Professional Documents
Culture Documents
การลดค่าความต้านทานดินด้วย MEG 16-09-64
การลดค่าความต้านทานดินด้วย MEG 16-09-64
3
ค่าความต้านทานดิน (Grounding Resistance) คืออะไร?
“Ground Resistance” หรือ “Earth Resistance” หรือ “ค่าความต้านทานดิน” หรือมักนิยมเรียก
่ า “ค่ากราวด์” “ค่าโอห์ม” “ค่า R ดิน”
กันทัวไปว่
4
ค่าความต้านทานดิน (Grounding Resistance) คืออะไร?
การออกแบบรากสายดินมีวตั ถุประสงค์เพื่อให้ได้ค่า Ground Resistance ทีต่ ่ า และเป็ นไปตามเกณฑ์
มาตรฐานการต่อลงดินของระบบนัน้ ๆ
Ground Surface
ปั จจัยหลักที่มีผลกับค่า Ground Resistance คือ
1. Soil Resistivity หรือ ค่าความต้านทาน
จาเพาะของดิน
2. ปริมาณของรากสายดิน
กระแสทีถ่ ูกกระจายลงสูด่ นิ
5
ปัจจัยหลักที่มีผลกับค่า Ground Resistance
1. Soil Resistivity หรือค่าความต้านทานจาเพาะของดิน
่ ยมเรียกว่า “ค่า Soil” “ค่าดิน” “ค่าโร” เป็ นต้น
• โดยทัวไปนิ
• มีสญั ลักษณ์คอื ρ (เรียกว่า โร) มีหน่วยเป็ น Ω•m (อ่านว่า โอห์มเมตร)
• เป็ นค่าทีบ่ ่งบอกถึงสภาพความนาไฟฟ้ าของดิน
• ถ้ามีค่า ρ ตา่ → มีความนาไฟฟ้ าที่ดีกว่า → ทาค่ากราวด์ตา่ ได้ง่ายกว่า
• ถ้ามีค่า ρ สูง → มีความนาไฟฟ้ าที่แย่กว่า → ทาค่ากราวด์ตา่ ได้ยากกว่า
2. ปริมาณของหลักดินหรือรากสายดินที่ถกู ติดตัง้
• เมื่อเทียบการติดตัง้ ในพืน้ ทีเ่ ดียวกันทีม่ คี ่า Soil Resistivity เท่ากัน
ถ้ามีปริมาณรากสายดินที่มากกว่า → มีการกระจายกระแสลงสู่ดินได้ดีกว่า → ทาให้ค่า
กราวด์ตา่ กว่า
6
ปัจจัยหลักที่มีผลกับค่า Ground Resistance
1. กรณี ใช้ Ground Rod ขนาดเท่ากัน (Dia. 14.2 mm (5/8”) ยาว 3m)
แต่ติดตัง้ ต่างสถานที่กนั มีค่า ρ ไม่เท่ากัน
𝝆 𝟖𝒍
𝑹= 𝒍𝒏 −𝟏
𝟐𝝅𝒍 𝒅
R = ค่าความต้านทานดิน (โอห์ม)
l
ρ = ค่าความต้านทานจาเพาะของดิน (โอห์ม-เมตร)
(3 m) l = ความยาว Ground Rod (เมตร)
d = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง Ground Rod (เมตร)
d
(0.0142 m)
7
ปัจจัยหลักที่มีผลกับค่า Ground Resistance
1. กรณี ใช้ Ground Rod ขนาดเท่ากัน (Dia. 14.2 mm (5/8”) ยาว 3m)
แต่ติดตัง้ ต่างสถานที่กนั มีค่า ρ ไม่เท่ากัน
สถานที่ A สถานที่ B
ρ = 50 โอห์ม-เมตร ρ = 200 โอห์ม-เมตร
8
ปัจจัยหลักที่มีผลกับค่า Ground Resistance
2. กรณี ติดตัง้ ในพื้นที่เดียวกัน ทีมีค่า ρ เท่ากัน แต่ติดตัง้ จานวน Ground Rod ไม่เท่ากัน
3m
3m
100 8(3)
𝑅= 𝑙𝑛 −1
2𝜋(3) 0.0142 100 8(3)
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 − 1 = 34.1
2𝜋(3) 0.0142
R = 34.1 โอห์ม
R 3 rod = 0.42 R1 rod
9
ปัจจัยหลักที่มีผลกับค่า Ground Resistance
*** สรุป: การออกแบบและติดตัง้ ระบบรากสายดินให้มีค่าความต้านทานดินที ต่ ่า***
1. ค่า Soil Resistivity จาเป็ นอย่างยิง่ เพือ่ นามาใช้ออกแบบและคานวณ
เพือ่ หาปริมาณของระบบรากสายดินทีต่ ้องใช้ เพือ่ ให้ได้ค่ากราวด์ทีต่ ้องการ
2. ต้องจัดสรรงบประมาณในการติดตัง้ รากสายดินเพือ่ ให้ได้ค่าที เ่ หมาะสม
ตามการออกแบบ ไม่ใช่เพียงแค่เอา Rod ปักลงดินเท่านัน้
10
การลดค่าความต้านทานดินด้วย MEG
1. Ground Resistance และ Soil Resistivity คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
2. การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
3. การออกแบบระบบรากสายดินและการคานวณค่า Ground Resistance
4. การปรับปรุงค่าความต้านทานดินด้วย MEG
11
ค่าความต้านทานจาเพาะของดิน (Soil Resistivity) คืออะไร?
