Professional Documents
Culture Documents
โครงการแซนวิชทงคัตสึ
โครงการแซนวิชทงคัตสึ
โครงการแซนวิชทงคัตสึ
โครงการ
แซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้ )
นางสาวชนิดาภา นาเมืองรักษ์
_________________________ที่ปรึ กษาโครงการ
(อาจารย์กญั ญานี รักยศ)
วันที่…………เดือน…………………………….พ.ศ……………..
ชื่อโครงการแซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้)
นางสาวชนิดาภา นาเมืองรักษ์
โครงการนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสู ตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง
ประเภทวิชาบริ หารธุรกิจ สาขาวิชาบัญชี
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์
ปี การศึกษา 2565
คำนำ
นางสาวชนิดาภา นาเมืองรักษ์
นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง ปี ที่ 2
สาขาบัญชี ภาคสมทบ
ปี พ.ศ. 2565
ก
ชื่อเรื่ อง : แซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้)
ผูด้ ำเนินการ : นางสาวชนิดาภา นาเมืองรักษ์
กิตติกรรมประกาศ
นางสาวชนิดาภา นาเมืองรักษ์
นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง ปี ที่ 2
สาขาบัญชี ภาคสมทบ
ปี พ.ศ. 2565
สารบัญ
เรื่ อง หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญตาราง ค
สารบัญรู ป ง
บทที่ 1 บทนำ 1
1.1 หลักการและแหตุผล 1
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1
1.3 ประโยชน์ที่ได้รับของโครงการ 1
1.4 วิธีการดำเนินการ 2
1.5 ระยะเวลาและสถานที่ด ำเนินการ ระยะเวลา 2
1.6 นิยามคำศัพท์ 3
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 4
2.1 แซนวิช 4
2.2 ทงคัตสึ 5
2.3 ทฤษฎีความพึงพอใจ 6
บทที่ 3 วิธีด ำเนินงานโครงการ/วิธีด ำเนินการวิจยั 12
3.1 วิธีการดำเนินการ 12
3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 16
3.3 เครื่ องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 16
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 17
4. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล 17
บทที่ 4 ผลการทดลอง 19
4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล 19
4.2 ขั้นตอนการวิเคราะห์ขอ้ มูล 19
4.3 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล 19
บทที่ 5 สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ
5.1 สรุ ปผลการทดลอง 24
5.2 ปัญหาและอุปสรรคในการทดลอง 24
5.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา 24
บรรณานุกรม 25
ภาคผนวก ก.
* รู ปวัตถุดิบ
* ขั้นตอนการทำแซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้)
ภาคผนวก ข.
* แบบประเมินความพึงพอใจข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจใน
“แซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้)”
* รู ปภาพประกอบการแจกแบบสอบถาม
* รู ปภาพผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลแบบสอบถาม
ประวัติผจู ้ ดั ทำ
ค
สารบัญตาราง
ตารางที่ 2.ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจในอาหารแซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้)
ตารางที่4.1 แสดงจำนวนร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ
ตารางที่4.2 แสดงจำนวนร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามอายุ
ตารางที่4.3 แสดงจำนวนร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามอาชีพ
ตารางที่4.4 ค่าเฉลี่ย และค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจ
ของปั จจัยส่ วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์
ตารางที่ 4.5 ค่าเฉลี่ย และค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจ
ของปั จจัยส่ วนประสมทางการตลาดด้านราคา
ตารางที่ 4.6 ค่าเฉลี่ย และค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจ
ของของปั จจัยส่ วนประสมทางการตลาดด้านช่องทางการจัดจำหน่าย
ตารางที่ 4.7 ค่าเฉลี่ย และค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจ
ของปั จจัยส่ วนประสมทางการตลาดด้านการส่ งเสริ มการตลาด
ง
สารบัญรู ป
3
6. นิยามคำศัพท์
1. แซนด์ วชิ [1] (อังกฤษ: sandwich) เป็ นขนมปั งหัน่ แบบคู่หนึ่งประกบกัน ตรงกลาง
มักมีแฮม ชีส ไข่ดาว แตงกวาดอง ทามายองเนส มัสตาร์ด หรื อแยม ถ้าเป็ นแบบอเมริ กนั มักใช้
ขนมปั งทั้งแผ่น บางครั้งปิ้ งด้วย ถ้าเป็ นแบบอังกฤษมักเป็ นชิ้นเล็ก ๆ
2. ทงคัตสึ (Tonkatsu) อาหารที่ใช้เนื้ อหมูหนั่ ชิ้นหนาคลุกแป้ งผสมกับไข่และชุบเกล็ดขนมปั งทอด
ชื่อเรี ยกผสมจากคำในภาษาญีป่ นุ่ ว่าทง (Ton) ที่แปลว่าหมู และคำว่า cutlet ในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่าเนื้อทอด
