Professional Documents
Culture Documents
ปริซึมและทรงกระบอก
ปริซึม
ในทางคณิตศาสตร์ รูปเรขาคณิตสามมิติท่ีมีฐานทัง้ สองเป็ นรูป
หลายเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ ฐานทัง้ สองอยูบ่ นระนาบที่ขนานกัน และ
ด้านข้างแต่ละด้านเป็ นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน เรียกว่า ปริซึม (prism)
ปริซึม
ภาพแสดงตัวอย่างของปรึซมึ ตรง ซึง่ มีดา้ นข้างแต่ละด้านเป็ นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
และปริซมึ เอียงซึง่ มีดา้ นข้างแต่ละด้านเป็ นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มมุ แต่ละมุมไม่เป็ นมุม
ฉาก
3. 4.
แบบฝึ กหัด 3.1 ก
รูปในข้อใดบ้างเป็ นรูปของปริซมึ ถ้าเป็ น ให้ระบายสีฐานของปริซมึ ด้วย
5. 6.
พืน้ ที่ผิวของปริซึม
ในทางคณิตศาสตร์ พืน้ ที่ของผิวทัง้ หมดของวัตถุ จะเรียกว่า พืน้ ที่ผิว
(surface area) ของวัตถุ สาหรับการหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ มีหลักการง่าย ๆ
คือ การหาพืน้ ที่ของด้านข้างทัง้ หมดรวมกับพืน้ ที่ของฐานทัง้ สอง โดยการ
คานวณหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ นัน้ อาจร่างภาพรูปคลี่ (net) ของปริซมึ เพื่อให้เห็น
ภาพของพืน้ ที่ผิวทัง้ หมดที่ตอ้ งการคานวณหาพืน้ ที่ รูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ
ที่กล่าวถึงนีจ้ ะเป็ นรูปเรขาคณิตสองมิติ ที่แสดงหน้าแต่ละหน้าของรูปเรขาคณิต
สามมิติท่ีคลี่ออกมาจากบริเวณที่เป็ นสันหรือเส้นขอบ ดังตัวอย่างรูปคลี่ของกล่อง
ทรงลูกบาศก์ตอ่ ไปนี ้
พืน้ ที่ผิวของปริซึม
พืน้ ที่ผิวของปริซึม
ตัวอย่างที่ 1 จงหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ ที่กาหนดให้ตอ่ ไปนี ้
พืน้ ที่ผิวของปริซึม
ตัวอย่างที่ 2 ท็อปได้รบั มอบหมายในวิชาศิลปะให้ระบายสีกล่องกระดาษ ซึง่ กล่อง
กระดาษมีความกว้าง 8 เซนติเมตร ความยาว 10 เซนติเมตร และความสูง 6
เซนติเมตร จงหาพืน้ ที่ของกล่องกระดาษที่ทอ็ ปจะต้องระบายสี โดยที่กาหนดให้
กล่องกระดาษมีลกั ษณะดังต่อไปนี ้
แบบฝึ กหัด 3.1ข
1. ให้นกั เรียนคานวณหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ ต่อไปนี ้
แบบฝึ กหัด 3.1ข
1. ให้นกั เรียนคานวณหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ ต่อไปนี ้
แบบฝึ กหัด 3.1ข
1. ให้นกั เรียนคานวณหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ ต่อไปนี ้
แบบฝึ กหัด 3.1ข
1. ให้นกั เรียนคานวณหาพืน้ ที่ผิวของปริซมึ ต่อไปนี ้
แบบฝึ กหัด 3.1ข
2. ต้องการทากล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โดยใช้กระดาษกาวปิ ดรอยต่อให้ได้
กล่องมีขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร ยาว 20 เซนติเมตร สูง 8 เซนติเมตร และมีฝากล่อง
พอดีขอบ จะต้องใช้กระดาษทากล่องอย่างน้อยกี่ตารางเซนติเมตร
แบบฝึ กหัด 3.1ข
3. ต้องการทาลูกเต๋าขนาด 5 × 5 × 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยระบายสีเป็ นรูป
วงกลมบอกแต้มบนแต่ละหน้าของลูกเต๋า รัศมีของวงกลมแต่ละวงเท่ากับ 0.5
เซนติเมตร พืน้ ที่ผิวส่วนที่ไม่ระบายสีเป็ นเท่าใด
แบบฝึ กหัด 3.1ข
4. รูปเรขาคณิตสามมิติท่ีกาหนดให้นีป้ ระกอบขึน้ จากลูกบาศก์เล็ก ๆ จานวนหนึ่ง ซึง่
แต่ละลูกมีขนาด 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร จงหา
1) จานวนลูกบาศก์ทงั้ หมด
แบบฝึ กหัด 3.1ข
4. รูปเรขาคณิตสามมิติท่ีกาหนดให้นีป้ ระกอบขึน้ จากลูกบาศก์เล็ก ๆ จานวนหนึ่ง ซึง่
แต่ละลูกมีขนาด 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร จงหา
2) พืน้ ที่ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิตินี ้
แบบฝึ กหัด 3.1ข
5. สระว่ายนา้ แห่งหนึ่งมีขนาดภายในยาว 30 เมตร กว้าง 15 เมตร พืน้ สระเอียงลาด
ลงจากระดับตืน้ ที่สดุ 1.5 เมตร ไปสูร่ ะดับลึกที่สดุ 3 เมตร จงหาว่าสระนีม้ ีพืน้ ที่ผิวข้าง
ภายในทัง้ หมดเท่าใด
ปริมาตรของปริซึม
ในทางคณิตศาสตร์ เราอาจคานวณหาปริมาตรของสิ่งต่า งๆ ที่มีลกั ษณะ
เป็ นรูปเรขาคณิตสามมิติได้ ซึง่ ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากเป็ นปริซมึ ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า
ปริซมึ สี่เหลี่ยมมุมฉาก สูตรการหาปริมาตรของปริซมึ สี่เหลี่ยมมุมฉาก เป็ นสูตร
เดียวกันกับสูตรการหาปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กล่าวคือ
ปริมาตรของทรงกระบอก = 𝝅𝒓𝟐 𝒉
เมื่อ r แทนรัศมีของวงกลมทีเ่ ป็ นฐานของทรงกระบอก
และ h แทนความสูงของทรงกระบอก
ปริมาตรของทรงกระบอก
ตัวอย่างที่ 1 สระนา้ พุกลางสวนสาธารณะแห่งหนึ่งมีลกั ษณะเป็ นทรงกระบอก วัด
เส้นผ่านศูนย์กลางภายในได้ 4 เมตร และวัดความลึกจากก้นสระถึงขอบสระได้ 80
เซนติเมตร สระนีจ้ ะจุนา้ ได้เท่าใด (กาหนด 𝜋 = 3.14)
ปริมาตรของทรงกระบอก
ตัวอย่างที่ 2 ถังเก็บนา้ มันทรงกระบอกขนาดใหญ่มีรศั มียาว 19 เมตร เก็บนา้ มัน
ได้ 200,000 บาร์เรล ถังเก็บนา้ มันนีส้ งู เท่าใด (กาหนด 1 บาร์เรลล์≈ 159 ลิตรและ
𝜋 = 3.14)
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
1. แก้วนา้ ทรงกระบอกใบหนึ่งวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในได้ 8 เซนติเมตร แก้วนา้
สูง 10 เซนติเมตร จะจุนา้ ได้เท่าไร
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
2. ถังนา้ เก็บนา้ ฝนทรงกระบอกของโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งสูง 4 เมตร วัดเส้น
รอบวงภายในของถังได้เท่ากับ 3.14 เมตร ถังใบนีเ้ ก็บนา้ ฝนได้มากที่สดุ เท่าใด
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
3. ปลากระป๋ องบรรจุในกระป๋ องทรงกระบอกสองชนิดที่มีความจุเท่ากันและมี
ขนาดดังรูป จงหาความสูง (h) ของกระป๋ องใบเตีย้ (ความยาวที่กาหนดให้มีหน่วย
เป็ นเซนติเมตร)
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
4. เค้กชิน้ หนึ่งตัดแบ่งออกมาจากเค้กวงกลมที่มีรศั มี 10.5 เซนติเมตร ทาให้เกิดมุม
ที่จดุ ศูนย์กลางขนาด 60 องศา เค้กหนา 5 เซนติเมตร จงหาว่าเค้กชิน้ ที่ตดั แบ่ง
ออกมานีม้ ีปริมาตรเท่าใด
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
5. ท่อระบายนา้ ท่อนหนึ่งยาว 45 เซนติเมตร วัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในและ
ภายนอกได้ 8 เซนติเมตร และ 11 เซนติเมตร ตามลาดับ จงหาปริมาตรของวัสดุท่ี
ใช้ทาท่อระบายนา้ ท่อนนี ้
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
1
6. บ้านในชนบทหลังหนึ่งใช้นา้ โดยเฉลี่ยวันละ ลูกบาศก์เมตร ต้องการสร้างถังเก็บ
2
นา้ ฝนทรงกระบอก 4 ใบ ที่มีขนาดเท่ากัน เพื่อเก็บนา้ ไว้ใช้ช่วงเวลา 88 วัน ถ้าต้องการ
1
ให้ถงั เก็บนา้ มีความสูง 3 เมตร จะต้องสร้างถังเก็บนา้ ให้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง
2
ภายในยาวเท่าไร
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
7. นา้ พริกเผาชนิดหนึ่งบรรจุในขวดทรงกระบอกสองใบ ใบหนึ่งสูงเป็ นสองเท่าของอีก
ใบหนึ่ง แต่เส้นผ่านศูนย์กลางของปากขวดใบสูงยาวเพียงครึง่ หนึ่งของเส้นผ่าน
ศูนย์กลางของปากขวดเตีย้ ถ้านา้ พริกขวดใบสูงราคา 16 บาท และขวดใบเตีย้ ราคา
30 บาท นา้ พริกเผาขวดใดมีราคาถูกกว่า
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
8. การทาข้าวหลามโดยทั่วไปจะใส่ขา้ วที่ผสมพร้อมแล้วลงกระบอกไม้ไผ่ประมาณ 2 ใน 3 ของความ
ยาวภายในกระบอกที่ใช้บรรจุ แม่คา้ ต้องการทาข้าวหลามสูตรพิเศษโดยใช้ขา้ วเหนียวขาว 1 ส่วน
ผสมกับข้าวเหนียวดา 4 ส่วน จานวน 100 กระบอก ถ้าปากกระบอกไม้ไผ่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5
เซนติเมตร และแต่ละกระบอกมีความยาวภายในที่ใช้บรรจุ 30 เซนติเมตร อยากทราบว่าแม่คา้ ต้อง
ใช้ขา้ วเหนียวขาวและข้าวเหนียวดาที่ผสมพร้อมแล้วอย่างละกี่ลิตร
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
9. ท่อทรงกระบอกสองท่อทาจากวัสดุชนิดเดียวกัน มีความหนาเท่ากัน ท่อที่หนึ่งยาว
40 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางภายในยาว 60 เซนติเมตร ท่อที่สองยาว 90
เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางภายในยาว 40 เซนติเมตร (กาหนด 𝜋 = 3.14)
1) จงหาว่าแต่ละท่อมีความจุเท่าใด
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
9. ท่อทรงกระบอกสองท่อทาจากวัสดุชนิดเดียวกัน มีความหนาเท่ากัน ท่อที่หนึ่งยาว
40 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางภายในยาว 60 เซนติเมตร ท่อที่สองยาว 90
เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางภายในยาว 40 เซนติเมตร (กาหนด 𝜋 = 3.14)
2) จงหาว่าท่อใดใช้วสั ดุนอ้ ยกว่ากัน
แบบฝึ กหัด 3.2 ข
10. เมื่อนากระดาษรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีความยาวรอบรูป 40 นิว้ มาม้วนเป็ น
ทรงกระบอกฐานเปิ ดทัง้ สองข้าง กระดาษควรจะมีความกว้างและความยาวเป็ น
จานวนเต็มนิว้ เท่าไร จึงจะทาให้ได้ทรงกระบอกที่มีความจุมากที่สดุ และมีความจุ
เท่าใด นักเรียนมีวิธีคิดอย่างไร