You are on page 1of 66

ภูและแนวครองชี

มิต่างๆวิต

www.dhamma4u.com
ธรรมะใกล้มอื
20130124 ������������COVER.indd 3 29/01/13 10:47 AM
ธรรมะเลมนอย
เปนหนังสือธรรมะขนาดพกพา รายเดือน ๑๒ เลม
๑๒ เดือน เพื่อเจริญสติและแสวงหาปญญาเบื้องตนสำหรับผู
ไมมีเวลาศึกษาเนื้อหาโดยละเอียด

สามารถมีสวนรวมไดโดย
๑. ผูที่อานแลวคิดวาดีมีประโยชน โปรดสงมอบ
ใหแกผูอื่นตอ เปรียบดั่งทานใหทาน
๒. สนับสนุนการจัดพิมพหนังสือธรรมะเลมนอย
ตามกำลัง
๓. เลือกจัดพิมพหนังสือธรรมะเลมนอย เพือ่ เผยแผ
ในวาระตาง ๆ เชน งานวันขึ้นปใหม งานเฉลิมฉลอง งานบุญ
งานวันเกิด งานสมรส งานศพ ฯลฯ โดยสามารถเลือกเอาเฉพาะ
สวนที่เปนธรรมบรรยายและพิมพบางสวนเพิ่มเติมได

ธรรมะดี ๆ มีติดตัวไว เพื่อเจริญสติและปญญา


รวมเปนเจาภาพ
พิมพธรรมะเลมนอยไดที่
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปญโญ
โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐
ภูมติ า่ งๆ
และแนวครองชีวติ

โดย
พุทธทาสภิกขุ

ล�ำดับที่ ๑๒ ปี ๒๕๕๕
www.dhamma4u.com
เนื่องในโอกาสอบรมภิกษุ สามเณร
อุบาสก อุบาสิกา ในวันธรรมะสวนะ
วันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๑๐
วัดธารน�้ำไหล สวนโมกขพลาราม
ผู้ถอดค�ำบรรยาย พ.ต.ท. เกชา สุขรมย์
ภูมติ า่ งๆ
และแนวครองชีวติ
...สนใจกว่านัน้ ก็จะเห็นได้ พวกอังกฤษนัน้
ตามทีเ่ คยฟังมานานแล้ว มีทฏิ ฐิ มีทฏิ ฐิมาก ใน
การทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงอะไรนีม่ ที ฏิ ฐิมาก แล้วพวก
ที่ชั้นกรรมกร ชั้นอะไรนี้ก็ไม่สนใจอย่างยิ่งเลย
ไอ้พวกที่เป็นนักศึกษาก็มีทิฏฐิมาก ในทางที่
ถือว่าฝรั่งมีวัฒนธรรมสูงเกินกว่าที่จะรับไอ้ลัทธิ
อย่างนี้ หรือพุทธศาสนาในรูปนี้
นี้พวกแผ่นดินใหญ่นั้นเขามันมีมาก เขา
หัวเก่ากว่า ถ้าพูดง่ายๆ ก็หวั เก่ากว่า โดยเฉพาะ
พวกเยอรมัน ก็มีหัวเก่าๆ กลางๆ ไม่ถือทิฏฐิ
ว่าเราเป็นนักปราชญ์มากเหมือนพวกอังกฤษ

ไม่สนใจของแปลกของใหม่ แต่นายคริสมาส
ฮัมเฟรย์ แกก็เคยพูดว่ายังอีกนานกว่าที่พวก
อังกฤษจะปรับปรุงตัวเองให้เหมาะ ส�ำหรับรับ
พุทธศาสนาได้นี่อีกนาน และโดยเฉพาะพระ-
พุทธศาสนาอย่างทีม่ นั เป็นพิธรี ตี องมาก รวมทัง้ ที่
ว่าจะต้องบวช จะต้องถือศีลพิเศษ อันนีย้ งิ่ ใช้กนั
ไม่ได้กบั คนอังกฤษ ทีจ่ ะไปแนะน�ำเรือ่ งอุโบสถ-
ศีล เรือ่ งอะไรต่างๆ นี้ มันไปกันไม่ได้ แล้วมันก็
เหมือนๆ ประเทศไทยนี่ ในประเทศไทยเรานี่ ผูท้ ี่
จะสนใจศึกษา หรือปฏิบตั พิ ทุ ธศาสนาทีเ่ ป็นเนือ้
หาจริงๆ นั่นน่ะ ไม่มีเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีเที่ยว
กระจัดกระจายอยูท่ วั่ ๆ ประเทศ คล้ายๆ กับว่า
ซ่อนอยูอ่ ย่างแห่งละคนสองคน รวมกันแล้วก็ไม่
กี่คน ที่เป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นชิ้น เป็นจ�ำนวน
มากนี้คงยังอีกนาน เป็นไปได้ยาก เป็นเรื่องพิธี
เรือ่ งธรรมเนียม อย่างพวกพุทธสมาคมทีม่ าเคย


ต่อว่าคุณสัญญา (สัญญา ธรรมศักดิ)์ บ่อย เห็นเรือ่ ง
ทอดกฐิน เห็นเรือ่ งอะไรอย่างนี่ ยิง่ กว่าเรือ่ งการ
ศึกษา ถ้ารองลงมาก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาล
เกี่ยวกับเอาหน้าเอาตาทางการเมือง ทางอะไร
อย่างนี้ เราก็ไม่เกรงใจ พูด พูดอย่างกับเพือ่ นรูจ้ กั
กันเอง ก็ดแู ต่ไปคิดกันขึน้ เผือ่ จะดีขนึ้ คงจะดีขนึ้
เท่าที่ นัน่ ว่าพุทธสมาคมก็ไม่มี พุทธสมาคมก็ยงั
ต้วมเตีย้ มในเรือ่ งนี้
ทีนกี้ เ็ ป็นเรือ่ งธุรการมาก เรือ่ งวิชาตัวพุทธ-
ศาสนาแท้ๆ ก็ยงั ไม่รู้ หรือยังไม่ลงรอยกันว่าจะ
เอากันอย่างไร เลยด�ำเนินงานก็ไม่ถกู สนับสนุน
ส่งเสริมก็ไม่ถูก ปล่อยเป็นตลาด อิสระ ใครจะ
มาว่าอย่างไรก็ได้ ที่ต่างประเทศก็เหมือนกัน ที่
เจริญ ที่เขาเรียกกันว่าที่เจริญ ที่มีสถิติกันมาก
พวกมหายาน ตามธรรมเนียม ตามพิธรี ตี อง แบบ
ไหว้ แบบสวดมนต์ แบบอย่างนี้ ทีว่ า่ ในประเทศ


อเมริกาเขามีกันแล้วเป็นแสนๆ พุทธบริษัท ก็
แบบนี้ แบบจีน แบบญีป่ นุ่ แบบศาลเจ้า ก็เอา
พระพุทธรูปไปห่มผ้า ไปเปลีย่ นตามฤดูกาล ไป
จุดตะเกียงตลอด ๒๔ ชัว่ โมง อะไรอย่างนี้ ยังไป
ไม่รอด ในเรือ่ งความรูแ้ ท้ๆ เรือ่ งปฏิบตั ทิ างจิตใจ
แท้ๆ ในประเทศอังกฤษ สังเกตดูกม็ จี ำ� นวนหนึง่
เหมือนกันทีเ่ ขาสนใจ
ทีนพี้ วกเราน่ะให้ไม่ได้ พวกเถรวาทนีใ่ ห้ไม่
ได้ เพราะฉะนัน้ เขาจึงไปสนใจไอ้พวกเซน อย่าง
ญีป่ นุ่ เสียมาก มันก็เรือ่ งเดียวกันนัน่ แหละ เรือ่ ง
ว่าด้วยสุญญตา แต่เขาพูดสนุกกว่า เป็นทีส่ นใจ
กว่า พวกฝรั่งเลยสนใจตามพวกญี่ปุ่น พุทธ-
ศาสนาอย่างญี่ปุ่น อย่างเซนมากกว่าที่จะสนใจ
เถรวาทเรา ซึง่ มีเรือ่ งอย่างเดียวกันทีจ่ ะให้ ตาม
แบบฉบับของเถรวาท แต่เนือ่ งจากในเมืองไทย


นีไ้ ม่สนใจ ไม่เข้าใจ ไม่รอื้ ฟืน้ ไม่สนใจ ก็เลยไม่มี
อะไรจะให้ ก็ยงั เหลือแต่ระเบียบ พิธรี ตี อง นีม่ นั
ดูๆ คล้ายกับว่ามันไขว้กนั อยูอ่ ย่างนี้ มันไขว้กนั
อยูไ่ ม่เจอะกันได้สกั ที ก็ตอ้ งอีกนาน ไอ้วธิ อี ย่าง
ของพวกเซนของญีป่ นุ่ ของจีนนัน้ มันน่าสนุก แล้ว
สนุกจริงๆ ส�ำหรับคนมีปญ ั ญา ทัง้ ยังเป็นโอกาส
ส�ำหรับจะขยายไปในทางศิลปะ ทางวัฒนธรรม
นี้อะไรได้ง่ายกว่า นี่ตลอดเวลาที่คนยังไม่เข้าใจ
เรื่องหัวใจพุทธศาสนา คือเรื่องท�ำลายความ
รู้สึกว่าตัวกูของกูนี้ก็ เขาเรียกว่ายังไม่รู้พุทธ-
ศาสนา ขณะในโลกนี้ การเผยแผ่พทุ ธศาสนายัง
ไม่ถงึ ขีดทีจ่ ะเรียกว่าเป็นพุทธศาสนา คือมันเป็น
เหมือนๆ กัน ระดับเดียวกันกับศาสนาอืน่ เสีย แต่
มันก็มหี วัง มีลทู่ าง มีหวัง ก็จะดีขนึ้ เรือ่ ยๆ ช้าๆ
เร็วไปบ้าง เรามนุษย์


สรุปความแล้วว่า มนุษย์ยังไม่รู้ว่าเรามีชั้น
มีชั้นดีกว่านะ มีระดับหรือมีชั้นอย่างไร รวม
แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดมาท�ำไมน่ะ คุณเพรียง (เพรียง
โรจนรัส) เคยอ่านหนังสือมนูธรรมศาสตร์โดยตรง
ไหม ตัวมนู ไม่เคย ทัง้ ๆ ทีเ่ ป็นนักกฎหมาย เขา
มีเรือ่ งพูดถึงมนูธรรมศาสตร์ใช่ไหม ไปหาอ่านดู
บ้างเดี๋ยวนี้มันก็แพร่หลายเต็มที่ มันประหลาด
อยู่เหมือนกันที่ว่า มนูธรรมศาสตร์นี่ มันตั้งขึ้น
มันโดยใคร หรือว่าใครก็ไม่ทราบ เราสมมติว่า
พระมนู ฤๅษีองค์หนึง่ เอาเถอะ ใครก็ตามใจ จะ
เป็นใครก็ตามใจ เราเอาแต่ว่าไอ้ตัวมนูธรรม-
ศาสตร์นั่นน่ะมันมีอะไรบ้าง มันเรียกได้ว่าเป็น
ของเก่าแก่ที่สุดในอินเดีย เขาก็เป็นนักปราชญ์
เป็นผู้มีปัญญาที่สุด ไม่เฉพาะในแง่กฎหมาย
มันในแง่ที่เกี่ยวกับมนุษย์ทั้งหมดมากกว่า ไอ้
กฎหมายนีเ่ ป็นส่วนหนึง่ ทีม่ นุษย์จะต้องรูจ้ ะต้อง


มีจะต้องท�ำให้เป็นเรือ่ งเป็นราว
มนูธรรมศาสตร์ก็มีพูดถึงไอ้ระดับชีวิต
นัน่ น่ะ ๔ ขัน้ ทีน่ า่ สนใจมาก ให้มนุษย์รจู้ กั ชัน้
หรือล�ำดับของตัวเองให้ถูกต้องแล้วด�ำเนินไป
ให้สมบูรณ์ เมือ่ เป็นเด็กๆ รุน่ หนุม่ รุน่ สาว อันนี้
จนกระทัง่ ถึงรุน่ หนุม่ รุน่ สาวเขาก็เรียกว่า ระดับ
พรหมจารี พรหมจารีนี่ ประพฤติอย่างพรหม นี่
คือประพฤติระเบียบวินยั เคร่งครัดมาก เกีย่ วกับ
การศึกษาการเล่าเรียน การเป็นการอยู่ ศึกษา
กันเต็มที่ ปฏิบตั กิ นั เต็มที่ เรียกว่าพรหมจารีนะ่
ขัน้ หนึง่ ทีนพี้ อถึงขัน้ ที่ ๒ เรียกว่าคฤหัสถ์ ก็ให้
บริโภคผลของการงาน ระบุค�ำว่ากามลงไปเลย
ให้บริโภคกาม ให้แสวงหา ให้… กระทัง่ ท�ำหน้าที่
เป็นบิดามารดา เป็นผูร้ รู้ ส รูว้ า่ ชิมหมดในความ
เป็น เป็นคฤหัสถ์น่ะ นับตั้งแต่การบริโภคกาม
และการเป็นบิดามารดาทีด่ ี มันเป็นการศึกษาที่


