้ ก็ตกใจ จึงคิดถึงชะตาตัววายอมจะตองตกเปนเปาหมายทีส


่ ุมาอี้คิดราย หากจะ
นิ่งเฉยอยูก็จะถึงแกความตาย จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกกอการกบฏยึดอํานาจเมืองฮองจิ๋วไว และระดม
ผูคนเตรียมที่จะยกกองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยง แตเมืองฮองจิ๋วนั้นเปนหัวเมืองนอย แฮหัวปาระดมทหารได
เพียงสามพันจึงตองตั้งมั่นซองสุมผูคนตอไป

ฝายกวยหวยซึง่ เปนเจาเมืองฮองจิ๋วมาแตเดิม และถูกยายไปอยูนอกเมืองในครั้งที่โจซองยังมีอํานาจ ครั้น


ไดทราบความวาแฮหัวปากอการกบฏ จึงคุมสมัครพรรคพวกยกมาตีเมืองฮองจิ๋ว แฮหัวปารูขาวก็ยกทหาร
ออกไปประจันหนากับกวยหวย

กวยหวยขี่มาถือทวนออกไปขางหนาแลวรองดาแฮหัวปาวาตัวมึงเปนถึงเชือ
้ พระวงศ ไฉนจึงกอการกบฏตอ
ฮองเตดังนี้เลา

แฮหัวปาไดยินก็โกรธ รองดากลับมาวาตัวกูเปนเชื้อพระวงศจึงรูรอนรูหนาวดวยพระเจาอยูห
 ัว เวลานี้อายสุ
มาอี้กอการกบฏคิดแยงชิงเอาราชสมบัติ ตัวมึงก็เปนขาแผนดิน ไดอาศัยขาวแดงแกงรอนพึ่งบุญปูยาตา
ยายของกูมา ไฉนจึงไปเขาขางผูทรยศตอแผนดิน มิหนําซ้ํายังจะมาดาวากูอีก

กวยหวยถูกดาดังนั้นก็โกรธ กระตุนมาและเงื้อทวนพุงเขาหาแฮหัวปา ทั้งสองฝายไดรบพุงกันบนหลังมา


ไดสิบเพลง กวยหวยสูแ  ฮหัวปาไมไดจึงชักมาหนี แฮหัวปาเห็นไดทีจึงขี่มาไลตามไป

ฝายตานทายคุมทหารยกมาตามคําสั่งของสุมาอี้เพื่อจะเอาหมายรับสั่งเรียกตัวแฮหัวปาเขาเมืองลกเอี๋ยง
ครั้นยกกองทัพมาใกลเมืองฮองจิ๋วไดทราบวากวยหวยกําลังรบพุงอยูกับแฮหัวปาจึงรีบพาทหารเรงไปที่
เมืองฮองจิ๋ว พอเห็นแฮหัวปาขี่มาไลตามกวยหวยดังนั้น จึงสั่งทหารใหตีกระหนาบหลังหวังจะชวยกวยหวย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 121

กวยหวยกําลังควบมาหนี พลันไดยินเสียงชุลมุนทางดานหลังของกองทหารแฮหัวปา จึงเหลียวกลับมา


มองเห็นธงประจําตัวนายทัพชือ
่ ตานทายยกมาชวยก็ดีใจ จึงขี่มาพาทหารตีกระทบกลับลงมา

แฮหัวปาเห็นดังนั้นก็ตกใจ สั่งทหารใหประจัญบานกับทหารของกวยหวยและตานทาย ทหารของแฮหัวปา


ตกอยูในวงลอมกระหนาบจึงตืน ่ ตระหนกไมมแ
ี กใจสูรบ จึงถูกทหารของกวยหวยและตานทายฆาฟน
บาดเจ็บลมตายลงเปนจํานวนมาก

สามกกฉบับภาษาจีนระบุวาทหารของแฮหัวปาถูกฆาฟนตายไปพันหารอยคน เหลืออยูเพียงพันหารอยคน
แฮหัวปาเห็นเหลือกําลังนักจึงตีฝาพาทหารหนีวงลอมไปทางเมืองฮันตง กวยหวยและตานทายเห็นดังนั้น
ก็พาทหารไลตามไปแตไมทันจึงพากันยกกลับ

แฮหัวปาพาทหารหนีการติดตามทั้งวันทั้งคืน ก็คิดวาบัดนี้สุมาอี้ยึดอํานาจปกครองแควนวุยไวหมดสิ้นแลว
แผนดินวุยนี้ไมมีที่ใหเราจะอาศัยไดอีกตอไป คิดหนาคิดหลังหาทางไปทางไหนไมได แฮหัวปาจึงตัดใจ
พาทหารหนีเขาแดนเมืองฮันตง

เมื่อไปถึงหนาดานชายแดนจึงใหทหารเขาไปแจงความจํานงแกนายดานวาตัวเราชื่อแฮหัวปา พาทหารจะ
มาเขาสวามิภักดิ์ดวยเกียงอุย จงนําความไปรายงานใหเกียงอุยไดทราบ

ครั้นเกียงอุยทราบความแลวก็สงสัยเพราะรูดวี าแฮหัวปาเปนเชื้อพระวงศสนิทของพระเจาโจฮอง เหตุไฉน


จึงยอมมาสวามิภักดิ์ตอเมืองเสฉวนของเราเลา คิดดังนั้นแลวเกียงอุยจึงใหทหารไปสืบขาวคราว ครั้นได
ทราบความวาเกิดการยึดอํานาจในเมืองลกเอี๋ยงแลวแฮหัวปาตองหนีภย ั เขามาพึ่งใบบุญ จึงใหทหารรับแฮ
หัวปาเขามาในเมืองฮันตง

เกียงอุยรูวาแฮหัวปามาถึงเมืองฮันตงจึงออกไปตอนรับตามธรรมเนียม แฮหัวปาเห็นเกียงอุยออกมาตอนรับ
ก็ตรงเขาไปคุกเขาคํานับแลวรองไหดวยความคับแคนใจ

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สองอัจฉริยะสงครามรุนใหม (ตอนที5
่ 96)

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบสองพรรษา เดือนเกา แฮหัวปาเชื้อพระวงศของพระเจาโจ


ฮองรูวาตกเปนเปาที่จะถูกสุมาอี้กําจัดจึงกอการกบฏ แตไมสาํ เร็จ จึงพาทหารใตบังคับบัญชาพันหารอยคน
หนีไปขอสวามิภักดิ์กับเกียงอุยที่เมืองฮันตง

เกียงอุยเห็นแฮหัวปาคุกเขารองไหดังนั้น จึงเขาไปกมประคองใหแฮหัวปาลุกขึ้น แลวกลาววาทานอยา


ทุกขใจสืบไปเลย มีการสิ่งใดคอยพูดจาวากลาวกัน

แฮหัวปาจึงเลาเหตุการณซึ่งสุมาอี้กอการรัฐประหารยึดอํานาจในแควนวุยแลวกําจัดขุนนางแซโจและแซ
แฮหัวจนเกือบหมดสิ้น จึงจําตองหนีมาพึ่งใบบุญของพระเจาเลาเสี้ยนใหเกียงอุยฟงทุกประการ

เกียงอุยจึงวา “ทานมาทางไกลนัก สามิภักดิม


์ าเปนขาพระเจาเลาเสี้ยนครัง้ นี้ไมเสียที ดวยพระเจาเลาเสีย
้ น
เปนเชื้อวงศกษัตริย”

ครั้นไดพดู จาไตถามความกันตามธรรมเนียมแลว เกียงอุยจึงพาแฮหัวปาเขาไปในเมืองฮันตง แลวแตงโตะ


เลี้ยงใหแฮหัวปาไดคลายใจ

ในระหวางกินโตะเกียงอุยไดถามแฮหัวปาวา เมื่อสุมาอี้ครองอํานาจเปนใหญในเมืองลกเอี๋ยงดังนี้แลว ยัง


คิดที่จะยกกองทัพมารุกรานเมืองเสฉวนหรือเมืองกังตั๋งบางหรือไม

แฮหัวปาจึงวา ไอศัตรูเฒายังคงตองสาละวนเพื่อกระชับอํานาจในเมืองลกเอี๋ยงและหัวเมืองทั้งปวงให
มั่นคงเสียกอน จําเปนตองใชเวลาอีกระยะหนึ่ง เห็นจะยังไมสามารถยกกองทัพไปบุกจกกกหรืองอกกได
แตทวาทานอยาไดวางใจ ดวยไมกี่ปมานี้ไดปรากฏยอดอัจฉริยะรุนใหมขึ้นในแผนดินวุยกก มีปรีชาสามารถ
ในการสงครามยิ่งนัก หากวันหนาสุมาอี้ใหสองอัจฉริยะนี้เขารับตําแหนงสําคัญในทางการทหารแลว เห็น
เมืองกังตั๋งและเมืองเสฉวนจะเปนอันตราย

เกียงอุยไดยินดังนั้นก็ตกตะลึง จึงถามวาอัจฉริยะทางทหารทั้งสองคนนี้ขาพเจาไมเคยไดยินชื่อ เปนผูใ ด


หรือ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 122

แฮหัวปาจึงวาคนหนึ่งชื่อจงโฮย เปนบุตรของจงฮิว ชาวเมืองเองจิ๋ว มีพี่ชายคนหนึ่งชื่อจงฮัก เมื่อครั้งที่จง


โฮยมีอายุเจ็ดขวบนั้น บิดาไดพาเขาไปเฝาพระเจาโจผี จงฮักผูพี่อายุแกกวาจงโฮยผูนองปหนึ่ง ครั้นอยูต
 อ
หนาพระที่นั่งก็เกรงกลัว ตัวสัน
่ เหงื่อไหลทวมกาย พระเจาโจผีไดรับสั่งถามวาเหตุใดจึงเหงื่อไหลทวม
ใบหนาดังนี้ จงฮักไดกราบทูลวาไดอยูตอหนาผูมีบุญญาธิการก็ตกใจ เหงื่อจึงไหลทวมกาย

พระเจาโจผีจึงตรัสถามจงโฮยผูนองวา ตัวเจาเลาเหตุไฉนจึงไมตกใจเหงือ
่ ไหลเหมือนพี่ชาย จงโฮยได
ตอบดวยปฏิภาณของเด็กนอยวา ขาพระองคก็หวาดกลัวตกใจจนเหงื่อก็ไมกลาไหลออกมาจากรางกาย
พระเจาโจผีไดฟงดังนั้นก็พอพระทัย ทรง พระสรวล และพระราชทานรางวัลใหแกจงโฮย

ครั้นจงโฮยเติบโตขึ้นก็ไดร่ําเรียนตําราพิชย
ั สงคราม ยุทธศาสตร ยุทธวิธี การยุทธทั้งปวงอยางช่ําชอง
ลึกซึ้ง ครั้นไดเขารับราชการทหารสุมาอี้และเจียวเจประจักษถึงสติปญ
 ญาความสามารถของจงโฮย จึง
เลื่อนตําแหนงและกลาวคําสรรเสริญอยูเนือง ๆ

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุความตอนนี้วาเมือ ่ จงโฮยอายุเจ็ดขวบนั้น “บิดาพาไปเฝาพระ


เจาโจผี พระเจาโจผีใหวา เพลงถวาย จงโฮยคนนี้เฉลียวฉลาดนัก ก็วาเพลงถวายในทันใด พระเจาโจผี
โปรดปราน ครั้นใหญมาบิดาก็สั่งสอนใหรต ู าํ ราพิชยั สงคราม แลวศึกษาใหชํานาญในศิลปศาสตรสําหรับ
ทหาร เมื่อพระเจาโจผีดับสูญแลวก็ไดเปนทีป ่ สูหลวงเจากรมอาลักษณมาจนครั้งพระเจาโจยอย สุมาอี้กับ
เจียวเจก็ยําเกรงจงโฮยนัก”

แฮหัวปาเห็นเกียงอุยนิ่งฟงดวยความสนใจ จึงกลาวสืบไปวาสวนอีกคนหนึ่งนั้น “ชื่อวาเตงงายบุตร


ชาวเมืองหงีเอี๋ยง บิดาตายแตนอย น้ําใจหาวหาญ พอใจจะเปนแมทัพนายกอง แสวงหาวิชาการพิชย ั
สงคราม ชํานิชาํ นาญนัก สุมาอี้นับถือจึงตั้งใหเปนที่ขําจานกุนจี๋ไดวากลาวทหารทั้งปวง”

สามกกฉบับสมบูรณระบุวา เตงงายนี้ “แตเยาววัยบิดาไดเสียชีวิต แตไหนแตไรมามีจิตใจใฝสูง เมื่อเห็น


ภูเขาสูง บึงใหญ ก็จะสอดสองคาดคะเน วาดแผนทีด ่ ูวาจะตั้งทัพไดหรือไมอยูเสมอ สถานที่ใดจะสะสม
เสบียงได สถานที่ใดจะซุมดักได ผูค  นตางพากันหัวเราะ เฉพาะแตสุมาอี้รูสึกอัศจรรยในสติปญญาจึง
บัญชาใหดํารงตําแหนงเสนาธิการ วางแผนราชการกองทัพ เตงงายเปนคนติดอาง เวลาแตละครั้งที่กราบ
ทูลจะติดอางพูดหงาย ๆ อยูเสมอ สุมาอี้พูดลอเลนวาทานมักจะพูดวาหงาย ๆ ไมทราบวาควรจะมีกี่หงาย
เตงงายตอบอยางคลองจองวาหงสเอย หงสเอย ก็คงเปนหงสเดียว เตงงายปฏิภาณฉับไว”

แฮหัวปากลาวแลวจึงย้ําวาการสงครามในเบื้องหนาทานจําตองระมัดระวังสองอัจฉริยะนี้ใหจงดี

เกียงอุยไดฟงดังนั้นก็หัวเราะ แลวกลาววาถึงจะอัจฉริยะสักปานไหนก็ยังเปนเพียงเด็กนอย จะเกรงกลัวไป


ไยกัน

หลังจากนั้นอีกสี่หาวันเกียงอุยจึงพาแฮหัวปาเดินทางเขาไปเมืองเสฉวน แลวเขาไปเฝาพระเจาเลาเสีย้ น
และกราบทูลวาบัดนี้สุมาอี้ไดกอรัฐประหารยึดอํานาจในเมืองลกเอี๋ยง กําจัดขุนนางแซโจและแซแฮหัวทัง้
ทหารและพลเรือนทั้งสิ้น แลวคิดจะทํารายแฮหัวปาหวังกําจัดใหสิ้นซาก แฮหัวปาเปนเชื้อพระวงศพระ
เจาโจยอยและเปนญาติของโจซอง จึงจําตองหนีมาสวามิภักดิ์พึ่งโพธิสมภารของพระองค ขาพระองคได
พิเคราะหความแลวเห็นวาพระเจาโจฮองนั้นยังทรงพระเยาว สุมาอี้มีอํานาจเด็ดขาดดังนี้ เห็นจะคิดชิงเอา
ราชสมบัติเปนมั่นคง แผนดินวุยกกเห็นจะรวงโรยใกลดับสูญ เปนโอกาสทีจ ่ ะยกกองทัพไปปราบปรามวุ
ยกก สืบสานปณิธานของพระเจาเลาปและมหาอุปราชจูกัดเหลียงใหเปนผลสําเร็จ และจะขอเอาแฮหัวปา
เปนแมทัพกองทัพหนา เห็นการจะสําเร็จเปนแนแท

ราชเลขาธิการในพระเจาเลาเสีย
้ น ไดยินดังนั้นจึงกราบทูลวาหลายปมานีแ้ ผนดินสุขสงบ ราษฎรไดรบั
ความสุขเปนอันมาก เมื่อเดือนอายปพุทธศักราชเจ็ดรอยแปดสิบแปดมหาอุปราชเจียวอวนไดสิ้นบุญลง แม
บิฮุยขุนนางผูใหญจะไดครองตําแหนงแทนแตก็ไดถึงแกกรรมในเวลาไลเลีย
่ กัน การขางในเมืองเสฉวนยัง
ไมปกติดีนัก ชอบที่จะงดกองทัพเอาไวกอน

เกียงอุยจึงแยงวาแผนดินวางศึกมาชานานแลว เมืองเสฉวนและเมืองฮันตงไดซองสุมผูคนและเสบียง
อาหารเปนอันมาก ราชการภายในมีระบบมั่นคงมาชานาน ถึงแม ขุนนางผูใหญจะสิ้นบุญไป แตผูครอง
ตําแหนงแทนก็ปรีชาสามารถ แผนดินจึงไมระส่ําระสายและเปนปกติดีอยู ซึ่งจะทอดเวลาใหชานานสืบไป
อีกเมื่อใดเลาจึงจะรวบรวมแผนดินใหเปนหนึง่ สนองพระราชปณิธานของพระเจาเลาปได

พระเจาเลาเสีย
้ นเห็นเกียงอุยยืนยันในพระราชปณิธานของพระเจาเลาปก็มีนา้ํ พระทัยคลอยตาม จึงตรัส
ถามเกียงอุยวาซึ่งทานจะยกกองทัพไปตีวุยกก ทานจะคิดอานประการใด

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 123

เกียงอุยจึงกราบทูลวา ขาพระองคมส
ี มัครพรรคพวกชนเผาเกี๋ยงแหงมองโกเลีย จะทําหนังสือไปเกลี้ย
กลอมใหยกกองทัพมาชวยเปนกองทัพหนุน เห็นจะตีวุยกกไดเปนแนแท หรือแมนไมสาํ เร็จบริบรู ณ ก็จะ
ขยายดินแดนยึดเอาดินแดนภาคตะวันตกของวุยกกเขามาอยูในขอบขัณฑสีมาของใตฝาละอองไดเปนอัน
มาก

พระเจาเลาเสีย้ นจึงตรัสวา เมือ


่ ทานปรารถนาดังนี้เราก็จะอนุญาตใหยกไปทําการ แตจงทําการดวยความ
รอบคอบ ตรึกตรองแผนการทั้งปวงใหถถ ี่ วน ทําการใหเต็มมือ เอาชัยชนะใหจงได อยาใหทหารทั้งหลาย
ตองเสียน้ําใจ

เกียงอุยไดยินดังนั้นก็มีความยินดี ถวายบังคมขอบพระทัยพระเจาเลาเสีย
้ นแลวกราบทูลลาพาแฮหัวปา
กลับไปเมืองฮันตง

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบสองพรรษา เดือนสิบ เกียงอุยเดินทางกลับถึงเมืองฮันตง


แลวจึงแตงหนังสือไปเกลี้ยกลอมเจาเมืองเกี๋ยง และตั้งให กุอั๋นและลิหม
ิ เปนกองทัพหนา ยกทหารหมืน ่
หาพันไปตีเมืองเองจิ๋วซึ่งกวยหวยเปนเจาเมือง และใหไปตั้งคายที่เขากกสันสองคาย ยึดพื้นที่ไวพลาง
กอน คอยทาเกียงอุยซึ่งจะยกกองทัพหลวงตามไปสมทบในภายหลัง

กุอั๋นและลิหิมรับคําสั่งแลวยกทหารออกจากเมืองฮันตงไปทีเ่ ขากกสัน แลวแบงทหารเปนสองกอง กองละ


เจ็ดพันหารอยคน ตั้งคายขนาบซายขวาเขากกสันไว กุอั๋นนั้นตั้งอยูคายดานตะวันออก สวนลิหิมตั้งคายอยู
ดานตะวันตก

ฝายหนวยสอดแนมของเมืองเองจิ๋ว ครั้นทราบขาวศึกจึงนําความไปรายงานใหกวยหวยทราบ

พอกวยหวยทราบขาวศึกจึงรีบแตงใบบอกสงเขาไปที่เมืองลกเอี๋ยงและจัดแจงทหารจะยกไปตีคายของกุ
อั๋นและลิหมิ ในขณะนั้นตานทายซึ่งสุมาอี้ใชใหถือหมายรับสั่งมาใหแกแฮหัวปายังไมทน
ั เดินทางกลับไป
เมืองลกเอี๋ยง เนื่องจากกวยหวยรองขอใหอยูช  วยดูแลรักษาความปลอดภัยตามชายแดนไปพลางกอน
กวยหวยจึงใหตานทายคุมทหารหาหมื่นเปนกองทัพหนา กวยหวยเปนกองทัพหลังยกออกจากเมืองเองจิ๋ว
ไปที่เขากกสัน

ฝายกุอั๋นและลิหิมครั้นไดตั้งคายแลวก็ตั้งตาคอยทากองทัพของเกียงอุยและกองทัพเมืองเกี๋ยงซึ่งจะยก
หนุนตามมา ไมไดคาดคิดวากองทัพเมืองเองจิ๋วจะยกมาตอตีอยางรวดเร็วก็กริ่งใจ ครั้นทราบขาวศึกก็
จัดแจงทหารจะยกออกไปรบกับตานทาย แตเมื่อมองออกไปดานนอกคายเห็นทหารขาศึกยกมาเปนอัน
มากไมอาจตานทานได จึงสั่งทหารใหตั้งมั่นอยูในคาย กําชับใหระมัดระวังตรวจตราเวรยามมิไดประมาท

ตานทายเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารใหตั้งคายลอมกุอั๋นและลิหิมไว พอกวยหวยยกกองทัพหลวงหนุนตามมาถึง
เห็นตานทายลอมขาศึกไวก็มีความยินดี หลังจากคํานับทักทายกับตานทายตามธรรมเนียมแลว กวยหวยจึง
ชวนตานทายมาปรึกษาการสงครามแลวปรารภวาเทศกาลนี้เปนหนาแลง และพื้นที่นี้เปนทีด ่ อน น้ําทาขาด
แคลนขัดสนนัก ขาศึกอาศัยน้าํ กินน้ําใชก็แตน้ําจากลําธารซึง่ ไหลมาจากหุบเขา ถาหากใหทหารไปปดกัน้
ทางน้ําไหลอยาใหไหลผานไปถึงคายขาศึกได เห็นขาศึกจะออนลาอิดโรยและแตกพายไปเอง

ปรึกษากันดังนัน
้ แลวกวยหวยจึงสั่งทหารใหยกไปที่ตนลําธาร แลวขุดดินถมกั้นลําธารซึ่งจะไหลไปยังเชิง
เขากกสัน เบนทางน้ําใหไหลไปทางอื่น

ฝายกองทัพของกุอั๋นและลิหิมตั้งคายอยูใกลเนินเขา กลางวันรอนจัด กลางคืนก็มีลมแรง อากาศแหง ตอง


อาศัยน้ํากินจากลําธารน้ําซึ่งไหลมาจากหุบเขา ครั้นน้าํ จากลําธารเหือดแหงทหารไมมน ี ้ํากินน้ําใช ได
ความลําบากจึงพากันรวนเร ทั้งกุอั๋นและลิหม ิ จึงสั่งทหารใหออกไปหาน้ํา แตถูกทหารของกวยหวยสกัด
ขัดขวางไว

ทหารของกุอั๋นและลิหิมหาน้าํ ไมไดก็พากันหิวน้ํา อดอยาก ไดรับความทุกขรอนเปนอันมาก ลิหิมจึง


ปรึกษากับกุอั๋นวาทหารขาดน้ําแลวเห็นจะตั้งอยูไมได ชอบทีจ
่ ะตีฝาหนีไปในคืนวันนี้

กุอั๋นไมเห็นดวยกับความคิดของลิหิม จึงกลาววาเรายกมายังไมทันตอรบดวยขาศึก จะยกหนีไปดังนี้ไม


สมศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร ชอบที่จะอดทนคอยทาเกียงอุยยกมากอน

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 124

ลิหิมจึงวา ถาอดขาวยังพอทนไดสี่หา วัน แตอดน้ํานั้นแมวน


ั เดียวก็เห็นจะอิดโรยอลหมานกันไป อีกไมรู
เมื่อใดเกียงอุยจะยกมา ทหารจะไมพากันตายสิ้นหรือ ขาพเจาเห็นวาขืนตั้งอยูก็จะพากันตาย หากหนีไปก็
ยังมีโอกาสรอด ดังนั้นแมนทานไมไป ขาพเจาก็จะไปเอง

กุอั๋นไดยินดังนัน
้ ก็ไมพอใจ จึงวาเมื่อทานจะหนีไปก็หนีไปแตตัวเถิด ซึ่งจะเอาทหารไปดวยนั้นเราไมยอม
ลิหิมไดยินดังนัน ้ ก็ไมพอใจจึงเดินกลับออกไป ครั้นค่ําลงลิหม
ิ จึงพา ทหารที่สนิทสี่สบ
ิ คนตีฝาวงลอมทหาร
ของกวยหวย แตทหารของกวยหวยไดรบพุง สกัดไวเปนสามารถ ฆาฟนทหารของลิหิมตายจนหมดสิ้น ตัว
ลิหิมเองตีฝา หนีออกไปไดแตตองอาวุธเปนหลายแหง

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาลิหิม “ขี่มาไปตามเชิงเขาเสสันในเวลากลางคืนมืดนัก หารูท


 ี่
จะหาน้ํากินไม ไดกินแตน้ําคาง อดอาหารไปถึงสองวันจึงพบกองทัพเกียงอุย”

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

คิดการใหญ ตองรูจก
ั ฐานกําลังอํานาจ (ตอนที5
่ 97)

