You are on page 1of 1

ยุคกลาง (Middle Age) ยุคโรแมนติก

RENAISSANCE
เริมประมาณป ค.ศ. 400 - 1400 ดนตรีสมัยนี เริมประมาณป ค.ศ.
แปลว่า “การเกิดใหม่”ซึงหมายถึง
ในสมัยกลางนี โบสถ์เปนศูนย์กลาง 1820 –1900 ถือว่าเปนยุคทองของ
ช่วงเวลาทีปญญาชน ในยุโรปได้มาสู่
ทังทางด้านดนตรีเพลงแต่งเพือพิธี ้ ํา
ดนตรี ดนตรีมไิ ด้เปนเอกสิ ทธิของผูน
การฟนฟูศิลปวิทยาเพลงส่ วนใหญ่กย ั
็ ง
ทางศาสนาคริสต์เปนส่ วนใหญ่ ทางศาสนาหรือการปกครอง

เกียวข้องกับ คริสต์ศาสนาอยู เริมมี
โดยนํ าคํา สอนจากพระคัมภีรม ์ าร้อง ทําให้เกิดสไตล์การเขียนเพลงของ
เครืองดนตรี ทีนํ ามาใช้ในการบรรเลง
เปนทํานอง ต่อมามี การเพิมแนวร้อง แต่ละท่านแตกต่างกันในยุคนี ใช้
ลักษณะของดนตรี ยังคงคล้ายเดิม
ขึนอีกแนวหนึ ง เปนเสี ยงร้องทีเปน ดนตรีเปนเครืองแสดงออกของอารมณ์
เเต่ ปรับปรุ งพัฒนารู ปแบบมากขึน
คู่ขนานกับทํานองหลัก แนวนี ลักษณะ ตรงกันข้ามกับ ดนตรีคลาส
เรียกว่า ออร์แกนุม สิ ก กล่าวคือ ขณะทีดนตรีคลาสสิ ก
เน้ นที รู ปแบบอันลงตัวแน่ นอน
โรแมนติกจะเน้ นทีเนื อหา

ยุคสมัยทางดนตรีสากล

ยุคบาโรก ศตวรรษที 20
1600 - 1750 มาจากคําว่า“Barroco” เริมจากป ค.ศ. 1900 จนถึงปจจุบน ั
ยุคคลาสสิ ก
ในภาษาโปรตุเกสซึงหมายถึง “ไข่มก ุ ทีมี ดนตรีในยุคนี มีความหลากหลาย
เปนยุคของดนตรีระหว่าง
สั ณฐานเบียว” สมัยบาโรก เปนสมัยที เนื องจากสภาพสั งคม คีตกวีพยายามทีจะ
ค.ศ.1750-1820 ดนตรีมก ี ารเปดกว้างสู่
ยาวนานรู ปแบบของเพลงจึงมีการ สร้างองค์ความรู ใ้ หม่ มีการทดลองการ
ประชาชนเปนดนตรีนอกโบสถ์ ดนตรี
เปลียนแปลง ไปสู่ความสมบูรณ์ ดนตรี ใช้เสี ยงใหม่ การประสานทํานองเพลง มี
ยุค คลาสสิ กมีลกั ษณะความเปนจริง มี
ศาสนา และดนตรีของชาวบ้านมีความ ทังรู ปแบบเดิมและใหม่
ความสมดุล และแจ่มชัดในรู ปแบบ
ก้าวหน้ าทัดเทียมกัน โครงสร้างของ จัดลําดับคอร์ด สี สัน เสี ยงลําดับคอร์ด
ดนตรีบรรเลง เด่นกว่าเพลงร้อง
เพลงมีความซับซ้อนมากขึน สี สันใน ตามความต้องการของตน
เปนดนตรีบริสท ี มี
ุ ธิ คือ ดนตรีทไม่
บทเพลงมากขึนวงดนตรีวงใหญ่ขน ึ มี ดนตรีอก ี ลักษณะคือ บทเพลงทีประพันธ์
จินตนาการอยูเ่ บืองหลัง ไม่มบ ี ทกวี
การนํ าเครืองดนตรีมาใช้หลากหลาย ขึนมาเพือบรรเลงด้วยเครืองดนตรีอเี ลค
ประกอบ เปนดนตรีทมี ี แต่เสี ยงดนตรี
เพลงในยุคนี มีจงั หวะสมาเสมอ โทรนิ ค
บริสทุ ธิ

You might also like