You are on page 1of 137

ตอนที่ 301 ศรแดง

ชายเสื ้อสีครามของฉู่ชางหมิงสะบัดพัดเสียงดัง ร่างของเขาแข็งทื่อ


ราวกับหิน ตาสองข้ างมองตกที่เหยียนเทียนเว่ย สายตามองตาม
การเคลื่อนไหว เขาไม่ได้ ถอยร่นออกมาและมองอย่างเงียบงัน
สัมผัสพลังที่เหนือล ้ายิ่งกว่าตน

ฉู่จิงเทียนป้องกันอยูเ่ บื ้องหน้ าเล่งหยา กัดฟั นโถมพลังไม่ถอยหนี


แม้ แต่ก้าวหนึง่ ในปากกล่าวคาที่ไม่อาจฟั งชัด “ที่แท้ ท่านปู่ ต้าสง
กับท่านย่าซ่งหัวกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี ้.... ปู่ คนนัน้ ยังแข็งแกร่ง
กว่าท่านปู่ ของข้ า.... จริ งหรื อที่พวกเขากับน้ องเย่....ไอ๊ ....”

ทังสี
้ ่คนปะทะพัวพันอยู่กลางอากาศ สลับเคลื่อนเลื่อนตาแหน่ง
อย่างไร้ รูปแบบ ภายใต้ การร่วมมือของสองผัวเมียชราและคนหนุ่ม
หนึง่ คน กลับทาได้ แค่ยนั เสมอกับเหยียนเทียนเว่ยเท่านัน้
สถานการณ์ในตอนนี ้ มีแต่พวกเขาเท่านันที ้ ่ร้ ูวา่ ใช้ พลังออกไปมาก
น้ อยแค่ไหน เทพทังสี ้ ่แห่งเทียนเฉินคือยอดฝี มือขอบเขตเทวะที่
รู้จกั กันในยุคปั จจุบนั และตอนนี ้มันได้ เปลี่ยนจากมีสามคน (ฟง
เฉาหยางตาย) เป็ นมีเจ็ดคน อีกทังหนึ ้ ง่ ในนันยั
้ งเหนือล ้ากว่าอดีต
เทพทังสี้ ่แห่งเทียนเฉิน บรรลุถึงขอบเขตเทวะขันสู ้ งสุด การประมือ
ของพวกเขาในวันนี ้ ย่อมสร้ างความสัน่ สะเทือนไปทัว่ ทังทวี้ ป
เทียนเฉิน เพราะเพียงชัว่ เวลาสันๆ ้ งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียน
เฉินนี ้ก็ยงั สะเทือนลัน่ ราวแผ่นดินไหว

เปรี๊ ยะ!!

เสียงคล้ ายแก้ วแตกดังลัน่ ขึ ้น ท้ องฟ้าทะมึนลง กระทัง่ ตะวันยังไม่


อาจสาดแสงผ่านคลื่นพลังน่าหวาดหวัน่ ผ่านไปเพียงครู่ บางผู้คน
เริ่ มไม่อาจต้ านทานคลื่นพลังได้ ทาได้ เพียงหลบฉากออกไปอย่าง
รวดเร็ ว ไปให้ ไกลสุดเท่าที่จะไม่ได้ รับผลกระทบ ในบรรดาคน
เหล่านี ้ จานวนมากอยูใ่ นขันขอบเขตสวรรค์
้ แม้ จะห่างจากเทวะ
เพียงหนึ่งขอบเขต แต่เป็ นความห่างชันของมนุ้ ษย์และเทพ

คนทังสี
้ ่ตอ่ สู้กนั เพียงไม่ถึงหนึง่ นาที กลับทาลายผาดาวตกไปไม่
น้ อย รอยแตกน้ อยใหญ่แผ่ลามทัว่ บริ เวณ พื ้นผิวกลายเป็ นเศษชิ ้น
ปลิวว่อนกระจาย
คนทังสี
้ ่ประมือกันในท่าสุดท้ าย เหยียนเทียนเว่ยดิ่งร่างผ่านทัง้
สามคนลงมาหยุดยืนบนพื ้น เหยียนชิงหงและอีกสองคนลอยร่าง
ตามลงมา หยุดยืนอยูไ่ ม่หา่ งจากเขา บุคคลที่บรรลุขอบเขตเทวะ
ย่อมบินเหนืออากาศได้ อย่างอิสระ ยังดีที่การเปรี ยบมือครัง้ นี ้พวก
เขายังมื
้ อไว้ แม้ วา่ จะทาให้ ผ้ ทู ี่มีพลังอ่อนแอบางคนบาดเจ็บหนัก
แต่พวกเขาก็โทษได้ เพียงตัวเองที่ออ่ นด้ อยพลังเท่านัน้ สี่เทวะ
เผชิญหน้ ากัน ผู้ใดจะกล้ าอยูใ่ กล้ รัศมีพลังที่พวกเขาต่อสู้

หลังจากเทพทังสี ้ ่หยุดลงบนพื ้น ใบหน้ าพวกเขาฉายแววแห่ง


ความสุข เหยียนชิงหงลูบเคราขาวและกล่าวอย่างอ่อนโยน “เทียน
เว่ย แม้ ครัง้ นี ้ไม่ได้ ส้ กู นั จริ งจังเท่าใด ไม่อาจเพลิดเพลินได้ เต็มที่
แต่เจ้ ากับข้ าต่างรู้ดี ว่าหากพวกเราสามคนร่วมมือกัน การหวังรู้
ผลแพ้ ชนะนัน้ เกรงว่าสามวันสามคืนก็ยากที่จะรู้ผล”

เหยียนเทียนเว่ยตอบกลับด้ วยรอยยิ ้มเช่นกัน “เป้าหมายวันนี ้


ลุลว่ งแล้ ว หากวันหน้ าเจ้ านายจัดการธุระสาคัญจนเสร็ จ พวกเรา
ค่อยกลับไปที่ถิ่นฐานแล้ วสู้กนั สามวันสามคืนให้ หนาใจ”
คนทังสี้ ่ยืนอยูก่ ลางสนาม สายตาโดยรอบมองพวกเขาจดจ่อ เวลา
นี ้ พวกเขาต่างรู้สกึ สงสัยคับแน่น....ว่าคนเหล่านี ้เป็ นใครกันแน่!

ขณะที่ยงั ตะลึง พวกเขาก็พบว่าเทพกระบี่ฉ่ชู างหมิงหายตัวไปแล้ ว


บางทีเขาอาจปกปิ ดตัวเอง หรื อบางที....เขาอาจพลันพบบางสิ่ง
แล้ วเร่งหาที่สงบเพื่อทาความเข้ าใจ

“ท่าน....ผู้เยี่ยมยุทธทังหลาย
้ ไม่ทราบพวกท่านมีนามเรี ยกว่าเช่น
ไร?” หวูซ่ านซื่อออกมาจากหลังหินใหญ่ที่ปริ แตกจากคลื่นพลัง
เขาถามสี่คนนันด้
้ วยคาถามที่ทกุ คนอยากรู้ สายตาไล่มองทีละคน
จดจาลักษณะหน้ าตาของพวกเขาไว้ และในที่สดุ ก็หยุดลงที่เห
ยียนเทียนเว่ย ในช่วงชีวิตนี ้ ในที่สดุ เขาก็ได้ พบคนที่แข็งแกร่งยิ่ง
กว่าบิดาตน

“นามเรี ยก? ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ อย่าใส่ใจกับมันนักเลย ก็แค่ชื่อที่ไม่คอ่ ยได้


ใช้ ที่จาเป็ นต้ องจามีเพียงสิ่งเดียว นัน่ คือพวกเราเป็ นข้ ารับใช้ ที่
ภักดีตอ่ เจ้ านาย” เหยียนเทียนเว่ยตอบกลับสุภาพ หากคากล่าว
นันสะเทื
้ อนฟ้าจนทุกคนแทบไม่อยากเชื่อหู

มีพลังเหนือล ้าเกินขีดความเข้ าใจ บุคคลผู้บรรลุขอบเขตเทวะขัน้


สูงสุด.... กลับเรี ยกตนเองว่าเป็ นข้ ารับใช้ !

สี่เทวะร่วงลงจากฟ้า กลับเป็ นข้ ารับใช้ ของคนผู้หนึง่ !

แล้ วเจ้ านายของพวกเขาจะน่ากลัวขนาดไหน!

หากสามอาวุโสแห่งสานักจักรพรรดิเหนือกลับยิ่งตกตะลึงจนไม่
อาจกล่าวคา ยอดฝี มือขอบเขตเทวะสี่คน ขุมกาลังนี ้ไม่ใช่สิ่งที่
พวกเขาจะกล้ ายัว่ ยุง่ายๆ คนพวกนี ้มาจากไหน....เหตุใดสานัก
จักรพรรดิเหนือที่สง่ คนกระจายอยู่ทวั่ โลก กลับไม่เคยรู้จกั ขุมกาลัง
น่าหวาดหวัน่ นี ้

พวกเขาเริ่ มรู้สกึ ถึงความกดดันหนักหน่วงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน นี่


เกินความคาดหมายอย่างสิ ้นเชิง เหนือล ้าจนพวกเขาแตกตื่นแทบ
ไม่อาจควบคุม
“เช่นนัน....ไม่
้ ทราบว่าเจ้ านายผู้สงู ส่งของพวกท่าน มีนามว่าเช่น
ไร?” หวูซ่ านซื่อถาม

เหยียนเทียนเว่ยเคลื่อนสายตาออก กล่าวด้ วยสีหน้ าราบเรี ยบ


“นามแห่งราชันของพวกเรา หากเจ้ ามีวาสนาก็จะได้ ร้ ูเอง แต่หาก
ไม่ เช่นนันก็
้ คือเจ้ าไม่คคู่ วรที่จะรู้ ”

หวูซ่ านซื่อแววตายังคงปรารถนา หากเขานิ่งเงียบและไม่เอ่ยถาม


อีก เขามีบิดาที่เป็ นเทวะเช่นกัน เป็ นตัวตนดัง่ ขุนเขาพันมายาที่
ผู้คนไม่กล้ าเหยียบเท้ าเข้ าไป ผู้คนได้ แต่มองมาจากที่หา่ งไกล เขา
เติบโตใต้ ร่มเงาและชื่อเสียงของบิดา ยามเผชิญหน้ ากับผู้
แข็งแกร่งจึงสงบยิ่ง เพราะเขาเชื่อว่าโลกนี ้ไม่มีผ้ ใู ดที่แข็งแกร่งเกิน
บิดาตนเอง

ทว่ายามอยูต่ อ่ หน้ าเหยียนเทียนเว่ย เขารู้สกึ ถึงพลังกดดันที่ไม่


อาจต้ านทาน ได้ แต่ถอนหายใจและถอยออกไป
บิดากับปู่ และอีกสองปู่ ย่า ได้ สาแดงพลังบรรลุเป้าหมายในงาน
ชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน เหยียนกงรั่วไม่เก็บอาการอีก
ต่อไป นางกระโดดโผล่ออกมาและตะโกนเสียงหวาน “ท่านปู่ ท่าน
พ่อ รบกวนพวกท่านช่วยควักลูกตานักบวชโสโครกนัน่ ให้ ที....มัน
กล้ าบังอาจใช้ สายตาแบบนันมองข้
้ า! ข้ าคือสตรี ของพี่นายท่าน
นะ!”

เจ้ าคิดเจ้ าแค้ น แทบจะเป็ นสัญชาตญาณพื ้นฐานของสตรี และ


จากคาพูดของเหยียนกงรั่ว พวกเขารู้ทนั ทีวา่ นางหมายถึงนักบวช
ไร้ บปุ ผาที่ใช้ สายตาแทะโลมนางก่อนหน้ า

เหยียนกงรั่วจะก่อปั ญหาเช่นไร เดิมทีพวกเขาไม่สน แต่ตอนนี ้ด้ วย


คาพูดสุดท้ ายของนาง พวกเขาไม่สนไม่ได้ แล้ ว สายตาหลายคู่
ซับซ้ อนมองมา สาหรับพวกเขา จอมราชันคือบุคคลที่ไม่วา่ ผู้ใดก็
ห้ ามหมิ่นหยาม

นักบวชไร้ บปุ ผาชื่อเสียงฉาวโฉ่ในอาณาจักรคุยชุย ทว่าเขาก่อ


เรื่ องมากมายโดยไม่มีใครกล้ าแตะต้ อง แม้ เขามีร่างที่อ้วนเตี ้ย แต่
พลังลมปราณแกร่งกล้ าอย่างยิ่ง กระบี่ธรรมดาไม่อาจฝากรอย
แผลกับเขา และพัดใบไม้ หกั ๆที่อยูใ่ นมือนัน้ ซ่อนอาวุธลับเอาไว้
หลายอย่าง ยามเมื่อปะทะศัตรู เข็มพิษจะถูกยิงออกมาอย่างเงียบ
เชียบ ทาให้ ยากต่อการป้องกัน

ทว่าต่อให้ เขาแข็งแกร่งกว่านี ้อีกสิบเท่า ก็ไม่อาจอยู่ในสายตาของ


เหยียนเทียนเว่ย เพียงคลื่นพลังของเทวะทังสี ้ ่คน เลือดลมเขาก็
ปั่ นป่ วนจนแทบกระอักออกมา เวลานี ้ อกเปลือยเปล่าของเขา
กาลังถูกสี่เทวะจับตรึงกลิ่นอาย พลังกดดันเกินจินตนาการ น่า
กลัวจนแทบไม่อาจกระดิกนิ ้ว กลัวจัดจนแทบไม่อาจหายใจ

ฟวี ้....

เหนือท้ องฟ้าเกิดเสียงบางที่แทบไม่อาจสัมผัส แต่ไหนเลยคน


เหล่านี ้จะสัมผัสถึงเสียงผิดปกติไม่ได้ พวกเขาแหงนศีรษะมองฟ้า
ทันที ทว่า....ท้ องฟ้าว่างเปล่าอย่างเห็นได้ ชดั ไร้ สิ่งใดแม้ แต่น้อย
เพราะเมื่อครู่เมฆหมอกถูกคลื่นพลังเทวะปั ดเป่ าจนสิ ้น
แต่เสียงนี ้ ไม่ใช่หแู ว่วไปเองแน่ๆ

พวกเหยียนเทียนเว่ยทังสี ้ ่คนถอนพลังกลับ ราวกับนัดกันมาไม่ติด


ตรึงพลังไว้ ที่ร่างของนักบวชไร้ บปุ ผาอีก ทาให้ มนั ถอยหลังโงนเงน
ไปข้ างหลังสองสามก้ าว แทบจะร่วงล้ มลงกับพื ้น

“ผู้ใด!!”

อาวุโสสองแห่งสานักจักรพรรดิเหนือปราดตาราวกับเหยี่ยว จ้ อง
ตรงไปบนฟ้า จากนันติ้ ดตามการคารามก้ องของเขา ทุกคนเคลื่อน
พลังไปที่สองดวงตา เพ่งมองอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่า....ที่บน
ฟ้าสูงลิบจนไม่อาจจินตนาการ พวกเขาเห็นเงาร่างเล็กๆ และ
หัวใจต้ องเต้ นกระหน่าบ้ าคลัง่ อีกครัง้

บินอยูเ่ หนือฟ้า ผู้บรรลุพลังเทวะย่อมกระทาได้ โดยง่าย รวมถึง


บางคนที่ฝึกฝนทักษะพิเศษ อาจสามารถแหกกฎฝื นบินได้ เมื่อมี
พลังขอบเขตวิญญาณขันปลาย ้ ทว่า....ไม่มีใครเคยได้ ยินหรื อเคย
คิดเลยว่า จะมีบคุ คลที่สามารถบินอยูไ่ ด้ ในระดับสูงน่ากลัวถึง
เพียงนี ้

ยากยิ่งที่จะบินได้ และยิ่งสูงก็ยิ่งยาก หากความยากไม่ได้ เพิ่มขึ ้น


เป็ นเส้ นตรง แต่ยากขึ ้นแบบเพิ่มทวี ตาแหน่งที่เงานันลอยอยู
้ ส่ งู
ลิบลิ่วจนพวกเขาไม่อยากเชื่อ ด้ วยความสูงเช่นนี ้ทาให้ เหล่ายอด
ฝี มือระดับสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉินไม่อาจตรวจพบตังแต่ ้ เริ่ มงาน
จนถึงตอนนี ้

พวกเขาอยากเชื่อมากกว่าว่านัน่ ไม่ใช่มนุษย์.... แต่ถ้าหากนัน่ คือ


มนุษย์ เขาจะเป็ นผู้ใด.... หรื อจะเป็ นสุดยอดฝี มือขอบเขตเทวะอีก
คน? ด้ วยความสูงเช่นนี ้ บางทีอาจมีเพียงเทพแท้ จริ งเท่านันที
้ ่ทา
ได้

ดวงตาที่สงสัยของอาวุโสสองในที่สดุ ก็ได้ คาตอบ พลันมีเส้ นสีแดง


พุง่ ลงมาจากเงาร่างนันที
้ ่เล็กจ้ อยแทบไม่อาจมองเห็นนัน้
เป้าหมายอยูท่ ี่นกั บวชไร้ บปุ ผาที่กาลังเงยศีรษะขึ ้น

กระแสอากาศดิ่งลงมาจากเบื ้องบน ยังไม่เข้ าใกล้ ก็สมั ผัสถึงความ


น่ากลัวคล้ ายร่างกายถูกทิ่มแทง นักบวชไร้ บปุ ผาไม่มีเวลาให้
คิดถึงเหตุผลที่ถกู โจมตี เขาหมุนร่างเหวี่ยงแขนโบกพัดในมือขวา
เตรี ยมเข้ าปะทะกับลาแสงสีแดง

ลาแสงสีแดงปะทะเข้ ากับพัดหัก หลังจากเกิดเสียงปะทะดังสนัน่


นักบวชไร้ บปุ ผาก็โซเซถอยหลังไปสองก้ าว พัดในมือสัน่ เทิ ้มอย่าง
ไม่อาจควบคุม เขาไร้ เวลาให้ คิดและยกพัดขึ ้นมา หากต้ องตกใจ
เมื่อพบว่าพัดที่ไม่เสียหายมานับสิบปี กลับถูกเจาะเป็ นรูเท่าข้ อนิ ้ว
จานวนมาก

และลาแสงสีแดงนันเมื
้ ่อปะทะกับการป้องกันของเขาก็หายไปสิ ้น

เปลี่ยนปราณให้ เป็ นศร! ผู้คนอุทานร้ องในใจ นอกจากเหตุผลข้ อนี ้


ก็ไม่มีสิ่งใดอธิบายเรื่ องประหลาดของลาแสงแดงที่หายไป และคน
ที่เรี ยกตัวเองว่า “เซี๋ยกงลัว่ ” ก็เพิ่งแสดงให้ พวกเขาเห็น ทว่า...นี่คือ
ศรจริ งๆหรื อ เหตุใดจึงมีสีแดงก่าเช่นนัน?

ตอนที่ 302 จักรพรรดิมาร , หนึ่งศรสะเทือนฟ้ า (1)

“นัน่ ใคร!!”

นักบวชไร้ บปุ ผาตะโกนอย่างโกรธขึ ้ง ศรปราณร่วงจากฟ้าตรงใส่


ศีรษะเขาอีกครัง้ หากครัง้ นี ้เขาไม่ได้ ต้านรับแต่เบี่ยงร่างหลบ
สายตาเกรี ย้ วกราดจับจ้ องบนฟ้า

เหยียนกงรั่วกาลังจะส่งเสียงตะโกนตื่นเต้ น ทว่ากลับถูกเหยียนชิว
ชาส่งสายตาปรามไว้ เหยียนกงรั่วจึงได้ แต่ขม่ อารมณ์อย่าง
ยากลาบาก หากแววตาสองข้ างยังคงเป็ นประกาย

เวลานี ้ ในห้ วงคานึงของผู้คนมีแต่ภาพตรงหน้ า ด้ วยพลันมีร่างสี


เงินปรากฎต่อสายตา ลอยต่าอยูเ่ หนือพื ้นดิน เส้ นผมสีดา ,
หน้ ากากเงิน , และชุดสีเงิน

ร่างที่ปรากฎตรงหน้ า ทาให้ บรรยากาศเปลี่ยนไปฉับพลัน เครื่ อง


แต่งกายนี ้คือสัญลักษณ์ของบุคคลผู้น่าหวาดหวัน่
“จักร....จักรพรรดิมาร!!”

“หน้ ากากเงิน , ชุดสีเงิน คนผู้นี ้คือจักรพรรดิมารในตานานไม่ผิด


แน่ แต่วา่ ธนูนนั่ ....”

ธนูยกั ษ์ สีเพลิงปรากฎอยู่ในมือจักรพรรดิมาร มันมีสีแดงก่า เป็ นสี


ของโลหิตที่สว่างจ้ า ราวกับคันธนูนนอาบชะโลมด้
ั้ วยโลหิต พร้ อม
ที่จะหยดลงทุกเวลา และขนาดใหญ่โตของมันทาให้ ผ้ คู นไม่อา
จอดคิดได้ วา่ นัน่ คือปากปี ศาจที่พร้ อมจะกัดกลืนผู้คน....

น่ากลัว! ลักษณะที่ปรากฎทาให้ พวกเขาขนลุกไปทัว่ ร่าง

เป็ นจักรพรรดิมาร อย่างไม่ต้องสงสัย!

จักรพรรดิมารหยุดยืนอยูบ่ นพื ้นสูงและทอดตามอง ด้ วยธนูสีเลือด


ที่ถืออยูใ่ นมือ ศรแดงที่ยิงออกมาเมื่อครู่ การปรากฎตัวที่ราวกับ
ภูติผี.... ผู้คนที่พบจักรพรรดิมารล้ วนตกตะลึงหน้ าถอดสี ผู้ที่เพิ่ง
พบเห็นเป็ นครัง้ แรกเกิดเงาทะมึนฝังใจ

พลังของจักรพรรดิมาร บางผู้คนกล่าวว่าพลังของเขาไม่อาจหยัง่
ทราบ เปรี ยบเทียบไม่ตา่ งจากเหล่าคนที่เหยียบย่างเข้ าสูว่ ิถีเทวะ
พลังแท้ จริ งของเขาไม่อาจอ้ างคาเล่าลือใดมาเปรี ยบเทียบได้
เพราะทุกคนที่เคยต่อสู้กบั จักรพรรดิมารล้ วนตกตายหมดสิ ้น
กระทัง่ ซากศพยังไม่เหลือ ไม่มีข้อยกเว้ นใดๆ นามอันน่ากลัวนี ้
กระจายฝังอยูใ่ นสายเลือดอย่างรวดเร็ว

หากจักรพรรดิมารเป็ นเพียงปี ศาจกระหายเลือดที่ทรงพลัง นัน่ คง


ไม่พอสร้ างความหวาดหวัน่ แก่ผ้ คู น แต่สองตระกูลเวทย์อนั
ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรต้ าฟงถูกทาลายราบสิ ้น นาพาความ
หวาดกลัวอย่างสูงสุด เหล่ายอดฝี มือชื่อดังต่างไม่กล้ าล่วงล ้า
จักรพรรดิมาร นายน้ อยตระกูลชางกวนแห่งต้ าฟงตกตายด้ วย
น ้ามือจักรพรรดิมาร ทว่าตระกูลชางกวนไม่เคลื่อนไหวเอาความ
ใดๆแม้ แต่น้อย ทังไม่
้ กล้ าคิดและไม่กล้ าทา เพราะหากไม่อาจ
อดทนกับเรื่ องนี ้ ตระกูลชางกวนคงได้ เผชิญหน้ ากับการล้ างบาง
สิ ้นตระกูล กระทัง่ ตระกูลเวทย์อนั ยิ่งใหญ่ของต้ าฟงยังเป็ นถึงเพียง
นี ้ ดังนันจึ
้ งไม่ต้องกล่าวถึงคนทัว่ ไป จักรพรรดิมารไม่เพียงเป็ นคน
ผู้หนึง่ เท่านัน้ แต่เบื ้องหลังยังมีขมุ กาลังลึกลับ จากตานานที่กล่าว
ไว้ นอกเหนือจากสานักจักรพรรดิใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือ ก็มี
อีกหนึง่ สานักมารที่ไม่มีผ้ ใู ดกล้ ากระตุ้นยัว่

หากจะว่าไปแล้ ว.... ผู้คนที่อาศัยอยูน่ อกอาณาจักรพรรดิต้าฟง คง


ไม่อาจเข้ าใจความน่ากลัวของจักรพรรดิมารได้ เทียบเท่าผู้คน
ของต้ าฟง บางขุมกาลังที่สงั่ สมอานาจมานับพันปี ยงั ไม่อาจน่า
กลัวได้ ถึงขนาดนี ้

เขามาในวันนี ้ เห็นได้ ชดั ว่าเพื่อชิงตาแหน่งผู้แกร่งกล้ าที่สดุ ในโลก


.... ทว่าผู้ใดจะกล้ าสู้กบั เขา? หากชนะเขาได้ ก็นบั ว่าดี แต่หากแพ้
ก็อาจตายไม่เหลือซาก! และยิ่งเมื่อครู่เขาลอยสูงลิ่วอยูบ่ นฟ้า
ผู้คนก็ยิ่งไม่กล้ าสู้กบั เขา

ทันใดนันอากาศเย็
้ นเยียบลงเล็กน้ อย ในอากาศเต็มไปด้ วยกลิ่น
อายทิ่มแทง จักรพรรดิมารเป็ นเพียงคนผู้หนึง่ ทว่าบรรดายอด
ฝี มือชันสู
้ งนับร้ อยกลับไม่กล้ าท้ าเขา พลังที่เขาแผ่ออกมาปกคลุม
ทัว่ บริ เวณ กลิ่นอายเย็นเชียบเบาบางที่แผ่ออกมานัน้ เพียงพอ
แล้ วที่จะบอกพวกเขาว่านี่คือตัวตนแบบไหน

ในอีกฝั่งหนึง่ เหยียนซีหมิงหยัดร่างอ่อนแอนัง่ พิงผนังหิน เขา


บาดเจ็บหนักด้ วยสองศรปราณของเหยียนกงลัว่ ยังดีที่ตอนนี ้เขา
ปลอดภัย ทว่าความเจ็บปวดบนร่างกายและจิตใจยังคงไม่ลดลง
เขาเกิดในสานักจักรพรรดิเหนือ ตังแต่ ้ เด็กจนโตคุ้นชินกับความ
ยิ่งใหญ่ รู้วา่ ตนเองคูค่ วรที่เรี ยกว่า “ราชัน” แห่งโลกหล้ า เขา
ปรากฎตัวต่อหน้ าผู้คนเพียงน้ อยครัง้ และในวันนี ้ เขากับสี่อาวุโส
เดินทางมางานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินเพื่อแสดงฝี มือ แต่
คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงต่อสู้ครัง้ แรกก็ต้องพ่ายแพ้ หมดสภาพ ทังคนผู ้ ้
นันยั
้ งอายุไม่มากไปกว่าเขา

จิตใจถูกทาลายอย่างหนัก ไหนเลยเขาจะยอมรับได้

เมื่อจักรพรรดิมารปรากฎตัว เหยียนซีหมิงลืมตาสองข้ างขึ ้นทันที


มองสารวจจักรพรรดิมารไม่ละตา แววตาสัน่ ไหวไม่หยุดเมื่อพลัน
ตระหนักถึงคันศรที่อยูใ่ นมือจักรพรรดิมาร เพราะนัน่ คือสิ่งที่สานัก
จักรพรรดิเหนือตามหามานับพันปี และมีเพียงไม่กี่คนในสานัก
จักรพรรดิเหนือที่ร้ ูจกั ลักษณะของมัน เพราะมันคือคันศรบาปวิบตั ิ
ของสานักจักรพรรดิเหนือ!

“จับมัน.... ใช้ ทกุ อย่างที่มีอย่าได้ ลงั เล! สิ่งที่อยูใ่ นมือมัน....คือคัน


ศรเป่ ยตี ้!” พลังเพลิงวิญญาณในร่างปั่ นป่ วน เหยียนซีหมิงข่มกลัน้
ความเจ็บปวดที่แผ่ร้าว ส่งน ้าเสียงอ่อนแอให้ แก่สามอาวุโส สาม
อาวุโสคุมกฎร่างกายสัน่ สะท้ าน แววตาสัน่ ไหวต่อเนื่องตามกัน

จักรพรรดิมารยกคันศรในมือขึ ้น มือขวาน้ าวสายธนูที่ไม่มีผ้ ใู ด


มองเห็น ระหว่างที่น้าวสายธนู ศรแดงที่ไม่ทราบที่มาก็พลัน
ปรากฎพาดคันธนู มันส่งแสงประกายบาง และชี ้เล็งไปที่นกั บวชไร้
บุปผา

นักบวชไร้ บปุ ผาเค้ นศีรษะแทบแตกก็ไม่อาจคิดออกว่าไปล่วงเกิน


จักรพรรดิมารตอนไหน ทว่าเขาพลันนึกออกถึงสิ่งหนึง่ คือข่าวลือ
ที่วา่ สานักมารมักกาจัดบุคคลที่ทาเรื่ องชัว่ ช้ า สีหน้ าของเขาจึง
ทะมึนลง ไม่คิดพูดมากหรื อหลบหนี ตรงกันข้ ามเขาเริ่ มขยับตรง
เข้ าหาจักรพรรดิมาร การคิดคลี่คลายด้ วยถ้ อยคาหรื อหลบหนี
ล้ วนเป็ นเรื่ องน่าขัน พลังของศรแดงสองลูกที่ยิงออกมาเมื่อครู่ ทา
ให้ เขาพอเข้ าใจถึงพลังของจักรพรรดิมาร ความกลัวในใจจึงลดลง
หลายส่วน

“ช้ าก่อน!!”

