Professional Documents
Culture Documents
04-Section B-Work and Energy
04-Section B-Work and Energy
รูปที 3.1
v
พิจารณารูปที% 3.1 แรง F กระทํากับอนุ ภาคมวล m ทํามุม α กับเส้นทางการเคลื%อนทีส% ่งผลให้อนุ ภาค
เคลื%อนทีไ% ปเป็ นระยะทาง ds ดังนันC แรงในทิศการเคลื%อนทีค% อื F = F cosα หากพิจารณาเวกเตอร์ระบุตําแหน่ งของ
t
v v
อนุ ภาค r ไป r′ v
มีการกระจัดคือ dr ขนาดของการกระจัดคือ drv ซึ%งเท่ากับระยะทาง ds ดังนันC งาน dU ที%เกิด
v
จากแรงกระทํา F คือ
dU = ( F cos α ) ds
การคํานวณงาน
1.1) งานจากแรงไม่คงที
จากรูปที% 3.2 งานทีใ% ช้เคลื%อนตําแหน่ งของอนุ ภาค
v
จาก s1 ไป s2 ทีเ% ป็ นผลมาจากแรงกระทํา F คือ
1 v v 2
U = ∫2 F ⋅ dr = ∫1 ( Fx dx + Fy dy + Fz dz )
หรือ
S1
U = ∫S Ft ds เท่ากับ พท. ใต้กราฟ Ft − s (3.1)
2
รูปที 3.2
= PL cosα (3.2)
2
2. ความสัมพันธ์ของงานและพลังงาน (Work and Energy Relation)
พลังงาน (Energy) หมายถึงความสามารถในการทํางานของระบบ แบ่งเป็ น 2 ประเภท ได้แก่
1) พลังงานจลน์ (Kinetic Energy: T ) คือ พลังงานทีเ% กิดจากการเคลื%อนทีข% องอนุ ภาค (อนุ ภาคมีความเร็ว)
และนิยามสมการความสัมพันธ์ของพลลังงานจลน์ คือ
T = 1 mv2 (3.3)
2
พลังงานจลน์ T มีหน่ วยเป็ น จูล (J ) หรือ นิวตันเมตร (N ⋅ m) เครือ% งหมายของพลังงานจลน์จะมีค่าเป็ นบวกเสมอ
2) พลังงานศักย์ (Potential Energy: V ) คือ พลังงานทีเ% กิดจากการเปลีย% นตําแหน่ งของอนุ ภาค เมือ% วัดเทียบ
กับระดับอ้างอิงอยูก่ บั ที% (fixed datum) ตัวอย่างของพลังงานศักย์ เช่น พลังงานศักย์โน้มถ่วง (Gravitational potential
energy) และ พลังงานศักย์ยดื หยุ่นของสปริง (Elastic potential energy)
ความสัมพันธ์ งานและพลังงานจลน์
v v v v
dU = F ⋅ dr = ma ⋅ dr
= mat ds = m v dv
dU = m v dv
หากต้องการทราบงานทีใ% ช้ในการเคลื%อนทีจ% าก
จุด 1 ไป 2 จะต้องทําการอินทิเกรต นันC คือ
2 v v v2
U1−2 = ∫1 F ⋅ dr = ∫v m v dv
1
พิจารณารูปที% 3.4 อนุ ภาคมวล m ทีเ% คลื%อนทีไ% ป สมการที% (3.5) สามารถในรูปของพลังงานจลน์ ได้เป็ น
ตามเส้นทาง (path) จากตําแหน่ ง 1 ไป 2 ภายใต้แรง
v v U1−2 = 1 m( v22 − v12 ) = 1 mv22 − 1 mv12
กระทํ า F งาน dU ที%เ ป็ น ผลมาจากแรงกระทํ า F 2 2 2
ความสัมพันธ์ งานและพลังงานศักย์
1) พลังงานศักย์โน้ มถ่วง (Gravitational Potential Energy: Vg )
รูปที 3.5
v
หมายเหตุ: สมการข้างต้น อนุ ภาคมีการกระจัดเป็ น + ( y2 − y1 ) ซึง. ทิศตรงข้ามกับแรง W (พุ่งลง: − y ) งานทีไ. ด้จงึ มี
เครือ. งหมายเป็ นลบ ดังนัน* หากทิศของการกระจัดเป็ นลบ (พุ่งลง) งานทีไ. ด้จะมีเครือ. งหมายเป็ นบวก
พลังงานศักย์โน้ มถ่วง พิจารณารูปที% 3.5b อนุ ภาคมวล m ทีอ% ยู่ใกล้ผวิ โลกซึง% ถือว่าความโน้มถ่วง g มี
ค่าคงที% อนุ ภาค ณ ตําแหน่ งอ้างอิง (datum) กําหนดให้มคี ่าพลังงานศักย์โน้ มถ่วง Vg = 0 และอนุ ภาคที%อยู่จากระดับ
อ้างอิงเป็ นระยะ h จะมีค่าพลังงานศักย์โน้มถ่วง คือ
Vg = mgh
∆ V g = mg ( h2 − h1 ) = mg ∆ h (3.7)
4
และงานเนือ. งจากนํ*าหนักของการเคลือ. นที . จากระดับ h ไป h คือ 1 2
U 1− 2 = − mg ( h2 − h1 ) = − mg ∆h (3.8)
จากสมการที% (3.7) และ (3.8) จะพบว่า งานเนือ. งจากนํ* าหนักของอนุ ภาคกับการเปลีย. นแปลงพลังงานศักย์