3. ผลไม้ ผลไม้ หมายถึง ผลที่เกิดจากการขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศของพืชบางชนิด ซึ่ งมนุษย์สามารถ
รับประทานได้ และส่ วนมากจะไม่ท ำเป็ นอาหารคาว ตัวอย่างผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิ้ ล กล้วย มะม่วง ทุเรี ยน
รวมถึง มะเขือเทศ สามารถจัดได้วา่ เป็ นทั้งผักและผลไม้มาจากการประสมของคำว่า ผล และ ไม้ คำนี้จึง
สามารถอธิบายได้วา่ สิ่ งที่เป็ นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากสิ่ งมีชีวิตจำพวกพืช โดยลักษณะรวมๆ จะมีรูปทรงคล้าย
ทรงกลมหรื อทรงรี ซึ่ งอาจมีความแตกต่างกันบ้างตามสายพันธุ์ โดยปกติผลไม้จะต้องมีเปลือกหรื อมีสิ่งที่ห่อ
หุม้ เนื้อที่อยูข่ า้ งใน
4
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
ในการศึกษาเรื่ องแซนวิชทงคัตสึ ผลไม้ ผูว้ ิจยั ได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่าง ๆ จาก
เอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1 แซนวิช
เป็ นทั้งอาหารว่างและอาหารหลักที่หลายคนต่างคุน้ เคยกันเป็ นอย่างดีแต่ประวัติของแซนด์วิช
เป็ นอย่างไร อันที่จริ งนั้น แซนด์วิชนั้นสามารถย้อนต้นกำเนิดไปได้ต้ งั แต่ตน้ คริ สตกาล โดย “Hillel
the Elder” ผูน้ ำทางศาสนาชาวยิว เป็ นผูร้ ิ เริ่ มนำเนื้อแกะมามัดรวมกับสมุนไพรกับขนมปั ง
แต่ตน้ กำเนิดที่ท ำให้แซนด์วิชโด่งดังจริ งๆ คือในยุคค.ศ.1700 (พ.ศ.2243-2342) เมื่อ “John Montagu,
4th Earl of Sandwich” เอิร์ลที่ 4 แห่งแซนด์วิชได้ประดิษฐ์แซนด์วิชโดยที่ไม่ได้ต้ งั ใจท่านเอิร์ลเป็ นผูท้ ี่ชอบ
การเล่นพนันเป็ นอย่างมาก เล่นแทบจะตลอดเวลา แม้แต่เวลาอาหารก็ไม่สนใจท่านเอิร์ลจึงสัง่ ให้คนรับใช้ไป
นำอาหารมา โดยอาหารนั้นมีขนมปังกับเนื้อ ท่านเอิร์ลจึงสัง่ ให้น ำขนมปั งประกบลงบนเนื้ อเพื่อที่จะ
ได้ถือกินได้สะดวกในเวลาที่เล่นไพ่ คนอื่นๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ชอบใจ จึงสัง่ ตามท่านเอิร์ล แซนด์วชิ
จึงได้ถือกำเนิดขึ้นนับแต่น้ นั และโด่งดังไปทัว่ โลก โดยแซนด์วิชชิ้นแรกนั้นคือเนื้อวัวหมักเกลือกับ
ขนมปั งปิ้ งสองแผ่น
โดยในประเทศไทยต้นกำเนิดแซนวิชเริ่ มมาจากนายแซม เมเจอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษ ได้ออกเดินทาง
ไปทัว่ โลกเพื่อค้าขายสิ นค้าไปทัว่ โลก โดยเอาของจากประเทศหนึ่ง ไปขายอีกประเทศหนึ่ง พอขากลับก็เอา
สิ นค้าจากที่นนั่ ไปขายต่ออีกที่ ทำเรื่ อย ๆ อยูอ่ ย่างนี้ จนมีฐานะร่ำรวย วันหนึ่งเขาได้เดินทางมายังน่านน้ำเมือง
ไทย ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ซึ่ งการทูตของไทยกับต่างชาติก ำลังบูม หลังจากอยูใ่ นเมืองไทยได้
2 เดือน เขาก็ได้ลูกเรื อคนใหม่เป็ นชาวไทย ชื่อนายสน และเขาก็ก ำลังจะกลับบ้านที่องั กฤษระหว่างการเดิน
ทางนั้น ก็มีการค้าขายสิ นค้าอยูท่ ี่เมืองระยอง ซึ่ งเป็ นเมืองต้นกำเนิดของเพลงสกา จนได้เงินทองมามากมาย
จนกระทัง่ หัวหน้าโจรสลัดพาลูกน้องขึ้นเรื อมาดักปล้น ขณะที่เรื อกำลังลอยคว้างอยูก่ ลางทะเล เพราะกำลัง
มุ่งหน้าไปแหลมมลายู นายแซม และนายสน และเหล่าลูกเรื อทั้งหลาย ต่างก็ต่อสู ้เพื่อรักษาเรื อของตัวเองไว้
อย่างสุ ดกำลัง แต่กไ็ ม่อาจต้านทานความเก่งกาจของเหล่าโจรสลัดได้ แถมก่อนจะหนีไปโจรใจร้ายยังได้เจาะ
เรื อของพวกเขา จนเป็ นรู นอ้ ยใหญ่หลายจุด
โชคดีที่นายสนเป็ นช่างเรื อที่ ชำนาญพอสมควร จึงได้ซ่อมแซมรอยรั่ว แต่น้ำก็ยงั ทะลักเข้ามาไม่ยอม
หยุด นายแซมจึงจะนำเรื อไปซ่อมที่นครศรี ธรรมราช ระหว่างทาง นายแซมต้องเกณฑ์ลูกเรื อทั้งลำมาช่วยกัน
วิดน้ำออกจากเรื อ ในตอนที่ซ่อมอยูน่ ้ ี นายแซมเห็นลูกเรื ออ่อนระโหยโรยแรง จึงได้น ำปี กไก่มาประกบกับ
5
ขนมปั ง แล้วแจกให้คนงานที่วิดน้ำอยูไ่ ด้ทานกัน เพื่อที่วา่ ขณะที่ก ำลังกินอยู่ จะได้มีมืออีกข้างหนึ่งไว้วิดน้ำ
ไม่ให้เข้าเรื อด้วย สุ ดท้ายนายแซม สน และลูกเรื อทั้งหลาย ก็พาเรื อมาถึงนครศรี ธรรมราชด้วยความปลอดภัย
ระหว่างที่รอเรื อ ซ่อมอยูน่ ี่เอง นายสนเกิดความคิดดี ๆ ขึ้น เขาได้น ำขนมปั งมาประกบกับปี กไก่แบบ
ที่นายแซมเคยทำ แล้วนายสนก็ได้น ำมาขาย ปรากฎว่า ชาวเมืองนครศรี ธรรมราชถูกใจอาหารแปลก ๆ ชิ้นนี้
มาก จึงได้สอบถามนายสนว่านี่คืออะไร นายสนก็อธิ บายไปว่า มันคือขนมที่นายแซมกินตอนวิดน้ำออกจาก
เรื อ คนนครศรี ธรรมราชก็เลยเรี ยกอาหารชนิดนี้ วา่ ขนมแซมวิดน้ำ หลังจากไปถึงอังกฤษ นายแซม ก็ได้ท ำ
ขนมแซมวิดน้ำออกวางขายบ้าง แต่มีชื่อเรี ยกที่ยาวเกินไป ชาวอังกฤษเลยเรี ยกแบบสั้นๆว่า ขนมแซมวิช จน
เพี้ยนมาเป็ น แซนวิช จนถึงทุกวันนี้
2.2 ทงคัตสึ
ทงคัตสึ (Tonkatsu) เป็ นอาหารที่ใช้เนื้ อหมูหนั่ เป็ นชิ้นหนาคลุกแป้ งผสมไข่และชุบด้วยเกล็ดขนมปั ง