เกียงอุยขอรับพระบรมราชโองการยกไปตีวย
ุ กกครั้งทีห
่ นึ่ง ใหกุอั๋นและลิหม ิ เปนกองทัพหนายกไปตั้งอยูท
 ี่
เขากกสัน แตถูกกวยหวยยกทหารมาลอมไวจนอดน้ํา ลิหม ิ จึงตีฝาหนีกลับไป และพบกับเกียงอุยที่กลาง
ทาง

ในคืนวันที่ลิหม
ิ ตีฝาวงลอมหนีออกไปนั้นทองฟาก็มืดครึ้ม ฝนไดตกหนักลงมาหาใหญ ทหารเมืองเสฉวน
ทั้งสองคายซึ่งออนลาสิ้นเรี่ยวแรงเพราะไมมนี ้ํากิน พอไดน้ําฝนก็ดใี จดุจปลากระดี่ไดน้ํา พากัน
กระชุมกระชวยขึ้น แลวตั้งมั่นรักษาคายไวเปนมั่นคง

ฝายลิหิมเมื่อพบกับเกียงอุยแลวจึงรายงานความใหเกียงอุยทราบทุกประการ แลวตอวาเกียงอุยวาเหตุไฉน
จึงยกกองทัพหนุนมาลาชา กองทัพหนามีทหารแตนอยตัว ไหนเลยจะรบพุงเอาชนะขาศึกได

ลิหิมปดความผิดใหพนตัว กลาวหารุกเอาความผิดแกเกียงอุยในทันทีที่พบหนา เกียงอุยก็พาซื่อกลาววา


ซึ่งเรายกมาลาชานี้ก็ดวยเหตุจําเปนเนื่องจากคอยทากองทัพเมืองเกี๋ยงอยูเปนหลายวันก็ยังไมยกมา เกรง
วากองทัพหนาจะเปนอันตรายจึงรีบยกตามมากอน

เกียงอุยเห็นลิหม
ิ บาดเจ็บเปนหลายแหง จึงใหทหารพาตัวลิหม ิ กลับเขาไปรักษาที่เมืองเสฉวน แลวปรึกษา
กับแฮหัวปาวาซึ่งจะคอยทากองทัพเมืองเกี๋ยงตอไปนั้นไมสมควร กองทัพเราไดเสียเวลาคอยทาอยูหลาย
วันแลว เห็นทีกองทัพหนาก็เห็นจะรักษาคายอยูไดไมนาน จะคิดอานประการใด

แฮหัวปาจึงวา กวยหวยคุมทหารยกออกจากเมืองเองจิ๋วมาตัง้ คายรายลอมภูเขากกสัน ดังนั้นทหารขางใน


เมืองเองจิ๋วจึงเบาบาง ใหทานยกทหารไปตามซอกเขางิวเทาสันดานหลังเมืองเองจิ๋วแลวจูโจมเขาตีเมือง
เห็นจะยึดเมืองไดโดยงาย ครัน้ กวยหวยรูวาเมืองเองจิ๋วเสียแกทานแลวก็จะละเขากกสัน ยกทหารมาชิงเอา
เมืองเองจิ๋ว ทหารของกุอั๋นก็จะไมเปนอันตราย

เกียงอุยไดยินแฮหัวปาเสนออุบายดังนั้นก็ชอบใจ แลวกลาววาอุบายของทานนี้หลักแหลมดีนัก เห็นจะทํา


การสําเร็จเปนแนแท กลาวแลวก็รีบสั่งทหารใหเคลื่อนทัพไปทางเขางิวเทาสัน

ฝายตานทายและกวยหวยเมื่อไดรับรายงานจากทหารวาลิหม
ิ ตีฝา วงลอมหนีออกไปได จึงปรึกษากันวาลิ
หิมหนีออกไปไดทั้งนี้เห็นจะกลับไปรายงานแกเกียงอุย เมื่อเกียงอุยรูวาเรายกกองทัพมาลอมเขากกสัน
เห็นจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเองจิ๋วเปนมั่นคง

สองนายทหารปรึกษาคะเนการณจะเปนไปดังนั้นแลว จึงตกลงกันใหกวยหวยยกทหารไปตั้งอยูทตี่ ําบล


เตียวซุยในซอกเขางิวเทาสัน คอยสกัดทางถอยของเกียงอุยไว สวนตานทายจะยกไปตีสกัดหนากองทัพ
ของเกียงอุยทีย
่ กลวงซอกเขางิวเทาสันเขามาแลว

ตกลงกันดังนั้นแลวจึงแบงทหารสองหมื่นใหลอมเขากกสันไวตอไป แลวยกทหารที่เหลือไปสกัดหนาสกัด
หลังเกียงอุยไวตามที่ตกลงกัน

ฝายเกียงอุยครัน้ นําทหารไปตามซอกเขางิวเทาสันก็ไดรับรายงานจากหนวยสอดแนมวา กองทัพเมืองเอง


จิ๋วไดยกมาตั้งขัดตาทัพอยูในซอกเขาใกลปากทาง เกียงอุยทราบดังนั้นจึงรีบคุมทหารรีบรุดไป เห็นตาน
ทายคุมทหารตัง้ ขบวนสกัดอยู จึงสั่งทหารใหเตรียมรบ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 125

ตานทายเห็นเกียงอุยยกมาดังนั้นจึงรองโอวา กูรูอยูกอนแลววามึงจะยกวกมาทางนี้ จึงมาตัง้ สกัดคอยทาไว


แลวกระทืบโกลนมารํางาวเขารบกับเกียงอุย เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงกรายทวนตรงเขารบกับตานทาย ทั้งสอง
ฝายรบกันไดเพียงสามเพลงตานทายสูฝ  มือเกียงอุยไมได จึงพาทหารหนีขึ้นไปตั้งคายอยูบนยอดเขา

เกียงอุยเห็นไดทีก็พาทหารยกตามไปที่เนินเขา แตไลตามขึ้นไปไมไดเพราะตานทายใหทหารทุม  กอนศิลา


ลงมาสกัดไว เกียงอุยพยายามตีฝา จะขึ้นไปบนภูเขา แตก็ถก
ู สกัดไวเปนหลายหน จนค่ําลงจึงพักศึก

แฮหัวปาเห็นดังนั้นจึงเสนอกับเกียงอุยวา ซึ่งจะตั้งรบพุงอยูฉ
 ะนี้ เกลือกขาศึกรูแลวยกมาสกัดหลังไวแลวตี
กระหนาบเขามาพรอมกันเห็นจะเปนอันตราย ชอบที่จะลาทัพถอยกลับไปกอนแลวคอยคิดการสืบไป

ในขณะนั้นหนวยสอดแนมไดนาํ ความเขาไปรายงานแกเกียงอุยวา ซอกเขาทางดานหลังมีกองทัพของกวย


หวยตั้งสกัดทางถอยอยู เกียงอุยไดยินดังนั้นก็ตกใจ สั่งใหแฮหัวปาเปนกองหนาลาทัพออกไปกอน แลว
เกียงอุยจึงยกทหารตามไป

ฝายตานทายพาทหารหนีไปตัง้ มั่นอยูบนยอดเขา คอยทาใหกวยหวยยกกองทัพมาชวย แตจูๆ กองทัพ


ของเกียงอุยก็ลาถอยกลับไป ก็คาดคะเนวาเกียงอุยคงจะรูขาววากวยหวยยกกองทัพมาสกัดทางถอย
เอาไว หากตั้งอยูตอไปก็อาจเปนอันตรายจึงตองลาถอย

ตานทายคะเนการณดังนั้น จึงจัดทหารเปนหากองยกไลตีตามหลังกองทัพเกียงอุย

ฝายเกียงอุยคุมทหารเปนกองหลัง เห็นตานทายยกทหารมาจูโจมดังนั้น จึงสั่งทหารใหแปรขบวนเขารบกับ


ตานทาย ตานทายสูฝ
 มือเกียงอุยไมไดจึงพาทหารหนีกลับไป

เกียงอุยคุมทหารลาถอยตอไป จึงปะทะกับกองทัพของกวยหวยทีส ่ กัดขวางทางอยู ทั้งสองฝายไดตอสูกัน


เปนสามารถ ทหารของเกียงอุยถูกทหารของกวยหวยฆาฟนบาดเจ็บลงกวาครึ่ง จึงสามารถตีฝาหนีออกไป
ได เกียงอุยก็คอ
 ยคลายใจ แตเพียงพักเดียวเทานั้นก็เห็นทหารอีกกองหนึ่งยกสวนมา

ครั้นฝุนจางลงก็เห็นทหารซึ่งยกมานั้นมีธงประจําตัวนายทัพชือ ่ วาสุมาสู ซึ่งสามกกฉบับสมบูรณพรรณนาวา


“มีกองทหารหนึ่งบุกมาถึง ผูเ ปนหัวหนานั้นเปนแมทัพชั้นพิเศษ ควบมาเผนโผนโจนทะยาน ใชงา วพาด
ขวาง คนผูนั้นมีนรลักษณหนากลม หูใหญ ริมฝปากหนา ใตตาซายมีกอนเนื้องอกสีดํา มีขนสีดําอยูสิบกวา
เสน”

เกียงอุยเห็นกองทัพยกมาดังนัน
้ ก็คะเนวาเปนกองทัพจากเมืองลกเอี๋ยงยกหนุนมาชวยเมืองเองจิ๋ว แตดว ย
ความทะนงในฝมือเกียงอุยจึงมิไดระยอ กระตุน
 มาออกหนาทหารตรงเขาไปรบกับสุมาสู

สุมาสูไมเคยรูฝม
 ือของเกียงอุย เห็นทหารแปลกหนารุกเขามาดังนั้น จึงขี่มาเขาไปรบกับเกียงอุย แตพอรบ
กันไดเพียงสามเพลงสุมาสูก็เห็นวาเหลือกําลัง ไมอาจรับมือเกียงอุยตอไปได จึงปลีกมาออกจากวงรบ
แลวพาทหารถอยหนีไปสมทบกับกองหลังซึ่งยกหนุนตามมา

เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงพาทหารที่เหลือถอยกลับเขาดานแฮบังกวนซึ่งเปนดานปลายแดนเมืองเสฉวน

ฝายสุมาสูพาทหารหนีเกียงอุยไประยะหนึ่งก็พบกับกองหลังซึ่งถอยตามมาทัน จึงรวมกําลังกองหนากอง
หลังเขาดวยกันเปนกําลังพลหาหมื่นคนเตรียมจะยกกลับไปรบกับเกียงอุยอีกครั้งหนึ่ง ครั้นทราบวาเกียงอุย
พาทหารลาถอย จึงคุมทหารตามไปเพื่อไลตามตี แตพอสุมาสูยกไปถึงเกียงอุยก็ไดพาทหารถอยเขาดาน
แฮบังกวนจนหมดสิ้นแลว สุมาสูจึงขับทหารใหบุกเขาพังประตูดาน

พอทหารของสุมาสูเขาประชิดประตูดาน เกียงอุยก็คุมทหารบนกําแพงดานระดมยิงเกาทัณฑสกัดทหาร
ของสุมาสูไว

สุมาสูเห็นทหารบนกําแพงดานระดมยิงเกาทัณฑสกัดไวเปนแนนหนายิ่งกวาหาฝน ก็เขมนมองดวยความ
ประหลาดใจและตกใจ เห็นทหารเมืองเสฉวนบนเชิงเทินดานยิงเกาทัณฑแตละครั้งก็มีลูกเกาทัณฑพงุ
ออกมาถึงสิบดอก จึงมองไปที่ทหารซึ่งกําลังประชิดดานอยูน
 ั้นเห็นถูกเกาทัณฑบาดเจ็บลมตายลงเปนอัน
มาก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 126

สุมาสูตระหนกใจเปนอันมากวาไฉนทหารเมืองเสฉวนจึงใชเกาทัณฑประหลาดพิสดาร มีอานุภาพการยิงที่
รายแรงปานนี้ โดยที่หารูไมวานั่นคือเกาทัณฑกลที่ขงเบง บอกตําราไวกับเกียงอุย และเกียงอุยไดสรางขึน

แลวไดทําฝกสอนทหารเมืองฮันตงและทหารเมืองเสฉวนจนชํานาญสิ้น

สุมาสูไมเห็นทางใดที่จะเอาชัยชนะตอเกาทัณฑกลได เพราะทหารวุยประชิดเขาไปใกลประตูดานเทาใดก็
ถูกเกาทัณฑกลยิงบาดเจ็บลมตายลงจนหมดสิ้น ทหารที่เหลือเห็นเพื่อนทหารลมตายเปนใบไมรวงก็พากัน
กริ่งกลัว ถึงแมจะไดยินคําสั่งใหรุกจูโจมหนุนเขาไปก็รวนเรรั้งรออยูนอกรัศมีเกาทัณฑ

