You are on page 1of 29

สามัคคีเภทคาฉันท ์

นางสาว ณฐวีร ์ ศรีฟ้า ม. 5/5 เลขที่ 19


นาย อินทัช สุวรรณาภรณ์ ม. 5/5 เลขที่ 20
นางสาว ชัญญา เทศร ัตนวงศ ์ ม. 5/5 เลขที่ 21
นาย วิชญ ์พล อุทม
ุ พร ม. 5/5 เลขที่ 24
ผูแ้ ต่ง
นายชิต บุรทัต
ประวัตข
ิ องนายชิต บุรทัต
● นายชิต บุรทัตเป็ นผูม้ ค ี วามสามารถในการแต่งคาประพันธ ์ร ้อยกรอง
ี่ ฝีมือเชียวชาญในการแต่
● เป็ นผูท้ มี ่ งฉันท ์โดยเฉพาะการเลือกสรรฉันท ์
้ อเนื อเรื
ชนิ ดต่างๆมาใช ้ให ้เหมาะสมทังต่ ้ องและลี
่ ลาอารมณ์ จึงทาให ้
่ ยมและน่ าจดจา
ผลงานต่างๆเป็ นทีนิ

การอ่านและพิจารณาเนื อหาและกลวิ
ธี
ในวรรณคดีและวรรณกรรรม
้ อง
เนื อเรื ่
ี ระประสงค ์ในการขยายอาณาจักรให ้กว ้างขวางแคว ้นที่ ทรงเป็ นทีหมายตา
พระเจ ้าอชาตศัตรูมพ ่
่ ายเพราะกษัตริย ์ลิจ
คือแคว ้นวัชชีของเหล่ากษัตริย ์ลิจฉวีแต่การทาสงครามกับแคว ้นวัชชีไม่ใช่ เรืองง่
ฉวีมค
ี วามสามัคคีและมาก วัสสการพราหมณ์มอ
ี าสาเป็ นเป็ น ไส ้ศึกทาให ้เหล่ากษัตริย ์ลิจฉวีแตกความ
สามัคคี ด ้วยความเป็ น ผู ้มีวาทศิลป์ รู ้จักใช ้เหตุผล โน้มน้าวใจจึงทาให ้เล่ากษัตริย ์ลิจฉวีไว ้วางใจ วัส

สการพราหมณ์ทาให ้เกิดความขุ่นเคือง กันทัวไปในหมู ่ านไป ๓ ปี เหล่ากษัตริย ์ลิจ
่กษัตริย ์ลิจฉวี เมือผ่
ฉวีก็แตกความสามัคคีกน
ั วัสสการพราหมณ์จงึ ลอบส่งข่าวไปให ้พระเจ ้าอชาตศัตรูลจ
ิ ฉวีให ้ทรงยกทัพ
มาตีแคว ้นวัชชี ได ้อย่างง่ายดาย

โครงเรือง

กษัตริย ์ของแคว ้นมคธต ้องการทีจะขยายอ านาจไปยังแคว ้นใกล ้เคียงแต่ แคว ้นวัชชีมี
่ ดมั่นในอปริหานิ ยธรรม ทาให ้มีความสามัคคีปรองดอง จึงได ้ออกอุบายส่ง
กษัตริย ์ทียึ
พราหมณ์ทปรึ ี่ กษาไปเป็ นไส ้ศึกเข ้าไปทาลายความสามัคคีของ แคว ้นแล ้วยกทัพเข ้าโจมตี
ตัวละคร
พระเจ ้าอชาตศัตรู
- มีความรอบคอบ และเมตตา
- พยายามขยายอานาจ ทาให ้
เมืองเจริญ
ตัวละคร
วัสสการพราหมณ์
วัสสการพราหมณ์:
- ผู ้ฉลาดรอบรู ้ในด ้านศิลปศาสตร ์ ร ัก
ชาติและยอมเสียสละเพือบ ่ ้านเมือ
- จงร ักภักดีตอ่ กษัตรฺยิ ์
- คนมีความเฉลียวฉลาดและรอบคอบ ใจ
เย็น และมีสติ
ตัวละคร
กษัตริย ์ลิจฉวี
กษัตริย ์ลิจฉวี:
- ่
ยึดมันในหลั
กอปริหานิ ยธรรม๗ ประการ
- ขาดวิจารณญาณและสติ
- มีทฐิ ิ
การอ่านและพิจารณาการใช้
ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
1. การสรรคา
1.1 ผู แ ่ ยงสัมผัสทังเสี
้ ต่งได้เลือกสรรหาคาเพือเสี ้ ยงสัมผัสพยัญชนะ

และสระ เช่น
● การเล่นเสียงพยัญชนะ
ทิชงค ์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึ งการ
กษัตริย ์ลิจวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย

- มีการเล่นเสียงพยัญชนะคาว่า “คะเนกล - คะนึ งการ” กับ “ระวังเหือด - ระแวง


หาย”
● สัมผัสสระ
พระราชบุตรลิจ ฉวิมต
ิ รจิตเมิน
ณ กันและกันเหิน คณะห่างก็ตา่ งถือ

- มีการเล่นเสียงสระคาว่า “ลิจ-มิตร” กับ “เมิน-เหิน”

● การเล่นเสียงหนักเบา
่ ้น ณ หมู่ใด
ดังนั ผิ บไร ้สมัครมี
พร ้อมเพรียงนิ พน
ั ธ ์นี วิวาทระแวงกัน

- ่ าให ้รู ้สึกถึงรสไพเราะ


ผู ้แต่งได ้กาหนดเสียงหนักเบาไว ้เพือท

ของเนื อความได ้
1.2 การใช้คาทีง่่ ายซึงท
่ าให้ผูอ
้ า
่ นสามารถเข้าใจได้ง่าย เช่น
ราชาลิจฉวี ไป่ มีสก
ั องค ์
อันนึ กจานง ่ กเสด็จไป
เพือจั
ต่างองค ์ดาร ัส เรียกนัดทาไม
ใครเป็ นใหญ่ใคร กล ้าหาญเห็นดี

1.3 การเลือกใช้คาให้หลากหลาย เช่น


ขุนคอคชคุมกุมอัง สกรายท ้ายยังขุนควาญประจาดารี

ขุนคชขึนคชชิ
นชาญ คุมพลคชสารละตัวกาแหงแข็งขัน

- ้ น้
คาว่า คช ดารีและคชสาร ล ้วนหมายถึงช ้างทังสิ
2. การเรียบ ้ ้มีความ
ผูแ้ ต่งได ้ประพันธ ์ฉันท ์บทนี ให
หนักแน่ น และความกระช ับของเนื อหา ้ โดย
เรียงคา การลาดับเรือง่ ให ้จบด ้วยใจความสาคัญของ
บท
2.1 สารสาคัญไว ้ท ้ายสุด

“ทิชงค ์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึ งการ


กษัตริย ์ลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย”
่ ความสาคญ
2.2 เรียงคา วลี หรือประโยคทีมี ั เท่า ๆ กัน
เคียงขนานกันไป
พระราชบุตรลิจ ฉวิมต
ิ รจิตเมิน
ณ กันและกันเหิน คณะห่างก็ตา่ งถือ
ทะนงชนกตน พลล ้นเถลิงลือ
ก็หาญกระเหิมฮือ มนฮึก บ นึ กขาม ฯ

่ ความหมายคล ้ายๆกัน เช่น เมิน


ผูแ้ ต่งเลือกเรียงคาทีมี
เหิน ห่าง แสดงถึงการเป็ นความรู ้สึกและอารมณ์
เดียวกันและคงความสาคัญเท่ากัน
2.4 เรี
ย บเรี
ย ง ประโย คให้ ้ เข ม
เนื
อหา ้ข น ึ้ไปตามลาด บัด ุจข นบ
้ข น ้
ั นัได

จนถ งึข นสุ
ั ด ทา ่าค ญ
้ย ท ส
ี ่ด
ั ท สุ

● ผูแ้ต่งได กล่
้ าวถ งึความวุ ่นวาน
ที่ม
เพ ่

ึ้ มลาด บัเนื
● ข นตา ้ ที
อหา ่
ผูปร
้ ะพ นัธ เรี
์ย ง ลาด บัโด ย
กล่าวถ งึผลลั พ ธ ปั
์จจุ บนั
“เหี ย้มนั้
นเพ ราะผั
นแผก คณ ะแ
ตกและต่าง มา
ถอืทิฐมิานสา หสโทษพ โ ิรธ จอง
แ ย กพ รรคสมรรคภ น ิ ทนสิ ้ บ ปรอง ด อง

ข าด ญ าณ พ จ
ิารณ ต์รอง ตริ
มหลั
กประจักษ์เจื

เชื ่ รถ ย ุบลเอา
ออร รสเล่าก็ง ่าย เหลื

เหตุหาก ธ มากเมื อ คติโมหเป็ นมูล
จึง่ด าลประการหา ย นภ าวอาด ร ู
เสี
ยแ ด นไผทสูญ ยศศก ัด เิสื่
อมนา ม”
2.4 เรี
ย บเรี
ย ง ประโย คให้
เนื้ เข ม
อหา ้ข น
้ข น ึ้ไปตามลาด บัแ ต่ค ลาย
ค วามเข ม้ข น
้ลงในช่วง หรื อประโย ค สุด ท า้ย อย ่าง ฉ บ
ัพ ล น

- ผูแ
้ต่ง ประพ น ัธ โ์ด ยใช้การเรีย บเรี
ยง
ประโย คไปตาม ลาด บัเพ อ ่ให้
ื ผูอ
้า
่น
เข า
้ใจแ ละติด ตามลาด บัของ เหตุ การณ ์
่ข นทว่
ได ด้ยีงิ ึ้ าย งัมี การตัด บทของ เรื่
อง
“ควรชมนิ ย มจั
ด คุรวุส
ัสการพ ราหมณ ์
เป็
นเอกอุ บาย ง าม กลง ากระทามา
ใน ตอนท า ้ย อย ่าง ฉั
บพ ลัน
พ ุทธ าทิ บณ
ั ฑิต พ เิคราะห์ค ดิพ น
ิิ
จปรา
รภ สรรเสริ ญ สา ธส
ุมั ค รภ าพ ผล
ว่าอาจจะอวย ผา สุกภ าวมาด ล
ดสีู
่ณ หมู ่ตน บ นิ ราศ นิรนด
ั ร
หมู ่ใด ผิ
สามัค คย พ รรคสโมสร
ไปปราศ นิ ราศ รอน คุณ ไร้ไฉนด ล”
2.5 การเรี
ย บเรี
ย งถ อ
้ย ค าให้
เป็
นประโย ค ค าถ ามเช งิวาท ศ ล
ิป์

“อย ่าติ
และหลู
่ ครจ ูะเฉลย
เธ อน่ะเสวย ภ ตักะอะไร
ในทิ นนี่ ด ีฤ ไฉน
พ อหฤทั ย ่ละกระมั
ย งิ ง”

ตอนวั ่ าอุ
สสการพ ราหมณ เ์ริ
มท บาย ท าลาย สามั
ค ค ใีช้ ่ม่
บทเจรจาที

ตอง้ การค าตอบแ ต่ใช้
ความสามารถ ข อง วั
สสการพ ราหมณ ใ์นการเสนอเเนว
ค ดิ
3. การใช โ
้วหาร
คอ
ืการพ ลิ
กแพ ลง ภ าษาที
ใช้
พู
ดและเข ยีนให้
แ ่ อย ู
ปลกออกไปจากที
ใช้ นปกติ
่เป็
ก่อให้
เกิ
ด ภ าพ กระทบใจ ความรสึ

้ก แ
ละอารมณ ต์า
่ ง กั
บการใช้
ภ าษาอย ่าง ตรงไปตรง มา

อุปมาโวหารเป็นการกล่าวเปรี
ย บเที ่ให้
ย บเพ อ
ื ผู

้า
่ นเข า
้ใจแ
ละเห็นภ าพ ชัด เจน
่ข น
ย งิ ึ้เช่น
“กลกะกากะหวาด ข มั
ง ธ นู บห่อนจะเห็นธ วั
ชริ
ปส
ูลิา
่ ถ อย ”

- วั
สสการพ ราหมณ เ์ปรี ้พ ระราชหฤทั
ย บนา ย กษั
ตริ
ย ลิ
์จฉวี
อุ
ปลั
กษณ โ ์วหารการเปรี ย บเที
ย บโด ย นั
ย ไม่กล่าวเปรี
ย บเที
ย บตรง ๆ แ
ต่ผ อ่

้านสามารถ จั
บเค า
้ได จา ่
้ กค าที
ผู

้ต่งใช้เช่น
“ลูกข า
่ ง ประด าทา รกกาลขว้างไป
หมุนเล่นสนุกไฉน ดจ
ุกันฉะนั้
นหนอ”

- ตอนพ ระเจ้
าอชาตศ ตัรท
ูรง เปรี
ย บเที
ย บการแ
ตกสามั
ค ค ขีอง กษั
ตริ
ย ลิ
์จฉวี

บุ
ค คลวั ต เป็
นการสมมุตส ่ต่าง ๆ ให้
ิงิ มี
กิรยิาอาการ มีค วามรสึ

้กเหมือน
มนุษย ์เช่น
“วั
ชชีภม
ูผ
ีอง สด บักลอง กระหึมข าน
ทุ
กไทไ้ป่เอาภ าร ณ กิ ่ ็
จเพ อเสด
ื จไป”

- ผู

้ต่ง นาค ากริย า“ขาน” ซ งึ่หมาย ถ งึ พ ู
ด ตอบ ข อง มนุษย ์มาใช้ กั

กลอง ที่็
เปนสิง่ข อง เพ อสร้
่ าง จิ
ื นตภ าพให้ เห็
นว่ากลอง เป็
นสิ ง่มี
ชวีต

อติ
พ จน์เป็ นการกล่าวผิ ด ไปจากที่็
เปนจริ
ง เช่น
“ตื่ หน้
นตา าเผื
อด หมด เลื ่ ย
อด สั
นกา
หลบลี ้ ตาย
หนี วุ

่ หวั่ รั
นพ ่ใจ

ซกุครอกซอกครั ว ซอ่ นตั วแตกภ ยั
เข า
้ด ง พ งไพ ร ง้ย ่านบา
ทิ ้นตน”

- จากตอนพ ระเจ้ าอชาตศ ตัรยูกทั พ มาตี


แคว้
นวั
ชชีผูแ
้ต่งใช้
การ
กล่าวเกิ
นความจริ ง ซ งึ่ก็
คอ
ือาการตื่ ะหนกใจใน สอง วรรคแ
นตร รก
แสด งให้
เห็
นว่าชาววั ชชี ่ ะหนกตกใจกั
ตนกร
ื บการ รก
ุ รานข อง พ ระ
เจ้
าอชาตศ ตัรเูป็นอย ่าง มาก
่ วนประกอบทีเด่
นามนัย เป็ นการใช ้ชือส่ ่ นของสิงหนึ
่ ่งแทนสิงนั
่ ้นๆทังหมด
้ เช่น
ิ่
“แม้มากผิกงไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง
มัดกากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน
เหล่าไหนผิไมตรี สละลี ้ ณ หมู่ตน
กิจใดจะขวายขวน บ มิพร ้อมมิเพรียงกัน”
- ในบทแรกล่าวถึง หากมีกงไม้ ิ่ เพียงกิงเดี
่ ยวก็สามารถหักได ้ด ้วยมือเปล่า แต่เมือเป็
่ นกิงไม้

่ กมัดอยู่เป็ นกา ต่อให ้ใช ้แรงมากแค่ไหน ก็ไม่สามสารถ หักมันได ้
ทีถู
การอ่านแ
ละพ จ
ิารณ าประโย ชน์
หรื

คณ
ุ คา
่ ในวรรณ ค ด แ
ีละวรรณ กรรม
1. ค ณ
ุ คา
่ด า
้นอารมณ ์
คอืคุณ ค่าด า
้นวรรณ ศ ล
ิป์เช่น การใช้ค าการใช้ โวหารภ าพ พ จน์เป็
นตน ่ให้
้ เพ อ
ื ผู

้า
่ นสามารถ
เข า
้ใจและจิ ้ องไ
นตภ าพ ตามเนื
อเรื่ ด อย
้ ่าง ด ีเช่น

สร้าง อารมณ ผ์ูอ


้า
่ นให้
เกิ
ด อารมณ ห
์วาด กลั
ว ตื ่ น
นเต ้
ตกใจ เช่น
ต่าง ก็
ตระหนก มนอกเตน ้
ตื่ บ มิ
น เว้
น ตะละผูค้น
ทั่ รคา
วบุ มจลาจล
เสี
ย ง อลวน อลเวงไป

ท าให้
ผู

้า
่ นเกิ
ด อารมณ ช ่
์นชมย
ื น
ิด ีเช่น
เห็
นเชิ
ง พ เิคราะห์ช่อง ชนะคล่อง ประสบสม
พ ราหมณ เ์วทอุดม ธ ก็ลอบแ ถ ลง การณ ์
2. ค ณ
ุ คา
่ คณ
ุ ธ รรม ่ วแ
คุ ณ ธ รรมที ชา คว้นวัชชี
ย ดึ มั่ ซ งึ่ก็
น คอื
“อปริ หานิ ย ธ รรม”
ไม่ค วรนา ผู อ
้า่ นสามารถ นามาเป็ น
ความค ดิข อง แ บบอย ่างในการด แ ูล
บา ้นเมื องให้ มีค วามสง บสุข
ตนมาเป็ น
หลัก
3. ค ณ
ุ คา
่ด า
้นส งัค ม
เน้
นโทษข อง การแ
ตกความสามั
ค ค ใีนหมู
ค่ ณ ะ

ดา้นจริ
ย ธ รรม เน้นถ งึหลั
กธ รรม อปริ ย ธ รรม ซ งึ่
หานิ
เป็
นธ รรมอั นไม่เป็
นที ่ง้แ
ตั ่
ห่ง ความเสื
อม

เน้
นถ งึความสาค ญ
ั ข อง การใช้ สติ
ปัญ ญ าตริ
ตรอง
และแก้ ไข ปั
ญ หาต่าง ๆ โด ยไม่ตองใช้
้ กาลั ง
4. ค ณ
ุ คา
่ ท าง วั
ฒ นธ รรม
ให้
ลอง ตี กลอง นั
ด ประชุ
มข ตัติ
ย มณ
์ ฑล
ญ ซ งึ่ส่
เชิ าสากล กษัตริย สู
์ส
่ ภ าคาร

ได ทร
้ าบถ งึวิ
ถช
ีวีต
ิของ คนสมั ่ าการตี
ย ก่อนที
จะท
่ ปั
กลอง เมื
อมี ญ หาที ่อง
ต ้ การแ ก้ไขหรือร้
อง ทุ
กข ์
ข อง ตน แ
ละการเรี ย กนัด ต่าง ๆ
5. ค ณ
ุ คา
่ด า
้นการใช ภ้าษา
• ประพ น
ัธ ด์วย
้ ภ าษาที่ ะชั
กร บ เข า้ใจง ่าย
• ผู

้ต่งได เลื
้ อกใช้ฉันท หลา
์ กหลาย รป ูแ บบที ่สอด คล้
มี อง กั ง่ที
บสิ ่อง
ต ่
้ การจะสื

• ใช้
โวหารมากมาย ท าให้ ผู

้า
่ นได เห็
้ นถ งึวิ ธกีารใช้
ภ าษาให้สละสลวย แ ละตรง ตาม
ความหมาย ที ่อง
ต ่ได ชั
้ การจะสื
อ ้ด เจนย งิ ่ข น
ึ้
บรรณานุ กรม

• วิเคราะห ์เรืองสามั
คคีเภทคาฉันท ์. (2556, ธันวาคม 16). Retrieved พฤษภาคม
24, 2562, from สามัคคีเภทคาฉันท ์:
http://samakkeepeatchant.blogspot.com/2013/12/blogpost_3427.ht
ml

• สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพื ้ นฐาน.
้ ้ นฐาน
หนังสือเรียนรายวิชาขันพื ้
ภาษาไทย วรรณคดีจก ้ั 5.กรุ
ั ษ ์ ม.6. พิมพ ์ครงที ่ งเทพฯ : สกสค.ลาดพร ้าว, 2557.
169 หน้า

You might also like