มีเสียงตะโกนดังขึ ้นสามสาย สามอาวุโสทะยานร่างออกมาพร้ อม


กัน พวกเขาล้ อมร่างจักรพรรดิมารไว้ อาวุโสสองก้ าวออกมา “เจ้ า
คือจักรพรรดิมาร? ไม่วา่ เจ้ าจะเป็ นใคร นี่คืองานชุมนุมยุทธเวทย์
แห่งเทียนเฉิน ที่ซงึ่ ยอดฝี มือแห่งโลกหล้ ามารวมกัน ทุกคนต้ องทา
ตามกฎของที่นี่ มิเช่นนันจะถื
้ อเป็ นศัตรูของโลก ที่นี่ทาได้ เพียงท้ า
ประลองเปรี ยบฝี มือ ไม่อาจใช้ ฉกฉวยโอกาสแก้ แค้ น เจ้ ากลับลอบ
โจมตีจากฟ้าทาลายกฎของงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน ใน
ฐานะพยานและผู้ควบคุมของงานชุมนุมครัง้ นี ้ พวกเราจะจัดการ
กับเจ้ าเอง”

เกิดสนามพลังเย็นเยียบเมื่อกระบี่ถกู ดึงออกมา ภายใต้ ความสงบ


จริ งจังของอาวุโสทังสามกลั
้ บเป็ นหัวใจที่เต้ นกระหน่า สายตาติด
ตรึงบนคันศรเป่ ยตี ้ เป้าหมายของสานักจักรพรรดิเหนือคือตามหา
คันศรเป่ ยตี ้และเจ้ านายของมัน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสานัก
จักรพรรดิเหนือก็ไม่คิดสนใจใน “ลิขิตชะตา” ที่เสมือนเป็ นเพียงคา
เล่าลือนี ้อีกต่อไป เมื่อเกลือกกลัวอยู
้ ใ่ นเรื่ องทางโลก วันนี ้สานัก
จักรพรรดิเหนือจึงเสื่อมทรามลง พอได้ เห็นคันศรเป่ ยตี ้จึงความ
โลภกระสันต์ เพราะนี่อาวุธของเทพสูงสุดของพวกตนที่สญ ู หาย
มานาน หากสามารถนามันกลับมาได้ สานักจักรพรรดิเหนือย่อม
แข็งแกร่งขึ ้นอย่างเหนือประมาณ และไม่จาเป็ นต้ องหวัน่ เกรง
แม้ กระทัง่ สานักจักรพรรดิใต้

ทว่า....สานักจักรพรรดิเหนือต้ องต่อสู้ถวายชีวิตให้ กบั นายแห่งคัน


ศรเป่ ยตี ้อย่างนันหรื
้ อ? สาหรับพวกเขาแล้ ว นี่เป็ นเรื่ องน่าหัวร่อ
อย่างยิ่ง สืบทอดพลังมานับพันๆปี สัง่ สมอานาจเอาไว้ เพียงใด
เพียงเพื่อศรคันเดียวกลับจะยกทุกสิ่งให้ คนนอก? คงมีแต่คนบ้ าไร้
ทางเยียวยาเท่านันที
้ ่ทาเช่นนี ้

เหยียนซีหมิงและสามอาวุโสคุมกฎเมื่อเห็นคันศรเป่ ยตี ้ในมือ


จักรพรรดิมาร ความคิดแรกคือการแย่งชิง ไม่มีความคิดถวาย
ความภักดีตอ่ เจ้ านายคันศรเป่ ยตี ้แม้ แต่น้อย ในใจกลับมีแต่
เจตนาฆ่าฟั น คล้ ายกับตอนที่เย่หวูเฉินเสนอข้ อแลกเปลี่ยนกับ
สานักจักรพรรดิใต้ ที่เพียงกล่าวถึงกระบี่หนานฮวงและไม่กล่าวถึง
เจ้ านายของมัน สานักจักรพรรดิใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือเสื่อม
โทรมลงจนถึงขันละทิ
้ ้งภารกิจของตน แทนที่ด้วยความโลภและ
ทะยานล ้า

สามไอปราณติดตรึงที่ร่างของจักรพรรดิมาร การโจมตีของ
จักรพรรดิมารต่อนักบวชไร้ บปุ ผาทาให้ พวกเขามองทะลุแจ่มแจ้ ง
เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะได้ ทนั ลงมือ ก็มีเสียง
คารามก้ องเสียดหูดงั ขึ ้น “ผู้ใด....กล้ า....ทาร้ าย....ราชัน....ของ
ข้ า!!”

เหยียนชิงหงผู้ออ่ นโยนตวาดลัน่ อย่างโกรธเกรี ย้ ว คลื่นพลังแกร่ง


กล้ าส่งร่างม้ วนไปอยูเ่ บื ้องหน้ าจักรพรรดิมาร สนามพลังที่สาม
อาวุโสแผ่ไว้ แตกทาลายทันที พวกมันถอยร่างไปหลายก้ าวด้ วย
สายตาโง่งม เหยียนชิงปิ งตามมาอย่างรวดเร็วและหยุดยืนที่ข้าง
เหยียนชิงหง ดวงตาชรายามนี ้กราดเกรี ย้ วจนผู้คนไม่กล้ าสบมอง
โดยตรง “ทาร้ ายราชันของข้ า สมควรตายไม่เหลือซาก!”

มีสองเงาทะมึนปรากฎข้ างกายจักรพรรดิมาร สายตาสงบมอง


กดดันสามอาวุโสที่เพิ่งทาความคุกคาม น ้าเสียงไร้ อารมณ์กล่าว
ออกมา “ล่วงเกินนายข้ า ความผิดเท่ากับตาย”

เป็ นเหยียนต้ วนชางและเหยียนชิวชาที่เคลื่อนร่างมาตามกัน หยุด


ยืนอยูส่ องข้ างของจักรพรรดิมาร เหยียนต้ วนชางขมวดคิ ้วแน่น
ใบหน้ าดุร้ายกราดเกรี ย้ ว “พวกเจ้ าลองเข้ ามาอีกครัง้ สิ”

เหยียนกงลัว่ ทะยานร่างแล่นมาอยูข่ ้ างๆเหยียนต้ วนชาง แค่นเสียง


เย็นกล่าว “ผู้ใดกล้ าทาร้ ายเส้ นผมของนายข้ า ข้ าจะสังหาร
ครอบครัวมันให้ สิ ้น....ต่อให้ เป็ น ‘สานักจักรพรรดิเหนือ’ ข้ าก็จะ
ล้ างบางมันทังส้ านัก!”

ยังมีอีกร่างหนึง่ สีดาลิ่วมาหยุดอยูเ่ บื ้องหน้ าจักรพรรดิมาร ในมือ


ถือกระบี่สนส่
ั ้ งประกายสีเขียวจาง เล่งหยาที่เพิ่งฟื น้ คืนพลังได้
เพียงเล็กน้ อยไม่กล่าวคาใด หากสีหน้ าทะมึนและสายตาเย็น
เชียบนันได้
้ บง่ บอกความหมายออกมาแล้ ว

สามอาวุโสคุมกฎแข็งทื่อตะลึงงัน ยอดฝี มือแห่งทวีปเทียนเฉิน


ล้ วนโง่งมอยูต่ รงนัน้ ฉู่จิงเทียนจ้ องค้ างดุจตาวัว ปากอ้ ากว้ างเนิ่น
นานไม่อาจหุบลง
ตอนที่ 303 จักรพรรดิมาร , หนึ่งศรสะเทือนฟ้ า (2)

บรรยากาศเงียบงันเหมือนป่ าช้ า จักรพรรดิมารค่อยๆลอยร่างขึ ้น


ไร้ สว่ นใดขยับเคลื่อนไหว ราวกับว่าร่างกายเลื่อนขึ ้นเอง เขาจับคัน
ศรด้ วยมือซ้ าย น้ าวสายด้ วยมือขวา ศรสีโลหิตปรากฎพาด
ระหว่างสายอีกครัง้ มันค่อยๆขยายขนาด จากสีแดงจางค่อยๆ
สว่างขึ ้น ทันใดนันกระทั
้ ง่ คันศรยังเจิดจ้ าจากแสงโลหิต

“กฎ....โลกนี ้ไม่วา่ กฎใดก็ไม่อาจบังคับเราจักรพรรดิ นัน่ ก็เพราะ


....กฎทังหมดในโลกนี
้ ้....คือเราจักรพรรดิเป็ นผู้บญ
ั ญัติ และพลังที่
อยูใ่ นมือเราจักรพรรดิคือกฎสูงสุด....”

เสียงแหบพร่าล ้าลึกเปล่งออกพร้ อมจักรพรรดิมารที่ลอยร่างขึ ้น


ช้ าๆ เมื่อสิ ้นเสียงลง เขาก็ลอยอยูเ่ หนืออากาศกว่าสิบเมตร ในมือ
นันคั
้ นศรเป่ ยตี ้เปล่งแสงโลหิตฉาบทาทัว่ บริ เวณ แม้ จะอยู่ห่างไกล
ก็ยงั คงได้ กลิ่นคาวเลือด

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านันก็
้ คือ ศรโลหิตที่มีขนาดขยายใหญ่ขึ ้นเรื่ อยๆ ทา
ให้ เหล่ายอดฝี มือหัวใจเต้ นระส่าด้ วยพลังน่าหวาดหวัน่ ของมัน

ซวี่~~~~~~

รัศมีแสงโลหิตดับวับในฉับพลัน พร้ อมกับศรแดงระยับพุง่ ออกจาก


คันศร ราวกับดาวตกที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้า

เวลานี ้ ราวกับว่าความรู้สกึ จบสิ ้นได้ มาถึง

เพียงศรแสงถูกปล่อยออกมา สายตาผู้คนกลับดับลงอย่างคาดไม่
ถึง กระทัง่ สัมผัสการได้ ยินยังดับลง รอบร่างไร้ สรรพเสียงใด ใน
สายตามีเพียงแสงโลหิตเจิดจ้ า สว่างงามตัดฟ้ามาสูป่ ฐพี เส้ นทาง
ที่มนั พุง่ ลงมานัน้ ใกล้ พวกเขาเข้ ามาทุกขณะ....

เปรี ย้ ง!!!!!

ในพริ บตา พวกเขาก็ฟืน้ กลับสัมผัสการได้ ยิน ทว่าในชัว่ ขณะที่


สัมผัสการได้ ยินกลับมานัน้ กลับเป็ นเสียงดังลัน่ ดัง่ สวรรค์ถล่มจน
หูดบั ไปชัว่ ครู่ ในรัศมีหลายสิบลี ้ล้ วนได้ ยินเสียงราวอัสนีฟาด

สูญเสียสัมผัสการได้ ยินสองครัง้ ครัง้ แรกคือพลังเหนือล ้าของศร


ธนูเป่ ยตี ้แหวกอากาศ เกิดสุญญากาศกางกันเสี ้ ยง ครัง้ ที่สองคือ
เสียงระเบิดสะเทือนลัน่ จนพื ้นใต้ เท้ าสัน่ ไหว ทัว่ ทังที
้ ่ราบสัน่ ไหวไป
ชัว่ ขณะ

เมื่อสัมผัสการได้ ยินกลับคืนมา จักรพรรดิมารยังคงลอยนนิ่งอยู่


กลางอากาศ มีเพียงคันศรโลหิตในมือที่กลับคืนสูส่ ีปกติ ทว่าเมื่อ
มองลงไปที่ใต้ เท้ า สายตาผู้คนก็ต้องหดวูบลงอย่างไม่อาจควบคุม
ราวกับว่าพวกเขาเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สดุ ในโลก

ตาแหน่งที่ศรโลหิตนันตกลง้ คือจุดที่นกั บวชไร้ บปุ ผายืนอยูเ่ มื่อครู่


ตอนนี ้ไร้ เศษซากใดๆของมันหลงเหลืออยู่ และแทนที่ด้วยหลุม
กว้ างขนาดสามเมตร และสิ่งที่แทบทาให้ ผ้ คู นหยุดหายใจ นัน่ คือมี
สองรอยแยกแตกจากปากหลุมลามไปจนจรดสองฝั่งของผาดาว
ตกที่อยูห่ า่ งไกล.... หากมองสองรอยแยกนี ้จากบนฟ้า จะเห็นน ้า
จากทะเลสาบทะลักเข้ ามาตามร่อง
ผาดาวตกที่สงู กว่าร้ อยจัง้ (333 เมตร) ผืนแผ่นที่เทพประทานพร
ในพริ บตากลับแตกออกเป็ นสองฟาก!!

สายลมหยุดลง อากาศหยุดนิ่ง ลมหายใจเงียบงันด้ วยทุกคนรัง้ ไว้

การต่อสู้ของยอดฝี มือขอบเขตเทวะสี่คน ยังไม่ง่ายนักที่จะทาให้


ผืนแผ่นเหนือผาดาวตกเกิดรอยร้ าว นัน่ ทาให้ ผ้ คู นทราบถึงความ
แข็งแกร่งไร้ ที่เปรี ยบของมัน แต่ศรที่จกั รพรรดิมารปล่อยออกจาก
มือนัน้ กลับเจาะผาดาวตกจนแตกออกเป็ นสองฝั่งทันที เทียบกับ
พลังไร้ ต้านของยอดฝี มือขอบเขตเทวะทังสี ้ ่คนแล้ ว นี่เป็ นพลัง
แกร่งกล้ าที่เหนือล ้ากว่านับสิบเท่า!!

“น่า....น่ากลัวเกินไปแล้ ว....” ชายชราผมขาวใส่ ‘เกราะแขนเหล็ก’


มีนามเลื่องระบือในอาณาจักรชางหลาน ยามนี ้แววตาแตกตื่น
และกล่าวด้ วยน ้าเสียงหวาดกลัว ด้ วยความสะเทือนครัง้ ใหญ่ ผู้
ชราอายุราว 70 ปี ผู้นี ้ยังต้ องตกตะลึงถึงวิญญาณ
“พลังอะไรกัน....”

“จักรพรรดิมาร.... หรื อนี่จะเป็ นพลังที่คนผู้หนึง่ สามารถ


ปลดปล่อยออกมา....น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ ว....”

“จักรพรรดิมาร สานักมาร....ไม่แปลกใจเลยที่เทพเซียนเหล่านัน้
ปรารถนาเป็ นข้ ารับใช้ ของเขา ด้ วยพลังเพียงนี ้ ใต้ หล้ ายังจะมีผ้ ใู ด
ที่สามารถต่อต้ าน!”

“จักรพรรดิมาร กลับแกร่งกล้ าถึงเพียงนี ้.... หรื อนี่จะเป็ นขอบขัน้


ในตานาน....ขอบเขตพลังเหนือเทพ!?”

สุ้มเสียงลอดออกมาจากปากแสดงถึงความแตกตื่นของผู้คนที่ไม่
อาจระงับ พลังของเหยียนเทียนเว่ยทาให้ พวกเขาเชื่อว่านี่คือพลัง
สูงสุดของเทวะ ทว่าหนึง่ ศรของจักรพรรดิมารกลับทาให้ ความ
เข้ าใจของพวกเขาพลิกตลบไปหมดสิ ้น

“กฎ....โลกนี ้ไม่วา่ กฎใดก็ไม่อาจบังคับเราจักรพรรดิ นัน่ ก็เพราะ


....กฎทังหมดในโลกนี
้ ้....คือเราจักรพรรดิเป็ นผู้บญ
ั ญัติ และพลังที่
อยูใ่ นมือเราจักรพรรดิคือกฎสูงสุด....”

ในความเงียบไร้ ที่เปรี ยบ ถ้ อยคาหยิ่งผยองของจักรพรรดิมาร


สะท้ อนในแก้ วหูของผู้คน หากตอนนี ้ไม่มีผ้ ใู ดคิดว่านี่หยิ่งผยองอีก
ต่อไป ด้ วยพลังน่าหวาดหวัน่ ถึงเพียงนี ้ ยังจะมีผ้ ใู ดกล้ าบอกว่าเขา
ไม่มีคณ
ุ สมบัติอีก....เพียงเฉพาะ “ข้ ารับใช้ ” ของเขา ก็เพียงพอ
อาละวาดไปทัว่ ทวีปเทียนเฉินแล้ ว

น่ากลัวเกินไป....เป็ นสี่คาที่สะท้ อนในสมองและหัวใจของเหล่า


ยอดฝี มือ เวียนวนดังซ ้าอยูเ่ ป็ นเวลานาน

“ว้ าว!! ฮี่ ฮี่ พี่นายท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านรี บลงมานี่เร็ วเข้ า....”


เหยียนกงรั่วตะโกนและวิ่งเข้ าไปหาด้ วยความดีใจ จักรพรรดิมาร
ชาเลืองมอง จากนันลอยร่ ้ างลงมาจากอากาศ เมื่อเท้ าแตะสัมผัส
พื ้น เหยียนกงรั่วก็มาถึงพอดี นางผวาร่างเข้ ากอดคอตะโกนและ
หัวเราะ คนคล้ ายปรารถนาโยนร่างทังตั ้ วเข้ าใส่เขา
ทว่าทันใดนันเอง
้ นางพลันสัมผัสถึงเหงื่อ ร่างกายที่ตนกอดไว้ ให้
ความรู้สกึ ที่ออ่ นแอ เหยียนกงรั่วยังไม่ลดรอยยิ ้มลง แต่ลอบสอด
แขนประคองเขาไว้ อยูข่ ้ างกาย สีหน้ าพึงใจมองยังเหล่ายอดฝี มือผู้
หวาดกลัวเพื่อบอกว่า ข้ าคือสตรี ของเขา

หนึง่ ศรทาลายผา พลังนี ้กระทัง่ เหยียนเทียนเว่ยยังไม่อาจทาได้


ง่ายๆ ทว่าหากตอนนี ้เอามือแตะจักรพรรดิมาร จะรู้ ทนั ทีวา่ เขา
แทบไม่เหลือพลังในร่าง บางทีเพียงผลักร่างเขาเบาๆก็อาจล้ มลง
แล้ ว เหยียนกงรั่วแสดงท่าท่างและลอบประคองเขาไว้ เงียบๆ

หนึง่ ศรสะเทือนฟ้า ทาให้ เหล่ายอดฝี มือในฉากไม่กล้ าลืมนามและ


ความน่ากลัวของจักรพรรดิมารอีกต่อไป ก่อนหน้ านี ้ เหล่าผู้คน
ต่างหยิ่งทรนง ภายในใจไม่เคยรู้สกึ ต่าต้ อยเช่นนี ้มาก่อน เพราะนี่
ไม่ใช่เพียงจักรพรรดิมาร แต่วนั นี ้พวกเขายังได้ เข้ าใจว่าสานักมาร
แข็งแกร่งเพียงใด

จักรพรรดิมารย่อมเป็ นคนของสานักมาร ทว่ายอดฝี มือขอบเขตเท


วะทังสี
้ ่ , เจ้ าคนผู้มีเนตรปี ศาจสังหารโลหิต , รวมถึงคนที่สามารถ
ยิงศรด้ วยปราณ ต่างเรี ยกขานเขาเป็ นเจ้ านายอย่างชัดถ้ อย ใน
ที่สดุ ผู้คนก็เข้ าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงใช้ คาว่า “เซี๋ย” เป็ นแซ่
เพราะเซี๋ยหรื อมารคือนามของสานักมาร!

“พวก....พวกเจ้ าทังหมด
้ หรื อว่าจะเป็ นคนของสานักมาร!” อาวุโส
สองแห่งสานักจักรพรรดิเหนือกล่าวคาอย่างขลาดกลัว สายตา
ของเขาตกลงที่รอยแยกของผาดาวตก ไม่อาจระงับความตกใจบน
ใบหน้ า ต่อหน้ าพลังนี ้ เขาไม่อาจอดที่จะคิดว่าตนเองมีพลังต่า
ต้ อยราวกับมด

คนผู้หนึง่ สามารถปลดปล่อยพลังได้ ถึงเพียงนี ้จริ งๆหรื อ? ไม่....


มนุษย์ยอ่ มไม่อาจมีพลังแกร่งกล้ าถึงขันนี
้ ้ได้ คันศรสะเทือนฟ้าที่
อยูใ่ นมือจักรพรรดิมารนัน่ สมควรเป็ นของสานักจักรพรรดิเหนือ!!

เหยียนซีหมิงและสามอาวุโสเชื่อเป็ นมัน่ เหมาะว่านี่ต้องเป็ นเพราะ


คันศรเป่ ยตี ้ นอกจากสามศาตราต้ องห้ ามที่ทรงพลังที่สดุ แล้ ว ยัง
จะมีสิ่งใดที่ทาเรื่ องสะเทือนฟ้าเช่นนี ้ได้
ได้ เห็นพลังเหนือล ้าของคันศรเป่ ยตี ้เป็ นคราแรก ความปรารถนา
ในใจยิ่งท่วมทะลักขึ ้นอย่างเงียบเชียบ

“ไม่ผิด” เหยียนเทียนเว่ยเอ่ยตอบ จากนันไม่


้ กล่าวคาอีก

แม้ วา่ นี่ไม่ใช่คาตอบที่น่าประหลาดใจนัก ทว่าเมื่อได้ ยินจากปาก


ของยอดฝี มือขอบเขตเทวะขันสู ้ งสุด ทุกคนล้ วนลอบสูดหายใจเอา
อากาศเยียบเย็น

สี่ยอดฝี มือขอบเขตเทวะ ต่อให้ ทงสั ้ านักมารมีเพียงแค่สี่คนนี ้ ก็


เพียงพอที่เหยียบย่าโลกให้ สนั่ กลัว ไม่ต้องกล่าวถึงสานักมารที่
เป็ นขุมกาลังยิ่งใหญ่เพียงใด แค่จานวนคนในสานักไม่อาจมีผ้ ใู ด
ทราบได้ และยอดฝี มือระดับนี ้ยังไม่ทราบว่ามีอยูอ่ ีกเท่าใด....ยิ่ง
รวมจักรพรรดิมารที่น่าหวาดหวัน่ เข้ าไปอีกคน ทาให้ พวกเขาแม้
เค้ นสมองคิดเพียงใดก็ไม่อาจจินตนาการได้ และไม่อาจคาด
คานวณ ตัวตนยิ่งใหญ่ที่ผงาดค ้าทวีปเทียนเฉิน ราวกับฝ่ ามือ
มหึมาที่ปกคลุมผืนฟ้าไว้
ตอนนี ้ไม่มีผ้ ใู ดสงสัยแล้ วว่าตัวตนลึกลับนี ้แข็งแกร่งเพียงใด เพียง
ไม่ถึงหนึง่ ปี สานักมารก็มีพลังเข้ มแข็งถึงเพียงนี ้.... ไม่สิ นี่กระทัง่
อาจก้ าวข้ ามสานักจักรพรรดิใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือที่รุ่งเรื อง
มาหลายพันปี ให้ ถึงจุดจบได้ !!

ทุกสายตาจับจ้ องที่คนสานักมารหลายร่าง ทังบุ ้ รุษ , สตรี ,


คนชรา และ เยาว์วยั ....ทังหมดล้
้ วนแต่น่าหวาดหวัน่ แม้ เหยียนชิว
ชาและเหยียนกงรั่วจะไม่ได้ แสดงฝี มือ แต่พวกเขาก็ไม่อาจ
หาญกล้ าท้ าประลองอีก หากภายหลังพวกเขาบังเอิญพบเจอคน
ของสานักมาร ต่อให้ เป็ นบุคคลผู้ต่าต้ อยที่สดุ ในสานัก พวกเขาก็
ไม่กล้ าดูหมิ่นแม้ แต่น้อย เสมือนเช่นได้ พบคนของสานักจักรพรรดิ
ใต้ และจักรพรรดิเหนือ

งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินครัง้ นี ้ แม้ เสวี่ยหนี่และเทพ


มายาไม่ได้ ปรากฎกาย แต่คนกลุม่ นี ้ก็ทาให้ พวกเขาตกตะลึงยิ่ง
กว่า โดยเฉพาะจักรพรรดิมารที่สร้ างความตะลึงเทียมฟ้า สร้ างเงา
ประทับฝังไว้ ในใจตลอดกาล งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินที่
เหล่ายอดฝี มือมารวมกัน กลับกลายเป็ นงานสาแดงพลังของ
จักรพรรดิมารและเหล่ายอดฝี มือใต้ บญ
ั ชาแห่งสานักมาร

“สิ่งนี ้ คือกฎ....” จักรพรรดิมารมองสามอาวุโสแห่งสานัก


จักรพรรดิเหนืออย่างเย็นชา คันศรในมือถูกยกขึ ้นช้ าๆ

ถูกจ้ องมองโดยตรง อาวุโสสองผู้ยิ่งใหญ่ในโลกหล้ ากลับถอยหลัง


ก้ าวหนึง่ อย่างไม่ร้ ูตวั เมื่อเขาพลันตระหนักได้ ใบหน้ าชราก็บิด
เบี ้ยวเล็กน้ อย แต่กระนันก็ ้ ยงั ไม่กล้ าขยับเดินไปข้ างหน้ า

ถูกต้ อง พลังเบ็ดเสร็ จคือกฎที่ยิ่งใหญ่สดุ สามอาวุโสคุมกฎแห่ง


สานักจักรพรรดิเหนือไม่อาจกล่าวคาใดๆได้ อีก พวกเขาสามารถ
เป็ นพยานและผู้ควบคุม เพราะเบื ้องหลังคือสานักจักรพรรดิเหนือ
ที่มีพลังสูงสุด ทว่าเมื่อเผชิญหน้ ากับจักรพรรดิมารและสานักมาร
พวกเขาได้ แต่สนั่ กลัวอย่างล ้าลึก ไม่คคู่ วรควบคุมงานอีกต่อไป
และในทางกลับกัน หากฝ่ ายนันต้ ้ องการเอาชีวิตของพวกตนย่อม
เป็ นเรื่ องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง จักรพรรดิมารไม่เพียงแบกนามอัน
เหี ้ยมโหด แต่เขายังมีสานักมารที่เห็นได้ ชดั ว่าไม่เกรงกลัวสานัก
จักรพรรดิเหนือแม้ แต่น้อย
ยามนี ้ ต่อให้ พวกเขาเผชิญหน้ ากับยอดฝี มือแห่งสานักจักรพรรดิ
เหนือจานวนมาก พวกเขาก็คงไม่หวัน่ กลัวแม้ แต่น้อย
ตอนที่ 304 ล่ วงลา้ นายข้ า – ตาย!

กฎ... ด้ วยศรทลายผาดาวตก กฎแห่งจักรพรรดิมารจะต่างอะไร


กับกฎแห่งความตาย นักบวชไร้ บปุ ผายังถูกกาจัดไม่เหลือซากต่อ
หน้ าเหล่ายอดฝี มือชนิดที่ไม่สนกฎงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียน
เฉินแม้ แต่น้อย ดังนันหากต้
้ องการฆ่า ไหนเลยเขาจะสนใจว่าพวก
เขาคือคนของสานักจักรพรรดิเหนือ

“ประเสริ ฐ....ประเสริ ฐนักสานักมาร สานักจักรพรรดิเหนือของ


พวกเราจะจดจานามของพวกเจ้ าเอาไว้ ” อาวุโสสองย่าเท้ ากับพื ้น
สบถสาบาน แล้ วหันร่างกลับด้ วยความเกลียดชัง แม้ วา่ เขาจะหัน
ร่างไปแล้ ว หากยังคงรู้สกึ ได้ วา่ สายตาเย็นเยียบของจักรพรรดิมาร
ยังคงจดจ้ องอยูท่ ี่แผ่นหลัง ความรู้สกึ หวัน่ กลัวในใจหนุนเนื่องไม่
อาจระงับ

อาวุโสอีกสองคนอดกลันความรู
้ ้ สกึ อึดอัดที่แทบไม่อาจหายใจ
พวกเขาหันกายเข้ าไปหาเหยียนซีหมิงที่นงั่ บาดเจ็บอยู่ ยามนี ้พวก
เขากาลังเป็ นที่สนใจของเหล่าผู้มาร่วมงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่ง
เทียนเฉิน หากมิใช่เพราะงานนี ้สาคัญอย่างยิ่ง สามอาวุโสที่เสีย
หน้ าอย่างนักคงแทบหนีออกจากงานทันที ไม่อยากรัง้ รอแม้ ชวั่ อึด
ใจเดียว อยากรี บกลับไปรักษาเหยียนซีหมิง , รายงานการตาย
ของอาวุโสใหญ่ , รายงานเรื่ องสานักมารและจักรพรรดิมารอันน่า
กลัว , เรื่ องสี่ยอดฝี มือขอบเขตเทวะอันน่าหวาดหวัน่ , รวมถึง
สามรุ่นเยาว์ผ้ อู ศั จรรย์ หนึง่ คือทายาทเทพกระบี่ที่สามารถเอาชนะ
อาวุโสใหญ่ สองคือเนตรปี ศาจสังหารโลหิตผู้ลงมือสังหาร สามคือ
ผู้ยิงศรปราณทาร้ ายนายน้ อยจนสาหัสโดยที่เขาไม่อาจเข้ าใกล้

ในอดีต แม้ วา่ งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินจะมีบ้างที่พวกคน


ผิดปกติจะปรากฎตัวในฉาก ทว่าผลลัพธ์มีเพียงแค่ทาให้ โลกสนใจ
จับจ้ อง ครัง้ นี ้สานักจักรพรรดิเหนือส่งคนมาเพียงเพื่อเสียหน้ า
อย่างหนัก ทังไม่้ อาจหุบหางวิ่งหนีได้ แม้ วา่ นี่เป็ นการรวมตัวของผู้
แข็งแกร่งสูงสุดในโลก ทว่างานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินก็คง
ถึงเวลายุติลงแล้ ว.... เพราะการปรากฎตัวของคนเหล่านันท ้ าให้
เหล่ายอดฝี มือได้ แต่ตะลึงลานไปตามกัน ความมัน่ ใจหดหายไป
สิ ้น ได้ แต่กดข่มยับยังตั
้ วเอง จะมีกี่คนที่อยากออกมาเป็ น
“กระสอบทราย” และหลายคนอยากรอถกสนทนาเรื่ องนี ้กันต่อ
แล้ ว

“ช้ าก่อน....ล่วงล ้านายของพวกเรา พวกเจ้ าคิดจะไปทังอย่


้ างนี ้
เรอะ?” สามอาวุโสเพิ่งหันกายเดินไปได้ ไม่กี่ก้าว เหยียนเทียนเว่ย
ก็สง่ เสียงเย็นเยียบสะท้ อนในหูของพวกเขา

ทังสามคนหั
้ นกลับมา กล่าวด้ วยคิ ้วขมวดมุน่ “เจ้ าพูดแบบนี ้
หมายความว่าไง?”

