Professional Documents
Culture Documents
ประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับสมบูรณ์ )
รวบรวมโดย
สราวุธ เบญจกุล
2
ชื่อหนังสือ ประมวลกฎหมายอาญา
แก้ ไขล่าสุด กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
จานวนหน้ า ๒๒๔
คานา
ประมวลกฎหมายอาญาเล่ ม นี แ้ ก้ ไขเพิ่ ม เติ ม ล่ า สุ ด ถึ ง พระราช
บัญญัติแก้ ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๔
ใช้ บัง คับ ตัง้ แต่ วัน ถั ด จากวัน ประกาศในราชกิ จ จานุ เ บกษาเป็ นต้ น ไป
(ประกาศราชกิ จ จานุ เ บกษาเมื่ อ วัน ที่ ๖ กุ ม ภาพัน ธ์ ๒๕๖๔) ซึ่ง แก้ ไ ข
เพิ่ มเติ มมาตรา ๓๐๑ และมาตรา ๓๐๕ และได้ นาระเบี ย บราชการฝ่ าย
ตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้ วยการกาหนดจานวนชัว่ โมงที่ถือเป็ นการทางาน
หนึง่ วันและแนวปฏิบตั ิในการให้ ทางานบริ การสังคมหรื อสาธารณประโยชน์
แทนค่าปรั บ และการเปลี่ยนสถานที่กักขัง พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติ
ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๔ มารวบรวมไว้ สาหรั บกฎหมายที่ แก้ ไขล่าสุดได้ ทาตัวอักษร
ขีดเส้ นใต้ ไว้ เพื่อความสะดวกในการใช้ งาน
สราวุธ เบญจกุล
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
4
สารบาญ
มาตรา หน้ า
มาตรา หน้ า
ลักษณะ ๖ ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้ เกิด
ภยันตรายต่อประชาชน ๒๑๗-๒๓๙ ... ๑๐๖
ลักษณะ ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง
หมวด ๑ ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา ๒๔๐-๒๔๙ ... ๑๑๓
หมวด ๒ ความผิดเกี่ยวกับดวงตรา
แสตมป์และตัว๋ ๒๕๐-๒๖๓ ... ๑๑๖
หมวด ๓ ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ๒๖๔-๒๖๙ ... ๑๒๐
หมวด ๔ ความผิดเกี่ยวกับ
บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ๒๖๙/๑-๒๖๙/๗ ... ๑๒๓
หมวด ๕ ความผิดเกี่ยวกับ
หนังสือเดินทาง ๒๖๙/๘-๒๖๙/๑๕ ... ๑๒๕
ลักษณะ ๘ ความผิดเกี่ยวกับการค้ า ๒๗๐-๒๗๕ ... ๑๒๘
ลักษณะ ๙ ความผิดเกี่ยวกับเพศ ๒๗๖-๒๘๗/๒ ... ๑๓๐
ลักษณะ ๑๐ ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่ างกาย
หมวด ๑ ความผิดต่อชีวิต ๒๘๘-๒๙๔ ... ๑๔๔
หมวด ๒ ความผิดต่อร่ างกาย ๒๙๕-๓๐๐ ... ๑๔๗
หมวด ๓ ความผิดฐานทาให้ แท้ งลูก ๓๐๑-๓๐๕ ... ๑๔๙
หมวด ๔ ความผิดฐานทอดทิ ้งเด็ก
คนป่ วยเจ็บหรื อคนชรา ๓๐๖-๓๐๘ ... ๑๕๑
ลักษณะ ๑๑ ความผิดเกี่ยวกับเสรี ภาพและชื่อเสียง
หมวด ๑ ความผิดต่อเสรี ภาพ ๓๐๙-๓๒๑/๑ ... ๑๕๒
7
มาตรา หน้ า
หมวด ๒ ความผิดฐานเปิ ดเผยความลับ ๓๒๒-๓๒๕ ... ๑๕๙
หมวด ๓ ความผิดฐานหมิ่นประมาท ๓๒๖-๓๓๓ ... ๑๖๐
ลักษณะ ๑๒ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
หมวด ๑ ความผิดฐานลักทรัพย์
และวิ่งราวทรัพย์ ๓๓๔-๓๓๖ ทวิ ... ๑๖๓
หมวด ๒ ความผิดฐานกรรโชก รี ดเอาทรัพย์
ชิงทรัพย์และปล้ นทรัพย์ ๓๓๗-๓๔๐ ตรี ... ๑๖๗
หมวด ๓ ความผิดฐานฉ้ อโกง ๓๔๑-๓๔๘ ... ๑๗๒
หมวด ๔ ความผิดฐานโกงเจ้ าหนี ้ ๓๔๙-๓๕๑ ... ๑๗๕
หมวด ๕ ความผิดฐานยักยอก ๓๕๒-๓๕๖ ... ๑๗๖
หมวด ๖ ความผิดฐานรับของโจร ๓๕๗ ... ๑๗๗
หมวด ๗ ความผิดฐานทาให้ เสียทรัพย์ ๓๕๘-๓๖๑ ... ๑๗๘
หมวด ๘ ความผิดฐานบุกรุ ก ๓๖๒-๓๖๖ ... ๑๘๐
ลักษณะ ๑๓ ความผิดเกี่ยวกับศพ ๓๖๖/๑-๓๖๖/๔ ... ๑๘๒
ภาค ๓ ลหุโทษ
๓๖๗-๓๙๘ ... ๑๘๓
หน้ า
พระราชบัญญัตคิ า่ ตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน
และค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ........................... ๑๙๗
กฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตรา
ในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน
และค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๖ ........................... ๒๑๕
9
พระราชบัญญัติ
ให้ ใช้ ประมวลกฎหมายอาญา
พ.ศ. ๒๔๙๙
___________________
ภูมพ
ิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ ไว้ ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙
เป็ นปี ที่ ๑๑ ในรั ชกาลปั จจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช
โองการโปรดเกล้ าฯ ให้ ประกาศว่า
โดยที่เป็ นการสมควรปรั บปรุ งกฎหมายอาญาเสียใหม่ เพราะตังแต่
้
ได้ ประกาศใช้ กฎหมายลักษณะอาญา ในพุทธศักราช ๒๔๕๑ เป็ นต้ นมา
พฤติการณ์ของบ้ านเมืองได้ เปลี่ยนแปลงไปเป็ นอันมาก
จึ ง ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้ าฯ ให้ ตราพระราชบั ญ ญั ติ ขึ น้ ไว้
โดยคาแนะนาและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี ้
10
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรั ฐมนตรี
12
ประมวลกฎหมายอาญา
ภาค ๑
บทบัญญัตทิ ่ ัวไป
ลักษณะ ๑
บทบัญญัตทิ ่ ีใช้ แก่ ความผิดทั่วไป
หมวด ๑
บทนิยาม
มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี ้
(๑) “โดยทุจริ ต” หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้
โดยชอบด้ วยกฎหมายสาหรับตนเองหรื อผู้อื่น
(๒) “ทางสาธารณะ” หมายความว่า ทางบกหรื อทางนา้ สาหรั บ
ประชาชนใช้ ในการจราจร และให้ หมายความรวมถึงทางรถไฟและทาง
รถรางที่มีรถเดิน สาหรับประชาชนโดยสารด้ วย
(๓) “สาธารณสถาน” หมายความว่า สถานที่ใด ๆ ซึ่งประชาชน
มีความชอบธรรมที่จะเข้ าไปได้
(๔) “เคหสถาน” หมายความว่า ที่ซงึ่ ใช้ เป็ นที่อยู่อาศัย เช่น เรื อน
โรง เรื อ หรื อแพ ซึง่ คนอยู่อาศัย และให้ หมายความรวมถึงบริ เวณของที่ซึ่ง
ใช้ เป็ นที่อยู่อาศัยนันด้
้ วย จะมีรัว้ ล้ อมหรื อไม่ก็ตาม
(๕) “อาวุธ” หมายความรวมถึงสิ่งซึง่ ไม่เป็ นอาวุธโดยสภาพ แต่ซงึ่
13
____________________________________
*มาตรา ๑ (๑๖) เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๓
**มาตรา ๑ (๑๗) เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๓
***มาตรา ๑ (๑๘) เพิ่ ม เติ ม โดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่ ม เติ ม ป.อ. (ฉบับ ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๓
ราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
16
หมวด ๒
การใช้ กฎหมายอาญา
____________________________________
*มาตรา ๗ (๑/๑) เพิ่มเติมโดย พ.ร.ก. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๓
19
มาตรา ๑๔ ในกรณี ที่ มีผ้ ูถูก ใช้ บังคับวิ ธีก ารเพื่ อความปลอดภัย
ใดอยู่ และได้ มีบทบัญญัติของกฎหมายที่บญ ั ญัติในภายหลังเปลี่ยนแปลง
เงื่อนไขที่จะสัง่ ให้ มีการใช้ บงั คับวิธีการเพื่อความปลอดภัยนันไป ้ ซึง่ เป็ นผล
อันไม่อาจนามาใช้ บงั คับแก่กรณีของผู้นนได้ ั ้ หรื อนามาใช้ บงั คับได้ แต่การ
ใช้ บังคับวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติ
ในภายหลังเป็ นคุณแก่ผ้ ูนนั ้ ยิ่งกว่า เมื่อสานวนความปรากฏแก่ศาล หรื อ
เมื่อผู้นัน้ ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้นัน้ ผู้อนุบ าลของผู้นัน้ หรื อพนักงาน
อัยการร้ องขอต่อศาลให้ ยกเลิกการใช้ บงั คับวิธีการเพื่อความปลอดภัย หรื อ
ร้ องขอรับผลตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายนัน้ แล้ วแต่กรณี ให้ ศาลมีอานาจ
สัง่ ตามที่เห็นสมควร
แก่ ผ้ ู นัน้ ยิ่ ง กว่ า เมื่ อ ส านวนความปรากฏแก่ ศ าล หรื อ เมื่ อ ผู้ นัน้ ผู้ แ ทน
โดยชอบธรรมของผู้นัน้ ผู้อ นุ บ าลของผู้นัน้ หรื อพนัก งานอัย การร้ องขอ
ต่อศาลให้ ยกเลิกการใช้ บงั คับวิธีการเพื่อความปลอดภัย หรื อร้ องขอรับผล
ตามบทบั ญ ญั ติ แ ห่ ง กฎหมายนั น้ แล้ วแต่ ก รณี ให้ ศาลมี อ านาจสั่ ง
ตามที่เห็นสมควร
หมวด ๓
โทษและวิธีการเพื่อความปลอดภัย
ส่ วนที่ ๑
โทษ
____________________________________
*มาตรา ๑๘ วรรคสอง และวรรคสาม เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๖
มาตรา ๓
**มาตรา ๑๙ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๔
26
มาตรา ๒๒ โทษจ าคุก ให้ เริ่ ม แต่วัน มีคาพิ พ ากษา แต่ถ้ าผู้ต้อ ง
ค าพิ พ ากษาถู ก คุ ม ขั ง ก่ อ นศาลพิ พ ากษา ให้ หั ก จ านวนวัน ที่ ถู ก คุ ม ขั ง
ออกจากระยะเวลาจาคุกตามคาพิพากษา เว้ นแต่คาพิพากษานัน้ จะกล่ าว
ไว้ เป็ นอย่างอื่น
ในกรณี ที่ ค าพิ พ ากษากล่ า วไว้ เป็ นอย่ า งอื่ น โทษจ าคุ ก ตาม
คาพิพากษาเมื่อรวมจานวนวันที่ถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาในคดีเรื่ องนัน้
เข้ าด้ วยแล้ ว ต้ องไม่เกิ นอัตราโทษขัน้ สูงของกฎหมายที่ กาหนดไว้ สาหรั บ
ความผิ ด ที่ ไ ด้ ก ระท าลงนัน้ ทัง้ นี ไ้ ม่เป็ นการกระทบกระเทื อนบทบัญ ญัติ
ในมาตรา ๙๑
27
** มาตรา ๓๐ ในการกัก ขัง แทนค่ า ปรั บ ให้ ถื อ อัต ราห้ าร้ อยบาท
ต่อหนึ่งวัน และไม่ว่าในกรณี ความผิดกระทงเดียวหรื อหลายกระทง ห้ าม
กั ก ขั ง เกิ น ก าหนดหนึ่ ง ปี เว้ น แต่ ใ นกรณี ที่ ศ าลพิ พ ากษาให้ ปรั บ ตัง้ แต่
____________________________________
*มาตรา ๒๙/๑ เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๔
**มาตรา ๓๐ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๕
31
เรี ยงตามรายตัวบุคคล
มาตรา ๓๔ บรรดาทรัพย์สิน
(๑) ซึง่ ได้ ให้ ตามความในมาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๙
มาตรา ๑๕๐ มาตรา ๑๖๗ มาตรา ๒๐๑ หรื อมาตรา ๒๐๒ หรื อ
(๒) ซึง่ ได้ ให้ เพื่อจูงใจบุคคลให้ กระทาความผิด หรื อเพื่อเป็ นรางวัล
ในการที่บคุ คลได้ กระทาความผิด
ให้ ริบเสียทังสิ
้ ้น เว้ นแต่ทรัพย์สินนันเป็
้ นของผู้อื่นซึง่ มิได้ ร้ ู เห็นเป็ นใจ
ด้ วยในการกระทาความผิด
35
ส่ วนที่ ๒
วิธีการเพื่อความปลอดภัย
ผู้ อื่ น หรื อ จะกระท าการใดให้ เกิ ด ความเสี ย หายแก่ สิ่ ง แวดล้ อมหรื อ
ทรั พ ยากรธรรมชาติ ต ามกฎหมายเกี่ ย วกับ สิ่ ง แวดล้ อ มและทรั พ ยากร
ธรรมชาติ ในการพิ จารณาคดีความผิ ดใด ไม่ว่าศาลจะลงโทษผู้ถูกฟ้อง
หรื อไม่ก็ ต าม เมื่ อมีเหตุอัน ควรเชื่ อว่า ผู้ถูก ฟ้ องน่ าจะก่ อเหตุร้ ายให้ เกิ ด
ภยันตรายแก่บุคคลหรื อทรั พย์ สินของผู้อื่น หรื อจะกระทาความผิดให้ เกิด
ความเสียหายแก่สิ่งแวดล้ อมหรื อทรัพยากรธรรมชาติตามกฎหมายเกี่ยวกับ