ความต้านทานจาเพาะของดิน คือ ความต้านทานของดินปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตร โดยเสมือนว่าวัด
ระหว่างผิวด้านตรงข้ามกันของปริมาตรดิน ซึง่ เป็ นค่าทีแ่ สดงถึงคุณสมบัตทิ างไฟฟ้ าของดิน
ั ลักษณ์คอื “𝜌”(อ่านว่า Rho) และมีหน่วยเป็ น “Ω·m” (อ่านว่า โอห์มเมตร)
มีสญ
12
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
มาตรฐาน IEEE Std. 81 - 2012 แนะนาวิธกี ารวัดความต้านทานจาเพาะของดิน
โดยการวัดแบบ 4 จุด (Four Point Method) ทีร่ ะยะห่างระหว่างอิเล็กโทรดเท่ากัน หรือเรียกอีก
อย่างว่า วิธีของเวนเนอร์ (Wenner’s Method) วิธนี ้จี ะให้ค่าแม่นยามากทีส่ ุดในทางปฏิบตั ิ
• โดยวิธนี ้จี ะใช้แท่งโพรบ (Probe) 4 แท่ง ฝั งในดินเป็ นแนวเส้นตรง
• ซึง่ Probe แต่ละแท่ง ปั กห่างกัน a เมตร และตอกลึกลงไปในดิน b เมตร
4πaR
ρ=
2a a
1+ −
a2 + b 2 a2 + b 2
a < 20b
4-Point Method or Wenner’s Method
14
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ถ้าในกรณีทร่ี ะยะห่างระหว่างโพรบ มีค่ามากกว่าความลึกของแท่ง Probe มากกว่า 20 เท่า
a > 20b
จะสามารถคานวณค่าความต้านทานจาเพาะของดินโดยใช้สมการอย่างง่ายดังสมการต่อไปนี้
a > 20b
15
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
• ระยะห่างระหว่าง Probe “a” คือความลึกของชัน้ ดินทีต่ ้องการทาการวัดค่า
• เช่น a = 4 เมตร หมายถึงการวัดค่า Soil Resistivity ทีค่ วามลึกเฉลีย่ 4 เมตร
• ความลึกของ Probe “b” ไม่ควรเกินระยะ 5% ของระยะ “a” (a > 20b)
16
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ขัน้ ตอนการวัดโดยใช้เครื่องวัดค่าความต้านทานจาเพาะของดิน
• ปรับเครื่องมือไปที่ mode การวัด “soil resistivity test”
• ทาการปั ก Probe ทีร่ ะยะ “a” พร้อมทัง้ ต่อสายเข้ากับเครื่องมือวัด
(ความลึกของ Probe ห้ามปั กลึกเกิน 5% ของระยะ “a”)
• ใส่ค่าระยะ “a” ในเครื่องมือวัด
• กดปุ่มเริม่ การทางาน
Measurement Configuration 17
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
การวัดเพื่อหาค่าเฉลี่ยความต้านทานจาเพาะมีความจาเป็ นเนื่ องจาก
• โดยปกติดนิ มักจะไม่ได้มโี ครงสร้างเป็ นเนื้อเดียวกัน แต่เกิดจากลักษณะของชัน้ ดินทีแ่ ตกต่างกัน
• ค่าความต้านทานจาเพาะของดินขึน้ อยู่กบั ชนิดของดินทีม่ มี ากมาย หลากหลายชนิด อีกทัง้ ยัง
เปลีย่ นแปลงตามปริมาณน้ าหรือความชืน้ และอุณหภูมขิ องดิน
ในรายงานควรมีบนั ทึกเรื่อง
สภาพแวดล้อมต่างๆ
ณ วันทีท่ าการวัด
เช่น อุณหภูม ิ ความชืน้
วันล่าสุดทีฝ่ นตก เป็ นต้น
18
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ดังนัน้ เพื่อให้ได้ค่าทีถ่ ูกต้องทีส่ ุดในการเก็บข้อมูลควรวัดความต้านทานจาเพาะของดิน