ผิดจากไอ้ระดับที่เป็นพรหมจารีมาก เขาถือว่า
เป็นการศึกษาเหมือนกัน การที่เราประกอบ
อาชีพ ครั้นได้ทรัพย์ ได้อ�ำนาจมาบริโภคกาม
มีลูกมีหลาน มีอะไรอย่างนี้ เรียกว่าการศึกษา
ระดับหนึง่ ไอ้ชนั้ หนึง่
ทีนี้ก็อายุเข้าไปขนาดสี่สิบห้าสิบอย่างนี้
ห้าสิบหกสิบอะไรอย่างนี้ ก็เลื่อนชั้นเป็น ชั้น
วนปรัสถ์ ปรัสถะ วนปรัสถ์ ตัวนีต้ ามตัวหนังสือ
แปลว่า “อยูป่ า่ ” เราก็เคยเข้าใจผิดว่าต้องออก
ไปอยูป่ า่ ไว้ดไู อ้ตวั ธรรมศาสตร์ มนูธรรมศาสตร์
มีคำ� อธิบาย ไม่ ไม่หมายเฉพาะอยูป่ า่ จะอยูป่ า่
ก็ได้ จะออกไปอยู่ป่าก็ได้ คงอยู่ในบ้านเรือนนี้
ก็ได้ วนปรัสถ์นี่ แต่วา่ เก็บตัว เลยกลายเป็นคน
เก็บตัว คือไอ้เรื่องเงิน เรื่องทอง เรื่องลูก เรื่อง
เมียนัน้ สลัดไปเลย เหมือนกับทีค่ นแก่ๆ สลัดเรือ่ ง
นี้ไปเล่นกล้วยไม้อะไรอย่างนี้ อย่างคุณเพรียง


เข้าใจดี เล่นของเล่น ไปเล่นกล้วยไม้ แต่นี่เขา
ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ให้สลัดไอ้สิ่งเหล่านั้น แต่เก็บ
ตัวอยู่ในลักษณะศึกษาชีวิตด้านใน กลายเป็น
นักศึกษาสูงขึน้ ไปอีกระดับหนึง่ นีค่ อื ศึกษา คน
เดียว มันเหมือนกับอยูป่ า่ ตัดความสัมพันธ์ ตัด
อะไรมากที่สุดในชีวิตแล้วมองดูภายใน เงินคือ
อะไร ลูกเมียคืออะไร เกียรติยศชือ่ เสียงคืออะไร
เรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรติคืออะไร สังคมคือ
อะไร เก็บตัว อุดหูอดุ ตาเรือ่ งอืน่ ศึกษาแต่เรือ่ ง
นี้ มันเป็นภายในมากทีส่ ดุ แล้ววนปรัสถ์ ได้อยู่
ไปได้อกี และผ่านขัน้ นีไ้ ปได้กถ็ งึ ขัน้ สุดท้าย เรียก
ว่า สันยาส คือสันยาสี สันยาส นีค่ อื จะแจกจ่าย
ไอ้ความรูท้ คี่ น้ ได้อย่างลึกซึง้ นัน่ น่ะ เป็นผูน้ ำ� ทาง
วิญญาณไปเลย ระยะสันยาสนี้ เหมือนเป็นคน
แก่อายุแปดสิบเก้าสิบอะไรก็ตามใจ นั่งท�ำตัว
เป็นแสงสว่างแก่คนทุกคน ทุกชนิด ทุกประเภท


ทุกระดับ
นี่ฟังดูให้ดี เป็นพรหมจารี เป็นเด็ก เป็น
หนุ่ม เป็นสาวก็ต้องท�ำเคร่งครัดที่สุด อย่างวิธี
การศึกษาของเด็ก ของหนุ่มสาว ตลอดถึงศีล
และวัตรต่างๆ ด้วยนะ ถือศีลถือวัตรกันอย่าง
เคร่งครัด เรือ่ งเกีย่ วกับเพศ เกีย่ วกับอะไรอย่าง
นี้ เคร่งครัดมาก ไม่ปล่อยเลย พอถึงอันดับที่ ๒
เป็นคฤหัสถ์ นีถ่ งึ จะปล่อย เรือ่ งระหว่างเพศ เรือ่ ง
การงาน เรือ่ งอาชีพ เรือ่ งเป็นบิดามารดา ขึน้ มา
เลย ค�ำว่าคฤหัสถ์ก็แปลว่า “ผู้อยู่เรือน” นี่ขั้น
ที่ ๓ อายุนไี้ ม่แน่ จะเป็นหกสิบ เจ็ดสิบ อะไรก็
สุดแท้ ไอ้เรือ่ งนัน้ มันจืดเองแล้วล่ะ มันจืดไปเอง
ด้วย มันจึงจะเป็นผูอ้ ยูป่ า่ เป็นวนปรัสถ์ ถ้าพอใจ
ออกไปอยูห่ มิ าลัยเป็นฤาษีชไี พรไปเลยก็ได้ ถ้าไม่
ประสงค์อย่างนัน้ จะอยูท่ บี่ า้ นก็ได้ แต่มนั เปลีย่ น
เปลี่ยนชีวิต เช่นไปอยู่ตามกอไผ่ มุมบ้าน ปลูก

๑๐
กระต๊อบอยูอ่ ย่างนี้ ลูกหลานไม่เกีย่ วแล้วตอนนี้
เป็นวนปรัสถ์ จิตใจหวนระลึกก็แต่ในภายใน แต่
เรือ่ งหนหลัง จนแตกฉานในสิง่ ทีเ่ รียกว่า ชีวติ ถ้า
ไปอยูป่ า่ อยูด่ ง ก็ไปเลย มันก็ไปท�ำอย่างเดียวกัน
ทีนี้ไอ้ขั้นสันยาสนี้ มันสังคมอีกครั้งหนึ่ง
มาในฐานะผู้ส่อง ส่องตะเกียง ให้แสงสว่าง
ทางชีวิตแก่ผู้อื่น แล้วแต่ใครจะไปติดต่อ เด็ก
เล็กๆ ก็ได้ ไปถามเรื่องอะไร จะได้รับค�ำตอบ
ที่มีประโยชน์ที่สุด คนหนุ่มคนสาวจะไปถาม
อะไร ก็ได้รบั ค�ำตอบทีม่ ปี ระโยชน์ทสี่ ดุ หรือคน
แก่คนเฒ่าด้วยกันจะไปปรึกษาหารืออะไรกัน ก็
มันเป็นเรือ่ งสว่างไสวทีส่ ดุ เรียกว่าเป็นผูน้ �ำทาง
วิญญาณได้แล้ว ถ้าเข้าไปอยู่ป่า เป็นฤาษีมุนี
ทีนี้ตอนนี้ต้องกลับมาแล้ว ต้องกลับมาอยู่ตาม
หมูบ่ า้ น เทีย่ วไปตามหมูบ่ า้ น ตามต�ำบล ตามที่
จะให้ประชาชนติดต่อด้วยได้ แต่ไม่ได้เอาอะไร

๑๑
ไม่มีอะไร นอกจากให้ค�ำตอบที่ดีแก่ปัญหาทุก
อย่างเท่านัน้ นีถ่ า้ ว่ามนุษย์คนหนึง่ เกิดมาไม่ครบ
สี่อย่างนี้ ก็เรียกว่าไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่
มนุษย์ทสี่ มบูรณ์แบบของมนุษย์
ทีนี้คุณเพรียงสังเกตดู มนุษย์เดี๋ยวนี้ มัน
เป็นอย่างไร ยิง่ มนุษย์ทนี่ ยิ มกันว่าเจริญแล้ว พวก
ฝรัง่ นี่ มันไม่มที างทีจ่ ะปรับกันได้กบั ระดับทัง้ สีน่ ี้
เลย มันบ้ากิน บ้ากาม บ้าเกียรติ จนแก่เฒ่าเข้า
โลงไป แล้วมันเป็นเด็กๆ มันก็ไม่อยู่ในระเบียบ
วินัยที่ดี เพราะเขาเปิดประชาธิปไตยมาตั้งแต่
แรกเลย เรื่องระหว่างเพศเดี๋ยวนี้ไม่มีศีลธรรม
ไม่มรี ะเบียบ ทีอ่ ะไร ทีจ่ ะต้องเคร่งครัด ถือเป็น
เรือ่ งธรรมดา เปิดให้เด็กๆ ฟรีเต็มที่ ทีนเี้ ป็นพ่อ
บ้านแม่เรือนแล้ว มันก็ยังคิดแต่จะสนุกสนาน
เอร็ดอร่อย ฟุง้ ซ่านเหมือนกับเด็กๆ ก็ยงั มัวเมา
อย่างนีจ้ นถึงขัน้ ทีเ่ ขาจะเป็นวนปรัสถ์กนั ก็ไม่ได้

๑๒
เป็น อันที่เป็นสันยาสีเที่ยวส่องตะเกียงให้พวก
อื่นๆ นั้น เหลวหมดเลย นี่มนุษย์เลวลงอย่าง
น่าใจหายถึงขนาดนี้ ทั้งมนุษย์ มนุษย์ในโลก
สมัยนี้ มันปรับกันไม่ได้กับไอ้ชีวิตสี่ขั้นของมนู
ธรรมศาสตร์
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่มนุษย์สมัยนี้มันเข้าใจ
พุทธศาสนาไม่ได้ เข้าใจไอ้ธรรมะฮินดู ธรรม
สูงสุดอะไรไม่ได้ มันไม่แปลก ถ้าเป็นอย่างครั้ง
พุทธกาล มันอยู่ในระดับระบอบนี้กันทั้งหมด
มันง่ายที่คนจะเป็นพระอรหันต์ หรือเป็นอะไร
มันง่ายมาก
พอมาถึงสมัย นี้มั นยากที่ คนจะเป็ นพระ
อรหั น ต์ ขึ้ น มาได้ ชี วิ ต มั น เปลี่ ย นเป็ น สั ต ว์ ที่
ตะกละจนตลอดชีวิตไป ไม่มีพรหมจารี ไม่มี
คฤหั สถ์ ไม่ มีว นปรั ส ถ์ ไม่ มี สั น ยาส เหมื อ น
ระบอบชีวติ อย่างครัง้ พุทธกาล ซึง่ เหลืออยูม่ าแต่

๑๓
เดิม ก่อนโน้นมันก็มหี ลักอย่างนัน้ กันแล้ว คือว่า
ตัง้ แต่มมี นูธรรมศาสตร์แล้วน่ะกีป่ กี พี่ นั ปีกต็ ามใจ
ถ้าถือตามมนูธรรมศาสตร์มนั ต้องมีชวี ติ อย่างนี้
เพราะฉะนัน้ พวกผูพ้ พิ ากษา ตุลาการอย่าง
นีม้ นั ต้องเป็นพวกผ่านวนปรัสถ์มาแล้วนะ คิดดู
แล้วเดี๋ยวนี้เราเอาเด็กๆ มาเป็นตุลาการนี่ มัน
จะฉลาดหรือจะสูงหรือจะลึกซึ้งหรือจะเห็นแก่
ผูอ้ นื่ ได้อย่างไร ไอ้เด็กๆ ทีย่ งั เห็นแก่เกียรติ แก่
กาม แก่กนิ แก่อะไรอย่างนี้ มันไปไม่รอด มนุษย์
มนุษย์สมัยนีจ้ งึ ไปไม่รอด
นี่ไม่ใช่ว่าเฉพาะประเทศไทย ว่าทีเดียวทั้ง
โลกเลย ไอ้ระบบชีวิตสี่นี้มันมีไม่ได้เสียแล้ว ใน
ฐานะเป็นวัฒนธรรมประจ�ำมนุษย์ มันจะมีได้แต่
เฉพาะคนบางคน หมื่นคน แสนคน จะมีสมัคร
อย่างนี้ได้สักคนหนึ่ง มี คงมี ไม่ใช่ไม่มี ในโลก
เวลานี้ แสนคน ล้านคน จะมีคนสมัครด�ำเนินชีวติ

๑๔
ในระบบสีข่ นั้ ตามมนูธรรมศาสตร์นสี้ กั คนหนึง่
ไอ้มนูธรรมศาสตร์นี้ก็น่านึกอย่างยิ่งว่ามัน
ท�ำไมฤาษีองค์นจี้ งึ คิดอย่างนี้ อาจจะมองเห็นได้
ว่า มันไปตามธรรมชาติทมี่ นุษย์ควรจะได้ดที สี่ ดุ
ทีม่ นุษย์ควรจะได้ ต้องเป็นอย่างนี้ มันจะซ�ำ้ อยู่
อย่างนี้ตั้งแต่เกิดไปจนตายมันไม่ได้ เพราะว่า
ร่างกายมันก็ไม่ยอม มันสมองก็ไม่ยอม อะไรมัน
ก็ไม่ยอม มนุษย์ต้องเปลี่ยนไปเรื่อย จะซอยให้
ถีก่ ว่านีก้ ไ็ ด้ แต่นมี้ นั ไม่ถกี่ ว่า เอาสีข่ นั้ แค่นกี้ พ็ อ
เกิดมาเป็นเด็กๆ อยูใ่ นกรอบในระเบียบในวินยั
ในอะไรทีเ่ คร่งครัดทัง้ ผูห้ ญิงผูช้ าย ระยะหนึง่ ยัง
ไม่เป็นตัวเองยังอยูใ่ นระเบียบ
ทีนขี้ นั้ ที่ ๒ ปล่อยให้ตอ่ สู้ เอ้า, ท�ำไป กินไป
บริโภคกามไป ให้มนั สอนไปอยูใ่ นตัว จนมันเรียก
ว่าอะไร ทีเ่ ขาเรียกกันว่า ดืม่ ด�ำ่ ช�ำ่ ชองอะไรก็ตาม
ใจ ไม่รคู้ ำ� นีว้ า่ อะไรดี