สิ่ง แวดล้ อมและทรั พยากรธรรมชาติ ให้ ศาลมีอานาจที่ จะสั่งผู้นัน้ ให้ ท า
ทัณฑ์ บนโดยกาหนดจานวนเงิ นไม่เกิ นกว่าห้ าหมื่นบาทว่าผู้นัน้ จะไม่ก่ อ
เหตุร้ายหรื อจะไม่กระทาความผิดดังกล่าวแล้ วตลอดเวลาที่ศาลกาหนด
แต่ไม่เกินสองปี และจะสัง่ ให้ มีประกันด้ วยหรื อไม่ก็ได้
ถ้ าผู้นัน้ ไม่ยอมท าทัณ ฑ์ บ นหรื อหาประกัน ไม่ไ ด้ ให้ ศาลมีอานาจ
สัง่ กักขังผู้นนจนกว่
ั้ าจะทาทัณฑ์บนหรื อหาประกันได้ แต่ไม่ให้ กกั ขังเกินกว่า
หกเดือน หรื อจะสัง่ ห้ ามผู้นนเข้
ั ้ าในเขตกาหนดตามมาตรา ๔๕ ก็ได้
การกระท าของผู้ซึ่งมี อายุต่ ากว่ าสิ บ แปดปี มิ ใ ห้ อ ยู่ใ นบังคับ แห่ ง
บทบัญญัติตามมาตรานี ้
ส่ วนที่ ๓
วิธีเพิ่มโทษ ลดโทษ และการรอการลงโทษ
____________________________________
*มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๓๒ มาตรา ๔
46
หมวด ๔
ความรั บผิดในทางอาญา
ตามกฎหมายว่าด้ วยการนัน้
หมวด ๕
การพยายามกระทาความผิด
มาตรา ๘๑ ผู้ใดกระทาการโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็ น
ความผิด แต่การกระทานันไม่ ้ สามารถจะบรรลุผลได้ อย่างแน่แท้ เพราะเหตุ
ปั จจัยซึ่งใช้ ในการกระทาหรื อเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทาต่อ ให้ ถือว่า
ผู้ นั น้ พยายามกระท าความผิ ด แต่ ใ ห้ ลงโทษไม่ เ กิ น กึ่ ง หนึ่ ง ของโทษ
ที่กฎหมายกาหนดไว้ สาหรับความผิดนัน้
ถ้ าการกระท าดัง กล่ า วในวรรคแรกได้ ก ระท าไปโดยความเชื่ อ
อย่างงมงาย ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้
หมวด ๖
ตัวการและผู้สนับสนุน
หมวด ๗
การกระทาความผิดหลายบทหรื อหลายกระทง
____________________________________
*มาตรา ๙๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔
61
หมวด ๘
การกระทาความผิดอีก
หมวด ๙
อายุความ
* มาตรา ๙๙ การยึดทรั พย์ สิน หรื ออายัดสิทธิ เรี ยกร้ องในทรั พย์ สิน
เพื่ อใช้ ค่าปรั บ หรื อการกักขังแทนค่าปรั บ ถ้ ามิได้ ทาภายในกาหนดห้ าปี
นับแต่วันที่ ไ ด้ มีคาพิ พากษาถึงที่ สุด จะยึดทรั พย์ สิน อายัดสิ ทธิ เรี ยกร้ อง
ในทรัพย์สิน หรื อกักขังไม่ได้
ความในวรรคหนึ่ ง มิ ใ ห้ ใช้ บั ง คั บ ในกรณี ก ารกั ก ขั ง แทนค่ า ปรั บ
ซึง่ ทาต่อเนื่องกับการลงโทษจาคุก
มาตรา ๑๐๐ เมื่อ ได้ มีคาพิ พ ากษาถึ งที่ สุด ให้ กัก กัน ผู้ ใ ด ถ้ า ผู้นัน้
ยังมิได้ รับการกักกันก็ดี ได้ รับการกักกันแต่ยังไม่ครบถ้ วนโดยหลบหนีก็ดี
ถ้ าพ้ นกาหนดสามปี นับแต่วนั ที่พ้นโทษโดยได้ รับโทษตามคาพิพากษาแล้ ว
หรื อ โดยล่วงเลยการลงโทษ หรื อ นับ แต่วัน ที่ ผ้ ูนัน้ หลบหนี ร ะหว่างเวลา
ที่ต้องกักกัน เป็ นอันล่วงเลยการกักกัน จะกักกันผู้นนไม่
ั ้ ได้
ลักษณะ ๒
บทบัญญัตทิ ่ ีใช้ แก่ ความผิดลหุโทษ
มาตรา ๑๐๕ ผู้ใ ดพยายามกระท าความผิ ด ลหุ โทษ ผู้ นัน้ ไม่ต้ อ ง
รับโทษ
____________________________________
*มาตรา ๑๐๒ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๔
67
ภาค ๒
ความผิด
ลักษณะ ๑
ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่ งราชอาณาจักร
หมวด ๑
ความผิดต่ อองค์ พระมหากษัตริย์ พระราชินี
รั ชทายาท และผู้สาเร็ จราชการแทนพระองค์
____________________________________
*มาตรา ๑๑๒ แก้ ไขโดยคาสัง่ ของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ พ.ศ. ๒๕๑๙ ข้ อ ๑
70
หมวด ๒
ความผิดต่ อความมั่นคงของรั ฐ
ภายในราชอาณาจักร
มาตรา ๑๑๓ ผู้ใ ดใช้ ก าลังประทุษ ร้ าย หรื อขู่ เข็ ญ ว่ าจะใช้ ก าลัง
ประทุษร้ าย เพื่อ
(๑) ล้ มล้ างหรื อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(๒) ล้ มล้ างอานาจนิติบัญญัติ อานาจบริ หาร หรื ออานาจตุลาการ
แห่งรัฐธรรมนูญ หรื อให้ ใช้ อานาจดังกล่าวแล้ วไม่ได้ หรื อ
(๓) แบ่ ง แยกราชอาณาจัก รหรื อยึดอานาจปกครองในส่วนหนึ่ง
ส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นนกระท
ั้ าความผิดฐานเป็ นกบฏ ต้ องระวางโทษประหารชีวิต หรื อ
จาคุกตลอดชีวิต
ห้ าปี
ถ้ าความผิ ด นั น้ ได้ กระท าลงโดยมุ่ ง หมายจะบ่ อ นให้ วิ นั ย และ
สมรรถภาพของกรมกองทหารหรื อตารวจเสื่อมทรามลง ผู้กระทาต้ องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินสิบปี
* มาตรา ๑๑๗ ผู้ ใดยุ ย งหรื อจั ด ให้ เกิ ด การร่ วมกั น หยุ ด งาน
การร่ ว มกั น ปิ ดงานงดจ้ าง หรื อ การร่ ว มกั น ไม่ ย อมค้ า ขายหรื อ ติ ด ต่ อ
ทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ เพื่ อให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน
เพื่อบังคับรัฐบาล หรื อเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี
หรื อปรับไม่เกินหนึง่ แสนสี่หมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าวและเข้ ามีส่วนหรื อเข้ าช่วยในการ
____________________________________
*มาตรา ๑๑๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
72
____________________________________
*มาตรา ๑๑๘ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕
73
หมวด ๓
ความผิดต่ อความมั่นคงของรั ฐ
ภายนอกราชอาณาจักร
หมวด ๔
ความผิดต่ อสัมพันธไมตรี กับต่ างประเทศ
มาตรา ๑๓๐ ผู้ ใดท าร้ ายร่ า งกายหรื อ ประทุ ษ ร้ ายต่ อ เสรี ภ าพ
ของราชาธิ บดี ราชิ นี ราชสามี รั ชทายาท หรื อประมุขแห่งรั ฐต่างประเทศ
ซึง่ มีสมั พันธไมตรี ต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่
้ หนึง่ ปี ถึงสิบห้ าปี
ผู้ใดพยายามกระทาการเช่นว่านัน้ ต้ องระวางโทษเช่นเดียวกัน
**ลักษณะ ๑/๑
ความผิดเกี่ยวกับการก่ อการร้ าย
ลักษณะ ๒
ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง
หมวด ๑
ความผิดต่ อเจ้ าพนักงาน
* มาตรา ๑๓๖ ผู้ ใ ดดู ห มิ่ น เจ้ า พนัก งานซึ่ง กระท าการตามหน้ า ที่
หรื อเพราะได้ ก ระท าการตามหน้ าที่ ต้ องระวางโทษจ าคุก ไม่ เกิ น หนึ่ง ปี
หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๑๓๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕
80
____________________________________
*มาตรา ๑๔๑ และมาตรา ๑๔๒ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
82
* มาตรา ๑๔๔ ผู้ใดให้ ขอให้ หรื อรับว่าจะให้ ทรั พย์ สินหรื อประโยชน์
อื่นใดแก่เจ้ าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรั ฐ สมาชิกสภาจังหวัด
หรื อสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้ กระทาการ ไม่กระทาการหรื อประวิง
การกระทาอันมิชอบด้ วยหน้ าที่ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้ าปี หรื อปรั บ
ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
หมวด ๒
ความผิดต่ อตาแหน่ งหน้ าที่ราชการ
** มาตรา ๑๔๗ ผู้ใ ดเป็ นเจ้ าพนัก งาน มีห น้ า ที่ ซื อ้ ท า จัดการหรื อ
รั กษาทรั พย์ ใด เบี ยดบังทรั พย์ นนั ้ เป็ นของตนหรื อเป็ นของผู้อื่นโดยทุจริ ต
หรื อโดยทุจริ ตยอมให้ ผ้ อู ื่นเอาทรัพย์นนเสี
ั ้ ย ต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่
้ ห้าปี
ถึงยี่สิบปี หรื อจาคุกตลอดชีวิต และปรั บตังแต่ ้ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
* มาตรา ๑๕๓ ผู้ใดเป็ นเจ้ าพนักงาน มีหน้ าที่จ่ายทรั พย์ จ่ายทรั พย์
นันเกิ
้ นกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สาหรับตนเองหรื อผู้อื่น ต้ องระวางโทษ
จาคุกตังแต่
้ หนึง่ ปี ถึงสิบปี และปรับตังแต่
้ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๑๕๓ ถึงมาตรา ๑๕๕ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๗
86
* มาตรา ๑๕๗ ผู้ใดเป็ นเจ้ าพนักงาน ปฏิ บัติหรื อละเว้ นการปฏิ บัติ
หน้ าที่ โดยมิชอบ เพื่ อให้ เกิ ดความเสียหายแก่ผ้ ูหนึ่งผู้ใด หรื อปฏิ บัติหรื อ
ละเว้ นการปฏิบตั ิหน้ าที่โดยทุจริ ต ต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่้ หนึ่งปี ถึงสิบปี
หรื อปรับตังแต่
้ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๑๕๖ และมาตรา ๑๕๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๗
**มาตรา ๑๕๘ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
87
* มาตรา ๑๕๙ ผู้ใดเป็ นเจ้ าพนักงาน มีหน้ าที่ ดูแลรั กษาทรั พย์ หรื อ
เอกสารใด กระทาการอันมิชอบด้ วยหน้ าที่ โดยถอน ทาให้ เสียหาย ทาลาย
หรื อทาให้ ไร้ ประโยชน์ หรื อโดยยินยอมให้ ผ้ ูอื่นกระทาเช่นนัน้ ซึ่งตราหรื อ
เครื่ องหมายอันเจ้ าพนักงานได้ ประทับหรื อหมายไว้ ที่ทรัพย์หรื อเอกสารนัน้
ในการปฏิบัติการตามหน้ าที่ เพื่อเป็ นหลักฐานในการยึดหรื อรั กษาสิ่งนัน้
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้ าปี หรื อปรั บไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรื อทัง้ จา
ทังปรั
้ บ
* มาตรา ๑๖๐ ผู้ใดเป็ นเจ้ าพนักงาน มีหน้ าที่ รักษาหรื อใช้ ดวงตรา
หรื อรอยตราของราชการหรื อของผู้อื่น กระท าการอัน มิช อบด้ วยหน้ า ที่
โดยใช้ ด วงตราหรื อรอยตรานัน้ หรื อ โดยยิ น ยอมให้ ผ้ ู อื่น กระท าเช่ น นัน้
ซึง่ อาจทาให้ ผ้ อู ื่นหรื อประชาชนเสียหาย ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้ าปี
หรื อปรับไม่เกินหนึง่ แสนบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๑๖๑ ผู้ ใดเป็ นเจ้ าพนั ก งาน มี ห น้ าที่ ท าเอกสาร กรอก
ข้ อความลงในเอกสาร หรื อดูแลรั กษาเอกสาร กระทาการปลอมเอกสาร
โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้ าที่นนั ้ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับ
ไม่เกินสองแสนบาท
ตามหน้ าที่
(๑) รับรองเป็ นหลักฐานว่า ตนได้ กระทาการอย่างใดขึ ้น หรื อว่าการ
อย่างใดได้ กระทาต่อหน้ าตนอันเป็ นความเท็จ
(๒) รั บรองเป็ นหลักฐานว่า ได้ มีการแจ้ งซึ่งข้ อความอันมิได้ มีการ
แจ้ ง
(๓) ละเว้ นไม่ จ ดข้ อความซึ่ ง ตนมี ห น้ าที่ ต้ องรั บ จด หรื อจด
เปลี่ยนแปลงข้ อความเช่นว่านัน้ หรื อ
(๔) รั บ รองเป็ นหลัก ฐานซึ่ง ข้ อ เท็ จ จริ ง อัน เอกสารนัน้ มุ่ง พิ สูจ น์
ความจริ งอันเป็ นความเท็จ
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกิ นเจ็ดปี และปรั บไม่เกิ นหนึ่งแสนสี่หมื่น
บาท
* มาตรา ๑๖๕ ผู้ใดเป็ นเจ้ าพนัก งาน มีหน้ าที่ ปฏิ บัติก ารให้ เป็ นไป
ตามกฎหมายหรื อค าสั่ง ซึ่งได้ สั่ง เพื่ อบังคับ การให้ เ ป็ นไปตามกฎหมาย
ป้องกันหรื อขัดขวางมิให้ การเป็ นไปตามกฎหมายหรื อคาสัง่ นัน้ ต้ องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินหนึง่ ปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๑๖๖ ผู้ ใดเป็ นเจ้ า พนั ก งาน ละทิ ง้ งานหรื อ กระท าการ
อย่างใด ๆ เพื่ อให้ งานหยุดชะงักหรื อเสียหาย โดยร่ วมกระทาการเช่นนัน้
ด้ วยกันตังแต่
้ ห้าคนขึ ้นไป ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้ าปี หรื อปรับไม่เกิน
หนึง่ แสนบาท หรื อทังจ้ าทังปรั
้ บ
ถ้ าความผิดนันได้
้ กระทาลงเพื่อให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมาย
____________________________________
*มาตรา ๑๖๔ ถึงมาตรา ๑๖๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
90
ลักษณะ ๓
ความผิดเกี่ยวกับการยุตธิ รรม
หมวด ๑
ความผิดต่ อเจ้ าพนักงานในการยุตธิ รรม
____________________________________
*มาตรา ๑๗๔ และมาตรา ๑๗๕ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
93
____________________________________
*มาตรา ๑๘๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
95
* มาตรา ๑๘๙ ผู้ ใ ดช่ ว ยผู้ อื่ น ซึ่ ง เป็ นผู้ กระท าความผิ ด หรื อ เป็ น
ผู้ต้องหาว่ากระทาความผิ ด อันมิใช่ ความผิ ดลหุโทษ เพื่ อไม่ให้ ต้องโทษ
โดยให้ พ านั ก แก่ ผ้ ู นั น้ โดยซ่ อ นเร้ นหรื อ โดยช่ ว ยผู้ นั น้ ด้ วยประการใด
เพื่ อ ไม่ ใ ห้ ถู ก จับ กุม ต้ องระวางโทษจ าคุก ไม่เ กิ น สองปี หรื อ ปรั บ ไม่ เกิ น
สี่หมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๑๙๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖
98
* มาตรา ๑๙๖ ผู้ ใดฝ่ าฝื นค าสั่ ง ห้ ามของศาลซึ่ ง ได้ สั่ ง ไว้ ใน
คาพิพากษาตามมาตรา ๕๐ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรื อปรับ
ไม่เกินหนึง่ หมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๑๙๒ มาตรา ๑๙๔ มาตรา ๑๙๕ และมาตรา ๑๙๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
99
____________________________________
*มาตรา ๑๙๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๑๙๘ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕
***มาตรา ๑๙๙ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
100
หมวด ๒
ความผิดต่ อตาแหน่ งหน้ าที่ในการยุตธิ รรม
* มาตรา ๒๐๐ ผู้ใ ดเป็ นเจ้ าพนัก งานในตาแหน่ งพนัก งานอัย การ
ผู้วา่ คดี พนักงานสอบสวนหรื อเจ้ าพนักงานผู้มีอานาจสืบสวนคดีอาญาหรื อ
จัดการให้ เป็ นไปตามหมายอาญา กระทาการหรื อไม่กระทาการอย่างใด ๆ
ในตาแหน่งอันเป็ นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ ต้องโทษ
หรื อให้ รับโทษน้ อยลง ต้ องระวางโทษจาคุกตั ง้ แต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และ
ปรับตังแต่
้ หนึง่ หมื่นบาทถึงหนึง่ แสนสี่หมื่นบาท
ถ้ าการกระทาหรื อไม่กระทานัน้ เป็ นการเพื่ อจะแกล้ งให้ บุคคลหนึ่ง
บุ ค คลใดต้ องรั บ โทษ รั บ โทษหนั ก ขึ น้ หรื อ ต้ องถู ก บั ง คั บ ตามวิ ธี ก าร
เพื่ อความปลอดภัย ผู้ก ระท าต้ อ งระวางโทษจ าคุก ตลอดชี วิต หรื อโทษ
จาคุกตังแต่้ หนึง่ ปี ถึงยี่สิบปี และปรับตังแต่
้ สองหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๒๐๐ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๒๐๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๗
101
** มาตรา ๒๐๓ ผู้ใดเป็ นเจ้ าพนักงาน มีห น้ าที่ ปฏิ บัติการให้ เป็ นไป
ตามคาพิ พากษาหรื อคาสั่งของศาล ป้องกันหรื อขัดขวางมิให้ การเป็ นไป
ตามคาพิพากษาหรื อคาสัง่ นัน้ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรับ
ไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทัง้ จาทังปรั
้ บ
ลักษณะ ๔
ความผิดเกี่ยวกับศาสนา
____________________________________
*มาตรา ๒๐๕ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๒๐๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕
103
ลักษณะ ๕
ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน
ลักษณะ ๖
ความผิดเกี่ยวกับการก่ อให้ เกิดภยันตราย
ต่ อประชาชน
* มาตรา ๒๒๑ ผู้ ใดกระท าให้ เกิ ด ระเบิ ด จนน่ า จะเป็ นอัน ตราย
แก่บคุ คลอื่นหรื อทรัพย์ของผู้อื่น ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับ
____________________________________
*มาตรา ๒๒๐ และมาตรา ๒๒๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
108
ไม่เกินหนึง่ แสนสี่หมื่นบาท
* มาตรา ๒๓๗ ผู้ใ ดเอาของที่ มีพิ ษหรื อสิ่ งอื่นที่ น่ าจะเป็ นอันตราย
แก่สขุ ภาพเจือลงในอาหาร หรื อในน ้าซึง่ อยู่ในบ่อ สระหรื อที่ขงั น ้าใด ๆ และ
อาหารหรื อนา้ นัน้ ได้ มีอยู่หรื อจัดไว้ เพื่ อประชาชนบริ โภค ต้ องระวางโทษ
จาคุกตังแต่
้ หกเดือนถึงสิบปี และปรับตังแต่ ้ หนึง่ หมื่นบาทถึงสองแสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๒๓๖ ถึงมาตรา ๒๓๘ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
113
ลักษณะ ๗
ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา
มาตรา ๒๔๓ ผู้ ใดน าเข้ าในราชอาณาจั ก รซึ่ ง สิ่ ง ใด ๆ อัน เป็ น
ของปลอมตามมาตรา ๒๔๐ หรื อของแปลงตามมาตรา ๒๔๑ ต้ องระวาง
โทษดังที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตรานัน้ ๆ
หมวด ๒
ความผิดเกี่ยวกับดวงตรา แสตมป์และตั๋ว
____________________________________
*มาตรา ๒๔๙ ถึงมาตรา ๒๕๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
117
จาคุกตังแต่
้ หนึ่งปี ถึงเจ็ดปี และปรับตังแต่
้ สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่น
บาท
ขององค์ ก ารสาธารณะ หรื อ ของเจ้ าพนั ก งาน หรื อ แสตมป์ ซึ่ ง ระบุ ไ ว้
ในมาตรา ๒๕๐ มาตรา ๒๕๑ หรื อมาตรา ๒๕๔ อันเป็ นของปลอม หรื อ
ของแปลง ต้ อ งระวางโทษจ าคุ ก ตัง้ แต่ ห นึ่ ง ปี ถึ ง สิ บ ปี และปรั บ ตั ง้ แต่
สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
หมวด ๓
ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร
* มาตรา ๒๖๔ ผู้ใ ดท าเอกสารปลอมขึ น้ ทัง้ ฉบับ หรื อแต่ส่ วนหนึ่ ง
ส่วนใด เติมหรื อตัดทอนข้ อความ หรื อแก้ ไขด้ วยประการใด ๆ ในเอกสาร
ที่ แ ท้ จริ ง หรื อ ประทั บ ตราปลอมหรื อ ลงลายมื อ ชื่ อ ปลอมในเอกสาร
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผ้ ูอื่นหรื อประชาชน ถ้ าได้ กระทา
เพื่ อให้ ผ้ ูห นึ่ง ผู้ใ ดหลงเชื่ อว่าเป็ นเอกสารที่ แ ท้ จริ ง ผู้นั น้ กระท าความผิ ด
ฐานปลอมเอกสาร ต้ อ งระวางโทษจ าคุก ไม่ เกิ น สามปี หรื อปรั บ ไม่เกิ น
หกหมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
ผู้ใดกรอกข้ อความลงในแผ่นกระดาษหรื อวัตถุอื่นใด ซึง่ มีลายมือชื่อ
ของผู้อื่นโดยไม่ได้ รับความยินยอม หรื อโดยฝ่ าฝื นคาสัง่ ของผู้อื่นนัน้ ถ้ าได้
กระทาเพื่อนาเอาเอกสารนันไปใช้ ้ ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผ้ หู นึ่งผู้ใด
หรื อประชาชน ให้ ถือว่าผู้นนปลอมเอกสาร
ั้ ต้ องระวางโทษเช่นเดียวกัน
____________________________________
*มาตรา ๒๖๔ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
121
***มาตรา ๒๖๗ ผู้ ใดแจ้ ง ให้ เ จ้ า พนัก งานผู้ ก ระท าการตามหน้ า ที่
จดข้ อความอั น เป็ นเท็ จ ลงในเอกสารมหาชนหรื อเอกสารราชการ
ซึ่งมีวัตถุประสงค์ สาหรั บใช้ เป็ นพยานหลักฐาน โดยประการที่ น่าจะเกิ ด
ความเสี ยหายแก่ ผ้ ูอื่น หรื อประชาชน ต้ องระวางโทษจ าคุก ไม่เกิ นสามปี
หรื อปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๒๖๕ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๒๖๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓
***มาตรา ๒๖๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
122
____________________________________
*มาตรา ๒๖๙ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
123
*หมวด ๔
ความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์
*หมวด ๕
ความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง
มาตรา ๒๖๙/๘ ผู้ ใดท าหนัง สื อ เดิ น ทางปลอมขึ น้ ทัง้ ฉบับ หรื อ
แต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรื อตัดทอนข้ อความ หรื อแก้ ไขด้ วยประการใด ๆ
ในหนังสือเดินทางที่แท้ จริ ง หรื อประทับตราปลอมหรื อลงลายมือชื่อปลอม
ในหนัง สื อเดิ น ทาง โดยประการที่ น่ า จะเกิ ดความเสี ย หายแก่ ผ้ ู อื่ น หรื อ
ประชาชน ถ้ าได้ กระทาเพื่ อให้ ผ้ ูหนึ่งผู้ใ ดหลงเชื่ อว่าเป็ นหนังสือเดินทาง
ที่แท้ จริ ง ผู้นนั ้ กระทาความผิ ดฐานปลอมหนังสือเดินทาง ต้ องระวางโทษ
จาคุกตังแต่้ หนึง่ ปี ถึงสิบปี และปรับตังแต่
้ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ลักษณะ ๘
ความผิดเกี่ยวกับการค้ า
* มาตรา ๒๗๐ ผู้ใดใช้ ห รื อมีไว้ เพื่ อใช้ ซึ่งเครื่ องชั่ง เครื่ องตวง หรื อ
เครื่ องวัด ที่ ผิ ด อัต ราเพื่ อเอาเปรี ย บในการค้ า หรื อมีเครื่ องเช่ น ว่านัน้ ไว้
เพื่ อขาย ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรั บไม่เกินหกหมื่นบาท
หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๒๗๔ ผู้ ใดเลี ย นเครื่ องหมายการค้ าของผู้ อื่ น ซึ่ ง ได้
จดทะเบี ย นแล้ ว ไม่ว่าจะได้ จ ดทะเบี ย นภายในหรื อนอกราชอาณาจัก ร
เพื่อให้ ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็ นเครื่ องหมายการค้ าของผู้อื่นนัน้ ต้ องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินหนึง่ ปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทังจ้ าทังปรั
้ บ
ลักษณะ ๙
ความผิดเกี่ยวกับเพศ
