Professional Documents
Culture Documents
152 378 1 PB
152 378 1 PB
บทคัดย่ อ
การออกแบบและทดสอบเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าหมุนตามแนวแกนแบบแม่เหล็กถาวรชนิ ด 2 สเตเตอร์ 3
โรเตอร์ สําหรับกังหันนํMาแบบไหลขวางสําหรับแหล่งนํMาทีG มีหัวนํMาสุ ทธิ อยู่ในช่ วง 3-5 เมตร อัตราการไหล 7-20
ลิตรต่อวินาที ในพืMนทีG ทีGระบบสายส่ งปกติ เข้าไม่ถึงหรื อพืMนทีGห่างไกล ได้ออกแบบขนาดของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ า
แบบแม่เหล็กถาวรทีG พิกดั 600 วัตต์ ทีG 500 รอบต่อนาที 3 เฟส 17 โวลท์ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.3 เมตร
ประกอบด้วย สเตเตอร์ 2 ชุดและโรเตอร์ 3 ชุดโดยชุดเสเตเตอร์ ประกอบด้วยขดลวดสเตเตอร์ ขนาด 17 AWG
จํานวน 6 ขด ในแต่ละขดพันขดลวดจํานวน 140 รอบวางตามแนวรัศมีต่อขดลวดแบบอนุ กรมจํานวน 3 คู่ และ
หล่อทับด้วยเรซิG นสําหรับจับยึดกับโครงสร้าง สําหรับแผ่นโรเตอร์ ประกอบด้วย 3 ชุดโดยวางลักษณะสลับกับชุด
โรเตอร์ ให้ตาํ แหน่งของแม่เหล็กตัดแผ่นขดลวดทัMงสอง ข้างของสเตเตอร์ สําหรับแผ่นโรเตอร์ ตรงกลางระหว่าง
แผ่นสเตเตอร์ทาํ จากเหล็กแผ่นหนา 12 มิลลิเมตรและเซาะร่ องสําหรับวางแม่เหล็กถาวรโดยแม่เหล็กถาวรทีG เป็ น
ชนิดนิโอดิเมียมมีค่าความเข้มของสนามแม่เหล็ก 200 มิลลิเทสลา และทําการทดสอบสมรรถนะทางเทคนิ คภายใน
ห้องปฏิบ ตั ิการจากผลการทดสอบพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างแรงบิ ดกับกําลังไฟฟ้ าทีG ผลิตได้ของเครืG องกําเนิ ด
ไฟฟ้ ากรณี 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ ทีGต่อขดลวดแบบสตาร์ และเดลต้าทุกความเร็ วรอบ ตัMงแต่ 200-600 รอบต่อนาที
นัMนเมืGอแรงบิ ดเพิGมสู งขึMนจะให้กาํ ลังไฟฟ้ าเพิGมขึM นเมืGอเที ยบกับเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบ 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์
สําหรับประสิ ทธิ ภาพในการแปลงพลังงานกลเป็ นพลังงานไฟฟ้ าของเครืG องกําเนิ ดทีG การต่อทัMงสองแบบอยู่ในช่วง
30-50% ในส่ วนความสัมพันธ์ของกระแสและแรงดันทีGผลิตได้นM นั เป็ นประโยชน์สําหรับการออกแบบอุปกรณ์
Research Paper Received 4 March 2017
*Corresponding author Accepted 31 August 2017
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
Abstract
This project describes the development of a permanent magnet generator type 2 stators 3 rotors with
cross flow turbine at total head range 3-5 meter and 7-20 liter per second for remote area.
The generator had a rated power 600 Watt, 500 round per minute and 3 phase 17 Volt. The diameter has
0.3 meter with 2 stator and 3 rotors. The copper winding AWG 17 was used to make a form with
140 rounds per coil and 6 coils per stator. The resin has been applied to stator structure and neodymium
permanent magnet at 200 mT. The genertor has been tested under testrig in labolatory to find out the eletricle
parameters. The results found that the relation of torque and power generated of 2 stators 3 rotors permanet
magnet generator with internal coil wiring in star and delta with various speed 200 to 600 round per minute is
higher than the 1 stator 2 rotors. The conversion energy of mechanical power to electrical power is around
30-50% within rage of testing. In order to development the scheme of converter and battery management, this
experiment results in term of current and voltage is not only utilized for the devoloping converter to receive the
energy at various seasoning but also applied to the low speed source of energy application such as wind
generator.
