Professional Documents
Culture Documents
๑ - ๕๘ , ๑๐๗ - ๒๐๘
สถานที่กฎหมายอาญาใช้บังคับ
(๑). หลักดินแดน ( ม.๔ , ๕ , ๖ )
(๒). หลักอำานาจลงโทษสากล ( ม. ๗ )
(๓). หลักบุคคล ( ม. ๘ , ๙ )
(๔). การคำานึงถึงคำาพิพากษาของศาลต่างประเทศ ( ม. ๑๐ , ๑๑ )
หลักดินแดน
- การกระทำาผิดทั้งหมดอยู่ในราชอาณาจักร ( ม. ๔ ว.๑ )
- การกระทำาผิดบางส่วนในราชอาณาจักร ( ม. ๕ ว.๑ ตอนแรก )
- การกระทำาผิดทั้งหมดนอกราชอาณาจักร แต่ผลเกิดในราชอาณาจักร ( ม. ๕ ว.๑ ตอนหลัง และ
ว.๒ )
- พยายามกระทำาผิดนอกราชอาณาจักร ( ม. ๕ ว.๒ ) ผลน่าจะเกิดในราชอาณาจักร
- ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน กระทำาผิดนอกราชอาณาจักร โดยความผิดที่ร่วมทำา ถูกใช้ หรือสนับ
สนุนเกิดในราชอาณาจักร ( ม.๖ ) มีการร่วมมือ ใช้ ช่วยเหลืออยู่นอกราชอาณาจักร เพื่อมากระทำาความผิด
ในราชอาณาจักรและได้กระทำาความผิด
- กระทำาความผิดในเรือไทยหรืออากาศยานไทย ( ม.๔ ว.๒ ) กระทำาผิดในเรือไทยหรืออากาศ
ยานไทยอยู่นอกราชอาณาจักร ถือว่ากระทำาผิดในราชอาณาจักร
- ถ้ากระทำาความผิดนอกราชอาณาจักร แต่ตายในเรือไทยหรืออากาศยานไทยให้ถือว่า ไม่ผิด
ตาม ม. ๔ , ๕ , ๖ แต่มีความผิดตาม ม. ๘
หลักอำานาจลงโทษสากล ( ม.๗ )
๑. กระทำาผิดนอกราชอาณาจักร ม. ๗(๑) , ๗(๒) , ๗(๒ ทวิ ) , ๗(๓)
๒. ต้องรับโทษในราชอาณาจักร
หลักบุคคล ( ม.๘ )
๑. กระทำาความผิด ตาม ม.๘ (๑) - (๑๓) อยู่นอกราชอาณาจักรทั้งหมด
๒. ผู้เสียหายหรือผู้กระทำาผิดเป็นคนไทย และร้องขอให้ลงโทษ ตาม ม. ๘ (ก) , (ข).
หลักบุคคลเจ้าพนักงานไทยกระทำาผิด ( ม.๙ )
๑. ผู้กระทำาผิดเป็นเจ้าพนักงานไทย ( อาจเป็นคนต่างด้าวก็ได้ )
๒. กระทำาความผิด ตาม ม. ๑๔๗ - ๑๖๖ และ ๒๐๐ - ๒๐๕
๓. กระทำานอกราชอาณาจักร
หลักการคำานึงถึงคำาพิพากษาของศาลต่างประเทศ ( ม.๑๐ )
ประเด็นที่ต้องพิจารณา
- ศาลไทยไม่มีอำานาจพิจารณาคดีได้อีก
- ศาลไทยมีอาำ นาจพิจารณาคดีอีกครั้งได้โดย
๑. หากพบว่าการกระทำาผิด สามารถใช้ดุลยพินิจในการลงโทษได้
๒. ไม่อาจใช้ดุลยพินิจในการลงโทษได้ ต้องพิจารณาไปตามปกติ
การใช้ดุลยพินิจของศาล
- ลงโทษตามโทษที่ระวางกำาหนดไว้
- ลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำาหนด
- ไม่ลงโทษเลยและปล่อยตัวจำาเลยไป
หมายเหตุ - ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากโทษที่จำาเลยเคยได้รับมาแล้วจากต่างประเทศ
ศาลไทยพิจารณาอีกไม่ได้
มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑
- เป็นการกระทำาความผิดตาม ม. ๗ (๒) , ๗(๓) - เป็นการกระทำาความผิดตาม ม. ๔ , ๕ , ๖
๘, ๙
- ศาลต่างประเทศพิพากษาถึงที่สุดให้ปล่อย หรือ - ศาลต่างประเทศพิพากษาถึงที่สุดให้ปล่อย
ผู้กระทำาผิดพ้นโทษจากศาลต่างประเทศ หรือ ผูก้ ระทำาผิดพ้นโทษจากศาลต่างประเทศ
ศาลไทยใช้ดุลยพินิจได้
มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑
- เป็นการกระทำาความผิดตาม ม. ๗ (๒) , ๗(๓) - เป็นการกระทำาความผิดตาม ม. ๔ , ๕ , ๖
๘, ๙
- ศาลต่างประเทศพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ - ศาลต่างประเทศพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ
แต่ยังไม่พ้นโทษ แต่ยังไม่พ้นโทษ
- ผู้กระทำาผิดพ้นโทษ รัฐบาลไทย ได้ร้องขอ
ให้พิจารณาคดี
ศาลไทยใช้ดุลยพินิจไม่ได้
- ม. ๑๐ - ม. ๗(๒) , ๗(๓) , ๘ , ๙
- ศาลต่างประเทศพิพากษาคดีถึงที่สุดให้ปล่อยตัว
ประเด็นที่ต้องพิจารณา
- ศาลไทยไม่มีอำานาจพิจารณาคดีได้อีก
- ศาลไทยมีอาำ นาจพิจารณาคดีได้อีกครั้งโดย
๑. หากพบว่าการกระทำาผิดสามารถใช้ดุลยพินิจในการลงโทษได้
๒. ไม่อาจใช้ดุลยพินิจในการลงโทษได้ ต้องพิจารณาไปตามปกติ
หมายเหตุ - กรณีตาม ม. ๗ (๑) , ๗ (๒ทวิ ) ได้พิจารณาพิพากษามาแล้วจากต่างประเทศ ( ประเทศไทย
สามารถลงโทษ ( ลงซำ้า ) ได้อีก )
ตัวอย่าง ( EX )
นายดำาทำาร้ายร่างกายนายไมเคิลคนอังกฤษจนบาดเจ็บที่ประเทศฝรั่งเศส ต่อมานายดำาถูกศาลฝรั่งเศส
พิพากษาลงโทษจำาคุก ๑ ปี ศาลไทยจะมีอำานาจพิจารณาคดีและลงโทษได้หรือไม่ อย่างไร
ตอบ - นายดำาพ้นโทษและกลับประเทศไทย ( ลงโทษอีกไม่ได้ตาม ม. ๑๐ )
- นายดำาติดคุกได้ ๔ เดือน ก็หนีกลับมาประเทศไทย ( รับโทษมาไม่ครบ ศาลไทยมีอำานาจพิจารณา
