Professional Documents
Culture Documents
“ฝายพระเจาจักรพรรดิ์แหงมะหงนกับพระจักรพรรดิ์โซฟผูยิ่งใหญนั้น มิไดทรงปฏิบัติเชนนั้น
ตอพระเจากรุงสยาม ดวยตางฝายตางแสดงถอยทีถอยอาศัยเพื่อธํารงไวซึ่งไมตรีจิตและมิตรภาพแหง
กันและกันตลอดมา ในป ค.ศ. ๑๖๘๕ พระเจากรุงสยามยังไดทรงจัดคณะทูตานุทูตไปเปนการตอบ
แทนที่ฝายโนนไดจดั สงมาเมื่อสามหรือสี่ปกอนนี้ และในบรรดาเครื่องของขวัญบรรณาการนัน้ มีมา
งามจากเปอรเชียถึงสิบสองตัว ประดับดวยอัศวาภรณอนั งามวิจิตรเทาที่จะหาไดจากในทวีปยุโรป”๖๓
“แตพระกรุณาซึ่งนาจะนอมนําใจพวกนี้ใหปฏิบัติหนาที่โดยสุจริตตอพระเจากรุงสยามกลับทํา
ใหพวกนี้เกิดคิดที่จะทรยศตอพระองค พวกเขานึกวาตนเองมีอํานาจเพียงใด และไดรับการ
โปรดปรานจากพระเจากรุงสยามมาก เพราะฉะนั้นจึงเชื่อวาพวกเขาสามารถทําการทั้งปวงไดโดยไม
ตองหวาดหวัน่ เปนตนวายื้อแยงตําแหนงขุนนาง ปลนบานเรือนเสีย และเชื่อวาในเวลาไมชานักจะ
เขายึดทองพระคลังและกุมองคพระเจาอยูห ัวเสียดวย หากพระองคปฏิเสธไมยอมนับถือศาสนาอิสลาม
นายก็องสตังซผูมีความฉลาดเฉลียวเปนทีห่ วั่นเกรงแกศัตรูของแผนดินไดสืบรูแผนการจึงไดนําความ
ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา และทูลเกลาถวายความคิดที่จะทําลายบุคคลเหลารายเหลานี้มิใหเอิกเกริก
และโดยลับ ซึ่งพวกเขาไดทําการเนรคุณตอน้ําพระทัยอันอารีของพระเจากรุงสยาม ในที่สุดพระเจา
แผนดินก็ทรงตกลงใหจดั การได พระองคทรงเริ่มจัดการใหพวกมันออนกําลังโดยทรงคุมขังหัวหนา
พวกที่คดิ อุบายนี้ และทรงทําใหพวกมันอัปยศโดยทรงปลดออกจากตําแหนงที่ไดทรงพระกรุณา
ประทานแกพวกมัน และทรงปฏิเสธการชวยเหลือแกบุคคลอื่นซึ่งตองการพระกรุณาของพระองคเพื่อ
การคงอยู กระนั้นก็ดี พวกนี้ยังเปนภัยคุกคามเนื่องดวยมีจํานวนมากอยูในประเทศ และเนื่องดวยการ
“สมเด็จพระมหากษัตริยสยามเลี้ยงมาไวเปนราชพาหนะและพลพาหนะสําหรับพระนครอยู
เพียงแต ๒,๐๐๐ มา ทรงมีมาเปอรเชียอยูสัก ๑๒ ตัว แตเดี๋ยวนีก้ ไ็ มมีคาเสียแลว ราชทูตเปอรเชีย
เอามาถวายพระพุทธเจาอยูหวั มาไดสัก ๔ หรือ ๕ ปมานี้แลว สงมาจากพระเจาแผนดินเปอรเชีย”๗๔
ในจํานวนชาวตางประเทศชาติตาง ๆ ทีเขามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารนั้น แขกมัวรไดตั้งเนื้อ
ตั้งตัวเปนอยางดีกวาเพื่อนในแผนดินนี้ ดวยครั้งหนึ่งเผอิญแขกมัวรไดรับตําแหนงถึงไดเปน
ออกญาพระคลัง ดวยพระมหากษัตริยส ยามทรงพระราชดําริเห็นวา โดยใชพระบรมราโชบายฉะนี้
สามารถที่จะทําใหการคาขายในบานเมืองเจริญขึ้น ดวยในจําพวกเจาแผนดินใกลเคียงอันมีเดชานุภาพ
มาก ๆ แตละลวนทรงนับถือศาสนามะหะหมัดสิ้น ตําแหนงหนาที่ราชการที่สําคัญ ๆ ทั้งในกรุงและ
หัวเมืองครั้งนัน้ ก็ตกอยูในมือพวกแขกมัวร พระมหากษัตริยสยามโปรดสรางสุเหราเปนหลายแหง
