Professional Documents
Culture Documents
57) 1
11 Aug 2014
ตอนที่ 1: แบบปรนัย 4 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบที่ถกู ต้ องที่สดุ จานวน 30 ข้ อ (ข้ อ 1 – 30) ข้ อละ 6 คะแนน
1. สาหรับเซต ใดๆ ให้ ( ) แทนจานวนสมาชิกของเซต กาหนดให้ แทนเอกภพสัมพัทธ์ ถ้ า และ เป็ น
สับเซตใน โดยที่ ( ) = 2( ( )) = 3( ( )) , ( ) = 15 , ( )=2
ถ้ า ( )=8, ( ) = 4 และ ( ) = 9 แล้ ว (( ) ) เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 13 2. 12 3. 11 4. 10
7. กาหนดให้ = [ ], I=[ ] เมื่อ และ เป็ นจานวนจริ งที่ ≠ และเมทริ กซ์ สอดคล้ องกับ
สมการ ( ) = 4I พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) = 2
(ข) ( ) = 324
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
4 PAT 1 (เม.ย. 57)
2. ความเยื ้องศูนย์กลางของวงรีเท่ากับ √
3. วงรี มจี ดุ ศูนย์กลางร่วมกับจุดศูนย์กลางของวงกลม =0
และแกนเอกยาวเท่ากับรัศมีของวงกลม
4. ผลบวกของระยะทางจากจุด (2, 6) ไปยังโฟกัสทังสองของวงรี
้ เท่ากับ 20 หน่วย
PAT 1 (เม.ย. 57) 5
11. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ ม โดยที่มีความยาวของด้ านตรงข้ ามมุม A มุม B มุม C เท่ากับ หน่วย หน่วย
และ หน่วย ตามลาดับ และมุม A มีขนาดเป็ นสองเท่าของมุม B ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. = 2. = 3. = 4. =
15. จากตัวเลข … นามาสร้ างจานวนห้ าหลักใช้ เลขซ ้ากันได้ ความน่าจะเป็ นที่จะได้ จานวนห้ าหลักโดยทีใ่ น
แต่ละหลักเป็ นตัวเลขที่แตกต่างกันเพียง 3 จานวนเท่านัน้ มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 2. 3. 4.
16. มีเก้ าอี ้สีขาวเหมือนกัน 3 ตัว และเก้ าอี ้สีแดงเหมือนกัน 3 ตัว นามาจัดเรี ยงรอบโต๊ ะกลม จานวนวิธีเรี ยงสับเปลีย่ นที่
แตกต่างกันทังหมดเท่
้ ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 4 วิธี 2. 6 วิธี 3. 10 วิธี 4. 20 วิธี
≤
17. กาหนดให้ เป็ นฟั งก์ชนั นิยามโดย ( )={
b
18. กาหนดให้ >1 และ √
=4 ค่าของ 1+ + เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1
1. 21 2. 31 3. 91 4. 111
…
20. กาหนดให้ = เมื่อ … ถ้ า lim = โดยที่ และ เป็ นจานวน
n
21. กาหนดให้ เป็ นจานวนเชิงซ้ อนทีส่ อดคล้ องกับสมการ ̅ = 3i( ) ข้ อใดต่อไปนี ้ไม่ถกู ต้ อง
1. ̅ = i( ̅) 2. | | = 2
3. ̅ i = 0 4. ( ) i = 0
24. คะแนนสอบของนักเรี ยนห้ องหนึง่ มีการแจกแจงปกติ คะแนนเต็ม 100 คะแนน มัธยฐานเท่ากับ 45 คะแนน และมี
นักเรี ยนร้ อยละ 34.13 ทีส่ อบได้ คะแนนระหว่างมัธยฐานกับ 54 คะแนน ถ้ านักเรี ยนคนหนึง่ มีคะแนนสอบเป็ น เท่า
ของคะแนนเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 33 แล้ วนักเรี ยนคนนี ้สอบได้ คะแนนเท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้ เมื่อกาหนดพื ้นที่ใต้ เส้ นโค้ งปกติ
ระหว่าง 0 ถึง ดังตารางต่อไปนี ้
0.33 0.36 0.41 0.44 0.50 1.0
พื ้นที่ 0.1293 0.1406 0.1591 0.1700 0.1915 0.3413
29. กาหนดให้ และ เป็ นจานวนจริ งบวก โดยที่ < พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) > (ข) >
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
PAT 1 (เม.ย. 57) 13
30. กาหนดให้ แทนเซตของจานวนจริ ง ให้ : และ : เป็ นฟั งก์ชนั ที่สอดคล้ องกับ
( ( )) = สาหรับจานวนจริ ง และ พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) ( )( ) = 2 + 15 สาหรับทุกจานวนจริ ง และ
(ข) ( ( )) = 75
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
32. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ มที่มีมมุ B และมุม C เป็ นมุมแหลม โดยที่ = 15 ,
( ) = 77 และด้ านตรงข้ ามมุม C ยาว 20 หน่วย ความยาวของเส้ นรอบรู ปสามเหลีย่ ม ABC
เท่ากับเท่าใด
14 PAT 1 (เม.ย. 57)
35. ให้ แทนเซตของจานวนจริง และ เป็ นจานวนจริ งโดยที่ ≠ ให้ และ เป็ นฟั งก์ชนั
ที่นิยามโดย ( ) = และ ( ) = ( ) สาหรับทุกจานวนจริ ง
ถ้ า ( )( ) = 1 แล้ ว ( )( ) เท่ากับเท่าใด
39. กาหนดให้ … เป็ นข้ อมูลชุดที่ 1 ซึง่ มีคา่ เฉลีย่ เลขคณิตเท่ากับ 6 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
เท่ากับ 2 ให้ … เป็ นข้ อมูลชุดที่ 2 โดยที่ = เมื่อ … และ
เป็ นจานวนจริ ง และ > 0 ถ้ านาข้ อมูลทังสองชุ
้ ดมารวมกัน … … พบว่าค่าเฉลีย่ เลข
คณิตเท่ากับ 7 และความแปรปรวนเท่ากับ 21 แล้ วค่าของ เท่ากับเท่าใด
เมื่อ เป็ นจานวนจริง ถ้ าข้ อมูลชุดนี ้มีคา่ เฉลีย่ เลขคณิตเท่ากับ 4 แล้ วความแปรปรวนของข้ อมูลชุดนี ้เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (เม.ย. 57) 17
41. กาหนดให้ แทนเซตของจานวนจริ ง และ เป็ นจานวนจริ ง และให้ : เป็ นฟั งก์ชนั ที่นยิ ามโดย
( )= สาหรับทุกจานวนจริ ง ถ้ าเส้ นตรง + 13 = 0 สัมผัสกราฟของ ที่ = 1
2
แล้ ว ( ) เท่ากับเท่าใด
0
( )
42. ให้ แทนเซตของจานวนจริง ถ้ า : เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ ( ) = 111 และ lim = 2013
x 3
44. ถ้ า = + … ( )( )
และ = ( )( )
+( )( )
… ( )( )
เฉลย
1. 3 11. 3 21. 4 31. 5 41. 38
2. 2 12. 2 22. 1 32. 54 42. 634
3. 1 13. 2 23. 1 33. 681 43. 35
4. 4 14. 1 24. 3 34. 3 44. 2750
5. 3 15. 3 25. 4 35. 9 45. 384
6. 1 16. 1 26. 4 36. 500
7. 3 17. 2 27. 2 37. 1704
8. 1 18. 3 28. 2 38. 340
9* 4 19. 2 29. 3 39. 109
10. 1 20. 4 30. 4 40. 7
แนวคิด
1. 3
จาก ( )=2 จะได้ ตรงกลาง = 2
จาก ( )=8 จะได้ = 8 …( ) 2
( )=4 จะได้ = 4 …( )
( )=9 จะได้ = 9 …( )
และจาก ( ) = 15 จะได้ = 15
( ) ( ) = 13
จาก (1) และ (2) 8 + 4 + = 13
…( )
พอเรามี จาก (3) กับ จาก (4) เราจะใช้ ( ) = 3( ( )) มาแก้ หา ได้
= 3( )
9 + + 2 = 3( + 2 + 1 )
+ 11 = +9
จะแทน กลับไปหาทุกตัวเลยก็ได้ 1 =
2. 2
ก. แยกตัวประกอบได้ เป็ น |( )( )| ( )( )
จะใช้ วิธีดคู า่ ของกราฟ =| |, =| |, = +1, = มาเทียบกัน
+5
และเนื่องจากเอกภพสัมพัทธ์คือ ดังนัน้
= +5
= +1 จะดูเฉพาะกรณีที่ > 0
=| | จะเห็นว่า ≤ | | < +1
=| | และ ≤ | | < +5
1 ดังนัน้ |( )( )| ( )( )
4
ดังนัน้ ก. ถูก
20 PAT 1 (เม.ย. 57)
ข. แยกตัวประกอบได้ เป็ น |( )( )| ( )
ถ้ า = 1 จะได้ อสมการเป็ นจริ ง
ถ้ า ≠ จะเอา | | หารตลอด ได้ | |
| |
จะเห็นว่า | | จะตัดกันเป็ น 1 หรื อ 1 เสมอ ขึ ้นกับว่า เป็ นลบหรื อบวก
ถ้ า > 1 จะได้ | | = 1 จะได้ อสมการกลายเป็ น | | ซึง่ จริงเสมอ เพราะ > 1
ถ้ า < 1 จะได้ | | = 1 จะได้ อสมการกลายเป็ น | | ซึง่ จริงเสมอ เพราะค่าสัมบูรณ์
แต่ ข. บอกว่า ประพจน์เป็ นเท็จ ข. ผิด
3. 1
จาก ( ) ≡ F จะได้ ≡ T และ ≡F
แทน ≡ T ลงในประโยคที่สอง จะได้ T ( ) ≡ T ดังนัน้ ≡T
1. ≡ ( ) ( ) ≡( ) ≡( ) ≡ ≡T
2. เป็ นเท็จได้ เมื่อ ≡ T , ≡ T , = T และถ้ าให้ ≡ F จะยังทาให้ เงื่อนไขที่มีจริงหมด
3. ≡ ( ) T ≡ เป็ นเท็จได้ เมื่อ ≡ F , ≡ F และถ้ าให้ ≡ T จะยังทาให้ เงื่อนไขที่มีจริงหมด
4. ≡ ( ) ≡ (F ) ≡ เป็ นเท็จได้ เมื่อ ≡ T , ≡ F และถ้ าให้ ≡ F , ≡ T
จะยังคงทาให้ เงื่อนไขที่มจี ริ งหมด
4. 4
ข้ อนี ้ จะแบ่งกรณีทาก็ได้
แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า ข้ างในค่าสมบูรณ์บวกกัน ( ) ( ) ได้ เท่ากับทางขวา พอดี
จากสมบัติคา่ สัมบูรณ์ สมการในรูป | | | | = + จะเป็ นจริ งเมื่อ กับ ทังคู
้ เ่ ท่านัน้
ดังนัน้ จะได้ และ +2
2
1
รวมสองเงื่อนไข จะได้ ≤ ≤ ดังนัน้ = [ 2, 1] ซึง่ จะเป็ นสับเซตของข้ อ 4.
5. 3
ข้ อนี ้ ต้ องสังเกตว่าตัวส่วน กับ คล้ ายๆกัน ต่างกันแค่ตรงกลาง 8 กับ 10
เราจะสร้ างตัวแปรใหม่ เป็ นตัวทีอ่ ยูต่ รงกลางระหว่าง 2 ตัวนี ้ คือ ให้ =
ดังนัน้ = และ =
จะได้ สมการคือ = คูณตัวส่วนตลอด ได้ ( ) ( ) = ( )( )
=
0 =
0 = ( )
จะได้ =0 หรื อ =0
PAT 1 (เม.ย. 57) 21
6. 1
หา ( ) โดยเอา ( ) มาเปลีย่ น เป็ น , เปลีย่ น เป็ น จะได้ = = ( )=
ทัง้ (ก) และ (ข) ไม่ได้ ใช้ ( ) ใช้ แต่ ( ) ดังนัน้ จะหาแต่ ( ) จาก ( )( ) =
( ( )) =
( ) = ( )
= ( )
ให้ = จะได้ = แทนกลับไปใน จะได้ = ( )
= ( ) ดังนัน้ ( )=
ก. 4 ( ( )) = ( )+1 ข. ( ( ( ))) = +1
4 ( ) = +1 ( ( )) =
4 ( ) =
( ) =
= จริ ง
( ) =
2( )+1 =
+1 = จริ ง
7. 3
8. 1
จัดรูปพาราโบลา หา F ก่อน ได้ 4 +9 = เป็ นพาราโบลาหงายทีม่ ี V(3, 1) และ =1
4( ) = ( )
จะได้ F คือ (3, 2)
( ) ( )
จาก (ก) จะได้ ไฮเพอร์ โบลาแนวตัง้ , จาก (ข) จะได้ ศก ( ) รูปสมการคือ =1
จาก (ง) จะได้ = = 6 และจาก (ค) จะได้ = 2 + √ = √
แต่จาก = √ จะได้ √ = √ แก้ จะได้ = √ =4
( ) ( )
ดังนัน้ สมการคือ ( ) ( ) =
= 0
ไม่ตรงกับตัวเลือกไหนเลย = 0
ต้ องคูณ 1 ถึงจะตรงกับข้ อ 1 = 0
9* 4
ข้ อนี ้ โจทย์ต้องบอกด้ วยว่า >1 ไม่งนจะมี
ั ้ วงรี สองวงที่สอดคล้ องกับเงื่อนไขโจทย์ และจะสรุปอะไรไม่ได้ เลย
( ) ( )
ศก = (2, 1) แต่ยงั ไม่ร้ ูวา่ รี แนวนอนหรื อแนวตัง้ จะสมมติให้ วงรี จะมีรูปสมการคือ =1
( )
จัดรูปให้ สปส เป็ น 1 เหมือนที่โจทย์ให้ โดยกระจายและคูณ ตลอด ได้ =
=0
เทียบ สปส จะได้ = , = 4, = , 92 = 4 + …( )
เนื่องจาก > 1 จะได้ > ดังนัน้ เป็ นวงรี แนวนอน เนื่องจาก แกนเอก = 2(แกนโท) จะได้ =2
( ) ( ) ( )
แทนใน ( ) จะได้ = = =4, == = 8 , 4+ ( ) = 92
100 = 4
5 =
= 2(5) = 10
(1) = 4 + ( 4) + ( )≠ ผิด
√
(2) ความเยื ้องศก = = √ = =
√
=
√
=
√
ผิด
(3) จัดรูปวงกลม ได้ ( ) ( ) = 20 + + ศก (2, 1), =5
มี ศก ร่วมกัน แต่ แกนเอกวงรี = 2 = 2(10) = 20 ไม่เท่ากับ วงกลม ผิด
(4) สังเกตว่า 20 = แกนเอกวงรี พอดี ดังนัน้ แค่ตรวจสอบว่า (2, 6) อยูบ่ นวงรี รึเปล่าก็พอ
( ) ( )
แทน (2, 6) ในสมการวงรี จะได้ =0+1=1 จริ ง ถูกต้ อง
( ) ( )
หมายเหตุ : ถ้ าข้ อนี ้ไม่บอกว่า > 1 จะมีวงรี
√ √
=1 อีกวง
ซึง่ จะจัดรูปได้ =0 สอดคล้ องกับเงื่อนไขที่โจทย์ให้
10. 1
หาจุดตัด = 0 …( ) และ …( )
(2) – 2(1) จะได้ 11 =1 แทนใน (1) ได้ = ( ) =2 ดังนัน้ = (2, 1)
จะได้ L คือ = = …( )
( )
จะได้ ระยะจาก (0, 0) = | √ ( )
|
=
|
√
|
=
PAT 1 (เม.ย. 57) 23
| |
แทน ในสมการ =1 จะได้ (
√
) = 1
( )
ตัดค่าสัมบูรณ์ที่ถกู ยกกาลังสองออกได้ = 0
เนื่องจาก < 0 จะได้ ≠ เอา หารตลอดเหลือ = 0
คูณตลอด ด้ วย จะได้ = 0
= 0
( ) = 0
= 0, 2
เนื่องจาก <0 จะได้ = 2 แทนใน ( ) จะได้ =0
11. 3
ให้ B = จะได้ A=2 และ C = 180° ( ) = 180° 3
ทุกมุม มี หมด สามารถเชื่อมด้ วยกฎของ sin ได้ = =
= = ( )
= =
= =
= = …( )
สังเกตว่า ตัวเลือกแต่ละข้ อ จะคล้ ายๆกฎของ cos
โดย สองตัวเลือกแรก เหมือนจะใช้ กฎของ cos ที่ C แต่สองตัวเลือกหลัง ใช้ กฎของ cos ที่ A
ถ้ าใช้ กฎของ cos ที่ C จะมีมมุ 3 ซึง่ ดูยงุ่ ยาก แต่ถ้าใช้ กฎของ cos ที่ A จะมี cos 2 ซึง่ ดูง่ายกว่า
ใช้ กฎของ cos ที่ A จะได้ = C
=
= ( )
= …( ) A B
จะกาจัด ใน ( ) โดยเอาคูห่ ลังใน ( ) มาคูณไขว้ จะได้ 3 =
=
=
แทน ใน ( ) จะได้ = = ข้ อ 3
12. 2
จะเห็นว่าตัวเลือกทุกข้ อ เป็ น arctan หมด ซึง่ จะตัดกับ tan ได้
( ) =
ดังนัน้ เราจะดูวา่ tan ของสิง่ ที่โจทย์ถาม ตรงกับ tan ของตัวเลือกข้ อไหน
( ( )) ( ( ))
จะได้ ( ( ) ( )) =
( ( )) ( ( ))
( )( )
เศษ = ( )( )
= ( )( )
( )
= ( )( )
= ( )( )
( ) ( )
= = ( )( )
( )( )
24 PAT 1 (เม.ย. 57)
( ) เศษ ( )
ส่วน = 1+ จะได้ ส่วน
= ( )( ) ( )
= = =
= จะเห็นว่าตัวเลือกข้ อ 3 ข้ อเดียว ที่ tan แล้ วตัดกับ arctan เหลือ tan
( )
= ดังนัน้ ตอบข้ อ 3
13. 2
ก. cos 2 = ( )
= ( )
√ √
= ( )
√
= ( ( ))
= ( )
= ( 1 )( )
= 1 2 ก. ถูก
14. 1
จาก ̅ ̅ ̅=̅ จะได้ ̅ ̅ = ̅ ดังนัน้ |̅ ̅| = | ̅| = | ̅| ดังนัน้ | ̅| = 5
จะได้ ̅ ̅ = ̅ ดังนัน้ |̅ ̅| = | ̅| = | ̅| ดังนัน้ | ̅| = 3
PAT 1 (เม.ย. 57) 25
ก. จาก |̅ ̅| = 5 และจากสูตร |̅ ̅ | = | ̅| | ̅| ̅ ̅
= +√ | ̅|| ̅ |
6 = 2(3)(√ ) cos
= cos
√
เนื่องจาก ≤ ≤ และ cos เป็ นบวก ดังนัน้ อยูใ่ น Quadrant ที่ 1 จะได้ tan เป็ นบวก
ชิด √
cos = = = √√ =3 ดังนัน้ tan = =3 ก. ถูก
√ ฉาก
1
ข. จะหา ̅ ̅ ได้ จากสูตร | ̅ ̅| = | ̅| | ̅| ̅ ̅
จาก ̅ ̅ ̅ = ̅ จะได้ ̅ ̅ = ̅ ดังนัน้ |̅ ̅| = | ̅ | = | ̅ | = √
แทนในสูตร จะได้ √ = ̅ ̅
24 = ̅ ̅
12 = ̅ ̅ ข. ถูก
15. 3
มีเลขโดด 9 ตัว แต่ละหลักจะเลือกได้ 9 แบบ เนื่องจากมี 5 หลัก จะสร้ างได้ ทงหมด ั้ = แบบ
ถ้ าต้ องใช้ แค่ 3 ตัว จะต้ องมีตวั ซ ้า จะแบ่งกรณีตามรูปแบบการซ ้า
กรณี ซ ้า 3 + ต่าง 2 : ขันที ้ ่ 1 จัดกลุม่ เลขโดด : เลือกเลขโดดทีจ่ ะมาซ ้า 3 ได้ 9 แบบ
ที่เหลือเลือกเลขโดดทีจ่ ะมาเป็ น ต่าง 2 ได้ ( ) แบบ
ขันที
้ ่ 2 เรี ยงเลขที่ได้ จากขันที
้ ่ 1 : ซ ้า 3 + ต่าง 2 จะเรี ยงได้ แบบ
ดังนัน้ ได้ จานวนแบบ = 9 × ( ) × = (9)(8)(7)(5)(2) แบบ
กรณี ซ ้า 2 สองคู่ + ต่าง 1 : ขันที ้ ่ 1 จัดกลุม่ เลขโดด : เลือกเลขโดดทีจ่ ะมาซ ้า 2 สองคู่ ได้ ( ) แบบ
เหลือ 7 ตัว เลือกมาเป็ น ต่าง 1 ได้ 7 แบบ
ขันที
้ ่ 2 เรี ยงเลขที่ได้ จากขันที
้ ่ 1 : ซ ้า 2 สองคู่ + ต่าง 1 จะเรี ยงได้ แบบ
ดังนัน้ ได้ จานวนแบบ = ( ) × 7 × = (9)(8)(7)(5)(3) แบบ
ดังนัน้ ความน่าจะเป็ น = ( )( )( )( )( ) ( )( )( )( )( ) = ( )( )( )( ) =
16. 1
ข้ อนี ้ใช้ สตู ร ( )(( )…(
)
)
= ไม่ได้ เพราะ ห.ร.ม. ( , … ) ( ) ≠
( หนังสือบางเล่ม บอกว่าใช้ ได้ แต่ให้ ปัดเศษขึ ้น ซึง่ จะบังเอิญถูกในบางกรณีเท่านัน้ )
ถ้ า ห.ร.ม. ( , … ) ≠ จะมีปัญหาตอนคิดกลุม่ ของตัวที่เอามาตอกไม่ให้ วงหมุน ในพวกแบบที่ “เป็ นคาบ”
เช่น ถ้ าใช้ ตอก จะมีปัญหากับพวกแบบ (ซ ้าเป็ นคาบทีละ 2 ตัว คือ WR WR WR)
กล่าวคือ ปกติแล้ ว 3! แบบต่อไปนี ้ ควรจะเป็ นแบบทีต่ า่ งกัน ที่ถกู นับเป็ นแบบเดียวเมื่อ ซ ้ากัน
17. 2
ต่อเนื่องที่ = 2 แสดงว่า lim ( )= ( ) = lim ( )
x 2 x 2
( ) = ( )
=
แทนใน (1) จะได้ = =2 ดังนัน้ | + 5 | = |2 + 16| = 18
18. 3
√ ( )(√ ) √
จัดรูปจะได้ √
=
√ (√ )
=
√ (√ ) √
=
√ ( )
=
√
=
√
=
แต่โจทย์บอกว่าอินทิเกรตได้ 4 ดังนัน้ √ =4
√ =0
(√ )(√ ) =0
√ = 3, 1
19. 2
จาก ( ) = 0 จะได้ ( ) = ( ) ( ) = …( )
และจะได้ ( ) = จะเห็นว่า ( ) = 0 เมื่อ =
แต่โจทย์บอกว่า มีคา่ สูงสุดที่ = ดังนัน้ = จัดรู ป จะได้ …( )
PAT 1 (เม.ย. 57) 27
t t
จาก ( )= ( )+1 จะได้ ( ) = ( ) +1
0 1
1 t t
( ) + ( ) = ( ) +1
0 1 1
1
( ) = 1
0
1
แต่ ( ) = | = ( ) ( ) =
0
(ก) ( )= | =( ) ( )= 3
( )= | =( ) ( ) = 13 น้ อยกว่าอยู่ ก. ถูก
( )
(ข) = ดิฟ ได้ ≠ ข. ผิด
20. 4
จัดรูป ทาเทเลสโคปิ ค : = ( )
= ( )( )
= [ ( )] = ( )
ดังนัน้ … = [( ) ( ) ( ) ( )]
( )
= [ ( ) ( ) ( ) ]
( )( ) ( )( ) ( ( ))( ( ))
= [ ]
= [ ]
= [ ]
…
ดังนัน้ nlim
= lim
n
[ ] = lim [
n
] = ( ) =
21. 4
ให้ = + i จะได้ ̅ = i แทนในสมการ จะได้ = 3i( )
( ) ( ) =
= ( ) i
จะได้ = …( ) และ =3 …( )
จาก (1) จะได้ = แทนใน (2) จะได้ = ( )
8 = 16
= 2
แทนใน (1) จะได้ = ( ) จะได้ = 2 ดังนัน้ = i
28 PAT 1 (เม.ย. 57)
22. 1
ระบบสมการคือ ∑ = ∑ โดย ∑ = 1 + 0.8 + 0.8 + 0.6 = 3.2
∑ = ∑ ∑ ∑ = 0+1+2+3 = 6
= 4
∑ = 0 + 0.8 + 1.6 + 1.8 = 4.2
∑ = 0 + 1 + 4 + 9 = 14
แทนระบบสมการ จะได้ 3.2 = 6 + 4 …( ) และ 4.2 = 14 + 6 …( )
(2) (1) จะได้ ตัดกัน เหลือ = 5 จะได้ = 0.12
แทนใน (1) จะได้ 3.2 = + จะได้ = = 0.98
(ก) จะได้ + 11 = + 1.1 = 0.98 = ถูก
(ข) ถ้ า = 8 จะได้ = ( ) = = ถูก
23. 1
(ก) = 7 ( )( ) = 7
= 7
= 4
( )( ) = 7 = 16
24. 3
แจกแจงปกติ ̅ = มัธยฐาน = ฐานนิยม ̅ = 45
0.3413
โจทย์บอกว่า มี 34.13% อยูร่ ะหว่างมัธยฐาน กับ 54 จะวาดได้ ดงั รูป
เอา = 0.3413 ไปเปิ ดตาราง จะได้ = 1.0 ดังนัน้ = 54 จะได้ = 1.0
จากสูตร = ̅ จะได้ 1.0 = =9 = 54
ถัดมา หา จากรูป เนื่องจากพื ้นทีท่ ี่ใช้ เปิ ดตาราง ต้ องเป็ นพื ้นที่ทวี่ ดั จากแกนกลาง
0.33
ดังนัน้ ต้ องเอา = = 0.17 ไปเปิ ดตาราง จะได้ = 0.44
และ อยูท่ างฝั่ งซ้ าย จะมี เป็ นลบ ดังนัน้ จะมี = 0.44
̅
จากสูตร = จะได้ 0.44 = = 3.96 + 45 = 41.04
ดังนัน้ นักเรี ยนคนนี ้ ได้ × 41.04 = 68.4 เต็ม 100 = 68.4%
25. 4
เรี ยงข้ อมูลก่อน จะได้ 28 30 32 35 40 42 45 48 50 65
( )
(ก) อยูต่ าแหน่งที่ จะได้ = ตัวที่ 7 + 0.7(ตัวที่ 8 – ตัวที่ 7)
= 45 + 0.7( 48 – 45 ) = 45 + 2.1 = 47.1
26. 4
ดังนัน้ | ̅| = = ( ) = 4+4 = 8
27. 2
28. 2
ให้ ผสมปุ๋ย A จานวน ถุง และ ปุ๋ย B จานวน ถุง
ดังนัน้ จะได้ N = 2 + 3 , P = + 3 , K = 80 + 60 และค่าใช้ จา่ ย = 10 + 12
(3)
จะได้ เงื่อนไขคือ 2 + 3 …( )
+3 …( ) (1) 8 P
80 + 60 …( ) 6
29. 3
ให้ =2 +3 และ =3 +2 แทนใน ก. และ ข. จะได้ ดงั นี ้
ก. > ข. >
> >
4 > >
4(3 + 2 ) > 3(2 + 3 ) 2 +3 > 3 +2
12 + 8 > 6 +9 >
6 > โจทย์ให้ < ข. จริ ง
โจทย์ให้ < ซึง่ จะเห็นว่า 6 > อาจจะไม่จริ ง
เช่น ถ้ า = 1, = 7 และ เป็ นอะไรก็ได้ ประโยคนี ้จะผิด
เช่น ถ้ า = 1, = 7, = 1 จะได้ ก. คือ > ซึง่ ไม่จริ ง
30. 4
แทน =0 จะได้ ( ( )) = 2 +15 เราจะใช้ เทคนิคเปลีย่ นตัวแปร เพือ่ หา ( )
= 2( ( )) + 15
ให้ + ( ) = =2 ( )
= ( )
ดังนัน้ ( ) = 2 ( ) …( )
ถัดมา แทน = 0 ใน ( ( )) ที่โจทย์ให้ จะได้ ( ( )) = + 15
PAT 1 (เม.ย. 57) 31
31. 5
( ) ( ) = ( )
( ) ( ) = ( ( ))
( ) ( ) = ( ( ))
( )+ ( ) = ( ( )) = 0
( )( ) = ( ( )) ( )( )= 0
= = 5, 1
แต่จะเห็นว่า ใช้ ไม่ได้ เพราะทาให้ หลัง ( ) เป็ นลบ เหลือ 5 ตัวเดียว ตอบ 5
32. 54
แก้ หา cos B และ cos C ก่อน = 15 …( )
= 77 …( )
5(1) + (2) : = แทนใน (1) ได้ = =
จะหา sin ของทุกมุม เพื่อใช้ กฎของ sin 5 13
3 12
ชิด B C
cos = ฉาก วาดรูป + หาด้ านทีเ่ หลือ ได้ ดงั รูป 4 5
เนื่องจาก B, C เป็ นมุมแหลม จะได้ sin เป็ นบวก ดังนัน้ sin B = , sin C =
และ sin A = sin (180° – (B+C)) = sin(B+C) =
= + =
จากกฎของ sin จะได้ แทนค่าต่างๆที่ร้ ู จะได้ = =
ดังนัน้ = = = 21 และ = = 20 × = 13
จะได้ ความยาวรอบรูป = = 21 + 13 + 20 = 54
33. 681
ข้ อนี ้ ทาได้ หลายวิธี จะกระจาย ( ) ก็ได้ หรื อจะใช้ ( ) = ก็ได้
ผมคิดว่า ใช้ วิธีแทน สามมุมลงไป แล้ วแก้ ระบบสมการ น่าจะง่ายที่สดุ โดยต้ องเลือก ที่ cos แล้ วได้ เลขน้ อยๆ
32 PAT 1 (เม.ย. 57)
= 0° : 1 = = …( )
= 60° : = = …( )
= 45° : = 4= …( )
√ √ √ √
(2) – (1) : 15 = 3 + 15
5 = + 5 …( )
(3) – (1) : = + 3 …( ) (4) – (5) : 10 = 2 =5
แทน ใน (5) จะได้ = = 20
แทน ใน (1) จะได้ = 1 + 20 – 5 = 16
ดังนัน้ = 256 + 400 + 25 = 681
34. 3
: จากสมบัติ log จะได้ =
=
=
= ( ) ให้ = , =
= 0
( )( ) = 0
ดังนัน้ = 2 หรื อ =
3( ) = 2( ) =
= จะได้ =0
จะได้ =1 = {1, 0}
35. 9
จาก ( )( ) = 1
( ( )) = 1
( ) = ( ) …( )
จะหา ( ) ต้ องหา ที่ ( ) = 1 นัน
่ คือ ( ) = 1
= 0
( ) = 0
= 1 จะได้ ( )=1
และ ( )= ( ) = แทนใน ( ) จะได้ 1= = 1
ดังนัน้ ( )( ) = ( ( )) = (( )( ) ) = ( ) = ( )( ) = 9
36. 500
เอา = … มากลับเศษส่วน จะได้ = = …=
= = …=
37. 1704
จะใช้ วิธีเอาสมการมาหักด้ วยตัวมันเอง จาก = …( )
เพิ่ม 1 ตาแหน่ง โดยแทน ด้ วย + 1 จะได้ = ( ) …( )
(1) – (2) จะได้ = 1 นัน
่ คือ ตัวที่หา่ งกัน 3 ตาแหน่ง ค่าจะน้ อยลง 1
เช่น = 12 = 11 = 10 =9 … (กลุม่ ÷ 3 เหลือเศษ 1)
= 2556 = 2555 = 2554 = 2553 … (กลุม่ ÷ 3 เหลือเศษ 2)
=7 =6 =5 =4 … (กลุม่ ÷ 3 ลงตัว)
เนื่องจาก 2558 หารด้ วย 3 เหลือเศษ 2 2 5 8 11 … 2558
ดังนัน้ จะเอากลุม่ ÷ 3 เหลือเศษ 2 มาคิด ดังตาราง 2556 2555 2554 2553 …
38. 340
ก่อนอื่น จะเอา A ทังสามตั
้ วมาวางเป็ นหลักไว้ ก่อน จะได้ ___ A ___ A ___ A ___
จากนัน้ เอา T มาแทรก (ในขันนี ้ ้ T ยังติดกันได้ อยู่ เพราะยังเอา P มาแทรกให้ มนั แยกกันตอนสุดท้ ายได้ )
กรณีที่ T ทังสามตั
้ วติดกัน : เราจะมัด T ทังสามตั
้ วเป็ นตัวใหม่ 1 ตัว ได้ เป็ น TTT
มีช่องระหว่าง A อยู่ 4 ช่อง ดังนัน้ จะเลือกใส่ TTT ได้ 4 แบบ
เช่น ถ้ าเลือกได้ ช่องที่ 2 จะได้ เป็ น A T T T A A
จากนัน้ เอา P มาเสียบ จะเห็นว่าจาเป็ นต้ องเสียบ P สองตัวไประหว่าง TTT เพื่อไม่ให้ T ติดกัน
ได้ เป็ น A T P T P T A A ส่วน P อีกตัวที่เหลือ ห้ ามเสียบติดกับ P สองตัวแรก
จะเหลือช่อง __ A __ T P T P T __ A __ A __ ให้ เสียบได้ 5 ช่อง เลือกได้ 5 แบบ
รวมทุกขันตอนของกรณี
้ นี ้ จะได้ 4 × 5 = 20 แบบ
กรณีที่ T สองตัวติดกัน และ T อีกตัวแยกออกไป : ต้ องเอา TT กับ T มาเสียบ
มีช่องระหว่าง A อยู่ 4 ช่อง จะเลือกช่องให้ TT และ T ได้ 4 × 3 = 12 แบบ
เช่น ถ้ าเลือกได้ ช่องแรก กับช่องสุดท้ าย จะได้ เป็ น TT A A A T
จากนัน้ เอา P มาเสียบ จะเห็นว่าจาเป็ นต้ องเสียบ P หนึง่ ตัวไประหว่าง TT เพื่อไม่ให้ T ติดกัน
ได้ เป็ น T P T A A A T ส่วน P อีกสองตัวทีเ่ หลือ ห้ ามเสียบติดกับ P ตัวแรก
จะเหลือช่อง __ T P T __ A __ A __ A __ T __ ให้ เสียบ P สองตัวได้ 6 ช่อง เลือกได้ ( ) = = 15 แบบ
รวมทุกขันตอนของกรณี
้ นี ้ จะได้ 12 × 15 = 180 แบบ
กรณีที่ T ไม่ติดกันเลย : มีช่องระหว่าง A อยู่ 4 ช่อง จะเลือกให้ T ทังสามตั้ วได้ ( ) = 4 แบบ
เช่น ถ้ าเลือกได้ ช่องแรก กับ 2 ช่องหลัง จะได้ T A A T A T
จากนัน้ เอา P มาเสียบ จะเหลือช่อง _ T _ A _ A _ T _ A _ T _ ให้ เสียบ P สามตัวได้ 7 ช่อง
เลือกได้ ( ) = = 35 แบบ รวมทุกขันตอนของกรณี
้ นี ้ จะได้ 4 × 35 = 140
รวมทุกกรณี ได้ 20 + 180 + 140 = 340 แบบ
39. 109
จากสมบัติของค่าเฉลีย่ จะได้ ̅= ̅ =6 +
̅ ̅ ( ) ( )
ดังนัน้ ค่าเฉลีย่ รวม = = = โจทย์ให้ = 7
= …( )
∑ ∑
ถัดมา จากสูตรความแปรปรวน = ̅ จะได้ =
40 = ∑
>0
∑
และจากสมบัติของ จะได้ = | | = 2 ดังนัน้ ( ) = ( )
( ที่มาบวก จะไม่มีผลกับค่า ) ( ) =
∑
( ) =∑
∑ ∑ ( )
จะได้ ความแปรปรวนรวม = = =
PAT 1 (เม.ย. 57) 35
40. 7
เอาความถี่สะสมช่องที่ตดิ กันมาลบกัน จะได้ ช่องความถี่ปกติ (แบบไม่สะสม) ดังตาราง
โดยช่อง ร้ อยละความถี่สมั พัทธ์นี ้ สามารถใช้ แทนความถี่ในการหา
ค่าสังเกต ร้ อยละของความถี่ ร้ อยละของความถี่
ค่ากลางและการกระจายข้ อมูลได้ เลย สะสมสัมพัทธ์ สัมพัทธ์
( )
โดยต้ องเทียบให้ จานวนข้ อมูลทังหมด
้ มี 100 จานวน 1 20 20
( ) ( ) ( ) ( ) 2 40 20
จะได้ ̅ = =
70 30
แต่โจทย์ให้ ̅ = 4 ดังนัน้ แก้ ได้ = 4 6 90 20
∑ ( ̅)
10 100 10
ดังนัน้ ความแปรปรวน =
( ) ( ) ( ) ( ) ( )
= = = 7
41. 38
จัดรูปเส้ นตรง จะได้ = เทียบกับรูป = จะได้ ความชัน = 5 ดังนัน้ ( ) = 5 ด้ วย
จาก ( ) = จะได้ ( ) = ( ) แก้ สมการ จะได้ = 2
และจุดที่เส้ นตรงสัมผัส จะต้ องอยูท่ งบน
ั ้ เส้ นตรงและ แทน = 1 ในเส้ นตรง = + 13 ได้ = 18
ดังนัน้ จุด (1, 18) ต้ องอยูบ่ น ด้ วย ( ) ต้ องแทนใน ( ) = แล้ วเป็ นจริ ง
จะได้ 18 = + 2(1) + แก้ ได้ จะได้ ( ) = 15 + 2 +
2
ดังนัน้ ( ) = | = ( ) ( ) = 38
0
42. 634
อัตราการเปลีย่ นแปลงของ ( ) เทียบกับ ขณะที่ =3 ก็คือ ( ) นัน่ เอง
( ) ( )
เนื่องจากตัวส่วน lim = 0 แต่ lim หาค่าได้ ดังนัน้ lim ต้ องอยูใ่ นรูป
x 3 x 3 x 3
( ) ดิ๊ฟบน ( ) ( )
ใช้ โลปิ ตาล จะได้ lim
x 3
= lim
x 3 ดิ๊ฟล่าง
= lim
x 3
= 3 ( ) ( ) = 3 ( ) + 111
( )
แต่โจทย์ให้ lim
x 3
= 2013 ดังนัน้ 3 ( ) + 111 แก้ ได้ ( )= = 634
43. 35
ขัน้ 1 เลือก A, B : เขียนนับจานวนที่บวกกันเป็ น 14 จะมี ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) แบบ
36 PAT 1 (เม.ย. 57)
44. 2750
แยกเทเลสโคปิ ค ได้ = …
เปลี่ยน 1 เป็ น 1 2
= …
แยกตัวที่เป็ นลบไปไว้ ข้างหลัง
= ( … ) ( )
= ( … ) ( )
ตัด 1008 พจน์แรกได้
= …
ถัดมา หา สังเกตว่าตัวเลขทุกคู่ รวมกันได้ 3025 ดังนัน้ เราจะคูณ แล้ วกระจาย 3025 เข้ าไป
= (( )( ) ( )( )
… ( )( )
)
= (( )( ) ( )( )
… ( )( )
)
= (( )( ) ( )( )
… ( )( )
)
= ( )
มี , … ตัวละ 2 ครัง้
= ( )
45. 384
ก่อนอื่น เราจะจัดสมการที่โจทย์ให้ ให้ อยูใ่ นรูปง่ายที่สดุ เท่าทีจ่ ะจัดได้ ก่อน
(ก) = ง่ายอยูแ่ ล้ ว
(ข) ( ( )) = ( ) (ค) 2 + = ( )
จาก (ก)
( ) = ( ) จาก (ก) 2+ = ( )( )
( ) = ( ) 2+ =
= 2 =
= 2 = ( ) จาก (1)
( ) = 2 = …( )
+ =
จาก (ก)
+ = ตลอดได้ (เพราะ ≠ )
…( )
PAT 1 (เม.ย. 57) 37
หลักทัว่ ไปในแก้ สมการจานวนเต็ม คือ ต้ องจัดฝั่ งหนึง่ ให้ เป็ นตัวเลข แล้ ว แยกตัวประกอบอีกฝั่ ง
แล้ วอ้ างว่า ฝั่ งทีเ่ ป็ นตัวเลข จะแยกตัวประกอบได้ แค่ไม่กี่แบบ
จะเห็นว่าสมการ (2) มีฝั่งซ้ ายเป็ นตัวเลขแล้ ว ส่วนฝั่ งขวา ถ้ าเติม +3 เข้ าไป จะสามารถจัดกลุม่ ดึงตัวร่วมได้
(2) : 2 =
2+3 =
5 = ( ) ( )
จะเห็นว่า 5 ทางฝั่ งซ้ าย แยกเป็ น 2 ตัวคูณกันได้ แค่ 2 แบบ
5 = ( )( ) คือ 5 × 1 กับ 1 × 5
กรณี 5 × 1 : จะได้ = 5 และ = 1 จะได้ = 6 , = 4
แทนใน (1) จะได้ = 2(6) + 4 = 16 , แทนใน (ก) ได้ = 6 + 16 = 22
จะได้ = 484 + 36 + 16 + 256 = 792
กรณี 1 × 5 : จะได้ = 1 และ = 5 จะได้ = 2 , = 8
แทนใน (1) จะได้ = 2(2) + 8 = 12 , แทนใน (ก) ได้ = 2 + 12 = 14
จะได้ = 196 + 4 + 64 + 144 = 408
เนื่องจาก เป็ นได้ แค่ 792 กับ 408 ดังนัน้ = 792 และ = 408
ดังนัน้ = 792 – 408 = 384
เครดิต
ขอบคุณ คุณ nitrogen synthesis และ คุณ Gtr Ping and his friends สาหรับข้ อสอบนะครับ
ขอบคุณ คุณ Pol Celona ที่ช่วยคิดเฉลยข้ อ 38 ครับ
ขอบคุณ คุณ Piyapan Sujarittham และคุณ P'Wit Tutor ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้ องของเฉลยให้ นะครับ