You are on page 1of 24

Chapter 2

Overview of Microbiology

Chapter 2
Overview of
Microbiology
เซลล์โดยทัว่ ไปถึงเเม้ จะมีขนาดรูปร่างเเละหน้ าที่เเตกต่างกันไป เเต่ลกั ษณะพื ้นฐาน
ภายในเซลล์มกั ไม่เเตกต่างกันซึง่ ประกอบด้ วยโครงสร้ างพื ้นฐานที่คล้ ายคลึงกันดังนี ้
โครงสร้ างของเซลล์

Cell Wall Cell Membrane Protoplasm

Cytoplasm Nucleus

Organelle Cytosol Nuclear envelope

Endoplasmic reticulum
Mitochondria Nucleoplasm

Ribosomes Plastids Nucleolus

Golgi complex Centriole Chromatin

Lysosomes Cytoskeleton

Vacuole
1. เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane)
เยื่อหุ้มเซลล์มีชื่อเรี ยกได้ หลายอย่าง เช่น พลาสมาเมมเบรน (plasma membrane) ไซ
โทพลาสมิก เมมเบรน (cytoplasmic membrane) เยื่อหุ้มเซลล์มีความหนาประมาณ 75
อังสตรอม ประกอบด้ วยโปรตีนประมาณ 60%
ลิพิดประมาณ 40%
เยื่อหุ้มเซลล์ มีหน้ าที่หลายประการคือ
-ห่อหุ้มส่วนของไซโทพลาซึมที่อยูข่ ้ างในทำให้ เซลล์เเต่ละ
เซลล์เเยกออกจากกัน นอกจากนี ้ยังหุ้มออร์ แกเนลล์ (organell) อีกหลายชนิด
- ช่วยควบคุมการเข้ าออกของสารต่างๆระหว่างภายในเซลล์เเละสิง่ เเวดล้ อมเรี ยกว่ามี
คุณสมบัติ เซมิเพอร์ มีเอเบิลเมมเบรน( semipermeable membrane)
- ความต่างศักย์ทางไฟฟ้า (electrical potential) ของภายในเเละภายนอกเซลล์เนื่องมาจาก
การกระจายของไอออนเเละโปรตีนไม่เท่ากัน ซึง่ มีความสำคัญในการนำสารพวกไอออนเข้ า
หรื อออกจากเซลล์ซงึ่ มีความจำเป็ นต่อการทำงานของเซลล์ประสาทเเละเซลล์กล้ ามมเนื ้อมาก
- เยื่อหุ้มเซลล์ทำหน้ าที่รับสัมผัสสารเช่นพวกฮอร์ โมนทำให้ เกิดการเร่งหรื อลดการเกิดปฏิกิริยา
เคมีภายในเซลล์นนั ้
2.ผนังเซลล์ (cell wall)
ผนังเซลล์ เป็ นส่วนที่อยูน่ อกเซลล์ พบได้ ใน เซลล์พืช สาหร่าย เเบคทีเรี ย เเละรา ผนังเซลล์
ทำหน้ าที่ป้องกันเเละให้ ความเเข็งเเรงเเก่เซลล์ เเละเป็ นส่วนที่ไม่มีชีวิต

ผนังเซลล์พืชประกอบด้ วยชันต่ ้ างๆ 3 ชัน้ คือ


1) ผนังเชื่อมยึดระหว่างเซลล์ (middle lamella)
เป็ นชันที
้ ่เกิดขึ ้นเมื่อ เซลลพืชเเบ่งตัวเเละเป็ นที่เชื่อม
ระหว่างเซลล์ให้ อยูต่ ิดกัน
2) ผนังเซลล์ปฐมภูมิ (primary wall) เกิดขึ ้นเมื่อเซลล์เจริ ญเติบโต ประกอบด้ วยสาร
พวก เซลลูโลส เซลล์เนื ้อที่เยื่อเจริ ญ
3) ผนังเซลล์ทตุ ิยภูมิ (secondary wall) ชันที ้ ่เกิดขึ ้นเมื่อเซลล์ขยายขนาดเเล้ ว โดยมี
สารพวก เซลลูโลส คิวทิน (cutin) ซูเบอริ น(suberin) ลิกนิน(lignin) เเละเพกทินมาเกาะ
เซลล์ที่มีผนังเซลล์ทตุ ิยภูมิ
3.โพรโทพลาซึม (protoplasm)