____________________________________
*มาตรา ๒๗๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่ ม เติ ม ป.อ. (ฉบั บ ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔
ราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
131
คู่ส มรส และคู่ส มรสนัน้ ยังประสงค์ จ ะอยู่กิ น ด้ ว ยกัน ฉัน สามีภ ริ ย า ศาล
จะลงโทษน้ อยกว่าที่กฎหมายกาหนดไว้ เพียงใดก็ได้ หรื อจะกาหนดเงื่อนไข
เพื่ อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณี ที่ ศาลมีคาพิ พากษา
ให้ ลงโทษจาคุก และคู่สมรสฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้ วยกัน
ฉันสามีภริ ยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้ คสู่ มรสฝ่ ายนันแจ้ ้ งให้ ศาลทราบ
และให้ ศาลแจ้ งพนักงานอัยการให้ ดาเนินการฟ้องหย่าให้
ในลักษณะเดียวกัน ต้ องระวางโทษจาคุกตลอดชีวิต
ความผิดตามที่บญ ั ญัติไว้ ในวรรคหนึ่ง ถ้ าเป็ นการกระทาโดยบุคคล
อายุไม่เกินสิบแปดปี กระทาต่อเด็กซึง่ มีอายุกว่าสิบสามปี แต่ยงั ไม่เกินสิบห้ า
ปี โดยเด็กนัน้ ยินยอม ศาลที่มีอานาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครั ว
จะพิจารณาให้ มีการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก ผู้ถูกกระทาหรื อผู้กระทา
ความผิดตามกฎหมายว่าด้ วยการคุ้มครองเด็กแทนการลงโทษก็ได้ ในการ
พิ จ ารณาของศาล ให้ คานึง ถึ งอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติ ปั ญ ญา
การศึ ก ษาอบรม สุ ข ภาพ ภาวะแห่ ง จิ ต นิ สัย อาชี พ สิ่ ง แวดล้ อ มของ
ผู้ก ระท าความผิ ด และเด็ ก ผู้ ถู ก กระท า ความสัม พัน ธ์ ร ะหว่ า งผู้ กระท า
ความผิ ด กั บ เด็ ก ผู้ ถู ก กระท า หรื อเหตุ อื่ น อั น ควรเพื่ อ ประโยชน์ ข อง
เด็กผู้ถกู กระทาด้ วย
ในกรณีที่ได้ มีการดาเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทา
หรื อผู้กระทาความผิดตามกฎหมายว่าด้ วยการคุ้มครองเด็กแล้ ว ผู้กระทา
ความผิ ดไม่ต้องรั บโทษ แต่ถ้าการคุ้มครองสวัส ดิภ าพดังกล่าวไม่สาเร็ จ
ศาลจะลงโทษผู้ก ระท าความผิ ด น้ อยกว่ า ที่ ก ฎหมายก าหนดไว้ ส าหรั บ
ความผิ ด นัน้ เพี ย งใดก็ ไ ด้ ในการพิ จารณาของศาล ให้ คานึงถึงเหตุตาม
วรรคห้ าด้ วย
____________________________________
*มาตรา ๒๗๗ ทวิ แก้ ไ ขโดย พ.ร.บ. แก้ ไ ขเพิ่ ม เติ ม ป.อ. (ฉบับ ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๖
ราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
133
บาทถึงสี่แสนบาท
ถ้ าการกระทาความผิดตามวรรคสอง ได้ กระทาโดยทาให้ ผ้ ถู กู กระทา
เข้ าใจว่าผู้กระท ามีอาวุธปื นหรื อวัตถุระเบิ ด ต้ องระวางโทษจ าคุกตัง้ แต่
เจ็ดปี ถึงยี่สิบปี และปรับตังแต่
้ หนึง่ แสนบาทสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้ าการกระทาความผิดตามวรรคสอง ได้ กระทาโดยมีอาวุธปื นหรื อ
วั ต ถุ ร ะเบิ ด หรื อ โดยใช้ อาวุ ธ หรื อโดยร่ ว มกระท าความผิ ด ด้ วยกั น
อัน มีลัก ษณะเป็ นการโทรมหญิ งหรื อกระทากับชายในลัก ษณะเดีย วกัน
ต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ สิบห้ าปี ถึงยี่สิบปี และปรั บตังแต่
้ สามแสนบาท
ถึงสี่แสนบาท หรื อจาคุกตลอดชีวิต
____________________________________
*มาตรา ๒๗๙ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่ ม เติ ม ป.อ. (ฉบั บ ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๙
ราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
135
ยี่สิบปี และปรับตังแต่
้ หนึง่ แสนบาทถึงสี่แสนบาท หรื อจาคุกตลอดชีวิต
(๒) ถึงแก่ความตาย ผู้กระทาต้ องระวางโทษประหารชีวิต หรื อจาคุก
ตลอดชีวิต
ไม่ เ ป็ นเหตุใ ห้ ผู้ ถู ก กระท ารั บ อัน ตรายสาหั ส หรื อ ถึ ง แก่ ค วามตาย หรื อ
มิได้ เป็ นการกระทาแก่บคุ คลดังระบุไว้ ในมาตรา ๒๘๕ และมาตรา ๒๘๕/๒
* มาตรา ๒๘๓ ผู้ ใ ดเพื่ อ สนองความใคร่ ข องผู้ อื่ น เป็ นธุ ร ะจัด หา
ล่อไป หรื อพาไปเพื่อการอนาจารซึง่ ชายหรื อหญิง โดยใช้ อุบายหลอกลวง
ขู่เข็ ญ ใช้ ก าลัง ประทุษร้ าย ใช้ อานาจครอบงาผิ ดคลองธรรม หรื อใช้ วิธี
____________________________________
*มาตรา ๒๘๒ และมาตรา ๒๘๓ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๒
138
ที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตรานัน้ ๆ หนึง่ ในสาม
ลักษณะ ๑๐
ความผิดเกี่ยวกับชีวติ และร่ างกาย
หมวด ๑
ความผิดต่ อชีวิต
มาตรา ๒๘๘ ผู้ ใดฆ่ า ผู้ อื่ น ต้ อ งระวางโทษประหารชี วิ ต จ าคุ ก
ตลอดชีวิต หรื อจาคุกตังแต่
้ สิบห้ าปี ถึงยี่สิบปี
____________________________________
*มาตรา ๒๙๑ ถึงมาตรา ๒๙๓ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
146
____________________________________
*มาตรา ๒๙๔ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
147
หมวด ๒
ความผิดต่ อร่ างกาย
(๖) จิตพิการอย่างติดตัว
(๗) ทุพพลภาพ หรื อป่ วยเจ็บเรื อ้ รังซึง่ อาจถึงตลอดชีวิต
(๘) ทุ พ พลภาพ หรื อ ป่ วยเจ็ บ ด้ ว ยอาการทุ ก ขเวทนาเกิ น กว่ า
ยี่สิบวัน หรื อจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้ เกินกว่ายี่สิบวัน
หมวด ๓
ความผิดฐานทาให้ แท้ งลูก
* มาตรา ๓๐๑ หญิ งใดทาให้ ตนเองแท้ งลูกหรื อยอมให้ ผ้ อู ื่นทาให้ ตน
แท้ งลูก ขณะมีอายุครรภ์ เกิ นสิบสองสัปดาห์ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกิ น
หกเดือน หรื อปรับไม่เกินหนึง่ หมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
** มาตรา ๓๐๒ ผู้ใดทาให้ หญิงแท้ งลูกโดยหญิงนันยิ ้ นยอม ต้ องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินห้ าปี หรื อปรับไม่เกินหนึง่ แสนบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
ถ้ าการกระท านัน้ เป็ นเหตุใ ห้ ห ญิ งรั บ อัน ตรายสาหัส อย่ างอื่น ด้ วย
ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี หรื อปรั บไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่น
บาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
ถ้ าการกระท านั น้ เป็ นเหตุ ใ ห้ หญิ ง ถึ ง แก่ ค วามตาย ผู้ กระท า
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
** มาตรา ๓๐๓ ผู้ ใดท าให้ หญิ ง แท้ งลู ก โดยหญิ ง นั น้ ไม่ ยิ น ยอม
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรื อ
ทังจ
้ าทังปรั
้ บ
ถ้ าการกระท านัน้ เป็ นเหตุใ ห้ ห ญิ งรั บ อัน ตรายสาหัส อย่ างอื่น ด้ วย
ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ หนึ่งปี ถึงสิบปี และปรับตังแต่ ้ สองหมื่น
บาทถึงสองแสนบาท
ถ้ าการกระท านัน้ เป็ นเหตุใ ห้ ห ญิ ง ถึง แก่ ค วามตาย ผู้ก ระท าต้ อง
ระวางโทษจ าคุ ก ตั ง้ แต่ ห้ าปี ถึ ง ยี่ สิ บ ปี และปรั บ ตั ง้ แต่ ห นึ่ ง แสนบาท
ถึงสี่แสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๐๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ มาตรา ๓ ใช้ บงั คับตัง้ แต่
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ (ราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔)
**มาตรา ๓๐๒ และมาตรา ๓๐๓ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
150
หมวด ๔
ความผิดฐานทอดทิง้ เด็ก คนป่ วยเจ็บหรื อคนชรา
* มาตรา ๓๐๖ ผู้ใดทอดทิ ง้ เด็ก อายุยังไม่เกิ นเก้ าปี ไว้ ณ ที่ ใ ด เพื่ อ
ให้ เด็กนัน้ พ้ นไปเสี ยจากตน โดยประการที่ ทาให้ เด็ก นัน้ ปราศจากผู้ดูแ ล
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรั บไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ ้ า
ทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๓๐๖ และมาตรา ๓๐๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
152
ลักษณะ ๑๑
ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง
หมวด ๑
ความผิดต่ อเสรี ภาพ
____________________________________
*มาตรา ๓๐๙ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
153
* มาตรา ๓๑๐ ผู้ ใ ดหน่ ว งเหนี่ ย วหรื อ กัก ขังผู้ อื่ น หรื อ กระท าด้ ว ย
ประการใดให้ ผ้ ูอื่ น ปราศจากเสรี ภ าพในร่ า งกาย ต้ องระวางโทษจ าคุก
ไม่เกินสามปี หรื อปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
ถ้ าการกระทาความผิดตามวรรคแรก เป็ นเหตุให้ ผ้ ูถูกหน่วงเหนี่ยว
ถูกกักขัง หรื อต้ องปราศจากเสรี ภาพในร่ างกายนัน้ ถึงแก่ ความตาย หรื อ
รั บอันตรายสาหัส ผู้กระทาต้ องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๒๙๐
มาตรา ๒๙๗ หรื อมาตรา ๒๙๘ นัน้
** มาตรา ๓๑๐ ทวิ ผู้ ใ ดหน่ ว งเหนี่ ย วหรื อ กัก ขัง ผู้อื่ น หรื อ กระท า
ด้ วยประการใดให้ ผ้ อู ื่นปราศจากเสรี ภาพในร่ างกาย และให้ ผ้ อู ื่นนันกระท
้ า
การใดให้ แก่ ผ้ ู กระท าหรื อ บุ ค คลอื่ น ต้ อ งระวางโทษจ าคุ ก ไม่ เ กิ น ห้ าปี
และปรับไม่เกินหนึง่ แสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๑๐ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๓๑๐ ทวิ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔
***มาตรา ๓๑๑ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
154
____________________________________
*มาตรา ๓๑๒ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๓๑๒ ทวิ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔
155
จาคุกตังแต่
้ สามปี ถึงสิบห้ าปี และปรับตังแต่้ หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ผู้ใดโดยทุจริ ต ซื ้อ จาหน่าย หรื อรับตัวเด็กซึง่ ถูกพรากตามวรรคแรก
ต้ องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนัน้
ถ้ าความผิดตามมาตรานี ้ได้ กระทาเพื่อหากาไร หรื อเพื่อการอนาจาร
ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ ห้า ปี ถึงยี่สิบปี และปรั บตังแต่
้ หนึ่งแสน
บาทถึงสี่แสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๒๐ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๐
**มาตรา ๓๒๑/๑ เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๕
159
หมวด ๒
ความผิดฐานเปิ ดเผยความลับ