ทอด คำในภาษาญี่ปนุ่ ทง แปลว่าหมู และ cutlet ภาษาอังกฤษ แปลว่าเนื้อทอด เป็ นเมนูตวั แทนของญี่ปุ่น
เมนูยอดนิยมของญี่ปนุ่
ความเป็ นมา ทงคัตสึ เป็ นอาหารญี่ปุ่นที่ท ำจากเนื้อหมูหนั่ เป็ นแผ่นหนาประมาณ 2 เซนติเมตร
นำไปหมักเกลือและพริ กไทย และนำมาโรยแป้ งบาง ๆ ชุบแป้ งผสมไข่ที่ตีจนเข้ากัน ตามด้วยชุบเกล็ด
ขนมปั งหรื อปังโกะ จึงนำมาทอดจนสุ ก รับประทานได้กบั ข้าวสวย กะหล่ำปลีและซุปเต้าเจี้ยว
เริ่ มแรกโปรตุเกสเป็ นผูน้ ำ Tonkatsu เข้ามายังประเทศญี่ปนุ่ เดิมเรี ยก “คัตสึ เร็ ตสึ ” เรี ยกโดยย่อ
“คัตสึ ” นับเป็ นอาหารในเหล่า “โยโชกุ” คือ อาหารญี่ปนที ุ่ ่น ำมาดัดแปลงจากอาหารยุโรปช่วงปลายคริ สต์
ศตวรรษที่ 1 9 ถึงต้นคริ สต์ศตวรรษที่ 2 0 คัตสึ เร็ ตสึ ด้ งั เดิมนั้นจะใช้เนื้ อวัว ส่ วนเนื้อหมูที่นิยมในปั จจุบนั เริ่ ม
ขึ้น ณ ร้านอาหารยุโรปในย่านกินซะ กรุ งโตเกียว ในปี ค.ศ. 1 8 9 0
Tonkatsu มีหมายความว่า ส่ วนที่ท ำจากเนื้อหมู จึงได้บญั ญัติข้ ึนในคริ สต์ทศวรรษที่ 1930 รากศัพท์
ได้มาจากคำในภาษาฝรั่งเศสว่า Cotolette (เนื้อซี่ โครงของลูกวัว แกะ หรื อหมู) ในภาษาอังกฤษเรี ยกว่า Cutlet
และถูกนำมาใช้เรี ยกในแบบของญี่ปุ่นว่า “คัทสึ เร็ ทสึ ”
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อาหารตะวันตกคือ คัทสึ เร็ ทสึ เนื้ อและไก่ ได้เริ่ มแทรกซึ มตามเมนูของร้าน
อาหารในญี่ปนุ่ หลังจากนั้นเมื่อปี ค.ศ.1895 มีร้านอาหารในกินซะ โตเกียว ได้เริ่ มมีการขายเมนู ‘คัทสึ เร็ ทสึ
หมู’ และได้รับความนิยมเพิม่ ขึ้น จนเมื่อปี ค.ศ.1930 ในย่านอุเอโนะและอะซะคุสะ ในโตเกียว
เริ่ มมีการใช้เนื้ อหมูชิ้นหนาในการทำจึงได้ชื่อว่า Tonkatsu เป็ นต้นมา
Tonkatsu มีตน้ กำเนิดมาจากอาหารฝรั่งเศส โดยการใช้ซี่โครงมาปรุ งอาหาร และในสมัยเมจิได้มี
การนำเทมปุระมาประยุกต์ให้เข้ากันโดยนำเนื้อหมูชุบเกล็ดขนมปั งแล้วนำไปทอด จึงกลายเป็ นเอกลักษณ์
ของ
6
ญี่ปุ่น ร้าน Tonkatsu แห่งแรกในญี่ปุ่นนั้น เรี ยกอาหารนี้วา่ “พอร์คคัทซึ เรตซึ ” คำว่าพอร์คชาวญี่ปุ่นออกเสี ยง
เป็ น ‘ทง’ กลายเป็ น Tonkatsu ในปัจจุบนั
2.3 ทฤษฎีความพึงพอใจ
แนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจนี้ เป็ นส่ วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ของการศึกษาตามหลักสู ตร
ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมมหาวิทยาลัย
ธุรกิจบัณฑิตย์ พ.ศ. 2564 ของคุณสุ พตั รา คงขำ
ความหมายของความพึงพอใจ
Mccormic (1965) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็ นแรงจูงใจของมนุษย์ที่ต้ งั อยูบ่ บความต้องการขั้นพื้น
ฐาน (Basic needs) มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด ผลสัมฤทธิ์ และสิ่ งจูงใจ (Incentive) และพยายามหลีก
เสี่ ยงสิ่ งที่ไม่ตอ้ งการ
Dalton (1968) กล่าวว่าทัศนคติ หมายถึง ความรู ้สึกของคนใดคนหนึ่งว่าชอบหรื อไม่ชอบในบุคคล
สิ่ งของ หรื อสภาพแวดล้อมที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้อง
สิ่ งที่ท ำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจของมนุษย์มกั จะได้แก่ ทรัพยากร (Resources) หรื อสิ่ งเร้า (stimul)
การวิคราะห์ระบบความพึงพอใจคือ การศึกษาว่าทรัพยากรหรื อสิ่ งเร้าแบบใดเป็ นสิ่ งที่ตอ้ งการที่จะทำให้เกิด
ความพอใจ และความสุ ขแก่มนุษย์ ความพอใจจะเกิดได้มากที่สุดเมื่อมีทรัพยากรทุกอย่างที่เป็ นที่ตอ้ งการ
ครบถ้วน
แนวคิดเกีย่ วกับความพึงพอใจ
มีผกู้ ล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจไว้หลากหลายซึ่ งผูว้ ิจยั ได้นามารวบรวมไว้ ดังนี้
wallestein ช้างถึงใน อัญจณา วังนะสวัสดิ์ , 2544, น. 3) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็ นความรู ้สึกที่เกิด
ขึ้นเมื่อได้รับผล สำเร็ งตามความมุ่งหมายหรื อเป็ นความรู ้สึกขั้บสุ ดท้าย (End-Stalein Feeling) ที่ได้รับผลสำ
เร็ งตามวัตถุประสงค์
Shelly (อ้างถึงใน อัญจณา วัจนะสวัสดิ์ , 2544, น. 5) ได้ให้ความหมายสรุ ปได้วา่ ความพึงพอใจเป็ น
ความรู ้สึกสองแบบของมนุษย์คือ ความรู้สึกทางบวก ความรู ้สึกทางลบความรู ้สึกทางบวกเป็ นความรู ้สึกที่
เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้เกิดความสุ ข ความสุ ขนั้นเป็ นความรู ้สึกที่แตกต่างจากความรู ้สึกทางบวกอื่น ๆ กล่าว
คือ เป็ นความรู้สึกที่มีระบบย้อนกลับและความสุ ขนี้ สามารถทำให้เกิดความสุ ขหรื อดวามรู ้สึกทางบวกเพิ่ม
ขึ้นได้อีก ดังนั้นจะเห็นได้วา่ ความสุ ขเป็ นความรู ้สึกสลับชับช้อนและความสุ ขนี้ จะมีผลต่อบุคคลมากกว่า
ความรู ้สึกทางบวกอื่น ๆ
7