“เฮอะ เรี ยบง่ายยิ่งนัก ล่วงล ้านายข้ าเท่ากับตาย!” แววตาสงบนิ่ง


ของเหยียนเทียนเว่ยพลันแผ่จิตสังหารออกมา

สามอาวุโสถูกจิตสังหารติดตรึง ทังร่้ างเย็นวูบลง พวกเขาตกใจรี บ


เคลื่อนพลังเพลิงวิญญาณเพื่อเตรี ยมต้ าน เวลานี ้เอง มีร่างหนึง่ พุง่
เข้ ามาหมายจับที่ลาคออาวุโสสอง อาวุโสสองกาลังจะเคลื่อนร่าง
หลบ หากพลันพบว่ามีพลังปราณสี่สายตรึงที่ร่างของตน เขารู้สกึ
ราวกับถูกขุนเขามหึมากดทับไว้ พลังเพลิงวิญญาณเพียงเคลื่อน
ออกกลับถูกข่มระงับสิ ้น พลังในอกสับสนปั่ นป่ วน เลือดลมแทบ
กระอักออกมา

ยอดฝี มือขอบเขตสวรรค์แกร่งกล้ าเพียงใดย่อมไม่มีผ้ สู งสัย ทว่า


เมื่ออยูต่ อ่ หน้ ายอดฝี มือขอบเขตเทวะก็ล้วนไม่ตา่ งจากเด็กหัด
คลาน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขากาลังถูกสี่เทวะกดดัน และหนึง่ ใน
นันคื
้ อบุคคลที่ติดคาอยูใ่ นขอบเขตเทวะขันสู ้ งสุด สี่ขอบเขตเทวะ
รับมือกับหนึง่ ขอบเขตสวรรค์ ตราบเท่าที่พวกเขาต้ องการ แม้ ไม่
ต้ องขยับสักนิ ้วเดียว เพียงพลัง “ปราณ” ก็เพียงพอกับการสังหาร
แล้ ว

ขณะที่เลือดลมพุง่ ขึ ้นมาจุกในลาคอของอาวุโสสอง ก็มีมือเบื ้อง


หนึง่ คว้ าจับลาคอเขาเอาไว้ เหยียนต้ วนชางไม่หยุดรอและขยับมือ
เล็กน้ อย เกิดเสียงกระดูกหักดังลัน่ ขึ ้นชัดเจน จากนันเขาปล่
้ อยมือ
ทันที แล้ วเคลื่อนสายตาไปที่อาวุโสสามผู้ตกตะลึง เขาลงมือ
สังหารอย่างสบายมือเพียงพริ บตาเดียว ไม่ลงั เลกับสถานะอาวุโส
แห่งสานักจักรพรรดิเหนือแม้ แต่น้อย สีหน้ าราบเรี ยบไม่
เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเขาคุ้นชินกับการพรากชีวิต
อาวุโสสองดวงตาเหลือกขึ ้น ลาคอบิดเบี ้ยวและร่วงลงกองบนพื ้น

เหยียนต้ วนชางไหวกายไปทางขวาหมายคว้ าอาวุโสสาม อาวุโส


สามรี บผลักสองฝ่ ามือเพื่อปั ดป้อง พร้ อมทะยานร่างออกด้ วย
ความเร็ วสูงสุด อย่างไรก็ตาม แม้ จะเห็นชัดว่าเขาถอยหนีอย่าง
รวดเร็ ว แต่เหยียนต้ วนชางก็ทะยานเข้ าใกล้ ด้วยความเร็ วยิ่ง เพียง
พริ บตาก็เข้ าถึงตัว เขาเคลื่อนพลังแกร่งกล้ าใช้ มือต่างกระบี่เล็งตัด
ที่ลาคออาวุโสสามผู้สิ ้นหวัง

ด้ วยพลังของอาวุโสสาม เขาทาได้ เพียงขัดขืนไม่กี่กระบวนท่าต่อ


หน้ าเหยียนต้ วนชาง และเช่นเดียวกับอาวุโสสอง พลังคุ้มร่างของ
เขาถูกตรึงไว้ ด้วยสี่เทวะจนแทบไม่อาจต่อต้ าน ทาให้ เขาไร้ การ
ป้องกัน ฝ่ ามือเปล่าเป็ นดัง่ ใบมีดคมกล้ า ตัดผ่านแขนสองข้ างที่
ยกขึ ้นป้องกัน ตัดแยกศีรษะออกจากร่างกาย เลือดสาดกระจาย
ทัว่ ทว่าไม่ได้ เปื อ้ นร่างของเหยียนต้ วนชาง

เหยียนต้ วนชางหมุนร่างอีกครัง้ ครัง้ นี ้เพียงพริ บตาลาคอของ


อาวุโสสี่ก็ถกู เหยียนต้ วนชางตัดออก เมื่อเสียง “ฉัวะ” ดังขึ ้น ร่างไร้
ศีรษะของอาวุโสสามก็ร่วงถึงพื ้นในขณะเดียวกัน

กะทันหันเกินจะกล่าว เพียงเสียงเย็นของเหยียนเทียนเว่ยจบลง
สามอาวุโสคุมกฎของสานักจักรพรรดิเหนือก็ตกตายด้ วยน ้ามือ
ของเหยียนต้ วนชางในชัว่ เวลาไม่ถึงสามอึดใจ กระทัง่ ขณะที่
อาวุโสสี่ตาย ผู้คนก็ยงั ไม่ทนั ได้ ตอบสนอง

ทังสี
้ ่ยอดฝี มือของเขตสวรรค์ถือว่าเข็มแข็งมากในสานักจักรพรรดิ
เหนือ ทว่าพวกเขากลับตกตายเป็ นใบไม้ ร่วง ซึง่ หากมีเพียงเห
ยียนต้ วนชางที่เผชิญหน้ ากับสามยอดฝี มือขอบเขตสวรรค์ เขาก็
คงต้ องออกแรงเพิ่มบ้ าง ทว่าเมื่อต้ องรับมือกับพลังของสี่เทวะ
พวกเขาก็ไร้ พลังที่จะดิ ้นรนขัดขืน

ทัว่ ทังทวี
้ ปเทียนเฉิน ผู้ที่ก้าวสูข่ อบเขตเทวะจะมีสกั กี่คน? ดังนัน้
ไม่ต้องกล่าวถึงศัตรูที่คคู่ วรกับพวกเขาสี่คน เอาแค่ผ้ ทู ี่รับมือพวก
เขาหนึง่ ต่อหนึง่ ได้ จะมีสกั เท่าใด!? พวกเขาต่างจากเทพทังสี
้ ่เมื่อ
25 ปี ก่อน เทพกระบี่ , เทพสงคราม , เทพหิมะ , และเทพมายา
ล้ วนแต่ตา่ งคนต่างอยู่ นอกจากการต่อสู้กบั สตรี เทพพิโรธพวกเขา
ก็ไม่เคยร่วมมือกัน ทว่า “เทพ” ทังสี
้ ่ที่อยูต่ รงนี ้ล้ วนแต่เป็ นพรรค
พวกเดียวกัน การประสานงานกันจึงลงตัวเป็ นอย่างยิ่ง กองทหาร
ม้ านับหมื่นยังไม่อาจต่อต้ าน และยิ่งยังมียอดฝี มือขอบเขตเทวะ
ขันสู
้ งสุด ที่เพียงคนเดียวก็รับมือกับสามเทวะได้ โดยไม่พา่ ยแพ้

และสาหรับจักรพรรดิมารนัน้ เพียงหนึง่ ศรสะเทือนฟ้าที่เขาสาแดง


ออกมาก็เหนือล ้าความเข้ าใจของผู้คนโดยสิ ้นเชิง เกินขอบเขตของ
“มนุษย์” ทังไม่
้ อาจหยัง่ วัดได้ อย่างแท้ จริ ง

ยิ่งกว่านัน้ สานักจักรพรรดิเหนือยังถูกสังหารทิ ้งอย่างง่ายดาย


เพราะแค่ “ล่วงล ้า” เพียงครัง้ เดียว ผู้ใดบ้ างจะไม่หวาดกลัว และ
ยังแทบจะกล่าวได้ วา่ นี่เป็ นเพียงยอดภูเขาน ้าแข็งที่โผล่ออกมา
ดังนันยั
้ งจะมีผ้ ใู ดคูค่ วรให้ พวกเขาต้ องหวัน่ เกรงอีก

ไม่สงสัยเลยว่า สานักมารและสานักจักรพรรดิเหนือจะต้ อง
กลายเป็ นศัตรูตอ่ กัน สานักจักรพรรดิเหนือแต่เดิมไม่เคยมีใครกล้ า
ยุแหย่ แต่ครัง้ นี ้ถูกสานักมารใช้ กระบี่ทิ่มแทงสาหัส ไม่ทราบว่า
หลังจากนี ้สานักจักรพรรดิเหนือจะเลือกสงบเงียบหรื อแก้ แค้ น
รุนแรง ทว่าด้ วยสถานะและตัวตนของสานักจักรพรรดิเหนือ
ตัวเลือกที่จะเงียบย่อมไม่อาจทาได้ ดังนัน้ คงทราบได้ ไม่ยากว่า
ความขัดแย้ งของสองขุมกาลังยิ่งใหญ่นี ้จะสร้ างความปั่ นป่ วนใน
ทวีปเทียนเฉินครัง้ ใหญ่หรื อเล็ก?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พลังของสานักมารสามารถเทียบได้ กบั สานัก


จักรพรรดิเหนือและสานักจักรพรรดิใต้ หากขุมกาลังระดับนี ้ปะทะ
กัน ผลลัพธ์ยอ่ มไม่ตา่ งอะไรกับหายนะ

เหยียนซีหมิงเดินทางมากับสี่อาวุโสคุมกฎเพื่อมาชมผู้กล้ าแห่ง
โลก ทว่าตอนนี ้กลับทาได้ เพียงมองดูพวกเขาตกตายอย่างน่า
อนาถต่อหน้ าทีละคน หัวใจเขาสัน่ สะท้ านจนไม่อาจบรรยาย เขา
สอดมือเข้ าไปในอกเสื ้อ จับสิ่งของเล็กๆและหนักไว้ มนั่ มันคือศร
สัญญาณของสานักจักรพรรดิเหนือ เมื่อใดที่ถกู ประจุด้วยพลัง
เพลิงวิญญาณ มันจะพุง่ ทะยานขึ ้นฟ้าและกลายเป็ นรูปหงส์เพลิง
คนของสานักจักรพรรดิเหนือที่อยูโ่ ดยรอบรัศมีเมื่อเห็นสัญญาณนี ้
ก็จะเร่งรุดมาที่นี่ทนั ที
มือเขาสัน่ เล็กน้ อย หากในใจสัน่ ไหวอย่างรุนแรง สุดท้ ายเขากด
ระงับความโกรธและอารมณ์ที่พลุง่ พล่านในหัวใจ จากนันดึ ้ งมือ
ออกมาโดยใช้ เหตุผล คนที่ตกตายมีเพียงสามอาวุโสที่ลว่ งล ้า
จักรพรรดิมาร พวกมันไม่ได้ พงุ่ เป้ามาที่เขาซึง่ ไม่ได้ กล่าวคา
ล่วงเกิน เช่นนี ้แล้ วการเงียบย่อมเป็ นทางรอด แต่หากเขายิงศร
สัญญาณออกไป แม้ วา่ จะเรี ยกคนของสานักจักรพรรดิเหนือที่อยู่
ใกล้ ๆให้ มาหาในเวลาอันสัน้ แต่ตอ่ หน้ าเทวะทังสี้ ่และจักรพรรดิ
มารผู้น่าสะพรึง นี่จะต่างอะไรกับการเรี ยกมาถูกสังหาร?
ยิ่งกว่านัน้ ตัวเขาที่เป็ นผู้เรี ยกคนมาก็คงเอาชีวิตไม่รอดแน่

เขารู้สกึ กดดันแทบไม่อาจหายใจ ได้ แต่อดทนไว้ ถูกหมิ่นหยามไม่


ต่างจากมี “ชีวิตอัปยศ” ทาให้ นายน้ อยจักรพรรดิเหนือผู้มกั
ทอดตาดูแคลนผู้คนแทบไม่อาจทนรับได้

เขาทาได้ เพียงปิ ดตาลงและระงับกลิ่นอาย เพื่อหวังไม่ให้ จกั รพรรดิ


มารหันมาสนใจทางตน เขาคือนายน้ อยแห่งสานักจักรพรรดิเหนือ
ไม่อาจมาตายอย่างไร้ ประโยชน์ที่นี่ได้
ดวงตาใต้ หน้ ากากเงินของจักรพรรดิมารไหววับไปตกอยูท่ ี่เหยียน
ซีหมิง สายตาแฝงแววเหยียดหยันและช่วยไม่ได้ หนึ่งขุนเขาย่อม
ไม่อาจมีสองพยัคฆ์อยูร่ ่วมกัน การต่อสู้ของสานักจักรพรรดิใต้ และ
สานักจักรพรรดิเหนือไม่เคยหยุดลง แม้ วา่ ในหลายปี ที่ผา่ นมา
พวกเขาบรรลุข้อตกลงเพราะมีเป้าหมายร่วมกัน ทาให้ ความ
ขัดแย้ งระหว่างพวกเขาลดลงอย่างมาก หลังจาก “การแสดง” ว่า
“พ่ายแพ้ ” เมื่อ 20 กว่าปี ก่อน สานักจักรพรรดิเหนือได้ หนีหายไป
จากสายตาผู้คน จนกระทัง่ วันนี ้พวกเขาได้ ปรากฎตัวขึ ้นอีกครัง้
แสดงให้ เห็นว่าการต่อสู้ครัง้ นันไม่
้ ได้ มีอยูจ่ ริ ง อย่างไรก็ตาม หาก
ในหนึง่ ขุนเขาซึง่ มีสองพยัคฆ์อยูก่ ลับปรากฎมังกรขึ ้นมากะทันหัน
พวกเขาย่อมไม่ลงั เลที่จะร่วมมือกันเข้ าต่อสู้

ในเกือบหนึง่ ปี ที่ผา่ นมา จักรพรรดิมารเข้ าใจสานักจักรพรรดิเหนือ


และสานักจักรพรรดิใต้ แจ่มแจ้ งขึ ้นเรื่ อยๆ รู้ลกึ ถึงขุมกาลังและ
ทรัพยากร ตัดสินจากพลังที่ได้ ค้นพบ สานักมารของเขาสามารถ
รับมือได้ หนึง่ สานัก และยังห่างไกลที่จะรับมือกับสองสานักพร้ อม
กัน ดังนันในเกื
้ อบหนึง่ ปี ที่ผา่ นมา พวกเขาจึงเฝ้าสังเกตสานัก
จักรพรรดิใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือ รวมทังเลื ้ อกที่จะยังไม่ก่อ
ความขัดแย้ งกับพวกนัน้

เขาไม่ได้ สงั หารเหยียนซีหมิงนายน้ อยแห่งสานักจักรพรรดิเหนือ


เนื่องเพราะมีเหตุผล หากแต่เป็ นเหตุผลอื่น....
ตอนที่ 305 ตัวจริงของจักรพรรดิมาร

การตายอย่างเหี ้ยมโหดของอาวุโสสานักจักรพรรดิเหนือทาให้
เหล่ายอดฝี มือตื่นตะลึงและลอบสะอึก การฆ่าล้ างครัง้ นี ้เป็ น
ความผิดจากใคร? แม้ เป็ นความจริ งที่วา่ สามอาวุโสคุมกฎได้
“ล่วงล ้า” จักรพรรดิมาร ทว่าที่พวกเขาทาคือเพียงล้ อมจักรพรรดิ
มารไว้ และตังท่้ าจะโจมตี กระทัง่ ชายเสื ้อของเขายังไม่ทนั ได้
เสียหาย และห่างไกลกับคาว่าล่วงล ้าที่แท้ จริ ง ยังไม่กล่าวถึงว่า
จักรพรรดิมารสังหารนักบวชไร้ บปุ ผา ซึง่ ถือเป็ นฝ่ ายแรกที่ทาผิด
กฎของงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน ดังนันการกระท้ าของ
พวกอาวุโสจึงไม่นบั ว่าเกินเลย กระทัง่ ยังนับว่าเป็ นการทาตาม
หน้ าที่ และต่อให้ ไม่กล่าวยกถึงเรื่ องดังกล่าว ระดับการ “ล่วงล ้า”
เพียงเท่านี ้กลับนามาสูผ่ ลลัพธ์แห่งความตาย การกระทาอัน
โหดเหี ้ยมนี ้เพียงอธิบายได้ อย่างเดียวว่า “เกินเลย” เท่านัน้

แต่หากอ้ างอิงจากคาเล่าลือของจักรพรรดิมารที่วา่ “ใต้ น ้ามือไม่


เหลือซากศพ” การลงโทษดังกล่าวจะนับว่าเกินเลยได้ จริ งหรื อ?
และผู้ที่ทาการ “ลงโทษ” แทนจักรพรรดิมารคือสี่เทวะที่อยูข่ ้ าง
กาย การกระทาเหี ้ยมโหดนี ้ได้ แสดงให้ เห็นว่าพวกเขาภักดีและ
เทิดทูนจักรพรรดิมารเพียงใด

ไม่มีใครก้ าวออกมาหรื อกล่าวโทษ พวกเขารู้แจ่มแจ้ งว่าต่อหน้ า


จักรพรรดิมารผู้ทรงพลังและเหี ้ยมโหด ไม่มีใครหน้ าไหนที่ตอ่ ต้ าน
แล้ วจะจบสวยสักราย ถึงแม้ พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ตอ่ หน้ า
จักรพรรดิมารก็ไม่ตา่ งจากคนอ่อนแอที่พร้ อมถูกริ บความชอบ
ธรรมได้ ทกุ เมื่อ พวกเขาอาจไม่กลัวตาย แต่ไม่มีใครอยากตาย
อย่างไร้ ประโยชน์เพียงเพราะอารมณ์ชวั่ วูบ

เหยียนเทียนเว่ยปราดมองสีหน้ าของผู้คน จากนันก้ ้ าวออกมา สี


หน้ าสงบราบเรี ยบได้ หายไปและแทนที่ด้วยรอยยิ ้ม “สหาย
ทังหลาย
้ สาหรับสานักมารของพวกเราแล้ ว เจ้ านายคือสวรรค์ของ
พวกเรา พวกเราจะไม่ยอมให้ ใครล่วงล ้าเจ้ านายได้ มิเช่นนัน้ ต่อ
ให้ เป็ นผู้ใดก็จกั ต้ องตาย และชายชราผู้นี ้ทราบดีวา่ งานชุมนุมยุทธ
เวทย์แห่งเทียนเฉินถูกทาลาย พวกเราทาให้ ทกุ คนต้ องเสีย
บรรยากาศ ดังนันจึ ้ งต้ องขออภัยต่อทุกคน สานักมารของพวกเรา
ไม่อาจมีหน้ าอยูต่ อ่ และขอตัวลาเพียงเท่านี ้ หวังว่างานชุมนุมยุทธ
เวทย์แห่งเทียนเฉินจะดาเนินต่อได้ เพื่อให้ เหล่าผู้กล้ าแห่งโลกได้
ปรากฎตัว"

จากนัน้ เขาคานับลาทุกคนอย่างสุภาพ

สาหรับเหล่าผู้มีวรยุทธแก่กล้ า ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็ นที่นบั ถือเสมอ


มา และยิ่งยอดฝี มือไร้ ต้านผู้ยืนอยูจ่ ดุ สูงสุดแห่งขอบเขตเทวะมอบ
คานับลา ไหนเลยพวกเขาจะอยู่เฉยๆได้ พวกเขารี บคานับกลับ
เป็ นพัลวัน เหยียนเทียนเว่ยพยักหน้ ารับเล็กน้ อย เขาไม่รีรอต่อ
และหยุดยืนอยูด่ ้ านซ้ าย เหยียนชิงหงยืนอยูด่ ้ านขวา จักรพรรดิ
มารและเหยียนกงรั่วอยูต่ รงกลาง จากนันทั ้ งหมดลอยขึ
้ ้นไปใน
อากาศ ในมุมมองของผู้คนราวกับว่าจักรพรรดิมารกับเหยียนกง
รั่วเหินบินขึ ้นไปเอง เหล่ายอดฝี มือต่างมองตาค้ าง เพราะจากฉู่จิง
เทียน , เหยียนกงลัว่ , เล่งหยา ทาให้ พวกเขาไม่กล้ าดูแคลนสตรี
เยาว์วยั ผู้นี ้ หากแต่ไม่คิดว่านางกลับสามารถบินลิ่วขึ ้นไปได้ ....
หรื อว่าสตรี เยาว์วยั ผู้นี ้ จะเป็ นบุคคลที่ก้าวเข้ าสูข่ อบเขตเทวะอีก
คน!?
พวกเขาต้ องสัน่ กลัวกับพลังล ้าลึกของสานักมารอีกครัง้

“เคล็ดเทพกระบี่.... แสงกระบี่ไร้ เงา”

ฉู่จิงเทียนคว้ าเล่งหยาที่ทาได้ เพียงยืนง่อนแง่น จากนันย ้ ่าบน


กระบี่ชางหมิงแล้ วพุง่ ออกไปอย่างรวดเร็ ว แม้ วา่ ความเร็ วของ
“แสงกระบี่ไร้ เงา” จะเหนือล ้า แต่ตอนนี ้เขาทาได้ เพียงตามอยู่
เบื ้องล่างห่างๆ เขาตะโกนเรี ยกด้ วยกลัวจะถูกทิ ้งไว้ เวลานีเ้ องทุก
สิ่งในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินได้ ถกู ทิ ้งไว้ เบื ้องหลัง เหล่า
ยอดฝี มือต่างจ้ องมองไปที่เขา

พวกเขาไม่ได้ บินออกไปไกลนัก หลังจากพ้ นออกจากผาดาวตก เห


ยียนเทียนเว่ยและเหยียนชิงหงก็คอ่ ยๆนาจักรพรรดิมารกับเหยียน
กงรั่วลอยลงสูพ่ ื ้นหญ้ าอย่างนุ่มนวล เหยียนชิงปิ ง , เหยียนต้ ว
นชางกับภรรยา , รวมถึงเหยียนกงลัว่ ต่างก็ลอยร่างตามลงมา
เมื่อจักรพรรดิมารลงถึงพื ้นร่างกายก็ไหวเซแทบจะล้ มลง เหยียน
กงรั่วใช้ ร่างอ่อนนุม่ เข้ าประคองและกล่าวอย่างห่วงใย “พี่นายท่าน
เป็ นยังไงบ้ าง เร็ วเข้ า รี บนัง่ ลงก่อน”
เหยียนกงรั่วประคองเขานัง่ ลงบนพื ้นหญ้ า จักรพรรดิมารส่าย
ศีรษะบาง “วางใจเถอะ ข้ าสบายดี เพียงรู้สกึ อ่อนแรงเท่านัน”

กระบวนท่าแรกของกระบี่ตดั ดารา “แยกฟ้าผ่าปฐพี” ทาให้ เย่หวู


เฉินที่ออ่ นด้ อยกว่าเทพสงครามอย่างมากสามารถผ่าร่างเขาได้
อย่างง่ายดาย จนเกิดเป็ นตานาน “สังหารเทพ” ขึ ้นมา ทว่าคันศร
บาปวิบตั ิมีปัญญาที่ด้อยกว่ากระบี่ตดั ดารา ดังนันจึ
้ งไม่มี
“วิญญาณ” แบบหนานเอ๋อร์ ที่คอยอธิบายพลังทาลายล้ างและ
สังหารที่เหนือกว่ากระบี่ตดั ดารา มันมีสามกระบวนท่าเฉพาะตัว
เช่นเดียวกัน กระบวนท่าแรกคือ “ศรแยกฟ้าคร่าโลหิต” ที่มีพลัง
เจาะผาดาวตกจนแตกออกเป็ นสองซีก ไม่เพียงพลังทาลายที่
เหนือล ้ากว่ากระบวนท่า “แยกฟ้าผ่าปฐพี” แต่การสูบกลืนพลังยัง
สูงกว่าอย่างมาก เพียงยิงไปศรเดียวก็แทบสูบกลืนพลังทังหมด ้
ของจักรพรรดิมาร

“....เจ้ านาย กระบวนท่าสังหารทังสามของคั


้ นศรบาปวิบตั ิ หนึง่
คือ ‘ศรแยกฟ้าคร่าโลหิต’ สองคือ ‘ศรตามจิตโลหิตดา’ และ
สุดท้ าย ‘ศรสังสารวัฏทะเลเลือด’ แม้ วา่ ศรแยกฟ้าคร่าโลหิตจะเป็ น
กระบวนท่าแรก แต่พลังของมันแกร่งกล้ าอย่างมาก อาจกล่าวได้
ว่ามันสามารถเปิ ดฟ้าทาลายสวรรค์ สาหรับกระบวนท่าที่สอง ‘ศร
ตามจิตโลหิตดา’ แม้ วา่ จะมีพลังเทียบเท่า ‘ศรแยกฟ้าคร่าโลหิต’
แต่มนั ก็น่ากลัวกว่า เพราะเมื่อใดที่ถกู ‘ศรตามจิตโลหิตดา’ ล็อค
ตรึงเป้าหมาย ก็มีเพียงต้ องใช้ พลังเอาชนะมันเท่านัน้ มิเช่นนัน้ ไม่
ว่าจะหนีไปที่ใด มันก็จะติดตามจนกว่าจะสังหารเป้าหมายลง
และกระบวนท่าที่สาม ‘ศรสังสารวัฏทะเลเลือด’ ข้ าไม่แน่ใจนักใน
พลังของมัน จาได้ เลือนลางเพียงแค่วา่ เมื่อหนึง่ ศรถูกยิงออกไป ไม่
ว่าอาณาจักรเทพหรื อโลกมนุษย์ก็ดี ทังหมดจะกลายเป็
้ นผืนทะเล
เลือด.... กลายเป็ นภาพที่น่ากลัวเป็ นอย่างยิ่ง....”