* มาตรา ๓๒๓ ผู้ใ ดล่วงรู้ หรื อได้ มาซึ่งความลับ ของผู้ อื่น โดยเหตุ
ที่เป็ นเจ้ าพนักงานผู้มีหน้ าที่ โดยเหตุที่ประกอบอาชีพเป็ นแพทย์ เภสัชกร
คนจาหน่ายยา นางผดุงครรภ์ ผู้พยาบาล นักบวช หมอความ ทนายความ
หรื อ ผู้ สอบบั ญ ชี หรื อ โดยเหตุ ที่ เ ป็ นผู้ ช่ ว ยในการประกอบอาชี พ นั น้
แล้ วเปิ ดเผยความลับนันในประการที
้ ่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผ้ หู นึ่งผู้ใด
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกิ นหกเดือน หรื อปรั บไม่เกิ นหนึ่งหมื่นบาท หรื อ
ทังจ
้ าทังปรั
้ บ
ผู้รับการศึกษาอบรมในอาชีพดังกล่าวในวรรคแรก เปิ ดเผยความลับ
ของผู้อื่น อันตนได้ ลว่ งรู้ หรื อได้ มาในการศึกษาอบรมนัน้ ในประการที่น่าจะ
เกิดความเสียหายแก่ผ้ หู นึง่ ผู้ใด ต้ องระวางโทษเช่นเดียวกัน
หมวด ๓
ความผิดฐานหมิ่นประมาท
____________________________________
*มาตรา ๓๒๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓
161
____________________________________
*มาตรา ๓๒๘ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔
162
แต่ ห้ ามไม่ใ ห้ พิ สูจ น์ ถ้ า ข้ อ ที่ ห าว่ าเป็ นหมิ่ น ประมาทนัน้ เป็ นการ
ใส่ความในเรื่ องส่วนตัว และการพิสจู น์จะไม่เป็ นประโยชน์แก่ประชาชน
ลักษณะ ๑๒
ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
หมวด ๑
ความผิดฐานลักทรั พย์ และวิ่งราวทรัพย์
* มาตรา ๓๓๔ ผู้ใดเอาทรั พย์ ของผู้อื่น หรื อที่ ผ้ ูอื่นเป็ นเจ้ าของรวม
อยู่ด้วยไปโดยทุจริ ต ผู้นัน้ กระท าความผิ ดฐานลักทรั พย์ ต้ องระวางโทษ
จาคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่
้ สามปี ถึงสิบปี และปรั บตังแต่
้ หกหมื่น
บาทถึงสองแสนบาท
ถ้ าการกระท าความผิ ด ดังกล่า วในมาตรานี ้ เป็ นการกระท าโดย
ความจาใจหรื อความยากจนเหลือทนทาน และทรั พย์ นัน้ มีราคาเล็กน้ อย
ศาลจะลงโทษผู้กระทาความผิดดังที่บญ ั ญัติไว้ ในมาตรา ๓๓๔ ก็ได้
** มาตรา ๓๓๖ ผู้ใ ดลัก ทรั พ ย์ โดยฉกฉวยเอาซึ่ง หน้ า ผู้ นัน้ กระท า
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้ าปี และปรั บไม่เกิน
หนึง่ แสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๓๕ ทวิ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๐
**มาตรา ๓๓๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
166
ถ้ าการวิ่ง ราวทรั พ ย์ เป็ นเหตุให้ ผ้ ูอื่น รั บอัน ตรายแก่ กายหรื อจิ ตใจ
ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตัง้ แต่สองปี ถึงเจ็ดปี และปรั บตัง้ แต่สี่หมื่น
บาทถึงหนึง่ แสนสี่หมื่นบาท
ถ้ า การวิ่ ง ราวทรั พ ย์ เ ป็ นเหตุใ ห้ ผ้ ู อื่ น รั บ อัน ตรายสาหัส ผู้ ก ระท า
ต้ อ งระวางโทษจ าคุก ตัง้ แต่ส ามปี ถึ ง สิ บ ปี และปรั บ ตั ง้ แต่ ห กหมื่ น บาท
ถึงสองแสนบาท
ถ้ าการวิ่ ง ราวทรั พ ย์ เ ป็ นเหตุ ใ ห้ ผู้ อื่ น ถึ ง แก่ ค วามตาย ผู้ กระท า
ต้ องระวางโทษจาคุกตัง้ แต่ห้าปี ถึงสิบห้ าปี และปรั บตัง้ แต่หนึ่งแสนบาท
ถึงสามแสนบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๓๖ ทวิ เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้ อ ๑๓
167
หมวด ๒
ความผิดฐานกรรโชก รี ดเอาทรั พย์ ชิงทรัพย์
และปล้ นทรัพย์
* มาตรา ๓๓๗ ผู้ใดข่มขื นใจผู้อื่นให้ ยอมให้ หรื อยอมจะให้ ตนหรื อ
ผู้อื่นได้ ประโยชน์ ในลักษณะที่เป็ นทรั พย์ สิน โดยใช้ กาลังประทุษร้ ายหรื อ
โดยขู่เข็ญว่าจะทาอันตรายต่อชีวิต ร่ างกาย เสรี ภาพ ชื่อเสียงหรื อทรัพย์สิน
ของผู้ถูกขู่เข็ญหรื อของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านัน้ ผู้นนั ้
กระท าความผิ ด ฐานกรรโชก ต้ องระวางโทษจ าคุก ไม่เกิ นห้ าปี และปรั บ
ไม่เกินหนึง่ แสนบาท
ถ้ าความผิดฐานกรรโชกได้ กระทาโดย
(๑) ขู่ว่า จะฆ่ า ขู่ว่ าจะท าร้ ายร่ า งกายให้ ผ้ ูถู ก ข่ มขื น ใจหรื อ ผู้อื่ น
ให้ ได้ รั บ อัน ตรายสาหั ส หรื อ ขู่ ว่ า จะท าให้ เกิ ด เพลิ ง ไหม้ แ ก่ ท รั พ ย์ ข อง
ผู้ถกู ข่มขืนใจหรื อผู้อื่น หรื อ
(๒) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตังแต่ ้
หนึง่ หมื่นบาทถึงหนึง่ แสนสี่หมื่นบาท
บาทถึงสี่แสนบาท
ถ้ าการชิ ง ทรั พ ย์ เ ป็ นเหตุ ใ ห้ ผู้ อื่ น รั บ อั น ตรายสาหั ส ผู้ กระท า
ต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ สิบห้ าปี ถึงยี่สิบปี และปรั บตังแต่ ้ สามแสนบาท
ถึงสี่แสนบาท
ถ้ าการชิงทรัพย์เป็ นเหตุให้ ผ้ อู ื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทาต้ องระวาง
โทษประหารชีวิตหรื อจาคุกตลอดชีวิต
* มาตรา ๓๓๙ ทวิ ถ้ าการชิ งทรั พย์ ได้ กระทาต่อทรั พย์ ตามมาตรา
๓๓๕ ทวิ วรรคแรก ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุก ตัง้ แต่สิ บปี ถึงสิบห้ าปี
และปรับตังแต่ ้ สองแสนบาทถึงสามแสนบาท
ถ้ า การชิ ง ทรั พ ย์ นัน้ เป็ นการกระท าในสถานที่ ดัง ที่ บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น
มาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคสองด้ วย ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ สิบปี
ถึงยี่สิบปี และปรับตังแต่ ้ สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้ าการชิ ง ทรั พ ย์ ต ามวรรคแรกหรื อวรรคสองเป็ นเหตุ ใ ห้ ผู้ อื่ น
รับอันตรายแก่กายหรื อจิตใจ ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตั ง้ แต่สิบห้ าปี
ถึงยี่สิบปี และปรับตังแต่ ้ สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้ าการชิ ง ทรั พ ย์ ต ามวรรคแรกหรื อวรรคสองเป็ นเหตุ ใ ห้ ผู้ อื่ น
รับอันตรายสาหัส ผู้กระทาต้ องระวางโทษจาคุกตลอดชีวิต หรื อจาคุกตังแต่ ้
สิบห้ าปี ถึงยี่สิบปี
ถ้ าการชิ งทรั พย์ ตามวรรคแรกหรื อวรรคสองเป็ นเหตุใ ห้ ผ้ ูอื่นถึงแก่
ความตาย ผู้กระทาต้ องระวางโทษประหารชีวิต
____________________________________
*มาตรา ๓๓๙ ทวิ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๐
170
____________________________________
*มาตรา ๓๔๐ ตรี เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้ อ ๑๕
172
หมวด ๓
ความผิดฐานฉ้ อโกง
* มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริ ต หลอกลวงผู้อื่นด้ วยการแสดงข้ อความ
อัน เป็ นเท็ จ หรื อ ปกปิ ดข้ อความจริ ง ซึ่ ง ควรบอกให้ แจ้ ง และโดยการ
หลอกลวงดังว่านัน้ ได้ ไปซึ่งทรั พย์ สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรื อบุคคลที่สาม
หรื อทาให้ ผ้ ถู ูกหลอกลวงหรื อบุคคลที่สามทา ถอนหรื อทาลายเอกสารสิทธิ
ผู้ นั น้ กระท าความผิ ด ฐานฉ้ อโกง ต้ องระวางโทษจ าคุ ก ไม่ เ กิ น สามปี
หรื อปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๓๔๕ ผู้ใดสัง่ ซื ้อและบริ โภคอาหารหรื อเครื่ องดื่ม หรื อเข้ าอยู่
ในโรงแรม โดยรู้ ว่าตนไม่สามารถช าระเงิ น ค่าอาหาร ค่าเครื่ องดื่ม หรื อ
ค่าอยู่ในโรงแรมนัน้ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามเดือน หรื อปรั บไม่เกิน
ห้ าพันบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๓๔๔ ถึงมาตรา ๓๔๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
174
____________________________________
*มาตรา ๓๔๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
175
หมวด ๔
ความผิดฐานโกงเจ้ าหนี ้
____________________________________
*มาตรา ๓๔๙ และมาตรา ๓๕๐ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
176
หมวด ๕
ความผิดฐานยักยอก
* มาตรา ๓๕๕ ผู้ใดเก็บได้ ซงึ่ สังหาริ มทรัพย์อนั มีค่า อันซ่อนหรื อฝั งไว้
โดยพฤติการณ์ ซงึ่ ไม่มีผ้ ูใดอ้ างว่าเป็ นเจ้ าของได้ แล้ วเบียดบังเอาทรัพย์นนั ้
เป็ นของตนหรื อของผู้อื่น ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกิน
สองหมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั้ บ
หมวด ๖
ความผิดฐานรั บของโจร
ชิ ง ทรั พ ย์ หรื อปล้ น ทรั พ ย์ ผู้ก ระท าต้ องระวางโทษจ าคุก ตั ง้ แต่ห กเดือ น
ถึงสิบปี และปรับตังแต่ ้ หนึง่ หมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ถ้ าการกระท าความผิ ด ฐานรั บ ของโจรนั น้ ได้ ก ระท าต่ อ ทรั พ ย์
อันได้ มาโดยการลักทรั พย์ ตามมาตรา ๓๓๕ ทวิ การชิงทรั พย์ ตามมาตรา
๓๓๙ ทวิ หรื อการปล้ นทรัพย์ตามมาตรา ๓๔๐ ทวิ ผู้กระทาต้ องระวางโทษ
จาคุกตังแต่้ ห้าปี ถึงสิบห้ าปี และปรับตังแต่ ้ หนึง่ แสนบาทถึงสามแสนบาท
หมวด ๗
ความผิดฐานทาให้ เสียทรัพย์
____________________________________
*มาตรา ๓๖๐ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
**มาตรา ๓๖๐ ทวิ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖
180
หมวด ๘
ความผิดฐานบุกรุ ก
* มาตรา ๓๖๒ ผู้ใ ดเข้ าไปในอสังหาริ มทรั พย์ ของผู้อื่น เพื่ อถื อการ
ครอบครองอสังหาริ มทรัพย์ นนั ้ ทัง้ หมดหรื อแต่บางส่วน หรื อเข้ าไปกระทา
การใด ๆ อันเป็ นการรบกวนการครอบครองอสังหาริ มทรั พย์ ของเขาโดย
ปกติสุข ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกิ นหนึ่งปี หรื อปรั บไม่เกินสองหมื่นบาท
หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๓๖๓ ผู้ ใดเพื่ อ ถื อ เอาอสั ง หาริ มทรั พ ย์ ข องผู้ อื่ น เป็ น
ของตนหรื อ ของบุ ค คลที่ ส าม ยัก ย้ า ยหรื อ ท าลายเครื่ อ งหมายเขตแห่ ง
อสังหาริ มทรั พย์ นัน้ ทัง้ หมดหรื อแต่บางส่ว น ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกิ น
สามปี หรื อปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
____________________________________
*มาตรา ๓๖๒ ถึงมาตรา ๓๖๔ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
181
____________________________________
*มาตรา ๓๖๕ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔
182
*ลักษณะ ๑๓
ความผิดเกี่ยวกับศพ
** มาตรา ๓๖๖/๑ ผู้ใดกระทาเพื่อสนองความใคร่ ของตน โดยการใช้
อวัย วะเพศของตนล่ว งล า้ อวัย วะเพศ ทวารหนัก หรื อ ช่ องปากของศพ