สุมาสูเห็นดังนัน
้ ก็รูตัววาไมสามารถหักฝาเขาดานได และเกรงวาเกียงอุยจะคุมทหารยกออกมาจูโจม จึงสัง่
ทหารใหรีบถอยทัพ แลวเลิกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง

ฝายกุอั๋นซึ่งรักษาคายมัน
่ อยูทเี่ ขากกสัน ครั้นลิหิมหนีไปแลวก็ตั้งตาคอยกองทัพเกียงอุย แตนานวันก็ยังไม
เห็นกองทัพเกียงอุยยกมา น้ําฝนที่เคยตกลงมาก็เหือดแหง ทหารอดน้ําไดความยากลําบากนัก ครั้นจะหัก
ออกไปก็ไมได จึงจําใจพาทหารเขาสวามิภักดิ์กับกวยหวย

ฝายเกียงอุยเมื่อปราชัยเสียทีในการยุทธครั้งแรกที่ยกบุกวุยกก ก็รูสึกอัปยศอดสูใจเพราะสูญเสียทหารไป
เปนอันมาก หลังจากทราบวาสุมาสูเลิกทัพกลับไปแลวจึงพาทหารกลับไปเมืองฮันตงแลวสั่งใหตกแตง
กําแพงเมืองเชิงเทินคายคูประตูหอรบไวใหมน ั่ คง เพราะคิดวาสุมาสูยกทหารไลตามมาถึงดานแฮบังกวน
แลว วันหนาก็อาจยกทหารมาประชิดเมืองฮันตง จึงจําตองปองกันไวกอน

ฝายสุมาสูครั้นเลิกทัพกลับไปถึงเมืองลกเอี๋ยง ก็รายงานความใหสุมาอี้ทราบทุกประการ

สุมาอี้ไดทราบความจากสุมาสูผูบุตรก็สายศีรษะ แลวกลาววาตระกูลสุมาเราเพิ่งไดอํานาจในเมืองลกเอี๋ยง
จําเปนตองเสริมสรางฐานอํานาจทางการเมืองและการทหารใหแนนแฟนมั่นคงกอน จึงจะคิดอานทําการศึก
ภายนอกได ซึ่งจกกกยกกองทัพมาตีเมืองเราในครั้งนี้ แมจะมีความขุนแคนเคืองใจอยากจะยกไปตีเอา
เมืองฮันตงและเมืองเสฉวนประการใดก็ไมอาจกระทําได เพราะถาใชแมทพ ั นายกองอื่นเห็นจะไมใชคูมอ

ของเกียงอุย แลเสนทางทีจ ่ ะยกกองทัพไปตีเมืองฮันตงและเมืองเสฉวนนั้นทุรกันดารขัดสน ตองเสียเวลา
นับป ครั้นตัวเรายกกองทัพไปดวยตนเองก็เหมือนหนึ่งเสือออกจากถ้ํา นกอินทรีออกจากรัง ปรปกษทาง
การเมืองก็จะชวงชิงฉวยโอกาสยึดอํานาจในเมืองลกเอี๋ยง แลวยกกองทัพไปตีกระหนาบหลัง เราจะรุดไป
ขางหนาก็มิรูกําลังจกกกวาเปนประการใด จะถอยกลับก็ขัดสน จะกลายเปนวาวทีส ่ ายปานขาด จึงไมอาจ
ยกไปแกแคนได เราจึงเจ็บใจนัก

สุมาสูไดฟงคําบิดาก็เห็นดวย เมื่อเห็นบิดาเปนทุกขใจจึงปลอบประโลมวาบิดาจะปรารมภไปไย ศึกครั้งนี้


ประจักษแลววากองทัพเมืองเสฉวนแมจะยกลวงแดนเขามาได แตก็ไมอาจรุกคืบหนาเขามาถึงแมน้ําอุยโห
เหมือนเมื่อครั้งขงเบงยังมีชีวิตอยู ทานพอเคยสอนสั่งอยูเนือง ๆ มิใชหรือวาจะคิดการใหญตองเขาใจถึง
ฐานกําลังอํานาจของตนเองกอน ตองพิทักษรักษาบํารุงฐานกําลังอํานาจนัน ้ ใหมั่นคงแข็งแกรง หากฐาน
กําลังอํานาจยังรักษาไวไดตราบใดก็จะยังคงดํารงความเปนใหญไวไดตราบนั้น ซึ่งทานพอคิดจะรักษาฐาน
กําลังอํานาจในเมืองลกเอี๋ยงไวเปนสําคัญนั้นยอมประเสริฐยิง่ แลว

สุมาอี้กําลังขุนแคนขัดเคืองเกียงอุย ครั้นไดฟงคําบุตรก็ไดสติ จึงวาเจาวามานี้ก็ชอบดวยโบราณ ตัวเรา


วันนี้ชราแลวจึงหวงหนากังวลหลังมากเกินไป พอไดยินคําเจาจึงระลึกขึ้นมาได

กลาวแลวสุมาอี้ก็ลุกขึ้นยืนปรบมือหัวเราะดวยความชอบใจ

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบสี่พรรษา เดือนเกา กาลเวลาไดผานไปอยางรวดเร็ว ยิ่งอยู


ในอํานาจวาสนาแลวก็ยิ่งดูเหมือนวากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปรวดเร็วกวาปกติ ตรงกันขามกับยาม
อยูในความทุกขลําเค็ญก็จะดูเหมือนวากาลเวลาเคลื่อนคลอยผานไปอยางเชื่องชานักหนา

สุมาอี้มีอํานาจมากก็ยิ่งคิดมาก วิตกกังวลมาก แลวกลายเปนความทุกขใจ ตรอมใจ กินไมคอยได นอนไม


คอยหลับ ในทีส ่ ุดสุมาอี้ก็ลมปวยลง

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สิ้นบุญสุมาอี้ (ตอนที5
่ 98)

สุมาอี้ขุนแคนเคืองใจที่กองทัพจกกกยกมาตีวุยกกแลวไมอาจยกกองทัพไปแกแคนได เพราะตองรักษา
ฐานกําลังอํานาจการเมืองการทหารไวในเมืองลกเอี๋ยงกอน ในขณะที่วันเวลาก็ผานไปอยางรวดเร็ว อํานาจ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 127

แหงกาลเวลาทรงพลานุภาพคราสุมาอี้เขาสูความชราแลวพยาธิก็มาเยือน อา! อุงหัตถมจ


ั จุราชไดเอื้อม
มาถึงตัวสุมาอี้ผูมีปญญาแลว

สุมาสูและสุมาเจียวทราบวาสุมาอี้ปวยก็พากันตกใจ รีบรุดมาเยี่ยมถึงจวน สุมาอี้ทราบวาบุตรทั้งสองมา


เยี่ยมก็ใหคนรับใชพยุงตัวลุกขึน
้ นั่งเอนหลังบนเตียง แลวกลาวกับบุตรทั้งสองวาเราปวยครั้งนีผ
้ ิดปกติกวา
การปวยครั้งกอนๆ ออนลาเรี่ยวแรงลงทุกวัน กินก็ไมได นอนก็ไมหลับ ในกายคลายกับคลื่นในทะเล
ปนปวนมิไดสงบเลย

บุตรทั้งสองของสุมาอี้เห็นผูเปนบิดาหนาตาซูบซีดไรเรีย
่ วแรง แมจะลุกนั่งก็ลําบาก จึงรูส
 ก
ึ สงสารบิดาเปน
อันมาก ไดยินคําบิดาดังนัน
้ จึงปลอบใจวาทานพอปวยเพียงเทานี้จะวิตกไปไย ในเมืองหลวงมีหมอ
ผูเชี่ยวชาญเปนอันมาก อีกไมนานเมื่อไดยาบํารุงเลือดปรับปรุงลมในกายเปนปกติแลวทานพอก็จะหาย

สุมาอี้พยักหนาแตกลับเบนไปกลาวเรื่องใหมวา ตัวเรารับราชการในแผนดินวุยมาชานาน บัดนี้ก็มีตําแหนง


หนาทีย่ ิ่งใหญกวาผูใดในแผนดิน แตอํานาจวาสนาก็ไมอาจคงอยูคฟ
ู าดิน อายุขัยของเราลวงวัยไป ความ
ชรา ความเจ็บมาเยือนแลว ความตายก็ยอมมาถึงสักวันหนึง่ ไมอาจหลีกเลี่ยงได

สุมาอี้กลาวตอไปวา ชาวนาปลูกขาวมุงหวังจะมีขาวกินไปตลอดป พอคาคาขายลวนมุงหมายจะไดกําไร


ทําใหกิจการเจริญเติบโต ขาราชการขุนนางทําราชการดวยหวังยศศักดิ์ความกาวหนา มีประโยชนและ
อํานาจเปนที่หมาย ขาทหารทําราชการหวังใหมีชื่อลือชาปรากฏไวในประวัตศ ิ าสตรวาเปนวีรชนของ
แผนดิน แตผป ู กครองบริหารราชการบานเมืองนั้นยอมตางจากชาวนา พอคา ขาราชการ ขุนนางและขุน
ทหาร จะมุงหวังปรารถนาเพียงมีขาวปลากิน หวังกําไร หวังความกาวหนาในราชการ หรือปรารถนาชื่อลือ
ชาในประวัติศาสตรนั้นมิได หากตองตั้งความหวังเอาไวที่ความรมเย็นเปนสุขของบานเมือง ทําให
บานเมืองมั่นคง อริราชศัตรูไมกลาย่ํายีรุกราน โจรผูรายภายในไมกลากอการกําเริบ ขาราชการขุนนางไม
กลาขมเหงรีดนาทาเรนอาณาประชาราษฎร ไมกลาฉอราษฏรบังหลวง ทั้งตองทําใหราษฎรอยูด  ีกินดี มี
ความสุข มีความกาวหนา มีความมั่งคั่ง โดยสรุปก็คือตองทําบานเมืองใหมั่นคง ทําใหราษฎรมั่งคั่ง ทําดังนี้
สําเร็จจึงจะถือไดวาไดบรรลุซงึ่ ภารกิจของยอดนักปกครอง

สุมาอี้กลาวสืบไปวาครั้งกอนบิดาไดสั่งสอนพวกเจาวาทําการใหญตองรูจักฐานกําลังอํานาจของตนเอง
การจะเปนผูบ ริหารราชการแผนดิน พึงรูวาฐานกําลังอํานาจที่แทนั้นอยูท ม
ี่ วลมหาประชาชน คําโบราณ
กลาวไววาประชาชนเหมือนหนึ่งน้ํา ผูปกครองเหมือนหนึ่งเรือ น้ําหนุนเรือใหลอยได แตน้ําก็จมเรือได
เชนเดียวกัน ซึง่ จะครองใจอาณาประชาราษฎร จะตองหมั่นบําเพ็ญเมตตาธรรม ใสใจตอทุกขสุขและความ
เปนอยู การประกอบอาชีพของราษฎร เปนหนึ่งเดียวกับราษฎร กาวเขาหาปญหาแลวแกไขโดยมิพักให
ราษฎรตองเพรียกรอง ขาราชการขุนนางเปนแขนขา ตองทําหนาที่อํานวยประโยชนสุข ดูแลราษฎรให
รมเย็นเปนสุข หากทําการขมเหงยําเยงเบียดเบียนราษฎร แขนขานั้นยอมใชมิได ตองใชความ เด็ดขาด
จัดการแกไขสับเปลี่ยนกําจัดเสียใหสิ้น

เมื่อไดทํานุบํารุงราษฎรดวยเมตตาธรรม ดวยความยุติธรรม ดวยคุณธรรมดังนี้แลว ราษฎรยอมรมเย็นเปน


สุข กลาวไดวา ฐานกําลังอํานาจมั่นคงเปนปกแผนแนนหนาดุจดังผืนแผนดิน

แตทวาอํานาจรัฐนั้นหอมหวนยวนเยาเปนที่หมายปองของทุกผูคน เปนเปาหมายแหงการชวงชิงยึดแยง
ดวยรูปการมากหลาย ตั้งแตใชปลายพูกันไปจนถึงศาสตราวุธ การรักษาและการใชอํานาจเปนองคประกอบ
สําคัญแหงอํานาจ เมื่อชวงชิงไดมาซึ่งอํานาจแลวตองทําการรักษาและใชอํานาจนั้นใหกอเกิดประโยชน
สุขแกบานเมืองและราษฎรใหบริบูรณ ทําใหอํานาจตกผลึกบมเปนบารมีธรรมทีแ่ ทแลมั่นคงยาวนาน เปน
อํานาจทีส่ มบูรณ