๑๕
จนมาถึงไอ้ขั้นที่เรียกว่าวนปรัสถ์ พอกันที
โว้ย ประโยชน์โลกนีพ้ อกันทีโว้ย ประโยชน์โลก
อืน่ ทีล่ กึ กว่า มันจึงเอาหงอกเส้นแรกเป็นเครือ่ ง
วัดให้กันน่ะ ดูท�ำนองนี้มีในบาลี แล้วก็เปลี่ยน
ชีวติ เลือ่ นชัน้ เป็นชัน้ ทีส่ าม ไม่บา้ ไม่มวั เมาอย่าง
นัน้ อีกต่อไป ระยะนีก้ ย็ าวคงจะตัง้ ยีส่ บิ ปีเหมือน
กัน เพราะว่าได้หาเงินหาทองหาทรัพย์หาอะไร
ไว้เป็นหลักพอเลี้ยงชีวิตแล้ว ลูกหลานก็มีแล้ว
เอื้ อ เฟื ้ อเคารพบิ ดามารดาด้ ว ยความกตั ญ ญู
กตเวที เพราะอบรมไว้ดตี งั้ แต่เล็ก เพราะฉะนัน้
บิดามารดาเป็นพระอยู่ในบ้านก็ได้ เพราะว่า
อบรมลูกหลานไว้ดตี งั้ แต่เล็ก
ทีนี้พอถึงขั้นหนึ่งซึ่งแน่ใจตัวเองก็ออกสั่ง
สอน หรือว่าจะนั่งอยู่ที่นั่นก็ได้ ทีนี้ก็เปิด เปิด
รับค�ำ เปิดรับตอบปัญหาเหมือนคุณคึกฤทธิ์
(คึกฤทธิ์ ปราโมช) เปิดรับต่อปัญหาแล้วแต่จะถาม

๑๖
อย่างไรมา หรือว่าจะเดินไปตามกระบวนต่างๆ
ก็ได้ ยอมออกไปจากบ้านไปตายเลย ทางนี้ไม่
ต้องเป็นห่วงแล้ว นี่ลองคิดดูว่าใครก�ำลังเป็น
อย่างนี้หรือถือหลักอย่างนี้หรือสมัครจะเป็น
อย่างนี้ นีเ่ รือ่ งทีน่ า่ สนใจทีส่ ดุ ของมนูธรรมศาสตร์
เพราะเขาได้วางหลักมนุษย์ไว้อย่างนีแ้ ล้วนีเ่ รือ่ ง
ต่างๆ มันง่ายสิ ไอ้เรือ่ งกฎหมาย เรือ่ งอะไรต่างๆ
ไอ้เรือ่ งธรรมจรรยา เรือ่ งต่างๆ มันง่ายสิ ถ้าคน
มันยอมรับไอ้หลักการใหญ่เป็น ๔ ขัน้ อย่างนีก้ นั
เสียก่อน มันง่าย
ทีนี้คนเดี๋ยวนี้ไม่ยอมรับ แม้แต่เด็กๆ ก็
อยากจะเป็ น อิ ส ระ อยากจะเป็ น ตั ว กู เป็ น
ประชาธิปไตย เป็นอะไร นี่เรือ่ งมนูธรรมศาสตร์
ชี วิ ต ๔ ขั้ น สรุ ป เสี ย ที ว ่ า เป็ น พรหมจารี
เคร่งครัดทีส่ ดุ แล้วเป็นคฤหัสถ์ –ต่อสูก้ บั โลก
อย่างถึงพริกถึงขิง แล้วเป็นวนปรัสถ์ –เก็บตัว

๑๗
เงียบ มองดูชีวิตในด้านลึก แล้วเป็นสันยาส
–ตอบปัญหาชีวติ ทุกแง่ ทุกมุม ทุกคน ทุกแก่
คน ทุกขัน้ ทุกวัย
ทีนมี้ นั น่านึกอีกอย่างทีว่ า่ ไอ้ภาพเซน ๑๐
ภาพที่เขียนแถวนี้ คุณเคยขึ้นไปดูแล้วเหรอ นี่
มันเข้ากันได้ดเี ลย แต่นมี้ นั แบ่งเป็น ๑๐ ตัง้ ๑๐
ตอน ไอ้ตอนแรกเกิดมายังไม่รอู้ ะไร ไม่รวู้ า่ รอย
วัวอยูท่ ไี่ หนนี่ กระทัง่ เห็นรอยวัว กระทัง่ ตามไป
จับวัวได้ กระทั่งฝึกวัว กระทั่งใช้ประโยชน์จาก
วัว ก็ขวี่ วั เป่าปี่ ในทีส่ ดุ มานัง่ แหงนดูพระจันทร์
อยูน่ นั่ แล้วก็วา่ งไว้ทหี นึง่ ภาพที่ ๘ ว่างเลย ไม่มี
อะไร ไม่มีความหมายนั้น นั่นน่ะที่สุดของของ
วนปรัสถ์ ทีนภี้ าพที่ ๙ ที่ ๑๐ ก็เกิดใหม่ ผลิดอก
ออกมาใหม่ เที่ยวส่องตะเกียง เที่ยวแจกของ
ภาพสุดท้าย เหมือนกันเลย ความหมายเหมือน
กันแท้กบั ไอ้ชวี ติ ๔ ชัน้ ของมนูธรรมศาสตร์

๑๘
ที นี้ ม าถึ ง พวกพุ ท ธเราบ้ า ง เคยฟั ง เรื่ อ ง
ภูมิ ๔ ไหม ภูมิ ๔ กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ โลกุตตรภูมิ ๔ นั่นน่ะ แล้วเคย
นึกอย่างไร พวกอภิธรรมมันโง่ มันเอาไปท�ำ
เป็นเรือ่ งลึกลับเข้าใจไม่ได้เสีย ทีจ่ ริงเรือ่ งนีไ้ ม่ใช่
พุทธภาษิตหรอก แต่มันดีที่สุดที่จะมาปรับเป็น
มนูธรรมศาสตร์ หรือชีวติ แบบเซนเป็นสิบๆ ขัน้ นี้
กามาวจรภูมิ คือว่ายอมให้คลุกคลีอยู่ใน
กาม ยอมให้คนที่เกิดมานี่ เกี่ยวข้อง เป็นอยู่
ต่อสู้อะไรกันในเรื่องของกาม พอเรารวบหมด
ในเรื่องพรหมจารีหรือคฤหัสถ์นี่เอามาไว้ตอนนี้
หมด ให้ศกึ ษา ให้เล่าเรียน ยอมให้เกีย่ วข้องกัน
ไปในทางกาม ให้มกี ามเป็นสรณะ อะไรก็ได้ แต่
ขอให้มันท�ำให้ถึงที่สุดเลย เด็กๆ ก็ให้ประพฤติ
ให้ถูกต้องในเรื่องกาม ให้ประพฤติปฏิบัติใน
ทางที่จะได้ผลเป็นกามารมณ์ที่ตนปรารถนา ที่

๑๙
เรียกว่าสวรรค์ หรือเรียกว่าอะไรก็สดุ แท้ แต่ไม่
ได้หมายความว่าให้สำ� มะเลเทเมา ให้หยาบโลน
ลามกอนาจารอย่างตันตริก อย่างอันนัน้ มันไม่ใช่
อย่างนัน้ ต้องประพฤติดี ต้องมีศลี ต้องขยัน ต้อง
มีธรรมะ มากมายหลายหลายๆ ข้อ หลายสิบข้อ
เราจึงจะประสบความส�ำเร็จ ในการมีเงิน ในการ
มีกามคุณทีต่ อ้ งการ มีครอบครัว มีลกู มีหลานที่
ดี นีก่ ามาวจรภูมิ มันสิน้ สุดลง ภูมหิ นึง่
ทีนี้อายุมันก็ปาเข้าไปตั้งสี่สิบห้าสิบแล้ว
ห้าสิบหกสิบอะไรก็ตามใจ มันจะเลื่อนขึ้นชั้น
รูปาวจรภูมิ คือเรือ่ งกามนัน้ จืดไป เอาเรือ่ งวัตถุ
บริสทุ ธิเ์ ข้ามาแทน ธรรมชาติมนั ก็บงั คับอย่างนัน้
ก็อายุเข้ามาขนาดนีแ้ ล้ว เพราะฉะนัน้ คนโดยมาก
จึงมาเล่นต้นไม้ เล่นอะไร อย่างคุณเพรียงนี่ มัน
เข้าขั้นรูปาวจรภูมิ แต่เขาไม่ได้หมายว่าไปเล่น
อย่างนัน้ อย่างเดียว เขาหมายถึงว่าให้ศกึ ษาชีวติ

๒๐
ในด้านรูป วัตถุ ไม่เกีย่ วกับกามารมณ์ ไม่เกีย่ วกับ
กามคุณ เพราะฉะนัน้ เราต้องเข้าใจอะไรต่างๆ ที่
เราจะต้องเข้าใจนี่ หรือถ้าจะหาความสุขกันก็
เถอะ ต้องหาความสุขทีไ่ ม่ใช่กามแล้ว หาความ
สุขทีเ่ กีย่ วกับรูปบริสทุ ธิ์ วัตถุบริสทุ ธิ์ แม้ทสี่ ดุ จะ
เป็นศีล เป็นอะไรแล้วก็ยงั ได้ จิตใจมันสูงอยูแ่ ล้ว
ทีไ่ ม่ลมุ่ หลงในกาม ยกขึน้ มาสูไ่ อ้รปู บริสทุ ธิน์ ี้
ทีนี้ถ้าไอ้เรื่องรูปนี่ โดยอาศัยว่าวัตถุเป็น
เครื่องช่วยนี้มันจืดเสียแล้ว มันก็ไปลึกในเรื่อง
อรูป เขาเรียกว่า อรูปาวจร คือเรือ่ งนาม เรือ่ ง
จิต เรือ่ งทีไ่ ม่มตี วั เป็น abstract ไปเลย นัน้ น่ะ
ก็คอื ขัน้ วนปรัสถ์อย่างทีว่ า่ มองดูชวี ติ มองดูโลก
มองดูไอ้ทุกสิ่งในเรื่องที่ไม่ใช่กาม ไม่ใช่วัตถุ แต่
เป็นเรือ่ งนาม เรือ่ งความว่าง เรือ่ งวิญญาณ เรือ่ ง
อะไร ดูกันตอนนี้ อากาสานัญจายตนะ –เรื่อง
ความว่าง วิญญาณัญจายตนะ –เรื่องวิญญาณ

๒๑
อากิ ญ จั ญ ญายตนะ –เรื่ อ งความไม่ มี อ ะไร
เนวสัญญานาสัญญายตนะ –ความรู้สึกชนิดที่
ตายแล้วก็ไม่ใช่ ยังอยู่ก็ไม่ ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่
ละเอียดกันถึงขนาดนัน้ นีม่ นั รูปเดียวความหมาย
เดียวกับไอ้ชนั้ วนปรัสถ์ ทีม่ องสิง่ ต่างๆ ในด้านลึก
เป็นนามธรรม แล้วก็พอใจมีความสุขอยู่ด้วยสิ่ง
เหล่านี้ นีม่ นั สูงขึน้ มาถึงขัน้ ที่ ๓
นีข้ นั้ ที่ ๔ ถ้าไปรอด ก็คอื ขัน้ ทีไ่ ม่มตี วั กู ไม่มี
ตัวเรา ไม่มขี องเราทีเ่ รียกว่า โลกุตตรภูมิ ภูมทิ ี่
๔ นี่จะเป็นภูมิพระอริยเจ้า นับตั้งแต่โสดาบัน
สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ กันไปเลยนี่ ภูมทิ ี่
๔ แล้วถ้ามนุษย์มาได้ถงึ ภูมทิ ี่ ๔ ก็สมบูรณ์แบบ
อย่างเดียวกัน เกิดมาทีหนึง่ เป็นมนุษย์สมบูรณ์
แบบ ผ่านกามาวจรภูมิ มาสู่รูปาวจรภูมิ แล้ว
ก็สู่อรูปาวจรภูมิ แล้วก็สู่โลกุตตรภูมิ ก็ส�ำเร็จ
ในชีวิตนี้ ทีนี้พวกอภิธรรมมันบ้า แม้แต่กามา-