ต้ องระวางโทษจ าคุ ก ไม่ เ กิ น สามปี หรื อปรั บ ไม่ เ กิ น หกหมื่ น บาท
หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
ภาค ๓
ลหุโทษ
* มาตรา ๓๖๗ ผู้ใดเมื่อเจ้ าพนักงานถามชื่อหรื อที่อยู่ เพื่อปฏิบตั ิการ
ตามกฎหมาย ไม่ ย อมบอกหรื อแกล้ งบอกชื่ อ หรื อที่ อ ยู่ อั น เป็ นเท็ จ
ต้ องระวางโทษปรับไม่เกินหนึง่ พันบาท
โทษปรับไม่เกินหนึง่ พันบาท
* มาตรา ๓๗๔ ผู้ใ ดเห็ น ผู้ อื่ น ตกอยู่ ใ นภยัน ตรายแห่ ง ชี วิ ต ซึ่ง ตน
อาจช่วยได้ โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรื อผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความ
จาเป็ น ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึง่ เดือน หรื อปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๓๘๐ ผู้ใ ดท าให้ เ กิ ดปฏิ กู ล แก่ น า้ ในบ่ อ สระหรื อที่ ขังน า้
อัน มีไ ว้ ส าหรั บ ประชาชนใช้ ส อย ต้ องระวางโทษจ าคุก ไม่เกิ น หนึ่งเดือน
หรื อปรับไม่เกินหนึง่ หมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๓๘๓ ผู้ ใดเมื่ อ เกิ ด เพลิ ง ไหม้ ห รื อ สาธารณภั ย อื่ น และ
เจ้ าพนักงานเรี ยกให้ ช่วยระงับ ถ้ าผู้นนสามารถช่
ั้ วยได้ แต่ไม่ช่วย ต้ องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินหนึง่ เดือน หรื อปรับไม่เกินหนึง่ หมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
* มาตรา ๓๘๖ ผู้ ใ ดขุด หลุมหรื อ ราง หรื อปลูก ปั ก หรื อวางสิ่ ง ของ
เกะกะไว้ ใ นทางสาธารณะ โดยไม่ ไ ด้ รั บ อนุญ าตอัน ชอบด้ วยกฎหมาย
หรื อทาได้ โดยชอบด้ วยกฎหมาย แต่ละเลยไม่แสดงสัญญาณตามสมควร
เพื่อป้องกันอุปัทวเหตุ ต้ องระวางโทษปรับไม่เกินห้ าพันบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๘๒ ถึงมาตรา ๓๘๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๖
187
* มาตรา ๓๙๒ ผู้ ใดท าให้ ผู้ อื่ น เกิ ด ความกลั ว หรื อ ความตกใจ
โดยการขู่ เ ข็ ญ ต้ อ งระวางโทษจ าคุก ไม่ เ กิ น หนึ่ง เดื อ น หรื อ ปรั บ ไม่ เ กิ น
หนึง่ หมื่นบาท หรื อทังจ
้ าทังปรั
้ บ
** มาตรา ๓๙๓ ผู้ ใดดู ห มิ่ น ผู้ อื่ น ซึ่ ง หน้ าหรื อด้ วยการโฆษณา
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรื อปรั บไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรื อ
ทังจ
้ าทังปรั
้ บ
***มาตรา ๓๙๔ ผู้ใดไล่ ต้ อนหรื อทาให้ สตั ว์ใด ๆ เข้ าในสวน ไร่ หรื อนา
ของผู้ อื่ น ที่ ไ ด้ แ ต่ ง ดิ น ไว้ เพาะพั น ธุ์ ไ ว้ หรื อ มี พื ช พั น ธุ์ หรื อ ผลิ ต ผลอยู่
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรื อปรั บไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรื อ
ทังจ
้ าทังปรั
้ บ
*** มาตรา ๓๙๖ ผู้ ใดทิ ง้ ซากสัต ว์ ซึ่ ง อาจเน่ า เหม็ น ในหรื อ ริ ม ทาง
สาธารณะ ต้ องระวางโทษปรับไม่เกินห้ าพันบาท
____________________________________
*มาตรา ๓๙๒ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๖
**มาตรา ๓๙๓ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๗
***มาตรา ๓๙๔ ถึงมาตรา ๓๙๖ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๖
189
______________________
____________________________________
*มาตรา ๓๙๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๘
**มาตรา ๓๙๘ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๙
190
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้ อ ๑ ระเบียบนี ้เรี ยกว่า “ระเบียบราชการฝ่ ายตุลาการศาลยุติธรรม
ว่าด้ วยการก าหนดจ านวนชั่วโมงที่ ถื อเป็ นการท างานหนึ่ง วัน และแนว
ปฏิบตั ิในการให้ ทางานบริ การสังคมหรื อสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับและ
การเปลี่ยนสถานที่กกั ขัง พ.ศ. ๒๕๕๖”
ข้ อ ๒ ระเบียบนีใ้ ห้ ใช้ บังคับตังแต่
้ วนั ที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖
เป็ นต้ นไป
หมวด ๒
จานวนชั่วโมงที่ถือเป็ นการทางานหนึ่งวัน
ข้ อ ๓ เพื่ อประโยชน์ ใ นการก าหนดจ านวนชั่วโมงท างานบริ ก าร
สัง คมหรื อ ท างานสาธารณประโยชน์ แ ทนค่ า ปรั บ ตามมาตรา ๓๐/๑
วรรคหก แห่งประมวลกฎหมายอาญา ให้ ถือว่า
๓.๑ การทางานช่ วยเหลื อดูแลอานวยความสะดวกหรื อให้ ความ
บันเทิงแก่คนพิการ คนชรา เด็กกาพร้ าหรื อผู้ป่วยในสถานสงเคราะห์ หรื อ
สถานพยาบาล งานวิชาการหรื องานบริ การด้ านการศึกษา เช่น การสอน
หนังสือ การค้ นคว้ าวิจยั หรื อการแปลเอกสาร เป็ นต้ น จานวน ๒ ชัว่ โมงเป็ น
การทางานหนึง่ วัน
๓.๒ การทางานวิชาชีพ งานช่างฝี มือหรื องานที่ต้องใช้ ความรู้ ความ
เชี่ยวชาญ เช่น งานช่างฝี มือเครื่ องยนต์ ก่อสร้ าง คอมพิวเตอร์ หรื อวิชาชีพ
อย่างอื่น เป็ นต้ น จานวน ๓ ชัว่ โมง เป็ นการทางานหนึง่ วัน
๓.๓ การท างานบริ ก ารสังคมหรื อ บ าเพ็ ญ สาธารณประโยชน์ อื่ น
192
หมวด ๓
แนวปฏิบัตใิ นการมีคาสั่งให้ ทางานบริการสังคม
หรื อสาธารณประโยชน์
ข้ อ ๔ ผู้ต้ องโทษปรั บ ซึ่งไม่มี เงิ น ช าระค่าปรั บ อาจร้ องขอท างาน
บริ ก ารสัง คมหรื อ ท างานสาธารณประโยชน์ แ ทนค่ า ปรั บ ต่ อ ศาลชัน้ ต้ น
ที่ พิพากษาคดี โดยระบุรายละเอียดและประวัติของผู้ร้องตามแบบพิ มพ์
ที่กาหนดไว้ ท้ายระเบียบนี ้
ข้ อ ๕ ในคดีที่ศาลมีคาพิพากษาปรับไม่เกินแปดหมื่นบาท ศาลอาจ
สอบถามว่าผู้ต้องโทษปรั บมีเงินชาระค่าหรั บหรื อไม่ และแจ้ งให้ ทราบถึง
สิทธิที่จะขอทางานบริ การสังคมหรื อทางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
ก็ได้
ให้ ศาลจัดให้ มีการช่วยเหลือหรื ออานวยความสะดวกในการจัดทา
และยื่นคาร้ องตามข้ อ ๔ ด้ วย
ข้ อ ๖ ในการพิ จารณาว่าสมควรให้ ผ้ ูต้องโทษปรั บทางานบริ การ
สังคมหรื อทางานสาธารณประโยชน์ แทนค่าปรั บหรื อไม่ ศาลควรคานึงถึง
193
หมวด ๔
แนวปฏิบัตใิ นการสั่งเปลี่ยนสถานที่กักขัง
ข้ อ ๑๓ ในการใช้ ดุล พิ นิ จ เปลี่ ย นสถานที่ กัก ขัง ตามมาตรา ๒๔
วรรคสาม แห่ ง ประมวลกฎหมายอาญา ศาลอาจขอความร่ วมมื อจาก
กระทรวงการพัฒ นาสัง คมและความมั่น คงของมนุ ษ ย์ กรมราชทัณ ฑ์
กรมคุม ประพฤติ หรื อ หน่ ว ยงานอื่ น ตามที่ ก าหนดไว้ ใ นข้ อ ๑๐ ในการ
สืบเสาะหาข้ อมูลเพื่อประกอบการใช้ ดุลพิ นิจ รวมทัง้ ความร่ วมมือในการ
จัดหาสถานที่กกั ขังที่เหมาะสมและผู้ที่ยินยอมรับควบคุมดูแลก็ได้
ข้ อ ๑๔ เพื่อให้ การปฏิบตั ิตามระเบียบนี ้เป็ นไปด้ วยความเรี ยบร้ อย
ศาลอาจก าหนดแนวทางปฏิ บั ติ ข องแต่ ล ะศาลได้ เ ท่ า ที่ ไ ม่ ขัด หรื อ แย้ ง
กับระเบียบนี ้ เช่น ระบบการประสานงานกับหน่วยงานตามข้ อ ๑๐ เป็ นต้ น
ข้ อ ๑๕ ในกรณี ที่ต้องมีวิธี การใดในทางธุ รการเพื่ อให้ การปฏิ บัติ
ตามระเบี ย บนี เ้ ป็ นไปด้ วยความเรี ย บร้ อย ให้ เลขาธิ ก ารส านัก งานศาล
ยุติธรรมเป็ นผู้กาหนดวิธีการนัน้
พระราชบัญญัติ
ค่ าตอบแทนผู้เสียหาย และค่ าทดแทน
และค่ าใช้ จ่ายแก่ จาเลยในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๔
_________________
ภูมพ
ิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ ไว้ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
เป็ นปี ที่ ๕๖ ในรั ชกาลปั จจุบัน
พระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุล ยเดช มี พ ระบรม
ราชโองการโปรดเกล้ าฯ ให้ ประกาศว่า
โดยที่ เป็ นการสมควรให้ มีก ฎหมายว่าด้ วยค่าตอบแทนผู้เสี ยหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา
พระราชบัญญัตินี ้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิ
และเสรี ภาพของบุคคล ซึง่ มาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๔
มาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ ของรั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง ราชอาณาจัก รไทย
บัญญัติให้ กระทาได้ โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
จึง ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ าฯ ให้ ต ราพระราชบัญ ญัติ ขึ น้ ไว้ โ ดย
คาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี ้
198
มาตรา ๑ พ ร ะ ร าช บั ญ ญั ติ นี เ้ รี ย ก ว่ า “ พ ระร า ช บั ญ ญั ติ
ค่ าตอบแทนผู้ เสี ยหาย และค่ าทดแทนและค่ า ใช้ จ่ายแก่ จาเลยใน
คดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔”
* มาตรา ๒ พระราชบั ญ ญั ติ นี ใ้ ห้ ใช้ บั ง คั บ ตั ง้ แต่ วั น ถั ด จากวั น
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้ นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี ้
“ผู้เสียหาย” หมายความว่า บุคคลซึง่ ได้ รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต
หรื อร่ างกายหรื อจิตใจเนื่องจากการกระทาความผิดอาญาของผู้อื่ น โดยตน
มิได้ มีสว่ นเกี่ยวข้ องกับการกระทาความผิดนัน้
“จ าเลย” หมายความว่ า บุ ค คลซึ่ง ถู ก ฟ้ องต่ อ ศาลว่ า ได้ ก ระท า
ความผิดอาญา
“ค่ าตอบแทน” หมายความว่า เงิน ทรั พย์ สิน หรื อประโยชน์ อื่นใด
ที่ ผ้ ู เ สี ย หายมี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ เพื่ อ ตอบแทนความเสี ย หายที่ เ กิ ด ขึ น้ จากหรื อ
เนื่องจากมีการกระทาความผิดอาญาของผู้อื่น
“ค่ า ทดแทน” หมายความว่า เงิ น ทรั พย์ สิ น หรื อประโยชน์ อื่นใด
ที่จาเลยมีสิทธิ ได้ รับเนื่องจากการตกเป็ นจาเลยในคดีอาญาและถูกคุมขัง
ระหว่ า งการพิ จ ารณาคดี และปรากฏว่ า ค าพิ พ ากษาถึ ง ที่ สุด ในคดี นัน้
ฟั งเป็ นยุติว่าจาเลยมิได้ เป็ นผู้กระทาความผิ ดหรื อการกระทาของจาเลย
ไม่เป็ นความผิด
“ส านั ก งาน” หมายความว่า ส านัก งานช่ วยเหลือทางการเงิ น แก่
ผู้เสียหายและจาเลยในคดีอาญา
“คณะกรรมการ” หมายความว่ า คณะกรรมการพิ จ ารณา
____________________________________
*ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๑๐๔ ก หน้ า ๒๓ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๔
199
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ การเรี ยกร้ องหรื อการได้ มาซึ่งสิทธิ หรื อประโยชน์ ตาม
พระราชบัญญัตินี ้ ไม่เป็ นการตัดสิทธิ หรื อประโยชน์ที่ผ้ ูเสียหายหรื อจาเลย
