Professional Documents
Culture Documents
Atterberg Limits - กลุ่ม5 - Sec1
Atterberg Limits - กลุ่ม5 - Sec1
การทดลองที่ 4
เรื่อง การทดสอบหาพิกัดอัตเตอร์เบริก (Atterbreg Limits)
วิชา Soil Mechanics Laboratory
รหัสวิชา 010813303
จัดทาโดย
นางสาวปรมาภรณ์ หรรษาวงศ์ รหัสนักศึกษา 6201081630032
นายพิสิษฐ์ แซ่เฮ้ง รหัสนักศึกษา 6201081630041
นางสาวธัญสุดา สอนรอด รหัสนักศึกษา 6201081631021
นายนิติพล ศิริ รหัสนักศึกษา 6201081631039
นายพลวัต พงษ์ยินดี รหัสนักศึกษา 6201081631047
นางสาวสายชล ศรีแสงขอด รหัสนักศึกษา 6201081631055
นายสิรภพ คาโตนด รหัสนักศึกษา 6201081631063
กลุ่ม 5 Sec. 1
นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมโยธา ปีที่3
คณะวิศวกรรมศาสตร์
อาจารย์ที่ปรึกษา
ศ.ดร.พิทยา แจ่มสว่าง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
ก
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทาขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา SOIL MECHANICS LABORATORY เพื่อทดสอบหา
พิกัดอัตเตอร์เบริก (Atterbreg Limits) โดยได้ศึกษาผ่านการลงมือปฎิบัติจริง และหาข้อทางมูลทฤษฎีจากแหล่ง
เรียนรู้ต่างๆเช่น Textbook ตารา หนังสือ โดยรายงานเล่มนี้ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับ วัตถุประสงค์ ตัวอย่างดิน
อุปกรณ์ หลักการของวิธีการตกตะกอน การคานวณ ขั้นตอนการทดลอง ผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง
วิจารณ์ผลการทดลอง และตัวอย่าง รายการคานวณ
ทางคณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทารายงานฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ และจะ
ศึกษาเกี่ยวกับการทดสอบหาพิกัดอัตเตอร์เบริก (Atterbreg Limits) เป็นอย่างดี
คณะผู้จัดทา
ข
สำรบัญ
เนื้อเรื่อง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข
วัตถุประสงค์ 1
ทฤษฎีและหลักการ 1
ตัวอย่างดิน 6
อุปกรณ์ 6
การทดสอบ 10
การคานวณค่าพิกัด Atterberg 19
ผลการทดลอง 20
สรุปผลการทดลอง 22
วิจารณ์ผลการทดลอง 22
ตัวอย่างรายการคานวณ 23
เอกสารอ้างอิง 23
1
กำรทดลองที่ 4
กำรทดสอบหำพิกัดอัตเตอร์เบริก
(Atterbreg Limits)
1.วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อหาค่า พิกัดกัดเหลว (Liquid limit LL) และ พิกัดพลาสติค (Plastic limit PL) ตามมาตรฐาน
ASTM D 4318 และเพื่อหาค่าพิกัดหดตัว (Shrinkage limit SL) ตามมาตรฐานASTM D 427