พระราชทานแกแขกมัวรดว ยพระราชทรัพย และพระองคยังทรงพระราชานุเคราะหชวยทุนการทําพิธี
สําคัญ ๆ ขอพวกแขกที่พวกแขกฉลองศรัทธาตามศาสนาลัทธิติดตอกันหลายวัน เพือ่ สักการบูชาระลึก
ถึงวันมรณภาพของอาลี หรือพระบุตรของอาลี (พิธีเจาเซ็นวันมะหะรัม) ชาวสยามที่เขารีตศาสนา
แขกมัวรไมชาก็เกิดละโมบโภคทรัพยอันแสนอุดมในสยามเลยริมูมมามกอการทุจริตผิดรายตาง ๆ
ความเชื่อถือคนที่เปนแขกมัวรชาติเดียวกันกับออกญาพระคลังผูประพฤติชอบนั้นตอมาก็เสื่อมทรามลง
ที ตําแหนงหนาราชการสําคัญ ๆ ก็ถอนเสียจากพวกแขกและพวกไทยที่เขารีตศาสนาพระมะหะหมัด
ก็ถูกเอาตัวมาบังคับใหเสียเงินคาราชการแทนขาเดือนรับราชการ ปละ ๖ เดือน ซึ่งแตกอนพวกไทย
เขารีตเคยได
“เรือที่พระเจากรุงสยามทรงสงมาเมื่อปกลายนี้ ซึ่งมีคณะราชทูตและเครื่องบรรณาการแก
ชาฮฺนั้น ไดถูกพวกเรืออฺรับแถวปากอาวยึดได และไดพาไปเมืองมัสกัต เพื่อหวังคาไถ และยาก
จะไดคนื เวนแตจะไดเงินกอนใหญ พอคาชาวเปอรเชียคนหนึ่งไดเขียนจดหมายถึงนายทาเพื่อขอ
ความชวยเหลือและทานราชทูตก็ไดเขียนตามอักขระของตน (ซึ่งไมมีใครอานและเขาใจได)
หวังจะใหผูจัดการสินคาและขาพเจาเองเขียนจดหมายแทนพระเจากรุงสยาม โดยอางวาเราจะได
ผลประโยชนทางภาษีถาจัดการปลอยพวกเขาได ในการปฏิบัตินี้ แมจะไมมีสิ่งใดชักจูงขาพเจาได
เร็วกวา เพื่อเพิ่มพูนผลประโยชนของนายขาพเจาก็ตาม จนเมื่อขาพเจาทราบวาพวกฮอลันดา
กําลังจะมุงไปทางนั้น ขาพเจาก็เห็นดวยโดยไดตอบไปแลวเมื่อสามสี่วันนี”้
ในหนังสือเลมเดียวกันหนาที่ ๙๘ นายสตีเฟน ฟลาวเออรไดเขียนจดหมายลงวันที่ ๕
กันยายน ค.ศ. ๑๖๖๙ (พ.ศ. ๒๒๑๒) จากเมืองอิศปะฮาน ถึงเจาหนาที่ของอังกฤษในเมืองสูรัต
ดังคําแปลตอไปนี้:-
“ตามคําขอรองของนายทา โดยทําการแทนเรือของสยามที่ถูกพวกอฺรบั ยึด ณ เมืองมัสกัต
ขาพเจาแนะวาจะเขียนจดหมายถึงอิมามเพือ่ ใหปลอยเรือซึ่งขาพเจาก็ไดปฏิบัติตามนัน้ และแม
พวกอฺรับจะไดใชเรือนี้สูรบกับกองเรือของพวกโปรตุเกสดวยความยินยอมของเจาของเรือมากอนก็
ตาม เมื่อไดรบั จดหมายของขาพเจา คณะทูตและบรรดาสินคาก็ไดรับการปลดปลอยและมี
อิสรภาพที่จะบรรทุกสินคาของตนและโดยสารไปยังเมืองทาใด ๆ ที่พวกเขาพอใจ ทั้งหมดมี ๙
คนแตตองพลัดพรากกันกลางทะเล คือ ๔ คนถึงเมืองก็อมบรูมโดยปลอดภัย นอกนั้นถูกพวก
โปรตุเกสจับไปเมืองคองโก”
คณะราชทูตทีก่ ลาวนี้ สมเด็จพระนารายณ ฯ ทรงสงไปเจริญพระราชไมตรีกับชาฮฺ
แหงอิหราน ซึ่งตามปนั้นเปนชาฮฺสุลัยมานที่ ๑ (พ.ศ. ๒๒๒๐ - ๒๒๓๗ ค.ศ. ๑๖๖๗ – ๑๖๙๔)
พระองคทรงอยูในวงศเศาะฟะวี เมืองก็อมบรูม คือ เมืองบันดัชฺชาฮฺ (Bandar – Shah) อยูปากอาว
เปอรเชียกอนจะถึงเมืองนี้ ตองผานเมืองมัสกฺอฏ(มัสกัต) ในหมูพวกฝรั่งทั้งหลาย โปรตุเกสเปน
ชาติแรกที่ไดตงั้ รกรากอยูในเปอรเชีย กอนจากนีใ้ นวงศของเศาะฟะวีเอง พวกโปรตุเกสยึดได
เมืองฮัรฺมูซ(Hormuz) ซึ่งเปนเมืองทากอนถึงก็อมบรูม ตั้งเปนศูนยการคากับเปอรเชียและอินเดีย
โดยสงฝาย พรม ขนแกะ ผลไม และยางไมไปยุโรป จนกระทั่ง ค.ศ. ๑๖๒๒ (พ.ศ. ๒๑๖๕)
พวกเปอรเชียจึงไดเมืองนี้คนื ดวยการชวยเหลือของพวกฮอลันดาและบริษัทอีสตอินเดียของอังกฤษ
เปนธรรมดาอยูเอง อังกฤษยอมไดสทิ ธิพิเศษทางการคาเปนการตอบแทน จนถึง ค.ศ. ๑๖๑๖
(พ.ศ. ๒๑๕๙) จึงไดปะทะกับพวกโปรตุเกส หลัง ค.ศ. ๑๖๑๒ (พ.ศ. ๒๑๕๕) อิทธิพลของ
อังฤกษในอาวเปอรเชียก็มีเหนือชาติตาง ๆ ใกล ๆ เมืองฮัรฺมูซนั้น ชาฮฺอับบาสที่ ๑ (พ.ศ. ๒๑๓๐ -
๒๑๗๒ ค.ศ. ๑๕๘๗ - ๑๖๒๙) ไดทรงใหสรางเมืองทาขึ้นมีชื่อวา บันดัรฺ อับบาส แปลวา เมือง
ทาของอับบาส สรางขึ้น ณ เมืองเล็ก ๆ ชื่อกัมรูน (Gamrun) ซึ่งกลาววาเปนศัพทตุรกี แปลวา
โรงภาษี ฝรั่งเรียกเพีย้ นเปนก็อมบรูน
อีกเมืองหนึ่งคือ อิสปาฮาน นั้น เรียกใหถูกตองคือ อิศปะฮาน หรือ อิศฟะฮาน
ตามสําเนียงอฺรับ เพราะไมมีตัว ป สวนตามสําเนียงของเปอรเชีย คือ อิศปะฮาน
เรื่องที่พวกอฺรบั รบกับพวกโปรตุเกสนั้น เพราะผลประโยชนขัดกันเรื่องการคา จึง
ปลนสะดมเรือสินคาของกันและกัน ความละเอียดมีแจงในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระ
ราชหัตถเลขาภาคตน หนา ๔๗๐ - ๔๗๒
ตอมาทางกรุงสยามไดสงทูตไปเจริญพระราชไมตรีอีก คราวนี้คงเปนชาวเปอรเชียมี
ชื่อวา อะลี สาลิม การที่สมเด็จพระนารายณ ฯ ทรงสงทูตซึ่งเปนแขกไปนั้น เพื่อตัดความยุงยาก
เรื่องภาษาและขนบธรรมเนียมของแขก และบรรดาแขกเหลานี้ก็ไดรับราชการจนเปนที่ไววาง
พระราชหฤทัย ทางฝายอิหรานไดสงทูตมาเจริญพระราชไมตรีเปนการตอบแทนเชนกัน ชื่อ
อิบรอฮิม ปรฺหรืออิบรอฮีมเบก (ในหนังสือที่อางเขียนเปน เอบบราฮิมปก)๗๘
พรอมดวยเครื่องบรรณาการที่หรูหรายิ่ง รวมทั้งมาพันธุดี จุดประสงคสวนหนึ่งนัน้ เพื่อทูลเชิญ
สมเด็จพระนารายณ ฯ เขารับนับถือศาสนาอิสลาม แตเมื่อไมสําเร็จก็คงไดเดินทางกลับในป
นั้นเอง
ในหนังสือ Records of the Relation between Siam and Foreign Countries in
the 17th Century เลมที่ ๕ หนา ๔๑ ตีพมิ พที่กรุงเทพ ฯ เมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๑ มีบันทึกลงวันที่ ๒๔
พฤษภาคม ค.ศ. ๑๖๘๘ (พ.ศ. ๒๒๓๑ ) วา พระเจากรุงสยามไดสงเรือสี่ลําพรอมดวยคณะทูต
นําชางและสินคาอื่น ๆ เปนบรรณาการแกจกั รพรรดิ์โมกุล แตตอจากนัน้ ก็ไมมีขาวอีก
จักรพรรดิโมกุลที่กลาวนี้คือกษัตริยเอารังซีบ เพราะรัชกาลตรงกัน
หลังจากแผนดินสมเด็จพระนารายณ ฯ แลว คงจะมีการติดตอสืบเนื่องกันอยูบา ง
เพราะในหนังสือที่กลาวนี้ เลม ๕ หนา ๑๓๙ – ๑๔๐ ไดตีพิมพจดหมายจากหัจญีมุหัมมัด อะลี
ถึงนายพลโทแน็ททะนีล ฮิกกินสัน (Nathaniel Higginson) ที่ปอมเซ็นตยอรจ อยูในเมืองมัดราส
จดหมายนั้นไมมีวันที่ แตทานนายพลโทไดรับเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๖๙๗ (พ.ศ.
๒๒๔๐) มีขอความดังคําแปลตอไปนี้