Professional Documents
Culture Documents
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่อ902 - 2560
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่อ902 - 2560
902/2560
ระหว่าง
อธิบดีกรมบัญชีกลาง ที่ 1
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ 2
ผู้อํานวยการโรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี
จึ ง ได้ รั บ ความคุ้ ม ครองตามกฎหมายจึ ง ต้ อ งคื น เฉพาะส่ ว นที่ ยั ง มี เ หลื อ อยู่ ใ นขณะที่ ถู ก เรี ย กคื น เท่ า นั้ น
ประกอบกับการที่ผู้ฟ้องคดีได้รับเงินเกินสิทธิไปในระยะเวลาประมาณ 16 ปีแล้ว ซึ่งได้ใช้จ่ายในการเลี้ยงชีพ
ประจําวันและอุปการะบุตร จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีไม่มีเงินซึ่งได้รับไว้เป็นลาภมิควรได้ที่ยังมีอยู่ในขณะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
มีหนังสือเรียกคืนเงินดังกล่าวแต่อย่างใด การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีหนังสือที่ สท 0027.202/2738 ลงวันที่
10 กรกฎาคม 2555 เรียกเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญคืนจากผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนหนังสือของผู้ฟ้องคดีที่ 1 ที่ กค 0420.9/21007 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2554 ที่แจ้งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
เกี่ยวกับการงดจ่ายเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ (ช.ค.บ.) ให้แก่ผู้ฟ้องคดี หนังสือ ที่ กค 0420.9/08789
ลงวันที่ 18 มีนาคม 2555 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 2 เรียกเงินคืนจากผู้ฟ้องคดี และหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
ที่ สธ 0201.023/2738 ลงวันที่ 17 เมษายน 2555 ที่แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เรียกเงินคืนจากผู้ฟ้องคดี
เป็นเพียงหนังสือภายในของฝ่ายปกครอง ซึ่งยังมิได้มีผลโดยตรงต่อผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด
ผู้ฟ้องคดียื่นอุทธรณ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ยื่นคําแก้อุทธรณ์
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยประเด็นว่า ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลปกครองมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ที่ สท 0027/2738 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 หรือไม่
เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นทายาทของนายภูมิ สรวงยานนท์ ผู้เสียชีวิต ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงได้พิจารณาสั่งจ่ายเงิน
ช.ค.บ. ให้แก่ผู้ฟ้องคดี แต่ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ตรวจสอบการจ่ายเงินดังกล่าวจึงพบว่าผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิ
ได้รับเงิน ช.ค.บ. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 จึงได้มีหนังสือที่ สท 0027.202/2738 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2555
แจ้ ง ให้ ผู้ ฟ้ อ งคดี นํ า เงิ น 268,551.13 บาท ที่ ผู้ ฟ้ อ งคดี ไ ด้ รั บ เกิ น สิ ท ธิ ไ ปคื น คลั ง หนั ง สื อ ดั ง กล่ า ว
ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เป็นเพียงการแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีคืนเงินที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิจึงเป็นเพียงหนังสือทวงถาม
ให้ชํ า ระเงิน ไม่ม ีลั ก ษณะที่ แสดงให้ เห็ นว่ าผู้ ออกหนั งสื อมี เจตนาให้ หนั งสื อดั งกล่ าวเป็ นคํ าสั่ งทางปกครอง
ตามมาตรา 5 แห่ งพระราชบั ญญั ติ วิ ธี ป ฏิ บั ติ ร าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่ งหากผู้ ฟ้ องคดี เห็ นว่ า
การดําเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีก็ชอบที่จะปฏิเสธหรือเพิกเฉย
ไม่ชําระหนี้ดังกล่าวได้ ผู้ฟอ้ งคดีจึงไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหาย
โดยมิ อ าจหลี ก เลี่ ย งได้ ผู้ ฟ้ อ งคดี จึ ง ไม่ มี สิ ท ธิ ฟ้ อ งคดี ใ นข้ อ หานี้ ต่ อ ศาลได้ ต ามมาตรา 42 วรรคหนึ่ ง
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 การที่ศาลปกครองชั้นต้น
วินิจฉัยว่าหนังสือที่ สท 0027.202/2738 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 มีลักษณะเป็นคําสั่งทางปกครอง
แล้วรับคําฟ้องไว้พิจารณาและวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าผู้ฟ้องคดีไม่มีเงินเหลืออยู่จากการที่รับไว้เกินสิทธิแล้ว
มี คํ า พิ พ ากษาให้ เ พิ ก ถอนหนั ง สื อ ของผู้ ถู ก ฟ้ อ งคดี ที่ 3 จึ ง ไม่ ต้ อ งด้ ว ยความเห็ น ของศาลปกครองสู ง สุ ด
ส่ ว นประเด็ น ที่ ผู้ ฟ้ อ งคดี อุ ท ธรณ์ ว่ า หนั ง สื อ ของผู้ ถู ก ฟ้ อ งคดี ที่ 1 ที่ กค 0420.9/21007 ลงวั น ที่
21 กรกฎาคม 2554 แจ้ ง ให้ ผู้ ถู กฟ้ อ งคดี ที่ 2 เกี่ ย วกั บ การงดจ่ า ยเงิ น ช.ค.บ. ให้ แ ก่ ผู้ ฟ้อ งคดี หนั ง สื อ
ที่ กค 0420.9/08789 ลงวั นที่ 18 มีนาคม 2555 แจ้งให้ผู้ถู กฟ้ องคดี ที่ 2 เรียกเงินคื นจากผู้ ฟ้องคดี
และหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ สธ 0201.023/3984 ลงวันที่ 17 เมษายน 2555 แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
เรียกเงินคืนจากผู้ฟ้องคดีมีผลกระทบต่อสถานะภาพของสิทธิและหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคําสั่งทางปกครองนั้น
เห็นว่า หนังสือดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือภายในของฝ่ายปกครองหาได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิ
หรื อ หน้ า ที่ ข องผู้ ฟ้ อ งคดี โ ดยตรงไม่ หนั ง สื อ ดั ง กล่ า วจึ ง ไม่ มี ลั ก ษณะคํ า สั่ ง ทางปกครองตามมาตรา 5
แห่งพระราชบัญ ญั ติวิธีปฏิ บัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิท ธิฟ้องให้ เพิกถอนได้
ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
ปัญหาที่ศาลปกครองสู งสุ ดวินิจฉัยในประเด็นต่อมาว่า ผู้ฟ้องคดีมีสิท ธิไ ด้รั บเงิน ช.ค.บ.
หรือ ไม่ เห็น ว่า เมื่อ ขณะที่ก่อ ให้เ กิด สิท ธิใ นการรับ บํา นาญพิเ ศษของผู้ฟ้อ งคดีใ นฐานะทายาทโดยธรรม
ของนายภูมิ สรวงยานนท์ นั้น ผู้ฟ้องคดีได้รับราชการมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2523 จึงต้องด้วยมาตรา 5
-๔-
2
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.262/2552 วินิจฉัยว่า หนังสือเรียกให้คืนเงินเดือน เงินค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายในการ
เดินทางไปราชการที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี มิใช่เป็นการใช้อํานาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่ง
ทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แต่เป็นการใช้สิทธิเรียกเงินที่ได้รับเกินสิทธิ
หนังสือดังกล่าวจึงเป็นเพียงหนังสือทวงถามให้ชําระเงินเท่านั้น
3
คําสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ 352/2550 วินิจฉัยว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหาสาระสํา คัญของหนังสือที่ผู้ฟ้องคดีเรียกเงิน
ประจําตําแหน่งคืน เป็นเพียงหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้ผู้ถูกฟ้องคดีนําเงินประจําตําแหน่งมาคืนเท่านั้น ไม่มีการกําหนดระยะเวลาให้ใช้เงินคืน
ภายในระยะเวลาเมื่อใด จึงมิใช่คําสั่งทางปกครองซึ่งกําหนดให้ผู้ใดชําระเงินแก่ผู้ฟ้องคดีอาจใช้มาตรการทางปกครองได้ตามมาตรา 57
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
4