พึงได้ ตามกฎหมายอื่น
มาตรา ๖ ในกรณีที่ผ้ เู สียหายหรื อจาเลยถึงแก่ความตายก่อนที่จะ
200
ได้ รับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่าย แล้ วแต่กรณี ให้ สิทธิ ในการ
เรี ยกร้ องและการรั บค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่ายตกแก่ทายาท
ซึ่ง ได้ รั บ ความเสี ย หายของผู้เสี ย หายหรื อจ าเลยนัน้ ทัง้ นี ้ ตามระเบี ย บ
ที่คณะกรรมการกาหนด
* มาตรา ๖/๑ ในคดี ที่ มี ก ารร้ องทุ ก ข์ ต่ อ พนั ก งานสอบสวนตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจ ารณาความอาญา ให้ พ นักงานสอบสวนแจ้ งให้
ผู้เสียหายหรื อทายาทซึง่ ได้ รับความเสียหายที่มาร้ องทุกข์ดงั กล่าวทราบถึง
สิทธิการได้ รับค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัตินี ้
ในคดี ที่ พ นั ก งานอั ย การเป็ นโจทก์ แ ละศาลมี ค าสั่ ง อนุ ญ าต
ให้ ถอนฟ้ อง หรื อ ศาลมี ค าพิ พ ากษายกฟ้ อง และจ าเลยถู ก คุ ม ขั ง อยู่
ให้ เจ้ าพนักงานผู้มีหน้ าที่ปล่อยตัวจาเลยในคดีดงั กล่าวแจ้ งให้ จาเลยทราบ
ถึงสิทธิ การได้ รับค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายในกรณี ที่ศาลมีคาสั่งอนุญาต
ให้ ถ อนฟ้ อง หรื อศาลมี คาพิ พ ากษาถึง ที่ สุด ว่ าจ าเลยมิ ไ ด้ เ ป็ นผู้ ก ระท า
ความผิด หรื อการกระทาของจาเลยไม่เป็ นความผิดตามพระราชบัญญัตินี ้
เมื่ อ ได้ มี ก ารแจ้ ง ตามวรรคหนึ่ ง หรื อ วรรคสองแล้ ว ให้ พ นัก งาน
สอบสวนหรื อเจ้ าพนักงานผู้มีหน้ าที่ ปล่อยตัวจาเลย บัน ทึกรายละเอีย ด
การแจ้ งนันไว้ ้ ในสานวนคดีหรื อทะเบียนประวัติของจาเลยซึง่ ตนรับผิดชอบ
ด้ วย แล้ วแต่กรณี
____________________________________
*มาตรา ๖/๑ เพิ่ มเติ ม โดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่ มเติ ม พ.ร.บ. ค่ าตอบแทนผู้เ สีย หาย และค่า ทดแทนและ
ค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๓
201
หมวด ๒
คณะกรรมการพิจารณาค่ าตอบแทนผู้เสียหาย และค่ าทดแทนและ
ค่ าใช้ จ่ายแก่ จาเลยในคดีอาญา
* มาตรา ๗ ให้ มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรี ยกว่า "คณะกรรมการ
พิ จารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลย
ในคดีอาญา" ประกอบด้ วย ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็ นประธานกรรมการ
ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมัน่ คง
ของมนุษย์ ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรี ภาพ
ผู้แ ทนกรมพระธรรมนู ญ ผู้แ ทนกรมราชทัณ ฑ์ ผู้ แ ทนส านัก งานตารวจ
แห่งชาติ ผู้แทนสานักงานศาลยุติธรรม ผู้แทนสานักงานอัยการสูงสุด ผู้แทน
สภาทนายความ เป็ นกรรมการโดยต าแหน่ ง และผู้ท รงคุณ วุฒิ จ านวน
ไม่ เ กิ น ห้ าคนซึ่ ง คณะรั ฐ มนตรี แ ต่ ง ตัง้ โดยค าแนะน าของรั ฐ มนตรี ซึ่ ง
ในจานวนนี ้ต้ องเป็ นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ด้ านสังคมสงเคราะห์ และ
ด้ านการคุ้มครองสิทธิเสรี ภาพของประชาชนเป็ นที่ประจักษ์ อย่างน้ อยด้ าน
ละหนึง่ คน เป็ นกรรมการ
ให้ ผ้ ูอานวยการสานักงานช่วยเหลือทางการเงิ นแก่ผ้ ูเสียหายและ
จาเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิท ธิ และเสรี ภาพ เป็ นเลขานุการ และ
ให้ ประธานกรรมการแต่งตังข้ ้ าราชการในสานักงานช่วยเหลือทางการเงิน
แก่ผ้ ูเสียหายและจาเลยในคดีอาญา เป็ นผู้ช่วยเลขานุการจานวนไม่เกิ น
สองคน
____________________________________
*มาตรา ๗ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่
จาเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๔
202
โดยอนุโลม
* มาตรา ๑๔/๑ คณะกรรมการอาจแต่งตังคณะอนุ ้ กรรมการพิจารณา
ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา
คณะหนึ่ ง หรื อหลายคณะ ตามความเหมาะสม โดยในแต่ ล ะคณะ
มีอนุกรรมการจานวนไม่น้อยกว่าห้ าคนแต่ไม่เกินเก้ าคน ทังนี ้ ้ องค์ประกอบ
คุ ณ สมบั ติ แ ละวาระการด ารงต าแหน่ ง ให้ เป็ นไปตามระเบี ย บที่
คณะกรรมการกาหนด และให้ มีอานาจหน้ าที่ดงั ต่อไปนี ้
(๑) พิ จ ารณาอนุมัติค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่ ายตาม
พระราชบั ญ ญั ติ นี ้ ทัง้ นี ้ หลัก เกณฑ์ วิ ธี ก าร และเงื่ อ นไขการพิ จ ารณา
ให้ เป็ นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกาหนด
(๒) มีหนัง สือสอบถามหรื อเรี ย กบุคคลใดมาให้ ถ้อยคาหรื อให้ ส่ง
เอกสาร หลัก ฐานที่ เ กี่ ย วข้ อ ง หรื อ ข้ อ มูล หรื อ สิ่ ง อื่ น ใดที่ จ าเป็ นมาเพื่ อ
ประกอบการพิจารณา
(๓) ปฏิบตั ิการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
ให้ นามาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา
๒๑ มาใช้ บังคับกับการพิจารณาและการดาเนินการของคณะอนุกรรมการ
ตามวรรคหนึง่ ด้ วย
ในการประชุมของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งให้ นามาตรา ๑๓
มาใช้ บงั คับโดยอนุโลม
____________________________________
*มาตรา ๑๔/๑ เพิ่มเติ มโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติ ม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและ
ค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๕
205
หมวด ๓
สานักงานช่ วยเหลือทางการเงินแก่ ผ้ ูเสียหาย
และจาเลยในคดีอาญา
มาตรา ๑๕ ให้ จัดตัง้ สานักงานช่วยเหลือทางการเงิ นแก่ผ้ ูเสียหาย
และจ าเลยในคดี อาญาขึน้ ในกระทรวงยุติธ รรม และให้ มีอานาจหน้ าที่
ดังต่อไปนี ้
(๑) ปฏิ บัติงานธุ รการของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ
ตามพระราชบัญญัตินี ้
(๒) รับคาขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่าย พร้ อมทังท ้ า
ความเห็นเสนอต่อคณะกรรมการหรื อคณะอนุกรรมการ
(๓) ประสานงานกับ หน่ วยงานราชการอื่ น หรื อบุค คลใด ๆ เพื่ อ
ขอทราบข้ อเท็จจริ งหรื อความเห็นเกี่ยวกับการขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน
หรื อค่าใช้ จ่าย
(๔) เก็บ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทน
ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่าย
(๕) กระท ากิ จ การตามที่ รั ฐ มนตรี คณะกรรมการ หรื อ คณะ
อนุกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๑๖ ในกรณี ที่ ส านั ก งานเห็ น ว่ า มี ค วามจ าเป็ นที่ จ ะต้ อ ง
ดาเนินคดีตามพระราชบัญญัตินี ้ กระทรวงยุติธรรมอาจแต่งตังข้ ้ าราชการ
ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมซึง่ มีคณ ุ วุฒิไม่ต่ากว่าปริ ญญาตรี ทางนิติศาสตร์
เพื่ อให้ มีอานาจด าเนิ น คดีห รื อดาเนิ น การใด ๆ ที่ เกี่ ย วข้ องกับ คดีตามที่
กระทรวงยุติธรรมมอบหมายก็ได้ และให้ แจ้ งศาลทราบ
การดาเนินคดีตามมาตรานี ้ ให้ ได้ รับยกเว้ นค่าธรรมเนียมศาล
206
หมวด ๔
การจ่ ายค่ าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา
มาตรา ๑๗ ค ว าม ผิ ด ที่ ก ร ะ ท าต่ อ ผู้ เ สี ย ห า ย อั น อ าจ ข อ รั บ
ค่าตอบแทนได้ ต้องเป็ นความผิดตามรายการที่ระบุไว้ ท้ายพระราชบัญญัตินี ้
มาตรา ๑๘ ค่าตอบแทนตามมาตรา ๑๗ ได้ แก่
(๑) ค่ า ใช้ จ่ า ยที่ จ าเป็ นในการรั ก ษาพยาบาล รวมทั ง้ ค่ า ฟื ้ น ฟู
สมรรถภาพทางร่ างกายและจิตใจ
(๒) ค่าตอบแทนในกรณีที่ผ้ เู สียหายถึงแก่ความตาย จานวนไม่เกิน
ที่กาหนดในกฎกระทรวง
(๓) ค่ า ขาดประโยชน์ ท ามาหาได้ ในระหว่ า งที่ ไ ม่ ส ามารถ
ประกอบการงานได้ ตามปกติ
(๔) ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
ทังนี้ ้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราที่กาหนดในกฎกระทรวง
คณะกรรมการจะก าหนดให้ ผ้ ูเสีย หายได้ รั บค่าตอบแทนเพี ยงใด
หรื อ ไม่ ก็ ไ ด้ โดยค านึ ง ถึ ง พฤติ ก ารณ์ แ ละความร้ ายแรงของการกระท า
ความผิ ด และสภาพความเสี ย หายที่ ผ้ ู เ สี ย หายได้ รั บ รวมทั ง้ โอกาสที่
ผู้เสียหายจะได้ รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้ วย
มาตรา ๑๙ หากปรากฏในภายหลังว่าการกระทาที่ผ้ ูเสียหายอาศัย
เป็ นเหตุในการขอรั บค่าตอบแทนนัน้ ไม่เป็ นความผิ ดอาญาหรื อไม่มีการ
กระท าเช่ น ว่ า นั น้ ให้ คณะกรรมการมี ห นั ง สื อ แจ้ งให้ ผู้ เสี ย หายคื น
ค่าตอบแทนที่ได้ รับไปแก่กระทรวงยุติธรรมภายในสามสิบวันนับแต่วันที่
ได้ รับแจ้ ง
207
หมวด ๕
การจ่ ายค่ าทดแทนและค่ าใช้ จ่ายแก่ จาเลยในคดีอาญา
มาตรา ๒๐ จ าเลยที่ มี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ ค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยตาม
พระราชบัญญัตินี ้ ต้ อง
(๑) เป็ นจาเลยที่ถกู ดาเนินคดีโดยพนักงานอัยการ
(๒) ถูกคุมขังในระหว่างการพิจารณาคดี และ
(๓) ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าจาเลยมิได้ เป็ นผู้กระทาความผิดและ
มีการถอนฟ้องในระหว่างดาเนินคดี หรื อปรากฏตามคาพิพากษาอันถึงที่ สดุ
ในคดีนนั ้ ว่าข้ อเท็จจริ งฟั งเป็ นยุติว่าจาเลยมิได้ เป็ นผู้กระทาความผิดหรื อ
การกระทาของจาเลยไม่เป็ นความผิด
ในคดี ที่ มี จ าเลยหลายคน จ าเลยคนใดถึ ง แก่ ค วามตายก่ อ นมี
คาพิ พ ากษาถึง ที่ สุด และคณะกรรมการเห็ นสมควรจ่ายค่าทดแทนและ
ค่ า ใช้ จ่ า ยให้ แก่ จ าเลยอื่ น ที่ ยั ง มี ชี วิ ต อยู่ ถ้ าเป็ นเหตุ อ ยู่ ใ นลัก ษณะคดี
จ าเลยที่ ถึ ง แก่ ค วามตายนัน้ มี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ ค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยตาม
พระราชบัญญัตินี ้ได้ ด้วย
มาตรา ๒๑ การกาหนดค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายตามมาตรา ๒๐
ให้ กาหนดตามหลักเกณฑ์ ดังนี ้
(๑) ค่าทดแทนการถูกคุมขัง ให้ คานวณจากจานวนวันที่ถูกคุมขัง
ในอัตราที่ กาหนดไว้ สาหรั บการกักขังแทนค่าปรั บตามประมวลกฎหมาย
อาญา
(๒) ค่ า ใช้ จ่ า ยที่ จ าเป็ นในการรั ก ษาพยาบาล รวมทั ง้ ค่ า ฟื ้ น ฟู
สมรรถภาพทางร่ างกายและจิ ตใจ หากความเจ็บป่ วยของจาเลยเป็ นผล
โดยตรงจากการถูกดาเนินคดี
208
หมวด ๖
การยื่นคาขอ การพิจารณาคาขอ และการอุทธรณ์
* มาตรา ๒๒ ให้ ผ้ เู สียหาย จาเลย หรื อทายาทซึง่ ได้ รับความเสียหาย
ที่มีสิทธิขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่ายตามพระราชบัญญัตินี ้
ยื่นคาขอต่อคณะกรรมการหรื อคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๔/๑ ตาม
แบบที่ ส านั ก งานก าหนดภายในหนึ่ ง ปี นั บ แต่ วั น ที่ ผ้ ู เสี ย หายได้ รู้ ถึ ง
____________________________________
*มาตรา ๒๒ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่าย
แก่จาเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๖
209
การกระท าความผิ ด หรื อ วัน ที่ ศ าลมี ค าสั่งอนุ ญ าตให้ ถ อนฟ้ อง เพราะ
ปรากฏหลักฐานว่าจาเลยมิได้ เป็ นผู้กระทาความผิด หรื อวันที่มีคาพิพากษา
อันถึงที่สดุ ว่าข้ อเท็จจริ งฟั งเป็ นยุติว่าจาเลยมิได้ เป็ นผู้กระทาความผิดหรื อ
การกระทาของจาเลยไม่เป็ นความผิด แล้ วแต่กรณี
การยื่นคาขอตามวรรคหนึ่ง ผู้เสียหาย จาเลย หรื อทายาทดังกล่าว
จะยื่ น ต่ อ หน่ ว ยงานอื่ น ตามที่ ค ณะกรรมการประกาศก าหนดก็ ไ ด้ และ
ให้ ถื อ ว่ า เป็ นการยื่ น ค าขอต่ อ คณะกรรมการหรื อคณะอนุ ก รรมการ
ตามมาตรา ๑๔/๑ แล้ วแต่กรณี
มาตรา ๒๓ ในกรณี ที่ผ้ ูเสียหาย จาเลย หรื อทายาทซึ่งได้ รับความ
เสี ย หายเป็ นผู้ไ ร้ ความสามารถ หรื อไม่ ส ามารถยื่ น คาขอด้ วยตนเองได้
ผู้แทนโดยชอบธรรมหรื อผู้อนุบาล ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีห รื อภริ ยา
หรื อ บุค คลหนึ่ ง บุ ค คลใดซึ่ง ได้ รั บ การแต่ง ตัง้ เป็ นหนังสื อจากผู้เ สี ย หาย
จ าเลย หรื อ ทายาทซึ่ง ได้ รั บ ความเสี ย หาย แล้ ว แต่ ก รณี อาจยื่ น ค าขอ
รั บ ค่ า ตอบแทน ค่ า ทดแทน หรื อ ค่ า ใช้ จ่ า ยแทนได้ ทัง้ นี ้ ตามระเบี ย บ
ที่คณะกรรมการกาหนด
มาตรา ๒๔ หลัก เกณฑ์ วิ ธี ก ารยื่ น ค าขอ และวิ ธี พิ จ ารณาค าขอ
ให้ เป็ นไปตามระเบี ย บที่ คณะกรรมการก าหนด โดยความเห็ น ชอบของ
รัฐมนตรี
* มาตรา ๒๕ ในกรณี ที่ ผ้ ู ยื่ น ค าขอไม่ เ ห็ น ด้ วยกั บ ค าวิ นิ จ ฉั ย ของ
คณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๔/๑ ให้ มีสิทธิ อุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการ
ภายในสามสิบวันนับแต่วนั ที่ได้ รับแจ้ งคาวินิจฉัย ทั ง้ นี ้ หลักเกณฑ์ วิธีการ
____________________________________
*มาตรา ๒๕ แก้ ไขโดย พ.ร.บ. แก้ ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่าย
แก่จาเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๗
210
หมวด ๗
พนักงานเจ้ าหน้ าที่
มาตรา ๒๖ ในการปฏิบตั ิหน้ าที่ตามพระราชบัญญัตินี ้ ให้ พนักงาน
เจ้ าหน้ าที่มีอานาจดังต่อไปนี ้
(๑) สอบปากคาผู้ยื่นคาขอเกี่ยวกับข้ อเท็จจริ งต่าง ๆ ตามคาขอ
(๒) มีหนังสือสอบถามหรื อเรี ยกบุคคลใดมาให้ ถ้ อยคา หรื อให้ ส่ง
เอกสารหลั ก ฐานที่ เ กี่ ย วข้ องหรื อข้ อมู ล หรื อสิ่ ง อื่ น ที่ จ าเป็ นมาเพื่ อ
ประกอบการพิจารณา
มาตรา ๒๗ ในการปฏิ บัติการตามพระราชบัญญัตินี ้ ให้ พนักงาน
เจ้ าหน้ าที่เป็ นเจ้ าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
211
หมวด ๘
บทกาหนดโทษ
มาตรา ๒๘ ผู้ใดยื่นคาขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่าย
โดยแสดงข้ อความอันเป็ นเท็จ ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรั บ
ไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ ้ าทังปรั
้ บ
มาตรา ๒๙ ผู้ใ ดให้ ถ้ อยค าหรื อแสดงพยานหลัก ฐานอัน เป็ นเท็ จ
เกี่ ย วกับ การขอรั บ ค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรื อค่าใช้ จ่ า ยตามพระราช
บัญ ญัติ นี ต้ ่อคณะกรรมการ คณะอนุ ก รรมการ หรื อพนัก งานเจ้ าหน้ า ที่
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรั บไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทังจ ้ า
ทังปรั
้ บ
มาตรา ๓๐ ผู้ใดไม่ให้ ถ้อยคาหรื อไม่สง่ หนังสือตอบหนังสือสอบถาม
เอกสาร หลัก ฐาน หรื อ ข้ อมู ล หรื อ สิ่ ง อื่ น ที่ จ าเป็ นตามค าสั่ง ของคณะ
กรรมการ คณะอนุกรรมการ หรื อพนักงานเจ้ าหน้ าที่โดยไม่มีเหตุอนั สมควร
ต้ องระวางโทษจาคุกไม่เกิ นหกเดือน หรื อปรั บไม่เกิ นหนึ่งหมื่นบาท หรื อ
ทังจ้ าทังปรั
้ บ
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๓๑ ในวาระเริ่ มแรก ให้ กระทรวงยุ ติ ธ รรมก าหนดให้
หน่วยงานใดหน่วยงานหนึง่ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมดาเนินการในอานาจ
หน้ าที่ของสานักงานจนกว่าจะตังส ้ านักงานแล้ วเสร็ จ ทังนี ้ ้ ภายในกาหนด
หนึง่ ปี นับแต่วนั ที่พระราชบัญญัตินี ้ใช้ บงั คับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตารวจโท ทักษิ ณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
212
____________________________________________________________
หมายเหตุ :- เหตุ ผ ลในการประกาศใช้ พระราชบั ญ ญั ติ ฉ บั บ นี ้ คื อ
โดยที่ บ ทบัญ ญั ติ มาตรา ๒๔๕ และมาตรา ๒๔๖ ของรั ฐ ธรรมนูญ แห่ ง
ราชอาณาจักรไทย บัญญัติรับรองสิทธิในการได้ รับความช่วยเหลือจากรั ฐ
ของบุคคล ซึ่งได้ รับความเสียหายเนื่องจากการกระทาความผิดอาญาของ
ผู้อื่นโดยตนมิได้ มีส่วนเกี่ยวข้ องกับการกระทาความผิดนัน้ และไม่มีโอกาส
ได้ รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่น รวมทัง้ การรั บรองสิทธิ ในการ
ได้ รั บค่าทดแทนในกรณี ข องบุคคลซึ่งตกเป็ นจ าเลยในคดีอาญาและถูก
คุมขัง ระหว่างการพิ จารณาคดี หากปรากฏตามคาพิ พ ากษาอันถึงที่ สุด
ในคดีนนั ้ ว่าข้ อเท็จจริ งฟั งเป็ นที่ยุติว่าจาเลยมิได้ เป็ นผู้กระทาความผิดหรื อ
การกระทาของจาเลยไม่เป็ นความผิด ดังนัน้ เพื่อให้ การรับรองสิทธิดงั กล่าว
เป็ นไปตามบทบัญญัติของรั ฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงจาเป็ น
ต้ องตราพระราชบัญญัตินี ้
215
กฎกระทรวง
กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ ายค่ าตอบแทน
ผู้เสียหาย และค่ าทดแทนและค่ าใช้ จ่ายแก่ จาเลยในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๖
__________________
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๔ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่าย
แก่จาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ อันเป็ นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติ
บางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิ และเสรี ภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙
ประกอบกับ มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ ของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ กระทาได้ โดยอาศัยอานาจ
ตามบทบั ญ ญั ติ แ ห่ ง กฎหมาย รั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงยุ ติ ธ รรมและ
รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี ้
ข้ อ ๑ ในกฎกระทรวงนี ้
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณา
ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา
ข้ อ ๒ ในการพิ จ ารณาจ่ า ยค่ า ตอบแทนผู้ เสี ย หายในคดี อ าญา
ให้ ค ณะกรรมการคานึงถึงพฤติก ารณ์ และความร้ ายแรงของการกระท า
ความผิ ด และสภาพความเสี ย หายที่ ผ้ ู เสี ย หายได้ รั บ รวมถึ ง โอกาส
216
ไม่เกินสามหมื่นบาท
ค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ ายตาม (๑) และ (๒) ให้ ร วมถึงค่าใช้ จ่ าย
เกี่ยวกับค่าห้ องและค่าอาหารในอัตราวันละไม่เกินหนึง่ พันบาท
* ข้ อ ๗ ในกรณี ที่ จ าเลยในคดี อ าญาถึ ง แก่ ค วามตาย อัน เป็ นผล
โดยตรงจากการถูกดาเนินคดี ให้ คณะกรรมการพิจารณาจ่ายค่าทดแทน
ให้ แก่จาเลยนัน้ ดังต่อไปนี ้
(๑) ค่าทดแทน ให้ จ่ายเป็ นเงินจานวนหนึง่ แสนบาท
(๒) ค่าจัดการศพ ให้ จ่ายเป็ นเงินจานวนสองหมื่นบาท
(๓) ค่าขาดอุปการะเลี ้ยงดู ให้ จ่ายเป็ นเงินจานวนไม่เกินสี่หมื่นบาท
(๔) ค่าเสียหายอื่นนอกจาก (๑) (๒) และ (๓) ให้ จ่ายเป็ นเงินตาม
จานวนที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกินสี่หมื่นบาท
ข้ อ ๘ เมื่อคณะกรรมการอนุมตั ิให้ จ่ายเงินค่าตอบแทนผู้เสียหาย
หรื อเงิ นค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา ให้ ผ้ ูยื่นคาขอรั บ
ค่าตอบแทนหรื อค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ าย แล้ วแต่กรณี ยื่ นคาขอรั บเงิ น
ค่ า ตอบแทนหรื อ เงิ น ค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยตามแบบที่ ส านั ก งาน
ช่วยเหลือทางการเงินแก่ผ้ เู สียหายและจาเลยในคดีอาญากาหนด
ให้ ไว้ ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
พงศ์เทพ เทพกาญจนา
รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงยุติธรรม
ร้ อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ
รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการคลัง
____________________________________
*ข้ อ ๗ (๓) (๔) แก้ ไขโดยกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙
219
____________________________________
*ตารางอัตราค่าทนายความฯ แก้ ไขโดยกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙
220
______________________________________________________
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้ กฎกระทรวงฉบับนี ้ คือ โดยที่มาตรา
๑๘ และมาตรา ๒๑ แห่ ง พระราชบัญ ญั ติ ค่ า ตอบแทนผู้ เ สี ย หาย และ
ค่า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ ายแก่ จ าเลยในคดีอ าญา พ.ศ. ๒๕๔๔ บัญ ญั ติ
ให้ การจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้ จ่ายแก่จาเลย
ในคดี อ าญาเป็ นไปตามหลั ก เกณฑ์ วิ ธี ก าร และอั ต ราที่ ก าหนดใน
กฎกระทรวง จึงจาเป็ นต้ องออกกฎกระทรวงนี ้
221
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
222
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
223
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
224
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .