Professional Documents
Culture Documents
วิธีการปรับสภาพน้ำและบำบัดน้ำ
วิธีการปรับสภาพน้ำและบำบัดน้ำ
1. การปรับค่ า pH ของน้ำ
ใช้เครื่ องมือ หรื ออุปกรณ์ วัดค่า pH ของน้ำ วัดดูวา่ สภาพน้ำของเป็ นกรด
หรื อด่าง (ใช้อุปกรณ์วดั น้ำ โดยใช้น ้ำยาวัดค่า pH โดยนำน้ำในบ่อมาใส่ จานหลุมพลาสติก แล้วจึงหยดน้ำยาตรวจสอบ pH 1
หยด แล้วปล่อยให้น ้ำยากับน้ำในบ่อผสมกัน แล้วจึงใช้แผ่นตรวจสอบสี เทียบสี ดูกนั น้ำที่ได้ อ่านค่าดู ถ้าต่ำกว่า 7 ก็เป็ นกรด
ถ้าสูงกว่า 7 ก็เป็ นด่าง
ถ้ าน้ำเป็ นกรด วิธีแก้ไข คือ ใส่ ปนู ต่าง ๆ ได้แก่
ปูนโดโลไมท์ - มีความเป็ นด่างต่ำ แต่จะมีแร่ ธาตุเป็ นอาหารของแพลงตอนพืช พวกแมกนีเซี ยม แคลเซี ยม
ปูนขาว - มีความเป็ นด่างสูง แต่มีแร่ ธาตุอาหารต่ำ ใช้ปรับสภาพน้ำที่เป็ นกรดมา ก แต่ใช้ตอ้ งระมัดระวัง
ปูนมาร์ ล - มีความเป็ นด่างต่ำ มีแร่ ธาตุพวกแคลเซี ยมมาก ถ้ากรณี น ้ำมีอลั คาไลน์สูงมากไม่ควรใช้
ปูนเปลือกหอยเผา - มีความเป็ นด่างสูง มีแร่ ธาตุอาหารสู ง ใช้ปรับสภาพน้ำที่เป็ นกรดมาก ๆ การใช้ตอ้ งค่อย ๆ ใช้
ซึ่ งการปรับสภาพน้ำนั้นต้องดูจากสิ่ งแวดล้อมด้วยว่า ควรจะใช้ปูนชนิดไหน เพราะแต่ละอย่างมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน
และราคาแตกต่างกัน การใช้ควรใช้ดว้ ยความระมัดระวัง เพราะถ้าใส่ มากไปก็เป็ นโทษเหมือนกัน
ถ้ าน้ำเป็ นด่ าง วิธีแก้ไข คือ ใส่ พวกกรดต่าง ๆ ได้แก่
น้ำส้ มสายชู 5 % - มีความเป็ นกรดเจือจางต้องใช้ผสมกับน้ำแล้วค่อย ๆ สาดปรับสภาพให้ได้ 7 จึงหยุด ต้องใช้ดว้ ยความ
ระมัดระวังใส่ ไปวัดค่า pH ไป
น้ำสั บปะรด - มีความเป็ นกรดเจือจาง ใช้ผสมน้ำสาดเช่นกัน
การรักษาค่าระดับ pH ของน้ำ เมื่อคงที่แล้ว ควรใส่ จุลินทรี ยน์ ้ำ เพิม่ ลงไป เพื่อเพิม่ ปริ มาณของแพลงค์ตอน และรักษา
ระบบนิเวศน์ของน้ำให้คงที่อยูเ่ สมอ ซึ่ งจะใส่ มากหรื อน้อยต้องดูสภาพของสิ่ งแวดล้อมเพราะเป็ นการสิ้ นเปลือง และการถ่าย
น้ำบ่อยจะทำให้สตั ว์น ้ำเกิดความเครี ยด และมักจะไม่กินอาหาร ทำให้อตั ราการเจริ ญเติบโตไม่ต่อเนื่อง ซึ่ งจะสังเกตจากการ
เลี้ยงบ่อปูน ถ้าเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยจะสังเกตว่า อัตราการเจริ ญเติบโตของสัตว์น ้ำไม่ค่อยโตเท่าที่ควร ดังนั้นควรจะเลี้ยงแบบ
ระบบปิ ด คือ รักษา และควบคุมระบบน้ำตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงวันที่จบั ขาย และตัวแปรของแหล่งน้ำได้ ซึ่ งถ้าท่านไม่มีเครื่ อง
มือตรวจสอบ สารเคมีต่าง ๆ ทำให้อาจจะเกิดสารปนเปื้ อนในตัวสัตว์น ้ำได้
4. การใช้ ยาฆ่ าเชื้อ หรือสารเคมี มากเกินขนาด ในระบบนิเวศน์ของน้ำ มี สิ่ งมีชีวิตที่ช่วยตรึ งให้ระบบนิเวศน์ของน้ำคงที่
ประกอบไปด้วยแพลงค์ตอนพืช จุลินทรี ย ์ และแบคทีเรี ย ซึ่ งในธรรมชาติถา้ น้ำดี จุลินทรี ยม์ ีอากาศหายใจเพียงพอจะเบียด
แบคทีเรี ย ไม่ให้เกิดหรื อเกิดก็นอ้ ย ดังนั้นเมื่อใส่ ยาฆ่าเชื้อหรื อสารเคมีลงไปในน้ำ ฤทธิ์ของยาก็จะทำลายระบบนิเวศน์ท้ งั หมด
หรื อเรี ยกว่าระบบน้ำล้ม เพราะแพลงค์ตอนพืชตาย จุลินทรี ยต์ าย แบคทีเรี ยตาย จะไม่มีผยู ้ อ่ ยสลาย และผูผ้ ลิตที่สร้าง
ออกซิ เจนในน้ำ เมื่อไม่มีออกซิเจน สัตว์น้ำก็อยูไ่ ม่ได้ ขณะเดียวกัน แบคทีเรี ยที่ไม่ตอ้ งใช้ออกซิ เจนในการหายใจก็จะเกิด
แทนที่กจ็ ะเข้าเกาะกินสัตว์น้ำ ทำให้เกิดโรคร้ายแกสัตว์น ้ำ การใช้สารเคมี หรื อยาฆ่าเชื้อจึงต้องระมัดระวังในการใช้ ทางที่ดี
ไม่ควรที่จะใช้ ยกเว้นว่า ระบบนิเวศน์ของน้ำนั้นเน่าเสี ยหมดแล้ว ถึงควรที่จะล้างระบบ แล้วรอให้ฤทธิ์ ของยาหมดแล้ว จึง
ต้องรี บสร้างแพลงค์ตอนพืชขึ้นมา เพื่อเร่ งการสร้างระบบนิเวศน์ของน้ำขึ้นมาทดแทนใหม่
5. ผักตบชวา มากเกินไป ผักตบชวาเป็ นพืชที่ลอยอยูผ่ วิ น้ำ ซึ่ งมีท้ งั ประโยชน์ และโทษในบ่อเลี้ยงสัตว์น ้ำ ซึ่ งแยกได้ดงั นี้
ประโยชน์ ของผักตบชวา โดยดูดรับเอาปุ๋ ยไนเตรทที่ได้จากขบวนการย่อย สลายไนโตรเจนไปใช้ โดยดูดซึ มของเสี ยไว้
เหมือนฟองน้ำ เมื่อเราดึงผักตบชวาออกจากบ่อก็เหมือนเราดึงของเสี ยจากบ่อไปทิ้ง
โทษของผักตบชวา ปัญหาของผักตบชวาที่มากเกินไป ผักตบจะโตขึ้นถ้าไม่มีการควบคุมหรื อจำกัดบริ เวณผักตบชวาจะ
ปกคลุมผิวหน้าน้ำทั้งหมด ทำให้น ้ำขาดแสงแดด ขาดออกซิ เจน และถ้าผักตบชวาขึ้นเต็มที่ ถ้าเราไม่ดึงออก รากที่สะสมของ
เสี ยเมื่อเก็บไม่อยู่ จะปล่อยของเสี ยเหล่านั้นลงในน้ำ เป็ นการเพิ่มปริ มาณของเสี ย และแอมโมเนียในน้ำแบบฉับพลัน เหมือน
การปล่อยระเบิดเวลา ดังนั้น ถ้าจะใช้ผกั ตบชวาจึงควรใช้ไม่เกิน 25 % ของพื้นที่ ที่อยูอ่ าศัยของสัตว์น ้ำ