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2559 วินิจฉัยว่า โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองฟ้องขอให้จําเลยคืนเงินเบี้ยหวัด เงินบํานาญ
เงินบําเหน็จ เงินบําเหน็จดํารงชีพ และ ช.ค.บ. ที่ได้รับเกินสิทธิแก่โจทก์ จึงเป็นกรณีที่รัฐฟ้องคดีโดยใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่อดีตข้าราชการ
ของตนในฐานะเอกชนคนหนึ่งซึ่งไม่เข้าหลักเกณฑ์ของคดีพิพาทเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อตามคําฟ้องของโจทก์
ไม่เข้าลักษณะคดีพิพาทอันอยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองต้องใช้สิทธิฟ้องเรียกเงินคืนจากจําเลยต่อศาลยุติธรรม
ซึ่งเป็นศาลที่มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอํานาจของศาลอื่น
-๖-
จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินฟ้องเรียกทรัพย์สินที่จําเลยได้เบิกไปโดยไม่ชอบ โจทก์ในฐานะเจ้าของ
ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามมาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกําหนดอายุความ กรณีไม่ใช่ฟ้องเรียกให้คืนทรัพย์
ตามลักษณะลาภมิควรได้ จึงนําอายุความตามมาตรา 419 มาใช้บังคับไม่ได้ ซึ่งต่างกับคําพิพากษาศาลฎีกา
ที่ 4905 - 4927/2545 ที่พิพากษาว่า การที่โจทก์จ่ายค่าชดเชยให้แก่จําเลยโดยเข้าใจว่าจําเลยมีสิทธิ
ได้รับตามข้อบังคับการบินพลเรือนว่าด้วยสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับค่าชดเชยของพนักงาน พ.ศ. 2539 ทั้งที่แท้จริงแล้ว
จํ า เลยไม่ มี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ ค่ า ชดเชยเพราะข้ อ บั ง คั บ ดั ง กล่ า วไม่ ไ ด้ รั บ ความเห็ น ชอบจากกระทรวงการคลั ง
และขั ด ต่ อ พระราชกฤษฎีก าจัด ตั ้ง สถาบัน การบิน พลเรือ น พ.ศ. 2535 มาตรา 38 ไม่ม ีผ ลใช้บ ัง คับ
จึง เป็น การได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใดเพราะการที่โจทก์กระทําเพื่อชําระหนี้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
และเป็นทางทําให้โจทก์เสียหาย โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องให้จําเลยคืนค่าชดเชยที่รับมาให้แก่โจทก์
ฐานลาภมิควรได้ตามมาตรา 406 กรณีดังกล่าวมิใช่จําเลยเอาทรัพย์ของโจทก์มายึดถือไว้โดยโดยไม่มีสิทธิ
โจทก์จึงไม่อาจใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์สินของตนคืนได้ตามมาตรา 1336 เมื่อพิจารณาจากคําพิพากษาศาลฎีกา
ทั้งสองฉบับนี้ ศาลฎีกาได้วางแนวทางในการวินิจฉัยเท่านั้น 8 ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างการติดตามเอาทรัพย์คืน
ตามมาตรา 1336 และการเรียกเอาทรัพย์คืนฐานลาภมิควรได้ตามมาตรา 406 ใกล้เคียงกันมากในการให้เหตุผล
ที่ปรากฏในคําพิพากษา แต่ผลของคําพิพากษาย่อมมีความแตกต่างกันในเรื่องของระยะเวลาการใช้สิทธิติดตามเอาคืน
8
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 3624/2551 วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้จําเลยคืนเงินค่าเช่าบ้านที่จําเลยเบิกไปโดยจําเลยไม่มีสิทธิเบิก
จากทางราชการตาม พ.ร.ฎ. ค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ.2527 มาตรา 7 (1) อันเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายให้จําเลยและจําเลยก็ไม่มีสิทธิ
รับเงินดังกล่าว แต่จําเลยรับไปโดยสุจริตเข้าใจว่า ตนมีสิทธิที่จะเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามกฎหมาย การที่จําเลยรับเงินไปจากโจทก์จึงเป็นการได้มา
โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องเรียกทรัพย์คืนในฐานลาภมิควรได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 จึงอยู่ในบังคับกําหนดอายุความตามมาตรา 419 ที่โจทก์ต้องใช้สิทธิฟ้องร้องเรียกคืน
จากจําเลยภายใน 1 ปี นับแต่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน