You are on page 1of 6

สวัสดีเพื่อนทุกข์ ผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายทั้งหมดทั้งสิ้นบทความทีท่ ่ าน

อ่ านอยู่นีผ้ ู้มีจิตสั ทธรรมได้ พมิ พ์แจกเป็ นอนุสรณ์ ในวาระมงคลต่ าง ๆ


เช่ น งานครบรอบวัดเกิด - พิธีมงคลสมรสผู้มีจิตสั ทธรรมได้ พมิ พ์แจก
เป็ นอนุสรณ์ ในวาระมงคลต่ าง ๆ เช่ น งานครบรอบวัดเกิด - พิธีมงคล
สมรส ซึ่งความจริงเนื้อหาของหนังสื อยาวมาก(ข้ าพเจ้ า)จึงคัดลอกส่ วน
หนึ่งมาเท่ านั้นถ้ าให้ มานั่งพิพม์ ท้งั เล่ มคงไม่ ไหวและยังมีหนังสื อของ
ผู้ทรงคุณวุฒิอกมากจึงพยายามคัดลอกมามากบ้ างน้ อยบ้ างแล้ วแต่ เวลา
จะอำนวยให้
ธรรมทั้งหลายมีใจเป็ นหัวหน้ า มีใจประเสริฐสุ ด สำเร็จแล้ วด้ วยใจถ้ า
บุคคลมีใจร้ ายแล้ วจะพูดหรื อจะทำทุกข์ ย่อมติดตามผู้น้ันไปเพราะเหตุ
นั้น เหมือนอย่ างล้ อไปตามรอยเท้ าโคทีล่ ากเกวียนไปฉะนั้นนีเ้ ป็ นคำแปล
พระพุทธภาษิตในพระธรรมบทคาถาต้ น กับอีกบทหนึ่งในลำดับต่ อไป
ว่ า ธรรมทั้งหลายมีใจเป็ นหัวหน้ ามีใจประเสริฐสุ ด สำเร็จแล้ วด้ วยใจ ถ้ า
บุคคลมีใจผ่ องใสแล้ วจะพูดหรื อทำสุ ขย่ อมติดตามผู้น้ันไปเพราะเหตุน้ัน
เหมือนอย่ างเงาไม่ ละตัวฉะนั้นบุคคลผู้มีใจร้ ายคือบุคคลผู้มากด้ วย กิเลส
บุคคลผู้มีใจผ่ องใสคือบุคคลผู้ไกลกิเลสหรื อมีกเิ ลสเบาบาง พระพุทธ
ภาษิตข้ างต้ นมีความหมายง่ าย ๆ ว่ า บุคคลผู้มากด้ วย กิเลส คือ ความ
โลภ ความโกรธ ความหลง จะคิดจะพูดจะทำอะไรย่ อมเป็ นเหตุให้
ตนเองเป็ นทุกข์ ส่ วนบุคคลผู้ไกลกิเลสหรื อมีกเิ ลสบางเบา คือ ไม่ มีความ
โลภ ความโกรธ ความหลง หรื อมีเพียงเบาบาง จะคิดจะพูดจะทำอะไร
ย่ อมเป็ นเหตุให้ ตนเองเป็ นสุ ขดังนีย้ ่ อมแสดงว่ า ใจสำคัญทีส่ ุ ด ความสุ ข
ความทุกข์ ของทุกคนเกิดจากใจ ใจดีทำให้ เกิดสุ ข ใจไม่ ดที ำให้ เกิดทุกข์
ความสุ ขความทุกข์ ของทุกคนไม่ ได้ เกิดจากภายนอก คือ ไม่ ได้ เกิดจาก
บุคคลอื่น ไม่ ได้ เกิดจากเรื่ องภายนอก คือ ไม่ ได้ เกิดจากเหตุการณ์ ท้งั
หลายอย่ างไรก็ตาม สามัญชนมักจะเข้ าใจว่ าความสุ ขความทุกข์ ของตน
เกิดจากภายนอก เกิดเพราะบุคคลอื่นบ้ างเกิดเพราะเหตุการณ์ ท้งั หลาย
บ้ าง โดยเฉพาะความทุกข์ สามัญชนมักจะหลงเข้ าใจผิดว่ าเกิดขึน้ แก่ ตน
เพราะผู้อื่นเป็ นเหตุท้งั สิ้น ไม่ ใช่ เพราะใจตนเป็ นเหตุสำคัญเมื่อไม่ รู้ เหตุ
ทีแ่ ท้ จริงของความ ทุกข์ จึงแก้ ความทุกข์ ไม่ ได้ เพราะการแก้ โรคทุกชนิด
ต้ องแก้ ทเี่ หตุ คือ แก้ ให้ ถูกตรงเหตุจึงจะแก้ ได้ โรคจึงจะหาย เช่ น ผู้ที่
จับไข้ มีอาการหนาวสั่ น คิดว่ าเหตุของอาการหนาวสั่ นนั้นเกิดจากแรง
ลม จึงเข้ าห้ องปิ ดประตูหน้ าต่ างหมด มิได้ ใช้ ยาแก้ ไข้ อาการหนาวสั่ นก็
หายไม่ ได้ ต่ อเมื่อใดรู้ ว่าอาการหนาวสั่ นนั้นเกิดจากความไข้ ใช้ ยาแก้ ไข้
แก้ ให้ ถูกกับโรค เรียกว่ าแก้ ให้ ถูกทีเ่ หตุ จึงจะหายแต่ ไหนแต่ ไรมาจน
กระทัง่ ทุกวันนี้ ความทุกข์ ของบุคคลผู้มีใจร้ ายมีอยู่มากมาย และความ
สุ ขของบุคคลผู้มีใจผ่ องใสก็มีอยู่พจิ ารณาพระพุทธภาษิตข้ าง ต้ นทีว่ ่ า
ถ้ าบุคคลมีใจร้ ายแล้ ว จะพูดหรื อจะทำ ทุกข์ ย่อมติดตามเขาไปเหมือนล้ อ
ตามรอยเท้ าโคทีล่ ากเกวียนไปถ้ าบุคคลมีใจผ่ องใสแล้ ว จะพูดหรื อจะทำ
สุ ขย่ อมติดตามเขาไปเหมือนอย่ างเงาตามตัว ย่ อมจะสามารถรู้ จักตัวเอง
ได้ ตามความเป็ นจริงคือ รู้ จักว่ าตนเป็ นผู้มีใจร้ ายหรื อมีใจผ่ องใส ถ้ าพูด
ไปแล้ ว ทำไปแล้ ว หรื อเพียงคิดแล้ ว เกิดความทุกข์ ก็รู้ จักตนเองได้ ว่า
เป็ นผู้มีใจร้ ายถ้ าพูดไปแล้ ว ทำไปแล้ ว หรื อเพียงคิดแล้ ว เกิดความทุกข์ ก็
รู้ จักตนเองได้ ว่าเป็ นผู้มีใจผ่ องใสแม้ ไม่ ปรารถนาความทุกข์ แต่
ปรารถนาความสุ ข ก็ต้องพยายามอบรมตนเองให้ พ้นจากความเป็ นผู้มี
ใจร้ าย กลายมาเป็ นผู้มีใจผ่ องใส หรื อใจดีนั่นเองผู้ใดมีความโลภใน
ทรัพย์ สิ่ งของของใครก็ตาม มีความโกรธแค้ นขุ่นเคืองอาฆาตพยาบาท
ในใครก็ตาม มีความหลงผิดในเรื่ องหนึ่งใดก็ตามผู้น้ันจักเป็ นผู้ได้ รับ
ทุกข์ ด้วยตนเอง อย่ างหลีกเลีย่ งไม่ ได้ ผู้อื่นทีต่ ้ องสู ญทรัพย์ สิ่งของ
เพราะความโลภของผู้น้ันก็ตาม ต้ องถูกโกรธแค้ นอาฆาตพยาบาทปอง
ร้ ายเพราะผู้น้ันก็ตาม หรื อต้ องได้ รับความหลงผิดของผู้น้ันก็ตาม ยังพอ
สามารถหลีกเลีย่ งความทุกข์ ทผี่ ู้น้ันพยายามก่ อให้ ได้ บ้างพระสั มมาสั ม
พุทธเจ้ าทรงแสดงว่ า จิตทีฝ่ ึ กแล้ วนำความสุ ขมาให้ การฝึ กจิตจึงเป็ นการ
ดี ปกติน้ันจิตเป็ นสิ่ งทีข่ ่ มยาก แต่ กข็ ่ มได้ เบา ไว อ่ อนไหวไปตาม
อารมณ์ ต่าง ๆ ง่ าย แต่ ด้วยการข่ มการฝึ กก็สามารถทำให้ หนักแน่ นมั่นคง
สม่ำเสมอได้ และแม้ มีปกติตกไปตามใคร่ คือยินดีพอใจในสิ่ งทีน่ ่ าใคร่ น่า
ปรารถนาพอใจ แต่ ด้วยการข่ มการ ฝึ กก็สามารถทำให้ ละความยินดี
พอใจนั้นได้ เมื่อจิตได้ รับการข่ มการฝึ กแล้ วให้ ไม่ อ่อนไหวเปลีย่ นแปลง
ไปตามอารมณ์ ต่าง ๆ โดยง่ าย และให้ ละความยินดีพอใจในสิ่ งทีน่ ่ าใคร่
น่ าปรารถนาพอใจได้ จิตก็จะเป็ นจิตทีเ่ ป็ นสุ ข และนีแ้ ลทีพ่ ระสั มมาสั ม
พุทธเจ้ าตรัสว่ าจิตทีฝ่ ึ กแล้ วนำความสุ ขมาให้ ทกี่ ล่ าวว่ า จิตไว หรื อเบา
หรื ออ่ อนไหว หมายถึงจิตเปลีย่ นแปลงง่ าย เกิดดับเร็ว เดีย๋ วไปอยู่กบั
อารมณ์ ทางตาเช่ นรู ป เดีย๋ วไปอยู่กบั อารมณ์ ทางหูเช่ นเสี ยง เดีย๋ วไปอยู่
กับอารมณ์ ทางจมูกเช่ นกลิน่ เป็ นต้ นว่ า เดีย๋ วเห็นรู ป ปรุงว่ าสวยหรื อไม่
สวย ชอบใจหรื อไม่ ชอบใจ เดีย๋ วไปได้ ยนิ เสียง ปรุงว่ าไพเราะหรื อไม่
ไพเราะ ชอบใจหรื อไม่ ชอบใจ เดีย๋ วไปได้ กลิน่ ปรุงว่ าหอมหรื อไม่ หอม
ชอบใจหรื อไม่ ชอบใจ จิตทีไ่ ปอยู่กบั อารมณ์ ต่างๆ ดังกล่ าวแล้ วเป็ นต้ น
เป็ นไปอย่ างรวดเร็ว ว่ องไว จนปกติสามัญชนยากจะจับจะตามจิตของ
ตนให้ ทนั ได้ หรื อเรียกว่ าสามัญชนตามไม่ ทนั รู้ อาการแห่ งจิตของตน
เพราะความเบา ไว ดังกล่ าวแล้ วอย่ างไรก็ตาม ด้ วยการฝึ กโดยอาศัยสติ
ตามรู้ อาการของจิต ก็จะสามารถข่ มจิตไว้ ได้ ให้ หนักแน่ นมั่นคง ไม่ เบา
ไม่ ไว ไม่ รับอารมณ์ ต่างๆ โดยง่ ายทีก่ ล่ าวว่ าจิตมีปกติตกไปตามใคร่
หมายถึง จิตของสามัญชนมักจะหมกมุ่นอยู่ในกามคุณารมณ์ คืออารมณ์
อันเป็ นทีน่ ่ าใคร่ น่า ปรารถนาพอใจทั้งปวงจนยากทีจ่ ะถอนเสี ยได้ แต่
อย่ างไรก็ตาม การฝึ กจิตโดยอาศัยสติและปัญญาประกอบกันสม่ำเสมอ
ก็จะสามารถทำให้ จิตละอารมณ์ อนั เป็ นทีน่ ่ าใคร่ น่าปรารถนาพอใจได้ อนั
สติและปัญญาเป็ นสิ่ งทีส่ ำคัญทีจ่ ำเป็ นในการข่ มจิตฝึ กจิตปราศจากสติ
และปัญญาแล้ วการข่ มจิตจะไม่ เกิดผลจิตนั้นข่ มยาก พระพุทธองค์ กท็ รง
กล่ าวไว้ แล้ ว จิตทีข่ ่ มยากจึงน่ าเปรียบได้ กบั คนดื้อเกเรซึ่งเคารพเหตุผล
เพราะคนดื้อเกเรซึ่งเคารพเหตุผลนั้นเป็ นคนทีอ่ าจเอาชนะให้ หายดื้อ
หายเกเรได้ ถ้ าสามารถหาเหตุผลมาทำให้ ยอมจำนนให้ ยอมเชื่ อว่ า ความ
ดื้อเกเรทั้งหลายของเขานั้นไม่ ดอี ย่ างไร จิตทีข่ ่ มยากก็เช่ นกันแม้ อบรม
สติปัญญาให้ เกิดขึน้ เพียงพอจนสามารถรู้ ผดิ ชอบชั่วดีอะไรควรอะไรไม่
ควรได้ แล้ ว จิตก็จะละสิ่ งทีผ่ ดิ ทีช่ ั่วทีไ่ ม่ ควรได้ เรียกว่ าสติและปัญญา
สามารถข่ มจิตไว้ ได้ ไม่ ให้ กวัดแกว่ งดิน้ รนทะยานอยากไปในสิ่ งทีน่ ่ าใคร่
น่ าปรารถนาพอ ใจทั้งหลาย โดยไม่ คำนึงถึงความดีไม่ ดี ควรไม่ ควรเสี ย
เลยจิตทีข่ ่ มได้ แล้ ว หยุดกวัดแกว่ งวุ่นวายแล้ ว หยุดตกอยู่ใต้ อำนาจความ
ปรารถนาพอใจแล้ ว เป็ นจิตทีน่ ำสุ ขมาให้ จริง ๆลองเปรียบเทียบดูกจ็ ะ
เข้ าใจพอสมควรผู้ทปี่ กติว่ นุ วาย ไปนั่นมานี่อยู่ตลอดเวลาไม่ หยุดหย่ อน
จะเป็ นสุ ขได้ อย่ างไรเพราะความยุ่งความเหน็ดเหนื่อยจิตทีเ่ บาไวก็เช่ น
กัน ย่ อมเหน็ดเหนื่อยยุ่งยากหาความสุ ขไม่ ได้ ส่ วนจิตทีไ่ ม่ ตกอยู่ใต้
อำนาจความยินดีพอใจรักใคร่ ในสิ่ งทีน่ ่ าใคร่ น่า ปรารถนาพอใจ เหมือนผู้
เป็ นอิสระ มีเสรีภาพ ไม่ ถูกจองจำด้ วยเครื่ องพันธนาการ คือความติดอยู่
ในอารมณ์ ทนี่ ่ าใคร่ น่าปรารถนาพอใจย่ อมเป็ นสุ ข
3 มีนาคม 2565 ตรงกับวัน พฤหัสบดี
ผู้เรียบเรียง
https://vot731.wordpress.com

You might also like