You are on page 1of 30

การตรวจวัดสายสัญญาณ Fiber Optic


ก่อนทีจะได ้กล่าวถึง การตรวจซ่อมหรือวัด
สัญญาณสาย Fiber Optic ก็เป็ นธรรมเนี ยมทีจะต ่ ้องขอ
กล่าวถึง หลักการทางานของ Fiber Optic เล็กน้อย

7 (ซ ้าย) ขนาดของสาย Fiber Optic (ขวา) ส่วนประกอบของสาย Fibe


โครงสร ้างของสาย Fiber Optic
ส่วนประกอบของ Fiber Optic
ประกอบด ้วยส่วนสาคัญหลัก 2 ประการ ได ้แก่
ส่วนทีเป็่ นแกนอยูต ้
่ รงกลางหรือชันใน แล ้ว
หุ ้มด ้วยส่วนทีเรี ่ ยกว่า Cladding จากนั้นก็จะถูกหุ ้ม
ด ้วยส่วนทีป้่ องกัน (Coating) โดยทีแต่ ่ ละส่วนนั้นทา
ด ้วยวัสดุทมี ี่ คา่ ดัชนี หก
ั เหของแสงทีมี ่ คา่ แตกต่างกัน
แกน เป็ นส่วนตรงกลางของ Fiber Optic และเป็ น
ส่วนทีใช ่ ้นาแสงอีกด ้วย โดยมีคา่ ดัชนี ของการหักเห
ของแสงส่วนนี ้ จะต ้องมากกว่าส่วนของ Cladding
แล ้วลาแสง ทีผ่ ่ านไปในแกน จะถูกขังหรือเคลือนที ่ ่
ไปตาม Fiber Optic ด ้วยขบวนการสะท ้อนกลับ
หมดภายใน
ส่วนของการป้ องกัน เป็ นชันที ้ ต่
่ อจาก Cladding
เป็ นทีใช่ ้ป้ องกันแสงจากภายนอกไม่ให ้เข ้ามาทีเส ่ ้น
Fiber Optic อีกทังยั ้ งใช ้ป้ องกันมิให ้แสงจากท่อนา
อาจประกอบด ้วย ชนของ ้ั Plastic หลายๆชน ้ั
นอกจากนี ้ ส่วนป้ องกัน ยังทาหน้าที่ เป็ น
ตัวป้ องกันการกระทา จากแรงภายนอกได ้
อีกด ้วย ตัวอย่างของค่า ดัชนี หก ั เห เช่น
แกนมีคา่ ดัชนี หกั เหประมาณ 1.48 ส่วนของ
Cladding และส่วนป้ องกันซึงท ่ าหน้าที่
ป้ องกัน แสงจากแกนออกไปทีภายนอก ่
และป้ องกันแสงจากภายนอกรบกวนจะมี
ค่า ดัชนี หก
ั เหเป็ น 1.46 และ 1.52 ตามลาดับ
(รูปประกอบที่ 8)

รู ปที่ 8 แสดงโครงสร ้างภายในของ Fiber Optic


ชนิ ดของ Fiber Optic
ภายใน Fiber Optic นั้น จานวนของ ลาแสงที่

เดินทางหรือเกิดขึนจะเป็ นตัวบอก Mode ของแสงที่
เดินทางภายใน Fiber Optic นั้นๆ กล่าวคือ ถ ้ามีแนว
ของลาแสงอยูใ่ นแนวเดียว เรียกว่า Single Mode
Fiber Optic (SMF) แต่ถ ้าหากภายใน Fiber Optic
นั้นมีแนวของลาแสงอยูเ่ ป็ นจานวนมาก เราเรียกว่า
Multi-Mode Fiber Optic (MMF)
นอกจากการแบ่งชนิ ดของ Fiber Optic ตาม
Mode ของการทางานแล ้ว ยังสามารถแบ่งตามวัสดุที่
่ าจากแก ้ว Plastic หรือ Polymer
ทาเช่น เส ้นใยทีท
และยังสามารถแบ่งได ้ตามลักษณะของรูปร่าง ตาม
ลักษณะของดัชนี หก ั เห เช่น Fiber ชนิ ด Step
Index หรือ Graded Index เป็ นต ้น
Single Mode Fiber Optic มีขนาดเส ้นผ่าน
ศูนย ์กลางของแกนและ Cladding ประมาณ 5-10
และ 125 ไมครอน ตามลาดับ ซึงส่ ่ วนของแกนมี
ขนาดเล็กกว่า Fiber Optic ชนิ ด Multi-mode มาก
และให ้แสงออกมาเพียง Mode เดียว ลักษณะ
หน้าตัดของเส ้น Fiber Optic แบบ Single Mode มี
ดังนี ้ (รูปที่ 9)

รู ปที่ 9 แสดงลักษณะการทางานภายในของ Single M


โดยประมาณ 50 ไมครอน 62.5 ไมครอน โดยมี
Cladding ขนาด 125 ไมครอน
เนื่ องจาก ขนาดของเส ้นผ่านศูนย ์กลาง
ของแกนมีขนาดใหญ่ ดังนั้นแสงทีตกกระทบ ่
่ ้ายปลาย Input ของสาย Fiber Optic จะมีมุม
ทีด
ตกกระทบทีแตกต่่ างกันหลายค่า และจาก
หลักการสะท ้อนแสงกลับหมดของแสงที่
เกิดขึน้ ภายในส่วนของแกนทาให ้มีแนวของ
ลาแสงเกิดขึนหลาย ้ Mode โดยแต่ละ Mode ใช ้
ระยะเวลาในการเดินทางทีแตกต่ ่ างกัน อัน
เป็ นสาเหตุทท ี่ าให ้ เกิดการแตกกระจายของ
รู ปที่ 10 ตัวอย่างของ Multimode Fiber แบบ

รู ปที่ 11 แสดงตัวอย่างการทางานภายในของ Grade Index


Multimode ทีนิ่ ยมใช ้ในระบบเครือข่ายทัวไป

ขนาดสัดส่วนของ Fiber Optic
ขนาดสัดส่วนของ Fiber Optic มี ดังนี ้
 Grade Index Multimode Fiber
 Single Mode Fiber
ขนาดของ Core และ Cladding
ั นี ้ มีขนาดของ Fiber Optic Cable ทีใช
ปัจจุบน ่ ้อย
 8/125
 62.5/125
 100/140

รู ปที่ 12 แสดง Fiber


Optic มาตรฐานขนาดต่างๆ
ขนาดจานวนของ Optical Fiber

ความแตกต่างระหว่าง Fiber Optic ทัวไป พอจะ
สามารถแยกออกเป็ น 3 แบบหลักๆ ได ้แก่
Simplex Cable
Duplex Cable
Multifiber Cable
แบบ Simplex Fiber Optic cable
เป็ นสาย Fiber Optic ทีมี่ สาย Fiber Optic เพียง
เส ้นเดียวภายใน Cable Jacket เนื่ องจากมีเพียง Fiber
เส ้นเดียวภายใน ดังนั้นปกติจะมี Buffer ขนาดทีใหญ่

กว่าทัวไป่ ้ Jacket ทีหนากว่
รวมทังมี ่ าปกติเช่นกัน
ภายในจะมีสาย Fiber Optic 2 เส ้น ภายใน
Jacket เดียวกัน สายประเภท ได ้ร ับความนิ ยม
ให ้ใช ้เป็ น Fiber Back Bone และสามารถ
ทางานเป็ น Full Duplex ได ้
แบบ Multifiber Cable
เป็ นสาย Fiber Optic ทีมี ่ สาย Fiber ภายใน
หลายๆ เส ้น มีตงแต่ ้ั ้
2 เส ้นขึนไปจนถึง กว่า
100 เส ้น หรืออาจมากถึง 300 เส ้นก็ได ้

รู ปที่ 13 ลักษณะของสาย Fiber Optic แบบ Multifib


การใช ้ Connector อีกด ้วย ทาให ้มีความสะดวกใน
การถอดได ้ตามความจาเป็ น Connector สาหร ับ
Fiber Optic มีหลายแบบ ดังนี ้
FC Connector
FC Connector ได ้ร ับการออกแบบโดย NTT ของ
ญีปุ่่ น ทีได
่ ้ร ับความนิ ยมมากในญีปุ่่ น รวมทัง้
สหร ัฐและยุโรป ส่วนมาก Connector แบบนี ้ จะถูก
นาไปใช ้งานทางด ้านเครือข่ายโทรศัพท ์
เนื่ องจาก Connector แบบนี ้ อาศัยการขันเกลียว
่ ดติดกับหัวปร ับ ข ้อดีของ Connector
เพือยึ
ประเภทนี ้ ได ้แก่ การเชือมต่ ่ ่ นหนา แต่
อทีแน่
รู ปที ่ 14่ แสดงลักษณะของ FC Connector
ข ้อเสียคือการเชือมต่ออาจต ้องเสียเวลามาก
SC Connector
ออกแบบโดย AT&T สาหร ับการเชือมต่ ่ อ
Fiber Optic ภายในอาคารสานักงาน ซึง่
เครือข่าย LAN ชนิ ดนี ้ เหมาะสาหร ับ งานที่
ต ้องการถอดเปลียน่ Connector อย่าง
รวดเร็ว โดยไม่สนใจความแน่ นหนาของ
Connector

รู ปที่ 15 แสดง SC Connector


FDDI Connector
ออกแบบโดย American National Standards
Institute, (ANSI) สาหร ับใช ้งานบนเครือข่าย
FDDI โดยเฉพาะ

Connector แบบรูSMA
ปที่ 16 แสดง FDDI Connector
เป็ น Connector อีกแบบหนึ่ งทีได
่ ้ร ับความนิ ยม
มาก โดยเฉพาะในงานของ NATO และใน
กิจการทางทหารของสหร ัฐ ออกแบบโดย
Amphenol Corp.
รู ปที่ 17 แสดงลักษณะ SMA Connector
Fiber Optic ชนิ ด Single Mode และ Multimode มาก
่ ด โดยที่ Connector ประเภทนี ้ มีอต
ทีสุ ั ราการ
สูญเสียกาลังแสงเพียงแค่ไม่เกิน 0.5 dB เท่านั้น

วอธีการเชือมต่ อก็เพียงสอดเข ้าไปทีรู่
่ ้เกิดการล็อคตัวขึน้
Connector แล ้วบิดตัวเพือให

เพิมความทนทาน ทาให ้ไม่เกิดปัญหาเนื่ องจา

การสันสะเทื อน ถูกนามาใช ้กับระบบ LAN Hub
หรือ Switches

่ ้ST Connect
ดงลักษณะของ ST-Connector และ อุปกรณ์ตวั แปลงสาย LAN ทีใช
การสู ญเสียของสัญญาณแสงในสาย Fiber Optic
การสูญเสียของสัญญาณแสงในสาย Fiber Optic เป็ น
ส่วนสาคัญทีท ่ าให ้เกิดความผิดพลาดของข ้อมูลข่าวสาร

ทาให ้การเชือมต่ ่
อสือสารด ้วยระยะทางไม่เป็ นไปตามที่
คาดหวัง (ปกติสาย Fiber Optic สามารถเชือมต่ ่ อได ้ด ้วย

ระยะทางทียาวเกิ นกว่า 1-2 กิโลเมตร ทังนี ้ ขึ
้ นอยู
้ ่กบ
ั ว่า ท่าน
ใช ้สาย Fiber Optic แบบใด? แบบ Multimode หรือ
Single Mode ? รวมทังยั ้ งขึนอยู
้ ก
่ บ
ั โปรโตคอลของ
เครือข่าย อย่างไร ก็ด ี ปัจจัยหลักคือการสูญเสียของ
สัญญาณแสงในสาย ข ้อเท็จจริงทีเกี ่ ยวกั
่ บการทาให ้ เกิด
การสูญเสียของกาลังแสงในสาย มีหลายประการดังนี ้
จะน้อยลง เช่น การสูญเสียกาลังแสง บนความยาวคลืน ่ 1300 nm
ได ้แก่ <0.5 dB/กิโลเมตร
-สาหร ับ Silica Glass นั้น ความยาวคลืนสั
่ นที
้ สุ ่ ด จะมีอต
ั รา
การสูญเสียมากทีสุ ่ ด
-อัตราการสูญเสีย Power ทีน้ ่ อยทีสุ
่ ด ได ้แก่ ความยาวคลืน ่
1550 nm

-หน่ วยวัดทีแสดงการสู ญเสียของ Power ได ้แก่ Decibel
(dB) โดยมีหน่ วยคิดเป็ น dB ต่อกิโลเมตร (dB/km)
-ค่านี ้ ถูกนามาคานวณ โดยเอาความยาวทังหมดของสาย

Fiber Optic คิดเป็ น Km
-การสูญเสียของ Fiber Optic สามารถมีสาเหตุหลายประการ
ดังนี ้
-Extrinsic
-Bending Loss เนื่ องจากการโค ้งงอของสาย เกินค่า
มาตรฐานทีผู ่ ผ ้ ลิตกาหนด
-การสูญเสียอันเนื่ องมาจากการ ทา Splice รวมทังการเข ้ ้าหัว
สายทีไม่่ สมบูรณ์
รู ปที่ 20 แสดงลักษณะมุมร ับแสงทีมี
่ คา่ Numeric Aperture

รู ปที่ 19 แสดงลักษณะ Numeric Ap


ค่า Numeric Aperture (NA)
(ค่า NA เป็ น Parameter ทีใช ่ ้บอกขอบเขตหรืออาณา

บริเวณทีปลายของเส ้น Fiber Optic สาหร ับร ับแสงเข ้าไปในเส ้น
Fiber หรือปล่อยแสงออกมาจากเส ้น Fiber ทังนี ้ ให
้ ้ลอง
เปรียบเทียบตอนปลายของเส ้น Fiber เสมือนเป็ นปากขวดใส่นา้
่ กรวยสอดอยู่ (ดังภาพล่าง) เมือต
ทีมี ่ ้องการกรอกนาใส่ ้ ขวด
จะต ้องควบคุมให ้นาเข้ ้าไปในกรวยเท่านั้น หากนาที ้ เทลงไปอยู
่ ใ่ น

ทิศทางหรือมุมทีกรวยนั ้นร ับไม่ได ้ นานั
้ ้นก็ไม่สามารถจะไหลเข ้า
ขวดได ้ ในทานองเดียวกัน ลาแสงทีส่ ่ งเข ้าไปใน Fiber แล ้ว
สามารถเดินทางอยู่ใน Core ตลอดระยะทาง จะต ้องทามุมกับ
ปลายเส ้น Fiber ให ้อยูภ ่ ายในขอบเขตของกรวยดังรูป B หาก
่ งเข ้าไปในเส ้น Fiber Optic ทามุมมากกว่าความกว ้าง
แสงทีส่
ของปากกรวย (เส ้น C) แสงอาจเดินทางเข ้าไปในส่วนของ Core

ของ Fiber Optic ก็ได ้ แต่เมือแสงไปกระทบกั บรอยต่อระหว่าง
Core กับ Cladding ไปเรือยๆพลั ่ งงานก็จะสูญเสียเพิมขึ่ น้ และ
หมดไปในทีสุ ่ ดเพียงชัวระยะทางสั
่ ้
นๆของการเดิ นทางในเส ้น
Fiber เท่านั้น
โดยผู ้ผลิต ดังนั้น การนาเอาสาย Fiber Optic
่ คา่ Numeric Aperture ไม่เข ้ากัน ส่งผลให ้
ทีมี
แสงสามารถเล็ดลอดออกไปจากสาย Fiber
Optic ได ้ มุมร ับแสง มีรป
ู ร่างคล ้ายกับกรวย
ดังรูปที่ 19
 ปัญหาจากขนาดของแกน รวมทังรู ้ ปร่าง
ของแกนท่อนาแสงไม่เข ้ากัน (Core Size
Mismatch) หรือ Profile Mismatch

รู ปที่ 21 แสดงลักษณะการเอาสาย Fiber Optic ทีมี


่ ขนาดต่างๆ

มาเชือมต่อกันทาให ้เกิดการสูญเสียกาลังแสงได ้
Intrinsic
-Loss Inherent to Fiber
-การสูญเสียทีเกิ่ ดจากการผลิต Fiber
-Freshnel Reflection
Bending Loss
Bending Loss เกิดจากปัญหาการโค ้งงอของสาย เกินค่า
ร ัศมี ความโค ้งงอของสายตามปกติ (Minimum Bend Radius)
อย่างไรก็ด ี Bending Loss ยังสามารถเกิดขึนได ้ ้จากการ
องค ์ประกอบย่อยๆ ดังนี ้
่ ความแหลมบริเวณแกนของสาย
-ความโค ้งทีมี
-ความไม่สมบูรณ์ของ Buffer และ Jacket โดยมีความ

คลาดเคลือนของการวางต าแหน่ งระหว่างกัน ทีห่ ่ างประมาณ 2-3
มิลลิเมตร

-การติดตังสายไม่ ถก
ู วิธห
ี รือไม่เรียบร ้อย
ปัจจัยต่างๆเหล่านี ้ เรียกว่า Microbending สามารถเกิดขึน้

ได ้เมือความยาวของสายเพิ ่
มมากขึ น้
การสู ญเสียเนื่ องจากการเข้าหัว Connector และทา Splice
ไม่ด ี
Splice Loss สามารถเกิดขึน้ ณ ทีใดก็ ่ ่ การตัดต่อและเชือม
ได ้ทีมี ่
สายเข ้าด ้วยกัน โดย ประกอบด ้วย การ Loss 2 แบบ ได ้แก่
Mechanical Loss และ Fusion Splicing Loss
-Mechanical Loss จะมีอต ่ ด เมือเที
ั ราสูงทีสุ ่ ยบกับ Fusion
Splicing โดยมีอต ้
ั ราการ Loss ตังแต่ 0.2 ไปจนถึง 1.0 dB ขึนไป ้
-Fusion Splice มีอต ั ราการ Loss ต่าสุด โดยมีอต ั ราการ Loss
ต่ากว่า 0.1 dB และอัตราการ Loss ทีต ่ ่ากว่า 0.05 เป็ นเรืองที
่ เป็่ นไปได ้
่ อและอุปกรณ์ Splice ทีมี
หากใช ้เครืองมื ่ คณุ ภาพดี
่ ดขึนสู
-การ Loss ทีเกิ ้ ง สามารถเกิดขึนได ้ ้จากองค ์ประกอบ
หลายประการดังนี ้
-Poor Cleave
-Misalignments of Fiber Cores
-Air Gap
-Contamination
-Index of Reflection Mismatch
การ Loss ทีเกิ ่ ดขึนจาก
้ Connector
่ ดขึนจาก
การสูญเสียทีเกิ ้ Fiber Optic Connector
สามารถมีระดับ 0.25 ไปจนถึง 1.5 dB และขึนอยู ้ ก
่ บ
ั ชนิ ดของ
Connector ทีใช ่ ้งานอีกด ้วย นอกจากนี ยั ้ งมี Factor อืนๆ
่ ทีท่ า
ให ้เกิดการ Loss ของ Connector ดังนี ้
-ปัญหาสกปรก หรือ Contamination บน Connector
่ ดบ่อยทีสุ
(ปัญหาทีเกิ ่ ด)
-การติดตัง้ Connector ทีไม่ ่ ถก
ู ต ้องไม่เรียบร ้อย
-การชารุดเสียหายทีเกิ ่ ดขึนบนพื
้ ้ วของ Connector
นผิ
-Poor Scribe (Cleave)
-Mismatched Fiber Cores
-Misaligned Fiber Cores
-Index of Reflection Mismatch
Loss Inherent to Fiber
การสูญเสียใน Fiber ทีไม่ ่ สามารถจะขจัดไปได ้ ใน
ระหว่างกระบวนการผลิต มีสาเหตุเกิดจาก Impurities ใน

กระจก รวมทังการดู ดซึมของแสงในระดับของโมเลกุล การ
สูญเสียของแสงขึนอยู้ ก
่ บ ั ความหนาแน่ นเชิงแสง ส่วนประกอบ
ของ Fiber Optic รวมทังโครงสร ้ ้างทางโมเลกุลของ Fiber ซึง่

เรียกว่า Rayleigh Scattering เมือแสงมากระทบกั บ
ส่วนประกอบดังกล่าว ก็จะเกิดการ กระจายตัวของแสงไปยัง
ทิศทางต่างๆขึน้
การสู ญเสียทีเกิ ่ ดจากการแตกหักของพืนผิ ้ ว
เนื่ องจากว่า สาย Fiber Optic มีสว่ นทีท ่ ามาจาก
Silica และกระจก ดังนั้น การโค ้งงอสายมากเกินไปมีสว่ นทาให ้
เกิดการแตกหัก รวมทังการติ ้ ้ ขาดระมั
ดตังที ่ ดระวัง
กาหนดให ้มี Minimum Bend Radius จากผูผ้ ลิต เพือ ่

เป็ นเงือนไขของ Load ทีมี ่ ตอ ่ สาย เช่นช่วงทีมี่ การดึงสาย
และในช่วงทีสาย่ อยูใ่ นสภาวะทีไม่ ่
่ ได ้ Load เช่น ช่วงทีมี

การติดตังสายเรี ยบร ้อยแล ้ว โดยสาย Fiber จะต ้องไม่เกิด
ภาวะ Minimum Bend Radius ในท่อเกินไปกว่าที่

กาหนดขึนโดยผู ผ้ ลิต (สายทีอยู ่ ใ่ นท่อจะต ้องไม่มก
ี ารงอไป

งอมาเป็ นงู เลือยมากเกิ นกว่าค่า Minimum Bend
Radius )
-สาย Fiber และ Patch Cord ปกติจะมีคา่
Minimum Bending ระหว่าง 2-3 ซ.ม และค่าของ
Minimum Bending นี ยั ้ งขึนอยู
้ ก ั Operating
่ บ
Wavelength ของสายทีใช ่ ้ และค่า Minimum
Bending จะมากขึน้ มากขึน้ ตามขนาดความยาวคลืนที ่ ่
ใช ้
-การโค ้งงอของสายทีมากเกิ่ นไป จะส่งผลให ้เกิดความ
เสียหายแก่สาย Fiber ตรงทีท ่ าให ้เกิด Attenuation
สาย Fiber Optic มีคา่ Pulling Tension ทีต ่ ่ากว่า
สายสัญญาณประเภทอืนๆ ่ ค่าของ Pulling Tension จะต ้องมี
ขนาดไม่เกินกว่าค่าทีก ่ าหนดขึนโดยผู
้ ผ
้ ลิต ขณะทีมี ่ การดึง
สายในท่อ จะต ้องลืนไหล่ ไม่ตด ้
ิ ขัด การติดตังสายในท่ อหรือราง
เดินสาย จะต ้องไม่ทาให ้เกิดการตึงเค ้นของสายเกิดขึน้
การดู แลร ักษาทัวไป ่
-อย่าบิดงอสาย หากจะเก็บสาย จะต ้องใช ้ Cable Reel หาก
เป็ นสายขนาดสัน ้ ให ้วางสายบนพืนราบในรู
้ ปตัวเลข 8 และต ้อง
ให ้แน่ ใจว่า ความโค ้งของมุมเลข 8 จะต ้องไม่มป ี ัญหา
Minimum Bending อีกด ้วย ในกรณี ทสายมี ี่ ความยาวมาก
และจัดเก็บในรูปเลข 8 ให ้กาหนดวางตัว Support ไว ้ทีบริ ่ เวณ
จุดตัดของเลข 8 ด ้วย
-สาย Cable จะต ้องได ้ร ับการจัดวางใน Cable Tray พืนราบ ้
และปราศจากเศษวัสดุแหลมคมมาทิมต ่ ่า และให ้หลีกเลียงการ่
วางวัตถุทมี ี่ นาหนั
้ กกดทับบนสาย Fiber ทีไม่ ่ มี Armor ป้ องกัน

เช่นกัน ทีการจั ดวางสาย จะต ้องเป็ นไปตาม มาตรฐานของ

การเชือมต่ อในทีนี ้
่ หมายถึ ่
งการเชือมต่ อสาย Fiber
Optic 2 เส ้นเข ้าด ้วยกัน ใช ้ในกรณี ทความยาวสายกะไว ี่ ้
ไม่พอ ต ้องเอามาต่อกัน หรืออีกสาเหตุมาจากการทีสาย ่
ชารุด จนต ้องนามาตัดต่อและเชือมกั ่ น
การเชือมต่ ่ อด้วยวิธก ี ารเชือมต่่ อ เชิง Mechanics
การเชือมต่ ่ อเชิงกล คือการวางเส ้น Fiber Optic
ให ้อยูใ่ นแนวแกนเดียวกัน โดยใช ้อุปกรณ์ทเหมาะสม ี่ และ
พยายามทาให ้ปลายทังสองของ ้ Fiber Optic อยู่ชด ิ กัน
มากทีสุ ่ ด การเชือมต่ ่ อนี ้ จะช่วยลดการสูญเสียแสง
เนื่ องจาก การติดตังจากการเบี ้ ่
ยงเบนในแนวต่ างๆ ลง เช่น
การทีจะส่่ งสัญญาณแสงจาก Fiber Optic ไปยังอีกเส ้น
หนึ่ งให ้มีการสูญเสียน้อยทีสุ ่ ด ตรงรอยต่อระหว่าง Fiber
Optic ทังสอง ้ อาจต ้องมี Gel เชือมต่ ่ อด ้วย (Index
Matching Gel) ซึงเป็ ่ นของเหลวใสทีมี ่ คา่ ดัชนี หก
ั เห
ใกล ้เคียงกับค่าดัชนี หก ั เหของ Fiber Optic การเชือมต่ ่ อ
ด ้วยวิธน ี ี ้ อาจทาให ้เกิดการสูญเสียของสัญญาณอยูใ่ นช่วง
ปกรณ์การทา Mechanics Splicing (ขวา) และลักษณะของ Mechan
ประสิทธิภาพของ Mechanical Splicing
Loss ถ ้าหากเป็ นสาย Single Mode Fiber จะมีการ
สูญเสียประมาณ 0.2 dB โดยมีการ Loss สูงสุดอยูท ่ ี่ 0.5 dB
จากการทดสอบสาย Single Mode จากผูผ้ ลิตต่างๆ จะพบว่า
มีความแตกต่างกันเล็กน้อย จะอยูท ่ ี่ 0.15 dB สาหร ับการ
สูญเสียบน Multi-Mode Fiber Optic จะอยูท ่ ี่ 0.08 - 0.2
dB และการสูญเสียทังหมด้ ่ ี่ 0.3 - 0.6 dB
จะอยูท

ผลกระทบจากอุณหภูมิ การเปลียนแปลงของอุ ณหภูมท ี่ ่
ิ อยู
ในช่วง -55 องศาเซนติเกรด ไปจนถึง +35 องศาเซนติเกรด

จะทาให ้เกิดการเปลียนแปลง ประมาณ 0.05 dB สาหร ับสาย
Single Mode อุณหภูมป ิ ระมาณ 25 องศา และ 80 องศา

การเชือมต่ อโดยวิธก ี ารหลอมรวม (Fusion
Splicing)

การเชือมต่ อแบบหลอมรวม เป็ นการเชือมต่ ่ อ
Fiber Optic สองเส ้นเข ้าด ้วยกัน โดยการให ้ความร ้อน

ทีปลายของเส ้น Fiber Optic จากนั้นปลายเส ้น Fiber
Optic จะถูกดันออกมาเชือมต่ ่ ่
อกัน การเชือมต่ อกันใน
ลักษณะนี ้ เป็ นการเชือมต่่ อโดยถาวร จนทาให ้ดูเหมือน
รวมเป็ นเส ้นเดียวกัน การสูญเสียจากการเชือมต่ ่ อใน
ลักษณะนี ้ จะทาให ้มีความสูญเสีย ประมาณ 0.01 - 0.2

dB ในขันตอนการเชื ่
อมต่ อนี ้ ความร ้อนทีท
่ าให ้ปลาย
เส ้น Fiber Optic อ่อนตัวลงด ้วยประกายไฟทีเกิ ่ ดจาก
การ Arc ระหว่างขัว้ Electrode ขณะทาการ หลอมรวม

ซึงจะยั ่
งผลให ้การเชือมต่ อของ Fiber Optic เป็ นเนื อ้
เดียวกัน
รู ปที่ 23 แสดลักษณะของการเชือมต่่ อสาย Fiber Optic 2
รู ปที่ 24 แสดงอุปกรณ์การทา Fusion
Splicing

เรืองของการสอบหาจุ ดเสียของระบบเครือข่าย ใน
ฉบับนี ้ ยังอยู่ในระดับชน้ั Physical ซึงเกี
่ ยวข่ ้องกับ
สายสัญญาณ ฉบับหน้า จะได ้กล่าวถึง วิธก ี าร
คานวณหาค่าการสูญเสียของสัญญาณในสาย Fiber
Optic ทีท่่ านสมารถนาไปใช ้งานได ้ รวมทังขั ้ นตอนและ

วิธกี ารตรวจสอบวัดการสูญเสียของกาลังแสงในสาย

รวมทังจะได ้กล่าวถึงปัญหาในระดับ เดต ้าลิงค ้ ์ เช่น

You might also like