ความรู้สึกทางลบความรู้สึกทางบวกและความสุ ขมีความสัมพันธ์กนั อย่างสลับชับซ้อนและความ
สัมพันธ์ของความรู้สึกทั้งสามนี้รียกว่าความพึงพอใจโดยความพึงพอใจจะเกิดขึ้นเมื่อระบบความพึงพอใจมี
ความรู ้สึกทางบวกมากกว่าทางลบ
จิตตินนั ท์ เคชะคุปต์ (2544, น. 27) กล่าวว่า "ความพึงพอใจ" ตรงกับภาษาอังกฤษว่า"Satisfacion"
ซึ่ งมีความ หมายโดยทัว่ ไปว่า "ระดับความรู ้สึกในทางบวกของบุคคลต่อสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ง"
Peson (างถึงใน สมสันต์ กางการ, 2547, น. 32) ได้ให้ความหมายว่าความพึงพอใจของลูกค้าคือ การ
ที่สินค้ำหรื อบริ การสามารถเป็ นไปตามความดาดหวังของลูกค้าทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและเมื่อนั้นการ
ซื้ อหรื อการใช้บริ การจะเพิ่มมากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้นและจะบอกไปยังบุคคลใกล้ชิดต่อไป
Kotler (1997, p.192 ) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจว่าเป็ นระดับความรู ้สึกของบุคคลที่เกิด
จากการเปรี ยบเทียบระหว่างการรับรู้คุณค่าที่ ได้รับจากสิ นหรื อบริ การกับความคาดหวังของแต่ละบุคคลก่อน
ที่จะใช้หรื อได้รับสิ นค้าและบริ การนั้น ๆ
สมวงศ์ พงศ์สถาพร (2547, น. 59) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจว่า หมายถึง การประเมิน
สิ นค้าหรื อบริ การนั้น ๆ ว่าได้ตอบสนองความต้องการของตนได้ตามที่คาดหวังไว้หรื อไม่ถา้ ใด้ตามที่คาด
หวังไว้ลูกค้าจะมีความพึงพอใจถ้าไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้ในตอนแรกลูกค้าจะไม่พอใจ (Dissatisfaction)
จากการทบทวนวรรณกรรมแนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจ สามารถสังเคราะห์และ
บูรณาการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ขอบเขดการวิชยั และนิยามได้วา่ ความพึงพอใจจะเกิดได้มากที่สุด
เมื่อทรัพยากรทุกอย่างที่เป็ นที่ตอ้ งการครบถ้วน หรื อให้รับผลสำเร็ งตามความมุ่งหมายซึ่ งส่ งผลให้เกิดความ
รู ้สึกทางบวกเป็ นความรู้สึกที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้เกิดความสุ ข
ทฤษฎีเกีย่ วกับความพึงพอใจ
Millet (อ้างถึงใน พิทกั ษ์ ตรุ ษหิม, 2538: น.33) เป้ าหมายสำคัญของการบริ การคือ การสร้างความ
พอใจในการให้บริ การแก่ประชาชนโดยมีหลักหรื อแนวทางคือ
1. การให้บริ การอย่างเสมอภาค (Equitable Service) หมายถึง ความยุติธรรมในการบริ หารงานภาค
รัฐที่มีฐานคติที่วา่ คนทุกคนเท่าเทียมกันดังนั้นประชาชนทุกคนจะได้รับการปฏิบตั ิอย่างเท่าเทียมกันในแง่มุม
ของกฎหมาย ไม่มีการแบ่งแยกในการกีดกันในการให้บริ การ ประชาชนจะได้รับการปฏิบตั ิในฐานะที่เป็ น
ปั จเจกบุคคลที่ใช้มาตรฐานการให้บริ การเดียวกัน
2. การให้บริ การตรงเวลา (Timely Services) หมายถึง การบริ การจะต้องมองว่าการให้บริ การ
สาธารณะจะต้องตรงต่อเวลาผลการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานภาครัฐจะถือว่าไม่มีประสิ ทธิ ผลเลยถ้าไม่มีการ
ตรงต่อเวลาซึ่ งจะสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชน
8
3. การให้บริ การอย่างเพียงพอ (Ample Service) หมายถึง การให้บริ การสาธารณะต้องมีลกั ษณะมี
จำนวนการให้บริ การและสถานที่ให้บริ การอย่างเหมาะสม (The Right Quantity At The Right Geographical
Location) Millet เห็นว่าความเสมอภาคหรื อการตรงต่อเวลาจะ ไม่มีความหมายเลยถ้ามีจ ำนวนการให้บริ การ
ไม่เพียงพอและสถานที่ต้ งั ที่ให้บริ การสร้างความไม่ยตุ ิธรรมให้เกิดขึ้นแก่ผรู ้ ับบริ การ
4. การให้บริ การอย่างต่อเนื่อง (Continuous Service) หมายถึง การ ให้บริ การสาธารณะเป็ นไปอย่าง
สม่ำเสมอ โดยยึดประโยชน์ของสาธารณะเป็ นหลักไม่ใช้ยดึ ความพอใจของหน่วยที่ให้บริ การว่าจะให้หรื อ
หยุดบริ การเมื่อใดก็ได้
5. การให้บริ การอย่างก้าวหน้า (Progression Service) หมายถึง การให้บริ การสาธารณะที่มีการ
ปรับปรุ งคุณภาพและผลการปฏิบตั ิงานกล่าวคือ การเพิ่มประสิ ทธิ ภาพหรื อความสามารถที่จะทำหน้าที่ได้
มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรเท่าเดิม
จากความหมายของความพึงพอใจตังกล่าวข้างต้นสรู ปได้วา่ ความพึงพอใจเป็ นระดับความรู ้สึกหรื อ
ทัศนคติของบุคคลที่มีต่อสิ่ งใดสิ่ งหนึ่งจากการเปรี ยบเทียบระหว่างการรับรู ้คุณค่าที่ได้รับจากสิ นค้าหรื อ
บริ การกับความดาดหวังของแต่ละบุคคลก่อนที่จะได้บริ การนั้น ๆ โดยความรู ้สึกพึงพอใจจะเกิดขึ้นเมื่อความ
ต้องการของบุคคลได้รับการตอบสนองตามที่คาดหวังไว้หรื อไม่เกิดขึ้นหากความต้องการไม่ได้รับการตอบ
สนองตามที่คาดหวังไว้ในตอนแรก
จากการทบทวนวรรณกรรมทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจสามารถสังเคราะห์และบูรณาการให้
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ขอบเขตการวิจยั และนิยามได้วา่ หลักหรื อแนวทางในการสร้างความพอใจในการ
ให้บริ การแก่ประชาชน ได้แก่ การให้บริ การอย่างเสมอภาค การให้บริ การตรงเวลา การให้บริ การอย่างเพียง
พอ การให้บริ การอย่างต่อเนื่อง และการให้บริ การอย่างก้าวหน้า
ความสำคัญของความพึงพอใจ
วันชัย คำเจริ ญ (2545 , น. 51-52) กล่าวว่า กลยุทธ์การสร้างความพึงพอไจให้กบั ลูกค้าเป็ นเป้ าหมาย
สู งสุ ดของความสำเร็ ง ในการดำเนินงานบริ การเพื่อ ให้ลูกค้าเกิดความรู ้สึกที่ดีและประทับใจในบริ การที่ได้
รับจนติดใจและกลับมาใช้บริ การอีก นำมาซึ่ งความได้เปรี ยบในเชิงการแข่งขันทางการตลาดส่ งผลให้สงั คม
ส่ วนรวมมีคุณภาพที่ดีข้ ึน กล่าวได้วา่ ความพึงพอใจของถูกค้าจึงเป็ นตัวแปรสำคัญในการประเมินคุณภาพ
ของการบริ การ หากกิจการ ใดนำเสนอการบริ การที่ดีมีคุณภาพตรงกับความต้องการตามคาดหวังของลูกค้ามี
ผลทำให้ลูกค้าพึงพอใจต่อบริ การนั้นและมีแนวโน้มจะใช้บริ การช้ำอีกต่อไป คุณภาพการบริ การที่จะทำให้
ถูกค้ำพึงพอใจขึ้นอยูก่ บั ลักษณะการบริ การที่ปรากฎให้เห็น เช่น สถานที่อุปกรณ์เครื่ องใช้และบุคลิกลักษณะ
ของพนักงานบริ การ ฯลฯ ความนำเชื่อถือไว้วางใจของการบริ การความเต็มใจที่จะให้บริ การ
9
ตลอดจบความรู้ความสามารถในการให้บริ การด้วยความเชื่อมัน่ และความเข้าใจต่อผูอ้ ื่นสามารถแบ่งเป็ น 2
ประเด็น ดังนี้
1. องค์การบริ การพยายามค้นหาปัจจัยที่ก ำหนดความพึงพอใจของลูกค้าสำหรับนำเสนอบริ การที่
เหมาะสมเพื่อแข่งขันแย่งชิงส่ วนแบ่งตลาดของธุรกิจบริ การผูร้ ับบริ การย่อมได้รับบริ การที่มีคุณภาพและ
ตอบสนองความต้องการที่ตนคาดหวังไว้ได้
2. การดำเนินชีวิตที่ตอ้ งพึ่งพาการบริ การในหลาย ๆ สถานการณ์ทุกวันนี้ ยอ่ มนำไปสู่ การพัฒนา
คุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วยเพราะการบริ การในหลายค้านช่วยอำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระการตอบ
สนองความต้องการ ของบุคคลด้วยตนเอง
ผูป้ ฏิบตั ิงานบริ การพัฒนาคุณภาพของงานบริ การและอาชีพบริ การซึ่ งเป็ นงานที่ส ำคัญต่อชีวิตของ
คนเราเพื่อให้ได้มาซึ่ งรายได้ในการดำรงชีวิตและการแสดงออกถึงความสามารถในการทำงานให้สำเร็ จลุล่วง
ไปด้วยดีเป็ นที่ยอมรับว่าความพึงพอใจในงานมีผลต่อการเพิ่มประสิ ทธิ ภาพและประสิ ทธิ ผลของงาน ใน
แต่ละองค์การเมื่อองค์การบริ การ ให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจในงานให้กบั ผูป้ ฏิบตั ิงานบริ การ
ทั้งในด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานค่าตอบแทนสวัสดิการและความก้าวหน้าในชีวิตการงาน พนักงาน
บริ การก็ยอ่ มทุ่มเทความพยายามในการเพิ่มคุณภาพมาตรฐานของงานบริ การให้กา้ วหน้ายิง่ ขึ้น ๆ ไป
จิตตินนั ท์ เดชะคุปต์ (2544, น. 21) กล่าวว่า เป้ าหมายสู งสุ ดของความสำเร็ จในการดำเนินงานขึ้นอยู่
กับกลยุทธ์การสร้างความพึงพอใจให้กบั ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู ้สึกที่ดีและประทับใจในการบริ การ
เพราะฉะนั้นการศึกษาความพึงพอใจของลูกค้าจึงเป็ นเรื่ องสำคัญเพราะความรู ้ความเข้าใจในเรื่ องนี้ จะนำมา
ซึ่ งความได้เปรี ยบในเชิงการแข่งขันและเพื่อความก้าวหน้าและเติบโตของธุรกิจ
สรุ ปได้วา่ ความสำคัญของความพึงพอใจเกี่ยวข้องกับความพึงพอไงของผูร้ ับบริ การต่อการบริ การ
และความพึงพอใจในงานของผูป้ ฏิบตั ิงานบริ การซึ่ งนับว่าความพึงพอใจทั้งสองลักษณะมีความสำคัญต่อการ
พัฒนาคุณภาพของการบริ การและการดำเนินงานบริ การให้ประสบผลสำเร็ จเพื่อสร้างและรักยาความรู ้สึกที่ดี
ต่อบุคคลทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการบริ การ
ในการวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ ิจยั ได้น ำแนวติดเกี่ยวกับความพึงพอใจมาใช้เป็ นแนวทางการศึกษาซึ่ งจะเห็นถึง
ความสำคัญของความพึงพอใจเกี่ยวข้องกับความพึงพอไจของผูร้ ับบริ การต่อการบริ การและความพึงพอใจ
ในงานของผูป้ ฏิบตั ิงานบริ การซึ่ งนับว่าความพึงพอใจทั้งสองลักษณะมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพของ
การบริ การและการดำเนินงานบริ การให้ประสบผลสำเร็ จ เพื่อสร้างและรักษาความรู ้สึกที่ดีต่อบุคคลทุกคนที่
เกี่ยวข้องกับการบริ การ จากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับความสำคัญของความพึงพอใจ สามารถ
สังเคราะห์และบูรณาการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ขอบเขตการวิจยั และนิยามได้วา่ การสร้างความพึง
10
พอใจให้กบั ลูกค้ามีความสำคัญต่อองค์กรอย่างมาก เนื่องจากถูกคำคือ สิ่ งที่สำคัญที่สุดที่ท ำให้องค์กรประสบ