ลงโทษได้อีก ตาม ม. ๑๐ )
- ศาลฝรั่งเศสพิพากษาถึงที่สุดยกฟ้องหรือปล่อยตัวนายดำา ( ศาลไทยลงโทษอีกไม่ได้ ตาม ม.๑๐ )
- ถ้าศาลฝรั่งเศสพิพากษาให้ยกฟ้อง และอัยการยื่นอุทธรณ์ แต่นายดำาหนีกลับมาในประเทศไทย
( ศาลไทยสามารถลงโทษนายดำาได้อีก เพราะว่านายดำาจำาเลยไม่เคยรับโทษมาเลย )
ตัวอย่าง ( EX )
นายดำาลักทรัพย์นายโทนี่คนอเมริกาบนเครื่องบินของสายการบินไทย ขณะจอดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
นายดำาถูกศาลอังกฤษพิพากษาลงโทษจำาคุก ๑ ปี ศาลไทยจะพิจารณาคดีนี้และลงโทษได้อีกหรือไม่ ถ้า
ตอบ - นายดำาพ้นโทษมาแล้ว ( ศาลไทยลงโทษอีกไม่ได้ตาม ม. ๑๑ )
- ศาลอังกฤษพิพากษาคดีถึงที่สุดยกฟ้องนายดำาและปล่อยตัว ( ศาลไทยมีอำานาจพิจารณาพิพากษา
ลงโทษได้อีก ( ลงซำ้า ) ตาม ม. ๑๑ )
ตัวอย่าง ( EX )
นายหลีกับนายเหล็งเป็นคนจีนอยู่ที่ฮ่องกง นายหลีจ้างนายเหล็งให้มาฆ่านายฮ้อคนจีนซึ่งอยู่ในประ
เทศไทย นายเหล็งตกลงรับจ้างและเดินทางมาประเทศไทยเพื่อฆ่านายฮ้อ แต่เมื่อนายเหล็งพบนายฮ้อจำาได้
ว่าเป็นเพื่อนกัน จึงเปลี่ยนใจไม่ฆ่าและบอกเรื่องให้ทราบ นายฮ้อจึงจ้างนายเหล็งให้กลับไปฆ่านายหลี นาย
เหล็งกลับไปที่ฮ่องกงใช้ปืนยิงนายหลีเพื่อฆ่า แต่กระสุนปืนไม่ถูกนายหลี
ดังนี้ นายหลี นายเหล็ง และนายฮ้อ มีความผิดถูกลงโทษในราชอ่ณาจักรได้หรือไม่
ตอบ - นายหลี ( ไม่ผดิ ตามกฎหมายไทย )
- นายฮ้อเป็นผู้ใช้ ( ผิดตาม ม. ๘๔ , ๘๐ , ๔ วรรค ๑ , ๒๘๙ (๔) ลงโทษ ตาม ม. ๔ วรรค ๑ )
- นายเหล็ง ( ผิดตาม ม. ๒๘๙ (๔) , ๘๐ , ๖ )
ความผิดกี่ยวกับเจ้าพนักงาน
๑. ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ( ม. ๑๓๖ - ๑๖๖ )
๒. ความผิดเกี่ยวกับความยุติธรรม ( ม. ๑๖๗ - ๒๐๕ )
เจ้าพนักงาน
๑. แต่งตั้งเป็นข้าราชการ ปฎิบัติหน้าที่ราชการ
๒. มีกฎหมายระบุไว้โดยเฉพาะ
- ลูกจ้างไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย แต่สามารถเป็นเจ้าพนักงานได้โดยเฉพาะปรากฎ
ตาม ฏีกาที่ ๕๒๓ / ๒๔๙๙ โดยปกติจะถือว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานผู้นั้นจะต้องเป็นข้าราชการตามกฎหมาย
- ฏีกาที่ ๒๔๓ / ๒๕๐๓ จำาเลยทั้ง ๔ คนได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุต
สาหกรรมให้ปฎิบัติงานในโรงงานสุรา ตามระเบียบของโรงงานสุรา ได้รับเงินเดือนจากรายได้ของโรง
งานสุรา ไม่ใช่รับจากงบประมาณแผ่นดิน ก็หามีผลทำาให้ฐานะของจำาเลยเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่
- ฎีกาที่ ๒๕๘๔ / ๒๕๒๔ กรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎ
หมาย
- ฏีกาที่ ๑๔๗๘ / ๒๕๒๕ ข้าราชการได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการจัดการโรงพิมพ์ส่วนท้อง
ถิ่นสังกัดกรมการปกครอง ซึ่งไม่เป็นส่วนราชการ ข้าราชการเหล่านั้นไม่เป็นเจ้าพนักงาน
- เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานได้โดยกฎหมายระบุเฉพาะ
กลุ่มมาตราที่เกี่ยวข้อง
๑. มาตรา ๑๓๗ แจ้งความเท็จ
๒. มาตรา ๑๖๒ เจ้าพนักงวานทำาเอกสารเท็จ
๓. มาตรา ๒๖๕ ปลอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ
๔. มาตรา ๒๖๗ แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ
๕. มาตรา ๒๖๘ ใช้เอกสารปลอม / เท็จ
- ฎีกาที่ ๑๐๐๑ / ๒๕๔๕ ลงลายมือชื่อปลอมในแบบผู้ยื่นคำาขอมีบัตรประชาชนใหม่ เป็นการ
ปลอมเอกสารราชการ ตาม ม. ๒๖๕ แจ้งความเท็จตาม ม.๑๓๗ และเมื่อนำาไปใช้ผิด ม. ๒๖๘
- ฎีกาที่ ๒๑๕๙ / ๒๕๔๕ ปลอมบัตรประชาชน ผิดมาตรา ๒ มาตรา ๑๓๗ , ๒๖๕ , ๒๖๗ ,
268
๖. มาตรา ๑๗๒ , ๑๗๓ แจ้งเท็จคดีอาญา
๗. มาตรา ๑๗๕ ฟ้องเท็จคดีอาญา
๘. มาตรา ๑๗๗ เบิกความเท็จ
๙. มาตรา ๑๗๔ แจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้รับโทษ
๑๐. มาตรา ๑๗๙ ทำาพยานหลักฐานเท็จ
กฎหมายเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน
เพื่อคุ้มครอง เพื่อควบคุม
๑. ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตาม ม. ๑๓๖ ๑. โดยทุจริต
๒. แจ้งความเท็จ ตาม ม. ๑๓๗ ๑.๑. เจ้าพนักงานยักยอก ตาม ม. ๑๔๗
๓. ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ตาม ม. ๑๓๘ ๑.๒. เจ้าพนักงานแกล้งจับเรียกเงิน ม. ๑๔๘