บานเมืองยอมมีคนดีแลคนชั่ว ยอมมีทั้งผูส
 นับสนุนแลคัดคาน เหตุนี้การรักษาอํานาจและการใชอํานาจจึง
ไมอาจปราศจากศาสตราวุธได การซองสุมสั่งสมกําลังทหารที่มส ี มรรถนะสูร บสูง มีศาสตราวุธที่พรักพรอม
จึงเปนความจําเปนแกการรักษาและการใชอํานาจรัฐ หากแมนดูแคลนละเลยเรื่องนี้เมื่อใด อํานาจแมถึงจะ
มีอยูก็จะถูกชวงชิงบอนทําลายจนสูญสลายไปในทีส ่ ุด

สุมาอี้ไอกระแอมอยูพักใหญแลวกลาวสืบไปวาพวกเจาจะเติบใหญไปในวันหนา ใหจําคําบิดาไวใหจงดี
และตองไมลมื วาวันใดที่พวกเจามีอํานาจวาสนาแลว เมื่อนั้นคนทั้งปวงจะหลั่งไหลมาพึง่ ใบบุญเจาดุจดั่ง
พระมหาสมุทร ซึ่งจะมีน้ําจากหวยหนองคลองบึงทุกสารทิศหลั่งไหลมาสู ยอมมีทงั้ น้ําอันใสสะอาด
สกปรก ขุนมัว และโสโครก ยอมมีทั้งขยะและพืชน้ําตางๆ จําจะตองแยกแยะเลือกสรรใหจงดี แสวงหาและ
คัดเลือกคนดีมฝี มือมาอยูเคียงกาย อยาใหคนพาลสันดานหยาบชั่วชาเขาใกลกาย พึงตระหนักวาพระ
อาทิตยและพระจันทรอันมีฤทธิ์ทั่วสกลจักรวาลก็ยังมีความมัวหมองไดดวยเมฆหมอกที่หอหุม ผูเรือง
อํานาจวาสนาก็ดุจกัน ยอมมัวหมองเสื่อมโทรมดวยผูคน แวดลอมฉะนั้น

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 128

สุมาสูและสุมาเจียวนั่งฟงคําบิดาดวยอาการอันสงบ พลันมองไปที่ผนังดานปลายเทาของสุมาอี้ เห็น


ภาพเขียนดวยพูกันเปนที่ประหลาด จึงถามผูพอวาภาพนี้ดูเหมือนเพิ่งเขียนขึ้นใหมๆ แตมิทราบวามี
ความหมายประการใด

สุมาอี้จึงกลาววา เรารูตัวของเราดีวา การปวยครั้งนี้ยากจะหาย คงเหลือแตเวลาจะชาเร็วประการใดเทานั้น


จึงพยายามเขียนภาพนี้เพื่อพวกเจาทั้งสองคน

กลาวแลวสุมาอี้จึงชี้ไปทีภ
่ าพเขียนซึ่งแขวนอยูบนผนังที่ปลายเทา พลางกลาววาที่เจาเห็นนี้จะวาภาพก็ใช
จะวาเปนตัวอักษรก็ใช จะวาเปนความหมายอันเปนปริศนาก็วาได พวกเจาเขาใจหรือไมวาภาพพูกัน
เสนตรงตั้งที่อยูบ
 นสุด ภาพรูปสี่เหลี่ยมที่อยูตรงกลางและภาพรูปหัวใจที่อยูขางลางนั้นมีความหมาย
ประการใด

สุมาสูและสุมาเจียวมองไปทีร่ ป
ู บนแผนภาพแลวกลาววา แมเปนลายพูกันที่งามนักแตพลังในการเขียนนัน

ออนลาอิดโรย ซึ่งจะมีความหมายประการใดนั้นลูกไมแจง

สุมาอี้ชี้ไปที่รูปหัวใจซึ่งอยูในภาพดานลางสุดแลวกลาววา ภาพรูปหัวใจก็คือภาพอักษรวาซิมซึ่งแปลวา
หัวใจ ตรงกับความหมายตามภาพ คนทั้งปวงยอมมีใจ จะดีเลวชั่วชาหรือประเสริฐเลิศคนก็อยูที่ใจ ชาวนา
พอคา ขุนนาง ขาราชการ ขุนทหารและนักปกครองลวนยอมตองมีใจ แตความในใจหาไดเหมือนกันไม
น้ําใจผูปกครองบานเมืองยอมตองเต็มเปยมดวยเมตตาธรรม คุณธรรม ยุติธรรม ใสใจทุกขสุขของอาณา
ประชาราษฎร เหตุนี้การทั้งปวงที่เกี่ยวของกับผูคนจึงตองถือเอาใจเปนทีต
่ ั้ง ทั้งใจเรา ใจเขา ตองเขาใจให
จงดี ใจเขาเปนประการใดก็มองที่ใจเรายอมรูไดอยางแจมแจง เหตุนี้เราจึงวาดภาพอักษรตัวซิมหรือหัวใจ
ไวเปนรากฐาน

สุมาสูและสุมาเจียวไดฟงอรรถาธิบายของผูบด ิ าก็พากันพยักหนาแสดงทาทีวาเขาใจ สุมาอี้เห็นดังนั้นจึง


กลาวสืบไปวา หัวใจผูปกครองยอมตองมีความอดทนที่สงู สงยิ่งกวาผูคนธรรมดา ถึงขนาดตองสามารถ
กลืนกินเลือดของตนเองได ในหัวอกตองกวางใหญสามารถบรรจุเรือสําเภาสิบลําได เรือ ่ งใหญนอยตอง
สามารถอัดไวในอกดวยจิตใจอันหนักแนนมั่นคง ตรองดูจนรูเหตุการณถอ  งแทแลวจึงแกไขทําการตอไป
ภาพหัวใจนี้เมื่อมีภาพกระบี่ปกไวยอมมีความหมายถึงความอดทน เหตุนี้เราจึงเขียนภาพอักษรเสนตรงตัง้
ไวดานบน เมื่อประกอบเขากับอักษรตัวซิมแลวยอมเปนอุทาหรณสอนใจใหพวกเจาตองมีความอดทน อัน
คนเรานั้นอาจมีความรูส ติปญญาความสามารถทัดเทียมกันได แตความอดทนนี่แลวทีต ่ างกัน ทําใหคน
เหนือคน และคนแตกตางกับคน

ภาพเสนตรงตั้งจะมองวาเปนภาพกระบี่ก็ได จะมองวาเปนหลักชัยหลักบานหลักเมืองก็ได จะมองวาเปน


หลักอันเปนศูนยกลางของแผนดินก็ได จะหมายเอาเปนความซื่อตรงแลความกตัญูจงรักภักดีก็ได นี่คอ ื
ความหมายอันวิเศษลึกล้ําอันมีอยูในนิรุกติแหงภาษาจีนของเรา

สุมาอี้กลาวตอไปวา ผูปกครองบานเมืองจะตองเปนหลัก ตองมีความซื่อตรง ตองมีความเที่ยงธรรม และ


ตองมีความเด็ดขาด เสาหลักทีเ่ อนยอมไมอาจทานน้ําหนักได เสาที่ตรงตางหากจึงจะรับน้ําหนักอันมากได
ผูปกครองตองทําตนใหเปนหลักแกบานเมืองและราษฎร ดุจดังพระอาทิตยที่เปนหลักแหงจักรวาล พระ
อาทิตยโคจรโดยเทีย ่ งตรง วันเวลาฤดูกาลจึงเที่ยงตรง หากพระอาทิตยวป ิ ริตผันแปรไปแลวสรรพสิ่งก็จะ
วิปริตวิบต
ั ิดับสูญสิ้น แลเสนทีต
่ ั้งตรงนีย
้ ังมีความหมายของกระบี่ทค
ี่ มกลา สามารถตัดปญหาใหสิ้นสูญ ไม
ปลอยปญหาการงานใหคางคาหมักหมมจนกอกลายเปนปญหาใหญขึ้นได การงานและปญหาตองรีบ
จัดการแกไข แตเรื่องน้ําใจคนตองไมวูวามเรงรัดจัดการ

สุมาอี้กลาวสืบไปวา ภาพรูปสี่เหลี่ยมนี้หากเขียนเสนขวางเปนลําธาร เขียนภูเขาและอาคารไวภายในก็จะ


อานวากกหรือแปลวาประเทศ ผูเปนใหญในแผนดินจะตองสันทัดตอการพัฒนาสรางสรรค พัฒนา
อาณาจักรใหเจริญรุงเรืองกาวหนา น้ําตองไหล ไฟตองสวาง หนทางตองดี ราษฎรมีปจ  จัยสี่บริบรู ณครบ
ครัน จึงเปนบานเปนเมืองที่อุดมสมบูรณ ภาพนี้หมายใหพวกเจาไดตระหนักวาแผนดินนี้กวางใหญไพศาล
มีการงานพัฒนามากหลายทีต ่ อ
 งทําเพื่อความรมเย็นเปนสุขและอยูดีกินดีของอาณาประชาราษฎรแตนี้ไป
เปนหนาที่ของพวกเจาแลวที่จะตองพัฒนาสรางสรรคบานเมืองใหเรืองรุง

ภาพสี่เหลี่ยมนีเ้ มื่อเอาภาพเสนตั้งปกไวตรงกลางก็จะเปนตัวอักษรอานวาตง ซึ่งหมายความถึงศูนยกลาง


คือศูนยกลางแหงอํานาจปกครองสถานหนึ่ง ศูนยกลางแหงน้ําใจคนสถานหนึ่ง ศูนยกลางแหงความ
เจริญรุงเรืองอีกสถานหนึ่ง และความเปนผูมีนา้ํ ใจสัตยซื่อ ซือ
่ ตรงอีกสถานหนึ่ง การแสวงหาคนดีมีฝม ือมา
ชวยการในวันหนาจะตองรําลึกถึงคําวาตง คนเกงมักไมคอยกลา คนกลามักไมคอยเกง แตคนทั้งเกงทัง้
กลาก็ยังใชไมไดหากไรซึ่งความซื่อตรง

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 129

คนเชนนี้ยากทีจ ่ ะมองหาจากผูค
 นที่เวียนมาหาพวกเจา เมื่อครั้งพระเจาฮั่นโกโจก็ยังตองออกไปเชิญเตียว
เหลียงและฮั่นสินเปนขุนนางคูแผนดินคูพระบารมี จึงสามารถสถาปนาพระราชวงศฮั่นไดสาํ เร็จ พระเจาวุย
อองโจโฉ เลาป แลซุนกวน ก็ลวนมุงแสวงหาคนดีมีฝม  ือและซื่อสัตยจึงสามารถตั้งตัวขึ้นเปนใหญ เลาป
นั้นสูอุตสาหถอมตัวไปคํานับขงเบงที่กระทอมนอยถึงสามครั้ง ครั้นไดตวั ขงเบงแลวจึงสามารถเปลี่ยนฐานะ
ตัวจากเชื้อพระวงศอนาถา กลายเปนครองแผนดินอันกวางใหญและตกทอดมาถึงเลาเสี้ยนในวันนี้ นี่เปน
เรื่องหนึ่งที่พวกเจาตองจดจํา

อักษรตงเมื่อปกอยูบนภาพรูปหัวใจก็จะเปนตัวอักษรอานวาตงซิม ซึ่งหมายความวาน้าํ ใจทีซ ่ ื่อตรง การจะ


หวังใหคนทั้งปวงนับถือบูชาเลือ่ มใสกอเปนบารมีอันไพศาล ผูปกครองตองมีน้ําใจที่ซื่อตรง รูจ  ักรักผูอ
 ื่น
ถึงแมวาจะมีความเฉลียวฉลาดสักปานไหน แตถาไมมีน้ําใจซื่อตรงตอผูอื่น รักผูอื่นโดยสุจริตแลวก็ไมอาจ
ที่จะรักษาดํารงไวซึ่งความรักภักดีของผูคนได ไมอาจกอเปนบารมีอันยิ่งใหญได

นี่คือความหมายของภาพลายพูกันที่เราสูถอสังขารฝนเขียนไวเพื่อสั่งสอนพวกเจา จงจดจําคําเราไว
อยาไดประมาท สุมาอี้กลาวดังนี้แลวก็เหนื่อยหอบ สุมาสูและสุมาเจียวเห็นดังนั้นจึงกลาววาทานพอลําบาก
เหนื่อยมากแลว จงพักผอนกอนเถิด

กลาวแลวสุมาเจียวจึงพยุงสุมาอี้ใหนอนราบลงกับเตียงแลวเอาผาหมมาคลุม จากนั้นจึงคํานับลา

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบสี่พรรษา เดือนสิบ อาการปวยของสุมาอีไ ้ ดทรุดหนักลง


โดยลําดับ คนในจวนของสุมาอี้เห็นอาการอยูใ นขั้นวิกฤต จึงใหคนไปแจงใหสุมาสูและสุมาเจียวทราบ