อย่างน้อย 5 แนวการวัด เพื่อป้ องกันการมีตวั นาแปลกปลอม เช่น ท่อเหล็กหรือโลหะใต้ดนิ ทีข่ นาน
แนวการวัด จะทาให้ผลการวัดทีไ่ ด้เกิดความคลาดเคลื่อนเนื่องจากผลของการเหนี่ยวนา จึงต้องทา
การวัดในแนวทีแ่ ตกต่างกันออกไป
19
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ตัวอย่างแบบฟอร์มการวัดค่า Soil Resistivity
20
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ตัวอย่างผลการวัดค่า Soil Resistivity
ค่าความต้านทานจาเพาะของดินเฉลีย่ เพื่อใช้ในการคานวณ
= (1,283.5 + 673.7 + 182.7 + 114.3 + 130 + 119.3) / 6
= 417.3 โอห์มเมตร
21
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ความต้านทานจาเพาะเฉลี่ย
ชนิดดิน
(โอห์มเมตร)
ดินอินทรียเ์ ปี ยก 10
ดินชื้น 100
ดินแห้ง 1,000
หิน 10,000
อ้างอิงจาก IEEE 80
22
การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
ตัวอย่างค่า Soil Resistivity ของดินชนิดต่างๆ เพื่อการประเมิน
อ้างอิงจาก BS 7430
23
การลดค่าความต้านทานดินด้วย MEG
1. Ground Resistance และ Soil Resistivity คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
2. การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
3. การออกแบบระบบรากสายดินและการคานวณค่า Ground Resistance
4. การปรับปรุงค่าความต้านทานดินด้วย MEG
24
ระบบรากสายดิน (Grounding Electrode System)
การออกแบบระบบรากสายดินให้มปี ระสิทธิผลทีด่ ี จาเป็ นต้องมีขอ้ มูลเกีย่ วกับสภาพดินของโครงการ
(Soil Data) และสภาพทางกายภาพอื่นๆ ของพืน้ ที่ เพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์ของการออกแบบ 2PER คือ
• Performance: ต้องมีค่าความต้านทานดิ นรวมของระบบที่ต่า (Low Ground Resistance)
• Permanent: ระบบต้องมีความคงทนถาวร
Soil Resistivity Data Performance
ค่าความต้านทานจาเพาะของดิน - ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละความแข็งของดิน นามากาหนดเป็ นเงื่อนไขเพือ่ ใช้ออกแบบ
Physical of Area รูปแบบของรากสายดินทีเ่ หมาะสมกับพืน้ ทีน่ นั ้ ๆ
• ขนาดของพืน้ ทีท่ ากราวด์ - โดยต้องนาค่าความต้านทานจาเพาะของดิ นมาคานวณเพือ่ ให้ได้ค่าความ
• ความแข็งของดิน ต้านทานดินทีต่ ่าและเป็ นไปตามมาตรฐาน
𝝆 𝟖𝒍
𝑹= 𝒍𝒏 −𝟏
𝟐𝝅𝒍 𝒅
R = ค่าความต้านทานดิน (โอห์ม)
l ρ = ค่าความต้านทานจาเพาะของดิน (โอห์ม-เมตร)
l = ความยาว Ground Rod (เมตร)
d = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง Ground Rod (เมตร)
26
การคานวณค่า Ground Resistance
ตัวอย่างการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod 1 แท่ง
14.2mm (5/8”) ติดตัง้ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m ในพืน้ ทีท่ ม่ี คี ่า
ความต้านทานจาเพาะของดิน 100 โอห์มเมตร จะได้ค่าความ
ต้านทานดินเท่าไร?
ρ = 100 โอห์มเมตร, d = 0.0142 m, l = 3 m
𝝆 𝟖𝒍
𝑹= 𝒍𝒏 −𝟏
𝟐𝝅𝒍 𝒅
3m
100 8(3)
𝑅= 𝑙𝑛 −1
2𝜋(3) 0.0142
R = 34.1 โอห์ม
27
การคานวณค่า Ground Resistance
2. สูตรการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อขนานกันหลายแท่ง
โดยมีระยะห่างระหว่าง Rod เท่ากับความยาว Ground Rod (s = l )
n F
จานวน Rod ตัวประกอบการคูณ s
2 0.58
3 0.42 กรณี s = l l
4 0.33
5 0.28
6 0.24
7 0.21 𝑹𝒏−𝒓𝒐𝒅 = 𝑭 × 𝑹𝟏 𝒓𝒐𝒅
8 0.19
9 0.17
10 0.16
อ้างอิงจาก BS 7430
28
การคานวณค่า Ground Resistance
ตัวอย่างการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อขนานกันหลายแท่ง
โดยมีระยะห่างระหว่าง Rod เท่ากับความยาว Ground Rod (s = l )
ติดตัง้ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m ต่อขนานกัน 2 แท่ง ปั กห่างกัน 3m
ในพืน้ ทีท่ ม่ี คี ่าความต้านทานจาเพาะของดิน 100 โอห์มเมตร จะได้ค่าความต้านทานดินเท่าไร?
3m 𝜌 8𝑙
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 −1
2𝜋𝑙 𝑑
3m
100 8(3)
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 − 1 = 34.1 โอห์ม
2𝜋(3) 0.0142
𝑹𝒏−𝒓𝒐𝒅 = 𝑭 × 𝑹𝟏 𝒓𝒐𝒅
ρ = 100 โอห์มเมตร
d = 0.0142 m 𝑅2−𝑟𝑜𝑑 = 0.58 × 34.1
l=3m
n = 2, F = 0.58 R2-rod = 19.8 โอห์ม
29
การคานวณค่า Ground Resistance
2. สูตรการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อขนานกันหลายแท่ง
โดยมีระยะห่างระหว่าง Rod มากกว่า 2 เท่าของความยาว Ground Rod (s ≥ 2l )
n F
จานวน Rod ตัวประกอบการคูณ กรณี s ≥ 2l
2 0.54 s
3 0.38
4 0.29 l
5 0.24
6 0.20
7 0.18 𝑹𝒏−𝒓𝒐𝒅 = 𝑭 × 𝑹𝟏 𝒓𝒐𝒅
8 0.16
9 0.14
10 0.13
อ้างอิงจาก BS 7430
30
การคานวณค่า Ground Resistance
ตัวอย่างการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อขนานกันหลายแท่ง
โดยมีระยะห่างระหว่าง Rod มากกว่า 2 เท่าของความยาว Ground Rod (s ≥ 2l )
ติดตัง้ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m ต่อขนานกัน 2 แท่ง ปั กห่างกัน 6m
ในพืน้ ทีท่ ม่ี คี ่าความต้านทานจาเพาะของดิน 100 โอห์มเมตร จะได้ค่าความต้านทานดินเท่าไร?
6m
𝜌 8𝑙
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 −1
2𝜋𝑙 𝑑
3m
100 8(3)
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 − 1 = 34.1 โอห์ม
2𝜋(3) 0.0142
𝑹𝒏−𝒓𝒐𝒅 = 𝑭 × 𝑹𝟏 𝒓𝒐𝒅
ρ = 100 โอห์มเมตร
d = 0.0142 m 𝑅2−𝑟𝑜𝑑 = 0.54 × 34.1
l=3m
n = 2, F = 0.54 R2-rod = 18.4 โอห์ม
31
การคานวณค่า Ground Resistance
ระยะห่างระหว่าง Ground Rod ทีเ่ หมาะสมทีส่ ุดคือ 2 เท่าของความยาว Ground Rod
หรืออย่างน้อยไม่ควรใกล้กนั กว่าระยะความยาวของ Ground Rod
n F (s = l) F (s ≥ 2l)
R1-rod = 34.1 โอห์ม จานวน Rod ตัวประกอบการคูณ ตัวประกอบการคูณ
s 2 0.58 0.54
3 0.42 0.38
l 4 0.33 0.29
5 0.28 0.24
6 0.24 0.20
s = 6m R2-rod = 18.4 โอห์ม 7 0.21 0.18
8 0.19 0.16
s = 3m R2-rod = 19.8 โอห์ม 9 0.17 0.14
10 0.16 0.13
32
การคานวณค่า Ground Resistance
• การจัดวางระยะห่างของ Ground Rod ทีเ่ หมาะสมทาให้กระจายกระแสได้ดกี ว่า จึงทาให้ค่าความ
ต้านทานดินต่ ากว่า
• ถ้าปั ก Ground Rod ใกล้กนั เกินไป จะทาให้เกิดผลของ Electrode Shell ทีท่ บั ซ้อนกัน ทาให้ม ี
การกระจายกระแสทีแ่ ย่กว่า จึงทาให้ค่าความต้านทานสูงกว่า
กรณี s ≥ 2l กรณี s = l
33
ตารางค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อขนานกันหลายแท่ง
สาหรับ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m
โดยมีระยะห่างระหว่าง Rod เท่ากับความยาว Ground Rod (s = l )
34
ตารางค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อขนานกันหลายแท่ง
สาหรับ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m
โดยมีระยะห่างระหว่าง Rod มากกว่า 2 เท่าของความยาว Ground Rod (s ≥ 2l )
ค่าความต้านทานดิ น (Ground Resistance) Ω
ρ (Ω•m)
n=1 n=2 n=3 n=4 n=5 n=6 n=7 n=8 n=9 n=10
10 3.4 1.8 1.3 1.0 0.8 0.7 0.6 0.5 0.5 0.4
50 17.1 9.2 6.4 5.0 4.1 3.5 3.0 2.7 2.4 2.2
100 34.1 18.4 12.8 10.0 8.2 7.0 6.1 5.4 4.9 4.4
200 68.3 36.8 25.7 19.9 16.4 13.9 12.1 10.8 9.7 8.9
300 102.4 55.2 38.5 29.9 24.5 20.9 18.2 16.2 14.6 13.3
400 136.6 73.6 51.4 39.8 32.7 27.8 24.3 21.6 19.4 17.7
500 170.7 92.0 64.2 49.8 40.9 34.8 30.4 27.0 24.3 22.1
600 204.9 110.4 77.1 59.8 49.1 41.8 36.4 32.4 29.1 26.6
700 239.0 128.8 89.9 69.7 57.2 48.7 42.5 37.7 34.0 31.0
800 273.1 147.2 102.8 79.7 65.4 55.7 48.6 43.1 38.9 35.4
900 307.3 165.6 115.6 89.7 73.6 62.6 54.6 48.5 43.7 39.8
1000 341.4 184.0 128.5 99.6 81.8 69.6 60.7 53.9 48.6 44.3
35
การคานวณค่า Ground Resistance
3. สูตรการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อแบบสามเหลี่ยม
หรือแบบเดลต้า โดยปั กระยะห่างระหว่าง Rod เท่ากับความยาว Ground Rod (s = l )
n F s
จานวน Rod ตัวประกอบการคูณ
2 0.58
3 0.42 l
4 0.33
5 0.28
6 0.24
7 0.21
8 0.19 𝑹𝒅𝒆𝒍𝒕𝒂 = 𝟎. 𝟒𝟐 × 𝑹𝟏 𝒓𝒐𝒅
9 0.17
10 0.16
อ้างอิงจาก BS 7430
36
การคานวณค่า Ground Resistance
ตัวอย่างการคานวณค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod ต่อแบบสามเหลี่ยม
หรือแบบเดลต้า โดยปั กระยะห่างระหว่าง Rod เท่ากับความยาว Ground Rod (s = l )
ติดตัง้ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m ต่อแบบเดลต้า ปั กห่างกัน 3m
ในพืน้ ทีท่ ม่ี คี ่าความต้านทานจาเพาะของดิน 100 โอห์มเมตร จะได้ค่าความต้านทานดินเท่าไร?
3m
𝜌 8𝑙
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 −1
2𝜋𝑙 𝑑
3m
100 8(3)
𝑅1 𝑟𝑜𝑑 = 𝑙𝑛 − 1 = 34.1 โอห์ม
2𝜋(3) 0.0142
𝑹𝒅𝒆𝒍𝒕𝒂 = 𝟎. 𝟒𝟐 × 𝑹𝟏 𝒓𝒐𝒅
ρ = 100 โอห์มเมตร
d = 0.0142 m 𝑅𝑑𝑒𝑙𝑡𝑎 = 0.42 × 34.1
l=3m
n = 3, F = 0.42 Rdelta = 14.3 โอห์ม
37
ตารางค่าความต้านทานดินสาหรับ Ground Rod แบบเดลต้าต่อขนานกันหลายชุด
สาหรับ Ground Rod ขนาด 14.2mm (5/8”) ยาว 3m
38
การคานวณค่า Ground Resistance
3. สูตรการคานวณค่าความต้านทานดิน (อย่างง่าย) สาหรับ Ground Loop รอบอาคาร
𝝆 𝟐𝝅𝑫
𝑹= 𝒍𝒏
𝝅𝟐 𝑫 𝒅
R = ค่าความต้านทานดิน (โอห์ม)
ρ = ค่าความต้านทานจาเพาะของดิน (โอห์ม-เมตร)
D = เส้นผ่านศูนย์กลางของ Ground Loop (เมตร)
d = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสายกราวด์ (เมตร)
X
𝟒𝑿𝒀
Y D สามารถหาค่า D ได้จากสมการนี้ D = 𝝅
39
การคานวณค่า Ground Resistance
ตัวอย่างการคานวณค่าความต้านทานดิน (อย่างง่าย) สาหรับ Ground Loop รอบอาคาร
Ground Loop รอบอาคารขนาด 30x25 m ติดตัง้ โดยใช้สายทองแดงเปลือยขนาด 70mm2
ในพืน้ ทีท่ ม่ี คี ่าความต้านทานจาเพาะของดิน 100 โอห์มเมตร จะได้ค่าความต้านทานดินเท่าไร?
30 m
𝝆 𝟐𝝅𝑫
𝑹= 𝒍𝒏
𝝅𝟐 𝑫 𝒅
25 m D
100 2𝜋(30.9)
𝑅= 𝑙𝑛
𝜋 2 (30.9) 0.01
𝟒𝑿𝒀 𝟒(𝟐𝟓)(𝟑𝟎)
D= = = 𝟑𝟎. 𝟗𝒎
𝝅 𝝅
40
การคานวณค่า Ground Resistance
4. สูตรการคานวณค่าความต้านทานดิน (แบบละเอียด) สาหรับ Ground Loop รอบอาคาร
𝛒 𝟐𝐋𝐜 𝐤𝟏 × 𝐋𝐜
𝐑𝐋𝐨𝐨𝐩 = 𝐥𝐧( ) + − 𝐤𝟐
𝛑𝐋𝐜 𝐚 𝐀
ρ= ค่าความต้านทานจาเพาะของดิน (Ω·m)
Lc = ความยาวรวมของสาย Loop รอบอาคาร (m)
a’ = d1 h โดย d1 = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสาย Loop (m) และ
h = ความลึกทีฝ
่ ั ง (m)
A = พืน
้ ที่ Loop รอบอาคาร (m2)
k1, k2 = Coefficients (จากกราฟ IEEE 80-2013, Page 69, Figure 24)
Coefficient k1 Coefficient k2
𝐗 𝐗
𝐤𝟏 = −𝟎. 𝟎𝟒 + 𝟏. 𝟒𝟏 𝐤𝟐 = 𝟎. 𝟏𝟓 + 𝟓. 𝟓𝟎
𝐘 𝐘
X = ความยาวของ Loop (m) (ด้านทีม่ คี วามยาว X = ความยาวของ Loop (m) (ด้านทีม่ คี วามยาว
มากกว่า) มากกว่า)
Y = ความกว้างของ Loop (m) (ด้านทีม่ คี วามยาว Y = ความกว้างของ Loop (m) (ด้านทีม่ คี วามยาว
น้อยกว่า) น้อยกว่า)
ρ = 100 (Ω·m)
Lc = 110 (m) ความยาวรวมของสาย
a’ = 0.071
d1 = 0.01 (m) ขนาด Dia. ของสาย
h = 0.5 (m) ความลึกของสายทีฝ่ ั ง
A = 750 (m2)
k1 = 1.362
𝛒 𝟐𝐋𝐜 𝐤𝟏 × 𝐋𝐜 k2 = 5.68
𝐑𝐋𝐨𝐨𝐩 = 𝐥𝐧( ) + − 𝐤𝟐
𝛑𝐋𝐜 𝐚 𝐀 nR = 7 จานวนของ Ground Rod
Lr = 3 (m) ความยาวของ Ground Rod
𝛒 𝟖𝐋𝐫 𝟐𝐤𝟏 × 𝐋𝐫
𝐑𝐑𝐨𝐝 = 𝐥𝐧( ) − 𝟏 + ( 𝐧𝐑 − 𝟏)𝟐 d2 = 0.0142 (m) ขนาด Dia. ของ Ground Rod
𝟐𝛑𝐧𝐑𝐋𝐫 𝐝𝟐 𝐀
𝛒 𝟐𝐋𝐜 𝐤𝟏 × 𝐋𝐜
𝐑𝐦 = 𝐥𝐧( )+ − 𝐤𝟐 + 𝟏
𝛑𝐋𝐜 𝐋𝐫 𝐀
43
การคานวณค่า Ground Resistance
ตัวอย่างการคานวณค่าความต้านทานดิน (แบบละเอียด) สาหรับ Ground Loop รอบอาคาร
𝛒 𝟐𝐋𝐜 𝐤𝟏 × 𝐋𝐜
𝐑𝐋𝐨𝐨𝐩 = 𝐥𝐧( ) + − 𝐤𝟐
𝛑𝐋𝐜 𝐚 𝐀
100 (2)(110) 1.362 × 110
R Grid = ln( )+ − 5.68
𝜋(110) (0.071) 750
R Grid = 2.27 Ω
𝛒 𝟐𝐋𝐜 𝐤𝟏 × 𝐋𝐜
𝐑𝐦 = 𝐥𝐧( )+ − 𝐤𝟐 + 𝟏
𝛑𝐋𝐜 𝐋𝐫 𝐀
𝛒 𝟖𝐋𝐫 𝟐𝐤𝟏 × 𝐋𝐫
𝐑𝐑𝐨𝐝 = 𝐥𝐧( ) − 𝟏 + ( 𝐧𝐑 − 𝟏)𝟐
𝟐𝛑𝐧𝐑𝐋𝐫 𝐝𝟐 𝐀 100 (2)(110) (1.362) × (110)
= ln( )+ − 5.68 + 1
𝜋(110) (3) ( 750)
100 (8)(3) (2)(1.362) × 3
= ln( )−1+ ( 7 − 1)2
2𝜋 7 (3) (0.0142) 750 R m = 1.47 Ω
R Rod = 5.49 Ω
44
การลดค่าความต้านทานดินด้วย MEG
1. Ground Resistance และ Soil Resistivity คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
2. การวัดค่า Soil Resistivity เพื่อการออกแบบระบบรากสายดิน
3. การออกแบบระบบรากสายดินและการคานวณค่า Ground Resistance
4. การปรับปรุงค่าความต้านทานดินด้วย MEG
45
Kumwell
สารปรับปรุงค่าความต้านทานดินคืออะไร ?
สารปรับปรุงค่าความต้านทานดิน
Earthing Enhancing Compound: เรียกตามมาตรฐาน IEC
Ground Enhancement Material: เรียกตามมาตรฐาน IEEE
เป็ นวัสดุทม่ี คี ่าความต้านทานจาเพาะต่ า ใช้เพื่อนามาหุม้ รอบๆแท่งหลักดินหรือสาย
กราวด์เพื่อเพิม่ การกระจายกระแสลงสูด่ นิ ทาให้มคี ่าความต้านทานดิน ทีล่ ดลงกว่า
การใช้แท่งหลักดินหรือรากสายดินเพียงอย่างเดียว
โดยสารเหล่านี้จะต้องมีคา่ ความต้านทานจาเพาะทีต่ ่ า
มากๆ เมื่อใช้แล้วจะต้องมีความคงทนถาวร ไม่มกี าร
ละลายหรือถูกชะล้างสารต่างๆลงสูด่ นิ
***ดังนัน้ การใช้เกลือเคมี การราดน้ าเกลือ หรือการใช้เบน
โทไนต์ ไม่ใช่การปรับปรุงค่าความต้านทานดินตาม
มาตรฐาน
Kumwell
สารปรับปรุงที่ไม่ได้มาตรฐาน
การใช้เกลือเคมี การราดน้าเกลือ หรือการใช้เบนโทไนต์ ไม่ใช่การปรับปรุงค่าความต้านทานดิ นตามมาตรฐาน
• มาตรฐาน IEEE 80 ระบุวา่ ถึงแม้วธิ เี หล่านี้จะลดค่ากราวด์ได้แต่ไม่ใช่วธิ ปี ฏิบตั ทิ ด่ี ี เพราะไม่มคี วามคงทนถาวร และ
ไม่สามารถคานวณปริมาณการใช้งานเพื่อให้บรรลุผลได้
• มาตรฐาน IEEE 80 แนะนาให้ใช้สารปรับปรุงประเภท Ground Enhancement Material
• สารปรับปรุงประเภทนี้จะต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IEC 62561-7
MEG เป็ น Solution การทากราวด์สาหรับพืน้ ทีท่ ม่ี ขี อ้ จากัดทีไ่ ม่สามารถติดตัง้ กราวด์ทเ่ี พียงพอโดยวิธที วไป
ั่
หรือไม่สามารถตอก Ground Rod ลงไปได้
MEG สามารถปรับปรุงค่าความต้านทานดินได้โดยไม่ตอ้ งคานึงถึงสภาพของดิน เหมาะสาหรับการใช้งานใน
พืน้ ทีท่ ม่ี คี ่าการนาไฟฟ้ าต่ า เช่น พืน้ หิน ภูเขา และดินทราย
5 cm
w
Kumwell
การติดตัง้ MEG
Example: ρ = 200 Ω·m
ทาร่องกว้าง 30cm ความยาว 10m ฝังลึกจากผิวดิน 0.5m ความหนา 5mm
𝛒 𝟐𝐥𝟐
𝐑 = 𝐥𝐧 −𝟏
𝟐𝛑𝐥 𝐖𝐃
𝟐𝟎𝟎 𝟐(𝟏𝟎)𝟐
𝐑 = 𝐥𝐧 −𝟏 = 𝟏𝟗. 𝟕 𝛀
𝟐𝛑(𝟏𝟎) (𝟎. 𝟑)(𝟎. 𝟓)
Kumwell
การติดตัง้ MEG
MEG Trench
Kumwell
ตัวอย่างไม้แบบเพื่อใช้เท MEG Trench
27 m
Grid 3x3 m
18 m
Ground Rod
5/8”x10’
70 Rods
Kumwell
Ground Grid Design in Difficult Conditions
Schwarz’s Equation: IEEE Std 80-2013, Page 67
For Area 27x18m, Grid 3x3m and 70 ground rods
ρ 2Lc k1 × Lc ρ 2Lc k1 × Lc
R Grid = ln( ) + − k2 Rm = ln( )+ − k2 + 1
πLc a A πLc Lr A
ρ = Soil Resistivity (Ω·m)
Lc = Total Length of All Connected Grid Conductors (m) Rm = Mutual Ground Resistance between
a’ = d1 x h (d1 = Diameter of Conductor, h = Buried Depth) Grid and Rod Bed (Ω)
A = Area Covered by Conductors (m2)
k1, k2 = Coefficients (IEEE 80-2013, Page 69, Figure 24)
ρ 2Lc k1 × Lc ρ 2Lc k1 × Lc
R Grid = ln( ) + − k2 Rm = ln( )+ − k2 + 1
πLc a A πLc Lr A
200 (2)(369) 1.35 × 369 200 (2)(369) (1.35) × (369)
R Grid = ln( )+ − 5.725 = ln( )+ − 5.725 + 1
𝜋(369) (0.087) 486 𝜋(369) (3) ( 486)
ρ 2Lc k1 × Lc ρ 2Lc k1 × Lc
R Grid = ln( ) + − k2 Rm = ln( )+ − k2 + 1
πLc a A πLc Lr A
ρ 2Lc k1 × Lc ρ 2Lc k1 × Lc
R Grid = ln( ) + − k2 Rm = ln( )+ − k2 + 1
πLc a A πLc Lr A
200 (2)(369) 1.35 × 369 200 (2)(369) (1.35) × (369)
R Grid = ln( )+ − 5.725 = ln( )+ − 5.725 + 1
𝜋(369) (0.087) 486 𝜋(369) (10) ( 486)
Study Summarize:
For Area 27x18m, 𝝆 = 200 Ω·m, Grid 3x3m
Kumwell
เกณฑ์มาตรฐานการทดสอบ MEG
• Substation Area: 28 x 20 m
Project Requirement Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
• The soil resistivity rather high than usual (300 Ω·m) and small area for
install ground grid.
Step 1:
Boring the hole dia. 20 cm and 6 m deep
MEG Well Installation Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
Step 2:
Install the ground rod at the center of
the hole then connect the grounding
cable by exothermic welding.
MEG Well Installation Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
Step 3:
Pre-mixing the MEG then
pouring into the hole until finish
MEG Trench Installation Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
Step 1:
Prepare the pattern then connect the
grounding cable by exothermic welding
MEG Trench Installation Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
Step 2:
Install the steel pattern
size 20x20 cm
MEG Trench Installation Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
Step 3:
Pre-mixing MEG then pouring into
steel pattern until finish
Ground Resistance Measurement Kumwell
Grounding & Lightning Protection System
Measurement Layout
C 172 m
P 106 m
Substation
Ground Resistance Measurement Kumwell
Grounding & Lightning Protection System