โน้มถ่วงจะมีขนาดทีเ. ท่ากันแต่ทศิ ทางตรงกันข้ามเสมอ
รูปที 3.6
5
และงานเนือ. งจากแรงดึงดูดของโลกของการเคลือ. นที . ทีส% งู ขึนC จากระดับ r1 ไป r2
U1−2 =− mgR 2 1 − 1 (3.10)
r1 r2
จากสมการที% (3.9) และ (3.10) จะพบว่า งานเนือ. งจากนํ* าหนักของอนุ ภาคกับการเปลีย. นแปลงพลังงานศักย์
โน้มถ่วงจะมีขนาดทีเ. ท่ากันแต่ทศิ ทางตรงกันข้ามเสมอ
รูปที 3.7
งานเนื องจากแรงสปริ งที กระทําต่ ออนุภาค พิจารณารูปที% 3.7 อนุ ภาคถูกยึดติดทีป% ลายด้านหนึ%งของสปริง
ยืดหยุ่นเชิงเส้น (Linear elastic spring) ทีม% คี ่าคงทีค% วามเข็งตัวของสปริง (spring stiffness, k ) หากเลื%อนตําแหน่ ง
อนุ ภาคออกไปจากตําแหน่ งดุลเป็ นระยะ x ดังรูป 3.7b จะส่งผลให้สปริงหยุบตัวหรือยืดออกเป็ นระยะ x เช่นกัน หาก
พิจารณาที%อนุ ภาค จะพบว่ามีแรงกระทําจากสปริงทีม. ที ศิ ตรงข้ามกับการกระจัดของอนุ ภาค ซึ%งแรงสปริงที%กระทําต่ อ
v v
อนุ ภาคเป็ น F = − kx i (เครื%องหมายลบ คือทิศของแรงจากสปริงกระทําต่ออนุ ภาคจะตรงข้ามกับทิศการกระจัดของ
อนุ ภาค ในทุกกรณี (ยุบตัวและยืดออก)) ดังนันC งานเนือ. งจากแรงกระทําของสปริงต่ออนุ ภาคจะมีเครือ. งหมายเป็ น ลบ
(negative work) ในทุกกรณีเช่นกัน นันC คือ
2 v v x v v 1
U1−2 = ∫1 F ⋅ dr = ∫x ( −kx i ) ⋅ dx i = −∫x kx dx = − k ( x22 − x12 )
x
2 2
(3.11)
1 1 2
6
ดังนันC หากอนุ ภาคติดสปริงเคลื%อนทีจ% ากจุด x1 ไป x2 การเปลีย. นแปลงพลังงานศักย์ยดื หยุน่ คือ
(
∆Ve = 1 k x22 − x12
2 ) (3.12)
(
U1− 2 = − 1 k x22 − x12
2 ) (3.13)
7
ประสิ ทธิ ภาพของเครืองจักรกล (Mechanical Efficiency: em ) คือ อัตราส่วนของกําลังงานเชิงกลทีไ. ด้
จากเครือ. งจักร ต่อกําลังงานเชิงกลทีใ. ห้กบั เครือ. งจักร ดังนันC สมการความสัมพันธ์ของกําลัง คือ
power output Poutput
em = = (3.10)
power input Pinput
ประสิ ทธิ ภาพเชิ งรวม (Overall Efficiency: e) เครื%องจักรหนึ%งมีการสูญเสียทางกล (Mechanical loss) มี
การสูญเสียเชิงไฟฟ้า (Electrical loss) การสูญเสียเชิงความร้อน (thermal loss) ซึ%งในแต่ ละส่ว น
ประสิทธิภาพเป็ น em , ee , et ตามลําดับ ดังนันC ประสิทธิภาพเชิงรวมของเครือ% งจักร คือ
e = em ee et (3.11)
S2
8
ส่วนที 1.1 ตัวอย่าง Section B: Work and Energy (วิ เคราะห์จากสมการ T1 + U1−2 = T2 )
วิ ธีทาํ
1) เขียน FBD ของแรงทีก% ระทําต่อมวล 50 kg
โดยที% [U1−2 = Fs ]
9
วิ ธีทาํ
1) เขียน FBD ของแรงทีก% ระทําต่อกล่องมวล 80 kg
2) หาความเร่งของรถบรรทุก (เป็
เป็ นกรณีความเร่งคงที)% จากนันC หาแรงทีก% ระทําต่อกล่องจากความเร่งนีC
v 2 = v02 + 2a ( s − s0 ) → ( 72 / 3.6 ) = 02 + 2a ( 75 − 0 ) → a = 2.67 m / s 2 #
2
แรงทีก% ระทําต่อกล่อง
F = m a = (80 kg )(2.67 m / s 2 ) = 213 N #
3) ตรวจสอบว่ากล่องเลื%อนไถลหรือไม่ (พิจารณาการใช้ สปส. แรงเสียดทาน) จากนันC หาขนาดแรงเสียดทาน และ
งานจากแรงเสียดทานทีก% ระทําต่อกล่อง
Case a): µ s = 0.3, µ k = 0.28
F f ,max = µ s N = 0.3(80)(9.8 1) = 235 N > 21 3 N ( n o sl ip )
กรณี No slip: แรงเสียดทาน = แรงกระทําภายนอก ดังนันC F f = F = 213 N
Work done by friction : [U = Fs ] → F f s = ( 213 N )( 75 m ) = 16 kJ Ans
10
วิ ธีทาํ
1) เขียน FBD ของแรงทีก% ระทําต่อกล่องมวล 50 kg
1 mv2 +U = 1 mv2
[T1 + U 1− 2 = T2 ] 2 1 1−2
2 2
(1)
2 2
(
U1−2,Cable = Fscable = 300 1.22 − 0.92 − 0.9 = 180 J )
แทนค่า U1−2, Spring = −80.0 J และ U1− 2, Cable = 180 J ใน (1) จะได้
หมายเหตุ: จะพบว่างานจากแรงสปริงเครือ. งหมายเป็ นลบ นัน* เป็ นเพราะทิศของแรงสปริงทีก. ระทําต่ออนุ ภาคมีทศิ ตรง
ข้ามกับทิศการกระจัดของอนุ ภาค เสมอ
11
วิ ธีทาํ
a. หา สปส. แรงเสียดทานจลน์ : µ k
1) เขียน FBD ของแรงทีก% ระทําต่อท่อนซุง (log) มวล 360 kg
12
วิ ธีทาํ
1) เขียน FBD ของแรงทีก% ระทําต่อดาวเทียมมวล m
1 v2 + gR2 1 − 1 = 1 v2 ⇒ v2 = v2 + 2 gR2 1 − 1
2 1 R+h R+h 2 2 2 1 R+h R+h
2 1 2 1
2
2
⇒ v22 =
30,000
+ 2 ( 9.81) ( 6,371×103 ) 1 − 1
3
3.6 ( 6,371 + 1, 200 ) ×10 ( 6,371 + 500 ) ×10
3
13
ส่วนที 1.2 ตัวอย่าง Section B: Work and Energy (วิ เคราะห์จากสมการ “อนุ
“ รกั พลังงาน”)
วิ ธีทาํ
1) กําหนดระดับอ้างอิงแนวระดับ (กํ
( าหนด อยูใ่ นแนวจุดที% 1)
2) หา v2 จากสมการอนุ รกั ษ์พลังงาน
(Conservation of energy equation) นันC คือ
1 mv2 + mgh + 1 kx2 + U ′ = 1 mv2 + mgh + 1 kx2 → (1)
1−2
2 1 1 2 1 2 2 2 2 2
( )
2
1 350 0.6 2 = 1 3v 2 + 3(9.81)(−0.6) + 1 350
2
( ) 2 2 2
0.62 + 0.62 − 0.6
69.849 = 1 3v22
2
v2 = 6.824 m / s Ans
14
วิ ธีทาํ
1) กําหนดระดับอ้างอิงแนวระดับ (กํ
( าหนด อยูใ่ นแนวกับจุดที% A)
2) หา v2 หรือ vC จากสมการอนุ รกั ษ์พลังงาน
(Conservation of energy equation) นันC คือ
1 mv2 + mgh + 1 kx2 +U ′ = 1 mv2 + mgh + 1 kx2 → (1)
1−2
2 1 1 2 1 2 2 2 2 2
ตําราอ้างอิ ง
[1] Meriam J. L., and Kraige L. G. “Engineering Mechanics: Dynamics,” 6th Ed., John Wiley and Sons, Inc,
Inc 2007.
15
แบบฝึ กหัดท้ายบท
รายวิชา
พลศาสตร์วิศวกรรม
[ENGINEERING DYNAMICS]
โดย
วิทรู ย์ เห็มสุวรรณ
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
แบบฝAกหัดทBายบท Section B: Work and Energy
ขBอที่ 1 ([1] Problems 3/103)
1
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 3 ([1] Problems 3/105)
2
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 5 ([1] Problems 3/110)
3
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 7 ([1] Problems 3/114)
4
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 9 ([1] Problems 3/130)
5
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 11 ([1] Problems 3/143)
6
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 13 ([1] Problems 3/147)
7
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 15 ([1] Problems 3/155)
8
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 17 ([1] Problems 3/165)
9
425203/525203 พลศาสตรวิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
Ch3: Kinetics of Particles, Section B: Work and Energy
ลําดับที่…../……..ที่นั่ง Zone:……………ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
ขBอที่ 19 ([1] Problems 3/168)
ตําราอ้างอิ ง
[1] Meriam J. L., and Kraige L. G. “Engineering Mechanics: Dynamics,” 6th Ed., John Wiley and Sons, Inc, 2007.
10