และนี่คือกระบวนท่าทังสามแห่
้ งจักรพรรดิเหนือที่หนานเอ๋อร์ เคย
อธิบายให้ ฟัง

วันนี ้ เป็ นครัง้ ที่สองที่เขายิง ‘ศรแยกฟ้าคร่าโลหิต’ ทังยั


้ งเป็ น
กระบวนท่าเดียวของจักรพรรดิเหนือที่เขาสามารถใช้ ออกได้ ไม่
ต้ องสงสัยถึงพลังอันไร้ ที่เปรี ยบของมัน กระทัง่ สวรรค์ยงั สะเทือน
มันจึงมีชื่อว่า “แยกฟ้า”

“ดีแล้ วที่ไม่เป็ นไร” เหยียนกงรั่วทราบดีถึงอาการของจักรพรรดิ


มาร นางไม่กงั วลมากนักนัง่ ลงตรงหน้ าและยิ ้มกล่าว “เห็นคนพวก
นันตกใจกลั
้ วดูน่าตลกดีจริ งๆ พี่นายท่าน ข้ ารู้วา่ ท่านต้ องมาแน่
ท่านปู่ คราวนี ้ข้ าไม่ได้ สร้ างปั ญหานะ”

เหยียนเทียนเว่ยหัวเราะและยิ ้มกล่าว “เจ้ านาย วันนี ้ทุกอย่างที่


กาหนดไว้ เป็ นไปอย่างราบลื่น ทุกสิ่งที่เจ้ านายคาดการณ์ไว้ ได้
เกิดขึ ้นจริ งๆ”

จักรพรรดิมารพยักหน้ าเล็กน้ อย

“ตังแต่
้ วนั พรุ่งนี ้เป็ นต้ นไป นามของสานักมารจะดังก้ องขึ ้น
กว่าเดิมนับสิบเท่าในทวีปเทียนเฉิน แผนการครอบฟ้าของเจ้ านาย
ก็พร้ อมเริ่ มต้ นได้ ทกุ เวลา” เหยียนชิงหงลูบหนวดหัวเราะสบาย สี
หน้ าดูไม่เหมือนคนที่กาลังกล่าวถึงแผนตะลึงโลกอยูแ่ ม้ แต่น้อย
จากที่หา่ งไกล แสงสีครามใกล้ เข้ ามาด้ วยความเร็วยิ่ง เป็ นฉู่จิง
เทียนที่เหงื่อท่วมตัวไล่ตามมาพร้ อมกับเล่งหยา เหยียนกงรั่วสนใจ
แต่จกั รพรรดิมารไม่แบ่งไปสนใจผู้ใด มือสองข้ างที่นวลเนียนไร้
ตาหนิยื่นออกลูบใบหน้ าจักรพรรดิมาร ส่งเสียงออดอ้ อน
อ่อนหวาน “พี่นายท่าน ตอนนี ้ไม่มีคนนอกแล้ ว ก่อนอื่นถอด
หน้ ากากออกก่อนนะ ข้ าไม่ได้ เห็นหน้ าของพี่นายท่านมาตังนาน้
แล้ ว”

“แค่สองวันเองไม่ใช่เรอะ?” เหยียนกงลัว่ กระซิบเสียงเบา

โดยไม่รอคาตอบของจักรพรรดิมาร เหยียนกงรั่วใช้ มือแกะ


หน้ ากากเงินอันเป็ นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิมารออก ฉู่จิงเทียนที่
กระหืดกระหอบมาถึงเมื่อเห็นใบหน้ าของจักรพรรดิมาร แม้ วา่ ใน
ใจจะยืนยันเกือบเต็มที่ แต่พอเห็นเข้ าจริ งก็ยงั ตกใจจนโดดลงจาก
กระบี่ชางหมิง

“น้ อง....น้ องเย่ เป็ นเจ้ าจริ งๆ!!” ฉู่จิงเทียนแหกปากตะโกนด้ วย


น ้าเสียงตกใจ
เมื่อหน้ ากากถูกถอดออก ก็เผยให้ เห็นใบหน้ าที่ขาวซีดเล็กน้ อย
ทุกสัดส่วนบนใบหน้ าอันไร้ ตาหนินี ้....คือเย่หวูเฉิน

“เฮอะ! นอกจากพี่นายท่านของข้ า ยังจะมีผ้ ใู ดเก่งกาจได้ ขนาดนี ้”


เหยียนกงรั่วคล้ องแขนขวาของเย่หวูเฉิน อกนุ่มๆเริ่ มเบียดแน่นเข้ า
กับร่างของเขา ทังสี
้ หน้ าและน ้าเสียงบ่งบอกถึงความภูมิอกภูมิใจ
ของสตรี น้อย

เย่หวูเฉินที่หลับตาอยูก่ ็ลืมตาขึ ้น ยิ ้มให้ ฉ่จู ิงเทียนที่ยืนโง่งม “พี่


ใหญ่ฉู่ ท่านคิดไม่ถึงอย่างนันหรื
้ อ?”

ตรงกันข้ ามกับอีกผู้หนึง่ ที่ยืนหน้ าขาวซีดถัดจากเขา เล่งหยาไม่มี


ความแปลกใจใดๆ มีเพียงดวงตาคมกล้ าที่มองตรึงอยูท่ ี่เย่หวูเฉิน
ราวกับว่าจะมองทะลุตวั เขา

“คิดไม่ถึงสิ! คิดไม่ถึงมากด้ วย.... เจ้ าไม่ได้ .... เจ้ า....” ฉู่จิงเทียน


ตบหน้ าผากตัวเอง ในสมองปั่ นป่ วน เห็นอยูช่ ดั ๆว่าเย่หวูเฉิน
ร่างกายพิการ เขายังเคยใช้ พลังของตัวเองเข้ าตรวจสอบ.... ในร่าง
ของเย่หวูเฉินว่างเปล่า ไร้ พลังใดๆหลงเหลืออยู่ พลังชีวิตแทบไม่
อาจสัมผัสได้ แต่วา่ ตอนนี ้.... เขากลับเป็ นจักรพรรดิมาร ชื่อเสียง
จะโด่งดังเพียงใดเขาไม่ร้ ู แต่เขาเห็นจักรพรรดิมารลอยอยู่บน
อากาศทอดตามองลงมา ยิงหนึง่ ศรสะเทือนฟ้า นี่คือสิ่งที่ผ้ พู ิการ
คนหนึง่ จะสามารถบรรลุได้ อย่างนันหรื
้ อ?

“พี่ใหญ่ฉู่ บางครัง้ สิ่งที่ทา่ นได้ ยินก็ไม่อาจเชื่อได้ บางครัง้ สิ่งที่ทา่ น


ได้ เห็นกับตาก็ไม่อาจเชื่อ บางครัง้ สิ่งที่ทา่ นได้ สมั ผัสเองกับตัวก็ไม่
อาจเชื่อเช่นกัน ข้ าพูดเช่นนี ้ ท่านพอเข้ าใจหรื อไม่?” เย่หวูเฉิน
อธิบายด้ วยรอยยิ ้ม

“เอ่อ....” หากเขาเข้ าใจคาพูดเหล่านี ้ย่อมไม่ใช่ฉ่จู ิงเทียน


พรสวรรค์ของเขามีเฉพาะต่อวิถีกระบี่เท่านัน้ สาหรับเรื่ องอื่นสมอง
ของเขาคล้ ายจะกลายเป็ นกล้ ามเนื ้อแทน หลังจากเค้ นสมองอยู่
พักหนึง่ จึงกล่าวป้อแป้ออกมา “ถ้ างัน....ก่
้ อนหน้ านี ้ เจ้ าก็จงใจอา
พรางตัวเองงันเหรอ?”

หากเป็ นการอาพราง ก็เป็ นการอาพรางที่สมบูรณ์แบบเกินไป
เพราะแม้ กระทัง่ เขาเองก็ยงั ไม่อาจมองเห็นข้ อพิรุธได้ แม้ แต่น้อย
การอาพรางสามารถทาได้ ถึงขันนี
้ ้เชียวหรื อ?

“ถูกต้ อง มันคือการอาพราง”

“แต่วา่ น้ องเย่ ทาไมเจ้ าต้ องทาแบบนันด้


้ วยล่ะ?”

เย่หวูเฉินยิ ้มอีกครัง้ และกล่าวอย่างล ้าลึก “ในโลกนี ้ สิ่งที่น่ากลัว


สูงสุดไม่ใช่พลังที่เหนือล ้ากว่าศัตรู แต่เป็ นการอยู่ใกล้ เพียงเอื ้อม
มือโดยที่ไม่ร้ ูวา่ เขาน่ากลัวเพียงใด กระทัง่ คิดว่าเขาเป็ นเพียงขยะ
เพราะเหตุนี ้ เขาจะสามารถใช้ วิธีการหลากหลายชิงลงมือและเข้ า
ควบคุม แม้ แต่การต่อสู้ตวั ต่อตัว หากศัตรูร้ ูจกั ตนเองและอีกฝ่ าย
เป็ นอย่างดี ยามท่านพลังเผลอย่
้ อมถูกกระบี่เสียบแทงได้ ”

เย่หวูเฉินอาพรางตนหนึง่ คือเพื่อตัวเอง ทว่าสิ่งสาคัญสูงสุดคือ


เพื่อให้ ครอบครัวและผู้คนที่อยูร่ อบข้ างเขาปลอดภัย
“แต่วา่ ....”

“เฮ้ จะอะไรอีกนักหนาเล่า พี่นายท่านเคยบอกว่าเจ้ าเรี ยกว่าต้ าห


นิว ที่แท้ เจ้ าก็โง่เหมือนวัวถึกจริ งๆ เจ้ าก็แค่จาทุกประโยคที่พี่นาย
ท่านพูดไว้ ก็พอแล้ ว” เหยียนกงรั่วพอได้ เบียดอยูข่ ้ างเย่หวูเฉินก็
อารมณ์ดี ทังหน้ ้ าตาและน ้าเสียงอวดดีเต็มที่

“โอ้ ” ฉู่จิงเทียนไม่คิดมีปัญหากับสตรี เขาลูบหลังศีรษะ พยักหน้ า


และไม่ถามอีก.... แม้ วา่ เขายังมีเรื่ องสงสัยข้ อใหญ่ที่อยากถาม
อย่างเช่น ใครคือศัตรูที่ทาให้ เขาต้ อง ‘อาพรางตัว’? พวกปู่ ๆสุด
ยอดฝี มือเหล่านี ้มาจากไหน? และเขาทรงพลังถึงเพียงนี ้ได้
อย่างไร? ถึงขนาดทาให้ ผาดาวตกแตกออกได้ ....
ตอนที่ 306 วิถีกระบี่ขัน้ สูงสุด

“ฮี่ ฮี่ พี่นายท่าน ร่างกายท่านดีขึ ้นหรื อยัง? เราจะไปเที่ยวเล่นที่


ไหนกันดี? ท่านไม่ได้ มาอยูเ่ ป็ นเพื่อนข้ าตังนานแล้
้ ว.... แถมครัง้
ก่อนยังโยนผู้หญิงที่เรี ยกว่าฉีฉีลงมาแล้ วก็ไป ท่านอยากให้ ข้าหึง
ใช่มยั ้ ฮึม่ ....” เหยียนกงรั่วเขย่าร่างของเย่หวูเฉิน ยื่นปากอ่อนนุ่ม
ทาตัวเป็ นเด็กเอาแต่ใจ

เย่หวูเฉินตบหลังนางเบาๆ จากนันกล่ ้ าวกับฉู่จิงเทียน “พี่ใหญ่ฉู่


แม้ วา่ ก่อนนี ้ข้ าได้ เห็นท่านก้ าวหน้ าขึ ้นมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่าน
จะบรรลุวิถีกระบี่ในระดับสูงส่งได้ ถึงเพียงนี ้ ทาให้ ข้าต้ องแปลกใจ
นัก”

“ฮี่ ฮี่ โชคดีที่การฝึ กฝนกระบี่กบั วิชายุทธนันต่ ้ างกัน แม้ ในขณะที่


ข้ าหลับนอนอยู่ ข้ าก็ยงั รู้สกึ ได้ วา่ กาลังฝึ กฝนกระบี่” ฉู่จิงเทียนยิ ้ม
เรี ยบง่ายและสัตย์ซื่อ กล่าวคาออกมาโดยไม่ต้องคิด

ขณะที่ข้าหลับนอน.... คาทังห้
้ าวนเวียนอยูใ่ นใจของเย่หวูเฉิน ทา
ให้ หวั คิ ้วของเขาเคลื่อน

“ท่านปู่ ฉู่เคยบอกกับท่านหรื อไม่ ว่าอะไรคือวิถีกระบี่ขนสู


ั ้ งสุด?”
เย่หวูเฉินเงยศีรษะขึ ้นถามฉับพลัน คาถามนี ้ทาให้ พวกเหยียนที่
รายรอบอยู่ ต่างเงี่ยหูรอฟั งคาตอบจากฉู่จิงเทียนอย่างใจจดใจจ่อ

“วิถีกระบี่ขนสู
ั ้ งสุด.... ข้ ารู้ๆ ท่านปู่ เคยบอกอยูเ่ สมอตอนที่ข้ายัง
เด็ก ว่าวิถีกระบี่ขนสู
ั ้ งสุดคือความไม่มี” ฉู่จิงเทียนไม่ต้องใช้ เวลา
คิดนาน เขาตอบกลับทันที

“ไม่มี? หมายถึงไร้ กระบี่ใช่หรื อไม่?”

“ถูกต้ อง ไร้ กระบี่!”

เย่หวูเฉินคิดเล็กน้ อยและขมวดคิ ้วกล่าว “พี่ใหญ่ฉู่ ในเมื่อวิถีกระบี่


ขันสู
้ งสุดคือความไม่มี เช่นนันเหตุ
้ ใดท่านถึงได้ ฝึกฝนกระบี่เล่า
ไม่ใช่วา่ ต้ องเริ่ มจากความ ‘ว่างเปล่า’ มิใช่หรื อ?”
ฉู่จิงเทียนตกตะลึงเทียมฟ้า สีหน้ าพลันชะงักค้ าง “อ่า! นี่.... นี่มนั
....”

ในเมื่อแสวงหาความไม่มี เช่นนันเหตุ
้ ใดถึงต้ องฝึ กกระบี่? คาถาม
เรี ยบง่ายของเย่หวูเฉินทาให้ เขาพลันตระหนักถึงบางสิ่งในวิถี
กระบี่ที่เขาทุม่ เทแสวงหาอยู่

“แต่วา่ นี่คือสิ่งที่ทา่ นปู่ เคยพูดไว้ จะต้ องไม่ผิดแน่” ฉู่จิงเทียนกล่าว


อย่างไม่แน่ใจ

“ท่านปู่ ฉู่บรรลุถึงขันนี
้ ้แล้ วหรื อยัง?” เย่หวูเฉินถอนหายใจ

“ยัง....”

“แล้ วท่านปู่ ฉ่เู คยบอกหรื อไม่ ว่ามีคนที่เคยบรรลุถึงขันที


้ ่เรี ยกว่า
‘ไม่มี’ นี ้มาก่อน?”

“ไม่....ไม่เคย ท่านปู่ เคยบอกว่าสิ่งใดๆก็ตาม ล้ วนแต่ไร้ ขอบเขต


วิถีกระบี่เองก็เช่นกัน” ฉู่จิงเทียนกล่าวอย่างตระหนก

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะบาง “อย่างที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ สิ่งที่หไู ด้ ยิน


อาจไม่ใช่ความจริ ง แม้ วา่ ท่านปู่ ฉ่จู ะเป็ นเทพกระบี่ แต่ก็ไม่จาเป็ น
ว่าเขาจะถูกต้ องเสมอไป วิถีกระบี่แห่งความ ‘ไม่มี’ อาจเป็ นเพียง
ภาพลวงตา เป็ นจินตนาการของนักกระบี่ที่สง่ ทอดมาจนถึง
ปั จจุบนั ”

กระบี่ คือมิตรสนิทที่สดุ ของฉู่จิงเทียน และวิถีแห่งความ “ไม่มี” คือ


เป้าหมายสูงสุดที่ปขู่ องเขาฉู่ชางหมิงไล่ตาม เวลานี ้มันกลับถูกปั ด
ทิ ้งด้ วยคาพูดเพียงไม่กี่คาของเย่หวูเฉิน ในใจของฉู่จิงเทียนพลัน
รู้สกึ สับสนด้ วยสูญเสียเป้าหมายและทิศทาง เขาไม่อยากเชื่อเรื่ อง
นี ้ ทว่าเสียงในใจก็กล่าวกับตนเอง ว่าบางทีน้องเย่อาจจะกล่าวได้
ถูกต้ อง วิถีกระบี่ของเขาก้ าวหน้ าอย่างรวดเร็วก็เพราะความลุม่
หลงในกระบี่ชางหมิง หากวิถีแห่งความ ‘ไม่มี’ มีอยูจ่ ริ ง นัน่ ก็
หมายความว่าเขาจะต้ องละทิ ้งกระบี่ชางหมิง....ไหนเลยเขาจะ
ยอมรับได้
“งัน....ถ้
้ าหากท่านปู่ กล่าวผิด เช่นนันอะไรคื
้ อวิถีกระบี่ขนั ้
สูงสุด?” ฉู่จิงเทียนถามอย่างโง่งม

เย่หวูเฉินหลับตาลง ค้ นสมองหาเศษเสี ้ยวความทรงจา จากนัน้


กล่าว “ตอนที่ข้ายังเป็ นเด็กเล็กๆอยู่ ข้ ารู้จกั คนอยูผ่ ้ หู นึง่ เขาเป็ น
เช่นเดียวกับพี่ใหญ่ฉู่ นัน่ คือลุม่ หลงในวิถีแห่งกระบี่และเอาแต่
หมกมุน่ อยูก่ บั มัน จนในที่สดุ เมื่อเขามีอายุเท่ากับท่าน เขาก็บรรลุ
วิถีกระบี่ขนสู
ั ้ งสุดที่ค้นพบด้ วยตัวเอง....”

“มันคืออะไร?” ฉู่จิงเทียนหัวใจโลด ถามออกไปอย่างไม่อาจ


อดทน เหยียนกงลัว่ และคนอื่นๆยังประหลาดใจลึกซึ ้ง คนผู้นนมี ั้
ความสามารถปานใด กระทัง่ ถึงขนาดบรรลุวิถีกระบี่ขนสู ั ้ งสุดใน
วัยเดียวกันกับฉู่จิงเทียน.... เหตุใดก่อนหน้ าจึงไม่เคยได้ ยิน
เจ้ านายพูดถึงเรื่ องนี ้มาก่อน?

“หัวใจ” เย่หวูเฉินลืมตาขึ ้น เปล่งคาสองพยางค์ออกมาช้ าๆ

“หัวใจ?” ฉู่จิงเทียนเมื่อได้ ยินคานี ้ ในใจก็ร้ ูสกึ งุนงง กวัดแกว่ง


กระบี่ต้องใช้ มือ คุมกระบี่ต้องใช้ ปราณ กระบี่กบั หัวใจ มัน
เกี่ยวข้ องกันตรงไหน?

“ท่านสามารถคุมกระบี่ได้ ไกลที่สดุ เท่าใด?” เย่หวูเฉินถาม

“ราว 70 เมตร”

“ปราณที่ใส่ลงในกระบี่ สามารถคุมกระบี่ให้ เคลื่อนไหว ท่านเคย


คิดหรื อไม่วา่ หัวใจและศรัทธาก็สามารถบรรจุลงในกระบี่ได้ หาก
ท่านทาได้ ย่อมสามารถใช้ หวั ใจคุมกระบี่ หัวใจไปได้ ไกลเพียงใด
กระบี่ก็จะไปไกลเพียงนัน้ จะควบคุมมันได้ ตามที่หวั ใจปรารถนา”

เย่หวูเฉินหยุดลง เขาไม่ร้ ูจกั วิถีแห่งกระบี่ อาศัยเพียงเศษเสี ้ยว


ความทรงจา ชี ้ร่องรอยของเส้ นทางที่ถกู ต้ องแก่ฉ่จู ิงเทียน

“หัวใจ....กระบี่ ที่มีหวั ใจ....” ฉู่จิงเทียนครุ่นคิดอย่างจริ งจังถึงการ


ใช้ ใจคุมกระบี่ ปากเอ่ยคานี ้ซ ้าๆเบาๆ ความเศร้ าในน ้าเสียงค่อยๆ
จางลง แววตายิ่งมายิ่งสัน่ ไหว
ทันใดนัน้ เขาพลันคิดได้ ถึงบางสิ่ง เขายื่นมือชักกระบี่ชางหมิงออก
จากหลัง สองมือกุมกระบี่คมกล้ า ด้ ามกระบี่ชี ้ลง ดวงตาทอแวว
ราวกระจก เขาไม่ได้ กล่าวคาใด

“เอ๋? ดูเหมือนเจ้ าวัวถึกโง่เง่านัน่ จะพบอะไรแล้ ว.... คนผู้นนที


ั ้ ่พี่
นายท่านพูดถึงเป็ นใครกัน? เขาแข็งแกร่งมากเลยเหรอ?” เห
ยียนกงรั่วถามด้ วยความสงสัย

“เขาไม่ใช่คนของโลกนี ้ สาหรับเรื่ องที่เขาเป็ นใคร” เย่หวูเฉินถอน


หายใจบาง นัยน์ตาลึกล ้าสองข้ างฉายแววโศกเศร้ าเดียวดาย “ข้ า
เองก็อยากรู้ยิ่งกว่าใคร”

“เอ๋?” เหยียนกงรั่วเมื่อได้ ยินคาตอบก็สงสัยหนักขึ ้น

เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตามองไปทางเล่งหยาผู้เย็นชา เขาถาม
“ตอนนี ้ เจ้ าคลายใจลงแล้ วหรื อยัง?”
เล่งหยาไม่ตอบคา ในเมื่อเขาเลือกทางเดินแล้ ว เขาจะไม่มีวนั
เสียใจ เดินตามทางที่ไม่ร้ ูจกั ด้ วยหัวใจที่หนักแน่นราวศิลาและ
เหล็กกล้ า ไม่จาเป็ นต้ องรู้สกึ คลายใจ แม้ วา่ เหตุการณ์วนั นี ้จะทา
ให้ เขารู้สกึ ประทับใจ ทว่าถึงแม้ จะไร้ วนั นี ้ ความตังมั
้ น่ ของเขาจะ
ไม่มีวนั เปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือเกียรติและความภาคภูมิของเขา

เล่งหยาเงียบงันเหมือนที่เย่หวูเฉินคิดไว้ แต่แววตาของเขาได้ บง่


บอกทุกสิ่ง นี่คือบุรุษที่ไม่สนั ทัดในถ้ อยคา ทรนงถึงกระดูกดา ก่อน
นี ้เขาถูกซัดร่วงลงผาดาวตก เขากัดฟั นข่มกลัน่ ความเจ็บปวดและ
โลหิตที่หลัง่ ไหล อาศัยความคัง่ แค้ นเปิ ดเนตรปี ศาจสังหารโลหิต
บังเกิดพลังบ้ าคลัง่ ถือกระบี่คร่าสายลมปั กผาและปี นขึ ้นไปร้ อยจัง้
(333เมตร) ขึ ้นไปสูเ่ บื ้องบนของผาดาวตกเพียงเพื่อต้ องการ
เอาชนะและสังหารด้ วยตัวเอง

ความภาคภูมิของเขาไม่อาจหมิ่นหยามได้

เย่หวูเฉินจ้ องยังนัยน์ตาของเล่งหยา ทว่าไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ


เนตรปี ศาจสังหารโลหิตเกิดขึ ้นและหายไปเพราะเหตุใดไม่มีผ้ ใู ด
ทราบ ทราบเพียงว่าเมื่อมันเกิดขึ ้นแล้ ว มันจะส่งผลต่ออุปนิสยั
ของคนๆนันอย่
้ างเด่นชัด ทาให้ คนปรารถนาการฆ่าฟั น พรสวรรค์
และความก้ าวหน้ าจะเร็ วรุดเหนือคนทัว่ ไป เมื่อเนตรปี ศาจสังหาร
โลหิตถูกเปิ ดออก นัน่ จะเป็ นเวลาที่น่ากลัวสุด จิตสังหารในหัวใจ
และพลังแห่งเนตรปี ศาจสังหารโลหิตจะพุง่ พรวดขึ ้นฉับพลัน
ตราบใดที่ไม่บรรลุเป้าหมาย นัยน์ตาโลหิตนี ้จะไม่มีทางสงบลง

ความลับของเนตรโลหิตนี ้ยากนักที่จะเข้ าใจ แต่นนไม่ ั ้ ใช่เรื่ อง


สาคัญ เย่หวูเฉินไม่ได้ คิดจะลงลึกในเรื่ องนี ้ เขาเพียงชื่นชม
สมควรแล้ วที่เป็ นบุตรแห่งเทพสงคราม ผู้เกิดมาพร้ อมพรสวรรค์ที่
เทพประทาน หลังจากเรื่ องราวในวันนี ้แพร่ออกไป นามของ ‘เล่ง
หยา’ รวมถึง ‘เนตรปี ศาจสังหารโลหิต’ จะสะพัดลามทัว่ อย่าง
รวดเร็ ว ในวันหน้ าจะมีน้อยคนนักที่กล้ ากระตุ้นโทสะเขา เพราะ
เมื่อใดที่เขาถูกกดดันจนถึงจุดหนึง่ เมื่อนันความอาฆาตและจิ
้ ต
สังหารจะทาให้ เขากลายเป็ นปี ศาจ “หนึง่ เส้ นสวรรค์” ที่สงั หาร
ยอดฝี มือขอบเขตสวรรค์ได้ ประทับในใจผู้พบเห็นอย่างไม่อาจลบ
ลืม คมกระบี่นนราวกั
ั้ บภูติผีที่ไม่อาจระวัง ไม่อาจหลีกเว้ นดัง่ เช่น
อาวุโสใหญ่แห่งสานักจักรพรรดิเหนือที่ต้องเผชิญผลลัพธ์
ในอดีต ครัง้ แรกที่เขาได้ พบกับเล่งหยา ตอนนันเขาไม่
้ ได้ สนใจกับ
พวกผู้คนต่างโลก ยังไม่เข้ าใจถึงความลึกลับของชายหนุ่ม ทว่า
เขาเห็นจากแววตาว่าเล่งหยาไม่ธรรมดา หลงหยินเองยังมองออก
ว่าคนผู้นี ้จะเป็ นภัยใหญ่หลวงในอนาคต จนถึงขันปรารถนา

สังหาร ตอนนี ้สามปี ผ่านไป เล่งหยาไม่ได้ ทาให้ เขาผิดหวัง ทังยั
้ ง
ตอบแทนด้ วยความประหลาดใจไม่น้อย

แสงน ้าเงินครามเปล่งออกมาบางเบา กระบี่ชางหมิงในมือฉู่จิง


เทียนบินกลับเข้ าสูฝ่ ักบนหลังด้ วยตัวเอง ฉู่จิงเทียนที่จมจ่อมอยูใ่ น
ความคิดเนิ่นนานหันกายมา แววตาเป็ นประกายประหลาด “น้ อง
เย่ บางทีเจ้ าอาจพูดถูกต้ อง คาว่า ‘ไม่มี’ ของท่านปู่ นนข้ั ้ าไม่อาจ
สัมผัสได้ ถึงสิ่งใด ทว่าคา ‘หัวใจ’ ที่เจ้ ากล่าวออกมา กลับทาให้ ข้า
สัมผัสถึงบางสิ่งได้ อย่างเลือนลาง บางที....ต่อให้ หวั ใจไม่ใช่วิถี
กระบี่ขนสู
ั ้ งสุด แต่มนั ก็ต้องเป็ นอีกวิถีหนึง่ ที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ”

ภายใต้ การชี ้นาของเย่หวูเฉิน ฉู่จิงเทียนสามารถสัมผัสถึงการคง


อยูข่ องอีกวิถีหนึง่ ทว่ามันไม่ใช่วิถีในตานานแห่งความ ‘ไม่มี’
หัวใจที่เคยสูญเสียเป้าหมายได้ คลายความสับสนลง และแทนที่
ด้ วยความปิ ติยินดียิ่ง

เขาไม่ร้ ูเลยว่า เหตุที่เขาสัมผัสได้ รวดเร็วเช่นนี ้ เป็ นเพราะยามที่


ฝึ กฝนกระบี่เขาได้ ใช้ หวั ใจอยูแ่ ล้ วโดยไม่ร้ ูตวั และเป็ นเหตุผล
สาคัญที่ทาให้ เขาก้ าวหน้ าอย่างรวดเร็ว

เย่หวูเฉินพยักหน้ าและยิ ้มกล่าว “ในเมื่อคือหัวใจ เช่นนันจงท


้ า
ตามที่หวั ใจปรารถนา อย่าได้ คาดคันรู้ ้ สกึ ถึงมันตลอดเวลา มิ
เช่นนัน้ มันจะกลายเป็ นการขัดขวางแทน” เย่หวูเฉินกล่าว

ฉู่จิงเทียนผงกศีรษะอย่างตื่นเต้ น ตอนนี ้เขาชื่นชมเย่หวูเฉินอย่าง


สุดใจ ไม่วา่ เขาจะพูดสิ่งใด เขาจะรักษาสัญญาไว้ มนั่ ในที่สดุ ฉู่จิง
เทียนก็เข้ าใจว่าเหตุใดตอนที่เขาเห็นเย่หวูเฉินนัง่ พิการบนรถเข็น
ตนถึงได้ ร้ ูสกึ กดดันแปลกประหลาด งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่ง
เทียนเฉินทาให้ เขาได้ ร้ ูจกั เย่หวูเฉินอีกครัง้ สิ่งที่ทาให้ เขาอบอุน่ ใจ
คือไม่วา่ เย่หวูเฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ยงั เรี ยกหาตนว่า “พี่
ใหญ่ฉ่”ู เหมือนเช่นอดีต ไม่มีสมั ผัสถึงความห่างเหินใดๆ เรื่ อง
เรี ยบง่ายนี ้ทาให้ เขารู้สกึ อบอุน่ ใจเป็ นอย่างมาก

เย่หวูเฉินพยักหน้ าเล็กน้ อย ตาทังสองปิ


้ ดลงเบาๆ สงบระงับลม
หายใจ สัมผัสพลังบางเบาจากผืนแผ่นดินและอากาศ ที่คอ่ ยๆซึม
ซ่านเข้ าสูร่ ่างกายช้ าๆ

เขาคือจักรพรรดิมาร และจักรพรรดิมารก็คือเขา
ตอนที่ 307 พลังตัดมิตขิ องจิง้ จอกมังกร

“แล้ ว....น้ องเย่ เจ้ ากับท่านปู่ ต้าสงรู้จกั กันได้ ยงั ไง? หรื อว่าพวก
เขาจะ....” ฉู่จิงเทียนถามอย่างระมัดระวัง ทันใดนันก็ ้ กล่าวสาทับ
เพิ่ม “ข้ าเพียงสงสัยเลยถามไปอย่างนัน้ เจ้ าจะไม่ตอบก็ไม่เป็ นไร”

ไม่เพียงแค่ฉ่จู ิงเทียนที่ร้ ู สกึ ตกใจ ทุกคนที่ได้ เห็นพลังแกร่งกล้ าของ


กลุม่ คนแซ่เหยียนต่างก็อยากรู้วา่ พวกเขามาจากไหน แม้ วา่ ฉู่จิง
เทียนจะโง่เขลามาก แต่ถึงตอนนี ้เขาย่อมปะติดปะต่อได้ วา่ สามปี
ที่ผา่ นมาเย่หวูเฉินได้ ร่วงสูก่ ้ นหุบเหวปลิดวิญญาณ หากไม่ใช่
สถานที่ซงึ่ ผู้คนไม่คาดคิดถึง ไหนเลยบุคคลแกร่งกล้ าปานนี ้จะ
ปิ ดบังตนเองได้ ในกลุม่ คนพวกนี ้มีแม้ กระทัง่ คนที่แข็งแกร่งกว่าปู่
ของเขา

เย่หวูเฉินนัง่ อยูอ่ ย่างสงบ เขาไม่ได้ ลืมตาขึ ้น ในเมื่อเขายอมให้ ฉ่จู ิง


เทียนและเล่งหยารู้ถึงอีกหนึง่ ตัวตนของเขา เขาก็ไม่คิดที่จะปิ ดบัง
ความจริ งใดๆอีก “ท่านเดาได้ ถกู ต้ อง สามปี ก่อนข้ าได้ ตกลงสูห่ บุ
เหวปลิดวิญญาณ ในที่แห่งนันข้ ้ าได้ พบกับพวกเขา และหลังจาก
นันจึ
้ งได้ ออกมาพร้ อมกัน”

เหยียนชิงหงพยักหน้ า กล่าวกับฉู่จิงเทียนอย่างสลด “โลกนี ้ล้ วนไม่


แน่นอน นัน่ คือชะตาที่เป็ นไป ในอดีตเจ้ านายร่วงลงมาจากฟ้า
รอดชีวิตจากหายนะภัย ไร้ สติอยูส่ องปี ด้ วยวาสนาอันยิ่งใหญ่ ทา
ให้ พวกเรากับเจ้ านายได้ พบกัน พวกเราจากบ้ านมาพร้ อมเจ้ านาย
เพื่อพบเผชิญกับโลกนี ้”

“ไร้ สติ....ถึงสองปี ? แล้ วทาไมพวกท่านถึงได้ เรี ยกน้ องเย่วา่


เจ้ านายกันล่ะ?” ฉู่จิงเทียนดวงตาเบิกกว้ างขณะถาม หากเป็ น
เหตุผลเพียงเพราะว่าเย่หวูเฉินแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ฉู่จิงเทียน
ย่อมไม่มีทางเชื่อลง คนเหล่านี ้เก่งกาจเทียบเท่ากับปู่ ของเขา
กระทัง่ ยังมีคนหนึง่ ที่เก่งกาจกว่า นี่ไม่ใช่ระดับพลังทัว่ ไปที่บรรลุ
กันได้ ง่ายๆ เช่นเดียวกับปู่ ของเขา ต่อให้ มีบคุ คลใดที่เข้ มแข็งกว่า
เขานับสิบเท่า เขาก็ยอ่ มไม่ปรารถนาเรี ยกหาว่าเจ้ านาย แล้ วเหตุ
ใดคนเหล่าถึงนี ้ถึงปรารถนาเรี ยกเย่หวูเฉินแบบนัน้

เหยียนชิงหงเผยรอยยิ ้มลึกลึบ เขาไม่ได้ กล่าวตอบ ความยึดมัน่


และศรัทธาของพวกเขา ถูกปลูกฝังได้ เห็นได้ ยินมาตังแต่ ้ เกิด เย่หวู
เฉินร่วงจากฟ้าและนาพวกเขาออกจากหุบเหวปลิดวิญญาณได้ ใน
ที่สดุ เรื่ องลึกลับอัศจรรย์เหล่านี ้ยิ่งทาให้ พวกเขาเชื่อมัน่ ใน ‘ลิขิต
ชะตา’ ประทับความภักดีตอ่ เย่หวูเฉินอย่างล ้าลึก และเรื่ องนี ้ต่อให้
พูดออกไป ก็ไม่ใช่สิ่งใดที่คนนอกจะเข้ าใจได้

“เฮ้ ....ทาไมต้ องมีเหตุผล! พวกเราชอบให้ พี่นายท่านเป็ นเจ้ านาย


เหตุใดต้ องมีเหตุผลด้ วย” เหยียนกงรั่วกล่าวด้ วยความขัดเคือง
เล็กๆ สาหรับนางแล้ วไม่จาเป็ นต้ องมีเหตุผลใดๆ ทว่าเพราะว่าเขา
กลายเป็ นเจ้ านาย นางจึงสามารถอยูร่ ่วมกับเขาโดยไร้ ปัญหาใดๆ
ได้ มิฉะนัน้ บรรดาญาติมิตรและสหายทุกคนจะต้ องขัดขวางนาง
แน่

“โอ้ ” ฉู่จิงเทียนมักมีปัญหาเมื่อเผชิญหน้ ากับสตรี เมื่อรวมกับการ


ที่เหยียนชิงหงไม่กล่าวตอบ ทาให้ เขาไม่ซกั ไซ้ ตอ่ และถามเรื่ องอื่น
แทน “เออนี่ น้ องเย่ ท่านปู่ เคยบอกว่าหุบเหวปลิดวิญญาณลึกจน
ไม่ปรากฎก้ นหลุม ต่อให้ เทพตกลงไปก็ไม่มีทางรอดชีวิต การ
รักษาชีวิตไว้ ได้ ก็นบั เป็ นปาฏิหาริ ย์แล้ ว เป็ นไปได้ ยงั ไงที่ออกมา
ได้ ”

“โลกนี ้ไร้ สิ่งใดเป็ นที่สดุ ไม่มีอะไรที่เป็ นไปไม่ได้ อย่างสมบูรณ์”

“แล้ วเจ้ าออกมาได้ ยงั ไงเหรอ?”

เย่หวูเฉินยังคงหลับตา เขากล่าวคาที่ทาให้ ฉ่จู ิงเทียนต้ องตะลึง


“อย่าลืมสิวา่ ท่านมาถึงเมืองเทียนฟงได้ ในพริ บตาทังที
้ ่อยูใ่ นเมือง
เทียนหลง แม้ วา่ หุบเหวปลิดวิญญาณจะลึกเพียงใด แต่มนั ก็ไม่
อาจเทียบได้ กบั ระยะห่างจากเมืองเทียนหลงถึงเมืองเทียนฟง ใน
เมื่อข้ าสามารถส่งท่านจากเมืองเทียนหลงมายังเมืองเทียนฟงได้
แล้ วเหตุใดข้ าจะส่งผู้คนจากก้ นหุบเหวปลิดวิญญาณขึ ้นมายัง
เบื ้องบนนี ้ไม่ได้ ”

ไหนเลยเขาจะลืมเหตุการณ์เหมือนฝันที่เคลื่อนที่ผ่านห้ วงเวลา
และมิติ หลายวันที่ผา่ นมาเขาเค้ นสมองคิดเพียงใดก็ไม่อาจรู้
คาตอบของวิธี ในตอนนี ้ คาพูดของเย่หวูเฉินทาให้ เขาตะลึงงัน ใน
ฉับพลันมีถ้อยคาที่เขาไม่อยากเชื่อผุดขึ ้นมาในใจ “หรื อว่า นี่จะ
เป็ น....การตัดผ่านมิติ!?”

“โอ้ ? ถูกต้ อง สามารถเรี ยกได้ วา่ การตัดผ่านมิติจริ งๆ” เย่หวูเฉิน


ตอบ

“อ่า?! นี่มนั ....เป็ นไปได้ ยงั ไง!” ฉู่จิงเทียนหัวใจเต้ นโครม เขา


แทบไม่เชื่อหูตวั เอง

ในสมองของเขาผุดถ้ อยคาของฉู่ชางหมิงที่เคยกล่าวไว้ เมื่อนาน


มาแล้ ว ถ้ อยคาเหล่านันตอนนี
้ ้ยิ่งมายิ่งชัดเจนขึ ้น

..........................

“โลกของเราประกอบด้ วย น ้า , ไฟ , ลม , สายฟ้า , ดิน , แสง ,


และความมืด.... ธาตุเหล่านี ้ประกอบกันขึ ้นเป็ นโลกของเรา เมื่อ
เวลาผ่านไปบางคนจึงค่อยๆใช้ พลังของธาตุเหล่านี ้ได้ ทาให้ เกิด
นักเวทย์หลายแขนง ทว่าในอดีต ท่านปู่ เคยบอกกับข้ าไว้ ครัง้ หนึง่
เมื่อนานมาแล้ วได้ มีตานานโบราณได้ กล่าวไว้ ว่าในโลกนี ้ธาตุทงั ้
เจ็ดเป็ นเพียงธาตุพื ้นฐานเท่านัน้ นอกจากธาตุพวกนี ้ยังมีธาตุที่
ผู้คนไม่อาจใช้ พลังของมัน อย่างเช่น....มิติ”

“มิติ? จะเป็ นแบบนันได้


้ ยงั ไง? มิติไม่อาจมองเห็นหรื อสัมผัส
ไหนเลยจะนับได้ วา่ เป็ นธาตุ?”

“ฮี่ ฮี่ ไม่แปลกที่เจ้ าจะพูดแบบนี ้ คนทัว่ ไปก็ล้วนแต่คิดแบบเจ้ า


รวมถึงตัวข้ าด้ วยเช่นกัน ทว่าทุกสิ่งในโลก ไม่อาจมีสิ่งใดหลุดพ้ น
จากคาว่า ‘ธาตุ’ เวลาและมิติที่ไม่อาจมองเห็นหรื อสัมผัสได้ ก็
รวมอยูใ่ นนัน”้

“....เวลา? มิติ? จริ งหรื อท่านปู่ ? ถ้ างันหากมี


้ ใครสามารถใช้
พลังของธาตุทงสองนี
ั้ ้ได้ ....”

“หากสามารถใช้ พลังของธาตุมิติ ย่อมสามารถตัดมิติเคลื่อนที่ใน


พริ บตาเดียวไปได้ นบั พันลี ้ (500 กม.) สามารถทาลาย , บีบอัด
, หรื อขยายห้ วงมิติ และหากสามารถใช้ พลังของธาตุเวลา ก็ยอ่ ม
สามารถควบคุมเวลาให้ ไหลเร็ วขึ ้นหรื อช้ าลงได้ หรื อให้ เวลาหยุด
ลง หรื อกระทัง่ .... ให้ เวลาไหลย้ อนกลับ ระดับความน่ากลัวของ
มันย่อมพอจินตนาการได้ ”

“....ถ้ าหากที่ทา่ นปู่ พดู มาเป็ นความจริ ง เช่นนันมี


้ คนที่สามารถ
ควบคุมเวลาและมิติได้ จริ งๆหรื อ?”

“ฮี่ ฮี่ แม้ วา่ นี่เป็ นเพียงตานานอันน่าเหลือเชื่อ คนจานวนมากยัง


ไม่เคยตระหนักถึงมัน แต่เรื่ องนี ้ถูกสืบทอดจากประวัติศาสตร์
สมควรไม่ใช่เรื่ องหลอกลวง ตานานยังบอกอีกว่ามนุษย์สามารถ
ใช้ ได้ เพียงธาตุทงเจ็ ั ้ ด ขณะที่ธาตุแห่งเวลาและมิตินนอยู
ั ้ เ่ หนือ
ขอบเขตพลังของมนุษย์ ต่อให้ มนุษย์บรรลุพลังสูงสุดก็ยงั ไม่อาจ
ใช้ พลังของธาตุทงสองได้ ั้ และไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์ กระทัง่ เหล่า
เทพก็ยงั ไม่อาจใช้ พลังนี ้ได้ มีเพียงต้ องกลายเป็ นเทพสูงสุดเท่านัน้
เป็ นเทพที่เหนือล ้ายิ่งกว่าเทพ จึงอาจพอมีทางใช้ พลังนี ้ เพราะการ
ที่สามารถควบคุมเวลาและมิติได้ นนั ้ เท่ากับว่าสามารถบัญญัติ
กฎเกณฑ์ของโลก เทพถึงปานนี ้ ย่อมยืนอยูบ่ นจุดสูงสุดของเหล่า
มนุษย์และเทพ”
..........................

“ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่ามนุษย์และเทพ” จึงจะสามารถใช้
พลังตัดห้ วงเวลาและมิติ.... ไหนเลยเขาจะเชื่อลง ทว่านอกจาก
เหตุผลนี ้ยังจะมีสิ่งใดใช้ อธิบายเรื่ องที่เกิดขึ ้นกับเขาและเล่งหยาได้
รวมถึงยังจะมีสิ่งใดอธิบายเรื่ องที่พวกเขาออกมาจากหุบเหวปลิด
วิญญาณ เมื่อมองเย่หวูเฉินที่อยูต่ รงหน้ า เขาก็ไม่อาจสงบใจได้ ลง
หัวใจเกิดคลื่นปั่ นป่ วน นี่คือผู้ที่ถกู ฉู่ชางหมิงเก็บมาเมื่อ 13 ปี
ก่อนในโลกถูกผนึก ตอนนันเขาอายุ
้ ราว 7- 8 ขวบ เขานอนหลับ
ไร้ สติถึงสิบปี เต็ม น ้าหยดเดียวก็ไม่ได้ กลืนกิน ทว่าเขากลับมีชีวิต
รอดและเติบโตขึ ้นพร้ อมกับฉู่จิงเทียน สิบปี เป็ นเวลาที่ยาวนาน
เขาเริ่ มเกิดความคุ้นชินกับมัน หลังจากเย่หวูเฉินตื่นขึ ้นมาเขาก็
เผลอลืมเรื่ องนี ้สิ ้น นอนหลับตลอดสิบปี โดยไม่ตกตาย ไหนเลยเขา
จะเป็ นมนุษย์ได้

เมื่อคาพูดในอดีตของท่านปู่ หวนกลับคืนมา เขาก็พลันบังเกิด


ความคิดว่า....หรื อเขาจะเป็ นเทพ? เทพที่มาจากทวีปเทวะ?
ทันทีที่ความคิดนี ้ผุดขึ ้นมา ก็ราวกับว่ามันฝังรากลึกลงในจิตใจจน
ไม่อาจไถ่ถอน ปาฏิหาริ ย์และเรื่ องเหลือเชื่อต่างๆที่เกิดขึ ้นกับเย่หวู
เฉิน ล้ วนเป็ นสิ่งยืนยันความคิดนี ้อย่างแน่นหนา

เย่หวูเฉินเดาออกว่าเขากาลังคิดสิ่งใดอยู่ เขากล่าว “แม้ วา่ นี่จะ


เป็ นพลังแห่งมิติจริ งๆ แต่มนั ก็ไม่ใช่พลังของข้ า ด้ วยพลังของข้ าใน
ยามนี ้ ต่อให้ ข้าแข็งแกร่งขึ ้นอีกร้ อยเท่าก็ยงั ไม่อาจเคลื่อนตัดมิติ
หากแต่....”

“เซียงเซียง ออกมาพบเพื่อนใหม่ของเจ้ าสิ” เย่หวูเฉินยิ ้มและพูด


ในใจ

มีเสียงร้ องเบาๆ แล้ วกลุม่ แสงสีขาวก็ปรากฎขึ ้นอยู่เบื ้องหน้ าเย่หวู


เฉิน จิ ้งจอกมังกรเซียงเซียง สาวน้ อยขนาดพกพา ลอยตัวชดช้ อย
อยูต่ รงระดับอกของเย่หวูเฉิน ตอนนี ้นางยังคงมีขนาดร่างกาย
ใหญ่กว่าฝ่ ามือของคนทัว่ ไปเพียงเล็กน้ อย ลักษณะทัว่ ไปไม่
เปลี่ยนแปลงแม้ แต่นิด เส้ นผมสีขาวลอยฟ่ อง ชุดขาวหิมะ รวมถึง
ผิวพรรณขาวหิมะเปล่งแสงขาวนวล ราวกับภูติน้อยที่ยา่ งเท้ า
ออกมาจากแดนแห่งฝัน นางวางมือน้ อยๆไว้ เบื ้องหน้ า ทาท่า
ทักทายต่อเล่งหยาและฉู่จิงเทียนที่กาลังยืนโง่งม

ฉู่จิงเทียนมองตาค้ าง ปากอ้ ากว้ าง คางแทบร่วงถึงพื ้น ทันใดนัน้


เขากล่าว “นี่มนั ....นี่มนั ....ตัวอะไร?”

เหยียนกงรั่วโกรธทันที นางอุ้มเซียงเซียงมาไว้ ตรงอกอย่างนุ่มนวล


และกล่าวอย่างโกรธเคือง “นางคือเซียงเซียง เป็ นน้ องสาวที่น่ารัก
ของข้ า หมายความว่ายังไงที่วา่ ‘ตัวอะไร’?”

ฉู่จิงเทียนก้ มเกาศีรษะ ไม่มีสิ่งใดจะพูดตอบ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก


เช่นนี ้ เขาไม่กล้ าคิดว่าเป็ น ‘มนุษย์’ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงกล่าว
เสียงเจื่อน “น้ องเย่ รอบกายเจ้ ามีตวั ประหลาดอยู่หลายสิ่งจังเลย
นะ....”

เหยียนกงรั่วเมื่อได้ ยินคา ร่างลาหลิวก็ลกุ ขึ ้น ตังท่


้ าทางเหมือนจะ
เตะ “เจ้ ากล้ าเรี ยกครอบครัวของข้ าเซียงเซียงว่าเป็ นตัวงันเหรอ....

เจ้ าสิที่เป็ นตัว! หากเจ้ าเรี ยกเซียงเซียงแบบนันอี
้ กละก็ ต่อให้ เป็ น
สหายของพี่นายท่านข้ าก็จะต่อยเจ้ า”

“อิย๊า อิย๊า อิย๊า!” เซียงเซียงที่ถกู สตรี ของเจ้ านายให้ ท้ายยังแสดง


สีหน้ าโกรธเคืองด้ วยอีกตัว มือเท้ าบอบบางน้ อยๆยังตังท่ ้ าจะ
โจมตี

ฉู่จิงเทียนรี บผงะถอยไปสองก้ าว โบกไม้ โบกมือกล่าว “อย่าพึง่


โกรธ อย่าพึง่ โกรธ ข้ าผิดไปแล้ ว....เอ่อ น้ องเย่ ที่เจ้ าพูดถึงก็คือตัว
....อะแฮ่ม คือน้ องหญิงเซียงเซียงงันเหรอ?”

“ถูกต้ อง” เย่หวูเฉินกล่าวตอบด้ วยรอยยิ ้มปรายที่มมุ ปาก

ฉู่จิงเทียนตะลึงค้ างทันที ในสมองสับสนปั่ นป่ วน ยามนี ้เมื่อมองดู


เซียงเซียงอีกครัง้ ในสมองก็ผดุ คาว่า “สัตว์ประหลาด” ขึ ้นมาทันที

“อย่าแปลกใจเลย หลายสิ่งในโลกนี ้ไม่อาจอธิบายได้ ด้วยสามัญ


สานึกธรรมดา เซียงเซียงสามารถใช้ พลังแห่งมิติได้ เพราะนัน่ คือ
พลังพิเศษเฉพาะของนาง ไม่ใช่นางแกร่งกล้ าจนสามารถบิดเบือน
ห้ วงมิติได้ ....ถึงตอนนี ้ท่านจะยังไม่เข้ าใจก็ไม่เป็ นไร เวลายังมีอีก
มาก ท่านจะค่อยๆคุ้นชินไปเอง” เย่หวูเฉินกล่าวด้ วยรอยยิ ้ม ตอน
ที่พลังแห่งห้ วงมิติของเซียงเซียงตื่นขึ ้นมาพร้ อมกับพลังของเขา
กระทัง่ ตัวเขาเองยังต้ องตะลึง
ตอนที่ 308 ฟื ้ นกลับในอาณาวายุ

เมื่อหนึง่ ปี ก่อน เย่หวูเฉินเคยเป็ นคนพิการจริ งๆ พลังในร่างเหือด


แห้ งจนแทบไม่อาจดูดซับจิตปราณจากธรรมชาติได้ ราวตะเกียง
ไฟที่ไร้ น ้ามัน ทว่าในอาณาวายุต้องห้ ามใต้ หบุ เหวปลิดญาณ เมื่อ
เขาเดินเข้ าไป วายุธาตุที่อดั แน่นก็ไหลทะลักเข้ าสูร่ ่างของเขาอย่าง
บ้ าคลัง่ วายุเป็ นหนึง่ ในจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และปฐพี ด้ วย
ความหนาแน่นถึงขีดสุด ทาให้ ความเร็วในการดูดซับน่ากลัวอย่าง
ยิ่ง เมื่อเทียบกับการดูดซับพลังอัคคีจากมังกรเพลิงฟ้าก่อนหน้ า
นัน้ นับว่าครัง้ นี ้รวดเร็วกว่าถึงร้ อยเท่า ดังนัน้ ภายใต้ พลังอัน
มหาศาล ร่างกายของเขาจึงไม่อาจแบกรับพลังและเกิดการ
ทะลวง เพียงพริ บตาวายุธาตุก็ไหลรวมอยู่ในร่างกาย ทาให้
พลังหวูเฉินที่นิ่งงันมานานเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขา
ค่อยๆรู้สกึ กลายเป็ นหนึง่ เดียวกับวายุที่รายล้ อมอยูใ่ นอาณา
ต้ องห้ าม

ดังนัน้ พลังที่เสื่อมสูญจึงฟื น้ กลับอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงพลังที่ฟืน้ ฟู


เท่านัน้ หากยังทาให้ เขาทะลวงผ่านพลังหวูเฉินขันที ้ ่สาม ก้ าวเข้ า
สูข่ อบเขตพลังขันที ้ ่สี่ ด้ วยพลังหวูเฉินที่ฟืน้ กลับคืนมา พลังอัคคีที่
รับมาจากมังกรเพลิงฟ้าจึงได้ ตื่นขึ ้น ตอนนี ้เขาทรงพลังเพราะ
พลังหวูเฉินอันแกร่งกล้ า ขณะเดียวกัน พลังแห่งวายุธาตุที่เคยฝื น
ใช้ ก็ได้ ตื่นขึ ้นเช่นเดียวกัน เนื่องด้ วยพลังหวูเฉินในร่างตอนนี ้ถูก
สร้ างจากพลังวายุ ทาให้ เขาสามารถเคลื่อนพลังวายุได้ อย่างอิสระ
ไม่วา่ จะเป็ นความเร็วในควบรวม , ความบริ สทุ ธิ์หรื ออานุภาพ สิง่
เหล่านี ้ล้ วนเหนือล ้ากว่านักเวทย์ลมที่อยูใ่ นระดับเดียวกัน

ความน่ากลัวของขอบคมวายุคือสามารถสังหารผู้คนได้ ในพริ บตา


เป็ นประดุจดัง่ หัตถ์มจั จุราช ผลลัพธ์จึงกลายเป็ นข่าวลือที่วา่ ใต้
น ้ามือจักรพรรดิมารย่อมไร้ เศษซาก

เมื่อครัง้ ที่เซียงเซียงต่อสู้กบั ทงซิน ตอนนันเย่


้ หวูเฉินกับหนิงเสวี่ย
ถูกส่งไปยังมิติวิญญาณอันประหลาด พลังของเซียงเซียงถูกใช้ ไป
หมดสิ ้น นางผูกชะตาเข้ ากับเย่หวูเฉินด้ วยวิธีลกึ ลับ ยอมรับเขา
เป็ นเจ้ านาย พลังของนางจึงเชื่อมโยงและพัฒนาขึ ้นพร้ อมเขา เมื่อ
สามปี ก่อน หายนะครัง้ นันท ้ าให้ พลังของเย่หวูเฉินสิ ้นสูญ เซีย
งเซียงที่พลังต่าเตี ้ยอยูแ่ ล้ วไม่ได้ รับผลกระทบใดๆ ทว่าเมื่อเย่หวู
เฉินได้ รับพลังคืนกลับและยังเพิ่มขึ ้นอีกขอบเขตใหญ่ พลังของนาง
จึงเพิ่มขึ ้นในระดับเดียวกัน ที่จริ งการเชื่อมโยงทางพลังนันไม่
้ อาจ
เป็ นไปได้ ทว่าด้ วยอานาจไร้ สิ ้นสุดของพลังหวูเฉินทาให้ เรื่ อง
ลึกลับนี ้เกิดขึ ้นกับเซียงเซียง

ธาตุพลังของนางคือมิติ เมื่อเซียงเซียงสาแดงพลังออกมา เย่หวู


เฉินก็จาได้ ทนั ทีวา่ นางเคยใช้ การเคลื่อนตัดมิติตอนที่หลบเลี่ยง
การโจมตีของทงซิน รวมถึงการนาเขากับหนิงเสวี่ยเข้ าสูม่ ิติ
วิญญาณ

ทว่าน่าผิดหวังเล็กน้ อย พลังมิติของนางไม่อาจใช้ จ่โู จม ทาได้ เพียง


การเคลื่อนย้ ายเท่านัน้ และแม้ ตอนนี ้นางจะเป็ นอสูรสวรรค์ แต่
การโจมตีของนางก็ทาได้ เพียงใช้ ร่างกายปะทะ เหมือนเช่นตอนที่
นางสู้กบั ทงซิน

ฟั งคาอธิบายสรุปของเย่หวูเฉิน ฉู่จิงเทียนใช้ สมองกล้ ามเนื ้อเค้ น


คิดตามก็ยงั ไม่อาจเข้ าใจ เขาถามคาถามเพิ่ม “อยากไปไหน ก็ไป
ได้ เลยอย่างงันเหรอ?”