สุมาสูและสุมาเจียวพอทราบความก็รีบรุดมาทีจ ่ วน เห็นสุมาอี้นอนแนนิ่งอยูบนเตียงนอน รางกายผอมซูบ


เหลือแตหนังหุม
 กระดูก กระดิกตัวไมได มีน้ําตาไหลอาบแกม แตพอรูวาบุตรทั้งสองมาเยีย่ มสุมาอี้ก็ลืมตา
ขึ้น ใบหนาเปย มดวยรอยยิ้มแตกลับพริม
้ ตาลงและสิ้นใจในเวลานั้น สุมาสูและสุมาเจียวเห็นสุมาอี้ถึงแก
ความตายก็พากันรองไหโศกเศราอาลัยในการจากไปของสุมาอี้เปนอันมาก

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

พระเจาซุนกวนสิ้นบุญ (ตอนที่599)

สุมาอี้ปวยหนักรูตัววาจะตาย จึงคิดอักษรปริศนาสอนสั่งสุมาสูและสุมาเจียวซึ่งลวนแลวแตเปนหลักการ
ปกครองบานเมือง การครองใจอาณาประชาราษฎร และการรักษาตัววางตนใหสมกับความเปนหลักชัยของ
บานเมือง ครัน ้ สั่งเสียบุตรทั้งสองแลว อาการสุมาอี้ก็ทรุดหนักลงและถึงแกความตาย สิริอายุรวมเจ็ดสิบ
สองป

สุมาสูและสุมาเจียวพอคลายโศกแลวจึงเขาไปเฝาพระเจาโจฮอง กราบทูลใหทรงทราบวาสุมาอีถ
้ ึงแก
อนิจกรรมแลว พระเจาโจฮองทราบความดังนั้นจึงตรัสสั่งใหตั้งการพิธีศพของสุมาอี้ตามประเพณีขุนนาง
ผูใหญ และใหนําศพไปฝงไวยังสุสานหลวง

เสร็จการศพของสุมาอี้แลวพระเจาโจฮองจึงโปรดเกลาตั้งใหสุมาสูดํารงตําแหนงเปนขุนนางผูใหญ
ตําแหนงราชเลขาธิการฝายควบคุมราชการลับทั้งภายในและภายนอกราชสํานัก สวนสุมาเจียวนั้นโปรด
เกลาตั้งใหเปนขุนนางผูใหญฝา ยทหาร ตําแหนงรองผูบญ
ั ชาการทหารสูงสุด และผูอํานวยการกองกําลัง
รักษาพระนคร

เพราะเหตุที่สม
ุ าสูและสุมาเจียวเปนผูชวยของสุมาอี้มาแตกอน ดังนั้นแมสม
ุ าอี้จะถึงแกกรรมแลว อํานาจ
บริหารราชการแผนดินทั้งฝายทหารและพลเรือนจึงยังคงอยูใ นเงื้อมมือของสองพี่นองสุมาทัง้ สิ้น

ทางฝายงอกก วันเวลาก็มิไดปรานีใหแกผใู ด กาลเวลาไดพัดพาเอาสรรพชีวต ิ ใหลว งลับดับสูญไปตามกาล


เตียวเจียวและขุนนางผูใหญตา งอําลาโลกไปตามวัย ในปพุทธศักราชเจ็ดรอยแปดสิบสีจ ่ ูกัดกิ๋นไดสิ้นบุญ
ลง พระเจาซุนกวนทรงโศกเศราอาลัยถึงจูกด ั กิ๋นเปนอันมาก ดวยมีความรักผูกพันสนิทแนนแฟนมาตั้งแต
ครั้งเริ่มตั้งตัว ถึงขนาดเคยนอนรวมเตียงแลวเอาขากายกัน จูกัดกิ๋นสิ้นบุญแลวจึงโปรดเกลาตั้งใหจูกัดเกก
ผูบุตรของจูกัดกิ๋นซึ่งทรงโปรดและไววางใจมาแตกอนเปนขุนนางผูใหญ และโปรดเกลาตั้งใหลกซุนเปน
มหาอุปราช

ลกซุนครองตําแหนงมหาอุปราชไดเพียงปเดียวก็สิ้นบุญลงอีก ในขณะที่มีอายุไดเพียงหกสิบเอ็ดป พระเจา


ซุนกวนทรงโศกเศราอาลัยถึงลกซุนเปนอันมาก ดวยทรงโปรดไววางพระราชหฤทัยลกซุน และทรงอาลัย

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 130

ถึงลกซุนที่มีความชอบแกเมืองกังตั๋งเปนอันมาก เพราะแมวา จะเปนบัณฑิตฝายบุน แตสามารถบัญชาการ


รบเอาชัยชนะศึกนอยใหญที่ยกมารุกรานเมืองกังตั๋งไดทุกครั้งไป

หลังเสร็จการศพของลกซุนแลวจึงโปรดเกลาเลื่อนตําแหนงจูกัดเกกขึ้นเปนที่มหาอุปราชแทนลกซุน

จูกัดเกกครองอํานาจเปนใหญในเมืองกังตั๋ง ในขณะที่พระเจาซุนกวนทรงพระชราภาพ ดังนั้นอํานาจการ


บริหารและการปกครองทั้งปวงจึงอยูในมือของจูกัดเกกวากลาวทั้งสิ้น

อนึ่งพระเจาซุนกวนมีพระราชโอรสสามองค พระองคแรกทรงพระนามวาซุนเตงเปนโอรสอันเกิดแตนางชีฮู
หยิน พระเจาซุนกวนโปรดเกลาตั้งใหเปนมกุฎราชกุมารตามประเพณี แตซนุ เตงนั้นบุญนอยจึงถึงแกความ
ตายในขณะที่อายุยังเยาว พระเจาซุนกวนจึงโปรดเกลาสถาปนาซุนโฮพระราชบุตรอันเกิดแตพระสนมฮ
องฮูหยินขึ้นเปนที่มกุฎราชกุมารแทน

ซุนโฮเปนมกุฎราชกุมารไมทันนานก็วิวาทบาดหมางกับพระราชธิดากิมกงจูซ  ึ่งเปนพี่สาวรวมมารดา แลพระ


เจาซุนกวนนั้นทรงโปรดปรานพระราชธิดา จะวากลาวสิ่งใดก็ทรงเชื่อฟงตามประสาคนแกหลงลูกสาว
ดังนั้นเมื่อเกิดวิวาทบาดหมางขึ้นแลวพระราชธิดากิมกงจูจึงเพ็ดทูลพระเจาซุนกวนวาซุนโฮคิดชิงเอาราช
สมบัติ ลอบวางยาพิษเพื่อปลงพระชนม

พระเจาซุนกวนทราบความจากพระราชธิดาก็ทรงกริ้วมกุฎราชกุมาร ทรงคิดวาบุตรซึ่งมีพฤติกรรมปตุฆาต
ดังนี้ หากใหมอ
ี ํานาจวาสนาสืบไปก็จะลางผลาญทําลายตระกูลซุนจนสูญสิ้น จึงโปรดเกลาถอดซุนโฮออก
จากตําแหนงมกุฎราชกุมาร

ซุนโฮถูกใสรายปายสีจนสูญเสียตําแหนงและสิทธิในราชบัลลังกก็นอยใจ แตละวันเอาแตเสพสุราจนปวย
ลง แลวตรอมใจถึงแกความตาย

พระเจาซุนกวนหะแรกนั้นทรงกริ้วซุนโฮจนถึงกับถอดออกจากตําแหนง แตครั้นนานวันไปก็ทรงคลายพระ
โกรธ ดําริวา จะรอคอยวันเวลาใหซุนโฮกลับเนื้อกลับตัว แลวจะโปรดเกลาตั้งใหครองตําแหนงดังเดิม ครัน

ซุนโฮถึงแกความตายพระเจาซุนกวนจึงโศกเศราพระทัย และตรอมพระทัยจนประชวร

พระเจาซุนกวนทรงตระหนักดีวา พระชนมายุมากขึ้นโดยลําดับ หากไมแตงตัง้ มกุฎราชกุมารไวใหเรียบรอย


การขางหนาก็อาจเกิดการรบราฆาฟนในระหวางญาติพี่นองตระกูลซุน ดําริดังนั้นแลวจึงโปรดเกลาตั้งให
ซุนเหลียงซึ่งเปนพระราชโอรสเกิดแตพระสนมพัวฮูหยินขึ้นเปนที่มกุฎราชกุมาร และโปรดเกลาใหจูกัดเกก
ทําหนาที่อบรมสั่งสอนการบริหารราชการแผนดินและการปกครองแกซุนเหลียงอีกหนาทีห ่ นึ่ง

ครั้นปพท
ุ ธศักราชเจ็ดรอยเกาสิบสี่ เดือนสี่ ขึ้นหนึ่งค่ํา ไดบังเกิดนิมิตรายขึ้นในเมืองกังตั๋ง สามกกฉบับ
เจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวา “บังเกิดเหตุพายุใหญ คลื่นในแมน้ําแลทะเลก็กําเริบนัก เกิดน้ําใหญทวม
ไปในเมืองกังตั๋ง น้ําลึกถึงแปดศอก พายุก็ถอนตนสนใหญซงึ่ ปลูกอยูหนากุฏิซึ่งฝงศพซุนเซ็กลอยขึ้นไปใน
อากาศ ตนสนก็ตกลงริมประตูเมืองกังตั๋ง ปลายลงปกดินอยู”

สามกกฉบับสมบูรณระบุลางรายในปลายรัชกาลของพระเจาซุนกวนวา “ไทฮั้วศกปตน ฤดูสารท เดือนแปด


วันชิวอิก พลันเกิดลมพายุใหญ ลูกคลื่นในแมน้ําทั้งทะเลซัดกระหน่าํ อยางรุนแรง เกิดน้ําทวมตามพื้นทีล
่ ึก
ถึงแปดเชี๊ยะ ตนสนจีนที่เจาเหนือหัวกกโงวทรงปลูกไวทั้งกอนและหลังทั้งหมดลวนถอนราก ถูกแรงลมพัด
บินเอากิ่งกานปกลงที่นอกประตูเมืองเกี้ยงเงี๊ยบ”

วันเวลาที่เกิดลางรายที่ปรากฏในสามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) และฉบับสมบูรณตา งกันตรงเดือนที่


เกิดเหตุ โดยสามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาเปนเดือนสี่ ในขณะทีส
่ ามกกฉบับสมบูรณระบุวา
เปนเดือนแปด แตฉบับภาษาญี่ปุนและฉบับของจีนระบุวา เปนเดือนแรกหลังจากขึ้นปใหมแลว ซึ่งก็คือ
เดือนสี่

ลางรายดังกลาวเปนที่ร่ําลือเลาขานทั่วไปในแควนกังตั๋ง พระเจาซุนกวนทรงเห็นลางรายปรากฏขึ้นดังนัน
้ ก็
ทรงพระวิตก เกรงวากกโงวจะเปนอันตราย หลังจากนั้นก็ไมเปนอันกินอันนอน และอาการพระประชวรก็
ทรุดหนักลง แพทยหลวงไดถวายการเยียวยารักษาโดยลําดับ พระอาการก็มีแตทรงกับทรุด

อาการประชวรของพระเจาซุนกวนเรื้อรังอยูปเศษ ลุถึงปพท ุ ธศักราชเจ็ดรอยเกาสิบหา เดือนหก อาการ


ประชวรก็เขาขั้นวิกฤติ พระเจาซุนกวนรูส
 ึกพระองควาเอื้อมหัตถแหงมัจจุราชกําลังคราดวงวิญญาณของ
พระองคออกจากราง เห็นจะมีเวลาอยูเหลือนอยเต็มที จึงตรัสสั่งเรียกจูกัดเกกและลิตา ยสองขุนนางผูใหญ
เขามาเฝาถึงพระแทนที่บรรทม

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 131

จูกัดเกกและลิตายคุกเขาถวายบังคมแลว เห็นพระเจาซุนกวนประทับนอนบนพระแทน มีน้ําพระเนตรไหล


นองใบหนาก็สงสารจึงรองไหตาม พระเจาซุนกวนรูสึกพระองคจึงกวักมือเรียกสองขุนนางผูใหญเขามาใกล
พระแทน แลวตรัสดวยพระสุรเสียงที่ออนอิดโรยแทบไมไดยินวา กรรมมาถึงตัวเราแลว จําจะอําลาพวก
ทานไปกอน ฝากบอกกลาวขุนนางทั้งปวงวาซึ่งสั่งเสียไมทวั่ ถึงนั้นอยาไดนอ
 ยใจเลย

พระเจาซุนกวนหยุดหอบอยูครูห
 นึ่งจึงรับสั่งตอไปวา ซุนเหลียงมกุฎราชกุมารนั้นยังออนเยาวไมรูการ
แผนดิน ขอฝากฝงทานทั้งสองชวยทํานุบํารุง ขอใหเห็นแกเรา หนักเบาประการใดก็ใหตั้งหนาทําการโดย
สุจริต

พระเจาซุนกวนรับสั่งเพียงเทานี้ก็เสด็จสวรรคต สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาพระเจาซุน


กวน “ฝากฝงบานเมืองบุตรภรรยาประชาราษฎรแลวก็สิ้นใจตาย เมื่อตายนัน ้ เดือนหก พุทธศักราชเจ็ดรอย
เกาสิบหา อายุพอไดเจ็ดสิบเอ็ดป เสวยราชยไดยี่สิบสี่ป”

อา! โจโฉ เลาป ซุนกวน สามขุนศึกใหญทข ี่ ับเคี่ยวชิงชัย หวังครองแผนดินจีนแตผูเดียวตลอดระยะเวลา


อันยาวนาน ลวนไมประสบความสําเร็จดังเจตนารมย ตางคนตางถูกอํานาจแหงกาลเวลาครอบงํา แลว
ลวงลับดับสูญ ทิ้งภารกิจและปณิธานไวใหชนรุนหลังไดขับเคี่ยวรบราฆาฟนกันตอไป

ซุนเหลียงและลิตายเห็นพระเจาซุนกวนเสด็จสวรรคตก็รองไห พอคลายโศกก็สั่งใหตั้งการพระราชพิธีพระ
บรมศพตามราชประเพณี และกระทําพิธบี รมราชาภิเษกอัญเชิญซุนเหลียงขึ้นเสวยราชยแทนพระเจาซุน
กวน และใหขุนนาง ขาราชการ ตลอดจนชาวเมืองทั้งปวงนุงขาวหมขาวไวทุกขเปนเวลาหนึ่งป

พระเจาซุนเหลียงขึ้นครองราชยแลวทรงตั้งศักราชประจําพระองควาศักราชไทเฮงซึ่งแปลวามหาศักราช
แหงความรุงเรืองของแควนงอ โปรดเกลาใหพระราชทานอภัยโทษแกคนคุกทั่วทั้งแควน และเฉลิมพระ
นามาภิไธยของพระเจาซุนกวนใหมวาพระเจาไตฮองเต

เสร็จการพิธีพระบรมศพแลวโปรดเกลาใหนําพระบรมศพของพระเจาซุนกวนไปฝงไวทส ี่ ส
ุ านราชตระกูลซุน
ที่ตําบลเตียวเหลง และโปรดเกลาตั้งใหจูกัดเกกราชครูเปนผูส
 ําเร็จราชการแผนดินอีกตําแหนงหนึ่ง

ขาวคราวการเสด็จสวรรคตของพระเจาซุนกวนทราบไปถึงแผนดินวุยกก สุมาสูเห็นเปนโอกาสอันงามที่งอ 
กกกําลังตกอยูในภาวะโศกเศรา จึงปรึกษาดวยแมทัพนายกองทั้งปวงวาจะยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง

เตาหวนซึ่งเปนที่ปรึกษาผูใหญไดฟงปรารภดังนั้นจึงคัดคานวาซึ่งจะยกไปตีเมืองกังตั๋งบัดนี้นั้นไมเห็นสม
ดวยเมืองกังตั๋งตั้งอยูในชัยภูมม
ิ ั่นคง มีทะเลขวางกั้น ยากแกการเขาตี เมื่อครั้งพระเจาวุยอองโจโฉและพระ
เจาโจผีก็เคยยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งแตไมสําเร็จ ตองพายแพยับเยินกลับมา แลบัดนีแ ้ ผนดินวางศึกมา
ชานาน อาณาประชาราษฎรไดความสุข จึงควรดําเนินวิเทโศบายตางคนตางอยูก็จะมีความสุขสืบไป ไว
เมื่อใดเห็นเปนทีประจักษแลวจึงคอยยกไปทําการจะดีกวา

สุมาสูไดฟงดังนั้นก็ไมพอใจ กลาววาซึ่งจะใหรอคอยเวลาอันไมมีกําหนดนัน
้ อีกสักกี่รอยปจึงจะมีโอกาส
เลา

สุมาเจียวไดฟงคําสุมาสูผูพี่จึงหนุนวา ซุนกวนมีบารมีมาแตกอนก็ลวงลับแลว ซุนเหลียงผูบต ุ รยังออน


เดียงสา หาผูคนนับถือมิได ดังนี้ยอมถือวาเปนทีทจ
ี่ ะยกไปทําการ เห็นจะไดชัยชนะแตถายเดียวเทานั้น

สุมาสูไดฟงคําสุมาเจียวดังนั้นก็พยักหนา แลวถามขุนนางทั้งปวงวาจะมีความเห็นเปนประการใด ขุนนาง


ทั้งปวงเห็นทาทีของสุมาสูและสุมาเจียวดังนัน้ ก็รูทีวามีความปรารถนาจะยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง ตางคน
จึงตางตองการเอาอกเอาใจ แสดงความเห็นชอบใหยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง

สุมาสูเห็นขุนนางทั้งปวงพรอมใจดังนั้น จึงตัง้ ใหอองซองเปนกองทัพหนาคุมทหารสิบหมื่น ใหบูขิวเขียม


เปนกองทัพหนุนคุมทหารสิบหมื่น ใหสม ุ าเจียวเปนกองทัพหลวงคุมทหารอีกสิบหมื่นยกไปตีเมืองกังตั๋ง

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบหาพรรษา เดือนสิบสอง หลังจากพระเจาซุนกวนเสด็จ


สวรรคตไดหกเดือน กองทัพสามสิบหมื่นของวุยกกก็ยกลวงเขาถึงปลายแดนเมืองกังตั๋ง และปลงกองทัพ
ไวที่ริมแมน้ําดานหนาเมืองตังหิน

สุมาเจียวไดเรียกแมทัพนายกองทั้งปวงมาประชุมปรึกษาวา เมืองตังหินซึ่งเปนเมืองหนาดานของเมือง
กังตั๋งนั้นมั่นคงแนนหนานัก ทางหนาเมืองทั้งดานซายและดานขวามีปอมปราการสูงใหญ มีพลเกาทัณฑ

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 132

จุกซองอยูเปนอันมาก จะเขาตีซึ่งหนาก็ขด
ั สนดวยทหารในปอมยอมใชเกาทัณฑระดมยิง ไมอาจเขา
ประชิดตัวเมืองไดโดยสะดวก

สุมาเจียวเห็นทหารทั้งปวงพากันนิ่งเงียบจึงกลาวสืบไปวาซึ่งจะเขาตีเมืองตังหินนี้จําตองใชยท
ุ ธวิธีอันแยบ
ยลจึงจะไดชย ั ชนะ

สามกกฉบับคนขายชาติ:เรืองวิทยาคม

สุราพาวิบัติ (ตอนที6
่ 00)

สุมาสูบุตรสุมาอี้ตองการสรางบารมีทางการทหารในแผนดินวุยกก จึงอาศัยสถานการณที่งอ  กกผลัดเปลี่ยน


แผนดิน ตั้งใหสุมาเจียวผูนองเปนแมทัพใหญ กรีฑาทัพสามสิบหมื่นยกไปตีเมืองกังตั๋งทางดานเมืองตังหิน
ครั้นถึงเมืองหนาดานจึงปลงทัพแลวปรึกษาแผนการเขาตีเมืองตังหินตอไป

สุมาเจียวไดกําหนดแผนยุทธการในการเขาตีเมืองตังหินอยางแยบยล สั่งใหรวมกําลังพลทั้งสามสิบหมื่น
เขาดวยกัน แลวใหอองซองและบูขิวเขียมคุมกองทัพหนาและกองทัพหนุนกําลังพลกองละสามหมื่นแยก
ออกเปนปกซายขวา ตั้งมั่นคอยทีใหกองทัพหลวงรุกเขาตีเมืองตังหินกอน แลวจึงคอยยกพลเขาตีเมืองตัง
หินพรอมกัน

ในสวนกองทัพหลวงนั้น สั่งใหอาวจุนคุมทหารหาหมื่นสรางสะพานลอยขามแมน้ํา แลวแยกออกเปนสอง


กองรุกหักเขาตีปอมปราการทั้งดานซายและดานขวา กําลังพลนอกแตนั้นใหตั้งคุมเชิงอยูใ นที่เดิม คอยทา
ใหกองหนาเขาตีปอมแลวจึงยกขามแมน้ํารุกเขาตีเมืองพรอมกัน

ทหารทั้งปวงเห็นชอบกับแผนการของสุมาเจียว แลวพากันไปจัดแจงตามแผนการที่กําหนด

ฝายจูกัดเกกผูส  ําเร็จราชการแผนดินของงอกก ครั้นไดทราบขาวศึกวาสุมาเจียวยกกองทัพใหญมาตั้ง


ประชิดอยูท ี่เมืองตังหิน จึงเรียกแมทัพนายกองและขุนนางทั้งปวงเขามาพรอมกันแลวปรึกษาวา ซึ่งวุยกก
ยกทัพมาครั้งนีจ ้ ะคิดอานประการใด

เตงฮองขุนพลเฒาซึ่งรับราชการมาแตครั้งซุนเกี๋ยนอายุแปดสิบปเศษแลว ไดกลิ่นศึกก็รีบอาสา แลวกลาว


วา “เมืองตังหินนี้เปนกําลังเมืองกังตั๋ง ดวยขาวปลาอาหารทั้งปวงก็บริบรู ณ แลวก็มีปอมคายมั่นคงเปนที่
คับขัน ถาเมืองตังหินเสียแลวเห็นวาเมือง บูเฉียงก็จะเปนอันตราย ควรเราจะรักษาเมืองตังหินไวใหมั่นคง”

แมทัพนายกองทั้งปวงไดฟงแผนการของเตงฮองดังนั้นก็พากันเห็นชอบ จูกัดเกกเห็นแมทัพนายกองทั้ง
ปวงมีความเห็นตองกันก็มีความยินดี ตั้งใหเตงฮองเปนแมทัพเรือทําหนาที่เปนกองหนา คุมทหารสามพัน
ลงเรือรบสามสิบลําแลนออกจากเมืองกังตั๋งไปที่เมืองตังหิน และใหลีกี ตองจู เลาเบา เปนแมทัพบกคุม
พลคนละหนึ่งหมื่นแยกยกเปนสามทางตรงไปที่เมืองตังหิน สวนจูกัดเกกจะยกกองทัพหลวงหนุนตามไป

แมทัพบกและแมทัพเรือทั้งสี่นายรับคําสั่งแลวคํานับลาจูกัดเกกออกไปจัดแจงทหาร แลวยกออกจากเมือง
กังตั๋งตรงไปที่เมืองตังหิน

ขณะนั้นเปนเทศกาลหนาหนาว อากาศหนาวจัด อาวจุนซึง่ คุมกองหนาของกองทัพวุยไดทําสะพานลอย


ยกทหารขามแมน้ําไปถึงฝงแลวจึงแบงทหารออกเปนสองกอง ให หวนแกคุมทหารเขาตีปอมดานซาย ให
ฮั่นจงคุมทหารเขาตีปอมทางดานขวา อาวจุนคุมทหารหาพันเปนกองหนุน

หวนแกและฮั่นจงไดรับคําสั่งแลวจึงคุมทหารแยกเขาตีปอมปราการทางดานซายขวาของเมืองตังหินตาม
คําสั่ง

ฝายเลาเลียกและจวนเตกนายทหารผูร ักษาปอมซายขวาของงอกก ครั้นเห็นทหารวุยกกยกเขาตีปอม


ปราการดังนั้นจึงคุมทหารรบพุง ปองกันปอมปราการไวเปนสามารถ อาศัยชัยภูมิทส ี่ ูงใหญมั่นคงไดเปรียบ
ระดมยิงเกาทัณฑใสทหารวุยกกดุจหาฝน ทหารวุยกกบุกขึ้นมาบนปอมปราการไมไดและถูกเกาทัณฑ
บาดเจ็บลมตายลงเปนอันมากจึงพากันลาถอย อาวจุนเห็นดังนั้นจึงใหทหารถอยออกมาตั้งคายอยูท  รี่ ิม
แมน้ํา

เลาเลียกและจวนเตกแมเห็นวาไดที แตเห็นวาทหารวุยกกซึ่งยกมาตั้งคายอยูนั้นมีจํานวนมากกวาทหารใน
ปอมจึงไมกลายกทหารออกจากปอมไปโจมตี และใหทหารตั้งมั่นอยูใ นปอมปราการ กวดขันระมัดระวังเวร
ยามมิไดประมาท

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 133

อาวจุนและทหารวุยกกตั้งคายลงที่รม
ิ แมน้ําแลวก็ทนความหนาวไมได จึงชวนกันเสพสุราอยูในคาย ทัง้
ไพรและนายดืม่ สุราแกหนาวอยางเพลิดเพลินจนลืมตัว พากันเมามายไปทั้งคาย