2.ทฤษฎีและหลักกำร
2.1 บทนำ
พฤติกรรมทางวิศวกรรมของดินเม็ดละเอียด (fined-grained soils) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอื่นๆมากกว่า
ลักษณะการกระจายขนาดของเม็ดดิน ปัจจัยหลักได้แก่ ส่วนประกอบของแร่ส่วนประกอบ และ ปริมาณความชื้นที่
มีอยู่ในดิน การทดสอบหาค่าพิกัดเหลว พิกัดพลาสติค และ พิกัดหดตัว เป็นการแสดงถึงผลกระทบของปริมาณ
ความชื้นที่มีต่อดินเม็ดละเอียดเพื่อประเมินส่วนประกอบของแร่และคุณสมบัติทางวิศวกรรม
2.2 ปริมำณควำมชื้น
ดินประกอบไปด้วยส่วนที่อนุภาคที่เป็นของแข็ง ซึ่งมีช่องว่างอยู่ระหว่างอนุภาคที่อยู่ติดกันโดยทั่วไป
ช่องว่างนี้ถูกเติมเต็มด้วยอากาศและน้า ปริมาณความชื้น (w) ของดินคานวณได้
จากสมการที่1
𝑤𝑤
𝑤= × 100% (1)
𝑤𝑠
เมื่อ
𝑤𝑤 คือ น้าหนักของน้าที่หายไปจากดินด้วยการอบให้แห้งที่อุณหภูมิ 105 ℃ ถึง 110 ℃ เป็นเวลา 24
ชั่วโมง
𝑤𝑠 คือ น้าหนักของดินแห้ง
การอบดินให้แห้งนั้นเป็นการทาให้น้าหายไปจากมวลดินอย่างสมบูรณ์ ซึ่งปราศจากการสูญหายไปของแร่
ดินเหนียว อนุภาคของดินที่เป็นแร่ดินเหนียวซึ่งมีรูปร่างเป็นแผ่นขนาดเล็กกว่า 0.002 mm ตางรางที่ 1 แสดง
ลักษณะทั่วไปของแร่ดินเหนียว 3 ชนิดได้แก่ Montmorillonite Illite และ Kaoliniteน้าที่อยู่รอบๆอนุภาคของแร่
ดินเหนียวแบ่งออกเป็น 3 ชนิดดังนี้
1. น้าดูดซับ (Adsorbed water) ถูกยึดเกาะบนผิวของอนุภาคดินเหนียวโดยแรงดึงดูดทางไฟฟ้า และอยู่
ในสถานะของแข็ง ชั้นน้าชั้นนี้มีความหนาประมาณ 0.0005 µm ซึง่ ไม่สามารถเอาออกโดยการอบให้
แห้งที่อุณหภูมิ 110 ℃ ได้ และสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นสวนหนึ่งของอนุภาคดินเหนียว
2. น้าที่มีองค์ประกอบทางเคมี (Chemically combined water) อยู่ในรูปแบบของน้าที่มีโครงสร้างเป็น
ผลึก หรือเรียกว่า ชั้นน้าสองชั้น (double layer) โดยความหนาของน้าชั้นนี้ขึ้นอยู่กับ แร่ดินเหนียว
ชนิด และความเข้มข้นของไอออนในน้า รูปที่ 1 แสดงอนุภาคของดินเหนียว Kaolinite
3. น้าอิสระ (Free water) เป็นชั้นน้าที่ยึดเกาะกันไม่แน่นเมื่อเทียบกับ ชั้นน้าสองชั้น และชั้นน้าดูดชับ ดัง
น้าจึงสามารถเอาออกจากมวลดินได้ด้วยการ ระบายน้าออก ตากให้แห้งในอากาศ หรือ อบให้แห้ง
รูปที่ 2 การเปลี่ยนแปลงความเหนียวของดินเม็ดละเอียดตามปริมาณความชื้น
4
PI = 0.9(LL-8) (4)
𝑤 − 𝑃𝐿 𝑤 − 𝑃𝐿
𝐿𝐼 = = (5)
𝐿𝐿 − 𝑃𝐿 𝑃𝐼
รูปที่ 3 แผนภูมิความเหนียว
6