เย่หวูเฉินยิ ้มตอบอย่างสงบ เขาสัน่ ศีรษะกล่าว “พลังมิติของเซีย
งเซียง กล่าวโดยสรุปคือการสับเปลี่ยนตาแหน่ง จากตาแหน่งหนึง่
ไปยังอีกตาแหน่งในพริ บตา เพิกเฉยต่อระยะทางและสิ่งขวางกัน้
ดังนัน้ สถานที่ที่จะไปได้ นนเซี
ั ้ ยงเซียงต้ องเคยไปมาก่อน มิเช่นนัน้
ก็ไม่อาจไปถึง และพลังมิตินี ้ยังสูบกลืนพลังอย่างมาก ด้ วยพลัง
ของเซียงเซียงในยามนี ้ การสลับตาแหน่งไปยังสถานห่างไกล
มากๆ ทาให้ นางต้ องพักฟื น้ พลังเป็ นเวลานานทุกครัง้ ”

การเคลื่อนผ่านมิตินนยากที
ั้ ่จะควบคุม หากเป็ นเพียงตัวนางย่อม
ไม่นบั เป็ นปั ญหา แต่ถ้ามีคนอื่นด้ วย ตอนนี ้เซียงเซียงสามารถ
เคลื่อนย้ ายได้ ราว 20 – 30 คน

“เอาละๆ พี่นายท่าน อย่ามัวแต่พดู กับเจ้ าวัวถึกโง่เง่านี่อีกเลย สี


หน้ าของท่านดีขึ ้นแล้ ว พวกเราไปเล่นกับพี่หญิงกันดีมย?
ั ้ ฮิ ฮิ” เห
ยียนกงรั่วเขย่าแขนเย่หวูเฉินเบาๆ ขณะยิ ้มกล่าว

ฉู่จิงเทียนพอถูกเรี ยกว่า “วัวถึกโง่เง่า” ก็หน้ าแดงก่า ทว่าเขาไม่


อาจโกรธได้ สาหรับคนที่เพิ่งออกมาเผชิญโลก สตรี นบั เป็ นสิ่งที่
รับมือยากที่สดุ สาหรับเขา

“อืม พวกเราไปหาพี่หญิงเอ้ อหยากัน”

ทางใต้ ของเมืองเทียนฟง สถานที่งดงามใกล้ กบั เขตรอยต่อ


ระหว่างอาณาจักรต้ าฟงกับอาณาจักรเทียนหลง

“พี่หญิงเยว่ ท่านปล่อยข้ าไปเถอะนะ ท่านพ่อต้ องเป็ นห่วงข้ า


มากๆแน่”
(โน๊ ต : เอ้ อหยา ชื่อจริ งว่า เหยียนกงเยว่)

คาตอบที่ได้ รับจากสตรี ที่เรี ยกว่า “พี่หญิงเยว่” ยังคงเป็ นการส่าย


ศีรษะอย่างนุ่มนวล

นี่คือห้ องที่อบอวลด้ วยกลิ่นหอมหวานของสตรี และผงธูป เป็ น


หญิงสาวที่สง่างามและอ่อนโยนผู้หนึง่ นัง่ บนเตียงเคียงข้ างอีกหนึง่
สตรี ผ้ มู ีใบหน้ าเว้ าวอนเหมือนจะร้ องไห้ นางสวมชุดกระโปรงแดง
ถือแปรงชาดจุม่ ลงในน ้ายาดอกไม้ หอมวาดเล็บให้ อีกคน กระทา
อย่างอ่อนโยนและใส่ใจ แม้ นางจะนัง่ อยูแ่ ต่ก็ไม่อาจปกปิ ดความ
สง่างามและวงโค้ งของเรื อนกายรวมทังแขนขาวนิ้ ่มนวลราวกับ
หยก กลีบฝี ปากนุ่มเนียมราวกับมุกทาให้ อดไม่ได้ ที่จะสัมผัส นาง
คือเหยียนกงเยว่ที่มาอยูท่ ี่นี่ได้ นานแล้ ว ส่วนหญิงสาวอีกคนคือ
เยว่ซือฉี ที่เย่หวูเฉินพาตัวมาให้ นาง

สาหรับเหยียนกงเยว่แล้ ว เย่หวูเฉินเป็ นดัง่ สวรรค์ ไม่วา่ เขาจะพูด


หรื อสัง่ สิ่งใด นางจะฟั งคาและทาตามโดยไม่อิดออด ทว่าคราวนี ้
เห็นได้ ชดั ว่านางเข้ าใจผิดไปมาก เมื่อเย่หวูเฉินพาเยว่ซือฉีมาที่นี่
และให้ นางดูแล นางเข้ าใจว่าไม่อาจปล่อยให้ ซือฉีหนีไป และจิต
นาการเอาเองว่าเขาอยากรวบรวมสาวสวยไว้ เป็ นของตัวเอง เป็ น
สัตว์เลี ้ยงส่วนตัว ดังนันนางจึ
้ งพิถีพนั พิถนั ดูแลซือฉีเหมือนพี่สาว
คอยจัดการแต่งกายให้ สวยงามเพื่อให้ เย่หวูเฉินพึงพอใจ มี
ความสุขกระทัง่ กับการผูกผมและทาสีเล็บให้ กบั นาง ไม่วา่ หญิง
สาวผู้นี ้จะเป็ นใคร หรื อถูกเขาลักตัวมาก็ล้วนไม่ใช่เรื่ องสาคัญ

พอทาเล็บเสร็จ เหยียนกงเยว่ก็วางกล่องน ้ายาดอกไม้ หอมลง เยว่


ซือฉีไม่มีอารมณ์เพลิดเพลินกับสีเล็บตนเอง นางกุมชายเสื ้อตัวเอง
และอ้ อนวอนอีกครัง้ “พี่หญิงเยว่ หากไม่อาจปล่อยข้ าออกไปได้
โปรดส่งคนไปบอกตระกูลข้ า ว่าข้ าปลอดภัยดี ข้ าขอร้ องนะพี่หญิง
เยว่ ท่านพ่อจะต้ องเป็ นห่วงข้ าแทบตายแน่”

เหยียนกงเยว่ดีตอ่ นางมาก ไม่เพียงไม่รังแกนาง แต่ยงั ช่วยเหลือ


ในทุกสิ่ง คอยอยูด่ แู ลเหมือนเป็ นพี่สาว ไม่วา่ นางอยากทานหรื อ
ต้ องการสิ่งใดนางก็จะหามาให้ ทว่ามีเพียงการปล่อยนางไป
เท่านัน้ ที่เหยียนกงเยว่จะปฏิเสธโดยไม่ลงั เล

เหยียนกงเยว่ไม่ตอบคานาง ถือกล่องน ้ายาดอกไม้ หอมขึ ้นมาใหม่


และกล่าวอ่อนโยน “ฉีฉี เจ้ าหิวหรื อยัง? อยากทานอะไรเป็ นพิเศษ
ไหม?” ขณะที่กล่าวคาสายตาก็เหลือบไปด้ านข้ าง มองไปยัง
ทางเข้ าเล็กน้ อย

ประตูที่ไม่ได้ ลงกลอนถูกผลักเปิ ด เผยให้ เห็นจักรพรรดิมารในชุด


เงินและหน้ ากากเงิน เหยียนกงรั่วยืนอยูด่ ้ านข้ างเขา เกาะหนึบยิ ้ม
แฉ่งเหมือนร้ อยบุปผาเบ่งบาน คันคิ้ ้วโค้ งเรี ยวขณะส่งยิ ้มให้ เห
ยียนกงเยว่

“เจ้ านาย” หัวใจของเหยียนกงเยว่เต็มไปด้ วยความสุขลึกซึ ้ง ก้ าว


เท้ าเบาเข้ าไปหาและเรี ยกเขา หากนางกลับต้ องประหลาดใจเมื่อ
พบว่าเยว่ซือฉีเดินมาอยูด่ ้ านหน้ าจักรพรรดิมารอย่างรวดเร็ว นาง
รวบรวมความกล้ าและกล่าวอย่างกังวล “ท่านจะปล่อยข้ ากลับไป
เมื่อไหร่?”

ที่แห่งนี่นางไม่ได้ รับความทุกข์ทรมานใดๆ เหมือนกับที่จกั รพรรดิ


มารได้ กล่าวในวันนัน้ ทาให้ ความกลัวของนางต่อจักรพรรดิมาร
ลดลงอย่างมาก

“โอ้ ?” จักรพรรดิมารเคลื่อนสายตามองนาง “ดูเจ้ างดงามกว่าวัน


แรกๆที่มาถึง ในเมื่ออยูท่ ี่นี่สขุ สบาย เหตุใดถึงรี บกลับนัก?”

สายตาของเขาทาให้ นางรู้สกึ เย็นเยือกไปทัว่ ร่างด้ วยความกลัว


เป็ นความรู้สกึ ราวกับว่านางยืนเปลือยเปล่าต่อหน้ าเขา นางยก
แขนสองข้ างขึ ้นป้องอกโดยไม่ร้ ูตวั ขยับเท้ าถอยไปเล็กน้ อยก้ าว
หนึง่ ด้ วยความอับอายและคับข้ องใจ ตอนนี ้ดวงตานางเริ่ มมีมา่ น
น ้าบางๆ

คุณหนูแห่งตระกูลชันสู้ ง ถึงจุดนี ้ย่อมมีความคับข้ องใจ....


จักรพรรดิมารได้ แต่ลอบยิ ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขากล่าว “เจ้ าวางใจ
เถอะ ในวันที่บิดาเจ้ านาทัพบุกสูอ่ าณาจักรเทียนหลง จักรพรรดิผ้ ู
นี ้จะปล่อยเจ้ ากลับในสภาพสมบูรณ์”

“นี่....ท่านจะทาอะไรกับพ่อข้ า?” เยว่ซือฉีเป็ นคนฉลาด ถ้ อยคา


ของจักรพรรดิมารไม่เพียงทาให้ นางไม่อาจผ่อนคลาย ทังยั ้ งทาให้
นางหัวใจแตกตื่น จิตใต้ สานึกบอกนางว่าเป้าหมายที่จกั รพรรดิมา
รพาตัวนางมาที่นี่ คือเพื่อใช้ นางรับมือกับบิดาตน

“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่.... เจ้ าช่างไร้ เดียงสาจริ งๆ หากจักรพรรดิผ้ นู ี ้ต้ องการเอา
ชีวิตของบิดาเจ้ า เขาคงตายไปแล้ วนับร้ อยครัง้ จักรพรรดิผ้ นู ี ้รู้วา่
ผู้คนล้ วนแต่มีจดุ อ่อนเป็ นของตัวเอง และจักรพรรดิผ้ นู ี ้เพียงใช้ เขา
เป็ นตัวหมากสาคัญโดยใช้ จดุ อ่อนของเขา” จักรพรรดิมารกล่าว
ราบเรี ยบ
“ท่านจะให้ พอ่ ข้ าทาอะไร....หากท่านกล้ าทาร้ ายพ่อของข้ าละก็
ข้ า.... ข้ า....”

“เจ้ าจะทาอะไร?” จักรพรรดิมารมองใบหน้ างดงามที่กระวน


กระวายและแดงฝาด เขากล่าวอย่างนึกสนุก

“ข้ า....ข้ าจะไม่มีวนั ให้ อภัยท่าน” เยว่ซือฉีเม้ มริ มฝี ปาก ตะโกน
กล่าวคาที่ไร้ ความคุกคามแม้ แต่น้อย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จักรพรรดิมารหัวเราะร่วน จากนันเดิ ้ นผ่านนาง


อย่างไม่สนใจไปที่เหยียนกงเยว่ “เราทังสองคื้ อคนที่อยูต่ า่ งโลกกัน
เมื่อเจ้ ากลับบ้ านไปแล้ ว เจ้ ากับข้ าจะไม่ได้ พบกันอีก ฉะนัน้ เจ้ าจะ
อภัยข้ าหรื อไม่ล้วนไม่สาคัญต่อข้ า”

เขายื่นมือออกลูบสัมผัสใบหน้ าเหยียนกงเยว่ ทว่าเพียงยื่นออกไป


ได้ กึ่งหนึง่ ก็พลันหยุด เขาใช้ มือซ้ ายถอดถุงมือขวาออก จากนันลู
้ บ
ใบหน้ างดงามอย่างอ่อนโยน เขากล่าว “อย่าปล่อยให้ ตวั เอง
เหน็ดเหนื่อย ไม่งนข้
ั ้ าจะไม่สบายใจ รู้มย?”
ั้

“อืม ทุกวันนี ้ข้ าไม่เหนื่อยเลย” เหยียนกงเยว่ก้าวมาข้ างหน้ า


เล็กน้ อย พิงกายอยูท่ ี่อกเขา

เยว่ซือฉีประหลาดใจ ข้ างนอกนัน่ จักรพรรดิมารมีชื่อเสียงน่ากลัว


กว่าปี ศาจ ทว่าตอนนี ้ทังน
้ ้าเสียงและการกระทาของจักรพรรดิมาร
....กลับตรงข้ ามอย่างสิ ้นเชิง ทาให้ นางแทบไม่อาจรับได้
ความรู้สกึ ต่อจักรพรรดิมารที่คล้ ายซ้ บซ้ อน ยิ่งซับซ้ อนขึ ้นไปอีก
ตอนนี ้ในใจได้ แต่ถามซ ้าๆ....เขาเป็ นใคร และเป็ นคนแบบไหนกัน
แน่?
ตอนที่ 309 เมฆหมอกเคลื่อนคลุมเทียนหลง

คาเตือน 18+

“โอ้ ดีจริ งที่ได้ เห็นพี่สาวใกล้ ชิดสนิทแน่น” เหยียนกงรั่วดุนปากสูง


ส่งเสียงอิจฉา เหยียนกงเยว่หน้ าแดงเรื่ อเล็กน้ อย ถอนกายออก
จากจักรพรรดิมารและถอยครึ่งก้ าว เหยียนกงรั่วดวงตาฉายแวว
เจ้ าเล่ห์ วิ่งปุปปั บไปอยูต่ รงหน้ าเย่หวูเฉิน สอดเข้ าไปอยูต่ รง
ตาแหน่งเดิมของเหยียนกงเยว่เมื่อครู่ สองแขนโอบลาคอ
จักรพรรดิมาร สองขายาวแยกกระโปรงยกคล้ องเอวเขาไว้ ราวกับ
คนห้ อยแขวนอยูบ่ นร่างของเขา

“พี่นายท่าน ข้ าอยากอีกแล้ ว ช่วยข้ าหน่อยสิ....” เหยียนกงรั่วออด


อ้ อนเสียงบาง น ้าเสียงรัญจวนน่าหลงใหล ร่างอ่อนนุ่มที่แนบชิด
เบียดถูขึ ้นลง สุมความปรารถนาของเขาให้ กระพือ นางรู้ดีวา่ เสน่ห์
ตน เขายากยิ่งที่จะต่อต้ าน

เหยียนกงเยว่เคยขอคาแนะนาน้ องสาวถึงวิธีทาเรื่ องน่าละอาย


ทว่านางกลับไม่พดู อธิบายเฉยๆ ตอนนี ้เหยียนกงเยว่สีหน้ าแดงก่า
นางดึงเยว่ซือฉีวิ่งเข้ าไปหลบอยูใ่ นอีกห้ องและปิ ดประตู

เมื่อครู่คือห้ องของเหยียนกงรั่ว ห้ องนอนเล็กๆเหล่านี ้คือเรื อนพัก


ของเยว่ซือฉี นางพักถัดจากห้ องของเหยียนกงเยว่หนึง่ ประตู
ดังนันจึ
้ งไม่หว่ งว่านางจะหนีไป เหยียนกงเยว่ทราบดีวา่ เย่หวูเฉิน
เมื่อถูกสาวน้ อยอย่างเหยียนกงรั่วออดอ้ อนเช่นนี ้จะทาสิ่งใดต่อ
ทว่าเยว่ซือฉีสีหน้ ายังคงว่างเปล่า

“อ่า.... อ๊ ะ อะๆๆ อ๊ า อ๊ าา....” เพียงครู่เดียว เสียงครางรัญจวนก็


ดังแผ่วมาจากข้ างนอกกระทบหูของพวกนาง เหยียนกงเยว่
ผุดลุกผุดนัง่ อยูไ่ ม่สขุ เสียใจที่มาหลบอยูใ่ นห้ องนี ้ ตอนนี ้จะหนี
ออกไปก็ไม่ได้ แล้ ว

เสียงครางประหลาดทาให้ เยว่ซือฉีหวั ใจเต้ นรัวโดยไม่ร้ ูตวั ใบหน้ า


ยังร้ อนผ่าวขึ ้นเล็กน้ อย นางไม่อาจอดห้ ามความสงสัย ค่อยๆแง้ ม
ประตูและมองออกไป ทันใดนันดวงตาต้ ้ องเบิกกว้ าง ใบหน้ า
กลายเป็ นสีแดง
บนเตียงสี่เสาแกะสลักอย่างดี แขวนม่านสีจางไว้ ทกุ ด้ าน มีสอง
ร่างพัวพันกันอยู่ ทังคู
้ อ่ ยูบ่ นเตียงนุ่ม ที่ถกู กดอยูด่ ้ านล่างเป็ นหญิง
สาวผมเผ้ ากระเซิง ช่วงขาเรี ยวยาวน่าอัศจรรย์ อกงามกลมกลึง
เบียดแน่นกับเตียงจนนูนเป็ นรูปไข่ สะโพกโค้ งถูกชายหนุ่มใช้ มือ
เกี่ยวไว้ มันกระเพื่อมตามจังหวะการปะทะหนักแน่นของชายหนุ่ม

สะโพกยกสูงกระเพื่อมไหวพร้ อมเสียงลมหายใจสัน่ ของสาวน้ อยที่


แทบขาดใจ สองมือของชายหนุ่มลูบไล้ ไปตามเรี ยวขางดงามของ
หญิงสาว เม็ดเหงื่อไหลย้ อยจากกล้ ามเนื ้อหยดลงบนสะโพกและ
ไหลลงตามส่วนโค้ งของนาง

เยว่ซือฉีชะงักค้ างราวกับว่าหัวใจพลันหยุดเต้ น นางรู้แล้ วว่าเสียง


ครวญครางน่าละอายนี ้เป็ นของเหยียนกงรั่ว ทว่าชายหนุ่มผู้นน.... ั้
ถือได้ วา่ เป็ นบุรุษที่มีรูปโฉมสมบูรณ์ เขาน่าดึงดูดกว่าบุรุษทุกผู้ที่
นางเคยพบมา เขาโน้ มกายกดร่างเหยียนกงรั่วจากด้ านหลัง มุม
ปากประดับยิ ้มพึงใจ ความสุขสมที่แสดงบนใบหน้ ากลับนาพา
เสน่ห์ที่ไร้ วี่แววหื่นกระหายแม้ แต่น้อย
นี่คือ....จักรพรรดิมาร!?

เสียงครางกระเส่าลอยมาอีกระลอก เยว่ซือฉีราวกับตื่นจากฝัน
ผวายกมือปิ ดปากและหันกลับมา ประตูถกู ปิ ดลงพร้ อมกัน ทว่า
หัวใจยังคงเต้ นกระหน่าราวจะหลุดออกจากอก ภาพฉายซ ้าใน
สมองไม่อาจปั ดออกแม้ จะเห็นเพียงชัว่ ขณะเดียว....

เหยียนกงรั่วยังเยาว์วยั นัก ไม่ร้ ูจกั การระงับยับยัง้ จึงมักเกี่ยว


กระวัดกับเย่หวูเฉินตามที่นางต้ องการ และยิ่งนางเป็ นผู้ไม่สนใจ
สิ่งใด กระทัง่ พี่สาวกับเยว่ซือฉีอยู่อีกห้ องถัดไป นางยังพัวพันกับ
เขาอย่างบ้ าคลัง่ ตอนนี ้เรี ยวขายาวยกขึ ้นรัดเอวเขาไว้ นาร่าง
ตนเองเบียดชิดกับร่างเขา น ้าเสียงครวญครางยิ่งดังขึ ้นเรื่ อยๆ....
เยว่ซือฉีปิดหูตวั เอง หน้ าร้ อนราวกับถูกไฟลาม ตอนนี ้หน้ านางยิ่ง
แดงขึ ้นเรื่ อยๆ นางเป็ นเพียงหญิงสาวที่แทบไม่เคยสัมผัสชายใด
น ้าเสียงกระเส่าและฉากเปลือยเปล่ามีผลกระทบต่อนางเพียงใด
ย่อมพอที่จะจินตนาการได้
หลังจากประตูถกู ปิ ด เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตามองยังทิศทางของ
เยว่ซือฉี ได้ แต่ถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อถูกเหยียนกงรั่วปลด
หน้ ากากและเสื ้อผ้ าออกแล้ ว อย่างไรก็ต้องนัวเนียกัน เขารู้ว่า
จะต้ องถูกเยว่ซือฉีเห็นใบหน้ า แต่เนื่องจากเยว่ซือฉีไม่เคยพบเห็น
เขามาก่อน ดังนันต่ ้ อให้ นางเห็นใบหน้ าที่แท้ จริ ง นางก็ไม่ทราบอยู่
ดีวา่ เขาเป็ นใคร

เขาไม่คิดเรื่ องอื่นอีกและรื่ นรมณ์กบั เหยียนกงรั่วต่อ นางยังเยาว์


แต่เรื อนร่างนอกจากอกแล้ วทุกสัดส่วนล้ วนเติบโตเป็ นผู้ใหญ่ ด้ วย
ความใจกล้ า ลีลาร้ อนเร่า เชื่องเชื่อให้ เขาทาตามใจ นางจึงเป็ นดัง่
มารเสน่ห์น้อยที่แม้ เขาอยากหยุดก็ไม่อาจหยุดได้

วันเวลาผ่านไป อากาศเริ่ มเย็นลงเล็กน้ อย คลื่นฝูงชนบนถนนเริ่ ม


บางลง อย่างไรก็ตาม งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินได้ แผ่
คลื่นสะเทือนทัว่ ทวีปด้ วยความเร็วน่าตระหนก ในโลกแห่งยุทธ
เวทย์เกิดแรงกระเพื่อมครัง้ ใหญ่ ทุกผู้คนสลักฝังนาม “สานักมาร”
ไว้ ลกึ ในใจ งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินครัง้ นี ้ปรากฎสี่เทพ
คนใหม่ และพวกเขาทังหมดล้้ วนเป็ นคนของสานักมาร
และการที่จกั รพรรดิมารยิงศรเจาะผาดาวตกให้ แตกออกนัน้ ได้
สร้ างความตกตะลึงล ้าลึกในใจของผู้คน มีหลายคนเดินทางไกล
มุง่ หน้ าไปที่ผาดาวตกเพื่อพิสจู น์เรื่ องเหลือเชื่อนี ้ และเมื่อพวกเขา
เห็นภาพผาดาวตกที่แตกออกเป็ นสองซีก หัวใจก็ได้ แต่เต้ นรัวและ
แทบไม่อาจหายใจ ด้ วยพลังเพียงนี ้ ย่อมไม่อาจใช้ ระดับพลังใน
ทวีปเทียนเฉินหยัง่ วัดได้

เดิมทีสานักมารและจักรพรรดิมารก็ล้วนแต่ลกึ ลับน่ากลัว ตอนนี ้


ความน่ากลัวนันยิ ้ ่งแผ่ขยายออกไปไม่ร้ ูกี่เท่า เหล่าผู้คนที่แตกตื่น
ต่างอยากรู้วา่ พวกเขามีจดุ กาเนิดมาจากที่ใด ทว่าที่ตงแห่ ั ้ งสานัก
มารราวกับอยูท่ ี่เส้ นขอบฟ้า มีเพียงพวกเขาปรากฎตัวออกมาด้ วย
ตัวเอง มิเช่นนันก็
้ ไม่อาจมีใครหาร่องรอยพวกเขาพบได้ เฉกเช่น
กับที่ไม่ทราบที่ตงของส
ั้ านักจักรพรรดิใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือ

หนึง่ ศรสะเทือนฟ้าทาให้ จกั รพรรดิมารกลายเป็ นเทพแท้ จริ งแห่ง


ทวีปเทียนเฉิน ทว่านี่ไม่ใช่ “เทพ” แห่งความเมตตา หากแต่เป็ น
เทพแห่งความตาย
ในอีกด้ านหนึง่ เมืองเทียนหลงยังคงสงบเงียบเหมือนแต่ก่อน ทว่า
ผู้มีจมูกดียอ่ มได้ กลิ่นบรรยากาศที่เงียบกดดัน ครัง้ หนึง่ เมืองเทียน
หลงคึกคักด้ วยสองตระกูลยิ่งใหญ่คือตระกูลเย่และตระกูลหลิน
ตอนนี ้ตระกูลหลินปิ ดประตูหน้ าไว้ แน่นหนา มีเพียงคนรับใช้ ที่
ออกมาจับจ่ายเท่านัน้ นอกนันก็ ้ แทบไม่เห็นผู้ใดออกมา สองวัน
หลังจากข่าวการตายของหลินเสี่ยวและหลินซานแพร่ออกไป ผู้คน
ก็ได้ ยินข่าวลือว่าหลินขวงล้ มป่ วยหนัก เขาไม่อาจเข้ าร่วมประชุม
ราชสานักได้ จนถึงวันนี ้ ในช่วงเวลาดังกล่าว จักรพรรดิหลงหยินได้
แวะเวียนไปเยี่ยมตระกูลหลินอยูห่ ลายครัง้

เวลาผ่านไป คนภายนอกเริ่ มรู้สกึ เสียใจกับคราวเคราะห์ของ


ตระกูลหลิน พวกเขาได้ แต่ถอนหายใจที่ตระกูลสูงส่งต้ องร่วงหล่น
จากฟ้า เรื่ องของหลินเสี่ยวทาให้ ชื่อเสียงตระกูลหลินป่ นปี ล้ ง
หลังจากหลินเสี่ยวกับหลินซานตาย ทายาทคนสุดท้ ายของหลินข
วกก็มีเพียงขยะหลินอวี ้ อาจกล่าวได้ วา่ ตอนนี ้ตระกูลหลินไร้ ผ้ สู ืบ
ทอด ทายาทตระกูลหลินได้ จากโลกทีละคนในเวลาไม่กี่วนั แรง
กระทบสาหัสเช่นนี ้ หลินขวงล้ มป่ วยลงย่อมเป็ นเรื่ องธรรมดายิ่ง
ทว่าเย่เว่ยแห่งตระกูลเย่เริ่ มดูเหมือนจะ “ป่ วยไข้ ” นานเกินไป เขา
ไม่เข้ าร่วมการประชุมราชสานักแม้ จะผ่านมาถึงหนึง่ เดือนแล้ ว
ทว่าในช่วงเวลาดังกล่าวหลงหยินกลับไม่เคยถามถึง ทังไม่ ้ เคย
แวะเวียนไปเยี่ยมเยือนที่ตระกูลเย่ ราวกับว่าเขาลืมตัวตนของ
ขุนพลเว่ยหลงผู้เกรี ยงไกรไปแล้ ว ตระกูลเย่และราชตระกูลเทียน
หลงไม่ยอมหันหน้ าเข้ าหากันเป็ นเวลานาน บางข่าวลือจึงเริ่ ม
แพร่กระจายไม่หยุดหย่อน มีการคาดเดาหลายทฤษฎี ขุนนาง
ระดับสูงในราชสานักต่างไปเยี่ยมเยือนเย่เว่ยไม่ขาดสายเพื่อ
ตรวจสอบ ทว่าเมื่อพวกเขาถามถึงเรื่ องนี ้เย่เว่ยกลับเลือกที่จะ
เงียบงัน เมื่อพวกขุนนางไปถามกับเย่หนู่ผ้ เู ป็ นที่เคารพ เขาก็ทา
เพียงโบกมือและหัวเราะ บอกว่าตนแก่เกินไปที่จะยุง่ เกี่ยวกับเรื่ อง
พวกนี ้แล้ ว

ด้ วยความภักดีของเย่หนู่ตอ่ ราชตระกูลเทียนหลง ไหนเลยการ


กระทานี ้ของเย่เว่ยเขาจะไม่สอบถาม ทว่าเย่เว่ยเพียงตอบอย่าง
เรี ยบง่ายไม่กี่คา “ทังหมดนี
้ ้เป็ นการจัดการของเฉินเอ๋อร์ ท่านพ่อ
โปรดวางใจว่าเขาจะไม่คิดร้ ายใดๆต่อตระกูลเย่ จะไม่ทาเรื่ องใดๆ
ที่ทา่ นไม่ปรารถนาจะเห็น”

ดังนัน้ ภายหลังเขาจึงไม่ไต่ถามอีก ทุกวันออกไปพบปะเหล่า


สหายร่วมรบที่อาบชะโลมโลหิตในสงคราม เบิกบานสาราญใจ
เพิกเฉยเรื่ องราวปั ญหาที่กาลังจะเกิดขึ ้นกับเมืองเทียนหลง
อย่างไรก็ตาม ความรู้สกึ ภายในจะเหมือนกับที่ปรากฎภายนอก
หรื อไม่นนั ้ มีเพียงตัวเขาเองเท่านันที
้ ่ร้ ู

เมืองเทียนหลง ตระกูลเย่

ภายในห้ องของเย่หวูเฉิน หนิงเสวี่ยขดร่างอยูใ่ ต้ ผ้าห่มบาง ดวงตา


สองข้ างปิ ดอยู่ ขนตาสัน่ ไหวเล็กน้ อย จมูกหยกบางขยับเล็กน้ อย
ตามจังหวะการหายใจ ทงซินยืนอยูข่ ้ างเตียง มองดูหนิงเสวี่ยที่
หลับอุตอุ ย่างนิ่งงัน เพราะนอกจากมองหนิงเสวี่ยหลับไหลแล้ ว
นางก็ไม่ร้ ูจะหาอะไรทา

ในอีกห้ องหนึง่
ที่แห่งนี ้สมควรเป็ นสวนที่สงบที่สดุ ในตระกูลเย่ ทว่าในเวลานี ้ กลับ
มีเสียงครางเบาๆดังมาจากห้ องของเย่ฉ่ยุ เหยา แม้ วา่ เสียงครางจะ
บางมาก หากยังคงสัน่ สะท้ านไปถึงหัวใจและวิญญาณ

สตรี งดงามดุจเทพธิดานางหนึง่ ทอดกายอยู่ สะโพกกลมเนียนขาว


หิมะยกนูนสูง ข่มระงับเสียงครางและหอบหายใจ แม้ วา่ จะอยูใ่ ต้
ร่าง แต่อกขาวน ้านมนันก็
้ ยงั นูนโค้ งให้ เห็นเป็ นรูปทรง

นี่คือเรื อนร่างสมบูรณ์แบบไร้ ที่ติของผู้ที่ครัง้ หนึง่ เคยเป็ นสาวงาม


น ้าแข็ง ยามนี ้นางราวกับลูกแกะเชื่อง โฉมงามเลิศล ้าตามตัวมี
รอยแดงบางราวเปลวไฟ ม่านตางามบริ สทุ ธิ์ปิดไว้ อย่างเอียงอาย
ขนตายาวกระเพื่อมไหวเล็กน้ อย ลาคอหยกงามระหว่างสองไหล่
ได้ รูปทรง อกขาวทรนงเป็ นประกายวาวราวหิมะ เรี ยวขาขาว
กระจ่างไล้ ถึงเอวบางที่พอโอบรอบด้ วยแขนเดียว ใต้ หน้ าท้ องที่
เรี ยบละมุนถึงขีดสุด เป็ นสองขาเรี ยวบางถูกแยกด้ วยบุรุษจาก
เบื ้องหลัง เท้ าชมพูน่มุ ลื่นดุจหยก ทัว่ ร่างปวกเปี ยกเหมือนไร้
กระดูก ราวกับเทพธิดาที่ทวั่ ร่างไร้ กาลัง พร้ อมมอบดินแดนให้
ครอบครอง
ฉากนี ้ไม่วา่ ผู้ใดมาเห็นก็ต้องตะลึงโง่งมด้ วยไม่เชื่อสายตา และคิด
ว่านี่คือคุณหนูตระกูลเย่จริ งๆหรื อ?

ทว่าบุรุษที่กระทาหื่นหาญสะท้ านฟ้ากับโฉมงาม กลับเป็ น....


น้ องชายของนางเอง!
ตอนที่ 310 สัมผัส

ตังแต่
้ เด็กๆ เย่ฉ่ยุ เหยามีชื่อเสียงขจรขจายในเมืองเทียนหลงใน
เรื่ องความงามที่มาพร้ อมความเย็นชา จากเหตุการณ์เมื่อสามปี
ก่อน ทาให้ นางยิ่งเป็ นที่ร้ ูจกั ทัว่ อาณาจักรเทียนหลง ทุกคนที่เคย
เห็นนางต่างรู้สกึ เสมือนได้ เห็นบัวน ้าแข็งที่เบ่งบานอยูใ่ นหิมะ ทัง้
บุรุษ สตรี และเด็กต่างตราตรึงในความสูงส่งและเย็นชา ไม่กล้ า
เกิดความคิดน่าละอายต่อนางแม้ แต่น้อย ไม่วา่ จะเป็ นอารมณ์
ภายนอกหรื อภายใน นางล้ วนแตกต่างจากทุกคนในเมืองอย่าง
สิ ้นเชิง กระทัง่ ไม่ด้อยกว่าเจ้ าหญิงแห่งเมืองใด

ทว่าตอนนี ้นางกลายเป็ นอีกคน ใบหน้ างามประดับรอยยิ ้มแดงรุ่ม


ดุจไฟ ดวงตาบริ สทุ ธิ์คงู่ ามปิ ดไว้ เล็กน้ อยอย่างเอียงอาย มีเสียง
หอบบางแผ่วออกจากปาก ผิวแดงมีเหงื่อผุดพราว เอวหลิวบิด
เลื ้อยดัง่ งู ตอบรับตามแรงกระแทกของบุรุษ ใต้ หน้ าท้ องขาวหิมะ
เรี ยบละมุน เป็ นสองแถบยาวสีขาวนุ่มลื่นประสานเป็ นหนึง่ กับ
บุรุษ ราวกับไม่อาจหยุดห้ ามความปรารถนา….
เย่หวูเฉินกอดร่างของเย่ฉ่ยุ เหยาและกระหน่ารุนแรงเหมือนพายุ
ลมหายใจของเย่ฉ่ยุ เหยาค่อยๆกระชัน้ ร่างกายอ่อนปวกเปี ยกไร้
กาลัง เนื่องจากก่อนหน้ านี ้ นางถูกเย่หวูเฉินโรมรันไปแล้ วหลาย
กระบวนท่าเป็ นเวลานาน

หลังถึงสุดยอดปรารถนาอีกครัง้ หนึง่ เย่หวูเฉินก็หายใจยาวอยู่


ชัว่ ขณะ แนบกายทับบนร่างของเย่ฉ่ยุ เหยา มือขวาลูบไล้ เอวหลิว
บอบบางอันละมุนของนาง ผิวพรรณราวกับมุกน ้าผึ ้งละเอียดอ่อน
นิ ้วคล่องแคล่วสัมผัสผิวนุ่มยิ่งกว่าไหม เย่หวูเฉินใบหน้ าประดับ
รอยยิ ้มและกระซิบที่ข้างหู “พี่หญิง พวกเรามีลกู ด้ วยกันดีไหม?”

“ลูก” เมื่อเอ่ยคานี ้ออกมา ในสมองพลันเกิดความเจ็บเสียด เย่หวู


เฉินลมหายใจชะงักทันที ร่างกายนิ่งค้ าง หัวใจยังไหววูบ

“อืม....” เย่ฉ่ยุ เหยาตอบกลับเสียงเบา นางไม่ทราบว่าบุรุษที่อยู่


บนแผ่นหลังของนางถึงจุดยอดปรารถนาไปแล้ วกี่ครัง้ ร่างกายนาง
ดัง่ แสงตะวันหลังเมฆ ไร้ แรงที่จะลุกขึ ้น ทว่าหลังจากความสุขสม
เสน่ห์ของนางยิ่งเขย่าขวัญ
นางอายุครบ 22 ในปี นี ้ อยูใ่ นวัยที่เรี ยกว่ายิ่งกว่าพร้ อมสาหรับ
แต่งงาน แต่ตราบใดที่นางไม่ต้องการ ตระกูลเย่จะไม่บงั คับนาง
เหมือนครัง้ ในอดีต ปี นี ้นางถูกเย่หวูเฉินโรมรันตลอดคืนตลอดวัน
นางในยามนี ้ทัว่ ร่างแผ่เสน่ห์ของสตรี เสน่ห์นี ้จะเผยออกต่อหน้ าเย่
หวูเฉินเท่านัน้ ต่อหน้ าผู้อื่นราวกับว่าถูกความเย็นชาห่อหุ้มไว้
ตลอดกาล

เย่หวูเฉินมองที่ใบหน้ านาง ความหมกมุน่ ครอบงาอีกครัง้ เขาสอด


มือเข้ าใต้ ขาและแผ่นหลัง อุ้มนางขึ ้นแล้ วเดินไปยืนอยูข่ ้ างเตียง
มองกระจกที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ชื่นชมกับฉากสวยงามที่อยูใ่ น
นัน้ “พี่หญิง ท่านงดงามมากจริ งๆ”

เย่ฉ่ยุ เหยาเงยศีรษะเล็กน้ อย มองร่างเปลือยเปล่าของตัวเองใน


กระจกอย่างหมดหวัง สองขาอ้ าอยูบ่ นแขนของเย่หวูเฉิน คนใน
กระจกตะลึงเหงื่อท่วมตัว เม็ดเหงื่อไหลย้ อยตามส่วนโค้ ง ดูแล้ ว
ช่างยัว่ ยวน หัวคิ ้วเผยให้ เห็นปรารถนาที่ยงั ไม่จางคลาย ผิวงามมี
เหงื่อผุดพราว ใบหน้ าแดงเรื่ ออ่อนๆด้ วยความอาย สองเนินหิมะ
สูงตระหง่าน เผยให้ เห็นสองดอกบัวที่เพิ่งแตกยอดชมพู ลมหายใจ
หอบสัน่ น่าชม ระหว่างสองขาที่เปิ ดออก คือสิ่งงดงามอัศจรรย์ที่
ภาษาใดๆในโลกก็ไม่อาจอธิบาย

เย่ฉ่ยุ เหยามองเงาในกระจกที่กาลังตะลึงงัน ทาใจเชื่อยากว่านี่ตวั


ข้ าจริ งๆเหรอ เย่หวูเฉินลามมากัดหูจากด้ านหลังในขณะเดียวกัน
เขากระซิบเสียงเบา “นี่คือช่วงเวลาที่พี่หญิงงดงามที่สดุ พี่หญิง
จะต้ องจดจาภาพนี ้ตลอดไป”

น ้าเสียงอ่อนโยนนาสติของเย่ฉ่เู หยาให้ กลับคืนมา นางบิดร่างขัด


ขืนเล็กน้ อย ใบหน้ าเริ่ มแดงผ่าวขึ ้น หลังดิ ้นรนเพียงไม่นานนางก็
ยอมแพ้ หลับตาลงปล่อยให้ เขาชื่นชมในท่วงท่าน่าละอาย

ในที่สดุ เย่หวูเฉินก็หยุดกัดใบหู นานางกลับสูเ่ ตียงและวางลงช้ าๆ


ดึงผ้ าห่มขึ ้นคลุมร่างที่งามสมบูรณ์ราวกับหยกสลัก

“พักผ่อนเถอะพี่หญิง” เย่หวูเฉินโน้ มกายลง ลูบริ มฝี บางอย่าง


แผ่วเบา สองกลีบฝี ปากเอิบอิ่มงาม เหมือนหยกและมุกอัน
กระจ่าง ดึงดูดผู้คนให้ ไม่อาจอดห้ ามความหลงใหล ตังแต่ ้ เย่หวู
เฉินดูดซับพลังวายุจากใต้ หบุ เหวปลิดวิญญาณ และทาให้ พลังหวู
เฉินเลื่อนสูข่ นที
ั ้ ่สี่ เขาก็พบว่าความปรารถนายิ่งรุนแรง บางครัง้
ทะยานขึ ้นจนไม่อาจสงบใจ เหมือนตอนที่เหยียนกงรั่วยัว่ ยวนเขา
ก็ไม่อาจต่อต้ าน และตอนนี ้เขายิ่งลุม่ หลงในร่างของเย่ฉ่ยุ เหยา

เขาไม่ร้ ูวา่ เรื่ องนี ้ดีหรื อแย่ แต่เย่ฉ่ยุ เหยาไม่เหมือนกับเหยียนกงรั่ว


เหยียนกงรั่วสามารถพริ ว้ เอวกับเขาได้ ตงแต่ ั ้ รุ่งเช้ าจนถึงเที่ยงคืน
กระทัง่ เขายังต้ องร้ องขอชีวิต ทว่าเย่ฉ่ยุ เหยาไร้ พลังยุทธใดๆ เมื่อ
ต้ องโรมรันกับเขา ร่างกายนางจึงไม่อาจทานทนได้

“เจ้ าจะไปไหนเหรอ?” เย่ฉ่ยุ เหยาคว้ าแขนเขาไว้ โดยไม่ร้ ูตวั

“ไปที่ตระกูลหลิน ตอนนี ้ถึงเวลาแล้ ว หลายวันที่ผ่านมาย่อม


เพียงพอให้ ความคัง่ แค้ นฝังลึกเหนือความภักดี ตอนนี ้ขอแค่มีการ
กระตุ้นเพียงเล็กน้ อย ตระกูลหลินจะตัดสินใจทาสิ่งที่ข้าอยากเห็น
ทันที” เย่หวูเฉินจับมือละมุนของนางไว้ และกล่าว
เย่ฉ่ยุ เหยาดันกายขึ ้นและกอดเย่หวูเฉิน เมื่อลุกขึ ้นนัง่ ผ้ าห่มที่คลุม
ไว้ ก็ไหลลงตามเรื อนร่างขาวหิมะ นางพิงศีรษะกับกายเขาและ
กล่าวเสียงเบา “เสี่ยวเฉิน ต้ องลาบากเจ้ าจริ งๆ.... ทุกสิ่งที่เจ้ ามี
ในตอนนี ้ ไม่วา่ ตระกูลหลินหรื อตระกูลหลง เจ้ าก็สามารถทาลาย
ได้ ง่ายดาย ทว่าเพื่อตระกูลเย่และเพื่อท่านปู่ เจ้ ากลับต้ องทุม่ เท
พยายามทาสิ่งที่ยงุ่ ยาก....”

เย่หวูเฉินสัน่ ศีรษะและยิ ้ม “สาหรับข้ า สิ่งสาคัญที่สดุ ในโลกนี ้คือ


ผู้คนที่อยูข่ ้ างกาย เพียงเหนื่อยแรงเล็กน้ อยก็ทาให้ ทา่ นปู่ สงบ
คลายใจ ทาให้ ตระกูลเย่ได้ เขย่าโลก ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ค้ มุ ความ
เหนื่อย อีกอย่าง....ข้ าคือคนของตระกูลเย่ ไหนเลยจะทาลาย
ชื่อเสียงตระกูลเย่เพียงเพื่อเรื่ องของตน”

ตระกูลเย่ทาให้ เขารู้สกึ ว่าเป็ นส่วนหนึง่ ของครอบครัว บางทีใน


สามปี มานี ้ เขาคงนับตัวเองเป็ นคนของตระกูลเย่แล้ ว

“อืม” เย่ฉ่ยุ เหยายิ ้มงามดุจร้ อยบุปผา เพื่อไม่ให้ ทา่ นปู่ มีชีวิตที่


เหลืออย่างเจ็บปวด เพื่อไม่ให้ ตระกูลเย่เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อ
ไม่ให้ ตระกูลเย่ตกเป็ นเป้าของสานักจักรพรรดิใต้ และสานัก
จักรพรรดิเหนือ เย่หวูเฉินจึงได้ ทาตัวเป็ นคนพิการ ทว่าสาหรับ
ทวีปเทียนเฉินแล้ ว นี่คือจักรพรรดิมารผู้เป็ นเทพแห่งความตาย

ทว่าทังสองสถานะนี
้ ้กลับถูกแบ่งแยกอย่างเรี ยบง่าย เพียงเปลี่ยน
ชุดก็สามารถตบตาผู้คนทังโลก

“หากจัดการเรื่ องในเมืองแล้ ว เจ้ าคิดจะลงมือกับสานักจักรพรรดิ


ใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือจริ งๆหรื อ?” เย่ฉ่ยุ เหยาเงยศีรษะขึ ้น
ม่านตาดัง่ น ้ากระจ่างฉายแววกังวล

เย่หวูเฉินพยักหน้ า และยิ ้มเหมือนไม่ใส่ใจ “ระหว่างข้ ากับสานัก


จักรพรรดิใต้ แม้ วา่ ไม่ได้ มีความแค้ นเคืองต่อกัน แต่หลังจากผ่าน
เหตุการณ์แห่งชีวิตครัง้ นัน้ ข้ าจะไม่ยอมให้ โลกนี ้มีสิ่งใดที่แข็งแกร่ง
กว่าข้ าอีก ต่อให้ ข้าไม่ได้ หาเรื่ องพวกมัน แต่วนั หนึง่ พวกมันย่อม
หาเรื่ องข้ า บางครัง้ การต่อสู้ก็ไม่จาเป็ นต้ องอาศัยความเกลียดชัง”

เย่หวูเฉินจับไหล่เย่ฉ่ยุ เหยา ดันนางให้ นอนลงช้ าๆ และแม้ วา่ จะ


นอนลงแล้ ว แต่เนินหิมะยังคงนูนสูงตระหง่าน เย่หวูเฉินคว้ าเนิน
สูงไว้ ลกู หนึง่ บีบเล่นอย่างเบามือ “พี่หญิง ท่านวางใจเถอะ ถึงแม้
พวกมันจะแข็งแกร่งมาก แต่ความแข็งแกร่งก็กลายเป็ นจุดอ่อนได้
เช่นกัน พวกมันสืบทอดพลังมาหลายปี โดยไร้ ศตั รูที่คคู่ วร สมควร
ทาให้ พวกมันลาพองตัว และคร้ านเตรี ยมการเมื่อเผชิญหน้ ากับ
ศัตรู ยิ่งกว่านัน้ ข้ าไม่ได้ คิดจะต่อสู้กบั พวกมันโดยตรง ผู้คนที่
ติดตามข้ ามาจากหุบเหวปลิดวิญญาณคือคนของข้ า ข้ าไม่อยาก
เห็นพวกเขาเป็ นอะไรไป”

เขาทอดสายตาลง แย้ มยิ ้มและกระซิบกล่าว “ลากหายนะมาเยือน


เปลี่ยนเป็ นเถ้ าถ่านและหมอกควัน”

ประโยคที่กล่าวไม่กี่คานี ้ คือชะตาที่เขาได้ ตดั สินให้ กบั สานัก


จักรพรรดิใต้ และสานักจักรพรรดิเหนือ

ระหว่างนัน้ สายตาของเขาพลันเลื่อนลอยและมองไปไกล เขา


กล่าวเสียงเบา “ที่ข้ากลัวนัน้ ไม่ใช่สานักจักรพรรดิใต้ และสานัก
จักรพรรดิเหนือ....”
เขาต้ องการที่จะควบคุมโลกนี ้ไว้ ทว่าในที่ไกลออกไปนัน้ มีเงา
หนักหน่วงแผ่ทบั หัวใจเขาและยากที่ลบออก

เมื่อออกมาจากห้ องของเย่ฉ่ยุ เหยา เย่หวูเฉินยื่นมือออกทังสอง ้


ข้ าง มีเสียงลัน่ บางดังขึ ้นครัง้ หนึง่ ม่านพลังไร้ สีแสงก็พลันสลายไป
นี่คือม่านพลังที่สร้ างขึ ้นจากพลังหวูเฉิน มันสามารถกันเสี ้ ยงได้
หนึง่ ทิศทาง ด้ วยพลังหวูเฉินที่เลื่อนระดับขึ ้น ทาให้ เขาสามารถใช้
เวทย์อื่นได้ เพิ่มเติม เช่นการอาพรางโดยสมบูรณ์ เมื่อผู้คน
ตรวจสอบร่างกายของเขาจะพบว่ามันว่างเปล่า หรื ออย่างเช่นการ
ใช้ พลังหวูเฉินเข้ าครอบคลุมพลังเพลิงวิญญาณ จะทาให้ สามารถ
อาพรางลักษณะจาเพาะของมันได้ หลายวัน ต่อให้ เป็ นผู้ที่ร้ ูจกั
พลังเพลิงวิญญาณดียิ่งก็ไม่อาจดูออก หรื ออย่างการใช้ พลังหวู
เฉินสร้ างม่านพลังแกร่งกล้ าหลายชัน้

เขาเงยศีรษะขึ ้น มองยังท้ องฟ้าไร้ เมฆ ในสมองหวนนึกถึงความ


เจ็บปวดที่วาบผ่านเข้ ามา พลังแห่งจิตใจนันไม่
้ เคยโกหกเขา
หรื อว่าพี่หญิงจะท้ อง....ไม่น่าใช่ ความรู้สกึ นี ้เห็นได้ ชดั ว่าเป็ น
ความโศกเศร้ า

“ข้ าละเลยสิ่งใดไป?” เย่หวูเฉินพึมพาออกมา

เย่หวูเฉินนัง่ ลงบนรถเข็นด้ วยหัวใจอันหนักอึ ้ง ล้ อรถเข็นค่อยๆ


หมุนเคลื่อนออกไปเอง
ตอนที่ 311 บังคับกลับกลาย

ตระกูลหลิน

ตอนนี ้หลินขวงผ่ายผอมกว่าสามเดือนก่อน ผมเผ้ าและหนวดเครา


หงอกขาวราวหิมะ ไร้ รอยแซมของผมดา ชายชราอายุไม่ถึง 70 ปี
ผู้นี ้ กลับดูคล้ ายอายุมากกว่า 80 ปี

ผ่านความทุกข์ทรมาน ผ่านทุกความเจ็บปวด ในที่สดุ เขาก็ร้ ูวา่


อะไรคือหัวใจที่เย็นเชียบ แห้ งผากราวกับถ่านไฟมอด ในช่วงเวลา
ที่ผา่ นมา ความโศกเศร้ าลึกล ้าทาให้ เขาคิดฆ่าตัวตายอยูห่ ลาย
ครัง้ ทว่าในแต่ละครัง้ เขาจะหยุดลงในชัว่ เวลาสุดท้ าย

เขาไม่อยากทา....แต่ไหนเลยจะอดห้ ามความคิดได้

ทังชี
้ วิตสูญเสียไปเท่าใด? แต่ได้ อะไรกลับคืน?

ความมัง่ คัง่ ? อานาจ? เกียรติยศ? ทุกสิ่งเหมือนหมอกควันที่พดั


ผ่าน ความเศร้ าโศกในตระกูลหลินที่ประสบในยามนี ้ ทังหมด

เกิดขึ ้นเพราะฝี มือใคร?

ใครเป็ นผู้จดั ฉากต่อเสี่ยวเอ๋อร์ ? จะเป็ นเย่หวูเฉินเหมือนที่


จักรพรรดิตรัสไว้ จริ งๆหรื อ?

แต่ความตายของเสี่ยวเอ๋อร์ และซานเอ๋อร์ ....แท้ จริ งล้ วนเป็ น


เพราะน ้ามือของจักรพรรดิ

และเพื่อจะกลบเกลื่อนไว้ เขาถึงกับโกหกจนคนต้ องหัวใจเย็น


เยียบ

ฝ่ าบาท สาหรับท่านแล้ ว พวกเราเป็ นเพียงแค่ขี ้ข้ า เป็ นแค่หมารับ


ใช้ หากไม่เชื่อฟั งก็ไม่ต้องการ แอบสังหารให้ ตายอย่างเงียบๆ
จากนันหลอกลวงสุ
้ นขั ชราผู้นี ้ ที่ยงั พอใช้ งานได้ ให้ สงบใจลง....

ฝ่ าบาท เหตุใดท่านถึงยุติธรรมกับบ่าวชราได้ ถึงเพียงนี ้


หลายวันที่ผา่ นมา เขามักกล่าวคาซ ้าๆอย่างเจ็บปวด ความ ‘ไร้
หัวใจ’ และ ‘โหดเหี ้ยม’ ของหลงหยิน ทาให้ เมื่อเทียบกันแล้ ว เย่หวู
เฉินที่จดั ฉากใส่หลินเสี่ยวกลับกลายเป็ นไม่สาคัญ เขาเหนื่อยล้ า
จิตใจและร่างกายเกินกว่าจะหาคาตอบในเรื่ องนี ้ เวลาแทบ
ทังหมดของเขาคื
้ อบ่นพ้ อต่อหลงหยิน ด้ วยความเกลียดชังซับซ้ อน
ทาให้ กลบฝังเรื่ องใครเป็ นผู้จดั ฉากใส่หลินเสี่ยวจนหมดสิ ้น

เวลานี ้เอง สายตาหมอกมัวพลันมองเห็นบางสิ่ง เป็ นแสงสีขาว


ผสมสีเงินปรากฎขึ ้นต่อหน้ าอย่างฉับพลัน หลินขวงที่สิ ้นหวังยังคง
ตื่นตระหนก เขาเงยหน้ าขึ ้นเล็กน้ อย มองดูบคุ คลที่ปรากฎตัว
ตรงหน้ าอย่างกะทันหัน

“เจ้ าเป็ นใคร?” น ้าเสียงอ่อนแอเอ่ยออก ม่านตาตายด้ านยังหด


ลีบอย่างรุนแรง ร่างกายขยับถอยโดยสัญชาตญาณไปหนึง่ ก้ าว
“เจ้ า....เจ้ าคือจักรพรรดิมาร!!”

ตอนนี ้ ใต้ ฟา้ ปฐพีไม่มีผ้ ใู ดไม่ร้ ูจกั จักรพรรดิมาร รวมถึงพลังแกร่ง


กล้ าและอาภรณ์ที่มีเพียงเขาที่สวมใส่
แม้ หวั ใจจะเหมือนน ้านิ่ง แต่เมื่อฉับพลันได้ เห็นจักรพรรดิมาร คน
ตะลึงเทียมฟ้า หัวใจเต้ นโครมครามอย่างบ้ าคลัง่ หัวสมองสว่าง
วาบ อากาศกลายเป็ นเย็นเยียบด้ วยความกลัว และยิ่งมายิ่งเสียด
แทงเข้ าหัวใจ

เขาอยากตาย หากยังคงหวาดกลัวความตายอยู่ เพราะเขาไม่


อยากตายหลังจากสูญเสียทุกสิ่ง ไม่อยากกลายเป็ นคนอนาถน่า
สมเพช

“ข้ า....ผู้นี ้....คือ....จักรพรรดิ....” เสียงที่เปล่งจากปากจักรพรรดิ


มารช่างน่ากลัว หลินขวงมีชีวิตอยูม่ าจนถึงปานนี ้ ยังไม่เคยได้ ยิน
เสียงใดที่แหบพร่าขนาดนี ้มาก่อน ทันทีที่จกั รพรรดิมารเริ่ มกล่าว
คา ไม่ทราบว่าตอนไหนที่มือเขาถือคันศรโลหิตอันน่ากลัว ศรแดง
ประหลาดพาดอยูห่ ลังสาย ปลายศรชี ้ไปที่ลาคอของหลินขวง

นี่คือคันศรในตานาน.... หลินขวงรู้ดีวา่ ธนูคนั นี ้ เคยยิงหนึง่ ศรที่


สะเทือนฟ้า
“ท่านอยากฆ่าข้ า.... แต่ทา่ นกับข้ าไม่มีความแค้ นต่อกัน เหตุใด
ต้ องฆ่าข้ าด้ วย?” หลินขวงสืบเท้ าถอยหลังออกไปอีก ระหว่างที่
หวาดกลัว หัวใจดัง่ ถ่านไฟมอดก็ยิ่งแห้ งผากทรมานมากขึ ้น ใต้
น ้ามือจักรพรรดิมารไม่เหลือเศษซาก ตระกูลหลินเผชิญหายนะ
ต่อเนื่อง ไหนเลยเขาจะคิดฝันว่าจักรพรรดิมารผู้น่าหวาดหวัน่ จะ
มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้ า

“จักรพรรดิผ้ นู ี ้ไม่ได้ มาฆ่าคน แต่จะฆ่าสุนขั ” จักรพรรดิมารยิ ้มชัว่


ร้ าย

“สุนขั ?” คาๆนี ้ทาให้ ร่างของหลินขวงแข็งค้ าง หลายวันมานี ้ ไม่ร้ ู


เขากล่าวคานี ้ซ ้าๆมาแล้ วกี่ครัง้

“จักรพรรดิแห่งเทียนหลงสมควรถูกสับเปลี่ยน ในเมื่อเจ้ าเป็ นสุนขั


ผู้ภกั ดีของมัน ก็สมควรตกตายเป็ นตัวแรก.... ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ จักรพรรดิผ้ ู
นี ้ลงมือด้ วยตัวเอง นับเป็ นของขวัญล ้าค่า เจ้ าสมควรรู้สกึ เป็ น
เกียรติอย่างยิ่ง จงวางใจ เจ้ าจะไม่เดียวดาย หลังจากเจ้ าตายแล้ ว
ทุกคนในตระกูลหลินจะติดตามเจ้ าไป” ขณะที่เขากล่าวคา
นัยน์ตาสองข้ างก็ฉายประกายเย็นเยียบดุจน ้าแข็ง

หลินขวงม่านตาหดลีบลงอีก ทว่าในที่สดุ เขาก็คอ่ ยๆกลับคืนความ


สงบ กระทัง่ ความหวาดกลัวบนใบหน้ ายังค่อยๆจางลง เขาพิงร่าง
กับผนังและกล่าวอย่างอ่อนแรง “ด้ วยอานาจของสานักมาร ท่าน
อยากรู้สิ่งใดในตระกูลหลินย่อมแทบไม่ต้องสิ ้นเปลืองแรง และข้ า
หลินขวงเป็ นเพียงผู้ต่าต้ อย ไหนเลยจะคูค่ วรให้ จกั รพรรดิมาร
อย่างท่านต้ องลงมือ ท่านมาที่นี่เพื่ออาศัยสถานการณ์ระหว่างข้ า
กับฝ่ าบาท บีบคันให้
้ ข้าทรยศ”

จักรพรรดิมารลดคันศรแดงในมือลง หัวเราะอย่างชัว่ ร้ าย “ฮ่า ฮ่า


ฮ่า ฮ่า หลินขวง เจ้ าไม่ได้ อยูน่ านจนผมหงอกเสียเปล่า ในเมื่อเจ้ า
ทราบเจตนาของจักรพรรดิผ้ นู ี ้ เช่นนันคงรู
้ ้ วา่ ต้ องทาสิ่งใด”

“ด้ วยอานาจของสานักมาร ท่านคิดกาจัดตระกูลหลงย่อมเป็ น


เรื่ องง่ายดายยิ่ง เหตุใดจึงมาใช้ ตระกูลหลินของข้ า” หลินขวง
กล่าวด้ วยแววตาไร้ ชีวิต เพียงหนึง่ ยอดฝี มือขอบเขตเทวะก็ไม่
จาเป็ นต้ องกลัวตระกูลหลง และยิ่งสานักมารมีเทวะอยูต่ งสีั ้ ่คน
ดังนัน้ พวกเขาสมควรมียอดฝี มือระดับรองลงมาอีกนับไม่ถ้วน
อย่างที่เขากล่าวไว้ ด้ วยอานาจถึงเพียงนี ้ คิดกาจัดตระกูลหลงเหตุ
ใดต้ องบังคับตระกูลหลินของเขาให้ ก่อกบฎด้ วย

“จักรพรรดิผ้ นู ี ้ไม่จาเป็ นต้ องตอบคาถามเจ้ า.... เจ้ าย่อมเจ็บปวด


ถึงขีดสุด เกลียดชังจักรพรรดินนั่ ถึงกระดูกดา อ่า.... หากเจ้ ากลับ
กลายทรยศ ไม่เพียงจะได้ ปลดปล่อยความคัง่ แค้ นที่สมุ อยูใ่ นอก
จักรพรรดิผ้ นู ี ้ยังจะไม่เข่นฆ่าผู้ใดในตระกูลหลิน แต่หากเจ้ าไม่ตก
ลง จักรพรรดิผ้ นู ี ้จะล้ างบางตระกูลหลินของเจ้ า ทังเบื้ ้องสูงเบื ้อง
ต่าไม่ให้ เหลือซาก เจ้ าจงเลือกมา”

หลินขวงยิ ้มอย่างเจ็บปวด “มาถึงขันนี


้ ้แล้ ว ยังเหลือทางเลือกใดให้
ข้ าอีก? ทายาททังหมดตกตายอย่
้ างอนาถ ชีวิตที่เหลืออยูข่ อง
คนชราอย่างข้ ามีแต่ความทรมาน คงดีกว่าหากกระทาบ้ าคลัง่
เหมือนที่น้องสองพูดไว้ .... และคงมีเพียงต้ องทาเช่นนี ้เท่านัน้ ข้ า
ถึงจะมีหน้ าไปยมโลกอยู่ร่วมกับลูกหลาน....”
พอกล่าวคาเหล่านี ้ออกมา หลินขวงพลันรู้สกึ ถึงความผ่อนคลาย
ทัว่ ร่าง ราวกับความอัดอันในอกถู
้ กปลดปล่อยออกมา ความภักดี
หลายสิบปี ทาให้ เขาข่มกลันความคิ
้ ดทรยศ ทว่าด้ วยการบีบบังคับ
ของจักรพรรดิมาร หลังจากเขาตัดสินใจเลือกได้ แล้ ว กลับพบว่า
ตนเองไม่ได้ ร้ ูสกึ ต่อต้ าน หากเหมือนได้ ปลดพันธนาการออก

“จักรพรรดิมาร บางทีข้าคงต้ องขอบคุณท่าน หากไม่ใช่เพราะ


ท่านบังคับข้ า ข้ าคงไม่มีวนั ตัดสินใจเช่นนี ้ได้ ” หลินขวงกล่าว
พึมพา

จักรพรรดิมารยิ ้มเงียบงัน “แล้ วข้ าจะมอบโอกาสที่ดีเยี่ยมสุดให้ กบั


เจ้ า”

จากนัน้ ร่างของจักรพรรดิมารกลายเป็ นแสงขาวหายไปโดยไร้


ร่องรอย ราวกับเขาหายไปในอากาศว่าง

เมื่อเย่หวูเฉินกลับมายังห้ องของตน หนิงเสวี่ยก็ยงั คงหลับไหล


อย่างสงบ ทงซินที่จบั กลิ่นอายของเขาได้ ก็ขยับออกด้ านข้ างทันที
ไปพิงกายอยูท่ ี่เขา และแหงนหน้ ามองเงียบๆ

เย่หวูเฉินเก็บหน้ ากากเงินและชุดสีเงินกลับสูแ่ หวนเทพกระบี่ จูง


มือน้ อยๆของทงซินไปที่ข้างเตียง มองดูสาวน้ อยที่นอนหลับเงียบ
งันอยูค่ รู่หนึง่ จากนันกระซิ
้ บ “ทงซิน พวกเราออกไปกันเถอะ”

ทงซินดันรถเข็นของเย่หวูเฉินไปบนท้ องถนนของเมืองเทียนหลง
เพียงทันใดก็ดงึ ดูดผู้คนที่ผา่ นไปมาไม่ขาดสาย แม้ ผ้ คู นต่างรู้วา่
เขามีร่างกายพิการ แต่ก็ไม่มีใครลืมว่าครัง้ หนึง่ เขาได้ สร้ าง
ปาฏิหาริ ย์ “สังหารเทพ” เรื่ องราวของเขาเลื่องลือในอาณาจักร
เทียนหลงตลอดสามปี ตัวตนของเขาแทบจะเป็ นตานาน ตอนนี ้
ใครบ้ างจะกล้ าดูหมิ่นเขา ยามที่เขาเคลื่อนไป ผู้คนต่างแหวก
ออกเป็ นทางให้ เขาผ่าน

“ท่านป้า ที่ติดผมอันนี ้ขายยังไง?” เย่หวูเฉินหยิบที่ติดผมสีดา


อันหนึง่ ขึ ้นมา มองชมอย่างระมัดระวัง มันเป็ นรูปผีเสื ้อดามี
ชีวิตชีวา ทังตั
้ วส่องสะท้ อนแสงดาระยับ
ป้าที่ขายของสิ่งนันกล่
้ าวอย่างเร่งรี บ “ทาให้ นายน้ อยเย่พอใจได้
นับเป็ นเกียรติของข้ าแล้ ว หากนายน้ อยเย่ชอบมัน ก็ขอให้ เอาไป
ได้ ....”