๒๒
วจรภูมิมันแยกไว้โลกนี้บ้าง ชีวิตชาติหน้าโน้น
บ้าง แม้แต่รปู าวจรภูมแิ ล้วไปพรหมโลกอีกกีส่ บิ
ชาติกไ็ ม่รู้ สอนกันกันไปอย่างนัน้ อาตมาไม่เห็น
ด้วยค�ำสอนชนิดนี้
เพราะฉะนั้ น มั น จึ ง เข้ า กั น ไม่ ไ ด้ กั บ พวก
อภิธรรม มนุษย์คนหนึง่ ชีวติ หนึง่ นีจ่ ะต้องเลือ่ น
จากกามาวจรภูมิขึ้นมาสู่รูปาวจรภูมิ สู่อรูปา-
วจรภูมิ แล้วก็สู่โลกุตตรภูมิ ที่เราก�ำลังพูดเรื่อง
จิตว่าง เรื่องท�ำลายความรู้สึกว่าตัวกูของกูนี้
เราก�ำลังชักชวนกันมาในขัน้ โลกุตตรภูมิ เพือ่ ให้
มนุษย์คนหนึง่ มีความสมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์
ไอ้ภมู ิ ๔ นีไ้ ม่ใช่พทุ ธภาษิต มันอภิธรรมใหญ่รนุ่ ที่
เขาแต่งกันขึน้ พ.ศ.๖๐๐, ๗๐๐ นี่ อภิธรรมปิฎก
นี้ ก็อยูใ่ นพระไตรปิฎกนี้ ภูมิ ๔ นี้ คล้ายๆ ว่ามัน
เปิดช่องให้อธิบายกันได้กว้าง นีไ่ ปอธิบายกันเสีย
ว่า ชาติโน้นตัวตายแล้วเกิด จึงจะไปรูปาวจรภูมิ

๒๓
อรูปาวจรภูมิ หรือไปโลกุตตรภูมิอะไรกันก็ไม่รู้
อีกกี่สิบชาติ ร้อยชาติ พันชาติ แต่เขาหมายถึง
ตายแล้วทัง้ นัน้ แหละ
ที่เรามาแนะว่าให้ดูให้ดีว่าเขาว่าเกิดนั้น
ไม่ใช่เกิดชนิดนั้น ไม่ได้เกิดจากท้องแม่แล้วเข้า
โลงเรียกว่าชาติหนึง่ นัน้ น่ะ ไม่ใช่ ไอ้ความรูส้ กึ คิด
นึกทีส่ มบูรณ์ เป็นตัวกูของกูครัง้ หนึง่ นัน้ เรียกว่า
ชาติหนึง่ เพราะฉะนัน้ วันหนึง่ เราเกิดหลายชาติ
หลายสิบชาติก็ได้ อาจจะหลายร้อยชาติก็ได้ถ้า
ขยันเกิด เกิด ทีนมี้ นั เกิดซ�ำ้ ๆ ซากๆ อย่างนีม้ นั
ฉลาดทุกที ทุกที ทุกที ภายในไม่กปี่ ี มันก็… มัน
ก็เท่ากับเกิดหลายร้อยชาติหลายพันชาติหลาย
หมื่ น ชาติ แล้ ว มั น เบื่ อ เพราะฉะนั้ น มั น จึ ง มี
โอกาสเบือ่ จากกามาวจรภูมมิ าสูร่ ปู าวจรภูมิ จน
คนแก่ๆ นีก่ เ็ บือ่ อยูต่ ามธรรมชาติทจี่ ะคลุกคลีอยู่
กับกามคุณสูม้ าเล่นเป็นของเล่นเฉยๆ อย่างนีไ้ ม่

๒๔
ได้ แล้วมันควรจะสูงขึน้ ไปอีกว่าไอ้ของเล่นนีก้ ย็ งั
หยาบ ยังเป็นของหยาบ วัตถุนสี้ เู้ รือ่ งจิตใจไม่ได้
เพราะฉะนั้นจึงมาสนใจเรื่องเกียรติ เรื่อง
ความดี เรื่องความดีแท้ๆ ความดีจริงๆ อะไร
กันอย่างนี้ มันเป็นตอนนี้ แต่ถ้าจ�ำแนกอย่างที่
เขาระบุไว้ อรูปาวจรภูมนิ นั้ มันก็ละเอียดมากไป
สนใจเรื่องความว่าง สนใจเรื่องวิญญาณ สนใจ
เรือ่ งความไม่มอี ะไร ให้จติ ใจเข้าใจสิง่ เหล่านัน้
ทีนี้ก็มาถึงขั้นที่ว่า บรรเทา บรรเทาความ
เข้าใจว่า มีตัวกูมีของกูกันเถิด มันจึงจะเป็น
โลกุตตรภูมิ ที่ว่าเด็กๆ อายุสิบกว่าปี บรรลุ
พระอรหันต์นี่มันก็ต้องเปลี่ยนเร็วมาก ถ้ามัน
จริง มันก็เทียบในข้อความอรรถกถาธรรมบท
มีอยู่ เพราะว่าคนเป็นอรหันต์เมื่ออายุสิบห้าปี
อายุ ๑๕ ปี ๑๗ ปี นีม้ ๆี มีหลายคนเหมือน แต่
ไม่ใช่สิบๆ คนนะ คือ ๔-๕ คน ๗-๘ คนนั้นใน

๒๕
ประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนา มันต้องเปลี่ยน
เร็วมาก ไอ้เด็กคนนี้มันต้องเปลี่ยนเร็วมาก มัน
มอง มองลึก กระโดดข้ามกามาวจร รูปาวจร
อรูปาวจรไปได้ภายในอายุ ๑๕ ปี
พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ถือเอาอย่างนี้เป็น
หลัก ถือว่ามันไปก็แล้วกัน มันจะกี่ปีๆ กี่สิบปี
ก็ได้ แต่ว่าควรจะไปนะ ควรจะเลื่อนขึ้นไป ให้
ได้อนั ดับสุดท้ายเสียก่อนแต่ทจี่ ะตาย อย่างเป็น
พระอริยเจ้า แม้จะไม่เป็นพระอรหันต์กข็ อให้เข้า
ร่องเข้ารอยของพระอริยเจ้าคือเป็นพระโสดาบัน
โสดาบัน แปลว่า ถึงกระแส พูดเป็นธรรมดาก็เข้า
ร่องเข้ารอยของพระนิพพาน
เพราะฉะนั้นถ้าเข้าร่องเข้ารอยได้ในอายุ
๕๐, ๖๐ ปีนมี้ นั ดีนะ มันมีหวังว่าทีเ่ หลือมันจะ
ถึงพระอรหันต์ได้ ถ้ามันถึงไม่ได้ มันจะต้องถึง
ได้ ในวาระจิตสุดท้ายทีจ่ ะดับจิตนัน่ ทีเ่ ขียนไว้ใน

๒๖
เรือ่ งดับไม่เหลือ อาการตกกระไดพลอยกระโจน
นัน่ น่ะ ไปอ่านดู ถ้ามันรูร้ อ่ งรอยแล้ว มันกระโจน
เป็น ถ้ามันไม่รู้ร่องรอย มันก็ไม่รู้จะกระโจนไป
ทางไหน เพราะฉะนั้นเราควรจะผ่านมาตาม
ล�ำดับในเวลาอันสมควร อายุ ๓๐, ๔๐ นี้เป็น
ภูมกิ ามาวจรตามธรรมดาตามปกติ
ทีนไี้ อ้ ๔๐, ๕๐, ๖๐ นีต้ อนนีม้ นั ควรจะเป็น
รูปาวจร อรูปาวจรอะไรขึน้ มาแล้ว ทีนถี้ า้ ไปทาง
วนปรัสถ์ เก็บตัว เพ่งมองแต่ในด้านใน อายุ ๖๐
เศษ มันจะเขยิบไปสู่โลกุตตรภูมิได้ เพราะเป็น
ผลของการที่นั่งมองดูว่าตัวเองในภายในเป็น
เวลานานพอ มันจับร่องรอยได้ มันก็ไม่ถอยหลัง
กลับแล้ว มันมีแต่ไปข้างหน้าเรื่อย ไอ้ความที่
อยู่ในภาวะที่ไม่ถอยหลังกลับนั่นแหละเขาเรียก
ว่า พระโสดาบัน ถ้ายังถอยหลังกลับอยู่ก็ยัง
ไม่ใช่พระโสดาบัน แม้จะมีความรู้เท่ากัน อย่าง

๒๗
เดียวกัน แต่มนั ไม่มนั่ คง มันยังถอยหลังกลับ ถ้า
มันไม่ถอยหลังกลับก็เรียกว่าพระโสดาบัน ทีนไี้ อ้
เรือ่ งเป็นสกิทาคามี อนาคามี อรหันต์นนั้ นัน่ ไม่มี
ปัญหาแล้ว เพราะมันลงร่องแล้ว มันก็ไปของมัน
เพราะฉะนัน้ ไอ้เรือ่ งภูมิ ๔ นีก่ ค็ อื เรือ่ งชีวติ
มนุษย์ ใน ๔ ขัน้ ใน ๔ ชัน้ ตามหลักของพุทธ-
ศาสนา แม้ว่าเรื่องนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัส แต่
ว่าผู้เขียนเรื่องนี้ ผู้ร้อยกรอง รวบรวมเรื่องนี้ ก็
พูดไปตามหลักที่พระพุทธเจ้าได้วางไว้ หรือว่า
ยิง่ กว่านัน้ ก็คอื ตามหลักฮินดูธรรมดัง้ เดิมของมนู
ธรรมศาสตร์ เข้ารูปกัน ชีวติ ขัน้ ต้นก็เอาเป็นเรือ่ ง
กาม เป็นเรือ่ งตามธรรมชาติของสัตว์ในเรือ่ งกาม
ชีวติ ในท่ามกลางนีก้ จ็ งเป็นเรือ่ งทีส่ งู ขึน้ จากกาม
เป็นเรือ่ งรูปหรืออรูปสองอย่างนี้ ถ้าวัตถุกเ็ ป็นรูป
ถ้าไม่เอาวัตถุกเ็ ป็นอรูป

๒๘
ทีนี้ขั้นสุดท้ายมันต้องเป็นโลกุตตระ คือ
เหนือโลก คือไม่เห็นว่ามีอะไรทีน่ า่ เอา น่าเป็นนัน่
น่ะ ทีนมี้ นั ก็ขาด ขาดอยูค่ ำ� หนึง่ ทีว่ า่ จะเป็นแสง
สว่างแก่ผอู้ นื่ นี้ เราไม่ได้มรี วมอยูใ่ นนี้ เพราะเป็น
อันพูดได้วา่ ไอ้เรือ่ งภูมิ ๔ ภูมนิ ี้ เขาพูดเป็นเรือ่ ง
ปัจเจกชน เฉพาะคน ไม่เกีย่ วกับสังคม เพราะเรา
ไม่ได้เลยไปถึงขัน้ ทีว่ า่ จะเทีย่ วสอนผูอ้ นื่
ส่วนมนูธรรมศาสตร์ทงั้ หมดนัน้ มันเป็นเรือ่ ง
สังคม เพื่อสังคมทั้งหมด เพราะนั้นมันจึงมีขั้น
สันยาส เทีย่ วเป็นแสงสว่างให้ผอู้ นื่ หรือภาพเซน
๑๐ ภาพทีเ่ ขียนนี้ มันมี ๒ ขัน้ สุดท้ายเทีย่ วเป็น
แสงสว่างให้ผู้อื่น เที่ยวแจกของให้ผู้อื่น แต่ใน
ภูมิทั้งสี่ของพวกอภิธรรมนี้หยุดอยู่แค่โลกุตตร-
ภูมิ เป็นอยูเ่ หนือโลก เราก็เรียกว่ามนุษย์นนั้ มัน
ได้ถงึ ทีส่ ดุ ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ส่วนทีจ่ ะไป
เทีย่ วสอนใครหรือท�ำเป็นแสงสว่างแก่ใครนัน้ ดู

๒๙
จะปล่อยไว้เป็นเรือ่ งอีกเรือ่ งหนึง่ ไม่ใช่เรือ่ งส่วน
ตัวบุคคล ซึ่งควรจะท�ำกันทุกคน เป็นเรื่องว่า
ใครสมัครก็ได้ หรือมิฉะนัน้ ก็อาจจะถือว่าคนนัน้
มันมีปาก มีปากแล้วมันก็พดู ถ้าใครมาถามมันก็
พูด ถ้ามันเป็นคนทีร่ จู้ ริงแล้วมันก็พดู มีประโยชน์
อยูเ่ อง หรือยิง่ ไปกว่านัน้ อีกก็ไม่ตอ้ งพูด เพราะ
ธรรมะนีล้ กึ จนกระทัง่ สอนด้วยการหุบปาก เงียบ
นัน่ แหละคือสอนทีแ่ ท้จริง เพราะฉะนัน้ เราก็ไม่
พูด ก็ไม่ตอ้ งพูด ก็กลายเป็นว่าอยูใ่ ห้ดู มีชวี ติ อยู่
ในลักษณะหนึง่ ให้คนดู แล้วให้ดอู ยูท่ ี่ ให้เขาดูเอา
เอง และการทีเ่ ราอยูน่ นั่ แหละคือการสอน การที่
เราท�ำอะไรอยู่ตามปกติของเรานั้นคือการสอน
หรือการพูด เขาดูเอาเอง เขาฟังเอาเอง เขาเรียก
Thunderous Silence ของ วิมลเกียรติ ทีเ่ รา
ก�ำลังเขียนสูตรทางโน้น เพราะมัญชุศรี มันบอก
ให้วมิ ลเกียรติแสดงทางไปนิพพาน วิมลเกียรติก็

๓๐
หุบปาก เหมือนปากคางคกไปเลย
ที นี้ เขาเรี ย กอั น นี้ ที่ ว ่ า Thunderous
Silence คือนิ่งอย่างฟ้าผ่าของมัญชุศรี การนิ่ง
อย่างฟ้าผ่าของมัญชุศรี ไอ้นงิ่ อย่างนีเ้ ป็นวิธสี อน
ของพวกเซน มีอยูห่ ลายเรือ่ งหลายโกอาน หลาย
บันทึก เพราะฉะนัน้ พุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า
อาจจะมุ่งหมายอย่างนี้ ไกลถึงอย่างนี้ เพราะ
ฉะนัน้ จึงไม่พดู อะไรมากนักเกีย่ วกับใครสอน เว้น
ไว้แต่เป็นพระนัน่ เข้าใจไหม ไอ้ทเี่ ราก�ำลังพูดนี้
พูดถึงชีวิตทั่วไปของฆราวาส ทั่วไปของมนุษย์
ไม่ใช่พระนะ แต่พอถึงพระแล้วไม่ได้ ดูไอ้เรื่อง
ส่งภิกษุไปประกาศศาสนาสิ พอได้กี่คนก็ไล่ไป
พอได้กี่คนก็ไล่ไป พอเข้าใจธรรมะนี้ก็ไล่ไป ไล่
ไป ไปสอนๆ ไปสอน อย่าไปทางเดียวกันสองคน
ให้แยกกันไปทางละคน มันจะได้มากๆ นี่ เราก็
รูเ้ จตนาของพระพุทธเจ้าดีใช่ไหม ต้องการจะให้

๓๑
ภิกษุท�ำตนเป็นแสงสว่าง ไม่ทันจะเป็นอรหันต์
เล่า เพียงแต่เข้าร่องเข้ารอยคือเป็นพระโสดาบัน
นั้น ก็ไล่ไปแล้ว ไล่ไปเลย ให้ไปท�ำตนเป็นแสง
สว่าง ให้ไปช่วยกันเผยแพร่ธรรมะนี้
ไม่ได้ตงั้ ใจจะพูดเรือ่ งนี้ ตัง้ ใจจะพูดเรือ่ งว่า
ชีวติ มนุษย์เกิดมามันควรจะได้อะไรกีช่ นั้ กีร่ ะดับ
แล้วก็เลยมานึกถึงมนูธรรมศาสตร์ เรือ่ งชีวติ ๔
ขัน้ ทีด่ ที สี่ ดุ แล้วก็เรือ่ งพระอุมา เรือ่ งเซน เรือ่ ง
จับวัวของจีน ๑๐ ภาพ หรือว่าเรือ่ งภูมิ ๔ ของ
พวกอภิธรรม กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปา-
วจรภูมิ โลกุตตรภูมิ ๔ ภูมนิ ี้ เขาต้องเป็นเรือ่ งไม่
ชัว่ ชีวติ นี้ อย่าไปหลงตามพวกนัน้ ว่าต้องตายเข้า
โลงไปแล้วอีกกีส่ บิ ครัง้ กีร่ อ้ ยครัง้ มันจึงจะเลือ่ น
ไปโน้น นัน่ นะ อาตมาอยากจะใช้คำ� หยาบๆ ยอม
เป็นคนเลว พูดค�ำหยาบว่ามันบ้า มันสอนค�ำสอน
ของพระพุทธเจ้าผิด

๓๒
คุณเพรียงลองไปฟังดู มันสอนกันอย่าง
นัน้ ทัง้ นัน้ ล่ะ ไอ้เรือ่ งภูมิ ๔ มันสอนไปอย่างนัน้
เพราะค�ำว่าชาตินั้นหมายถึงเกิดจากท้องแม่
แล้วเข้าโลงนับเป็นชาติหนึง่ ทัง้ นัน้ ชาติในภาษา
ธรรมะไม่ใช่อย่างนั้น มีความคิดเป็นตัวกูของกู
ยกหูชูหาง คือมีความโลภหรือความโกรธหรือ
ความหลงขึ้นมาครั้งหนึ่งเรียกว่า ชาติหนึ่งแล้ว
เพราะฉะนั้นคนที่มีตัวกูจัด วันหนึ่งมันก็เกิดได้
หลายร้อยชาติหลายพันชาติ คือมันอึดอัดขัดใจ
ได้ทุกเรื่องในชีวิตประจ�ำวัน เพราะฉะนั้นมัน
อึดอัดขัดใจ วันหนึ่ง ๒๐ ครั้งมันก็คือเกิด ๒๐
ชาติหรือหลายสิบชาติ มันคล้ายกับว่าเป็นโรค
ทางประสาทอยู่ด้วย มันก็อึดอัดขัดใจได้มาก
เป็นหลายร้อยครั้งไปเลยวันหนึ่ง แล้วให้ถือว่า
ชาติหนึ่งนั้นน่ะคือบทเรียน เพราะฉะนั้นเมื่อ
หลายร้อยชาติ หลายพันชาติ หลายหมื่นชาติ

๓๓
ถ้ามันเจ็บแสบเจ็บปวด มันก็นึกได้ ผลของการ
เกิดหลายร้อยชาติ หลายพันชาติมันก็เลื่อนภูมิ
ได้จากกามาวจรภูมิสู่อะไรภูมิขึ้นมา พวกรูปา-
วจรภูมิ อรูปาวจรภูมินี้มีตัวกูจัด แรงขึ้นไปกว่า
อีก ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับกามคุณ พวกนี้ดื้อกระด้าง
ไม่ ใช่ เ พื่ อกามคุ ณ ดื้ อ กระด้ า งเพี ย งเพื่ อ ตั ว กู
ตัวกูที่จะไม่ยอมใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นกิเลส
ของมันจึงเป็นในทางมานะทิฏฐิ ดื้อกระด้าง
เป็นตัวกู ยกหูชหู าง มันต้องระวังให้ดี กิเลสของ
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมเิ ป็นไปรูปนี้
เพราะฉะนัน้ จึงเรียกว่า พรหม ไม่เกีย่ วกับ
กามารมณ์เลย แต่วา่ มันกระด้างทีส่ ดุ เลย มานะ
ทิฏฐิมากทีส่ ดุ เลย พวกพรหม ถ้าพวกกามาวจรก็
เห็นแต่กาม กามคุณเป็นสรณะ เพราะฉะนัน้ ยอม
ได้งา่ ยๆ ถ้าจะได้กามารมณ์ แล้วก็ยอมได้งา่ ยๆ
ฉะนัน้ ตัวกูของกูมนั ก็ไม่คอ่ ยจัดอย่างพวกพรหม

๓๔
นีค่ นหนุม่ คนสาวอาจจะยอมได้งา่ ยๆ แต่คนแก่
สูงอายุนอี้ าจจะไม่ยอม ถือทิฏฐิมานะ กระต่าย
ขาเดียวด้วยกับความคิดความเห็นทิฏฐิอะไรก็
ไป ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนัน้ มันต้องละเสียอีกที
หนึง่ มันต้องผ่านไปอีกทีหนึง่ มันจึงจะเป็นเรือ่ ง
หมดตัวกูของกู เป็นโลกุตตรภูมิ
กามาวจรภู มิ กามะ+อวจระ แล้ ว ก็ ภู มิ
กามะแปลว่ากาม อวจระแปลว่าเที่ยวไป ลง
ไปเที่ยวในนั้น กระโจนลงไปเที่ยวในนั้น ค�ำว่า
อวจระ อวะแปลว่าลง จระแปลว่าเทีย่ ว ทีนภี้ มู ิ
แปลว่าชัน้ เพราะฉะนัน้ กามาวจรภูมแิ ปลว่าภูมิ
หรือชัน้ ทีท่ อ่ งเทีย่ วไปในกาม ทีนรี้ ปู าวจรภูมกิ ภ็ มู ิ
หรือชัน้ ทีท่ อ่ งเทีย่ วไปในรูป รูปวัตถุไม่เกีย่ วกับกาม
ทีนี้อรูปาวจรภูมิ ภูมิหรือชั้น จิตที่มันท่อง
เที่ยวไปในสิ่งที่ไม่มีรูป เช่นเกียรติยศนี่ไม่มีรูป
หลงเกียรติยศ หลงตัวกู ยกหูชูหางกู กูดีกูเด่น

๓๕
มึงต้องเชือ่ กูอย่างนี้ กูเรียนมามากกว่ามึง กูเป็น
ฆราวาส แม้มงึ เป็นพระกูกย็ งั ดีกว่านีก้ ม็ ี นีเ้ รียก
ว่าอรูปาวจรภูมหิ รืออย่างเลวมาก คือหลงเกียรติ
อย่างเลวมาก
ถ้าเป็นโลกุตตรภูมินี้เขาไม่มีค�ำว่าอวจระ
เห็นไหม โลกุตตรภูมิ โลกะ –โลก อุตตระ –เหนือ
ภูมิ –ก็ชั้น ชั้นที่อยู่เหนือโลก ก็หมายความว่า
เหนืออวจระ ๓ อันนัน้ เหนือกาม เหนือรูป เหนือ
อรูป นีจ้ งึ เป็นเรือ่ งลด บรรเทาตัวกู ลดตัวกู ลด
อัสมิมานะ ลดอหังการ มมังการ
พวกที่เป็นวนปรัสถ์คือนั่งพิจารณาชีวิตใน
ด้านในอยู่เป็นเวลานานนี้ จะพบว่าไอ้ศัตรูตัว
ร้ายกาจที่สุดนี่คืออหังการนี่เอง ท�ำความรู้สึก
ว่าตัวกูอหังการ อหังการนีม้ มี าส�ำหรับจับกู จับ
ฉันใส่ลงไปในนรกทั้งเป็นๆ ถ้าเข้าใจข้อนี้ได้ก็
ใช้ได้ ตัวกูหรืออหังการนั่นน่ะ มันมีมาส�ำหรับ

๓๖
จับมนุษย์ใส่นรกทัง้ เป็นๆ เร่าร้อน ชนิดทีว่ า่ ไม่มี
ทีส่ นิ้ สุด ร้อนยิง่ กว่าไฟแต่วา่ เย็นเยือก ความร้อน
ทีเ่ ย็น มันเผา มันเผาอย่าง ยิง่ กว่าไฟทีร่ อ้ น คือ
แสงสว่างสีขาวนี่ ความมืดสีขาวนี่ปิดบังยิ่งกว่า
ความมืดสีด�ำ ให้ระวังความมืดสีขาวหรือไฟที่
เปียกทีเ่ ย็น
เพราะฉะนัน้ คนอายุ ๖๐ ปีแล้วนัง่ มองด้าน
ใน มองเห็นรูจ้ กั ตัวนีแ้ ล้วก็เรียกกันได้ จะได้รรู้ อ่ ง
รอยของโลกุตตรภูมิ ก็จะอยูเ่ หนือความรูส้ กึ ตัว
กูของกู นั่นน่ะจึงจะเป็นวนปรัสถ์ เป็นสันยาส
ไปได้ในที่สุด คือถ้าเรียกพุทธศาสนาหรือเรียก
อย่างพุทธศาสนา เขาเรียกว่าเข้าขั้น ขึ้นสู่ขั้น
โลกุตตรภูมิ เด็กๆ ไปไม่รอด หนุ่มๆ สาวๆ ก็
ไปไม่รอด ทีว่ า่ เป็นพระอรหันต์อายุ ๑๕ นัน้ มัน
กรณีพิเศษ อย่ามาพูดเลย แล้วมันจริงหรือไม่
จริงก็ไม่รู้ ในพระไตรปิฎกไม่มี มีแต่ในอรรถกถา