๔. ขืนใจเจ้าพนักงาน ตาม ม. ๑๓๙ ๑.๓. เจ้าพนักงานเรียกสินบน ตาม ม. ๑๔๙
๕. ให้สินบนเจ้าพนักงาน ตาม ม. ๑๔๐ ๒. โดยทุจริต + โดยมิชอบ ( บททั่วไป ) ม.๑๕๗
๖. ขัดขืนคำาสั่งหรือหมาย ตาม ม. ๑๖๘ , ๑๖๙ , ๒.๑. ม.๑๕๘
๑๗๐ , ๑๗๑ ๒.๒. ม.๑๖๑
๗. แจ้งเท็จ , ฟ้องเท็จ ตาม ม. ๑๗๒ , ๑๗๓ , ๒.๓. ม. ๑๖๒
๑๗๕ , ๑๗๗ ๒.๔. ม. ๑๖๕
๘. เบิกความเท็จ ตาม ม. ๑๗๙ , ๑๘๐ ๓. โดยมิชอบ
- ม. ๑๕๘ - ๑๖๖
มาตราที่ชอบออกข้อสอบบ่อยๆ
- มาตรา ๑๔๙ , ๑๕๗ , ๑๖๑ , ๑๗๒ , ๑๗๓ , ๑๗๔ , ๑๗๕ , ๑๗๗ , ๑๗๙ , ๑๘๐ , ๒๐๐
มาตราที่ไม่เคยออกข้อสอบ แต่คาดว่าจะออกข้อสอบ
- มาตรา ๑๘๔ , ๑๘๘ , ๑๘๙
- ฎีกาที่ ๓๔๗๐ / ๒๕๔๓ จำาเลยทั้งสามพร้อมกันขู่เข็ญ เรียกร้อง เอาเงินจากผู้เสียหายเพื่อละเว้นจากการท่า
ไม่จับกุมผุ้เสียหายไปดำาเนินคดี จนผู้เสียหายกลัวว่าจะถูกจับกุมจะเป็นอันตรายต่อเสรีภาพของตนจึงยอมจะ
ให้เงินแก่จำาเลยทั้งสาม ถือว่าเป็นการกระทำาผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ตาม ปอ.มาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไป และฐานกรรโชกทรัพย์ตาม ม. ๓๓๗ วรรคแรกด้วย หาใช่เป็นเรื่องที่
เมื่อเป็นความผิดตาม ม. ๑๔๔ และจะไม่เป็นความผิดตาม ม. ๑๕๗ และม. ๓๓๗ ด้วยไม่ เพียงแต่เมื่อเป็นความ
ผิดตาม ม. ๑๔๙ ซึ่งเป็นบทเฉพาะ และ มาตรา ๑๕๗ เป็นบททั่วไป จึงลงโทษเฉพาะ ม. ๑๔๙
- ฎีกาที่ ๔๔๓๖ / ๒๕๓๑ เจ้าพนักงานมีอำานาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาได้รับแจ้งความว่ามีคนร้ายลักทรัพย์
ไป แล้วไม่รับแจ้ง และเมื่อจับผู้กระทำาผิดได้แล้วกลับปล่อยตัวไป มีความผิดตาม ม.๑๕๗ , ๒๐๐วรรคแรก ลง
โทษตาม ม. ๑๕๗ ซึ่งเป็นบทหนัก
- การคำานวณค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน ผิด ม. ๑๔๙
- ไม่เสนอเรื่องราวการขอจดทะเบียนต่อไป ผิด ม. ๑๕๗
- การออกใบแทน น.ส.๓ แต่กรอกข้อความไม่ครบถ้วน ผิด ม. ๑๖๑
- ฎีกาที่ ๗๘๓๖ - ๗๘๓๗ / ๒๕๔๔ จำาเลยเป็นเจ้าพนักงานตำารวจมีอำานาจหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำาผิด แต่
จำาเลยกลับเป็นผู้ร่วมกระทำาผิดด้วยการร่วมเล่นการพนันไพ่รัมมี่ แล้วจำาเลยไม่จับกุมผู้ร่วมเล่นไพ่รัมมี่ จำาเลยไม่
ผิด ม. ๑๕๗ เนื่องจากว่าไม่กอ่ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดแต่อย่างใด ฉะนั้นผูร้ ่วมเล่นการพนันและสำานัก
งานตำารวจแห่งชาติ จึงไม่เป็นผู้เสียหาย
- ฎีกาที่ ๗๗๒๘ - ๗๗๓๑ / ๒๕๔๔ นายแดงและดำาเป็นอาจารย์ประจำามหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งมาสอนนัก
ศึกษาตามวิชาที่ได้รับมอบหมาย และไม่ได้ลงเวลามาสอนทั้งคู่ นายเหลืองซึ่งเป็นอาจารย์หัวหน้าภาควิชาที่มีหน้า
ที่รับรองการลงเวลาเพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ได้ทำาการรับรองการมาทำาการสอนและได้ทำาเรื่อง
ขออนุมัติเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้นายดำา แต่ไม่รับรองการมาสอนและไม่ทำาเรื่องขออนุมัติเบิกค่าตอบแทน
พิเศษให้นายแดง ทั้งยังขีดฆ่าชื่อนายแดงออก นายเหลืองมีความผิดฐานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิ
ชอบ ตาม ม. ๑๕๗
- ฎีกาที่ ๕๖๗๔ / ๒๕๔๔ จำาเลยลักเอาไปเสียซึ่งเอกสารเช็คธนาคารของผู้เสียหาย แล้วนำาไปกรอกข้อความ
และปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหาย ซึ่งไม่ใช่เอกสาร แต่นำาไปกรอกและลงลายมือชื่อ ไม่ผิดตาม ม. ๑๘๘ แต่
ผิดตาม ม. ๓๓๕ (๑๑ ) , ๒๖๖ (๔) และ ๒๖๘ วรรคแรก ( เทียบเคียงฎีกาที่ ๓๐ / ๒๕๓๘ )
THE END
สรุปประมวลกฎหมายอาญา ม. ๕๙ - ๑๐๖
คำานำา
- ความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน อ. เกียรติขจร ฯ
- ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ อ. ไกรฤกษ์ เกษมสันต์
- ความผิดตาม ป.อาญา ม. ๑๔๘ ต้องประกอบกับ ม. ๓๓๗ ( กรรโชกทรัพย์ ) อยู่เสมอ
- ความผิดตาม ป.อาญา ม. ๑๔๙ ต้องไม่ประกอบกับ ม. ๓๓๗ ( กรรโชกทรัพย์ ) เพราะว่าองค์ประกอบ
ไม่เข้าเจตนาที่จะข่มขืนใจเพื่อที่จะจับกุม และให้ดูพฤติการณ์ในแต่ละเรื่องไป
องค์ประกอบความผิด
๑. ผู้กระทำา
๒. ผู้ถูกกระทำา
๓. วัตถุประสงค์ที่กระทำา
ฎีกาที่ ๗๖๙ / ๒๕๔๐ ( ปลอมเอกสารสิทธิ )
จำาเลยทำาหนังสือกู้ยืมรวมทั้งลายมือ ส. ด้วยตนเองภายหลังที่ ส.ตายไปแล้ว และใจความในสัญญา
กู้ยืมนั้นมีใจความว่า ส.กู้ยืมเงินจำาเลย ถ้า ส.ไม่คืนเงินยอมโอนที่ดินของ ส.ให้ นอกจากข้อความในสัญญาดัง
กล่าวนั้นไม่เป็นความจริงแล้วยังน่าเกิดความเสียหายทายาทของ ส. ทั้งจำาเลยทำาเอกสารดังกล่าวขึ้นเพื่อใช้อ้าง
กับ ด.ผู้ทำาไฟไหม้สวนยางพาราของ ส.ว่าที่ดินดังกล่าวนัน้ เป็นของ ส.เพื่อจะใช้เรียกร้องค่าเสียหาย การกระทำา
ของจำาเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ
ฎีกาที่ ๑๒๓๗ / ๒๕๔๔ ( แจ้งให้ จพง.จดข้อความอันเป็นเท็จ )
ขณะที่จำาเลยจดทะเบียนสมรสกับ ส. จำาเลยไม่มีคู่สมรสเพราะจำาเลยจดทะเบียนหย่ากับ ค.แล้ว
ก่อนหน้านั้น การจดทะเบียนสมรสของจำาเลยกับ ส. จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการสมรส แม้จำาเลยจะแจ้งต่อ
เจ้าพนักงานว่าเคยสมรสแต่ไม่เคยจดทะเบียน ทั้งๆที่ความจริงนั้นจดทะเบียนกับ ค. การกระทำาความผิดของจำา
เลยจึงไม่มีความผิด
ฎีกาที่ ๑๕๖๘ / ๒๕๒๑ ( พยามยามฉ้อโกง )
ตัวอย่าง ( EX )
นายแดงว่าจ้างนายดำาไปทำาร้ายนายขาว ก่อนนายดำาจะลงมือทำาร้ายร่างกายนายแดงมาบอก
ว่าจะดูต้นทางให้นายดำาตกลง เมื่อนายขาวเดินไปยังสถานที่ดักซุ่มรออยู่ นายดำาชกต่อยนายขาวบาดเจ็บ
โดยนายแดงดูต้นทางอยู่ใกล้ๆ นายขาวสู้นายดำาไม่ได้แล้วจึงวิ่งหลบหนี แต่นายดำาได้วิ่งไล่ไปทำาร้ายนาย
ขาว นายแดงเห็นว่ารุนแรงเกินไปจึงเข้าห้ามปราม แต่นายดำาไม่ยอมหยุดกลับได้ตามไปทำาร้ายนายขาว
อีก จนนายขาวถึงแก่ความตาย ดังนี้ให้วินิจฉัยความรับผิดของนายดำาและนายแดง
ตอบ
ความแตกต่างระหว่าง ม.๖๘ , ๖๗ , ๗๒
การป้องกัน ม. ๖๘ ความจำาเป็น ม. ๖๗ บันดาลโทสะ ม. ๗๒
๑. ไม่ต้องรับผิด ๑. ไม่ต้องรับโทษ ๑. ศาลจะลงโทษน้อยกว่ากฎหมาย
กำาหนดเพียงใดก็ได้
- มีขอบเขตสมควรแก่เหตุ - มีขอบเขตสมควรแก่เหตุ ตาม ม.๖๙ - ไม่มีเขอบเขตว่าสมควรแก่เหตุ
ตาม ม. ๖๙ หรือไม่
๒. ภยันตรายต้องเกิดจากการ ๒. เกิดจากการประทุษร้ายต่อกฎหมาย ๒. กระทำาโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม
ประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎ หรือไม่ก็ได้ เกิดจากละเมิดต่อกฎหมายหรือไม่
หมายอาญาหรือแพ่งก็ได้ - เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ ก็ได้
- เป็นการป้องกันโดยประมาทกฎหมาย เพื่อให้ตนเองพ้นภัยภยันตราย - กระทำาหลังจากที่เหตุนั้นได้ผ่าน
ก็ได้ ที่ใกล้จะถึง พ้นไป แล้วอ้าง ม. ๗๒
- การกระทำาป้องกันต่อทรัพย์ - ต้องกระทำาต่อบุคคลที่ ๓
หรือสิ่งของ บุคคลอื่นที่กฎ - เพื่อให้ตนหรือผู้อื่นพ้นภยันตรายที่ใกล้
หมายบัญญัติไว้เป็นความผิด จะถึง
เจ้าของอ้างป้องกันได้
ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน
สมาชิกอั้งยี่หรือซ่องโจรซึ่งไม่ได้ร่วมลงมือกระทำาผิดโดยตรง ( ม.๒๑๓ )
ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ( ม.๒๑๕ )
๑. ผู้ใดมั่วสุม ( ตั้งแต่ ๑๐ คนขึน้ ไป )
๒. ใช้กำาลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย หรือกระทำาการอย่างหนึ่งอย่างใด ( ให้เกิด
การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง )
- ฎีกาที่ ๗๗๒ / ๒๔๘๒ ป. กับ จ. จำาเลยทั้ง ๒ คนเป็นผู้ริเริ่มชักชวนนักศึกษาให้มาชุมนุม
กัน ต่อมาได้มีการกล่าวปราศรัยโจมตีผู้ว่าราชการจังหวัด เสร็จแล้วได้มีการจัดตั้งหน่วยฟันเฟื่อง แล้วได้มี
การขว้างปาสิ่งของแล้วมีการเผาจวนผู้ว่าราชการจังหวัด การกระทำาดังกล่าวของ ป., จ และนักศึกษาเป็น
ความผิดตาม ม. ๒๑๕ ( เทียบเคียง ฎีกาที่ ๒๐๓๔ - ๒๐๔๑ / ๒๕๒๗ )
- ฎีกาที่ ๒๓๘๗ / ๒๕๓๖ จำาเลยกับพวกประมาณ ๒๐๐ คนร่วมกันหยุดงานประท้วงนาย
จ้าง แล้วได้ปิดกั้นประตูเข้าออกโรงงาน ทำาให้เกิดความวุ่นวายโดยไม่ยอมให้พวกที่ใม่เข้าร่วมชุมนุมที่ทำา
งานในโรงงานออกมา และไม่ยอมให้พวกที่จะเข้าไปทำางานในโรงงานเข้าไปทำางาน แล้วจากนั้นจึงได้ใช้
ก้อนหินขว้างปาโรงงาน การกระทำาดังกล่าวเป็นความผิดตาม ม. ๒๑๕
เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกตามม.๒๑๕ แต่ไม่เลิด ( ม.๒๑๖ )
- ผิดทั้ง ม. ๒๑๕ และ ม. ๒๑๖
- ฎีกาที่ ๑๙๗๔ / ๒๕๓๒ ปอ. ม. ๒๑๖ มีความมุ่งหมายที่จะลงโทษผู้ที่กระทำาความผิด