“นี่จะดีได้ อย่างไร?” เย่หวูเฉินยิ ้มและกล่าวแย้ งนาง “ท่าน


ออกมาตากแดดทุกวันเพื่อหาเลี ้องชีพ หากข้ าหยิบเอาของท่านไป
เฉยๆ ข้ าย่อมไม่สบายใจ”

“ถ้ าอย่างนัน้ ข้ าจะคิดราคาให้ นายน้ อยเย่สกั หนึง่ หรื อสองตาลึง”

“เครื่ องประดับงดงามเช่นนี ้ เพียงหนึง่ หรื อสองตาลึงยังถือว่าถูก


ไป” เย่หวูเฉินยื่นมือออกมา นาตาลึงเงินจานวนมากให้ กบั ป้า
จากนันจั้ บมือทงซินแล้ วดึงนางมาอยูต่ รงหน้ า แม้ อยูบ่ นท้ องถนน
เขาก็ชว่ ยจัดผมนางให้ เรี ยบ จากนันเสี
้ ยบที่ติดผมที่เพิ่งซื ้อมา
ให้ กบั นาง เรื อนผมดาของนางดัง่ ราตรี สะท้ อนตัดกับผีเสื ้อที่
งดงาม

“ทงซินของข้ าเหมาะกับสีดาที่สดุ ” เย่หวูเฉินสัมผัสใบหน้ านาง


และหัวเราะขณะกล่าว ใบหน้ าดัง่ หยกสลักละเอียดเหมือนแป้งนัน้
น่ารักอย่างเหลือเชื่อ นางได้ กลายเป็ นเงาของเขา ติดตามตลอดไป
อย่างโง่งม ไม่ปรารถนาจะละจาก ตอนนี ้เขาไม่กล้ าห่างนางแม้ แต่
เพียงวันเดียว

เย่หวูเฉินลูบใบหน้ านางอย่างอ่อนโยน มองดวงตานางที่คอ่ ยๆ


พร่ามัว ด้ านหลังเขามีสายตาประหลาดจ้ องมองมา เย่หวูเฉิน
สัมผัสได้ เลือนลางและหันไปดู เขาพบว่าเป็ นสาวน้ อยคนหนึง่ ที่
มองมาอย่างระวัง เขารู้สกึ คุ้นหน้ าตังแต่
้ ครัง้ แรกที่เห็น

ทงซินยังคงยืนนิ่งอยูต่ รงนัน้ ราวกับว่าหลอมละลายไปใน


ความรู้สกึ ในโลกนี ้มีเพียงเย่หวูเฉินที่สมั ผัสหัวใจนาง และเพียงเย่
หวูเฉินเท่านันที
้ ่สามารถทาหัวใจนางให้ แหลกสลายอย่างง่ายดาย

สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเกิดขึ ้นจากแรงปะทะทางวิญญาณ
พวกเขาสามารถรู้สกึ ถึงหัวใจของอีกฝ่ าย เมื่ออยูห่ า่ งไกลสามารถ
สัมผัสได้ ถึงการดารงอยู่ เพียงที่ติดผมธรรมดาอันหนึง่ ก็ปัดเป่ า
ความรู้สกึ หวาดกลัวว่าเขาจะเลิกโปรดปราน สาหรับทงซินแล้ ว
สัมผัสนี ้สะเทือนถึงโลกทังใบของนาง

นางไม่ได้ ไร้ อารมณ์ความรู้สกึ ทว่าความรู้สกึ ของนางนัน้ มีให้


เฉพาะเพียงหนึง่ บุคคลอย่างรุนแรง

ขณะที่เย่หวูเฉินหันมา สาวน้ อยคนนันก็


้ เห็นใบหน้ าของเขาเช่นกัน
เป็ นดรุณีน้อยในชุดสีสนั สดใส ในมือถือเขาแกะสองอัน ทังอายุ้
และร่างงามดูใกล้ เคียงกับทงซิน ใบหน้ าที่ตกใจดูน่ารักไร้ เดียงสา
อย่างสาวน้ อยคนหนึง่ หลังจากดรุณีน้อยมองหน้ าเขาอยูค่ รู่หนึง่
นางก็สง่ เสียงดีใจ “พี่ชาย ที่แท้ ก็เป็ นท่าน! ท่านจาข้ าได้ รึเปล่า?”

คาพูดของสาวน้ อยเป็ นอันยืนยันว่าเขาเคยพบนางมาก่อน


หลังจากขุดค้ นความทรงจาอย่างรวดเร็ ว ในที่สดุ เขาก็แปลกใจ
เพราะจาได้ วา่ เคยเห็นนางที่ไหน ทันใดนันเขายิ
้ ้มกล่าว “แน่นอน
ว่าจาได้ น้ องหญิง ครอบครัวของเจ้ าอยูท่ างฝั่งตะวันตก เหตุใดจึง
ได้ มาที่นี่?”
ตอนที่ 312 เสี่ยวม่ อ

ดรุณีน้อยเมื่อได้ ยินคาตอบก็ยิ่งฉีกยิ ้มน่ารัก คิ ้วเสี ้ยวพระจันทร์


บางโค้ งขึ ้น รอยยิ ้มดีใจดุจดอกไม้ ออ่ นโยนที่เบ่งบาน นาพาความ
แช่มชื่นมาสูใ่ จคน นางกล่าวด้ วยรอยยิ ้ม “พี่ชายยังจาข้ าได้ ดีใจ
จริ งๆ ตอนนันพี ้ ่ชายช่วยข้ าไว้ ทาให้ ข้าอยากพบท่านอีกครัง้ โชคดี
ที่วนั นี ้ท่านพ่อกับท่านแม่พาข้ ามาเที่ยวเล่น....”

“เสี่ยวม่อ นัน่ ใครเหรอ?” ข้ างกายของสาวน้ อย เป็ นชายหญิงคู่


หนึง่ อายุราว 30 กว่าปี สตรี ผ้ นู นมองเย่
ั้ หวูเฉินที่อยูบ่ นรถเข็น
น ้าเสียงฟั งดูหดหู่ สีหน้ าไม่ได้ แปลกใจหรื อสงสัย กล่าวได้ วา่ แทบ
จะไร้ อารมณ์ บุรุษที่อยูถ่ ดั จากนางก็เป็ นเช่นเดียวกัน แววตาของ
เขาราวกับคนตาย ทาผู้คนที่มองเห็นให้ ร้ ูสกึ อึดอัดขึ ้นมาทันที

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เขาคือพี่ชายที่เคยช่วยข้ าไว้ ในปี นน”ั ้ สาวน้ อยที่


เรี ยกว่าเสี่ยวม่อกล่าวตอบด้ วยเสียงอ่อนหวาน รอยยิ ้มสดใสไร้
ตาหนิชา่ งตัดกับใบหน้ าแข็งทื่อของพวกเขาสองคน ดรุณีเยาว์วยั ผู้
นี ้ คือคนที่เย่หวูเฉินเคยช่วยไว้ ระหว่างการเร่งรุดไปยังเมือง
เทียนฟง สิ่งที่ทาให้ เย่หวูเฉินอดแปลกใจไม่ได้ ก็คือ นอกจากชุดที่
สวมใส่แล้ วนางไม่ได้ เปลี่ยนไปแม้ แต่น้อย.... ทังอายุ
้ และใบหน้ า
อ่อนเยาว์ของนาง....กลับเสมือนหนึง่ เมื่อสามปี ก่อนไม่มีผิด! ราว
กับว่านางไม่เคยเติบโตขึ ้นเช่นเดียวกับหนิงเสวี่ยและทงซิน

สตรี ผ้ นู นตอบกลั
ั้ บด้ วยเสียง “โอ้ ” คาหนึง่ จากนันไม่
้ มองเย่หวูเฉิน
อีก นางกล่าวคาไร้ อารมณ์เหมือนตอนต้ น “ไปกันเถอะ”

“อืม” สาวน้ อยดูเหมือนจะเคยชินกับท่าทางไร้ อารมณ์ของมารดา


ใบหน้ าเผยรอยยิ ้มไร้ เดียงสาอีกครัง้ ชะโงกหน้ าน้ อยๆกล่าวกับเย่
หวูเฉินอย่างน่าฟั ง “พี่ชาย....ข้ าไปก่อนนะ.... จริ งสิ พี่ชายชื่ออะไร
เหรอ?”

“ข้ าชื่อว่าหวูเฉิน เจ้ าเรี ยกว่าเสี่ยวม่อ ถูกต้ องมัย?”


้ เย่หวูเฉิน
กล่าวด้ วยยิ ้มบาง

“อื ้ม! พี่หวูเฉิน ข้ าจะจาชื่อของท่านไว้ .... ข้ าไปก่อนนะพี่หวูเฉิน”


พ่อแม่ของนางไม่ให้ เวลาอีก พวกเขาหันกายแล้ วเดินออกไปอย่าง
ไม่สนใจ เสี่ยวม่อกล่าวลาเย่หวูเฉินแล้ วตามไปอย่างเร่งรี บ หาก
เพียงเดินไปได้ ไม่กี่ก้าว นางก็หนั กลับมาแล้ วยื่นมือน้ อยๆ วางของ
ลงบนมือของเย่หวูเฉิน “พี่หวูเฉิน ท่านเอานี่ไว้ ทานนะ”

พอวางของเล็กๆลงบนมือของเย่หวูเฉินเสร็ จ สาวน้ อยก็กระวน


กระวายวิ่งออกไป ติดตามบิดามารดาแปลกๆคูน่ นั ้ ก่อนที่ร่าง
เล็กๆนันจะกลื
้ นหายไปกับฝูงชน นางหันศีรษะกลับมา และยิ ้ม
อ่อนหวานให้ เขาอีกครัง้

เมื่อนางหายไปจากครรลองสายตา เย่หวูเฉินก็หนั กายกลับ สีหน้ า


แห่งความสุขกลายเป็ นทะมึนลงเล็กน้ อย ดวงตาสองข้ างค่อยๆหรี่
ลง เขายกฝ่ ามือขวาขึ ้น มีลกู อมห่อไว้ อย่างดีวางอยู่ นี่คือของขวัญ
ที่เสี่ยวม่อมอบให้ เขาเพื่อเป็ นการตอบแทน

ความรู้สกึ นี ้....

คิ ้วของเย่หวูเฉินขมวดมุน่ ขึ ้น ตอนที่มือของสาวน้ อยสัมผัสกับมือ


เขา เขารู้สกึ ถึงความเย็นเยียบเสียดถึงไขกระดูก ความเย็นดุจ
น ้าแข็งนี ้ไม่ได้ เกิดจากการสัมผัส หากแต่เป็ นพลังจิตใจที่พลันพวย
พุง่ ขึ ้นมา หากเขาเป็ นเพียงคนทัว่ ไปธรรมดา ย่อมไม่อาจสัมผัสถึง
มันได้

ทงซินขยับมาอยู่ข้างเขาเงียบๆ แววตาของนางยามนี ้ ยังคงพร่า


มัวด้ วยความหลงใหลอย่างไม่อาจแก้ ไข เย่หวูเฉินบีบลูกอมในมือ
สูดหายใจบางและยิ ้มกล่าว “ไปตรงนันกั
้ นเถอะ”

ทงซินไม่มีปฏิกิริยาใดๆ.... หรื อว่านางจะสัมผัสไม่ได้ ?

ดูเหมือนว่าเรื่ องนี ้จะน่าสนใจมากกว่าที่คิดไว้

บ้ านหมอกฝัน

หลังจากผ่านไปสามปี ในที่สดุ เขาก็ได้ มาเยือนที่นี่อีกครัง้ ทุกสิ่งที่


อยูต่ รงหน้ ายังคงเหมือนเดิม เย่หวูเฉินไม่สนใจสายตาตกใจของ
ผู้คน เขาตรงเข้ าไปที่ประตูของบ้ านหมอกฝัน พบกับสตรี ที่อยูต่ รง
ทางเข้ าที่สีหน้ าคล้ ายชะงักงัน เขากล่าวเสียงเบา “ข้ ามาพบฉุ่ยเมิ่ง
ฉาน”

ขณะเดียวกัน ประตูของห้ องที่อยูช่ นบนสุ


ั้ ดก็ถกู ผลักออก ฉุ่ยหลิง
เอ๋อร์ กระซิบที่ข้างหูของฉุ่ยเมิ่งฉาน “องค์หญิง เย่หวูเฉินมาพบ
ท่าน ตอนนี ้เขาอยูข่ ้ างล่าง”

“พบข้ า?” ฉุ่ยเมิ่งฉานประหลาดใจมาก ตังแต่ ้ คืนนันก็


้ นบั ว่านาง
พ่ายแพ้ การทดสอบกับเย่หวูเฉิน นางไม่เคยติดต่อกับเขาด้ วย
ตัวเองอีกเลย ทว่าหลายวันที่ผา่ นมา นางยากนักที่จะสงบใจ ต่อ
ให้ นางไม่อยากนึกถึงก็ไม่อาจห้ ามได้ เนื่องจากคาพูดสุดท้ ายของ
เย่หวูเฉินเป็ นดุจใบมีดที่จอ่ ลาคอนาง ความเปลี่ยนแปลงนี ้ ล้ วน
อยูใ่ นสายตาของฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ ที่อยูร่ ่วมกับนางตลอดวันคืน

เป้าหมายของเย่หวูเฉินที่มาที่นี่ยอ่ มไม่อาจทราบได้ หากสิ่งหนึ่งที่


แน่นอนย่อมไม่ใช่ “เงื่อนไข” ในคืนนัน้ ทว่าด้ วยอุปนิสยั และ
สติปัญญาของเขา นางจึงไม่อาจสงบใจลงได้
“ให้ เขาขึ ้นมา....ช่างเถอะ เขามาถึงแล้ ว”

เวลานี ้เองประตูถกู ผลักออก เย่หวูเฉินยังคงนัง่ บนรถเข็นที่ทงซิน


ค่อยๆดันเข้ ามา แน่นอนนางย่อมไม่ได้ เข็นเขาขึ ้นบันไดจาก
ชันหนึ
้ ง่ หากแต่เป็ นพาบินลิ่วขึ ้นมาโดยตรง

เมื่อเห็นใบหน้ าที่เสมือนไม่แยแสสิ่งใดของเย่หวูเฉินแต่ละครัง้ ทัง้


ยังยิ ้มบางขณะควบคุมกุมทุกสิ่ง ฉุ่ยเมิ่งฉานจะรู้สกึ ไร้ พลังจากก้ น
บึ ้งหัวใจทุกครัง้ นางนัง่ อยูห่ ลังม่านและถอนใจบาง “คุณชายเย่
ไม่ได้ พบกันนาน”

“โอ้ ? เมื่อไม่นานนี ้พวกเราเพิ่งร่วมห้ องผ่านคืนอัศจรรย์ร่วมกัน


ที่วา่ ‘ไม่ได้ พบกันนาน’ นี ้หมายถึงอะไร?” เย่หวูเฉินเลิกคิ ้วขึ ้น
กล่าวพร้ อมกับปั น้ สีหน้ า

แม้ วา่ ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ จะป้วนเปี ย้ นอยู่ข้างกายฉุ่ยเมิ่งฉานอยู่


ตลอดเวลา หากตอนนี ้นางยังคงแสดงความตกใจเล็กน้ อย ตอนที่
ฉุ่ยเมิ่งฉานเข้ าห้ องนอนของเย่หวูเฉินในคืนนัน้ นางไม่ได้ บอก
กล่าวแก่ผ้ ใู ดรวมทังฉุ
้ ่ยหลิงเอ๋อร์ ฉุ่ยเมิ่งฉานไม่สนใจและเลี่ยงจะ
ตอบคา “วันนี ้คุณชายเย่มาหาด้ วยตัวเอง ไม่ทราบมีสิ่งใดจะบอก
กล่าวแก่เมิ่งฉาน?”

“โอ้ หากบอกว่าวันนี ้ข้ ามาเพื่อคุยเรื่ องหัวใจกับท่าน ท่านจะเชื่อ


หรื อไม่?” เขาเคลื่อนสายตาไปที่ฉ่ยุ หลิงเอ๋อร์ จากนันกล่ ้ าว “ด้ วย
สถานะองค์หญิงแห่งสานักจักรพรรดิใต้ โดยรอบนี ้ย่อมมีหลายคน
ซ่อนอยู่ ข้ าคงต้ องบอกว่าเรื่ องที่จะคุยกันต่อไปนี ้ มีเพียงข้ ากับ
ท่านที่สามารถรับรู้ได้ หากผู้อื่นรู้เข้ าย่อมไม่เป็ นการดี”

เขาแสดงสีหน้ ากากวม และไม่กล่าวคาอีก

ฉุ่ยเมิ่งฉานกล่าวโดยไม่ลงั เล “พวกเจ้ าถอยไปก่อน ก่อนที่นาย


น้ อยเย่จะกลับออกไป ห้ ามเข้ าใกล้ ที่นี่ หลิงเอ๋อร์ เจ้ าก็ออกไป
ด้ วย”

“แต่....” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ หวั ใจบีบรัด หลังจากมองดรุณีงดงามที่


ติดตามอยูด่ ้ านหลังเย่หวูเฉินด้ วยสายตาซับซ้ อน นางก็หยุดปาก
ไม่กล่าวต่อแม้ ครึ่งคาอีก ฝี เท้ ากลีบบัวบางก้ าวไปยังประตู เมื่อ
ออกไปแล้ วก็ปิดกลับอย่างเงียบเชียบ หากเย่หวูเฉินคิดเอาเปรี ยบ
ฉุ่ยเมิ่งฉานจริ งๆ ด้ วยพลังของสตรี เทพพิโรธที่อยูข่ ้ างกายเขา ต่อ
ให้ มีพวกนางปกป้องอยูข่ ้ างกาย ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้

แน่นอนว่าประมุขแห่งสานักจักรพรรดิใต้ ยอ่ มไม่ยอมให้ ฉ่ยุ เมิ่ง


ฉานมีสมั พันธ์กบั เย่หวูเฉินเพียงเพราะกระบี่หนานฮวง ประการ
แรกเพราะไม่อาจยืนยันได้ วา่ เขารู้ที่อยูข่ องกระบี่หนานฮวงจริ งๆ
ประการที่สองประมุขแห่งสานักจักรพรรดิใต้ ยอ่ มมีจิตคิดเพียง
เอาชนะ ด้ วยพลังแกร่งกล้ าสูงสุด เขากลับเผชิญหน้ ากับผู้มี
สติปัญญาลึกล ้า ข้ อมูลของเย่หวูเฉินทาให้ เขาต้ องระวัง ตอนนี ้ข้ อ
แลกเปลี่ยนของปี นนถู ั ้ กยกเลิกลง และข้ อมูลของกระบี่หนานฮวง
ถูกเย่หวูเฉินกาไว้ มนั่ ในมือ ยามนี ้เมื่อเผชิญหน้ ากับเย่หวูเฉินที่
พิการ สานักจักรพรรดิใต้ กลับไม่กล้ าลงมือกับเขา.... เพราะหนึง่
เหตุผลที่สาคัญยิ่งนัน่ ก็คือ พวกเขารู้วา่ ข้ างกายของเย่หวูเฉินคือ
สตรี เทพพิโรธ คือทงซินที่ยืนอยูต่ รงนัน้

นางเป็ นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึง่ ทว่ากลับคูค่ วรเป็ นคูต่ อ่ กร


กับยอดฝี มือขอบเขตเทวะทังสี ้ ่ ด้ วยศัตรูที่น่ากลัวถึงเพียงนี ้
นอกจากว่าจนตรอกถึงขีดสุด พวกนางย่อมไม่กล้ ากระตุ้นโทสะทง
ซิน ต่อให้ เป็ นสานักจักรพรรดิใต้ ก็ตาม

เหล่าสตรี ผละออกไปในเวลาเดียวกัน แอบซ่อนอยูใ่ นเงามืดตาม


มุมต่างๆ

เมื่อเหล่าสตรี ผละออกไปแล้ ว ในที่สดุ เย่หวูเฉินก็คลายสีหน้ า


กากวมลง เขากล่าวอย่างจริ งจัง “วันนี ้ ข้ าไม่ได้ มาเพื่อพูดเรื่ องการ
แลกเปลี่ยนกับท่าน ไม่ได้ วางแผนทาอะไรกับท่านแต่อย่างใด
เพียงมาบอกความจริ งเรื่ องหนึง่ ที่ปิดซ่อนจากท่านไว้ .... ทว่าความ
จริ งเรื่ องนี ้ ท่านจะต้ องเป็ นผู้ยืนยันด้ วยตัวเอง ข้ าจะบอกเพียงเรื่ อง
ที่ทราบและคาดเดา”

“โอ้ ? ไม่ทราบว่าความจริ งเรื่ องใดที่คณ


ุ ชายเย่จะบอกแก่เมิ่ง
ฉาน?” ฉุ่ยเมิ่งฉานกล่าวเสียงเบา น ้าเสียงสงบนิ่งราวสระลึก
ทว่าหัวใจนางเต้ นกระหน่าอย่างรุนแรง ความจริ ง.... สองคานี ้ทา
ให้ นางคิดถึงบางประโยคที่เขากล่าวถึงในคืนนัน้
ความจริ ง....เป็ นความจริ งแบบใดกันแน่?

เย่หวูเฉินไม่เร่งรี บ เขาค่อยๆกล่าว “อันที่จริ ง มันอาจไม่ใช่ความ


จริ งก็ได้ แต่ก่อนอื่นข้ ามีบางอย่างจะถาม.... เมื่อหลายวันที่ผา่ น
มาข้ าได้ รับข่าวน่าสนใจ ได้ ยินว่าเมื่อ 20 ปี ก่อน สานักจักรพรรดิ
ใต้ ของท่านมีห้องลับที่ไว้ ใช้ สาหรับคุมขังคนสติฟั่นเฟื อนผู้หนึง่ คน
เสียสติผ้ นู นมั
ั ้ กร้ องโหยหวนไม่วา่ เวลากลางวันหรื อกลางคืน ทังยั ้ ง
ถูกขังต่อเนื่องเป็ นเวลาถึง 20 ปี ไม่ทราบว่าเรื่ องนี ้มีอยูจ่ ริ ง
หรื อไม่?

ฉุ่ยเมิ่งฉานขยับคิ ้วงามเล็กน้ อย นางกล่าว “มีเรื่ องนี ้อยูจ่ ริ ง”

“สถานที่คมุ ขังคนสติฟั่นเฟื อนผู้นนั ้ ท่านเคยเข้ าไปหรื อไม่?


เพราะดูเหมือนทุกคนจะไม่ได้ รับอนุญาตให้ เข้ าไป” เย่หวูเฉินถาม
อย่างสนใจ

“คนผู้นนในอดี
ั้ ตเคยทรยศต่อสานักจักรพรรดิใต้ แต่เนื่องจากเขา
สนิทกับท่านพ่อเสมือนเป็ นพี่น้องกัน ดังนันเขาจึ
้ งไม่ถกู สังหาร
และถูกใช้ วิธีคมุ ขังแทน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังผ่านวันคืนอัน
สับสนเขากลับกลายเป็ นเสียสติ” ฉุ่ยเมิ่งฉานไม่ปกปิ ดสิ่งใด นาง
บอกทุกอย่างที่นางรู้ เนื่องจากเรื่ องนี ้ในสานักจักรพรรดิใต้ ไม่ใช่
ความลับใดๆ ทังยั ้ งอาจนับได้ วา่ เป็ นเพียงเรื่ องเล็กน้ อย แต่นาง
สงสัยว่าเหตุใดเย่หวูเฉินจึงถามถึงคนผู้นี ้

ที่น่าสงสัยกว่าก็คือ เย่หวูเฉินรู้เรื่ องของคนผู้นี ้ได้ อย่างไร?

“โอ้ ....” เย่หวูเฉินหรี่ ตาทังสองลงเล็


้ กน้ อย เขายิ ้มกล่าวอย่างผ่อน
คลาย “คาตอบของท่านทาให้ ข้าคลายใจแล้ ว หากท่านตอบข้ าว่า
‘ไม่’ เช่นนันความจริ
้ งที่ข้ากาลังจะพูดถึงคงไม่มีอยู่ หากท่านไม่
เคยไปพบคนเสียสติผ้ นู นั ้ เช่นนันจงไปพบเขา
้ เขาจะบอกความ
จริ งที่พลิกความเชื่อของท่านทังชี ้ วิต”

คากล่าวที่เป็ นปริ ศนาทาให้ หมอกหนาเคลื่อนคลุมหัวใจของฉุ่ย


เมิ่งฉาน นางขมวดคิ ้วและเค้ นสมองคิด ฉับพลันความกลัวก็ผดุ
ขึ ้นในใจ นางพรวดลุกขึ ้นยืน “คุณชายเย่ ท่านอยากบอกอะไรกับ
ข้ ากันแน่”

“ข้ าอยากบอกสิ่งใด ในเมื่อท่านเองก็เดาออกแล้ ว เหตุใดยังต้ อง


ถามข้ าอีก”

“เป็ นไปไม่ได้ .... และข้ าไม่ได้ รับอนุญาตให้ ไปที่นนั่ เพราะที่นนั่


สกปรกและไม่มีสิ่งใด มีเพียงคนบ้ า....”

“ไม่วา่ จะเพราะเหตุผลใด เพียงข้ ารู้วา่ ท่านไม่เคยพบเขาก็


พอแล้ ว” เย่หวูเฉินกล่าวขัดจังหวะนาง “ยิ่งกว่านัน้ นี่ยงั เป็ นเรื่ อง
ของตัวท่านเอง ข้ าเพียงไม่มีอะไรให้ ทา และข้ าเป็ นคนมีเมตตา
ท่านไม่ใช่สตรี ที่โง่เง่า ขนาดข้ าไม่ได้ อยูเ่ มืองเทียนหลงมาตลอด
สามปี ข้ ายังได้ กลิ่นเรื่ องนี ้ ในสามปี นี ้ทัว่ ทังเมื
้ องเทียนหลง
เปลี่ยนแปลงอย่างเงียบงันเพราะฝี มือท่าน คนที่สามารถเปลี่ยน
หมากกระดานได้ ตลอดเวลาเช่นท่าน น่าจะเข้ าใจความจริ งได้ ไม่
ยาก บางครัง้ ธรรมชาติที่เรี ยบง่ายสุดอาจถูกมองข้ ามอย่าง
ง่ายดาย ทว่านัน่ แหละคือสิ่งที่ซอ่ นความลึกลับยิ่งใหญ่ไว้ ”
จบเล่มที่ห้า [เล่ มที่ 5 จักรพรรดิมาร]

You might also like