ความสำเร็ ง องค์กรจึงจำเป็ นต้องสร้งกลยุทธ์ใบการสร้างความพึงพอใจให้กบั ลูกค้า
แนวคิดคุณภาพของการบริการ
แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกับคุณภาพของอาหาร (Food Quality)
คุณภาพ หมายถึง ระดับหรื อสมบัติของผลิตภัณฑ์เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้วประกอบด้วยความ
ต้องการของผูบ้ ริ โภค ในขณะเดียวกัน ก็เป็ นไปตามมาตรฐานการผลิตที่ท ำให้ผบู ้ ริ โภคเกิดความเชื่อมัน่ ใน
ผลิตภัณฑ์ (อรอุมา วงศางาม, 2556) คุณภาพอาหาร หมายถึง คุณภาพของอาหารและผลิตภัณฑ์อาหาร
ประกอบด้วย คุณภาพ ทางประสาทสัมผัสคุณภาพค้านโภชษาการและคุณภาพด้านความปลอดภัย
อุตสาหกรรมอาหารเป็ น อุตสาหกรรมที่ตอ้ งคำนึงถึงความปลอดภัยของผูบ้ ริ โภคมากเป็ นพิเศษ เนื่องจากมี
ความเสี่ ยงสูงที่จะ ก่อให้เกิดอันตรายต่อผูบ้ ริ โภคอย่างกว้างขวางและรุ นแรงมากกว่าอุดสาหกรรมอีกหลาย
ประเภท เช่น สิ่ งทอ เฟอร์นิเจอร์ เครื่ องประดับ ทั้งนี้เพราะอาหารมีโอกาสก่ออันตรายกับผูบ้ ริ โภคได้ ทั้ง
อันตราย ทางกายภาพ อันตรายทางเคมี และอันตรายทางจุลินทรี ยต์ วั อย่างเช่น อาหารกระป๋ องที่ผา่ นการฆ่า
เชื้อด้วยความร้อนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผบู ้ ริ โภคเสี ยชีวิต เนื่องจากสารพิษของเชื้ อแบค ที่เรี ยคลอสตริ เดียม
โบทูไลนัม (Clostidium Botulinum) หรื อการล้างผักและผลไม้ที่ ไม่สะอาด อาจมีสารพิษ ทางการเกษตร
(Pestiides) เหลือตกค้างจนอาจเป็ นอันตราย เป็ นตัน รวมทั้งสารพิษที่แบคทีเรี ย หรื อเชื้ อราสร้างขึ้น อีกทั้ง
อาหารบางประเภทยังทำให้เกิดการแพ้อาหาร (Food Allergen) กับ ผูบ้ ริ โภคบางราย ซึ่ งมีสถิติเพิ่มสู งขึ้น
คุณภาพของอาหาร หมายถึง ลักษณะใบต้นต่าง ๆ ของอาหารที่มีผลต่อความต้องการของ ผูบ้ ริ โภค
และสอดคล้องกับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด (พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์ และนิธิยา รัตนาปนนท์, 2556)
ประกอบไปด้วย
1. คุณค่าทางโภชนาการ (อรอุมา วงศางาม, 2556) คือ ปริ มาณของสารอาหารต่าง ๆ ที่ประกอบรวม
กันในอาหาร ตัวอย่าง เช่น โปรตีน เป็ นสารประกอบอินทรี ย ์ ซึ่ งเป็ นโพลิเมอร์สายยาวของกรดแอมิใน
(Amino Acid) ในแง่โภชนาการ โปรตีนเป็ นสารอาหาร ที่ให้พลังงาน คือโปรตีน 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี
(Calorie) โปรตีนเป็ นส่ วนประกอบของร่ างกาย ที่มีปริ มาณมากเป็ นอันดับสองรองจากน้ำ โดยเป็ นส่ วน
ประกอบพื้นฐานของเซลล์ของสิ่ งที่มีชีวิตทุกชนิด เช่น เอนไซม์ (Enzyme) ฮอร์โมน ซึ่ งจำเป็ นต่อการทำงาน
และการดำรงชีวิต มีความสำคัญต่อการเจริ ญเติบโตและ การเสริ มสร้างเนื้ อเยือ่ ส่ วนที่สึกหรอของสัตว์ เมื่อรับ
ประทานอาหารที่มีโปรตีนร่ างกายจะย่อยสลายโปรตีนได้เป็ นกรดแอมิโนและกรดแอมิโนที่ร่างกายได้รับ
จากอาหารจะนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ
11
2. คุณลักษณะทางกายภาพ เป็ นคุณภาพที่สมั ผัสรับรู ้ได้ดว้ ยประสาทสัมผัส จึงเรี ยกคุณภาพในแง่น้ ี
ได้เป็ น คุณลักษหกณะเชิงประสาทสัมผัส (Sensory Properties หรื อ Organoleptic Properies) ซึ่ งสามารถแบ่ง
ย่อยได้เป็ น 3 ประเภทด้วยกัน (พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์ และนิธิยา รัตนาปนนท์, 2556) คือ เนื้อสัมผัส
(Texture) เป็ นคุณสมบัติที่ รับรู้ได้ดว้ ยการสัมผัส หรื อรับรู ้จากการขับเคี้ยว เช่น ความเหนียว ความร่ วน และ
ความแข็ง เป็ นต้น กลิ่นรส (Flavor) เป็ นคุณสมบัติที่รับรู ้ได้ตวั ยการดมกลิ่น และชิมรสด้วยลิ้น และสี (Color)
เป็ นคุณสมบัติที่รับรู้ได้ดว้ ยการมองด้วยตา ซึ่ งมี อิทธิ พลต่อความชอบในผลิตภัณฑ์อาหารบางอย่างถ้ามีสีผดิ
เพี้ยนไปจากธรรมชาติกอ็ าจจะถือว่าด้อยคุณภาพ
3. ความปลอดภัยต่อการบริ โภค คือ ความปลอดภัยของอาหารจึงควรเป็ นสิ่ งสำคัญที่สุดเสมอ โดย
ความปลอดภัยต่อการบริ โภค (ยูบิสีเวอร์ฟดู โซคูชนั่ ส, 2556) อันตราย 3 ประเภท คือ
1) อันตรายทางชีวิทยาประกอบด้วยแบดที่เรี ย ปรสิ ต เชื้ อรา และไวรัส ซึ่ งเกิดขึ้นได้ในอาหารที่ผา่ น
การจัดการที่ไม่ดีหรื อผ่านทางการปนเปื้ อนจากแหล่งภายนอก
2) อันตรายทางเดมื คือ สารอันตราช อย่างยาฆ่าแมลงน้ำมันเครื่ องโลหะที่สลายตัวหรื อสารปรุ งแต่ง
อาหารจำนวนมากเกินพอดี อันตราย เหล่านี้อยูใ่ นทุกขั้นตอนของการเตรี ยมอาหาร
3) อันตรายทางร่ างกาย คือ วัตถุต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่ง ของอาหาร และไม่ได้จะทำเป็ นอาหารแต่
เข้าไปอยูใ่ นอาหารได้ดว้ ยสาเหตุบางอย่าง ตัวอย่างเช่น เศย แก้วหรื อโถหะ ไม้จิ้มฟันและเครื่ องประดับ
(ยูมิสีเวอร์ฟดู โชกูชนั่ ส์, 2556)
12
บทที่ 3
วิธีการดำเนินการวิจัย
3.1 วิธีการดำเนินงาน :