รูปที่ 4 ตาแหน่งของแร่ดินเหนียวบนแผนภูมิความเหนียว
3.ตัวอย่ำงดินที่ใช้ในกำรทดสอบ
3.1 ตัวอย่างดินเม็ดหยาบ (ดินลูกรัง) ที่ผ่านตะแกรงเบอร์ 40
3.2 ตัวอย่างดินเหนียวไม่ต้องร่อนผ่านตะแกรง สามารถใช้ดินสภาพดินตามธรรมชาติได้เลย
4.อุปกรณ์
4.1 กำรทดสอบหำค่ำพิกัดเหลว (Liquid limit, LL)
4.1.1 เครื่องมือเคาะดิน (Mechanical device)
4.1.2 มีดปาดร่องดิน (Grooving tool)
4.1.3 มีดคลุกดิน (Spatula)
4.1.4 ถ้วยผสมดิน
4.1.5 ตาชั่งละเอียด 0.01g
4.1.6 ตู้อบดิน
4.1.7 ตะแกรงเบอร์ 40
4.1.8 ขวดบีบน้า
4.1.9 กระป้องสาหรับหาค่าปริมาณความชื้น
7
8
5. ขั้นตอนกำรทดลอง
5.1 กำรทดสอบหำค่ำพิกัดเหลว (Liquid limit, LL)
5.1.1 ทาการสอบเทียบเครื่องมือเคาะดิน โดยการปรับตั้งระยะตกของก ระทะที่จุดสัมผัสฐานให้ระยะ
10 มม. โดยใช้แท่งวัดที่ติดอยู่กับปลายมีดปาดร่องดินสอดเข้าไปใต้กระทะ โดยปรับที่ยึดกระทะเข้า
ออกจนผิวใต้กระทะสัมผัสแตะแท่งวัดพอดี หลังจากนั้นขันสกรูให้แน่น ดังรูปที่ 8
รูปที่ 8 การสอบเทียบเครื่องมือเคาะดิน
11
รูปที่ 5 การใส่ตัวอย่างดินในกระทะเครื่องมือเคาะดิน
13
5.1.5 ใช้มีดปาดร่องดินในกระทะให้เป็นร่องดินตรงกลางโดยปาดให้มีดปาดร่องดินอยู่ในตาแหน่งตั้งฉาก
กับผิวกระทะ แล้วปาดร่องดินเข้าหาตัว ดังรูปที่ 6
รูปที่ 6 การปาดร่องดิน
รูปที่ 7 ลักษณะของดินมาบรรจบกัน
14
รูปที่ 8 การหาค่าพิกัดเหลว
16
รูปที่ 9 การทดสอบหาค่าพิกัดพลาสติคโดยการปั้นดินเป็นเส้น
รูปที่ 10 รอยแตกของดินที่พิกัดพลาสติค
17
รูปที่ 11 การหาปริมาณความชื้นจากการทดสอบพิกัดพลาสติค
5.3.5 ทาการหาปริมาตรของดินแห้งโดยการนาปรอทใส่ในถ้วยแก้วหาปริมาตรจนเต็มให้ทาการชั่งน้าหนัก
ของปรอทและถ้วยหาปริมาตร หลังจากนั้นนาถ้วยไปวางบนถ้วยกระเบื้องเพื่อเก็บปรอทที่ล้น
ดังรูปที่ 12
5.3.6 นาดินแห้งวางบนถ้วยปริมาตรซึ่งดินแห้งจะลอยอยู่บนปรอทหลังจากนั้นใช้แผ่น 3 ขา กดตัวอย่าง
ดินแห้งให้จมลง ปรอทที่มีปริมาตรเท่ากับดินแห้งจะล้นออกมาในถ้วยกระเบื้อง ให้ทาการชั่งน้าหนัก
ของถ้วยหาปริมาตรกับปรอทที่เหลือ
รูปที่ 12 การหาปริมาตรดินแห้งในการทดสอบพิกัดหดตัว
19
6. กำรคำนวณค่ำพิกัด Atterberg
6.1 Liquid limit = ปริมาณความชื้นที่ทาให้ดินเข้ามาบรรจบกันเป็นระยะ 13 มม. ที่จานวนครั้งการ
เคาะ 25 ครั้ง (รูปที่ 8)
6.2 Plastic limit = ปริมาณความชื้นที่ทาให้ดินเกิดการปริแตกที่เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.2 มม.