เป็ นส่วนของเซลล์ที่อยูภ่ ายในเยื่อหุ้มเซลล์ทงหมดทำหน้


ั้ าที่เกี่ยวข้ องกับการเจริ ญเเละ
การดำรงชีวิตของเซลล์ โพรโทพลาซึมของเซลล์ตา่ งๆ จะประกอบด้ วยธาตุที่คล้ ายคลึงกัน
4 ธาตุหลัก คาร์ บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ซึง่ รวมกันถึง 90 % ส่วนธาตุที่มีน้อย
คือ ทองแดง สังกะสี อลูมิเนียม โคบอลต์ แมงกานีส โมลิบดินมั และโบรอน ธาตุตา่ งๆเหล่านี ้
จะรวมกันเป็ นสารประกอบต่างๆ จักระบบการทำงานอย่างซับซ้ อน ทำให้ เกิดกระบวนการ
ต่างๆ ทางเมตาบอลิซมึ

โพรโทพลาซึม ประกอบค้ วย 2 ส่วนคือ


3.1 ไซโทพลาซึม(cytoplasm)
3.2 นิวเคลียส (nucleus)
3.1) ไซโทพลาซึม(cytoplasm)
ไซโทพลาซึม คือ ส่วนของโพรโทพลาซึมที่อยูน่ อกนิวเคลียส โดยทัว่ ไปจะแบ่งออก
เป็ น 2 ชันคื
้ อ
เอกโทพลาซึม (ectoplasm) เป็ นส่วนที่อยูด่ ้ านนอกติดกับเยื่อหุ้มเซลล์ มีลกั ษณะบางใส
เพราะมีสว่ นประกอบต่างๆ ของเซลล์อยูน่ ้ อย
เอนโดพลาซึม (endoplasm) เป็ นส่วนที่อยูด่ ้ านในใกล้ นิวเคลียส ชันนี ้ ้จะมีลกั ษณะที่เขัม
ข้ นกว่า เนื่องจากที่ออร์ แกเนลล์ (organell) และอนุภาคต่างๆ ของสารอยูม่ าก จึงเป็ น
บริ เวณที่เกิดปฎิกริ ยาเคมีตา่ งๆ ของเซลล์มากด้ วย

ไซโทพลาซึม ยังที่ส่วนประกอบที่สำคัญเป็ น 2 ส่ วนคือ


- ออร์ แกเนลล์ (organell) เป็ นส่วนที่มีชีวิต ทำหน้ าที่คล้ ายๆกับเป็ นอวัยวะของเซลล์
แบ่งเป็ นพวกที่มีเยื่อหุ้มและพวกที่ไม่มีเยื่อหุ้ม
- ไซโทพลาสมิก อินคลูชนั (cytoplasmic inclusion) เป็ นสารที่ไม่มีชีวิต ที่อยูใ่ น
ไซโทพลาสมิก เช่นเม็ดแป้ง(starch grain) เม็ดโปรตีน หรื อพวกของเสียที่เกิดจาก
กระบวนการ เมแทบอลิซมึ เช่น ผลึกของแคลเซียม
3.2) นิวเคลียส
นิวเคลียสค้ นพบโดย รอเบิร์ต บราวน์ นักพฤกษศาสตร์ ชาวอังกฤษ เมื่อปี
ค.ศ.1831 มีลกั ษณะเป็ นก้ อนทึบแสงเด่นชัดอยูบ่ ริ เวณกลางๆ หรื อค่อนไปข้ างใดข้ างหนึง่
ของเซลล์ เซลล์โดยทัว่ ๆไป จะมี 1 นิวเคลียส
นิวเคลียสมีความสำคัญเนื่องจากเป็ นที่อยูข่ องสารพันธุกรรม จึงมีหน้ าที่ควบคุม
การทำงานของเซลล์ โดยทำงานร่วมกับไซโทพลาซึม และจากการทดลองโดยนำนิวเคลียส
ของอะมีบาออก จะพบว่าอะมีบาจะตายภายใน 2-3 วัน

สารประกอบทางเคมีของนิวเคลียสประกอบด้ วย
1.ดีออกซีไรโบนิวคลีอิก แอซิด (deoxyribonucleic acid) หรื อ DNA เป็ นส่วนประกอบ
ของโครโมโซมในนิวเคลียส
2.ไรโบนิวคลีอิก แอซิด (ribonucleic acid) หรื อ RNA เป็ นส่วนที่พบในนิวเคลียส โดยเป็ น
ส่วนประกอบของนิวคลีโอลัส
3.โปรตีน ที่สำคัญคือเป็ นโปรตีนเบส (basic protein) ทำหน้ าที่เชื่อมเกาะอยูก่ บั DNA
การจำแนกจุลินทรี ย์ตามการแบ่ งตามลักษณะของนิวเคลียส
Kingdoms