๓๗
เช่นอรรถกถาธรรมบท เป็นเรือ่ งจริงหรือไม่กไ็ ม่รู้
แต่ถ้าเรายอมรับให้ว่า เด็กบางคนมันมีอะไร
genius พิเศษมา มันเข้าใจอะไรได้ เข้าใจชีวติ ได้
เข้าใจอารมณ์ ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ อะไรได้
แล้วมันเฉยได้ในสิง่ ทัง้ ปวงได้ ก็ได้เหมือนกัน อายุ
๑๗ ปีเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ไม่ใช่มาตรฐาน
ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึง พูดถึงควรจะเป็นอายุ ๔๐
ปีนี่ ข้ามกามาวจรภูมไิ ด้ ๕๐ ปีถงึ ๖๐ ปีนี่ ข้าม
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิไปได้ แล้ว ๖๐ ปีขึ้น
ไปนีก้ พ็ ยายามให้มนั เข้าไปในคลองของโลกุตตร-
ภูมกิ พ็ อแล้ว เพราะเกิดมาทีหนึง่ ก็ไม่เสียชาติเกิด
เดี๋ยวนี้เรื่องนี้ไม่ใช่ตั้งใจจะพูด ตั้งใจจะพูด
เรื่องที่ว่าท�ำไมคนในโลกสมัยนี้ พวกฝรั่ง พวก
อะไรทีเ่ รานิยมยกย่องเขาว่ามีการศึกษา มีความ
เจริญนั้นน่ะ มันเข้าใจพุทธศาสนาไม่ได้ เพราะ
มันไม่ยอมรับระบบไอ้ ๔ ขั้นนี้เลย ไม่ประสี

๓๘
ประสา ไม่รไู้ ม่ชี้ ถึงเราจะไปพูดให้ฟงั ก็เหมือน
กับไปเป่าปี่ให้เต่าฟัง มันก็พูดกันไม่รู้เรื่องนะ
เพราะฉะนัน้ ถ้าไม่ยอมรับระบบชีวติ เลือ่ นขัน้ ไป
ตามขัน้ แล้ว การสอนพุทธศาสนานีส่ อนยากเย็น
ทีส่ ดุ เลย สอนกันไม่ได้ เพราะมันไปสอนให้ละตัว
กูของกู เป็นเรือ่ งโลกุตตรภูมิ เป็นเรือ่ งของพวก
วนปรัสถ์ซงึ่ นัง่ มองชีวติ ในด้านในอยูเ่ ป็นชัว่ โมงๆ
มันเป็นไปไม่ได้ มันก็จะไปนัง่ ห่มผ้าให้พระพุทธ-
รูป ไปนัง่ จุดตะเกียงตลอด ๒๔ ชัว่ โมง หรือพูด
เพ้อไปตามนี้ มันเป็นไปไม่ได้นะ ในทางทีจ่ ะเข้า
ถึงหัวใจของพุทธศาสนา
ทีนี้ตามโบสถ์ของพวกจีน ศาลเจ้าพวกจีน
มีแต่อย่างนีท้ งั้ นัน้ ทีเ่ รียกพุทธศาสนา จุดธูปจุด
เทียนตลอด ๒๔ ชัว่ โมง ห่มผ้าให้พระพุทธรูป มี
เครือ่ ง… ผลไม้ ดอกไม้วางอยูต่ รงหน้า แล้วก็แต่ง
uniform เข้า แล้วก็เอาพระสูตรที่สูงสุด เช่น

๓๙
กิมกังเก็ง มาอ่าน อ่าน อ่าน แล้วก็นงั่ พนมมือฟัง
หลับตาฟัง แล้วก็นงั่ ท�ำสมาธิมงุ่ หมายยังสุขาวดี
อย่างนีจ้ นกระทัง่ ตาย มันก็เป็นพุทธศาสนาแบบ
ของพวกนี้ ไม่ใช่แบบของพระพุทธเจ้าทีเ่ ราเข้าใจ
ทีนพี้ วกฝรัง่ ก็เหมือนกัน มันไม่มองลึกถึงว่า
ชีวิตนี้ ควรจะได้อะไรในวาระสุดท้าย มันก็เลย
ถือเอาความรูท้ างพุทธศาสนาเป็นเครือ่ งประดับ
เกียรติ เป็นความรู้แปลกๆ บ้าง เป็นเครื่อง
ประดับเกียรติบา้ ง ถ้าเป็น professor ก็จะสอน
ในวิชาที่แปลก ได้เกียรติบ้าง อะไรบ้าง เพราะ
ฉะนัน้ เขาจึงรับพุทธศาสนาไม่ได้... (เสียงขาด)

...แล้วให้เขาเข้าใจไอ้ชีวิตในความหมาย
ทั่วไปว่า เราเกิดมาต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์
ควรจะได้ เพราะฉะนั้นจะย�่ำอยู่ในสภาพเดียว
เดิมอย่างเดียวนั้นไม่ได้ มนุษย์ต้องเลื่อนชั้น

๔๐
ตัวเอง เลื่อนชั้นสัก ๔ ชั้น ตาม code ของ
มนูธรรมศาสตร์นกี้ ไ็ ด้หรือว่า ๑๐ ชัน้ อย่างแบบ
พวกเซนจับวัวนี้ก็ได้ หรือว่า ๔ ชั้นอย่างพวก
อภิธรรมสอนภูมิ ๔ นีก้ ไ็ ด้ ขอให้เลือ่ นเถอะ แล้ว
มันก็จะได้ ถึงจุดสูงสุดทีม่ นุษย์ควรจะได้ อย่ามา
ปักหลัก ขุดหลุมฝังตัวเองด้วยทิฏฐิมานะ เรื่อง
ตัวกูของกูอยู่ พวกอังกฤษก็มที ฏิ ฐิตวั กูของกูจดั
อย่างนี้ ถือว่าเป็นชนชาติทมี่ กี ารศึกษาก้าวหน้า
กว่าชนชาติไหนหมดในโลก ความเป็นนักปราชญ์
ของเขาสูงกว่าชนชาติไหนหมดในโลก นั่นน่ะ
คือขุดหลุมฝังตัวเอง ไม่อาจจะเลือ่ นชัน้ ไปตาม
ล�ำดับทีธ่ รรมชาติกำ� หนดให้
ทีนอี้ ยากจะพูดถึงไอ้ทวี่ า่ ธรรมชาติกำ� หนด
ให้ ก็ดอู ย่างร่างกายของคนเรานี้ เพิง่ จะมีความ
คิดนึกพอใจในกามารมณ์ไปได้ก็ชั่วที่ธรรมชาติ
ก�ำหนดให้อายุเท่านั้นเท่านี้ เหลือนั้นมันก็ถอย

๔๑
ก�ำลัง หรือว่ามันจืดชืด หรือมันเบื่อไป มันก็
ต้องเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น เป็นเรื่องของที่ไม่ใช่
กามารมณ์ เพราะว่าชอบเปียกมานานนักแล้วมัน
ก็ตอ้ งชอบแห้ง หรือชอบแห้งไปนานตามสมควร
แล้ว มันก็ต้องชอบที่ยิ่งไปกว่านั้น คือไม่เปียก
หรือไม่แห้งอะไรท�ำนองนัน้
ถ้าเราท�ำความเข้าใจกันไม่ได้ในเรือ่ งว่า ชีวติ
นี้ต้องเลื่อนชั้น และชั้นนั้นมันได้มีอยู่จริงตาม
ที่ธรรมชาติก�ำหนดให้แล้ว พูดธรรมะสูงสุดใน
พระพุทธศาสนากันไม่รู้เรื่องแน่ ฟังไม่รู้เรื่องแน่
ทีนไี้ อ้ใครทีท่ �ำเป็นว่ารูเ้ รือ่ งๆ มันก็เป็นเรือ่ งเล่น
ละครบ้าง เป็นเรือ่ งบ้าๆ บอๆ บ้าง เป็นเรือ่ งไม่รู้
จักตัวเอง ถึงขนาดที่เป็นบ้าชนิดหนึ่งบ้าง ว่า
ตกที่อยู่ในฐานะที่เรียกว่าเป็นโมหะ เป็นความ
ประมาท เป็นอะไรเหมือนกัน นัน่ ปัญหามันอยู่
ทีว่ า่ มนุษย์เดีย๋ วนีส้ มัยนี้ พวกฝรัง่ โดยเฉพาะนัน้

๔๒
น่ะ มันยิ่งจมดิ่งลงไปในกามาวจรภูมิ อยากให้
ลึกลง ลึกลงไป ลึกลงไป จมดิง่ ลงไปอันดับหนึง่
คือกามาวจรภูมิ เพราะฉะนั้นเรื่องรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ โลกุตตรภูมนิ ี้ พูดกันไม่รเู้ รือ่ ง
ทีนี้เด็กหนุ่มสาวของไทยเราก�ำลังเดินตาม
ก้นพวกเด็กหนุ่มสาวฝรั่ง มันก็เลยไปกัน ไป
ด้วยกันได้ ทีนี้น้อยคนที่จะมาเข้าใจเรื่องนี้และ
สนใจเรื่องนี้ เหมือนที่อาตมาบอกเมื่อตะกี้ว่า
ทัง้ ประเทศไทยนีม่ นั มีอยูท่ นี่ นั่ คน ทีน่ คี่ น ทีโ่ น่น
คน แม้แต่ในกรุงเทพฯ เองก็หาเป็นกลุ่มเป็น
ก้อนไม่ได้ อย่างตั้งสมาคมนั่นสมาคมนี่ของคน
ยุวพุทธอะไรขึน้ มันก็ยงั ไม่ถงึ มันเป็นเรือ่ งเกียรติ
เรื่องเครื่องมือของกามไปเสีย มันกลายเป็นหา
เกียรติเพื่อเป็นเครื่องมือของกามไปเสีย มันยิ่ง
ทรุดหนักลงไปอีก

๔๓
แต่มันมี เรามองเห็นลู่ เห็นวี่แวว เห็นสิ่ง
ประปรายของบางคนว่าคนนีอ้ าจจะเข้าใจธรรมะ
ได้ แต่นอ้ ยมากนะ แล้วก็ไม่มเี วลาเข้าไปพร�ำ่ พูด
พร�ำ่ สอน พร�ำ่ ชีแ้ จงกันได้ ก็ตามใจเขา ก็ไปตาม
ยถากรรม เพราะฉะนั้นสินค้าของพระพุทธเจ้า
นีย้ งิ่ ไม่มใี ครต้องการ ในสมัยทีโ่ ลกเป็นวัตถุนยิ ม
จั ด อย่ า งนี้ อาตมาถึ ง ไม่ เ ห่ อ ในเรื่ อ งไปสอน
พุทธศาสนาต่างประเทศ ใครๆ มาชวนเดี๋ยวนี้
ก็ไม่คิดอยากจะไป ไปสอนพุทธศาสนาในต่าง
ประเทศ พวกฝรัง่ นีเ่ พราะมองเห็นอยูอ่ ย่างนี้ อยู่
ที่นี่ ก็ยังได้ผลดีกว่า ถ้าใครสนใจจริงก็มา เพื่อ
ประเทศไทยจะได้มีอะไรที่ให้เขาบ้าง ถ้าเขามา
ถึง ไม่เปล่าเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่อวดดีคุยโตว่า
เป็นผู้ท�ำได้ถึงที่สุด สมบูรณ์อะไรอย่างนี้ เพียง
แต่วา่ มันคงจะได้บา้ ง และเราก�ำลังสนใจทีจ่ ะให้
มันได้ยงิ่ ๆ ขึน้ ไป

๔๔
เพราะฉะนั้นเราพยายามจัดวัดของเราให้
เป็นอุปกรณ์แก่ชวี ติ แบบวนปรัสถ์ คือผูท้ เี่ ก็บตัว
จากสังคม มองดูในด้านในตะพึด นีค่ อื ความมุง่
หมายของสวนโมกข์ แต่มนั ก็ยงั ท�ำได้ยาก อย่าง
ทีเ่ ห็นๆ อยูอ่ ย่างนี้ พระเณรก็ยงั ไม่ประสีประสา
ต่อชีวติ ต่อตัวเอง ไม่รจู้ กั ตัวเอง ไม่รจู้ กั ว่าตัวเอง
จะต้องเลื่อนชั้นตัวเอง มันก็ยังหลงอยู่ในเรื่อง
กามาวจรภูมิ
เราต้องรองรับ code ของมนูธรรมศาสตร์
ว่า เป็นพรหมจารีกนั ระยะหนึง่ เป็นคฤหัสถ์กนั
ระยะหนึง่ เป็นวนปรัสถ์กนั ระยะหนึง่ แล้วก็เป็น
สันยาสกันด้วย ถ้าจะเป็นได้ ถ้าเป็นไม่ได้กไ็ ม่ตอ้ ง
ส่วนจะแบ่งชีวติ เป็นปีๆ นัน้ ไม่ตอ้ งหรอก มันไม่
เหมือนกันน่ะ บางคนมันเร็วบางคนมันช้า บาง
คนไปมีหวังต่อวาระสุดท้ายที่จะดับจิตนี่ จึงจะ
เป็นได้ ก็ยังดี ถ้ารู้ รู้ร่องรอย รู้ลู่ทางไว้ แต่ว่า