พอเวลาพลบหนวยสอดแนมก็มารายงานอาวจุนวา เห็นขบวนเรือรบเมืองกังตั๋งยกมาตามลําแมน้ํา อาวจุ


นจึงออกจากคายไปทีร่ ิมฝงน้าํ เห็นเรือรบเมืองกังตั๋งราวสามสิบลําแลนมาแตไกล จึงกลาววาทหารเมือง
กังตั๋งยกมาเทานี้จะวิตกไปไย ขบวนเรือมีมาเพียงสามสิบลํา แตละลําบรรทุกทหารอยางมากไดแคหนึ่ง
รอยคน สามสิบลําคํานวณเปนกําลังพลไดไมเกินสามพันคน ทหารเรามีรว มหาหมื่นคน เห็นทหารเมือง
กังตั๋งจะไมกลายกเขาตี

กลาวดังนั้นแลวอาวจุนจึงพาทหารกลับเขาคาย แลวชวนกันเสพสุราเปนที่ครื้นเครงตอไป พอค่ําลงอาวจุ


นและทหารก็พากันเมามายแทบไมไดสติ

ฝายเตงฮองแมทัพเรือ ครั้นยกกองทัพมาใกลหนาเมืองตังหินเปนเวลาใกลค่ํา จึงสั่งใหเอาเรือเทียบเขาริม


ตลิ่งหางจากคายของอาวจุนประมาณรอยเสน ไดยินเสียงทหารวุยกกหัวรอตอกระซิกลอยมาตามลมบอก
อาการเมาสุรา ก็รูวาทหารวุยกกตั้งอยูในความประมาท เห็นวาทหารงอกกยกมาแตนอยตัวไมกลาเขาตี
วิสัยขุนพลเฒาผูชาญการสงครามก็รูวาเปนโอกาสอันดี จึงปาวประกาศแกบรรดาทหารทั้งปวงวา “เราเปน
ชาติทหาร ตั้งใจแตจะหาความชอบใสตัว เราเรงทําความชอบใหไดในวันนี”้

เตงฮองปลุกระดมขวัญกําลังใจทหารเมืองกังตั๋งแลว จึงกําชับวาบัดนี้โอกาสดียิ่งนัก ขาศึกนึกประมาทฝาย


เรา จึงพากันดืม่ สุราจนเมามาย ใหทุกคนตั้งหนาทําราชการอยาไดเกรงกลัวแกความยากลําบากและความ
ตาย แมไดชยั ชนะแลวก็จะไดความชอบเปนอันมาก

ทหารเมืองกังตัง๋ ลวนเชื่อมั่นในเตงฮองวามีประสบการณสงครามเปนอันมาก ไดยินคําปลุกใจของเตงฮอง


จึงรับคําพรอมกันวาพวกเราจะทําการตามคําสัง่ ของทานแมทพั เอาชัยชนะขาศึกใหจงได

เตงฮองเห็นดังนั้นก็มีความยินดี กลาววาความกลาหาญเปนคุณสมบัติอันประเสริฐของทหาร การรบวันนี้


จะตองไดชัยชนะอยางเดียวเทานั้น เพื่อเกียรติภูมิของทหารกังตั๋งวาไมกลัวตาย จึงใหทุกคนถอดหมวก
และเสื้อเกราะออกใหหมด ใหกําหนดการรบแบบประชิดตัว ดังนั้นจึงใหทหารทุกคนเอาแตกระบี่และดาบ
ติดตัวไป ไมใหเอาทวนหรืองาวไปดวย

ทหารเมืองกังตัง๋ ไดฟงคําแมทพ
ั ฮึกหาวเหิมหาญดังนั้นก็พากันคึกคะนอง ตางคนตางรีบปฏิบัติตามคําสั่ง
ของเตงฮอง

เตงฮองเห็นทหารทั้งปวงถอดหมวกและเสื้อเกราะ ถือกระบีแ ่ ละดาบพรอมแลวจึงคุมทหารบุกไปที่คายของ


อาวจุน พอไปถึงใกลคา ยไดยน
ิ เสียงหัวเราะเฮฮาดวยอาการเมาสุราดังชัดขึน
้ ทุกที เตงฮองก็มีความยินดี
เรงทหารใหรุกเขาประชิดคาย

พอถึงหนาคายของอาวจุน เตงฮองจึงใหจุดประทัดสัญญาณขึ้นเปนสําคัญ แลว เตงฮองจึงถือดาบสองมือ


วิ่งนําหนาทหารรุกตรงเขาไปในคายของอาวจุน
 ทหารในคายของอาวจุนไมทันระวังตัว เตงฮองจึงพา
ทหารบุกเขาไปในคายไดโดยสะดวก

ทหารเมืองกังตัง๋ โหรองดึงกึกกองฝาความมืดในยามค่าํ รุกเขาฆาฟนทหารวุยกกซึ่งกําลังเมาสุราอยางมัน


มือ ฮั่นจงเห็นขาศึกจูโจมเขาตีก็ตกใจ ฉวยไดทวนคูม
 ือจึงวิ่งเขาหาเตงฮอง แลวเอาทวนแทงเตงฮอง

เตงฮองมีประสบการณในการรบจึงหลบทวนของฮั่นจง แลวกลับตัวเอาดาบฟนฮั่นจงถูกฮั่นจงลมลง เตง


ฮองเห็นไดทีจงึ บุกเขาประชิดตัว ฉวยโอกาสที่ฮั่นจงเสียหลักเอาดาบตัดหัวของฮั่นจงถึงแกความตาย

ฝายหวนแกเห็นฮั่นจงเสียทีแกเตงฮองก็โกรธ ควาไดงาวคูมือจึงวิ่งเขาฟนเตงฮอง เตงฮองหลบงาวของ


หวนแกแลวเอารักแรหนีบงาวของหวนแกไว พลางเงื้อดาบจะฟนหวนแกเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบปลอยมือ
แลววิ่งหนี

เตงฮองเห็นดังนั้นจึงขวางดาบตามหลังไปถูกแขนซายของหวนแกลมลง เตงฮองรีบสะอึกเขาถึงตัวแลว
เอางาวที่แยงมาจากหวนแก ฟนหวนแกถึงแกความตาย

ทหารเมืองกังตัง๋ เห็นตัวนายไดชัยชนะแกขาศึกก็ฮึกหาวเหิมหาญ พากันโหรองกึกกองแลวรุกรุดหนาฆา


ฟนทหารวุยกกที่กําลังแตกตื่นวิ่งหนีบาดเจ็บลมตายลงเปนอันมาก

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด
โดย เรืองวิทยาคม ชุดที่ 12 ตอนที่ 551-600 หนาที่ 134

ฝายอาวจุนแมทัพหนาของวุยกก เห็นทหารแตกตื่นตกใจไมเปนอันสูรบ และคุมกันไมตด


ิ ทั้งกําลังเมาสุรา
สายตาพรามัว จึงรีบพาทหารหนีไปทางริมแมน้ําจะขามสะพานลอยไปยังกองทัพหลวง เตงฮองเห็นดังนั้น
จึงคุมทหารไลตามไป

ทหารวุยกกชิงกันหนีขึ้นสะพานลอย คั่งอยูบนสะพานและเชิงสะพานเปนอันมาก จึงเบียดเสียดแยงกันจะ


ใหพนไปจากสะพาน สะพานลอยทานน้ําหนักไมไดจึงขาดรวงหลนลงแมนา้ํ ทหารวุยกกพลัดตกน้ําตาย
เปนอันมาก พวกที่เหลืออยูท
 ี่เชิงสะพานก็ถูกทหารเตงฮองไลฆาฟนอยางมันมือ

สามกกฉบับเจาพระยาพระคลัง (หน) ระบุวาทหารของอาวจุนที่ยกขามสะพานมาประชิดเมืองตังหินลมตาย


ถึงสองสวน เหลืออยูเพียงหนึง่ สวนหนีขามสะพานรอดไปได

ครั้นอาวจุน
 พาทหารหนีขามสะพานลอยไดแลว จึงเขาไปรายงานความใหสุมาเจียวทราบทุกประการ สุมา
เจียวทราบความดังนั้นก็ตรองการศึกวากองทัพเราเพิ่งยกมาถึงหนาดานก็ปราชัยแกขาศึก ทหารทั้งปวง
เสียขวัญกําลังใจ ขณะนี้กองทัพหนาเมืองกังตั๋งเพิ่งยกมาถึง หากเนิ่นชาตอไปกองทัพหลวงหนุนตาม
มาแลว การจะถอยทัพจักเปนอันตราย คิดดังนั้นแลวสุมาเจียวจึงสั่งใหเลิกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง

ฝายจูกัดเกกครัน
้ ยกกองทัพหลวงหนุนตามมาถึงเมืองตังหิน ก็ไดทราบรายงานวาเตงฮองทําการมีชัยชนะ
แกขาศึกก็มีความยินดีเปนอันมาก สั่งใหปูนบําเหน็จแกเตงฮองและทหารซึ่งมีความชอบ แลวปลงทัพตั้ง
คายอยูนอกเมืองตังหิน ตัวจูกัดเกกพาทหารองครักษเขาไปในเมือง แลวเรียกประชุมแมทัพนายกองทัง้
ปวง

จูกัดเกกไดปรารภวา สุมาเจียวยกกองทัพวุยกกจะมาตีเมืองเราครั้งนี้ เมื่อเสียทีแลวเห็นจะเสียขวัญ


กําลังใจ จึงเปนทีที่เราจะยกกองทัพไปตีวยุ กกตอบแทนบาง ทานทั้งปวงจะเห็นเปนประการใด

แมทัพนายกองทั้งปวงกําลังฮึกเหิม ไดยินคําปรึกษาดังนั้นจึงเห็นชอบพรอมกันวา ควรที่จะยกกองทัพไป


ตีวุยกก

จูกัดเกกเห็นดังนั้นจึงวา งอกกเราเปนพันธมิตรกับจกกก ชอบที่จะรวมมือกันเขาตี เห็นจะไดชัยชนะ ทหาร


ทั้งปวงไดฟงดังนั้นก็เห็นดวย

จูกัดเกกจึงแตงหนังสือใหทหารถือไปใหกับเกียงอุยที่เมืองฮันตง ขอใหยกกองทัพจกกกบุกเขาตีเมืองลก
เอี๋ยง สวนจูกัดเกกจะยกกองทัพรุกเขาตีทางดานใต หากทําการสําเร็จแลวก็จะแบงแผนดินตงงวนกันฝาย
ละครึ่ง ครั้นทําหนังสือถึงเกียงอุยเสร็จแลวจูกัดเกกจึงออกหมายเกณฑทหารจากหัวเมืองซึ่งขึ้นกับเมือง
กังตั๋งเปนกําลังพลยี่สบ
ิ หมื่นเตรียมจะยกไปตีวย
ุ กก

พระพุทธศาสนายุกาลลวงแลวไดเจ็ดรอยเกาสิบหกพรรษา เดือนสิบเอ็ด จูกัดเกกจัดเตรียมกองทัพพรอม


แลวจึงเคลื่อนทัพจะยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง

พอกองทัพของจูกัดเกกเริ่มเคลื่อนพล ก็บังเกิดควันสีขาวพวยพุงขึ้นจากพืน
้ ดินขางหนากองทัพแผปกคลุม
เปนปริมณฑลกวาง ครอบคลุมทั้งกองทัพไวจนมืดมิด แมหา งกันเพียงนอยนิดก็แทบมองกันไมเห็นตัว อีก
ครูหนึ่งก็เกิดพายุหมุนพัดพาเอามานควันนั้นผานพนไป

ทหารในกองทัพงอกกเห็นนิมิตดังนั้นก็พากันตกใจ กองทัพทั้งปวงหยุดกึกอยูกับที่ เจียวเอี๋ยนซึ่งเปน


เสนาธิการ เห็นนิมิตนั้นเปนลางรายจึงขี่มา เขาไปหาจูกัดเกกแลวกลาววา ซึง่ บังเกิดปรากฏการณประหลาด
เปนควันสีขาวพวยพุงขึ้นจากแผนดิน ดังนี้เปนลางราย ตามตําราวาจะปราชัยแกขาศึก ฉะนั้นจึงขอใหทา น
แมทัพไดเลิกทัพยกกลับเมืองกังตั๋งจึงจะควร หากแมนจะยกกองทัพรุดไปตีวุยกกเห็นจะปราชัยเสียแมทพ ั
คนสําคัญเปนมัน
่ คง

หนังสือพิมพผูจัดการออนไลน http://www.manager.co.th

All contents copyright (c) 1999-2002 บริษัท ไทยเดย ด็อท คอม จํากัด

You might also like