สาเหตุที่ท ำให้เกิดน้ำเสี ยที่กล่าวมาเป็ นข้อสรุ ปเบื้องต้น ซึ่ งมีตวั แปรที่ท ำให้น ้ำเสี ยอีกมาก แต่ที่กล่าวมาเป็ นสาเหตุหลัก
ๆ เท่าที่พบ ซึ่ งเมื่อท่านเข้าใจ และรู้ที่มาของน้ำเสี ยแล้ว ถึงค่อยมาทำความเข้าใจกับวิธีบ ำบัด
วิธีบำบัดน้ำเสี ยแบบชีวภาพ
ทัว่ ๆ ไปน้ำที่จะเลี้ยงกุง้ ปลา ตะพาบน้ำ หรื อสัตว์น ้ำทุกชนิด ต้องมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำก่อนที่จะนำลงไปเลี้ยง เมื่อ
ปรับได้ที่แล้ว ปัญหาที่ตามมาก็คือ คุณภาพน้ำ จะเริ่ มเสี ยตั้งแต่วนั แรกที่ปล่อยสัตว์น ้ำ แต่จ ำนวนน้อยเพราะมีระบบนิเวศน์ที่
สมดุลย์แก้ปัญหา กุง้ ปลา หรื อสัตว์น ้ำเมื่อกินแล้วก็ตอ้ งถ่ายออกมาสะสมนานวันคุณภาพน้ำเสื่ อม ระบบนิเวศน์ไม่สมดุลย์ สิ่ ง
หนึ่งสิ่ งใดมากเกิน ขาดความพอดีในน้ำ ถ้าเรามีแหล่งน้ำพอเพียงที่จะมาเติมน้ำเข้า ถ่ายน้ำออกขอให้ใช้วธิ ี น้ ี เป็ นวิธีที่ดีที่สุด
ในการเลี้ยงสัตว์น ้ำทุกชนิด แต่ถา้ เราไม่มีแหล่งน้ำที่จะมาเติมน้ำถ่ายเท เราต้องป้ องกันอย่าให้คุณภาพของน้ำเสี ยความสมดุลย์
ในระบบนิเวศน์ ตั้งแต่วนั แรกที่ปล่อยสัตว์น ้ำถึงวันที่จบั ขาย ถ้าท่านทำได้จะเกิดผลสำเร็ จเป็ นอย่างสู งด้วย การป้ องกัน และ
จัดการ ควบคุมการให้อาหารไม่ให้ตกหล่นลงไปในบ่อ ควบคุมขี้ของสัตว์น ้ำไม่ให้เน่าเสี ย ถ้าทำได้สองอย่างนี้ ปั ญหาอื่นจะ
เกิดน้อยมาก แทบจะกล่าวได้วา่ เป็ นการแก้ปัญหาได้ตรงประเด็น ผลที่ตามมาคือ ไม่สิ้นเปลืองอาหาร น้ำในบ่อไม่เน่าเสี ย
ตะพาบไม่ป่วย ไม่ตอ้ งใช้ยา ไม่ตอ้ งใช้สารเคมี อัตราการตายน้อยมากหรื อไม่มีเลย ต้นทุนต่ำ ได้ก ำไรศึกษาข้อมูลข้างต้นให้ดี
เนื่องจากทำให้ท่านเสี ยค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงน้อยมาก หากท่านป้ องกันไม่ได้ ขอให้ศึกษาบำบัด แบบชีวภาพ ตามข้อมูลที่จะ
กล่าวถึงนี้ ก่อนอื่นผูเ้ ลี้ยงสัตว์น ้ำต้องมีอุปกรณ์ตรวจวัด คุณภาพน้ำอย่างน้อย 4 ชนิดคือ
ผูเ้ ลี้ยงสามารถรู ้สภาพน้ำในบ่อว่ามีปัญหาอะไร เราจะได้แก้ปัญหานั้น ทำให้ไม่ตอ้ งเสี ยเงินลงบ่อ โดยไม่รู้วา่ ใส่ วตั ถุแต่ละ
ชนิดแล้วแก้ปัญหาในบ่อได้จริ งหรื อไม่ ด้วยการเอาน้ำยามาตรวจวัดคุณภาพน้ำทุก ๆ ครั้งก่อนและหลังบำบัด วิธีปรับความ
เป็ นกรด -- ด่าง แร่ ธาตุอาหาร (อัลคาไลน์) วิธีบ ำบัดก๊าซพิษต่าง ๆ ที่อยูใ่ นบ่อแบบชีวภาพ น้ำก็คือ ใช้สิ่งที่มีชีวิตมารักษา
(จุลินทรี ย)์ ปรับพื้นฐานก๊าซพิษที่มีให้เปลี่ยนเป็ นก๊าซที่เป็ นคุณประโยชน์ กับระบบนิเวศน์ นั้นก็คือ อาหารตะพาบที่หล่น ขี้
สัตว์น ้ำ ซากแพลงค์ตอนต่าง ๆ ที่หล่นไปก้นบ่อถ้าไม่มีจุลินทรี ยก์ ลุ่มที่ดีไปย่อย หรื อมีนอ้ ยไปย่อยไม่ทนั ก็จะมีแบคทีเรี ยอีก
กลุ่มเข้ามาแย่งอาหาร และซากต่าง ๆ เหล่านี้ ไปเป็ นก๊าซพิษทันที แต่ถา้ เราส่ งจุลินทรี ยเ์ ข้าไปแย่งอาหาร และซากต่าง ๆ เหล่า
นี้ได้ จุลินทรี ยก์ ลุ่มนี้กจ็ ะย่อยให้เป็ นก๊าซพิษทันที แต่ถา้ เราส่ งจุลินทรี ยเ์ ข้าไปแย่งอาหาร และซากต่าง ๆ เหล่านี้ได้ จุลินทรี ย ์
กลุ่มนี้กจ็ ะย่อยให้เป็ นก๊าซที่ดี (ไนโตรเจน) แพลงค์ตอนก็จะเจริ ญเติบโตได้ดี ก็ท ำหน้าที่สงั เคราะห์แสง แล้วเปลี่ยนเป็ น
อากาศให้กบั สัตว์น ้ำ ๆ ก็จะแข็งแรงเจริ ญเติบโต เชื้อแบคทีเรี ยก็จะอ่อนแอกับสภาพน้ำที่ดี และหยุดการแพร่ ขยายพันธุ์ หรื อ
ขยายน้อยมาก เนื่องจากสภาพน้ำดี จึงขอให้ผเู้ ลี้ยงรักษาระบบนิเวศน์ตรงนี้ ให้ได้ ทำให้ไม่ตอ้ งใช้สารเคมี - ยาต่าง ๆ
ธรรมชาติรักษาธรรมชาติ นั้นก็คือ ทำสภาพน้ำให้ดี สัตว์น้ำทุกชนิดก็จะแข็งแรงสร้างภูมิตน้ ทานโรคได้เป็ นอย่างดี
สภาพน้ำสี เขียวเข้มหนืด เกิดจากอาหารตกหล่นไปในบ่อน้ำมาก ทำให้ขยาย
ได้รวดเร็ ว ปั ญหาน้ำสี เขียวเข้าหนืด หรื อมีซากแพลงค์ตอนลอยปิ ดหน้าน้ำ (ขี้แดด) เกิดจากอาหาร และขี้ปลา กุง้ ที่หล่นไป
ก้นบ่อทำให้มีแร่ ธาตุอาหาร (อัลคาไลน์) มาก ทำให้แพลงค์ตอนพืชเกิดมากเกินความสมดุลย์ในระบบนิเวศน์จะรับได้วิธีแก้ข้ ี
แดด ถ้ามีซากแพลงค์ตอนพืช (ขี้แดด) มาก ให้เปิ ดหน้าน้ำด้วยการซ้อนขี้แดดออกทิ้ง หรื อใช้ไม่ปาดให้ไปรวมอยูท่ ี่มุมหนึ่ง
มุมหนึ่งของบ่อแล้วใช้เครื่ องดูดน้ำหน้าผิวทิ้ง ตรวจสอบดูวา่ ก้นบ่อมีก๊าซพิษหรื อไม่ จุลินทรี ยน์ ้ำ เพื่อไปย่อยสลายซากพืช
ซากสัตว์ที่เน่าอยูท่ ี่กน้ บ่อ ให้เปลี่ยนสภาพเป็ นก๊าซที่เป็ นประโยชน์ (ก๊าซไนโตรเจน) ขณะที่
จุลินทรี ยท์ ำงานจะมีข้ ีแดดลอยขึ้นมามากกว่าปกติไม่ตอ้ งตกใจ ให้ใส่ ทุกวัน และให้ดูดขี้แดดทุก ๆ วัน หลังจากสภาพน้ำดี
แล้ว ให้ใส่ จุลินทรี ย ์ เพียงเล็กน้อยแต่ทุกวัน น้ำจะไม่เสี ย
ที่มา http://members.thai.net/sahakorn/kaset/rewater.html