6.3 Shinkage limit = ปริมาณความชื้นของดินที่ดินไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรอีกต่อไป
7. ผลกำรทดลอง
ผลการทดลองประกอบตารางการหาค่าพิกัด Atterberg
20
5.00
0.00
LOG SCALE
10 100
NUMBER OF BLOWS
21
8.สรุปผลกำรทดลอง
จากกราฟการทดลองพบว่า
8.1 ตัวอย่างดินเม็ดละเอียด มีค่าพิกัดเหลว (Liquid limit LL) อยู่ร้อยละ 27.94
มีค่าพิกัดพลาสติค (Plastic limit Pl) อยู่ร้อยละ 16.67 ตามมาตรฐาน ASTM D 4318
และมีค่าพิกัดหดตัว (Shrinkage limit Sl) อยู่ร้อยละ 6.346 ตามมาตรฐาน ASTM D 427
9.วิจำรณ์ผลกำรทดลอง
จากการทดลองพบว่าความผิดพลาดเกิดขึ้น อาจเนื่องมาจากระหว่างการทดลองมีความคลาดเคลื่อน เช่น
ตัวอย่างดินที่ปาดไว้ไหลมาชนกันยาวมากกว่าครึ่งนิ้ว การเคาะมีอัตราเร็วที่มากเกินไป การปั้นดินเป็นเส้นที่ต้องการ
ใช้เวลาเกิน2นาที หรืออาจเกิดฟองอากาศในตัวอย่างดินที่ใช้หาพิกัดหดตัว
จากการทดลองการพบว่าตัวอย่างดินมีค่า Plastic index (PI) ร้อยละ 11.27 ซึ่งอยู่ในช่วงความเหนียว
ปานกลาง (Medium plasticity) พบว่ามีค่า Liquid limit (LL) ร้อยละ 27.94 Plasticity Index (PI) ร้อยละ
11.27 เมื่อเปรียบเทียบกับแผนภูมิความเหนียว (Plasticity chart) พบว่าเป็นดินเหนียว(clay) ที่มีความเหนียวต่า
(low plasticity) และพบแร่ชนิด Illite
23
10.ตัวอย่ำงรำยกำรคำนวณ
Mass of Water = (Mass of Wet Soil+Container) – (Mass of Dry Soil+Container)
= 11.43 – 11.16 =0.27 g
Mass of Dry Soil = (Mass of Dry Soil+Container) – (Mass of Container)
= 11.16 – 9.53 = 1.63 g
Water Content = ( Mass of Water)x100/(Mass of Dry Soil)
= 0.27x100/1.63= 16.56 %
Mass of Wet Soil – Mass of Dry Soil
Initial water content of wet soil, wi = x 100
Mass of Dry Soil
= 6.41*100/21.19 = 30.25 %
Final volume of dry soil, Vf = (Initial volume of wet soil, Vi) / ( Density of Mercury)
=159.52/13.50 = 11.82 cm3
Change in moisture content, ∆w
(Initial volume of wet soil−Final volume of dry soil)(Density of water)
= Mass of Dry Soil
x 100
= (16.881639 - 11.82)(1)(100)/ 21.19 = 23.9042843 %
Shrinkage limit, SL
= (Initial water content of wet soil, wi) – (Change in moisture content, ∆w)
=30.25 - 23.9042843 = 6.3457157 %
Plasticity Index, PI = LL – PL
= 27.94 – 16.67= 11.27 %
11.เอกสำรอ้ำงอิง
ASTM D 427-93 (1993). Standard Test Method for Shrinkage Factor of Soil by Mercury Method,
Annual Book of ASTM Standards.
ASTM D 4318-93 (1993). Standard Test Method for Liquid Limit, Plastic Limit and Plastic Index of
Soils, Annual Book of ASTM Standards.