Prokaryotic cells Eucaryotic cells


( โปรแครีโยติก ( ยูแครีโยติกเซลล์ )
เซลล์ )

Algae

Bacteria Blue-green algae


Fungi

Molds

Protozoa
Yeasts
Prokaryotic cell

โพรคาริโอต ส่วนใหญ่นนมี ั ้ ขนาด


ประมาณ 0.5-3 ไมโครเมตร โดยจะ
มีรูปร่างต่างกันตามสปี ชีส์ ซึง่ โพร
คาริ โอต เจริ ญเติบโตเร็ วมาก โดย
จะเพิ่มเป็ นสองเท่าโดยใช้ เวลา
ชัว่ โมงครึ่งถึงหลายชัว่ โมง ดังนัน้
โพรคาริโอต จึงนำไปใช้ ประโยชน์
ในการเป็ นแหล่งคาร์ บอนของสารอาหารหลายชนิด ซึง่ รวมถึง
คาร์ บอนไดออกไซด์ ไฮโดรคาร์ บอน โปรตีน และคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2)
Bacteria

Bacteria เป็www.earthlife.net/prokaryotes/welcome.html
นเซลล์ที่มี
ขนาดเล็กตังแต่
้ 1-10 ไมครอน ผนังเซลล์ประกอบด้ วยคาร์ โบไฮเดรตที่มี
กรดอะมิโนเป็ นส่วนประกอบ เรี ยกว่าpeptidoglycan เยื่อหุ้มเซลล์
ประกอบด้ วยโปรตีนและลิปิดบางส่วนจะม้ วนตัวเป็ นโครงสร้ างที่เรี ยกว่า
mesosome มีหน้ าที่เกี่ยวกับกระบวนการสำคัญต่างๆ เช่น การหายใจ การ
สังเคราะห์ DNA และการแบ่งเซลล์
โครงสร้ างภายใน
-Cytoplasmic Membrane ควบคุมการ
เข้ าออกสูเ่ ซลล์ของอาหารและของ
เสีย
- Mesosome ทำหน้ าที่เป็ นโครโมโซมใน
ขณะที่เซลล์เริ่ มแบ่งตัว
-Ribosome หน้ าที่สร้ างโปรตีนและ
เอนไซน์
-Nuclear Material ทำหน้ าที่เป็ น
Nucleus ของแบคทีเรี ย (www.bio-logia.com.ar/fotos/monera/Bacterio.gif)

-Cytoplasmic Inclusions ทำหน้ าที่เป็ นอาหารสะสมเพื่อนำไปสร้ างพลังงาน


โครงสร้ างภายนอก

- Flagella ลักษณะเป็ นขนยาวๆ ทำให้


แบคทีเรี ยสามารถเคลื่อนที่ได้

- Pili เป็ นขนเส้ นเล็กๆ ทำหน้ าที่


ถ่ายทอดสารพันธุกรรม และทำหน้ าที่
ยึดเกาะกับวัตถุ หรื อเซลล์ของ
เนื ้อเยื่อต่างๆ

- Capsule มีลกั ษณะเป็ นเมือกข้ นๆ ล้ อม


รอบผนังเซลล์ ทำหน้ าที่ป้องกันเซลล์

-Cell Wall เป็ นผนังล้ อมรอบเซลล์ ทำให้ เซลล์คงรูปร่างที่แน่นอนและมีสว่ นในการทำ


หน้ าที่แบ่งเซลล์
สาหร่ ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Blue green algae )
สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน หรื อ Cyanobacteria จัดเป็ นแบคทีเรี ยที่มีลกั ษณะการ
ดำรงชีวิตแบบ photoautotroph ซึง่ นอกจากมี รงควัตถุคลอโรฟิ ลล์ เอ ( chlorophyll a )
เหมือนกับที่พบในพืชแล้ ว ยังมีรงควัตถุที่เรี ยกว่าไฟโคไซยานิน (phycocyanin) ซึง่ เป็ น
สารประกอบพวกโปรตีนที่พบได้ เฉพาะในสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ทำให้ สามารถ
สังเคราะห์ด้วยแสงได้ โดยมีระบบ photosystem 2 ระบบและสร้ างออกซิเจนได้ เช่นเดียว
กับพืช
มีทงที
ั ้ ่เป็ นเซลล์เดี่ยว (unicellular) หรื ออยูก่ นั
เป็ นกลุม่ แบบโคโลนี (colony) บางชนิดอาจมี
ลักษณะเป็ นเส้ นสาย (filament) รอบนอกผนังเซลล์
มักจะมีชนที
ั ้ ่มีลกั ษณะเป็ นเมือกหรื อวุ้นห่อหุ้มซึง่ ช่วย
รักษาความชื ้นของเซลล์เอาไว้ หรื อป้องกันเซลล์จาก
ความแห้ งแล้ งที่เกิดขึ ้นในสิง่ แวดล้ อมภายนอกได้
Eucaryotic cells
 
เชื ้อรา สาหร่าย โปรโตซัว เซลล์พืช และเซลล์สตั ว์ จัดเป็ นพวกยูคาริ โอต ซึง่ ยู
คาริโอตจะมีรัศมีใหญ่กว่าพวกโปรคาริโอต 5-10 เท่า (ยีสต์ มีขนาด 5- 10
ไมโครเมตร, เซลล์สตั ว์ มีขนาด 10 ไมโครเมตร, เซลล์พืช มีขนาด 20 ไมโคร
เมตร) พวก eucaryotes จะมีนิวเคลียสและอวัยวะเซลล์ภายใน ไซโต
พลาสมา ดังรูป
Fungi
ฟั งไจ หมายถึงสิง่ มีชีวิตพวกเห็ดรา ตัวอย่างเช่น ราขนมปั ง ยีสต์
ราเขียว ราดำ เห็ดต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ โดยทำ
หน้ าที่เป็ นผู้ยอ่ ยสลายอินทรี ย์สาร ทำให้ มีการหมุนเวียนในระบบ
นิเวศ
•ชนิดของเซลล์ เป็ นชนิด Eukaryote
ลักษณะทั่วไปของฟั งไจ
•รูปร่าง มีทงั ้ Unicellular (yeast)
และMulticellular เป็ น filamentous
(mold; hypha, mycelium) หรื อเป็ น
แบบmushroom; hypha อัดแน่นเป็ น
fruiting body)
•ผนังเซลล์ ประกอบด้ วย cellulose unicellular Hyphae
และ hemicellulose หรื อ chitin อย่าง
ใดอย่างหนึง่
•การนำอาหารเข้ าสูเ่ ซลล์ absorption
•สภาวะในการเจริ ญ aerobe หรื อ
facultative anaerobe
•การสืบพันธุ์ มีการสืบพันธุ์ทงแบบ
ั้
อาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ Fruiting body
Yeasts

• ส่วนใหญ่เป็ นเชื ้อราชนิดเซลล์เดียว (unicellular fungi)


• มีรูปร่างหลายแบบ เช่น กลม รี สามเหลี่ยม
• รวมตัวกันอยูเ่ ป็ นโคโลนี มีสีตา่ งๆกัน
• ส่วนใหญ่มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยวิธีการ
แตกหน่อ
• พบทัว่ ไปในธรรมชาติในดิน น้ำ ในส่วนต่างๆ ของพืช
Mold

• เป็ นเชื ้อราชนิดหลายเซลล์ (multicellular fungi)


• โคโลนีมีสีตา่ งๆกัน
• ผิวหน้ าโคโลนีมีได้ หลายแบบ เช่น
o ฟูคล้ ายสำลีหรื อขนสัตว์ (cottony, wooly)
o นุ่มคล้ ายกำมะหยี่ (velvety)
o เป็ นผง (granular)
Algae (สาหร่ าย)
• สาหร่าย เป็ นพืชชน ั ้ ต่ำไม่มส
ี ว่ นทีเ่ ป็ นราก ลำต ้น
และใบทีแ่ ท ้จริง มีขนาดตัง้ แต่เล็กมากไปจนถึง
ขนาดใหญ่ ประกอบด ้วยเซลล์จำนวนมาก อาจเป็ น

เสนสายหรื อมีลก ั ษณะคล ้ายพืชชน ั ้ สูงก็ม ี
• การแบ่งพวกสาหร่ายแบ่งตามรูปร่างลักษณะ
ภายนอกหรือดูตามส ี จึงมีสาหร่ายสเี ขียว เขียวแกม
น้ำเงิน น้ำตาล และสแ ี ดง
• สาหร่ายสบ ื พันธุโ์ ดยอาศย ั เพศและไม่อาศย ั เพศ
Protozoa (โปรโตซัว)
โปรโตซัว เป็ นสัตว์ซงึ่ มีความสามารถสูง
และคุณสมบัติในการดำรงชีพเหมือนสัตว์
หลายเซลล์ โดยมีระบบต่างๆ ภายในตัวเอง
อย่างสมบูรณ์ เช่น การสืบพันธุ์ การย่อย
อาหาร การหายใจ และการขับถ่าย
โปรโตซัวเป็ นปรสิตของสัตว์ไม่มีกระดูก
สันหลังและสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังรวมทัง้
มนุษย์ การดำรงชีพแบ่งเป็ น 2 กลุม่ คือ พวก
ที่อาศัยอยูอ่ ย่างอิสระ และพวกที่ต้องอาศัย
สิง่ มีชีวิตอื่นร่วมด้ วย
วิธีการสืบพันธุ์ของจุลินทรีย์

การสบ ื พันธุพ ์ วกโพรคารีโอต นีเ้ ป็ นการสบ ื พันธุ์


แบบไม่อาศย ั เพศ (asexual reproduction) ซงึ่ สว่ นใหญ่เกิด
โดยวิธก ี ารแบ่งสองสว่ น (binary fission)
โดยสารพันธุกรรมหรือ DNA จะเกิดการจำลอง
(duplication) และเมือ ่ เกิดการจำลอง สายDNAจะเคลือ ่ น
ไปติดอยูก ่ บ ั เยือ
่ หุ ้มเซลล์ (plasma membrane) และทำการ
จำลองสายใหม่ โดยทีจำ ่ ลองใหม่ขน ึ้ มานีจ ้ ะติดอยูท ่ ี่
เยือ
่ หุ ้มเซลล์ ในตำแหน่งทีใ่ กล ้ๆ กับตำแหน่งของ
สาย DNA เดิม หลังการจำลองเสร็จสน ิ้ จะมีการเจริญ
ของเยือ ่ หุ ้มเซลล์เกิดขึน ้ ระหว่างตำแหน่งทีต ่ ด
ิ ของ D
NA ทัง้ สองสาย และแบ่งเซลล์ตงั ้ ต ้นออกเป็ นเซลล์
Binary fission ของ Procaryotic cell
การสบ ื พันธุท ์ ข
ี่ น
ึ้ ได ้ภายใน
เซลล์เดิมเรียก เอนโดสปอร์
(endospore) เชน ่ ในแบคทีเรียมีการ
การจำลองโครโมโซมชุดใหม่ขน ึ้
มา และสร ้างผนังพิเศษทีม ่ ค
ี วาม
ทนทานขึน ้ ล ้อมรอบ ซงึ่ แบคทีเรีย
จะสร ้างเอนโดสปอร์ขน ึ้ เมือ ่
สภาพสงิ่ แวดล ้อมไม่เหมาะสม
เซลล์เดิมทีอ ่ ยูภ
่ ายนอก จะสลาย
หรือตายไป เอนโดสปอร์จะยังคง
สามารถอยูร่ อดได ้ และจะสามารถ
เจริญเติบโตเป็ นปกติตอ ่ ไปเมือ ่ สงิ่
http://foodsci.wisc.edu/fs120/_images/lectures/fig1.gif
แวดล ้อมเหมาะสม
การสืบพันธ์ แบบ Vegetative reproduction
Fragmentation เป็ นการหักหลุดของ hypha
เป็ นท่อนๆ แต่ละท่อนเจริ ญเป็ น hypha และ
mycelium ใหม่ได้
Fission เซลล์จะยาวออก แล้ วเกิดผนังมากัน้
ให้ หลุดออกเป็ น 2 daughter cell ขนาดเท่า ๆ
กัน (ที่กล่าวมาแล้ วข้ างหน้ า)
Budding การแตกหน่อ โดย parent cell สร้ าง
หน่อเล็กๆ ยื่นออกมา และ daughter nucleus
ที่แบ่งได้ จะเคลื่อนเข้ าไป หน่อจะเล็กกว่า
parent cell หรื อเกิดหน่อต่อกันเป็ นลูกโซ่ เรี ยก
ว่า Pseudomycelium
ภาพจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย

You might also like