1. บทนํา
การผลิตไฟฟ้ าจากพลังงานทดแทน ในพืMนทีG ซG ึ งอยู่นอกเขตบริ การของการไฟฟ้ าส่ วนภูมิภาคในภาคเหนือ
ส่ วนใหญ่เป็ นชุ มชนชนบทบนพืMนทีG สูง ปั จจุบ นั ชุมชนส่ วนใหญ่มีระบบผลิตไฟฟ้ าจากพลังงานแสงอาทิ ตย์เป็ น
หลัก ข้อจํากัดของชุมชนบนพืMนทีGสูงคือลักษณะภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ทีG ไม่เอืMอต่อการผลิตไฟฟ้ าด้วยพลังงาน
แสงอาทิตย์ เช่น แผงโซลาร์ เซลล์ถูกบังเงาจากภูเขาหรื อเมฆหมอก ประกอบกับการมีช่วงฤดูฝนทีGยาวนาน ปั ญหา
เหล่านีM ส่งผลต่อชัวG โมงการรับแสงของแผงเซลล์ทาํ ให้ปริ มาณการผลิตไฟฟ้ าไม่เพียงพอ พลังงานนํMาจึ งเป็ นแหล่ง
พลังงานทางเลือกอีกแหล่งหนึG งทีGควรนํามาพิจารณา เนืG องจากทรัพยากรนํMาบริ เวณชุมชนบนพืMนทีGสูงหลายแหล่งมี
ศักยภาพเพี ย งพอสํา หรั บ การติ ดตัMงเครืG อ งกําเนิ ดไฟฟ้ าขนาดจิm ว แต่ ในพืM นทีG มกั มี ค วามหลากหลายทางด้า นภูมิ
ประเทศ ศักยภาพของแหล่งนํMาก็เช่นเดียวกัน โดยทัวG ไปแหล่งนํMาทีG อยู่ใกล้กบั ชุมชนมีหัวนํMาสุ ทธิ ไม่สูงมากนัก อยู่
16
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
ในช่วงประมาณ 3-5 เมตร อัตราการไหล 7-20 ลิตรต่อวินาที ดังนัMนกังหันนํMาทีG มีความเร็ วรอบไม่สูงมากจึ งเป็ น
ทางเลือกสําหรั บการนํามาใช้งาน เนืG องจากความเร็ วรอบของกังหันขึMนอยู่กบั หัวนํMาสุ ทธิ และเพืGอให้เหมาะสมกับ
การการผลิตไฟฟ้ า เครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าจึงต้องเป็ นเครืG องทีG อาศัยความเร็ วรอบทีG ตGาํ เพืGอลดการสู ญเสี ยทางกล เมืGอมี
การปรับหรื อเพิGมรอบของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าด้วยเช่นกัน
การพัฒนาเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าหรื อไดนาโมได้ถูกประดิษฐ์ขM ีนโดยชาว ไมเคิล ฟาราเดย์ ในปี ค.ศ. 1821
ด้วยการใช้เส้นแรงแม่เหล็กตัดกับขดลวด เรี ยกกระแสไฟฟ้ าทีGเกิดขึMนว่า กระแสไฟฟ้ าเหนีG ยวนํา (Induced current)
โดยกระแสไฟฟ้ าเหนีG ยวนําจะเกิ ดก็ต่อเมืGอมี การเคลืG อนทีG ตดั กันของสนามแม่เหล็กกับ ขดลวดเท่ านัMน ถ้าหยุด
เคลืG อ นทีG กระแสไฟฟ้ าก็ ห ายไปและมี แ นวคิ ด ทีG จ ะให้กระแสไฟฟ้ าไหลอยู่ต ลอดเวลาจึ ง หมุ นขดลวดตัด กับ
สนามแม่เหล็กตลอดเวลาเกิดสิG งประดิษฐ์ทีGเรี ยกว่าไดนาโมหรื อเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าในเวลาต่อมา [1] ด้วยหลักการ
นีM ทางคณะทํางานได้ ได้ออกแบบสร้างเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบ Permanent Magnet Generator (PMG) โดยเครืG อง
กําเนิ ดไฟฟ้ าแม่เหล็กถาวร (Permanent magnet Generator) มีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ เครืG องกําเนิดไฟฟ้ าชนิ ดแม่เหล็ก
ถาวรตามแนวแกน (Axial flux Generator) และ เครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแม่เหล็กถาวรตามแนวรัศมี (Radius flux
Generator ) [3-7] โดยแล้วเครืG องกําเนิ ดทัMง 2 ชนิ ดนีM ถูกพัฒนา มานานมากกว่า 150 ปี แล้ว แต่ในทีGนM ี จะกล่าวถึง
เครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าชนิ ดแม่เหล็กถาวรตามแนวแกน (Axial flux Generator) ซึG งส่ วนใหญ่จะถูกนํามาใช้ เป็ นเครืG อง
กําเนิ ดไฟฟ้ าขนาดเล็ก (Micro Generator) เนืG องมาจากเครืG องกําเนิ ดชนิ ดนีM ถ้าเป็ นเครืG องกําเนิ ดขนาดใหญ่จะถูก
จํากัดด้วยในเรืG องของโครงสร้างทีGยงุ่ ยากและมีปัญหาในด้านความร้อนเกิดขึMนกระจายขดลวดอาเมเจอร์ (Armature
Windings) [8-10] และอีกประเด็นถ้าทําเป็ นขนาดเล็กแล้ว เครืG องกําเนิ ดชนิ ดนีM จะสร้างขึMนได้ง่ายมีประสิ ทธิ ภาพ
พอเหมาะกับการใช้งานในการผลิตพลังงานไฟฟ้ าในพืMนทีGห่างไกลทีG ไม่มีไฟฟ้ าใช้ทีGมีอยู่เป็ นจํานวนมากเนืGองจาก
อยู่ในพืMนทีG ทีGเป็ นภูเขา และเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าชนิ ดนีM ยงั สามารถประยุกต์ใช้เป็ นเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าพลังงานนํMา
ขนาดเล็กได้ ส่ วนใหญ่ในปั จจุบ ันมี การสร้ างเครืG องกําเนิ ดชนิ ดนีM เพืG อ นําเอากระแสไฟฟ้ าไปประจุ เก็บ ไว้ใน
แบตเตอรีG และยังเป็ นทีGนิยมใช้งานสําหรับระบบกังหันลม [11-13]
ดังนัMนในงานวิจยั นีMจึงมีความสนใจทีGจะพัฒนาเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าชนิ ดแม่เหล็กถาวรตามแนวแกน (Axial
flux Generator) พัฒนาโดยการเพิG ม โรเตอร์ และ สเตเตอร์ จากเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบแม่เ หล็กถาวรชนิ ด 1
สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ และเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบแม่เหล็กถาวรชนิ ด 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ โดยทําการทดสอบ
ประสิ ทธิ ภาพของเครืG องกําเนิดไฟฟ้ าทางไฟฟ้ าสําหรับการการประยุกต์ใช้งานแหล่งนํMาทีGมีหวั นํMาสุ ทธิ อยู่ในช่วง 1-
3 เมตร และมี อัตราการไหลประมาณ 10 – 20 ลิตร/วินาที ทีGเหมาะสมกับกังหันนํMาแบบไหลขวางในพืMนทีGห่างไกล
17
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
2.1 การออกแบบเครื>องกําเนิดทางไฟฟ้ า
2.1.1 แรงเคลืGอนไฟฟ้ าเหนีGยวนํา
การเปลีG ยนแปลงสนามแม่เ หล็กตามเวลาหรื อสนามแม่เหล็กไดนามิ กส์ หมายถึ งการตัด ผ่านระหว่า ง
แม่เหล็กและตัวนําทีG ความเร็ วหนึG งย่อมทําให้เกิ ดแรงเคลืGอนไฟฟ้ าเหนีG ยวนํา Electromotive Force ( emf ) เป็ น
โวลท์ แรงเคลืGอนไฟฟ้ าเหนีG ยวนําก็คือแหล่งทีGทาํ ให้เกิดกระแสไฟฟ้ า โดยสามารถหาได้จากสมการดังต่อไปนีM
(1)
dφ
emf = −
dt
เมืGอ dφ = ฟลักซ์แม่เหล็กทีGเปลีGยนแปลง
dt = เวลาทีG ใช้ในการเปลีGยนแปลง ฟลักซ์แม่เหล็ก
N = จํานวนรอบของขดลวด
จากสมการกําหนดให้มีค่าเป็ นลบ หมายความว่า emf ทีG เกิ ดขึM นได้สร้ างสนามแม่เหล็กใหม่ มี ทิศทาง
ตรงกันข้ามกับทิศทางของสนามแม่เหล็กเดิมทีGทาํ ให้สนามแม่เหล็กในวงจรลดลง
18
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
เมืGอ θ คื อ มุมระหว่างทิศทางและความเร็ วทีG ทาํ กับทิ ศของสนามแม่เหล็กแรงเคลืGอนไฟฟ้ าเหนีG ยวนํานีM ทาํ ให้เกิด
การไหลของกระแสไฟฟ้ า ( I ) ขึMนในวงจร สามารถแสดงได้ดงั สมการทีG 6
(6)
e Blv
I= =
R R
19
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
20
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
21
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
22
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
23
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
24
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
25
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
ตารางทีG 2 วงจรการต่อขดลวดการทดสอบแบบต่างๆ
ลําดับ ลักษณะการต่ อขดลวด วงจรการต่อ
1 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ต่อ
ขดลวดวงจรแบบสตาร์
2 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ต่อ
ขดลวดวงจรแบบสตาร์
3 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ต่อ
ขดลวดวงจรแบบเดลต้า
4 2 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ต่อ
ขดลวดวงจรแบบเดลต้า
4. ผลการทดลอง
ทางคณะทํางานได้ทดสอบเครืG องกําเนิดไฟฟ้ าแบบเม่เหล็กถาวรชนิดหมุนตามแนวแกนแบบ 1 สเตเตอร์ 2
โรเตอร์ และแบบ 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ โดยทัMงสองแบบต่อวงจรขดลวดแบบสตาร์ และเดลต้า ดังตารางทีG 2 และมี
ผลการทดลองดังรู ปทีG 8 – 12 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนีM
จากรู ปทีG 8 และ 9 คือผลการทดสอบจากการหาความสัมพันธ์ของกําลังไฟฟ้ าด้านกระแสสลับทีGเครืG อง
กําเนิ ดไฟฟ้ าฯ ผลิตได้และแรงบิ ดด้านอินพุทของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบแม่เหล็กถาวรชนิ ดหมุนตามแนวแกน
แบบ 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ และแบบ 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ ทีG ต่อวงจรขดลวดแบบสตาร์ และเดลต้า โดยปรับ
26
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
ความเร็ วรอบของการหมุนทีG 200, 300, 400, 500 และ 600 รอบต่อนาทีพบว่าเมืGอให้แรงบิ ดด้านอินพุทเพิGมสู งขึMน
จะให้กาํ ลังไฟฟ้ าของเครืG องกําเนิ ดแบบ 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ เพิG มขึM นเมืG อเที ยบกับเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบ 1
สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ประมาณสองเท่า ทัMงนีM เมืGอพิจารณาค่ากําลังไฟฟ้ าทีGออกแบบพิกดั 300 วัตต์ทีGความเร็ ว 500 รอบ
ต่ อนาที ของเครืG อ งกําเนิ ดแบบ 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ กับผลการทดลองนัMนกรณี ทีG ต่อ ขดลวดแบบเดลต้าได้
กําลังไฟฟ้ าเท่ากับ 290 วัตต์และกรณี ทีGต่อขดลวดแบบสตาร์ ได้กาํ ลังไฟฟ้ าเท่ากับ 194 วัตต์ทีG ณ ทีG ขนาดแรงบิ ด
6.2 นิวตันเมตรเท่ากัน สําหรับเครืG องกําเนิดไฟฟ้ าแบบ 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ ถา้ ต่อขดลวดต่อสตาร์ ได้กาํ ลังไฟฟ้ า
ทีGผลิตได้สูงสุ ดทีG 370 วัตต์ ทีGแรงบิ ด 11.6 นิวตันเมตร และถ้าต่อขดลวดต่อแบบเดลต้าได้กาํ ลังไฟฟ้ าทีG ผลิตได้
สูงสุ ดทีG 520 วัตต์ ทีGแรงบิด 9.2 นิวตันเมตรตามลําดับ
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประสิ ทธิ ภาพการเปลีGยนพลังงานกลเป็ นพลังงานไฟฟ้ ากระแสตรงสําหรับการ
ใช้งานนัMนพบว่าเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบ 1 สเตเตอร์ 2 และเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบ 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์ ทีGต่อ
ขดลวดแบบสตาร์ และเดลต้าประสิ ทธิภาพอยูใ่ นช่วง 30-50% แสดงดังรู ปทีG 10
600
1S2R = 1 Stator 2 Rotor 600 rpm@2S3R
500 2S3R = 2 Stator 3 Rotor
27
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
700
600 rpm@2S3R
600 1S2R = 1 Stator 2 Rotor
2S3R = 2 Stator 3 Rotor
500 rpm@2S3R
Power (W) 500
600 rpm@1S2R
400
400 rpm@2S3R
300 500 rpm@1S2R
300 rpm@2S3R
200 400 rpm@1S2R
300 rpm@1S2R
100 200 rpm@2S3R
200 rpm@1S2R
0
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
Torque (N-m)
60%
50%
System efficiency (%)
40%
30%
20% 1S2R-Star
2S3R-Star
10% 1S2R-Delta
2S3R-Delta
0%
200 300 400 500 600
rpm
28
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
18
200-SI
16
300-SI
14 400-SI
500-SI
12
4 600-SII
2
0
0 10 20 30 40 50 60
PMG Voltage (V)
รู ปทีG 11 ความสัมพันธ์ของกระแสและแรงดันของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบแม่เหล็กถาวรทีGต่อวงจรภายในเป็ นแบบ
เดลต้าแบบ 1 โรเตอร์ 2 สเตเตอร์ และ 3 โรเตอร์ 2 สเตเตอร์
25
200-DI
300-DI
20
400-DI
500-DI
PMG Current (A)
15 600-DI
200-DII
300-DII
10 400-DII
500-DII
600-DII
5
0
0 10 20 30 40
PMG Voltage (V)
รู ปทีG 12 ความสัมพันธ์ของกระแสและแรงดันของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแบบแม่เหล็กถาวรทีGต่อวงจรภายในเป็ นแบบ
เดลต้าแบบ 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ และ 2 สเตเตอร์ 3 โรเตอร์
29
อัศวเทพ สารปิ น วรจักร์ เมืองใจ และ ธีระศักดิZ สมศักดิZ / วารสารวิชาการปทุมวัน ปี ที> 7 ฉบับที> 19 พฤษภาคม - สิ งหาคม 2560
5. สรุ ป
ในงานวิจยั นีM ได้ออกแบบและสร้ างเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแม่เหล็กถาวรเพืGอทําการทดสอบสมรรถนะทาง
เทคนิคของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแม่เหล็กชนิ ดหมุนตามแนวแกนแบบ 1 สเตเตอร์ 2 โรเตอร์ และแบบ 2 สเตเตอร์ 3
โรเตอร์ ทีGต่อวงจรขดลวดแบบสตาร์ และเดลต้า โดยปรับความเร็ วรอบของการหมุนทีG 200, 300, 400, 500 และ
600 รอบต่อนาที ได้ทดสอบในห้องปฏิบตั ิการณ์เครืG องกลไฟฟ้ าหาค่าพารามิเตอร์ทางไฟฟ้ า
เมืGอพิจารณาปั จจัยทางเทคนิคทีGมีผลกระทบของการผลิตพลังงานของเครืG องกําเนิ ดไฟฟ้ าแม่เหล็กถาวร ใน
รู ปแบบต่างๆเช่น ลักษณะการต่อขดลวดภายใน การแปรเปลีGย นพลังงานทางกลเป็ นไฟฟ้ า ผลของตําแหน่งติดตัMง
ระยะห่ างของช่ องอากาศทีG ส่งผลต่อแรงเครืG องเหนีG ยวนําไฟฟ้ า ค่าความเข้มของแม่เหล็กถาวร และการทดสอบ
ภาคสนามโดยค่าทีG ทดสอบได้นM ี จะนําไปสู่ การปรับปรุ งให้มีประโยชน์ทางวิชาการทีG สามารถทํางานได้จริ งทัMงนีM
ข้อ มูลจากการทดสอบสามารถเป็ นข้อ มูล พืM น ฐานใช้ในการคํา นวณทางคณิ ต ศาสตร์ ด ้ว ยการหาค่ า สภาวะทีG
เหมาะสมของกําลังไฟฟ้ าทีG ผลิตได้กบั ประสิ ทธิ ภาพ และการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ทีGจะได้ดาํ เนิ นการต่อไป
ในอนาคต
6. กิตติกรรมประกาศ
คณะทํางานขอขอบคุณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาทีG สนับสนุนทุ นวิจยั ประปี งบประมาณ
2559 และขอขอบคุณ ศูนย์ความร่ วมมือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
ราชมงคลล้านนาเพืG อ มูลนิ ธิโ ครงการหลวงและกิ จกรรมวิช าการทีG เอืM อเฟืM อข้อ มูลความต้อ งการในพืM นทีG และ
ขอขอบคุ ณคณะทํางานกลุ่มวิจัยระบบพลังงานสะอาด มหาวิ ทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาทีG สนับ สนุ น
เครืG องมืออุปกรณ์การทดสอบ
เอกสารอ้างอิง
[1] A.E. Fitzgerald, Jr. C. Kingsley and S.D. Umas. Electric Machinery, UK: McGraw-Hill, 1990, pp. 95-132.
[2] บัลลังค์ เนี ยมมณี และสุ ขสันติ หวังสถิตย์วงษ์. เครืG องจักรกลไฟฟ้ ากระแสสลับ. กรุ งเทพฯ, มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, 2555, หน้า. 1-15
30
A. Sanpin, W. Muangjai and T. Somsak / Pathumwan Academic Journal, Vol. 7, No. 19, May - August 2017
[3] ดุสิต สูรย์ราช. ทฤษฎีมอเตอร์ไฟฟ้ ากระแสสลับ.กรุ งเทพฯ, ศูนย์ส่งเสริ มวิชาการ, 2550, หน้า. 1-30
[4] ไชยหาญ หิ นเกิด. เครืG องกลไฟฟ้ า 1. กรุ งเทพฯ, สมาคมส่ งเสริ มเทคโนโลยี (ไทย-ญีGปุ่น), 2537, หน้า. 1-40
[5] P. Anpalahan and M. Lamperth, “Design of multi-stack axial flux permanent magnet generator for a hybrid
electric vehicle,” presented at Vehicle Power and Propulsion Conference, 2006. VPPC '06. IEEE, 2006.
[6] T. F. Chan, W. Wang and L. L. Lai, “Magnetic Field in a Transverse- and Axial-Flux Permanent Magnet
Synchronous Generator From 3-D FEA,” in IEEE Transactions on Magnetics, vol. 48, no. 2, 2012, pp.
1055-1058.
[7] J. M. Davila-Vilchis and R. S. Mishra, “Performance of a hydrokinetic energy system using an axial-flux
permanent magnet generator,” Energy, vol. 65, 2014, pp. 631-638.
[8] G. Ahmad and U. Amin, “Design, construction and study of small scale vertical axis wind turbine based on
a magnetically levitated axial flux permanent magnet generator,” Renewable Energy, vol. 101, 2017, pp.
286-292.
[9] W. Fei, P. C. K. Luk and K. Jinupun, “Design and analysis of high-speed coreless axial flux permanent
magnet generator with circular magnets and coils,” in IET Electric Power Applications, vol. 4, no. 9, 2010,
pp. 739-747.
[10] L. Soderlund, A. Koski, H. Vihriala, J. T. Eriksson and R. Perala, “Design of an axial flux permanent
magnet wind power generator,” 1997 Eighth International Conference on Electrical Machines and Drives
(Conf. Publ. No. 444), Cambridge, 1997, pp. 224-228.
[11] J. R. Bumby and R. Martin, “Axial-flux permanent-magnet air-cored generator for small-scale wind
turbines,” Electric Power Applications, IEE Proceedings -, vol. 152, 2005, pp. 1065-1075.
[12] B. J. Chalmers and E. Spooner, "An axial-flux permanent-magnet generator for a gearless wind energy
system," in IEEE Transactions on Energy Conversion, vol. 14, no. 2, 1999, pp. 251-257.
[13] G. C. Lee and T. U. Jung, “Design of dual structural axial flux permanent magnet generator for small wind
turbine,” IEEE 2013 Tencon - Spring, Sydney, NSW, 2013, pp. 90-94.
31