รู ปภาพที่ 1 วัตถุดบิ สำหรับแซนวิชทงคัตสึ
13
วิธีทำ
STEP 1 : ทอดทงคัตสึ
รู ปภาพที่ 2 การเตรียมขนมปังห่ อไส้
1. นำ ขนมปั งมากลึงให้บาง
เพื่อเตียมห่อกล้วยและข้าวโพด
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.4.1 แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) ได้ให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามต่อตวาม
พึงพอใจในรสชาติของแซนวิชทงคัตสึ จำนวน 27 ชุด ซึ่ งจะเก็บรวบรวมข้อมูลในแบบสอบถาม
3.4.2 แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) โดยค้นคว้าจากหนังสื อตำราวิชาการ
วิทยานิพนธ์ และผลงานวิจยั โดยใช้ขอ้ มูลเหล่านี้มาใช้ในการกำหนดแนวทางการศึกษาและข้อมูลจากเว็ป
ไซต์ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็ นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม
17
3.4.3 ผูจ้ ดั ทำโครงการแบ่งจำนวนแบบสอบถามตามจำนวนประชากรในหมู่บา้ นโดยแบ่ง
เป็ น 2 สถานที่ คือบ้านเลขที่ 50/2 และสถานที่ออกกำลังกายกลางหมู่บา้ น เพื่อสะกวกต่อการเก็บรวบรวม
ข้อมูลแบบสอบถาม
3.4.4 ผูจ้ ดั ได้รวบรวมข้อมูลตามจำนวนประชากรในหมู่บา้ น โดยรวบรวมผ่าน Google
Form โดยใช้สถิติ ค่าความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานความแตกต่าง
ของคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจ สำหรับการวัดตัวแปรเกี่ยวกับความพึงพอใจในรสชาติของแซนวิชทงคัตสึ
โดยแบ่งระดับความพึงพอใจ ดังนี้
ความพึงพอใจมากที่สุด 5 คะแนน
ความพึงพอใจมาก 4 คะแนน
ความพึงพอใจปานกลาง 3 คะแนน
ความพึงพอใจน้อย 2 คะแนน
ความพึงพอใจน้อยที่สุด 1 คะแนน
ส่ วนเกณฑ์การวัดความพึงพอใจของประชากรในหมู่บา้ นสวัสดิการทหาร โครงการ 1 ได้ใช้
เกณฑ์มาตรฐานเปรี ยบเทียบคะแนนเฉลี่ยที่ค ำนวณ ดังนี้
คะแนนเฉลี่ยน 4.51 – 5 หมายถึง ความพึงพอใจมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ยน 3.51 – 4.50 หมายถึง ความพึงพอใจมาก
คะแนนเฉลี่ยน 2.51 – 3.50 หมายถึง ความพึงพอใจปานกลาง
คะแนนเฉลี่ยน 1.51 - 2.50 หมายถึง ความพึงพอใจน้อย
คะแนนเฉลี่ยน 1.00 - 1.50 หมายถึง ความพึงพอใจน้อยที่สุด
4. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดังนี้
1.สถิติเชิงพรรณนา
สถิติเชิงพรรณนา คือสถิติที่ใช้เพื่ออธิ บาย บรรยาย หรื อสรุ ป ลักษณะของกลุ ่มข้อมูลที่เป็ น
ตัวเลข ที่เก็บรวบรวมมาซึ่ งไม่สามารถอ้างอิงลักษณะประชากรได้ (ยกเว้นมีการเก็บข้อมูลของประซากร
ทั้งหมด) ตัวอย่างสถิติเชิงพรรณนา เช่น การแจกแจงความถี่ การวัดค่ากลางของข้อมูล การวัดการกระจาย
ของ
สถิติที่ใช้ในการวิจยั ครั้งนี้ คือ
18
1. ค่าร้อยละ (Percentage)
f ×100
สูตร P= ∎
เมื่อ P แทน ค่าร้อยละ
f แทน จำนวนหรื อความถี่ที่ตอ้ งการหาค่าร้อยละ
n แทน จำนวนข้อมูลทั้งหมด
2. ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean)
Σx
x=
N
โดย
x = ค่าเฉลี่ย
∑x = ผลรวมของข้อมูลทั้งหมด
N = จำนวนข้อมูลทั้งหมด
√
2 2
n∑ x −( ∑ x )
S.D. =
n ( n−1 )
เมื่อ S.D แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
x แทน ข้อมูลแต่ละจำนวน
x แทน ค่าเฉลี่ยของข้อมูลแต่ละจำนวน
n แทน จำนวนข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง
19
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
การจัดทำโครงการครั้งนี้มุ่งศึกษาเรื่ องการทำแซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้) วิทยาลัยอาชีวศึกษา
สันติราษฎร์ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้ าเพชรรัตนราชสุ ดา สิ ริโสภาพัณณวดี การวิเคราะห์
ข้อมูลและแปลความหมายของผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดังนี้
4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดังนี้
เมื่อ
N แทน ข้อมูลของประชากร
n แทน จำนวนข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง
x แทน ค่าเฉลี่ยของข้อมูลแต่ละจำนวน
S.D แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
4.2 ขั้นตอนการวิเคราะห์ขอ้ มูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลได้น ำเสนอผลตามวัตถุประสงค์ของการศึกษา โดยแบ่งการนำเสนอออกเป็ นส่ วน
ตามลำดับ ดังนี้
ส่ วนที่ 1 : ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ส่ วนที่ 2 : ความพึงพอใจที่มีต่อประสิ ทธิ ภาพของแซนวิชทงคัตสึ
4.3 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ตอนที่ 1 ข้อมูลประชากรศาสตร์ของผูต้ อบแบบสอบถาม
ตาราง 4.1 แสดงจำนวนร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ
รายละเอียด จำนวน ร้อยละ
เพศ
ชาย 9 33.3
หญิง 18 66.7
รวม 27 100
จากตารางที่ 4.1 ผลการวิเคราะห์พบว่าผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่เป็ นเพศหญิง จำนวน 18 คน คิดเป็ นร้อย
ละ 66.7 และเพศชาย จำนวน 9 คน คิดเป็ นร้อยละ 33.3 ตามลำดับ
20
ตาราง 4.2 แสดงจำนวนร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามอายุ
รายละเอียด จำนวน ร้อยละ
อายุ
ต่ำกว่า 18 ปี 2 7.4
อายุ 20 – 30 ปี 15 55.6
อายุ 30 ปี ขึ้นไป 10 37
รวม 27 100
จากตารางที่ 4.2 ผลการวิเคราะห์พบว่า ผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่เป็ นอายุ 20 – 30 ปี
จำนวน 15 คน คิดเป็ นร้อยละ 55.6 ช่วงอายุ 30 ปี ขึ้นไป จำนวน 10 คน คิดเป็ นร้อยละ 37 และอายุต ่ำกว่า
18 ปี จำนวน 2 คนคิดเป็ นร้อยละ 7.4 ตามลำดับ
21
22
ตารางที่ 4.5 ค่าเฉลี่ย และค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจของปั จจัยส่ วนประสมทางการ
ตลาดด้านราคา
ปัจจัยส่ วนประสมทางการตลาด x S.D. ระดับความคิดเห็น
ด้ านราคา
คุณภาพเหมาะสมกับราคา 4.48 0.58 มาก
ปริ มาณเหมาะสมกับราคา 4.52 0.51 มากที่สุด
รวม 4.50 0.48 มาก
23
ตารางที่ 4.7 ค่าเฉลี่ย และค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจปั จจัยส่ วนประสมทางการตลาด
ด้านการส่ งเสริ มการตลาด
ปัจจัยส่ วนประสมทางการตลาด x S.D. ระดับความคิดเห็น
ด้ านการส่ งเสริมการตลาด
การส่ งเสริ มการขาย เช่น ลดราคา แถม 4.48 0.64 มาก
สัง่ จองสิ นค้าล่วงหน้า 4.33 0.78 มาก
รวม 4.41 0.59 มาก
25
3.ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ผลการวิเคราะห์ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดของโครงการแซ
นวิชทงคัตสึ (ผลไม้) โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.31 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.52
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดโดยเรี ยงลำดับจากมากไปหาน้อย พบว่า ค่าเฉลี่ยสู งที่สุดคือด้านแอปพลิเคชัน่ เช่น
Line Facebook IG มีคา่ เฉลี่ย 4.44 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.64 รองลงมาคือด้านเดลิเวอร์รี่เช่น Grab food
, Robinhood มีคา่ เฉลี่ย 4.30 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.67 และน้อยที่สุด คือด้านรับด้วยตัวเอง เช่น
นัดรับสิ นค้ามีค่าเฉลี่ย 4.19 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.79
4. ด้านการส่งเสริ มการตลาด ผลการวิเคราะห์ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดของโครงการแซ
นวิชทงคัตสึ (ผลไม้) โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.41 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.59
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดโดยเรี ยงลำดับจากมากไปหาน้อยพบว่าค่าเฉลี่ยสู งที่สุดคือด้านการส่ งเสริ มการ
ขาย เช่นลดราคา แถม มีคา่ เฉลี่ย 4.48 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.64 และรองลงมาคือด้านสัง่ จองสิ นค้าล่วง
หน้า มีค่าเฉลี่ย 4.33 ค่าส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.78
5.2 ปัญหาและอุปสรรคในการทดลอง
เนื่องจากการนำกล้วยและข้าวโพดมาทอดแบบทงคัตสึ โดยการชุบแป้ งทอดจะทำให้วตั ถุดิบเสี ย
รสชาติ และข้าวโพดไม่สามารถทอดได้โดยตรง ทางผูจ้ ดั ทำจึงนำวัตถุดิบมาห่อด้วยขนมปั งก่อนนำไปชุบไข่
ชุบแป้ งทอด ทำให้ได้รูปร่ างที่สวยงามและรสชาติของวัตถุดิบยังคงอยู่
5.3 ข้ อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความสวยงามมากขึ้นเห็นควรปรับปรุ งกล่องบรรจุภณั ฑ์ให้เหมาะสมกับขนาด
ของผลิตภัณฑ์เพื่อเพิม่ มูลค่าของแซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้)
26
บรรณานุกรม
https://physicslek.wordpress.com/2011/06/14/brief-history-of-tonkats/
https://www.calforlife.com/th/calories/banana
https://www.calforlife.com/th/calories/corn-sweet-yellow-raw
https://food.trueid.net/detail/ykWgQrz4R7Pk
https://www.japankakkoii.com/japanese-food/tonkatsu-recipe/
https://www.google.com/url?
sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=&cad=rja&uact=8&ved=2ahUKEwjdyZH57c_6AhV66jgGHV
JyCsEQFnoECA4QAQ&url=http%3A%2F%2Flibdoc.dpu.ac.th%2Fthesis
%2FSupatra.Kon.pdf&usg=AOvVaw04ozhkXe6siNsBdOriyPdB)
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก.
วัตถุดบิ และขั้นตอนการทำ
วัตถุดบิ สำหรับแซนวิชทงคัตสึ
ขั้นตอนที่ 3 การทอดทงคัตสึ
ขั้นตอนที่ 4 การเตรียมขนมปังปิ้ ง
แบบประเมินผลความพึงพอใจ
เรื่อง โครงงานแซนวิชทงคัตซึ (ผลไม้ )
แบบประเมินผลนี้ ทำขึน้ เพือ่ ประเมินความพึงพอใจของกลุ่มที่ได้ ทดลองชิมแซนวิชทงคัตสึ (ผลไม้ )