๔๕
ทุกคนควรจะอยูใ่ นรูปของวนปรัสถ์ พยายามอยู่
ในทีท่ จี่ ดั ไว้เฉพาะ ตัดปัญหาสังคมออกไป ให้ตวั
เองคุ้นเคยกับชีวิตในด้านของการงาน ในด้าน
ของอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ เพื่อศึกษากิเลส
เพือ่ ศึกษาไอ้ตวั กูของกูนอี้ ยูเ่ รือ่ ยๆ ไป เป็นระยะ
ยาวระยะหนึง่ นีเ่ ป็นความหมายของวนปรัสถ์แท้
อยู่แถวๆ นี้ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงหิมาลัย เพราะว่า
code ของพระมนูนั้นวางไว้ถึงว่าอยู่ที่บ้านก็ได้
แต่ตอ้ งไปปลูกกระท่อมอยูม่ มุ บ้าน ริมกอไผ่ อยู่
คนเดียว ไม่ยงุ่ กะใคร นัน่ น่ะจึงจะเป็นวนปรัสถ์
ทีนมี้ นั ไม่ใช่เพียงแต่สถานที่ มันยังเกีย่ วกับ
ระยะกาลหรือเวลาด้วย เช่น ในพรรษาอย่างนี้
เป็นวนปรัสถ์ได้มากกว่า
ทีนี้ก็มาถึงเรื่องส่วนตัว อยากจะพูดหน่อย
เพราะมันมาเผอิญพอดีมันเกิดเรื่องขึ้น อย่าง
น้องเขยทีบ่ า้ นดอนตายนี้ อาตมาไม่ไปเผา มันก็

๔๖
เป็นเรือ่ งซูซ่ า่ กันขึน้ ครัง้ ก่อนน้าตายทีบ่ า้ นดอน
เหมือนกันไม่ไปเผาในพรรษา นี่ก็ซู่ซ่าไปทีหนึ่ง
แล้ว ถึงคราวนีเ้ ลยพูดโผงผางไปเลยบอกว่า ให้
รูไ้ ว้วา่ มันต้องการจะให้พรรษานีเ้ ป็นพรรษา เป็น
พรรษาจริงๆ ขึน้ มา
มันมีเรือ่ งสลดใจเมือ่ สิบปีมาแล้ว เมือ่ สิบปี
มาแล้ว อาตมาก็เป็นพระทีไ่ ม่มพี รรษาเหมือนกัน
หมายความว่าเข้าพรรษาแล้วก็ยังไปกรุงเทพฯ
ยังนิมนต์ไปกรุงเทพฯ ไปพูด ไปเทศน์ ไปสอน
ขอร้องกัน แล้วเป็นตายก็ไปเผา แล้วใครตายก็
ต้องไปเทศน์ ศพก็ตอ้ งไปเผา เขานิมนต์ไป แม้แต่
เพียงว่าเขาแต่งงานหรือว่าขึ้นเรือนใหม่นี้ก็ต้อง
ไป ในพรรษาก็ตอ้ งไป มันเลยเหมือนกันเลยกะ
นอกพรรษา เมือ่ ๑๐ ปีมาแล้ว ก็สะดุดขึน้ มาวัน
หนึง่ อ้อ, นีม้ นั บ้าแล้ว ไอ้เรานีบ้ า้ แล้ว

๔๗
นี้ ไ ปค� ำ นึ ง ดู ว ่ า เราอ่ า นพระไตรปิ ฎ กมา
ตั้งเยอะแยะหลายเที่ยวแล้ว นี่ก็ไม่เคยพบว่า
พระพุทธเจ้าสัตตาหะเลย นีม่ นั เป็นอย่างนี้ ทีด่ ู
ในอรรถกาถามันก็ไม่มี พระพุทธเจ้าเคยสัตตาหะ
ไปไหนเลย ไอ้เรานีม่ นั บ้าแล้ว ก็เลยสะดุง้ ว่านีเ่ รา
ก็จะไม่ไปแล้ว ทีนกี้ เ็ ริม่ ต่อสู้ ต่อสู้ ตัดออกไป ตัด
ออกไป ตัง้ ใจว่าจะประท้วง ประท้วงตัวเองก่อน
ประท้วงไอ้ความบ้าของตัวเอง ก็พร้อมกันนัน้ ก็
ประท้วงภิกษุสงฆ์ทงั้ ประเทศไปในตัวด้วย ทีเ่ ขา
ก็ทำ� อย่างนัน้ เหมือนกัน ตัง้ แต่พระเถระลงมาถึง
พระเด็กๆ ในพรรษาเข้าไปดูในรถไฟก็ยังมีพระ
แดงเถือกอยูน่ นั้ เหมือนกับนอกพรรษา
เพราะฉะนั้ น จึ ง อธิ ษ ฐานใจว่ า ประท้ ว ง
ประท้วง เกิดมาเพือ่ ประท้วง เพราะประท้วงอยู่
หลายเรื่องแล้ว ทั้งประท้วงเรื่องนี้และประท้วง
ตัวเองเป็นส�ำคัญ จึงขอว่าไม่ไปไหนในพรรษา

๔๘
เพราะอึดอัด อึดอัดกันอยูน่ นั่ เสียใจบ้าง น้อยใจ
บ้าง อะไรบ้าง คือช่วยให้มนั ประท้วงเต็มที่ หรือ
ว่าให้มีความ… มีน�้ำหนักเท่ากับที่พระพุทธเจ้า
ไม่เคยสัตตาหะนี้ คิดว่าเราอย่าออกจากวัดดีกว่า
อย่าพูดถึงเรือ่ งสัตตาหะเลย แม้เห็นออกจากวัด
นี้ ก็ไม่เอาแล้ว นีเ่ พิง่ จะท�ำได้มาเมือ่ สัก ๕ ปีมา
นี้ เมื่อสัก ๕ ปีมานี้ขอร้องว่าไม่ออกไปนอกวัด
ในพรรษา เริ่มเข้าใจกันขึ้น ก็เริ่มเห็นใจ เริ่มไม่
น้อยใจ ไม่โกรธอะไรกันขึน้
นีอ่ าตมาไม่ใช่เกิดมาส�ำหรับญาติพนี่ อ้ งโดย
เฉพาะ ญาติพนี่ อ้ งจะมาถือเป็นกรณีพเิ ศษก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้นน้าตายก็ไม่ไปเผา นี่น้องเขยตายนี่
ก็ไม่ไปเผา ไอ้เด็กๆ พวกนีม้ นั ซูซ่ า่ กันขึน้ ก็เลย
บอกกันเด็ดขาดโผงผางไปเลยว่าเป็นอย่างนั้น
อย่างนี้ เพราะก่อนนี้ไม่เคยบอกโผงผาง บอก
แต่ขอตัวขอร้อง เดี๋ยวนี้บอกโผงผางว่าเราท�ำนี้

๔๙
เพื่อประท้วง เพราะชีวิตนี้ยังเหลืออีกไม่กี่ปีจะ
ต้องตายแล้ว เพราะฉะนัน้ จึงรีบประท้วงตัวเอง
และประท้วงพระทัง้ หมดน่ะ เอาเวลาทีเ่ หลืออยู่
ไม่กปี่ จี ะตายนีเ้ ป็นเดิมพัน
เพราะฉะนั้นถ้าใครตายลงในขณะนี้ ไม่ได้
ไปเผาแล้วก็ขอให้ถือว่า พวกเหล่านั้นมีโชคดี
ที่ได้ร่วมการกุศลกับอาตมาเพื่อประท้วงอย่าง
นั้นแหละ เพราะเป็นการเสียสละของเขาที่เรา
ไม่ไป เขาต้องเสียสละไอ้เกียรติหรือไอ้ความ
น้อยใจอะไร แล้วให้ไอ้นนั่ น่ะใช้เป็นส่วนหุน้ เป็น
เดิมพันร่วมกันเพื่อประท้วงภิกษุสงฆ์ทั้งหมด
ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นถ้าใครตายลงใน
ระหว่างพรรษาที่เป็นญาติแล้วอาตมาไม่ได้ไป
ให้ถอื คนนัน้ น่ะมีโชคดี ทีไ่ ด้รว่ มการกุศลอันนี้ ไป
บอกกันอย่างนี้ มันจะฟังถูกกัน หรือไม่ฟงั ถูกกัน
ก็ตามใจ พวกเด็กๆ หรือพวกผูห้ ญิง พวกอย่างนี้

๕๐
ไม่คอ่ ยจะฟังถูก มันก็ตามใจ บอกให้รวู้ า่ ระยะ
พรรษานีจ่ ะขอเป็นวนปรัสถ์เต็มที่ เก็บตัว ขนาด
ไม่ออกจากวัด อย่าว่าแต่จะไปกรุงเทพฯ หรือ
ไปไหนเลย ถ้ามันจะต้องถูกต�ำหนิติเตียน หรือ
ถูกต่อว่า หรือราชการเขาจะถือว่าเป็นความผิด
ถูกสอบสวนก็ยนิ ดีทสี่ ดุ เลย รวมเป็นเดิมพันเพือ่
ประท้วงกันไปหมดเลย นี่เลยพูดกันไปเด็ดขาด
ไปเลย เมือ่ วานนี้ วันนี้ โดยทางจดหมาย
นี้ความหมายของค�ำว่าวนปรัสถ์ มันมีอยู่
ว่าเราเก็บตัวในระยะพรรษาเป็นพิเศษ ให้มเี วลา
มองด้านในหรือท�ำหน้าทีช่ วี ติ ในขัน้ นีใ้ ห้ที่ ๓ ที่ ๔
นี้ให้มันได้เสียเร็วๆ ก่อนแต่จะแตกตายท�ำลาย
ขันธ์ แม้ว่าตัวเองไม่ต้องการอะไร ก็อยากจะ
ท�ำให้เป็นแบบฉบับ ให้คนอืน่ เขาเอาอย่างได้โดย
ง่าย นีค่ อื การประท้วง ถ้ามันไม่มหี ลักไม่มเี กณฑ์
ไม่มรี ะเบียบเป็นแบบฉบับอยู่ มันก็ทำ� ยาก ใครๆ

๕๑
จะท�ำก็ทำ� ยาก ดูสิทั้งที่พระมนูวางระเบียบนี้ไว้
เป็นพันๆ ปีมาแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะสนใจ แล้วก็
ยิง่ ยิง่ ละเลย ยิง่ ดูหมิน่ ดูถกู ว่าเป็นเรือ่ งพ้นสมัย
เรื่องบ้าๆ บอๆ ไปเสียอีก เพราะฉะนั้นเราเป็น
ผู้ประท้วง ให้ทุกคนแบ่งชีวิตเป็น ๔ ชั้น ตาม
code ของมนู แล้วให้เดินไปให้ตลอดทัง้ ๔ ชัน้
ก่อนแต่จะตาย
ส่วนสันยาสนี่ สมัยนีท้ ำ� ได้งา่ ย อย่างอาตมา
นี่ อ ยู ่ ป ่ า ไม่ พู ด ไม่ ไ ปไหนก็ ยั ง ท� ำ สั น ยาสได้
เพราะมันมีหนังสือพิมพ์ มีวิทยุ มีอะไร การที่
ส่งบทความไปลงหนังสือพิมพ์หรือไปออกวิทยุ
นัน้ น่ะคือท�ำหน้าทีอ่ ย่างสันยาส พร้อมกันไปกับ
วนปรัสถ์ เราเก็บตัวได้มากที่สุด ในที่เงียบสงัด
ไม่ตอ้ งไปไหนก็ทำ� หน้าทีส่ อ่ งแสงสว่างแก่ผอู้ นื่ ได้
หรือว่าการอยูอ่ ย่างนีย้ งิ่ เป็นแสงสว่างทีด่ ี ถ้าใคร
ได้เข้าใจ ผูท้ อี่ ยูใ่ กล้ชดิ ได้มองเห็นและเข้าใจ มัน

๕๒
ก็ยงิ่ เป็นสันยาสอย่างยิง่ อยูเ่ หมือนกัน
ส่วนคนที่อวดดีและโง่เกินไปนั้นมันก็ช่วย
ไม่ได้ มันมีมานะทิฏฐิไม่เข้าใจได้มันก็ช่วยไม่ได้
นี้เราเอาระดับเวไนยชนเป็นมาตรฐาน มันควร
จะพูดกันรู้เรื่อง ว่าชีวิตมีชั้นมีระดับอยู่อย่างนี้
แล้วพยายามเลือ่ นขึน้ ไปๆ แล้วจะไม่เสียทีทเี่ กิด
มา โดยเฉพาะเป็นมนุษย์ที่พบพระพุทธศาสนา
เรือ่ งทีน่ า่ นึกน่าคิดน่ะมีอยูอ่ ย่างนี้
แล้วบานแพนก กฎหมายโบราณมีคำ� ๔ ค�ำ
นีน้ ะ่ ตอนมนูธรรมศาสตร์นะ่ มีคำ� ว่าพรหมจารี
คฤหัสถ์ วนปรัสถ์ สันยาส ไปเปิดดูใหม่สิ มัน
น่าจะมี เพราะมันเป็นหลักการใหญ่ของมนู
ธรรมศาสตร์ ซึง่ จะจ�ำแนกเรือ่ งสังคมออกไปเป็น
แขนงๆ แล้ววางกฎเฉพาะๆ เฉพาะ เรือ่ งพ่อแม่
ปฏิบตั อิ ย่างไรต่อลูก ลูกปฏิบตั อิ ย่างไรต่อพ่อแม่
เพือ่ นบ้านปฏิบตั อิ ย่างไรต่อเพือ่ นบ้าน ในนัน้ มัน

๕๓
เป็นไอ้เรื่องปลีกย่อยจากที่ได้ปันชีวิตไว้เป็น ๔
แบบเสียก่อน แล้วส่วนเรือ่ งกฎหมาย เรือ่ งความ
ยุตธิ รรม เรือ่ งนีม้ นั เป็นอีกส่วนหนึง่
ตัวบทแท้ๆ ทีเ่ ป็นภาษาสันสกฤตแปลออก
มา อ่านไม่คอ่ ยรูเ้ รือ่ งหรอก เราอ่านในค�ำอธิบาย
ของมันอีกทีหนึ่ง ทีนี้พวกนักปราชญ์ในอินเดีย
ก็ชอบอธิบายมนูธรรมศาสตร์ คือชีใ้ ห้เห็น ชีใ้ ห้
เห็นเป็นการแสดง ชี้ให้เห็นด้วยสภาพเป็นอยู่
ของมนุษย์ในปัจจุบนั มันก็อา่ นง่าย หนังสือก็ชอื่
อย่างนี้ มนูธรรมศาสตร์ ลองไปหาซื้ออ่านดู ที่
ร้านนิพนธ์กค็ งจะสัง่ ให้ได้ ดีมาก ก็เรือ่ งเซน ๑๐
ภาพ เรือ่ งภูมิ ๔ ภูมขิ องอภิธรรมนัน้ เอามาคิด
ไปนึก ไอ้รปู ภาพของเราทีเ่ ขียนนี้ คนทีไ่ ม่รเู้ รือ่ ง
ก็หาว่าบ้า ภาพเลอะเทอะ เลอะเทอะ บ้าๆ บอๆ
แบบภาพแต่ละภาพนีไ้ ม่ใช่บา้ เป็นไอ้สญ ั ลักษณ์

๕๔
ของวิชาความรู้ สัญลักษณ์ของแสงสว่างที่เขา
เคยประสบกันมาแล้ว ก็บนั ทึกไว้ดว้ ยภาพ

เอ้า, ค�่ำแล้วคุณอรุณวตี (อรุณวตี สุวรรณ-


กนิษฐ์) เดี๋ยวกลับบ้านไม่ได้ เอาไปด้วยสิ ให้คุณ
ถมยาไปบ้านคุณอรุณวตีบ้าง จะมีประโยชน์
หรือยัง เรียกว่าสวนอุศม ก็ลองไปเยีย่ มดู อย่าง
น้อยก็เอาต้นไม้ไปปลูกไว้สักต้น เขาชอบปลูก
ต้นไม้ ชอบไอ้มนี ำ�้ มีอะไร มีทปี่ ลูกบัวแยะ ยังมี
ที่ยังมี ไอ้ที่นั่นก็เป็นวนปรัสถ์ส�ำหรับกรุงเทพฯ
ได้ คือเมือ่ เจ้าของบ้านเขาพยายามจะจัดบ้านนี้
อยูใ่ นสภาพทีเ่ หมาะสมส�ำหรับเราจะเก็บตัว จะ
นั่งมองกันในด้านในอย่างนี้ มันก็เป็นวนปรัสถ์
ได้ ไม่ตอ้ งไปถึงป่าถึงภูเขาทีไ่ หนก็ ในกรุงเทพฯ
มันก็ได้

๕๕
ก็ได้พูดแล้วว่าแม้แต่ในบ้านของตัวก็ได้
หรือถ้าบ้านไม่มี ที่กลางบ้าน ก็ห้องเฉพาะห้อง
ใดห้องหนึ่งจัดไว้พิเศษ เข้าไปในห้องนั้นก็เป็น
วนปรัสถ์ไป บ้านมีหลายห้อง เป็นอยูป่ า่ ไป มนู
ธรรมศาสตร์เขามีเหตุผล ไม่ใช่ว่าถือไปตามอัน
นัน้ ว่าป่าก็ตอ้ งเป็นป่าอะไรอย่างนัน้ ถ้าได้ผลเป็น
เรื่องอยู่ป่าก็เรียกว่าป่าไปหมด นั่งไปกลางโรง
ละครก็ได้ ถ้าท�ำจิตใจให้ส่องเข้าไปแต่ในข้างใน
ภายในแล้วก็ ในโรงละครนัน้ ก็เป็นป่าได้ แต่มนั
ท�ำยาก เพราะฉะนัน้ ก็เลือกเอาทีม่ นั พอสะดวก
ป่าอย่างนีม้ นั ง่ายกว่าในโรงละคร ฝึกจิตในป่าง่าย
กว่าในโรงละคร โคลงกลอนของครูเทพยังจ�ำได้
นะตัง้ นานแล้ว จ�ำได้วา่ อย่างนี้ ฝึกจิตในป่าง่าย
กว่าในโรงละคร แล้วก็เรือ่ ยไปจนจบบท

๕๖
นี้ลงปาฏิโมกข์ธรรมะที่เรียกมานั่งพูดกัน
อย่างนี้ นีล่ งปาฏิโมกข์ธรรมะ ปาฏิโมกข์วนิ ยั ก็ลง
ไปทีก่ ล็ งกันไอ้อย่างทีว่ ดั ก็ลงทีป่ าฏิโมกข์ ๑๕ วัน
ครัง้ หนึง่ ทีนเี้ ราลงปาฏิโมกข์ธรรมะ คือซักซ้อม
เรือ่ งธรรมะ ต่อไปในโบสถ์ ลงอุโบสถ นัน่ แหละ
ก็ซกั ซ้อมเรือ่ งวินยั เพราะถ้าทัง้ ธรรมะ ทัง้ วินยั ยัง
เป็นไปด้วยดี ก็เรียกว่า พุทธศาสนายังอยู่

๕๗
รายชื่อหนังสือธรรมะเลมนอย
๑๒ เลม เมื่อป ๒๕๕๓ ประกอบดวย
๑. ความสุขปใหม...กลิ้งใหดีกวาปเกา ๒. เปาหมายชีวิต
และสังคม ๓. อุดมคติของโพธิสัตว ๔. ยอดแหงความสุข
๕. การเปนพุทธบริษทั ทีถ่ กู ตอง ๖. วิปส สนาระบบลัดสัน้ สำหรับ
ประชาชนทั่วไป ๗. ทำบุญ ๓ แบบ ๘. แมคือผูสรางโลก
๙. บุตรที่ประเสริฐที่สุด ๑๐. การดำรงจิตไวอยางถูกตอง
๑๑. ทุกอยางเปนเชนนั้นเอง ๑๒. ดอกสรอยแสดงธรรม
๒๔ ฉากของชีวิต

๑๒ เลม เมื่อป ๒๕๕๔ ประกอบดวย


๑. ชีวิตใหมเมื่อปใหม ๒. ความรักผูอื่น ๓. โลกบาหรือ
ธรรมะบ า ๔. การชนะโลก ๕. อริ ย มรรคมี อ งค แ ปด
๖. การศึ ก ษาและการรั บ ปริ ญ ญาในพระพุ ท ธศาสนา
๗. วิธีทำสมาธิเบื้องตน ๘. สิ่งที่พระพุทธเจาทรงเคารพ
๙. อิ ส รภาพหรื อ เสรี ภ าพในทางธรรม ๑๐. การเมื อ ง
เรื่องศีลธรรม ๑๑. ปญญาดีกวาศาสตราวุธ ๑๒. ผูทรงเปด
ใหสัตวโลกเห็นทั่วกันหมด

๑๒ เลม สำหรับป ๒๕๕๕ ประกอบดวย


๑. การมีอายุครบรอบป...เปนเชนนั้นเอง ๒. สิ่งที่เปนคูชีวิต
๓. มาฆบู ช า วั น นี ้ เ ป น การกระทำเพื ่ อ บู ช าพระอรหั น ต
๔. ความถูกตองของการศึกษา ๕. ความหมายและคุณคา
ของคำวา “ลออายุ” ๖. การทำงานนั้นคือการปฏิบัติธรรม
๗. เศรษฐศาสตรของชาวพุทธ ๘. พระธรรมในทุกแงทุกมุม
๙. มื อ ขวาทำบุ ญ อย า ให ม ื อ ซ า ยรู  ๑๐. ปวารณา คื อ
เครื ่ อ งหมายแห ง คนดี ๑๑. ประโยชน ข องความกตั ญ ู
๑๒. ภูมิตาง ๆ และแนวครองชีวิต
บร� ก าร
จัดสงหนังสือ
ทางไปรษณีย
ทั่วประเทศ
email bookclub@bia.or.th • facebook.com/bookclub.bia
facebook.com/buddhadasaarchives
สอบถาม ณภัทร เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๘.๐๐ น.
โทรศัพท ๐.๒๙๓๖.๒๘๐๐ ตอ ๗๑๐๘ • โทรสาร ๐.๒๙๓๖ ๒๙๐๐
กิจกรรมของสวนโมกขกรุงเทพ
การบริหารงานทางธรรมใหเกิดการมีสวนรวมในธรรม
ในหลากหลายลักษณะ อาทิ ทำเอง รวมมือกันทำ และธรรม-
ภาคีทำให ทำขึ้นภายในและภายนอกทั้งที่เปนกิจกรรมประจำ
และทำเป น ครั ้ ง คราว โดยกิ จ กรรมบางส ว นที ่ เ กิ ด ขึ ้ น ภายใน
ประกอบดวย ดังนี้

การเจริญสติภาวนา : สวดมนตทำวัตรและเจริญจิตต-
ภาวนา ทุกวัน เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๘.๓๐ น. • สมาธิภาวนา
ทุกวันอาทิตย เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. • อานาปานสติ
ภาวนากับพุทธทาสภิกขุ โดยกลุมอยูเย็นเปนประโยชน
ทุกวันพุธ, พฤหัสบดี เวลา ๑๗.๐๐ - ๑๘.๓๐ น. • เจริญ
สติแบบเคลื่อนไหว ทุกวันเสาร , อาทิ ตย สั ป ดาห ท ี ่ ๒
ของเดื อ น เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๗.๐๐ น. • วั น แห ง สติ ก ั บ
ชาวคณะหมูบานพลัมประเทศไทย ทุกวันเสาร สัปดาหที่
๓ ของเดือน เวลา ๐๗.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.

การบริ ห ารเพื ่ อ จิ ต ตภาวนา : โยคะในสวนธรรม โดย


สถาบั น โยคะวิ ช าการ • โยคะภาวนากั บ ชี ว ิ ต สิ ก ขา
โดยครูดล เครือขายชีวิตสิกขา • อานาปานสติกับไทเก็ก
โดยคณะครูสุพล โลหชิตกุล • ลมหายใจ ดนตรีชีวิต โดย
อ.ดุษฎี พนมยงค

อบรมเพื่อพัฒนาชีวิต : สวนโมกขเสวนา • เพลินธรรม


นำชม • ธรรมนิทรรศการ เปนตน

สาระธรรมบันเทิง : ดูหนังหาแกนธรรม ทุกวันอาทิตยที่


๔ ของเดือน เวลา ๑๗.๐๐ น. • เพลินเพลงในสวนธรรม
ธรรมะใกลมือ
• สมัครรับ SMS ขอธรรมฟรี เฉพาะเครือขาย AIS
• กด *455233300 แลวกดโทรออก
• ธรรมะ “Twitter” ที่ www.twitter.com/buddhadasa
• ธรรมะดีดี (D3) รับ “ขอธรรม” และ “เสียงธรรม”
• www.facebook.com/buddhadasaarchives
• www.facebook.com/bookclub.bia
• www.dhamma4u.com
• www.bia.or.th
• www.life-brary.com
• แอพพลิเคชั่นบนสมารทโฟน ทั้ง iOS และ Android
• - BIA Dhamma eTravel : เที่ยวทั่วไทยใหถึงธรรม
• เปดพื้นที่ธรรมในหัวใจสำหรับผูปฏิบัติธรรมมือใหม
• - BIA Meditation : สงบจิต พินิจ ภาวนา
• สัมผัสสมาธิกับการสดับเสียงธรรมชาติ
ธรรมะในสวน ตักบาตรเดือนเกิด
• ทุกวันอาทิตยแรกของเดือน ที่สวนโมกขกรุงเทพ
• บูชาพระรัตนตรัย รับศีล และฟงธรรม ตักบาตรแบบครั้ง
• พุทธกาล แลวรวมกรวดน้ำแผเมตตา รวมกินขาวกนบาตร
• เจริญสติภาวนา และกิจกรรมมหรสพเพื่อปญญา
พรหมจารีเคร่งครัดทีส่ ดุ
คฤหัสถ์ตอ่ สูก้ บั โลกอย่างถึงพริกถึงขิง
วนปรัสถ์เก็บตัวเงียบ มองดูชีวิตในด้านลึก
สันยาสตอบปัญหาชีวติ
ทุกแง่ ทุกมุม ทุกคน ทุกขัน้ ทุกวัย

20130124 ������������COVER.indd 2 29/01/13 10:47 AM

You might also like