มาตรา ๒๑๕ ถ้าเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้กระทำาผิด ตาม ม. ๒๑๕ ให้เลิก แต่ไม่ยอมเลิก มีความผิดทั้ง ม. ๒๑๕
และ ม. ๒๑๖ ( ถ้าเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้ว ผู้ชมุ นุมตาม ม. ๒๑๕ ยอมเลิกไป ไม่มีความผิดตาม ม. ๒๑๕
แต่อย่างใด ) เทียบเคียง ฎีกาที่ ๑๙๐๓ / ๒๕๓๒
ตระเตรียมวางเพลิง ( ม.๒๑๙ )
- การกระทำาการวางเพลิงเผาทรัพย์ ตาม ม. ๒๑๗ , ๒๑๘ นั้น ถ้าได้กระทำาการในขั้นตระเตรียมการ
นั้น ( รับผิดเช่นเดียวกับพยายามกระทำาความผิดนั้นๆ )
การตระเตรียมที่ต้องมีความผิด มี ๒ ประเภท
๑. ตระเตรียมลงมือกระทำาความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ตาม ม. ๑๐๗ - ๑๑๐
๒. ตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ตาม ม. ๒๑๙
การกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุเพลิงไหม้ ( ม.๒๒๕ )
- ฎีกาที่ ๓๔๘๕ / ๒๕๓๕ จำาเลยขับรถแทรกเตอร์ไถหญ้าเครื่องยนต์ขัดข้องแล้วดับ จำาเลยพยา
ยามสตาร์ทเครื่องยนต์ดังกล่าว แต่เครื่องยนต์ได้เกิดเพลิงลุกไหม้แล้วได้ลุกลามไปไหม้สวนยางของผู้เสีย
หายการกระทำาของจำาเลยไม่เป็นความผิด ตาม ม. ๒๒๕ เนื่องจากว่าการกระทำาดังกล่าวของจำาเลยเป็น
แต่เพียงทำาให้เครื่องยนต์ติดเท่านั้น แต่เหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่ได้เกิดจากความประ
มาทของจำาเลยแต่อย่างใด
- ฎีกาที่ ๖๕๑๑ / ๒๕๓๔ จำาเลยจุดไฟเผาหญ้าตามร่องสวน เมื่อไฟไหม้หญ้าแล้วได้ช่วยกันดับที
ละร่องสวน โดยมี ส. และ ค. ช่วยกันจุดและดับ ต่อมาจำาเลยได้กลับไปบ้าน โดยมี ส.และค.อยู่ช่วยดับไฟ
ต่อ ต่อมาเพลิงได้เกิดลุกไหม้ในภายหลังเป็นเหตุให้เพลิงไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหายได้รับความเสียหาย
ส. จึงมีความผิดตาม ม. ๒๒๕ แต่จำาเลยไม่มีความผิดถึงแม้ว่าจะเป็นผู้จุดไฟเผาหญ้าก็ตาม แต่ก็ไม่ได้กระ
ทำาไปโดยความประมาท เพราะว่าก่อนที่จำาเลยจะกลับบ้านนั้น ได้มี ส. และค.เป็นช่วยดับไฟ
- ฎีกาที่ ๒๑๙๐ / ๒๕๓๑ จำาเลยทั้ง ๒ คนจุดไฟเผาไหม้ของตนเอง โดยไม่ได้มีการป้องกันในการ
ดับเพลิงแต่อย่างใด มีเพียงไม้ตีในการดับเพลิงเท่านั้น ต่อมาเพลิงได้ลุกลามไหม้สวนยางพาราของผู้เสียหาย
การกระทำาดังกล่าวของจำาเลยทั้ง ๒ คน จึงมีความผิดตาม ม. ๒๒๕ + ๘๓
- ฎีกาที่ ๑๒๐๐ / ๒๕๓๐ จำาเลยกับพวกได้ร่วมกันไปลักนำ้ามันของบุคคลอื่นจากปั้ม โดยใช้แบต
เตอร์รี่พ่วงเครื่องสูบนำ้ามันขึ้นมาใส่ถังที่จำาเลยเตรียมไป โดยจำาเลยได้สูบนำ้ามันขึ้นมาได้เพียงถังที่ ๔ จำาเลย
ได้ถอดขั้วแบตเตอร์รี่แล้วต่อขั้วแบตเตอร์รี่ใหม่ ไฟแบตเตอร์รี่ได้เกิดสปาร์คสะเก็ดไฟได้ติดเปลวนำ้ามัน
เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ปั้มนำ้ามัน จำาเลยกับพวกจึงมีความผิดตาม ม. ๒๒๕ , ๘๓ และ ๓๓๕ หากแต่การ
กระทำาดังกล่าวเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงบทหนักตาม ม. ๙๐ ( ออกข้อสอบเนติฯแล้ว )
- ฎีกาที่ ๑๒๘๕ / ๒๕๒๙ ในตอนเวลา ๑๐.๐๐ น.จำาเลยจุดไฟ ต่อมาเวลา ๑๕.๐๐ น.ไฟได้ไหม้
บ้านของผู้อื่น ดังนั้นระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ ๕ ชั่วโมงนี้เกิดจากความประมาทของจำาเลยที่ไม่ควบคุม
เพลิงที่ตนจุด จำาเลยจึงมีความผิดตาม ม. ๒๒๕
ทำาให้เกิดอุทกภัย ( ม.๒๒๘ )
บรรทุกยานพาหนะร่าจะเกิดความเสียหาย ( ม.๒๓๓ )
- ยานพาหนะที่มีค่าจ้าง ตาม ปพพ.ม. ๖๐๘ ( ทุกชนิด )
- ฎีกาที่ ๑๒๘๑ / ๒๕๓๘
- ฎีกาที่ ๑๐๗๓ / ๒๔๖๔
การปลอมและแปลงเงินตรา
ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร
องค์ประกอบน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
- ฎีกาที่ ๒๓๘๔ / ๒๕๓๔ เปลี่ยนภาพถ่ายในใบขับขี่เพื่อไปแสดงกับเพื่อนเพื่อใช้ในการรับประทานอาหาร
เที่ยง ซึ่งแสดงได้ว่าเป็นการล้อเล่นในหมู่เพื่อน ( ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๒๖๕ )
- ฎีกาที่ ๒๑๓ / ๒๕๓๙ การเปลี่ยนภาพถ่ายในเอกสารราชการซึ่งเป็นของจำาเลย โดยเอาภาพถ่ายของตนเอง
ไปปิดทับใส่ไว้ในสำาเนาใบอนุญาตขับขี่ของตนเพื่อให้เห็นชัดเจน ( ไม่ผิดมาตรา ๒๖๔ )
- ฎีกาที่ ๑๓๑๓ / ๒๕๓๑ สัญญาประนีประนอมที่ศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะแล้ว จำาเลยได้เติมในช่องว่าง
สัญญาดังกล่าว ( ไม่ผิดมาตรา ๒๖๔ )
- ฎีกาที่ ๗๓๔ / ๒๕๓๐ ลงเวลาในบัญชีมาทำางานราชการ โดยจำาเลยลบเวลาของโจทก์ที่มาเขียนไว้ก่อน
ออก แล้วเติมใหม่ ( ไม่ผิดมาตรา ๒๖๔ )
- ฎีกาที่ ๓๗๓๒ / ๒๕๒๕ ปลอมใบมอบอำานาจของผู้มีที่ดินติดกัน
- ฎีกาที่ ๑๗๕๐ / ๒๕๑๕
- ฎีกาที่ ๒๘๗๐ / ๒๕๒๖
ความผิดเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า
- ถ้าเป็นความผิดปลอม และ เลียนเครื่องหมายการค้า ตามมาตรา ๒๗๓ และ ๒๗๔ ต้องจดทะเบียน
ไว้แล้ว ( ไม่ว่าทั้งในและนอกราชอาณาจักร )
- ฎีกาที่ ๑๗๑๘ / ๒๕๔๕ ความผิดปลอมเครื่องหมายการค้า ตาม ปอ.มาตรา ๒๗๓ ( ทั้งในและนอก
ราชอาณาจักร ) และ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า มาตรา ๑๐๘ ( ในราชอาณาจักร ) ต้องใช้ พ.ร.บ.เครื่องหมาย
การค้า มาตรา ๑๐๘ แทนปรับบทเท่านั้น
ความผิดเกี่ยวกับเพศ
ต่อหน้าธาระกำานัล
- ฎีกาที่ ๓๙๖๙ / ๒๕๓๖ ธาระกำานัล คือ สถานที่มีผู้คนจำานวนมาก
- ฎีกาที่ ๒๑๗๙ / ๒๕๒๖
- ฎีกาที่ ๓๙๑๒ / ๒๕๓๑ กระทำาต่อหน้าบุตรซึ่งนอนหลับอยู่ ( ไม่ถือว่ากระทำาต่อธาระกำานัล )
- ฎีกาที่ ๔๙๓ / ๒๕๓๑
HAPPY ENDING
สรุปประมวลกฎหมายอาญา ม. ๒๘๘ - ๓๖๖
องค์ประกอบความผิด
๑. กระทำา
๒. ครบองค์ประกอบภายนอก
๓. ครบองค์ประกอบภายใน
๔. ความสัมพันธ์หว่างการกระทำากับผล
๔.๑. ทฤษฎีเงื่อนไข
๔.๒. ทฤษฎีเหตุที่เหมาะสม ( ใช้กรณีโทษหนักขึ้น )
ลักทรัพย์ - ยักยอกทรัพย์สินหาย
วัตถุแห่งการกระทำา
- ฎีกาที่ ๔๘๐๔ / ๒๕๓๓
- ฎีกาที่ ๗๕๕ / ๒๕๐๙ ขุดหน้าดินไปขาย ( ผิดลักทรัพย์ มาตรา ๓๓๔ ) ไม่ใช่ยักยอก
๑. ทรัพย์ที่ถูกลักไปนั้นต้องมีเจ้าของ ( ตาม ปพพ.มาตรา ๑๓๑๙ - ๑๓๒๒ )
- ฎีกาที่ ๑๔๕๐ / ๒๕๑๐ บ่อปลา
- ฎีกาที่ ๙๕๘ / ๒๕๐๙ บ่ออยู่ในลำาลองสาธารณะ
๒. ส่วนควบ ( ปพพ.มาตรา ๑๓๑๖ )
- ฎีกาที่ ๑๐๙๓ / ๒๕๐๗ ( เช่าซื้อตัวรถ )
โดยทุจริต
- โดยทุจริต ( มาตรา ๑ (๑) ) คือ เป็นการแสวงหาที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำาหรับ
ตนเองหรือผู้อื่น
- ยึดทรัพย์สินไปไม่เกินกว่าหนี้ ไม่เป็นการทุจริต ( ไม่ผิดลักทรัพย์มาตรา ๓๓๔ )
- ฎีกาที่ ๒๕๑ / ๒๕๑๓ ผู้เสียหายเช่านาโดยใช้ข้าวเป็นค่าเช่าแก่จำาเลย โดยจำาเลยเอาข้าว
ไปไม่เกินกว่าค่าเช่า ( ไม่ผิดมาตรา ๓๓๔ )
- ฎีกาที่ ๒๐๔๑ / ๒๕๑๕
- ฎีกาที่ ๒๒๗๘ / ๒๕๑๕
* การเอาทรัพย์ไปโดยพลการ วิสาสะ ( ขาดเจตนาโดยทุจริต ไม่ผิดลักทรัพย์ )
- ฎีกาที่ ๗๕๗ / ๒๕๓๔ การจับปลาในสระของวัด กระทำาโดยประชาชนร่วมใจกัน
แสดงว่าเจ้าอาวาสยินยอมโดยปริยาย ( ไม่ผิดลักทรัพย์ตามมาตรา๓๓๕ ) เนื่องจากว่ากระทำาเพื่อประโยชน์ร่วม
กัน )
- ฎีกาที่ ๑๑๔๗ / ๒๕๔๐ ลักเอาวิทยุมือถือไปขณะผู้เสียหายนอนหลับ ( ถือว่าผิดลักทรัพย์
ตามมาตรา ๓๓๔ )
๑. ต้องเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ( ก่อน )
- ฎีกาที่ ๒๑๘๘ / ๒๕๔๕ จำาเลยกับผู้เสียหายเป็นสามีภริยากัน ผู้เสียหายชายเล่นการพนัน
จำาเลยห้ามปรามก็ไม่ฟัง จำาเลยจึงได้เอาสร้อยคอของภริยาไปก็เพื่อมิให้ไปเล่นการพนันเท่านั้น โดยจำาเลย
ได้นำากลับมามอบให้ในภายหลัง จำาเลยจึงหามีเจตนาเอาทรัพย์ดังกล่าวไปโดยทุจริตไม่ จำาเลยจึงใม่มีความ
ผิดตามมาตรา ๓๓๙
- ฎีกาที่ ๓๔๗๗ / ๒๕๔๒ จำาเลยใช้อาวุธปืนจี้ให้ขับรถไปส่งจำาเลย ( ไม่ผิดชิงทรัพย์ตาม
มาตรา ๓๓๙ ) แต่มีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพตามมาตรา ๓๐๙ เท่านั้น
๒. การลักทรัพย์นั้นต้องมีการขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย หรือ ใช้กำาลังประทุษร้าย
- ฎีกาที่ ๕๘๓๘ / ๒๕๔๑ ทำาร้ายร่างกายแล้ว นาฬิกาของผู้เสียหายได้หลุดจากมือ แล้วผู้
เสียหายได้วิ่งหนี จำาเลยวิ่งติดตามและได้ทำาร้ายซำ้าอีกจนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ จากนั้นจำาเลยจึงได้กลับมา
พบนาฬิกาตกอยู่กับพื้น จำาเลยจึงเอานาฬิกาดังกล่าวไป ( จำาเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๙๕ , ๓๓๔ )
- ฎีกาที่ ๑๕๙๒ / ๒๕๓๕
- ฎีกาที่ ๑๓๓๗ / ๒๕๓๒ ตบหน้า แล้วขับรถหนีไปออกห่าง ๒ กม. ( จำาเลยมีความผิดตาม
มาตรา ๓๙๑ และ ๓๓๔ ) แต่ไม่ผิดมาตรา ๓๓๙
- ฎีกาที่ ๑๖๒๖ / ๒๕๐๐
- ฎีกาที่ ๒๕๔๙ / ๒๕๓๒
- ฎีกาที่ ๒๗๖๗ / ๒๕๑๖
การขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย
- ฎีกาที่ ๑๐๖๐ / ๒๕๔๕ จำาเลยถือมีดปลายแหลมเดินเข้าไปในระยะ ๒ เมตรหาผู้เสียหาย แต่
ผู้เสียหายได้วิ่งหลบหนี จำาเลยจึงวิ่งติดตามพร้อมกับกระชากสร้อยคอ ไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษ
ร้าย และไม่แสดงได้ว่าเป็นการขู่เข็ญ ( ไม่ผิดชิงทรัพย์ตามมาตรา ๓๓๙ )
- ฎีกาที่ ๗๓๐ / ๒๕๐๙ จำาเลยถือมีดและขวานพร้อมกับพูดว่า " ให้มีดกูเถอะ " ผิดลักทรัพย์
โดยมีอาวุธตามมาตรา ๓๓๕ (๗) แต่ไม่ผิดชิงทรัพย์ตามมาตรา ๓๓๙ เพราะว่าไม่มีการขูเ่ ข็ญว่าจะใช้กำาลังประ
ทุษร้ายแต่อย่างใด
- ฎีกาที่ ๓๓๐ / ๒๕๓๕ จำาเลยที่ ๑ , ๒ , ๓ ยืนห้อมล้อมรถไอศครีมของผู้เสียหาย แล้วพูดต่อรอง
ราคาซื้อไอศครีมจาผู้เสียหาย ( ไม่ผิดชิงทรัพย์ตามมาตรา ๓๓๙ )
- ฎีกาที่ ๖๗๒๔ / ๒๕๔๔
- ฎีกาที่ ๑๑๘๑ / ๒๕๔๓ ผู้เสียหายยืนเรียกรถแท๊กซี่
- ฎีกาที่ ๕๘ / ๒๕๔๖ จักรยานยนต์เป็นของผู้เสียหายและขีล่ งจากสะพานมา ได้ถูกรถยนต์เก๋ง
เฉี่ยวชนแล้วหลบหนีไป ส่วนรถจักรยานยนต์ล้มลงทับผู้เสียหายอยู่ ต่อมาจำาเลยที่ ๑ , ๒ ทำาท่าทีจะช่วยเหลือ
แล้วยกรถจักรยานยนต์ขึ้น จำาเลยที่ ๑ จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป ส่วนผู้เสียหายได้ขึ้นนั่งซ้อนท้าย
รถจักรยานยนต์กับจำาเลยที่ ๒ แล้วได้ขับขี่รถตามกันไปประมาณ ๕ - ๖ กม. พอถึงทางแยกใกล้กันกับบ้านของผู้
เสียหาย จำาเลยที่ ๑ กลับได้เร่งเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป ส่วนจำาเลยที่ ๒ ได้ใช้ศอก
กระแทกผู้เสียหายจนตกลงรถจักรยานยนต์ แล้วได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป แล้วจากนั้นจำาเลยที่ ๑ ได้นำา
รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปฝากไว้กับจำาเลยที่ ๓ จำาเลยที่ ๑ และ ๒ จึงมีความผิดตามมาตรา ๓๓๙ วรรค ๒
, ๓๔๐ ตรี ส่วนจำาเลยที่ ๓ ไม่มีความผิดฐานรับของโจรตามมาตรา ๓๕๗ ยกฟ้อง
- ให้ดูพยายามชิงทรัพย์ ( ด้วย คาดว่าเก็งข้อสอบ )
เรื่องในอนาคต
- ฎีกาที่ ๗๐๗ / ๒๕๑๐ ขณะจำาเลยพูดยืมเงินกับผู้เสียหายว่าจะนำาไปซื้อเบี้ยเลี้ยงตำารวจ ( ถือว่า
จำาเลยไม่มีความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ) เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง
- ฎีกาที่ ๑๐๔๒ / ๒๕๓๕ จำาเลยที่ ๔ เคยรักษาโรคกับจำาเลยที่ ๑ จนหาย แล้วจำาเลยที่ ๔ ได้แนะ
นำาให้ผู้เสียหายไปรักษาโรคกับจำาเลยที่ ๑ ( ไม่ผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ )
- ฎีกาที่ ๒๑๙ / ๒๕๓๑ จำาเลยไม่เชือ่ เรือ่ งไสยศาสตร์ แล้วได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าเอานำ้ามันพราย
ไปเพื่อค้าขายดี ได้เรียกค่านำ้ามันพรายจากผู้เสียหายไป ( ผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ )
- ฎีกาที่ ๑๒๕ / ๒๕๒๗ จำาเลยนำาความเท็จมาบอกกล่าวผู้เสียหายว่าสามารถติดต่อนำาสุรามหาราช
มาจำาหน่ายในราคาถูกได้ ( ผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ )
ปกปิดข้อเท็จจริงควรบอกแจ้งให้ทราบ
- ฎีกาที่ ๒๗๕ / ๒๔๖๑ ก จำาเลยเป็นข้าราชการมีบา้ นส่วนตัวจำานวน ๑ หลัง ต่อมาได้โกหกว่า
ได้ขายไปและเช่าบ้านหลังดังกล่าว โดยได้เบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการไป ( ผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ )
- ฎีกาที่ ๘๖๑ / ๒๔๘๗
- ฎีกาที่ ๓๑๓ / รศ.๑๒๑ ก.นำาโฉนดที่เลิกใช้แล้วไปขอกู้เงินจาก ข. โดยนำาโฉนดดังกล่าวไปเป็น
ประกันและจดทะเบียนขายฝากไว้ ( จำาเลยมีความผิดฉ้อโกงตามมาตรา ๓๔๑ )
- ความผิดฉ้อโกงสำาเร็จ ( เมื่อผู้ถกู หลอกลวงหลงเชื่อส่งมอบทรัพย์สินให้ไป )
- ถ้าหลอกลวง แต่ไม่เชื่อ ( ผิดพยายามฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ + ๘๐ )
- ถ้าหลอกลวง แต่ไม่เชื่อ แต่ได้มอบเงินให้เพื่อสงสาร ( ผิดพยายามฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ + ๘๐ )
- หลอกลวง หลงเชื่อ แต่ไม่มีเงินให้ ( ผิดพยายามฉ้อโกง ตามมาตรา ๓๔๑ + ๘๐ )
- ฎีกาที่ ๒๗๐๕ / ๒๕๔๓ ( ผิดฉ้อโกงแล้ว )
- ฎีกาที่ ๑๔๕๕ / ๒๕๒๙ ( ผิดฉ้อโกงแล้ว )
- ฎีกาที่ ๗๒๖๔ / ๒๕๔๓
- ฎีกาที่ ๑๗๓๓ / ๒๕๑๖
- ฎีกาที่ ๓๖๖๗ / ๒๕๔๒
- ฎีกาที่ ๑๒๗๙ / ๒๕๑๗
เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง
- ฎีกาที่ ๑๖๗๔ - ๑๖๗๕ / ๒๕๔๓
- ฎีกาที่ ๖๘๔๕ / ๒๕๔๐
- ฎีกาที่ ๕๖๖ / ๒๕๔๒
- ฎีกาที่ ๑๙ / ๒๕๔๑
ข้อสอบกลุ่มวิชาแพ่งภาค ๑
ลำาดับที่ เรื่อง จำานวน (ข้อ )
ข้อ ๑ ทรัพย์ - ที่ดิน 1
ข้อ ๒ นิติกรรม - สัญญา - หนี้ - ละเมิด - ( ลาภมิควรได้ ) 1
ข้อ ๓ " 1
ข้อ ๔ ซื้อขาย - ขายฝาก - ให้ - เช่าทรัพย์ - เช่าซื้อ 1
ข้อ ๕ ยืม - คำ้าประกัน - จำานอง - จำานำา - ( จ้างทำาของ-รับขน ) 1
ข้อ ๖ ตั๋วเงิน - ตัวแทน - ประกันภัย - บัญชีเดินสะพัด 1
ข้อ ๗ หุ้นส่วน - บริษัท 1
ข้อ ๘ ครอบครัว - มรดก 1
ข้อ ๙ การค้าระหว่างประเทศ ( พ.ร.บ.รับขนของทางทะเล ) 1
ข้อ ๑๐ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา 1
THE END
สรุปวิชา หนี้
ความหมายของหนี้
หนี้ คือ สิ่งที่ลูกหนี้จะต้องชำาระให้แก่เจ้าหนี้ ( บุคคลสิทธิ )
- ฎีกาที่ ๖๒๑ / ๒๕๑๙
- ฎีกาที่ ๓๓๘๕ / ๒๕๓๘
- ฎีกาที่ ๓๖๔๙ / ๒๕๒๙
- ฎีกาที่ ๒๕๑๐ / ๒๕๑๖
- ฎีกาที่ ๕๓๓๖ / ๒๕๓๑
- ฎีกาที่ ๕๘๖๖ / ๒๕๓๓
- ฎีกาที่ ๙๕๕ / ๒๕๓๕
- ฎีกาที่ ๒๗๕๔ / ๒๕๔๐
- ฎีกาที่ ๕๓๙๘ / ๒๕๓๘
สิทธิของคู่สัญญา
๑. บังคับให้ชำาระหนี้
๒. การบอกเลิกสัญญา เรียกค่าเสียหาย ค่าสินไหมทดแทน บังคับตาม ( ม. ๓๑๑ )
- ฎีกาที่ ๗๔๐๖ / ๒๕๔๐
- ฎีกาที่ ๑๓๔๖ / ๒๕๑๓
- ฎีกาที่ ๑๖๒๙ / ๒๕๓๔
- ฎีกาที่ ๙๓๙ / ๒๕๓๘
- ฎีกาที่ ๑๐๘๖ / ๒๕๐๙
ความระงับแห่งหนี้
- ม. ๓๑๔ ( การชำาระหนี้โดยบุคคลภายนอก เว้นแต่บุคคลภายนอกจะขืนใจลูกหนี้ )
- ม. ๓๑๕
- ม. ๓๒๐
- ม. ๓๒๑
- ฎีกาที่ ๑๔๕๒ / ๒๕๑๑ ( ม. ๓๒๑ ระงับสิ้นไป แม้ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินตาม
ม. ๖๕๓ ) มอบ ATM.ให้เขาไปกด
- ม. ๓๔๐ ( การปลดหนี้ )
- ม. ๓๔๓ ( การหกกลบลบหนี้ ) ฎีกาที่ ๒๔๑ / ๒๕๓๙ การร่วมกู้ยืมเงินแล้วหักกลบลบ
หนี้
- ม. ๓๔๔
- ม. ๓๔๙ ( การแปลงหนีใ้ หม่ ( ออกข้อสอบอยู่เสมอ ) ) ฎีกาที่ ๒๐๑๓ / ๒๕๓๗ , ฎีกาที่
๑๐๐๘ / ๒๔๙๖ ( เปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำาคัญ เปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้ )
- ม. ๓๕๑
- ม. ๓๕๐ เปลี่ยนตัวลูกหนี้ ในการแปลงหนี้ใหม่ ฎีกาที่ ๑๔๕๔ / ๒๕๑๔
- ผลของการแปลงหนี้ใหม่ ( ทำาให้คู่สัญญาเดิมหลุดพ้นความรับผิดไป )
- ม. ๓๕๓ ( หนี้เกลื่อนกลืนกัน ( ไม่เคยออกข้อสอบ ) )
แนวการตอบข้อสอบ
องค์ประกอบของความรับผิดทางละเมิด
๑. การกระทำา
๒. จงใจหรือประมาทเลินเล่อ
๓. ความเสียหาย
๔. ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำากับผล
การกระทำา
๑. บุคคลใด
๒. กระทำาการ หรือ ละเว้น หรืองดเว้นการกระทำาการ
๓. ต่อบุคคลอื่น
๔. โดยผิดกฏหมาย
๕. ความยินยอมที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ( ไม่เป็นละเมิด )
- พ.ร.บ.ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๙
- ฎีกาที่ ๗๗๕ / ๒๔๗๒ ( โจทก์เป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาหลวงของผู้ตาย )
- ฎีกาที่ ๔๕๗ / ๒๕๑๑ ( จำาเลยหลบหนีนายประกัน )
- ฎีกาที่ ๑๑๐๔ / ๒๕๐๙ ( ทำาร้ายร่างกายผู้อื่นผลถึงตาย ผิด ป.อ.ม.๒๙๐ และ ป.พ.พ.
ม. ๔๒๐ )
ประมาทเลินเล่อ
คือ การใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ
๑. ภาวะ ( สถานการณ์ , สภาพ )
๒. วิสัย ( สภาพภายในตัวของผู้กระทำา )
๓. พฤติการณ์ ( เหตุการณ์ภายนอก )
ความเสียหาย
๑. สิทธิที่กฎหมายคุ้มครอง
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
- ป.พ.พ.
- กฎหมายพิเศษอื่น เช่น พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร , แข่งในทางการค้า ฯลฯ
๒. กรณีที่เป็นความเสียหาย
- ฎีกาที่ ๙๘๕ / ๒๔๙๗
- ฎีกาที่ ๙๘๕ / ๒๔๙๗
๓. กรณีที่ไม่เป็นความเสียหาย
- ฎีกาที่ ๗๒๖๔ / ๒๕๔๓
- ฎีกาที่ ๗๘๗๘ / ๒๕๔๔
- ฎีกาที่ ๖๔๘ / ๒๕๑๓
ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำาและผล
๑. ทฤษฎีเงื่อนไข
- ในกรณีที่ไม่มีเหตุแทรกซ้อน
๒. ทฤษฎีมูลเหตุที่เหมาะสม
- ในกรณีที่มีเหตุแทรกซ้อน
- ฎีกาที่ ๔๕๒ / ๒๕๔๓ ( คอนโดมิเนียมหริอาคารชุดที่โจทก์พักอยู่อาศัย )
- ฎีกาที่ ๑๒๙๔ / ๒๕๒๙ ( ซื้อขายทรัพย์เกินกว่า ๕๐๐ บาทไม่ได้ทำาเป็นหนังสือ )
ความผิดเกี่ยวกับละเมิด มี ๒๐ ประการ
เก็งข้อสอบ ฎีกาที่น่าสนใจ