You are on page 1of 117

พระราชกฤษฎีกา ให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ บรรพ ๑ และ ๒ ทีไ่ ด้ตรวจชาระใหม[ ่ ๑]

มีพระบรมราชโองการ ในพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรี สน ิ ทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎ เกลา้ เจา้ อยูห ่ ัว ให้ประกาศจงทราบทั ่วกันวา่


จาเดิมแตไ่ ดอ ้ อกประกาศประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ บรรพ ๑ และ ๒ แต่ วั นที่ ๑๑ พฤศจิกายน พระพุทธศั กราช ๒๔๖๖ เปน
ตน ้ มา ได ม
้ ี ความเห็ นแนะนามากหลาย เพื่อยั งประมวล กฎหมายนี้ ใหส ้ มบูรณ์ยิง่ ขึ้น
และเมื่อได้พิจารณาโดยถอ่ งแทแ ้ ลว้ เห็นเปนการสมควรให้ตรวจชาระบทบั ญญั ติในบรรพ ๑ และ ๒ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์
ที่กลา่ วมาขา้ งตน ้ ใหม่
้ นั น
จึ่งทรงพระกรุ ณาโปรดเกลา้ ฯ สั ง่ วา่ บทบั ญญั ติเดิมในบรรพ ๑ และ ๒ แหง่ ประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ประกาศไวแ
้ ต่ ณ วั น
่ ้
ที ๑๑ พฤศจิกายน พระพุทธศั กราช ๒๔๖๖ นั น ให้ยกเลิกเสียสิน และใชบ ้ ้ ทบั ญญั ตท ่
ิ ีได้ตรวจชาระใหมต ่ อ่ ทา้ ยพระราชกฤษฎีกานี้ แทน
สืบไป
ยุบันนี้
ประกาศมา ณ วั นที่ ๑๑ พฤศจิกายน พระพุทธศั กราช ๒๔๖๘ เปนปี ที่ ๑๖ ในรั ชกาลปัต
พระราชบั ญญตั ิ ใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วั นที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็ นปี ที่ ๔๗ ในรั ชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้ ประกาศวา่


โดยที่เป็ นการสมควรปรั บปรุ งบทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ และบทบั ญญั ติลักษณะ ๒๓ สมาคม ของบรรพ ๓
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์
จึงทรงพระกรุ ณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบั ญญั ติข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยินยอมของสภา นิ ติบัญญั ติแหง่ ชาติ ทาหน้าที่รัฐสภา ดังตอ่ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบั ญญั ติน้ี เรี ยกวา่ “พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระ
ใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕”
มาตรา ๒[๒] พระราชบั ญญั ติน้ี ใหใ้ ชบ ้ ั งคั บเมื่อพน ้ กาหนดหกสิบวั นนั บแตว่ ั นถัดจากวั น ประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็ นตน ้ ไป
มาตรา ๓ ใหแ ก
้ ้ ไขเพิ ่ มเติ มประมวลกฎหมายแพ ง
่ และพาณิ ชย บ์ รรพ ๑ และบรรพ ๓ ดังตอ่ ้
ไปนี
(๑)ใหย้ กเลิกบทบญั ญัติบรรพ๑แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยซ์ ่ึงได้ใชบ ้ ั งคั บโดย พระราชกฤษฎีกาให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติแหง่ ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิ ชยบ ์ รรพ ๑ และบรรพ ๒ ที่ได้ตรวจชาระ ใหม่ พ.ศ. ๒๔๖๘
(๒) ใหย้ กเลิกลั กษณะ ๒๓ สมาคม ของบรรพ ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ซึ่ง ได้ใชบ ้ ั งคั บโดยพระราชกฤษฎีกาให้ใช้
บทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยบ ์ รรพ ๓ ที่ได้ตรวจ ชาระใหม่ พ.ศ. ๒๔๗๑
(๓) ใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี เป็ นบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชยท ่
์ ้ รวจชาระใหม่
ี ไดต
มาตรา ๔ เอกสารที่มีการใชต ้ ราประทั บแทนการลงลายมือชื่อตามมาตรา ๙ วรรคสอง แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ กอ ่ นการ
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบั ญญั ติน้ี ซึ่งได้กระทาขึ้นกอ ่ นวั นที่ พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ ให้มีผลสมบูรณ์เสมือนกับลงลายมือชื่อตอ่ ไป
มาตรา ๕ บทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ตินี้ ไมก ่ ระทบกระเทือนถึง
ความสมบูรณ์ของการให้กู้ยืมเงินที่ผูเ้ สมือนไร้ความสามารถได้ กระทาขึ้นกอ ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ
้ ั งคั บ

มาตรา ๖ ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยูท ่ ่ีศาลไดต ้ ั งขึ ้ ้ นกอ ่ นวั นที่ พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคับ หากยั งมิไดจ้ ั ดทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยูห ่ รื อจั ด
ทายั งไมแ ่ ลว้ เสร็จ ให้จัดทาให้แลว้ เสรจ็ ภายในสามเดือนนั บ แตว่ ั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ และให้นามาตรา ๕๒ และมาตรา ๕๓
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ พาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี มาใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๗ ให้องคก ์ รหรื อหน่วยงานที่กฎหมายบั ญญั ติให้เป็ นทบวงการเมืองตามความหมาย ของมาตรา ๗๒ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชย ์ ซึ่งถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ (๑) แหง่ พระราชบั ญญั ติน้ี คงมีฐานะเป็ นนิ ติบุคคลตอ ่ ไป
มาตรา ๘ ใหบ ้ รรดาสมาคมที่ไดจ้ ดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยก์ อ ่ นวั นที่ พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ เป็ นสมาคมตาม
บทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ้ ่ ี ไ ด ต รวจชาระ ใหม ท
่ ้า ยพระราชบั ญ ญั ต น
ิ ้ ี
สมาคมใดที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยก์ อ ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ มิได้ใชช้ ่ือซึ่งมีคาวา่ “สมาคม”
ประกอบกับชื่อของสมาคมให้ย่ืนคาขอแก้ไขขอ ้ บั งคั บของสมาคมให้ ถูกตอ ้ งตามมาตรา ๘๐ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชา
ระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ภายในสองปี นั บแตว่ ั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคับ
มาตรา ๙ สมาคมตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ ง สมาคมใด มีวธิ ีจัดการโดยไมม ่ ีคณะกรรมการเป็ น ผูด ้ าเนิ นกิจการของสมาคมตามมาตรา ๗๙
(๖) แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีไดต ้ รวจชาระใหมท ่ า้ ย พระราชบั ญญั ติน้ี ถา้ สมาคมนั น ้ ไมด ่ าเนิ นการยื่นคาขอแกไ้ ขขอ ้ บั งคับของ
สมาคมและจั ดใหม ้ ี ค ณะกรรมการเป็ น ผู ด
้ าเนิ น กิ จ การของสมาคมภายในสองปี นั บแต ว
่ ั น ที ่ พ ระราชบั ญ ญั ต น
ิ ้ ี ใชบ้ ั ง คับ ให น
้ ายทะเบี ย นถอนชื ่อ
สมาคม นั น ้ ออกจากทะเบียน
มาตรา ๑๐ สมาคมตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ ง สมาคมใด มีสมาชิกไมถ ่ ึงสิบคน หากสมาคมนั น ้ ไมไ่ ด้จัดให้มีจานวนสมาชิกตามมาตรา ๘๑
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ย พระราชบั ญญั ติน้ี ภายในสองปี นั บแตว่ ั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ ให้นาย
ทะเบียนถอนชื่อสมาคมนั น ้ ออก จากทะเบียนตามมาตรา ๑๐๒ (๕) แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ย พระราช
บั ญญั ติน้ี
มาตรา ๑๑ ใหบ ้ รรดามูลนิ ธิท่ีไดจ้ ดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยก์ อ ่ นวั นที่ พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ เป็ นมูลนิ ธิตาม
บทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ี ไ
่ ด ต
้ รวจชาระใหม ่ ท า้ ยพระราชบั ญ ญั ต น
ิ ้ ี และให ถ
้ ื อว า
่ ตราสารก อ ้ ลนิ ธิดังกลา่ วเป็ นขอ
่ ตั งมู ้
บั งคั บของมูลนิ ธิตามประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี

มูลนิ ธิใดที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยก์ อ ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใช้ บั งคั บ มิได้ใชช้ ่ือซึ่งมีคาวา่ “มูลนิ ธิ” ประกอบ
่ ่
กับชือของมูลนิ ธิ ใหย้ ืนคาขอแก้ไขขอ
้ บั งคับของมูลนิ ธิให้ถูกตอ
้ ง ตามมาตรา ๑๑๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่
ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ภายในสอง ปี นั บแตว่ ั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ
ั้ งคับ
มาตรา ๑๒ บรรดามูลนิ ธิท่ีมีอยูก ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ
่ อ ้ ั งคั บและมิได้เป็ นนิ ติ บุ ค ค ล ถ้ า ป ร ะ ส ง ค ์ จ ะ จั ด ตั ้ ง เ
ป็ น นิ ติ บุ ค ค ล แ ล ะ ใ ช ้ ค า ว ่ า “ มู ล นิ ธ ิ ” ป ร ะ ก อ บ ช ื่ อ ข อ ง ต น ต่ อ ไ ป ต้ อ ง ยื่
น ค า ข อ จ ด ทะเบียนตามมาตรา ๑๑๔ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีไดต้ รวจชาระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี
ภายในหนึ่ งร้อยแปดสิบวั นนั บแตว่ ั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๑๓ มูลนิ ธิตามมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ ง มูลนิ ธิใด มีขอ ้ บั งคั บที่กาหนดให้มีผูจ้ ั ดการของ มูลนิ ธิไมถ ่ ึงสามคนในวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใช้
บั งคั บ ถา้ มูลนิ ธินัน ่ าเนิ นการยื่นคาขอแก้ไขขอ
้ ไมด ้ บั งคั บของ มูลนิ ธิเพื่อให้มีคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยบุคคลไมน ่ ้ อยกวา่ สามคนเป็ นผูด ้ า
เนิ นกิจการของมูลนิ ธิภายใน หนึ่ งร้อยแปดสิบวั นนั บแตว่ ั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ ให้นายทะเบียนดาเนิ นการตามมาตรา ๑๒๘ แหง่
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี เพื่อสั ่งการให้แก้ไขข้อบั งคั บของ มูลนิ ธิให้ถูกตอ ้ งตามกฎหมายตอ่ ไป
ถา้ ปรากฏวา่ มูลนิ ธิใดไมส ่ ามารถดาเนิ น กิ จ การต อ
่ ไปได ้ ก็ใหน ้ ายทะเบียน ร้องขอตอ่ ศาลใหม ้ ีคาสั ่งใหเ้ ลิกมูลนิ ธิตามมาตรา ๑๓๑ แหง่ ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีไดต้ รวจชาระ ใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี
มาตรา ๑๔ บรรดาระยะเวลาที่บัญญั ติไวใ้ นบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ และทีบ ่ ั ญญั ติไวใ้ นลั กษณะ ๒๓ สมาคม ของ
บรรพ ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ซึ่งใชบ ้ ั งคั บอยู ่ กอ ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคับ หากระยะเวลาดั งกลา่ วยั งไมส ่ น ้ิ สุดลงใน
วั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ และระยะเวลาที่กาหนดขึ้นตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ย
พระราชบั ญญั ติน้ี แตกตา่ งกับระยะเวลาที่กาหนดไวเ้ ดิม ให้นาระยะเวลาที่ยาวกวา่ มาใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๑๕ ให้แก้เลขมาตราตามที่มีอยูใ่ นมาตราตา่ ง ๆ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ พาณิ ชยเ์ ป็ นเลขมาตราตามบรรพ ๑ แหง่ ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีไดต้ รวจชาระใหมท ่ า้ ย พระราชบั ญญั ติน้ี ดั งตอ่ ไปนี้
สอง”
(๑) “มาตรา ๙ วรรคสองและวรรคสาม” ในมาตรา ๑๖๖๖ ให้แก้เป็ น “มาตรา ๙ วรรค
(๒)“มาตรา๒๙”ในมาตรา๑๔๖๔และมาตรา๑๕๑๙ให้แกเ้ป็น“มาตรา๒๘” (๓) “มาตรา ๓๔” ในมาตรา ๑๖๑๐ และมาตรา ๑๖๑๑ ให้
แก้เป็ น “มาตรา ๓๒”

(๔) “มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๑ มาตรา ๖๓” ในมาตรา ๑๕๗๗ ใหแ ้ กเ้ ป็ น “มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐”
(๕) “มาตรา ๖๕” ในมาตรา ๑๖๐๒ ใหแ ้ ้ก เ ป็ น “ มาตรา ๖๒ ”
(๖) “มาตรา ๖๖” ในมาตรา ๑๖๐๒ ให้แก้เป็ น “มาตรา ๖๓”
(๗) “มาตรา ๘๑” ในมาตรา ๑๖๗๖ ให้แก้เป็ น “มาตรา ๑๑๐”
(๘) “มาตรา ๘๕” ในมาตรา ๑๖๗๗ ให้แกเ้ ป็ น “มาตรา ๑๑๔”
(๙) “มาตรา ๑๓๐ วรรคสอง” ในมาตรา ๓๖๐ ให้แกเ้ ป็ น “มาตรา ๑๖๙ วรรคสอง”
(๑๐) “มาตรา ๑๘๙” ในมาตรา ๒๔๘ และมาตรา ๑๗๕๔ ใหแ ้ กเ้ ป็ น “มาตรา ๑๙๓/๒๗”
มาตรา ๑๖ บทบั ญญั ติแหง่ กฎหมายอื่นที่อา้ งถึงบทบั ญญั ติในบรรพ ๑ หรื อลั กษณะ ๒๓ ใน บรรพ ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชย ์ ให้ถือวา่ บทบั ญญั ติแหง่ กฎหมายนั น ้ อา้ งถึงบทบั ญญั ติท่ีมีนัย เชน ่ เดียวกันในบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้
ตรวจชาระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี
มาตรา ๑๗ บรรดากฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา ๙๗ และมาตรา ๑๒๙๗ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยซ์ ่ึงใชบ ้ ั งคั บอยู ่
กอ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคั บ ให้ยังคงใชไ้ ด้ตอ่ ไปเทา่ ที่ ไมข่ ั ดหรื อแยง้ กับบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท
์ ่ีได้ตรวจชา
ระใหมท ่ า้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี
มาตรา ๑๘ ใหน ้ ายกรั ฐมนตรี และรั ฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทยรั กษาการตาม พระราชบั ญญั ติน้ี
ผูร้ ั บสนองพระบรมราชโองการ อานั นท ์ ปันยารชุน
นายกรั ฐมนตรี
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์
้ ความเบื้องตน
ขอ ้
มาตรา ๑ กฎหมายนี้ ใหเ้ รี ยกวา่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์

มาตรา ๒ ให้ใชป ้ ระมวลกฎหมายนี้ ตั งแต ้ ว่ ั นที่ ๑ เดือนมกราคม พระพุทธศั กราช ๒๔๖๘ เป็ นตน ้ ไป
มาตรา ๓ ตั งแต ้ ว่ ั นที่ใชป ้ ระมวลกฎหมายนี้ สืบไป ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย กฎ และ ขอ ้ บั งคั บอื่น ๆ ในสว่ นที่มีบัญญั ติไวแ ้ ลว้ ในประมวล
กฎหมายนี้ หรื อซึ่งแยง้ กับบทแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
บรรพ ๑
หลั กทั ่วไป
ลั กษณะ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๔ กฎหมายนั น ้ ตอ ้ งใชใ้ นบรรดากรณี ซ่ึงต้องด้วยบทบั ญญั ติใด ๆ แหง่ กฎหมายตาม ตัวอั กษร หรื อตามความมุง่ หมายของ
บทบั ญญั ตินัน ้ ๆ
เมื่อไมมีบ ่ ทกฎหมายที่จะยกมาปรั บคดีได้ให้วน ้ ตามจารี ตประเพณี แหง่ ทอ
ิ ิ จฉั ยคดีนัน ้ งถิ่นถา้ ไมม ่ ีจารี ตประเพณี เชน ้ ให้วน
่ วา่ นั น ิ ิ จฉั ยคดีอาศั ย
เทียบบทกฎหมายที่ใกลเ้ คียงอยา่ งยิง่ และถา้ บทกฎหมาย เชน ้ ก็ไมม
่ นั น ่ ีด้วย ให้วนิ ิ จฉั ยตามหลั กกฎหมายทั ่วไป
มาตรา ๕ ในการใชส ้ ทิ ธิแหง่ ตนก็ดี ในการชาระหนี้ ก็ดี บุคคลทุกคนตอ ้ งกระทาโดยสุจริ ต
มาตรา ๖ ใหส ั้ นนิ ษฐานไวก อ
้ ่ นว า
่ บุ ค คลทุ กคนกระทาการโดยสุ จ ริ ต
มาตรา ๗ ถา้ จะตอ ้ งเสียดอกเบี้ยแกก ่ ันและมิได้กาหนดอั ตราดอกเบี้ยไวโ้ ดยนิ ติกรรมหรื อโดย บทกฎหมายอั นชั ดแจง้ ใหใ้ ชอ ้ ั ตราร้อยละเจ็ด
ครึ่ งตอ่ ปี
มาตรา ๘ คาวา่ “เหตุสุดวิสยั ” หมายความวา่ เหตุใด ๆ อั นจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติกด ็ ี เป็ นเหตุท่ีไมอ่ าจป้องกันได้แมท ้ คคลผู ้
้ ั งบุ
ตอ ้
้ งประสบหรื อใกลจ้ ะต้องประสบเหตุนันจะได้จัดการระมั ดระวั งตาม สมควรอั นพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเชน ่ นั น ้

มาตรา ๙ เมื่อมีกิจการอั นใดซึ่งกฎหมายบั งคั บใหท


้ าเป็ นหนั งสือ บุคคลผูจ้ ะตอ
้ งทาหนั งสือไม่ จาเป็ นตอ
้ งเขียนเอง แตห ้ ตอ
่ นั งสือนั น ้ งลง
ลายมือชื่อของบุคคลนั น ้
ลายพิมพน ์ ้ิ วมือ แกงได ตราประทั บ หรื อเครื่ องหมายอื่นทานองเชน ้ ที่ทาลงในเอกสาร แทนการลงลายมือชื่อ หากมีพยานลงลายมือชื่อ
่ วา่ นั น
รั บรองไวด ้ ้ ว ยสองคนแล ว ให
้ ้ ถ ื อ เสมอกับลงลายมื อ ชื่ อ
ความในวรรคสองไมใ่ ชบ ้ ั งคั บแกก ่ ารลงลายพิมพน ์ ้ิ วมือ แกงได ตราประทั บ หรื อเครื่ องหมาย อื่นทานองเชน ้ ซึ่งทาลงในเอกสารที่ทา
่ วา่ นั น
ตอ่ หน้าพนั กงานเจา้ หน้าที่
มาตรา ๑๐ เมื่อความขอ ้ ใดขอ ้ หนึ่ งในเอกสารอาจตีความได้สองนั ย นั ยไหนจะทาให้เป็ นผล
บั งคั บได้ ให้ถือเอาตามนั ยนั น ้ ดีกวา่ ที่จะถือเอานั ยที่ไร้ผล
มาตรา ๑๑ ในกรณี ทีมีขอ ่ ้ สงสั ย ให้ตีความไปในทางที่เป็ นคุณแกค ่ ูก ่ รณี ฝ่ายซึ่งจะเป็ นผูต
้ อ้ ง เสียในมูลหนี้ นั น

มาตรา ๑๒ ในกรณี ท่ีจานวนเงินหรื อปริ มาณในเอกสารแสดงไวท ้ ั ้
งตัวอั ก ษรและตัวเลข ถ า
้ ตัวอั กษรกับตัวเลขไม ่ รงกัน และมิอาจหยั ่ง

ทราบเจตนาอั นแทจ้ ริ งได้ ใหถ ้ ื อ เอาจานวนเงิ นหรื อ ปริ มาณที ่ เ ป็ น ตัวอั ก ษรเป็ น ประมาณ
มาตรา ๑๓ ถา้ จานวนเงินหรื อปริ มาณในเอกสารแสดงไวเ้ ป็ นตัวอั กษรหลายแหง่ หรื อเป็ น ตัวเลขหลายแหง่ แตท ่ ่ีแสดงไวห ้ ไมต
้ ลายแหง่ นั น ่ รง
กัน และมิอาจหยั ่งทราบเจตนาอั นแทจ้ ริ งได้ ให้ถือเอา จานวนเงินหรื อปริ มาณน้อยที่สุดเป็ นประมาณ
มาตรา ๑๔ ในกรณี ท่ีเอกสารทาขึ้นไวห ้ ลายภาษา ไมว่ า่ จะเป็ นฉบับเดียวกันหรื อหลายฉบับก็ ตามโดยมีภาษาไทยด้วย ถา้ ขอ ้ ความในหลาย
ภาษานั น ้ แตกตา่ งกัน และมิอาจหยั ่งทราบเจตนาของคูก ่ รณี ได้วา่
จะใชภ ้ าษาใดบั งคั บ ให้ถือตามภาษาไทย
ลั กษณะ ๒ บุคคล
หมวด ๑ บุคคลธรรมดา

สว่ นที่ ๑ สภาพบุคคล


มาตรา ๑๕ สภาพบุคคลยอ่ มเริ่ มแตเ่ มื่อคลอดแลว้ อยูร่ อดเป็ นทารกและสิน ้ สุดลงเมื่อตาย ทารกในครรภม ์ ารดาก็สามารถมีสท ิ ธิตา่ ง ๆ ได้
หากวา่ ภายหลั งคลอดแลว้ อยูร่ อดเป็ นทารก
มาตรา ๑๖ การนั บอายุของบุคคล ใหเ้ ริ่ มนั บแตว่ ั นเกิด ในกรณี ท่ีรู้วา่ เกิดในเดือนใดแตไ่ มร่ ู้
วั นเกิด ใหน ้ ั บวั นที่หนึ่ งแหง่ เดือนนั น ้ เป็ นวั นเกิด แตถ ่ า้ พน ้ วิสัยที่จะหยั ่งรู้ เดือนและวั นเกิดของบุคคลใด ใหน ้ ั บ อายุบุคคลนั น ้ ตั งแต
้ ว่ ั นตน

ปี ปฏิทิน ซึ่งเป็ นปี ที่บุคคลนั น ้ เกิด
มาตรา ๑๗ ในกรณี บุคคลหลายคนตายในเหตุภยั นตรายร่วมกัน ถา้ เป็ นการพน ้ วิสัยที่จะ กาหนดได้วา่ คนไหนตายกอ ่ นหลั ง ให้ถือวา่ ตาย
พร้อมกัน
มาตรา ๑๘ สิทธิของบุคคลในการที่จะใชน ้ ามอั นชอบที่จะใชไ้ ด้นัน ้ ถา้ มีบุคคลอื่นโตแ ้ ยง้ ก็ดี หรื อบุคคลผูเ้ ป็ นเจา้ ของนามนั น ้ ตอ ้ งเสื่อมเสีย
ประโยชน์เพราะการที่มีผูอ ่้ ืนมาใชน ้ ามเดี ย วกันโดยมิ ไ ด ร
้ั บอานาจ ให ใ ช ไ
้ ้ ้ ด ก ด
็ ี บุ คคลผู เ
้ ป็ นเจ า
้ ของนามจะเรี ย กให บ
้ ุ คคลนั ้
น ระงั บความเสียหาย
ก็ได้ ถา้ และเป็ นที่พึงวิตกวา่ จะตอ ้ ง เสีย หายอยู ส
่ ื
บ ไป จะร ้ อ งขอต อ
่ ศาลให ส
้ ั ่ ง ห า
้ มก็ ได ้
สว่ นที่ ๒ ความสามารถ
มาตรา ๑๙ บุคคลยอ่ มพน ้ จากภาวะผูเ้ ยาวแ์ ละบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุย่ีสบ ิ ปี บริ บูรณ์
มาตรา ๒๐ ผูเ้ ยาวย์ อ่ มบรรลุนิติภาวะเมื่อทาการสมรส หากการสมรสนั น ้ ได้ทาตาม บทบั ญญั ติมาตรา ๑๔๔๘
มาตรา ๒๑ ผูเ้ ยาวจ์ ะทานิ ติกรรมใด ๆ ตอ ้ งได้รับความยินยอมของผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมก่อน การใด ๆ ที่ผูเ้ ยาวไ์ ด้ทาลงปราศจากความ
ยินยอมเชน ว
่ ่ า นั ้
น เป็ นโมฆี ย ะ เว น
้ แต จ
่ ะบั ญ ญั ตไ
ิ ว เ
้ ป็ นอย า
่ งอื ่ น
มาตรา ๒๒ ผูเ้ ยาวอ์ าจทาการใด ๆ ไดท ้ น
้ ั งสิ ้ หากเป็ นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอั นหนึ่ ง หรื อเป็ นการเพื่อใหห ้ ลุดพน ้ จากหน้าที่อันใด
อั นหนึ่ ง

มาตรา ๒๓ ผูเ้ ยาวอ์ าจทาการใด ๆ ได้ทังสิ ้ น ้ ซึ่งเป็ นการตอ ้ งทาเองเฉพาะตัว


มาตรา ๒๔ ผูเ้ ยาวอ์ าจทาการใด ๆ ได้ทังสิน ซึ่งเป็ นการสมแกฐ่ านานุ รูปแหง่ ตนและเป็ นการ อั นจาเป็ นในการดารงชีพตามสมควร
้ ้
มาตรา ๒๕ ผูเ้ ยาวอ์ าจทาพินัยกรรมไดเ้ มื่ออายุสบ ิ หา้ ปี บริ บูรณ์
มาตรา ๒๖ ถา้ ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมอนุ ญ าตให ผ
้ ้ ยาวจ์ าหน่ายทรั พยส์ น
ู เ ิ เพื่อการอันใดอั นหนึ่ ง อั นไดร้ ะบุไว้ ผูเ้ ยาวจ์ ะจาหน่ายทรั พยส์ น ้ เป็ น
ิ นั น
ประการใดภายในขอบของการที่ระบุไวน ้ ก็ทาได้ตามใจสมั คร อนึ่ ง ถา้ ได้รับอนุ ญาตให้จาหน่ายทรั พยส์ น
้ ัน ิ โดยมิได้ระบุวา่ เพื่อการอั นใด ผูเ้ ยาว ์
ก็จาหน่ายได้ตามใจสมั คร
มาตรา ๒๗ ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมอาจให้ความยินยอมแกผ ่ ูเ้ ยาวใ์ นการประกอบธุรกิจทางการ คา้ หรื อธุรกิจอื่น หรื อในการทาสั ญญาเป็ นลูกจา้ ง
ในสั ญญาจา้ งแรงงานได้ ในกรณี ทีผูแ ่ ้ ทนโดยชอบธรรมไมใ่ ห้ ความยินยอมโดยไมม ่ ีเหตุอันสมควร ผูเ้ ยาวอ์ าจร้องขอตอ่ ศาลให้สั่งอนุ ญาตได้
ในความเกี่ยวพันกับการประกอบธุรกิจหรื อการจา้ งแรงงานตามวรรคหนึ่ งใหผ ู
้ ้ เ ยาว ์ านะ เสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแลว้
ม ี ฐ
ถา้ การประกอบธุรกิจหรื อการทางานที่ไดร้ ั บความยินยอมหรื อที่ไดร้ ั บอนุ ญาตตามวรรคหนึ่ ง กอ ่ ใหเ้ กิดความเสียหายถึงขนาดหรื อเสื่อมเสียแกผ ่ ู้
เยาว ์ ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมอาจบอกเลิกความยินยอมที่ ได้ ให้แกผ ่ ูเ้ ยาวเ์ สียได้ หรื อในกรณี ท่ีศาลอนุ ญาต ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมอาจร้องขอตอ่
ศาลให้เพิกถอนการอนุ ญาตที่ ได้ให้แกผ ่ ูเ้ ยาวน ์ ัน้ เสียได้
ในกรณี ท่ีผูแ้ ทนโดยชอบธรรมบอกเลิกความยินยอมโดยไมม ่ ีเหตุอันสมควร ผูเ้ ยาวอ์ าจร้องขอ ตอ่ ศาลให้เพิกถอนการบอกเลิกความยินยอม
ของผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมได้
การบอกเลิกความยินยอมโดยผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมหรื อการเพิกถอนการอนุ ญาตโดยศาล ยอ่ ม ทาใหฐ้ านะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะ
แลว้ ของผูเ้ ยาวส์ น้ิ สุดลง แตไ่ มก ่ ระทบกระเทื อนการใด ๆ ที่ผูเ้ ยาว ์ ไดก ้ ระทาไปแลว้ กอ ่ นมีการบอกเลิกความยินยอมหรื อเพิกถอนการอนุ ญาต
มาตรา ๒๘ บุคคลวิกลจริ ตผูใ้ ด ถา้ คูส่ มรสก็ดี ผูบ ้ ุพการี กลา่ วคือ บิดา มารดา ปู่ยา่ ตายาย ทวดก็ดีผูส ื สั นดานกลา่ วคือลูกหลานเหลนลื่อ
้ บ
ก็ดีผปู้กครองหรื อผูพ ้ ิทักษ์กด ้ ่ึงปกครองดูแลบุคคลนั น
็ ีผูซ ้ อยูก ็ ี หรื อพนั กงานอั ยการก็ดี ร้องขอตอ่ ศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริ ตผูน
่ ด ้ เป็ นคนไร้
้ ัน
ความสามารถ ศาลจะสั ง่ ให้ บุคคลวิกลจริ ตผูน ้ ัน้ เป็ นคนไร้ความสามารถก็ได้

บุคคลซึ่งศาลได้สั่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถตามวรรคหนึ่ ง ตอ ้ อ
้ งจั ดให้อยูใ่ นความอนุ บาล การ แตง่ ตั งผู ้ นุ บาล อานาจหน้าที่ของผูอ
้ นุ บาล
และการสิน้ สุดของความเป็ นผูอ ้ นุ บาล ให เ
้ ป็ นไปตามบทบั ญ ญั ต ิ บรรพ ๕ แหง่ ้
ประมวลกฎหมายนี
โมฆียะ
คาสั ง่ ของศาลตามมาตรานี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุ เบกษา
มาตรา ๒๙ การใด ๆ อั นบุคคลซึ่งศาลสั ่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถไดก ้ ระทาลง การนั น ้ เป็ น
มาตรา ๓๐ การใด ๆ อั นบุคคลวิกลจริ ตซึ่งศาลยั งมิไดส ั้ ่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถไดก ้ ระทา ลง การนั น ้ จะเป็ นโมฆียะตอ่ เมื่อไดก ้ ระทาใน
ขณะที่บุคคลนั น ้ จริ ตวิกลอยู ่ และคูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งได้รู้แลว้ ด้วยวา่ ผูก ้ ระทาเป็ นคนวิกลจริ ต
มาตรา ๓๑ ถา้ เหตุท่ีทาใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถได้สน ้ิ สุดไปแลว้ และเมื่อบุคคลผูน ้ เอง หรื อบุคคลใด ๆ ดั งกลา่ วมาในมาตรา ๒๘
้ ัน
ร้องขอตอ่ ศาลก็ให้ศาลสั ่งเพิกถอนคาสั ่งที่ให้เป็ นคนไร้ความสามารถ นั น ้
คาสั ง่ ของศาลตามมาตรานี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุ เบกษา
มาตรา ๓๒ บุคคลใดมีกายพิการหรื อมีจต ิ ฟั่นเฟือนไมส ่ มประกอบ หรื อประพฤติสุรุ่ยสุร่าย เสเพลเป็ นอาจิณ หรื อติดสุรายาเมา หรื อมีเหตุอ่ืน
ใดทานองเดียวกันนั น ้ จนไมส ่ ามารถจะจั ด ทาการงานโดย ตนเองได้ หรื อจั ดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแกท ิ ของตนเองหรื อ
่ รั พยส์ น
ครอบครั ว เมื่อบุคคลตามที่ระบุ ไวใ้ นมาตรา ๒๘ ร้องขอตอ่ ศาล ศาลจะสั ่งให้บุคคลนั น ้ เป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้
บุคคลซึ่งศาลได้สั่งใหเ้ ป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถตามวรรคหนึ่ ง ตอ ้ งจั ดให้อยูใ่ นความ พิทักษ์ การแตง่ ตั งผู ้ พ
้ ิทักษ์ ใหเ้ ป็ นไปตาม
บทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้
ให้นาบทบั ญญั ติวา่ ดว้ ยการสิน ้ สุดของความเป็ นผูป ้ กครองในบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมาย นี้ มาใชบ ้ ั งคั บแกก ่ ารสิน ้ สุดของการเป็ นผู ้
พิทักษ์โดยอนุ โลม
คาสั ง่ ของศาลตามมาตรานี้ ใหป ้ ระกาศในราชกิจจานุ เบกษา
มาตรา ๓๓ ในคดีท่ีมีการร้องขอให้ศาลสั ่งให้บุคคลใดเป็ นคนไร้ความสามารถเพราะวิกลจริ ต ถา้ ทางพิจารณาได้ความวา่ บุคคลนั น ้ ไมว่ ก
ิ ลจริ ต
แตม ่ ีจิตฟั่นเฟือนไมส ่ มประกอบ เมื่อศาลเห็นสมควรหรื อเมื่อมี คาขอของคูค ่ วามหรื อของบุคคลตามที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๒๘ ศาลอาจสั ่งให้
บุคคลนั น ้ เป็ นคนเสมือนไร้ ความสามารถก็ได้ หรื อในคดีท่ีมีการร้องขอให้ศาลสั ่งให้บุคคลใดเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถเพราะมีจิตฟั่น
เฟือนไมส ่ มประกอบ ถา้ ทางพิจารณาได้ความวา่ บุคคลนั น ้ วิกลจริ ต เมื่อมีคาขอของคูค ่ วามหรื อของบุคคลตามที่ ระบุไวใ้ นมาตรา ๒๘ ศาลอาจ
่ ้
สั งให้บุคคลนั นเป็ นคนไร้ความสามารถก็ได้

มาตรา ๓๔ คนเสมือนไร้ความสามารถนั น ้ ตอ ้ งไดร้ ั บความยินยอมของผูพ ้ ิทักษ์กอ่ นแลว้ จึง จะทาการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดังตอ่ ไปนี้ ได้
(๑) นาทรั พยส์ น ิ ไปลงทุน
(๒) รั บคืนทรั พยส์ น ิ ที่ไปลงทุน ตน ้ เงินหรื อทุนอยา่ งอื่น
(๓) กู้ยืมหรื อให้กยู้ ืมเงิน ยืมหรื อใหย้ ืมสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นมีคา่
(๔) รั บประกั นโดยประการใด ๆ อั นมีผลให้ตนตอ ้ งถูกบั งคับชาระหนี้
(๕) เชา่ หรื อใหเ้ ชา่ สั งหาริ มทรั พยม ี์ กาหนดระยะเวลาเกินกวา่ หกเดือน หรื ออสั งหาริ มทรั พยม ์ ี
กาหนดระยะเวลาเกินกวา่ สามปี
(๖) ใหโ้ ดยเสน่หา เวน ้ แตก ่ ารใหท ้ ่ีพอควรแกฐ่ านานุ รูป เพื่อการกุศล การสั งคม หรื อตาม
หน้าที่ธรรมจรรยา
(๗) รั บการให้โดยเสน่หาที่มีเงื่อนไขหรื อคา่ ภาระติดพั น หรื อไมร่ ั บการให้โดยเสน่หา
(๘) ทาการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดเพื่อจะได้มาหรื อปลอ ่ ยไปซึ่งสิทธิในอสั งหาริ มทรั พยห ์ รื อใน
สั งหาริ มทรั พยอ์ ั นมีคา่
(๙) กอ ่ สร้างหรื อดัดแปลงโรงเรื อนหรื อสิง่ ปลูกสร้างอยา่ งอื่น หรื อซอ ่ มแซมอยา่ งใหญ่
(๑๐) เสนอคดีตอ่ ศาลหรื อดาเนิ นกระบวนพิจารณาใด ๆ เวน ้ แตก
่ ารร้องขอตามมาตรา ๓๕
หรื อการร้องขอถอนผูพ ้ ิทักษ์
(๑๑) ประนี ประนอมยอมความหรื อมอบขอ ้ พิพาทให้อนุ ญาโตตุลาการวินิจฉั ย ถา้ มีกรณี อ่ืนใดนอกจากที่กลา่ วในวรรคหนึ่ ง ซึ่งคนเสมือนไร้
ความสามารถอาจจั ดการไป
ในทางเสื่อมเสียแกท ่ รั พยส์ น ิ ของตนเองหรื อครอบครั ว ในการสั ่งใหบ ้ ุคคลใดเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถ หรื อเมื่อผูพ ้ ิทักษ์ร้องขอในภาย
หลั ง ศาลมีอานาจสั ่งใหค ้ นเสมื อ นไร ้ ความสามารถนั น้ ต อ
้ งได ร
้ ั บความยิ นยอมของ ผู พ
้ ท
ิ ั กษ กอ
์ ่ นจึ ง จะทาการนั ้
น ได ้
ในกรณี ท่ีคนเสมือนไร้ความสามารถไมส ่ ามารถจะทาการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดที่กลา่ วมาในวรรค
หนึ่ งหรื อวรรคสองได้ด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรื อมีจิตฟั่นเฟือนไมส ่ มประกอบ ศาลจะสั ง่ ใหผ ้ ูพ
้ ิทักษ์ เป็ นผูม้ ีอานาจกระทาการนั น ้
แทนคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ ในกรณี เชน ่ นี้ ให้นาบทบั ญญั ติท่ีเกี่ยวกับผู ้ อนุ บาลมาใชบ ้ ั งคั บแกผ ่ ูพ
้ ิทักษ์โดยอนุ โลม
คาสั ง่ ของศาลตามมาตรานี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุ เบกษา การใดกระทาลงโดยฝ่าฝื นบทบั ญญั ติมาตรานี้ การนั น ้ เป็ นโมฆียะ
มาตรา ๓๕ ในกรณี ท่ีผูพ ท

้ ั ์ ่ก ษ ไม ย น
ิ ยอมให ค
้ นเสมื อ นไร ้ ความสามารถกระทาการอย า
่ งหนึ ่ ง อย า่ งใดตามมาตรา ๓๔ โดยปราศจากเหตุผลอั น
สมควร เมื่อคนเสมือนไร้ความสามารถร้องขอ ศาลจะมีคาสั ่ง อนุ ญาตใหก ้ ระทาการนั ้
น โดยไม ต
่ ้ อ งรั บความยิ น ยอมจากผู พ
้ ิทักษ์กไ็ ด้ ถา้ การ
้ จะเป็ นคุณประโยชน์แกค
นั น ่ น เสมือนไร้ความสามารถ

มาตรา ๓ ๖ ถา้ เหตุท่ีศาล ได้สั่งให้เป็ น คนเส มือน ไร้ความ สามารถได้สน ้ิ สุด ไปแลว้ ใ ห้น า บทบั ญญั ติมาตรา ๓๑ มาใช้
บั งคั บโดยอนุ โลม
สว่ นที่ ๓ ภูมิลาเนา
มาตรา ๓๗ ภูมิลาเนาของบุคคลธรรมดา ไดแ ้ กถ ้ มีสถานที่อยูเ่ ป็ นแหลง่ สาคั ญ
่ ิ่นอั นบุคคลนั น
มาตรา ๓ ๘ ถา้ บุคคลธ รรมด ามีถิ่นที่ อยูห ่ ล ายแหง่ ซึ่ งอยูส่ ับ เปล ่ียนกันไปหรื อมีหลั กแหลง่ ที่ท า การงานเป็ นปกติหลายแหง่
ให้ถือเอาแหง่ ใดแหง่ หนึ่ งเป็ นภูมิลาเนาของบุคคลนั น ้
มาตรา ๓๙ ถา้ ภูมิลาเนาไมป ่ รากฏ ให้ถือวา่ ถิ่นที่อยูเ่ ป็ นภูมิลาเนา
มาตรา ๔๐ บุคคลธรรมดาซึ่งเป็ นผูไ้ มม ่ ีท่ีอยูป
่ กติเป็ นหลั กแหลง่ หรื อเป็ นผูค ้ รองชีพในการ เดินทางไปมาปราศจากหลั กแหลง่ ที่ทาการงาน
่ ่ ้
พบตัวในถินไหนให้ถือวา่ ถินนั นเป็ นภูมิลาเนาของบุคคลนั น ้
มาตรา ๔๑ ภูมิลาเนายอ่ มเปลี่ยนไปดว้ ยการยา้ ยถิ่นที่อยู ่ พร้อมดว้ ยเจตนาปรากฏชั ดแจง้ วา่ จะเปลี่ยนภูมิลาเนา
มาตรา ๔๒ ถา้ บุคคลใดได้เลือกเอาถิ่นใด โดยมีเจตนาปรากฏชั ดแจง้ วา่ จะใหเ้ ป็ นภูมิลาเนา เฉพาะการเพื่อทาการใด ให้ถือวา่ ถิน ้ เป็ นภูมิ
่ นั น
ลาเนาเฉพาะการสาหรั บการนั น ้
มาตรา ๔๓ ภูมิลาเนาของสามีและภริ ยา ไดแ ่ ิ่นที่อยูท
้ กถ ่ ่ีสามีและภริ ยาอยูก
่ ินดว้ ยกันฉั นสามี ภริ ยา เวน
้ แตส่ ามีหรื อภริ ยาไดแ
้ สดงเจตนา
ใหป
้ รากฏว า
่ มี ภู มล
ิ าเนาแยกต า
่ งหากจากกัน
มาตรา ๔๔ ภูมิลาเนาของผูเ้ ยาว ์ ได้แกภ ่ ูมิลาเนาของผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมซึ่งเป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจ ปกครองหรื อผูป ้ กครอง
ในกรณี ท่ีผูเ้ ยาวอ์ ยูใ่ ตอ้ านาจปกครองของบิดามารดา ถา้ บิดาและมารดามีภูมิลาเนาแยก ตา่ งหากจากกัน ภูมิลาเนาของผูเ้ ยาวไ์ ด้แกภ ่ ูมิลาเนา
ของบิดาหรื อมารดาซึ่งตนอยูด ่ ้วย
มาตรา ๔๕ ภูมิลาเนาของคนไร้ความสามารถ ได้แกภ ่ ูมิลาเนาของผูอ ้ นุ บาล

มาตรา ๔๖ ภูมิลาเนาของขา้ ราชการ ไดแ ้ กถ ่ ิน่ อั นเป็ นที่ทาการตามตาแหน่งหน้าที่ หากมิใช่ เป็ นตาแหน่งหน้าที่ชั่วคราวชั ่วระยะเวลาหรื อ

เป็ นเพียงแตง่ ตั งไปเฉพาะการครั ง้ เดียวคราวเดียว
มาตรา ๔๗ ภูมิลาเนาของผูท ้ ่ีถูกจาคุกตามคาพิพากษาถึงที่ สุดของศาลหรื อตามคาสั ่งโดย ชอบด้วยกฎหมาย ได้แกเ่ รื อนจาหรื อทั ณฑสถานที่
ถูกจาคุกอยู ่ จนกวา่ จะได้รับการปลอ่ ยตัว
สว่ นที่ ๔
สาบสูญ
มาตรา ๔๘ ถา้ บุคคลใดไปเสียจากภูมิลาเนาหรื อถิ่นที่อยูโ่ ดยมิไดต ้
้ ั งตัวแทนผู ร้ ั บมอบอานาจ ทั ่วไปไว้ และไมม ่ ีใครรู้ แน่วา่ บุคคลนั น ้ ยั งมีชีวติ
อยูห ่ รื อไม ่ ่
เมื อ ผู ม
้ ี ส ว
่ นได เ
้ สี ย หรื อ พนั กงานอั ย การร ้ อ งขอ ศาลจะ สั ่ ง ให ท
้ าการอย า
่ ่
งหนึ งอย า
่ งใดไปพลางก อ
่ นตามที ่ จ าเป็ นเพื่ อจั ด การทรั พย ส
์ นิ
ของบุคคลผูไ้ มอ ่ ยูน ่ ัน ้ ก็ได้
เมื่อเวลาได้ลว่ งเลยไปหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่ผูไ้ มอ่ ยูน ่ ัน้ ไปเสียจากภูมิลาเนาหรื อถิ่นที่อยู ่ และไมม ่ ี ผูใ้ ดได้รับขา่ วเกี่ยวกับบุคคลนั น ้ ประการใดเลยก็ดี
หรื อหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นมีผูไ้ ด้พบเห็นหรื อได้ทราบขา่ วมาเป็ นครั ง้ หลั งสุดก็ดี เมื่อบุคคลตามวรรคหนึ่ งร้องขอ ศาลจะตั งผู ้ จ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ ม่
อยูข่ ้ึนก็ได้
มาตรา ๔๙ ในกรณี ท่ีผูไ้ มอ่ ยูไ่ ดต ้
้ ั งตัวแทนผู ร้ ั บมอบอานาจทั ่วไปไว้ และสั ญญาตัวแทนระงั บ สิน ้ ไป หรื อปรากฏวา่ ตัวแทนผูร้ ั บมอบอานาจ
ทั ่วไปไดจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ นั น้ ในลั กษณะที่อาจเสียหายแกบ ่ ุ คคล ดังกล า
่ ว ให น
้ ามาตรา ๔๘ มาใช บ
้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๕๐ เมื่อผูม ้ ีสว่ นได้เสียหรื อพนั กงานอั ยการร้องขอ ศาลจะสั ่งให้ตัวแทนผูร้ ั บมอบ
อานาจทั ่วไปจั ดทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยูข่ ้ึนตามที่ศาลจะมีคาสั ่งก็ได้
มาตรา ๕๑ ภายใตบ ้ ั งคั บมาตรา ๘๐๒ ถา้ ตัวแทนผูร้ ั บมอบอานาจทั ่วไปเห็นเป็ นการจาเป็ น จะตอ ้ งทาการอั นใดอั นหนึ่ งเกินขอบอานาจที่ได้
รั บไว้ ตอ ่
้ งขออนุ ญาตตอ่ ศาล และเมือศาลสั งอนุ ญาตแลว้ จึงจะ กระทาการนั นได้ ่ ้
มาตรา ๕๒ ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ ที่ศาลไดต ้ ้ น ตอ
้ ั งขึ ้ งทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยูใ่ หเ้ สร็จ ภายในสามเดือนนั บแตว่ ั นทราบคาสั ่งตั งของศาล ้ แต่
ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ จะร้องขอตอ ่ ศาลให ข
้ ยายเวลาก็ ไ ด ้

มาตรา ๕๓ บั ญชีทรั พยส์ น ิ ตามมาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๒ ตอ ้ งมีพยานลงลายมือชื่อรั บรอง ความถูกตอ ้ งอยา่ งน้อยสองคน พยานสองคน
้ ตอ
นั น ้ งเป็ นคูส ่ มรสหรื อญาติของผูไ้ มอ่ ยูซ ่
่ ึงบรรลุนิติภาวะแลว้ แต่ ถา้ ไมม ่ ีคูส ่ มรสหรื อหาญาติไมไ่ ด้ หรื อคูส ่ มรสและญาติไมย่ อมเป็ นพยาน จะ
ใหผ ้ ่ืนซึ่งบรรลุนิติภาวะแลว้ เป็ น พยานก็ได้
้ ูอ
มาตรา ๕๔ ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ มีอานาจหน้าที่อยา่ งเดียวกับตัวแทนผูร้ ั บมอบอานาจทั ่วไป ตามมาตรา ๘๐๑ และมาตรา ๘๐๒ ถา้ ผูจ้ ั ดการ
ทรั พยส์ น ิ เห็นเป็ นการจาเป็ นจะตอ ้ งทาการอั นใดอันหนึ่ งเกิน ขอบอานาจ ตอ ้ งขออนุ ญาตตอ่ ศาล และเมื่อศาลสั ่งอนุ ญาตแลว้ จึงจะกระทาการ
นั น้ ได้
มาตรา ๕๕ ถา้ ผูไ้ มอ่ ยูไ่ ด้ตังตัวแทนผู ้ ร้ ั บมอบอานาจเฉพาะการอันใดไว้ ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ จะ เขา้ ไปเกี่ยวขอ ้ งกับการอั นเป็ นอานาจเฉพาะ
การนั น ้ ไมไ่ ด้ แตถ ่ า้ ปรากฏวา่ การที่ตัวแทนจั ดทาอยูน ้ อาจจะ เสียหายแกผ
่ ัน ่ ูไ้ มอ่ ยู ่ ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ จะร้องขอให้ศาลถอดถอนตัวแทนนั น ้ เสีย
ก็ได้
มาตรา ๕๖ เมื่อผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียหรื อพนั กงานอั ยการร้องขอ หรื อเมื่อศาลเห็นสมควรศาลอาจ สั ง่ อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดังตอ่ ไปนี้
(๑) ใหผ ้ ู้ จ ั ด การทรั พยส์ นิ หาประกันอั นสมควรในการจั ดการทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ ่ ยูต่ ลอดจนการ มอบคืนทรั พยส์ น ้
ิ นั น
(๒) ใหผ ้ ูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ แถลงถึงความเป็ นอยูแ่ หง่ ทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยู ่
(๓) ถอดถอนผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ และตั งผู ้ อ ้ ่ืนใหเ้ ป็ นผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ แทนตอ่ ไป
มาตรา ๕๗ ในคาสั ่งตั งผู ้ จ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ ศาลจะกาหนดบาเหน็ จให้แกผ ่ ูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ โดย จา่ ยจากทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยูน ้ ก็ได้ ถา้ ศาล
่ ัน
มิได้กาหนด ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ จะร้องขอตอ่ ศาลให้กาหนดบาเหน็ จ ในภายหลั งก็ได้
ถา้ ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ หรื อผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สีย หรื อพนั กงานอั ยการร้องขอ หรื อเมื่อมีกรณี ปรากฏ แกศ ่ าลวา่ พฤติการณ์เกี่ยวกับการจั ดการ
ทรั พยส์ น ิ ไดเ้ ปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั ง่ กาหนดบาเหน็ จ งด ลด เพิ่ม หรื อกลั บใหบ ้ าเหน็ จ แก ผ
่ ้ การทรั พยส์ น
ู จั ด ิ อีกก็ได้
แลว้
มาตรา ๕๘ ความเป็ นผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ ยอ่ มสิน ้ สุดลงในกรณี ดั งตอ่ ไปนี้
(๑) ผูไ้ มอ่ ยูน ่ ัน้ กลั บมา
(๒) ผูไ้ มอ่ ยูน ่ ัน้ มิได้กลั บมาแตไ่ ด้จัดการทรั พยส์ น ้
ิ หรื อตั งตัวแทนเพ ือ่ จั ดการทรั พยส์ น ิ ของตน
(๓) ผูไ้ มอ่ ยูถ่ ึงแกค ่ วามตายหรื อศาลมี ค าสั ่ ง ให เ
้ ป็ น คนสาบสู ญ (๔) ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ ลาออกหรื อถึงแกค ่ วามตาย

(๕) ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ นิ เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ เป็ นบุคคลลม ้ ละลาย
(๗) ศาลถอดถอนผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ
มาตรา ๕๙ ในกรณี ท่ีความเป็ นผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ สิน้ สุดลงเพราะเหตุตามมาตรา ๕๘ (๔) (๕) หรื อ (๖) ผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ หรื อทายาท
ิ ผูจ้ ั ดการมรดก ผูอ
ของผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ้ นุ บาล ผูพ้ ิทักษ์ เจา้ พนั กงาน พิทักษ์ทรั พย ์ หรื อผูม ้ ีหน้าที่ดูแลทรั พยส์ น
ิ ของผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น

แลว้ แตก ่ รณี จะตอ้ งแถลงให้ศาลทราบถึง ความสิน ้ โดยไมช่ ั กชา้ เพื่อศาลจะได้มีคาสั ่งเกี่ยวกับผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น
้ สุดนั น ิ ตอ่ ไปตามที่เห็นสมควร
ในระหวา่ ง
เวลาดั งกลา่ วนั น ้ บุคคลดังกลา่ วจะตอ ้ งจั ดการตามควรแก่พฤติการณ์เพื่อรั กษาประโยชน์ของผูไ้ มอ่ ยู ่ จนกวา่ จะ ได้สง่ มอบทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ ม่
อยูใ่ ห้แกบ ่ ่
่ ุคคลหนึ งบุคคลใดตามทีศาลจะได้มีคาสั ่ง
มาตรา ๖๐ ใหน ้ าบทบั ญญั ติวา่ ดว้ ยตัวแทนแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ มาใชบ ้ ั งคั บแกก่ าร จั ดการทรั พยส์ น ิ ของผูไ้ มอ่ ยูโ่ ดยอนุ โลม
มาตรา ๖๑ ถา้ บุคคลใดไดไ้ ปจากภูมิลาเนาหรื อถิ่นที่อยู ่ และไมม ี่ ใครรู้ แน่วา่ บุคคลนั น ้ ยั งมี ชีวติ อยูห่ ไมต
รื อ ่ ลอดระยะเวลาหา้ ปี เมื่อผูม ้ ีสว่ นได้
เสียหรื อพนั กงานอั ยการร้องขอ ศาลจะสั ่งให้บุคคลนั น ้ เป็ น คนสาบสูญก็ได้
ระยะเวลาตามวรรคหนึ่ งให้ลดเหลือสองปี
(๑) นั บแตว่ ั นที่การรบหรื อสงครามสิน ้ สุดลง ถา้ บุคคลนั น ้ อยูใ่ นการรบหรื อสงคราม และ หายไปในการรบหรื อสงครามดังกลา่ ว
(๒) นั บแตว่ ั นที่ยานพาหนะที่บุคคลนั น ้ เดินทาง อั บปาง ถูกทาลาย หรื อสูญหายไป
(๓) นั บแตว่ ั นที่เหตุอันตรายแกช่ ีวต ิ นอกจากที่ระบุไวใ้ น (๑) หรื อ (๒) ไดผ ้ า่ นพน ้ ไป ถา้ บุคคล นั น ้ ตกอยูใ่ นอั นตรายเชน ่ วา่ นั น้
มาตรา ๖๒ บุคคลซึ่งศาลไดม ้ ี ค าสั ่ ง ให เ
้ ป็ น คนสาบสู ญ ให ถ
้ ื อว า
่ ถึ ง แก ค
่ วามตายเมื ่ อครบ กาหนดระยะเวลาดั ง ที่ ระบุ ไว ใ
้ นมาตรา ๖๑
มาตรา ๖๓ เมื่อบุคคลผูถ ้ ูกศาลสั ่งใหเ้ ป็ นคนสาบสูญนั น ้ เองหรื อผูม ้ ีสว่ นได้เสียหรื อพนั กงาน อั ยการร้องขอตอ่ ศาล และพิสูจน์ได้วา่ บุคคลผูถ ้ ูก
ศาลสั ่งให้เป็ นคนสาบสูญนั น ้ ยั งคงมีชีวต ิ อยูก ่ ด็ ี หรื อวา่ ตายใน เวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไวใ้ นมาตรา ๖๒ ก็ดี ให้ศาลสั ่งถอนคาสั ่งให้เป็ น
คนสาบสูญนั น ้ แตก ่ ารถอนคาสั ่ง นี้ ยอ่ มไมก ่ ระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์แหง่ การทั งหลายอั ้ นได้ทาไปโดยสุจริ ตในระหวา่ งเวลาตั งแต ้ ศ ่ าลมี
คาสั ง่ ใหเ้ ป็ นคนสาบสูญจนถึงเวลาถอนคาสั ่งนั น ้

บุคคลผูไ้ ดท ้ รั พยส์ นิ มาเนื่ องแตก ่ ารที่ศาลสั ่งใหบ ้ ุคคลใดเป็ นคนสาบสูญ แตต ่ อ้ งเสียสิทธิของ ตนไปเพราะศาลสั ่งถอนคาสั ่งใหบ ้ เป็ นคน
้ ุคคลนั น
สาบสูญ ให้นาบทบั ญญั ติวา่ ด้วยลาภมิควรได้แหง่ ประมวล กฎหมายนี้ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๖๔ คาสั ่งศาลให้เป็ นคนสาบสูญหรื อคาสั ่งถอนคาสั ่งให้เป็ นคนสาบสูญ ให้ ประกาศในราชกิจจานุ เบกษา
หมวด ๒
นิ ติบุคคล
สว่ นที่ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๖๕ นิ ติบุคคลจะมีข้ึนไดก ้ แ ็ ตด่ ว้ ยอาศั ยอานาจแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ หรื อกฎหมาย
อื่น
มาตรา ๖๖ นิ ติบุคคลยอ่ มมีสท ิ ธิและหน้าที่ตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ หรื อ กฎหมายอื่น ภายในขอบแหง่ อานาจหน้าที่หรื อ
วั ตถุประสงคด ์ ังได้บัญญั ติหรื อกาหนดไวใ้ นกฎหมาย ขอ ้ บั งคั บ หรื อตราสารจั ดตั ง้
มาตรา ๖๗ ภายใตบ ้ ั งคั บมาตรา ๖๖ นิ ติบุคคลยอ่ มมีสท ิ ธิและหน้าที่เชน่ เดียวกับบุคคล
ธรรมดา เวน ้ แตส ิ ่ ่ ึ
่ ทธิและหน้าทีซงโดยสภาพจะพึงมีพึงเป็ นได้เฉพาะแกบ ่ ุคคลธรรมดาเทา่ นั น ้
มาตรา ๖๘ ภูมิลาเนาของนิ ติบุคคลไดแ ก
้ ่ ถ่ น
ิ อั นเป็ นที่ ต ั ้
งสานั กงานใหญ ห
่ รื อ ถิ ่ นอั นเป็ น ที ่ ตั ่ ทาการ หรื อถิ่นที่ไดเ้ ลือกเอาเป็ นภูมิลาเนา

งที
เฉพาะการตามขอ ้ บั ง คั บ หรื อ ตราสารจั ด ตั ง้
มาตรา ๖๙ ในกรณี ทีน ่ ิ ติบุคคลมีท่ีตังที ้ ่ ทาการหลายแหง่ หรื อมีสานั กงานสาขา ให้ถือวา่ ถิ่นอั นเป็ นที่ตังของที ้ ่ ทาการหรื อของสานั กงานสาขา
เป็ นภูมิลาเนาในสว่ นกิจการอั นได้กระทา ณ ที่นัน ้ ด้วย
มาตรา ๗๐ นิ ติบุคคลตอ ้ ทนคนหนึ่ งหรื อหลายคน ทั งนี
้ งมีผูแ ้ ้ ตามที่กฎหมาย ขอ ้
้ บั งคั บ หรื อตราสารจั ดตั งจะได ้กาหนดไว้

ความประสงคข์ องนิ ติบุคคลยอ่ มแสดงออกโดยผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคล


มาตรา ๗๑ ในกรณี ท่ีนิติบุคคลมีผูแ ้ ทนหลายคน การดาเนิ นกิจการของนิ ติบุคคลใหเ้ ป็ นไป ตามเสียงขา้ งมากของผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคลนั น ้
เวน ้ แตจ่ ะได้มีขอ ้ กาหนดไวเ้ ป็ นประการอืน ่ ในกฎหมาย ขอ ้ บั งคั บ หรื อตราสารจั ดตั ง้
มาตรา ๗๒ การเปลี่ยนตัวผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคล หรื อการจากัดหรื อแก้ไขเปลี่ยนแปลงอานาจ ของผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคล ให้มีผลตอ่ เมื่อได้
ปฏิบัติตามกฎหมาย ขอ ้ บั งคั บหรื อตราสารจั ดตั งแล ้ ว้ แตจ่ ะยกขึ้น
เป็ นขอ ้ ตอ่ สูบ
้ ุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ตมิได้
มาตรา ๗๓ ถา้ มีตาแหน่งวา่ งลงในจานวนผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคล และมีเหตุอันควรเชื่อวา่ การ ปลอ่ ยตาแหน่งวา่ งไวน ้ ่ าจะเกิดความเสียหายขึ้นได้
เมื่อผูม ้ ่ี ส ว นได เ
้ สี ย หรื อพนั กงานอั ย การร ้ อ งขอศาลจะแต ง
่ ตั ง้ ผู แ
้ ทนชั ่ ว คราวขึ ้ น ก็ ไ ด ้
มาตรา ๗๔ ถา้ ประโยชน์ได้เสียของนิ ติบุคคลขั ดกั บประโยชน์ได้เสียของผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคล ในการอั นใด ผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคลนั น ้ จะเป็ นผู ้
แทนในการอั นนั น ้ ไมไ่ ด้
มาตรา ๗๕ ถา้ กรณี ตามมาตรา ๗๔ เป็ นเหตุให้ไมม ่ ีผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคลเหลืออยู ่ หรื อผูแ ้ ทน ของนิ ติบุคคลที่เหลืออยูม ่ ีจานวนไมพ ่ อจะเป็ น
องคป ์ ระชุม หรื อไมพ ้
่ อจะกระทาการอั นนั นได้ หากกฎหมาย ขอ ้
้ บั งคั บ หรื อตราสารจั ดตั งของนิ ติบุคคลนั น ้ มิได้มีขอ ้ กาหนดในเรื่ องนี้ ไวเ้ ป็ น
อยา่ งอื่น ใหน ้ าความในมาตรา ๗๓ มาใชบ ้ ั งคั บเพื่อตั งผู ้ แ ้ ทนเฉพาะการโดยอนุ โลม
มาตรา ๗๖ ถา้ การกระทาตามหน้าที่ของผูแ ้ ทนของนิ ต บ
ิ ุ ค คลหรื อผูม ้ ีอานาจทาการแทนนิ ติ
บุคคล เป็ นเหตุใหเ้ กิดความเสียหายแกบ ่ ุคคลอื่น นิ ติบุคคลนั น ้ ตอ้ งรั บผิดชดใชค ้ า่ สินไหมทดแทนเพื่อความ เสียหายนั น ้ แตไ่ มส ่ ูญเสียสิทธิท่ี
จะไลเ่ บี้ยเอาแกผ ่ ูก ้ อ
่ ความเสียหาย
ถา้ ความเสียหายแกบ ่ ุคคลอื่นเกิดจากการกระทาที่ไมอ่ ยูใ่ นขอบวั ตถุประสงคห ์ รื ออานาจ หน้าที่ของนิ ติบุคคล บรรดาบุคคลดังกลา่ วตามวรรค
่ ่
หนึ งทีได้เห็นชอบให้กระทาการนั นหรื อได้เป็ นผูก ้ ้ ระทาการ ดังกลา่ ว ตอ ้ งร่วมกันรั บผิดชดใชค ้ า่ สินไหมทดแทนแกผ ้ ่ีได้รับความเสียหายนั น
่ ูท ้
มาตรา ๗๗ ใหน ้ าบทบั ญ ญั ต ว
ิ า ด
่ ้ ว ยตัวแทนแห ง
่ ประมวลกฎหมายนี ้ มาใช บ
้ ั ง คั บ แก ค
่ วาม เกี่ ย วพันระหว า
่ งนิ ต บ
ิ ุ ค คลกั บผู แ
้ ทนของนิ ต ิ บุ ค คล
และระหวา่ งนิ ติบุคคล หรื อผูแ ้ ทนของนิ ติบุคคลกับ บุคคลภายนอก โดยอนุ โลม

สว่ นที่ ๒ สมาคม


มาตรา ๗๘ การกอ ้ ่ อกระทาการใด ๆ อั นมีลักษณะตอ่ เนื่ องร่วมกันและมิใชเ่ ป็ น การหาผลกาไรหรื อรายได้มาแบง่ ปันกั น ตอ
่ ตั งสมาคมเพื ้ งมี
้ บั งคั บและจดทะเบียนตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
ขอ
มาตรา ๗๙ ขอ ้ บั งคั บของสมาคมอยา่ งน้อยตอ้ งมีรายการ ดั งตอ่ ไปนี้
(๑) ชื่อสมาคม
(๒) วั ตถุประสงคข์ องสมาคม
(๓) ที่ตังสานั
้ กงานใหญ่ และที่ตังสานั ้ กงานสาขาทั งปวง ้
(๔) วิธีรับสมาชิก และการขาดจากสมาชิกภาพ
(๕) อั ตราคา่ บารุ ง
(๖) ขอ ้ กาหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของสมาคม ได้แก่ จานวนกรรมการ การตั งกรรมการ ้
วาระการดารงตาแหน่งของกรรมการ การพน ้ จากตาแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ (๗) ขอ ้ กาหนดเกี่ยวกับการ
จั ดการสมาคม การบั ญชี และทรั พยส์ น ิ ของสมาคม
(๘) ขอ ้ กาหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่
มาตรา ๘๐ สมาคมตอ ้ งใชช้ ่ือซึ่งมีคาวา่ “สมาคม” ประกอบกับชื่อของสมาคม
มาตรา ๘๑ การขอจดทะเบียนสมาคมนั น ้ ใหผ ้ ูจ้ ะเป็ นสมาชิกของสมาคมจานวนไมน ่ ้ อยกวา่ สามคน ร่วมกันยื่นคาขอเป็ นหนั งสือตอ่ นาย
ทะเบียนแหง่ ทอ ้ งที่ท่ีสานั กงานใหญข่ องสมาคมจะตั งขึ ้ ้น พร้อมกับ แนบขอ ้ บั งคั บของสมาคม รายชื่อ ที่อยู ่ และอาชีพของผูจ้ ะเป็ นสมาชิกไม่
น้อยกวา่ สิบคน และรายชื่อ ที่อยูแ่ ละ
อาชีพของผูจ้ ะเป็ นกรรมการของสมาคมมากับคาขอด้วย
มาตรา ๘๒ เมื่อนายทะเบียนได้รับคาขอจดทะเบียนพร้อมทั งข ้ อ้ บั งคั บแลว้ เห็นวา่ คาขอนั น ้ ถูกตอ ้ งตามมาตรา ๘๑ และขอ ้ บั งคั บถูกตอ
้ งตาม
มาตรา ๗๙ และวั ตถุประสงคข์ องสมาคมไมข่ ั ดตอ่ กฎหมาย หรื อศีลธรรมอั นดีของประชาชน หรื อไมเ่ ป็ นภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของ
ประชาชนหรื อความมั ่นคงของรั ฐ และรายการซึ่งจดแจง้ ในคาขอหรื อขอ ้ บั งคั บสอดคลอ ้ งกับวั ตถุประสงคข์ องสมาคม และผูจ้ ะเป็ นกรรมการของ
สมาคมนั น ้ มีฐานะและความประพฤติเหมาะสมในการดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ องสมาคม ให้นายทะเบียน รั บจดทะเบียนและออกใบสาคั ญ
แสดงการจดทะเบียนให้แกส ่ มาคมนั น ้ และประกาศการจั ดตั งสมาคมในราช
้ กิจจานุ เบกษา

ถา้ นายทะเบียนเห็นวา่ คาขอหรื อขอ ้ บั งคั บไมถ ้ งตามมาตรา ๘๑ หรื อมาตรา ๗๙ หรื อ รายการซึ่งจดแจง้ ในคาขอหรื อข้อบั งคั บไม่
่ ูกตอ
สอดคลอ ้ งกับวั ตถุประสงคข์ องสมาคม หรื อผูจ้ ะเป็ นกรรมการของ สมาคมมีฐานะหรื อความประพฤติไมเ่ หมาะสมในการดาเนิ นการตาม
วั ตถุประสงคข์ องสมาคม ใหม ้ ีคาสั ง่ ใหผ ้ ูย้ ่ืน คาขอจดทะเบียนแกไ้ ขหรื อเปลี่ยนแปลงใหถ ้ ูกตอ ้ ง เมื่อแกไ้ ขหรื อเปลี่ยนแปลงถูกตอ ้ งแลว้ ใหร้ ั บ
จดทะเบียน และออกใบสาคั ญแสดงการจดทะเบียนใหแ ก
้ ่ ส มาคมนั ้

ถา้ นายทะเบียนเห็นวา่ ไมอ่ าจรั บจดทะเบียนได้เนื่ องจากวั ตถุประสงคข์ องสมาคมขั ดตอ่ กฎหมายหรื อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรื ออาจเป็ น
ภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของประชาชนหรื อความ มั ่นคงของรั ฐ หรื อผูย้ ่ืนคาขอจดทะเบียนไมแ ่ ก้ไขหรื อเปลี่ยนแปลงให้ถูกตอ ้ งภายในสามสิบ
วั นนั บแตว่ ั นที่ทราบ
คาสั ง่ ของนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีคาสั ง่ ไมร่ ั บจดทะเบียนและแจง้ คาสั ่งพร้อมด้วยเหตุผลที่ไมร่ ั บจด ทะเบียนไปยั งผูย้ ่ืนคาขอจดทะเบียน
โดยมิชักชา้
ผูย้ ่ืนคาขอจดทะเบียนมีสท ิ ธิอุทธรณ์คาสั ง่ ไมร่ ั บจดทะเบียนนั น ้ ตอ่ รั ฐมนตรี วา่ การ กระทรวงมหาดไทย โดยทาเป็ นหนั งสือยื่นตอ่ นายทะเบียน
ภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ได้รับแจง้ คาสั ่งไมร่ ั บ การจดทะเบียน
ให้รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทยวินิจฉั ยอุทธรณ์ และแจง้ คาวินิจฉั ยให้ผูอ ้ ุทธรณ์ทราบ ภายในเก้าสิบวั นนั บแตว่ ั นที่นายทะเบียนได้รับ
หนั งสืออุทธรณ์ คาวินิจฉั ยของรั ฐมนตรี วา่ การ กระทรวงมหาดไทยใหเ้ ป็ นที่สุด
มาตรา ๘๓ สมาคมที่ได้จดทะเบียนแลว้ เป็ นนิ ติบุคคล
มาตรา ๘๔ การแกไ้ ขเพิ่มเติมขอ ้ บั งคั บของสมาคมจะกระทาไดก ็ ตโ่ ดยมติของที่ประชุมใหญ่ และสมาคมตอ
้ แ ้ งนาขอ ้ บั งคับที่ไดแ้ ก้ไขเพิ่มเติมไป
จดทะเบียนตอ่ นายทะเบียนแหง่ ทอ ้ งที่ ท ่ ี ส านั กงานใหญ ข
่ อง สมาคมตั ้
งอยู ภ
่ ายในสิ บ ่
สี วั น นั บแต ว
่ ั น ่
ที ไดล
้ งมติ แ ละให น
้ าความในมาตรา ๘๒ มา
ใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม เมื่อนาย ทะเบียนได้จดทะเบียนแลว้ ให้มีผลใชบ ้ ั งคั บได้

มาตรา ๘๕ การแตง่ ตั งกรรมการของสมาคมขึ ้นใหมท ้ ดหรื อการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ของสมาคม ให้กระทาตามขอ
่ ั งชุ ้ บั งคั บของสมาคม
และสมาคมตอ ้ งนาไปจดทะเบียนตอ ่ นายทะเบียนแหง่ ทอ ้ งที่ท่ี สานั กงานใหญข่ องสมาคมตั งอยู ้ ภ ่ ายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่มีการแตง่ ตั งหรื ้ อ
เปลี่ยนแปลงกรรมการของ สมาคม
ถา้ นายทะเบียนเห็นวา่ กรรมการของสมาคมตามวรรคหนึ่ งผูใ้ ด มีฐานะหรื อความประพฤติไม่ เหมาะสมในการดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ อง
สมาคม นายทะเบียนจะไมร่ ั บจดทะเบียนกรรมการของ สมาคมผูน ้ ัน้ ก็ได้ ในกรณี ท่ีนายทะเบียนไมร่ ั บจดทะเบียนกรรมการของสมาคม นาย
ทะเบียนตอ ้ งแจง้ เหตุผลที่ ไมร่ ั บจดทะเบียนให้สมาคมทราบภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ย่ืนคาขอจดทะเบียน และให้นาความในมาตรา ๘๒
วรรคสี่และวรรคห้า มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม

ในระหวา่ งที่ยังไมม่ ีการจดทะเบียนกรรมการของสมาคมชุดใหม ่ ถา้ ขอ ้ บั งคั บของสมาคมมิได้ กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ให้กรรมการของสมาคม
ชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่กรรมการของสมาคมตอ่ ไปจนกวา่ จะไดม ้ ี การจดทะเบี ยนกรรมการของสมาคมชุดใหม ่
มาตรา ๘๖ คณะกรรมการของสมาคมเป็ นผูด ้ าเนิ น กิ จ การของสมาคมตามกฎหมายและ ขอ
้ บั งคั บ ภายใตก ้ ารควบคุมดูแลของที่ประชุมใหญ่
มาตรา ๘๗ คณะกรรมการของสมาคมเป็ นผูแ ้ ทนของสมาคมในกิจการอั นเกี่ยวกับ
บุคคลภายนอก
มาตรา ๘๘ บรรดากิจการที่คณะกรรมการของสมาคมได้กระทาไป แมจ้ ะปรากฏในภายหลั ง วา่ มีขอ ้ บกพร่องเกี่ยวกับการตั งหรื
้ อคุณสมบั ติของ
กรรมการของสมาคม กิจการนั น ้ ยอ่ มมีผลสมบูรณ์
มาตรา ๘๙ สมาชิกของสมาคมมีสท ิ ธิท่ีจะตรวจตรากิจการและทรั พยส์ น ิ ของสมาคมใน ระหวา่ งเวลาทาการของสมาคมได้
มาตรา ๙๐ สมาชิกของสมาคมตอ ้ งชาระค า
่ บารุ ง เต็ม จานวนในวั น ที ่ ส มั ครเขา้ เป็ นสมาชิก หรื อในวั นเริ่ มตน ้ ของระยะเวลาชาระคา่ บารุ ง แลว้ แต่
กรณี เวน ้ บั งคั บของสมาคมจะกาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ ง อื่น
้ แตข่ อ
มาตรา ๙๑ สมาชิกของสมาคมจะลาออกจากสมาคมเมื่อใดก็ได้ เวน ้ แตข่ อ ้ บั งคับของสมาคม จะกาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๙๒ สมาชิกแตล่ ะคนมีความรั บผิดในหนี้ ของสมาคมไมเ่ กินจานวนคา่ บารุ งที่สมาชิก นั น ้ คา้ งชาระอยู ่
มาตรา ๙๓ คณะกรรมการของสมาคมตอ ้ งจั ดให้มีการประชุมใหญส ่ ามั ญอยา่ งน้อยปี ละครั ง้
มาตรา ๙๔ คณะกรรมการของสมาคมจะเรี ยกประชุมใหญว่ ส ิ ามั ญเมื่อใดก็สุดแตจ่ ะ เห็นสมควร
สมาชิกจานวนไมน ่ ้ อยกว า
่ ่
หนึ งในห า
้ ของจานวนสมาชิ ก ทั ้
งหมดหรื อสมาชิกจานวนไมน ่ ้ อยกวา่ หนึ่ งร้อยคนหรื อสมาชิกจานวนไมน ่ ้ อยกวา่ ที่กา
หนดไวใ้ นขอ ้ บั งคั บจะทาหนั งสือร้องขอตอ่ คณะกรรมการของ สมาคมให้ประชุมใหญว่ ส ้ ตอ
ิ ามั ญก็ได้ ในหนั งสือร้องขอนั น ้ งระบุวา่ ประสงคใ์ ห้
เรี ยกประชุมเพื่อการใด

เมื่อคณะกรรมการของสมาคมไดร้ ั บหนั งสือร้องขอใหเ้ รี ยกประชุมใหญว่ ส ิ ามั ญตามวรรคสอง ใหค ้ ณะกรรมการของสมาคมเรี ยกประชุมใหญ ่


วิสามั ญโดยจั ดให้มีการประชุมขึ้นภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ได้ รั บคาร้องขอ
ถา้ คณะกรรมการของสมาคมไมเ่ รี ยกประชุมภายในระยะเวลาตามวรรคสาม สมาชิกที่เป็ นผู ้ ร้องขอให้เรี ยกประชุมหรื อสมาชิกอื่นรวมกั นมีจาน
วนไมน ่ ้ อยกวา่ จานวนสมาชิกที่กาหนดตามวรรคสองจะเรี ยก ประชุมเองก็ได้
มาตรา ๙๕ ในการเรี ยกประชุมใหญ ่ คณะกรรมการของสมาคมตอ ้ งสง่ หนั งสือนั ดประชุมไป
ยั งสมาชิกทุกคนซึ่งมีช่ือในทะเบียนของสมาคมกอ ่ นวั นนั ดประชุมไมน ่ ้ อยกวา่ เจ็ดวั นหรื อลงพิมพโ์ ฆษณาอยา่ ง น้อยสองคราวในหนั งสือพิมพท ์ ่ี
แพร่หลายในทอ ้ งที่ ฉบั บหนึ ่ งก อ
่ นวั น นั ดประชุ ม ไม น
่ ้ อ ยกว า
่ เจ็ดวั นก็ ได ้
การเรี ยกประชุมใหญต ่ อ้ งระบุสถานที่ วั น เวลา และระเบียบวาระการประชุมและจั ดสง่ รายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวขอ ้ งตามควรไปพร้อม
กันด้วย สาหรั บการเรี ยกประชุมใหญโ่ ดยการพิมพโ์ ฆษณา รายละเอียดและเอกสารดังกลา่ วตอ ้ ละพร้อมที่จะมอบให้แกส
้ งจั ดไวแ ่ มาชิกที่ร้องขอ
ณ สถานที่ท่ีผูเ้ รี ยกประชุม กาหนด
มาตรา ๙๖ การประชุมใหญข่ องสมาคมตอ ้ งมีสมาชิกมาประชุมไมน ่ ้ อยกวา่ กึ่งหนึ่ งของ จานวนสมาชิกทั งหมดจึ ้ งจะเป็ นองคป ์ ระชุม เวน้ แตข่ อ

บั งคั บของสมาคมจะกาหนดองคป ์ ระชุมไวเ้ ป็ นอยา่ งอืน ่
ในการประชุมใหญค ่ รั ง้ ใด ถา้ ไมไ่ ดอ ้ งคป ์ ระชุมตามที่กาหนดไวแ ้ ละการประชุมใหญน ่ ัน ้ ไดเ้ รี ยก ตามคาร้องขอของสมาชิก ก็ใหง้ ดการประชุม
แตถ ่ า
้ เป็ น การประชุ ม ใหญ ท
่ ่ ี ส มาชิ กมิ ได เ
้ ป็ น ผู ร
้ ้ องขอ ให ้ คณะกรรมการของสมาคมเรี ยกประชุมใหญอ่ ีกครั ง้ หนึ่ งโดยจั ดให้มีการประชุมขึ้น
ภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่นัด ประชุมครั ง้ แรก การประชุมครั ง้ หลั งนี้ ไมบ ่ ั งคั บวา่ จาตอ ้ งครบองคป ์ ระชุม
มาตรา ๙๗ มติของที่ประชุม ให้ถือเอาเสียงขา้ งมากเป็ นประมาณ เวน ้ แตก ่ รณี ท่ีขอ ้ บั งคั บ
ของสมาคมกาหนดเสียงขา้ งมากไวเ้ ป็ นพิเศษโดยเฉพาะ
สมาชิกคนหนึ่ งมีเสียงหนึ่ งในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเทา่ กันให้ประธานในที่ประชุม
ออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่ งเป็ นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๙๘ สมาชิกจะมอบอานาจใหส ้ มาชิกผูใ้ ดมาเขา้ ประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทน ตนก็ได้ เวน ้ แตข่ อ
้ บั งคับของสมาคมจะกาหนดไว้
เป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๙๙ ในกรณี ท่ีจะมีมติในเรื่ องใด ถา้ สว่ นได้เสียของกรรมการหรื อสมาชิกของสมาคม ผูใ้ ดขั ดกับประโยชน์ได้เสียของสมาคม กรรมการ
หรื อสมาชิกของสมาคมผูน ้ ัน้ จะออกเสียงลงคะแนนในเรื่ องนั น ้ ไมไ่ ด้

มาตรา ๑๐๐ ในการประชุมใหญค ่ รั ง้ ใด ถา้ ไดม้ ีการนั ดประชุมหรื อการลงมติโดยไมป ่ ฏิบัติ ตาม หรื อฝ่าฝื นขอ ้ บั งคั บของสมาคมหรื อ
บทบั ญญั ติในสว่ นนี้ สมาชิก หรื อพนั กงานอั ยการอาจร้องขอใหศ ้ าลสั ่ ง เพิ กถอนมติ ใ นการประชุ ม ใหญ ค
่ รั ้
ง นั ้
น ได ้ แตต ่ อ
้ งร้องขอตอ่ ศาล
ภายในหนึ่ งเดือนนั บแตว่ ั นที่ท่ีประชุมใหญล่ งมติ
มาตรา ๑๐๑ สมาคมยอ่ มเลิกด้วยเหตุหนึ่ งเหตุใด ดังตอ่ ไปนี้ (๑) เมื่อมีเหตุตามที่กาหนดในขอ ้ บั งคั บ
้ ้ นไวเ้ ฉพาะระยะเวลาใด เมื่อสิน
(๒) ถา้ สมาคมตั งขึ ้ ระยะเวลานั น ้
(๓) ถา้ สมาคมตั งขึ้ ้นเพื่อกระทากิจการใด เมื่อกิจการนั น ้ สาเร็จแลว้
(๔) เมื่อที่ประชุมใหญม ี่ มติใหเ้ ลิก
(๕) เมื่อสมาคมลม ้ ละลาย
(๖) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนตามมาตรา ๑๐๒ (๗) เมื่อศาลสั ่งให้เลิกตามมาตรา ๑๐๔
มาตรา ๑๐๒ ให้นายทะเบียนมีอานาจสั ่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
(๑) เมื่อปรากฏในภายหลั งการจดทะเบียนวา่ วั ตถุประสงคข์ องสมาคมขั ดตอ่ กฎหมายหรื อ ศีลธรรมอั นดีของประชาชน หรื ออาจเป็ น
ภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของประชาชนหรื อความมั ่นคงของรั ฐ และ นายทะเบียนได้สั่งให้แก้ไขแลว้ แตส ่ มาคมไมป ่ ฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่
นายทะเบียนกาหนด
(๒) เมื่อปรากฏวา่ การดาเนิ นกิจการของสมาคมขั ดตอ่ กฎหมายหรื อศีลธรรมอั นดีของ ประชาชน หรื ออาจเป็ นภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของ
ประชาชนหรื อความมั ่นคงของรั ฐ
(๓) เมื่อสมาคมหยุดดาเนิ นกิจการติดตอ่ กันตั งแต ้ ส ่ องปี ขึ้นไป
(๔) เมื่อปรากฏวา่ สมาคมให้หรื อปลอ่ ยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใชก ่ รรมการของสมาคมเป็ นผูด ้ าเนิ น
กิจการของสมาคม
(๕) เมื่อสมาคมมีสมาชิกเหลือน้อยกวา่ สิบคนมาเป็ นเวลาติดตอ่ กันกวา่ สองปี
มาตรา ๑๐๓ เมื่อนายทะเบียนมีคาสั ่งใหถ ้ อนชื่อสมาคมใดออกจากทะเบียนตามมาตรา ๑๐๒ แลว้ ใหน ้ ายทะเบียนแจง้ คาสั ง่ พร้อมดว้ ยเหตุผล
้ โดยมิชักชา้ และประกาศการเลิกสมาคม ในราชกิจจานุ เบกษา
ไปยั งสมาคมนั น
กรรมการคนหนึ่ งคนใดหรื อสมาชิกของสมาคมจานวนไมน ่ ้ อยกวา่ สามคน มีสท ิ ธิอุทธรณ์คาสั ง่ ของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่ งตอ่ รั ฐมนตรี
วา่ การกระทรวงมหาดไทยได้ โดยทาเป็ นหนั งสือยื่นตอ่ นายทะเบียน ภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ได้รับแจง้ คาสั ่ง และให้นาความในมาตรา
๘๒ วรรคห้า มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม

มาตรา ๑๐๔ เมื่อมีกรณี ตามมาตรา ๑๐๒ ผูม ้ ายทะเบียนถอนชื่อ สมาคมออกจากทะเบียนได้ ถา้ นายทะเบียนไม่
้ ีสว่ นไดเ้ สียอาจร้องขอใหน
ปฏิบัติตามคาร้องขอโดยไมแ ่ จง้ เหตุผลให้ผูร้ ้ องขอทราบภายใน เวลาอั นสมควร หรื อนายทะเบียนได้แจง้ เหตุผลใหท ้ ราบแลว้ แตผ
่ ูร้ ้ องขอไม่
พอใจในเหตุผลดังกลา่ ว ผูร้ ้ องขอนั น ้ จะร้องขอตอ่ ศาลให้สั่งเลิกสมาคมนั น ้ เสียก็ได้
มาตรา ๑๐๕ เมื่อสมาคมมีเหตุตอ ้ งเลิกตามมาตรา ๑๐๑ (๑) (๒) (๓) หรื อ (๔) ให้ คณะกรรมการของสมาคมที่อยูใ่ นตาแหน่งขณะ
มีการเลิกสมาคมแจง้ การเลิกสมาคมตอ่ นายทะเบียนภายในสิบ สี่วันนั บแตว่ ั นที่มีการเลิกสมาคม
ในกรณี ท่ีศาลมีคาพิพากษาหรื อคาสั ่งถึงที่สุดใหส ้ มาคมลม ้ ละลายตามมาตรา ๑๐๑ (๕) หรื อมี คาสั ่งถึงที่สุดให้เลิกสมาคมตามมาตรา ๑๐๔
ใหศ้ าลแจ ง
้ คาพิ พากษาหรื อ คาสั ่ ง ดังกล า
่ วให น
้ ายทะเบี ย นทราบ ดว้ ย
ให้นายทะเบียนประกาศการเลิกสมาคมในราชกิจจานุ เบกษา
มาตรา ๑๐๖ ในกรณี ท่ีมีการเลิกสมาคม ให้มีการชาระบั ญชีสมาคมและให้นาบทบั ญญั ติใน บรรพ ๓ ลั กษณะ ๒๒ วา่ ด้วยการชาระบั ญชีห้าง
หุน
้ สว่ นจดทะเบียน หา้ งหุน ้ สว่ นจากัด และบริ ษัทจากัด มาใช้ บั งคั บแกก ่ ารชาระบั ญชีสมาคมโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๐๗ เมื่อไดช้ าระบั ญชีแลว้ ถา้ มีทรั พยส์ น ิ เหลืออยูเ่ ทา่ ใด จะแบง่ ใหแ ้ กส
่ มาชิกของ สมาคมนั น้ ไมไ่ ด้ ทรั พยส์ นิ ที่เหลือนั น
้ จะตอ ้ งโอน
ให้แกส ่ มาคมหรื อมูลนิ ธิ หรื อนิ ติบุคคลที่ มีวัตถุประสงคเ์ กี่ยวกับ การสาธารณกุศล ตามที่ได้ระบุช่ือไวใ้ นขอ ้ บั งคั บของสมาคม หรื อถา้ ขอ ้ บั งคั บ
ไมไ่ ด้ระบุช่ือไวก ้ ใ็ ห้เป็ นไปตามมติ ของที่ประชุมใหญ่ แตถ ้ บั งคั บของสมาคมหรื อที่ประชุมใหญม
่ า้ ขอ ่ ิได้ระบุผูร้ ั บโอนทรั พยส์ นิ ดังกลา่ วไว้ หรื อ
ระบุ ไวแ ้ ตไ่ มส
่ ามารถปฏิบัติได้ ใหท ิ ที่เหลืออยูน
้ รั พยส์ น ้ ตกเป็ นของแผน
่ ัน ่ ดิน
มาตรา ๑๐๘ ผูใ้ ดประสงคจ์ ะขอตรวจเอกสารเกี่ยวกับสมาคมที่นายทะเบียนเก็บรั กษาไว้ หรื อจะขอให้นายทะเบียนคั ดสาเนาเอกสารดังกลา่ ว
พร้อมดว้ ยคารั บรองวา่ ถูกตอ ้ ง ใหย้ ่ืนคาขอตอ่ นาย ทะเบียน และเมื่อไดเ้ สียคา่ ธรรมเนี ยมตามที่กาหนดในกฎกระทรวงแลว้ ใหน ้ ายทะเบียน
ปฏิบัติตามคาขอนั น ้
มาตรา ๑๐๙ ให้รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทยรั กษาการตามบทบั ญญั ติในสว่ นนี้ และ ให้มีอานาจแตง่ ตั งนายทะเบี ้ ยนกับออกกฎ
กระทรวงเกี่ยวกับ
(๑) การยื่นคาขอจดทะเบียนและการรั บจดทะเบียน
(๒) คา่ ธรรมเนี ยมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคั ดสาเนาเอกสารและ คา่ ธรรมเนี ยมการขอให้นายทะเบียนดาเนิ นการใด ๆ
เกี่ยวกับสมาคม รวมทั งการยกเว ้ น
้ คา่ ธรรมเนี ยมดังกลา่ ว
(๓) การดาเนิ นกิจการของสมาคมและการทะเบียนสมาคม

(๔) การอื่นใดเพื่อปฏิบัติให้เป็ นไปตามบทบั ญญั ติในสว่ นนี้ กฎกระทรวงนั น ้ เมื่อประกาศในราชกิจจานุ เบกษาแลว้ ให้ใชบ ้ ั งคั บได้
สว่ นที่ ๓ มูลนิ ธิ
มาตรา ๑๑๐ มูลนิ ธิได้แกท ่ รั พยส์ น ิ ที่จัดสรรไวโ้ ดยเฉพาะสาหรั บวั ตถุประสงคเ์ พื่อการกุศล
สาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรื อเพื่อสาธารณประโยชน์อยา่ งอื่น โดยมิได้ มุง่ หาผลประโยชน์มา
แบง่ ปันกัน และไดจ้ ดทะเบียนตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
การจั ดการทรั พยส์ น ิ ของมูลนิ ธิ ตอ ้ งมิใชเ่ ป็ นการหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใดนอกจากเพื่อ ดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธินัน ้ เอง
มาตรา ๑๑๑ มูลนิ ธิตอ ้ งมีขอ ้ บั งคับ และตอ ้ งมีคณะกรรมการของมูลนิ ธิประกอบด้วยบุคคล อยา่ งน้อยสามคน เป็ นผูด ้ าเนิ นกิจการของมูลนิ ธิ
ตามกฎหมายและขอ ้ บั งคั บของมูลนิ ธิ
มาตรา ๑๑๒ ขอ ้ บั งคั บของมูลนิ ธิอยา่ งน้อยตอ ้ งมีรายการ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ชื่อมูลนิ ธิ
(๒) วั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ
(๓) ที่ตังสานั
้ กงานใหญแ ่ ละที่ตังสานั ้ กงานสาขาทั งปวง ้
(๔) ทรั พยส์ น ิ ของมูลนิ ธิขณะจั ดตั ง้
(๕) ขอ ้ กาหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของมูลนิ ธิ ได้แก่ จานวนกรรมการ การตั งกรรมการ ้ วาระการดารงตาแหน่งของกรรมการ การพน ้
จากตาแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ
(๖) ขอ ้ กาหนดเกี่ยวกับการจั ดการมูลนิ ธิ การจั ดการทรั พยส์ น ิ และบั ญชีของมูลนิ ธิ
มาตรา ๑๑๓ มูลนิ ธิตอ ้ งใชช้ ่ือซึ่งมีคาวา่ “มูลนิ ธิ” ประกอบกั บชื่อของมูลนิ ธิ
มาตรา ๑๑๔ การขอจดทะเบียนมูลนิ ธินัน ้ ใหผ ้ ลนิ ธิย่ืนคาขอเป็ นหนั งสือตอ่ นาย ทะเบียนแหง่ ทอ
้ ูข้ อจั ดตั งมู ้ งที่ท่ีสานั กงานใหญข่ องมูลนิ ธิจะตั ง้
ขึ้น ในคาขออยา่ งน้อยตอ ้ งระบุ เ จ า
้ ของทรั พย ส
์ ิ
น และ รายการทรั พย ส
์ ิ
น ่
ที จ ะจั ด สรรสาหรั บมู ลนิ ธิ ่
รายชื อ ่
ที อ ยูแ่ ละอาชีพของผูจ้ ะเป็ นกรรมการ
ของมูลนิ ธิทุกคน พร้อมกั บแนบขอ ้ บั งคับของมูลนิ ธิมากับคาขอด้วย

มาตรา ๑๑๕ เมื่อนายทะเบียนได้รับคาขอแลว้ เห็นวา่ คาขอนั น ้ ถูกต้องตามมาตรา ๑๑๔ และขอ ้ บั งคั บถูกตอ ้ งตามมาตรา ๑๑๒ และ
วั ตถุประสงคเ์ ป็ นไปตามมาตรา ๑๑๐ และไมข่ ั ดตอ่ กฎหมายหรื อ ศีลธรรมอั นดีของประชาชน หรื อไมเ่ ป็ นภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของ
ประชาชนหรื อความมั ่นคงของรั ฐ และ รายการซึ่งจดแจง้ ในคาขอหรื อขอ ้ บั งคั บสอดคลอ ้ งกับวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ และผูจ้ ะเป็ นกรรมการของ
มูลนิ ธิ นั น ้ มีฐานะและความประพฤติเหมาะสมในการดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ ใหน ้ ายทะเบียนรั บจด ทะเบียนและออกใบสาคั ญ
แสดงการจดทะเบียนให้แกม ่ ูลนิ ธินัน ้ และประกาศการจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิในราชกิจจา นุ เบกษา
ถา้ นายทะเบียนเห็นวา่ คาขอหรื อขอ ้ บั งคั บไมถ ่ ูกตอ ้ งตามมาตรา ๑๑๔ หรื อมาตรา ๑๑๒ หรื อ
รายการซึ่งจดแจง้ ในคาขอหรื อข้อบั งคั บไมส ่ อดคล้องกับวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ หรื อผูจ้ ะเป็ นกรรมการของ มูลนิ ธิมีฐานะหรื อความประพฤติ
ไมเ่ หมาะสมในการดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ ให้มีคาสั ง่ ใหผ ้ ูข้ อจด ทะเบียนแก้ไขหรื อเปลี่ยนแปลงให้ถูกตอ ้ ง เมื่อแก้ไขหรื อ
เปลี่ยนแปลงถูกตอ ้ งแล ว
้ ให ร
้ั บจดทะเบี ย นและออก ใบสาคั ญ แสดงการจดทะเบี ย นให แกม
้ ่ ู ลนิ ธ ิ น ั ้

ถา้ นายทะเบียนเห็นวา่ ไมอ่ าจรั บจดทะเบียนไดเ้ นื่ องจากวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิไมเ่ ป็ นไปตาม มาตรา ๑๑๐ หรื อขั ดตอ่ กฎหมายหรื อศีลธรรมอั น
ดีของประชาชนหรื ออาจเป็ นภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของ ประชาชนหรื อความมั ่นคงของรั ฐ หรื อผูข้ อจดทะเบียนไมแ ่ ก้ไขหรื อเปลี่ยนแปลงให้
ถูกตอ ้ งภายในสามสิบวั นนั บ แตว่ ั นที่ทราบคาสั ่งของนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีคาสั ่งไมร่ ั บจดทะเบียน และแจง้ คาสั ่งพร้อมด้วยเหตุผลที่
ไมร่ ั บจดทะเบียนให้ผูข้ อจดทะเบียนทราบโดยมิชักชา้
ผูข้ อจดทะเบียนมีสท ิ ธิอุทธรณ์คาสั ่งไมร่ ั บจดทะเบียนนั น ้ ตอ่ รั ฐมนตรี วา่ การ กระทรวงมหาดไทย โดยทาเป็ นหนั งสือยื่นตอ่ นายทะเบียนภายใน
สามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ไดร้ ั บแจง้ คาสั ่งไมร่ ั บจด ทะเบียน
ใหร้ ั ฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทยวินิจฉั ยอุทธรณ์และแจง้ คาวินิจฉั ยใหผ ้ ุทธรณ์ทราบ ภายในเกา้ สิบวั นนั บแตว่ ั นที่นายทะเบียนไดร้ ั บ
้ ูอ
หนั งสืออุทธรณ์ คาวินิจฉั ยของรั ฐมนตรี วา่ การ กระทรวงมหาดไทยใหเ้ ป็ นที่สุด
มาตรา ๑๑๖ กอ ่ นที่นายทะเบียนรั บจดทะเบียนมูลนิ ธิ ผูข้ อจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิมีสท ิ ธิขอถอนการ จั ดตั งมู ้ ลนิ ธิได้โดยทาเป็ นหนั งสือยื่นตอ่ นาย
ทะเบียน สิทธิท่ีจะขอถอนการจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิน้ี ไมต ่ กทอดไปยั งทายาท
ในกรณี ท่ีมีผูข้ อจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิหลายคน ถา้ ผูข้ อจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิคนหนึ่ งคนใดใชส ้ ทิ ธิถอนการจั ดตั ง้ มูลนิ ธิ ให้คาขอจั ดตั งมู ้ ลนิ ธินั ้ นเป็ นอั นระงั บไป

มาตรา ๑๑๗ ในกรณี ทีผูข้ อจั ดตั งมูลนิ ธิถึงแกค ้ ่ วามตายกอ ่ นนายทะเบียนรั บจดทะเบียน มูลนิ ธิ ถา้ ผูต ้ ายมิได้ทาพินัยกรรมยกเลิกการจั ดตั งมู ้ ล
้ ใ้ หค
นิ ธิทีข่ อจั ดตั งไว ้ าขอจั ด ตั ้
งมู ลนิ ธ ิ ท่ ี ผู ต
้ ายได ย
้ ่ ื น ไว ต อ
้ ่ นายทะเบี ย นยั ง คงใช ไ ดต
้ ้ ่อ ไป และให ท
้ ายาทหรื อผู จ
้ ั ดการมรดกหรื อ ผู ซ
้ ่ ึ ง ผู ต
้ ายมอบ
หมาย ดาเนิ นการในฐานะ

้ ลนิ ธิตอ่ ไป ถา้ บุคคลดังกลา่ วไมด


เป็ นผูข้ อจั ดตั งมู ่ าเนิ นการภายในหนึ่ งร้อยยี่สบ ิ วั นนั บแตว่ ั นที่ผูข้ อจั ดตั งมู
้ ลนิ ธิถึง แกค ่ วามตาย บุคคลผูม ้ ีสว่ น
ไดเ้ สียหรื อพนั กงานอั ยการจะดาเนิ นการในฐานะเป็ นผูข้ อจั ดตั งมู ้ ลนิ ธินัน ้ ตอ ่ ไปก็ ได ้
ในกรณี ท่ีไมส ่ ามารถจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิข้ึนได้ตามวั ตถุประสงคท ์ ่ีผูต
้ ายกาหนดไว้ ถา้ หากไมม ่ ี พินัยกรรมของผูต ้ ายสั ่งการในเรื่ องนี้ ไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ให้
นาความในมาตรา ๑๖๗๙ วรรคสอง มาใชบ ้ ั งคั บโดย อนุ โลม ถา้ ไมส ่ ามารถดาเนิ นการตามมาตรา ๑๖๗๙ วรรคสอง หรื อมูลนิ ธิจัดตั งขึ ้ ้น
ไมไ่ ด้ตามมาตรา ๑๑๕ ให้ ทรั พยส์ น ิ ที่จัดสรรไวต ้ กเป็ นมรดกของผูต ้ าย
มาตรา ๑๑๘ ในกรณี ท่ีมีขอ ้ กาหนดพินัยกรรมให้กอ ้ ลนิ ธิตามมาตรา ๑๖๗๖ ให้บุคคล
่ ตั งมู
ซึ่งมีหน้าที่ท่ีจะตอ ้ งจั ด ตั ้
งมู ล นิ ธ ิ ต ามมาตรา ๑๖๗๗ วรรคหนึ ่ ง ดาเนิ นการตามมาตรา ๑๑๔ และตามบทบั ญญั ติ แหง่ มาตรานี้
ถา้ บุคคลซึ่งมีหน้าที่ท่ีจะตอ ้ งจั ด ตั ้
งมู ล นิ ธิ ตามวรรคหนึ ่ ง มิ ได ข
้ อจดทะเบี ยนกอ ้ ลนิ ธิภายใน หนึ่ งร้อยยี่สบ
่ ตั งมู ิ วั นนั บแตว่ ั นที่บุคคลดังกลา่ วไดร้ ู้
หรื อควรรู้ ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมให้กอ ้ ลนิ ธิ บุคคลผูม
่ ตั งมู ้ ีสว่ นได้ เสียคนหนึ่ งคนใดหรื อพนั กงานอั ยการจะเป็ นผูข้ อจดทะเบียนมูลนิ ธิกไ็ ด้
ถา้ ผูย้ ่ืนคาขอจดทะเบียนมูลนิ ธิไมด ่ าเนิ นการแก้ไขหรื อเปลี่ยนแปลงให้ถูกตอ ้ งตามคาสั ่งของ นายทะเบียนตามมาตรา ๑๑๕ จนเป็ นเหตุให้นาย
ทะเบียนไมร่ ั บจดทะเบียนมูลนิ ธิเพราะเหตุดังกลา่ ว บุคคลผูม ้ ี สว่ นได้เสียคนหนึ่ งคนใดหรื อพนั กงานอั ยการจะเป็ นผูข้ อจดทะเบียนมูลนิ ธินัน ้ อีก
ก็ได้
ผูย้ ่ืนคาขอจดทะเบียนกอ ่ ตั งมู ้ ลนิ ธิตามมาตรานี้ จะขอถอนการกอ ้ ลนิ ธิตามมาตรา ๑๑๖
่ ตั งมู
ไมไ่ ด้
ในกรณี ท่ีมีผูค ้ ั ดคา้ นตอ่ นายทะเบียนวา่ พินัยกรรมนั น ้ มิได้กาหนดให้กอ ้ นมูลนิ ธิ ให้นาย ทะเบียนแจง้ ให้ผูค
่ ตั งเป็ ้ ั ดคา้ นไปร้องตอ่ ศาลภายในหก
สิบวั นนั บแตว่ ั นที่ได้รับแจง้ จากนายทะเบียน และให้นาย ทะเบียนรอการพิจารณาการจดทะเบียนไวก ้ ่อน เพื่อดาเนิ นการตามคาพิพากษาหรื อ
คาสั ง่ ของศาล ถา้ ผูค ้ ั ดคา้ น ไมย่ นื่ คาร้องตอ่ ศาลภายในเวลาที่กาหนด ให้นายทะเบียนพิจารณาการจดทะเบียนมูลนิ ธินัน ้ ตอ่ ไป
มาตรา ๑๑๙ ในกรณี ท่ีมีขอ ้ กาหนดพินัยกรรมให้จัดตั งมู ้ ลนิ ธิ ถา้ พินัยกรรมที่ทาไวม ้ ิได้มี ขอ ้ กาหนดเกี่ยวกับรายการตามมาตรา ๑๑๒ (๑)
(๓) (๕) หรื อ (๖) ใหผ ้ ูย้ ่ืนคาขอตามมาตรา ๑๑๘ กาหนด รายการดังกลา่ วได้ ถา้ ผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนหนึ ่ งคนใดคั ดคา้ น ให้นาย
ทะเบียนมีคาสั ง่ ตามที่เห็นสมควร แลว้ แจง้ ให้ ผูย้ ่ืนคาขอและผูค ้ ั ดคา้ นทราบพร้อมทั งแจ ้ ง้ ดว้ ยวา่ หากผูย้ ่ืนคาขอหรื อผูค ้ ั ดคา้ นไมพ ่ อใจในคาสั ่ง
ดังกลา่ ว ก็ให้ ไปร้องคั ดคา้ นตอ่ ศาลภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ไดร้ ั บแจง้ จากนายทะเบียน และใหน ้ ายทะเบี ย นรอการ พิ จ ารณาจดทะเบี ยน
ไวก ้ อ่ นเพื่อดาเนิ นการตามคาพิพากษาหรื อคาสั ่งของศาล แตถ ่ า้ ไมม ่ ีการร้องคั ดคา้ นตอ ่ ศาลภายในเวลาที่กาหนด ให้นายทะเบียนพิจารณาจด
ทะเบียนมูลนิ ธิตามที่ได้มีคาสั ่งไวน ้ ตอ่ ไป
้ ัน
มาตรา ๑๒๐ ในกรณี ท่ีมีบุคคลหลายรายยื่นคาขอจดทะเบียนมูลนิ ธิตามพินัยกรรมของเจา้ มรดกรายเดียวกัน ถา้ คาขอนั น ้ มีข้อขั ดแยง้ กัน ให้

นายทะเบียนเรี ยกผูย้ ืนคาขอมาตกลงกั น และถา้ ผูย้ ืนคาขอไม่ ่

มาตกลงกัน หรื อตกลงกันไมไ่ ดภ ้ ายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกาหนด ใหน ้ ายทะเบียนมีคาสั ง่ ตามที่ เห็นสมควร และใหน ้ าความในมาตรา
๑๑๙ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๒๑ เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิ ธิแลว้ ถา้ ผูข้ อจั ดตั งมู ้ ลนิ ธิมีชีวต ิ อยู ่ ให้ทรั พยส์ นิ ที่จัดสรร ไวเ้ พื่อการนั น ้ ตกเป็ นของมูลนิ ธิตังแต ้ ว่ ั นที่นาย
ทะเบียนรั บจดทะเบียนมูลนิ ธิเป็ นตน ้ ไป
ในกรณี ท่ีผูข้ อจั ดตั งมู้ ลนิ ธิถึงแกค ่ วามตายกอ ่ นนายทะเบียนรั บจดทะเบียนมูลนิ ธิ เมื่อได้จด ทะเบียนมูลนิ ธิแลว้ ใหท ้ รั พยส์ น ิ ที่จัดสรรไวเ้ พื่อ
การนั น้ ตกเป็ นของมูลนิ ธิตังแต ้ เ่ วลาที่ผูข้ อจั ดตั งมู ้ ลนิ ธินัน ้ ถึงแก่ ความตาย
มาตรา ๑๒๒ มูลนิ ธิท่ีไดจ้ ดทะเบียนแลว้ เป็ นนิ ติบุคคล
มาตรา ๑๒๓ คณะกรรมการของมูลนิ ธิเป็ นผูแ ้ ทนของมูลนิ ธิในกิจการอันเกี่ยวกับ บุคคลภายนอก
มาตรา ๑๒๔ บรรดากิจการที่คณะกรรมการของมูลนิ ธิได้กระทาไป แมจ้ ะปรากฏในภายหลั ง วา่ มีขอ ้ บกพร่องเกี่ยวกับการแตง่ ตั งหรื ้ อ
คุณสมบั ติของกรรมการของมูลนิ ธิ กิจการนั น ้ ยอ่ มมีผลสมบูรณ์
มาตรา ๑๒๕ การแตง่ ตั งกรรมการของมู ้ ลนิ ธิข้ึนใหมท ้ ดหรื อการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ของมูลนิ ธิ ให้กระทาตามขอ
่ ั งชุ ้ บั งคั บของมูลนิ ธิ และ
มูลนิ ธิตอ
้ งนาไปจดทะเบี ย นภายในสามสิ บ วั น นั บแตว่ ั ่มี การแตง่ ตั งหรื
น ที ้ อเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิ ธิ
ถา้ นายทะเบียนเห็นวา่ กรรมการของมูลนิ ธิตามวรรคหนึ่ งผูใ้ ด มีฐานะหรื อความประพฤติไม่ เหมาะสมในการดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ อง
มูลนิ ธิ นายทะเบียนจะไมร่ ั บจดทะเบียนกรรมการของมูลนิ ธิผู้ นั น ้ ก็ได้ ในกรณี ท่ีนายทะเบียนไมร่ ั บจดทะเบียนกรรมการของมูลนิ ธิ นาย
ทะเบียนตอ ้ งแจง้ เหตุผลที่ไมร่ ั บจด
ทะเบียนให้มูลนิ ธิทราบภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ย่ืนคาขอจดทะเบียน และให้นาความในมาตรา ๑๑๕ วรรค สี่และวรรคห้ามาใชบ ้ ั งคั บโดย
อนุ โลม
ในกรณี ท่ีกรรมการของมูลนิ ธิพน ้ จากตาแหน่งและไมม ่ ีกรรมการของมูลนิ ธิเหลืออยู ่ หรื อ กรรมการของมูลนิ ธิท่ีเหลืออยูไ่ มส ่ ามารถดาเนิ นการ
ตามหน้าที่ได้ ถา้ ขอ ้ บั ง คั บ ของมู ล นิ ธิ มิ ได ก
้ าหนดการปฏิ บั ติ หน ้ าที ่ ไว เ
้ ป็ นอย า
่ ่
งอื น ให ก
้ รรมการของมู ล นิ ธิ ท่ ี พ น
้ จากตาแหน ่ งปฏิบัติหน้าที่
กรรมการของมูลนิ ธิตอ่ ไปจนกวา่ นายทะเบียนจะได้แจง้ การรั บจดทะเบียนกรรมการของมูลนิ ธิที่ตังใหม ้ ่
กรรมการของมูลนิ ธิท่ีพน ้ จากตาแหน่งเพราะถูกถอดถอนโดยคาสั ่งศาลตามมาตรา ๑๒๙ จะ ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคสามไมไ่ ด้

มาตรา ๑๒๖ ภายใตบ ้ ั งคั บมาตรา ๑๒๗ ให้คณะกรรมการของมูลนิ ธิเป็ นผูม ้ ีอานาจแก้ไข เพิ่มเติมขอ ้ บั งคั บของมูลนิ ธิ แตถ ่ า้ ขอ
้ บั งคั บของ
มูลนิ ธิไดก
้ าหนดหลั กเกณฑ แ
์ ละวิ ธี การแก ้ ไขเพิ ่ มเติ มไว ้ การ แก ไ
้ ขเพิ ่ มเติ ม ต ้ งเป็ นไปตามที่ขอ
อ ้ บั งคับกาหนด และใหม ้ ูลนิ ธินาขอ ้ บั งคับที่แกไ้ ข
้ ไปจดทะเบียนตอ
เพิ่มเติมนั น ่ นายทะเบี ย นภายในสามสิ บวั น นั บแต ว
่ ั น ที่ คณะกรรมการของมู ล นิ ธิ ได แก
้ ้ ไขเพิ ่ มเติ มข อ
้ บั ง คั บของมู ล นิ ธิและให้
นาความในมาตรา ๑๑๕ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๒๗ การแก้ไขเพิ่มเติมรายการในขอ ้ บั งคั บของมูลนิ ธิตามมาตรา ๑๑๒ (๒) จะ กระทาได้แตเ่ ฉพาะในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
(๑) เพื่อให้สามารถดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ หรื อ
(๒) พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปเป็ นเหตุให้วัตถุประสงคข์ องมูลนิ ธินัน ้ มีประโยชน์น้อย หรื อไม่ อาจดาเนิ นการให้สมประโยชน์ตาม
้ ่
วั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธินันได้ และวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิทีแก้ไขเพิมเติมนั น ่ ้ ใกลช้ ิดกับวั ตถุประสงคเ์ ดิมของมูลนิ ธิ
มาตรา ๑๒๘ ใหน ้ ายทะเบี ย นมี อ านาจตรวจตราและควบคุ ม ดู แ ลการดาเนิ น กิจการของ มูลนิ ธิใหเ้ ป็ นไปตามกฎหมายและขอ ้ บั งคับของมูลนิ ธิ
เพื่อการนี้ ให้นายทะเบียนหรื อพนั กงานเจา้ หน้าที่ซ่ึงนาย ทะเบียนมอบหมายเป็ นหนั งสือ มีอานาจ
(๑) มีคาสั ่งเป็ นหนั งสือให้กรรมการ พนั กงาน ลูกจา้ งหรื อตัวแทนของมูลนิ ธิ ชี้แจงแสดง ขอ ้ เท็จจริ งเกี่ยวกับกิจการของมูลนิ ธิ หรื อเรี ยก
บุคคลดังกลา่ วมาสอบถาม หรื อใหส ง
้ ่ หรื อแสดงสมุ ดบั ญ ชี และ เอกสารต า
่ ง ๆ ของมู ล นิ ธ ิ เ ่
พื อตรวจสอบ
(๒) เขา้ ไปในสานั กงานของมูลนิ ธิในเวลาระหวา่ งพระอาทิตยข์ ้ึน และพระอาทิตยต ์ กเพื่อ ตรวจสอบกิจการของมูลนิ ธิ
ในการปฏิบัติการตามวรรคหนึ่ ง ถา้ เป็ นนายทะเบียนให้แสดงบั ตรประจาตัวและถา้ เป็ น พนั กงานเจา้ หน้าที่ซ่ึงได้รับมอบหมาย ให้แสดงบั ตร
ประจาตัวและหนั งสือมอบหมายของนายทะเบียนตอ่ ผูท ้ ่ี
เกี่ยวขอ
้ ง
มาตรา ๑๒๙ ในกรณี ท่ีกรรมการของมูลนิ ธิผูใ้ ดดาเนิ นกิจการของมูลนิ ธิผิดพลาดเสื่อมเสียตอ่ มูลนิ ธิ หรื อดาเนิ นกิจการฝ่าฝื นกฎหมายหรื อขอ ้
บั งคั บของมูลนิ ธิ หรื อกลายเป็ นผูม ้ ีฐานะหรื อความประพฤติไม่ เหมาะสมในการดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิ นายทะเบียน พนั กงาน
อั ยการ หรื อผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียคน หนึ่ งคนใดอาจร้องขอตอ่ ศาลใหม ้ ีคาสั ่งถอดถอนกรรมการของมูลนิ ธิผูน ้ ได้
้ ัน
ในกรณี ท่ีการกระทาตามวรรคหนึ่ งเป็ นการกระทาของคณะกรรมการของมูลนิ ธิหรื อปรากฏ วา่ คณะกรรมการของมูลนิ ธิไมด ่ าเนิ นการตาม
วั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิโดยไมม ่ ีเหตุอันสมควร นายทะเบียน พนั กงานอั ยการ หรื อผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนหนึ่ งคนใดอาจร้องขอตอ่ ศาลให้มีคาสั ่ง
ถอดถอนกรรมการของมูลนิ ธิทัง้ คณะได้

ในกรณี ท่ีศาลมีคาสั ่งถอดถอนกรรมการของมูลนิ ธิหรื อคณะกรรมการของมูลนิ ธิตามวรรคหนึ่ ง หรื อวรรคสอง ศาลจะแตง่ ตั งบุ ้ คคลอื่นเป็ น
กรรมการของมูลนิ ธิ หรื อคณะกรรมการของมูลนิ ธิแทนกรรมการ ของมูลนิ ธิ หรื อคณะกรรมการของมูลนิ ธิที่ ศาลถอดถอนก็ได้ เมื่อศาลมีคาสั ่ง
้ คคลใดเป็ นกรรมการของ มูลนิ ธิแลว้ ให้นายทะเบียนดาเนิ นการจดทะเบียนไปตามนั น
แตง่ ตั งบุ ้
มาตรา ๑๓๐ มูลนิ ธิยอ่ มเลิกด้วยเหตุหนึ ่ งเหตุใด ดังตอ่ ไปนี้ (๑) เมื่อมีเหตุตามที่กาหนดในขอ ้ บั งคั บ
(๒) ถา้ มูลนิ ธิตังขึ ้ ้นไวเ้ ฉพาะระยะเวลาใด เมื่อสิน ้ ระยะเวลานั น ้
(๓) ถา้ มูลนิ ธิตังขึ ้ ้ นเพื่อวั ตถุประสงคอ์ ยา่ งใด และได้ดาเนิ นการตามวั ตถุประสงคส์ าเร็จ บริ บูรณ์แลว้ หรื อวั ตถุประสงคน ้ กลายเป็ นพน
์ ัน ้
วิสัย
(๔) เมื่อมูลนิ ธินัน ้ ลม ้ ละลาย
(๕) เมื่อศาลมีคาสั ่งใหเ้ ลิกมูลนิ ธิตามมาตรา ๑๓๑
มาตรา ๑๓๑ นายทะเบียน พนั กงานอั ยการ หรื อผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนหนึ่ งคนใดอาจร้องขอตอ่ ศาลให้มีคาสั ่งให้เลิกมูลนิ ธิได้ในกรณี หนึ่ งกรณี
ใด ดังตอ่ ไปนี้
(๑) เมื่อปรากฏวา่ วั ตถุประสงคข์ องมูลนิ ธิขัดตอ ่ กฎหมาย
(๒) เมื่อปรากฏวา่ มูลนิ ธิกระทาการขั ดตอ ่ กฎหมายหรื อศีลธรรมอั นดีของประชาชน หรื ออาจ เป็ นภยั นตรายตอ่ ความสงบสุขของประชาชนหรื อ
ความมั ่นคงของรั ฐ
(๓) เมื่อปรากฏวา่ มูลนิ ธิไมส ่ ามารถดาเนิ นกิจการตอ่ ไปไดไ้ มว่ า่ เพราะเหตุใด ๆ หรื อหยุด ดาเนิ นกิจการตั งแต ้ ส ่ องปี ขึ้นไป
มาตรา ๑๓๒ เมื่อมูลนิ ธิมีเหตุตอ ้ งเลิกตามมาตรา ๑๓๐ (๑) (๒) หรื อ (๓) แลว้ ให้ คณะกรรมการของมูลนิ ธิท่ีอยูใ่ นตาแหน่งขณะมี
การเลิกมูลนิ ธิแจง้ การเลิกมูลนิ ธิตอ่ นายทะเบียนภายในสิบสี่วัน
นั บแตว่ ั นที่มีการเลิกมูลนิ ธิ
ในกรณี ท่ีศาลมีคาพิพากษาหรื อคาสั ่งถึงที่สุดให้มูลนิ ธิลม ้ ละลายตามมาตรา ๑๓๐ (๔) หรื อมี
คาสั ง่ ถึงที่สุดใหเ้ ลิกมูลนิ ธิตามมาตรา ๑๓๑ ใหศ ้ าลแจง้ คาพิพากษาหรื อคาสั ่งดังกลา่ วใหน ้ ายทะเบียนทราบดว้ ย ใหน ้ ายทะเบียนประกาศการ
เลิกมูลนิ ธิในราชกิจจานุ เบกษา
มาตรา ๑๓๓ ในกรณี ท่ีมีการเลิกมูลนิ ธิ ให้มีการชาระบั ญชีมูลนิ ธิและให้นาบทบั ญญั ติใน บรรพ ๓ ลั กษณะ ๒๒ วา่ ด้วยการชาระบั ญชีห้าง
หุ้นสว่ นจดทะเบียน หา้ งหุ้นสว่ นจากัด และบริ ษัทจากัด มาใช้ บั งคั บแกก ้ ้ ให้ผูช้ าระบั ญชีเสนอรายงาน
่ ารชาระบั ญชีมูลนิ ธิโดยอนุ โลม ทั งนี
การชาระบั ญชีตอ่ นายทะเบียน และให้นายทะเบียนเป็ นผูอ ้
้ นุ มัติรายงานนั น

มาตรา ๑๓๔ เมื่อไดช้ าระบั ญชีแลว้ ใหโ้ อนทรั พยส์ น ิ ของมูลนิ ธิใหแ ้ กม ่ ูลนิ ธิหรื อนิ ติบุคคลที่มี วั ตถุประสงคต ์ ามมาตรา ๑๑๐ ซึ่งไดร้ ะบุช่ือไว้
ในขอ ้ บั ง คั บ ของมู ล นิ ธ ิ ถ า ข
้ ้ อ บั ง คั บ ของมู ลนิ ธ ิ มไ
ิ ด ้ ร ะบุ ช่ ื อมู ล นิ ธิ หรื อ นิ ต บ
ิ ุ คคลดังกล า
่ วไว ้ พนั กงานอั ย การ ผู ช้ าระบั ญชี หรื อผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียคน
หนึ่ งคนใด อาจร้องขอตอ่ ศาลให้ จั ดสรรทรั พยส์ น ิ นั น้ แกม ่ ูลนิ ธิหรื อนิ ติบุคคลอื่นที่ ปรากฏวา่ มีวัตถุประสงคใ์ กลช้ ิดที่สุดกับวั ตถุประสงคข์ อง
มูลนิ ธิ นั น ้ ได้
ถา้ มูลนิ ธินัน ้ ถูกศาลสั ่งใหเ้ ลิกตามมาตรา ๑๓๑ (๑) หรื อ (๒) หรื อการจั ดสรรทรั พยส์ น ิ ตาม วรรคหนึ่ งไมอ่ าจกระทาได้ ใหท ิ ของ
้ รั พยส์ น
มูลนิ ธิตกเป็ นของแผน ่ ดิน
มาตรา ๑๓๕ ผูใ้ ดประสงคจ์ ะขอตรวจเอกสารเกี่ยวกับมูลนิ ธิท่ีนายทะเบียนเก็บรั กษาไว้ หรื อ จะขอใหน ้ ายทะเบียนคั ดสาเนาเอกสารดังกลา่ ว
พร้อมดว้ ยคารั บรองวา่ ถูกตอ ้ ง ให ย
้ ่ ื นคาขอต อ่ นายทะเบี ย น และ เมื ่ อได เ
้ สี ย ค า
่ ธรรมเนี ย มตามที ่ กาหนดในกฎกระทรวงแล ว้ ใหน ้ ายทะเบียน
ปฏิบัติตามคาขอนั น ้
มาตรา ๑๓๖ ให้รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทยรั กษาการตามบทบั ญญั ติในสว่ นนี้ และ ให้มีอานาจแตง่ ตั งนายทะเบี ้ ยนกับออกกฎ
กระทรวงเกี่ยวกับ
(๑) การยื่นคาขอจดทะเบียนและการรั บจดทะเบียน
(๒) คา่ ธรรมเนี ยมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคั ดสาเนาเอกสารและ คา่ ธรรมเนี ยมการขอใหน ้ ายทะเบียนดาเนิ นการใด ๆ
เกี่ยวกับมูลนิ ธิรวมทั งการยกเว
้ น
้ ่ค า ธรรมเนี ย มดังกล า
่ ว
(๓) แบบบั ตรประจาตัวของนายทะเบียนและพนั กงานเจา้ หน้าที่
(๔) การดาเนิ นกิจการของมูลนิ ธิและการทะเบียนมูลนิ ธิ
(๕) การอื่นใดเพื่อปฏิบัติให้เป็ นไปตามบทบั ญญั ติในสว่ นนี้ กฎกระทรวงนั น ้ เมื่อประกาศในราชกิจจานุ เบกษาแลว้ ให้ใชบ ้ ั งคั บได้
ลั กษณะ ๓
ทรั พย ์
มาตรา ๑๓๗ ทรั พย ์ หมายความวา่ วั ตถุมีรูปร่าง
ิ หมายความรวมทั งทรั
มาตรา ๑๓๘ ทรั พยส์ น ่ ีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจ
้ พยแ์ ละวั ตถุไมม
ถือเอาได้

มาตรา ๑๓๙ อสั งหาริ มทรั พย ์ หมายความวา่ ที่ดินและทรั พยอ์ ั นติดอยูก ่ ับที่ดินมี ลั กษณะเป็ นการถาวรหรื อประกอบเป็ นอั นเดียวกับที่ดินนั น ้
และหมายความรวมถึงทรั พยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดิน หรื อทรั พยอ์ ั นติดอยูก ่ ับที่ดินหรื อประกอบเป็ นอั นเดียวกับที่ดินนั น ้ ด้วย
มาตรา ๑๔๐ สั งหาริ มทรั พย ์ หมายความวา่ ทรั พยส์ น ิ อื่นนอกจากอสั งหาริ มทรั พย ์ และ หมายความรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรั พยส์ น ิ นั น ้ ด้วย
มาตรา ๑๔๑ ทรั พยแ์ บง่ ได้ หมายความวา่ ทรั พยอ์ ั นอาจแยกออกจากกันเป็ นสว่ น ๆ ได้จริ ง
ถนั ดชั ดแจง้ แตล่ ะสว่ นได้รูปบริ บูรณ์ลาพังตัว
มาตรา ๑๔๒ ทรั พยแ์ บง่ ไมไ่ ด้ หมายความวา่ ทรั พยอ์ ั นจะแยกออกจากกันไมไ่ ดน ้ อกจาก เปลี่ยนแปลงภาวะของทรั พย ์ และหมายความรวม
ถึงทรั พยท ์ ่ ี มี ก ฎหมายบั ญ ญั ต ว
ิ า แบง ไมไ
่ ่ ่ ้ ้ด ด ว ย
มาตรา ๑๔๓ ทรั พยน ์ อกพาณิ ชย ์ หมายความวา่ ทรั พยท ์ ่ีไมส ่ ามารถถือเอาได้และทรั พยท ์ ่ี โอนแกก ่ ันมิได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา ๑๔๔ สว่ นควบของทรั พย ์ หมายความวา่ สว่ นซึ่งโดยสภาพแหง่ ทรั พยห ์ รื อโดยจารี ต ประเพณี แหง่ ทอ ้ งถิ่นเป็ นสาระสาคั ญในความ
เป็ นอยูข่ องทรั พยน ้ และไมอ่ าจแยกจากกันได้นอกจากจะ ทาลาย ทาให้บุบสลาย หรื อทาให้ทรั พยน
์ ัน ้ เปลี่ยนแปลงรู ปทรงหรื อสภาพไป
์ ัน
เจา้ ของทรั พยย์ อ่ มมีกรรมสิทธิ์ในสว่ นควบของทรั พยน ์ ัน ้
มาตรา ๑๔๕ ไมย้ ืนตน ่ ่
้ เป็ นสว่ นควบกับทีดินทีไม้นันขึ้นอยู ่ ไมล
้ ้ ลุกหรื อธัญชาติอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่ งหรื อหลายคราวตอ่ ปี ไมเ่ ป็ น
้ ม
สว่ นควบ
กับที่ดิน
มาตรา ๑๔๖ ทรั พยซ์ ่ึงติดกับที่ดินหรื อติดกั บโรงเรื อนเพียงชั ่วคราวไมถ ่ ือวา่ เป็ นสว่ นควบกั บ ที่ดินหรื อโรงเรื อนนั น ้ ความขอ ้ นี้ ให้ใชบ้ ั งคั บแก่
โรงเรื อนหรื อสิง่ ปลูกสร้างอยา่ งอื่น ซึ่งผูม ้ ี สทิ ธิในที่ดินของผูอ ้ ่ืนใช้ สิทธินัน ้ ปลูกสร้างไวใ้ นที่ดินนั น้ ด้วย
มาตรา ๑๔๗ อุปกรณ์ หมายความวา่ สั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงโดยปกตินิยมเฉพาะถิ่นหรื อโดย เจตนาชั ดแจง้ ของเจา้ ของทรั พยท ์ ่ีเป็ นประธาน เป็ น
ของใชป ้ ระจาอยูก ่ ับทรั พยท ่ ่
์ ีเป็ นประธานเป็ นอาจิณเพือ ประโยชน์แกก ่ ารจั ดดูแล ใชส ้ อย หรื อรั กษาทรั พยท ่
์ ีเป็ นประธาน และเจา้ ของทรั พยไ์ ด้
นามาสู ท ่ รั พยท ์ ่ีเป็ น

ประธานโดยการนามาติดตอ่ หรื อปรั บเขา้ ไว้ หรื อทาโดยประการอื่นใดในฐานะเป็ นของใชป ้ ระกอบกับทรั พยท ์ ่ี เป็ นประธานนั น

อปุกรณ์ท่ีแยกออกจากทรั พยท ์ ่ีเป็ นประธานเป็ นการชั ่วคราวก็ยังไมข่ าดจากการเป็ นอุปกรณ์ ของทรั พยท ์ ่ีเป็ นประธานนั น ้
อุปกรณ์ยอ่ มตกติดไปกับทรั พยท ์ ่ีเป็ นประธาน เวน ้ แตจ่ ะมีการกาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๔๘ ดอกผลของทรั พย ์ ได้แก่ ดอกผลธรรมดาและดอกผลนิ ตินัย
ดอกผลธรรมดา หมายความวา่ สิง่ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของทรั พย ์ ซึ่งไดม ้ าจากตัวทรั พย ์
โดยการมีหรื อใชท ้ รั พยน ั์ น ้ ตามปกตินิยม และสามารถถือเอาไดเ้ มื่อขาดจากทรั พยน ้
์ ัน
ดอกผลนิ ตินัย หมายความวา่ ทรั พยห ์ รื อประโยชน์อยา่ งอื่นที่ได้มาเป็ นครั ง้ คราวแกเ่ จา้ ของ
้ ่ืนเพื่อการที่ได้ใชท
ทรั พยจ์ ากผูอ ้ รั พยน ้ กาหนดไว้
์ ัน
และสามารถคานวณและถือเอาได้เป็ นรายวั นหรื อตามระยะเวลาที่
ลั กษณะ ๔ นิ ติกรรม
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๔๙ นิ ติกรรม หมายความวา่ การใด ๆ อั นทาลงโดยชอบดว้ ยกฎหมายและดว้ ยใจ สมั คร มุง่ โดยตรงตอ่ การผูกนิ ติสัมพันธข์ ้ึน
ระหวา่ งบุคคล เพื่อจะกอ ่ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรื อระงั บซึ่งสิทธิ
มาตรา ๑๕๐ การใดมีวัตถุประสงคเ์ ป็ นการตอ ้ งห้ามชั ดแจง้ โดยกฎหมายเป็ นการพน ้ วิสัยหรื อ เป็ นการขั ดตอ่ ความสงบเรี ยบร้อยหรื อศีลธรรม
อั นดีของประชาชน การนั น ้ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๑๕๑ การใดเป็ นการแตกตา่ งกับบทบั ญญั ติของกฎหมาย ถา้ มิใชก ่ ฎหมายอั น เกี่ยวกับความสงบเรี ยบร้อยหรื อศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน การนั น ้ ไมเ่ ป็ นโมฆะ
มาตรา ๑๕๒ การใดมิไดท ้ าใหถ ้ ูกตอ ้ งตามแบบที่กฎหมายบั งคั บไว้ การนั น ้ เป็ นโมฆะ

มาตรา ๑๕๓ การใดมิได้เป็ นไปตามบทบั ญญั ติของกฎหมายวา่ ด้วยความสามารถของบุคคล การนั น ้ เป็ นโมฆียะ
หมวด ๒ การแสดงเจตนา
มาตรา ๑๕๔ การแสดงเจตนาใดแมใ้ นใจจริ งผูแ ้ สดงจะมิได้เจตนาให้ตนตอ ้ งผูกพันตามที่ได้
แสดงออกมาก็ตาม หาเป็ นมูลเหตุใหก ้ ารแสดงเจตนานั ้
น เป็ นโมฆะไม ่ น
เว ้ แตค ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งจะไดร้ ู้ ถึงเจตนา อั นซอ
่ ูก ่ นอยูใ่ นใจของผู ้
แสดงนั น ้
มาตรา ๑๕๕ การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู ้ กับคูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งเป็ นโมฆะ แตจ่ ะยกขึ้นเป็ น ขอ ้ ตอ่ สู บ
้ ุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ต
และตอ ้ งเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงนั น ้ มิได้
ถา้ การแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่ งทาขึ้นเพื่ออาพรางนิ ติกรรมอื่น ให้นาบทบั ญญั ติของ กฎหมายอั นเกี่ยวกับนิ ติกรรมที่ถูกอาพรางมาใช้
บั งคั บ
มาตรา ๑๕๖ การแสดงเจตนาโดยสาคั ญผิดในสิง่ ซึ่งเป็ นสาระสาคั ญแหง่ นิ ติกรรมเป็ นโมฆะ
ความสาคั ญผิดในสิง่ ซึ่งเป็ นสาระสาคั ญแหง่ นิ ติกรรมตามวรรคหนึ่ ง ไดแ ้ ก่ ความสาคั ญผิดใน ลั กษณะของนิ ติกรรม ความสาคั ญผิดในตัว
บุคคลซึ่งเป็ นคูก ่ รณี แหง่ นิ ติกรรมและความสาคั ญผิดในทรั พยส์ น ิ ซึ่ง เป็ นวั ตถุแหง่ นิ ติกรรม เป็ นตน ้
มาตรา ๑๕๗ การแสดงเจตนาโดยสาคั ญผิดในคุณสมบั ติของบุคคลหรื อทรั พยส์ น ิ เป็ นโมฆียะ ความสาคั ญผิดตามวรรคหนึ่ ง ตอ ้ งเป็ นความสา
คั ญผิดในคุณสมบั ติซ่ึงตามปกติถือวา่ เป็ น
สาระสาคั ญ ซึ่งหากมิได้มีความสาคั ญผิดดั งกลา่ วการอั นเป็ นโมฆียะนั น ้ คงจะมิได้กระทาขึ้น

มาตรา ๑๕๘ ความสาคั ญผิดตามมาตรา ๑๕๖ หรื อมาตรา ๑๕๗ ซึงเกิดขึ้นโดยความ ประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรงของบุคคลผูแ ้ สดงเจตนา
บุคคลนั น ้ จะถือเอาความสาคั ญผิดนั น ้ มาใชเ้ ป็ น ประโยชน์แกต ่ นไมไ่ ด้
มาตรา ๑๕๙ การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็ นโมฆียะ
้ งถึงขนาดซึ่งถา้ มิได้มีกลฉ้อฉลดังกลา่ ว การอั นเป็ นโมฆียะนั น
การถูกกลฉ้อฉลที่จะเป็ นโมฆียะตามวรรคหนึ่ ง จะตอ ้ คงจะมิได้กระทาขึ้น

่ รณี ฝ่ายหนึ่ งแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลโดยบุคคลภายนอก การแสดงเจตนานั น


ถา้ คูก ้ จะ เป็ นโมฆียะตอ่ เมื่อคูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งไดร้ ู้ หรื อควร
จะได้รู้ถึงกลฉ้อฉลนั น ้
มาตรา ๑๖๐ การบอกลา้ งโมฆียะกรรมเพราะถูกกลฉ้อฉลตามมาตรา ๑๕๙ ห้ามมิใหย้ กเป็ นขอ ้ ตอ่ สู บ
้ ุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ต
มาตรา ๑๖๑ ถา้ กลฉ้อฉลเป็ นแตเ่ พียงเหตุจูงใจให้คูก ่ รณี ฝ่ายหนึ่ งยอมรั บข้อกาหนดอันหนั ก ยิง่ กวา่ ที่คูก ้ จะยอมรั บโดยปกติ คู ่
่ รณี ฝ่ายนั น
กรณี ฝ่ายนั น ้ จะบอกลา้ งการนั น ้ หาได้ไม่ แตช่ อบที่จะเรี ยกเอาคา่
สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอั นเกิดจากกลฉ้อฉลนั น ้ ได้
มาตรา ๑๖๒ ในนิ ติกรรมสองฝ่าย การที่คูก ่ รณี ฝ่ ายหนึ ่ งจงใจนิ ่ งเสียไมแ ่ จง้ ขอ ้ ความจริ งหรื อ คุณสมบั ติอันคูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งมิไดร้ ู้ การนั น ้ จะ
เป็ นกลฉ้อฉล หากพิสูจน์ได้วา่ ถา้ มิได้นิ่งเสียเชน ่ นั น ้ นิ ติกรรม นั น ้ ก็คงจะมิได้กระทาขึ้น
มาตรา ๑๖๓ ถา้ คูก ่ รณี ตา่ งได้กระทาการโดยกลฉ้อฉลด้วยกันทั งสองฝ ้ ่ าย ฝ่ายหนึ่ งฝ่ายใดจะ กลา่ วอา้ งกลฉ้อฉลของอีกฝ่ายหนึ่ ง เพื่อบอก
ลา้ งการนั น ้ หรื อเรี ยกคา่ สินไหมทดแทนมิได้
มาตรา ๑๖๔ การแสดงเจตนาเพราะถูกขม ่ ขูเ่ ป็ นโมฆียะ
การขม ่ ขูท ่ ่ีจะทาให้การใดตกเป็ นโมฆียะนั น ้ จะตอ ้ งเป็ นการขม ่ ขูท ่ ่ีจะให้เกิดภัยอั นใกลจ้ ะถึง และร้ายแรง ถึงขนาด ที่จะจูง ใ จใหผ ้ ู้ถูกข่ มขู ่
มี มูลตอ ้ ง กลั ว ซึ ่ งถ า
้ มิ ได ม
้ ี การข ม
่ ขู เ ช
่ ่น น ั ้
น กา รนั ้
น ก็คงจ ะมิไดก ้ ร ะท า ขึ้น
มาตรา ๑๖๕ การขูว่ า่ จะใชส ิ ธิตามปกตินิยม ไมถ
้ ท ่ ือวา่ เป็ นการขม ่ ขู ่
การใดที่กระทาไปเพราะนั บถือยาเกรง ไมถ ่ ือวา่ การนั น ้ ได้กระทาเพราะถูกขม ่ ขู ่
มาตรา ๑๖๖ การขม ่ ขูย่ อ่ มทาให้การแสดงเจตนาเป็ นโมฆียะแมบ ้ ุคคลภายนอกจะเป็ นผูข้ ม ่ ขู ่
มาตรา ๑๖๗ ในการวินิจฉั ยกรณี ความสาคั ญผิด กลฉ้อฉล หรื อการขม ่ ขูใ่ ห้พิเคราะหถ ์ ึง เพศ อายุ ฐานะ สุขภาพอนามั ย และภาวะแหง่ จิต
ของผูแ ้ สดงเจตนาตลอดจนพฤติการณ์และสภาพแวดลอ ้ มอื่น ๆ อั นเกี่ยวกับการนั น ้ ด้วย
มาตรา ๑๖๘ การแสดงเจตนาที่ กระทาตอ่ บุคคลซึ่งอยูเ่ ฉพาะหน้าใหถ ้ ื อ ว า
่ มี ผ ลนั บแต ผ
่ ูร้ ั บ การแสดงเจตนาไดท ้ ราบการแสดงเจตนานั น ้ ความ
ขอ
้ นี ้ ให ใ
้ ช ต
้ ลอดถึ ง การที ่ บ ุ คคลหนึ ่ งแสดงเจตนาไปยั ง บุ ค คล

อีกคนหนึ่ งโดยทางโทรศั พท ์ หรื อโดยเครื่ องมือสื่อสารอยา่ งอื่น หรื อโดยวิธีอ่ืนซึ่งสามารถติดตอ่ ถึงกันได้ทานอง เดียวกัน
มาตรา ๑๖๙ การแสดงเจตนาทีก ่ ระทาตอ่ บุคคลซึ่งมิได้อยูเ่ ฉพาะหน้าให้ถือวา่ มีผลนั บแต่ เวลาที่การแสดงเจตนานั น ้ ไปถึงผูร้ ั บการแสดงเจตนา
แตถ ่ า้ ได้บอกถอนไปถึงผูร้ ั บการแสดงเจตนานั น กอ ้ ่ ้
่ นหรื อ พร้อมกันกั บทีการแสดงเจตนานั นไปถึงผูร้ ั บการแสดงเจตนา การแสดงเจตนานั น ้
ตกเป็ นอั นไร้ผล
การแสดงเจตนาที่ไดส ้ ง่ ออกไปแลว้ ยอ่ มไมเ่ สื่อมเสียไป แมภ ้ ายหลั งการแสดงเจตนานั น ้ ผูแ
้ สดง เจตนาจะถึงแกค ่ วามตาย หรื อถูกศาลสั ่งให้
เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อคนเสมือนไร้ความสามารถ
มาตรา ๑๗๐ การแสดงเจตนาซึ่งกระทาตอ่ ผูเ้ ยาวห ์ รื อผูท้ ่ีศาลสั ่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถ หรื อคนเสมือนไร้ความสามารถ จะยกขึ้นเป็ น
ขอ
้ ตอ่ สู ผ้ ูร้ ั บการแสดงเจตนาไมไ่ ด้ เวน ้ แตผ่ ูแ
้ ทนโดยชอบธรรม ผู ้ อนุ บาล หรื อผูพ ้ ิทักษ์ แลว้ แตก ่ รณี ของผูร้ ั บการแสดงเจตนานั น ้ ได้รู้ด้วย
หรื อได้ให้ความยินยอมไวก ้ อ่ นแลว้
ความในวรรคหนึ่ งมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บ ถา้ การแสดงเจตนานั น ้ เกี่ยวกับการที่กฎหมายบั ญญั ติให้ ผูเ้ ยาวห ์ รื อคนเสมือนไร้ความสามารถกระทาไดเ้ อง
โดยลาพัง
มาตรา ๑๗๑ ในการตีความการแสดงเจตนานั น ้ ให้เพง่ เล็งถึงเจตนาอั นแทจ้ ริ งยิง่ กวา่ ถอ ้ ยคา สานวนหรื อตัวอั กษร
หมวด ๓ โมฆะกรรมและโมฆียะกรรม
มาตรา ๑๗๒ โมฆะกรรมนั น ้ ไมอ ่ าจให้สัตยาบั นแกก ่ ันได้ และผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนหนึ่ งคนใดจะ
ยกความเสียเปลา่ แหง่ โมฆะกรรมขึนกลา่ วอา้ งก็ได้ ้
ถา้ จะตอ ้ งคืนทรั พยส์ น ิ อั นเกิดจากโมฆะกรรม ใหน ้ าบทบั ญญั ติวา่ ดว้ ยลาภมิควรไดแ ้ หง่
ประมวลกฎหมายนี้ มาใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๑๗๓ ถา้ สว่ นหนึ่ งสว่ นใดของนิ ติกรรมเป็ นโมฆะ นิ ติกรรมนั น ้ ยอ่ มตกเป็ นโมฆะทั งสิ ้ น ้ เวน้ แตจ่ ะพึงสั นนิ ษฐานได้โดยพฤติการณ์แหง่
กรณี วา่ คูก ่ รณี เจตนาจะใหส ้ ว่ นที่ไมเ่ ป็ นโมฆะนั น ้ แยกออกจาก สว่ นที่เป็ นโมฆะได้

มาตรา ๑๗๔ การใดเป็ นโมฆะแตเ่ ขา้ ลั กษณะเป็ นนิ ติกรรมอยา่ งอื่นซึ่งไมเ่ ป็ นโมฆะ ให้ถือตาม นิ ติกรรมซึ่งไมเ่ ป็ นโมฆะ ถา้ สั นนิ ษฐานได้โดย
พฤติการณ์แหง่ กรณี วา่ หากคูก ้ เป็ นโมฆะแลว้ ก็ คงจะไดต
่ รณี ไดร้ ู้ วา่ การนั น ้
้ ั งใจมาตั ้ แ
งแต ่ รกที่จะทานิ ติกรรมอยา่ งอื่นซึ่งไมเ่ ป็ นโมฆะนั น ้
มาตรา ๑๗๕ โมฆียะกรรมนั น ้ บุคคลตอ่ ไปนี้ จะบอกลา้ งเสียก็ได้
(๑) ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมหรื อผูเ้ ยาวซ์ ่ึงบรรลุนิติภาวะแลว้ แตผ ่ ูเ้ ยาวจ์ ะบอกลา้ งกอ ่ นที่ตน บรรลุนิติภาวะก็ได้ถา้ ได้รับความยินยอมของผูแ ้ ทน
โดยชอบธรรม
(๒) บุคคลซึ่งศาลสั ่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อคนเสมือนไร้ความสามารถ เมื่อบุคคลนั น ้
พน้ จากการเป็ นคนไร้ความสามารถหรื อคนเสมือนไร้ความสามารถแลว้ หรื อผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ ้ ิทักษ์ แลว้ แตก ่ รณี แตค ่ นเสมือนไร้ความ
สามารถจะบอกลา้ งกอ ่ นที่ตนจะพน ้ จากการเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ไดถ ้ า้ ไดร้ ั บ ความยินยอมของผูพ ้ ิทักษ์
(๓) บุคคลผูแ ้ สดงเจตนาเพราะสาคั ญผิด หรื อถูกกลฉ้อฉล หรื อถูกขม ่ ขู ่
(๔) บุคคลวิกลจริ ตผูก ้ ระทานิ ติกรรมอันเป็ นโมฆียะตามมาตรา ๓๐ ในขณะที่จริ ตของบุคคล นั น ้ ไมว่ กิ ลแลว้
ถา้ บุคคลผูท ้ านิ ติกรรมอันเป็ นโมฆียะถึงแกค ่ วามตายกอ ่ นมีการบอกลา้ งโมฆียะกรรม ทายาท ของบุคคลดังกลา่ วอาจบอกลา้ งโมฆียะกรรมนั น ้ ได้
มาตรา ๑๗๖ โมฆียะกรรมเมื่อบอกลา้ งแลว้ ให้ถือวา่ เป็ นโมฆะมาแตเ่ ริ่ มแรก และใหผ ้ ูเ้ ป็ น คูก ่ รณี กลั บคืนสู ฐ่ านะเดิม ถา้ เป็ นการพน ้ วิสัยจะ
ให้กลั บคืนเชน ้ ได้ ก็ให้ได้รับคา่ เสียหายชดใชใ้ ห้แทน
่ นั น
ถา้ บุคคลใดได้รู้หรื อควรจะได้รู้วา่ การใดเป็ นโมฆียะ เมื่อบอกลา้ งแลว้ ให้ถือวา่ บุคคลนั น ้ ได้รู้ วา่ การนั น ้ เป็ นโมฆะ นั บแตว่ ั นที่ได้รู้หรื อควรจะ
ไดร้ ู้ วา่ เป็ นโมฆียะ
ห้ามมิใหใ้ ชส ิ ธิเรี ยกร้องอั นเกิดแตก
้ ท ่ ารกลั บคืนสู ฐ่ านะเดิมตามวรรคหนึ่ ง เมื่อพน ้ หนึ่ งปี นั บแต่ วั นบอกลา้ งโมฆียะกรรม
มาตรา ๑๗๗ ถา้ บุคคลผูม ้ ี สท ิ ธิบอกลา้ งโมฆียะกรรมตามมาตรา ๑๗๕ ผู ห ้ นึ่ งผูใ้ ด ได้ให้ สั ตยาบั นแกโ่ มฆียะกรรม ให้ถือวา่ การนั น ้ เป็ น
อั นสมบูรณ์มาแตเ่ ริ่ มแรก แตท ่ ั ้
งนี ้ ย อ
่ มไมก่ ระทบกระเทื อ นถึ ง สิ
ท ธิ ของบุ คคลภายนอก
มาตรา ๑๗๘ การบอกลา้ งหรื อใหส ้ ั ตยาบั นแกโ่ มฆียะกรรม ยอ่ มกระทาไดโ้ ดยการแสดง เจตนาแกค ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งซึ่งเป็ นบุคคลที่มีตัวกา
่ ูก
หนดได้แน่นอน
มาตรา ๑๗๙ การใหส ้ ั ตยาบั นแกโ่ มฆียะกรรมนั น ้ จะสมบูรณ์ตอ่ เมื่อได้กระทาภายหลั งเวลาที่ มูลเหตุใหเ้ ป็ นโมฆียะกรรมนั น ้ ไปแลว้
้ หมดสิน

บุคคลซึ่งศาลได้สั่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถหรื อบุคคลวิกลจริ ต ผู ก ้ ระทานิ ติกรรมอั นเป็ นโมฆียะตามมาตรา ๓๐


จะใหส ้ ั ตยาบั นแกโ่ มฆียะกรรมได้ตอ่ เมื่อไดร้ ู้ เห็นซึ่ง โมฆียะกรรมนั น ้ ภายหลั งที่บุคคลนั น ้ พน้ จากการเป็ นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความ
สามารถ หรื อ ในขณะที่จริ ตของบุคคลนั น ้ ไมว่ ก ิ ล แลว้ แตก ่ รณี
ทายาทของบุคคลผูท ้ านิ ติกรรมอันเป็ นโมฆียะ จะใหส ้ ั ตยาบั นแกโ่ มฆียะกรรมได้นับแตเ่ วลาที่ ผูท ้ านิ ติกรรมนั น ้ ถึงแกค
่ วามตาย เวน ้ แตส ิ ธิท่ี
่ ท
จะบอกลา้ งโมฆียะกรรมของผูต ้ ายนั น ้ ได้สน้ิ สุดลงแลว้
บทบั ญญั ติวรรคหนึ่ งและวรรคสองมิให้ใชบ ้ ั งคั บ ถา้ การให้สัตยาบั นแกโ่ มฆียะกรรมกระทา โดยผูแ ้ ทนโดยชอบธรรม ผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ้ ิทักษ์
มาตรา ๑๘๐ ภายหลั งเวลาอั นพึงให้สัตยาบั นได้ตามมาตรา ๑๗๙ ถา้ มีพฤติการณ์อยา่ งหนึ่ ง อยา่ งใดดังตอ่ ไปนี้ เกิดขึ้นเกี่ยวด้วยโมฆียะ
กรรมโดยการกระทาของบุคคลซึ่งมีสท ิ ธิบอกลา้ งโมฆียะกรรมตาม มาตรา ๑๗๕ ถา้ มิได้สงวนสิทธิไวแ ้ จง้ ชั ดประการใดให้ถือวา่ เป็ นการให้
สั ตยาบั น
(๑) ได้ปฏิบัติการชาระหนี้ แลว้ ทั งหมดหรื้ อแตบ ่ างสว่ น (๒) ได้มีการเรี ยกให้ชาระหนี้ นั ้ นแลว้
(๓) ได้มีการแปลงหนี้ ใหม่
(๔) ได้มีการให้ประกันเพื่อหนี้ นั น ้
(๕) ได้มีการโอนสิทธิหรื อความรั บผิดทั งหมดหรื ้ อแตบ ่ างสว่ น (๖) ได้มีการกระทาอยา่ งอื่นอั นแสดงได้วา่ เป็ นการให้สัตยาบั น
มาตรา ๑๘๑ โมฆียะกรรมนั นจะบอกลา้ งมิได้เมือพ้นเวลาหนึ่ งปี นั บแตเ่ วลาที่อาจให้ สั ตยาบั นได้ หรื อเมื่อพน
้ ่ ้ เวลาสิบปี นั บแตไ่ ด้ทานิ ติกรรม
อั นเป็ นโมฆียะนั น ้
หมวด ๔
เงื่อนไขและเงื่อนเวลา
มาตรา ๑๘๒ ขอ ้ ความใดอั นบั งคั บไวใ้ ห้นิติกรรมเป็ นผลหรื อสิน ้ ผลตอ่ เมือ่ มีเหตุการณ์อันไม่ แน่นอนวา่ จะเกิดขึ้นหรื อไมใ่ นอนาคต ขอ ้ ความ
้ เรี ยกวา่ เงื่อนไข
นั น
มาตรา ๑๘๓ นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขบั งคั บก่อน นิ ติกรรมนั น ้ ยอ่ มเป็ นผลตอ ่ เมื่อเงื่อนไขนั น
้ สาเร็จแลว้
นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขบั งคั บหลั ง นิ ติกรรมนั น ้ ยอ่ มสิน้ ผลในเมื่อเงื่อนไขนั น ้ สาเร็จแลว้

ถา้ คูก่ รณี แหง่ นิ ติกรรมได้แสดงเจตนาไวด ้ ้วยกันวา่ ความสาเร็จแหง่ เงื่อนไขนั น ้ ให้มีผล ยอ้ นหลั งไปถงึเวลาใดเวลาหนึ่ งกอ ่ นสาเร็จก็ใหเ้ ป็ นไป
ตามเจตนาเชน ่ นั น้
มาตรา ๑๘๔ ในระหวา่ งที่เงื่อนไขยั งไมส ่ าเร็จ คูก ่ รณี ฝ่ายหนึ่ งฝ่ายใดแหง่ นิ ติกรรมอั นอยูใ่ น บั งคั บเงื่อนไขจะตอ ้ งงดเวน ้ ไมก ่ ระทาการอยา่ ง
่ ่ ่
หนึ งอยา่ งใดใหเ้ ป็ นทีเสือมเสียประโยชน์แกค ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ ง ซึ่ง จะพึงได้จากความสาเร็จแหง่ เงื่อนไขนั น
่ ูก ้
มาตรา ๑๘๕ ในระหวา่ งที่เงื่อนไขยั งมิไดส ้ าเร็จนั น ้ สิทธิและหน้าที่ตา่ ง ๆ ของคูก ่ รณี มี
อยา่ งไร จะจาหน่าย จะรั บมรดก จะจั ดการป้องกันรั กษา หรื อจะทาประกันไวป ้ ระการใดตามกฎหมายก็ ยอ่ มทา ได้
มาตรา ๑๘๖ ถา้ ความสาเร็จแหง่ เงื่อนไขจะเป็ นทางให้คูก ่ รณี ฝ่ายใดเสียเปรี ยบ และคูก ่ รณี ฝ่ายนั น ้ กระทาการโดยไมส ่ ุจริ ตจนเป็ นเหตุให้
เงื่อนไขนั น ้ ไมส ่ าเร็จให้ถือวา่ เงื่อนไขนั น ้ สาเร็จแลว้
ถา้ ความสาเร็จแหง่ เงื่อนไขจะเป็ นทางให้คูก ่ รณี ฝ่ายใดได้เปรี ยบ และคูก ่ รณี ฝ่ายนั น ้ กระทาการ โดยไมส ่ ุจริ ตจนเป็ นเหตุให้เงื่อนไขนั น ้ สาเร็จ
่ ้
ให้ถือวา่ เงือนไขนั นมิได้สาเร็จเลย
มาตรา ๑๘๗ ถา้ เงื่อนไขสาเร็จแลว้ ในเวลาทานิ ติกรรม หากเป็ นเงื่อนไขบั งคั บกอ ่ นใหถ ้ ือวา่ นิ ติกรรมนั น ้ ไมม ่ ีเงื่อนไข หากเป็ นเงื่อนไขบั งคั บ
หลั งใหถ ้ ื อ ว า
่ นิ ตก
ิ รรมนั ้
น เป็ นโมฆะ
ถา้ เป็ นอั นแน่นอนในเวลาทานิ ติกรรมวา่ เงื่อนไขไมอ ่ าจสาเร็จได้ หากเป็ นเงื่อนไขบั งคั บก่อนให้ ถือวา่ นิ ติกรรมนั น ้ เป็ นโมฆะ หากเป็ นเงื่อนไข
บั งคั บหลั งให้ถือวา่ นิ ติกรรมนั น ่ ีเงื่อนไข
้ ไมม
ตราบใดที่คูก ่ รณี ยังไมร่ ู้ วา่ เงื่อนไขได้สาเร็จแลว้ ตามวรรคหนึ่ ง หรื อไมอ่ าจสาเร็จได้ตามวรรค สอง ตราบนั น ้ คูก่ รณี ยังมีสท ิ ธิและหน้าที่ตาม
มาตรา ๑๘๔ และมาตรา ๑๘๕
มาตรา ๑๘๘ นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขอั นไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย หรื อขั ดตอ่ ความสงบเรี ยบร้อย หรื อศีลธรรมอันดีของประชาชน นิ ติกรรมนั น ้
เป็ นโมฆะ
โมฆะ เงื่อนไข
มาตรา ๑๘๙ นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขบั งคั บก่อนและเงื่อนไขนั น ้ เป็ นการพน้ วิสัย นิ ติกรรมนั น ้ เป็ น นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขบั งคั บหลั งและเงื่อนไข
้ เป็ นการพ้นวิสัย ให้ถือวา่ นิ ติกรรมนั น
นั น ้ ไมม ่ ี
มาตรา ๑๙๐ นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขบั งคั บกอ ่ นและเป็ นเงื่อนไขอั นจะสาเร็จได้หรื อไม่ สุด แลว้ แตใ่ จของฝ่ายลูกหนี้ นิ ติกรรมนั น ้ เป็ นโมฆะ

มาตรา ๑๙๑ นิ ติกรรมใดมีเงื่อนเวลาเริ่ มตน ้ กาหนดไว้ หา้ มมิใหท ้ วงถามใหป ้ ฏิบัติการตามนิ ติ กรรมนั น ่ นถึงเวลาที่กาหนด
้ กอ
นิ ติกรรมใดมีเงื่อนเวลาสิน
้ สุดกาหนดไว้ นิ ติกรรมนั น ้ ผลเมื่อถึงเวลาที่กาหนด
้ ยอ่ มสิน
มาตรา ๑๙๒ เงื่อนเวลาเริ่ มตน ้ หรื อเงื่อนเวลาสิน
้ สุดนั น
้ ให้สันนิ ษฐานไวก ่ นวา่ กาหนดไวเ้ พื่อ ประโยชน์แกฝ
้ อ ่ ่ ายลูกหนี้ เวน ้ แตจ่ ะปรากฏโดย
เนื้ อความแหง่ ตราสารหรื อโดยพฤติการณ์แหง่ กรณี วา่ ได้ตังใจจะ้ ให้เป็ นประโยชน์แกฝ ่ ่ ายเจา้ หนี้ หรื อแกค่ ูก ้
่ รณี ทังสองฝ ่ ายด้วยกัน
ถา้ เงื่อนเวลาเป็ นประโยชน์แกฝ ้ จะสละประโยชน์นัน
่ ่ ายใด ฝ่ายนั น ้ เสียก็ได้ หากไม่ กระทบกระเทือนถึงประโยชน์อันคูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งจะพึง

ได้รับจากเงือนเวลานั น ้
มาตรา ๑๙๓ ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้ ฝ่ายลูกหนี้ จะถือเอาประโยชน์แหง่ เงื่อนเวลาเริ่ มตน ้ หรื อ เงื่อนเวลาสิน ้ สุดมิได้
ด้วย
(๑) ลูกหนี้ ถูกศาลสั ่งพิทักษ์ทรั พยเ์ ด็ดขาดตามกฎหมายวา่ ด้วยลม ้ ละลาย
(๒) ลูกหนี้ ไมใ่ หป้ ระกั นในเมื่อจาตอ ้ งให้
(๓) ลูกหนี้ ไดท ้ าลาย หรื อทาใหล ้ ดน้อยถอยลงซึ่งประกั นอั นไดใ้ หไ้ ว้
(๔) ลูกหนี้ นาทรั พยส์ น ิ ของบุคคลอื่นมาให้เป็ นประกันโดยเจา้ ของทรั พยส์ น ้ มิได้ยินยอม
ิ นั น
ลั กษณะ ๕ ระยะเวลา
มาตรา ๑๙๓/๑ การนั บระยะเวลาทั งปวง ้ ให้บังคั บตามบทบั ญญั ติแหง่ ลั กษณะนี้ เวน ้ แตจ่ ะมี กฎหมาย คาสั ่งศาล ระเบียบขอ
้ บั งคั บ หรื อ
นิ ติกรรมกาหนดเป็ นอยา่ งอืน ่
มาตรา ๑๙๓/๒ การคานวณระยะเวลา ใหค ้ านวณเป็ นวั น แตถ ่ า้ กาหนดเป็ นหน่วยเวลาที่สัน้ กวา่ วั น ก็ใหค้ านวณตามหน่วยเวลาที่กาหนด

นั น
มาตรา ๑๙๓/๓ ถา้ กาหนดระยะเวลาเป็ นหน่วยเวลาที่สันกว ้ นั บในขณะที่เริ่ ม
้ า่ วั นใหเ้ ริ่ มตน

การนั น
ด้วยกัน เวน้ แตจ่ ะเริ่ มการในวั นนั น ้ เ่ วลาที่ถือได้วา่ เป็ นเวลาเริ่ มตน
้ เองตั งแต ้ ทาการงานกันตามประเพณี
ถา้ กาหนดระยะเวลาเป็ นวั น สั ปดาห์ เดือนหรื อปี มิให้นับวั นแรกแหง่ ระยะเวลานั น ้ รวมเขา้

มาตรา ๑๙๓/๔ ในทางคดีความ ในทางราชการ หรื อทางธุรกิจการคา้ และอุตสาหกรรม วั น หมายความวา่ เวลาทาการตามที่ไดก ้ าหนด
ขึ้นโดยกฎหมาย คาสั ่งศาล หรื อระเบียบขอ ้ บั งคับ หรื อเวลาทาการ ตามปกติของกิจการนั น ้ แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๑๙๓/๕ ถา้ กาหนดระยะเวลาเป็ นสั ปดาห์ เดือนหรื อปี ให้คานวณตามปี ปฏิทิน
ถา้ ระยะเวลามิได้กาหนดนั บแตว่ ั นตน ้ แหง่ สั ปดาห์ วั นตน ้ สุดลงในวั นกอ
้ แหง่ เดือนหรื อปี ระยะเวลายอ่ ม สิน ่ นหน้าจะถึงวั นแหง่ สั ปดาห์ เดือน
หรื อปี สุดทา้ ยอั นเป็ นวั นตรงกับวั นเริ่ มระยะเวลานั น ้ ถา้ ใน
ระยะเวลานั บเป็ นเดือนหรื อปี นั น ้ ไมม
่ ีวันตรงกันในเดือนสุดทา้ ย ให้ถือเอาวั นสุดทา้ ยแหง่ เดือนนั น ้ เป็ นวั นสิน้ สุด ระยะเวลา
มาตรา ๑๙๓/๖ ถา้ ระยะเวลากาหนดเป็ นเดือนและวั น หรื อกาหนดเป็ นเดือนและสว่ นของ เดือน ใหน ั้ บจานวนเดือนเต็มกอ ่ น แลว้ จึงนั บ
จานวนวั นหรื อสว่ นของเดือนเป็ นวั น
ถา้ ระยะเวลากาหนดเป็ นสว่ นของปี ให้คานวณสว่ นของปี เป็ นเดือนกอ ่ นหากมีสว่ นของเดือน ให้นับสว่ นของเดือนเป็ นวั น
การคานวณสว่ นของเดือนตามวรรคหนึ่ งและวรรคสอง ให้ถือวา่ เดือนหนึ่ งมีสามสิบวั น
มาตรา ๑๙๓/๗ ถา้ มีการขยายระยะเวลาออกไปโดยมิได้มีการกาหนดวั นเริ่ มตน ้ แหง่ ระยะเวลาที่ขยายออกไป ให้นับวั นที่ตอ่ จากวั นสุดทา้ ย
ของระยะเวลาเดิมเป็ นวั นเริ มตน ่ ้
มาตรา ๑๙๓/๘ ถา้ วั นสุดทา้ ยของระยะเวลาเป็ นวั นหยุดทาการตามประกาศเป็ นทางการ หรื อตามประเพณี ใหน ้ ั บวั นที่เริ่ มทาการใหมต ่ อ่ จาก
วั นที่หยุดทาการนั น ้ เป็ นวั นสุดทา้ ยของระยะเวลา
ลั กษณะ ๖ อายุความ
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๙๓/๙ สิทธิเรี ยกร้องใด ๆ ถา้ มิได้ใชบ ้ ั งคั บภายในระยะเวลาที่กฎหมายกาหนด สิทธิเรี ยกร้องนั น ้ เป็ นอันขาดอายุความ

มาตรา ๑๙๓/๑๐ สิทธิเรี ยกร้องที่ขาดอายุความ ลูกหนี้ มีสท ิ ธิท่ีจะปฏิเสธการชาระหนี้ ตาม สิทธิเรี ยกร้องนั น ้ ได้
มาตรา ๑๙๓/๑๑ อายุความที่กฎหมายกาหนดไวน ้ คูก
ั้ น ่ รณี จ ะตกลงกันให ง
้ ดใช ห
้ รื อ ขยาย ออกหรื อ ย น
่ ้ ไ่ ด้
เข า ไม
มาตรา ๑๙๓/๑๒ อายุความให้เริ่ มนั บแตข่ ณะที่อาจบั งคับสิทธิเรี ยกร้องได้เป็ นต้นไปถา้ เป็ น
สิทธิเรี ยกร้องให้งดเวน ้ กระทาการอยา่ งใด ใหเ้ ริ่ มนั บแตเ่ วลาแรกที่ฝ่าฝื นกระทาการนั น ้
มาตรา ๑๙๓/๑๓สิทธิเรยีกร้องที่เจา้ หนี้ ยั งไมอ่ าจบั งคั บได้จนกวา่ จะได้ทวงถามให้ลูกหนี้ ชาระหนี้ กอ ้ เ่ วลาแรกที่
่ น ให้เริ่ มนั บอายุความตั งแต
อาจทวงถามได้เป็ นตน ้ ไป แตถ ้
่ า้ ลูกหนี ยั งไมต่ อ ้ ่
้ งชาระหนี จนกวา่ ระยะเวลาหนึ งจะได้ลว่ งพน ่
้ ไปแลว้ นั บแตเ่ วลาทีได้ทวงถามนั น ้ ให้เริ่ มนั บอายุ
ความตั งแต้ ร่ ะยะเวลานั น ้ ไดส้ ้
น ิ สุ ดไปแล ว

มาตรา ๑๙๓/๑๔ อายุความยอ่ มสะดุดหยุดลงในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
(๑) ลูกหนี้ รั บสภาพหนี้ ตอ่ เจา้ หนี้ ตามสิทธิเรี ยกร้องโดยทาเป็ นหนั งสือรั บสภาพหนี้ ให้ ชาระ หนี้ ให้บางสว่ น ชาระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรื อ
กระทาการใด ๆ อั นปราศจากข้อสงสั ยแสดงให้เห็นเป็ นปริ ยายวา่ ยอมรั บสภาพหนี้ ตามสิทธิเรี ยกร้อง
(๒) เจา้ หนี้ ได้ฟ้องคดีเพื่อตั งหลั
้ กฐานสิทธิเรี ยกร้องหรื อเพื่อให้ชาระหนี้ (๓) เจา้ หนี้ ได้ย่ืนคาขอรั บชาระหนี้ ในคดีลม ้ ละลาย

(๔) เจา้ หนี ได้มอบขอ ้ พิพาทให้อนุ ญาโตตุลาการพิจารณา
(๕) เจา้ หนี้ ไดก ้ ระทาการอื่นใดอั นมีผลเป็ นอยา่ งเดียวกันกับการฟ้องคดี
มาตรา ๑๙๓/๑๕ เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแลว้ ระยะเวลาที่ลว่ งไปกอ ่ นนั น ้ ไมน ่ ั บเขา้ ใน อายุความ
เมื่อเหตุท่ีทาให้อายุความสะดุดหยุดลงสิน ้ สุดเวลาใด ใหเ้ ริ่ มนั บอายุความใหมต ้ เ่ วลานั น
่ ั งแต ้
มาตรา ๑๙๓/๑๖ หนี้ ใดซึ่งตามมูลแหง่ หนี้ นั น ้ เจา้ หนี้ จะได้รับชาระหนี้ เป็ นคราว ๆ เจา้ หนี้ มี สิทธิเรี ยกให้ลูกหนี้ ทาหนั งสือรั บสภาพหนี้ ให้ใน
เวลาใดเวลาหนึ่ งกอ ่ นอายุความครบบริ บูรณ์ เพื่อเป็ นหลั กฐาน วา่ อายุความสะดุดหยุดลง

มาตรา ๑๙๓/๑๗ ในกรณี ท่ีอายุความสะดุดหยุดลงเพราะเหตุตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) หากคดีนัน ้ ไดม้ ีคาพิพากษาถึงที่สุดใหย้ กคาฟ้อง
หรื อคดีเสร็จไปโดยการจาหน่ายคดีเพราะเหตุถอนฟ้อง หรื อทิ้ง ฟ้อง ใหถ ้ ื อว า
่ อายุ ความไม เ
่ คยสะดุ ดหยุ ดลง
ในกรณี ท่ีคดีนัน ้ ศาลไมร่ ั บหรื อคืนหรื อให้ยกคาฟ้องเพราะเหตุคดีไมอ่ ยูใ่ นอานาจศาล หรื อศาล ใหย้ กคาฟ้องโดยไมต ์ ่ีจะฟ้องใหม่
ิ ธิโจทกท
่ ัดสท
และปรากฏวา่ อายุความครบกาหนดไปแลว้ ในระหวา่ งการ พิจารณา หรื อจะครบกาหนดภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่คาพิพากษาหรื อคาสั ่งนั น ้
ถึงที่สุด ใหเ้ จา้ หนี้ มีสท
ิ ธิฟ้อง คดีเพื่อตั งหลั
้ กฐานสิทธิเรี ยกร้องหรื อเพื่อให้ชาระหนี้ ภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่คาพิพากษาหรื อคาสั ่งนั น ้ ถึง
ที่สุด
มาตรา ๑๙๓/๑๘ ให้นามาตรา ๑๙๓/๑๗ มาใชบ ่ รณี ท่ีอายุความสะดุดหยุดลง เพราะเหตุตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๓) (๔)
้ ั งคั บแกก
และ (๕) โดยอนุ โลม
มาตรา ๑๙๓/๑๙ ในขณะที่อายุความจะครบกาหนดนั น ้ ถา้ มีเหตุสุดวิสัยมาขั ดขวางมิให้ เจา้ หนี้ กระทาการตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ ให้อายุ

ความนั นยั งไมค ่ รบกาหนดจนกวา่ จะพน ้ สามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ เหตุสุดวิสัยนั น ้ ได้สน ้ิ สุดลง
มาตรา ๑๙๓/๒๐ อายุความสิทธิเรี ยกร้องของผูเ้ ยาวห ์ รื อของบุ ค คลวิ กลจริ ต อันศาลจะสั ่งให้ เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อไมก ่ ต
็ าม ถา้ จะครบ
กาหนดลงในขณะที่บุคคลดังกลา่ วยั งไมล่ ุถึงความสามารถเต็ม ภูมิ หรื อในระหวา่ งหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่บุคคลดังกลา่ วไมม ี่ ผูแ
้ ทนโดยชอบธรรม
หรื อผูอ ้ นุ บาล อายุความนั น ้ ยั งไม่ ครบกาหนดจนกวา่ จะครบหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่ บุคคลนั น ้ ได้ลุถึงความสามารถเต็มภูมิหรื อได้มีผูแ ้ ทนโดยชอบ
ธรรม หรื อผูอ ้ นุ บาล แลว้ แตก ่ รณี แตถ ่ า้ อายุความสิทธิเรี ยกร้องนั น ้ มีระยะเวลาน้อยกวา่ หนึ่ งปี ก็ให้นากาหนด ระยะเวลาที่สันกว ้ า่ นั น
้ มาใช้
แทนกาหนดระยะเวลาหนึ่ งปี ดังกลา่ ว
มาตรา ๑๙๓/๒๑ อายุความสิทธิเรี ยกร้องของผูเ้ ยาวห ์ รื อของคนไร้ความสามารถหรื อของคน เสมือนไร้ความสามารถ ที่จะฟ้องร้องผูแ ้ ทนโดย
ชอบธรรมหรื อผูอ ้ นุ บาลหรื อ ผู พ ท

้ ั ์กษข องตนนั ้
น ถา้ จะครบ กาหนดลงในขณะที่บุคคลดังกลา่ วยั งไมล่ ุถึงความสามารถเต็มภูมิ หรื อในระหวา่ ง
หนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่บุคคล ดังกลา่ วไมม ่ ีผูแ
้ ทนโดยชอบธรรมหรื อผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ้ ิทักษ์ อายุความนั น ่ รบกาหนดจนกวา่ จะครบหนึ่ ง ปี นั บ
้ ยั งไมค
แตว่ ั นที่บุคคลนั น ้ ได้ลุถึงความสามารถเต็มภูมิหรื อได้มีผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมหรื อผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ้ ิทักษ์ แลว้ แตก่ รณี แตถ ่ า้ อายุความสิทธิเรี ยก
ร้องนั น้ มีระยะเวลาน้อยกวา่ หนึ่ งปี ก็ให้นากาหนดระยะเวลาที่สันกว ้ า่ นั น้ มาใชแ ้ ทนกาหนดระยะเวลาหนึ่ งปี ดังกลา่ ว

มาตรา ๑๙๓/๒๒ อายุความสิทธิเรี ยกร้องระหวา่ งสามีภริ ยา ถา้ จะครบกาหนดก่อนหรื อ ภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่การสมรสสิน ้ สุดลง อายุ

ความนั นยั งไมค ่
่ รบกาหนดจนกวา่ จะครบหนึ งปี นั บแตว่ ั นทีการ สมรสสินสุดลง ่ ้
มาตรา ๑๙๓/๒๓ อายุความสิทธิเรี ยกร้องอั นเป็ นคุณหรื อเป็ นโทษแกผ ่ ูต ้ าย ถา้ จะครบ กาหนดภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นตาย อายุความนั น ้ ยั ง
ไมค ่ รบกาหนดจนกว า
่ จะครบหนึ ่ งปี นั บแต ว
่ ั น ตาย
มาตรา ๑๙๓/๒๔ เมื่ออายุความครบกาหนดแลว้ ลูกหนี้ จะสละประโยชน์แหง่ อายุความนั น ้
เสียก็ได้ แตก ่ ารสละประโยชน์เชน ่ วา่ นี ้ ไมม ่ ีผลกระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกหรื อผูค ้ า้ ประกัน มาตรา ๑๙๓/๒๕ เมื่ออายุความ
ครบกาหนดแลว้ ให้มีผลยอ้ นหลั งขึ้นไปถึงวั นที่เริ่ มนั บอายุ
ความ
มาตรา ๑๙๓/๒๖ เมือ่ สิทธิเรี ยกร้องสว่ นที่เป็ นประธานขาดอายุความใหส ้ ท ิ ธิเรี ยกร้องสว่ นที่ เป็ นอุปกรณ์นัน้ ขาดอายุความดว้ ย แมว้ า่ อายุ
ความของสิทธิเรี ยกร้องสว่ นที่เป็ นอุปกรณ์นัน ้ จะยั งไมค
่ รบกาหนด ก็
ต าม
มาตรา ๑๙๓/๒๗ ผูร้ ั บจานอง ผูร้ ั บจานา ผูท ้ รงสิทธิยึดหน่วง หรื อผูท ้ รงบุริมสิทธิเหนื อ ทรั พยส์ น ิ ของลูกหนี้ อั นตนได้ยึดถือไว้ ยั งคงมีสท ิ ธิ
บั งคั บชาระหนี้ จากทรั พยส์ นิ ที่จานอง จานา หรื อที่ได้ยึดถือไว้ แมว้ า่ สิทธิเรี ยกร้องสว่ นที่เป็ นประธานจะขาดอายุความแลว้ ก็ตาม แตจ่ ะใชส ิ ธิ
้ ท
้ บั งคั บให้ชาระดอกเบี้ยที่คา้ ง ยอ้ นหลั งเกินห้าปี ขึ้นไปไมไ่ ด้
นั น
มาตรา ๑๙๓/๒๘ การชาระหนี้ ตามสิทธิเรี ยกร้องซึ่งขาดอายุความแลว้ นั น ้ ไมว่ า่ มากน้อย
เพียงใดจะเรี ยกคืนไมไ่ ด้ แมว้ า่ ผูช้ าระหนี้ จะไมร่ ู้ วา่ สิทธิเรี ยกร้องขาดอายุความแลว้ ก็ตาม บทบั ญญั ตใิ นวรรคหนึ่ ง ใหใ้ ชบ ่ ารที่ลูกหนี้
้ ั งคั บแกก
รั บสภาพความรั บผิดโดยมีหลั กฐานเป็ น
หนั งสือ หรื อโดยการให้ประกันด้วย แตจ่ ะอา้ งความขอ ้ นี้ ขึ้นเป็ นโทษแกผ ่ ูค
้ า้ ประกันเดิมไมไ่ ด้
มาตรา ๑๙๓/๒๙ เมื่อไมไ่ ด้ยกอายุความขึ้นเป็ นข้อตอ่ สู ้ ศาลจะอา้ งเอาอายุความมาเป็ นเหตุ ยกฟ้องไมไ่ ด้
หมวด ๒ กาหนดอายุความ

มาตรา ๑๙๓/๓๐ อายุความนั น ้ ถา้ ประมวลกฎหมายนี้ หรื อกฎหมายอื่นมิได้บัญญั ติไว้ โดยเฉพาะ ใหม ้ ีกาหนดสิบปี
มาตรา ๑๙๓/๓๑ สิทธิเรี ยกร้องของรั ฐที่จะเรี ยกเอาคา่ ภาษี อากรใหม ้ ี กาหนดอายุ ค วามสิ บปี ส ว
่ นสิท ธิ เ รี ย กร ้ องของรั ฐที่จะเรี ยกเอาหนี้ อยา่ งอื่น
ให้บังคั บตามบทบั ญญั ติในลั กษณะนี้
มาตรา ๑๙๓/๓๒ สิทธิเรี ยกร้องที่เกิดขึ้นโดยคาพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุด หรื อโดยสั ญญา
ประนี ประนอมยอมความ ให้มีกาหนดอายุความสิบปี ทั งนี ้ ้ ไมว่ า่ สิทธิเรี ยกร้องเดิมจะมีกาหนดอายุความเทา่ ใด

มาตรา ๑๙๓/๓๓ สิทธิเรี ยกร้องดังตอ่ ไปนี ให้มีกาหนดอายุความห้าปี
(๑) ดอกเบี้ยคา้ งชาระ
(๒) เงินที่ตอ ้ งชาระเพื่อผอ่ นทุนคืนเป็ นงวด ๆ
(๓) คา่ เชา่ ทรั พยส์ น ิ คา้ งชาระ เวน ้ แตค
่ า่ เชา่ สั งหาริ มทรั พยต์ ามมาตรา ๑๙๓/๓๔ (๖)
(๔) เงินคา้ งจา่ ย คือ เงินเดือน เงินปี เงินบานาญ คา่ อุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่น ๆ ในลั กษณะ
ทานองเดียวกับที่มีการกาหนดจา่ ยเป็ นระยะเวลา
(๕) สิทธิเรี ยกร้องตามมาตรา ๑๙๓/๓๔ (๑) (๒) และ (๕) ที่ไมอ่ ยูใ่ นบั งคั บอายุความสองปี
มาตรา ๑๙๓/๓๔ สิทธิเรี ยกร้องดังตอ่ ไปนี้ ใหม ้ ีกาหนดอายุความสองปี
(๑) ผูป ้ ระกอบการค า
้ หรื ออุ ต สาหกรรม ผู ป
้ ระกอบหัตถกรรม ้ ระกอบศิลปอุตสาหกรรม หรื อชา่ งฝี มือ เรี ยกเอาคา่ ของที่ไดส
ผูป ้ ง่ มอบ คา่
การงานที่ได้ทา หรื อคา่ ดูแลกิจการของผูอ ้ ่ืน รวมทั งเงิ ้ นที่ได้ออก ทดรองไป เวน ้ แตเ่ ป็ นการที่ได้ทาเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้ นั น ้ เอง
(๒) ผูป ้ ระกอบเกษตรกรรมหรื อการป่าไม้ เรี ยกเอาคา่ ของที่ได้สง่ มอบอั นเป็ นผลิตผลทาง
เกษตรหรื อป่าไม้ เฉพาะที่ใชส ้ อยในบา้ นเรื อนของฝ่ายลูกหนี้ นั น ้ เอง
(๓) ผูข้ นสง่ คนโดยสารหรื อสิง่ ของหรื อผูร้ ั บสง่ ขา่ วสาร เรี ยกเอาคา่ โดยสาร คา่ ระวาง คา่ เชา่
คา่ ธรรมเนี ยม รวมทั งเงิ ้ นที่ไดอ ้ อกทดรองไป
(๔) ผูป ้ ระกอบธุ รกิ จ โรงแรมหรื อหอพัก ผูป ้ ระกอบธุรกิจในการจาหน่ายอาหารและเครื่ องดื่ม
หรื อผูป้ ระกอบธุรกิจสถานบริ การตามกฎหมายวา่ ด้วยสถานบริ การเรี ยกเอาคา่ ที่พัก อาหารหรื อเครื่ องดื่ม คา่ บริ การหรื อคา่ การงานที่ได้ทาให้แก่
ผูม้ าพักหรื อใชบ ้ ริ การ รวมทั งเงิ ้ นที่ได้ออกทดรองไป
(๕) ผูข้ ายสลากกินแบง่ สลากกินรวบ หรื อสลากที่คลา้ ยคลึงกัน เรี ยกเอาคา่ ขายสลาก เวน ้ แต่ เป็ นการขายเพื่อการขายตอ่
(๖) ผูป ้ ระกอบธุรกิจในการให้เชา่ สั งหาริ มทรั พย ์ เรี ยกเอาคา่ เชา่

(๗) บุคคลซึ่งมิไดเ้ ขา้ อยูใ่ นประเภทที่ระบุไวใ้ น (๑) แตเ่ ป็ นผูป ้ ่ืนหรื อรั บทางานการตา่ ง ๆ เรี ยก
้ ระกอบธุรกิจในการดูแลกิจการ ของผูอ
เอาสินจา้ งอั นจะพึงได้รับในการนั น ้ นที่ได้ออกทดรองไป
้ รวมทั งเงิ

(๘) ลูกจา้ งซึงรั บใชก ้ ารงานสว่ นบุคคล เรี ยกเอาคา่ จา้ งหรื อสินจา้ งอยา่ งอื่นเพื่อการงานที่ทา รวมทั งเงิ ้ นที่ได้ออกทดรองไป หรื อนายจา้ ง
เรี ยกเอาคืนซึ่งเงินเชน ่ ่ว า นั ้
น ที่ ตนได จ า ยล
้ ่ ่ ว งหน ้ า ไป
(๙) ลูกจา้ งไมว่ า่ จะเป็ นลูกจา้ งประจา ลูกจา้ งชั ่วคราว หรื อลูกจา้ งรายวั น รวมทั งผู ้ ฝ ้ ึกหัดงาน เรี ยกเอาคา่ จา้ งหรื อสินจา้ งอยา่ งอื่น รวมทั ง้
เงินที่ได้ออกทดรองไป หรื อนายจา้ งเรี ยกเอาคืนซึ่งเงินเชน ้ ที่ ตนได้จา่ ยลว่ งหน้าไป
่ วา่ นั น
(๑๐) ครู สอนผูฝ ้ ึกหัดงาน เรี ยกเอาคา่ ฝึกสอนและคา่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งอื่นตามที่ได้ตกลงกันไว้

รวมทั งเงนิ ท่ีได้ออกทดรองไป
(๑๑) เจา้ ของสถานศึกษาหรื อสถานพยาบาล เรี ยกเอาคา่ ธรรมเนี ยมการเรี ยนและ
คา่ ธรรมเนี ยมอื่น ๆ หรื อคา่ รั กษาพยาบาลและคา่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งอื่น รวมทั งเงิ ้ นที่ไดอ ้ อกทดรองไป
(๑๒) ผูร้ ั บคนไวเ้ พื่อการบารุ งเลี้ยงดูหรื อฝึกสอน เรี ยกเอาคา่ การงานที่ทาใหร้ วมทั งเงิ ้ นที่ได้
ออกทดรองไป
(๑๓) ผูร้ ั บเลี้ยงหรื อฝึกสอนสั ตว ์ เรี ยกเอาคา่ การงานที่ทาให้ รวมทั งเงิ ้ นที่ได้ออกทดรองไป (๑๔) ครู หรื ออาจารย ์ เรี ยกเอาคา่ สอน
(๑๕) ผูป ้ ระกอบวิชาชี พเวชกรรม ทั นตกรรม การพยาบาล การผดุงครรภ ์ ผูป ้ ระกอบการ
บาบั ดโรคสั ตว ์ หรื อผูป ้ ระกอบโรคศิลปะสาขาอื่น เรี ยกเอาคา่ การงานที่ทาให้รวมทั งเงิ ้ นที่ได้ออกทดรองไป (๑๖) ทนายความหรื อผูป ้ ระกอบ

วิชาชีพทางกฎหมาย รวมทั งพยานผูเ้ ชียวชาญเรี ยกเอาคา่ ่
การงานที่ทาให้ รวมทั งเงิ ้ นที่ไดอ ้ อกทดรองไป หรื อคูค ่ วามเรี ยกเอาคืนซึ่งเงินเชน ่ วา่ นั น้ ที่ตนไดจ้ า่ ยลว่ งหน้าไป (๑๗) ผูป ้ ระกอบวิชาชีพ
วิศวกรรม สถาปัตยกรรม ผูส ้ อบบั ญชี หรื อผูป ้ ระกอบวิชาชีพอิสระ อื่น เรี ยกเอาคา่ การงานที่ทาให้ รวมทั งเงิ ้ นที่ได้ออกทดรองไป หรื อผูว้ า่
จา้ งให้ประกอบการงานดังกลา่ วเรี ยกเอา
คืนซึ่งเงินเชน ้ ที่ตนได้จา่ ยลว่ งหน้าไป
่ วา่ นั น
มาตรา๑๙๓/๓๕ภายใตบ ้ ั งคั บมาตรา๑๙๓/๒๗สิทธิเรยีกร้องที่เกิดขึ้นจากการที่ลูกหนี้ รั บ สภาพความรั บผิดโดยมีหลั กฐานเป็ นหนั งสือหรื อโดย
การให้ประกันตามมาตรา ๑๙๓/๒๘ วรรคสอง ให้มี กาหนดอายุความสองปี นั บแตว่ ั นที่ได้รับสภาพความรั บผิดหรื อให้ประกัน
บรรพ ๒ หนี้
ลั กษณะ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป

หมวด ๑ วั ตถุแหง่ หนี้


มาตรา ๑๙๔ ด้วยอานาจแหง่ มูลหนี้ เจา้ หนี้ ยอ่ มมีสท ิ ธิจะเรี ยกให้ลูกหนี้ ชาระหนี้ ได้ อนึ่ งการ ชาระหนี้ ด้วยงดเวน ้ การอั นใดอั นหนึ่ งก็ยอ่ มมีได้
่ ่ ึ
มาตรา ๑๙๕ เมือทรั พยซ์ งเป็ นวั ตถุแหง่ หนี นั นได้ระบุไวแ ้ ้ ้ ตเ่ พียงเป็ นประเภท และถา้ ตาม สภาพแหง่ นิ ติกรรม หรื อตามเจตนาของคูก ่ รณี
ไมอ่ าจจะกาหนดไดว้ า่ ทรั พยน ์ ัน ้ จะพึงเป็ นชนิ ดอยา่ งไรไซร้ ทา่ น วา่ ลูกหนี้ จะตอ ้ งสง่ มอบทรั พยช์ นิ ดปานกลาง
ถา้ ลูกหนี้ ไดก
้ ระทาการอันตนจะพึงตอ ้ งทาเพื่อสง่ มอบทรั พยส์ งิ่ นั น ้ ทุกประการแลว้ ก็ดี หรื อถา้ ลูกหนี้ ไดเ้ลือกกาหนดทรั พยท ์ ่ีจะสง่ มอบแลว้ ดว้ ย
ความยินยอมของเจา้ หนี้ ก็ดี ทา่ นวา่ ทรั พยน ์ ัน ้ จึงเป็ นวั ตถุแหง่ หนี้ จาเดิมแตเ่ วลานั น ้ ไป
มาตรา ๑๙๖ ถา้ หนี้ เงินได้แสดงไวเ้ ป็ นเงินตา่ งประเทศ ทา่ นวา่ จะสง่ ใชเ้ ป็ นเงินไทยก็ได้ การเปลี่ยนเงินนี้ ให้คิดตามอั ตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ
สถานที่และในเวลาที่ใชเ้ งิน
มาตรา ๑๙๗ ถา้ หนี้ เงินจะพึงสง่ ใชด ้ ้วยเงินตราชนิ ดหนึ่ งชนิ ดใดโดยเฉพาะ อั นเป็ นชนิ ดที่ ยกเลิกไมใ่ ชก ้ ันแลว้ ในเวลาที่จะตอ ้ งสง่ เงินใชห้ นี้
้ ไซร้ การสง่ ใชเ้ งินทา่ นใหถ
นั น ้ ื อเสมื อ นหนึ ่ งว า
่ มิ ไ ด ร
้ ะบุ ไว ใ ห
้ ้ ้ใ ช เป็ นเงิ นตราชนิ ด นั ้

มาตรา ๑๙๘ ถา้ การอั นมีกาหนดพึงกระทาเพื่อชาระหนี้ นั น ้ มีหลายอยา่ ง แตจ่ ะตอ ้ งกระทา เพียงการใดการหนึ่ งแตอ่ ยา่ งเดียวไซร้ ทา่ นวา่ สิทธิ
ที่จะเลือกทาการอยา่ งใดนั น ้ ตกอยูแ่ กฝ ่ ่ ายลูกหนี้ เวน ้ แตจ่ ะได้ ตกลงกันกาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๙๙ การเลือกนั น ้ ทา่ นให้ทาด้วยแสดงเจตนาแกค ่ ูก่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ ง
การชาระหนี้ ได้เลือกทาเป็ นอยา่ งใดแลว้ ทา่ นให้ถือวา่ อยา่ งนั น ้ อยา่ งเดียว เป็ นการชาระหนี้ อั นกาหนดให้กระทาแตต ่ น
้ มา
มาตรา ๒๐๐ ถา้ จะตอ ้ งเลือกภายในระยะเวลาอั นมีกาหนด และฝ่ายที่มีสท ิ ธิจะเลือกมิได้ เลือกภายในระยะเวลานั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ สิทธิท่ีจะเลือก
นั น ่ ีกฝ่ายหนึ่ ง
้ ยอ่ มตกไปอยูแ่ กอ

ถา้ มิได้กาหนดระยะเวลาให้เลือกไซร้ เมื่อหนี้ ถึงกาหนดชาระ ฝ่ายที่ไมม ่ ี สท ิ ธิจะเลือกอาจ กาหนดเวลาพอสมควรแกเ่ หตุ แลว้ บอกกลา่ วให้ฝ่าย
โน้นใชส ิ ธิเลือกภายในเวลาอั นนั น
้ ท ้
มาตรา ๒๐๑ ถา้ บุคคลภายนอกจะพึงเป็ นผูเ้ ลือก ทา่ นให้กระทาด้วยแสดงเจตนาแกล ่ ูกหนี้ และลูกหนี้ จะตอ ้ งแจง้ ความนั น ้ แกเ่ จา้ หนี้
ถา้ บุคคลภายนอกนั นไมอ ้ ่ าจจะเลือกได้กด ็ ี หรื อไมเ่ ต็มใจจะเลือกก็ดี ทา่ นวา่ สิทธิทีจะเลือกตก ไปอยูแ่ กฝ่ ่ ่ ายลูกหนี ้
มาตรา ๒๐๒ ถา้ การอั นจะพึงตอ ้ งทาเพื่อชาระหนี้ นั น ้ มีหลายอยา่ ง และอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งตก เป็ นอั นพน้ วิสัยจะทาไดม ้ าแตต ่ น
้ ก็ดี หรื อ
กลายเป็ นพน ้ วิ
ส ั ย ในภายหลั ง ก็
ด ี ท า
่ นให จ
้ ากัดหนี้ นั ้
น ไว เ
้ พี ย งการชาระ หนี ้ อย า
่ ่
งอื น ที ่ ไม พ
่ ้นวิสั ย อนึ่ งการจากัดอั น ้
นี ย อ
่ มไม เ
่ กิ ด มี ข้ึน หากวา่
การชาระหนี้ กลายเป็ นพน ้ วิสัยเพราะ พฤติการณ์อันใดอั นหนึ่ งซึ่งฝ่ายที่ไมม ่ ี สทิ ธิจะเลือกนั น ้ ตอ
้ งรั บผิดชอบ
หมวด ๒ ผลแหง่ หนี้
สว่ นที่ ๑ การไมช่ าระหนี้
มาตรา ๒๐๓ ถา้ เวลาอั นจะพึงชาระหนี้ นั น ้ มิได้กาหนดลงไว้ หรื อจะอนุ มานจากพฤติการณ์ ทั งปวงก็ ้ ไมไ่ ด้ไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ ยอ่ มจะเรี ยกให้
ชาระหนี้ ไดโ้ ดยพลั น และฝ่ายลูกหนี้ ก็ยอ่ มจะชาระหนี้ ของตนได้
โดยพลั นดุจกัน
ถา้ ได้กาหนดเวลาไว้ แตห ่ ากกรณี เป็ นที่สงสั ย ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ่ นวา่ เจา้ หนี้ จะเรี ยกให้
้ อ
ชาระหนี้ กอ ่ นถึงเวลานั น้ หาได้ไม่ แตฝ ่ ่ ายลูกหนี้ จะชาระหนี้ กอ ่ นกาหนดนั น ้ ก็ได้
มาตรา ๒๐๔ ถา้ หนี้ ถึงกาหนดชาระแลว้ และภายหลั งแตน ้ เจา้ หนี้ ได้ให้คาเตือนลูกหนี้ แลว้ ลูกหนี้ ยั งไมช่ าระหนี้ ไซร้ ลูกหนี้ ได้ช่ือวา่ ผิดนั ด
่ ัน
เพราะเขาเตือนแลว้
ถา้ ได้กาหนดเวลาชาระหนี้ ไวต ้ ามวั นแหง่ ปฏิทิน และลูกหนี้ มิได้ชาระหนี้ ตามกาหนดไซร้ ทา่ น วา่ ลูกหนี้ ตกเป็ นผูผ ้ ิดนั ดโดยมิพักตอ ้ งเตือนเลย
วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหใ้ ชบั้ งคั บแกก ่ รณี ท่ีตอ ้ งบอกกลา่ วลว่ งหน้า กอ ่ นการชาระหนี้ ซึ่งไดก ้ าหนดเวลาลงไวอ้ าจคานวณนั บไดโ้ ดยปฏิทินนั บแตว่ ั น
ที่ได้บอกกลา่ ว

มาตรา ๒๐๕ ตราบใดการชาระหนี้ นั น ้ ยั งมิไดก ้ ระทาลงเพราะพฤติการณ์อันใดอั นหนึ่ งซึ่ง ลูกหนี้ ไมต ่ อ


้ งรั บผิดชอบ ตราบนั น ้ ลูกหนี้ ยั งหาไดช้ ่ือ
วา่ ผิดนั ดไม่
มาตรา ๒๐๖ ในกรณี หนี้ อั นเกิดแตม ่ ูลละเมิด ลูกหนี้ ได้ช่ือวา่ ผิดนั ดมาแตเ่ วลาที่ทาละเมิด
มาตรา ๒๐๗ ถา้ ลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชาระหนี้ และเจา้ หนี ้ ไมร่ ั บชาระหนี้ นั น ้ โดยปราศจาก มูลเหตุอันจะอา้ งกฎหมายได้ไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ ตก
เป็ นผูผ้ ิดนั ด
มาตรา ๒๐๘ การชาระหนี้ จะให้สาเร็จผลเป็ นอยา่ งใด ลูกหนี้ จะตอ ้ งขอปฏิบัติการชาระหนี้ ตอ่ เจา้ หนี้ เป็ นอยา่ งนั น ้ โดยตรง
แตถ า เจ
่ ้ ้ า หนี ้ ไดแ
้ สดงแก ล
่ ู กหนี ้ ว า
่ จะไม ร
่ั บชาระหนี ้ ก็ด ี หรื อ ่
เพื อ ่
ที จ ะชาระหนี ้ จาเป็ น ่
ที เ จ า
้ หนี้ จะต อ
้ งกระทาการอย ่ งใดอยา่ งหนึ่ งกอ
า ่ นก็ดี ลูก
หนี้ จะบอกกลา่ วแกเ่ จา้ หนี้ วา่ ไดเ้ ตรี ยมการที่จะชาระหนี้ ไว้ พร้อมเสร็จแลว้ ใหเ้ จา้ หนี้ รั บชาระหนี้ นั น ้ เทา่ นี้ ก็นับวา่ เป็ นการเพียงพอแลว้ ใน
กรณี เชน ่ นี้ ทา่ นวา่ คาบอกกลา่ ว ของลูกหนี้ นั น ้ ก็เสมอกับคาขอปฏิบัติการชาระหนี้
มาตรา ๒๐๙ ถา้ ได้กาหนดเวลาไวเ้ ป็ นแน่นอนเพื่อให้เจา้ หนี้ กระทาการอั นใด ทา่ นวา่ ที่จะขอ ปฏิบัติการชาระหนี้ นั น ้ งทาก็แตเ่ มื่อเจา้ หนี้
้ จะตอ
ทาการอั นนั น ้ ภายในเวลากาหนด
มาตรา ๒๑๐ ถา้ ลูกหนี้ จาตอ ้ งชาระหนี้ สว่ นของตนตอ ่ เมื่อเจา้ หนี้ ชาระหนี้ ตอบแทนด้วยไซร้ แมถ ้ ึงวา่ เจา้ หนี้ จะได้เตรี ยมพร้อมที่จะรั บชาระหนี้
่ ้ ้ ่
ตามทีลูกหนี ขอปฏิบัตินันแลว้ ก็ดี หากไมเ่ สนอทีจะทาการ ชาระหนี ตอบแทนตามทีจะพึงตอ ้ ่ ้ งทา เจา้ หนี้ ก็เป็ นอั นได้ช่ือวา่ ผิดนั ด
มาตรา ๒๑๑ ในเวลาที่ลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชาระหนี้ นั น ้ ก็ดี หรื อในเวลาที่กาหนดไวใ้ หเ้ จา้ หนี้
ทาการอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ ง โดยกรณี ท่ีบัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๒๐๙ นั น ้ ก็ดี ถา้ ลูกหนี้ มิได้อยูใ่ นฐานะที่จะสามารถ ชาระหนี้ ได้ไซร้ทา่ นวา่ เจา้ หนี้
ยั งหาผิดนั ดไม่
มาตรา ๒๑๒ ถา้ มิได้กาหนดเวลาชาระหนี้ ไวก ้ ด็ ี หรื อถา้ ลูกหนี้ มีสท ิ ธิท่ีจะชาระหนี้ ได้ก่อน เวลากาหนดก็ดี การที่เจา้ หนี้ มีเหตุขัดขอ ้ งชั ่วคราว
ไมอ่ าจรั บชาระหนี้ ที่เขาขอปฏิบัติแก่ตนได้นัน ้ หาทาให้ เจา้ หนี้ ตกเป็ นผูผ ้ ิดนั ดไม่ เวน ้ แตล่ ูกหนี้ จะได้บอกกลา่ วการชาระหนี้ ไวล้ ว่ งหน้าโดย
เวลาอั นสมควร
มาตรา ๒๑๓ ถา้ ลูกหนี้ ละเลยเสียไมช่ าระหนี้ ของตน เจา้ หนี้ จะร้องขอตอ่ ศาลใหส ้ ั ่งบั งคั บ ชาระหนี้ ก็ได้ เวน ่ ภาพแหง่ หนี้ จะไมเ่ ปิดชอ่ งให้
้ แตส
ทาเชน ่ นั น้ ได้

เมื่อสภาพแหง่ หนี้ ไมเ่ ปิดชอ ่ งให้บังคั บชาระหนี้ ได้ ถา้ วั ตถุแหง่ หนี้ เป็ นอั นให้กระทาการอันหนึ่ ง อั นใด เจา้ หนี้ จะร้องขอตอ ่ ศาลให้สั่งบั งคั บให้
บุคคลภายนอกกระทาการอันนั น ้ โดยให้ลูกหนี้ เสียคา่ ใชจ้ า่ ยให้กไ็ ด้ แตถ ่ า้ วั ตถุแหง่ หนี้ เป็ นอั นให้กระทานิ ติกรรมอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งไซร้ ศาลจะ
สั ง่ ให้ถือเอาตามคาพิพากษาแทนการ แสดงเจตนาของลูกหนี้ ก็ได้
สว่ นหนี้ ซึ่งมีวัตถุเป็ นอั นจะใหง้ ดเวน ้ การอั นใด เจา้ หนี้ จะเรี ยกร้องใหร้ ้ ื อถอนการที่ไดก ้ ระทาลง แลว้ นั น้ โดยใหล ้ ูกหนี้ เสียคา่ ใชจ้ า่ ย และให้
จั ดการอั นควรเพื่อกาลภายหน้าดว้ ยก็ได้
อนึ่ งบทบั ญญั ติในวรรคทั งหลายที ้ ่ กลา่ วมากอ ่ นนี้ หากระทบกระทั ่งถึงสิทธิท่ีจะเรี ยกเอา คา่ เสียหายไม่
มาตรา ๒๑๔[๓] ภายใตบ ้ ั งคั บบทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๗๓๓ เจา้ หนี้ มีสท ิ ธิท่ีจะให้ชาระหนี้ ของ ตนจากทรั พยส์ น ิ ของลูกหนี้ จนสิน ้ เชิง
้ นและทรั พยส์ น
รวมทั งเงิ ิ อื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกคา้ งชาระแกล ่ ูกหนี้ ด้วย
มาตรา ๒๑๕ เมื่อลูกหนี้ ไมช่ าระหนี้ ให้ตอ ้ งตามความประสงคอ์ ั นแทจ้ ริ งแหง่ มูลหนี้ ไซร้ เจา้ หนี้ จะเรี ยกเอาคา่ สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหาย
อั นเกิดแตก ่ ารนั ้
น ก็ได ้
มาตรา ๒๑๖ ถา้ โดยเหตุผิดนั ด การชาระหนี้ กลายเป็ นอั นไร้ประโยชน์แกเ่ จา้ หนี้ เจา้ หนี้ จะ บอกปัดไมร่ ั บชาระหนี้ และจะเรี ยกเอาคา่ สินไหม
ทดแทนเพื่อการไมช่ าระหนี้ ก็ได้
มาตรา ๒๑๗ ลูกหนี้ จะตอ ้ งรั บผิดชอบในความเสียหายบรรดาที่เกิดแตค ่ วามประมาทเลินเลอ่ ในระหวา่ งเวลาที่ตนผิดนั ด ทั งจะต ้ อ
้ งรั บผิดชอบ
ในการที่การชาระหนี้ กลายเป็ นพน ้ วิสัยเพราะอุบัติเหตุอัน เกิดขึ้นในระหวา่ งเวลาที่ผิดนั ดนั น ้ ด้วย เวน้ แตค ่ วามเสียหายนั น ้ ถึงแมว้ า่ ตนจะได้ชา
ระหนี้ ทั นเวลากาหนดก็คง จะตอ ้ งเกิดมีอยูน ่ ั ่ นเอง
มาตรา ๒๑๘ ถา้ การชาระหนี้ กลายเป็ นพน ้ วิสัยจะทาไดเ้ พราะพฤติการณ์อันใดอั นหนึ่ งซึ่ง ลูกหนี้ ตอ ้ งรั บผิดชอบไซร้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ จะตอ ้ งใชค
้ า่
สินไหมทดแทนใหแ กเ
้ ่ ้ จ า หนี ้ เพื ่ อ ค า
่ เสี ยหายอย า
่ งใด ๆ อั น เกิ ดแตก่ ารไม ช
่ าระหนี ้ นั ้

ในกรณี ท่ีการชาระหนี้ กลายเป็ นพน ้ วิสัยแตเ่ พียงบางสว่ น ถา้ หากวา่ สว่ นที่ยังเป็ นวิสัยจะทาได้ นั น ้ จะเป็ นอั นไร้ประโยชน์แกเ่ จา้ หนี้ แลว้ เจา้ หนี้
จะไมย่ อมรั บชาระหนี้ สว่ นที่ยังเป็ นวิสัยจะทาได้นัน ้ แลว้ และ เรี ยกคา่ สินไหมทดแทนเพื่อการไมช่ าระหนี้ เสียทั งหมดที ้ เดียวก็ได้
มาตรา ๒๑๙ ถา้ การชาระหนี้ กลายเป็ นพน ้ วิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอั นหนึ่ งซึ่งเกิดขึ้น ภายหลั งที่ได้กอ ่ หนี้ และซึ่งลูกหนี้ ไมต ่ อ้ งรั บผิดชอบ
นั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ เป็ นอันหลุดพน ้ จากการชาระหนี้ นั น ้

ถา้ ภายหลั งที่ไดก ้ อ ่ หนี้ ขึ้นแลว้ นั น ้ ลูกหนี้ กลายเป็ นคนไมส ่ ามารถจะชาระหนี้ ได้ไซร้ ทา่ นใหถ ้ ือ เสมือนวา่ เป็ นพฤติการณ์ท่ีทาใหก ้ ารชาระหนี้ ตก
เป็ นอั นพ้นวิสัยฉะนั น ้
มาตรา ๒๒๐ ลูกหนี้ ตอ ้ งรั บผิดชอบในความผิดของตัวแทนแหง่ ตนกั บทั งของบุ ้ คคลที่ตนใชใ้ น การชาระหนี้ นั น ้ โดยขนาดเสมอกับวา่ เป็ นความ
ผิดของตนเองฉะนั น ้ แตบ ่ ทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๓๗๓ หาใช้ บั งคั บแกก ่ รณี เชน่ นี้ ด้วยไม่
มาตรา ๒๒๑ หนี้ เงินอั นตอ ้ งเสียดอกเบี้ยนั น ้ ทา่ นวา่ จะคิดดอกเบี้ยในระหวา่ งที่เจา้ หนี้ ผิดนั ด
หาไดไ้ ม่
มาตรา ๒๒๒ การเรี ยกเอาคา่ เสียหายนั น ้ ไดแ ้ กเ่ รี ยกคา่ สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเชน ่ ที่ตามปกติยอ่ มเกิดขึ้นแตก ่ ารไมช่ าระหนี้ นั น

เจา้ หนี้ จะเรี ยกคา่ สินไหมทดแทนได้ แมก ้ ระทั ่งเพื่อความเสียหายอั นเกิดแตพ ่ ฤติการณ์พิเศษ หากวา่ คูก ่ รณี ท่ีเกี่ยวขอ้ งได้คาดเห็นหรื อควรจะได้
คาดเห็นพฤติการณ์เชน ่ นั น้ ลว่ งหน้ากอ ่ นแลว้
มาตรา ๒๒๓ ถา้ ฝ่ายผูเ้ สียหายได้มีสว่ นทาความผิดอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งกอ ่ ใหเ้ กิดความเสียหาย ด้วยไซร้ ทา่ นวา่ หนี้ อั นจะตอ ้ งใชค้ า่ สินไหม
ทดแทนแกฝ ่ ่ ายผูเ้ สียหายมากน้อยเพียงใดนั น ้ ตอ ้ งอาศั ยพฤติการณ์ เป็ นประมาณ ขอ ้ สาคั ญก็คือวา่ ความเสียหายนั น ้ ได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหน
เป็ นผูก ่ ยิง่ หยอ่ นกวา่ กันเพียงไร
้ อ
วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหใ้ ชแ ้ มท ้ ่ ความผิดของฝ่ายผูท
้ ั งที ้ ่ีเสียหายจะมีแตเ่ พียงละเลยไมเ่ ตือนลูกหนี้ ใหร้ ู้ สก ึ ถึงอั นตรายแหง่ การเสียหายอั นเป็ นอยา่ ง
ร้ายแรงผิดปกติ ซึ่งลูกหนี้ ไมร่ ู้ หรื อไมอ่ าจจะรู้ ได้ หรื อเพียงแต่ ละเลยไมบ ่ าบั ดปัดป้อง หรื อบรรเทาความเสียหายนั น ้ ด้วย อนึ่ งบทบั ญญั ติแหง่

มาตรา ๒๒๐ นั นทา่ นให้นามาใช้ บั งคั บด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๒๒๔ หนี้ เงินนั น ้ ทา่ นใหค ้ ิดดอกเบี้ยในระหวา่ งเวลาผิดนั ดร้อยละเจ็ดกึ่งตอ่ ปี ถา้ เจา้ หนี้ อาจจะเรี ยกดอกเบี้ยไดส ้ โดยอาศั ย
้ ูงกวา่ นั น
เหตุอยา่ งอื่นอั นชอบดว้ ยกฎหมาย ก็ใหค ้ งสง่ ้
ดอกเบี ย ตอ่ ไป ตามนั ้

ทา่ นห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหวา่ งผิดนั ด การพิสูจน์คา่ เสียหายอยา่ งอื่นนอกกวา่ นั น ้ ทา่ นอนุ ญาตให้พิสูจน์ได้
มาตรา ๒๒๕ ถา้ ลูกหนี้ จาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทนเพื่อราคาวั ตถุอันได้เสื่อมเสียไประหวา่ ง ผิดนั ดก็ดี หรื อวั ตถุอันไมอ ่ าจสง่ มอบได้เพราะเหตุ
อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งอั นเกิดขึ้นระหวา่ งผิดนั ดก็ดี ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ จะเรี ยกดอกเบี้ยในจานวนที่จะตอ ้ งใชเ้ ป็ นคา่ สินไหมทดแทน คิดตั งแต้ เ่ วลาอั น
เป็ นฐานที่ตังแห
้ ง่ การกะประมาณ

ราคานั น ้ ก็ได้ วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหใ้ ชต ้ ลอดถึงการที่ลูกหนี้ จาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทนเพื่อการที่ราคาวั ตถุตกตา่ เพราะวั ตถุนัน ้ เสื่อมเสียลงใน
ระหวา่ งเวลาที่ผิดนั ดนั น ้ ด้วย
สว่ นที่ ๒ รั บชว่ งสิทธิ
มาตรา ๒๒๖ บุคคลผูร้ ั บชว่ งสิทธิของเจา้ หนี้ ชอบที่จะใชส ้ ท ้
ิ ธิทังหลายบรรดาที ่เจา้ หนี้ มีอยู ่
้ ้
โดยมูลหนี รวมทั งประกันแหง่ หนี นั นได้ในนามของตนเอง้ ้
ชว่ งทรั พย ์ ได้แกเ่ อาทรั พยส์ น ิ อั นหนึ่ งเขา้ แทนที่ทรั พยส์ น ิ อีกอั นหนึ่ ง ในฐานะนิ ตินัยอยา่ ง
เดียวกันกับทรั พยส์ น ิ อั นกอ ่ น
มาตรา ๒๒๗ เมื่อเจา้ หนี้ ได้รับคา่ สินไหมทดแทนความเสียหายเต็มตามราคาทรั พยห ์ รื อสิทธิ ซึ่งเป็ นวั ตถุแหง่ หนี้ นั น
้ แลว้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ ยอ่ มเขา้
สูฐ่ านะเป็ นผูร้ ั บชว่ งสิทธิของเจา้ หนี้ อั นเกี่ยวกับทรั พยห ์ รื อสิทธิ นั น ้ ๆ ด้วยอานาจกฎหมาย
มาตรา ๒๒๘ ถา้ พฤติการณ์ซ่ึงทาให้การชาระหนี้ เป็ นอั นพน ้ วิสัยนั น้ เป็ นผลให้ลูกหนี้ ได้มาซึ่ง ของแทนก็ดี หรื อได้สท ิ ธิเรี ยกร้องคา่ สินไหม
ทดแทนเพือทรั พยอ์ ั นจะพึงได้แก่ตนนั นก็ดี ทา่ นวา่ เจา้ หนี จะเรี ยก ให้สง่ มอบของแทนที่ได้รับไวห
่ ้ ้ ้ รื อจะเขา้ เรี ยกเอาคา่ สินไหมทดแทนเสียเอง
ก็ได้
ถา้ เจา้ หนี้ มีสท ิ ธิเรี ยกร้องคา่ สินไหมทดแทนเพราะการไมช่ าระหนี้ และถา้ ใชส ้ ท ิ ธินัน ้ ดังไดร้ ะบุ ไวใ้ นวรรคตน ้ ไซร้ คา่ สินไหมทดแทนอั นจะพึง
ใชแ ้ กเ่ จา้ หนี้ นั น ้ ยอ่ มลดจานวนลงเพียงเสมอราคาแหง่ ของแทนซึ่ง ลูกหนี้ ไดร้ ั บไว้ หรื อเสมอจานวนคา่ สินไหมทดแทนที่ลูกหนี้ จะเรี ยกร้องได้
นั น้
มาตรา ๒๒๙ การรั บชว่ งสิทธิยอ่ มมีข้ึนด้วยอานาจกฎหมาย และยอ่ มสาเร็จเป็ นประโยชน์แก่ บุคคลดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) บุคคลซึ่งเป็ นเจา้ หนี้ อยูเ่ อง และมาใชห ้ นี้ ให้แกเ่ จา้ หนี้ อีกคนหนึ่ งผูม ้ ี สท ิ ธิจะได้รับใชห ้ นี้ กอ ่ นตน เพราะเขามีบุริมสิทธิ หรื อมีสท ิ ธิจานา
จานอง
(๒) บุคคลผูไ้ ดไ้ ปซึ่งอสั งหาริ มทรั พยใ์ ด และเอาเงินราคาคา่ ซื้อใชใ้ หแ ้ กผ ่ ูร้ ั บจานองทรั พยน ้
์ ัน
เสร็จไป
การใชห ้ นี้ นั น
้ และเขา้ ใชห ้ นี้ นั น

(๓) บุคคลผูม ้ ีความผูกพันร่วมกับผูอ ้ ่ืน หรื อเพื่อผูอ
้ ่ืนในอั นจะตอ ้ งใชห ้ นี้ มีสว่ นได้เสียด้วยใน

มาตรา ๒๓๐ ถา้ ในการที่เจา้ หนี้ นาบั งคั บยึดทรั พยอ์ ั นหนึ่ งอั นใดของลูกหนี้ นั น ้ บุคคลผูใ้ ด จะตอ ้ งเสี่ยงภัยเสียสิทธิในทรั พยอ์ ั นนั น ้ เพราะการ
บั งคั บยึดทรั พยไ์ ซร้ ทา่ นวา่ บุคคลผูน ้ ั ้
น มี ส ิ
ท ธิ จ ะเข าใช
้ ้ ห นี ้ เสี ย แทนได ้ อนึ ่ งผู ค
้ รองทรั พย อ
์ั น หนึ ่ งอั น ใด ถ า
้ จะต อ
้ งเสี ่ ย งภั ย เสี ย สิ ท ธิครองทรั พย ์
นั น้ ไปเพราะการบั งคั บยึดทรั พย ์ ก็ยอ่ มมีสท ิ ธิจะทาไดเ้ ชน ่ เดียวกับที่วา่ มานั น ้
ถา้ บุคคลภายนอกผูใ้ ดมาใชห ้ นี้ แทนจนเป็ นที่พอใจของเจา้ หนี้ แลว้ บุคคลผูน ้ ัน้ ยอ่ มเขา้ รั บชว่ ง สิทธิเรี ยกร้องของเจา้ หนี้ แตส ่ ท ิ ธิเรี ยกร้องอั นนี้
จะบั งคั บให้เป็ นที่เสื่อมเสียแกเ่ จา้ หนี้ หาได้ไม่
มาตรา ๒๓๑ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ที่จานอง จานา หรื ออยูใ่ นบั งคั บบุริมสิทธิประการอื่นนั น ้ เป็ นทรั พย ์
อั นได้เอาประกันภัยไวไ้ ซร้ ทา่ นวา่ สิทธิจานอง จานา หรื อบุริมสิทธิอยา่ งอื่นนั น ้ ยอ่ มครอบไปถึงสิทธิท่ีจะ เรี ยกร้องเอาแกผ ่ ูร้ ั บประกันภัยด้วย
ในกรณี ท่ีเป็ นอสั งหาริ มทรั พย ์ ถา้ ผูร้ ั บประกันภัยไดร้ ู้ หรื อควรจะไดร้ ู้ วา่ มีจานอง หรื อ บุริมสิทธิอยา่ งอื่นไซร้ ทา่ นยั งมิใหผ ้ ูร้ ั บประกั นภัยใช้
เงินใหแ ้ กผ
่ ูเ้ อาประกันภัย จนกวา่ จะไดบ ้ อกกลา่ วเจตนา เชน ่ นั น้ ไปยั งผูร้ ั บจานอง หรื อเจา้ หนี้ มีบุริมสิทธิคนอื่นแลว้ และมิไดร้ ั บคาคั ดคา้ นการ
ที่จะใชเ้ งินนั น ้ มาภายใน เดือนหนึ่ งนั บแตว่ ั นบอกกลา่ ว แตส่ ท ิ ธิอยา่ งใด ๆ ที่ได้ไปจดทะเบียน ณ หอทะเบียนที่ ดินนั น ้ ทา่ นให้ถือวา่ เป็ น
อั นรู้ ถึงผูร้ ั บประกันภั ย วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหใ้ ชต ้ ลอดถึงการจานองสั งหาริ มทรั พยท ์ ่ีกฎหมายอนุ ญาตให้ทาได้นัน ้ ด้วย
ในกรณี ท่ีเป็ นสั งหาริ มทรั พย ์ ผูร้ ั บประกันภัยจะใชเ้ งินให้แกผ ่ ูเ้ อาประกันภัยโดยตรงก็ได้เวน ้ แต่ ตนจะได้รู้หรื อควรจะได้รู้วา่ ทรั พยน ้ ตกอยูใ่ น
์ ัน
บั งคั บจานา หรื อบุริมสิทธิอยา่ งอื่น
ผูร้ ั บประกันภัยไมต ่ อ ้ งรั บผิดตอ่ เจา้ หนี้ ถา้ ทรั พยส์ น ิ อั นไดเ้ อาประกั นภัยไวน ้ ัน ้ ไดค ้ ืนมา หรื อได้ จั ดของแทนให้
วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหอ ้ นุ โ ลมใช บ
้ ั ง คั บ แก ก
่ รณี บ ั ง คั บ ้
ซื อกับทั ้
งกรณี ท่ ี ตอ้ งใช ค
้ ่ า เสี ย หายอั นควรจะ ไดแ ้ กเ่ จา้ ของทรั พยส์ น ิ เพราะเหตุทรั พยส์ น ิ ทา
ลายหรื อบุบสลายนั น ้ ด้วย
มาตรา ๒๓๒ ถา้ ตามความในมาตรากอ ่ นนี้ เป็ นอั นวา่ จะเอาเงินจานวนหนึ่ งให้แทนทรั พยส์ น ิ ที่ทาลายหรื อบุบสลายไซร้ เงินจานวนนี้ ทา่ นยั ง
มิใหส ้ ง่ มอบแกผ ่ ูร้ ั บจานอง ผูร้ ั บจานา หรื อเจา้ หนี้ มีบุริมสิทธิคน อื่น กอ ่ นที่หนี้ ซึ่งได้เอาทรั พยน ์ ้ี เป็ นประกันไวน ้ จะถึงกาหนด และถา้ คูก
้ ัน ่ รณี
ไมส ้
่ ามารถจะตกลงกับลูกหนี ได้ไซร้ ทา่ นวา่ ตา่ งฝ่ายตา่ งมีสท ิ ธิทีจะเรี ยกร้องให้นาเงินจานวนนั นไปวางไว้ ณ สานั กงานวางทรั พยเ์ พื่อ
่ ้
ประโยชน์อัน ร่วมกัน เวน ้ แตล่ ูกหนี้ จะหาประกันใหไ้ วต ้ ามสมควร
สว่ นที่ ๓ การใชส ้ ิ
ท ธิ เ รี ย กร ้ องของลู ก หนี ้

มาตรา ๒๓๓ ถา้ ลูกหนี้ ขั ดขืนไมย่ อมใชส ิ ธิเรี ยกร้องหรื อเพิกเฉยเสียไมใ่ ชส


้ ท ิ ธิเรี ยกร้อง เป็ น เหตุให้เจา้ หนี้ ตอ
้ ท ้ งเสียประโยชน์ไซร้ ทา่ นวา่
เจา้ หนี้ จะใชส ้ ในนามของตนเองแทนลูกหนี้ เพื่อ ป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้ นั น
ิ ธิเรี ยกร้องนั น
้ ท ้ ก็ได้ เวน
้ แตใ่ นขอ ้ ที่เป็ นการของลูกหนี้ สว่ นตัว
โดยแท้
ด้วย
มาตรา ๒๓๔ เจา้ หนี้ ผูใ้ ชส ้ ทิ ธิเรี ยกร้องของลูกหนี้ นั น้ จะตอ้ งขอหมายเรี ยกลูกหนี้ มาในคดีนัน ้ มาตรา ๒๓๕ เจา้ หนี้ จะใชส ิ ธิเรี ยกร้องของลูก
้ ท
หนี้ เรี ยกเงินเต็มจานวนที่ยังคา้ งชาระแก่
ลูกหนี้ โดยไมต ่ อ ้ งคานึ งถึงจานวนที่คา้ งชาระแกต ่ นก็ได้ ถา้ จาเลยยอมใชเ้ งินเพียงเทา่ จานวนที่ลูกหนี้ เดิมคา้ ง ชาระแกเ่ จา้ หนี้ นั น ้ คดีกเ็ ป็ น
เสร็จกันไป แตถ ่ ้า ลู กหนี ้ เดิ ม ได เ ข
้ ้า ่
ชื อเป็ นโจทก ด
์ ้ ว ย ลู ก หนี ้ เดิ ม จะขอให ศ
้ าล พิ จ ารณาพิ พ ากษาต อ
่ ไปในส ว
่ นจานวนเงิ น ที่ ยั งเหลื อติดคา้ งอยู ่
ก็ได้
แตอ่ ยา่ งไรก็ดี ทา่ นมิให้เจา้ หนี้ ได้รับมากไปกวา่ จานวนที่คา้ งชาระแกต ่ นนั น ้ เลย
มาตรา ๒๓๖ จาเลยมีขอ ้ ตอ่ สูล้ ูกหนี้ เดิมอยูอ่ ยา่ งใด ๆ ทา่ นวา่ จะยกขึ้นตอ่ สู เ้ จา้ หนี้ ได้ทังนั ้ น้ เวน ้ แตข่ อ ้ ตอ่ สู ซ้ ่ึงเกิดขึ้นเมื่อยื่นฟ้องแลว้
สว่ นที่ ๔ เพิกถอนการฉ้อฉล
มาตรา ๒๓๗ เจา้ หนี้ ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซ่ึงนิ ติกรรมใด ๆ อั นลูกหนี้ ได้ กระทาลงทั งรู ้ ้ อยูว่ า่ จะเป็ นทางให้เจา้ หนี้ เสียเปรี ยบ
แตค ่ วามข อ
้ ้
นี ท า
่ นมิ ใ ห ใ ช
้ ้ ับง คั บ ถ า
้ ปรากฏว า
่ ในขณะที ่ ท า นิ ตก
ิ รรมนั ้
น บุ คคลซึ ่ ง เป็ นผู ไ ด
้ ้ ล าภงอกแต ก
่ ารนั ้ มิได้รู้เทา่ ถึงขอ
น ้ ความจริ งอั นเป็ น
ทางใหเ้ จา้ หนี้ ตอ ้ งเสี ย เปรี ย บ
้ ด้วย แตห
นั น ่ ากกรณี เป็ นการทาให้โดยเสน่หา ทา่ นวา่ เพียงแตล่ ูกหนี้ เป็ นผูร้ ู้ ฝ่ายเดียวเทา่ นั น ้ ก็พอแลว้ ที่จะขอ เพิกถอนได้
บทบั ญญั ติดังกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ทา่ นมิให้ใชบ ้ ั งคั บแกน ่ ิ ติกรรมใดอันมิได้มีวัตถุเป็ นสิทธิใน
ทรั พยส์ น ิ
มาตรา ๒๓๘ การเพิกถอนดังกลา่ วมาในบทมาตราก่อนนั น ้ ไมอ ่ าจกระทบกระทั ่งถึงสิทธิของ บุคคลภายนอก อั นได้มาโดยสุจริ ตกอ ่ นเริ่ มฟ้อง
คดีขอเพิกถอน
อนึ่ งความที่กลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บ ถา้ สิทธินัน ้ ไดม้ าโดยเสน่หา มาตรา ๒๓๙ การเพิกถอนนั น ้ ยอ่ มไดเ้ ป็ นประโยชน์แกเ่ จา้
หนี้ หมดทุกคน

มาตรา ๒๔๐ การเรี ยกร้องขอเพิกถอนนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องร้องเมื่อพน ้ ปี หนึ่ งนั บแตเ่ วลาที่ เจา้ หนี ้ ได้รู้ตน ้ เหตุอันเป็ นมูลให้เพิกถอน หรื อ
พน ้ สิบปี นั บแตไ่ ด้ทานิ ติกรรมนั น ้
สว่ นที่ ๕ สิทธิยึดหน่วง
มาตรา ๒๔๑ ผูใ้ ดเป็ นผูค ้ รองทรั พยส์ น ิ ของผูอ ้ ่ืน และมีหนี้ อั นเป็ นคุณประโยชน์แกต ่ นเกี่ยว ดว้ ยทรั พยส์ น ิ ซึ่งครองนั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูน ้ จะ
้ ัน
ยึดหน่วงทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไวจ้ นกวา่ จะไดช้ าระหนี้ ก็ได้ แตค ่ วามที ่ ก ล า
่ ว นี้ ท า่ นมิ ใ ห ใ
้ ช บ
้ ั ง คั บ เมื่ อ หนี ้ นั ้
น ยั ง ไม ถ
่ ึ ง กาหนด
อนึ่ งบทบั ญญั ติในวรรคกอ ่ นนี้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บ ถา้ การที่เขา้ ครอบครองนั น ้ เริ่ มมาแตท ่ าการ อั นใดอั นหนึ่ งซึ่งไมช่ อบด้วยกฎหมาย
มาตรา ๒๔๒ สิทธิยึดหน่วงอั นใด ถา้ ไมส ่ มกับลั กษณะที่เจา้ หนี้ รั บภาระในมูลหนี้ ก็ดี ไมส ่ มกับ คาสั ่งอั นลูกหนี้ ได้ให้ไวก ่ นหรื อให้ในเวลาที่
้ อ
สง่ มอบทรั พยส์ น ิ นั น ้ ก็ดี หรื อเป็ นการขั ดกับความสงบเรี ยบร้อยของ ประชาชนก็ดี สิทธิยึดหน่วงเชน ่ นั น ้ ทา่ นให้ถือวา่ หามีไมเ่ ลย
มาตรา ๒๔๓ ในกรณี ท่ีลูกหนี้ เป็ นคนสินลน ้ พน ้ ตัวไมส ่ ามารถใชห ้ นี้ เจา้ หนี้ มีสท ิ ธิจะยึดหน่วง ทรั พยส์ น ิ ไวไ้ ด้ แมท ้ ่ ยังไมถ
้ ั งที ่ ึงกาหนดเรี ยก
ร้อง ถา้ การที่ลูกหนี้ ไมส ่ ามารถใช ห
้ ้
นี นั ้
น ได เ
้ กิ ด เป็ น ขึ ้ น หรื อ รู ้ ถ ึ ง เจ า
้ หนี ้ ต อ
่ ภายหลั ง เวลาที ่ ไ ด ส
้ ่ ง มอบทรั พย ส
์ ิ
น ไซร ้ ถึ ง แม ว้ า่ จะไมส ่ มกับลั กษณะ
ที่เจา้ หนี้ รั บภาระในมูลหนี้ ไวเ้ ดิม หรื อไมส ่ มกับคาสั ่ ง อั น ลู กหนี ้ ได ใ ห
้ ้ ้ ไว ก ด
็ ี เจ า
้ หนี ้ ก็ อ าจจะใช ส
้ ิ
ท ธิ ย ึ ดหน ่ ว งได ้
มาตรา ๒๔๔ ผูท ้ รงสิทธิยึดหน่วงจะใชส ้ ทิ ธิของตนแกท ่ รั พยส์ น ้
ิ ทั งหมดที ่ยึดหน่วงไวน ้ จนกวา่ จะชาระหนี้ สิน
้ ัน ้ เชิงก็ได้
มาตรา ๒๔๕ ผูท ้ รงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแหง่ ทรั พยส์ น ิ ที่ยึดหน่วงไว้ และจั ดสรรเอาไว้ เพื่อการชาระหนี้ แกต ่ นกอ ่ นเจา้ หนี้ คนอื่นก็ได้
ดอกผลเชน ่ วา่ นี้ จะตอ ้ งจั ดสรรเอาชาระดอกเบี้ยแหง่ หนี้ นั น ้ ก่อน ถา้ ยั งมีเหลือจึงให้จัดสรรใช้
ตน้ เงิน
สมควร เชน ่ จะพึงคาดหมายไดจ้ ากบุคคลในฐานะเชน ่ นั น ้
มาตรา ๒๔๖ ผูท ้ รงสิ ท ธิ ยึ ด หน ่ ว งจาต อ
้ งจั ด การดู แลรั กษาทรั พยส์ น ิ ที่ยึดหน่วงไวน ้ ัน ้ ตาม

อนึ่ งทรั พยส์ นิ ซึ่งยึดหน่วงไวน ้ ัน ้ ถา้ มิได้รับความยินยอมของลูกหนี้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงสิทธิยึดหน่วง หาอาจจะใชส ้ อยหรื อใหเ้ ชา่ หรื อเอาไปทาเป็ น
หลั กประกันได้ไม่ แตค ่ วามที่กลา่ วนี้ ทา่ นมิให้ใชบ ้ ั งคั บไปถึงการใช้ สอยเชน ่ ที่จาเป็ นเพื่อจะรั กษาทรั พยส์ น ้ เอง
ิ นั น
้ รงสิทธิยึดหน่วงกระทาการฝ่าฝื นบทบั ญญั ติใดที่กลา่ วมานี้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ จะเรี ยกร้องให้ ระงั บสิทธินัน
ถา้ ผูท ้ เสียก็ได้
มาตรา ๒๔๗ ถา้ ผูท ้ รงสิ ท ธิ ยึ ดหน ่ วงต อ
้ งเสีย ค า ใช
่ ้ ่ จ ายไปตามที ่ จ าเป็ น ่
เกี ย วด ว
้ ยทรั พย ส
์ นิ อั น ตนยึ ดหน ่ ว งไว น ้ เพียงใด จะเรี ยกใหเ้ จา้ ทรั พย ์
้ ัน
ชดใชใ้ หก ไ

้ ้ด
มาตรา ๒๔๘ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติมาตรา ๑๙๓/๒๗ การใชส ้ ท ิ ธิยึดหน่วงหาทาให้ อายุความแหง่ หนี้ สะดุดหยุดลงไม่
[เลขมาตรา ๑๙๓/๒๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติ บรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์
ที่ได้ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๒๔๙ ลูกหนี้ จะเรี ยกร้องให้ระงั บสิทธิยึดหน่วงดว้ ยหาประกันให้ไวต ้ ามสมควรก็ได้
มาตรา ๒๕๐ การครองทรั พยส์ น ิ สูญสิน้ ไป สิทธิยึดหน่วงก็เป็ นอั นระงั บสิน ้ ไปดว้ ยแตค ่ วามที ่ กลา่ วนี้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ่ รณี ท่ีทรั พยส์ น
้ ั งคั บแกก ิ อั น
ยึดหน่วงไวน ้ ไดใ้ หเ้ ชา่ ไปหรื อจานาไวด
ั้ น ้ ้ ว ยความยิ น ยอมของ ลู ก หนี ้
สว่ นที่ ๖ บุริมสิทธิ
มาตรา ๒๕๑ ผูท ้ รงบุริมสิทธิยอ่ มทรงไวซ ้ ่ึงสิทธิเหนื อทรั พยส์ น ิ ของลูกหนี้ ในการที่จะได้รับ ชาระหนี้ อั นคา้ งชาระแกต ่ น จากทรั พยส์ น ้
ิ นั น
กอ ่ นเจา้ หนี้ อื่น ๆ โดยนั ยดังบั ญญั ติไวใ้ นประมวลกฎหมายนี้ หรื อ บทกฎหมายอื่น
กรณี
มาตรา๒๕๒บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา๒๔๔นั น ้ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ งั คับตลอดถึงบุริมสิทธิดว้ ยตามแต่ ๑. บุริมสิทธิสามั ญ

มาตรา ๒๕๓[๔] ถา้ หนี้ มีอยูเ่ ป็ นคุณแกบ ่ ุคคลผูใ้ ดในมูลอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ บุคคลผูน ้ ยอ่ มมีบุริมสิทธิเหนื อทรั พยส์ น
้ ัน ิ

ทั งหมดของลู กหนี้ คือ
(๑) คา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
(๒) คา่ ปลงศพ
(๓) คา่ ภาษี อากร และเงินที่ลูกจา้ งมีสท ิ ธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทาให้แกล ่ ูกหนี้ ซึ่งเป็ นนายจา้ ง (๔) คา่ เครื่ องอุปโภคบริ โภคอันจาเป็ นประ
จาวั น
มาตรา ๒๕๔ บุริมสิทธิในมูลคา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อประโยชน์อันร่วมกั นนั น ้ ใชส
้ าหรั บเอาคา่ ใชจ้ า่ ยอั น
ได้เสียไปเพื่อประโยชน์ของเจา้ หนี้ หมดทุกคนร่วมกัน เกี่ยวด้วยการรั กษา การชาระบั ญชี หรื อการเฉลี่ย ทรั พยส์ น ิ ของลูกหนี้
้ มิไดเ้ สียไปเพื่อประโยชน์ของเจา้ หนี้ หมดทุกคนไซร้ บุริมสิทธิยอ่ มจะใชไ้ ดแ
ถา้ คา่ ใชจ้ า่ ยนั น ต
้ ่ เฉพาะต อ เจ
่ ้ า ้
หนี ผู ท
้ ่ ี ได ร้ ั บประโยชน์จากการนั น ้
มาตรา ๒๕๕ บุริมสิทธิในมูลคา่ ปลงศพนั น ้ ใชส ้ าหรั บเอาคา่ ใชจ้ า่ ยในการปลงศพตามควรแก่ ฐานานุ รูปของลูกหนี้
มาตรา ๒๕๖ บุริมสิทธิในมูลคา่ ภาษี อากรนั น ้ ใชส้ าหรั บเอาบรรดาคา่ ภาษี อากรในที่ดิน ทรั พยส์ น ิ หรื อคา่ ภาษี อากรอยา่ งอื่นที่ลูกหนี้ ยั งคา้ งชา
ระอยูใ่ นปี ปัจจุบันและกอ ้ ขึ้นไปอีกปี หนึ่ ง
่ นนั น
มาตรา ๒๕๗[๕] บุริมสิทธิในเงินที่ลูกจา้ งมีสท ิ ธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทาให้แกล ่ ูกหนี้ ซึ่งเป็ น นายจา้ งนั น
้ ให้ใชส ้ าหรั บคา่ จา้ ง คา่ ลว่ งเวลา
คา่ ทางานในวั นหยุด คา่ ลว่ งเวลาในวั นหยุด คา่ ชดเชย คา่ ชดเชย พิเศษ และเงินอื่นใดที่ลูกจา้ งมีสท ิ ธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทาให้ นั บถอย
หลั งขึ้นไปสี่เดือน แตร่ วมกันแลว้ ตอ ้ งไม่ เกินหนึ่ งแสนบาทตอ่ ลูกจา้ งคนหนึ่ ง
มาตรา ๒๕๘ บุริมสิทธิในมูลคา่ เครื่ องอุปโภคบริ โภคอั นจาเป็ นประจาวั นนั น ้ ใชส้ าหรั บเอาคา่ เครื่ องอุปโภคบริ โภค ซึ่งยั งคา้ งชาระอยูน ่ ับ
ถอยหลั งขึ้นไปหกเดือน เชน ่ คา่ อาหาร เครื่ องดื่ม โคมไฟ ฟืน ถา่ น อั นจาเป็ นเพื่อการทรงชีพของลูกหนี้ และบุคคลในสกุลซึ่งอยูก ่ ั บลูกหนี้
และซึ่งลูกหนี้ จาตอ ้
้ งอุปการะกับทั งคนใช ้ ของลูกหนี้ ด้วย
๒. บุริมสิทธิพิเศษ
(ก) บุริมสิทธิเหนื อสั งหาริ มทรั พย ์

มาตรา ๒๕๙ ถา้ หนี้ มีอยูเ่ ป็ นคุณแกบ ่ ุคคลผูใ้ ดในมูลอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ บุคคลผูน ้ ยอ่ มมีบุริมสิทธิเหนื อสั งหาริ มทรั พย ์
้ ัน
เฉพาะอยา่ งของลูกหนี้ คือ
(๑) เชา่ อสั งหาริ มทรั พย ์
(๒) พักอาศั ยในโรงแรม
(๓) รั บขนคนโดยสาร หรื อของ (๔) รั กษาสั งหาริ มทรั พย ์
(๕) ซื้อขายสั งหาริ มทรั พย ์
(๖) คา่ เมล็ดพันธุ ์ ไมพ ้ ันธุ ์ หรื อปุ๋ย
(๗) คา่ แรงงานกสิกรรม หรื ออุตสาหกรรม
มาตรา ๒๖๐ บุริมสิทธิในมูลเชา่ อสั งหาริ มทรั พยน ้ ใชส
์ ัน ้ าหรั บเอาคา่ เชา่ อสั งหาริ มทรั พย ์ และหนี้ อยา่ งอื่นของผูเ้ ชา่ อั นเกิดจากความเกี่ยวพัน
ในเรื่ องเชา่ และมีอยูเ่ หนื อสั งหาริ มทรั พยข์ องผูเ้ ชา่ ซึ่งอยูใ่ น หรื อบนอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน ้
มาตรา ๒๖๑ บุริมสิทธิของผูใ้ ห้เชา่ ที่ดินนั น ้ มีอยูเ่ หนื อสั งหาริ มทรั พยท ้
์ ั งหลายอั นผูเ้ ชา่ ได้ นาเขา้ มาไวบ ้ นที่ดินที่ให้เชา่ หรื อนาเขา้ มาไวใ้ นเรื อน
โรงอั นใชป ่ ้
้ ระกอบกับทีดินนั น และมีอยูเ่ หนื อ สั งหาริ มทรั พยเ์ ชน ่ สาหรั บทีใชใ้ นทีดินนั น กับทั งเหนื อดอกผลอันเกิดจากที่ดินซึ่งอยูใ่ นครอบ
่ ่ ้ ้
ครองของผูเ้ ชา่ นั น ้ ดว้ ย
บุริมสิทธิของผูใ้ หเ้ ชา่ เรื อนโรงยอ่ มมีอยูเ่ หนื อสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงผูเ้ ชา่ นาเขา้ มาไวใ้ นเรื อนโรงนั น ้
ด้วย
เชา่ เดิมยอ่ มครอบไปถึงสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงผูร้ ั บโอน หรื อผูเ้ ชา่ ชว่ งได้นาเขา้ มาไวใ้ นทรั พยส์ น ิ นั น้ ด้วย ความที่กลา่ ว
มาตรา ๒๖๒ ถา้ การเชา่ อสั งหาริ มทรั พยไ์ ด้โอนไปก็ดี หรื อได้ให้เชา่ ชว่ งก็ดี บุริมสิทธิของผูใ้ ห้
นี้ ทา่ นใหใ้ ชไ้ ด้ตลอดถึงเงินอั นผูโ้ อน หรื อผูใ้ หเ้ ชา่ ชว่ งจะพึงได้รับจากผูร้ ั บโอนหรื อผูเ้ ชา่ ชว่ งนั น ้ ด้วย
มาตรา ๒๖๓ ในกรณี ท่ีผูเ้ ชา่ ตอ ้ งชาระบั ญ ชี เ ่
ฉลี ย ทรั พย ส
์ ิ
น ทั ่ ว ไปนั ้
น บุ ริ มสิ ท ธิ ข องผู ใ
้ ้ ่ ่ มมีอยูแ่ ตเ่ ฉพาะสาหรั บเอาใชค
ห เ ช า ย อ ้ า่ เชา่ และหนี้
อยา่ งอื่นเทา่ ที่มีในระยะกาหนดสง่ คา่ เชา่ เพียงสามระยะ คือ ปัจจุบันระยะหนึ่ ง กอ ่ นนั น้ ้
ขึ น ไประยะหนึ ่ ง และต อ
่ ไปภายหน ้ กระยะหนึ่ งเทา่ นั น
า อี ้
และใชส ้ าหรั บเอา คา่ เสียหายซึ่งเกิดขึ้นในระยะกาหนดสง่ คา่ เชา่ ปัจจุบัน และกอ ่ นนั น ้ ขึน ้ ไปอีกระยะหนึ่ งด้วย
มาตรา ๒๖๔ ในการเรี ยกร้องของผูใ้ หเ้ ชา่ ถา้ ผูใ้ ห้เชา่ ได้รับเงินประกันไว้ ผูใ้ หเ้ ชา่ ยอ่ มมี บุริมสิทธิแตเ่ พียงในสว่ นที่ไมม ่ ีเงินประกัน

มาตรา ๒๖๕ บุริมสิทธิในมูลพักอาศั ยในโรงแรมนั น ้ ใชส ้ าหรั บเอาเงินบรรดาที่คา้ งชาระแก่ เจา้ สานั กเพื่อการพักอาศั ยและการอื่น ๆ อั นได้
จั ดใหส ้ าเร็ จ ความปรารถนาแก ค
่ นเดิ นทาง หรื อ แขกอาศั ย ้
รวมทั งการชดใช ้
เ้ งินทั งหลายที ่ไดอ
้ อกแทนไปและมีอยูเ่ หนื อเครื่ องเดินทาง หรื อ
ทรั พยส์ น ิ อยา่ งอื่นของคน เดินทาง หรื อแขกอาศั ยอั นเอาไวใ้ นโรงแรม โฮเต็ล หรื อสถานที่เชน ้
่ นั น
มาตรา ๒๖๖ ผูใ้ ห้เชา่ อสั งหาริ มทรั พย ์ หรื อเจา้ สานั กโรงแรม โฮเต็ล หรื อสถานที่เชน ้ จะ ใชบ
่ นั น ้ ุริมสิทธิของตนบั งคั บทานองเดียวกับผูร้ ั บ
จานาก็ได้ บทบั ญญั ตท ้
ิ ั งหลายแห ง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยการ บั งคั บจานานั น ้ ทา่ นให้นามาใชบ ้ ั งคั บด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๒๖๗ บุริมสิทธิในมูลรั บขนนั น ้ ใชส ้ าหรั บเอาคา่ ระวางพาหนะในการรั บขนคน โดยสารหรื อของ กับทั งค ้ า่ ใชจ้ า่ ยอั นเป็ นอุปกรณ์
และเป็ นบุริมสิทธิมีอยูเ่ หนื อของและเครื่ องเดินทางทั งหมดอั ้ น อยูใ่ นมือของผูข้ นสง่
มาตรา ๒๖๘ ในกรณี ดังไดป ้ รารภไวใ้ นความแปดมาตรากอ ่ นนี้ นั น ้ ผูใ้ หเ้ ชา่ อสั งหาริ มทรั พยก์ ็ ดี เจา้ สานั กโรงแรมก็ดี หรื อผูข้ นสง่ ก็ดี จะใช้
บุริมสิทธิของตนเหนื อสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นเป็ นของบุคคลภายนอกก็ ได้ เวน ้ แตต ่ นจะไดร้ ู้ ในเวลาอั นควรรู้ ไดว้ า่ ทรั พยส์ น ้ เป็ นของบุคคล
ิ เหลา่ นั น
ภายนอก
ถา้ สั งหาริ มทรั พยน ้ ถูกลั กหรื อสูญหาย ทา่ นให้บังคั บตามบทกฎหมายวา่ ด้วยการแสวงคืน ครองทรั พย ์
์ ัน
มาตรา ๒๖๙ บุริมสิทธิในมูลรั กษาสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน ้ ใชส ้ าหรั บเอาคา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อรั กษา สั งหาริ มทรั พย ์ และมีอยูเ่ หนื อสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นนั น ้
่ ้
อนึ งบุริมสิทธินียั งใชส ้ าหรั บเอาคา่ ใชจ้ า่ ยทีจาเป็ นอั นได้เสียไปเพื่อที่จะสงวนสิทธิ หรื อรั บ สภาพสิทธิ หรื อบั งคั บสิทธิ อั นเกี่ยวด้วย

สั งหาริ มทรั พยน ้ อีกดว้ ย
์ ัน
มาตรา ๒๗๐ บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสั งหาริ มทรั พยน ้ ใชส
์ ัน ้ าหรั บเอาราคาซื้อขายและ ดอกเบี้ยในราคานั น ้ และมีอยูเ่ หนื อสั งหาริ มทรั พยอ์ ั น
นั ้ น
มาตรา ๒๗๑ บุริมสิทธิในมูลคา่ เมล็ดพันธุ ์ ไมพ ้ ันธุ ์ หรื อปุ๋ยนั น ้ ใชส ้ าหรั บเอาราคาคา่ เมล็ด พันธุ ์ ไมพ ้ ันธุ ์ หรื อปุ๋ย และดอกเบี้ยในราคานั ้ น
และมีอยูเ่ หนื อดอกผลอันเกิดงอกในที่ดินเพราะใชส ้ งิ่ เหลา่ นั น ้ ภายในปี หนึ่ งนั บแตเ่ วลาที่ใช้
มาตรา ๒๗๒ บุริมสิทธิในมูลคา่ แรงงานเพื่อกสิกรรมและอุตสาหกรรมนั น ้ ในสว่ นบุคคลที่ได้ ทาการงานกสิกรรม ใชส ้ าหรั บเอาคา่ จา้ งนั บ
้ ่
ถอยหลั งขึนไปปี หนึ ง และในสว่ นบุคคลทีได้ทาการงาน ่
อุตสาหกรรม ใชส ้ าหรั บเอาคา่ จา้ งนั บถอยหลั งขึ้นไปสามเดือน และเป็ นบุริมสิทธิมีอยูเ่ หนื อดอกผลหรื อสิง่ ของที่ ประดิษฐ์ข้ึนอันเกิดแตแ ่ รงงาน
ของบุคคลนั น ๆ้
(ข) บุริมสิทธิเหนื ออสั งหาริ มทรั พย ์
มาตรา ๒๗๓ ถา้ หนี้ มีอยูเ่ ป็ นคุณแกบ ่ ุคคลผูใ้ ดในมูลอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ บุคคลผูน ้ ัน้ ยอ่ มมีบุริมสิทธิเหนื ออสั งหาริ มทรั พย ์
เฉพาะอยา่ งของลูกหนี้ คือ
(๑) รั กษาอสั งหาริ มทรั พย ์
(๒) จา้ งทาของเป็ นการงานทาขึ้นบนอสั งหาริ มทรั พย ์ (๓) ซื้อขายอสั งหาริ มทรั พย ์
มาตรา ๒๗๔ บุริมสิทธิในมูลรั กษาอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน ้ ใชส ้ าหรั บเอาคา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อรั กษา อสั งหาริ มทรั พย ์ และมีอยูเ่ หนื ออสั งหาริ มทรั พยอ์ ั น

นั น
อนึ่ งบทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๒๖๙ วรรคสองนั น ้ ทา่ นใหน ้ ามาใชบ ่ รณี ท่ีกลา่ วมาใน วรรคกอ
้ ั งคั บแกก ่ นนี้ ดว้ ย
มาตรา ๒๗๕ บุริมสิทธิในมูลจา้ งทาของเป็ นการงานทาขึ้นบนอสั งหาริ มทรั พยน ้ ใชส
ั์ น ้ าหรั บ เอาสินจา้ ง คา่ ทาของเป็ นการงานอั นผูก ้ อ
่ สร้าง
สถาปนิ ก หรื อผูร้ ั บจา้ งได้ทาลงบนอสั งหาริ มทรั พยข์ องลูกหนี้ และมีอยูเ่ หนื ออสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นนั น ้
อนึ่ ง บุริมสิทธิน้ี ยอ่ มเกิดมีข้ึนตอ่ เมื่ออสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน้ มีราคาเพิ่มขึ้นในปัจจุบันเพราะการที่ ได้ทาขึ้นนั น ้ และมีอยูเ่ พียงเหนื อราคาที่เพิ่มขึ้น

เทา่ นั น
มาตรา ๒๗๖ บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน้ ใชส ้ าหรั บเอาราคาอสั งหาริ มทรั พย ์
และดอกเบี้ยในราคานั น ้ และมีอยูเ่ หนื ออสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นนั น ้
๓. ลาดับแหง่ บุริมสิทธิ
มาตรา ๒๗๗ เมื่อมีบุริมสิทธิสามั ญหลายรายแยง้ กัน ทา่ นให้ถือวา่ บุริมสิทธิทังหลายนั ้ ้ มี ลาดับที่จะใหผ
น ้ ลกอ่ นหลั ง ดังที่ได้เรี ยงลาดับไวใ้ น
มาตรา ๒๕๓
เมื่อมีบุริมสิทธิสามั ญแยง้ กับบุริมสิทธิพิเศษ ทา่ นวา่ บุริมสิทธิพิเศษยอ่ มอยูใ่ นลาดับก่อน แต่ บุริมสิทธิในมูลคา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อประโยชน์ร่วมกั นนั น ้
ยอ่ มอยูใ่ นลาดับกอ ่
่ นในฐานทีจะใชส ิ ้ ้
้ ทธินันตอ่ เจา้ หนี ผูไ้ ด้รับ ประโยชน์จากการนั นหมดทุกคนด้วยกัน้

มาตรา ๒๗๘ เมื่อมีบุริมสิทธิแยง้ กันหลายรายเหนื อสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นหนึ่ งอั นเดียวกัน ทา่ น ใหถ ้ ือลาดับกอ ่ นหลั งดังที่เรี ยงไวต ้ อ่ ไปนี้ คือ
(๑) บุริมสิทธิในมูลเชา่ อสั งหาริ มทรั พย ์ พักอาศั ยในโรงแรมและรั บขน
(๒) บุริมสิทธิในมูลรั กษาสั งหาริ มทรั พย ์ แตถ ่ า้ มีบุคคลหลายคนเป็ นผูร้ ั กษา ทา่ นวา่ ผูท ้ ่ีรักษา ภายหลั งอยูใ่ นลาดับกอ ่ นผูท ้ ่ีได้รักษามาก่อน
(๓) บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสั งหาริ มทรั พย ์ คา่ เมล็ดพันธุ ์ ไมพ ้ ันธุ ์ หรื อปุ๋ย และคา่ แรงงานกสิกร รมและอุตสาหกรรม
ถา้ บุคคลผูใ้ ดมีบุริมสิทธิอยูใ่ นลาดับเป็ นที่หนึ่ ง และรู้ อยูใ่ นขณะที่ตนได้ประโยชน์แหง่ หนี้ มานั น ้
วา่ ยั งมีบุคคลอื่นซึ่งมีบุริมสิทธิอยูใ่ นลาดับที่สองหรื อที่สามไซร้ ทา่ นหา้ มมิใหบ ้ ุ ค คลผู น
้ ั ้
น ใช ้ ธิในการที่ตนอยูใ่ น ลาดับกอ
ส ิ
ท ่ นนั น ้ ตอ ่ บุคคลอื่น
เชน ่ วา่ มา และทา่ นหา้ มมิใหใ้ ชส ้ ท ิ ธิน้ี ตอ่ ผูท
้ ่ ี ไดร
้ ั กษาทรั พย ไว
์ ้ เพื่ อประโยชน แ
์ ่ ก บ ุ คคล ผู ม
้ ี บ ุ ร ิ ม สิ
ท ธิ ใ นลาดับที ่ ห ่
นึ งนั ้
น เองด ว
้ ย
ในสว่ นดอกผล ทา่ นให้บุคคลผูไ้ ด้ทาการงานกสิกรรมอยูใ่ นลาดับที่หนึ่ ง ผูส ้ ง่ เมล็ดพันธุ ์ ไมพ ้ ันธุ ์ หรื อปุ๋ย อยูใ่ นลาดับที่สอง และใหผ ้ ูเ้ ชา่
ที่ดินอยูใ่ นลาดับที่สาม
มาตรา ๒๗๙ เมื่อมีบุริมสิทธิพิเศษแยง้ กันหลายรายเหนื ออสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นหนึ่ งอั นเดียวกัน ทา่ นให้ถือลาดับกอ ่ นหลั งดังที่ได้เรี ยงลาดับไวใ้ น
มาตรา ๒๗๓
ถา้ ไดซ ้ ้ ือขายอสั งหาริ มทรั พยน ้ สืบตอ่ กั นไปอีกไซร้ ลาดับกอ
์ ัน ่ นหลั งในระหวา่ งผูข้ ายดว้ ยกัน นั น ้ ทา่ นใหเ้ ป็ นไปตามลาดั บที่ไดซ ้ ้ ื อขายกอ ่ นและ
หลั ง
มาตรา ๒๘๐ เมื่อบุคคลหลายคนมีบุริมสิทธิในลาดับเสมอกันเหนื อทรั พยอ์ ันหนึ่ งอั น เดียวกัน ทา่ นให้ตา่ งคนตา่ งได้รับชาระหนี้ เฉลี่ยตามสว่ น
มากน้อยแหง่ จานวนที่ตนเป็ นเจา้ หนี้
๔. ผลแหง่ บุริมสิทธิ
มาตรา ๒๘๑ บุริมสิทธิอันมีอยูเ่ หนื อสั งหาริ มทรั พยน ้ ทา่ นห้ามมิใหใ้ ช้ เมื่อบุคคลภายนอก ได้ทรั พยน
์ ัน ์ ัน ้ จากลูกหนี้ และได้สง่ มอบทรั พย ์
ใหก ้ ันไปเสร ็ จ แลว้
มาตรา ๒๘๒ เมื่อมีบุริมสิทธิแยง้ กับสิทธิจานาสั งหาริ มทรั พย ์ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจานายอ่ มมีสท ิ ธิ เป็ นอยา่ งเดียวกันกับผูท ้ รงบุริมสิทธิในลาดับที่หนึ่ ง
ดังที่เรี ยงไวใ้ นมาตรา ๒๗๘ นั น ้
มาตรา ๒๘๓ บุคคลผูม ้ ีบุริมสิทธิสามั ญตอ ้ งรั บชาระหนี้ เอาจากสั งหาริ มทรั พยข์ องลูกหนี้ กอ ่ น ตอ่ เมื่อยั งไมพ ่ อจึงให้เอาชาระหนี้ จาก
อสั งหาริ มทรั พยไ์ ด้

ในสว่ นอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน ้ ก็ตอ ้ งรั บชาระหนี้ เอาจากอสั งหาริ มทรั พย ์ อั นมิไดต ้ กอยูใ่ นฐาน เป็ นหลั กประกันพิเศษเสียกอ ่ น
ถา้ บุคคลใดมีบุริมสิทธิสามั ญและละเลยดว้ ยความประมาทเลินเลอ่ ไมส ่ อดเขา แย
้ ้ ง ขั ดในการ แบ ง
่ เฉลี ่ ย ทรั พย ์ ตามความที ่ ก ้
ลา่ วมาในวรรคทั งสอง
ขา้ งบนนี้ ไซร้ อั นบุคคลนั น ้ จะใชบ ้ ุริมสิทธิของตนตอ ่ บุคคลภายนอกผูไ้ ด้จดทะเบียนสิทธิไวแ ้ ลว้ เพื่อจะเอาใชจ้ นถึงขนาดเชน ่ ที่ตนจะหากได้รับ
เพราะได้สอดเขา้ แยง้ ขั ดนั น ้ ทา่ นวา่ หาอาจจะใชไ้ ด้ไม่
อนึ่ ง บทบั ญญั ตท ิ ่ีกลา่ วมาในวรรคทั งสามข ้ ้ ั งคั บ หากวา่ เงินที่ขาย อสั งหาริ มทรั พยไ์ ด้นัน
้ นี้ ทา่ นมิให้ใชบ
า้ งตน ้ จะพึงตอ ้ งเอามาแบง่ เฉลี่ยกอ ่ น

เงินทีขายทรั พยส์ น ่
ิ อยา่ งอืนก็ดี หรื อหากวา่ เงินทีขาย ่
อสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นตกอยูใ่ นฐานเป็ นหลั กประกั นพิเศษนั น ้ จะพึงตอ ้ งเอามาแบง่ เฉลี่ยกอ ่ นเงินที่ขาย อสั งหาริ มทรั พยอ์ ยา่ งอื่นก็ดุจกัน
มาตรา ๒๘๔ บุริมสิทธิสามั ญนั น ้ ถึงแมจ้ ะมิไดไ้ ปลงทะเบียนเกี่ยวดว้ ยอสั งหาริ มทรั พยก์ ด ็ ี ยอ่ มจะยกขึ้นเป็ นขอ ่ สู เ้ จา้ หนี้ ใด ๆ ที่ไมม
้ ตอ ่ ีหลั ก
ประกันพิเศษนั น ้ ได้ แตค ่ วามที่กลา่ วนี้ ทา่ นมิให้ใชไ้ ปถึงการ ตอ่ สู บ ้ ุคคลภายนอกผูไ้ ด้ไปลงทะเบียนสิทธิไว้
มาตรา ๒๘๕ บุริมสิทธิในมูลรั กษาอสั งหาริ มทรั พยน ้ ถา้ หากวา่ เมื่อทาการเพื่อบารุ งรั กษา นั น
์ ัน ้ สาเร็จแลว้ ไปบอกลงทะเบียนไวโ้ ดยพลั นไซร้
บุริมสิทธิกค ็ งให้ผลตอ่ ไป
มาตรา ๒๘๖ บุริมสิทธิในมูลจา้ งทาของเป็ นการงานทาขึ้นบนอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน้ หากทา รายการประมาณราคาชั ่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว ้
กอ ่
่ นเริ มลงมือการทาไซร้ บุริมสิทธิกค ็ งให้ผลตอ่ ไป แตถ ่ า้ ราคาทีทาจริ งนั นลา้ ราคาที่ได้ประมาณไวช้ ั ่วคราว ทา่ นวา่ บุริมสิทธิในสว่ นจานวนที่
่ ้
ลา้ อยูน ั่ น ้ หามีไม่
สว่ นการที่จะวินิจฉั ยวา่ อสั งหาริ มทรั พยน ้ มีราคาเพิ่มขึ้นเพราะการอั นได้ทาขึ้นบน อสั งหาริ มทรั พยม
์ ัน ์ ากน้อยเพียงใดนั น ้ ทา่ นให้ศาลตั งแต ้ ง่ ผู ้
่ ้
เชียวชาญขึนเป็ นผูก ้ ะประมาณ ในเวลาที่มีแยง้ ขั ดใน
การแบง่ เฉลี่ย
มาตรา ๒๘๗ บุริมสิทธิใดไดไ้ ปจดลงทะเบียนแลว้ ตามบทบั ญญั ติแหง่ มาตราทั งสองข ้ า้ งบนนี้ บุริมสิทธินัน
้ ทา่ นวา่ อาจจะใชไ้ ดก ้ อ
่ นสิทธิจานอง
มาตรา ๒๘๘ บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสั งหาริ มทรั พยน ้ หากวา่ เมื่อไปลงทะเบียนสั ญญาซื้อ ขายนั น
์ ัน ้ บอกลงทะเบียนไวด ้ ้วยวา่ ราคาหรื อ
ดอกเบี้ยในราคานั น ้ ยั งมิได้ชาระไซร้ บุริมสิทธินัน
้ ก็คงให้ผลตอ่ ไป
มาตรา ๒๘๙ วา่ ถึงผลแหง่ บุริมสิทธิ นอกจากที่ได้บัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๒๘๑ ถึง ๒๘๘ นี้ แลว้ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติทังหลายแห ้ ง่ ลั กษณะ
จานองมาใชบ ้ ั งคั บด้วยตามแตก ่ รณี

หมวด ๓ ลูกหนี้ และเจา้ หนี้ หลายคน


มาตรา ๒๙๐ ถา้ การชาระหนี้ เป็ นการอั นจะแบง่ กันชาระได้และมีบุคคลหลายคนเป็ นลูกหนี้ ก็ ดี มีบุคคลหลายคนเป็ นเจา้ หนี้ ก็ดี เมื่อกรณี เป็ นที่
สงสั ย ทา่ นวา่ ลูกหนี้ แตล่ ะคนจะต้องรั บผิดเพียงเป็ นสว่ นเทา่ ๆ กันและเจา้ หนี้ แตล่ ะคนก็ชอบที่จะได้รับแตเ่ พียงเป็ นสว่ นเทา่ ๆ กัน
มาตรา ๒๙๑ ถา้ บุคคลหลายคนจะตอ ้ งทาการชาระหนี้ โดยทานองซึ่งแตล่ ะคนจาตอ ้ งชาระ หนี้ สิน ้ เชิงไซร้ แมถ ้ ึงวา่ เจา้ หนี้ ชอบที่จะได้รับชา
้ ้ ้ ้ ้
ระหนี สินเชิงได้แตเ่ พียงครั งเดียว (กลา่ วคือลูกหนี ร่วมกั น) ก็ดี เจา้ หนี จะเรี ยกชาระหนี จากลูกหนี แตค ้ ้ ่ นใดคนหนึ่ งสิน ้ เชิงหรื อแตโ่ ดยสว่ น
้ ้
ก็ได้ตามแตจ่ ะเลือก แตล่ ูกหนี ทั งปวง ก็ยังคงตอ ้ งผูกพันอยูท ่ ้ ้
่ ั วทุกคนจนกวา่ หนี นั นจะได้ชาระเสร็จสินเชิง ้
มาตรา ๒๙๒ การที่ลูกหนี้ ร่วมกันคนหนึ่ งชาระหนี้ นั น ้ ยอ่ มไดเ้ ป็ นประโยชน์แกล ่ ูกหนี้ คนอื่น ๆ ดว้ ย วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกก
่ ารใด
ๆ อั นพึงกระทาแทนชาระหนี้ วางทรั พยส์ ิ นแทนชาระหนี้ และหักกลบลบหนี้ ด้วย
ลูกหนี้ ร่วมกันคนหนึ่ งมีสท ิ ธิเรี ยกร้องอยา่ งไร ลูกหนี้ คนอื่น ๆ จะเอาสิทธิอันนั น ้ ไปใชห ้ ักกลบ ลบหนี้ หาได้ไม่
มาตรา ๒๙๓ การปลดหนี้ ให้แกล ่ ูกหนี้ ร่วมกั นคนหนึ่ งนั น ้ ยอ่ มเป็ นไปเพื่อประโยชน์แกล ่ ูกหนี้ คนอื่น ๆ เพียงเทา่ สว่ นของลูกหนี้ ที่ได้ปลดให้
เวน้ แตจ่ ะได้ตกลงกันเป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๒๙๔ การที่เจา้ หนี้ ผิดนั ดตอ่ ลูกหนี้ ร่วมกั นคนหนึ่ งนั น ้ ยอ่ มได้เป็ นคุณประโยชน์แก่ ลูกหนี้ คนอื่น ๆ ด้วย
มาตรา ๒๙๕ ขอ ้ ความจริ ง ่
อื น ใด นอกจากที ่ ร ะบุ ไ ว ใ
้ นมาตรา ๒๙๒ ถึง ๒๙๔ นั น ้ เมื่อเป็ น เรื่ องเทา้ ถึงตัวลูกหนี้ ร่วมกันคนใดก็ยอ่ มเป็ นไป
เพื่อคุณและโทษแตเ่ ฉพาะแกล ู่ กหนี้ คนนั น ้ เวน ้ แต จ
่ ะปรากฏว า
่ ขั ด กับสภาพแห ่ ้ นั น
ง หนี ้ เอง
ความที่วา่ มานี้ เมื่อจะกลา่ วโดยเฉพาะก็คือวา่ ให้ใชแ ้ กก ่ ารให้คาบอกกลา่ วการผิดนั ด การที่ หยิบยกอา้ งความผิด การชาระหนี้ อันเป็ นพ้นวิสัย
แกฝ ่ ่ ายลูกหนี้ ร่วมกันคนหนึ่ ง กาหนดอายุความหรื อการที่ อายุ ความสะดุดหยุดลง และการที่สท ิ ธิเรี ยกร้องเกลื่อนกลืนกั นไปกับหนี้ สิน

มาตรา ๒๙๖ ในระหวา่ งลูกหนี้ ร่วมกันทั งหลายนั ้ ้ ทา่ นวา่ ตา่ งคนตา่ งตอ
น ้ งรั บผิดเป็ นสว่ นเทา่ ๆ กัน เวน ้ แตจ่ ะได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ถา้
สว่ นที่ลูกหนี้ ร่วมกันคนใดคนหนึ่ งจะพึงชาระนั น ้ เป็ นอั นจะเรี ยก เอาจากคนนั น ้ ไมไ่ ด้ไซร้ ยั งขาดจานวนอยูเ่ ทา่ ไรลูกหนี้ คนอื่น ๆ ซึ่งจาตอ ้ ง
ออกสว่ นดว้ ยนั น ้ ก็ตอ ้ งรั บใช ้ แต ถ า
่ ้ ลู ก หนี ้ ร่ ว มกันคนใดเจ า
้ หนี ้ ได ป
้ ลดให ห
้ ลุ ด พ น
้ จากหนี ้ อันร ่ ว มกันนั ้
น แล ว
้ ส ว
่ นที ่ ล ู กหนี ้ คนนั ้
น จะพึ ง ต อ
้ งชา
ระหนี้ ก็ ตกเป็ นพับแกเ่ จา้ หนี้ ไป
มาตรา ๒๙๗ ถา้ ในสั ญญาอั นหนึ่ งอั นใดมีบุคคลหลายคนร่วมกันผูกพั นตนในอันจะทาการ ชาระหนี้ ไซร้ หากกรณี เป็ นที่สงสั ย ทา่ นวา่ บุคคล
เหลา่ นั น ้ จะตอ ้ งรั บผิดเชน ่ อยา่ งเป็ นลูกหนี้ ร่วมกัน แมถ ้ ึงวา่ เป็ น
การอั นจะแบง่ กันชาระหนี้ ได้
มาตรา ๒๙๘ ถา้ บุคคลหลายคนมีสท ิ ธิเรี ยกร้องการชาระหนี้ โดยทานองซึ่งแตล่ ะคนอาจจะ เรี ยกใหช้ าระหนี้ สิน ้ เชิงไดไ้ ซร้ แมถ ้ ึงวา่ ลูกหนี้ จา
ตอ ้ งชาระหนี ้ สิ ้
น เชิ ง แต เ
่ พี ย งครั ้
ง เดี ย ว (กล า
่ วคื อเจ า
้ หนี ้ ร่ ว มกัน) ก็ ด ี ท า นว
่ ่ า ลู ก หนี ้ จะชาระหนี ้ ให แก เ
้ ่ ้ จ า หนี ้ แต ค
่ นใดคนหนึ ่ งก็
ไ ด ต
้ ามแตจ่ ะ
เลือก ความขอ ้ นี้ ให้ใชบ ้ ั งคั บได้ แมท ้ ่ เจา้ หนี้ คนหนึ่ งจะได้ย่ืนฟ้องเรี ยกชาระหนี้ ไวแ
้ ั งที ้ ลว้
มาตรา ๒๙๙ การที่เจา้ หนี้ ร่วมกันคนหนึ่ งผิดนั ดนั น ้ ยอ่ มเป็ นโทษแกเ่ จา้ หนี้ คนอื่น ๆ ด้วย
ถา้ สิทธิเรี ยกร้องและหนี้ สินนั น ้ เป็ นอันเกลื่อนกลืนกั นไปในเจา้ หนี้ ร่วมกันคนหนึ่ ง สิทธิของ เจา้ หนี้ คนอื่น ๆ อั นมีตอ่ ลูกหนี้ ก็ยอ่ มเป็ นอั นระงั บ
สิน้ ไป
นอกจากนี้ ทา่ นใหน ้ าบทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๒๙๒, ๒๙๓ และ ๒๙๕ มาใชบ ้ ั งคั บดว้ ยโดย อนุ โลม กลา่ วโดยเฉพาะก็คือ แมเ้ จา้ หนี้ ร่วม
กันคนหนึ่ งจะโอนสิทธิเรี ยกร้องใหแ ้ ่ก บ ุ ค คลอื ่ น ไปก็ ห า กระทบกระทั ่ ง ถึ ง สิ ท ธิ ข องเจ า้ หนี้ คนอื่น ๆ ดว้ ยไม่
มาตรา ๓๐๐ ในระหวา่ งเจา้ หนี้ ร่วมกันนั น ้ ทา่ นวา่ ตา่ งคนชอบที่จะได้รับชาระหนี้ เป็ นสว่ น
เทา่ ๆ กัน เวน ้ แตจ่ ะได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๓๐๑ ถา้ บุคคลหลายคนเป็ นหนี้ อั นจะแบง่ กันชาระมิได้ ทา่ นวา่ บุคคลเหลา่ นั น ้ ตอ ้ งรั บ ผิดเชน ่ อยา่ งลูกหนี้ ร่วมกัน

มาตรา ๓๐๒ ถา้ การชาระหนี เป็ นการอั นจะแบง่ กันชาระมิได้ และมีบุคคลหลายคนเป็ น เจา้ หนี ถา้ บุคคลเหลา่ นั น ้ ้ มิได้เป็ นเจา้ หนี้ ร่วมกันไซร้
ทา่ นวา่ ลูกหนี้ ไดแ ้ ่ต จ ะชาระหนี ้ ให ไ
้ ้ด ป ระโยชน แ
์ ่กบ ุ ค คล เหล า
่ นั ้
น ทั ้
งหมดด ว
้ ยกัน และเจ า
้ หนี ้ แต ล
่ ะคนจะเรี ย กชาระหนี ้ ไดก ้ แ็ ตเ่ พื่อไดป ้ ระโยชน์
ดว้ ยกันหมดทุกคนเทา่ นั น ้ อนึ่ งเจา้ หนี้ แตล่ ะคนจะเรี ยกใหล ู้ กหนี้ วางทรั พยท ์ ่ ี เ ป็ น หนี ้ นั ้
น ไว เ
้ ่
พื อ ประโยชน แห
์ ่ ้ง เจ า หนี ้ หมดทุ ก คนด ว
้ ยกันก็ ได้
หรื อถา้ ทรั พยน ์ ัน ้ ไมค ่ วรแกก ่ ารจะวางไวก ้ ใ็ ห้สง่ แกผ ่ ูพ ้ ิทักษ์ทรั พยซ์ ่ึงศาลจะได้ตังแต ้ ง่ ขึ้น

นอกจากนี้ ขอ ้ ความจริ งใดที่เทา้ ถึงเจา้ หนี้ คนหนึ่ งเทา่ นั น


้ หาเป็ นไปเพื่อคุณหรื อโทษแกเ่ จา้ หนี้ คนอื่น ๆ ด้วยไม่
หมวด ๔ โอนสิทธิเรี ยกร้อง
มาตรา ๓๐๓ สิทธิเรี ยกร้องนั น ้ ทา่ นวา่ จะพึงโอนกั นได้ เวน ้ ไวแ้ ตส
่ ภาพแหง่ สิทธินัน ้ เองจะไม่
เปิดชอ่ งใหโ้ อนกันได้
ความที่กลา่ วมานี้ ยอ่ มไมใ่ ชบ ้ ั งคั บ หากคูก ่ รณี ได้แสดงเจตนาเป็ นอยา่ งอื่น การแสดงเจตนา
เชน ่ วา่ นี้ ทา่ นห้ามมิใหย้ กขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ
่ สู บ
้ ุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ต
มาตรา ๓๐๔ สิทธิเรี ยกร้องเชน ่ ใด ตามกฎหมายศาลจะสั ง่ ยึดไมไ่ ด้ สิทธิเรี ยกร้องเชน ้ ทา่ นวา่ จะโอนกันหาได้ไม่
่ นั น
มาตรา ๓๐๕ เมื่อโอนสิทธิเรี ยกร้องไป สิทธิจานอง จานา หรื อหลั กประกันทางธุรกิจที่มีอยู ่ เกี่ยวพันกับสิทธิเรี ยกร้องนั น ้ ก็ดี สิทธิอันเกิด
้ขึนแตก ่ ่ ้
่ ารคา้ ประกันทีให้ไวเ้ พือสิทธิเรี ยกร้องนั นก็ดี ยอ่ มตกไป ได้แกผ ่ ูร้ ั บโอนด้วย[๖]
อนึ่ งผูร้ ั บโอนจะใชบ ้ ุริมสิทธิใด ๆ ที่ตนมีอยูเ่ กี่ยวดว้ ยสิทธิเรี ยกร้องในกรณี บังคั บยึดทรั พยห ์ รื อ ลม ้ ก็ได้
้ ละลายนั น
มาตรา ๓๐๖ การโอนหนี้ อันจะพึงตอ ้ งชาระแกเ่ จา้ หนี้ คนหนึ่ งโดยเฉพาะเจาะจงนั น้ ถา้ ไมท่ า เป็ นหนั งสือ ทา่ นวา่ ไมส ่ มบูรณ์ อนึ่ งการโอนหนี้
้ ้
นั นทา่ นวา่ จะยกขึนเป็ นขอ ้ ตอ ้
่ สูล้ ูกหนี หรื อบุคคลภายนอกได้แต่
เมื่อไดบ้ อกกลา่ วการโอนไปยั งลูกหนี้ หรื อลูกหนี้ จะไดย้ ินยอมดว้ ยในการโอนนั น ้ คาบอกกลา่ วหรื อความยินยอม เชน ่ วา่ นี้ ทา่ นวา่ ตอ้ งทาเป็ น
หนั งสือ
ถา้ ลูกหนี้ ทาให้พอแกใ่ จผูโ้ อนด้วยการใชเ้ งิน หรื อด้วยประการอื่นเสียแตก ่ อ
่ นได้รับบอกกลา่ ว หรื อกอ ่ นได้ตกลงให้โอนไซร้ ลูกหนี้ นั น ้ ก็เป็ น
อั นหลุดพน ้ จากหนี้
มาตรา ๓๐๗ ถา้ พิพาทอา้ งสิทธิในการโอนตา่ งราย โอนรายใดได้บอกกลา่ วหรื อตกลงกัน กอ ่ น โอนรายนั น ้ มีสท ิ ธิดีกวา่ โอนรายอื่น ๆ

มาตรา ๓๐๘ ถา้ ลูกหนี ได้ให้ความยินยอมดังกลา่ วมาในมาตรา ๓๐๖ โดยมิได้อิด เอือน ทา่ นวา่ จะยกขอ ้ ่
้ ีมีตอ่ ผูโ้ อนขึ้นตอ่ สูผ
้ ตอ่ สู ท ้ ูร้ ั บโอน
นั น ้ หาไดไ้ ม่ แตถ่ ้า ่
เพื อจะระงั บ หนี้ นั ้
น ลู ก ้
หนี ไดใ ช
้ ้เ งิ น

ให้แกผ ่ ูโ้ อนไปไซร้ ลูกหนี้ จะเรี ยกคืนเงินนั น ้ ก็ได้ หรื อถา้ เพื่อการเชน ่ กลา่ วมานั น ้ ลูกหนี้ รั บภาระเป็ นหนี้ อยา่ งใด อยา่ งหนึ่ งขึ้นใหมต ่ อ่ ผูโ้ อน
จะถือเสมือนหนึ่ งวา่ หนี้ นั น ้ มิได้กอ ่ ขึ้นเลยก็ได้
ถา้ ลูกหนี้ เป็ นแตไ่ ด้รับคาบอกกลา่ วการโอน ทา่ นวา่ ลูกหนี้ มีขอ ้ ตอ่ สู ผ
้ ูโ้ อนกอ ่ นเวลาที่ได้รับคา บอกกลา่ วนั น ้ ฉั นใด ก็จะยกขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ่ สูแ ้ ก่

ผูร้ ั บโอนได้ฉันนั น ถา้ ลูกหนี มีสท ้ ิ ธิเรี ยกร้องจากผูโ้ อน แตส ่ ท ้
ิ ธิ นั นยั งไมถ ่ ึงกาหนดในเวลาบอกกลา่ วไซร้ ทา่ นวา่ จะเอาสิทธิเรี ยกร้องนั น ้ มา
หักกลบลบกั นก็ได้ หากวา่ สิทธินัน ้ จะได้ถึงกาหนดไมช่ า้ กวา่ เวลาถึงกาหนดแหง่ สิทธิเรี ยกร้องอั นได้โอนไปนั น ้
มาตรา ๓๐๙ การโอนหนี้ อั นพึงตอ ้ งชาระตามเขาสั ่ ง นั ้
น ท า นว
่ ่ า จะยกขึ ้ นเป็ นขอ ต
้ ่ ้อสู ลู กหนี ้
หรื อบุคคลภายนอกคนอื่นได้แตเ่ ฉพาะเมื่อการโอนนั น ้ ได้สลั กหลั งไวใ้ นตราสาร และตัวตราสารนั น ้ ได้สง่ มอบ ให้แกผ ่ ูร้ ั บโอนไปด้วย
มาตรา ๓๑๐ ในมูลหนี้ อั นพึงตอ ้ งชาระตามเขาสั ่งนั น ้ ลูกหนี้ มีสท ิ ธิท่ีจะสอบสวนถึงตัวผูท ้ รง ตราสาร หรื อสอบสวนความถูกตอ ้ งแทจ้ ริ งแหง่
ลายมือชื่อหรื อดวงตราของผูท ้ รงได้ แตก ่ ห็ ามีความผูกพันที่ จะตอ ้ งทาถึงเพียงนั น ้ ไม่ แตถ ่ า้ ลูกหนี้ ทาการโดยทุจริ ตหรื อประมาทเลินเลอ่ อยา่ ง
ร้ายแรงไซร้ การชาระหนี้ นั น ้ ก็ไม่ เป็ นอั นสมบูรณ์
มาตรา ๓๑๑ บทบั ญญั ติแหง่ มาตรากอ ่ นนี้ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ั งคั บตลอดถึงกรณี ท่ีมีกาหนดตัว เจา้ หนี้ ระบุไวใ้ นตราสาร ซึ่งมีขอ ้ ความจดไวด ้ ้วยวา่ ให้
ชาระหนี้ แกผ ู
่ ้ ท รงตราสาร
มาตรา ๓๑๒ ในมูลหนี้ อั นพึงตอ ้ งชาระตามเขาสั ่งนั น ้ ลูกหนี้ จะยกขอ ้ ่ึงมีตอ่ เจา้ หนี้ เดิม ขึ้นเป็ นขอ
้ ตอ่ สู ซ ้ ตอ
่ สู ผ
้ ูร้ ั บโอนโดยสุจริ ตนั น ้ หาไดไ้ ม่
เวน ้ แตท ่ ่ีปรากฏในตัวตราสารนั น ้ เอง หรื อที่มีข้ึนเป็ นธรรมดาสืบ จากลั กษณะแหง่ ตราสารนั น ้
มาตรา ๓๑๓ บทบั ญญั ติแหง่ มาตรากอ ่ นนี้ ทา่ นให้ใชบ ้ ั งคั บตลอดถึงหนี้ อั นพึงต้องชาระแกผ ้ ด้วย แลว้ แตก
่ ู ้ ถือนั น ่ รณี
หมวด ๕ ความระงั บหนี้
สว่ นที่ ๑ การชาระหนี้

มาตรา ๓๑๔ อั นการชาระหนี้ นั น ้ ทา่ นวา่ บุคคลภายนอกจะเป็ นผูช้ าระก็ได้ เวน ้ แตส ่ ภาพ แหง่ หนี้ จะไมเ่ ปิดชอ่ งใหบ ้ ุคคลภายนอกชาระ หรื อ
จะขั ดกับเจตนาอั นคูก ่ รณี ได้แสดงไว้
บุคคลผูไ้ มม ่ ีสว่ นได้เสียด้วยในการชาระหนี้ นั น ้ จะเขา้ ชาระหนี้ โดยขืนใจลูกหนี้ หาได้ไม่
มาตรา ๓๑๕ อั นการชาระหนี้ นั น ้ ตอ ้ งทาให้แกต ่ ัวเจา้ หนี้ หรื อแกบ ่ ุคคลผูม ้ ีอานาจรั บชาระหนี้ แทนเจา้ หนี้ การชาระหนี้ ให้แกบ ่ ุคคลผูไ้ มม ่ ีอานา
้ ้
จรั บชาระหนี นั น ถา้ เจา้ หนี ใหส ้ ้ ั ตยาบั นก็นับวา่ สมบูรณ์
มาตรา ๓๑๖ ถา้ การชาระหนี้ นั น ้ ไดท ้ าใหแ ้ กผ ้ รองตามปรากฏแหง่ สิทธิในมูลหนี้ ทา่ นวา่ การ ชาระหนี้ นั น
่ ูค ้ จะสมบูรณ์กแ ็ ตเ่ มื่อบุคคลผูช้ าระหนี้
ไดก ้ ระทาการโดยสุ จ ริ ต
มาตรา ๓๑๗ นอกจากกรณี ท่ีกลา่ วไวใ้ นมาตรากอ ่ น การชาระหนี้ แกบ ่ ุคคลผูไ้ มม ิ ธิจะ ได้รับนั น
่ ี สท ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มสมบูรณ์เพียงเทา่ ที่ตัวเจา้ หนี้
ได้ลาภงอกขึ้นแตก ่ ารนั น ้
มาตรา ๓๑๘ บุคคลผูถ ้ ือใบเสร็จเป็ นสาคั ญ ทา่ นนั บวา่ เป็ นผูม ้ ี สทิ ธิจะได้รับชาระหนี้ แตค ่ วาม ที่กลา่ วนี้ ทา่ นมิใหใ้ ช้ ถา้ บุคคลผูช้ าระหนี้ รู้ วา่
สิทธิเชน ้ ้
่ นั นหามีไม่ หรื อไมร่ ู้ เทา่ ถึงสิทธินันเพราะความประมาท เลินเลอ่ ของตน
มาตรา ๓๑๙ ถา้ ศาลสั ่งใหล ้ ูกหนี้ คนที่สามงดเวน ้ ทาการชาระหนี้ แลว้ ยั งขืนชาระหนี้ ใหแ ้ ก่ เจา้ หนี้ ของตนเองไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ ผูท ้ ่ีร้องขอให้
ยึดทรั พยจ์ ะเรี ยกใหล ู้ กหนี้ คนที่สามนั น ้ ทาการชาระหนี้ อีกให้ คุม ้ กับความเสี ย หายอั น ตนได ร
้ ั บก็ได ้
อนึ่ งขอ้ ความซึ่งกลา่ วมาในวรรคขา้ งตน ้ นี้ หาเป็ นขอ ้ ขั ดขวางในการที่ลูกหนี้ คนที่สามจะใชส ้ ทิ ธิ ไลเ่ บี้ยเอาแกเ่ จา้ หนี้ ของตนเองนั น ้ ไม่
มาตรา ๓๒๐ อั นจะบั งคั บให้เจา้ หนี้ รั บชาระหนี้ แตเ่ พียงบางสว่ น หรื อให้รับชาระหนี้ เป็ น อยา่ งอื่นผิดไปจากที่จะตอ ้ งชาระแกเ่ จา้ หนี้ นั น ้
ทา่ นวา่ หาอาจจะบั งคั บได้ไม่
มาตรา ๓๒๑ ถา้ เจา้ หนี้ ยอมรั บการชาระหนี้ อยา่ งอื่นแทนการชาระหนี้ ที่ได้ตกลงกันไว้ ทา่ นวา่ หนี้ นั น ้ ก็เป็ นอันระงั บสิน ้ ไป
ถา้ เพื่อที่จะทาใหพ ้ อแก ใ
่ จเจ า
้ หนี ้ น ั้ น ลู กหนี ้ รั บภาระเป็ นหนี้ อย า
่ งใดอย า
่ งหนึ ่ ้
งขึ นใหม ต
่ ่อ เจ า
้ หนี้ ไซร ้ ่
เมื อ กรณี เ ป็ น ที่ ส งสั ย ทา่ นมิให้
สั นนิ ษฐานวา่ ลูกหนี้ ไดก ้ ่ อหนี ้ นั ้
น ขึ ้ นแทนการชาระหน ี ้
ถา้ ชาระหนี้ ด้วยออก-ด้วยโอน-หรื อด้วยสลั กหลั งตั ๋วเงินหรื อประทวนสินคา้ ทา่ นวา่ หนี้ นั น ้ จะ ระงั บสิน ้ ไปตอ ่ เมื่อตั ๋วเงินหรื อประทวนสินคา้ นั น ้
ได้ใชเ้ งินแลว้

มาตรา ๓๒๒ ถา้ เอาทรั พยก์ ด ็ ี สิทธิเรี ยกร้องจากบุคคลภายนอกก็ดี หรื อสิทธิอยา่ งอื่นก็ดี ให้ แทนการชาระหนี้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ จะตอ ้ งรั บผิด
เพื่อชารุ ดบกพร่องและเพื่อการรอนสิทธิทานองเดียวกับผูข้ าย
มาตรา ๓๒๓ ถา้ วั ตถุแหง่ หนี้ เป็ นอั นใหส ้ ง่ มอบทรั พยเ์ ฉพาะสิง่ ทา่ นวา่ บุคคลผูช้ าระหนี้ จะตอ ้ งสง่ มอบทรั พยต ์ ามสภาพที่เป็ นอยูใ่ นเวลาที่จะพึง
สง่ มอบ
ลูกหนี้ จาตอ ้ งรั กษาทรั พยน ้ ไวด
์ ัน ้ ้วยความระมั ดระวั งเชน ่ อยา่ งวิญญูชนจะพึงสงวนทรั พยส์ น ิ ของตนเอง จนกวา่ จะได้สง่ มอบทรั พยน ์ ัน้
มาตรา ๓๒๔ เมื่อมิได้มีแสดงเจตนาไวโ้ ดยเฉพาะเจาะจงวา่ จะพึงชาระหนี้ ณ สถานที่ใดไซร้ หากจะตอ ้ งสง่ มอบทรั พยเ์ ฉพาะสิง่ ทา่ นวา่
ตอ ้ งสง่ มอบกัน ณ สถานที่ซ่ึงทรั พยน ้ ได้อยูใ่ นเวลาเมื่อกอ
์ ัน ้ สว่ นการชาระหนี้ โดยประการอื่น ทา่ นวา่ ตอ
่ ให้เกิดหนี้ นั น ้ งชาระ ณ สถานที่

ซึงเป็ นภูมิลาเนาปัจจุบันของเจา้ หนี ้
มาตรา ๓๒๕ เมื่อมิไดม ้ ีแสดงเจตนาไวใ้ นขอ ้ คา่ ใชจ้ า่ ยในการชาระหนี้ ทา่ นวา่ ฝ่ายลูกหนี้ พึง เป็ นผูอ้ อกคา่ ใชจ้ า่ ย แตถ ้ มีจานวน
่ า้ คา่ ใชจ้ า่ ยนั น
เพิ่มขึ้นเพราะเจา้ หนี้ ยา้ ยภูมิลาเนาก็ดี หรื อเพราะการอื่นใดอั น เจา้ หนี้ ได้กระทาก็ดี คา่ ใชจ้ า่ ยเพิ่มขึ้นเทา่ ใดเจา้ หนี้ ตอ ้ งเป็ นผูอ
้ อก
มาตรา ๓๒๖ บุคคลผูช้ าระหนี้ ชอบที่จะได้รับใบเสร็จเป็ นสาคั ญจากผูร้ ั บชาระหนี้ นั น ้ และถา้ หนี้ นั น ้ ได้ชาระสิน ้ เชิงแลว้ ผูช้ าระหนี้ ชอบที่จะได้
รั บเวนคืนเอกสารอั นเป็ นหลักฐานแหง่ หนี้ หรื อใหข้ ีดฆา่ เอกสารนั น ้ เสีย ถา้ และเอกสารนั น ้ สูญหาย บุคคลผูช้ าระหนี้ ชอบที่จะใหจ้ ดแจง้ ความ
ขอ ้ ระงั บ ้
หนี ลงไว ใ
้ น ใบเสร็ จ หรื อในเอกสารอี ก ฉบับหนึ ่ งตา่ งหากก็ ไ ด ้
ถา้ หนี้ นั น
้ ได้ชาระแตบ ่ างสว่ นก็ดี หรื อถา้ เอกสารนั น ้ ยั งให้สท ิ ธิอยา่ งอื่นใดแกเ่ จา้ หนี้ อยูก ็ ี ทา่ น วา่ ลูกหนี้ ชอบแตท
่ ด ่ ่ีจะได้รับใบเสร็จไวเ้ ป็ นคูม
่ ือ
และให้จดแจง้ การชาระหนี้ นั น ้ ลงไวใ้ นเอกสาร
มาตรา ๓๒๗ ในกรณี ชาระดอกเบี้ย หรื อชาระหนี้ อยา่ งอื่นอันมีกาหนดชาระเป็ นระยะเวลา นั น ้ ถา้ เจา้ หนี้ ออกใบเสร็จให้เพื่อระยะหนึ่ งแลว้

โดยมิได้อิดเอือน ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้
้ ่อนวา่ เจา้ หนี ได้รับชาระ หนี เพือระยะกอ ้ ่ ้
่ น ๆ นั นด้วยแลว้
ถา้ เจา้ หนี้ ออกใบเสร็จใหเ้ พื่อการชาระตน ้ เงิน ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ เจา้ หนี้ ไดร้ ั บ ดอกเบี้ยแลว้
ถา้ เอกสารอั นเป็ นหลั กฐานแหง่ หนี้ ไดเ้ วนคืนแลว้ ไซร้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ หนี้ นั น้ เป็ น อั นระงั บสิน้ ไปแลว้

มาตรา ๓๒๘ ถา้ ลูกหนี้ ตอ ้ งผูกพันตอ่ เจา้ หนี้ ในอั นจะกระทาการเพื่อชาระหนี้ เป็ นการอยา่ ง เดียวกันโดยมูลหนี้ หลายราย และถา้ การที่ลูกหนี้ ชา
ระหนี้ นั น ้ ไมเ่ พียงพอจะเปลื้องหนี้ สินได้หมดทุกรายไซร้ เมื่อ ทาการชาระหนี้ ลูกหนี้ ระบุวา่ ชาระหนี้ สินรายใด ก็ให้หนี้ สินรายนั น ้ เป็ นอันได้
เปลื้องไป
ถา้ ลูกหนี้ ไมร่ ะบุ ทา่ นวา่ หนี้ สินรายไหนถึงกาหนด ก็ให้รายนั น ้ เป็ นอั นได้เปลื้องไปกอ ่ น ใน ระหวา่ งหนี้ สินหลายรายที่ถึงกาหนดนั น ้ รายใด
เจา้ หนี้ มีประกั นน้อยที่สุด ก็ใหร้ ายนั น ้ เป็ นอั นไดเ้ ปลื้องไปกอ ่ น ในระหว า
่ งหนี ้ สิ นหลายรายที ่ ม ี ประกันเท า่ ๆ กัน ให ร
้ ายที ่ ต กหนั กที ่ สุดแกล
่ ูก
หนี้ เป็ นอั นได้เปลื้องไปกอ ่ น ใน ระหว า
่ งหนี ้ สิน หลายรายที ่ ตกหนั กแก ล
่ ู ก ้
หนี เท า
่ ๆ กัน ให ห
้ นี้ สิ
น รายเก า
่ ที่ ส ุ ดเป็ นอั น ไดเ
้ ปลื ้ อ งไปก อ่ น และ
ถา้ มี หนี้ สินหลายรายเกา่ เทา่ ๆ กัน ก็ใหห ้ นี้ สินทุกรายเป็ นอั นได้เปลื้องไปตามสว่ นมากและน้อย
มาตรา ๓๒๙ ถา้ นอกจากการชาระหนี้ อั นเป็ นประธาน ลูกหนี้ ยั งจะตอ ้ งชาระดอกเบี้ยและ เสียคา่ ฤชาธรรมเนี ยมอีกด้วยไซร้ หากการชาระ
หนี้ ในครั ง้ หนึ่ ง ๆ ไมไ่ ด้ราคาเพียงพอจะเปลื้องหนี้ สินได้ทังหมด ้ ทา่ นให้เอาจั ดใชเ้ ป็ นคา่ ฤชาธรรมเนี ยมเสียกอ ่ นแลว้ จึงใชด ้ อกเบี้ย และใน

ทีสุดจึงให้ใชใ้ นการชาระหนี อั นเป็ น ประธาน ้
ถา้ ลูกหนี้ ระบุใหจ้ ั ดใชเ้ ป็ นประการอื่น ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ จะบอกปัดไมย่ อมรั บชาระหนี้ ก็ได้
มาตรา ๓๓๐ เมื่อขอปฏิบัติการชาระหนี้ โดยชอบแลว้ บรรดาความรั บผิดชอบอั นเกิดแตก ่ าร ไมช่ าระหนี้ ก็เป็ นอันปลดเปลื้องไป นั บแตเ่ วลาที่
ขอปฏิบัติการชาระหนี้ นั น ้
มาตรา ๓๓๑ ถา้ เจา้ หนี้ บอกปัดไมย่ อมรั บชาระหนี้ ก็ดี หรื อไมส ่ ามารถจะรั บชาระหนี้ ได้กด ็ ี หากบุคคลผูช้ าระหนี้ วางทรั พยอ์ ั นเป็ นวั ตถุแหง่ หนี้
ไวเ้ พื่อประโยชน์แกเ่ จา้ หนี้ แลว้ ก็ยอ่ มจะเป็ นอั นหลุดพน ้ จาก หนี้ ได้ ความขอ ้ นี้ ทา่ นให้ใชต ้ ลอดถึงกรณี ท่ีบุคคลผูช้ าระหนี้ ไมส ่ ามารถจะหยั ่งรู้ ถึง

สิทธิ หรื อไมร่ ู้ ตัวเจา้ หนี ได้ แน่นอนโดยมิใชเ่ ป็ นความผิดของตน
มาตรา ๓๓๒ ถา้ ลูกหนี้ จาตอ ้ งชาระหนี้ ตอ่ เมื่อเจา้ หนี้ จะตอ ้ งชาระหนี้ ตอบแทนดว้ ยไซร้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ จะกาหนดวา่ ตอ่ เมื่อเจา้ หนี้ ชาระหนี้
ตอบแทนจึงใหม ้ ี ส ิ
ท ธิ รั บเอาทรั พย ท
์ ่ ี ว างไว น้ ั น้ ก็ ไ ด้
มาตรา ๓๓๓ การวางทรั พยน ้ ตอ
์ ัน ้ งวาง ณ สานั กงานวางทรั พยป ์ ระจาตาบลที่จะตอ ้ งชาระ
หนี้
ถา้ ไมม ่ ีบทบั ญญั ติแหง่ กฎหมาย หรื อกฎขอ ้ บั งคั บเฉพาะการในเรื่ องสานั กงานวางทรั พย ์ เมื่อ บุคคลผูช้ าระหนี้ ร้องขอ ศาลจะตอ ้ งกาหนดสา
นั กงานวางทรั พย ์ และตั งแตง่ ผูพ ้ ้ ิทักษ์ทรั พยท ์ ่ีวางนั น
้ ขึ้น
ผูว้ างตอ ้ งบอกกลา่ วใหเ้ จา้ หนี้ ทราบการที่ไดว้ างทรั พยน ์ ัน้ โดยพลั น

มาตรา ๓๓๔ ลูกหนี้ มีสท ิ ธิจะถอนทรั พยท ์ ่ีวางนั น ้ ได้ ถา้ ลูกหนี้ ถอนทรั พยน ์ ัน ้ ทา่ นให้ถือ เสมือนวา่ มิได้วางทรั พยไ์ วเ้ ลย
สิทธิถอนทรั พยน ์ ้ี เป็ นอั นขาดในกรณี ตอ ่ ไปนี้
(๑) ถา้ ลูกหนี้ แสดงตอ่ สานั กงานวางทรั พยว์ า่ ตนยอมละสิทธิท่ีจะถอน
(๒) ถา้ เจา้ หนี้ แสดงตอ่ สานั กงานวางทรั พยว์ า่ จะรั บเอาทรั พยน ้
์ ัน
(๓) ถา้ การวางทรั พยน ์ั ้
น ได เ
้ ป็ น ไปโดยคาสั ่ ง หรื อ อนุ ม ั ตข
ิ องศาลและได ้บอกกลา่ วความนั น ้ แก่
สานั กงานวางทรั พย ์
มาตรา ๓๓๕ สิทธิถอนทรั พยน ้ ตามกฎหมายศาลจะสั ่งยึดหาได้ไม่
์ ัน
เมื่อได้ฟ้องคดีล้มละลายเกี่ยวกับทรั พยส์ น ิ ของลูกหนี้ แลว้ ทา่ นห้ามมิให้ใชส ้ ท ิ ธิถอนทรั พยใ์ น ระหวา่ งพิจารณาคดีลม ้ ละลาย
มาตรา ๓๓๖ ถา้ ทรั พยอ์ ั นเป็ นวั ตถุแหง่ การชาระหนี้ ไมค ่ วรแกก ่ ารจะวางไวก ้ ด ็ ี หรื อเป็ นที่พึง วิตกวา่ ทรั พยน ้ เกลือกจะเสื่อมเสีย หรื อทาลาย
์ ัน
หรื อบุบสลายได้กด ็ ี เมื่อได้รับอนุ ญาตจากศาล บุคคลผูช้ าระหนี้ จะเอาทรั พยน ้ ออกขายทอดตลาด แลว้ เอาเงินที่ได้แตก
์ ัน ่ ารขายวางแทนทรั พย ์
้ ก็ได้ ความขอ
นั น ้ นี้ ท า
่ นให ใ ช
้ ้ ตลอดถึ ง กรณี ท ่ ี คา ่ รั กษาทรั พย จ
์ ะแพงเกิ น ควรนั ้
น ดว้ ย
มาตรา ๓๓๗ ทา่ นไมอ่ นุ ญาตใหเ้ อาทรั พยอ์ อกขายทอดตลาดจนกวา่ จะไดบ ้ อกใหเ้ จา้ หนี้ รู้ ตัว กอ ่ น การบอกนี้ จะงดเสียก็ไดถ ้ า้ ทรั พยน ้ อาจ
์ ัน
เสื่อมทรามลง หรื อภั ยมีอยูใ่ นการที่จะหน่วงการขายทอดตลาดไว้ ในการที่จะขายทอดตลาดนั ้ น ทา่ นให้ลูกหนี ้ บอกกลา่ วแกเ่ จา้ หนี ้ โดยไมช่ ั กชา้
ถา้ ละเลย
เสียไมบ ่ อกกลา่ ว ลูกหนี้ จะตอ ้ งรั บผิดใชค ้ า่ สินไหมทดแทน การบอกให้รู้ตัวและบอกกลา่ วนี้ ถา้ ไมเ่ ป็ นอั นจะทาได้ จะงดเสียก็ได้
่ ่
เวลาและสถานทีทีจะขายทอดตลาด กับทั งคาพรรณนาลั ้ กษณะแหง่ ทรั พยน ์ ัน ้ ทา่ นให้
ประกาศโฆษณาใหป ้ ระชาชนทราบ
มาตรา ๓๓๘ คา่ ฤชาธรรมเนี ยมในการวางทรั พยห ์ รื อขายทอดตลาดนั น ้ ใหฝ ้ ่ ายเจา้ หนี้ เป็ นผู ้ ออก เวน ้ แตล่ ูกหนี้ จะไดถ ้ อนทรั พยท ์ ่ีวาง
มาตรา ๓๓๙ สิทธิของเจา้ หนี้ เหนื อทรั พยท ์ ่ ี ว างไว น
้ ั ้
น เป็ น อั นระงั บ ้
สิ
น ไปเมื ่ อ พ น
้ เวลาสิ บปี นั บ แต ไ
่ ดร
้ ั บคาบอกกล า
่ วการวางทรั พย ์
อนึ่ ง เมื่อสิทธิของเจา้ หนี้ ระงั บสิน ้ ไปแลว้ ถึงแมล ้ ูกหนี้ จะได้ละสิทธิถอนทรั พยก์ ย็ ั งชอบที่จะ ถอนทรั พยน ้ ได้
์ ัน

สว่ นที่ ๒ ปลดหนี้


มาตรา ๓๔๐ ถา้ เจา้ หนี้ แสดงเจตนาตอ่ ลูกหนี้ วา่ จะปลดหนี้ ให้ ทา่ นวา่ หนี้ นั น
้ ก็เป็ นอั นระงั บ
้ ไป
สิน
อั นเป็ นหลั กฐานแหง่ หนี้ ให้แกล ่ ูกหนี้ หรื อขีดฆา่ เอกสารนั น ้ เสีย
ถา้ หนี มีหนั งสือเป็ นหลั กฐาน การปลดหนี้ ก็ตอ
้ ้ งทาเป็ นหนั งสือด้วย หรื อตอ ้ งเวนคืนเอกสาร
สว่ นที่ ๓ หักกลบลบหนี้
มาตรา ๓๔๑ ถา้ บุคคลสองคนตา่ งมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดยมูลหนี้ อันมีวัตถุเป็ นอยา่ ง เดียวกัน และหนี้ ทั งสองรายนั ้ ้ ถึงกาหนดจะชาระ

ไซร้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งยอ่ มจะหลุดพน ้ จากหนี้ ของ ตนด้วยหักกลบลบกันได้เพียงเทา่ จานวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ทั งสองฝ ้ ่ ายนั น้ เวน้
แตส ่ ภาพแหง่ หนี้ ฝ่ายหนึ่ งจะไม่ เปิดชอ่ งให้หักกลบลบกันได้
บทบั ญญั ติดังกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ทา่ นมิให้ใชบ ้ ั งคั บ หากเป็ นการขั ดกับเจตนาอันคูก ่ รณี ได้ แสดงไว้ แตเ่ จตนาเชน ่ นี้ ทา่ นห้ามมิให้ยกขึ้น
เป็ นขอ ้ ตอ่ สูบ ้ ุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ต
มาตรา ๓๔๒ หักกลบลบหนี้ นั น ้ ทาไดด ้ ว้ ยคูก ่ รณี ฝ่ายหนึ่ งแสดงเจตนาแกอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ ง การ แสดงเจตนาเชน ่ นี้ ทา่ นวา่ จะมีเงื่อนไขหรื อเงื่อน
เวลาเริ่ มตน ้ หรื อเวลาสิ ้
น สุ ดอี ก ด ว
้ ยหาได ไ
้ ่ม
การแสดงเจตนาดังกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ทา่ นวา่ มีผลยอ้ นหลั งขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ ทั งสอง ้
ฝ่ายนั น ้ จะอาจหักกลบลบกันได้เป็ นครั ง้ แรก
มาตรา ๓๔๓ การหักกลบลบหนี้ นั น ้ ถึงแมว้ า่ สถานที่ซ่ึงจะตอ ้ งชาระหนี้ ทั งสองจะต
้ า่ งกัน ก็ หักกันได้ แตฝ ่ ่ ายผูข้ อหักหนี้ จะตอ ้ งใชค้ า่ เสียหาย
ให้แกอ ่ ีกฝ่ายหนึ ง เพือความเสียหายอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดอั นเกิด แตก
่ ่ ้
่ ารนั น
มาตรา ๓๔๔ สิทธิเรี ยกร้องใดยั งมีขอ ้ ตอ่ สู อ้ ยู ่ สิทธิเรี ยกร้องนั น ้ ทา่ นวา่ หาอาจจะเอามาหัก กลบลบหนี้ ได้ไม่ อนึ่ ง อายุความยอ่ มไมต ่ ัดรอน
การหักกลบลบหนี้ แมส ้ ิ
ท ธิ เ รี ย กร ้ องขาดอายุ ค วามแล ว
้ แต ว า
่ ่ ใน เวลาที่อาจจะหักกลบลบกับสิทธิเรี ยกร้องฝ่ายอื่นไดน ้ สิทธิยังไมข่ าด
้ ัน

มาตรา ๓๔๕ หนี้ รายใดเกิดแตก ่ ารอั นมิชอบด้วยกฎหมายเป็ นมูล ทา่ นห้ามมิให้ลูกหนี้ ถือเอา ประโยชน์แหง่ หนี้ รายนั น ้ เพื่อหักกลบลบหนี้ กับ
เจา้ หนี้
มาตรา ๓๔๖ สิทธิเรี ยกร้องรายใดตามกฎหมายศาลจะสั ่งยึดมิได้ สิทธิเรี ยกร้องรายนั น ้ หา อาจจะเอาไปหักกลบลบหนี้ ได้ไม่
้ ่ ่
มาตรา ๓๔๗ ลูกหนี คนทีสามหากได้รับคาสั งศาลห้ามมิให้ใชเ้ งินแลว้ จะยกเอาหนี ซึงตน ไดมา้ ภายหลั งแตน ้ ่ ้ ขึ้นเป็ นขอ
่ ัน ้ ตอ ้ ่ีขอให้
่ สู เ้ จา้ หนี้ ผูท
ยึดทรั พยน ้ ทา่ นวา่ หาอาจจะยกไดไ้ ม่
ั์ น
มาตรา ๓๔๘ ถา้ คูก ่ รณี ตา่ งฝ่ายตา่ งมีสท ิ ธิเรี ยกร้องหลายรายอั นควรแกก ่ ารที่จะใชห ้ ักกลบ ลบหนี้ ไดไ้ ซร้ ฝ่ายผูท ้ ่ีขอหักหนี้ จะระบุกไ็ ดว้ า่ พึง
เอาสิทธิเรี ยกร้องรายใดบา้ งเขา้ หักกลบลบกัน ถา้ การหักกลบ ลบหนี้ ได้แสดงโดยมิได้ระบุเชน ้ ก็ดี หรื อถา้ ระบุ แตอ่ ีกฝ่ายหนึ่ งทว้ งขั ดขอ
่ นั น ้ ง
โดยไมช่ ั กชา้ ก็ดี ทา่ นให้นา บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๓๒๘ วรรค ๒ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
ถา้ ฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้ ยั งเป็ นหนี้ คา่ ดอกเบี้ยและคา่ ฤชาธรรมเนี ยมแก่อีกฝ่ายหนึ่ งอยู ่ นอกจากการชาระหนี้ อันเป็ นประธานนั น ้ ด้วยไซร้ ทา่ น
ให้นาบทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๓๒๙ มาใชบ ้ ั งคั บโดย อนุ โลม
สว่ นที่ ๔ แปลงหนี้ ใหม่
มาตรา ๓๔๙ เมื่อคูก ่ รณี ท่ีเกี่ยวขอ ้ งไดท ้ าสั ญญาเปลยี่ นสิง่ ซึ่งเป็ นสาระสาคั ญแหง่ หนี้ ไซร้ ทา่ นวา่ หนี้ นั น ้ เป็ นอั นระงั บสิน ้ ไปดว้ ยแปลงหนี้
ใหม่
ถา้ ทาหนี้ มีเงื่อนไขให้กลายเป็ นหนี้ ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เพิ่มเติมเงื่อนไขเขา้ ในหนี้ อั น ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยนเงื่อนไขก็ดี ทา่ นถือวา่
เป็ นอั นเปลี่ยนสิง่ ซึ่งเป็ นสาระสาคั ญแหง่ หนี้ นั น ้
ถา้ แปลงหนี้ ใหมด ่ ้วยเปลี่ยนตัวเจา้ หนี้ ทา่ นให้บังคั บด้วยบทบั ญญั ตท ้
ิ ั งหลายแห ง่ ประมวล กฎหมายนี้ วา่ ด้วยโอนสิทธิเรี ยกร้อง
มาตรา ๓๕๐ แปลงหนี้ ใหมด ่ ้ วยเปลี ่ ย นตัวลู ก หนี้ นั ้
น จะทาเป็ นสั ญ ญาระหว า่ งเจ า้ หนี้ กับ ลูกหนี้ คนใหมก ่ ไ็ ด้ แตจ่ ะทาโดยขืนใจลูกหนี้ เดิมหา
ไดไ้ ม่

มาตรา ๓๕๑ ถา้ หนี้ อั นจะพึงเกิดขึ้นเพราะแปลงหนี้ ใหมน ่ ัน ้ มิได้เกิดมีข้ึนก็ดี ได้ยกเลิกเสีย เพราะมูลแหง่ หนี้ ไมช่ อบด้วยกฎหมาย หรื อเพราะ
เหตุอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งอั นมิรู้ถึงคูก ่ รณี กด ็ ี ทา่ นวา่ หนี้ เดิมนั น ้ ก็ ยั งหาระงั บสิน ้ ไปไม่
มาตรา ๓๕๒ คูก ้ ่
่ รณี ในการแปลงหนี ใหมอ่ าจโอนสิทธิจานาหรื อจานองที ได้ให้ไวเ้ ป็ นประกั น หนี้ เดิมนั น ้ ไปเป็ นประกั นหนี้ รายใหมไ่ ด้ เพียง
เทา่ ที่เป็ นประกันวั ตถุแหง่ หนี ้ เดิม แตห ่ ลั ก ประกั นเช น ว
่ ่ า นี้ ถ า
้ บุ คคลภายนอกเป็ นผู ใ ห ไว ไซร
้ ้ ้ ้ ่ ่ท า นว า จาต อ
้ งไดร้ ั บความยินยอมของบุคคล
ภายนอกนั น ้ ดว้ ยจึงโอนได้
สว่ นที่ ๕ หนี้ เกลื่อนกลืนกัน
มาตรา ๓๕๓ ถา้ สิทธิและความรั บผิดในหนี้ รายใดตกอยูแ่ กบ ่ ุคคลคนเดียวกัน ทา่ นวา่ หนี้ ราย นั น ้ เป็ นอันระงั บสิน ้ ไป เวน้ แตเ่ มื่อหนี้ นั น
้ ตกไป
อยูใ่ นบั งคั บแหง่ สิทธิของบุคคลภายนอก หรื อเมื่อสลั กหลั งตัวเงิ ๋ น กลั บคืนตามความในมาตรา ๙๑๗ วรรค ๓
ลั กษณะ ๒ สั ญญา
หมวด ๑ กอ ่ ใหเ้ กิดสั ญญา
มาตรา ๓๕๔ คาเสนอจะทาสั ญญาอั นบง่ ระยะเวลาใหท ้ าคาสนองนั น ้ ทา่ นวา่ ไมอ่ าจจะถอน ไดภ ้ ายในระยะเวลาที่บง่ ไว้
มาตรา ๓๕๕ บุคคลทาคาเสนอไปยั งผูอ ้ ่ืนซึ่งอยูห
่ า่ งกันโดยระยะทาง และมิได้บง่ ระยะเวลา ให้ทาคาสนอง จะถอนคาเสนอของตนเสียภายใน
เวลาอั นควรคาดหมายวา่ จะได้รับคาบอกกลา่ วสนองนั น ้ ทา่ น วา่ หาอาจจะถอนได้ไม่

มาตรา ๓๕๖ คาเสนอทาแกบ ่ ุคคลผูอ ้ ยูเ่ ฉพาะหน้า โดยมิได้บง่ ระยะเวลาให้ทาคาสนองนั น ้ เสนอ ณ ที่ใดเวลาใดก็ยอ่ มจะสนองรั บได้แต่ ณ
ที่นัน้ เวลานั น ้ ความขอ ้ ้
นี ท า
่ นให ใ ช
้ ้ต ลอดถึ ง ่
การที บุ คคลคนหนึ ่ ง ทาคาเสนอไปยั ง บุ ค คลอี ก คนหนึ่ งทางโทรศั พทด ์ ว้ ย
มาตรา ๓๕๗ คาเสนอใดเขาบอกปัดไปยั งผูเ้ สนอแลว้ ก็ดี หรื อมิไดส ้ นองรั บภายในเวลา กาหนดดังกล า
่ วมาในมาตราทั ้
งสามก ่ นนี้ ก็ดี คา

เสนอนั น ้ ทา่ นวา่ เป็ นอั นสิน ้ ความผูกพันแตน ้ ไป
่ ัน
มาตรา ๓๕๘ ถา้ คาบอกกลา่ วสนองมาถึงลว่ งเวลา แตเ่ ป็ นที่เห็นประจั กษ์วา่ คาบอกกลา่ วนั น ้
ได้สง่ โดยทางการ ซึ่งตามปรกติควรจะมาถึงภายในกาหนดไซร้ ผูเ้ สนอตอ ้ งบอกกลา่ วแกค ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งโดย พลั นวา่ คาสนองนั น
่ ูก ้ มาถึง

เนิ นชา้ เวน ้ แตจ่ ะได้บอกกลา่ วเชน ้
่ นั นก่อนแลว้
ลว่ งเวลา
ถา้ ผูเ้ สนอละเลยไมบ ่ อกกลา่ วดังวา่ มาในวรรคตน ้ ทา่ นใหถ ้ ือวา่ คาบอกกลา่ วสนองนั น ้ มิได้
มาตรา ๓๕๙ ถา้ คาสนองมาถึงลว่ งเวลา ทา่ นให้ถือวา่ คาสนองนั น ้ กลายเป็ นคาเสนอขึ้นใหม่
คาสนองอั นมีขอ ่
้ ความเพิมเติม มีขอ ้ จากัด หรื อมีขอ ่
้ แก้ไขอยา่ งอืนประกอบด้วยนั ้ น ทา่ นให้ถือ วา่ เป็ นคาบอกปัดไมร่ ั บ ทั งเป็ ้ นคาเสนอขึ้นใหม่
ดว้ ยในตัว
มาตรา ๓๖๐ บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๑๖๙ วรรคสอง นั น ้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บ ถา้ หากวา่ ขั ดกับ เจตนาอั นผูเ้ สนอไดแ ้ สดง หรื อหากวา่ กอ ่ นจะ
สนองรั บนั น ้ คูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งได้รู้อยูแ่ ลว้ วา่ ผูเ้ สนอตายหรื อตก เป็ นผูไ้ ร้ความสามารถ
[เลขมาตรา ๑๖๙ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใช้ บทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๓๖๑ อั นสั ญญาระหวา่ งบุคคลซึ่งอยูห ่ า่ งกันโดยระยะทางนั น ้ ยอ่ มเกิดเป็ นสั ญญาขึ้น แตเ่ วลาเมื่อคาบอกกลา่ วสนองไปถึงผูเ้ สนอ
ถา้ ตามเจตนาอั นผูเ้ สนอไดแ ้ สดง หรื อตามปรกติ ประเพณี ไ ม จ
่ าเป็ น จะตอ
้ งมีคาบอกกลา่ ว สนองไซร้ ทา่ นวา่ สั ญญานั น ้ เกิดเป็ นสั ญญาขึ้นใน
เวลาเมือ่ มีการอั นใดอั นหนึ่ งขึ้น อั นจะพึงสั นนิ ษฐานไดว้ า่ เป็ น การแสดงเจตนาสนองรั บ
มาตรา ๓๖๒ บุคคลออกโฆษณาให้คามั ่นวา่ จะให้รางวั ลแกผ ้ ่ึงกระทาการอั นใด ทา่ นวา่ จาตอ
่ ูซ ้ งให้รางวั ลแกบ่ ุคคลใด ๆ ผูไ้ ด้กระทาการอั น
้ แมถ
นั น ้ ึงมิใชว่ า่ ผูน ้ จะได้กระทาเพราะเห็นแกร่ างวั ล
้ ัน

มาตรา ๓๖๓ ในกรณี ท่ีกลา่ วมาในมาตรากอ ่ นนี้ เมื่อยั งไมม ่ ีใครทาการสาเร็จดังบง่ ไวน ้ ัน้ อยู ่ ตราบใด ผูใ้ ห้คามั ่นจะถอนคามั ่นของตนเสียโดย

วิธีเดียวกับทีโฆษณานั นก็ได้ เวน ้ ้ แตจ่ ะได้แสดงไวใ้ นโฆษณานั น วา่ จะไมถ ้ ่ อน
ถา้ คามั ่นนั น ้ ไมอ่ าจจะถอนโดยวิธีดังกลา่ วมากอ ่ น จะถอนโดยวิธีอ่ืนก็ได้ แตถ ่ า้ เชน่ นั น ้ การ ถอนจะเป็ นอันสมบูรณ์ใชไ้ ดเ้ พียงเฉพาะตอ่ บุคคลที่
รู้
ถา้ ผูใ้ ห้คามั ่นได้กาหนดระยะเวลาให้ด้วยเพื่อทาการอั นบง่ นั น ้ ไซร้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ ่อนวา่ ผูใ้ ห้คามั ่นได้สละสิทธิท่ีจะถอนคามั ่นนั น ้ เสีย
แลว้
มาตรา ๓๖๔ ถา้ บุคคลหลายคนกระทาการอั นบง่ ไวใ้ นโฆษณา ทา่ นวา่ เฉพาะแตค ่ นที่ทาได้ กอ ่ นใครหมดเทา่ นั น ้ มีสท ิ ธิจะได้รับรางวั ล

ถา้ บุคคลหลายคนกระทาการอันนั นได้พร้อมกัน ทา่ นวา่ แตล่ ะคนมีสทธิจะได้รับรางวั ลเป็ น สว่ นแบง่ เทา่ ๆ กัน แตถ ิ ้ มีสภาพแบง่
่ า้ รางวั ลนั น
ไมไ่ ดก ้ ด
็ ี หรื อถ า
้ ตามข อ
้ ความแห ง
่ คามั ่ นนั ้
น บุ ค คลแต ค
่ นเดี ย ว จะพึ ง รั บรางวั ล ก็ ด ี ท า่ นให ว
้ น
ิ ิ จ ฉั ยด ว
้ ยวิ
ธ ี จั บ สลาก
บทบั ญญั ติดังกลา่ วมาในวรรคทั งสองข ้ า้ งตน ้ นั น ้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บถา้ ในโฆษณานั น ้ แสดง เจตนาไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๓๖๕ คามั ่นจะให้รางวั ลอั นมีความประสงคเ์ ป็ นการประกวดชิงรางวั ลนั น ้ จะสมบูรณ์ ก็ตอ่ เมื่อได้กาหนดระยะเวลาไวใ้ นคาโฆษณา
ด้วย
การที่จะตัดสินวา่ ผูป ้ ระกวดคนไหนได้กระทาสาเร็จตามเงื่อนไขในคามั ่นภายในเวลากาหนด หรื อไมก ่ ด ็ ี หรื อตัดสินในระหวา่ งผูป ้ ระกวดหลาย
คนนั นวา่ คนไหนดีกวา่ กันอยา่ งไรก็ดี ให้ผูช้ ้ีขาดซึง่ ได้ระบุช่ือไวใ้ น โฆษณานั น
้ ้ เป็ นผูต ้ ัดสน ิ หรื อถา้ มิได้ระบุช่ือผูช้ ้ีขาดไว้ ก็ให้ผูใ้ ห้คามั ่นเป็ นผู้
ตัดสิน คาตัดสิน อั นนี้ ยอ่ มผูกพั นผูท ้ ่ี เกี่ยวขอ ้ งดว้ ยทุกฝ่าย
ถา้ ไดค ้ ะแนนทาดี เ สมอกัน ท า
่ นให น
้ าบทบั ญ ญั ติแหง่ มาตรา ๓๖๔ วรรค ๒ มาใชบ ้ งั คบั
แลว้ แตก ่ รณี
การโอนกรรมสิทธิ์ในทรั พยท ์ ่ีทาขึ้นประกวดนั น ้ ผูใ้ ห้คามั ่นจะเรี ยกให้โอนแกต ่ นได้ตอ ่ เมื่อได้
ระบุไวใ้ นโฆษณาวา่ จะพึงโอนเชน ่ นั น ้
มาตรา ๓๖๖ ขอ ้ ความใด ๆ แหง่ สั ญญาอั นคูส ่ ั ญญาแมเ้ พียงฝ่ายเดียวได้แสดงไวว้ า่ เป็ น สาระสาคั ญอั นจะตอ ้ งตกลงกั นหมดทุกขอ ้ หากคู ่
้ นั น
สั ญญายั งไมต ่ กลงกันได ห
้ มดทุ ก ข อ
้ อยู ต
่ ราบใด ่
เมื อกรณี เป็ น ที ่ สงสั ย ท า
่ นนั บว า
่ ยั ง มิ ไ ด ม
้ ี สั ญ ญาต อ
่ กัน การที ่ ไดท
้ าความเข า
้ ใจกันไว เ้ ฉพาะ
บางสิง่ บางอยา่ ง ถึงแมว้ า่ จะได้ จดลงไวก ้ ห
็ าเป็ น การผู กพันไม ่
ถา้ ได้ตกลงกันวา่ สั ญญาอั นมุง่ จะทานั น ้ จะตอ ้ งทาเป็ นหนั งสือไซร้ เมื่อกรณี เป็ นที่สงสั ย ทา่ น นั บวา่ ยั งมิได้มีสัญญาตอ่ กันจนกวา่ จะได้ทาขึ้นเป็ น
หนั งสือ

มาตรา ๓๖๗ สั ญญาใดคูส ่ ั ญญาได้ถือวา่ เป็ นอันได้ทากันขึ้นแลว้ แตแ ่ ทจ้ ริ งยั งมิได้ตกลงกันใน ขอ ้ หนึ่ งขอ้ ใดอั นจะต้องทาความตกลงให้สา
เร็จ ถา้ จะพึงอนุ มานไดว้ า่ ถึงหากจะไมท ่ าความตกลงกันในข อ
้ นี ้ ได ้ สั ญ ญานั ้
น ก็จ ะได ท
้ าขึ ้ นไซร ้ ่ นวา่ ขอ
ทา ้ ความสว่ นที่ไดต
้ กลงกันแลว้ ก็ยอ่ ม
เป็ นอั นสมบูรณ์
มาตรา ๓๖๘ สั ญญานั น ้ ทา่ นให้ตีความไปตามความประสงคใ์ นทางสุจริ ต โดยพิเคราะหถ ์ ึง ปรกติประเพณี ด้วย
หมวด ๒ ผลแหง่ สั ญญา
มาตรา ๓๖๙ ในสั ญญาตา่ งตอบแทนนั น ้ คูส ่ ั ญญาฝ่ายหนึ่ งจะไมย่ อมชาระหนี้ จนกวา่ อีกฝ่าย หนึ่ งจะชาระหนี้ หรื อขอปฏิบัติการชาระหนี้ ก็ได้
แตค ่ วามขอ ้
้ นี ทา่ นมิให้ใชบ ้
้ ั งคั บ ถา้ หนี ของคูส ่ ั ญญาอีกฝ่ายหนึ่ ง ยั งไมถ ่ ึงกาหนด
มาตรา ๓๗๐ ถา้ สั ญญาตา่ งตอบแทนมีวัตถุท่ีประสงคเ์ ป็ นการกอ ่ ใหเ้ กิดหรื อโอนทรั พยสิทธิ ในทรั พยเ์ ฉพาะสิง่ และทรั พยน ้ สูญหรื อเสียหาย
์ ัน
ไปดว้ ยเหตุอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งอั นจะโทษลูกหนี้ มิไดไ้ ซร้ ทา่ นวา่ การสูญหรื อเสียหายนั น ้ ตกเป็ นพับแกเ่ จา้ หนี้
่ รั พยเ์ ฉพาะสิง่ ทา่ นให้ใชบ
ถา้ ไมใ่ ชท ้ ทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ บั งคั บแตเ่ วลาที่ทรั พย ์ นั น ้ กลายเป็ นทรั พยเ์ ฉพาะสิง่ ตามบทบั ญญั ติแหง่
มาตรา ๑๙๕ วรรค ๒ นั น ้ ไป
มาตรา ๓๗๑ บทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในมาตรากอ ่ นนี้ ทา่ นมิให้ใชบ ้ ั งคั บ ถา้ เป็ นสั ญญาตา่ งตอบ

แทนมีเงือนไขบั งคั บก่อน และทรั พยอ์ ั นเป็ นวั ตถุแหง่ สั ญญานั น ้ สูญหรื อทาลายลงในระหวา่ งที่เงื่อนไขยั งไม่ สาเร็จ
ถา้ ทรั พยน ์ั ้
น เสีย หายเพราะเหตุ อย า
่ งใดอย า
่ งหนึ ่ งอั นจะโทษเจ า
้ หนี ้ มิได้ และเมื่อเงื่อนไขนั น ้ สาเร็จแลว้ เจา้ หนี้ จะเรี ยกใหช้ าระหนี้ โดยลดสว่ น
อั นตนจะตอ ้ งชาระหนี ้ ตอบแทนนั ้
น ลง หรื อเลิ ก สั ญ ญานั ้
น เสี
ย ก็ไ ด ้ แล ว
้ แต จ
่ ะเลื อก แต ใ่ นกรณี ท่ีตน ้ เหตุเสียหายเกิดเพราะฝ่ายลูกหนี้ นั น ้
ทา่ นวา่ หากระทบกระทั ่งถึงสิทธิของ เจา้ หนี้ ที่จะเรี ยกคา่ สินไหมทดแทนไม่
มาตรา ๓๗๒ นอกจากกรณี ท่ีกลา่ วไวใ้ นสองมาตรากอ ่ น ถา้ การชาระหนี้ ตกเป็ นพน ้ วิสัย เพราะเหตุอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งอั นจะโทษฝ่ายหนึ่ งฝ่าย
ใดก็ไมไ่ ด้ไซร้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ หามีสท ิ ธิจะรั บชาระหนี้ ตอบ แทนไม่

้ วิสัย เพราะเหตุอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งอั นจะโทษเจา้ หนี้ ได้ ลูกหนี้ ก็หา เสียสิทธิท่ีจะรั บชาระหนี้ ตอบแทนไม่ แตว่ า่ ลูกหนี้
ถา้ การชาระหนี้ ตกเป็ นพน
ไดอ ้ ะไรไว เ
้ พราะการปลดหนี ้ ก็ดี หรื อใชค ิ วามสามารถ ของตนเป็ นประการอื่นเป็ นเหตุใหไ้ ดอ
้ ุณวุฒค ้ ะไรมา หรื อแกลง้ ละเลยเสียไมข่ วนขวาย
เอาอะไรที่สามารถจะทาได้กด ็ ี มากน้อยเทา่ ไร จะตอ ้ งเอามาหักกับจานวนอั นตนจะได้รับชาระหนี้ ตอบแทน วิธีเดียวกันนี้ ทา่ นใหใ้ ชต ้ ลอดถึง
่ ้ ่
กรณี ทีการชาระหนี อั นฝ่ายหนึ งยั งคา้ งชาระอยูน ้
่ ั นตกเป็ นพน ้ วิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอั นหนึ่ งซึ่งฝ่ายนั น ้ มิ ตอ ้ งรั บผิดชอบ ในเวลาเมื่ออีกฝ่าย
หนึ่ งผิดนั ดไมร่ ั บชาระหนี้
มาตรา ๓๗๓ ความตกลงทาไวล้ ว่ งหน้าเป็ นขอ ้ ความยกเวน ้ ูกหนี้ ตอ
้ มิใหล ้ งรั บผิดเพื่อกลฉ้อ
ฉล หรื อความประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรงของตนนั น ้ ทา่ นวา่ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๓๗๔ ถา้ คูส ่ ั ญญาฝ่ายหนึ่ งทาสั ญญาตกลงวา่ จะชาระหนี้ แกบ ่ ุคคลภายนอกไซร้ ทา่ น วา่ บุคคลภายนอกมีสท ิ ธิจะเรี ยกชาระหนี้ จากลูก
หนี้ โดยตรงได้
ในกรณี ดังกลา่ วมาในวรรคตน ้ สิทธิของบุคคลภายนอกยอ่ มเกิดมีข้ึนตั งแต
้ นั น ้ เ่ วลาที่แสดง เจตนาแกล ่ ูกหนี้ วา่ จะถือเอาประโยชน์จากสั ญญา

นั น
มาตรา ๓๗๕ เมื่อสิทธิของบุคคลภายนอกไดเ้ กิดมีข้ึนตามบทบั ญญั ติแหง่ มาตรากอ ่ นแลว้ คูส่ ั ญญาหาอาจจะเปลี่ยนแปลงหรื อระงั บสิทธินัน ้ ใน
ภายหลั งได้ไม่
มาตรา ๓๗๖ ขอ ้ ตอ่ สูอ้ ั นเกิดแตม ่ ูลสั ญญาดังกลา่ วมาในมาตรา ๓๗๔ นั น ้ ลูกหนี้ อาจจะ ยกขึ้นตอ่ สู บ ้ ุคคลภายนอกผูจ้ ะได้รับประโยชน์จาก
สั ญญานั น ้ ได้
หมวด ๓ มั ดจาและกาหนดเบี้ยปรั บ
มาตรา ๓๗๗ เมื่อเขา้ ทาสั ญญา ถา้ ได้ให้สงิ่ ใดไวเ้ ป็ นมั ดจา ทา่ นให้ถือวา่ การที่ให้มัดจานั น ้ ยอ่ มเป็ นพยานหลั กฐานวา่ สั ญญานั น ้ ได้ทา
กันขึน้ แล ว
้ อนึ ่ ง มั ด จานี ้ ย อ
่ มเป็ น ประกันการที ่ จ ะปฏิ บั ตต
ิ ามสั ญ ญา นั ้
น ด ว
้ ย
มาตรา ๓๗๘ มั ดจานั น ้ ถา้ มิได้ตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ทา่ นใหเ้ ป็ นไปดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) ใหส ้ ง่ คืน หรื อจั ดเอาเป็ นการใชเ้ งิน
บางสว่ นในเมื่อชาระหนี้
(๒) ให้ริบ ถา้ ฝ่ายที่วางมั ดจาละเลยไมช่ าระหนี้ หรื อการชาระหนี้ ตกเป็ นพน ้ วิสัยเพราะ
พฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งฝ่ายนั น ้ ตอ
้ งรั บผิดชอบ หรื อถา้ มีการเลิกสั ญญาเพราะความผิดของฝ่ายนั น ้

(๓) ใหส ้ ง่ คนื ถา้ ฝ่ายที่รับมั ดจาละเลยไมช่ าระหนี้ หรื อการชาระหนี้ ตกเป็ นพน ้ วิสัยเพราะ พฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งฝ่ายนี้ ตอ ้ งรั บผิดชอบ
มาตรา ๓๗๙ ถา้ ลูกหนี้ สั ญญาแกเ่ จา้ หนี้ วา่ จะใชเ้ งินจานวนหนึ่ งเป็ นเบี้ยปรั บเมื่อตนไมช่ าระ หนี้ ก็ดี หรื อไมช่ าระหนี้ ใหถ ้ ู กต อ
้ งสมควรก็ ดี เมื่อ
ลูกหนี้ ผิดนั ดก็ให้ริบเบี้ยปรั บ ถา้ การชาระหนี้ อั นจะพึงทานั น ้ ได้แกง่ ดเวน ้ การอั นใดอั นหนึ่ ง หากทาการอั นนั น ้ ฝ่าฝื นมูลหนี้ เมื่อใด ก็ให้ริบเบี้ย
ปรั บเมื่อนั น ้
มาตรา ๓๘๐ ถา้ ลูกหนี้ ได้สัญญาไวว้ า่ จะให้เบี้ยปรั บเมื่อตนไมช่ าระหนี้ เจา้ หนี้ จะเรี ยกเอา
เบี้ยปรั บอั นจะพึงริ บนั น ้ แทนการชาระหนี้ ก็ได้ แตถ ่ า้ เจา้ หนี้ แสดงตอ่ ลูกหนี้ วา่ จะเรี ยกเอาเบี้ยปรั บฉะนั น ้ แลว้ ก็ เป็ นอั นขาดสิทธิเรี ยกร้องชาระ
หนี้ อีกตอ่ ไป
ถา้ เจา้ หนี้ มีสท ิ ธิเรี ยกร้องคา่ สินไหมทดแทนเพื่อการไมช่ าระหนี้ จะเรี ยกเอาเบี้ยปรั บอันจะพึง ริ บนั น ้ ในฐานเป็ นจานวนน้อยที่สุดแหง่ คา่ เสียหาย
ก็ได้ การพิสูจน์คา่ เสียหายยิง่ กวา่ นั น ้ ทา่ นก็อนุ ญาตให้พิสูจน์ ได้
มาตรา ๓๘๑ ถา้ ลูกหนี้ ได้สัญญาไวว้ า่ จะให้เบี้ยปรั บเมื่อตนไมช่ าระหนี้ ให้ถูกต้องสมควร เชน ่ วา่ ไมช่ าระหนี้ ตรงตามเวลาที่กาหนดไวเ้ ป็ นตน ้
นอกจากเรี ยกให้ชาระหนี้ เจา้ หนี้ จะเรี ยกเอาเบี้ยปรั บอั นจะพึง ริ บนั น ้ อีกด้วยก็ได้
ถา้ เจา้ หนี้ มีสท ิ ธิเรี ยกร้องคา่ สินไหมทดแทนในมูลชาระหนี้ ไมถ ่ ูกตอ้ งสมควร ทา่ นให้บังคั บตาม บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๓๘๐ วรรค ๒
ถา้ เจา้ หนี้ ยอมรั บชาระหนี้ แลว้ จะเรี ยกเอาเบี้ยปรั บไดต ่ เมื่อได้บอกสงวนสิทธิไวเ้ ชน
้ อ ่ นั น้ ใน เวลารั บชาระหนี้
มาตรา ๓๘๒ ถา้ สั ญญาวา่ จะทาการชาระหนี้ อยา่ งอื่นใหเ้ ป็ นเบี้ยปรั บ ไมใ่ ชใ่ ชเ้ ป็ นจานวนเงิน
ไซร้ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๓๗๙ ถึง ๓๘๑ มาใชบ ้ ั งคั บ แตถ ่ า้ เจา้ หนี้ เรี ยกเอาเบี้ยปรั บแลว้ สิทธิ เรี ยกร้องคา่ สินไหมทดแทนก็
เป็ นอั นขาดไป
มาตรา ๓๘๓ ถา้ เบี้ยปรั บที่ริบนั น ้ สูงเกินสว่ น ศาลจะลดลงเป็ นจานวนพอสมควรก็ได้ ในการที่ จะวินิจฉั ยวา่ สมควรเพียงใดนั น ้ ทา่ นให้
พิเคราะหถ ์ ึงทางได้เสียของเจา้ หนี้ ทุกอยา่ งอั นชอบด้วยกฎหมาย ไมใ่ ช่ แตเ่ พียงทางได้เสียในเชิงทรั พยส์ น ิ เมื่อได้ใชเ้ งินตามเบี้ยปรั บแลว้ สิทธิ
เรี ยกร้องขอลดก็เป็ นอันขาดไป
นอกจากกรณี ท่ีกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๓๗๙ และ ๓๘๒ ทา่ นใหใ้ ชว้ ธิ ีเดียวกันนี้ บั งคั บ ในเมื่อ บุคคลสั ญญาวา่ จะใหเ้ บี้ยปรั บเมื่อตนกระทาหรื อ
งดเวน ้ กระทาการอั นหนึ่ งอันใดนั น ้ ด้วย

มาตรา ๓๘๔ ถา้ การชาระหนี้ ตามที่สัญญาไวน ่ มบูรณ์ การที่ตกลงกันด้วยขอ


้ ไมส
้ ัน ้ เบี้ยปรั บ ในการไมป ่ ฏิบัติตามสั ญญานั ้ นก็ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์
ดุจกัน แมถ ้ ึงคูก
่ รณี จะได้รู้วา่ ขอ ้ สั ญญานั นไมส ้ ่ มบูรณ์
มาตรา ๓๘๕ ถา้ ลูกหนี้ โตแ ้ ยง้ การริ บเบี้ยปรั บโดยอา้ งเหตุวา่ ตนไดช้ าระหนี้ แลว้ ไซร้ทา่ นวา่ ลูกหนี้ จะตอ ้ งพิสูจน์การชาระหนี้ เวน ้ แตก ่ ารชาระ
หนี้ อั นตนจะตอ ้ งทานั ้
น เป็ น การให ง
้ ดเว น
้ การอั น ใดอั น ่
หนึ ง
หมวด ๔ เลิกสั ญญา
มาตรา ๓๘๖ ถา้ คูส ่ ั ญญาฝ่ายหนึ่ งมีสท ิ ธิเลิกสั ญญาโดยขอ ้ สั ญญาหรื อโดยบทบั ญญั ติแหง่ กฎหมาย การเลิกสั ญญาเชน ่ นั น ้ ยอ่ มทาด้วย
แสดงเจตนาแกอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ ง
แสดงเจตนาดังกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนั น ้ ทา่ นวา่ หาอาจจะถอนได้ไม่
มาตรา ๓๘๗ ถา้ คูส ่ ั ญ ญาฝ ่ ายหนึ ่ งไมช่ าระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่ งจะกาหนดระยะเวลาพอสมควร แลว้ บอกกลา่ วใหฝ ้ ชาระหนี้ ภายในระยะเวลา
้ ่ ายนั น
้ ก็ได้ ถา้ และฝ่ายนั น
นั น ้ ไมช่ าระหนี้ ภายในระยะเวลาที่ กาหนดใหไ้ ซร้ อีกฝ่ายหนึ่ งจะเลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๓๘๘ ถา้ วั ตถุท่ีประสงคแ์ หง่ สั ญญานั น ้ วา่ โดยสภาพหรื อโดยเจตนาที่คูส่ ั ญญาได้ แสดงไว้ จะเป็ นผลสาเร็จได้กแ ็ ตด ่ ้วยการชาระหนี้
ณ เวลามีกาหนดก็ดี หรื อภายในระยะเวลาอั นใดอั นหนึ่ งซึ่ง กาหนดไวก ้ ด
็ ี และกาหนดเวลาหรื อระยะเวลานั น ้ ได้ลว่ งพน้ ไปโดยฝ่ายใดฝ่าย
หนึ่ งมิได้ชาระหนี้ ไซร้ ทา่ นวา่ อีก ฝ่ายหนึ่ งจะเลิกสั ญญานั น ้ เสียก็ได้ มิพักตอ ้ งบอกกลา่ วดังวา่ ไวใ้ นมาตรากอ ่ นนั น ้ เลย
มาตรา ๓๘๙ ถา้ การชาระหนี้ ทั งหมดหรื ้ อแตบ ่ างสว่ นกลายเป็ นพน ้ วิสัยเพราะเหตุอยา่ งใด อยา่ งหนึ่ งอั นจะโทษลูกหนี้ ได้ไซร้ เจา้ หนี้ จะเลิก
สั ญญานั น ้ เสียก็ได้
มาตรา ๓๙๐ ถา้ ในสั ญญาใดคูส ่ ั ญญาเป็ นบุคคลหลายคนดว้ ยกันอยูข่ า้ งหนึ่ งหรื ออีกขา้ งหนึ่ ง ทา่ นวา่ จะใชส ิ ธิเลิกสั ญญาไดก
้ ท ้ แ็ ตเ่ มื่อบุคคลเหลา่
นั น ้ ทั งหมดรวมกันใช
้ ้ ต
้ ทั งใช ้ อ่ บุคคลเหลา่ นั น ้ รวมหมดทุกคน ด้วย ถา้ สิทธิเลิกสั ญญาอั นมีแกบ ่ ุคคลคนหนึ่ งในจาพวกที่มีสท ิ ธินัน้ เป็ นอันระงั บ

สินไปแลว้ สิทธิเลิกสั ญญาอั นมี แกค ่ ้
่ นอืน ๆ ก็ยอ่ มระงั บสินไปด้วย
มาตรา ๓๙๑ เมื่อคูส ่ ั ญญาฝ่ายหนึ่ งไดใ้ ชส ้ ทิ ธิเลิกสั ญญาแลว้ คูส
่ ั ญญาแตล่ ะฝ่ายจาตอ ้ ีก ฝ่ายหนึ่ งไดก
้ งใหอ ้ ลั บคืนสู ฐ่ านะดังที่เป็ นอยูเ่ ดิม แต่
ทั งนี้ ้ จะใหเ้ ป็ นที่เสื่อมเสียแกส ่ ิ
ท ธิ ของบุ คคลภายนอกหาได ไ ม
้ ่

สว่ นเงินอั นจะตอ ้ งใชค ้ ืนในกรณี ดังกลา่ วมาในวรรคตน ้ นั น้ ทา่ นให้บวกดอกเบี้ยเขา้ ด้วย คิด ตั งแต ้ เ่ วลาที่ได้รับไว้
สว่ นที่เป็ นการงานอั นได้กระทาให้และเป็ นการยอมให้ใชท ้ รั พยน ้ การที่จะชดใชค
์ ัน ้ ืน ทา่ นให้ ทาได้ด้วยใชเ้ งินตามควรคา่ แหง่ การนั น ้ ๆ หรื อ
ถา้ ในสั ญญามีกาหนดวา่ ให้ใชเ้ งินตอบแทน ก็ให้ใชต ้ ามนั น ้
การใชส ้ ทิ ธิเลิกสั ญญานั น ้ หากระทบกระทั ่งถึงสิทธิเรี ยกร้องคา่ เสียหายไม่
มาตรา ๓๙๒ การชาระหนี้ ของคูส ่ ั ญญาอั นเกิดแตก ่ ารเลิกสั ญญานั น ้ ใหเ้ ป็ นไปตาม บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๓๖๙
มาตรา ๓๙๓ ถา้ มิได้กาหนดระยะเวลาไวใ้ หใ้ ชส ้ ทิ ธิเลิกสั ญญา คูส ่ ั ญญาอีกฝ่ายหนึ่ งจะ กาหนดระยะเวลาพอสมควร แลว้ บอกกลา่ วให้ฝ่าย
ที่มีสท ิ ธิเลิกสั ญญานั น ้ แถลงให้ทราบภายในระยะเวลานั น ้ ก็ ได้ วา่ จะเลิกสั ญญาหรื อหาไม่ ถา้ มิได้รับคาบอกกลา่ วเลิกสั ญญาภายในระยะเวลา
้ สิทธิเลิกสั ญญาก็เป็ นอั น ระงั บสิน
นั น ้ ไป
มาตรา ๓ ๙ ๔ ถา้ ทรั พย ์ อั นเป็ นว ัตถุแหง่ ส ญ ั ญานั น ้ บุบส ลาย ไปในสว่ นส าคั ญเ พราะ กา รกร ะท า หรื อเพราะความผิดของ
บุคคลผูม ิ ้
้ ีสทธิเลิกสั ญญาก็ดี หรื อบุคคลนั นได้ทาให้การคืนทรั พยก์ ลายเป็ นพน ้ วิสัยก็ดี เปลี่ยนแปลงทรั พยน ้ ให้ผิดแผกไปเป็ นอยา่ งอื่นด้วย
์ ัน
ประกอบขึ้นหรื อดัดแปลงก็ดี ทา่ นวา่ สิทธิเลิกสั ญญานั น ้ ก็ เป็ นอั นระงั บสิน ้ ไป
แตถ ่ า้ ทรั พยอ์ ั นเป็ นวั ตถุแหง่ สั ญญาได้สูญหายหรื อบุบสลายไปโดยปราศจากการกระทาหรื อ ความผิดของบุคคลผู ม ิ ธิเลิกสั ญญาไซร้ สิทธิเลิก
้ ี สท
สั ญญานั น ้ ก็หาระงั บสิน ้ ไปไม่
ลั กษณะ ๓ จั ดการงานนอกสั ่ง
มาตรา ๓๙๕ บุคคลใดเขา้ ทากิจการแทนผูอ ้ ่ืนโดยเขามิได้วา่ ขานวานใชใ้ หท ้ าก็ดี หรื อโดย มิได้มีสทิ ธิท่ีจะทาการงานนั น ้ แทนผูอ้ ่ืนด้วย
ประการใดก็ดี ทา่ นวา่ บุคคลนั นจะตอ ้ ่
้ งจั ดการงานไปในทางทีจะให้ สมประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงคอ์ ั นแทจ้ ริ งของตัวการ หรื อตาม
ที่จะพึงสั นนิ ษฐานไดว้ า่ เป็ นความ ประสงคข์ องตัวการ
มาตรา ๓๙๖ ถา้ การที่เขา้ จั ดการงานนั น ้ เป็ นการขั ดกับความประสงคอ์ ั นแทจ้ ริ งของตัวการก็ ดี หรื อขั ดกับความประสงคต ์ ามที่จะพึงสั นนิ ษฐาน
ได้กด ็ ี และผูจ้ ั ดการก็ควรจะได้รู้สก ึ เชน่ นั น้ แลว้ ด้วยไซร้ ทา่ น

วา่ ผูจ้ ั ดการจาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทนให้แกต ่ ัวการเพื่อความเสียหายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดแตท ่ ่ีได้เขา้ จั ดการนั น ้ แมท ้ จ้ ั ดการจะมิได้มีความผิด
้ ั งผู
ประการอืน ่
มาตรา ๓๙๗ ถา้ ผูจ้ ั ดการทากิจอั นใดซึ่งเป็ นหน้าที่บังคั บใหต ้ ัวการทาเพื่อสาธารณประโยชน์ ก็ดี หรื อเป็ นหน้าที่ตามกฎหมายที่จะบารุ งรั กษาผู ้
อื่นก็ดี และหากผูจ้ ั ดการมิไดเ้ ขา้ ทาแลว้ กิจอั นนั น ้ จะไมส ่ าเร็ จ ภายในเวลาอั นควรไซร้ การที่ไดท ้ าขั ดกับความประสงคข์ องตัวการเชน ่ นั น ้ ทา่ น
มิใหย้ กขึ้นเป็ นข้อวินิจฉั ย
มาตรา ๓๙๘ ถา้ ผูจ้ ั ดการทากิจอั นใดเพื่อประสงคจ์ ะปัดป้องอั นตรายอั นมีมาใกลต ้ ัวการ จะ
เป็ นภัยแกต ่ ัวก็ดี แกช่ ่ือเสียงก็ดี หรื อแกท ่ รั พยส์ น ิ ก็ดี ทา่ นวา่ ผูจ้ ั ดการตอ ้ งรั บผิดชอบแตเ่ พียงที่จงใจทาผิด หรื อ ที่เป็ นความประมาทเลินเลอ่
อยา่ งร้ายแรงเทา่ นั น ้
มาตรา ๓๙๙ ผูจ้ ั ดการตอ ้ งบอกกลา่ วแกต ่ ัวการโดยเร็วที่สุดที่จะทาไดว้ า่ ตนไดเ้ ขา้ จั ดการงาน แทน และตอ ้ งรอฟังคาวินิจฉั ยของตัวการ เวน ้
แตภ ่ ัยจะมี ข้ ึ น เพราะการที ่ ห น ่ ว งเนิ ่ น ไว ้ นอกจากนี ้ ท า
่ นให น
้ า บทบั ญ ญั ต แ
ิ ห ง
่ มาตรา ๘๐๙ ถึ ง ๘๑๑ อั นบั งคั บแกต่ ัวแทนนั น ้ มาใชบ ้ ั งคับแก่
หน้าที่ของผูจ้ ั ดการด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๔๐๐ ถา้ ผูจ้ ั ดการเป็ นผูไ้ ร้ความสามารถ ทา่ นวา่ จะตอ ้ งรั บผิดชอบแตเ่ พียงตาม บทบั ญญั ติวา่ ด้วยคา่ สินไหมทดแทนเพื่อละเมิด และวา่
ด้วยการคืนลาภมิควรได้เทา่ นั น ้
มาตรา๔๐๑ถา้ การทเี่ขา้ จั ดการงานนั น ้ เป็ นการสมประโยชน์ของตัวการและต้องตามความ ประสงคอ์ ั นแทจ้ ริ งของตัวการ หรื อความประสงคต ์ าม
ที่จะพึงสั นนิ ษฐานไดน ้ ั ้
น ไซร ้ ่ า่ ผูจ้ ั ดการจะเรี ยกให้ ชดใชเ้ งินอั นตนไดอ
ท า นว ้ อกไปคืนแกต ่ นเชน ่ อยา่ งตัวแทนก็ได้ และบทบั ญญั ติมาตรา
๘๑๖ วรรค ๒ นั น ้ ทา่ นก็ให้ นามาใชบ ้ ั งคั บดว้ ยโดยอนุ โลม
อนึ่ ง ในกรณี ท่ีกลา่ วมาในมาตรา ๓๙๗ นั น ้ แมถ ้ ึงวา่ ที่เขา้ จั ดการงานนั น ้ จะเป็ นการขั ดกับ
ความประสงคข์ องตัวการก็ดี ผูจ้ ั ดการก็ยังคงมีสท ิ ธิเรี ยกร้องเชน ้ อยู ่
่ นั น
มาตรา ๔๐๒ ถา้ เงื่อนไขดังวา่ มาในมาตรากอ ่ นนั น ้ มิได้มี ทา่ นวา่ ตัวการจาตอ ้ งคืนสิง่ ทั งหลาย
้ บรรดาที่ได้มาเพราะเขาเขา้ จั ดการงานนั น ้ ให้แก่
ผูจ้ ั ดการ ตามบทบั ญญั ติวา่ ด้วยการคืนลาภมิควรได้
ถา้ ตัวการใหส ้ ั ตยาบั นแกก ่ ารที่จัดทานั น ้ ทา่ นใหน ้ าบทบั ญญั ติทังหลายแห ้ ง่ ประมวลกฎหมาย นี้ วา่ ดว้ ยตัวแทนมาใชบ ้ ั งคั บ แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๔๐๓ ถา้ ผูจ้ ั ดการมิไดม ้ ี บ ุ ร พเจตนาจะเรี ย กให ต
้ ัวการชดใช้ ค ื น ผู จ
้ ั ดการก็ ย อ
่ มไม ม
่ ี ส ิ
ท ธิ เรี ย กร ้ องเช น
่ นั ้

การที่บด ิ ามารดา ปู่ยา่ ตายาย บารุ งรั กษาผูส ื สั นดานเป็ นทางอุปการะก็ดี หรื อกลั บกันเป็ น ทางปฏิการะก็ดี เมื่อกรณี เป็ นที่สงสั ย ทา่ นให้
้ บ
สั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ ไมม่ ีเจตนาจะเรี ยกให้ผูร้ ั บประโยชน์ชดใชค ้ ืน
มาตรา ๔๐๔ ถา้ ผูจ้ ั ดการทาแทนผูห ้ นึ่ งโดยสาคั ญวา่ ทาแทนผูอ ่ อีกคนหนึ่ งไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ป็ น ตัวการคนกอ
้ ืน ่ นผูเ้ ดียวมีสท ิ ธิและหน้าที่อันเกิด
แตก ่ ารที ่ ไดจ
้ ั ด ทาไปนั ้

มาตรา ๔๐๕ บทบั ญญั ติทังหลายที ้ ่ กลา่ วมาในสิบมาตรากอ ่ นนั น ้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกก ่ รณี ท่ี บุคคลหนึ่ งเขา้ ทาการงานของผูอ ้ ่ืนโดยสาคั ญวา่
เป็ นการงานของตนเอง
ถา้ บุคคลใดถือเอากิจการของผูอ ้ ่ืนวา่ เป็ นของตนเอง ทั งที
้ ่ รู้แลว้ วา่ ตนไมม ิ ธิจะทาเชน
่ ี สท ่ นั น้ ไซร้ ทา่ นวา่ ตัวการจะใชส ิ ธิเรี ยกร้องบั งคั บโดย
้ ท
มูลดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๓๙๕, ๓๙๖, ๓๙๙ และ ๔๐๐ นั น ้ ก็ ได้ แตเ่ มื่อได้ใชส ้ ท ิ ธิดังวา่ มานี้ แลว้ ตัวการจะตอ ้ งรั บผิดตอ่ ผูจ้ ั ดการดัง
บั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๔๐๒ วรรค ๑
ลั กษณะ ๔ ลาภมิควรได้
มาตรา ๔๐๖ บุคคลใดไดม ้ าซึ่งทรั พยส์ งิ่ ใดเพราะการที่บุคคลอีกคนหนึ่ งกระทาเพื่อชาระหนี้ ก็ดี หรื อไดม ้ าดว้ ยประการอื่นก็ดี โดยปราศจาก
มูลอั นจะอา้ งกฎหมายได้ และเป็ นทางให้บุคคลอีกคนหนึ่ งนั น ้ จาต้องคืนทรั พยใ์ ห้แกเ่ ขา อนึ่ ง การรั บสภาพ
้ เสียเปรี ยบไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลนั น

หนี สินวา่ มีอยูห ่ รื อหาไมน ้ ่
่ ั น ทา่ นก็ ให้ถือวา่ เป็ นการกระทาเพือชาระหนี ด้วย ้
บทบั ญญั ติอันนี้ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ั งคั บตลอดถึงกรณี ท่ีไดท ์ า เพราะเหตุอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งซึ่ง มิไดม
้ รั พยม ้ ีไดเ้ ป็ นขึ้น หรื อเป็ นเหตุท่ีไดส ้ิ สุดไปเสีย
้ น
กอ่ นแล ว
้ นั ้
น ด ว
้ ย
มาตรา ๔๐๗ บุคคลใดได้กระทาการอั นใดตามอาเภอใจเหมือนหนึ่ งวา่ เพื่อชาระหนี้ โดยรู้ อยู ่ วา่ ตนไมม ่ ีความผูกพันที่จะตอ ้ งชาระ ทา่ นวา่
บุคคลผูน ้ หามีสท
้ ัน ิ ธิจะได้รับคืนทรั พยไ์ ม่
มาตรา ๔๐๘ บุคคลดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ไมม ิ ธิจะได้รับคืนทรั พย ์ คือ
่ ี สท
(๑) บุคคลผูช้ าระหนี้ อันมีเงื่อนเวลาบั งคั บเมื่อก่อนถึงกาหนดเวลานั น ้
(๒) บุคคลผูช้ าระหนี้ ซึ่งขาดอายุความแลว้
(๓) บุคคลผูช้ าระหนี้ ตามหน้าที่ศีลธรรม หรื อตามควรแกอ ่ ั ธยาศั ยในสมาคม

มาตรา ๔๐๙ เมื่อบุคคลผูห ้ นึ่ งผูใ้ ดซึ่งมิได้เป็ นลูกหนี้ ได้ชาระหนี้ ไปโดยสาคั ญผิด เป็ นเหตุให้ เจา้ หนี้ ผูท ้ าการโดยสุจริ ตได้ทาลาย หรื อลบลา้ ง
เสียซึ่งเอกสารอั นเป็ นพยานหลั กฐานแหง่ หนี้ ก็ดี ยกเลิก หลั กประกันเสียก็ดี สิน ้ สิทธิไปเพราะขาดอายุความก็ดี ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ ไมจ่ าตอ ้ งคืน
ทรั พย ์
บทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ไมข่ ั ดขวางตอ่ การที่บุคคลผูไ้ ด้ชาระหนี้ นั น ้ จะใชส ้ ท ิ ธิไลเ่ บี้ย เอาแกล ่ ูกหนี้ และผูค ้ า้ ประกั น ถา้ จะพึงมี
มาตรา ๔๑๐ บุคคลผูใ้ ดไดท ้ าการชาระหนี ้ โดยมุ ง
่ ่ ต อ ผลอย า
่ งหนึ ่ ง แต ม
่ ้ไ
ิ ด เ กิ ด ผลขึ ้ น เช น
่ นั ้
น ถา้ และบุ คคลนั น ้ ไดร้ ู้ มาแตแ ่ รกวา่ การที่จะเกิดผล
้ เป็ นพ้นวิสัยก็ดี หรื อได้เขา้ ป้องปัดขั ดขวางเสียมิใหเ้ กิดผล
นั น
เชน ้ โดยอาการอั นฝ่าฝื นความสุจริ ตก็ดี ทา่ นวา่ บุคคลผูน
่ นั น ้ ไมม
้ ัน ่ ี สท ิ ธิจะได้รับคืนทรั พย ์
มาตรา ๔๑๑ บุคคลใดได้กระทาการเพื่อชาระหนี้ เป็ นการอั นฝ่าฝื นขอ ้ ห้ามตามกฎหมายหรื อ ศีลธรรมอั นดี ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ หาอาจจะเรี ยกร้อง
คืนทรั พยไ์ ด้ไม่
มาตรา ๔๑๒ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งได้รับไวเ้ ป็ นลาภมิควรได้นัน ้ เป็ นเงินจานวนหนึ่ ง ทา่ นวา่ ตอ ้ งคืน เต็มจานวนนั น ้ เวน ้ แตเ่ มื่อบุคคลได้รับไวโ้ ดย
สุจริ ต จึงตอ ้ งคื นลาภมิ ควรได เ
้ พี ย งส ว่ นที ่ ย ั ง มี อยู ใ่ นขณะเมื ่ อ เรี ย ก คื น
มาตรา ๔๑๓ เมื่อทรั พยส์ น ิ อั นจะตอ ้ งคืนนั น ้ เป็ นอยา่ งอื่นนอกจากจานวนเงิน และบุคคล ไดร้ ั บไวโ้ ดยสุจริ ต ทา่ นวา่ บุคคลเชน ้ จาตอ
่ นั น ้ งคืน
ทรั พยส์ น ิ เพียงตามสภาพที่เป็ นอยู ่ และมิตอ ้ งรั บผิดชอบใน การที่ทรั พยน ้ สูญหายหรื อบุบสลาย แตถ
์ ัน ่ า้ ได้อะไรมาเป็ นคา่ สินไหมทดแทนเพื่อ
การสูญหายหรื อบุบสลาย เชน ่ นั น ้ ก็ตอ้ งให้ไปด้วย
ถา้ บุคคลได้รับทรั พยส์ น ิ ไวโ้ ดยทุจริ ต ทา่ นวา่ จะตอ ้ งรั บผิดชอบในการสูญหายหรื อบุบสลายนั น ้ เต็มภูมิ แมก ้ ระทั ่งการสูญหายหรื อบุบสลายจะ
เกิดเพราะเหตุสุดวิสัย เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ ถึงอยา่ งไรทรั พยส์ น ิ
้ ก็คงตอ
นั น ้ งสูญหายหรื อบุบสลายอยู น ่ ั ่ นเอง
มาตรา ๔๑๔ ถา้ การคืนทรั พยต ์ กเป็ น พน ้ วิสัยเพราะสภาพแหง่ ทรั พยส์ น ิ ที่ไดร้ ั บไวน ้ ัน ้ เองก็ดี หรื อเพราะเหตุอยา่ งอื่นก็ดี และบุคคลไดร้ ั บ
ทรั พยส์ น ิ ไวโ้ ดยสุจริ ต ทา่ นวา่ บุคคลเชน ่ นั น ้ จาตอ ้ งคืนลาภมิควรได้ เพียงสว่ นที่ยังมีอยูใ่ นขณะเมื่อเรี ยกคืน
ถา้ บุคคลได้รับทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไวโ้ ดยทุจริ ต ทา่ นวา่ ตอ ้ งใชร้ าคาทรั พยส์ น ิ นั น ้ เต็มจานวน
มาตรา ๔๑๕ บุคคลผูไ้ ด้รับทรั พยส์ น ิ ไวโ้ ดยสุจริ ตยอ่ มจะได้ดอกผลอั นเกิดแตท ่ รั พยส์ น ิ นั น้ ตลอดเวลาที่ยังคงสุจริ ตอยู ่

ถา้ ผูท้ ่ีไดร้ ั บไวจ้ ะตอ ้ งคืนทรั พยส์ น ิ นั น้ เมื่อใด ใหถ ้ ือวา่ ผูน ้ ัน้ ตกอยูใ่ นฐานะทุจริ ตจาเดิมแตเ่ วลาที่ เรี ยกคืนนั น ้
มาตรา ๔๑๖ คา่ ใชจ้ า่ ยทั งหลายอั ้ นควรแกก ่ ารเพื ่ อรั กษาบารุ ง หรื อ ซ อ
่ มแซมทรั พย ส
์ ิ
น นั ้
น ท า นว
่ ่ ้ า ต องชดใช ้แ กบ ่ ุค คลผูค ้ ื นทรั พยส์ น ิ น ัน้
เต็มจ านว น
แตบ ่ ุคคลเชน ่ วา่ นี้ จะเรี ยกร้องให้ชดใชค ้ า่ ใชจ้ า่ ยตามธรรมดาเพื่อบารุ ง ซอ ่ มแซมทรั พยส์ น ิ นั น ้ หรื อคา่ ภาระติดพันที่ตอ ้ งเสียไปในระหวา่ งที่ตนคง
เก็บดอกผลอยูน ่ ัน ้ หาได้ไม่
มาตรา ๔๑๗ ในสว่ นคา่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งอื่นนอกจากที่กลา่ วมาในวรรคตน ้ แหง่ มาตราก่อนนั น ้ บุคคลผูค ้ ืนทรั พยส์ น ิ จะเรี ยกให้ชดใชไ้ ด้แตเ่ ฉพาะ
ที่เสียไปในระหวา่ งที่ตนทาการโดยสุจริ ต และเมื่อทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไดม ้ ี ร าคาเพิ ่ มสู ง ขึ ้ น เพราะค า่ ใชจ้ า่ ยนั น้ ในเวลาที่คืน และจะเรี ยกไดก ้ แ
็ ตเ่ พียง
เทา่ ราคาที่เพิ่มขึ้นเทา่ นั น ้
อนึ่ ง บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๔๑๕ วรรค ๒ นั น ้ ทา่ นให้นามาใชบ ้ ั งคั บด้วย แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๔๑๘ ถา้ บุคคลรั บทรั พยส์ น ิ อั นมิควรได้ไวโ้ ดยทุจริ ต และได้ทาการดัดแปลงหรื อตอ ่ เติมขึ้นในทรั พยส์ น ิ นั น ้ ทา่ นวา่ บุคคลเชน ้ ตอ
่ นั น ้ ง
จั ดทาทรั พยส์ น ิ นั น ้ ให้คืนคงสภาพเดิมด้วยคา่ ใชจ้ า่ ยของตนเอง แลว้ จึงสง่ คืน เวน ้ แตเ่ จา้ ของทรั พยส์ น ิ จะเลือกให้สง่ คืนตามสภาพที่เป็ นอยู ่ ใน
กรณี เชน ่ นี้ เจา้ ของจะใชร้ าคาคา่ ทาดัดแปลงหรื อตอ่ เติม หรื อใชเ้ งินจานวนหนึ่ งเป็ นราคาทรั พยส์ น ิ เทา่ ที่เพิ่มขึ้นนั น ้ ก็ได้ แลว้ แตจ่ ะเลือก
ถา้ ในเวลาที่จะตอ ้ งคื น ทรั พย น์ั ้
น เป็ น พ น
้ วิ ส ั ย จะทาให ท
้ รั พย ส ์ ิ
น คื น คงสภาพเดิ ม ได ้ หรื อ ถ า
้ ทา ไปทรั พย ส
์ ิ
น นั ้
น จะบุ บ สลายไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลผูไ้ ด้
รั บไวจ้ ะตอ งส
้ ่ ง คื น ทรั พย ส
์ น ิ ตามสภาพที ่ เ ป็ น อยู ่ และไม ม
่ ี ส ิ
ท ธิ เรี ย กค า
่ สิ นไหมทดแทนเพื ่ อ ราคาทรั พย ส
์ ิ
น ที ่ เ พิ ่ มขึ้ น เพราะการดัดแปลงหรื อตอ่
เติมนั น ้ ได้
มาตรา ๔๑๙ ในเรื่ องลาภมิควรได้นัน ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพน ้ กาหนดปี หนึ่ งนั บแตเ่ วลา ที่ฝ่ายผูเ้ สียหายรู้ วา่ ตนมีสท ิ ธิเรี ยกคืน หรื อเมื่อ
พน ้ สิบปี นั บแตเ่ วลาที่สท ิ ธินัน ้ ได้มีข้ึน
ลั กษณะ ๕ ละเมิด
หมวด ๑ ความรั บผิดเพื่อละเมิด

มาตรา ๔๒๐ ผูใ้ ดจงใจหรื อประมาทเลินเลอ่ ทาตอ่ บุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแกช่ ีวต ิ ก็ดี แกร่ ่ างกายก็ดี อนามั ยก็ดี
เสรี ภาพก็ดี ทรั พยส์ นิ หรื อสิทธิอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดก็ดี ทา่ นวา่ ผูน ้ ทา ละเมิดจาตอ
้ ัน ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทนเพื่อการนั น ้
มาตรา ๔๒๑ การใชส ิ ธิซ่ึงมีแตจ่ ะให้เกิดเสียหายแกบ
้ ท ่ ุคคลอื่นนั น ้ ทา่ นวา่ เป็ นการอั นมิชอบ ดว้ ยกฎหมาย
มาตรา ๔๒๒ ถา้ ความเสียหายเกิดแตก ่ ารฝ่าฝื นบทบั งคั บแหง่ กฎหมายใดอั นมีท่ีประสงคเ์ พื่อ

จะปกป้องบุคคลอืน ๆ ผูใ้ ดทาการฝ่าฝื นเชน ้ ทา่ นใหส
่ นั น ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ ผูน ้ เป็ นผูผ
้ ัน ้ ิด
มาตรา ๔๒๓ ผูใ้ ดกลา่ วหรื อไขขา่ วแพร่หลายซึ่งขอ ้ ความอั น ฝ ่ าฝื นต อ
่ ความจริ ง เป็ น ที่ เสียหายแกช่ ่ือเสียงหรื อเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี
หรื อเป็ นที่เสียหายแกท ่ างทามาหาได้หรื อทางเจริ ญของเขา โดยประการอื่นก็ดี ทา่ นวา่ ผูน ้ จะตอ
้ ัน ้ งใชค้ า่ สินไหมทดแทนให้แกเ่ ขาเพื่อความเสีย
หายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดแต่ การนั น แมท ้ ้ ่ ้
้ ั งเมือตนมิได้รู้วา่ ข้อความนั นไมจ่ ริ ง แตห ่ ากควรจะรู้ ได้
ผูใ้ ดสง่ ขา่ วสารอั นตนมิได้รู้วา่ เป็ นความไมจ่ ริ ง หากวา่ ตนเองหรื อผูร้ ั บขา่ วสารนั น ้ มีทางไดเ้ สีย โดยชอบในการนั น ้ ดว้ ยแลว้ ทา่ นวา่ เพียงที่สง่
ขา่ วสารเชน ่ นั น ้ หาทาใหผ ้ ู้ นั ้
น ตอ้ งรั บผิ ด ใช ค
้ า ่ สิน ไหมทดแทนไม ่
มาตรา ๔๒๔ ในการพิพากษาคดีขอ ้ ความรั บผิดเพื่อละเมิดและกาหนดคา่ สินไหมทดแทนนั น ้ ทา่ นวา่ ศาลไมจ่ าตอ ้ งดาเนิ นตามบทบั ญญั ติแหง่
กฎหมายลั กษณะอาญาอั นวา่ ด้วยการที่จะตอ ้ งรั บโทษ และไม่ จาตอ ้ งพิเคราะหถ ์ ึงการที่ผูก้ ระทาผิดตอ ้ งคาพิพากษาลงโทษทางอาญาหรื อไม ่
มาตรา ๔๒๕ นายจา้ งตอ ้ งร่วมกันรั บผิดกับลูกจา้ งในผลแหง่ ละเมิด ซึ่งลูกจา้ งได้กระทาไปใน ทางการที่จา้ งนั น ้
มาตรา ๔๒๖ นายจา้ งซึ่งได้ใชค ้ า่ สินไหมทดแทนให้แกบ ่ ุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจา้ งได้ ทานั น ้ ชอบที่จะได้ชดใชจ้ ากลูกจา้ งนั น้
มาตรา ๔๒๗ บทบั ญญั ติในมาตราทั งสองก ้ อ
่ นนั ้
น ทา่ นให ใ ชบ
้ ้ ั ง คั บ แก ต
่ ัวการและตัวแทนด้ ว ย โดยอนุ โ ลม
มาตรา ๔๒๘ ผูว้ า่ จา้ งทาของไมต ่ อ้ งรั บผิดเพื่อความเสียหายอั นผูร้ ั บจา้ งไดก ่ ใหเ้ กิดขนึ้ แก่ บุคคลภายนอกในระหวา่ งทาการงานที่วา่ จา้ ง
้ อ
เวน ้ แตผ ้ ิดในสว่ นการงานที่สั่งให้ทา หรื อในคาสั ง่ ที่ ตนให้ไว้ หรื อในการเลือกหาผูร้ ั บจา้ ง
่ ูว้ า่ จา้ งจะเป็ นผูผ

มาตรา ๔๒๙ บุคคลใดแมไ้ ร้ความสามารถเพราะเหตุเป็ นผูเ้ ยาวห ์ รื อวิกลจริ ตก็ยังตอ ้ งรั บผิด ในผลที่ตนทาละเมิด บิดามารดาหรื อผูอ ้ นุ บาล
ของบุคคลเชน ้
่ วา่ นี ยอ่ มต้องรั บผิดร่วมกับเขาด้วย เวน ้ แตจ่ ะ พิสูจน์ได้วา่ ตนได้ใชค ้ วามระมั ดระวั งตามสมควรแกห ่ น้าที่ดูแลซึ่งทาอยูน ่ ัน ้
มาตรา ๔๓๐ ครู บาอาจารย ์ นายจา้ ง หรื อบุคคลอื่นซึ่งรั บดูแลบุคคลผูไ้ ร้ความสามารถอยูเ่ ป็ น นิ ตยก์ ด ็ ี ชั ่วครั ง้ คราวก็ดี จาตอ ้ งรั บผิดร่วมกับ
ผูไ้ ร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาไดก ้ ระทาลงในระหว า
่ งที ่ อยู ่ ในความดู แ ลของตน ถ า
้ หากพิ ส ู จ น ์ ไดว้ า่ บุคคลนั น ้ ๆ มิไดใ้ ชค ้ วาม
ระมั ดระวั งตามสมควร
มาตรา ๔๓๑ ในกรณี ท่ีกลา่ วมาในสองมาตรากอ ่ นนั น ้ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๔๒๖ มาใชบ ้ ั งคั บด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๔๓๒ ถา้ บุคคลหลายคนกอ ่ ให้เกิดเสียหายแกบ ่ ุคคลอื่นโดยร่วมกันทาละเมิด ทา่ นวา่ บุคคลเหลา่ นั น ้ จะตอ้ งร่วมกันรั บผิดใชค ้ า่ สินไหม
ทดแทนเพื่อความเสียหายนั น ้ ความขอ ้ นี้ ทา่ นให้ใชต ้ ลอดถึง กรณี ท่ีไมส ่ ามารถสืบรู้ ตัวได้แน่วา่ ในจาพวกที่ทาละเมิดร่วมกันนั น ้ คนไหนเป็ นผู้
กอ ่ ให้เกิดเสียหายนั น ้ ด้วย
อนึ่ ง บุคคลผูย้ ุยงสง่ เสริ มหรื อชว่ ยเหลือในการทาละเมิด ทา่ นก็ใหถ ้ ือวา่ เป็ นผูก ้ ระทาละเมิด ร่วมกันดว้ ย
ในระหวา่ งบุคคลทั งหลายซึ ้ ่งตอ้ งรั บผิ ด ร่ ว มกันใช ค
้ า
่ สิ น ไหมทดแทนนั ้
น ท า
่ า่ ตา่ งตอ
นว ้ งรั บผิด เป็ นสว่ นเทา่ ๆ กัน เวน ้ แตโ่ ดยพฤติการณ์
ศาลจะวินิจฉั ยเป็ นประการอื่น
มาตรา ๔๓๓ ถา้ ความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสั ตว ์ ทา่ นวา่ เจา้ ของสั ตวห ์ รื อบุคคลผูร้ ั บเลี้ยงรั บ รั กษาไวแ ้ ทนเจา้ ของจาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทน
ให้แกฝ ่ ่ ายที่ตอ้ งเสียหายเพื่อความเสียหายอยา่ งใด ๆ อั นเกิด แตส ่ ั ตวน ์ ัน ้ เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ ตนได้ใชค ้ วามระมั ดระวั งอั นสมควรแก่การ
เลี้ยงการรั กษาตามชนิ ดและวิสัย
ของสั ตว ์ หรื อตามพฤติการณ์อยา่ งอื่น หรื อพิสูจน์ไดว้ า่ ความเสียหายนั น ้ ยอ่ มจะตอ ้ งเกิดมีข้ึนทั งที ้ ่ ไดใ้ ชค ้ วาม ระมั ดระวั งถึงเพียงนั น ้
อนึ่ ง บุคคลผูต อ
้ ้ งรั บผิ ด ชอบดังกล า
่ วมาในวรรคต น
้ นั ้
น จะใช ส
้ ิ
ท ธิ ไ ล เ
่ บี ้ ย เอาแก บ
่ ุ ค คลผู ท
้ ้่ ี เ รา หรื อยั ่ ว สั ต ว น์ ั ้
น โดยละเมิ ด หรื อ เอาแก เ่ จา้ ของสั ตว ์
อื่นอั นมาเร้าหรื อยั ่วสั ตวน ้ ๆ ก็ได้
์ ัน
มาตรา ๔๓๔ ถา้ ความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุท่ีโรงเรื อนหรื อสิง่ ปลูกสร้างอยา่ งอื่นกอ ่ สร้าง ไวช้ ารุ ดบกพร่องก็ดี หรื อบารุ งรั กษาไมเ่ พียงพอ
ก็ดี ทา่ นวา่ ผูค ้ รองโรงเรื อนหรื อสิง่ ปลูกสร้างนั น ้ ๆ จาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทน แตถ ่ า้ ผูค ้ รองได้ใชค ้ วามระมั ดระวั งตามสมควรเพื่อปัดป้องมิ

ใหเ้ กิดเสียหายฉะนั นแลว้ ทา่ นวา่ ผู ้ เป็ นเจา้ ของจาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทน

บทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในวรรคกอ ้ ใหใ้ ชบ


่ นนั น ้ ั งคั บไดต ้ ลอดถึงความบกพร่องในการปลูกหรื อคา้ จุนตน ้ ไมห ้ รื อกอไผด ่ ว้ ย
ในกรณี ท่ีกลา่ วมาในสองวรรคขา้ งตน ้ นั น ้ ถา้ ยั งมีผูอ ้ ่ืนอีกที่ตอ ้ งรั บผิดชอบในการก่อให้เกิด เสียหายนั น ้ ด้วยไซร้ ทา่ นวา่ ผูค ้ รองหรื อเจา้ ของจะ
ใชส ิ ธิไลเ่ บี้ยเอาแกผ
้ ท ่ ูน ้ ก็ได้
้ ัน
มาตรา ๔๓๕ บุคคลใดจะประสบความเสียหายอั นพึงเกิดจากโรงเรื อนหรื อสิง่ ปลูกสร้างอยา่ ง อื่นของผูอ ้ ่ืน บุคคลผูน ้ ชอบที่จะเรี ยกให้จัดการ
้ ัน
่ ่
ตามทีจาเป็ นเพือบาบั ดปัดป้องภยั นตรายนั นเสียได้ ้
มาตรา ๔๓๖ บุคคลผูอ ้ ยูใ่ นโรงเรื อนตอ ้ งรั บผิดชอบในความเสียหายอั นเกิดเพราะของตก หลน ่ จากโรงเรื อนนั น ้ หรื อเพราะทิ้งขวา้ งของไป
ตกในที่อันมิควร
มาตรา ๔๓๗ บุคคลใดครอบครองหรื อควบคุมดูแลยานพาหนะอยา่ งใด ๆ อั นเดินด้วยกาลั ง เครื่ องจั กรกล บุคคลนั น ้ จะตอ ้ งรั บผิดชอบเพื่อ
การเสียหายอั นเกิดแตย่ านพาหนะนั น ้ เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ การ เสียหายนั น ้ เกิดแตเ่ หตุสุดวิสัย หรื อเกิดเพราะความผิดของผูต ้ อ้ งเสียหายนั น ้
เอง
ความขอ ้ นี้ ให้ใชบ ้ ั งคั บได้ตลอดถึงบุคคลผูม ้ ีไวใ้ นครอบครองของตน ซึ่งทรั พยอ์ ั นเป็ นของเกิด อั นตรายได้โดยสภาพ หรื อโดยความมุง่ หมายที่
จะใช้ หรื อโดยอาการกลไกของทรั พยน ้
์ ั ดว้ ย

หมวด ๒ คา่ สินไหมทดแทนเพื่อละเมิด
มาตรา ๔๓๘ คา่ สินไหมทดแทนจะพึงใชโ้ ดยสถานใดเพียงใดนั น ้ ให้ศาลวินิจฉั ยตามควรแก่ พฤติการณ์และความร้ายแรงแหง่ ละเมิด
อนึ่ ง คา่ สินไหมทดแทนนั น ้ ได้แกก ่ ารคืนทรั พยส์ น ิ อั นผูเ้ สียหายตอ ้ งเสียไปเพราะละเมิด หรื อ ใชร้ าคาทรั พยส์ น ิ นั น ้ รวมทั งค ้ า่ เสียหายอั น
จะพึงบั งคั บให้ใชเ้ พื่อความเสียหายอยา่ งใด ๆ อั นได้กอ ่ ขึ้นนั น้ ด้วย
มาตรา ๔๓๙ บุคคลผูจ้ าตอ ้ งคืนทรั พยอ์ ั นผูอ ้ ่ืนตอ ้ งเสียไปเพราะละเมิดแหง่ ตนนั น ้ ยั งตอ ้ ง รั บผิดชอบตลอดถึงการที่ทรั พยน ์ ัน้ ทาลายลงโดย
อุบัติเหตุ หรื อการคืนทรั พยต ์ กเป็ น พ น
้ วิ ส ั ย เพราะเหตุ อ ย า
่ ่
งอื น โดยอุ บั ต เ
ิ หตุ หรื อ ทรั พย น
์ั ้
น ่
เสื อ มเสีย ลงโดยอุ บั ต เ
ิ หตุ น น
ั ้้ ด ว ย เวน ้ แตเ่ มื่อการที่
ทรั พยส์ น ิ ทาลาย หรื อตกเป็ นพน ้ วิ ส ั ย จะคื น หรื อเสื ่ อ มเสี ย นั ้
น ถึ ง แม ว
้ ่ า จะมิ ได ม
้ ี การทาละเมิ ด ก็
ค งจะต อ
้ งตกไปเป็ น อย า่ งนั ้
น อยู เ่ อง

มาตรา ๔๔๐ ในกรณี ท่ีตอ ้ งใชร้ าคาทรั พยอ์ ั นได้เอาของเขาไปก็ดี ในกรณี ท่ีตอ ้ งใชร้ าคาทรั พย ์ อั นลดน้อยลงเพราะบุบสลายก็ดี ฝ่ายผูต ้ อ
้ งเสีย
หายจะเรี ยกดอกเบี้ยในจานวนเงินที่จะตอ ้ เ่ วลาอั น เป็ นฐานที่ตังแห
้ งใช้ คิดตั งแต ้ ง่ การประมาณราคานั น ้ ก็ได้
มาตรา ๔๔๑ ถา้ บุคคลจาตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอยา่ งใด ๆ เพราะเอา สั งหาริ มทรั พยข์ องเขาไปก็ดี หรื อเพราะทาของเขา

ให้บุบสลายก็ดี เมือใชค้ า่ สินไหมทดแทนให้แกบ ่ ุคคลซึ่งเป็ นผู ้ ครองทรั พยน ้ อยูใ่ นขณะที่เอาไป หรื อขณะที่ทาให้บุบสลายนั น
์ ัน ้ แลว้ ทา่ นวา่
เป็ นอั นหลุดพน
้ ไปเพราะการที ่ ได้ ใช ใ หเ
้ ้ ่ช นนั ้
น แม ก
้ ระทั ่ ง บุ คคลภายนอกจะเป็ น เจ า
้ ของทรั พย ห
์ รื อมี ส ิ
ท ธิ อย า
่ ่
งอื นเหนื อทรั พย น
์ ัน้ เวน้ แตส ิ ธิ
่ ท
ของ
บุคคลภายนอกเชน ่ นั น ้ จะเป็ นที่รู้อยูแ่ กต่ นหรื อมิได้รู้เพราะความประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรงของตน
มาตรา ๔๔๒ ถา้ ความเสียหายไดเ้ กิดขึ้นเพราะความผิดอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดของผูต ้ อ ้ งเสียหาย ประกอบดว้ ยไซร้ ทา่ นใหน ้ าบทบั ญญั ติแหง่
มาตรา ๒๒๓ มาใชบ ้ ั งคั บ โดยอนุ โลม
มาตรา ๔๔๓ ในกรณี ทาให้เขาถึงตายนั น ้ คา่ สินไหมทดแทนได้แกค ่ า่ ปลงศพรวมทั งค ้ า่ ใชจ้ า่ ย อั นจาเป็ นอยา่ งอื่น ๆ อีกด้วย
ถา้ มิได้ตายในทั นที คา่ สินไหมทดแทนได้แกค ่ า่ รั กษาพยาบาลรวมทั งค ้ า่ เสียหายที่ตอ ้ งขาด ประโยชน์ทามาหาได้เพราะไมส ่ ามารถประกอบการ
งานนั น ้ ด้วย
ถา้ วา่ เหตุท่ีตายลงนั น ้ ทาให้บุคคลหนึ่ งคนใดตอ ้ งขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ทา่ น วา่ บุคคลคนนั น ้ ชอบที่จะได้รับคา่ สินไหมทดแทน
เพื่อการนั น ้
มาตรา ๔๔๔ ในกรณี ทาใหเ้ สียหายแกร่ ่างกายหรื ออนามั ยนั น ้ ผูต ้ อ ้ งเสียหายชอบที่จะได้ ชดใชค ้ า่ ใชจ้ า่ ยอั นตนตอ ้ งเสียไป และคา่ เสียหาย
เพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิน ้ เชิงหรื อแต่ บางสว่ น ทั งในเวลาป
้ ั จจุบันนั น้ และในเวลาอนาคตด้วย
ถา้ ในเวลาที่พิพากษาคดี เป็ นพน ้ วิสัยจะหยั ่งรู้ ได้แน่วา่ ความเสียหายนั น ้ ได้มีแทจ้ ริ งเพียงใด ศาลจะกลา่ วในคาพิพากษาวา่ ยั งสงวนไวซ ้ ่ึงสิทธิท่ี
จะแก้ไขคาพิพากษานั น ้ อีกภายในระยะเวลาไมเ่ กินสองปี ก็ได้
มาตรา ๔๔๕ ในกรณี ทาให้เขาถึงตาย หรื อใหเ้ สียหายแกร่ ่างกายหรื ออนามั ยก็ดี ในกรณี ทา ให้เขาเสียเสรี ภาพก็ดี ถา้ ผูต ้ อ
้ งเสียหายมีความ
ผูกพันตามกฎหมายจะตอ ้ งทาการงานใหเ้ ป็ นคุณแก่ บุคคลภายนอกในครั วเรื อน หรื ออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลผู ้
จาตอ ้ งใชค้ า่ สินไหม ทดแทนนั น ้ จะตอ ้ งใชค้ า่ สินไหมทดแทนใหแ ้ กบ ่ ุคคลภายนอกเพื่อที่เขาตอ ้ งขาดแรงงานอันนั น ้ ไปดว้ ย
มาตรา ๔๔๖ ในกรณี ทาใหเ้ ขาเสียหายแกร่ ่ างกายหรื ออนามั ยก็ดี ในกรณี ทาใหเ้ ขาเสีย เสรี ภาพก็ดี ผูต ้ อ
้ งเสียหายจะเรี ยกร้องเอาคา่ สินไหม
ทดแทนเพื่อความที่เสียหายอยา่ งอื่นอั นมิใชต ่ ัวเงินด้วยอีกก็

ได้ สิทธิเรี ยกร้องอั นนี้ ไมโ่ อนกั นได้ และไมต ่ กสืบไปถึงทายาท เวน ้ แตส ิ ธินัน
่ ท ้ จะได้รับสภาพกันไวโ้ ดยสั ญญา หรื อได้เริ่ มฟ้องคดีตามสิทธินัน ้
แลว้
อนึ่ ง หญิงที่ตอ ้ งเสียหายเพราะผูใ้ ดทาผิดอาญาเป็ นทุรศีลธรรมแกต ่ นก็ยอ่ มมีสท ิ ธิเรี ยกร้อง ทานองเดียวกันนี้
มาตรา ๔๔๗ บุคคลใดทาใหเ้ ขาตอ ้ งเสี ย หายแก ช
่ ่ ื อ เสี ย ง เมื่ อผู ต อ
้ ้ งเสี ย หายร ้ งขอ ศาลจะสั ่ง ใหบ
อ ้ ุคคลนั น ้ จั ดการตามควรเพื่อทาใหช้ ่ือเสียง
ของผูน ้ กลั บคืนดีแทนให้ใชค
้ ัน ้ า่ เสียหาย หรื อทั งให ้ ้ใชค ้ า่ เสียหาย ด้วยก็ได้
มาตรา ๔๔๘ สิทธิเรี ยกร้องคา่ เสียหายอั นเกิดแตม ่ ูลละเมิดนั น ้ ทา่ นวา่ ขาดอายุความเมื่อพน ้ ปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นที่ผูต
้ อ้ งเสียหายรู้ ถึงการละเมิด
และรู้ ตัวผูจ้ ะพึงตอ ้ า่ สินไหมทดแทน หรื อเมื่อพน
้ งใชค ้ สิบปี นั บแต่ วั นทาละเมิด
แตถ ่ า้ เรี ยกร้องคา่ เสียหายในมูลอั นเป็ นความผิดมีโทษตามกฎหมายลั กษณะอาญา และมี กาหนดอายุความทางอาญายาวกวา่ ที่กลา่ วมานั น ้ ไซร้
ทา่ นใหเ้ อาอายุความที่ยาวกวา่ นั น ้ มาบั งคั บ
หมวด ๓ นิ รโทษกรรม
มาตรา ๔๔๙ บุคคลใดเมื่อกระทาการป้องกั นโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทาตามคาสั ่งอั น ชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากกอ ่ ให้เกิดเสียหายแกผ ่ ู้
อื่นไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ หาตอ ้ งรั บผิดใชค ้ า่ สินไหมทดแทนไม่
ผูต้ อ้ งเสียหายอาจเรี ยกคา่ สินไหมทดแทนจากผูเ้ ป็ นตน ้ เหตุให้ตอ ้ งป้องกันโดยชอบด้วย กฎหมาย หรื อจากบุคคลผู ใ้ ห้คาสั ่งโดยละเมิดนั น ้ ก็ได้
มาตรา ๔๕๐ ถา้ บุคคลทาบุบสลาย หรื อทาลายทรั พยส์ งิ หนึ่ งสิง่ ใด เพื่อจะบาบั ดปัดป้อง ภยั นตรายซึ่งมีมาเป็ นสาธารณะโดยฉุ กเฉิ น ทา่ น

วา่ ไมจ่ าตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทน หากความเสียหายนั น ้ ไมเ่ กิน สมควรแกเ่ หตุภยั นตราย
ถา้ บุคคลทาบุบสลาย หรื อทาลายทรั พยส์ งิ่ หนึ่ งสิง่ ใด เพื่อจะบาบั ดปัดป้องภยั นตรายอั นมีแก่ เอกชนโดยฉุ กเฉิ น ผูน ้ จะตอ
้ ัน ้ ืนทรั พยน
้ งใชค ้
์ ัน
ถา้ บุคคลทาบุบสลาย หรื อทาลายทรั พยส์ งิ่ หนึ่ งสิง่ ใด เพื่อจะป้องกันสิทธิของตนหรื อของ บุคคลภายนอกจากภยั นตรายอั นมีมาโดยฉุ กเฉิ น
เพราะตัวทรั พยน ์ ัน้ เองเป็ นเหตุ บุคคลเชน ่ วา่ นี้ หาตอ ้ งรั บผิดใช้ คา่ สินไหมทดแทนไม่ หากวา่ ความเสียหายนั น ้ ไมเ่ กินสมควรแกเ่ หตุ แตถ ่ า้
ภยั นตรายนั น ้ เกิดขึ้นเพราะความผิด ของบุคคลนั น ้ เองแลว้ ทา่ นวา่ จาตอ ้ งรั บผิดใชค ้ า่ สินไหมทดแทนให้

มาตรา ๔๕๑ บุคคลใชก ้ าลั งเพื่อป้องกันสิทธิของตน ถา้ ตามพฤติการณ์จะขอใหศ ้ าลหรื อ เจา้ หน้าที่ชว่ ยเหลือใหท ้ ั นทว่ งทีไมไ่ ด้ และถา้ มิได้
ทาในทั นใด ภัยมีอยูด ่ ้ วยการที ่ ต นจะได ส
้ มดังสิท ธิ นั ้
น จะตอ้ ง ประวิ ง ไปมากหรื อถึ ง แก ส
่ าบสู ญ ได ไ ซร
้ ้ ่ ่ ท า นว า บุ คคลนั ้ หาตอ
น ้ งรั บผิดใชค
้ า่
สินไหมทดแทนไม่
การใชก ้ าลั งดังกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนั น้ ทา่ นวา่ ตอ้ งจากัดครั ดเคร่งแตเ่ ฉพาะที่จาเป็ นเพื่อจะ บาบั ดปัดป้องภยั นตรายเทา่ นั น ้
ถา้ บุคคลผูใ้ ดกระทาการดังกลา่ วมาในวรรคตน ้ เพราะหลงสั นนิ ษฐานพลาดไปวา่ มีเหตุอัน จาเป็ นที่จะทาได้โดยชอบด้วยกฎหมายไซร้ ทา่ นวา่ ผู ้
้ จะตอ
นั น ้ งรั บผิดใชค ้ า่ สินไหมทดแทนให้แกบ ่ ุคคลอื่น แม้

ทั งการที ่หลงพลาดไปนั น ้ จะมิใชเ่ ป็ นเพราะความประมาทเลินเลอ่ ของตน
มาตรา ๔๕๒ ผูค ้ รองอสั งหาริ มทรั พยช์ อบที่จะจั บสั ตวข์ องผูอ ้ ่ืนอั นเขา้ มาทาความเสียหายใน อสั งหาริ มทรั พยน ้ และยึดไวเ้ ป็ นประกันคา่
์ ัน
สินไหมทดแทนอั นจะพึงตอ ้ งใชแ ้ กต่ นได้ และถา้ เป็ นการจาเป็ น โดยพฤติการณ์แมจ้ ะฆา่ สั ตวน ้ เสียก็ชอบที่จะทาได้
์ ัน
แตว่ า่ ผูน
้ ัน้ ตอ
้ งบอกกลา่ วแกเ่ จา้ ของสั ตวโ์ ดยไมช่ ั กชา้ ถา้ และหาตัวเจา้ ของสั ตวไ์ มพ ่ บ ผูท ้ ่ีจับ สั ตวไ์ วต ้ งจั ดการตามสมควรเพื่อสืบหาตัว
้ อ
เจา้ ของ
พระราชกฤษฎีกา ให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ บรรพ ๓
ที่ไดต ้ รวจชาระใหม[ ่ ๗]
มีพระบรมราชโองการ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกลา้ เจา้ อยูห ่ ั ว ดารั สเหนื อเกลา้ ฯ ใหป ้ ระกาศจงทราบทั ่ว
กันวา่
จาเดิมแตไ่ ด้ออกประกาศประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยบ ์ รรพ ๓ แตว่ ั นที่ ๑ มกราคม พุทธศั กราช ๒๔๖๗ เป็ นตน ้ มา ได้มีความเห็น
แนะนามากหลายเพื่อยั งประมวลกฎหมายนี้ ให้สมบูรณ์ยิง่ ขึ้น
และเมื่อได้ตรวจพิจารณาโดยถอ่ งแทแ ้ ลว้ เห็นเป็ นการสมควรให้ตรวจชาระบทบั ญญั ติใน บรรพ ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ี
กลา่ วมาขา้ งตน ้
้ นั นใหม่
จึ่งทรงพระกรุ ณาโปรดเกลา้ ฯ สั ง่ วา่ บทบั ญญั ติเดิมในบรรพ ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ประกาศไวแ ้ ต่ ณ วั นที่ ๑
้ ้
มกราคม พุทธศั กราช ๒๔๖๗ นั นให้ยกเลิกเสียสิน และใช้ บทบั ญญั ติทีต ่ รวจชาระใหมต ้
่ อ่ ทา้ ยพระราชกฤษฎีกานี แทน
ใหใ้ ชพ้ ระราชกฤษฎีกานี้ ตั งแต้ ว่ ั นที่ ๑ เมษายน พุทธศั กราช ๒๔๗๒ เป็ นตน ้ ไป ประกาศมา ณ วั นที่ ๑ มกราคม พุทธศั กราช ๒๔๗๑
เป็ นปี ที่ ๔ ในรั ชชกาลปัจจุบัน
บรรพ ๓ เอกเทศสั ญญา
ลั กษณะ ๑ ซื้อขาย
หมวด ๑ สภาพและหลั กสาคั ญของสั ญญาซื้อขาย
สว่ นที่ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๔๕๓ อั นวา่ ซื้อขายนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูข้ าย โอนกรรมสิทธิ์แหง่ ทรั พยส์ น ิ ใหแ
้ กบ่ ุคคลอีกฝ่ายหนึ่ ง
้้ ือ และผูซ
เรี ยกวา่ ผูซ ้้ ือตกลงวา่ จะใชร้ าคาทรั พยส์ น ิ นั น ้ ใหแ กผ
้ ่ ู้ ขาย
มาตรา ๔๕๔ การที่คูก ่ รณี ฝ่ายหนึ่ งให้คามั ่นไวก
้ อ่ นวา่ จะซื้อหรื อขายนั น ้ จะมีผลเป็ นการซื้อ ขายตอ่ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่ งได้บอกกลา่ วความจานงวา่
จะทาการซื้อขายนั น ้ ให้สาเร็จตลอดไป และคาบอกกลา่ ว เชน ่ นั น้ ได้ไปถึงบุคคลผูใ้ ห้คามั ่นแลว้
ถา้ ในคามั ่นมิได้กาหนดเวลาไวเ้ พือ่ การบอกกลา่ วเชน ้ ไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลผูใ้ ห้คามั ่นจะ กาหนดเวลาพอสมควร และบอกกลา่ วไปยั งคูก
่ นั น ่ รณี อีก
ฝ่ายหนึ่ งให้ตอบมาเป็ นแน่นอนภายในเวลากาหนดนั น ้ ก็

ได้ วา่ จะทาการซื้อขายใหส ้ าเร็จตลอดไปหรื อไม่ ถา้ และไมต ่ อบเป็ นแน่นอนภายในกาหนดเวลานั น ้ ไซร้ คามั ่น ซึ่งไดใ้ หไ้ วก ้ อ
่ นนั น ้ ก็เป็ นอั นไร้
ผล
มาตรา ๔๕๕ เมื่อกลา่ วตอ่ ไปเบื้องหน้าถึงเวลาซื้อขาย ทา่ นหมายความวา่ เวลาซึ่งทาสั ญญา ซื้อขายสาเร็จบริ บูรณ์
มาตรา ๔๕๖[๘] การซื้อขายอสั งหาริ มทรั พย ์ ถา้ มิได้ทาเป็ นหนั งสือและจดทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่เป็ นโมฆะ วิธีน้ี ให้ใชถ ้ ึงซื้อขายเรื อ

มีระวางตั งแตห ้ ้ ้
่ ้าตันขึนไป ทั งซือขายแพและสั ตวพ ์ าหนะ
ด้วย
สั ญญาจะขายหรื อจะซื้อ หรื อคามั ่นในการซื้อขายทรั พยส์ น ิ ตามที่ระบุไวใ้ นวรรคหนึ่ ง ถา้ มิไดม ้ ี หลั กฐานเป็ นหนั งสืออยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดลง
ลายมือชื่อฝ่ายผูต อ
้ ้ งรั บผิ ดเป็ น สาคั ญ หรื อ ได ว
้ างประจาไว ้ หรื อได ้ ชาระหนี ้ บางส ว
่ นแลว้ จะฟ ้ องร้องใหบ ้ ั งคั บคดีหาไดไ้ ม่
บทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ใหใ้ ชบ ้ ั งคั บถึงสั ญญาซื้อขายสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงตกลงกัน เป็ นราคาสองหมื่นบาท หรื อกวา่ นั น ้ ขึ้นไปด้วย
มาตรา ๔๕๗ คา่ ฤชาธรรมเนี ยมทาสั ญญาซื้อขายนั น ้ ผูซ้ ้ ือผูข้ ายพึงออกใชเ้ ทา่ กันทั งสองฝ ้ ่ าย
สว่ นที่ ๒ การโอนกรรมสิทธิ์
มาตรา ๔๕๘ กรรมสิทธิ์ในทรั พยส์ น ิ ที่ขายนั น ้ ยอ่ มโอนไปยั งผูซ ้ ้ ือตั งแต
้ ข่ ณะเมื่อได้ทาสั ญญา ซื้อขายกัน
มาตรา ๔๕๙ ถา้ สั ญญาซื้อขายมีเงื่อนไข หรื อเงื่อนเวลาบั งคั บไว้ ทา่ นวา่ กรรมสิทธิ์ใน ทรั พยส์ น ิ ยั งไมโ่ อนไปจนกวา่ การจะไดเ้ ป็ นไป
ตามเงื่อนไขหรื อถึงกาหนดเงื่อนเวลานั น ้
มาตรา ๔๖๐ ในการซื้อขายทรั พยส์ น ิ ซึ่งมิได้กาหนดลงไวแ ้ น่นอนนั น ้ ทา่ นวา่ กรรมสิทธิย์ ั งไม่ โอนไปจนกวา่ จะได้หมาย หรื อนั บ ชั ่ง ตวง
วั ด หรื อคั ดเลือก หรื อทาโดยวิธีอ่ืนเพื่อให้บง่ ตัวทรั พยส์ น ิ นั น ้ ออกเป็ นแน่นอนแลว้
ในการซื้อขายทรั พยส์ น ิ เฉพาะสิง่ ถา้ ผูข้ ายยั งจะตอ ้ งนั บ ชั ่ง ตวง วั ด หรื อทาการอยา่ งอื่น หรื อ ทาสิง่ หนึ่ งสิง่ ใดอั นเกี่ยวแกท ่ รั พยส์ น ิ เพื่อให้รู้
กาหนดราคาทรั พยส์ น ้ ์
ิ นั นแน่นอน ทา่ นวา่ กรรมสิทธิยังไมโ่ อนไปยั ง ผูซ ้ ื ่ ้
้ อจนกวา่ การหรื อสิงนั นได้ทาแลว้

หมวด ๒ หน้าที่และความรั บผิดของผูข้ าย


สว่ นที่ ๑ การสง่ มอบ
มาตรา ๔๖๑ ผูข้ ายจาตอ ้ งสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ซึ่งขายนั น ้ ให้แกผ ้ ้ ือ
่ ูซ
มาตรา ๔๖๒ การสง่ มอบนั น ่
้ จะทาอยา่ งหนึ งอยา่ งใดก็ได้สุดแตว่ า่ เป็ นผลให้ทรั พยส์ น ้ ไป อยูใ่ นเงื้อมมือของผูซ
ิ นั น ้ ้ ือ
มาตรา ๔๖๓ ถา้ ในสั ญญากาหนดวา่ ใหส ้ ง่ ทรั พยส์ น ่
ิ ซึงขายนั นจากทีแหง่ หนึ งไปถึงอีกแหง่ หนึ งไซร้ ทา่ นวา่ การสง่ มอบยอ่ มสาเร็จเมื่อได้สง่
้ ่ ่ ่
มอบทรั พยส์ น ้ ใหแ
ิ นั น ก
้ ่ ้ ผู ขนส ง

มาตรา ๔๖๔ คา่ ขนสง่ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งไดซ ้ ้ ือขายกันไปยั งที่แหง่ อื่นนอกจากสถานที่อันพึงชาระ หนี้ นั น ้ ผูซ ้ ้ ือพึงออกใช้
มาตรา ๔๖๕ ในการซื้อขายสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน้
(๑) หากวา่ ผูข้ ายสง่ มอบทรั พยส์ น ิ น้อยกวา่ ที่ได้สัญญาไว้ ทา่ นวา่ ผูซ ้ ้ ือจะปัดเสียไมร่ ั บเอาเลยก็ ได้ แตถ ่ า้ ผูซ ้ ้ ือรั บเอาทรั พยส์ น ้ ไว้ ผูซ
ิ นั น ้ ้ ือก็
ตอ ้ งใชร้ าคาตามสว่ น
(๒) หากวา่ ผูข้ ายสง่ มอบทรั พยส์ น ิ มากกวา่ ที่ได้สัญญาไว้ ทา่ นวา่ ผูซ ้ ้ือจะรั บเอาทรั พยส์ น ้ ไว้ แตเ่ พียงตามสั ญญาและนอกกวา่ นั น
ิ นั น ้ ปัดเสีย

ก็ได้ หรื อจะปัดเสียทั งหมดไม ร่ ั บเอาไวเ้ ลยก็ได้ ถา้ ผูซ ้้ ือรั บเอา ทรั พยส์ น ิ อั นเขาสง่ มอบเชน ่ นั ้
น ไว ท
้ ั ้
งหมด ผู ซ
้ ้ ื อก็ ต อ
้ งใช ร
้ าคาตามส ว
่ น
(๓) หากวา่ ผูข้ ายสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ตามที่ไดส ั้ ญญาไวร้ ะคนกับทรั พยส์ น ิ อยา่ งอื่นอั นมิไดร้ วมอยู ่ ในขอ ้ สั ญ ญาไซร ้ ่ ่ ้ท า นว า ผู ซ้ ื อ จะรั บเอา
ทรั พยส์ น ิ ไวแ
้ ตต่ ามสั ญญา และนอกกวา่ นั น ้ ปัดเสียก็ได้ หรื อจะปัดเสีย ทั งหมดก็ ้ ได้
มาตรา ๔๖๖ ในการซื้อขายอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน้ หากวา่ ได้ระบุจานวนเนื้ อที่ทังหมดไว ้ ้ และ ผูข้ ายสง่ มอบทรั พยส์ น ิ น้อยหรื อมากไปกวา่ ที่ได้
สั ญญาไซร้ ทา่ นวา่ ผูซ ้ ้ ือจะปัดเสีย หรื อจะรั บเอาไวแ ้ ละใชร้ าคา ตามสว่ นก็ได้ ตามแตจ่ ะเลือก

อนึ่ ง ถา้ ขาดตกบกพร่องหรื อลา้ จานวนไมเ่ กินกวา่ ร้อยละหา้ แหง่ เนื้ อที่ทังหมดอั ้ นได้ระบุไวน ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูซ
้ ัน ้ ้ ือจาตอ้ งรั บเอาและใชร้ าคาตาม
สว่ น แตว่ า่ ผูซ ้้ ืออาจจะเลิกสั ญญาเสียไดใ้ นเมื่อขาดตกบกพร่อง หรื อลา้ จานวนถึงขนาดซึ่งหากผูซ ้้ ือไดท
้ ราบก อ
่ นแล ว
้ คงจะมิไดเ้ ขา้ ทาสั ญญานั น ้
มาตรา ๔๖๗ ในขอ ้ รั บผิดเพื่อการที่ทรั พยข์ าดตกบกพร่องหรื อลา้ จานวนนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ ฟ้องคดีเมื่อพน ้ กาหนดปี หนึ่ งนั บแตเ่ วลาสง่ มอบ
มาตรา ๔๖๘ ถา้ ในสั ญญาไมม ่ ีกาหนดเงื่อนเวลาให้ใชร้ าคาไซร้ ผูข้ ายชอบที่จะยึดหน่วง
ิ ที่ขายไวไ้ ด้จนกวา่ จะใชร้ าคา
ทรั พยส์ น
มาตรา ๔๖๙ ถา้ ผูซ ้ ้ือลม้ ละลายกอ ้ ้ ือเป็ นคนลม
ิ ก็ดี หรื อผูซ
่ นสง่ มอบทรั พยส์ น ้ ละลายแลว้ ใน เวลาซื้อขายโดยผูข้ ายไมร่ ู้ กด ้ ้ ือกระทาให้
็ ี หรื อผูซ
หลั กทรั พยท ่ ้ ่
์ ีให้ไวเ้ พือประกั นการใชเ้ งินนั นเสือมเสียหรื อลด น้อยลงก็ดี ถึงแมใ้ นสั ญญาจะมีกาหนดเงือนเวลาใหใ้ ชร้ าคา ผูข้ ายก็ชอบที่จะยึด
่ ่
หน่วงทรั พยส์ น ิ ซึ่งขายไวไ้ ด้ เวน ้ แตผ ้ ้ือจะหาประกันที่สมควรใหไ้ ด้
่ ูซ
มาตรา ๔๗๐ ถา้ ผูซ ้ ้ ือผิดนั ด ผูข้ ายซึ่งได้ยึดหน่วงทรั พยส์ น ิ ไวต ้ ามมาตราทั งหลายที ้ ่ กลา่ วมา อาจจะใชท้ างแก้ตอ่ ไปนี้ แทนทางแก้สามั ญในการ

ไมช่ าระหนี ได้ คือมีจดหมายบอกกลา่ วไปยั งผูซ ้ ือให้ใชร้ าคากับ ทั งคา่ จั บจา่ ยเกียวกับการภายในเวลาอั นควรซึ่งตอ
้ ้ ่ ้ งกาหนดลงไวใ้ นคาบอกกลา่ ว
้ ดว้ ย
นั น
ถา้ ผูซ้ ้ือละเลยเสียไมท่ าตามคาบอกกลา่ ว ผูข้ ายอาจนาทรั พยส์ น ิ นั น ้ ออกขายทอดตลาดได้
มาตรา ๔๗๑ เมื่อขายทอดตลาดได้เงินเป็ นจานวนสุทธิเทา่ ใด ใหผ ้ ูข้ ายหักเอาจานวนที่คา้ ง ชาระแกต ่ นเพื่อราคาและคา่ จั บจา่ ยเกี่ยวการนั น
้ ไว้
ถา้ และยั งมีเงินเหลือ ก็ให้สง่ มอบแกผ ้ ้ื อโดยพลั น
่ ูซ
สว่ นที่ ๒ ความรั บผิดเพื่อชารุ ดบกพร่อง
มาตรา ๔๗๒ ในกรณี ท่ีทรั พยส์ น ิ ซึ่งขายนั น ้ ชารุ ดบกพร่องอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดอั นเป็ นเหตุให้ เสื่อมราคาหรื อเสื่อมความเหมาะสมแกป ่ ระโยชน์
อั นมุง่ จะใชเ้ ป็ นปกติกด ี็ ประโยชน์ท่ีมุง่ หมายโดยสั ญญาก็ดี ทา่ นวา่ ผูข้ ายตอ ้ งรั บผิด
ความที่กลา่ วมาในมาตรานี้ ยอ่ มใชไ้ ด้ ทั งที ้ ่ผูข้ ายรู้ อยูแ่ ลว้ หรื อไมร่ ู้ วา่ ความชารุ ดบกพร่องมีอยู ่ มาตรา ๔๗๓ ผูข้ ายยอ่ มไมต ่ อ
้ งรั บผิดในกรณี ดัง
จะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ

(๑) ถา้ ผูซ ้ ้ือได้รู้อยูแ่ ลว้ แตใ่ นเวลาซื้อขายวา่ มีความชารุ ดบกพร่องหรื อควรจะได้รู้เชน ่ นั น้ หาก ได้ใชค ้ วามระมั ดระวั งอั นจะพึงคาดหมายได้แต่
วิญญูชน
(๒) ถา้ ความชารุ ดบกพร่องนั น ้ เป็ นอั นเห็นประจั กษ์แลว้ ในเวลาสง่ มอบ และผูซ ้ ้ ือรั บเอา ทรั พยส์ น ้ ไวโ้ ดยมิได้อิดเอื้อน
ิ นั น
(๓) ถา้ ทรั พยส์ น ิ นั น้ ไดข้ ายทอดตลาด
มาตรา ๔๗๔ ในขอ ้ รั บผิดเพื่อชารุ ดบกพร่องนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพน ้ เวลาปี หนึ่ งนั บ แตเ่ วลาที่ได้พบเห็นความชารุ ดบกพร่อง
สว่ นที่ ๓ ความรั บผิดในการรอนสิทธิ
มาตรา ๔๗๕ หากวา่ มีบุคคลผูใ้ ดมากอ ่ การรบกวนขั ดสิทธิของผูซ ้ ้ ือในอันจะครองทรั พยส์ น ิ โดยปกติสุข เพราะบุคคลผูน ้ มีสท
้ ัน ิ ธิเหนื อ
ทรั พยส์ น ่ ้ ้ ้
ิ ทีได้ซือขายกันนั นอยูใ่ นเวลาซือขายก็ดี เพราะความผิดของ ผูข้ ายก็ดี ทา่ นวา่ ผูข้ ายจะตอ ้ งรั บผิดในผลอั นนั น ้
มาตรา ๔๗๖ ถา้ สิทธิของผูก ้ อ ่ การรบกวนนั น ้ ผูซ้ ้ ือรู้ อยูแ่ ลว้ ในเวลาซื้อขาย ทา่ นวา่ ผูข้ ายไม่ ตอ ้ งรั บผิด
มาตรา ๔๗๗ เมื่อใดการรบกวนขั ดสิทธินัน ้ เกิดเป็ นคดีข้ึนระหวา่ งผูซ ้ ้ ือกับบุคคลภายนอก ผู ้ ซื้อชอบที่จะขอใหศ ้ าลเรี ยกผูข้ ายเขา้ เป็ นจาเลย
ร่วมหรื อเป็ นโจทกร์ ่วมกับผูซ ้้ ือในคดีนัน ้ ได้ เพื่อศาลจะไดว้ น ิ ิ จฉั ย ชี้ขาดขอ ้ พิ พาทระหว า
่ ้งผู เ ป็ น คู ก
่ รณี ทั ้
งหลายรวมไปเป็ นคดีเดียวกัน
มาตรา ๔๗๘ ถา้ ผูข้ ายเห็นเป็ นการสมควร จะสอดเขา้ ไปในคดีเพื่อปฏิเสธการเรี ยกร้องของ บุคคลภายนอก ก็ชอบที่จะทาได้ด้วย
มาตรา ๔๗๙ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งซื้อขายกันหลุดไปจากผูซ ้ ้ ื อทั งหมดหรื
้ อแตบ ่ างสว่ นเพราะ เหตุการรอนสิทธิกด ้ ตกอยูใ่ น
ิ นั น
็ ี หรื อวา่ ทรั พยส์ น
บั งคั บแหง่ สิทธิอยา่ งหนึ งอยา่ งใดซึงเป็ นเหตุให้เสือมราคา หรื อเสื่อมความเหมาะสมแกก
่ ่ ่ ่ ารที่จะใช้ หรื อเสื่อมความสะดวกในการใชส ้ อย หรื อ
เสื่อมประโยชน์อันจะพึงได้ แตท ่ รั พยส์ น ้ และซึ่งผูซ
ิ นั น ้ ้ือหาได้รู้ในเวลาซื้อขายไมก ่ ด
็ ี ทา่ นวา่ ผูข้ ายตอ ้ งรั บผิด

มาตรา ๔๘๐ ถา้ อสั งหาริ มทรั พยต ์ อ ้ งศาลแสดงวา่ ตกอยูใ่ นบั งคั บแหง่ ภาระจายอมโดย กฎหมายไซร้ ทา่ นวา่ ผูข้ ายไมต ่ อ
้ งรั บผิด เวน ้ ไวแ้ ตผ
่ ู้
ขายจะได้รับรองไวใ้ นสั ญญาวา่ ทรั พยส์ น ้ ปลอดจากภาระ จายอมอยา่ งใด ๆ ทั งสิ
ิ นั น ้ น้ หรื อปลอดจากภาระจายอมอั นนั น ้
มาตรา ๔๘๑ ถา้ ผูข้ ายไมไ่ ด้เป็ นคูค ่ วามในคดีเดิม หรื อถา้ ผูซ ้ ้ ือได้ประนี ประนอมยอมความกับ บุคคลภายนอก หรื อยอมตามที่ บุคคลภายนอก
เรี ยกร้องไซร้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องคดีในขอ ้ รั บผิดเพือการรอนสิทธิ เมื่อพน
่ ้ กาหนดสามเดือนนั บแตว่ ั นคาพิพากษาในคดีเดิมถึงที่ สุด หรื อนั บแต่

วั นประนี ประนอมยอมความ หรื อ วั นทียอมตามบุคคลภายนอกเรี ยกร้องนั น ้
หรื อ
มาตรา ๔๘๒ ผูข้ ายไมต ่ อ ้ งรั บผิดในการรอนสิทธิเมื่อกรณี เป็ นดังกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ถา้ ไมม ่ ีการฟ้องคดี และผูข้ ายพิสูจน์ได้วา่ สิทธิของผูซ ้ ้ ือได้สูญไปโดยความผิดของผูซ ้ ้ ือเอง
(๒) ถา้ ผูซ ้ ้ือไมไ่ ด้เรี ยกผูข้ ายเขา้ มาในคดี และผูข้ ายพิสูจน์ได้วา่ ถา้ ได้เรี ยกเขา้ มาคดีฝ่ายผูซ ้ ้ ือ จะชนะ หรื อ
(๓) ถา้ ผูข้ ายได้เขา้ มาในคดี แตศ ่ าลได้ยกคาเรี ยกร้องของผูซ ้ ้ ือเสียเพราะความผิดของผูซ ้ ้ ือเอง
แตถ ่ ึงกรณี จะเป็ นอยา่ งไรก็ดี ถา้ ผูข้ ายถูกศาลหมายเรี ยกใหเ้ ขา้ มาในคดีและไมย่ อมเขา้ วา่ คดี ร่วมเป็ นจาเลยหรื อร่วมเป็ นโจทกก ้ ้ือไซร้
์ ับผูซ
ทา่ นวา่ ผูข้ ายคงตอ ้ งรั บผิ ด
สว่ นที่ ๔ ขอ ้ สั ญญาวา่ จะไมต ่ อ
้ งรั บผิด
มาตรา ๔๘๓ คูส่ ั ญญาซื้อขายจะตกลงกันวา่ ผูข้ ายจะไมต ่ อ ้ งรั บผิดเพื่อความชารุ ดบกพร่อง
หรื อเพื่อการรอนสิทธิกไ็ ด้
มาตรา ๔๘๔ ขอ ้ สั ญญาวา่ จะไมต ่ อ ้ งรั บผิดนั น ้ ยอ่ มไมค ่ ุม้ ผูข้ ายให้พน ้ จากการตอ
้ งสง่ เงินคืน ตามราคา เวน ้ แตจ่ ะได้ระบุไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๔๘๕ ขอ ้ สั ญญาวา่ จะไมต ่ อ ้
้ งรั บผิดนั น ไมอ่ าจคุม ้ ความรั บผิดของผูข้ ายในผลของการ อั นผูข้ ายได้กระทาไปเอง หรื อผลแหง่ ขอ ้ ความ
จริ งอั นผูข้ ายไดร้ ู้ อยูแ่ ลว้ และปกปิดเสีย
หมวด ๓ หน้าที่ของผูซ ้ ้ ือ

มาตรา ๔๘๖ ผูซ ้ ้ ือจาตอ ้ งรั บมอบทรั พยส์ น ิ ที่ตนได้รับซื้อและใชร้ าคาตามขอ ้ สั ญญาซื้อขาย
มาตรา ๔๘๗ อั นราคาทรั พยส์ น ิ ที่ขายนั น
้ จะกาหนดลงไวใ้ นสั ญญาก็ได้ หรื อจะปลอ่ ยไปให้ กาหนดกันด้วยวิธีอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งดังได้ตกลง
กันไวใ้ นสั ญญานั น ้ ก็ได้ หรื อจะถือเอาตามทางการที่ คูส ่ ั ญญา ประพฤติตอ่ กั นอยูน ่ ัน้ ก็ได้
ถา้ ราคามิไดม ้ ี กาหนดเด็ ดขาดอย า
่ งใดดังว า
่ มานั ้
น ไซร ท า
้ ่ ่ ้นว า ผู ซ้ ื อ จะต อ
้ งใช ร
้ าคาตามสมควร
มาตรา ๔๘๘ ถา้ ผูซ ้ ้ ือพบเห็นความชารุ ดบกพร่องในทรั พยส์ น ิ ซึ่งตนไดร้ ั บซื้อ ผูซ ้ ้ ือชอบที่จะยึด หน่วงราคาที่ยังไมไ่ ดช้ าระไวไ้ ดท ้
้ ั งหมดหรื อ
แตบ ่ างสว่ น เวน ้ แตผ ่ ูข้ ายจะหาประกันที่สมควรให้ได้
มาตรา ๔๘๙ ถา้ ผูซ ้ ้ือถูกผูร้ ั บจานองหรื อบุคคลผูเ้ รี ยกร้องเอาทรั พยส์ น ้ ขูว่ า่ จะฟ้อง เป็ นคดีข้ึนก็ดี หรื อมีเหตุอันควรเชื่อวา่ จะถูกขูเ่ ชน
ิ ที่ขายนั น ่
้ ก็ดี ผูซ
นั น ้ ้ือก็ชอบที่จะยึดหน่วงราคาไวท ้
้ ั งหมดหรื อบางสว่ น ได้ดุจกัน จนกวา่ ผูข้ ายจะได้บาบั ดภัยอั นนั น ้ิ ไป หรื อจนกวา่ ผูข้ ายจะหา
้ ให้สน
ประกันที่สมควรให้ได้
มาตรา ๔๙๐ ถา้ ได้กาหนดกันไวว้ า่ ให้สง่ มอบทรั พยส์ น ิ ซึ่งขายนั น ้ เวลาใด ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐาน ไวก
้ อ ้ เองเป็ นเวลากา
่ นวา่ เวลาอั นเดียวกันนั น
หนดใชร้ าคา
หมวด ๔ การซื้อขายเฉพาะบางอยา่ ง
สว่ นที่ ๑ ขายฝาก
มาตรา ๔๙๑ อั นวา่ ขายฝากนั น ้ คือสั ญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรั พยส์ น ้ ้ือ โดย มีขอ
ิ ตกไปยั งผูซ ้ ตกลงกันวา่ ผูข้ ายอาจไถท
่ รั พยน ้ คืนได้
์ ัน
มาตรา ๔๙๒[๙] ในกรณี ท่ีมีการไถท ่ รั พย ส
์ ิ
น ่
ซึ ง ขายฝากภายในเวลาที ่ กาหนดไว ใ
้ นสั ญ ญาหรื อ ภายในเวลาที ่ กฎหมายกาหนด หรื อ ผูไ้ ถไ่ ด้
วางทรั พยอ์ ั นเป็ นสินไถต
่ อ่ สานั กงานวางทรั พยภ ์ ายในกาหนดเวลาไถ่

โดยสละสิทธิถอนทรั พยท ์ ่ีได้วางไว้ ให้ทรั พยส์ น ิ ซึ่งขายฝากตกเป็ นกรรมสิทธิ์ของผูไ้ ถต ้ เ่ วลาที่ผูไ้ ถไ่ ด้ชาระสิน ไถห
่ ั งแต ่ รื อวางทรั พยอ์ ั นเป็ น
สินไถ่ แลว้ แตก ่ รณี
ในกรณี ท่ีไดว้ างทรั พยต ์ ามวรรคหนึ่ ง ใหเ้ จา้ พนั กงานของสานั กงานวางทรั พยแ์ จง้ ใหผ ้ ูร้ ั บไถ่ ทราบถึงการวางทรั พยโ์ ดยพลั น โดยผูไ้ ถไ่ มต ่ อ
้ ง
ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓๓ วรรคสาม
มาตรา ๔๙๓ ในการขายฝาก คูส่ ั ญญาจะตกลงกันไมใ่ ห้ผูซ ้ ้ ือจาหน่ายทรั พยส์ น ิ ซึ่งขายฝากก็ได้ ถา้ และผูซ ้ ้ ือจาหน่ายทรั พยส์ น ้ ฝ่าฝื นสั ญญา
ิ นั น
ไซร้ ก็ตอ ้ งรั บผิดตอ่ ผูข้ ายในความเสียหายใด ๆ อั นเกิดแตก ่ ารนั น ้
มาตรา ๔๙๔ ทา่ นห้ามมิให้ใชส ้ ท ิ ธิไถท ่ รั พยส์ น ิ ซึ่งขายฝากเมื่อพน ้ เวลาดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ (๑) ถา้ เป็ นอสั งหาริ มทรั พย ์ กาหนดสิบปี นั บแต่

เวลาซือขาย
(๒) ถา้ เป็ นสั งหาริ มทรั พย ์ กาหนดสามปี นั บแตเ่ วลาซื้อขาย
มาตรา ๔๙๕ ถา้ ในสั ญญามีกาหนดเวลาไถเ่ กินไปกวา่ นั น ้ ทา่ นใหล ้ ดลงมาเป็ นสิบปี และสาม ปี ตามประเภททรั พย ์
มาตรา ๔๙๖[๑๐] กาหนดเวลาไถน ้ อาจทาสั ญญาขยายกาหนดเวลาไถไ่ ด้ แต่ กาหนดเวลาไถร่ วมกันทั งหมด
ั่ น ้ ถา้ เกินกาหนดเวลาตาม
มาตรา ๔๙๔ ให้ลดลงมาเป็ นกาหนดเวลาตามมาตรา ๔๙๔
การขยายกาหนดเวลาไถต ่ ามวรรคหนึ่ งอยา่ งน้อยตอ ้ งมีหลั กฐานเป็ นหนั งสือลงลายมือชื่อผูร้ ั บ ไถ่ ถา้ เป็ นทรั พยส์ น ิ ซึ่งการซื้อขายกันจะตอ ้ งทา
เป็ นหนั งสือและจดทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที หา้ มมิให้ยก การขยายเวลาขึนเป็ นขอ ่ ้ ้ ตอ่ สู บ
้ ุคคลภายนอกผูไ้ ด้สท ิ ธิมาโดยเสียคา่ ตอบแทนและ
โดยสุจริ ต และได้จดทะเบียน สิทธิโดยสุจริ ตแลว้ เวน ้ แตจ่ ะได้นาหนั งสือหรื อหลั กฐานเป็ นหนั งสือดังกลา่ วไปจดทะเบียนหรื อจดแจง้ ตอ่
พนั กงานเจา้ หน้าที่
มาตรา ๔๙๗ สิทธิในการไถท ่ รั พยส์ น ้ จะพึงใชไ้ ดแ
ิ นั น ้ ตบ ่ ุคคลเหลา่ นี้ คือ (๑) ผูข้ ายเดิม หรื อทายาทของผู ข้ ายเดิม หรื อ
(๒) ผูร้ ั บโอนสิทธินัน ้ หรื อ
(๓) บุคคลซึ่งในสั ญญายอมไวโ้ ดยเฉพาะวา่ ใหเ้ ป็ นผูไ้ ถไ่ ด้
มาตรา ๔๙๘ สิทธิในการไถท ่ รั พยส์ น ิ นั น้ จะพึงใชไ้ ด้เฉพาะตอ ่ บุคคลเหลา่ นี้ คือ
(๑) ผูซ ้ ื
้ อเดิม หรื อทายาทของผูซ ้ ื
้ อเดิม หรื อ
(๒) ผูร้ ั บโอนทรั พยส์ น ิ หรื อรั บโอนสิทธิเหนื อทรั พยส์ น ้ แตใ่ นขอ
ิ นั น ้ นี้ ถา้ เป็ นสั งหาริ มทรั พยจ์ ะ
ใชส ิ ธิไดต
้ ท อ
้ ่ เมื่ อผู ร
้ ั บโอนได ร
้ ู้ ใ นเวลาโอน ว า
่ ทรั พย ส
์ ิ
น ตกอยู ใ่ นบั ง คั บแห ง่ สิทธิไถค ่ ืน

มาตรา ๔๙๙ สินไถน ่ ัน ้ ถา้ ไมไ่ ด้กาหนดกันไวว้ า่ เทา่ ใดไซร้ ทา่ นให้ไถต ่ ามราคาที่ขายฝาก
ถา้ ปรากฏในเวลาไถว่ า่ สินไถห ่ รื อราคาขายฝากที่กาหนดไวส ้ ูงกวา่ ราคาขายฝากที่แทจ้ ริ งเกิน อั ตราร้อยละสิบห้าตอ่ ปี ให้ไถไ่ ด้ตามราคาขายฝาก
ทีแ่ ทจ้ ริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบห้าตอ่ ปี [๑๑]
กับสินไถ่
มาตรา ๕๐๐ คา่ ฤชาธรรมเนี ยมการขายฝากซึ่งผูซ ้ ้ ือได้ออกไปนั น ้ ผูไ้ ถต่ อ้ งใชใ้ หแ ้ กผ ้ ้ ือพร้อม สว่ นคา่ ฤชาธรรมเนี ยมการไถท
่ ูซ ่ รั พยน
์ ัน้ ผูไ้ ถ่
พึงออกใช้
มาตรา ๕๐๑ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งไถน ้ ทา่ นวา่ ตอ
่ ัน ้ งสง่ คืนตามสภาพที่เป็ นอยูใ่ นเวลาไถ่ แตถ ่ า้ หากวา่ ทรั พยส์ นิ นั น ้ ถูกทาลายหรื อทาให้เสื่อมเสีย
ไปเพราะความผิดของผูซ ้
้ ือไซร้ ทา่ นวา่ ผูซ ้
้ ือจะตอ ้ งใชค ้ า่ สินไหมทดแทน
มาตรา ๕๐๒ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งไถน ่ ัน้ ทา่ นวา่ บุคคลผูไ้ ถย่ อ่ มได้รับคืนไปโดยปลอดจากสิทธิใด ๆ ซึ่งผูซ ้ ้ือเดิม หรื อทายาท หรื อผู ร้ ั บโอนจากผูซ ้ ้ ือ
เดิมกอ ่ ให เ
้ กิ ด ้
ขึ น กอ่ นเวลาไถ ่
ถา้ วา่ เชา่ ทรั พยส์ น ิ ที่อยูใ่ นระหวา่ งขายฝากอั นไดจ้ ดทะเบียนเชา่ ตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่แลว้ ไซร้ ทา่ นวา่ การเชา่ นั น ้ หากมิไดท ้ าขึ้นเพื่อจะใหเ้ สียหาย
แกผ ่ ูข้ าย กาหนดเวลาเชา่ ยั งคงมีเหลืออยูอ่ ีกเพียงใด ก็ให้คง เป็ นอั นสมบูรณ์อยูเ่ พียงนั น ้ แตม ่ ิให้เกินกวา่ ปี หนึ่ ง
สว่ นที่ ๒
ขายตามตัวอยา่ ง ขายตามคาพรรณนา ขายเผื่อชอบ
มาตรา ๕๐๓ ในการขายตามตัวอยา่ งนั น ้ ผูข้ ายจาตอ ้ งสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ให้ตรงตามตัวอยา่ ง ในการขายตามคาพรรณนา ผูข้ ายจาตอ ้ งสง่ มอบ
ทรั พยส์ น ิ ใหต ้ รงตามคาพรรณนา
มาตรา ๕๐๔ ในขอ ้ รั บผิดเพื่อการสง่ ของไมต ่ รงตามตัวอยา่ ง หรื อไมต ่ รงตามคาพรรณนานั น ้ ทา่ นหา้ มมิใหฟ ้ ้ องคดีเมื่อพน ้ กาหนดปี หนึ่ งนั บแต่
เวลาสง่ มอบ
มาตรา ๕๐๕ อั นวา่ ขายเผื่อชอบนั น ้ คือการซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขวา่ ให้ผูซ ้ ้ ือได้มีโอกาส ตรวจดูทรั พยส์ น ิ กอ ่ นรั บซื้อ

มาตรา ๕๐๖ การตรวจดูทรั พยส์ น ้ ถา้ ไมไ่ ด้กาหนดเวลากันไว้ ผูข้ ายอาจกาหนดเวลาอั น สมควร และบอกกลา่ วแกผ
ิ นั น ้ ้ ือให้ตอบภายในกา
่ ูซ
หนดนั น ้ ไดว้ า่ จะรั บซื้อหรื อไม่
มาตรา ๕๐๗ ทรั พยส์ น ิ อั นผูซ้ ้ือจะพึงตรวจดูกอ ่ นที่จะสง่ มอบแกก ้ ้ ือไมต
้ ถา้ ผูซ
่ ั นนั น ่ รวจรั บ ภายในเวลาที่กาหนดไวโ้ ดยสั ญญา หรื อโดย
ประเพณี หรื อโดยคาบอกกลา่ วของผูข้ ายทา่ นวา่ ผูข้ ายยอ่ มไมม ่ ี ความผูกพันตอ่ ไป
มาตรา ๕๐๘ เมื่อทรั พยส์ น ้ ได้สง่ มอบแกผ
ิ นั น ่ ูซ้ ้ ือเพื่อให้ตรวจดูแลว้ การซื้อขายยอ่ มเป็ นอั น
บริ บูรณ์ในกรณี ตอ ่ ไปนี้ คือ
(๑) ถา้ ผูซ ้ ้ือมิได้บอกกลา่ ววา่ ไมย่ อมรั บซื้อภายในเวลาที่กาหนดไวโ้ ดยสั ญญา หรื อโดย
ประเพณี หรื อโดยคาบอกกลา่ ว หรื อ
(๒) ถา้ ผูซ ้ ้ือไมส่ ง่ ทรั พยส์ นิ คืนภายในกาหนดเวลาดังกลา่ วมานั น ้ หรื อ
(๓) ถา้ ผูซ ้ ้ ือใชร้ าคาทรั พยส์ น ิ นั น ้ สิน้ เชิง หรื อแตบ ่ างสว่ น หรื อ
(๔) ถา้ ผูซ ้
้ ือจาหน่ายทรั พยส์ น ิ นั น หรื อทาประการอื่นอยา่ งใดอั นเป็ นปริ ยายวา่ รั บซื้อของนั น
้ ้
สว่ นที่ ๓ ขายทอดตลาด
มาตรา ๕๐๙ การขายทอดตลาดยอ่ มบริ บูรณ์ เมื่อผูท ้ อดตลาดแสดงความตกลงดว้ ยเคาะไม้ หรื อดว้ ยกิริยาอื่นอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งตามจารี ต
ประเพณี ในการขายทอดตลาด ถา้ ยั งมิได้แสดงเชน ้ อยูต
่ นั น ่ ราบใด ทา่ นวา่ ผูส ้ ู ร้ าคาจะถอนคาสู ร้ าคาของตนเสียก็ยังถอนได้
มาตรา ๕๑๐ ผูซ ้ ้ือในการขายทอดตลาดจะตอ ้ งทาตามคาโฆษณาบอกขาย และตามความขอ ้ อื่น ๆ ซึ่งผูท
้ อดตลาดได้แถลงก่อนประเดิม
การสู ร้ าคาทรั พยส์ น ิ เฉพาะรายไป
มาตรา ๕๑๑ ทา่ นห้ามมิใหผ ้ ูท้ อดตลาดเขา้ สู ร้ าคา หรื อใชใ้ ห้ผูห ้ นึ่ งผูใ้ ดเขา้ สู ร้ าคาในการ ทอดตลาดซึ่งตนเป็ นผูอ ้ านวยการเอง
มาตรา ๕๑๒ ทา่ นหา้ มมิใหผ ้ ้ ู ข ายเข า
้ ้สู ราคาเอง หรื อ ใชใ้ ้ ้ ่ งผูใ้ ดเขา้ สู ร้ าคา เวน
ห ผู ห นึ ้ แตจ่ ะได้ แถลงไวโ้ ดยเฉพาะในคาโฆษณาบอกการทอด
ตลาดนั น ้ วา่ ผูข้ ายถือสิทธิท่ีจะเขา้ สู ร้ าคาดว้ ย

มาตรา ๕๑๓ เมื่อใดผูท ้ อดตลาดเห็นวา่ ราคาซึ่งมีผูส ้ ูส ้ ยั งไมเ่ พียงพอ ผูท


้ ูงสุดนั น ้ อดตลาดอาจ ถอนทรั พยส์ น ิ จากการทอดตลาดได้
มาตรา ๕๑๔ ผูส ้ ู ร้ าคายอ่ มพน ้ ความผูกพั นในราคาซึ่งตนสู แ ้ ตข่ ณะเมื่อมีผูอ ้ ่ืนสู ร้ าคาสูงขึ้นไป ไมว่ า่ การที่ผูอ ้ ่ืนสู น ้ จะสมบูรณ์หรื อมิสมบูรณ์
้ ัน
ประการใด อีกประการหนึ่ งเมื่อใดถอนทรั พยส์ น ิ รายนั น ้ จากการ ทอดตลาด ผูส ้ ู ร้ าคาก็พน้ ความผูกพันแตข่ ณะที่ถอนนั น ้ ดุจกั น
มาตรา ๕๑๕ ผูส ้ ู ร้ าคาสูงสุดตอ ่ ้
้ งใชร้ าคาเป็ นเงินสด เมือการซือขายบริ บูรณ์ หรื อตามเวลาที ่
กาหนดไวใ้ นคาโฆษณาบอกขาย
มาตรา ๕๑๖ ถา้ ผูส ้ ูร้ าคาสูงสุดละเลยเสียไมใ่ ชร้ าคาไซร้ ทา่ นให้ผูท ้ อดตลาดเอาทรั พยส์ น ้ ออกขายอีกซ้าหนึ ่ ง ถา้ และได้เงินเป็ นจานวน
ิ นั น
สุทธิไมค่ ุม
้ ราคาและคา่ ขายทอดตลาดชั นเดิ ้ ม ผูส ้ ูร้ าคาเดิมคนนั น ้ ตอ ้ งรั บผิดในสว่ นที่ขาด
มาตรา ๕๑๗ ถา้ เงินรายได้ในการทอดตลาดสว่ นหนึ่ งสว่ นใดคา้ งชาระอยู ่ เพราะเหตุผู้ ทอดตลาดละเลยไมบ ่ ั งคั บตามบทในมาตรา ๕๑๕
หรื อมาตรา ๕๑๖ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูท ้ อดตลาดจะตอ ้ งรั บผิด
ลั กษณะ ๒ แลกเปลี่ยน
มาตรา ๕๑๘ อั นวา่ แลกเปลี่ยนนั น ้ คือสั ญญาซึ่งคูก ่ รณี ตา่ งโอนกรรมสิทธิ์แหง่ ทรั พยส์ น ิ ใหก ้ ัน
และกัน
มาตรา ๕๑๙ บทบั ญญั ติทังหลายในลั ้ กษณะซื้อขายนั น ้ ทา่ นใหใ้ ชถ ้ ึงการแลกเปลยี่ นด้วย โดยให้ ถือวา่ ผูเ้ ป็ นคูส ่ ั ญญาแลกเปลี่ยนเป็ นผู ้
ขายในสว่ นทรั พยส์ น ิ ซึ่งตนได้สง่ มอบ และเป็ นผูซ ้ ้ ือในสว่ นทรั พยส์ น ิ ซึ่งตน ได้รับในการแลกเปลี่ยนนั น ้
มาตรา ๕๒๐ ถา้ คูส่ ั ญญาฝ่ายหนึ่ งในสั ญญาแลกเปลี่ยนตกลงจะโอนเงินเพิ่มเขา้ กับทรั พยส์ น ิ สิง่ อื่นให้แกอ
่ ีกฝ่ายหนึ่ งไซร้ บททั งหลายอั้ นวา่

ด้วยราคาในลั กษณะซือขายนั น ให้ใชถ ้ ้ ึงเงินเชน่ วา่ นั นด้วย้
ลั กษณะ ๓ ให้

มาตรา ๕๒๑ อั นวา่ ให้นัน ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ งเรี ยกวา่ ผูใ้ ห้ โอนทรั พยส์ น ิ ของตนให้ โดยเสน่หาแกบ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ งเรี ยกวา่
ผูร้ ั บ และผูร้ ั บยอมรั บเอาทรั พยส์ น ิ นั น้
ได้
มาตรา ๕๒๒ การให้นัน ้ จะทาด้วยปลดหนี้ ให้แกผ ่ ูร้ ั บ หรื อด้วยชาระหนี้ ซึ่งผูร้ ั บคา้ งชาระอยูก ่ ็
มาตรา ๕๒๓ การใหน ้ ั น้ ท า นว
่ ่ ่ า ย อ มสมบู รณ์ ่ เมื่อสง่ มอบทรั พยส์ น
ตอ ิ ที่ให้
มาตรา ๕๒๔ การใหส ้ ทิ ธิอันมีหนั งสือตราสารเป็ นสาคั ญนั น ้ ถา้ มิไดส ้ ง่ มอบตราสารใหแ ้ กผ
่ ูร้ ั บ และมิไดม ้ ีหนั งสือบอกกลา่ วแกล ่ ูกหนี้ แหง่ สิทธิ
นั น้ ทา่ นวา่ การให้ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์
มาตรา ๕๒๕ การให้ทรั พยส์ น ิ ซึ่งถา้ จะซื้อขายกันจะตอ ้ งทาเป็ นหนั งสือและจดทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่นัน ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มสมบูรณ์ตอ่ เมื่อ
ได้ทาเป็ นหนั งสือและจดทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่ ใน กรณี เชน ่ นี้ การให้ยอ่ มเป็ นอั นสมบูรณ์โดยมิพักต้องสง่ มอบ
มาตรา ๕๒๖ ถา้ การให้ทรั พยส์ น ิ หรื อให้คามั ่นวา่ จะให้ทรั พยส์ น ้ ได้ทาเป็ นหนั งสือและจด ทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่แลว้ และผูใ้ ห้ไม่
ิ นั น
สง่ มอบทรั พยส์ น ิ นั น ้ แกผ ่ ้ั ู ร บไซร ท า
้ ่ ่ ้ั นว า ผู รบชอบที ่ จ ะเรี ย กให ส
้ ่ ง มอบตัวทรั ิ หรื อราคาแทนทรั พยส์ น
พยส์ น ้ ได้ แตไ่ มช่ อบที่จะเรี ยกคา่
ิ นั น
สินไหมทดแทนอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดว้ ยอีก ได้
มาตรา ๕๒๗ ถา้ ผูใ้ ห้ผูกตนไวว้ า่ จะชาระหนี้ เป็ นคราว ๆ ทา่ นวา่ หนี้ นั น ้ ไป
้ เป็ นอั นระงั บสิน
เมื่อผูใ้ ห้หรื อผูร้ ั บตาย เวน ้ แตจ่ ะขั ดกับเจตนาอั นปรากฏแตม ่ ูลหนี้
มาตรา ๕๒๘ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งให้นัน ้ มีคา่ ภาระติดพัน และผูร้ ั บละเลยเสียไมช่ าระคา่ ภาระติด พันนั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ โดยเงื่อนไขอันระบุไวใ้ นกรณี
สิทธิเลิกสั ญญาตา่ งตอบแทนกันนั น ผูใ้ ห้จะเรี ยกใหส ้ ้ ง่ ทรั พยส์ น ่ ้
ิ ทีให้นันคืนตามบทบั ญญั ติวา่ ด้วยคืนลาภมิควรได้นัน ้ ก็ได้ เพียงเทา่ ที่ควรจะ
เอาทรั พยน ์ั ้
น ไปใช ช
้ าระค า ่ ภาระติ ด พันนั น้
แตส ิ ธิเรี ยกคืนอั นนี้ ยอ่ มเป็ นอั นขาดไป ถา้ บุคคลภายนอกเป็ นผูม
่ ท ้ ี สท ิ ธิจะเรี ยกใหช้ าระคา่ ภาระติดพันนั น ้

มาตรา ๕๒๙ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ที่ให้มีราคาไมพ ่ อกั บการที่จะชาระคา่ ภาระติดพั นไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บ จะตอ ้
ิ เทา่ นั น
้ งชาระแตเ่ พียงเทา่ ราคาทรั พยส์ น
มาตรา ๕๓๐ ถา้ การให้นัน ้ มีคา่ ภาระติดพั น ทา่ นวา่ ผูใ้ ห้จะตอ ้ งรั บผิดเพื่อความชารุ ดบกพร่อง หรื อเพื่อการรอนสิทธิเชน ่ เดียวกันกับผูข้ าย แต่
ทา่ นจากัดไวว้ า่ ไมเ่ กินจานวนคา่ ภาระติดพัน
มาตรา ๕๓๑ อั นผูใ้ หจ้ ะเรี ยกถอนคืนการใหเ้ พราะเหตุผูร้ ั บประพฤติเนรคุณนั น ้ ทา่ นวา่ อาจจะเรี ยกไดแ ้ ตเ่ พียงในกรณี ดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้
(๑) ถา้ ผูร้ ั บไดป ้ ระทุ ษ ร า ยต อ
้ ่ ้ ้ ผู ใ ห เ ป็ น ความผิ ดฐานอาชญาอย า งร
่ ้ า ยแรงตามประมวลกฎหมาย ลั กษณะอาชญา หรื อ
(๒) ถา้ ผูร้ ั บได้ทาใหผ ้ ูใ้ หเ้ สียชื่อเสียง หรื อหมิ่นประมาทผูใ้ ห้อยา่ งร้ายแรง หรื อ
(๓) ถา้ ผูร้ ั บได้บอกปัดไมย่ อมให้สงิ่ ของจาเป็ นเลี้ยงชีวต ิ แกผ่ ูใ้ ห้ ในเวลาที่ผูใ้ ห้ยากไร้และผูร้ ั บ ยั งสามารถจะให้ได้
มาตรา ๕๓๒ ทายาทของผูใ้ ห้อาจเรี ยกให้ถอนคืนการให้ได้แตเ่ ฉพาะในเหตุท่ีผูร้ ั บได้ฆา่ ผูใ้ ห้ ตายโดยเจตนาและไมช่ อบด้วยกฎหมาย หรื อได้
กีดกันผูใ้ ห้ไวม ้ ิให้ถอนคืนการให้
แตว่ า่ ผูใ้ ห้ได้ฟ้องคดีไวแ ้ ลว้ อยา่ งใดโดยชอบ ทายาทของผูใ้ ห้จะวา่ คดีอันนั น ้ ตอ่ ไปก็ได้
มาตรา ๕๓๓ เมื่อผูใ้ หไ้ ดใ้ หอ ้ ภั ย แก ผ
่ ู้ รั บในเหตุ ป ระพฤติ เ นรคุ ณ นั ้
น แล ว
้ ก็
ด ี หรื อเมื่อเวลาได้ ลว่ งไปแลว้ หกเดือนนั บแตเ่ หตุเชน ้ ไดท
่ นั น ้ ราบ
ถึงบุคคลผูช้ อบที่จะเรี ยกถอนคืนการให้ได้นัน ้ ก็ดี ทา่ นวา่ หา อาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่
อนึ่ ง ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพน ้ เวลาสิบปี ภายหลั งเหตุการณ์เชน ้
่ วา่ นั น
มาตรา ๕๓๔ เมื่อถอนคืนการให้ ทา่ นใหส ง
้ ่ คื นทรั พย ส
์ ิ
น ตามบทบั ญ ญั ติแหง่ ประมวล กฎหมายนี้ วา่ ดว้ ยลาภมิควรได้
มาตรา ๕๓๕ การใหอ ั้ นจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ทา่ นวา่ จะถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณไมไ่ ด้ คือ (๑) ใหเ้ ป็ นบาเหน็ จสินจา้ งโดยแท้
(๒) ใหส ้ งิ่ ที่มีคา่ ภาระติดพัน
(๓) ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา
(๔) ใหใ้ นการสมรส

มาตรา ๕๓๖ การใหอ ้ ั นจะใหเ้ ป็ นผลตอ่ เมื่อผูใ้ หต ้ ทา่ นใหบ


้ ายนั น ้ ั งคั บดว้ ยบทกฎหมายวา่ ดว้ ยมรดกและพินัยกรรม
ลั กษณะ ๔ เชา่ ทรั พย ์
หมวด ๑
บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๕๓๗ อั นวา่ เชา่ ทรั พยส์ น ิ นั ้ น คือสั ญญาซึง่ บุคคลคนหนึ่ งเรี ยกวา่ ผูใ้ ห้เชา่ ตกลงให้ บุคคลอีกคนหนึ่ งเรี ยกวา่ ผูเ้ ชา่ ได้ใชห ้ รื อได้รับ
ประโยชน์ในทรั พยส์ น ิ อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งชั ว่ ระยะเวลาอั นมีจากัด และผูเ้ ชา่ ตกลงจะให้คา่ เชา่ เพื่อการนั น ้
มาตรา ๕๓๘ เชา่ อสั งหาริ มทรั พยน ้ ถา้ มิได้มีหลั กฐานเป็ นหนั งสืออยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดลง ลายมือชื่อฝ่ายที่ตอ
์ ัน ้ งรั บผิดเป็ นสาคั ญ ทา่ นวา่ จะฟ้อง
ร้องใหบ ั้ งคั บคดีหาไดไ้ ม่ ถา้ เชา่ มีกาหนดกวา่ สามปี ขึ้นไป หรื อกาหนดตลอดอายุของผูเ้ ชา่ หรื อผูใ้ หเ้ ชา่ ไซร้ หากมิไดท ้ าเป็ นหนั งสือและจด
ทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่ ทา่ นวา่ การเชา่ นั น ้ จะฟ้องร้องให้บังคั บคดีได้แตเ่ พียงสามปี
มาตรา ๕๓๙ คา่ ฤชาธรรมเนยี มทาสั ญญาเชา่ นนั ้ คูส ่ ั ญญาพึงออกใชเ้ สมอกันทั งสองฝ ้ ่ าย
มาตรา ๕๔๐ อั นอสั งหาริ มทรั พย ์ ทา่ นห้ามมิให้เชา่ กันเป็ นกาหนดเวลาเกินกวา่ สามสิบปี ถา้
ได้ทาสั ญญากันไวเ้ ป็ นกาหนดเวลานานกวา่ นั น ้ ทา่ นก็ให้ลดลงมาเป็ นสามสิบปี
่ ้ ่ ้
อนึ ง กาหนดเวลาเชา่ ดังกลา่ วมานี เมือสินลงแลว้ จะตอ่ สั ญญาอีกก็ได้ แตต ่ อ
้ งอยา่ ให้เกิน
สามสิบปี นั บแตว่ ั นตอ่ สั ญญา
มาตรา ๕๔๑ สั ญญาเชา่ นั น ้ จะทากันเป็ นกาหนดวา่ ตลอดอายุของผูใ้ หเ้ ชา่ หรื อของผูเ้ ชา่ ก็ให้
ทาได้
ทา่ นวา่ ทรั พยต ์ กไปอยูใ่ นครอบครองผูเ้ ชา่ คนใดกอ ่ นด้วยสั ญญาเชา่ ทรั พยน ้ คนนั น
์ ัน ิ ธิยงิ่ กวา่ คนอื่น ๆ
้ มีสท
มาตรา ๕๔๒ บุคคลหลายคนเรี ยกเอาสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นเดียวกันอาศั ยมูลสั ญญาเชา่ ตา่ งราย

มาตรา ๕๔๓ บุคคลหลายคนเรี ยกร้องเอาอสั งหาริ มทรั พยอ์ ั นเดียวกันอาศั ยมูลสั ญญาเชา่ ตา่ งราย ทา่ นใหว้ น ิ ิ จฉั ยดังตอ่ ไปนี้
(๑) ถา้ การเชา่ นั น ้ เป็ นประเภทซึ่งมิได้บังคั บไวโ้ ดยกฎหมายวา่ ตอ ้ งจดทะเบี ย น ท า
่ นให ถ
้ ื อ ว า ผู
่ ้ เช า
่ ่
ซึ ง ได ท
้ รั พย ิ ไปไวใ้ นครอบครองกอ
ส์ น ่ น
ด้วยสั ญญาเชา่ ของตนนั น ้ มีสท ิ ธิยิง่ กวา่ คนอื่น ๆ
(๒) ถา้ การเชา่ ทุก ๆ รายเป็ นประเภทซึ่งบั งคั บไวโ้ ดยกฎหมายวา่ ตอ ้ งจดทะเบียน ทา่ นให้ถือ วา่ ผูเ้ ชา่ ซึ่งได้จดทะเบียนการเชา่ ของตนกอ ่ น
้ มีสท
นั น ิ ธิยงิ่ กวา่ คนอืน ๆ ่
(๓) ถา้ การเชา่ มีทังประเภทซึ ้ ่งตอ ้ งจดทะเบียนและประเภทซึ่งไมต ้ งจดทะเบียนตาม กฎหมายยั นกันอยูไ่ ซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ชา่ คนที่ได้จดทะเบียน
่ อ
การเชา่ ของตนนั น ้ มีสท ิ ธิยิง่ กวา่ เวน ้ แต ผ ู
่ ้ ่เ ช า คนอื ่ น จะได ้
ทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไปไวใ้ นครอบครองดว้ ยการเชา่ ของตนเสียกอ ่ นวั นจดทะเบียนนั น ้ แลว้
มาตรา ๕๔๔ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งเชา่ นั น ้ ผูเ้ ชา่ จะให้เชา่ ชว่ งหรื อโอนสิทธิของตนอั นมีในทรั พยส์ น ้ ไมว่ า่ ทั งหมดหรื
ิ นั น ้ อแตบ ่ างสว่ นให้แกบ ่ ุคคล
ภายนอก ทา่ นวา่ หาอาจทาได้ไม่ เวน ้ แตจ่ ะได้ตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ในสั ญญาเชา่
ถา้ ผูเ้ ชา่ ประพฤติฝ่าฝื นบทบั ญญั ติอันนี้ ผูใ้ ห้เชา่ จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๕๔๕ ถา้ ผูเ้ ชา่ เอาทรั พยส์ น ิ ซึ่งตนเชา่ ไปให้ผูอ ้ ่ืนเชา่ ชว่ งอีกทอดหนึ่ งโดยชอบทา่ นวา่ ผู ้ เชา่ ชว่ งยอ่ มตอ ้ งรั บผิดตอ ่ ผูใ้ ห้เชา่ เดิมโดยตรง ใน
กรณี เชน ว
่ ่ า ้
นี หากผู เ ช
้ ่ ่ า ช ว งจะได ใ ช ค า เชา
้ ้ ่ ่ ้ ่ ้ ่ให แ กผ ู เ ช า ไปก ่ น ทา่ นวา่ ผูเ้ ชา่ ชว่ งหาอาจจะยกขึ้นเป็ นขอ
อ ้ ตอ่ สู ผ้ ูใ้ หเ้ ชา่ ไดไ้ ม่
อนึ่ ง บทบั ญญั ติอันนี้ ไมห ่ า้ มการที่ผูใ้ หเ้ ชา่ จะใชส ้ ท ิ ธิของตนตอ่ ผูเ้ ชา่
หมวด ๒ หน้าที่และความรั บผิดของผูใ้ หเ้ ชา่
มาตรา ๕๔๖ ผูใ้ หเ้ ชา่ จาตอ ้ งสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ซึ่งให้เชา่ นั น ้ ในสภาพอั นซอ ่ มแซมดีแลว้
มาตรา ๕๔๗ ผูเ้ ชา่ ตอ ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยไปโดยความจาเป็ นและสมควรเพื่อรั กษาทรั พยส์ น ิ ซึ่งเชา่ นั น ้ เทา่ ใด ผูใ้ ห้เชา่ จาตอ ้ งชดใชใ้ ห้แกผ ่ ูเ้ ชา่ เวน้
แตค ่
่ า่ ใชจ้ า่ ยเพือบารุ งรั กษาตามปกติและเพือซ่อมแซมเพียง เล็กน้อย ่
มาตรา ๕๔๘ ถา้ ผูใ้ หเ้ ชา่ สง่ มอบทรั พยส์ น ิ ซึ่งเชา่ นั น ้ โดยสภาพไมเ่ หมาะแกก ่ ารที่จะใชเ้ พื่อ ประโยชน์ท่ีเชา่ มา ผูเ้ ชา่ จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้

มาตรา ๕๔๙ การสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ซึ่งเชา่ ก็ดี ความรั บผิดของผูใ้ หเ้ ชา่ ในกรณี ชารุ ดบกพร่อง และรอนสิทธิกด ็ ี ผลแหง่ ขอ ้ สั ญญาวา่ จะไมต่ อ
้ ง
รั บผิดก็ดี เหลา่ นี้ ทา่ นให้บังคั บด้วยบทบั ญญั ติทังหลายแห ้ ง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยการซื้อขายอนุ โลมความตามควร
มาตรา ๕๕๐ ผูใ้ หเ้ ชา่ ยอ่ มตอ ้ งรั บผิดในความชารุ ดบกพร่องอันเกิดขึ้นในระหวา่ งเวลาเชา่ และผูใ้ ห้เชา่ ตอ ้ งจั ดการซอ ่ มแซมทุกอยา่ งบรรดาซึ่ง

เป็ นการจาเป็ นขึน เวน ้ แตก ่ ารซอ ่
่ มแซมชนิ ดซึงมีกฎหมาย หรื อจารี ตประเพณี วา่ ผูเ้ ชา่ จะพึงตอ ้ งทาเอง
มาตรา ๕๕๑ ถา้ ความชารุ ดบกพร่องแหง่ ทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ นั น้ ไมเ่ ป็ นเหตุถึงแกผ ่ ูเ้ ชา่ จะตอ ้ ง ปราศจากการใชแ ้ ละประโยชน์ และผูใ้ หเ้ ชา่ ยั งแกไ้ ข
ไดไ้ ซร้ ผูเ้ ชา่ ตอ
้ งบอกกล า
่ วแก ผ ู ใ ห
่ ้ ้ ่ ้เ ช า ให จ ั ดการแก ไ
้ ขความ ชารุ ด บกพร ่ องนั ้
น ก อ
่ น ถ า
้ และผู ใ หเ ชา
้ ้ ่ ่ ไมจั ด ทาให ้ ืนดีภายในเวลาอั นสมควร ผู ้

เชา่ จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้ หากวา่ ความชารุ ดบกพร่องนั น ้ ร้ายแรงถึงสมควรจะทาเชน ่ นั น้
หมวด ๓ หน้าที่และความรั บผิดของผูเ้ ชา่
มาตรา ๕๕๒ อั นผูเ้ ชา่ จะใชท ้ รั พยส์ น ิ ที่เชา่ เพื่อการอยา่ งอื่นนอกจากที่ใชก ้ ันตามประเพณี นิ ยมปกติ หรื อการดังกาหนดไวใ้ นสั ญญานั น ้ ทา่ น
วา่ หาอาจจะทาได้ไม่
มาตรา ๕๕๓ ผูเ้ ชา่ จาตอ ้ งสงวนทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ นั น
้ เสมอกับที่วญ ิ ญูชนจะพึงสงวนทรั พยส์ น ิ ของตนเอง และตอ ้
้ งบารุ งรั กษาทั งทาการซ อ
่ มแซม
เล็กน้อยดว้ ย
มาตรา ๕๕๔ ถา้ ผูเ้ ชา่ กระทาการฝ่าฝื นบทบั ญญั ติในมาตรา ๕๕๒ มาตรา ๕๕๓ หรื อฝ่าฝื น ขอ ้ สั ญญา ผูใ้ ห้เชา่ จะบอกกลา่ วให้ผูเ้ ชา่
ปฏิบัติให้ถูกตอ้ งตามบทกฎหมายหรื อขอ ้ สั ญญานั น ้ ๆ ก็ได้ ถา้ และผูเ้ ชา่ ละเลยเสียไมป ่ ฏิบัติตาม ทา่ นวา่ ผูใ้ ห้เชา่ จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๕๕๕ ผูเ้ ชา่ จาตอ ้ งยอมใหผ ้ ูใ้ หเ้ ชา่ หรื อตัวแทนของผูใ้ หเ้ ชา่ เขา้ ตรวจดูทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ เป็ นครั ง้ คราว ในเวลาและระยะอั นสมควร
มาตรา ๕๕๖ ถา้ ในระหวา่ งเวลาเชา่ มีเหตุจะตอ ้ งซอ่ มแซมทรั พย ส
์ ิ
น ซึ ่ ง เช า
่ นั ้
น เป็ นการเร ่ งร้อน และผูใ้ หเ้ ชา่ ประสงคจ์ ะทาการอั นจาเป็ นเพื่อที่จะ
ซอ
่ มแซมเชน ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ชา่ จะไมย่ อมให้ทานั น
่ วา่ นั น ้ ไมไ่ ด้

แมถ ้ ึงวา่ การนั น ้ จะเป็ นความไมส ่ ะดวกแกต ่ น ถา้ การซอ ่ มแซมเป็ นสภาพซึ่งตอ ้ งกินเวลานานเกินสมควร จน เป็ นเหตุให้ทรั พยส์ น ิ นั ้ นไมเ่ หมาะ
แกก ่ ่ ่
่ ารทีจะใชเ้ พือประโยชน์ทีเชา่ มา ผูเ้ ชา่ จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๕๕๗ ในกรณี อยา่ งใด ๆ ดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ถา้ ทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ นั น ้ ชารุ ดควรที่ผูใ้ หเ้ ชา่ จะตอ ้ งซอ ่ มแซมก็ดี
(๒) ถา้ จะตอ ้ งจั ดการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดเพื่อปัดป้องภยั นตรายแกท ่ รั พยส์ น ิ นั น ้ ก็ดี
(๓) ถา้ บุคคลภายนอกรุ กลา้ เขา้ มาในทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ หรื อเรี ยกอา้ งสิทธิอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งเหนื อ
ทรั พยส์ น ิ นั น ้ ก็ดี
ในเหตุดังกลา่ วนั น ้ ใหผ ้ ูเ้ ชา่ แจง้ เหตุแกผ ่ ูใ้ ห้เชา่ โดยพลั น เวน ้ แตผ ่ ูใ้ ห้เชา่ จะได้ทราบเหตุนัน ้ อยู ่
กอ ่ นแลว้
ผูใ้ หเ้ ชา่ ตอ ้ งเสียหายอยา่ งใด ๆ เพราะความละเลยชั กชา้ ของผูเ้ ชา่ นั น ้
ถา้ ผูเ้ ชา่ ละเลยเสียไมป ่ ฏิ บ ั ต ต
ิ ามบทบั ญ ญั ต น
ิ ้ ี ไซร้ ท า
่ นว า
่ ผู เ
้ ชา่ จะต อ
้ งรั บผิดตอ่ ผูใ้ ห้เชา่ ในเมื่อ
มาตรา ๕๕๘ อั นทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ นั น ้ ถา้ มิได้รับอนุ ญาตของผูใ้ หเ้ ชา่ กอ ่ น ผูเ้ ชา่ จะทาการ ดัดแปลงหรื อตอ่ เติมอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดหาได้ไม่ ถา้
และผูเ้ ชา่ ทาไปโดยมิได้รับอนุ ญาตของผูใ้ ห้เชา่ เชน ่ นั น ้ ไซร้ เมื่อผูใ้ ห้เชา่ เรี ยกร้อง ผูเ้ ชา่ จะตอ ้ งทาใหท ิ นั น
้ รั พยส์ น ้ กลั บคืนคงสภาพเดิม ทั งจะต ้ อ
้ ง
รั บผิดตอ่ ผูใ้ ห้เชา่ ในความ สูญหายหรื อบุบสลายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดแตก ่ ารดัดแปลงตอ่ เติมนั น ้ ด้วย
มาตรา ๕๕๙ ถา้ ไมม ่ ีกาหนดโดยสั ญญาหรื อโดยจารี ตประเพณี วา่ จะพึงชาระคา่ เชา่ ณ เวลา ใด ทา่ นให้ชาระเมื่อสิน ้ ระยะเวลาอั นได้ตกลงกา
หนดกันไวท ้ ุ ก คราวไป กล า
่ วคื อ ว า ถา
่ ้ ่ เช า กันเป็ น รายปี ก็ พึ ง ชาระ ค า
่ ่ เช า เมื่ อ ้
สิ
น ปี ถ า เช
้ ่ า กันเป็ น รายเดื อ นก็ พ ึ ง ชาระค ่ า่ เมื่อสิน
า เช ้ เดือน
มาตรา ๕๖๐ ถา้ ผูเ้ ชา่ ไมช่ าระคา่ เชา่ ผูใ้ หเ้ ชา่ จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
แตถ ่ า้ คา่ เชา่ นั น ้ จะพึงสง่ เป็ นรายเดือน หรื อสง่ เป็ นระยะเวลายาวกวา่ รายเดือนขึ้นไปผูใ้ ห้เชา่ ตอ ้ งบอกกลา่ วแกผ ่ ูเ้ ชา่ กอ ่ นวา่ ให้ชาระคา่ เชา่ ภายใน
เวลาใด ซึ่งพึงกาหนดอยา่ ให้น้อยกวา่ สิบห้าวั น
มาตรา ๕๖๑ ถา้ มิได้ทาหนั งสือลงลายมือชื่อของคูส ่ ั ญญาแสดงไวต ้ อ่ กันวา่ ทรั พยส์ น ิ ที่ให้เชา่ มี สภาพเป็ นอยูอ่ ยา่ งไร ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ ่อน
ิ ่ ้
วา่ ผูเ้ ชา่ ได้รับทรั พยส์ นทีเชา่ นั นไปโดยสภาพอั นซ่อมแซมดีแลว้ และเมือสั ญญาได้เลิกหรื อระงั บลง ผูเ้ ชา่ ก็ตอ ่ ้ งสง่ คืนทรั พยส์ น ิ ในสภาพเชน ้
่ นั น
เวน ้ แต จ
่ ะพิ ส ู จ น ไ ด
์ ้ ่ว า ทรั พย ส
์ ิ
น นั ้
น มิ ได ซ
้ ่ อ มแซมไว ด
้ ี ใ นขณะที ่ ส ง
่ มอบ
มาตรา ๕๖๒ ผูเ้ ชา่ จะตอ ้ งรั บผิดในความสูญหายหรื อบุบสลายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดขึ้นแก่ ทรั พยส์ น ิ ที่เชา่ เพราะความผิดของผูเ้ ชา่ เอง หรื อของ
บุคคลซึ่งอยูก ่ ับผูเ้ ชา่ หรื อของผูเ้ ชา่ ชว่ ง

แตผ ่ ูเ้ ชา่ ไมต่ อ


้ งรั บผิดในความสูญหายหรื อบุบสลายอั นเกิดแตก ่ ารใชท ้ รั พยส์ น ้ โดยชอบ
ิ นั น
มาตรา ๕๖๓ คดีอันผูใ้ หเ้ ชา่ จะฟ้องผูเ้ ชา่ เกี่ยวแกส ่ ั ญญาเชา่ นั น้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพน ้ กาหนดหกเดือนนั บแตว่ ั นสง่ คืนทรั พยส์ น ิ ที่เชา่
หมวด ๔ ความระงั บแหง่ สั ญญาเชา่
มาตรา ๕๖๔ อั นสั ญญาเชา่ นั น ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มระงั บไปเมื่อสิน ้ กาหนดเวลาที่ไดต ้ กลงกันไว้ มิพัก ตอ ้ งบอกกลา่ วกอ ่ น
มาตรา ๕๖๕ การเชา่ ถือสวนนั น ้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ่ นวา่ เชา่ กันปี หนึ่ ง การเชา่ นาก็ใหส
้ อ ้ ั นนิ ษฐานไวก ่ นวา่ เชา่ กันตลอดฤดูทานาปี หนึ่ ง
้ อ
มาตรา ๕๖๖ ถา้ กาหนดเวลาเชา่ ไมป ่ รากฏในความที่ตกลงกันหรื อไมพ ่ ึงสั นนิ ษฐานได้ไซร้ ทา่ นวา่ คูส ่ ั ญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสั ญญาเชา่ ในขณะ
เมื่อสุดระยะเวลาอั นเป็ นกาหนดชาระคา่ เชา่ ก็ได้ทุกระยะ แตต ่ อ ้ งบอกกลา่ วแกอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ งให้รู้ตัวกอ ่ นชั ่วกาหนดเวลาชาระคา่ เชา่ ระยะหนึ่ งเป็ น
อยา่ งน้อยแตไ่ มจ่ าตอ ้ ง บอกกลา่ วลว่ งหน้ากวา่ สองเดือน
ดว้ ย
มาตรา ๕๖๗ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งใหเ้ ชา่ สูญหายไปทั งหมดไซร
้ ้ ทา่ นวา่ สั ญญาเชา่ ก็ยอ่ มระงั บไป
มาตรา ๕๖๘ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งให้เชา่ สูญหายไปแตเ่ พียงบางสว่ นและมิได้เป็ นเพราะความผิด ของผูเ้ ชา่ ทา่ นวา่ ผูเ้ ชา่ จะเรี ยกให้ลดคา่ เชา่ ลงตาม
สว่ นที่สูญหายก็ได้
ในกรณี เชน ่ นี้ ถา้ ผูเ้ ชา่ ไมส ่ ามารถใชส ้ อยทรั พยส์ น ิ สว่ นที่ยังคงเหลืออยูน ้ สาเร็จประโยชน์ได้ ดังที่ได้มุง่ หมายเขา้ ทาสั ญญาเชา่ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ชา่
่ ัน
จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๕๖๙ อั นสั ญญาเชา่ อสั งหาริ มทรั พยน ้ ยอ่ มไมร่ ะงั บไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ ทรั พยส์ น
์ ัน ิ ซึ่งใหเ้ ชา่
ผูร้ ั บโอนยอ่ มรั บไปทั งสิ ้ ทธิและหน้าที่ของผูโ้ อนซึ่งมีตอ่ ผูเ้ ชา่ นั น ้ ดว้ ย

มาตรา ๕๗๐ ในเมื่อสิน ้ กาหนดเวลาเชา่ ซึ่งได้ตกลงกันไวน ้ ถา้ ผูเ้ ชา่ ยั งคงครองทรั พยส์ น
้ ัน ิ อยู ่ และผูใ้ หเ้ ชา่ รู้ ความนั น ้ แลว้ ไมท ่ ั กทว้ งไซร้ ทา่ น
ให้ถือวา่ คูส
่ ั ญญาเป็ นอั นได้ทาสั ญญาใหมต ่ อ่ ไปไมม ่ ีกาหนดเวลา
มาตรา ๕๗๑ ถา้ สั ญญาเชา่ ที่นาได้เลิกหรื อระงั บลง เมื่อผูเ้ ชา่ ได้เพาะปลูกขา้ วลงแลว้ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ชา่ ยอ่ มมีสท ิ ธิท่ีจะครองนานั น ้ ตอ่ ไปจนกวา่
จะเสร็จการเกี่ยวเก็บ แตต อ
่ ้ งเสี ย ค า เช
่ ่ า
ลั กษณะ ๕ เชา่ ซื้อ
มาตรา ๕๗๒ อั นวา่ เชา่ ซื้อนั น ้ คือสั ญญาซึ่งเจา้ ของเอาทรั พยส์ น ิ ออกให้เชา่ และให้คามั ่นวา่ จะขายทรั พยส์ น ้ หรื อวา่ จะให้ทรั พยส์ น
ิ นั น ิ
้ ตกเป็ นสิทธิแกผ
นั น ่ ูเ้ ชา่ โดยเงื่อนไขที่ผูเ้ ชา่ ได้ใชเ้ งินเป็ นจานวนเทา่ นั น ้ เทา่ นี้ คราว
สั ญญาเชา่ ซื้อนั น ้ ถา้ ไมท ่ าเป็ นหนั งสือ ทา่ นวา่ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๕๗๓ ผูเ้ ชา่ จะบอกเลิกสั ญญาในเวลาใดเวลาหนึ่ งก็ได้ด้วยสง่ มอบทรั พยส์ น ิ กลั บคืน ให้แกเ่ จา้ ของโดยเสียคา่ ใชจ้ า่ ยของตนเอง
มาตรา ๕๗๔ ในกรณี ผิดนั ดไมใ่ ชเ้ งินสองคราวติด ๆ กัน หรื อกระทาผิดสั ญญาในขอ ้ ที่เป็ น สว่ นสาคั ญ เจา้ ของทรั พยส์ น ิ จะบอกเลิกสั ญญา
เสียก็ได้ ถา้ เชน ่ นั ้
น บรรดาเงิ น ่
ที ได ใ ช
้ ้ ม าแล ว
้ แตก อ
่ ่ น ให ร
้ ิ บ เป็ น ของเจ า
้ ของทรั พย ส
์ ิ
น และเจ า
้ ของทรั พย ส
์ นิ ชอบที ่ จ ะกลั บเข า
้ ครองทรั พยส์ น ิ นั น้
ไดด ้ ้วย
อนึ่ ง ในกรณี กระทาผิดสั ญญาเพราะผิดนั ดไมใ่ ชเ้ งินซึ่งเป็ นคราวที่สุดนั น ิ ชอบที่จะริ บบรรดาเงินที่ได้ใชม
้ ทา่ นวา่ เจา้ ของ ทรั พยส์ น ้ าแลว้ แต่
กอ
่ นและกลับเขา้ ครองทรั พย ส
์ ิ
น ไดต อ
้ ่ ่
เมื อระยะเวลาใช เ
้ งิ นได ้
พน ้ กาหนดไปอีกงวดหนึ่ ง
ลั กษณะ ๖ จา้ งแรงงาน
มาตรา ๕๗๕ อั นวา่ จา้ งแรงงานนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ลูกจา้ ง ตกลงจะ ทางานให้แกบ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ นายจา้ ง
และนายจา้ งตกลงจะให้สน ิ จา้ งตลอดเวลาที่ทางานให้

มาตรา ๕๗๖ ถา้ ตามพฤติการณ์ไมอ่ าจจะคาดหมายไดว้ า่ งานนั น ้ จะพึงทาใหเ้ ปลา่ ไซร้ ทา่ น ยอ่ มถือเอาโดยปริ ยายวา่ มีคามั ่นจะใหส ิ จา้ ง
้ น
ใจดว้ ย
มาตรา ๕๗๗ นายจา้ งจะโอนสิทธิของตนให้แกบ ่ ุคคลภายนอกก็ได้เมื่อลูกจา้ งยินยอมพร้อม
ลูกจา้ งจะให้บุคคลภายนอกทางานแทนตนก็ได้เมื่อนายจา้ งยินยอมพร้อมใจด้วย ถา้ คูส ่ ั ญญาฝ่ายใดทาการฝ่าฝื นบทบั ญญั ติน้ี คูส ่ ั ญญาอีกฝ่าย
หนึ่ งจะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๕๗๘ ถา้ ลูกจา้ งรั บรองโดยแสดงออกชั ดหรื อโดยปริ ยายวา่ ตนเป็ นผูม ้ ีฝีมือพิเศษ หาก มาปรากฏวา่ ไร้ฝีมือเชน ่ นั น้ ไซร้ ทา่ นวา่ นายจา้ ง

ชอบทีจะบอกเลิกสั ญญาเสียได้
มาตรา ๕๗๙ การที่ลูกจา้ งขาดงานไปโดยเหตุอันสมควรและชั ่วระยะเวลาน้อยพอสมควรนั น ้ ทา่ นวา่ ไมท่ าใหน ้ ายจา้ งมีสท ิ ธิบอกเลิกสั ญญาได้
มาตรา ๕๘๐ ถา้ ไมม ี่ กาหนดโดยสั ญญาหรื อจารี ตประเพณี วา่ จะพึงจา่ ยสินจา้ งเมื่อไร ทา่ นวา่ พึงจา่ ยเมื่องานได้ทาแลว้ เสร็จ ถา้ การจา่ ยสินจา้ ง
้ ได้กาหนดกั นไวเ้ ป็ นระยะเวลาก็ให้พึงจา่ ยเมื่อสุดระยะเวลา เชน
นั น ้ ทุกคราวไป
่ นั น
มาตรา ๕๘๑ ถา้ ระยะเวลาที่ได้ตกลงวา่ จา้ งกันนั น ้ ลงแลว้ ลูกจา้ งยั งคงทางานอยูต
้ สุดสิน ่ อ่ ไป อกี และนายจา้ งรู้ ดังนั น ้ ก็ไมท ่ ั กทว้ งไซร้ ทา่ นให้
สั นนิ ษฐานไวก้ อ
่ นวา่ คูส ่ ั ญญาเป็ นอั นได้ทาสั ญญาจา้ งกันใหมโ่ ดย ความอยา่ งเดียวกันกับสั ญญาเดิม แตค ่ ั ญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งอาจจะเลิก
่ ูส
สั ญญาเสียได้ด้วยการบอกกลา่ วตาม ความในมาตราตอ่ ไปนี้
มาตรา ๕๘๒ ถา้ คูส ่ ั ญญาไมไ่ ดก ้ าหนดลงไวใ้ นสั ญญาวา่ จะจา้ งกันนานเทา่ ไร ทา่ นวา่ ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ งจะเลิกสั ญญาดว้ ยการบอกกลา่ วลว่ ง
หน้าในเมื่อถึงหรื อกอ ่ นจะถึ ง กาหนดจ า่ ยสินจา้ งคราวใดคราวหนึ่ ง เพื่อใหเ้ ป็ นผลเลิกสั ญญากันเมื่อถึงกาหนดจา่ ยสินจา้ งคราวถัดไปขา้ งหน้าก็
อาจทาได้ แตไ่ มจ่ าตอ ้ งบอกกลา่ ว ลว่ งหน้ากวา่ สามเดือน
อนึ่ ง ในเมื่อบอกกลา่ วดังวา่ นี้ นายจา้ งจะจา่ ยสินจา้ งแกล ่ ูกจา้ งเสียให้ครบจานวนที่จะตอ ้ งจา่ ย จนถึงเวลาเลิกสั ญญาตามกาหนดที่บอกกลา่ วนั น ้
ทีเดียว แลว้ ปลอ่ ยลูกจา้ งจากงานเสียในทั นทีกอ็ าจทาได้
มาตรา ๕๘๓ ถา้ ลูกจา้ งจงใจขั ดคาสั ่งของนายจา้ งอั นชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรื อละเลยไม่ นาพาตอ่ คาสั ่งเชน ้ เป็ นอาจิณก็ดี ละทิ้งการงาน
่ วา่ นั น
ไปเสียก็ดี กระทาความผิดอยา่ งร้ายแรงก็ดี หรื อทา

ประการอื่นอั นไมส ่ มแกก ่ ารปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุลว่ งไปโดยถูกตอ ้ งและสุจริ ตก็ดี ทา่ นวา่ นายจา้ งจะไลอ่ อก โดยมิพักตอ ้ งบอกกลา่ วลว่ งหน้า
หรื อให้สน ิ ไหมทดแทนก็ได้
มาตรา ๕๘๔ ถา้ จา้ งแรงงานรายใดมีสาระสาคั ญอยูท ่ ่ีตัวบุคคลผูเ้ ป็ นนายจา้ ง ทา่ นวา่ สั ญญาจา้ ง เชน ้ ยอ่ มระงั บไปด้วยมรณะแหง่ นายจา้ ง
่ นั น
มาตรา ๕๘๕ เมือการจา้ งแรงงานสุดสินลงแลว้ ลูกจา้ งชอบที่จะได้รับใบสาคั ญแสดงวา่ ลูกจา้ งนั น
่ ้ ้ ได้ทางานมานานเทา่ ไร่และงานที่ทานั น ้ เป็ น
งานอยา่ งไร
มาตรา ๕๘๖ ถา้ ลูกจา้ งเป็ นผูซ ้ ่ึงนายจา้ งไดจ้ า้ งเอามาแตต ่ า่ งถิ่นโดยนายจา้ งออกเงินคา่ เดินทางใหไ้ ซร้ เมื่อการจา้ งแรงงานสุดสิน ้ ลง และ
ถา้ มิได้กาหนดกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในสั ญญาแลว้ ทา่ นวา่ นายจา้ งจาตอ ้ งใชเ้ งินคา่ เดินทางขากลั บให้ แตจ่ ะตอ ้ งเป็ นดังตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) สั ญญามิได้เลิกหรื อระงั บเพราะการกระทาหรื อความผิดของลูกจา้ ง และ (๒) ลูกจา้ งกลั บไปยั งถิ่นที่ได้จา้ งเอามาภายในเวลาอั นสมควร
ลั กษณะ ๗ จา้ งทาของ
มาตรา ๕ ๘ ๗ อั นว ่าจา้ งท าข องนั น ้ คือสั ญญ าซึ่งบุ คคลคน หนึ่ ง เรี ยกว ่าผูร้ ับจา้ ง ตกลงจะ ท า การงานสิง่ ใดสิง่ หนึ่ งจนสาเร็จ
ใหแ ก
้ ่ บุ ค คลอี กคนหนึ่ ง เรี ย กว า
่ ้ ่ ้ และผูว้ า่ จา้ งตกลงจะใหส
ผู ว า จ า ง ้ น ิ จา้ งเพื่อ ผลสาเร็จแหง่ การที่ทานั น ้
ชนิ ดที่ดี
มาตรา ๕๘๘ เครื่ องมือตา่ ง ๆ สาหรั บใชท ้ าการงานใหส ้ าเร็จนั น ้ ผูร้ ั บจา้ งเป็ นผูจ้ ั ดหา
มาตรา ๕๘๙ ถา้ สั มภาระสาหรั บทาการงานที่กลา่ วนั น ้ ผูร้ ั บจา้ งเป็ นผูจ้ ั ดหา ทา่ นวา่ ตอ ้ งจั ดหา
มาตรา ๕๙๐ ถา้ สั มภาระนั น ้ ผูว้ า่ จา้ งเป็ นผูจ้ ั ดหามาสง่ ทา่ นใหผ ้ ูร้ ั บจา้ งใชส้ ั มภาระด้วยความ ระมั ดระวั งและประหยั ดอยา่ ให้เปลืองเสียเปลา่
เมื่อทาการงานสาเร็จแลว้ มีสัมภาระเหลืออยูก ่ ใ็ ห้คืนแกผ ่ ูว้ า่ จา้ ง

มาตรา ๕๙๑ ถา้ ความชารุ ดบกพร่องหรื อความชั กชา้ ในการที่ทานั น ้ เกิดขึ้นเพราะสภาพแหง่ สั มภาระซึ่งผูว้ า่ จา้ งสง่ ใหก ็ ี เพราะคาสั ง่ ของผูว้ า่
้ ด
จา้ งก็ดี ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจา้ งไมต ่ อ้ งรั บผิด เวน ้ แตจ่ ะได้รู้อยูแ่ ลว้ วา่ สั มภาระนั น ้ ไมเ่ หมาะหรื อวา่ คาสั ่งนั น ้ ไมถ ่ ูกต้องและมิได้บอกกลา่ วตักเตือน
มาตรา ๕๙๒ ผูร้ ั บจา้ งจาตอ ้ งยอมให้ผูว้ า่ จา้ งหรื อตัวแทนของผูว้ า่ จา้ งตรวจตราการงานได้ ตลอดเวลาที่ทาอยูน ้
่ ัน
มาตรา ๕๙๓ ถา้ ผูร้ ั บจา้ งไมเ่ ริ่ มทาการในเวลาอั นควร หรื อทาการชั กชา้ ฝ่าฝื นขอ ้ กาหนดแหง่
สั ญญาก็ดี หรื อทาการชั กชา้ โดยปราศจากความผิดของผู ว้ า่ จา้ ง จนอาจคาดหมายลว่ งหน้าได้วา่ การนั น ้ จะไม่ สาเร็จภายในกาหนดเวลาที่ได้
ตกลงกันไวก ด
้ ็ ี ผู ว า จ
้ ่ ้ า งชอบที ่ จ ะเลิ กสั ญญาเสี ย ได ้ มิ พักต้องรอคอยให ถ
้ ึ ง เวลา กาหนดส ง่ มอบของนั ้
น เลย
มาตรา ๕๙๔ ถา้ ในระหวา่ งเวลาที่ทาการอยูน ั่ น้ เป็ นวิสัยจะคาดหมายลว่ งหน้าไดแ น
้ ่ น อนว า
่ การที ่ ท านั ้ จะสาเร็จอยา่ งบกพร่องหรื อจะเป็ นไป

ในทางอั นฝ่าฝื นขอ ้ สั ญญาเพราะความผิดของผูร้ ั บจา้ งไซร้ ผูว้ า่ จา้ งจะบอกกลา่ วให้ผูร้ ั บจา้ งแก้ไขสิง่ ที่บกพร่องให้คืนดี หรื อทาการให้เป็ นไปตาม
สั ญญาภายในเวลาอั น สมควรซึ่งกาหนดใหใ้ นคาบอกกลา่ วนั น ้ ก็ได้ ถา้ และคลาดกาหนดนั น ้ ไป ทา่ นวา่ ผูว้ า่ จา้ งชอบที่จะเอาการนั น
้ ให้ บุคคล
ภายนอกซอ ่ มแซมหรื อทาตอ่ ไปได้ ซึ่งผูร้ ั บจา้ งจะตอ ้ งเสี่ยงความเสียหายและออกคา่ ใชจ้ า่ ยทั งสิ ้
้ น
มาตรา ๕๙๕ ถา้ ผูร้ ั บจา้ งเป็ นผูจ้ ั ดหาสั มภาระไซร้ ความรั บผิดของผูร้ ั บจา้ งในการบกพร่อง นั น ้ ทา่ นให้บังคั บด้วยบทแหง่ ประมวลกฎหมายนี้

ลั กษณะซือขาย
มาตรา ๕๙๖ ถา้ ผูร้ ั บจา้ งสง่ มอบการที่ทาไมท ่ ั นเวลาที่ไดก ้ าหนดไวใ้ นสั ญญาก็ดี หรื อถา้ ไมไ่ ด้ กาหนดเวลาไวใ้ นสั ญญาเมื่อลว่ งพน ้ เวลาอั น
ควรแกเ่ หตุกด็ ี ผูว้ า่ จา้ งชอบที่จะลดสินจา้ งลง หรื อถา้ สาระสาคั ญ
แหง่ สั ญญาอยูท่ ่ีเวลา ก็ชอบที่จะเลิกสั ญญาได้
มาตรา ๕๙๗ ถา้ ผูว้ า่ จา้ งยอมรั บมอบการที่ทานั น ้ แลว้ โดยมิไดอ ้ ิดเอื้อน ผูร้ ั บจา้ งก็ไมต ้ งรั บ ผิดเพื่อการที่สง่ มอบเนิ่ นชา้
่ อ
มาตรา ๕๙๘ ถา้ ผูว้ า่ จา้ งยอมรั บมอบการทีท ่ านั ้
น แลว้ ทั ้
งชารุ ดบกพร ่ องมิ ได ้ อด
ิ ้
เอื อนโดย แสดงออกชั ดหรื อโดยปริ ยาย ผูร้ ั บจา้ งก็ไมต
่ อ
้ งรั บผิด
เวน
้ แตค ่ วามชารุ ดบกพร่องนั น ้ เป็ นเชน
่ จะไมพ ่ ึงพบได้ ในขณะเมื่อรั บมอบ หรื อผูร้ ั บจา้ งได้ปิดบังความนั น ้ เสีย

มาตรา ๕๙๙ ในกรณี ท่ีสง่ มอบเนิ่ นชา้ ไปก็ดี หรื อสง่ มอบการที่ทาชารุ ดบกพร่องก็ดี ทา่ นวา่ ผูว้ า่ จา้ งชอบที่จะยึดหน่วงสินจา้ งไวไ้ ด้ เวน ้ แต่
ผูร้ ั บจา้ งจะให้ประกันตามสมควร
มาตรา ๖๐๐ ถา้ มิไดก ้ าหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในสั ญญาไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจา้ งจะตอ ้ งรั บผิดเพื่อ การที่ทาชารุ ดบกพร่องเพียงแตท ่ ่ีปรากฏขึ้นภายใน
ปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นสง่ มอบ หรื อที่ปรากฏขึ้นภายในหา้ ปี ถา้ การ ที่ทานั น ้ เป็ นสิง่ ปลูกสร้างกับพื้นดิน นอกจากเรื อนโรงทาดว้ ยเครื่ องไม้
แตข่ อ ้ จากัดนี้ ทา่ นมิให้ใชบ ้ ั งคั บเมื่อปรากฏวา่ ผูร้ ั บจา้ งได้ปิดบังความชารุ ดบกพร่องนั น ้
ขึ้น
มาตรา ๖๐๑ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องผูร้ ั บจา้ งเมื่อพน ้ ปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นการชารุ ดบกพร่องได้ปรากฏ
มาตรา ๖๐๒ อั นสินจา้ งนั นพึงใชใ้ ห้เมือรั บมอบการที่ทา
้ ่
ถา้ การที่ทานั น ้ มีกาหนดวา่ จะสง่ รั บกันเป็ นสว่ น ๆ และได้ระบุจานวนสินจา้ งไวเ้ ป็ นสว่ น ๆ ไซร้ ทา่ นวา่ พึงใชส ิ จา้ งเพื่อการแตล่ ะสว่ นในเวลา
้ น
รั บเอาสว่ นนั น ้
มาตรา ๖๐๓ ถา้ ผูร้ ั บจา้ งเป็ นผูจ้ ั ดหาสั มภาระ และการที่จา้ งทานั น ้ พังทลายหรื อบุบสลายลง กอ ่ นได้สง่ มอบกันถูกตอ ้ งไซร้ ทา่ นวา่ ความวินาศ
อั นนั น ้ ตกเป็ นพั บแกผ ่ ูร้ ั บจา้ ง หากความวินาศนั น ้ มิได้เป็ น เพราะการกระทาของผูว้ า่ จา้ ง
ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ สินจา้ งก็เป็ นอั นไมต ่ ้องใช้
มาตรา ๖๐๔ ถา้ ผูว้ า่ จา้ งเป็ นผูจ้ ั ดหาสั มภาระ และการที่จา้ งทานั น ้ พังทลายหรื อบุบสลายลง กอ ่ นได้สง่ มอบกั นถูกต้องไซร้ ทา่ นวา่ ความวินาศ

นั นตกเป็ นพับแกผ ้
่ ูว้ า่ จา้ ง หากความวินาศนั นมิได้เป็ นเพราะ การกระทาของผูร้ ั บจา้ ง
วา่ จา้ ง
ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ สินจา้ งก็เป็ นอั นไมต ่ อ
้ งใช้ เวน ้ แตค ่ วามวินาศนั น ้ เป็ นเพราะการกระทาของผู ้
มาตรา ๖๐๕ ถา้ การที่จา้ งยั งทาไมแ ่ ลว้ เสร็จอยูต ่ ราบใด ผูว้ า่ จา้ งอาจบอกเลิกสั ญญาได้ เมื่อเสีย คา่ สินไหมทดแทนให้แกผ ่ ูร้ ั บจา้ งเพื่อความ
เสียหายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดแตก ่ ารเลิกสั ญญานั น ้
มาตรา ๖๐๖ ถา้ สาระสาคั ญแหง่ สั ญญาอยูท ่ ่ีความรู้ ความสามารถของตัวผูร้ ั บจา้ งและผูร้ ั บ จา้ งตายก็ดี หรื อตกเป็ นผูไ้ มส ่ ามารถทาการที่รับจา้ ง

นั นตอ่ ไปได้ด้วยมิใชเ่ พราะความผิดของตนก็ดี ทา่ นวา่ สั ญญานั นยอ่ มเป็ นอันสินลง ้ ้

ถา้ และการสว่ นที่ไดท ้ าขึ้นแลว้ นั น


้ เป็ นประโยชน์แกผ ่ ูว้ า่ จา้ งไซร้ ทา่ นวา่ ผูว้ า่ จา้ งจาตอ ้ งรั บ เอาไวแ ้ ละใชส ิ จา้ งตามสมควรแกส
้ น ้ ๆ
่ ว่ นนั น
มาตรา ๖๐๗ ผูร้ ั บจา้ งจะเอาการที่รับจา้ งทั งหมดหรื ้ อแบง่ การแตบ ่ างสว่ นไปให้ผูร้ ั บจา้ งชว่ ง ทาอีกทอดหนึ่ งก็ได้ เวน ้ แตส
่ าระสาคั ญแหง่ สั ญญา
้ จะอยูท
นั น ่ ่ีความรู้ ความสามารถของตัวผูร้ ั บจา้ ง แตผ ่ ูร้ ั บจา้ ง คงตอ ้ งรั บผิดเพื่อความประพฤติหรื อความผิดอยา่ งใด ๆ ของผูร้ ั บจา้ งชว่ ง
ลั กษณะ ๘
รั บขน
มาตรา ๖๐๘ อั นวา่ ผูข้ นสง่ ภายในความหมายแหง่ กฎหมายลั กษณะนี้ คือบุคคลผูร้ ั บขนสง่ ของหรื อคนโดยสารเพื่อบาเหน็ จเป็ นทางคา้ ปกติ
ของตน
มาตรา ๖๐๙ การรั บขนของหรื อคนโดยสารในหน้าที่ของกรมรถไฟหลวงแหง่ กรุ งสยาม และ การขนไปรษณี ยภัณฑใ์ นหน้าที่กรมไปรษณี ย ์
โทรเลขนั น ้ ทา่ นให้บังคั บตามกฎหมายและกฎขอ ้ บั งคั บสาหรั บ ทบวงการนั น ้ ๆ
รั บขนของทางทะเล ทา่ นให้บังคั บตามกฎหมายและกฎขอ ้ บั งคั บวา่ ด้วยการนั น ้
หมวด ๑ รั บขนของ
ตราสง่
มาตรา ๖๑๐ อั นบุคคลผูท ้ าความตกลงกับผูข้ นสง่ เพื่อใหข้ นของสง่ ไปนั น ้ เรี ยกวา่ ผูส
้ ง่ หรื อผู ้
บุคคลผูซ ้ ่ึงเขาสง่ ของไปถึงนั น ้ เรี ยกวา่ ผูร้ ั บตราสง่ บาเหน็ จอั นจะตอ ้ งจา่ ยให้เพื่อการขนสง่ ของนั น ้ เรี ยกวา่ คา่ ระวางพาหนะ
มาตรา ๖๑๑ อั นวา่ อุปกรณ์แหง่ คา่ ระวางพาหนะนั น ้ ได้แกค ่ า่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งใด ๆ ตามจารี ต ประเพณี อันผูข้ นสง่ ได้เสียไปโดยควรในระหวา่ ง
ขนสง่
มาตรา ๖๑๒ ถา้ ผูข้ นสง่ เรี ยกเอาใบกากับของ ผูส ้ ง่ ตอ ้ งทาให้ ใบกากับของนั น ้ งแสดงรายการตอ่ ไปนี้ คือ
้ ตอ

(๑) สภาพและน้าหนั ก หรื อขนาดแหง่ ของที่สง่ กับสภาพ จานวน และเครื่ องหมายแหง่ หีบหอ ่ (๒) ตาบลที่กาหนดใหส ้ ง่
(๓) ชื่อหรื อยี่ห้อ และสานั กของผูร้ ั บตราสง่
(๔) ตาบลและวั นที่ออกใบกากับของนั น ้
อนึ่ งใบกากับของนั น
้ ตอ ้ งลงลายมือชื่อผูส ้ ง่ เป็ นสาคั ญ
มาตรา ๖๑๓ ถา้ ผูส ้ ง่ เรี ยกเอาใบตราสง่ ผูข้ นสง่ ก็ตอ ้ งทาให้ ใบตราสง่ นั น ้ ตอ้ งแสดงรายการตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) รายการดังกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๖๑๒ อนุ มาตรา ๑, ๒ และ ๓ (๒) ชื่อหรื อยี่หอ ้ ของผูส้ ง่
(๓) จานวนคา่ ระวางพาหนะ
(๔) ตาบลและวั นที่ออกใบตราสง่ อนึ่ งใบตราสง่ นั น ้ ตอ้ งลงลายมือชื่อผูข้ นสง่ เป็ นสาคั ญ
มาตรา ๖๑๔ แมว้ า่ ใบตราสง่ จะได้ออกให้แก่บุคคลผูใ้ ดโดยนามก็ตาม ทา่ นวา่ ยอ่ มสลั กหลั ง โอนให้กันได้ เวน ้ แตจ่ ะมีขอ ้ ห้ามการสลั กหลั งไว้
มาตรา ๖๑๕ ถา้ ได้ทาใบตราสง่ ให้แกก ่ ัน ทา่ นวา่ ของนั น ้ จะรั บมอบเอาไปได้ตอ่ เมื่อเวนคืนใบ ตราสง่ หรื อเมื่อผูร้ ั บตราสง่ ให้ประกันตามควร
มาตรา ๖๑๖ ผูข้ นสง่ จะตอ ้ งรั บผิดในการที่ของอั นเขาได้มอบหมายแกต ่ นนั น ้ สูญหายหรื อบุบ สลายหรื อสง่ มอบชั กชา้ เวน้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ การ

สูญหายหรื อบุบสลายหรื อชั กชา้ นั นเกิดแตเ่ หตุสุดวิสัย หรื อ เกิดแตส ่ ภาพแหง่ ของนั น ้ เอง หรื อเกิดเพราะความผิดของผูส้ ง่ หรื อผูร้ ั บตราสง่
มาตรา ๖๑๗ ผูข้ นสง่ จะตอ ้ งรั บผิดในการที่ของสูญหายหรื อบุบสลายหรื อสง่ ชั กชา้ อั นเกิดแต่ ความผิดของผูข้ นสง่ คนอื่น หรื อบุคคลอื่นซึ่ง
ตนหากได้มอบหมายของนั น ้ ไปอีกทอดหนึ่ ง

มาตรา ๖๑๘ ถา้ ของนั นได้สง่ ไปโดยมีผูข้ นสง่ หลายคนหลายทอด ทา่ นวา่ ผูข้ นสง่ ทั งนั ้ น
้ จะตอ ้ งรั บผิดร่วมกันในการสูญหาย บุบสลาย หรื อ
สง่ ชั กชา้
มาตรา ๖๑๙ ถา้ ของเป็ นสภาพอั นจะกอ ่ ใหเ้ กิดอั นตรายได้ หรื อเป็ นสภาพเกลือกจะ กอ ่ ใหเ้ กิดเสียหายแกบ ิ ไซร้ ผูส
่ ุคคลหรื อทรั พยส์ น ้ ง่ ตอ
้ ง
้ ไวก
แสดงสภาพแหง่ ของนั น ้ อ่ นทาสั ญญา ถา้ มิได้ทา เชน ้ ผูส
่ นั น ้ ง่ จะตอ
้ งรั บผิดในการเสียหายไมว่ า่ อยา่ งใด ๆ อั นเกิดแตข่ องนั น ้

มาตรา ๖๒๐ ผูข้ นสง่ ไมต ้ งรั บผิดในเงินทองตรา ธนบั ตร ธนาคารบั ตร ตั ๋วเงิน พันธบั ตร ใบ หุ้น ใบหุ้นกู้ ประทวนสินคา้ อั ญมณี
่ อ
และของมีคา่ อยา่ งอื่น ๆ หากมิได้รับบอกราคาหรื อสภาพแหง่ ของไวใ้ น ขณะที่สง่ มอบแกต ่ น
แตถ ้ ได้บอกราคา ทา่ นวา่ ความรั บผิดของผูข้ นสง่ ก็ยอ่ มจากัดเพียงไมเ่ กินราคาที่บอก
่ า้ ของนั น
มาตรา ๖๒๑ คา่ สินไหมทดแทนในการสง่ มอบของชั กชา้ นั น ้ ทา่ นหา้ มมิใหค ้ ิดเกินกวา่ จานวน เชน ่ จะพึงกาหนดใหใ้ นเหตุของสูญหายสิน ้ เชิง
มาตรา ๖๒๒ ของถึงเมื่อใด ผูข้ นสง่ ตอ ้ งบอกกลา่ วแกผ ่ ูร้ ั บตราสง่
มาตรา ๖๒๓ ความรั บผิดของผูข้ นสง่ ยอ่ มสุดสิน ้ ลงในเมื่อผูร้ ั บตราสง่ ได้รับเอาของไวแ ้ ลว้ โดย ไมอ่ ิดเอื้อน และได้ใชค ้ า่ ระวางพาหนะกับทั ง้
อุปกรณ์เสร็จแลว้
แตค ่ วามที่กลา่ วนี้ ทา่ นมิให้ใชบ ้ ั งคั บในกรณี ท่ีของสูญหายหรื อบุบสลายเห็นไมไ่ ด้แตส ่ ภาพ ภายนอกแหง่ ของนั น ้ หากวา่ ได้บอกกลา่ วความ
สูญหายหรื อบุบสลายแกผ ่ ูข้ นสง่ ภายในแปดวั นนั บแตว่ ั นสง่ มอบ
อนึ่ ง บทบั ญญั ตท ิ ั ง้ หลายนี้ ทา่ นมิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บในกรณี ท่ีมีการทุจริ ตหรื อประมาทเลินเลอ่ อยา่ ง ร้ายแรงอั นจะปรั บเอาเป็ นความผิดของผูข้ นสง่ ได้
มาตรา ๖๒๔ ในขอ ้ ความรั บผิดของผูข้ นสง่ ในการที่ของสูญหายหรื อบุบสลายหรื อสง่ ชั กชา้ นั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพน ้ กาหนดปี หนึ่ งนั บแต่
สง่ มอบ หรื อปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นที่ควรจะได้สง่ มอบ เวน ้ แตใ่ น กรณี ท่ีมีการทุจริ ต
มาตรา ๖๒๕ ใบรั บ ใบตราสง่ หรื อเอกสารอื่น ๆ ทานองนั น ้ ก็ดี ซึ่งผูข้ นสง่ ออกให้แกผ ่ ูส ้
้ ง่ นั น
ถา้ มีขอ ้ ความยกเวน ้ หรื อจากัดความรั บผิดของผูข้ นสง่ ประการใด ทา่ นวา่ ความนั น ้ เป็ นโมฆะ เวน ้ แตผ ่ ูส
้ ง่ จะได้ แสดงความตกลงด้วยชั ดแจง้ ใน
การยกเวน ้ หรื อจากัดความรั บผิดเชน ่ วา่ นั น ้
มาตรา ๖๒๖ ตราบใดของยั งอยูใ่ นมือผูข้ นสง่ ตราบนั น ้ ผูส ้ ง่ หรื อถา้ ไดท ้ าใบตราสง่ ผูท ้ รงใบ ตราสง่ นั น ้ อาจจะใหผ ้ ูข้ นสง่ งดการสง่ ของนั น้
ไป หรื อใหส ้ ง
่ กลั บ คื น หรื อ ให จ
้ ั ดการแก ข
่ องนั ้
น เป็ น อย า
่ งอื ่ น ประการใดก็ ได ้
ในเหตุเชน ่ นี้ ผูข้ นสง่ ชอบที่จะได้รับเงินคา่ ระวางพาหนะตามสว่ นแหง่ ระยะทางที่ได้จัดการขน สง่ ไปแลว้ กับทั งค ้ า่ ใชจ้ า่ ยอื่น ๆ ที่ตอ้ งเสียไป
เพราะเหตุท่ีบอกงดหรื อเพราะสง่ ของกลั บคืน หรื อเพราะจั ดการ เป็ นประการอื่นนั น ้

มาตรา ๖๒๗ เมื่อของถึงตาบลที่กาหนดให้สง่ และผูร้ ั บตราสง่ ได้เรี ยกให้สง่ มอบแลว้ ทา่ นวา่ แตน ้ ไปสิทธิทังหลายของผู
่ ัน ้ ส
้ ง่ อั นเกิดแตส ่ ั ญญา
รั บขนนั น ้ ยอ่ มตกไปไดแ ก ผู
้ ่ ้ั รบตราส ง

มาตรา ๖๒๘ ถา้ วา่ ของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย ทา่ นวา่ ผูข้ นสง่ ไมม ่ ี สทิ ธิจะไดเ้ งินคา่ ระวางพาหนะ ถา้ และไดร้ ั บไปไวก ้ อ่ นแลว้ เทา่ ใดตอ ้ ง
สง่ คืนจงสิน ้
มาตรา ๖๒๙ ถา้ ผูข้ นสง่ คนใดสง่ มอบของเสียแตก ่ อ ่ นได้รับคา่ ระวางพาหนะและอุปกรณ์ไซร้ ทา่ นวา่ ผูข้ นสง่ คนนั น ้ ยั งคงตอ ้ งรั บผิดตอ่ ผูข้ นสง่
กอ ่ น ๆ ตนเพื่อคา่ ระวางพาหนะและอุปกรณ์ซ่ึงยั งคา้ งชาระแก่
เขา
มาตรา ๖๓๐ ผูข้ นสง่ ชอบที่จะยึดหน่วงเอาของไวก ้ อ ่ นไดต ้ ามที่จาเป็ นเพื่อประกั นการใชเ้ งิน คา่ ระวางพาหนะและอุปกรณ์
มาตรา ๖๓๑ ถา้ หาตัวผูร้ ั บตราสง่ ไมพ ่ บก็
ด ี หรื อ ถ า ผู
้ ้ รั บตราส ง่ บอกปัดไมย่ อมรั บมอบของก็ดี ผูข้ นสง่ ตอ ้ งบอกกลา่ วไปยั งผูส ้ ง่ ทั นที และถาม
เอาคาสั ง่ ของผูส ้ ง่
ถา้ หากวา่ พฤติการณ์ขัดขวางไมส ่ ามารถจะทาได้ดังนี้ ก็ดี หรื อถา้ ผูส ้ ง่ ละเลยเสียไมส ่ ง่ คาสั ง่ มา ในเวลาอั นควรก็ดี หรื อสง่ มาเป็ นคาสั ่งอั นไมอ่ าจ
ปฏิบัติให้เป็ นไปได้กด ็ ี ทา่ นวา่ ผูข้ นสง่ มีอานาจที่จะเอาของไป ฝากไว้ ณ สานั กงานฝากทรั พยไ์ ด้
ถา้ ของนั น ้ เป็ นลหุภัณฑข์ องสดเสียได้ และการหน่วงชา้ ไวย้ อ่ มเป็ นการเสี่ยงความเสียหายก็ดี หรื อถา้ ราคาของนั น ้ ดูไมน ่ ่ าจะคุม ้ คา่ ระวางพาหนะ
และอุปกรณ์กด ็ ี ผูข้ นสง่ จะเอาของนั น ้ ออกขายทอดตลาดเสีย ก็ได้
อนึ่ ง การเอาของไปฝากหรื อเอาออกขายทอดตลาดเชน ่ วา่ นั น ้ ผูข้ นสง่ ตอ ้ งบอกกลา่ วแกผ ่ ูส
้ ง่ หรื อผูร้ ั บตราสง่ มิใหช้ ั กชา้ เวน ้ แตไ่ มส ่ ามารถจะทา
ได้ ถา้ และผูข้ นสง่ ละเลยเสียไมบ ่ อกกลา่ วไซร้ ทา่ นวา่ จะตอ ้ ง
รั บผิดใชค ้ า่ เสียหาย
มาตรา ๖๓๒ เมื่อเอาของออกขายทอดตลาดแลว้ ได้เงินจานวนสุทธิเทา่ ใด ใหผ ้ ูข้ นสง่ หัก เอาไวเ้ ป็ นเงินคา่ ระวางพาหนะและคา่ อุปกรณ์ ถา้
และยั งมีเงินเหลืออยูอ่ ีกเทา่ ใดตอ ้ งสง่ มอบให้แกบ ่ ุคคลผูค ้ วรที่ จะได้เงินนั น ้ โดยพลั น
มาตรา ๖๓๓ ถา้ ของนั น ้ ไดข้ นสง่ ไปโดยมีผูข้ นสง่ หลายคนหลายทอด ทา่ นวา่ ผูข้ นสง่ ทอดหลั ง ที่สุดอาจใชส ิ ธิดังกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๖๓๐,
้ ท
๖๓๑, ๖๓๒ นั น ้ ในการเรี ยกคา่ ระวางพาหนะและอุปกรณ์อันคา้ ง ชาระแกผ ู
่ ้ ข นส ง
่ ทั ่ ว ทุ ก คนได ้

หมวด ๒ รั บขนคนโดยสาร
มาตรา ๖๓๔ ผูข้ นสง่ จะตอ ้ งรั บผิดตอ่ คนโดยสารในความเสียหายอั นเกิดแกต ่ ัวเขา หรื อใน ความเสื่อมเสียอยา่ งใด ๆ อั นเป็ นผลโดยตรงแต่

การทีตอ ้ งชั กชา้ ในการขนสง่ เวน ้ แตก ้
่ ารเสียหายหรื อชั กชา้ นั น เกิดแตเ่ หตุสุดวิสัยหรื อเกิดแตค ่ วามผิดของคนโดยสารนั น ้ เอง
มาตรา ๖๓๕ เครื่ องเดินทางหากไดม ้ อบหมายแก ผ ู
่ ้ ขนส ง
่ ทั นเวลา ท า นว า
่ ่ ้ ่ตอ งส ง มอบในขณะ คนโดยสารถึ ง
มาตรา ๖๓๖ ถา้ คนโดยสารไมร่ ั บมอบเครื่ องเดินทางของตนภายในเวลาเดือนหนึ่ งนั บแตว่ ั น เครื่ องเดินทางนั น ้ ถึงไซร้ ผูข้ นสง่ อาจเอาออกขาย
ทอดตลาดเสียได้
ถา้ เครื่ องเดินทางนั น ้ มีสภาพเป็ นของสดของเสียได้ ผูข้ นสง่ อาจเอาออกขายทอดตลาดได้ เมื่อ ของนั น ้ ถึงแลว้ รออยูล่ ว่ งเวลากวา่ ยี่สบิ สี่ชั่วโมง
บทบั ญญั ติในมาตรา ๖๓๒ นั น ้ ทา่ นใหใ้ ชบ ่ ดีดังวา่ นี้ ด้วยอนุ โลมตามควร
้ ั งคั บแกค
มาตรา ๖๓๗ สิทธิและความรั บผิดของผูข้ นสง่ เพื่อเครื่ องเดินทางอั นได้มอบหมายแกผ ้ แมผ
่ ูข้ นสง่ นั น ้ ูข้ นสง่ จะมิได้คิดเอาคา่ ขนสง่ ตา่ งหาก
ก็ตาม ทา่ นให้บังคั บตามความในหมวด ๑
มาตรา ๖๓๘ ผูข้ นสง่ ไมต ่ อ้ งรั บผิดในเครื่ องเดินทางซึ่งตนมิไดร้ ั บมอบหมาย เวน ้ แตเ่ มื่อเครื่ อง เดนิ ทางนั น ้ สูญหายหรื อบุบสลายไปเพราะ
ความผิดของผูข้ นสง่ หรื อลูกจา้ งของผูข้ นสง่
มาตรา ๖๓๙ ตั ๋ว ใบรั บ หรื อเอกสารอื่นทานองเชน ่ วา่ นี้ อั นผูข้ นสง่ ได้สง่ มอบแกค
่ นโดยสาร นั น ้ หากมีขอ ้ ความยกเวน ้ หรื อจากัดความรั บ
ผิดของผูข้ นสง่ อยา่ งใด ๆ ทา่ นวา่ ขอ
้ ความนั ้
น เป็ นโมฆะ เว น
้ แต ค่ น โดยสารจะได ต
้ กลงดว
้ ยชั ดแจ ง้ ในการยกเวน้ หรื อจากัดความรั บผิดเชน ้
่ นั น
ลั กษณะ ๙ ยืม
หมวด ๑ ยืมใชค ้ งรู ป

มาตรา ๖๔๐ อั นวา่ ยืมใชค ้ งรู ปนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูใ้ ห้ยืม ให้บุคคลอีก คนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูย้ ืม ใชส ้ อยทรั พยส์ นิ สิง่ ใด
่ ่
สิงหนึ งได้เปลา่ และผูย้ ืมตกลงวา่ จะคืนทรั พยส์ น ิ นั น ้ เมื่อได้ใชส ้ อย เสร็จแลว้
มาตรา ๖๔๑ การใหย้ ืมใชค ้ งรู ปนั น ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มบริ บูรณ์ตอ่ เมื่อสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ซึ่งใหย้ ืม มาตรา ๖๔๒ คา่ ฤชาธรรมเนี ยมในการทาสั ญญาก็ดี
คา่ สง่ มอบและคา่ สง่ คืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งยืมก็
ดี ยอ่ มตกแกผ ่ ูย้ ืมเป็ นผูเ้ สีย
มาตรา ๖๔๓ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งยืมนั น ้ ถา้ ผูย้ ืมเอาไปใชก ้ ารอยา่ งอื่นนอกจากการอั นเป็ นปกติแก่ ทรั พยส์ น ้ หรื อนอกจากการอั นปรากฏใน
ิ นั น
สั ญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใชส ้ อยก็ดี เอาไปไวน ้ านกวา่ ที่ ควรจะเอาไวก ้ ด
็ ี ทา่ นวา่ ผูย้ ืมจะตอ้ งรั บผิดในเหตุทรั พยส์ น ้ สูญหายหรื อ
ิ นั น
บุบสลายไปอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด แมถ ้ ึง จะเป็ นเพราะเหตุสุดวิสัย เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ ถึงอยา่ งไร ๆ ทรั พยส์ น ิ นั น้ ก็คงจะตอ
้ งสูญหายหรื อบุบ
สลายอยู ่ นั ่ นเอง
มาตรา ๖๔๔ ผูย้ ืมจาตอ ้ งสงวนทรั พยส์ น ิ ซึ่งยืมไปเหมือนเชน ่ วิญญูชนจะพึงสงวนทรั พยส์ น ิ ของตนเอง
มาตรา ๖๔๕ ในกรณี ทังหลายดั ้ งกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๖๔๓ นั น ้ ก็ดี หรื อถา้ ผูย้ ืมประพฤติฝ่าฝื น ตอ่ ความในมาตรา ๖๔๔ ก็ดี ผูใ้ ห้ยืมจะบอก
เลิกสั ญญาเสียก็ได้
มาตรา ๖๔๖ ถา้ มิได้กาหนดเวลากันไว้ ทา่ นให้คืนทรั พยส์ น ิ ที่ยืมเมื่อผูย้ ืมได้ใชส ้ อยทรั พยส์ น ิ
้ เสร็จแลว้ ตามการอั นปรากฏในสั ญญา แตผ
นั น ่ ูใ้ ห้ยืมจะเรี ยกคืนกอ ่ นนั น ้ ก็ได้เมื่อเวลาได้ลว่ งไปพอแกก ่ ารที่ผูย้ ืม จะได้ใชส ้ อยทรั พยส์ น ้
ิ นั น
เสร็จแลว้
ถา้ เวลาก็มิไดก ้ าหนดกันไว้ ทั งในสั ้ ญญาก็ไมป ่ รากฏวา่ ยืมไปใชเ้ พื่อการใดไซร้ ทา่ นวา่ ผูใ้ หย้ ืม จะเรี ยกของคืนเมื่อไรก็ได้
มาตรา ๖๔๗ คา่ ใชจ้ า่ ยอั นเป็ นปกติแกก ่ ารบารุ งรั กษาทรั พยส์ น ิ ซึ่งยืมนั น
้ ผูย้ ืมตอ ้ งเป็ นผูเ้ สีย มาตรา ๖๔๘ อั นการยืมใชค ้ งรู ป ยอ่ มระงั บสิน ้
ไปด้วยมรณะแหง่ ผูย้ ืม

มาตรา ๖๔๙ ในขอ ้ ความรั บผิดเพื่อเสียคา่ ทดแทนอั นเกี่ยวกับการยืมใชค ้ ทา่ นห้ามมิ ให้ฟ้องเมื่อพน
้ งรู ปนั น ้ เวลาหกเดือนนั บแตว่ ั นสิน ้ สั ญญา
หมวด ๒ ยืมใชส ้ ิ
้ นเปลือง
มาตรา ๖๕๐ อั นวา่ ยืมใชส ้ น ้ คือสั ญญาซึ่งผูใ้ หย้ ืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรั พยส์ น
้ิ เปลืองนั น ิ ชนิ ดใช้
ไปสิน ้ ไปนั น
้ เป็ นปริ มาณมีกาหนดใหไ้ ปแกผ ู
่ ้ ยื ม และผู ย้ ื มตกลงว า
่ จะคื นทรั พย ส
์ ิ
น เป็ นประเภท ชนิ ด และปริ มาณ เชน ่ เดียวกันใหแ ้ ทน
ิ ซึ่งให้ยืมนั น
ทรั พยส์ น ้
สั ญญานี้ ยอ่ มบริ บูรณ์ตอ ่ เมื่อสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ที่ยืม
มาตรา ๖๕๑ คา่ ฤชาธรรมเนี ยมในการทาสั ญญาก็ดี คา่ สง่ มอบและสง่ คืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งยืมก็ดี ยอ่ มตกแกผ ่ ูย้ ืมเป็ นผูเ้ สีย
มาตรา ๖๕๒ ถา้ ในสั ญญาไมม ่ ีกาหนดเวลาให้คืนทรั พยส์ น ่
ิ ซึงยืมไป ผูใ้ หย้ ืมจะบอกกลา่ วแกผ ่ ู ้ ยืมให้คืนทรั พยส์ น ิ ภายในเวลาอั นควร ซึ่งกา
หนดใหใ้ นคาบอกกลา่ วนั น ้ ก็ได้
มาตรา ๖๕๓ การกูย้ ืมเงินกวา่ สองพันบาทขึ้นไปนั น ้ ถา้ มิไดม ้ ีหลั กฐานแหง่ การกูย้ ืมเป็ น หนั งสืออยา่ งใดอยา่ งหนึ ่ งลงลายมือชื่อผูย้ ืมเป็ นสาคั ญ
จะฟ้องร้องให้บังคั บคดีหาได้ไม[ ่ ๑๒]
ในการกู้ยืมเงินมีหลั กฐานเป็ นหนั งสือนั น ้ ทา่ นวา่ จะนาสืบการใชเ้ งินได้ตอ่ เมื่อมีหลั กฐานเป็ น หนั งสืออยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งลงลายมือชื่อผูใ้ ห้ยืมมา
แสดงหรื อเอกสารอั นเป็ นหลั กฐานแหง่ การกู้ยืมนั น ้ ได้เวนคืน แลว้ หรื อได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั น ้ แลว้
มาตรา ๖๕๔ ทา่ นห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าตอ่ ปี ถา้ ในสั ญญากาหนดดอกเบี้ย เกินกวา่ นั น ้ ก็ให้ลดลงมาเป็ นร้อยละสิบห้าตอ่
ปี
มาตรา ๖๕๕ ทา่ นหา้ มมิใหค ้ ิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่คา้ งชาระ แตท ่ วา่ เมื่อดอกเบี้ยคา้ งชาระไม่ น้อยกวา่ ปี หนึ่ ง คูส ่ ั ญญากูย้ ืมจะตกลงกันใหเ้ อา
ดอกเบี้ยนั น ้ ทบเขา้ กับตน ้ เงินแลว้ ให้คิดดอกเบี้ยในจานวนเงินที่ ทบเขา้ กันนั ้ นก็ได้ แตก ่ ารตกลงเชน ้ ต้องทาเป็ นหนั งสือ
่ นั น
สว่ นประเพณี การคา้ ขายทีค ่ านวณดอกทบตน ้ ในบั ญชีเดินสะพัดก็ดี ในการคา้ ขายอยา่ งอื่น ทานองเชน ่ วา่ นี้ ก็ดี หาอยูใ่ นบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติซ่ึง
กลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนั น ้ ไม่

มาตรา ๖๕๖ ถา้ ทาสั ญญากูย้ ืมเงินกัน และผูก ้ ูย้ ืมยอมรั บเอาสิง่ ของหรื อทรั พยส์ น ิ อยา่ งอื่น แทนจานวนเงินนั น ้ ไซร้ ทา่ นใหค ้ ิดเป็ นหนี้ เงินคา้ ง
ชาระโดยจานวนเทา่ กับราคาทอ ้ งตลาดแห ง
่ สิง่ ของหรื อ ทรั พย ส
์ ิ
น นั ้
น ในเวลาและ ณ สถานที ่ ส ง
่ มอบ
ถา้ ทาสั ญญากู้ยืมเงินกัน และผูใ้ ห้กู้ยืมยอมรั บเอาสิง่ ของหรื อทรั พยส์ น ิ อยา่ งอื่นเป็ นการชาระ หนี้ แทนเงินที่กู้ยืมไซร้ หนี้ อั นระงั บไปเพราะการ
ชาระเชน ่ นั น ้ ทา่ นให้คิดเป็ นจานวนเทา่ กับราคาทอ ้ งตลาดแหง่ สิง่ ของหรื อทรั พยส์ น ้ ในเวลาและ ณ สถานที่สง่ มอบ
ิ นั น
ความตกลงกันอยา่ งใด ๆ ขั ดกับขอ ้ ความดังกลา่ วมานี้ ทา่ นวา่ เป็ นโมฆะ
ลั กษณะ ๑๐ ฝากทรั พย ์
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๖๕๗ อั นวา่ ฝากทรั พยน ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูฝ
์ ัน ้ าก สง่ มอบ ทรั พยส์ น ิ ใหแ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูร้ ั บฝาก
้ กบ
และผูร้ ั บฝากตกลงวา่ จะเก็บรั กษาทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไวใ้ นอารั กขา แหง่ ตน แลว้ จะคืนให้
มาตรา ๖๕๘ ถา้ โดยพฤติการณ์พึงคาดหมายได้วา่ เขารั บฝากทรั พยก์ เ็ พื่อจะได้รับบาเหน็ จคา่ ฝากทรั พยเ์ ทา่ นั น ้ ไซร้ ทา่ นให้ถือวา่ เป็ นอั นได้
ตกลงกันแลว้ โดยปริ ยายวา่ มีบาเหน็ จเชน ่ นั น้
มาตรา ๖๕๙ ถา้ การรั บฝากทรั พยเ์ ป็ นการทาใหเ้ ปลา่ ไมม ่ ีบาเหน็ จไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บฝาก
จาตอ ้ งใชค
้ วามระมั ดระวั งสงวนทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ เหมือนเชน ่ เคยประพฤติในกิจการของตนเอง ถา้ การรั บฝากทรั พยน ้ มีบาเหน็ จคา่ ฝาก
์ ัน
ทา่ นวา่ ผูร้ ั บฝากจาตอ ้ งใช ค
้ วามระมั ด ระวั ง และใช ้ ฝี มื อเพื ่ อสงวนทรั พย ส
์ ิ
น นั ้
น เหมื อนเช น
่ วิ
ญ ญู ช นจะพึ ง ประพฤติ โ ดยพฤติ การณ ์ ดังนั น ้ ้
้ ทั งนี

ยอ่ มรวมทั งการใช ้
ฝี มืออั นพิเศษเฉพาะการในที่จะพึงใชฝ ้ ี มือเชน ้ ด้วย ถา้ และผูร้ ั บฝากเป็ นผูม
่ นั น ้ ีวชิ าชีพเฉพาะกิจการคา้ ขายหรื ออาชีวะอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดก็จาตอ
้ ง
ใช้
ความระมั ดระวั งและใชฝ ้ ี มือเทา่ ที่เป็ นธรรมดาจะตอ ้ งใชแ
้ ละสมควรจะตอ ้ งใชใ้ นกิจการคา้ ขายหรื ออาชีวะอยา่ ง นั น้
มาตรา ๖๖๐ ถา้ ผูฝ ้ ากมิได้อนุ ญาต และผูร้ ั บฝากเอาทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น
้ ออกใชส ้ อยเอง หรื อ เอาไปให้บุคคลภายนอกใชส ้ อย หรื อให้บุคคล
ภายนอกเก็บรั กษาไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บฝากจะตอ ้ งรั บผิดเมื่อทรั พยส์ นิ

ซึ่งฝากนั น ้ สูญหายหรื อบุบสลายอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด แมถ ้ ึงจะเป็ นเพราะเหตุสุดวิสัย เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ ถึง อยา่ งไร ๆ ทรั พยส์ น ้ ก็คงจะ
ิ นั น
ตอ ้ งสู ญ หายหรื อ บุ บ สลายอยู น
่ ั ่ น เอง
มาตรา ๖๖๑ ถา้ บุคคลภายนอกอา้ งวา่ มีสท ิ ธิเหนื อทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากและยื่นฟ้องผูร้ ั บฝากก็ดี หรื อยึดทรั พยส์ น ิ นั น ้ ก็ดี ผูร้ ั บฝากตอ ้ งรี บบอกกลา่ ว
แกผ ่ ูฝ
้ ากโดยพลั น
มาตรา ๖๖๒ ถา้ ได้กาหนดเวลากันไวว้ า่ จะพึงคืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ เมื่อไร ทา่ นวา่ ผูร้ ั บฝาก ไมม ิ ธิจะคืนทรั พยส์ น
่ ี สท ิ กอ ่ นถึงเวลากาหนด
เวน ้ แตใ่ นเหตุจาเป็ นอั นมิอาจจะก้าวลว่ งเสียได้
มาตรา ๖๖๓ ถึงแมว้ า่ คูส ่ ั ญญาจะได้กาหนดเวลาไวว้ า่ จะพึงคืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ เมื่อไรก็ ตาม ถา้ วา่ ผูฝ ้ ากจะเรี ยกคืนในเวลาใด ๆ ผูร้ ั บ
ฝากก็ตอ ้ งคืนให้
มาตรา ๖๖๔ ถา้ คูส ่ ั ญญาไมไ่ ดก ้ าหนดเวลาไวว้ า่ จะพึงคืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ เมื่อไรไซร้ ผูร้ ั บ ฝากอาจคืนทรั พยส์ น ้ ไดท
ิ นั น ้ ุกเมื่อ
มาตรา ๖๖๕ ผูร้ ั บฝากจาตอ ้ งคืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งรั บฝากไวน ้ ัน ้ ให้แกผ ่ ู ฝ
้ าก หรื อ ทรั พย ส
์ นิ นั ้
น ฝาก ในนามของผู ใ
้ ด คื น ให แ
้ กผ่ ูน ้ หรื อผูร้ ั บฝาก
้ ัน
ได้รับคาสั ่งโดยชอบให้คืนทรั พยส์ น ้ ไปแกผ
ิ นั น ่ ูใ้ ด คืนให้แกผ ่ ูน้ ัน้
แตห ่ ากผูฝ ้ ากทรั พยต ์ าย ทา่ นให้คืนทรั พยส์ น ิ นั น ้ ให้แกท ่ ายาท
มาตรา ๖๖๖ เมื่อคืนทรั พย ์ ถา้ มีดอกผลเกิดแตท ่ รั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ เทา่ ใด ผูร้ ั บฝากจาตอ ้ งสง่ มอบพร้อมไปกั บทรั พยส์ น ิ นั น ้ ด้วย
ิ ่
มาตรา ๖๖๗ คา่ คืนทรั พยส์ นซึงฝากนั น ยอ่ มตกแกผ ้ ่ ูฝ ้ ากเป็ นผูเ้ สีย
มาตรา ๖๖๘ คา่ ใชจ้ า่ ยใดอั นควรแกก ่ ารบารุ งรั กษาทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ ผูฝ ้ ากจาตอ ้ งชดใช้ ใหแ ้ กผ ่ ูร้ ั บฝาก เวน ้ แตจ่ ะไดต ้ กลงกั นไวโ้ ดย
สั ญญาฝากทรั พยว์ า่ ผูร้ ั บฝากจะตอ ้ งออกเงิ นค า
่ ใช จ
้ า
่ ยนั ้
น เอง
มาตรา ๖๖๙ ถา้ ไมไ่ ด้กาหนดเวลาไวใ้ นสั ญญา หรื อไมม ่ ีกาหนดโดยจารี ตประเพณี วา่ บาเหน็ จคา่ ฝากทรั พยน ์ ัน้ จะพึงชาระเมื่อไรไซร้ ทา่ นให้
ชาระเมื่อคืนทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝาก ถา้ ได้กาหนดเวลากันไว้ เป็ นระยะอยา่ งไร ก็พึงชาระเมื่อสิน ้ ระยะเวลานั น ้ ทุกคราวไป
มาตรา ๖๗๐ ผูร้ ั บฝากชอบที่จะยึดหน่วงเอาทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝากนั น ้ ไวไ้ ด้ จนกวา่ จะได้รับเงิน บรรดาที่คา้ งชาระแกต ่ นเกี่ยวด้วยการฝากทรั พยน ้
์ ัน

มาตรา ๖๗๑ ในขอ ้ ความรั บผิดเพื่อใชเ้ งินบาเหน็ จคา่ ฝากทรั พยก์ ด ็ ี ชดใชเ้ งินคา่ ใชจ้ า่ ยก็ดี ใช้ คา่ สินไหมทดแทนเกี่ยวแกก ่ ารฝากทรั พยก์ ด ็ ี
ทา่ นหา้ มมิใหฟ ้ ้ องเมื ่ อ พ น
้ เวลาหกเดื อนนั บแต ว
่ ั น ้
สิ
น สั ญ ญา
หมวด ๒ วิธีเฉพาะการฝากเงิน
มาตรา ๖๗๒ ถา้ ฝากเงิน ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ ผูร้ ั บฝากไมพ ่ ึงตอ้ งสง่ คืนเป็ นเงินทอง ตราอั นเดียวกัน กับที่ฝาก แตจ่ ะตอ ้ งคืน
เงินให้ ครบจ านว น
อนึ่ ง ผูร้ ั บฝากจะเอาเงินซึ่งฝากนั น ้ ออกใชก ้ ไ็ ด้ แตห ่ ากจาตอ ้ งคืนเงินให้ครบจานวนเทา่ นั น ้ แมว้ า่ เงินซึ่งฝากนั น ้ จะได้สูญหายไปด้วย
เหตุสุดวิสัยก็ตาม ผูร้ ั บฝากก็จาตอ ้ งคื นเงิ น เป็ น จานวนดังว า
่ นั ้

มาตรา ๖๗๓ เมื่อใดผูร้ ั บฝากจาตอ ้ งคืนเงินแตเ่ พียงเทา่ จานวนที่ฝาก ผูฝ ้ ากจะเรี ยกถอนเงิน คืนกอ ่ นถึงเวลาที่ไดต ้ กลงกันไวไ้ มไ่ ด้ หรื อฝ่าย
ผูร้ ั บฝากจะสง่ คืนเงินกอ ่ นถึงเวลานั น ้ ก็ไมไ่ ด้ดุจกัน
หมวด ๓ วิธีเฉพาะสาหรั บเจา้ สานั กโรงแรม
มาตรา ๖๗๔ เจา้ สานั กโรงแรมหรื อโฮเต็ล หรื อสถานที่อ่ืนทานองเชน ้ จะตอ
่ วา่ นั น ้ งรั บผิด เพื่อความสูญหายหรื อบุบสลายอยา่ งใด ๆ อั น
เกิดแกท ่ รั พยส์ น ่
ิ ซึงคนเดินทางหรื อแขกอาศั ยหากได้พามา
มาตรา ๖๗๕ เจา้ สานั กตอ ้ งรั บผิดในการที่ทรั พยส์ น ิ ของคนเดินทางหรื อแขกอาศั ยสูญหาย หรื อบุบสลายไปอยา่ งใด ๆ แมถ ้ ึงวา่ ความ
สูญหายหรื อบุบสลายนั น ้ จะเกิดขึ้นเพราะผูค ้ นไปมาเข า
้ ออก ณ โรงแรม โฮเต็ ล หรื อสถานที ่ เ ชน่ นั ้
น ก็ค งต อ
้ งรั บผิ ด
ความรั บผิดนี้ ถา้ เกี่ยวด้วยเงินทองตรา ธนบั ตร ตั ๋วเงิน พันธบั ตร ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ ประทวน สินคา้ อั ญมณี หรื อของมีคา่ อื่น ๆ ให้จากัด
ไวเ้ พียงหา้ พันบาท เวน ้ แตจ่ ะได้ฝากของมีคา่ เชน ่ นี้ ไวแ ้ กเ่ จา้ สานั ก และได้บอกราคาแหง่ ของนั น ้ ชั ดแจง้ [๑๓]
แตเ่ จา้ สานั กไมต ้ งรั บผิดเพื่อความสูญหายหรื อบุบสลายอั นเกิดแตเ่ หตุสุดวิสัย หรื อแตส
่ อ ่ ภาพ แหง่ ทรั พยส์ น ้ หรื อแตค
ิ นั น ่ วามผิดของคนเดิน
ทาง หรื อแขกอาศั ยผูน ้ ัน ้ เอง หรื อบริ วารของเขา หรื อบุคคลซึ่งเขา ได้ตอ ้ นรั บ

มาตรา ๖๗๖ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งมิไดน ้ าฝากบอกราคาชั ดแจง้ นั น ้ เมื่อพบเห็นวา่ สูญหายหรื อบุบ สลายขึ้น คนเดินทางหรื อแขกอาศั ยตอ ้ งแจง้ ความ
นั ้ นตอ่ เจา้ สานั กโรงแรม โฮเต็ล หรื อสถานที่เชน ้ ทั นที มิฉะนั น
่ นั น ้ ทา่ นวา่ เจา้ สานั กยอ่ มพน ้ จากความรั บผิดดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๖๗๔ และ
๖๗๕
มาตรา ๖๗๗ ถา้ มีคาแจง้ ความปิดไวใ้ นโรงแรม โฮเต็ล หรื อสถานที่อ่ืนทานองเชน ่ วา่ นี้ เป็ น ขอ ้ ความยกเวน ้ หรื อจากัดความรั บผิดของเจา้

สานั กไซร้ ทา่ นวา่ ความนั นเป็ นโมฆะ เวน ้ แตค ่ นเดินทางหรื อแขก อาศั ยจะได้ตกลงด้วยชั ดแจง้ ในการยกเวน ้ หรื อจากัดความรั บผิดดังวา่ นั น ้
มาตรา ๖๗๘ ในขอ ้ ความรั บผิ ด ใช ค
้ ่า สิ น ไหมทดแทนเพื ่ อทรั พย ส
์ ิ
น ของคนเดิ น ทางหรื อ ของ แขกอาศั ย สู ญ หายหรื อ บุ บ สลายนั ้
น ทา่ นห า
้ ให ้
มมิ
ฟ้องเมื่อพน ้ เวลาหกเดื อ นนั บแต ว
่ ั นที่ ค นเดิ น ทางหรื อ แขก อาศั ย ออกไปจากสถานที ่ นั ้

มาตรา ๖๗๙ เจา้ สานั กชอบที่จะยึดหน่วงเครื่ องเดินทางหรื อทรั พยส์ น ิ อยา่ งอื่นของคน เดินทางหรื อแขกอาศั ยอั นเอาไวใ้ นโรงแรม โฮเต็ล
หรื อสถานที่เชน ่ นั น้ ได้จนกวา่ จะได้รับใชเ้ งินบรรดาที่คา้ ง ชาระแกต ่ น เพื่อการพักอาศั ยและการอื่น ๆ อั นได้ทาให้แกค ่ นเดินทางหรื อแขก
อาศั ยตามที่เขาพึงตอ ้ งการนั น ้ รวมทั งการชดใช ้ ้
เ้ งินทั งหลายที ่ได้ออกแทนไปด้วย
เจา้ สานั กจะเอาทรั พยส์ น ิ ที่ได้ยึดหน่วงไวเ้ ชน ่ วา่ นั น ้ ออกขายทอดตลาดแลว้ หักเอาเงินใช้ จานวนที่คา้ งชาระแกต ่ นรวมทั งค ้ า่ ฤชาธรรมเนี ยมและคา่
้ ่
ใชจ้ า่ ยในการขายทอดตลาดนั นจากเงินทีขาย ทรั พยส์ นนั นก็ได้ แตท ิ ้ ่ า่ นมิให้เจา้ สานั กใชส ิ ้
้ ทธิดังวา่ นี จนเมือ ่
(๑) ทรั พยส์ น ิ นั น้ ตกอยูแ่ กต ่ นเป็ นเวลานานถึงหกสั ปดาหย์ ั งมิไดร้ ั บชาระหนี้ สิน และ
(๒) อยา่ งน้อยเดือนหนึ่ งกอ่ นวั นขายทอดตลาด ตนได้ประกาศโฆษณาในหนั งสือพิมพป ์ ระจา ทอ้ งถิ่นฉบั บหนึ่ งแจง้ ความจานงที่จะขาย
ทรั พยส์ นิ บอกลั กษณะแหง่ ทรั พยส์ น ่ ่
ิ ทีจะขายโดยยอ่ กับถา้ รู้ ชือ เจา้ ของ ก็บอกด้วย
เมื่อขายทอดตลาดหักใชห้ นี้ ดังกลา่ วแลว้ มีเงินเหลืออยูอ่ ีกเทา่ ใดตอ
้ งคืนใหแ
้ กเ่ จา้ ของ หรื อ ฝากไว้ ณ สานั กงานฝากทรั พยต ์ ามบทบั ญญั ติ
ในมาตรา ๓๓๑ และ ๓๓๓
ลั กษณะ ๑๑ คา้ ประกัน
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป

มาตรา ๖๘๐ อั นวา่ คา้ ประกันนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูค ้ า้ ประกัน ผูกพันตนตอ่ เจา้ หนี้ คนหนึ่ ง เพื่อชาระหนี้ ในเมื่อ
ลูกหนี้ ไมช่ าระหนี้ นั น ้
อนึ่ ง สั ญญาคา้ ประกันนั น ้ ถา้ มิไดม ้ ีหลั กฐานเป็ นหนั งสืออยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งลงลายมือชื่อผูค ้ า้ ประกันเป็ นสาคั ญ ทา่ นวา่ จะฟ้องร้องใหบ ้ ั งคั บคดี
หาได้ไม่
มาตรา ๖๘๑[๑๔] อั นคา้ ประกันนั น ้ จะมีได้แตเ่ ฉพาะเพื่อหนี้ อันสมบูรณ์
หนี้ ในอนาคตหรื อหนี้ มีเงื่อนไขจะประกันไวเ้ พื่อเหตุการณ์ซ่ึงหนี้ นั น ้ อาจเป็ นผลได้จริ งก็ ประกันได้ แตต ่ อ
้ งระบุวัตถุประสงคใ์ นการกอ ่ หนี้ รายที่
คา้ ประกัน ลั กษณะของมูลหนี จานวนเงินสูงสุดทีคา้ ้ ่
ประกัน และระยะเวลาในการกอ ่ หนี้ ที่จะคา้ ประกั น เวน ้ แตเ่ ป็ นการคา้ ประกันเพื่อกิจการเนื่ องกั นไปหลายคราว ตามมาตรา ๖๙๙ จะไมร่ ะบุ
ระยะเวลาดังกลา่ วก็ได้
สั ญญาคา้ ประกันตอ ้ งระบุหนี้ หรื อสั ญญาที่คา้ ประกันไวโ้ ดยชั ดแจง้ และผูค ้ า้ ประกันยอ่ มรั บ ผิดเฉพาะหนี้ หรื อสั ญญาที่ระบุไวเ้ ทา่ นั น ้
หนี้ อั นเกิดแตส ่ ั ญญาซึ่งไมผ ่ ูกพันลูกหนี้ เพราะทาด้วยความสาคั ญผิดหรื อเพราะเป็ นผูไ้ ร้ ความสามารถนั น ้ ก็อาจจะมีประกันอยา่ งสมบูรณ์ได้ ถา้
หากวา่ ผูค ้ า้ ประกันรู้ เหตุสาคั ญผิดหรื อไร้ความสามารถ นั น ้ ในขณะที่เขา้ ทาสั ญญาผูกพันตน
มาตรา ๖๘๑/๑[๑๕] ขอ ้ ตกลงใดที่กาหนดใหผ ้ ูค
้ า้ ประกันตอ ้ งรั บผิดอยา่ งเดียวกับลูกหนี้ ร่วม หรื อในฐานะเป็ นลูกหนี้ ร่วม ขอ ้ ตกลงนั น ้ เป็ น
โมฆะ
ความในวรรคหนึ่ ง มิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกก ่ รณี ผูค ้ า้ ประกันซึ่งเป็ นนิ ติบุคคลและยินยอมเขา้ ผูกพันตน เพื่อรั บผิดอยา่ งลูกหนี้ ร่วมหรื อในฐานะเป็ นลูก
หนี้ ร่วม ในกรณี เชน ้ ผูค
่ นั น ้ ้า ประกันซึ ่ ง เป็ น นิ ติบุคคลนั ้ นยอ่ มไมม ่ ี สิทธิดังที่บัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๖๘๘ มาตรา ๖๘๙ และมาตรา ๖๙๐[๑๖]
มาตรา ๖๘๒ ทา่ นวา่ บุคคลจะยอมเขา้ เป็ นผูร้ ั บเรื อน คือเป็ นประกันของผูค ้ า้ ประกันอีก

ชั นหนึ ่ ง ก็เป็ นได้
ถา้ บุคคลหลายคนยอมตนเขา้ เป็ นผูค ้ า้ ประกันในหนี้ รายเดียวกันไซร้ ทา่ นวา่ ผูค ้ า้ ประกัน

เหลา่ นั นมีความรั บผิดอยา่ งลูกหนี ร่วมกัน แมถ ้ ้ ึงวา่ จะมิได้เขา้ รั บคา้ ประกั นรวมกัน
มาตรา ๖๘๓ อั นคา้ ประกันอยา่ งไมม ่ ีจากัดนั น ้ ยอ่ มคุม ้ ถึงดอกเบี้ยและคา่ สินไหมทดแทนซึ่ง ลูกหนี้ คา้ งชาระ ตลอดจนคา่ ภาระติดพันอั นเป็ น
อุปกรณ์แหง่ หนี้ รายนั น ้ ดว้ ย
มาตรา ๖๘๔ ผูค ้ า้ ประกันยอ่ มรั บผิดเพื่อคา่ ฤชาธรรมเนี ยมความซึ่งลูกหนี้ จะตอ ้ งใชใ้ ห้แก่ เจา้ หนี้ แตถ่ า้ โจทกฟ์ ้ องคดีโดยมิได้เรี ยกใหผ ้ ูค
้ า้
ประกันชาระหนี้ นั น ้ ก่อนไซร้ ทา่ นวา่ ผูค ้ า้ ประกันหาตอ ้ งรั บผิด เพื่อใชค ้ า่ ฤชาธรรมเนี ยมเชน ้ ไม่
่ นั น

มาตรา ๖๘๕ ถา้ เมื่อบั งคั บตามสั ญญาคา้ ประกันนั น ้ ผูค ้ า้ ประกันไมช่ าระหนี้ ทั งหมดของ
้ ลูกหนี้ รวมทั งดอกเบี ้ ้ย คา่ สินไหมทดแทน และ
อุปกรณ์ดว้ ยไซร้ หนี้ ยั งเหลืออยูเ่ ทา่ ใด ทา่ นวา่ ลูกหนี้ ยั งคงรั บผิด ตอ่ เจา้ หนี้ ในสว่ นที่เหลือนั น ้
มาตรา ๖๘๕/๑[๑๗] บรรดาขอ ้ ตกลงเกี่ยวกับการคา้ ประกันที่แตกตา่ งไปจากมาตรา ๖๘๑ วรรคหนึ่ ง วรรคสอง และวรรคสาม มาตรา
๖๘๖ มาตรา ๖๙๔ มาตรา ๖๙๘ และมาตรา ๖๙๙ เป็ นโมฆะ
หมวด ๒ ผลกอ ่ นชาระหนี้
มาตรา ๖๘๖[๑๘] เมื่อลูกหนี้ ผิดนั ด ให้เจา้ หนี้ มีหนั งสือบอกกลา่ วไปยั งผูค ้ า้ ประกันภายในหก สิบวั นนั บแตว่ ั นที่ลูกหนี้ ผิดนั ด และไมว่ า่
กรณี จะเป็ นประการใดเจา้ หนี จะเรี ยกใหผ ้ ้ ูค้ า้ ประกันชาระหนี กอ ้ ่
่ นที หนงั สือบอกกลา่ วจะไปถึงผูค ้ า้ ประกั นมิได้ แตไ่ มต ่ ัดสท ้ า้ ประกันที่จะ
ิ ธิผูค
ชาระหนี้ เมื่อหนี้ ถึงกาหนดชาระ
ในกรณี ท่ีเจา้ หนี้ มิไดม ้ ีหนั งสือบอกกลา่ วภายในกาหนดเวลาตามวรรคหนึ่ ง ใหผ ้ ูค้ า้ ประกันหลุด พน ้ จากความรั บผิดในดอกเบี้ยและคา่ สินไหม
ทดแทน ตลอดจนคา่ ภาระติดพั นอั นเป็ นอุปกรณ์แหง่ หนี้ รายนั น ้ บรรดาที่เกิดขึ้นภายหลั งจากพน ้ กาหนดเวลาตามวรรคหนึ่ ง
เมื่อเจา้ หนี้ มีสท
ิ ธิเรี ยกให้ผูค ้ า้ ประกันชาระหนี้ หรื อผูค ้ า้ ประกันมีสท ิ ธิชาระหนี้ ได้ตามวรรคหนึ่ ง ผูค ้ า้ ประกันอาจชาระหนี้ ทั งหมดหรื ้ อใชส ิ ธิชาระ
้ ท
หนี้ ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชาระหนี้ ที่ลูกหนี้ มีอยูก ่ ับ เจา้ หนี้ กอ ่ นการผิดนั ดชาระหนี้ ทั งนี ้ ้ เฉพาะในสว่ นที่ตนตอ ้ งรั บผิดก็ได้ และให้นาค
วามในมาตรา ๗๐๑ วรรค สอง มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
ในระหวา่ งที่ผูค ้ า้ ประกันชาระหนี้ ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชาระหนี้ ของลูกหนี้ ตามวรรค
สาม เจา้ หนี้ จะเรี ยกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพราะเหตุท่ีลูกหนี้ ผิดนั ดในระหวา่ งนั น ้ มิได้ การชาระหนี้ ของผูค ้ า้ ประกั นตามมาตรานี้ ไมก ่ ระทบ
กระเทือนสิทธิของผูค ้ า้ ประกันตาม
มาตรา ๖๙๓
มาตรา ๖๘๗ ผูค ้ า้ ประกันไมจ่ าตอ ้ งชาระหนี้ กอ ่ นถึงเวลากาหนดที่จะชาระ แมถ ้ ึงวา่ ลูกหนี้ จะ ไมอ่ าจถือเอาซึ่งประโยชน์แหง่ เงื่อนเวลาเริ่ มตน ้

หรื อเวลาสุดสินได้ตอ่ ไปแลว้
มาตรา ๖๘๘ เมื่อเจา้ หนี้ ทวงใหผ ้ ูค้ า้ ประกันชาระหนี้ ผูค ้ า้ ประกันจะขอใหเ้ รี ยกลูกหนี้ ชาระ กอ ่ นก็ได้ เวน ้ แตล่ ูกหนี้ จะถูกศาลพิพากษาใหเ้ ป็ น
คนลม ้ ละลายเสี ย แล ว
้ หรื อ ไม ป
่ รากฏว า
่ ลู ก หนี ้ ไปอยู แ ห
่ ่ ง ใดใน พระราชอาณาเขต

มาตรา ๖๘๙ ถึงแมจ้ ะได้เรี ยกให้ลูกหนี้ ชาระหนี้ ดังกลา่ วมาในมาตรากอ ่ นนั น ้ แลว้ ก็ตาม ถา้ ผูค ้ มีทางที่จะชาระ
้ า้ ประกันพิสูจน์ได้วา่ ลูกหนี้ นั น
หนี้ ได้ และการที่จะบั งคั บให้ลูกหนี้ ชาระหนี้ นั น ้ งบั งคั บการชาระหนี้ รายนั น
้ จะไมเ่ ป็ นการยาก ไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ หนี ้ จะตอ ้ เอาจากทรั พยส์ น ิ ของลูก
หนี้ กอ
่ น
มาตรา ๖๙๐ ถา้ เจา้ หนี้ มีทรั พยข์ องลูกหนี้ ยึดถือไวเ้ ป็ นประกันไซร้ เมื่อผูค
้ า้ ประกันร้องขอ ทา่ นวา่ เจา้ หนี้ จะตอ ้ งให้ชาระหนี้ เอาจากทรั พยซ์ ่ึง
้ กอ
เป็ นประกันนั น ่ น
มาตรา ๖๙๑[๑๙] ในกรณี ท่ีเจา้ หนี้ ตกลงกับลูกหนี้ อั นมีผลเป็ นการลดจานวนหนี้ ที่มีการคา้ ประกันรวมทั งดอกเบี ้ ้ ย คา่ สินไหมทดแทน
้ ้
หรื อคา่ ภาระติดพันอั นเป็ นอุปกรณ์แหง่ หนี รายนั น ให้เจา้ หนี มี หนั งสือแจง้ ใหผ ้ ้ ูค้ า้ ประกันทราบถึงข้อตกลงดังกลา่ วภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่
ตกลงกันนั น ้ ถา้ ลูกหนี้ ไดช้ าระหนี้ ตามที่ไดล ้ ดแล ว
้ ก็ด ี ลู ก หนี ้ ชาระหนี ้ ตามที ่ ได ล
้ ดไมค ่ รบถว้ นแตผ ้ า้ ประกันได้ชาระหนี้ สว่ นที่เหลือนั น
่ ูค ้ แลว้ ก็ดี
หรื อลูกหนี้ ไมช่ าระหนี้ ตามที่ไดล ้ ดแต ผ ู
่ ้ ้ ค า ประกันได ช
้ าระหนี ้ ตามที ่ ไดล
้ ดนั ้
น แล ว ้ ก็ ด ี ให ผ ู ค
้ ้ ้ า ประกันเป็ น อั น หลุ ด พน้ จากการค า
้ ประกัน ในการ
ชาระหนี้ ของผูค ้ า้ ประกันดังกลา่ ว ผูค ้ า้ ประกัน มีสท ิ ธิชาระหนี้ ได้แมจ้ ะลว่ งเลย กาหนดเวลาชาระหนี้ ตามที่ได้ลดแตต ่ อ
้ งไมเ่ กินหกสิบวั นนั บแต่
วั นที่ครบกาหนดเวลาชาระหนี้ ดังกลา่ ว ในกรณี ที่เจา้ หนี้ มีหนั งสือแจง้ ให้ผูค ้ า้ ประกันทราบถึงขอ ้ ตกลงดังกลา่ วเมื่อลว่ งเลยกาหนดเวลาชาระหนี้
ตามที่ได้ลดแลว้ ให้ผูค ิ ธิชาระหนี้ ได้ภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่เจา้ หนี้ มีหนั งสือแจง้ ใหผ
้ า้ ประกันมีสท ้ ูค
้ า้ ประกันทราบถึงข้อตกลง นั น ้ ้
้ ทั งนี
ขอ ่ ้ ่
้ ตกลงทีทาขึนภายหลั งทีลูกหนี ้ ผิดนั ดชาระหนี แลว้ หากในขอ ้ ้ ตกลงนั ้ นมีการขยายเวลาชาระหนี ให้แกล ้ ่ ูกหนี ้ มิให้ถือวา่ เป็ นการผอ่ นเวลา
ตามมาตรา ๗๐๐[๒๐]
ขอ ้ ตกลงใดที่มีผลเป็ นการเพิ่มภาระแกผ ่ ูค้ า้ ประกั นใหม ้ ากกวา่ ที่บัญญั ติไวใ้ นวรรคหนึ่ ง ขอ ้ ตกลง นั น ้ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๖๙๒ อายุความสะดุดหยุดลงเป็ นโทษแกล ่ ูกหนี้ นั น ้ ยอ่ มเป็ นโทษแกผ ่ ูค ้ า้ ประกันด้วย
หมวด ๓ ผลภายหลั งชาระหนี้
มาตรา ๖๙๓ ผูค ้ า้ ประกันซึ่งได้ชาระหนี้ แลว้ ยอ่ มมีสท ิ ธิท่ีจะไลเ่ บี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อตน ้ เงิน กับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรื อเสีย
หายไปอยา่ งใด ๆ เพราะการคา้ ประกันนั น ้
อนึ่ ง ผูค
้ า้ ประกันยอ่ มเขา้ รั บชว่ งสิทธิของเจา้ หนี้ บรรดามีเหนื อลูกหนี้ ด้วย

มาตรา ๖๙๔ นอกจากขอ ้ ตอ่ สู ซ ้ ่ึงผูค


้ า้ ประกั นมีตอ่ เจา้ หนี้ นั น ้ ทา่ นวา่ ผูค ้ า้ ประกันยั งอาจยกขอ ้ ตอ่ สู ท ้
้ ั งหลายซึ ่งลูกหนี้ มีตอ่ เจา้ หนี้ ขึ้นตอ่ สูไ้ ด้ด้วย
มาตรา ๖๙๕ ผูค ้ า้ ประกันซึ่งละเลยไมย่ กขอ ้ ตอ่ สูข้ องลูกหนี้ ขึ้นตอ ่ สู เ้ จา้ หนี้ นั น้ ทา่ นวา่ ยอ่ มสิน ้ สิทธิท่ีจะไลเ่ บี้ยเอาแกล ่ ูกหนี้ เพียงเทา่ ที่ไมย่ กขึ้น
เป็ นขอ
้ ตอ่ สู ้ เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ ตนมิได้รู้วา่ มีข้อตอ่ สูเ้ ชน ้ และที่ไมร่ ู้ นัน
่ นั น ้ มิได้เป็ นเพราะความผิดของตนด้วย
มาตรา ๖๙๖ ผูค ้ า้ ประกันไมม ่ ี สท ิ ธิจะไลเ่ บี้ยเอาแกล ่ ูกหนี้ ได้ ถา้ วา่ ตนได้ชาระหนี้ แทนไปโดย
มิได้บอกลูกหนี และลูกหนี ยั งมิรู้ความมาชาระหนี้ ซ้าอีก
้ ้
ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ ผูค ้ า้ ประกันก็ไดแ ้ ตเ่ พียงจะฟ้องเจา้ หนี้ เพื่อคืนลาภมิควรไดเ้ ทา่ นั น ้
มาตรา ๖๙๗ ถา้ เพราะการกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งของเจา้ หนี้ เอง เป็ นเหตุใหผ ้ ้ า้ ประกัน ไมอ่ าจเขา้ รั บชว่ งไดท
ู ค ้
้ ั งหมดหรื อแตบ ่ างสว่ นในสิทธิ
ก็ดี จานองก็ดี จานาก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไวแ ้ กเ่ จา้ หนี้ แตก ่ อ ่ นหรื อในขณะทาสั ญญาคา้ ประกันเพื่อชาระหนี้ นั น ้ ทา่ นวา่ ผูค ้ า้ ประกันยอ่ ม
หลุดพน ้ จากความรั บผิดเพียง เทา่ ที่ตนตอ ้ งเสียหายเพราะการนั น ้
หมวด ๔ ความระงั บสิน ้ ไปแหง่ การคา้ ประกัน
มาตรา ๖๙๘ อั นผูค ้ า้ ประกั นยอ่ มหลุดพ้นจากความรั บผิดในขณะเมื่อหนี้ ของลูกหนี้ ระงั บสิน ้ ไปไมว่ า่ เพราะเหตุใด ๆ
มาตรา ๖๙๙ การคา้ ประกันเพื่อกิจการเนื่ องกันไปหลายคราวไมม ี่ จากัดเวลาเป็ นคุณแก่ เจา้ หนี้ นั น ้ ทา่ นวา่ ผูค้ า้ ประกันอาจเลิกเสียเพื่อ
คราวอั นเป็ นอนาคตได้ โดยบอกกลา่ วความประสงคน ้ แกเ่ จา้ หนี้ ในกรณี เชน
ั์ น ่ นี้ ทา่ นวา่ ผูค า
้ ้ ประกันไม ต อ
่ ้ งรั บผิ ดในกิจการที่ลูกหนี้ กระทาลง
ภายหลั งคาบอก
กลา่ วนั น้ ได้ไปถึงเจา้ หนี้
มาตรา ๗๐๐[๒๑] ถา้ คา้ ประกันหนี้ อั นจะต้องชาระ ณ เวลามีกาหนดแน่นอนและเจา้ หนี้ ยอม ผอ่ นเวลาให้แกล ่ ูกหนี้ ผูค ้ า้ ประกันยอ่ มหลุด
พน้ จากความรั บผิด เวน ้ แตผ ่ ูค ้ า้ ประกันจะได้ตกลงด้วยในการผอ่ น เวลานั น ้
้ ตกลงที่ผูค
ขอ ้ า้ ประกันทาไวล้ ว่ งหน้ากอ ่ นเจา้ หนี้ ผอ่ นเวลาอั นมีผลเป็ นการยินยอมใหเ้ จา้ หนี้ ผอ่ นเวลา ขอ ้ ตกลงนั น ้ ใชบ ้ ั งคั บมิได้

ความในวรรคสอง มิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกก ่ รณี ผูค ้ า้ ประกันซึ่งเป็ นสถาบันการเงินหรื อคา้ ประกันเพื่อ สินจา้ งเป็ นปกติธุระ[๒๒]
มาตรา ๗๐๑ ผูค ้ า้ ประกันจะขอชาระหนี้ แกเ่ จา้ หนี้ ตั งแต ้ เ่ มื่อถึงกาหนดชาระก็ได้ ถา้ เจา้ หนี้ ไมย่ อมรั บชาระหนี้ ผูค ้ า้ ประกันก็เป็ นอั นหลุดพน ้ จาก
ความรั บผิด
ลั กษณะ ๑๒ จ านอง
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๗๐๒ อั นวา่ จานองนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูจ้ านอง เอาทรั พยส์ น ิ ตรา ไวแ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูร้ ั บจานอง
้ กบ
เป็ นประกันการชาระหนี้ โดยไมส ่ ง่ มอบทรั พยส์ น ิ นั น้ ให้แกผ ่ ูร้ ั บ จานอง
ผูร้ ั บจานองชอบที่จะได้รับชาระหนี้ จากทรั พยส์ น ิ ที่จานองกอ ่ นเจา้ หนี้ สามั ญมิพักตอ ้ ง พิเคราะหว์ า่ กรรมสิทธิ์ในทรั พยส์ นิ จะได้โอนไปยั งบุคคล
ภายนอกแลว้ หรื อหาไม่
มาตรา ๗๐๓ อั นอสั งหาริ มทรั พยน ้ อาจจานองได้ไมว่ า่ ประเภทใด ๆ
์ ัน
สั งหาริ มทรั พยอ์ ั นจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ก็อาจจานองไดด ้ ุจกั น หากวา่ ไดจ้ ดทะเบียนไวแ ้ ลว้ ตาม กฎหมาย คือ
(๑)[๒๓] เรื อมีระวางตั งแต ้ ห ่ ้ า ตันขึ ้ นไป
(๒) แพ
(๓) สั ตวพ ์ าหนะ
(๔) สั งหาริ มทรั พยอ์ ่ืนใด ๆ ซึ่งกฎหมายหากบั ญญั ติไวใ้ ห้จดทะเบียนเฉพาะการ
มาตรา ๗๐๔ สั ญญาจานองตอ ้ งระบุทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานอง
มาตรา ๗๐๕ การจานองทรั พยส์ น ิ นั น ้ นอกจากผูเ้ ป็ นเจา้ ของในขณะนั น ้ แลว้ ทา่ นวา่ ใครอื่น จะจานองหาไดไ้ ม่

มาตรา ๗๐๖ บุคคลมีกรรมสิทธิ์ในทรั พยส์ น ิ แตภ่ ายในบั งคั บเงื่อนไขเชน


่ ใด จะจานอง ทรั พยส์ น ิ นั น ่ ายในบั งคั บเงื่อนไขเชน
้ ได้แตภ ้
่ นั น
มาตรา ๗๐๗ บทบั ญญั ติมาตรา ๖๘๑ วา่ ด้วยคา้ ประกันนั น ้ ทา่ นใหใ้ ชไ้ ด้ในการจานอง อนุ โลมตามควร
มาตรา ๗๐๘ สั ญญาจานองนั น ้ ตอ ้ งมีจานวนเงินระบุไวเ้ ป็ นเรื อนเงินไทยเป็ นจานวนแน่ตรง ตัว หรื อจานวนขั นสู ้ งสุดที่ได้เอาทรั พยส์ น ิ จานอง

นั นตราไวเ้ ป็ นประกัน
มาตรา ๗๐๙ บุคคลคนหนึ่ งจะจานองทรั พยส์ น ิ ของตนไวเ้ พื่อประกันหนี้ อั นบุคคลอื่นจะตอ
้ ง ชาระ ก็ใหท ้ าได้
มาตรา ๗๑๐ ทรั พยส์ น ิ หลายสิง่ มีเจา้ ของคนเดียวหรื อหลายคนจะจานองเพื่อประกั นการ ชาระหนี้ แตร่ ายหนึ่ งรายเดียว ทา่ นก็ใหท ้ าได้
และในการนี้ คูส ่ ั ญญาจะตกลงกันดังตอ่ ไปนี้ ก็ได้ คือวา่
(๑) ใหผ ้ ูร้ ั บจานองใชส ้ ทิ ธิบังคั บเอาแกท ่ รั พยส์ นิ ซึ่งจานองตามลาดับอั นระบุไว้ (๒) ให้ถือเอาทรั พยส์ น ิ แตล่ ะสิง่ เป็ นประกันหนี้ เฉพาะแต่
สว่ นหนึ่ งสว่ นใดที่ระบุไว้
มาตรา ๗๑๑ การที่จะตกลงกันไวเ้ สียแตก ่ นเวลาหนี้ ถึงกาหนดชาระเป็ นขอ
่ อ ้ ความอยา่ งใด อยา่ งหนึ่ งวา่ ถา้ ไมช่ าระหนี้ ใหผ ้ ูร้ ั บจานองเขา้ เป็ น
เจา้ ของทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานอง หรื อวา่ ให้จัดการแกท ้ เป็ นประการอื่นอยา่ งใด นอกจากตามบทบั ญญั ติทังหลายว
ิ นั น
่ รั พยส์ น ้ า่ ด้วยการบั งคั บจานอง
้ ไซร้ ขอ
นั น ้ ตกลงเชน ่ นั น้ ทา่ นวา่ ไมสม ่ บูรณ์
มาตรา ๗๑๒ แมถ ้ ึงวา่ มีขอ ้ สั ญญาเป็ นอยา่ งอื่นก็ตาม ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองไวแ ่ ุคคลคนหนึ่ ง นั น
้ กบ ้ ทา่ นวา่ จะเอาไปจานองแกบ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ ง
ในระหวา่ งเวลาทีสัญญากอ ่ ่ นยั งมีอายุอยูก่ ไ็ ด้
มาตรา ๗๑๓ ถา้ มิไดต ้ กลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในสั ญญาจานอง ทา่ นวา่ ผูจ้ านองจะชาระหนี้ ลา้ งจานองเป็ นงวด ๆ ก็ได้
มาตรา ๗๑๔ อั นสั ญญาจานองนั น ้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งทาเป็ นหนั งสือและจดทะเบียนตอ่ พนั กงาน เจา้ หน้าที่

มาตรา ๗๑๔/๑[๒๔] บรรดาขอ ้ ตกลงเกี่ยวกับการจานองที่แตกตา่ งไปจากมาตรา ๗๒๘ มาตรา ๗๒๙ และมาตรา ๗๓๕ เป็ นโมฆะ
หมวด ๒ สิทธิจานองครอบเพียงใด
มาตรา ๗๑๕ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองยอ่ มเป็ นประกันเพื่อการชาระหนี้ กั บทั งค ้ า่ อุปกรณ์ตอ ่ ไปนี้
ด้วย คือ
(๑) ดอกเบี้ย
(๒) คา่ สินไหมทดแทนในการไมช่ าระหนี้ (๓) คา่ ฤชาธรรมเนี ยมในการบั งคั บจานอง
มาตรา ๗๑๖ จานองยอ่ มครอบไปถึงบรรดาทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองหมดทุกสิง่ แมจ้ ะได้ชาระหนี้ แลว้ บางสว่ น
มาตรา ๗๑๗ แมว้ า่ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองจะแบง่ ออกเป็ นหลายสว่ นก็ตาม ทา่ นวา่ จานองก็ ยั งคงครอบไปถึงสว่ นเหลา่ นั น ้ หมดทุกสว่ นด้วยกันอยู ่
นั ่ นเอง
ถึงกระนั น ้ ก็ดี ถา้ ผูร้ ั บจานองยินยอมด้วย ทา่ นวา่ จะโอนทรั พยส์ น ิ สว่ นหนึ่ งสว่ นใดไปปลอด จากจานองก็ให้ทาได้ แตค ่ วามยินยอมดังวา่ นี้ หาก
มิไดจ้ ดทะเบียน ทา่ นวา่ จะยกเอาขึ้นเป็ นขอ ต อ
้ ่ ้ ่ สู แก บุ คคลภายนอกหาได ไม
้ ่
มาตรา ๗๑๘ จานองยอ่ มครอบไปถึงทรั พยท ้
์ ั งปวงอั นติดพั นอยูก
่ ับทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานอง แต่
ตอ้ งอยูภ ่ ายในบั งคั บซึ่งทา่ นจากัดไวใ้ นสามมาตราตอ่ ไปนี้
มาตรา ๗๑๙ จานองที่ดินไมค ่ รอบไปถึงเรื อนโรงอั นผูจ้ านองปลูกสร้างลงในที่ดินภายหลั งวั น จานอง เวน ้ แตจ่ ะมีขอ ้ ความกลา่ วไวโ้ ดยเฉพาะ
ในสั ญญาวา่ ให้ครอบไปถึง
แตก ่ ระนั น้ ก็ดี ผูร้ ั บจานองจะให้ขายเรื อนโรงนั น ้ รวมไปกับที่ดินด้วยก็ได้ แตผ ่ ูร้ ั บจานองอาจใช้ บุริมสิทธิของตนได้เพียงแกร่ าคาที่ดินเทา่ นั น ้
มาตรา ๗๒๐ จานองเรื อนโรงหรื อสิง่ ปลูกสร้างอยา่ งอื่นซึ่งไดท ้ าขึ้ นไว บ
้ นดิ นหรื อใต ด
้ ิ น ใน ่
ที ดิ นอั นเป็ นของคนอื ่ นเขานั ้
น ย อ
่ มไมค่ รอบไป
ถึงที่ดินนั น ้ ดว้ ย ฉั นใดกลั บกั นก็ฉันนั น ้

มาตรา ๗๒๑ จานองไมค ่ รอบไปถึงดอกผลแหง่ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานอง เวน ้ แตใ่ นเมื่อผูร้ ั บจานอง ได้บอกกลา่ วแกผ ่ ูจ้ านองหรื อผูร้ ั บโอนแลว้ วา่
ตนจานงจะบั งคั บจานอง
หมวด ๓ สิทธิและหน้าที่ของผูร้ ั บจานองและผูจ้ านอง
มาตรา ๗๒๒ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ไดจ้ านองแลว้ และภายหลั งที่จดทะเบียนจานองมีจดทะเบียน
ภาระจายอมหรื อทรั พยสิทธิอยา่ งอื่น โดยผูร้ ั บจานองมิไดย้ ินยอมดว้ ยไซร้ ทา่ นวา่ สิทธิจานองยอ่ มเป็ นใหญก ่ วา่ ภาระจายอมหรื อทรั พยสิทธิ
อยา่ งอื่นนั น ้ หากวา่ เป็ นที่เสื่อมเสียแกส ่ ทิ ธิของผูร้ ั บจานองในเวลาบั งคั บจานองก็ให้ ลบสิทธิท่ีกลา่ วหลั งนั น ้ เสียจากทะเบียน
มาตรา ๗๒๓ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองบุบสลาย หรื อถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองแตส ่ งิ่ ใดสิง่ หนึ่ งสูญ หายหรื อบุบสลาย เป็ นเหตุให้ไมเ่ พียงพอแกก ่ าร
ประกันไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจานองจะบั งคั บจานองเสียในทั นทีกไ็ ด้ เวน ้ แตเ่ มื่อเหตุนัน ้ มิได้เป็ นเพราะความผิดของผูจ้ านอง และผูจ้ านองก็เสนอจะ
จานองทรั พยส์ น ิ อื่นแทนให้มี ราคาเพียงพอ หรื อเสนอจะรั บซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนั น ้ ภายในเวลาอั นสมควรแกเ่ หตุ
มาตรา ๗๒๔ ผูจ้ านองใดไดจ้ านองทรั พยส์ น ิ ของตนไวเ้ พื่อประกั นหนี้ อันบุคคลอื่นจะตอ ้ ง ชาระแล ว้ และเขา้ ชาระหนี้ เสียเองแทนลูกหนี้ เพื่อจะ
ปัดป้องมิใหต อ
้ ้ งบั ง คั บจานอง ท า นว
่ ่ ้า ผู จ านองนั ้
น ชอบที ่ จ ะ ได ร
้ ั บเงิ น ใช ค
้ ื น จากลู ก หนี ้ ตามจานวนที ่ ต นไดช้ าระไป
ถา้ วา่ ตอ ้ งบั งคั บจานอง ทา่ นวา่ ผูจ้ านองชอบที่จะได้รับเงินใชค ้ ืนจากลูกหนี้ ตามจานวนซึ่งผูร้ ั บ จานองจะได้รับใชห ้ นี้ จากการบั งคั บจานองนั น ้
มาตรา ๗๒๕ เมื่อบุคคลสองคนหรื อกวา่ นั น ้ ตา่ งได้จานองทรั พยส์ น ิ แหง่ ตนเพื่อประกันหนี้ แต่ รายหนึ่ งรายเดียวอั นบุคคลอื่นจะต้องชาระและ
มิได้ระบุลาดั บไวไ้ ซร้ ทา่ นวา่ ผูจ้ านองซึ่งได้เป็ นผูช้ าระหนี้ หรื อ เป็ นเจา้ ของทรั พยส์ น ิ ซึ่งตอ ้ งบั งคั บจานองนั น ้ หามีสท ิ ธิจะไลเ่ บี้ยเอาแกผ
่ ูจ้ านอง
่อืน ๆ ตอ่ ไปได้ไม่
มาตรา ๗๒๖ เมื่อบุคคลหลายคนตา่ งไดจ้ านองทรั พยส์ น ิ แหง่ ตนเพื่อประกันหนี้ แตร่ ายหนึ่ ง รายเดียวอั นบุคคลอื่นจะตอ ้ งชาระและไดร้ ะบุลาดั บ
ไวด ้ ้ ว ยไซร ท
้ ่ ่า นว า การที ่ ผ ู ร
้ ั บจานองยอมปลดหนี ้ ให แกผ
้ ่ ้ ู จานองคนหนึ ่ งนั ้
น ย อ
่ มทาให ผ
้ ู้ จ านองคนหลั ง ๆ ได ห
้ ลุ ด พ ้ ดว้ ยเพียงขนาดที่เขา

ตอ ้ งรั บความเสียหายแตก ่ าร นั น ้

มาตรา ๗๒๗[๒๕] ให้นาบทบั ญญั ติมาตรา ๖๙๑ มาตรา ๖๙๗ มาตรา ๗๐๐ และมาตรา ๗๐๑ มาใชบ ้ ั งคั บกับกรณี ท่ีบุคคลจานอง
ทรั พยส์ น ่ ้
ิ เพือประกันหนี อั นบุคคลอืนจะตอ่ ้ งชาระด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๗๒๗/๑[๒๖] ไมว่ า่ กรณี จะเป็ นประการใด ผูจ้ านองซึ่งจานองทรั พยส์ น ิ ของตนไวเ้ พื่อ ประกันหนี้ อั นบุคคลอื่นจะตอ ้ งชาระ ไมต ่ อ
้ ง
รั บผิดในหนี้ นั น ิ ที่จานองในเวลาที่บังคั บจานอง หรื อเอาทรั พยจ์ านองหลุด
้ เกินราคาทรั พยส์ น
ขอ ้ ตกลงใดอั นมีผลให้ผูจ้ านองรั บผิดเกินที่บัญญั ติไวใ้ นวรรคหนึ่ ง หรื อใหผ ้ ูจ้ านองรั บผิดอยา่ งผู ้ คา้ ประกัน ขอ ้ ตกลงนั น้ เป็ นโมฆะ ไมว่ า่ ขอ ้
ตกลงนั น ้ จะมีอยูใ่ นสั ญญาจานองหรื อทาเป็ นขอ ้ ้
้ ตกลงตา่ งหาก ทั งนี
้ แตเ่ ป็ นกรณี ท่ีนิติบุคคลเป็ นลูกหนี้ และบุคคลผูม
เวน ้ ีอานาจในการจั ดการตามกฎหมายหรื อบุคคลที่ มีอานาจ ควบคุมการดาเนิ นงานของ

นิ ติบุคคลนั นเป็ นผูจ้ านองทรั พยส์ น ่
ิ ของตนไวเ้ พือประกันหนี้ นั น
้ ของนิ ติบุคคลและผู ้ จานองได้ทาสั ญญาคา้ ประกันไวเ้ ป็ นสั ญญาตา่ งหาก[๒๗]
หมวด ๔ การบั งคั บจานอง
มาตรา ๗๒๘[๒๘] เมื่อจะบั งคั บจานองนั ้ น ผูร้ ั บจานองตอ ้ งมีหนั งสือบอกกลา่ วไปยั งลูกหนี้ กอ ่ น วา่ ใหช้ าระหนี้ ภายในเวลาอั นสมควรซึง่ ตอ ้ ง
ไมน ่ ้ อยกวา่ หกสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ลูกหนี้ ได้รับคาบอกกลา่ วนั น ้ ถา้ และ ลูกหนี้ ละเลยเสียไมป ่ ฏิบัติตามคาบอกกลา่ ว ผูร้ ั บจานองจะฟ้องคดีตอ่ ศาล
่ ่
เพือให้พิพากษาสั งใหย้ ึดทรั พยส์ น ่
ิ ซึง จานองและให้ขายทอดตลาดก็ได้
ในกรณี ตามวรรคหนึ่ ง ถา้ เป็ นกรณี ผูจ้ านองซึ่งจานองทรั พยส์ น ิ ของตนไวเ้ พื่อประกันหนี้ อั น บุคคลอื่นตอ ้ งชาระ ผูร้ ั บจานองตอ
้ งสง่ หนั งสือ
บอกกลา่ วดังกลา่ วใหผ ้ ู้ จ านองทราบภายในสิ บห า
้ วั นนั บแตว่ ั น ที่ ส ง
่ หนั งสื
อ แจ ง ให
้ ้ ลู ก ้
หนี ทราบ ถ า ผู
้ ้ รั บจานองมิ ได ด
้ าเนิ นการภายในกาหนด
เวลาสิบห้าวั นนั น ้ ใหผ ้ ูจ้ านองเชน ่ วา่
นั น ้ จากความรั บผิดในดอกเบี้ยและคา่ สินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ คา้ งชาระ ตลอดจนคา่ ภาระติดพั นอั น เป็ นอุปกรณ์แหง่ หนี้ รายนั น
้ หลุดพน ้
บรรดาที่เกิดขึ้นนั บแตว่ ั นที่พน ้ กาหนดเวลาสิบห้าวั นดังกลา่ ว
มาตรา ๗๒๙[๒๙] ในการบั งคั บจานองตามมาตรา ๗๒๘ ถา้ ไมม ่ ีการจานองรายอื่นหรื อ บุริมสิทธิอ่ืนอั นได้จดทะเบียนไวเ้ หนื อทรั พยส์ น ิ อัน
เดียวกันนี้ ผูร้ ั บจานองจะฟ้องคดีตอ่ ศาลเพื่อเรี ยกเอาทรั พย ์ จานองหลุดภายในบั งคั บแหง่ เงื่อนไขดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ แทนการขายทอดตลาดก็ได้
ชาระ
(๑) ลูกหนี้ ได้ขาดสง่ ดอกเบี้ยมาแลว้ เป็ นเวลาถึงห้าปี และ
(๒) ผูร้ ั บจานองแสดงให้เป็ นที่พอใจแกศ ่ าลวา่ ราคาทรั พยส์ น ้ น้อยกวา่ จานวนเงินอั นคา้ ง
ิ นั น

มาตรา ๗๒๙/๑[๓๐] เวลาใด ๆ หลั งจากที่หนี้ ถึงกาหนดชาระ ถา้ ไมม ่ ีการจานองรายอื่นหรื อ บุริมสิทธิอ่ืนอั นได้จดทะเบียนไวเ้ หนื อ
ทรั พยส์ นอั นเดียวกันนี ผูจ้ านองมีสทธิแจง้ เป็ นหนั งสือไปยั งผูร้ ั บจานอง เพื่อให้ผูร้ ั บจานองดาเนิ นการให้มีการขายทอดตลาดทรั พยส์ น
ิ ้ ิ ิ ที่จานอง
โดยไมต ่ ้ ้ อ งฟ องเป็ น คดี ต อ
่ ศาล โดยผู ร
้ ั บ จานองต อ
้ งดาเนิ น การขายทอดตลาดทรั พย ส
์ ิ
น ที ่ จ านองภายในเวลาหนึ ่ งปี นั บแต ว
่ ั น ่
ที ได ร
้ ั บหนั งสือแจง้
้ ทั งนี
นั น ้ ้ ให้ถอื วา่ หนั งสือแจง้ ของผูจ้ านองเป็ นหนั งสือยินยอมให้ขายทอดตลาด
ในกรณี ท่ีผูร้ ั บจานองไมไ่ ด้ดาเนิ นการขายทอดตลาดทรั พยส์ น ิ ที่จานองภายในระยะเวลาที่ กาหนดไวใ้ นวรรคหนึ่ ง ใหผ ้ ูจ้ านองพน ้ จากความรั บ
ผิดในดอกเบี้ยและคา่ สินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ คา้ งชาระ ตลอดจนคา่ ภาระติดพั นอั นเป็ นอุปกรณ์แหง่ หนี้ รายนั น ้ บรรดาที่เกิดขึ้นภายหลั งวั นที่พน ้
กาหนดเวลาดังกลา่ ว
เมื่อผูร้ ั บจานองขายทอดตลาดทรั พยส์ น ิ ที่จานองได้เงินสุทธิจานวนเทา่ ใด ผูร้ ั บจานองตอ ้ ง จั ดสรรชาระหนี้ และอุปกรณ์ให้เสร็จสิน ้ ไป ถา้ ยั งมี
เงินเหลือก็ตอ งส
้ ่ ง คื น ให แ กผ
้ ่ ้ ู จ านอง หรื อแก บ
่ ุ คคลผู ค
้ วรจะได ้ เงิ น นั ้
น แต ถ า
่ ้ ้ ได เ งิ น น ้ อ ยกว า
่ จานวนที ่ คา้ งชาระ ให เ
้ ป็ น ไปตามที ่ ก าหนดไวใ้ น
มาตรา ๗๓๓ และในกรณี ท่ีผู้ จานองเป็ นบุคคลซึ่งจานองทรั พยส์ น ิ เพื่อประกันหนี้ อันบุคคลอื่นจะตอ ้ งชาระ ผู จ
้ านองย อ
่ มรั บผิ ด เพี ยงเทา่ ที่
มาตรา ๗๒๗/๑ กาหนดไว้
มาตรา ๗๓๐ เมื่อทรั พยส์ น ิ อั นหนึ่ งอั นเดียวได้จานองแกผ ่ ูร้ ั บจานองหลายคนด้วยกัน ทา่ นให้ ถือลาดับผูร้ ั บจานองเรี ยงตามวั นและเวลาจด
ทะเบียน และผูร้ ั บจานองคนกอ ่ นจั กได้รับใชห ้ นี้ กอ
่ นผูร้ ั บจานอง คนหลั ง
มาตรา ๗๓๑ อั นผูร้ ั บจานองคนหลั งจะบั งคั บตามสิทธิของตนให้เสียหายแกผ ่ ูร้ ั บจานองคน กอ ่ นนั น ้ ทา่ นวา่ หาอาจทาได้ไม่
มาตรา ๗๓๒ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองขายทอดตลาดไดเ้ งินเป็ นจานวนสุทธิเทา่ ใด ทา่ นใหจ้ ั ดใช้ แกผ ่ ้ ั บจานองเรี ยงตามลาดับ และถา้ ยั งมีเงิน
ู ร
เหลืออยูอ่ ีก ก็ใหส ้ ง
่ มอบแก ผ
่ ้ ู จ านอง
มาตรา ๗๓๓[๓๑] ถา้ เอาทรั พยจ์ านองหลุดและราคาทรั พยส์ น ิ นั น ้ มีประมาณตา่ กวา่ จานวนเงิน ที่คา้ งชาระกันอยูก ่ ด็ ี หรื อถา้ เอาทรั พยส์ น ิ
ซึ่งจานองออกขายทอดตลาดใชห ้ นี้ ได้เงินจานวนสุทธิน้อยกวา่ จานวน เงินที่คา้ งชาระกันอยูน ้ ก็ดี เงินยั งขาดจานวนอยูเ่ ทา่ ใดลูกหนี้ ไมต
่ ัน ่ ้อง
รั บผิดในเงินนั น ้
มาตรา ๗๓๔ ถา้ จานองทรั พยส์ น ิ หลายสิง่ เพื่อประกั นหนี้ แตร่ ายหนึ่ งรายเดียวและมิได้ระบุ ลาดับไวไ้ ซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจานองจะใชส ้ ทิ ธิของตน
บั งคั บแกท ่ รั พย ส
์ ิ
น นั น้ ๆ ทั ้
งหมด หรื อแตเ่ พียงบางสิง่ ก็ได้ แต่ ทา่ นหา้ มมิใหท ้ าเชน ่ นั น ้ แกท ่ รั พยส์ น ิ มากสิง่ กวา่ ที่จาเป็ นเพื่อใชห ้ นี้ ตามสิทธิ
แหง่ ตน

ถา้ ผูร้ ั บจานองใชส ้ ทิ ธิของตนบั งคั บแกท ่ รั พยส์ นิ ทั งหมดพร้ ้ อมกัน ทา่ นให้แบง่ ภาระแหง่ หนี้ นั น ้ กระจายไปตามสว่ นราคาแหง่ ทรั พยส์ น ้ ๆ
ิ นั น
เวน ้ แตใ่ นกรณี ท่ีได้ระบุจานวนเงินจานองไวเ้ ฉพาะทรั พยส์ น ิ แตล่ ะ สิง่ ๆ เป็ นจานวนเทา่ ใด ทา่ นให้แบง่ กระจายไปตามจานวนเงินจานองที่
ระบุไวเ้ ฉพาะทรั พยส์ ง่ิ นั น ้ ๆ
แตถ า ผู
่ ้ ้ั ร บจานองใช ส
้ ิ
ท ธิ ของตนบั งคั บแกท ่ รั พยส์ น ิ อั นใดอันหนึ่ งแตเ่ พียงสิง่ เดียวไซร้ ผูร้ ั บ จานองจะใหช้ าระหนี้ อั นเป็ นสว่ นของตนทั งหมดจาก ้
ทรั พยส์ น ้ ก็ได้ ในกรณี เชน
ิ อั นนั น ้ ทา่ นใหถ
่ นั น ้ ื อ ว า ผู
่ ้ รั บ จานองคนถัดไปโดยลาดับย อ่ มเข า
้ รั บชว่ งสิ ท ธิ ข องผู ร
้ ั บจานองคนก อ
่ นและจะเข า้ บั งคั บ
จานองแทนที่คนกอ ่ นก็ ได้แตเ่ พียงเทา่ จานวนซึ่งผูร้ ั บจานองคนก่อนจะพึงได้รับจากทรั พยส์ น ิ อื่น ๆ ตามบทบั ญญั ติดังกลา่ วมาในวรรค กอ ่ น

นั น
มาตรา ๗๓๕[๓๒] เมื่อผูร้ ั บจานองคนใดจะบั งคั บจานองเอาแกผ ่ ูร้ ั บโอนทรั พยส์ นิ ซึ่งจานอง ผูร้ ั บจานองตอ ้ งมีจดหมายบอกกลา่ วแกผ ่ ูร้ ั บ
โอนลว่ งหน้าเป็ นระยะเวลาไมน ่ ้ อยกวา่ หกสิบวั นกอ ่ น จึงจะบั งคั บ จานองได้
หมวด ๕ สิทธิและหน้าที่ของผูร้ ั บโอนทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานอง
มาตรา ๗๓๖ ผูร้ ั บโอนทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองจะไถถ ่ อนจานองก็ได้ ถา้ หากมิไดเ้ ป็ นตัวลูกหนี้ หรื อ ผูค ้ า้ ประกัน หรื อเป็ นทายาทของลูกหนี้ หรื อผู ้
คา้ ประกัน
มาตรา ๗๓๗[๓๓] ผูร้ ั บโอนจะไถถ ่ อนจานองเมื่อใดก็ได้ แตถ ่ า้ ผูร้ ั บจานองได้บอกกลา่ ววา่ จะ บั งคั บจานอง ผูร้ ั บโอนต้องไถถ ่ อนจานอง
ภายในหกสิบวั นนั บแตว่ ั นรั บคาบอกกลา่ ว
มาตรา ๗๓๘ ผูร้ ั บโอนซึ่งประสงคจ์ ะไถถ ่ อนจานองตอ ้ งบอกกลา่ วความประสงคน ้ แกผ
์ ัน ่ ูเ้ ป็ น ลูกหนี้ ชั นต ้ น้ และตอ ้ งสง่ คาเสนอไปยั งบรรดา
เจา้ หนี้ ที่ไดจ้ ดทะเบียน ไมว่ า่ ในทางจานองหรื อประการอื่ น วา่ จะ รั บใชเ้ งินใหเ้ ป็ นจานวนอั นสมควรกับราคาทรั พยส์ น ้
ิ นั น
คาเสนอนั น ้ ใหแ จ ง
้ ้ ้ ข อ ความทั ้
งหลายต อ
่ ไปนี ้ คื อ
(๑) ตาแหน่งแหลง่ ที่และลั กษณะแหง่ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานอง (๒) วั นซึ่งโอนกรรมสิทธิ์
(๓) ชื่อเจา้ ของเดิม
(๔) ชื่อและภูมิลาเนาของผูร้ ั บโอน
(๕) จานวนเงินที่เสนอวา่ จะใช้

(๖) คานวณยอดจานวนเงินที่คา้ งชาระแกเ่ จา้ หนี้ คนหนึ่ ง ๆ รวมทั งอุ


้ ปกรณ์และจานวนเงินที่ จะจั ดเป็ นสว่ นใชแ ่ รรดาเจา้ หนี้ ตามลาดับกัน
้ กบ
อนึ่ ง ให้คัดสาเนารายงานจดทะเบียนของเจา้ พนั กงานในเรื่ องทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองนั น ้ อั นเจา้ พนั กงานรั บรองวา่ เป็ นสาเนาถูกถว้ นสอดสง่ ไป
ด้วย
มาตรา ๗๓๙ ถา้ เจา้ หนี้ คนหนึ่ งคนใดไมย่ อมรั บคาเสนอ เจา้ หนี้ คนนั น ้ ตอ ้ งฟ้องคดีตอ่ ศาล ภายในเดือนหนึ่ งนั บแตว่ ั นมีคาเสนอเพื่อใหศ ้ าล
พิพากษาสั ่งขายทอดตลาดทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองนั น ้ แตว่ า่ เจา้ หนี้ นั น ้ จะตอ ้ งปฏิ บ ัติ การดังจะกล า วต
่ ่ อ ไปนี ้ ดว
้ ย คื อ
(๑) ออกเงินทดรองคา่ ฤชาธรรมเนี ยมการขายทอดตลาด
(๒) ตอ ้ งเขา้ สู ร้ าคาเอง หรื อแตง่ คนเขา้ สู ร้ าคาเป็ นจานวนเงินสูงกวา่ ที่ผูร้ ั บโอนเสนอจะใช้
(๓) บอกกลา่ วการที่ตนไมย่ อมนั น ้ ให้ผูร้ ั บโอนและเจา้ หนี้ คนอื่น ๆ บรรดาได้จดทะเบียน กับ
ทั ง้ เจา้ ของทรั พยค์ นกอ ่ นและลูกหนี ชั นต้ ้ ้นทราบด้วย
มาตรา ๗๔๐ ถา้ ขายทอดตลาดไดเ้ งินจานวนสุทธิลา้ จานวนเงินที่ผูร้ ั บโอนเสนอวา่ จะใช้ ทา่ น ใหผ ้ ูร้ ั บโอนเป็ นผูอ ้ อกใชค ้ า่ ฤชาธรรมเนี ยมใน
การขายทอดตลาด ถา้ ไดไ้ มถ ึ่ งลา้ จานวน ทา่ นใหเ้ จา้ หนี้ ผูร้ ้ องขอให้ ขายทอดตลาดเป็ นผูอ ้ อก
มาตรา ๗๔๑ เมื่อเจา้ หนี้ ทั งหลายได ้ ้สนองรั บคาเสนอทั ่วทุกคนแลว้ โดยแสดงออกชั ดหรื อ โดยปริ ยายก็ดี ทา่ นวา่ จานองหรื อบุริมสิทธิกเ็ ป็ น
อั นไถถ ่ อนได้ด้วยผูร้ ั บโอนใชเ้ งิน หรื อวางเงินตามจานวนที่ เสนอจะใชแ ้ ทนการชาระหนี้
มาตรา ๗๔๒ ถา้ การบั งคั บจานองก็ดี ถอนจานองก็ดี เป็ นเหตุใหท ้ รั พยส์ น ิ ซึ่งจานองหลุดมือ ไปจากบุคคลผู ไ้ ด้ทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไวแ้ ตก
่ ่อนไซร้

ทา่ นวา่ การทีทรั พยส์ น ิ หลุดมือไปเชน ้
่ นั นหามีผลยอ้ นหลั งไม่ และ

บุริมสิทธิทังหลายของเจ า้ หนี้ แหง่ ผูท ้ ่ีทรั พยห ์ ลุดมือไปอั นมีอยูเ่ หนื อทรั พยส์ น ิ และได้จดทะเบียนไวน ้ ก็ยอ่ มเขา้ อยูใ่ นลาดับหลั งบุริมสิทธิอัน
้ ัน
เจา้ หนี้ ของผูจ้ านอง หรื อเจา้ ของคนกอ ่ นได จ
้ ดทะเบี ย นไว ้
ในกรณี เชน ่ นี้ ถา้ สิทธิใด ๆ อั นมีอยูเ่ หนื อทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองเป็ นคุณหรื อเป็ นโทษแกบ ่ ุคคลผู ้ ได้ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองไวแ ้ ตก ่ อ่ นได้ระงั บไปแลว้
ด้วยเกลื่อนกลืนกันในขณะที่ได้ทรั พยส์ น ้ มาไซร้ สิทธินัน
ิ นั น ้ ทา่ น ให้กลั บคืนมาเป็ นคุณหรื อเป็ นโทษแก่บุคคลผูน ้ ได้อีก ในเมื่อทรั พยส์ น
้ ัน ิ ซึ่ง
จานองกลั บหลุดมือไป
มาตรา ๗๔๓ ถา้ ผูร้ ั บโอนได้ทาให้ทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองเสื่อมราคาลงเพราะการกระทาหรื อ ความประมาทเลินเลอ่ แหง่ ตน เป็ นเหตุให้เจา้ หนี้ ทั ง้
หลายผูม ิ
้ ีสทธิจานองหรื อบุริมสิทธิเหนื อทรั พยส์ น ้ ตอ
ิ นั น ้ ง เสียหายไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บโอนจะต้องรั บผิดเพื่อความเสียหายนั น ้ อยา่ งไรก็ดี อั นผูร้ ั บ
โอนจะเรี ยกเอาเงินจานวน ใด ๆ ซึ่งตนไดอ ้ อกไป หรื อ เรี ย กให ช
้ ดใช ค า
้ ่ ้ ่ใช จ า ยที ่ ตนได ท
้ าให ท
้ รั พย ส
์ ิ
น ดี ข้ ึ น นั ้
น ท า
่ ่ หาอาจจะเรี ยกไดไ้ ม่
นว า

เวน ้ แตท ่ ่ีเป็ นการทาให้ทรั พยส์ น ิ นั น ้ งอกราคาขึน ้ และจะเรี ยกได้เพียงเทา่ จานวนราคาที่งอกขึ้นเมื่อขาย ทอดตลาดเทา่ นั น ้
หมวด ๖ ความระงั บสิน ้ ไปแหง่ สั ญญาจานอง
มาตรา ๗๔๔[๓๔] อั นจานองยอ่ มระงั บสิน ้ ไป
(๑) เมือหนี ทีประกันระงั บสินไปด้วยเหตุประการอื่นใดมิใชเ่ หตุอายุความ (๒) เมื่อปลดจานองให้แกผ
่ ้ ่ ้ ่ ูจ้ านองด้วยหนั งสือเป็ นสาคั ญ
(๓) เมื่อผูจ้ านองหลุดพน ้
(๔) เมื่อถอนจานอง
(๕) เมื่อขายทอดตลาดทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองตามคาสั ่งศาลอั นเนื่ องมาแตก ่ ารบั งคั บจานองหรื อ ถอนจานอง หรื อเมื่อมีการขายทอดตลาด
ทรั พยส์ น ิ ตามมาตรา ๗๒๙/๑
(๖) เมื่อเอาทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานองนั น ้ หลุด
มาตรา ๗๔๕ ผูร้ ั บจานองจะบั งคั บจานองแมเ้ มื่อหนี้ ที่ประกันนั น ้ ขาดอายุความแลว้ ก็ได้ แต่ จะบั งคั บเอาดอกเบี้ยที่คา้ งชาระในการจานองเกิน
กวา่ หา้ ปี ไมไ่ ด้
มาตรา ๗๔๖ การชาระหนี้ ไมว่ า่ ครั ง้ ใด ๆ สิน ่ างสว่ นก็ดี การระงั บหนี้ อยา่ งใด ๆ ก็ดี การตกลงกันแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงจานอง
้ เชิงหรื อแตบ
หรื อหนี้ อั นจานองเป็ นประกั นนั น ้ เป็ นประการใดก็ดี ทา่ นวา่ ตอ ้ งนา ความไปจดทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่ในเมื่อมีคาขอร้องของผูม ้ ีสว่ นได้
เสีย มิฉะนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ยกขึ้นเป็ น ขอ ้ ตอ่ สูบ ้ ุคคลภายนอก
ลั กษณะ ๑๓ จานา
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๗๔๗ อั นวา่ จานานั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูจ้ านา สง่ มอบ สั งหาริ มทรั พยส์ งิ่ หนึ่ งใหแ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่
้ กบ
ผูร้ ั บจานา เพือ่ เป็ นประกั นการชาระหนี้

มาตรา ๗๔๘ การจานานั น ้ ยอ่ มเป็ นประกันเพื่อการชาระหนี้ กับทั งค ้ า่ อุปกรณ์ตอ่ ไปนี้ ด้วย
คือ
(๑) ดอกเบี้ย
(๒) คา่ สินไหมทดแทนในการไมช่ าระหนี้
(๓) คา่ ฤชาธรรมเนี ยมในการบั งคั บจานา
(๔) คา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อรั กษาทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานา
(๕) คา่ สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอั นเกิดแตค ่ วามชารุ ดบกพร่องแหง่ ทรั พยส์ น ิ จานาซึ่ง
ไมเ่ ห็นประจั กษ์
มาตรา ๗๔๙ คูส ่ ั ญญาจานาจะตกลงกันให้บุคคลภายนอกเป็ นผูเ้ ก็บรั กษาทรั พยส์ น ิ จานาไวก ้ ็
ได้
มาตรา ๗๕๐ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ที่จานาเป็ นสิทธิซ่ึงมีตราสาร และมิไดส ้ ง่ มอบตราสารนั น ้ ใหแ้ กผ ้ ไดบ
่ ูร้ ั บ จานา ทั งมิ ้ อกกลา่ วเป็ นหนั งสือแจง้ การจา
นาแกล ่ ูกหนี้ แหง่ สิทธินัน ้ ด้วยไซร้ ทา่ นวา่ การจานายอ่ มเป็ นโมฆะ
มาตรา ๗๕๑ ถา้ จานาตราสารชนิ ดออกให้แกบ ่ ุคคลเพื่อเขาสั ่ง ทา่ นห้ามมิใหย้ กขึ้นเป็ นข้อ ตอ่ สู บ ้ ุคคลภายนอก เวน ้ แตจ่ ะได้สลั กหลั งไวท้ ่ี
ตราสารให้ปรากฏการจานาเชน ้
่ นั น
อนึ่ ง ในการนี้ ไมจ่ าเป็ นตอ ้ งบอกกลา่ วแกล ่ ูกหนี้ แหง่ ตราสาร
มาตรา ๗๕๒ ถา้ จานาตราสารชนิ ดออกให้แกบ ่ ุคคลโดยนามและจะโอนกันด้วยสลั กหลั ง ไมไ่ ด้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งจดขอ้ ความแสดงการจานาไวใ้ ห้
ปรากฏในตราสารนั น ้ เอง และทา่ นหา้ มมิใหย้ กขึ้นเป็ นขอ ่ สู ้ ลูกหนี้ แหง่ ตราสารหรื อบุคคลภายนอก เวน
้ ตอ ้ แตจ่ ะไดบ้ อกกลา่ วการจานานั น ้ ให้
ทราบถึงลูกหนี้ แหง่ ตราสาร
มาตรา ๗๕๓ ถา้ จานาใบหุ้น หรื อใบหุ้นกู้ชนิ ดระบุช่ือ ทา่ นห้ามมิให้ยกขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ ่ สู บ
้ ริ ษัท หรื อบุคคลภายนอก เวน ้ แตจ่ ะได้จดลง
ทะเบียนการจานานั น ้ ไวใ้ นสมุดของบริ ษัทตามบทบั ญญั ติทังหลายใน
้ ลั กษณะ ๒๒ วา่ ดว้ ยการโอนหุน ้ หรื อหุน
้ กู้
มาตรา ๗๕๔ ถา้ สิทธิซ่ึงจานานั น ้ ถึงกาหนดชาระกอ ่ นหนี้ ซึ่งประกันไวน ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ แหง่ สิทธิตอ
้ ัน ้ งสง่ มอบทรั พยส์ นิ อั นเป็ นวั ตถุแหง่
สิทธิให้แกผ
่ ูร้ ั บจานา และทรั พยส์ น ้ ก็กลายเป็ นของจานาแทน สิทธิซ่ึงจานา
ิ นั น

ถา้ สิทธิซ่ึงจานานั น
้ เป็ นมูลหนี้ ซึ่งตอ ้ งชาระเป็ นเงิน และถึงกาหนดชาระกอ ่ นหนี้ ซึ่งประกันไว้ นั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งใชเ้ งินให้แกผ ่ ูร้ ั บจานาและผูจ้ า

นาร่วมกัน ถา้ และเขาทั งสองนั นไมป ้ ่ รองดองตกลงกันได้ ทา่ น วา่ แตล่ ะคนชอบที่จะเรี ยกให้วางเงินจานวนนั น ้ ไว้ ณ สานั กงานฝากทรั พยไ์ ด้
เพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
มาตรา ๗๕๕ ถา้ จานาสิทธิ ทา่ นหา้ มมิใหท ้ าสิทธินัน ้ ใหส ้ิ ไป หรื อแกไ้ ขสิทธินัน
้ น ้ ใหเ้ สียหายแก่ ผูร้ ั บจานาโดยผูร้ ั บจานามิไดย้ ินยอมดว้ ย
มาตรา ๗๕๖ การที่จะตกลงกันไวเ้ สียแตก ่ อ ่ นเวลาหนี้ ถึงกาหนดชาระเป็ นข้อความอยา่ งใด
อยา่ งหนึ่ งวา่ ถา้ ไมช่ าระหนี้ ใหผ ้ ูร้ ั บจานาเขา้ เป็ นเจา้ ของทรั พยส์ น ิ จานา หรื อใหจ้ ั ดการแกท ิ นั น
่ รั พยส์ น ้ เป็ น ประการอื่นนอกจากตาม

บทบั ญญั ติทังหลายว า่ ด้วยการบั งคั บจานานั น ้ ไซร้ ขอ ้ ตกลงเชน ้ ทา่ นวา่ ไมส
่ นั น ่ มบูรณ์
มาตรา ๗๕๗ บทบั ญญั ติทังหลายในลั ้ กษณะ ๑๓ นี้ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกส ่ ั ญญาจานาที่ทากับผู ้ ตั งโรงรั ้ บจานาโดยอนุ ญาตรั ฐบาลแตเ่ พียงที่
ไมข่ ั ดกับกฎหมาย หรื อกฎขอ ้ บั งคั บวา่ ด้วยโรงจานา
หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ของผูจ้ านาและผูร้ ั บจานา
มาตรา ๗๕๘ ผูร้ ั บจานาชอบที่จะยึดของจานาไวไ้ ด้ทังหมดจนกว ้ า่ จะได้รับชาระหนี้ และคา่ อุปกรณ์ครบถว้ น
มาตรา ๗๕๙ ผูร้ ั บจานาจาตอ ้ งรั กษาทรั พยส์ น ิ จานาไวใ้ ห้ปลอดภัย และตอ ้ งสงวนทรั พยส์ น ิ จานานั น ้ เชน่ อยา่ งวิญญูชนจะพึงสงวนทรั พยส์ น ิ
ของตนเอง
มาตรา ๗๖๐ ถา้ ผูร้ ั บจานาเอาทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานาออกใชเ้ อง หรื อเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้ สอย หรื อเก็บรั กษาโดยผูจ้ านามิได้ยินยอม
ด้วยไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจานาจะตอ ้ งรั บผิดเพือที่ทรั พยส์ น
่ ิ จานานั น ้ สูญ หาย หรื อบุบสลายไปอยา่ งใด ๆ แมท ้ นเพราะเหตุสุดวิสัย เวน
้ ั งเป็ ้ แตจ่ ะ
พิสูจน์ไดว้ า่ ถึงอยา่ งไร ๆ ก็คงจะตอ ้ งสู ญ หาย หรื อ บุ บสลายอยู น
่ ั ่ น เอง
มาตรา ๗๖๑ ถา้ มิไดก ้ าหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในสั ญญา หากมีดอกผลนิ ตินัยงอกจากทรั พยส์ น ิ นั น ้ อยา่ งไร ทา่ นใหผ ้ ูร้ ั บจานาจั ดสรรใชเ้ ป็ นคา่
ดอกเบี้ยอั นคา้ งชาระแกต ่ น และถา้ ไมม ่ ีดอกเบี้ยคา้ งชาระ ทา่ นให้ จั ดสรรใชต ้ เงินแหง่ หนี้ อั นได้จานาทรั พยส์ น
้ น ิ เป็ นประกันนั น ้

มาตรา ๗๖๒ คา่ ใชจ้ า่ ยใด ๆ อั นควรแกก ่ ารบารุ งรั กษาทรั พยส์ น ิ จานานั น ้ ผูจ้ านาจาตอ ้ ง ชดใชใ้ ห้แกผ ่ ูร้ ั บจานา เวน ้ แตจ่ ะได้กาหนดไวเ้ ป็ น

อยา่ งอืนในสั ญญา
มาตรา ๗๖๓ ทา่ นหา้ มมิใหฟ ้ ้ องคดีดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ เมื่อพน ้ หกเดือนนั บแตว่ ั นสง่ คืน หรื อ ขายทอดตลาดทรั พยส์ น ิ จานา คือ
(๑) ฟ้องเรี ยกคา่ สินไหมทดแทนเพื่อความบุบสลายอั นผูร้ ั บจานากอ ่ ให เ
้ กิ ด แก ท
่ รั พย ส
์ ิ
น จานา (๒) ฟ้ องเรี ย กให ช
้ ดใช ้ า่ ใชจ้ า่ ยเพื่อการบารุ ง

รั กษาทรั พยส์ น ิ จานา
(๓) ฟ้องเรี ยกคา่ สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอั นเกิดแกผ ่ ูร้ ั บจานา เพราะความชารุ ด
บกพร่องในทรั พยส์ น ิ จานาซึ่งไมเ่ ห็นประจั กษ์
หมวด ๓ การบั งคั บจานา
มาตรา ๗๖๔ เมื่อจะบั งคั บจานา ผูร้ ั บจานาตอ ้ งบอกกลา่ วเป็ นหนั งสือไปยั งลูกหนี้ กอ ่ นวา่ ให้ ชาระหนี้ และอุปกรณ์ภายในเวลาอั นควรซึ่งกา
หนดใหใ้ นคาบอกกลา่ วนั น ้
ถา้ ลูกหนี้ ละเลยไมป ่ ฏิบัติตามคาบอกกลา่ ว ผูร้ ั บจานาชอบที่จะเอาทรั พยส์ น ิ ซึ่งจานาออกขาย ได้ แตต ่ อ
้ งขายทอดตลาด
อนึ่ ง ผูร้ ั บจานาตอ ้ งมีจดหมายบอกกลา่ วไปยั งผูจ้ านาบอกเวลาและสถานที่ซ่ึงจะขาย ทอดตลาดด้วย
มาตรา ๗๖๕ ถา้ ไมส ่ ามารถจะบอกกลา่ วกอ ่ นได้ ผูร้ ั บจานาจะเอาทรั พยส์ น ิ จานาออกขาย ทอดตลาดเสียในเมื่อหนี้ คา้ งชาระมาลว่ งเวลาเดือน

หนึ งแลว้ ก็ใหท ้ าได้
มาตรา ๗๖๖ ถา้ จานาตั ๋วเงิน ทา่ นใหผ ้ ูร้ ั บจานาเก็บเรี ยกเงินตามตั ๋วเงินนั น ้ ในวั นถึงกาหนด ไมจ่ าเป็ นตอ ้ งบอกกลา่ วกอ ่ น
มาตรา ๗๖๗ เมื่อบั งคั บจานาไดเ้ งินจานวนสุทธิเทา่ ใด ทา่ นวา่ ผูร้ ั บจานาตอ ้ งจั ด สรรชาระหนี ้ และอุ ป กรณ ์ เ พื่ อให เ
้ สร็ จ สิ้
น ไป และถา้ ยั งมีเงิน
เหลือก็ตอ ้ งสง่ คืนให้แกผ ่ ูจ้ านา หรื อแกบ ่ ุคคลผูค ้ วรจะได้เงินนั น้
ถา้ ได้เงินน้อยกวา่ จานวนคา้ งชาระ ทา่ นวา่ ลูกหนี้ ก็ยังคงตอ ้ งรั บใชใ้ นสว่ นที่ขาดอยูน ้
่ ัน

มาตรา ๗๖๘ ถา้ จานาทรั พยส์ น ิ หลายสิง่ เพื่อประกั นหนี้ แตร่ ายหนึ ่ งรายเดียว ทา่ นวา่ ผูร้ ั บ จานาจะเลือกเอาทรั พยส์ นิ สิง่ หนึ่ งสิง่ ใดออกขายก็ได้
แตจ่ ะขายจนเกินกวา่ ที่จาเป็ นเพื่อใชเ้ งินตามสิทธิแหง่ ตน นั น ้ หาไดไ้ ม่
หมวด ๔ ความระงั บสิน ้ ไปแหง่ การจานา
หรื อ
มาตรา ๗๖๙ อั นจานายอ่ มระงั บสิน ้ ไป
(๑) เมื่อหนี้ ซึ่งจานาเป็ นประกั นอยูน ้ ระงั บสิน
่ ัน ้ ไปเพราะเหตุประการอื่นมิใชเ่ พราะอายุความ

(๒) เมือผูร้ ั บจานายอมให้ทรั พยส์ น ิ จานากลั บคืนไปสู ค ่ รอบครองของผูจ้ านา
ลั กษณะ ๑๔ เก็บของในคลั งสินคา้
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๗๗๐ อั นวา่ นายคลั งสินคา้ นั น ้ คือบุคคลผูร้ ั บทาการเก็บรั กษาสินคา้ เพื่อบาเหน็ จเป็ น ทางคา้ ปกติของตน

มาตรา ๗๗๑ บทบั ญญั ติทังหลายในประมวลกฎหมายนี ้ อันวา่ ด้วยฝากทรั พยน ้ ทา่ นให้ นามาใชบ
์ ัน ้ ั งคั บแกก
่ ารเก็บของในคลั งสินคา้ ด้วยเพียง
เทา่ ที่ไมข่ ั ดกับบทบั ญญั ติในลั กษณะนี้
มาตรา ๗๗๒ บทบั ญญั ติมาตรา ๖๑๖, ๖๑๙, ๖๒๓, ๖๒๕, ๖๓๐, ๖๓๑ และ ๖๓๒ อั นวา่ ดว้ ยการรั บขนนั น ้ ทา่ นให้นามาใชบ ้ ั งคั บ
แกก ่ ารเก็บของในคลั งสินคา้ อนุ โลมตามควรแกบ ่ ท
มาตรา ๗๗๓ นายคลั งสินคา้ จาตอ ้ งยอมใหผ ้ ูท
้ รงใบรั บของคลั งสินคา้ หรื อผูท ้ รงประทวน สินคา้ ตรวจสินคา้ และเอาตัวอยา่ งไปไดใ้ นเวลาอั น
ควรระหวา่ งเวลาทางานทุกเมื่อ

มาตรา ๗๗๔ นายคลั งสินคา้ จะเรี ยกใหผ ้ ูฝ ้ ากถอนสินคา้ ไปกอ ่ นสิน ้ ระยะเวลาที่ตกลงกันไวน ้ ัน ้ ทา่ นวา่ หาอาจทาไดไ้ ม่ ถา้ ไมม ่ ีกาหนดเวลาสง่
คืนสินคา้ นายคลั งสินคา้ จะสง่ คืนไดต อ
้ ่ เมื ่ อ บอกกล า
่ วให ผ
้ ้ ู ฝ าก ทราบล ว
่ งหน ้ า เดื อนหนึ ่ ง แต ท า
่ ่ นมิ ใ ห ผ ู
้ ้ ฝ ากต อ
้ งถู กบั ง คั บ ให ถ
้ อนสิ นคา้ ไปกอ่ น
เวลาลว่ งแลว้ สองเดือน นั บแต่ วั นที่ได้สง่ มอบฝากไว้
หมวด ๒ ใบรั บของคลั งสินคา้ และประทวนสินคา้
มาตรา ๗๗๕ ถา้ ผูฝ ้ ากตอ
้ งการไซร้ นายคลั งสินคา้ ตอ ้ งสง่ มอบเอกสารซึ่งเอาออกจากทะเบียน มีตน ้
้ ขั วเฉพาะการอันมี ใบรั บของคลั ง

สินคา้ ฉบั บหนึ ง และประทวนสนิ คา้ ฉบั บหนึ งให้แกผ ่ ่ ฝู้ าก
มาตรา ๗๗๖ อั นใบรั บของคลั งสินคา้ นั น ้ ยอ่ มใหส ้ ทิ ธิแกผ ่ ูฝ ้ ากที่จะสลั กหลั งโอนกรรมสิทธิ์ใน สินคา้ ไปเป็ นของผูอ ้ ่ืนได้
มาตรา ๗๗๗ อั นประทวนสินคา้ นั น ้ ยอ่ มใหส ้ ิ
ท ธิ แก ผ ู
่ ้ ฝ ากที ่ จ ะสลั กหลั ง จานาสิ น คา้ ซึ ่ ง จดแจ ง
้ ไว ใ
้ นประทวนได ้ โดยไม ต
่ อ ้
้ งสง่ มอบสินคา้ นั น
แกผ ่ ูร้ ั บสลั กหลั ง
แตว่ า่ เมื่อผูฝ ้ ากประสงคจ์ ะจานาสินคา้ ตอ ้ งแยกประทวนออกเสียจากใบรั บของคลั งสินคา้ และสง่ มอบประทวนนั น ้ ให้แกผ ่ ูร้ ั บสลั กหลั ง
มาตรา ๗๗๘ ใบรั บของคลั งสินคา้ และประทวนสินคา้ ตอ ้ งมีเลขลาดับตรงกันกั บเลขในตน ้ ขั ว้ และลงลายมือชื่อของนายคลั งสินคา้
อนึ่ ง ใบรั บของคลั งสินคา้ และประทวนสินคา้ นั น ้ ทา่ นให้มีรายละเอียดดังกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
่ ่
(๑) ชือหรื อยีห้อ และสานั กของผูฝ ้ าก
(๒) ที่ตังคลั ้ งสินคา้
(๓) คา่ บาเหน็ จสาหรั บเก็บรั กษา
(๔) สภาพของสินคา้ ที่เก็บรั กษา และน้าหนั กหรื อขนาดแหง่ สินคา้ นั น ้ กับทั งสภาพ้ จานวน
และเครื่ องหมายหีบหอ ่
(๕) สถานที่และวั นออกใบรั บของคลั งสินคา้ และประทวนสินคา้ นั น ้

(๖) ถา้ ได้กาหนดกันไวว้ า่ ให้เก็บสินคา้ ไวช้ ั วเวลาเทา่ ใดให้แจง้ กาหนดนั น ้ ด้วย
(๗) ถา้ ของที่เก็บรั กษามีประกันภัย ใหแ ้ สดงจานวนเงิ น ที ่ ป ระกันภัยกาหนดเวลาที ่ ประกันภัย และชื่อหรื อยี่หอ ้ ของผูร้ ั บประกั นภัยดว้ ย
อนึ่ ง นายคลั งสินคา้ ตอ ้ งจดรายละเอี ย ดทั ้
งนี ้ ลงไว ใ
้ นต น
้ ขั ้
วด ว
้ ย

มาตรา ๗๗๙ อั นใบรั บของคลั งสินคา้ ก็ดี ประทวนสินคา้ ก็ดี ทา่ นวา่ หาอาจออกให้หรื อสลั ก หลั งให้แกผ ่ ูถ
้ ือได้ไม่
มาตรา ๗๘๐ เมื่อใดผูฝ ้ ากสลั กหลั งประทวนสินคา้ ให้แกผ ่ ูร้ ั บจานา คูส ่ ั ญญาตอ ้ งจดแจง้ การที่ สลั กหลั งนั น ้ ลงไวใ้ นใบรั บของคลั งสินคา้ ด้วย
ถา้ มิได้จดแจง้ ไวด ้ ังนั น ้ ทา่ นวา่ การจานานั น ้ หาอาจยกขึ้นเป็ นข้อตอ่ สู ผ ้ ูซ้ ้ ือสินคา้ สืบไปนั น ้ ได้ไม่
มาตรา ๗๘๑ เมื่อประทวนสินคา้ ไดส ้ ลั กหลั ง และส ง
่ มอบแก ผ
่ ้ัู รบจานาแล ว
้ ให ผ
้ ้ ู ฝ ากกับผู ร้ ั บ จานาจดลงไวใ้ นประทวนสินคา้ เป็ นสาคั ญ วา่ ได้
จดขอ ้ ความตามที ่ บ ั ญ ญั ต ใ
ิ นมาตราก อ
่ นไว ใ
้ นใบรั บของ คลั ง สิ น คา แล
้ ้ ว
มาตรา ๗๘๒ เมื่อใดผูฝ ้ ากจานาสินคา้ และสง่ มอบประทวนสินคา้ แกผ ่ ูร้ ั บสลั กหลั งแลว้ ผูร้ ั บ สลั กหลั งเชน ่ นั น ้ ต้องมีจดหมายบอกกลา่ วแกน ่ าย
คลั งสินคา้ ใหท ้ ราบจานวนหนี้ ซึ่งจานาสินคา้ นั น ้ เป็ นประกัน ทั ง้ จานวนดอกเบี้ยและวั นอันหนี้ นั น ้ จะถึงกาหนดชาระ เมื่อนายคลั งสินคา้ ได้รับ
คาบอกกลา่ วเชน ่ นั น ้ แลว้ ตอ ้ งจด รายการทั งนั ้ น้ ลงในตน ้ ขั ว้
ถา้ และมิได้จดในตน ้ น
้ ขั วเช ้ ทา่ นวา่ การจานานั น
่ นั น ้ หาอาจจะยกขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ ่ สู เ้ จา้ หนี้ ทั งหลายของผู
้ ฝ
้ ากได้ไม่
มาตรา ๗๘๓ ผูท ้ รงเอกสารอั น มี ทั ้
งใบรั บของคลั ง สิ น ค า
้ และประทวนสิ น ค า
้ นั ้
น จะให น
้ าย คลั งสินคา้ แยกสินคา้ ที่เก็บรั กษาไวอ้ อกเป็ นหลาย
สว่ นและใหส ้ ง่ มอบเอกสารแกต ่ นสว่ นละใบก็ได้ ในกรณี เชน ่ นี้ ผูท ้ รงเอกสารตอ ้ งคืนเอกสารเดิมแกน ่ ายคลั งสินคา้
อนึ่ ง คา่ ใชจ้ า่ ยในการแยกสินคา้ และการสง่ มอบเอกสารใหมน ่ ัน ้ ผูท ้ รงเอกสารตอ ้ งรั บใช้
มาตรา ๗๘๔ กรรมสิทธิ์ในสินคา้ ที่เก็บรั กษาไวน ้ ทา่ นวา่ อาจโอนได้แตด
้ ัน ่ ้วยสลั กหลั งใบรั บ ของคลั งสินคา้ เทา่ นั น ้
มาตรา ๗๘๕ สินคา้ ซึ่งเก็บรั กษาไวน ้ ัน้ อาจจานาได้แตด ่ ้วยสลั กหลั งประทวนสินคา้ เมื่อ ประทวนสินคา้ ได้สลั กหลั งแลว้ สินคา้ นั น ้ จะจานาแก่
ผูอ้ ่ืนอีกชั นหนึ
้ ่ งด้วยสลั กหลั งใบรั บของคลั งสินคา้ อยา่ ง เดียวกับสลั กหลั งประทวนสินคา้ นั น ้ ก็ได้
มาตรา ๗๘๖ ตราบใดสินคา้ ที่เก็บรั กษาไวไ้ มไ่ ดจ้ านา ทา่ นวา่ จะโอนใบรั บของคลั งสินคา้ และ ประทวนสินคา้ ไปตา่ งหากจากกันไมไ่ ดอ ้ ยูต
่ ราบ
นั น้

มาตรา ๗๘๗ ในการสลั กหลั งลงในประทวนสินคา้ ครั ง้ แรกนั น ้ ตอ ้ งจดแจง้ จานวนหนี้ ที่จานา สินคา้ เป็ นประกัน ทั งจานวนดอกเบี ้ ้ยที่จะ
ตอ ้ งชาระและวั นที่หนี้ จะถึงกาหนดชาระด้วย
มาตรา ๗๘๘ อั นสินคา้ ที่เก็บรั กษาไวใ้ นคลั งนั น ้ จะรั บเอาไปได้แตเ่ มื่อเวนคืนใบรั บของ คลั งสินคา้
มาตรา ๗๘๙ ถา้ ไดแ ้ ยกประทวนสิ น คา้ ออกสลั ก หลั งจานาแลว้ จะรั บเอาสินคา้ ไดแ ้ ตเ่ มื่อ
เวนคืนทั งใบรั้ บของคลั งสินคา้ และประทวนสินคา้ แตว่ า่ ผูท ้ รงใบรั บของคลั ง สิ
น คา้ อาจให ้ ืนสินคา้ แกต
ค ่ นไดใ้ นเวลาใด ๆ เมื่อวางเงินแกน ่ าย
คลั งสินคา้ เต็มจานวนหนี้ ซึ่งลงไวใ้ นประทวนสินคา้ กับทั งดอกเบี ้ ้ ยจนถึงวั นกาหนดชาระหนี้ นั น ้ ด้วย
อนึ่ ง จานวนเงินที่วางเชน ่ นี้ นายคลั งสินคา้ ตอ ้ งชาระแกผ ่ ูท้ รงประทวนสินคา้ ในเมื่อเขาเวนคืน
ประทวนนั น ้
มาตรา ๗๙๐ ถา้ หนี้ ซึ่งสินคา้ จานาเป็ นประกันมิได้ชาระเมื่อวั นถึงกาหนดไซร้ ผูท ้ รงประทวน สินคา้ เมื่อได้ย่ืนคาคั ดคา้ นตามระเบียบแลว้ ชอบ
ที่จะใหน ้ ายคลั ง สิ นค า
้ ขายทอดตลาดสิ น คา้ นั ้
น ได ้ แต ท า
่ ่ นห า
้ ม มิ ใ ห ข
้ ายทอดตลาดก อ
่ นแปดวั นนั บแตว่ ั นคั ดคา้ น
มาตรา ๗๙๑ ผูท ้ รงประทวนสิ น ค า ต
้ ้อ งมี จ ดหมายบอกกล า
่ วให ผ
้ ู้ ฝ ากทราบเวลาและสถานที ่ จะขายทอดตลาด
มาตรา ๗๙๒ นายคลั งสินคา้ ตอ ้ งหักเงินที่คา้ งชาระแกต ่ นเนื่ องด้วยการเก็บรั กษาสินคา้ นั น ้ จากจานวนเงินสุทธิท่ีขายทอดตลาดได้ และเมื่อ
ผูท ้ รงประทวนสินคา้ นาประทวนมาเวนคืน ตอ ้ งเอาเงินที่เหลือ
้ ให้ตามจานวนที่คา้ งชาระแกเ่ ขา
นั น
ถา้ มีเงินเหลือเทา่ ใด ตอ ้ งใชแ ้ กผ่ ูร้ ั บจานาคนหลั งเมื่อเขาเวนคืนใบรั บของคลั งสินคา้ หรื อถา้ ไม่
มีผูร้ ั บจานาคนหลั ง หรื อผูร้ ั บจานาคนหลั งได้รับชาระหนี้ แลว้ ก็ให้ชาระเงินที่เหลืออยูน ้ แกผ
่ ัน ่ ูท
้ รงใบรั บของ คลั งสินคา้
มาตรา ๗๙๓ ถา้ จานวนเงินสุทธิท่ีขายทอดตลาดได้ไมพ ่ อชาระหนี ้ แก ผ ู
่ ้ ท รงประทวนสิ น ค า้ ไซร้ นายคลั งสินคา้ ตอ ้ งคืนประทวนสินคา้ แกเ่ ขา
กับจดบอกจานวนเงินที่ได้ชาระลงไวใ้ นประทวนสินคา้ นั น
้ แลว้ จดลงไวใ้ นสมุดบั ญชีของตนด้วย

มาตรา ๗๙๔ ผูท ้ รงประทวนสินคา้ มีสท ิ ธิจะไลเ่ บี้ยเอาจานวนเงินที่ยังคา้ งชาระนั น ้ แกผ


่ ูส
้ ลั ก หลั งคนกอ ้
่ น ๆ ทั งหมด ่ นใดคนหนึ่ งได้
หรื อแตค
แตต อ
่ ้ งได ข
้ ายทอดตลาดภายในเดื อนหนึ ่ งนั บแตว่ ั น คั ดค า
้ น
อนึ่ ง ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องไลเ่ บี้ยเมื่อพน ้ เวลาปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นขายทอดตลาด

มาตรา ๗๙๕ บทบั ญญั ติทังหลายในประมวลกฎหมายนี ้ ทา่ นให้ใชไ้ ด้ถึง ประทวนสินคา้ และใบรั บของคลั งสินคา้ ซึ่งได้
้ อั นวา่ ด้วยตั ๋วเงินนั น
สลั กหลั งอยา่ งประทวนสินคา้ นั น ้ ด้วย เพียงที่ไมข่ ั ดกับบทบั ญญั ติ ทั งหลายในลั ้ กษณะนี้
มาตรา ๗๙๖ ถา้ เอกสารมีทังใบรั บของคลั งสินคา้ และประทวนสินคา้ หรื อแตอ่ ยา่ งหนึ่ งอยา่ ง ใดสูญหายไป เมื่อผูท
้ ้ รงเอกสารนั น ้ ๆ ให้
ประกันตามสมควรแลว้ จะใหน ้ ายคลั ง สิน คา้ ออกให ใ
้ หม ก ไ
่ ็ ้ ด
ในกรณี เชน ่ นี้ นายคลั งสินคา้ ตอ ้ งจดหมายลงไวใ้ นตน ้ นสาคั ญ
้ ขั วเป็
ลั กษณะ ๑๕ ตัวแทน
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๗๙๗ อั นวา่ สั ญญาตัวแทนนั น ้ คือสั ญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ตัวแทน มี อานาจทาการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่
ตัวการ และตกลงจะทาการดังนั น ้
อั นความเป็ นตัวแทนนั น ้ จะเป็ นโดยตั งแต ้ ง่ แสดงออกชั ดหรื อโดยปริ ยายก็ยอ่ มได้
มาตร ๗๙๘ กิจการอั นใดทา่ นบั งคั บไวโ้ ดยกฎหมายวา่ ตอ ้
้ งทาเป็ นหนั งสือ การตั งตัวแทนเพื ่ อ กิจการอั นนั น
้ ก็ตอ
้ งทาเป็ นหนั งสือดว้ ย
กิจการอั นใดทา่ นบั งคั บไวว้ า่ ตอ ้ งมีหลั กฐานเป็ นหนั งสือ การตั งตัวแทนเพื ้ ่ อกิจการอันนั น้ ก็ตอ ้ ง มีหลั กฐานเป็ นหนั งสือด้วย
มาตรา ๗๙๙ ตัวการคนใดใชบ ้ ุคคลผูไ้ ร้ความสามารถเป็ นตัวแทน ทา่ นวา่ ตัวการคนนั น ้ ยอ่ ม ตอ้ งผูกพันในกิจการที่ตัวแทนกระทา

มาตรา ๘๐๐ ถา้ ตัวแทนได้รับมอบอานาจแตเ่ ฉพาะการ ทา่ นวา่ จะทาการแทนตัวการได้แต่ เพียงในสิง่ ที่จาเป็ น เพื่อให้กิจอั นเขาได้มอบหมาย
แกต ้ สาเร็จลุลว่ งไป
่ นนั น
มาตรา ๘๐๑ ถา้ ตัวแทนไดร้ ั บมอบอานาจทั ่วไป ทา่ นวา่ จะทากิจใด ๆ ในทางจั ดการแทน ตัวการก็ยอ่ มทาไดท ้ ุกอยา่ ง
แตก่ ารเชน ่ อยา่ งจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ทา่ นวา่ หาอาจจะทาไดไ้ ม่ คือ (๑) ขายหรื อจานองอสั งหาริ มทรั พย ์
(๒) ใหเ้ ชา่ อสั งหาริ มทรั พยก์ วา่ สามปี ขึ้นไป
(๓) ให้
(๔) ประนี ประนอมยอมความ
(๕) ยื่นฟ้องตอ่ ศาล
(๖) มอบขอ ้ พิพาทใหอ ้ นุ ญาโตตุลาการพิจารณา
มาตรา ๘๐๒ ในเหตุฉุกเฉิ น เพื่อจะป้องกันมิใหต ้ ัวการตอ ้ งเสียหาย ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก
้ อ
่ น วา่ ตัวแทนจะทาการใด ๆ เชน ่ อยา่ งวิญญูชน
จะพึงกระทา ก็ยอ่ มมีอานาจจะทาได้ทังสิ ้ น ้
มาตรา ๘๐๓ ตัวแทนไมม ิ ธิจะได้รับบาเหน็ จ เวน
่ ี สท ้ ตกลงกั นไวใ้ นสั ญญาวา่ มี บาเหน็ จ หรื อทางการที่คูส
้ แตจ่ ะได้มีขอ ่ ั ญญาประพฤติตอ่ กั น
้ เป็ นปริ ยายวา่ มีบาเหน็ จ หรื อเคยเป็ นธรรมเนี ยมมีบาเหน็ จ
นั น
มาตรา ๘๐๔ ถา้ ในสั ญญาอั นเดียวตัวการคนเดียวตั งตัวแทนหลายคนเพื ้ ่ อแกก ่ ารอั นเดียวกัน ไซร้ ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ ตัวแทนจะตา่ ง
คนตา่ งทาการนั น ้ ๆ แยกกันไมไ่ ด้
มาตรา ๘๐๕ ตัวแทนนั น ้ เมื่อไมไ่ ดร้ ั บความยินยอมของตัวการจะเขา้ ทานิ ติกรรมอันใดใน
นามของตัวการทากับตนเองในนามของตนเองหรื อในฐานเป็ นตัวแทนของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ เวน ้ แตน
่ ิ ติ กรรมนั น ้ มีเฉพาะแตก ่ ารชาระ
หนี ้
มาตรา ๘๐๖ ตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อจะกลั บแสดงตนให้ปรากฏและเขา้ รั บเอาสั ญญาใด ๆ ซึ่งตัวแทนได้ทาไวแ ้ ทนตนก็ได้ แตถ ่ า้ ตัวการผูใ้ ด
ได้ยอมให้ตัวแทนของตนทาการออกหน้าเป็ นตัวการไซร้ ทา่ น วา่ ตัวการผูน ้ หาอาจจะทาให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของบุคคลภายนอกอันเขามีตอ่
้ ัน
ตัวแทน และเขาขวนขวายไดม ้ า แตก่ อ ่ นที่รู้วา่ เป็ นตัวแทนนั น ้ ได้ไม่
หมวด ๒ หน้าที่และความรั บผิดของตัวแทนตอ่ ตัวการ

มาตรา ๘๐๗ ตัวแทนตอ ้ งทาการตามคาสั ่งแสดงออกชั ดหรื อโดยปริ ยายของตัวการเมื่อไมม ่ ี คาสั ง่ เชน่ นั น้ ก็ตอ ้ งดาเนิ นตามทางที่เคยทากัน
มาในกิจการคา้ ขายอั นเขาให้ตนทาอยูน ่ ัน ้
ควร
อนึ่ ง บทบั ญญั ติมาตรา ๖๕๙ วา่ ดว้ ยการฝากทรั พยน ้ ทา่ นใหน
์ ัน ้ ามาใชด
้ ว้ ยโดยอนุ โลมตาม มาตรา ๘๐๘ ตัวแทนตอ ้ งทาการดว้ ยตนเอง
เวน ้ แต จ
่ ะมี อ านาจใช ต
้ ัวแทนช่ ว งทาการได ้
มาตรา ๘๐๙ เมื่อตัวการมีประสงคจ์ ะทราบความเป็ นไปของการที่ได้มอบหมายแกต ่ ัวแทน นั น ้ ในเวลาใด ๆ ซึ่งสมควรแกเ่ หตุ ตัวแทนก็
ตอ ้ งแจง้ ให้ตัวการทราบ อนึ่ ง เมื่อการเป็ นตัวแทนนั น ้ สุดลงแลว้ ตัวแทนตอ
้ สิน ้ งแถลงบั ญชีด้วย
มาตรา ๘๑๐ เงินและทรั พยส์ น ิ อยา่ งอื่นบรรดาที่ตัวแทนได้รับไวเ้ กี่ยวด้วยการเป็ นตัวแทน นั น ้ ทา่ นวา่ ตัวแทนตอ ้ งสง่ ให้แกต ่ ัวการจงสน ้ิ
่ ้ ่
อนึ ง สิทธิทังหลายซึงตัวแทนขวนขวายได้มาในนามของตนเองแตโ่ ดยฐานที่ทาการแทน ตัวการนั น ้ ตัวแทนก็ตอ ้ งโอนให้แกต ่ ัวการจงสน ้ิ
มาตรา ๘๑๑ ถา้ ตัวแทนเอาเงินซึ่งควรจะไดส ง แกต
้ ่ ่ ัวการ หรื อ ่
ซึ ง ควรจะใช ใ้ นกิ จ ของตัวการ นั ้
น ไปใช ส
้ อยเป็ นประโยชน ์ ตนเสี ย ท า นว
่ ่ า
ตัวแทนตอ ้ งเสียดอกเบี้ยในเงินนั น ้ นั บแตว่ ั นที่ไดเ้ อาไปใช้
มาตรา ๘๑๒ ถา้ มีความเสียหายเกิดขึ้นอยา่ งใด ๆ เพราะความประมาทเลินเลอ่ ของตัวแทนก็ ดี เพราะไมท ่ าการเป็ นตัวแทนก็ดี หรื อเพราะ
ทาการโดยปราศจากอานาจหรื อนอกเหนื ออานาจก็ดี ทา่ นวา่
ตัวแทนจะตอ ้ งรั บผิด
มาตรา ๘๑๓ ตัวแทนผูใ้ ดตั งตัวแทนช ้ ว่ งตามที่ตัวการระบุตัวให้ตัง้ ทา่ นวา่ ตัวแทนผูน ้ จะตอ
้ ัน ้ งรั บผิดแตเ่ พียงในกรณี ท่ีตนได้รู้วา่ ตัวแทนชว่ ง

นั นเป็ นผูท ่
้ ีไมเ่ หมาะแกก ่ าร หรื อเป็ นผูท ่
้ ีไมส ้
่ มควรไวว้ างใจ แลว้ และมิได้แจง้ ความนั นให้ตัวการทราบหรื อมิได้เลิกถอนตัวแทนชว่ งนั น ้ เสียเอง
มาตรา ๘๑๔ ตัวแทนชว่ งยอ่ มรั บผิดโดยตรงตอ่ ตัวการฉั นใดกลั บกันก็ฉันนั น ้
หมวด ๓ หน้าที่และความรั บผิดของตัวการตอ่ ตัวแทน

มาตรา ๘๑๕ ถา้ ตัวแทนมีประสงคไ์ ซร้ ตัวการตอ ้ งจา่ ยเงินทดรองใหแ ่ ัวแทนตามจานวนที่ จาเป็ น เพื่อทาการอั นมอบหมายแกต
้ กต ่ ัวแทน

นั น
มาตรา ๘๑๖ ถา้ ในการจั ดทากิจการอั นเขามอบหมายแกต ่ นนั น้ ตัวแทนได้ออกเงินทดรอง หรื อออกเงินคา่ ใชจ้ า่ ยไป ซึ่งพิเคราะหต ์ ามเหตุควร
นั บวา่ เป็ นการจาเป็ นได้ไซร้ ทา่ นวา่ ตัวแทนจะเรี ยกเอาเงิน ชดใชจ้ ากตัวการ รวมทั งดอกเบี ้ ้ ยนั บแตว่ ั นที่ได้ออกเงินไปนั น้ ด้วยก็ได้
ถา้ ในการจั ดทากิจการอั นเขามอบหมายแกต ่ นนั น้ ตัวแทนตอ ้ งรั บภาระเป็ นหนี้ ขึ้นอยา่ งหนึ่ ง อยา่ งใด ซึ่งพิเคราะหต ์ ามเหตุควรนั บวา่ เป็ นการจา

เป็ นได้ไซร้ ทา่ นวา่ ตัวแทนจะเรี ยกให้ตัวการชาระหนี แทนตน ก็ได้ หรื อถา้ ยั งไมถ ่ ึงเวลากาหนดชาระหนี้ จะให้ตัวการให้ประกันอั นสมควร
ก็ได้
ถา้ ในการจั ดทากิจการอั นเขามอบหมายแกต ่ นนั น้ เป็ นเหตุใหต ้ ัวแทนตอ ้ งเสียหายอยา่ งหนึ่ ง อยา่ งใด มิใชเ่ ป็ นเพราะความผิดของตนเองไซร้
ทา่ นวา่ ตัวแทนจะเรี ยกเอาคา่ สินไหมทดแทนจากตัวการก็ได้
มาตรา ๘๑๗ ในกรณี ท่ีมีบาเหน็ จตัวแทนถา้ ไมม ่ ีขอ้ สั ญญาตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ทา่ นวา่ บาเหน็ จนั น ้ พึงจา่ ยให้ตอ่ เมื่อการเป็ นตัวแทนได้
สุดสิน้ ลงแลว้
มาตรา ๘๑๘ การในหน้าที่ตัวแทนส่วนใดตัวแทนได้ทามิชอบในสว่ นนั ้ น ทา่ นวา่ ตัวแทนไมม ่ ี สิทธิจะได้บาเหน็ จ
มาตรา ๘๑๙ ตัวแทนชอบที่จะยึดหน่วงทรั พยส์ น ิ อยา่ งใด ๆ ของตัวการอั นตกอยูใ่ นความ ครอบครองของตนเพราะเป็ นตัวแทนนั น ้ เอาไวไ้ ด้
จนกวา่ จะไดร้ ั บเงินบรรดาคา้ งชาระแกต ่ นเพราะการเป็ น ตัวแทน
หมวด ๔ ความรั บผิดของตัวการและตัวแทนตอ ่ บุคคลภายนอก
มาตรา ๘๒๐ ตัวการยอ่ มมีความผูกพันตอ่ บุคคลภายนอกในกิจการทั งหลายอั ้ นตัวแทนหรื อ ตัวแทนชว่ งได้ทาไปภายในขอบอานาจแหง่ ฐาน
ตัวแทน

มาตรา ๘๒๑ บุคคลผูใ้ ดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่ งออกแสดงเป็ นตัวแทนของตนก็ดี รู้ แลว้ ยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่ งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็ น
ตัวแทนของตนก็ดี ทา่ นวา่ บุคคลผูน ้ จะตอ
้ ัน ้ งรั บผิดตอ ่ บุคคลภายนอกผูส ้ ุจริ ตเสมือนวา่ บุคคลอีกคนหนึ่ งนั น ้ เป็ นตัวแทนของตน
มาตรา ๘๒๒ ถา้ ตัวแทนทาการอั นใดเกินอานาจตัวแทน แตท ่ างปฏิ บั ตข
ิ องตัวการทาให ้ บุ คคลภายนอกมี มูลเหตุอันสมควรจะเชื่อวา่ การอั น
้ อยูภ
นั น ่ ายในขอบอานาจของตัวแทนไซร้ ทา่ นให้ใช้ บทบั ญญั ติมาตรากอ ่ นนี้ เป็ นบทบั งคับ แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๘๒๓ ถา้ ตัวแทนกระทาการอั นใดอันหนึ่ งโดยปราศจากอานาจก็ดี หรื อทานอกทา เหนื อขอบอานาจก็ดี ทา่ นวา่ ยอ่ มไมผ ่ ูกพั นตัวการ
เวน ้ แตต่ ัวการจะใหส ้ ั ตยาบั นแกก่ ารนั น ้
ถา้ ตัวการไมใ่ ห้สัตยาบั น ทา่ นวา่ ตัวแทนยอ่ มตอ ้ งรั บผิดตอ ่ บุคคลภายนอกโดยลาพังตนเอง เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ได้วา่ บุคคลภายนอกนั น ้ ได้รู้อยูว่ า่
ตนทาการโดยปราศจากอานาจ หรื อทานอกเหนื อขอบอานาจ
มาตรา ๘๒๔ ตัวแทนคนใดทาสั ญญาแทนตัวการซึ่งอยูต ่ า่ งประเทศและมีภูมิลาเนาใน ตา่ งประเทศ ทา่ นวา่ ตัวแทนคนนั น ้ จะตอ ้ งรั บผิดตาม
สั ญญานั น ้ แตล่ าพังตนเอง แมท ้ ่ อของตัวการจะได้ เปิดเผยแลว้ เวน
้ ั งชื ้ แตข่ อ ้ ความแหง่ สั ญญาจะแยง้ กันกับความรั บผิดของตัวแทน
มาตรา ๘๒๕ ถา้ ตัวแทนเขา้ ทาสั ญญากับบุคคลภายนอกโดยเห็นแกอ ่ ามิสสินจา้ งเป็ น ทรั พยส์ น ิ อยา่ งใด ๆ หรื อประโยชน์อยา่ งอื่นอั นบุคคล
ภายนอกได้ให้เป็ นลาภสว่ นตัวก็ดี หรื อให้คามั ่นวา่ จะให้ก็ ดี ทา่ นวา่ ตัวการหาตอ ้ งผูกพันในสั ญญาซึ่งตัวแทนของตนได้ทานั น ้ ไม่ เวน ้ แต่
ตัวการจะได้ยินยอมด้วย
หมวด ๕ ความระงั บสิน ้ ไปแหง่ สั ญญาตัวแทน
มาตรา ๘๒๖ อั นสั ญญาตัวแทนยอ่ มระงั บสิน ้ ไปดว้ ยตัวการถอนตัวแทน หรื อดว้ ยตัวแทน บอกเลิกเป็ นตัวแทน
อนึ่ ง สั ญญาตัวแทนยอ่ มระงั บสิน ้ ไป เมื่อคูส ่ ั ญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งตาย หรื อตกเป็ นผูไ้ ร้ ความสามารถ หรื อลม ้ ละลาย เวน้ แตจ่ ะปรากฏวา่
ขั ดกับขอ ้ สั ญญาหรื อสภาพแหง่ กิจการนั น ้
มาตรา ๘๒๗ ตัวการจะถอนตัวแทน และตัวแทนจะบอกเลิกเป็ นตัวแทนเสียในเวลาใด ๆ ก็ ได้ทุกเมื่อ

คูส่ ั ญญาฝ่ายซึ่งถอนตัวแทนหรื อบอกเลิกเป็ นตัวแทนในเวลาที่ไมส ่ ะดวกแกอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ ง จะตอ ้ งรั บผิดตอ่ คูส ้ ในความเสียหายอยา่ ง
่ ั ญญาฝ่ายนั น
ใด ๆ อั นเกิดแตก ่ ารนั ้
น เว น้ แตใ่ นกรณี ท ่ ี เ ป็ นความจาเป็ น อั น มิ อาจจะก า วล
้ ่ ว งเสีย ได ้
มาตรา ๘๒๘ เมื่อสั ญญาตัวแทนระงั บสิน ้ ไปเพราะตัวการตายก็ดี ตัวการตกเป็ นผูไ้ ร้ ความสามารถหรื อลม ้ ละลายก็ดี ทา่ นวา่ ตัวแทนตอ ้ ง
จั ดการอั นสมควรทุกอยา่ งเพื่อจะปกปักรั กษาประโยชน์อัน เขาได้มอบหมายแกต ่ นไป จนกวา่ ทายาทหรื อผูแ ้ ทนของตัวการจะอาจเขา้ ปกปัก
รั กษาประโยชน์นัน ้ ๆ ได้
มาตรา ๘๒๙ เมื่อสั ญญาตัวแทนระงั บสิน ้ ไปเพราะตัวแทนตายก็ดี ตัวแทนตกเป็ นผูไ้ ร้ ความสามารถหรื อลม ้ ละลายก็ดี ทา่ นวา่ ทายาทหรื อ
บุคคลผูร้ ั บหน้าที่ดูแลทรั พยม ์ รดกของตัวแทนโดยชอบด ว้ ย กฎหมายตอ ้ งบอกกลา่ วแกต ่ ัวการและจั ดการเพือ่ ปกปักรั กษาประโยชน์ของตัวการไป
ตามสมควรแกพ ่ ฤติการณ์ จนกวา่ ตัวการอาจเขา้ ปกปักรั กษาประโยชน์นัน ้ ๆ ได้
มาตรา ๘๓๐ อั นเหตุท่ีทาให้สัญญาตัวแทนระงั บสิน ้ ไปนั น
้ จะเกิดแตต ่ ัวการหรื อตัวแทนก็ตาม ทา่ นห้ามมิให้ยกขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ่ สู ค
้ ูส
่ ั ญญาอีกฝ่าย
หนึ่ ง จนกวา่ จะได้บอกกลา่ วเหตุนัน ้ ๆ ไปยั งคูส ่ ั ญญาฝ่ายนั น ้ แลว้ หรื อจนกวา่ คสูั ญ ่ ญาฝ่ายนั น ้ จะได้ทราบเหตุแลว้
มาตรา ๘๓๑ อั นความระงั บสิน ้ ไปแหง่ สั ญญาตัวแทนนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ยกขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ่ สู ้ บุคคลภายนอกผูท ้ าการโดยสุจริ ต เวน ้ แตบ
่ ุคคล
ภายนอกหากไมท ่ ราบความนั น ้ เพราะความประมาทเลินเลอ่ ของตนเอง
มาตรา ๘๓๒ ในเมื่อสั ญญาตัวแทนระงั บสิน ้ ไป ตัวการชอบที่จะเรี ยกใหเ้ วนคืนหนั งสือมอบ อานาจอยา่ งใด ๆ อั นไดใ้ หไ้ วแ ้ กต ่ ัวแทนนั น ้ ได้
หมวด ๖ ตัวแทนคา้ ตา่ ง
มาตรา ๘๓๓ อั นวา่ ตัวแทนคา้ ตา่ ง คือบุคคลซึ่งในทางคา้ ขายของเขายอ่ มทาการซื้อหรื อขาย ทรั พยส์ น ิ หรื อรั บจั ดทากิจการคา้ ขายอยา่ งอื่นใน
นามของตนเองตา่ งตัวการ
มาตรา ๘๓๔ ถา้ มิได้ตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ทา่ นวา่ ตัวแทนคา้ ตา่ งชอบที่จะได้รับบาเหน็ จ โดยอั ตราตามธรรมเนี ยมเพื่อกิจการคา้ ขายอั นตน
ได้จัดการให้ตกลงไปนั น ้ ทุกรายไป

มาตรา ๘๓๕ บทบั ญญั ตท ้


ิ ั งหลายแห ้ ทา่ นใหใ้ ช้ บั งคั บถึงตัวแทนคา้ ตา่ งดว้ ย เพียงที่ไมข่ ั ดกับ
ง่ ประมวลกฎหมายนี้ อั นวา่ ดว้ ยตัวแทนนั น
บทบั ญญั ติในหมวดนี้
มาตรา ๘๓๖ บุคคลผูไ้ ร้ความสามารถหาอาจจะทาการเป็ นตัวแทนคา้ ตา่ งได้ไม่ เวน ้ แตจ่ ะ ได้รับอานาจโดยชอบให้ทาได้
มาตรา ๘๓๗ ในการที่ตัวแทนคา้ ตา่ งทาการขายหรื อซื้อหรื อจั ดทากิจการคา้ ขายอยา่ งอื่นตา่ ง
ตัวการนั น ้ ่ึงสิทธิอันมีตอ่ คูส
้ ทา่ นวา่ ตั วแทนคา้ ตา่ งยอ่ มไดซ ่ ั ญญาอีกฝ่ายหนึ่ งในกิจการเชน ่ นั น ้ และตัวแทนคา้ ตา่ งยอ่ มเป็ นผูต ้ อ้ งผูกพันตอ ่ คู่
สั ญญาฝ่ายนั น ้ ด้วย
มาตรา ๘๓๘ ถา้ คูส ่ ั ญญาอีกฝ่ายหนึ่ งไมช่ าระหนี้ ไซร้ ทา่ นวา่ ตัวแทนคา้ ตา่ งหาตอ ้ งรั บผิดตอ่ ตัวการเพื่อชาระหนี้ นั น ้ เองไม่ เวน ้ แตจ่ ะได้มีขอ้ กา
หนดในสั ญญาหรื อมีปริ ยายแตท ่ างการที่ตัวการกับตัวแทน ประพฤติตอ ่ กัน หรื อมีธรรมเนี ยมในทอ ้ งถิ่นวา่ จะตอ
้ งรั บผิดถึงเพียงนั น ้
อนึ่ ง ตัวแทนคา้ ตา่ งคนใดเขา้ รั บประกั นการปฏิบัติตามสั ญญาโดยนั ยดังกลา่ วมาในวรรคกอ ่ น นั น้ ไซร้ ทา่ นวา่ ตัวแทนคนนั น ้ ชื่อวา่ เป็ นตัวแทน
ฐานประกัน ชอบที่จะไดร้ ั บบาเหน็ จพิเศษ
มาตรา ๘๓๙ ถา้ ตัวแทนคา้ ตา่ งไดท ้ าการขายเป็ นราคาตา่ ไปกวา่ ที่ตัวการกาหนดหรื อทาการ ซื้อเป็ นราคาสูงไปกวา่ ที่ตัวการกาหนดไซร้ หากวา่
ตัวแทนรั บใชเ้ ศษที่ขาดเกินนั ้ นแลว้ ทา่ นวา่ การขายหรื อการ ซื้ออันนั น ้ ตัวการก็ตอ ้ งรั บขายรั บซื้อ
มาตรา ๘๔๐ ถา้ ตัวแทนคา้ ตา่ งได้ทาการขายได้ราคาสูงกวา่ ที่ตัวการกาหนด หรื อทาการซื้อ ได้ราคาตา่ กวา่ ที่ตัวการกาหนดไซร้ ทา่ นวา่
ตัวแทนหาอาจจะถือเอาเป็ นประโยชน์ของตนได้ไม่ ตอ ้ งคิดให้แก่
ตัวการ
มาตรา ๘๔๑ ตัวแทนคา้ ตา่ งทาการไปอยา่ งไรบา้ ง ทา่ นให้แถลงรายงานแกต ่ ัวการและเมื่อได้ ทาการคา้ ตา่ งเสร็จลงแลว้ ก็ให้แจง้ แกต ่ ัวการ
ทราบมิใหช้ ั กชา้
มาตรา ๘๔๒ เมื่อใดเขามอบหมายทรั พยส์ น ิ ไวแ
้ กต ้
่ ัวแทนคา้ ตา่ ง ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติ ทั งหลายแห ง่ ประมวลกฎหมายนี้ ลั กษณะฝากทรั พย ์
มาใชบ ้ ั งคั บ อนุ โลมตามควร
อนึ่ ง ในกรณี ท่ีเป็ นความจาเป็ นอั นมิก้าวลว่ งเสียได้ ทา่ นวา่ ตัวแทนคา้ ตา่ งจะจั ดการแก่ ทรั พยส์ น ้ ตามวิธีการดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๖๓๑
ิ นั น
วา่ ด้วยรั บขนนั น ้ ก็ได้

มาตรา ๘๔๓ ตัวแทนคา้ ตา่ งคนใดไดร้ ั บคาสั ่งใหข้ ายหรื อซื้อทรั พยส์ น ิ อั นมีรายการขานราคา ของสถานแลกเปลี่ ยน ทา่ นวา่ ตัวแทนคนนั น ้ จะ
เป็ นผูซ ื้ อ
้ หรื อผูข้ ายเองก็ได้ เวน ้ แต จ
่ ะมี ข อ
้ ้ห า มไว ช
้ ัดแจ ง
้ โดย สั ญ ญา ในกรณี เ ช น
่ นั ้
น ราคาอั น จะพึ ง ใช เ
้ งิ นแก ก
่ ันก็พ ึ ง กาหนดตามรายการขาน
ราคาทรั พยส์ น ิ นั น้ ณ สถาน แลกเปลี่ยนในเวลาเมื่อตัวแทนคา้ ตา่ งให้คาบอกกลา่ ววา่ ตนจะเป็ นผูซ ้ ้ ือหรื อผูข้ าย
เมื่อตัวการรั บคาบอกกลา่ วเชน ่ นั น ้ ถา้ ไมบ ่ อกปัดเสียในทั นที ทา่ นให้ถือวา่ ตัวการเป็ นอั นได้ สนองรั บการนั น ้ แลว้
อนึ่ ง แมใ้ นกรณี เชน ้ ตัวแทนคา้ ตา่ งจะคิดเอาบาเหน็ จก็ยอ่ มคิดได้
่ นั น
มาตรา ๘๔๔ ในระหวา่ งตัวการกับตัวแทนคา้ ตา่ ง ทา่ นให้ถือวา่ กิจการอั นตัวแทนได้ทาให้ตก ลงไปนั น ้ ยอ่ มมีผลเสมือนดังวา่ ได้ทาให้
ตกลงไปในนามของตัวการโดยตรง
ลั กษณะ ๑๖ นายหน้า
มาตรา ๘๔๕ บุคคลผูใ้ ดตกลงจะให้คา่ บาเหน็ จแกน ่ ายหน้าเพื่อที่ช้ีชอ่ งให้ได้เขา้ ทาสั ญญาก็ดี จั ดการให้ได้ทาสั ญญากันก็ดี ทา่ นวา่ บุคคลผูน ้ ัน้
จะตอ ้ งรั บผิดใชค ้ า่ บาเหน็ จก็ตอ่ เมื่อสั ญญานั น ้ ได้ทากันสาเร็จ เนื่ องแตผ ่ ลแหง่ การที่นายหน้าได้ช้ีชอ่ งหรื อจั ดการนั น ้ ถา้ สั ญญาที่ได้ทากันไวน ้ ัน้ มี
เงื่อนไขเป็ นเงื่อนบั งคั บกอ ่ น ไซร้ ทา่ นวา่ จะเรี ยกร้องบาเหน็ จคา่ นายหน้ายั งหาได้ไม่ จนกวา่ เงื่อนไขนั น ้ สาเร็จแลว้
นายหน้ามีสท ิ ธิจะได้รับชดได้คา่ ใชจ้ า่ ยที่ได้เสียไปก็ตอ่ เมื่อได้ตกลงกันไวเ้ ชน ้ ความขอ
่ นั น ้ นี้ ทา่ นให้ใชบ ้ ั งคั บแมถ ้ ึงวา่ สั ญญาจะมิได้ทากันสาเร็จ
มาตรา ๘๔๖ ถา้ กิจการอั นไดม ้ อบหมายแกน ่ ายหน้านั น ้ โดยพฤติการณ์เป็ นที่คาดหมายไดว้ า่
ยอ่ มทาใหแ ้ ตเ่ พื่อจะเอาคา่ บาเหน็ จไซร้ ทา่ นใหถ ้ ือวา่ ไดต
้ กลงกันโดยปริ ยายวา่ มีคา่ บาเหน็ จนายหน้า คา่ บาเหน็ จนั น ้ ถา้ มิได้กาหนดจานวน
กันไว้ ทา่ นให้ถือวา่ ได้ตกลงกันเป็ นจานวนตามธรรม
เนี ยม
มาตรา ๘๔๗ ถา้ นายหน้าทาการให้แกบ ่ ุคคลภายนอกด้วยก็ดี หรื อได้รับคามั ่นแต่ บุคคลภายนอกเชน ่ นั น ้ วา่ จะให้คา่ บาเหน็ จอั นไมค ่ วรแกน ่ าย
หน้าผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ตก็ดี เป็ นการฝ่าฝื นตอ่ การที่ตนเขา้ รั บทาหน้าที่ไซร้ ทา่ นวา่ นายหน้าหามีสท ิ ธิจะได้รับคา่ บาเหน็ จหรื อรั บชดใชค ้ า่ ใช้
จา่ ยที่ไดเ้ สียไปไม่
มาตรา ๘๔๘ ตัวนายหน้าไมต ่ อ ้ งรั บผิดไปถึงการชาระหนี้ ตามสั ญญาซึ่งไดท ้ าตอ่ กันเพราะตน เป็ นสื่อ เวน ้ แตจ่ ะมิได้บอกชื่อของฝ่ายหนึ่ งใหร้ ู้
ถึงอีกฝ่ายหนึ่ ง

มาตรา ๘๔๙ การรบั เงินหรื อรั บชาระหนี้ อันจะพึงชาระตามสั ญญานั น ้ ทา่ นให้สันนิ ษฐานไว้ กอ ่ นวา่ นายหน้ายอ่ มไมม ่ ีอานาจที่จะรั บแทนผู ้
เป็ นคูส ่ ั ญญา
ลั กษณะ ๑๗ ประนี ประนอมยอมความ
มาตรา ๘๕๐ อั นวา่ ประนี ประนอมยอมความนั น ้ คือสั ญญาซึ่งผูเ้ ป็ นคูส ้
่ ั ญญาทั งสองฝ ้ พิพาทอันใดอั นหนึ่ งซึ่งมีอยูห
่ าย ระงั บขอ ่ รื อจะมีข้ึนนั น

ใหเ้ สร็จไปด้วยตา่ งยอมผอ่ นผั นให้แกก ่ ัน
มาตรา ๘๕๑ อั นสั ญญาประนี ประนอมยอมความนั น ้ ถา้ มิได้มีหลั กฐานเป็ นหนั งสืออยา่ งใด อยา่ งหนึ่ งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ตอ ้ งรั บผิด หรื อ
ลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั น ้ เป็ นสาคั ญ ทา่ นวา่ จะฟ้องร้องให้ บั งคั บคดีหาได้ไม่
มาตรา ๘๕๒ ผลของสั ญญาประนี ประนอมยอมความนั น ้ ยอ่ มทาให้การเรี ยกร้องซึ่งแตล่ ะ ฝ่ายได้ยอมสละนั น ้ ไป และทาให้แตล่ ะฝ่าย
้ ระงั บสิน
ไดส ้ ิ
ท ธิ ต ่
ามที แสดงในสั ญ ญานั ้
น ว า
่ เป็ น ของตน
ลั กษณะ ๑๘ การพนั น และขั นตอ่
มาตรา ๘๕๓ อั นการพนั นหรื อขั นตอ ่ นั น ้ ทา่ นวา่ หากอ ่ ให้เกิดหนี้ ไม่ สิง่ ที่ได้ให้กันไปในการ
พนั นหรื อขันตอ่ ก็จะทวงคืนไมไ่ ด้ เพราะเหตุหามูลหนี้ อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดมิได้
ขอ ้ บั ญญั ติท่ีกลา่ วนี้ ทา่ นให้ใชต ้ ลอดถึงขอ ้ ตกลงเป็ นมูลหนี้ อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดอั นฝ่ายขา้ งเสีย
พนั นขั นตอ่ หากทาให้แกอ ่
่ ีกฝ่ายหนึ งเพือจะใชห ่ ้ นี้ เงินพนั นหรื อขั นตอ ้ ด้วย
่ นั น
มาตรา ๘๕๔ อั นการออกสลากกินแบง่ ก็ดี ออกสลากกินรวบก็ดี ทา่ นวา่ เป็ นสั ญญาอั นจะ ผูกพันตอ่ เมื่อรั ฐบาลได้ให้อานาจหรื อให้สัตยาบั น
แกก ่ ารนั น ้ เฉพาะราย นอกนั น ้ ทา่ นใหบ ้ ั งคั บตามบทบั ญญั ติ มาตรา ๘๕๓
มาตรา๘๕๕ภายในบั งคบั แหง่ บทบั ญญั ติมาตรา๓๑๒และ๙๑๖ตั ๋วเงินหรื อเอกสารอยา่ ง อื่นทุกฉบั บซึ่งออกให้เต็มจานวน หรื อแตโ่ ดยสว่ น เพื่อ
แทนเงินใด ๆ อั นไดแ ้ ตช่ นะพนั นหรื อขันตอ่ ก็ดี ออกให้ เพื่อใชเ้ งินที่ยืมมาใชใ้ นการพนั นหรื อขั นตอ่ เชน ้ ก็ดี ทา่ นวา่ ไมส
่ วา่ นั น ่ มบูรณ์
เพื่อประโยชน์แหง่ บทบั ญญั ติน้ี เงินรายใดใหย้ ืมแกบ ่ ุ คคลกาลั ง เล น
่ การพนั นหรื อ ขั นตอ่ ใน เวลาหรื อ ณ สถานที ่ เ ลน่ เช น
่ นั ้
น ทา่ นให้
สั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ เงินนั น ้ ได้ให้ยืมไปเพื่อเลน ่ การพนั นหรื อขั นตอ่
ลั กษณะ ๑๙ บั ญชีเดินสะพัด
มาตรา ๘๕๖ อั นวา่ สั ญญาบั ญชีเดินสะพัดนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลสองคนตกลงกันวา่ สืบแต่ นั น ้ ไป หรื อในชั ่วเวลากาหนดอั นใดอั นหนึ่ ง
้ ้
ให้ตัดทอนบั ญชีหนี ทั งหมดหรื อแตบ ้
่ างสว่ นอั นเกิดขึนแตก ้ ้
่ ิจการใน ระหวา่ งเขาทั งสองนั นหักกลบลบกัน และคงชาระแตส ่ ว่ นที่เป็ นจานวนคง
เหลือโดยดุลภาค
มาตรา ๘๕๗ การนาตั ๋วเงินลงเป็ นรายการในบั ญชีเดินสะพัดนั น ้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ ้ งดว้ ยเงื่อนไขวา่ จะมีผูช้ าระเงินตามตั ๋วนั น
่ นวา่ ไดล ้
ถา้ และตั ๋วนั น
้ มิได้ชาระเงินไซร้ จะเพิกถอนรายการอั นนั น ้ เสียก็ได้
มาตรา ๘๕๘ ถา้ คูส ่ ั ญญามิได้กาหนดกันไวว้ า่ ให้หักทอนบั ญชีโดยระยะเวลาอยา่ งไรไซร้ ทา่ นให้ ถือเอาเป็ นกาหนดหกเดือน
มาตรา ๘๕๙ คูส่ ั ญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสั ญญาบั ญชีเดินสะพัด และให้หักทอนบั ญชีกันเสีย ในเวลาใด ๆ ก็ได้ ถา้ ไมม ่ ีอะไรปรากฏเป็ นข้อ
ขั ดกับที่กลา่ วมานี้
มาตรา ๘๖๐ เงินสว่ นที่ผิดกันอยูน ้ ถา้ ยั งมิได้ชาระ ทา่ นให้คิดดอกเบี้ยนั บแตว่ ั นที่หักทอน บั ญชีเสร็จเป็ นตน
่ ัน ้ ไป
ลั กษณะ ๒๐ ประกันภัย
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป

มาตรา ๘๖๑ อั นวา่ สั ญญาประกันภัยนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ งตกลงจะใชค ้ า่ สินไหม ทดแทน หรื อใชเ้ งินจานวนหนึ่ งให้ในกรณี
วินาศภัยหากมีขึน หรื อในเหตุอยา่ งอืนในอนาคตดังได้ระบุไวใ้ น สั ญญา และในการนี้ บุคคลอีกคนหนึ่ งตกลงจะสง่ เงินซึ่งเรี ยกวา่ เบี้ยประกัน
้ ่
ภัย
มาตรา ๘๖๒ ตามขอ ้ ความในลั กษณะนี้
คาวา่ “ผูร้ ั บประกันภัย” ทา่ นหมายความวา่ คูส่ ั ญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะใชค ้ า่ สินไหมทดแทน หรื อใชเ้ งินจานวนหนึ่ งให้
คาวา่ “ผูเ้ อาประกันภัย” ทา่ นหมายความวา่ คูส ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะสง่ เบี้ยประกันภัย
คาวา่ “ผูร้ ั บประโยชน์” ทา่ นหมายความวา่ บุคคลผูจ้ ะพึงได้รับคา่ สินไหมทดแทนหรื อรั บ จานวนเงินใชใ้ ห้
อนึ่ ง ผูเ้ อาประกันภัยและผูร้ ั บประโยชน์นัน ้ จะเป็ นบุคคลคนหนึ่ งคนเดียวกันก็ได้
มาตรา ๘๖๓ อั นสั ญญาประกันภัยนั น ถา้ ผูเ้ อาประกันภัยมิได้มีสว่ นได้เสียในเหตุท่ี ประกันภัยไวน
้ ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ยอ่ มไมผ
้ ัน ่ ูกพันคูส
่ ั ญญาแต่
อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด
มาตรา ๘๖๔ เมื่อคูส ่ ั ญญาประกันภัยยกเอาภัยใดโดยเฉพาะขึ้นเป็ นขอ ้ พิจารณาในการวาง กาหนดจานวนเบี้ยประกันภัย และภัยเชน ้ ไป
้ สิน
่ นั น
หามีไมแ ่ ลว้ ทา่ นวา่ ภายหน้าแตน ้ ไป ผูเ้ อาประกันภัยชอบ ที่จะได้ลดเบี้ยประกันภัยลงตามสว่ น
่ ัน
มาตรา ๘๖๕ ถา้ ในเวลาทาสั ญญาประกันภัย ผูเ้ อาประกันภัยก็ดี หรื อในกรณี ประกันชีวต ิ บุคคลอั นการใชเ้ งินยอ่ มอาศั ยความทรงชีพหรื อ
มรณะของเขานั น ้ ก็ดี รู้ อยูแ่ ลว้ ละเวน ้ เสียไมเ่ ปิดเผยขอ ้ ความจริ ง ซึ่งอาจจะได้จูงใจผูร้ ั บประกั นภัยให้เรี ยกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรื อให้บอกปัด
ไมย่ อมทาสั ญญา หรื อวา่ รู้ อยู ่ แลว้ แถลงขอ ้ ความนั น ้ เป็ นความเท็จไซร้ ทา่ นวา่ สั ญญานั น ้ เป็ นโมฆียะ
ถา้ มิไดใ้ ชส ้ ิ
ท ธิ บ อกล า
้ งภายในกาหนดเดื อนหนึ ่ งนั บแต ว
่ั น ่
ที ผู ร
้ั บประกั นภัยทราบมู ล อั น จะบอก ลา้ งไดก ้ ด
็ ี หรื อมิไดใ้ ชส
้ ท ้ ภายในกาหนด
ิ ธินัน
หา้ ปี นั บแตว่ ั นทาสั ญญาก็ดี ทา่ นวา่ สิทธินั ้ นเป็ นอันระงั บสิน ้ ไป
มาตรา ๘๖๖ ถา้ ผูร้ ั บประกั นภัยได้รู้ขอ ้ ความจริ งดังกลา่ วในมาตรา ๘๖๕ นั น ้ ก็ดีหรื อรู้ วา่ ขอ้ แถลงความเป็ นความเท็จก็ดี หรื อควรจะได้รู้เชน ่
้ หากใชค
นั น ้ วามระมั ดระวั งดังจะพึงคาดหมายได้แตว่ ญ ิ ญูชนก็ดี ทา่ นให้ฟังวา่ สั ญญานั น ้ เป็ นอั นสมบูรณ์
มาตรา ๘๖๗ อั นสั ญญาประกันภัยนั น ้ ถา้ มิได้มีหลั กฐานเป็ นหนั งสืออยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งลง ลายมือชื่อฝ่ายที่ตอ ้ งรั บผิดหรื อลายมือชื่อตัวแทน

ของฝ่ายนั นเป็ นสาคั ญ ทา่ นวา่ จะฟ้องร้องให้บังคั บคดีหาได้ไม่
ใหส ้ ง่ มอบกรมธรรมป ์ ระกันภัยอันมีเนื้ อความตอ ้ งตามสั ญญานั น ้ แกผ่ ูเ้ อาประกันภัยฉบั บหนึ่ ง

กรมธรรมป ์ ระกันภัย ตอ ้ งลงลายมือชื่อของผูร้ ั บประกั นภัยและมีรายการ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) วั ตถุท่ีเอาประกันภัย


(๒) ภัยใดซึ่งผูร้ ั บประกันภัยรั บเสี่ยง
(๓) ราคาแหง่ มูลประกันภัย ถา้ หากได้กาหนดกันไว้
(๔) จานวนเงินซึ่งเอาประกันภัย
(๕) จานวนเบี้ยประกันภัย และวิธีสง่ เบี้ยประกันภัย
(๖) ถา้ หากสั ญญาประกันภัยมีกาหนดเวลา ตอ ้ งลงเวลาเริ่ มตน ้ และเวลาสิน ้ ว้ ย (๗) ชื่อหรื อยี่หอ
้ สุดไวด ้ ของผูร้ ั บประกั นภัย
(๘) ชื่อหรื อยี่ห้อของผูเ้ อาประกันภัย
(๙) ชื่อของผูร้ ั บประโยชน์ ถา้ จะพึงมี
(๑๐) วั นทาสั ญญาประกันภัย
(๑๑) สถานที่และวั นที่ได้ทากรมธรรมป ์ ระกันภัย
มาตรา ๘๖๘ อั นสั ญญาประกันภัยทะเล ทา่ นใหบ ้ ั งคั บตามบทบั ญญั ติแหง่ กฎหมายทะเล
หมวด ๒ ประกันวินาศภัย
สว่ นที่ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๘๖๙ อั นคาวา่ “วินาศภัย” ในหมวดนี้ ทา่ นหมายรวมเอาความเสียหายอยา่ งใด ๆ บรรดาซึ่งจะพึงประมาณเป็ นเงินได้
มาตรา ๘๗๐ ถา้ ได้ทาสั ญญาประกันภัยเป็ นสองรายหรื อกวา่ นั น ้ พร้อมกันเพื่อความวินาศภัย อั นเดียวกัน และจานวนเงินซึ่งเอาประกันภัยรวม
้ ้
กันทั งหมดนั นทว่ มจานวนทีวน ่ ิ าศจริ งไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บ ประโยชน์ชอบที่จะได้รับคา่ สินไหมทดแทนเพียงเสมอจานวนวินาศจริ งเทา่ นั น ้ ผูร้ ั บ
ประกันภัยแตล่ ะคนตอ ่
้ งใช้ เงินจานวนวินาศจริ งแบง่ ตามสว่ นมากน้อยทีตนได้รับประกันภัยไว้

อั นสั ญญาประกันภัยทั งหลาย ถา้ ลงวั นเดียวกัน ทา่ นใหถ ้ ือวา่ ไดท ้ าพร้อมกัน
้ สืบเนื่ องเป็ นลาดับกั น ทา่ นวา่ ผูร้ ั บ ประกันภัยคนแรกจะต้องรั บผิดเพื่อความวินาศภัยกอ
ถา้ ได้ทาสั ญญาประกันภัยเป็ นสองรายหรื อกวา่ นั น ่ น

ถา้ และจานวนเงินซึงผูร้ ั บประกันภัยคนแรกได้ใชน ้ ยั ง
้ ัน

ไมค ่ ุม้ จานวนวินาศภั ยไซร้ ผูร้ ั บประกันภัยคนถัดไปก็ตอ ้ งรั บผิดในสว่ นที่ยังขาดอยูน ่ ัน้ ตอ่ ๆ กันไปจนกวา่ จะคุม ้ วินาศ
มาตรา ๘๗๑ ถา้ ได้ทาสั ญญาประกันภัยเป็ นสองรายหรื อกวา่ นั น ้ พร้อมกันก็ดี หรื อสืบเนื่ อง เป็ นลาดับกันก็ดี ทา่ นวา่ การที่ยอมสละสิทธิอันมี
ตอ่ ผูร้ ั บประกั นภัยรายหนึ่ งนั น ้ ไมก ่ ระทบกระทั ่ง ถึงสิทธิและ หน้าที่ของผูร้ ั บประกันภัยรายอื่น ๆ
มาตรา ๘๗๒ กอ ่ นเริ่ มเสี่ยงภั ย ผูเ้ อาประกันภัยจะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้ แตผ ่ ูร้ ั บประกันภัย
ชอบที่จะได้เบี้ยประกั นภัยกึ่งจานวน
มาตรา ๘๗๓ ถา้ ในระหวา่ งอายุสัญญาประกันภัยนั น ้ มูลประกันภัยไดล ้ ดน้อยถอยลงไปหนั ก ไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ อาประกันภัยชอบที่จะไดล ้ ดจาน
วนเงินซึ่งเอาประกันภัยไว้ และลดจานวนเงินเบี้ยประกันภัย
การลดจานวนเบี้ยประกันภัยนั น ้ ให้เป็ นผลตอ่ ในอนาคต
มาตรา ๘๗๔ ถา้ คูส่ ั ญญาได้กาหนดราคาแหง่ มูลประกั นภัยไว้ ผูร้ ั บประกันภัยชอบที่จะได้ลด จานวนคา่ สินไหมทดแทน ก็แตเ่ มื่อพิสูจน์ได้วา่
ราคาแหง่ มูลประกันภัยตามที่ได้ตกลงกันไวน ้ เป็ นจานวนสูง เกินไปหนั ก และคืนจานวนเบี้ยประกันภัยให้ตามสว่ นกับทั งดอกเบี
้ ัน ้ ้ ยด้วย
มาตรา ๘๗๕ ถา้ วั ตถุอันได้เอาประกั นภัยไวน ้ เปลี่ยนมือไปจากผูเ้ อาประกันภัยโดย พินัยกรรมก็ดี หรื อโดยบั ญญั ติกฎหมายก็ดี ทา่ นวา่
้ ัน
สิทธิอันมีอยูใ่ นสั ญญาประกันภัยก็ยอ่ มโอนตามไปด้วย
ถา้ ในสั ญญามิไดก ้ าหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น เมื่อผูเ้ อาประกันภัยโอนวั ตถุท่ีเอาประกั นภัยและบอก กลา่ วการโอนไปยั งผูร้ ั บประกั นภัยไซร้ ทา่ นวา่
สิทธิอันมีอยูใ่ นสั ญญาประกันภัยนั น ้ ยอ่ มโอนตามไปด้วย อนึ่ ง ถา้ ในการโอนเชน ่ นี้ ชอ ่ งแหง่ ภัยเปลี่ยนแปลงไปหรื อเพิ่มขึ้นหนั กไซร้ ทา่ นวา่
สั ญญาประกันภัยนั น ้ กลายเป็ นโมฆะ
มาตรา ๘๗๖ ถา้ ผูร้ ั บประกันภัยตอ ้ งคาพิพากษาให้เป็ นคนล้มละลาย ผูเ้ อาประกันภัยจะ เรี ยกให้หาประกันอั นสมควรให้แกต ่ นก็ได้ หรื อ
จะบอกเลิกสั ญญาเสียก็ได้
ถา้ ผูเ้ อาประกันภัยตอ ้ งคาพิพากษาให้เป็ นคนลม ้ ละลาย ทา่ นให้ใชว้ ธิ ีเดียวกันนี้ บั งคั บตามควร แกเ่ รื่ อง แตก ่ ระนั น้ ก็ดี ถา้ เบี้ยประกั นภัยได้สง่
แลว้ เต็มจานวนเพื่ออายุประกันภัยเป็ นระยะเวลามากน้อยเทา่ ใด ไซร้ ทา่ นหา้ มมิใหผ ้ ู้ รั บประกั นภัยบอกเลิ ก สั ญ ญาก อ
่ นระยะเวลานั น ้ สุดลง
มาตรา ๘๗๗ ผูร้ ั บประกั นภัยจาตอ ้ งใช ค
้ า
่ สิน ไหมทดแทนดังจะกล า วต
่ ่ อ ้
ไปนี คื อ (๑) ่
เพื อจานวนวิ นาศภัยอั น แท จ
้ ริ ง

(๒) เพื่อความบุบสลายอั นเกิดแกท ิ ซึ่งได้เอาประกันภัยไวเ้ พราะได้จัดการตามสมควร เพื่อป้องปัดความวินาศภัย


่ รั พยส์ น
่ ่
(๓) เพือบรรดาคา่ ใชจ้ า่ ยอั นสมควรซึงได้เสียไปเพื่อรั กษาทรั พยส์ น ิ ซึ่งเอาประกันภัยไวน ้ มิให้
้ ัน
วินาศ
อั นจานวนวินาศจริ งนั น ้ ทา่ นใหต ้ ีราคา ณ สถานที่และในเวลาซึ่งเหตุวน ิ าศภัยนั น ้ ไดเ้ กิดขึ้น อนึ่ ง จานวนเงินซึ่งไดเ้ อาประกั นภัยไวน ้
้ ัน
ทา่ นใหส ั้ นนิ ษฐานไวก ้ ่อ นว า
่ เป็ นหลั กประมาณอั น ถู กต อ
้ งในการตี ราคาเช น
่ ว า
่ นั ้

ทา่ นห้ามมิให้คิดคา่ สินไหมทดแทนเกินไปกวา่ จานวนเงินซึ่งเอาประกันภัยไว้
มาตรา ๘๗๘ คา่ ใชจ้ า่ ยในการตีราคาวินาศภัยนั น ้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บประกันภัยตอ ้ งเป็ นผูอ ้ อกใช้
มาตรา ๘๗๙ ผูร้ ั บประกันภัยไมต ่ อ้ งรั บผิดในเมื่อความวินาศภัยหรื อเหตุอ่ืนซึ่งได้ระบุไวใ้ น สั ญญานั น ้ ได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริ ต หรื อความ
ประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรงของผูเ้ อาประกันภัยหรื อผูร้ ั บ ประโยชน์
ผูร้ ั บประกันภัยไมต ่ อ
้ งรั บผิดในความวินาศภัยอั นเป็ นผลโดยตรงมาแตค ่ วามไมส ่ มประกอบใน เนื้ อแหง่ วั ตถุท่ีเอาประกันภัย เวน ้ แตจ่ ะไดต ้ กลง
กันเป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๘๘๐ ถา้ ความวินาศภัยนั น ้ ได้เกิดขึ้นเพราะการกระทาของบุคคลภายนอกไซร้ ผูร้ ั บ ประกันภัยได้ใชค ้ า่ สินไหมทดแทนไปเป็ นจานวน
เพียงใด ผูร้ ั บประกันภัยยอ่ มเขา้ รั บชว่ งสิทธิของผูเ้ อา ประกันภัยและของผูร้ ั บประโยชน์ซ่ึงมีตอ่ บุคคลภายนอกเพียงนั น ้
ถา้ ผูร้ ั บประกันภัยได้ใชค ้ า่ สินไหมทดแทนไปแตเ่ พียงบางสว่ นไซร้ ทา่ นห้ามมิใหผ ้ ูร้ ั บ ประกันภัยนั น ้ ใชส ิ ธิของตนให้เสื่อมเสียสิทธิของผูเ้ อา
้ ท
ประกันภัย หรื อผูร้ ั บประโยชน์ ในการที่เขาจะเรี ยกร้อง เอาคา่ สินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกเพื่ อเศษแหง่ จานวนวินาศนั น ้
มาตรา ๘๘๑ ถา้ ความวินาศเกิดขึ้นเพราะภัยมีข้ึนดังผูร้ ั บประกันภัยตกลงประกันภัยไวไ้ ซร้ เมื่อผูเ้ อาประกันภัยหรื อผูร้ ั บประโยชน์ทราบความ
วินาศนั น ้ แลว้ ตอ ้ งบอกกลา่ วแกผ ่ ูร้ ั บประกั นภัยโดยไมช่ ั กชา้
ถา้ มิได้ปฏิบัติตามบทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในวรรคกอ ่ น ผูร้ ั บประกั นภัยอาจเรี ยกร้องคา่ สินไหม ทดแทนเพื่อความเสียหายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดแต่
การนั น ้ ได้ เวน ้ แตอ่ ีกฝ่ายหนึ่ งจะพิสูจน์ได้วา่ ไมส ่ ามารถที่จะ ปฏิบัติได้
มาตรา ๘๘๒ ในการเรี ยกใหใ้ ชค ้ า่ สินไหมทดแทน ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพน ้ กาหนดเวลา สองปี นั บแตว่ ั นวินาศภัย

ในการเรี ยกใหใ้ ชห ้ ืนเบี้ยประกันภัย ทา่ นหา้ มมิใหฟ


้ รื อใหค ้ เวลาสองปี นั บแตว่ ั น ซึ่งสิทธิจะเรี ยกใหใ้ ชห
้ ้ องคดีเมือ่ พน ้ รื อคืนเบี้ยประกั นภัยถึงกา
หนด
สว่ นที่ ๒ วิธีเฉพาะการประกั นภัยในการรั บขน
มาตรา ๘๘๓ อั นสั ญญาประกันภัยในการรั บขนนั น ้ ยอ่ มคุม ้ ถึงความวินาศภัยทุกอยา่ งซึ่งอาจ
เกิดแกข่ องที่ขนสง่ ในระหวา่ งเวลาตั งแต ้ ผ ่ ูข้ นสง่ ได้รับของไป จนได้สง่ มอบของนั น ้ แกผ ่ ูร้ ั บตราสง่ และจานวนคา่ สินไหมทดแทนนั น ้ ยอ่ ม
กาหนดตามที่ของซึ่งขนสง่ นั น ้ จะได้มีราคาเมื่อถึงตาบลอันกาหนดให้สง่
มาตรา ๘๘๔ ถา้ ของซึ่งขนสง่ นั น ้ ไดเ้ อาประกั นภัยเมื่ออยูใ่ นระหวา่ งสง่ เดินทางไปทา่ นใหค ้ ิด มูลประกันภัยในของนั น ้ นั บรวมทั งราคาของ
้ ณ
สถานที่และในเวลาที่ผูข้ นสง่ ไดร้ ั บของ และใหเ้ พิ่มคา่ ระวางสง่ ของไปยั งสถานที่สง่ มอบแกผ ู
่ ้ รั บตราส ง
่ กับทั ้
งคา ใช
่ ้ ่ จ ายอื่ น ๆ ่
เนื องด ว
้ ยการส ง่
ของไปนั น ้ เขา้ ด้วย
กาไรอั นจะพึงได้ในเวลาเมื่อสง่ มอบของนั น ้ ยอ่ มจะคิดรวมเขา้ เป็ นมูลประกันภัยได้ตอ ่ เมื่อได้มี ขอ ้ ตกลงกันไวเ้ ชน ้ ชั ดแจง้
่ นั น
มาตรา ๘๘๕ อั นสั ญญาประกันภัยในการรั บขนนั น ้ ถึงแมก ้ ารขนสง่ จะตอ ้ งสะดุดหยุดลง ชั ่วขณะหรื อจะตอ ้ งเปลี่ยนทางหรื อเปลี่ยนวิธีขนสง่
อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดโดยเหตุจาเป็ นในระหวา่ งสง่ เดินทางก็ดี ทา่ นวา่ สั ญญานั น ้ ก็ยอ่ มคงเป็ นอั นสมบูรณ์อยู ่ เวน ้ แตจ่ ะได้ระบุไวใ้ นสั ญญาเป็ นอยา่ ง
่อืน
มาตรา ๘๘๖ อั นกรมธรรมป ์ ระกันภัยในการรั บขนนั น ้ นอกจากที่ไดร้ ะบุไวแ ้ ลว้ ในมาตรา ๘๖๗ ตอ ้ งมีรายการเพิ่มขึ้นอีกดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้
คือ
(๑) ระบุทางและวิธีขนสง่
(๒) ชื่อหรื อยี่หอ
้ ของผูข้ นสง่
(๓) สถานที่ซ่ึงกาหนดใหร้ ั บและสง่ มอบของ (๔) กาหนดระยะเวลาขนสง่ ตามแตม
่ ี
สว่ นที่ ๓ ประกันภัยคา้ จุน

มาตรา ๘๘๗ อั นวา่ ประกันภัยคา้ จุนนั น ้ คือสั ญญาประกันภัยซึ่งผูร้ ั บประกันภัยตกลงวา่ จะใช้ คา่ สินไหมทดแทนในนามของผูเ้ อาประกันภัย
เพือความวินาศภัยอั นเกิดขึนแก่บุคคลอีกคนหนึ่ ง และซึ่งผูเ้ อา ประกันภัยจะตอ
่ ้ ้ งรั บผิดชอบ
บุคคลผูต ้ อ้ งเสียหายชอบที่จะไดร้ ั บคา่ สินไหมทดแทนตามที่ตนควรจะได้นัน ้ จากผูร้ ั บ ประกันภัยโดยตรง แตค ่ า่ สินไหมทดแทนเชน ่ วา่ นี้ หาอาจ
จะคิดเกินไปกวา่ จานวนอันผูร้ ั บประกันภัยจะพึงตอ ้ งใช ้ ตามสั ญ ญานั ้
น ได ไม
้ ่ ในคดี ร ะหว า
่ งบุ ค คลผู ต อ
้ ้ งเสี ย หายกับผู ร
้ ั บประกั นภัยนั ้ ทา่ นใหผ
น ้ ู้
ตอ ้ งเสียหายเรี ยกตัวผูเ้ อา ประกันภัยเขา้ มาในคดีด้วย
อนึ่ ง ผูร้ ั บประกั นภัยนั น ้ แมจ้ ะได้สง่ คา่ สินไหมทดแทนให้แกผ ่ ูเ้ อาประกันภัยแลว้ ก็ยังหาหลุด
พน ้ จากความรั บผิดตอ่ บุคคลผูต ้ อ
้ งเสียหายนั น ้ ไม่ เวน ้ แตต่ นจะพิสูจน์ได้วา่ สินไหมทดแทนนั น ้ ผูเ้ อาประกันภัยได้ ใชใ้ ห้แกผ ่ ูต
้ อ
้ งเสียหายแลว้
มาตรา ๘๘๘ ถา้ คา่ สินไหมทดแทนอั นผูร้ ั บประกันภัยได้ใชไ้ ปโดยคาพิพากษานั น ้ ยั งไมค ่ ุม
้ คา่ วินาศภัยเต็มจานวนไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ อาประกันภัย
ก็ยังคงตอ ้ งรั บใชจ้ านวนที่ยังขาด เวน ้ ไวแ ้ ตบ
่ ุคคลผูต ้ อ
้ งเสียหาย จะได้ละเลยเสียไมเ่ รี ยกตัวผูเ้ อาประกันภัยเขา้ มาสู ค ่ ดีด้วยดังกลา่ วไวใ้ นมาตรา
กอ ่ น
หมวด ๓ ประกันชีวต ิ
มาตรา ๘๘๙ ในสั ญญาประกันชีวต ิ นั น ้ การใชจ้ านวนเงินยอ่ มอาศั ยความทรงชีพหรื อมรณะ ของบุคคลคนหนึ่ ง
มาตรา ๘๙๐ จานวนเงินอั นจะพึงใชน ้ ัน้ จะชาระเป็ นเงินจานวนเดียว หรื อเป็ นเงินรายปี ก็ได้
สุดแลว้ แตจ่ ะตกลงกันระหวา่ งคูส ่ ั ญญา
มาตรา ๘๙๑ แมใ้ นกรณี ท่ีผูเ้ อาประกันภัยมิได้เป็ นผูร้ ั บประโยชน์เองก็ดี ผูเ้ อาประกันภัยยอ่ ม มีสท ิ ธิท่ีจะโอนประโยชน์แหง่ สั ญญานั น ้ ให้แก่
บุคคลอีกคนหนึ่ งได้ เวน ้ แต จ
่ ะได ส
้ ่ ง มอบกรมธรรม ป
์ ระกันภัยให แก
้ ่ ้ผู รั บประโยชน ์ ไปแล ว
้ และผู ร
้ ั บประโยชน ได
์ ้ บ อกกล า
่ วเป็ น หนั งสื อไปยั ง
ผูร้ ั บประกันภัยแลว้ วา่ ตนจานงจะถือเอา ประโยชน์แหง่ สั ญญานั น ้
ถา้ กรมธรรมป ์ ระกันภัยได้ทาเป็ นรู ปให้ใชเ้ งินตามเขาสั ง่ แลว้ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติมาตรา ๓๐๙ มาใชบ ้ ั งคั บ

มาตรา ๘๙๒ ในกรณี บอกลา้ งสั ญญาตามความในมาตรา ๘๖๕ ผู ร้ ั บประกันภัยตอ ้ งคืนคา่ ไถ่ ถอนกรมธรรมป ์ ระกันภัยให้แกผ ่ ูเ้ อาประกันภัย
หรื อทายาทของผูน ้ ัน ้
มาตรา ๘๙๓ การใชเ้ งินอาศั ยเหตุความทรงชีพ หรื อมรณะของบุคคลผูใ้ ด แมไ้ ดแ ้ ถลงอายุ ของบุคคลผูน ้ ัน ้ ไวค ้ ลาดเคลื่อนไมถ ่ ูกตอ้ งเป็ นเหตุ
ใหไ้ ดก ้ าหนดจานวนเบี ้ ย ประกันภัยไว ต า
้ ่ ไซร้ ่ ท า นให ล
้ ดจานวน เงิ นอั น ผู ร
้ ั บประกันภัยจะพึ ง ต อ
้ งใช น
้ ั ้
น ลงตามส ว
่ น
แตถ ่ า้ ผูร้ ั บประกันภัยพิสูจน์ได้วา่ ในขณะที่ทาสั ญญานั น ้ อายุท่ีถูกตอ ้ งแทจ้ ริ งอยูน ่ อกจากัด อั ตราตามทางคา้ ปกติของเขาแลว้ ทา่ นวา่ สั ญญานั น ้
เป็ นโมฆียะ
มาตรา ๘๙๔ ผูเ้ อาประกันภัยชอบที่จะบอกเลิกสั ญญาประกันภัยเสียในเวลาใด ๆ ก็ได้ด้วยการ งดไมส ่ ง่ เบี้ยประกันภัยตอ่ ไป ถา้ และได้

สง่ เบียประกันภัยมาแลว้ อยา่ งน้อยสามปี ไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ อาประกันภัย ชอบทีจะได้รับเงินคา่ เวนคืนกรมธรรมป ่ ์ ระกันภัย หรื อรั บกรมธรรมใ์ ชเ้ งิน
สาเร็จจากผูร้ ั บประกันภัย
มาตรา ๘๙๕ เมื่อใดจะตอ ้ งใชจ้ านวนเงินในเหตุมรณะของบุคคลคนหนึ่ งคนใด ทา่ นวา่ ผูร้ ั บ ประกันภัยจาตอ ้ งใชเ้ งินนั น ้ ในเมื่อมรณภัยอั นนั น ้
เกิดขึ้น เวน ้ แต่
(๑) บุคคลผูน ้ ัน ้ ได้กระทาอั ตวินิบาตด้วยใจสมั ครภายในปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นทาสั ญญาหรื อ
(๒) บุคคลผูน ้ ัน ้ ถูกผูร้ ั บประโยชน์ฆา่ ตายโดยเจตนา
ในกรณี ท่ี ๒ นี้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บประกันภัยจาตอ ้ งใชเ้ งินคา่ ไถถ ่ อนกรมธรรมใ์ ห้แกผ ่ ูเ้ อาประกันภัย
หรื อใหแ ้ กท่ ายาทของผูน ้ ัน ้
มาตรา ๘๙๖ ถา้ มรณภัยเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลภายนอก ผู ร้ ั บประกั นภัยหาอาจจะ เรี ยกเอาคา่ สินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกนั น ้
ได้ไม่ แตส ่ ทิ ธิของฝ่ายทายาทแหง่ ผูม ้ รณะในอั นจะได้คา่ สินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกนั น ้ หาสูญสิน ้ ไปด้วยไม่ แมท ้
้ ั งจานวนเงิ นอั นจะพึง
ใชต ้ ามสั ญญาประกันชีวต ิ
้ จะหวนกลั บมาได้แกต
นั น ่ นด้วย
มาตรา ๘๙๗ ถา้ ผูเ้ อาประกันภัยได้เอาประกันภัยไวโ้ ดยกาหนดวา่ เมื่อตนถึงซึ่งความมรณะ ให้ใชเ้ งินแกท ้
่ ายาททั งหลายของตนโดยมิ ได้
เจาะจงระบุช่ือผูห ้ นึ่ งผู ใ
้ ดไว ไซร
้ ้ จานวนเงิ น อั นจะพึ ง ใช น
้ ั ้
น ท า
่ นให ฟ
้ ั งเอาเป็ น สิ น ทรั พย ส ว
์ ่ นหนึ ่ งแห ง
่ กองมรดกของผู เ้ อาประกันภัย ซึ่งเจา้
หนี้ จะเอาใชห ้ นี้ ได้
ถา้ ได้เอาประกันภัยไวโ้ ดยกาหนดวา่ ให้ใชเ้ งินแกบ ่ ุคคลคนใดคนหนึ่ งโดยเฉพาะเจาะจง ทา่ น วา่ เฉพาะแตจ่ านวนเงินเบี้ยประกันภัยซึ่งผูเ้ อา
ประกันภัยได้สง่ ไปแลว้ เทา่ นั น ้ จั กเป็ นสินทรั พยส์ ว่ นหนึ่ งแหง่ กอง มรดกของผูเ้ อาประกันภัยอั นเจา้ หนี้ จะเอาใชห ้ นี้ ได้
ลั กษณะ ๒๑

ตั ๋วเงิน
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๘๙๘ อั นตั ๋วเงินตามความหมายแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ มีสามประเภท ๆ หนึ่ ง คือตั ๋ว
แลกเงิน ประเภทหนึ่ ง คือตั ๋วสั ญญาใชเ้ งิน ประเภทหนึ่ ง คือเช็ค
มาตรา ๘๙๙ ขอ ้ ความอั นใดซึ่งมิได้มีบัญญั ติไวใ้ นประมวลกฎหมายลั กษณะนี้ ถา้ เขียนลงใน ตั ๋วเงิน ทา่ นวา่ ขอ ้ หาเป็ นผลอยา่ ง
้ ความอั นนั น

หนึ งอยา่ งใดแกต ่ ั ๋วเงินนั น
้ ไม่
มาตรา ๙๐๐ บุคคลผูล ้ งลายมือชื่อของตนในตั ๋วเงินยอ่ มจะตอ
้ งรั บผิดตามเนื้ อความในตั ๋วเงิน
นั น้
ลายมือชื่อในตั ๋วเงินไซร้ แมถ ้ ึงวา่ จะมีพยานลงชื่อรั บรองก็ตาม ทา่ นวา่ หาใหผ ้ ลเป็ นลงลายมือชื่อในตั ๋วเงินนั น ้ ไม่

ถา้ ลงเพียงแตเ่ ครื องหมายอยา่ งหนึ งอยา่ งใด เชน ่ ่ แกงไดหรื อลายพิมพน ้
์ ิ วมืออา้ งเอาเป็ น
มาตรา ๙๐๑ ถา้ บุคคลคนใดลงลายมือชื่อของตนในตั ๋วเงิน และมิไดเ้ ขียนแถลงวา่ กระทาการ แทนบุคคลอีกคนหนึ่ งไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลคนนั น ้
ยอ่ มเป็ นผูร้ ั บผิดตามความในตั ๋วเงินนั น ้
มาตรา ๙๐๒ ถา้ ตั ๋วเงินลงลายมือชื่อของบุคคลหลายคน มีทังบุ ้ คคลซึ่งไมอ่ าจจะเป็ นคูส่ ั ญญา แหง่ ตั ๋วเงินนั น
้ ได้เลย หรื อเป็ นได้แตไ่ มเ่ ต็มผล
ไซร้ ทา่ นวา่ การนี้ ยอ่ มไมก ่ ระทบกระทั ่งถึงความรั บผิดของบุคคล
อื่น ๆ นอกนั น ้ ซึ่งคงตอ ้ งรั บผิดตามตั ๋วเงิน
มาตรา ๙๐๓ ในการใชเ้ งินตามตั ๋วเงิน ทา่ นมิใหใ้ ห้วันผอ่ น
มาตรา ๙๐๔ อั นผูท ้ รงนั น้ หมายความวา่ บุคคลผูม ้ ีตั๋วเงินไวใ้ นครอบครอง โดยฐานเป็ นผูร้ ั บ เงิน หรื อเป็ นผูร้ ั บสลั กหลั ง ถา้ และเป็ นตั ๋ว
เงินสั ่งจา่ ยใหแ กผ
้ ่ ้ ู ถื อ ๆ ก็
น ั บว า
่ เป็ นผู ท
้ รงเหมื อนกัน
มาตรา ๙๐๕ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติมาตรา ๑๐๐๘ บุคคลผูไ้ ด้ตั๋วเงินไวใ้ นครอบครอง ถา้ แสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลั กหลั งไมข่ าด
สาย แมถ ้ ึงวา่ การสลั กหลั งรายที่สุดจะเป็ นสลั กหลั งลอยก็ตาม ทา่ นให้ถือวา่ เป็ นผูท ้ รงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อใดรายการสลั กหลั งลอยมีสลั ก
หลั งรายอื่นตามหลั งไปอีก ทา่ น

ให้ถือวา่ บุคคลผูท ้ ่ีลงลายมือชื่อในการสลั กหลั งรายที่สุดนั น ้ เป็ นผูไ้ ด้ไปซึ่งตั ๋วเงินด้วยการสลั กหลั งลอย อนึ่ ง คา สลั กหลั งเมื่อขีดฆา่ เสียแลว้
ทา่ นใหถ ้ ื อ เสมื อ นว า
่ มิ ไ ด ม
้ ี เ ลย
ถา้ บุคคลผูห ้ นึ่ งผูใ้ ดตอ ้ งปราศจากตั ๋วเงินไปจากครอบครอง ทา่ นวา่ ผูท ้ รงซึ่งแสดงให้ปรากฏ สิทธิของตนในตั ๋วตามวิธีการดังกลา่ วมาในวรรค
กอ ้ หาจาตอ
่ นนั น ้ งสละตั ๋วเงินไม่ เวน ้ แตจ่ ะได้มาโดยทุจริ ต หรื อ ได้มาด้วยความประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง
อนึ่ ง ขอ ้ ความในวรรคกอ ่ นนี้ ให้ใชบ ้ รงตั ๋วเงินสั ่งจา่ ยให้แกผ
้ ั งคั บตลอดถึงผูท ่ ูถ
้ ือด้วย
มาตรา ๙๐๖ คาวา่ คูส ่ ั ญญาคนกอ ่ น ๆ นั ้ น รวมทั งผู ้ ส ้ ั ่งจา่ ย หรื อผูอ ้ อกตั ๋วเงินและผูส ้ ลั ก
หลั งคนกอ ่ น ๆ ด้วย
มาตรา ๙๐๗ เมื่อใดไมม ่ ีท่ีในตั ๋วเงินซึ่งจะสลั กหลั งไดต ้ อ่ ไปไซร้ ทา่ นอนุ ญาตใหเ้ อากระดาษ แผน ่ หนึ่ งผนึ กตอ่ เขา้ กับตั ๋วเงินเรี ยกวา่ ใบประจา
ตอ่ นั บเป็ นสว่ นหนึ่ งแหง่ ตั ๋วเงินนั น ้
การสลั กหลั งในใบประจาตอ่ ครั ง้ แรกตอ ้ งเขียนคาบบนตั ๋วเงินเดิมบา้ ง บนใบประจาตอ่ บา้ ง
หมวด ๒ ตั ๋วแลกเงิน
สว่ นที่ ๑ การออกและสลั กหลั งตั ๋วแลกเงิน
มาตรา ๙๐๘ อั นวา่ ตั ๋วแลกเงินนั น ้ คือหนั งสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูส ้ ั ่งจา่ ย สั ง่
บุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูจ้ า่ ย ใหใ้ ชเ้ งินจานวนหนึ ่ งแกบ ่ ุ คคลคนหนึ ่ ง หรื อ ใหใ้ ชต ้ ามคาสั ง่ ของบุคคลคนหนึ่ งซึ่ง เรี ยกวา่ ผูร้ ั บเงิน
มาตรา ๙๐๙ อั นตั ๋วแลกเงินนั ้ น ตอ ้ งมี ร ายการดังกล า
่ ่วต อ ไปนี ้ คื อ (๑) คาบอกชื ่ อ ว ่ เป็ นตั ๋วแลกเงิน

(๒) คาสั ง่ อั นปราศจากเงื่อนไขให้จา่ ยเงินเป็ นจานวนแน่นอน
(๓) ชื่อ หรื อยี่ห้อผูจ้ า่ ย
(๔) วั นถึงกาหนดใชเ้ งิน
(๕) สถานที่ใชเ้ งิน
(๖) ชื่อ หรื อยี่หอ ้ ผูร้ ั บเงิน หรื อคาจดแจง้ วา่ ใหใ้ ชเ้ งินแกผ ่ ูถ
้ ือ

(๗) วั นและสถานที่ออกตั ๋วเงิน (๘) ลายมือชื่อผูส ้ ั ง่ จา่ ย


มาตรา ๙๑๐ ตราสารอั นมีรายการขาดตกบกพร่องไปจากที่ทา่ นระบุบังคับไวใ้ นมาตราก่อน นี้ ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์เป็ นตั ๋วแลกเงิน เวน ้ แตใ่ นกรณี
ดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
เงิน
ตั ๋วแลกเงินซึ่งไมร่ ะบุเวลาใชเ้ งิน ทา่ นใหถ ้ ือวา่ พึงใชเ้ งินเมื่อไดเ้ ห็น ถา้ สถานที่ใชเ้ งินมิไดแ ้ ถลงไวใ้ นตั ๋วแลกเงิน ทา่ นใหถ ้ ือเอาภูมิลาเนาของผู ้
จา่ ยเป็ นสถานที่ใช้
ถา้ ตั ๋วแลกเงินไมแ ่ สดงให้ปรากฏสถานที่ออกตั ๋ว ทา่ นให้ถือวา่ ตั ๋วเงินนั น ้ ได้ออก ณ ภูมิลาเนา ของผูส ้ ั ่งจา่ ย
ถา้ มิได้ลงวั นออกตั ๋ว ทา่ นวา่ ผูท ้ รงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่ งคนใดทาการโดยสุจริ ตจะจด วั นตามที่ถูกตอ ้ งแทจ้ ริ งลงก็ได้
มาตรา ๙๑๑ ผูส ้ ั ง่ จา่ ยจะเขียนขอ ้ ความกาหนดลงไวว้ า่ จานวนเงินอั นจะพึงใชน ้ ให้คิด ดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และในกรณี เชน
้ ัน ้ ถา้ มิได้กลา่ วลง
่ นั น
ไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ทา่ นวา่ ดอกเบี้ยยอ่ มคิดแตว่ ั นที่ลงในตั ๋ว เงนิ
มาตรา ๙๑๒ อั นตั ๋วแลกเงินนั น ้ จะออกสั ่งใหใ้ ชเ้ งินตามคาสั ่งของผูส ้ ั ่งจา่ ยก็ได้ อนึ่ ง จะสั ่งจา่ ยเอาจากตัวผูส ้ ั ่งจา่ ยเอง หรื อสั ง่ จา่ ยเพื่อบุคคล
ภายนอกก็ได้
มาตรา ๙๑๓ อั นวั นถึงกาหนดของตั ๋วแลกเงินนั น ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มเป็ นอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งดั งกลา่ ว ตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ในวั นใดวั นหนึ่ งที่กาหนดไว้ หรื อ
(๒) เมื่อสิน ้ ระยะเวลาอั นกาหนดไวน ้ ั บแตว่ ั นที่ลงในตั ๋วนั น ้ หรื อ (๓) เมื่อทวงถาม หรื อเมื่อได้เห็น หรื อ
่ ้
(๔) เมือสินระยะเวลาอั นกาหนดไวน ้ ั บแตไ่ ด้เห็น
มาตรา ๙๑๔ บุคคลผูส ้ ั ่งจา่ ยหรื อสลั กหลั งตั ๋วแลกเงินยอ่ มเป็ นอั นสั ญญาวา่ เมื่อตั ๋วนั น ้ ไดน้ า ยื่นโดยชอบแลว้ จะมีผูร้ ั บรองและใชเ้ งินตามเนื้ อ
ความแหง่ ตั ๋ว ถา้ และตั ๋วแลกเงินนั น ้ เขาไมเ่ ชื่อถือโดยไมย่ อม รั บรองก็ดี หรื อไมย่ อมจา่ ยเงินก็ดี ผูส ้ ั ่งจา่ ยหรื อผูส ้ ลั กหลั งก็จะใชเ้ งินแกผ ่ ูท
้ รง
หรื อแกผ ้ ลั กหลั งคนหลั งซึ่งตอ
่ ูส ้ ง ถูกบั งคั บให้ใชเ้ งินตามตั ๋วนั น ้ ถา้ หากวา่ ได้ทาถูกตอ ้ งตามวิธีการในขอ ้ ไมร่ ั บรองหรื อไมจ่ า่ ยเงินนั น ้ แลว้

มาตรา ๙๑๕ ผูส ้ ั ง่ จา่ ยตั ๋วแลกเงินและผูส ้ ลั กหลั งคนใด ๆ ก็ดี จะจดขอ ้ กาหนดซึ่งจะกลา่ ว ตอ่ ไปนี้ ลงไวช้ ั ดแจง้ ในตั ๋วนั น
้ ก็ได้ คือ
(๑) ขอ้ กาหนดลบลา้ งหรื อจากัดความรั บผิดของตนเองตอ่ ผูท ๋
้ รงตั วเงิน
(๒) ขอ ้ กาหนดยอมลดละให้แกผ ้ รงตั ๋วเงินซึ่งหน้าที่ทังหลายอั
่ ูท ้ นผูท้ รงจะพึงตอ ้ งมีแกต ้
่ น บางอยา่ งหรื อทั งหมด
มาตรา ๙๑๖ บุคคลทั งหลายผู ้ ู้ กฟ้องในมูลตั ๋วแลกเงินหาอาจจะตอ่ สู ผ
ถ ู
้ ้ ท รงด วยข อต
้ ้ ่ ้อสู อั น อาศั ย ่
ความเกี ย วพันกันเฉพาะบุ คคลระหวา่ งตนกับผู ้
สั ง่ จา่ ยหรื อกับผูท ้ รงคนกอ ่ น ๆ นั น ้ ได้ไม่ เวน้ แตก ่ ารโอนจะ
ได้มีข้ึนด้วยคบคิดกั นฉ้อฉล
มาตรา ๙๑๗ อั นตั ๋วแลกเงินทกุ ฉบั บ ถึงแมว้ า่ จะมิใชส ่ ั ่งจา่ ยใหแ ้ กบ ่ ุคคลเพื่อเขาสั ่งก็ตาม ทา่ นวา่ ยอ่ มโอนใหก ้ ันไดด
้ ว้ ยสลั กหลั งและสง่
มอบ
เมื่อผูส ้ ั ง่ จา่ ยเขียนลงในด้านหน้าแหง่ ตั ๋วแลกเงินวา่ “เปลี่ยนมือไมไ่ ด” ้ ดังนี้ ก็ดี หรื อเขียนคา อื่นอั นได้ความเป็ นทานองเชน ้ ก็ดี
่ เดียวกันนั น
ทา่ นวา่ ตั ๋วเงินนั น ้ ยอ่ มจะโอนให้กันได้แตโ่ ดยรู ปการและด้วยผล อยา่ งการโอนสามั ญ
อนึ่ ง ตั ๋วเงินจะสลั กหลั งให้แกผ ่ ูจ้ า่ ยก็ได้ ไมว่ า่ ผูจ้ า่ ยจะได้รับรองตั ๋วนั น ้ หรื อไม่ หรื อจะสลั กหลั ง ให้แกผ ้ ั ง่ จา่ ย หรื อให้แกค
่ ูส ่ ั ญญาฝ่ายอื่นใด
่ ูส
๋ ้ ้ ้
แหง่ ตั วเงินนั นก็ได้ สว่ นบุคคลทั งหลายเหลา่ นี ก็ยอ่ มจะสลั กหลั งตั ว เงินนั ้ นตอ่ ไปอีกได้๋
มาตรา ๙๑๘ ตั ๋วแลกเงินอั นสั ่งใหใ้ ชเ้ งินแกผ ่ ูถ
้ ือนั น ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มโอนไปเพียงดว้ ยสง่ มอบใหก ้ ัน
มาตรา ๙๑๙ คาสลั กหลั งนั น ้ ตอ ้ งเขี ย นลงในตั ๋ ว แลกเงิ นหรื อใบประจาตอ่ และตอ ้ งลงลายมือ ชื่อผูส ้ ลั กหลั ง
การสลั กหลั งยอ่ มสมบูรณ์แมท ้ ั งมิ้ ได้ระบุช่ือผูร้ ั บประโยชน์ไวด ้ ้วย หรื อแมผ ้ ลั กหลั งจะมิได้ กระทาอะไรยิง่ ไปกวา่ ลงลายมือชื่อของตนที่ด้าน
้ ูส
หลั งตั ๋วแลกเงินหรื อที่ใบประจาตอ่ ก็ยอ่ มฟังเป็ นสมบูรณ์ดุจกัน การสลั กหลั งเชน ่ นี้ ทา่ นเรี ยกวา่ “สลั กหลั งลอย”
มาตรา ๙๒๐ อั นการสลั กหลั งยอ่ มโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแตต ่ ั ๋วแลกเงิน ถา้ สลั กหลั งลอย ผูท ้ รงจะปฏิบัติดังกลา่ วตอ่ ไปนี้ ประการหนึ่ ง
ประการใดก็ได้ คือ
(๑) กรอกความลงในที่วา่ งด้วยเขียนชื่อของตนเองหรื อชื่อบุคคลอื่นผูใ้ ดผูห ้ นึ่ ง
(๒) สลั กหลั งตั ๋วเงินตอ่ ไปอีกเป็ นสลั กหลั งลอย หรื อสลั กหลั งใหแ ้ ่ ก บ ุ ค คลอื ่ นผูใ้ ดผูห ้ นึ่ ง
(๓) โอนตั ๋วเงินนั น ้ ให้ไปแกบ ่ ุ ค คลภายนอกโดยไม ก่ รอกความลงในที ่ ว า
่ ง และไม ส ่ กหลั งอยา่ ง
ลั
หนึ่ งอยา่ งใด

มาตรา ๙๒๑ การสลั กหลั งตั ๋วแลกเงินซึ่งสั ่งให้ใชเ้ งินแกผ ่ ูถ


้ ือนั น ้ ยอ่ มเป็ นเพียงประกัน (อาวั ล) สาหรั บผูส ้ ั ่งจา่ ย
มาตรา ๙๒๒ การสลั กหลั งนั นตอ ้ ้ งให้เป็ นขอ ่
้ ความอั นปราศจากเงือนไข ถา้ และวางเงือนไข บั งคั บลงไวอ้ ยา่ งใด ทา่ นให้ถือเสมือนวา่ ขอ ่ ้
เงื่อนไขนั น ้ มิไดเ้ ขียนลงไวเ้ ลย
อนึ่ ง การสลั กหลั งโอนแตบ ่ างสว่ น ทา่ นวา่ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๙๒๓ ผูส ้ ลั กหลั งคนใดระบุขอ ้ ความห้ามสลั กหลั งสืบไปลงไวแ ้ ลว้ ผูส ้ ลั กหลั งคนนั น ้ ยอ่ มไมต ่ อ้ งรั บผิดตอ่ บุคคลอันเขาสลั กหลั งตั ๋วแลก
เงินนั น ้ ให้ไปในภายหลั ง
มาตรา ๙๒๔ ถา้ ตั ๋วแลกเงินสลั กหลั งตอ่ เมื่อสิน ้ เวลาเพื่อคั ดคา้ นการไมร่ ั บรองหรื อการไมใ่ ช้ เงินนั น ้ แลว้ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บสลั กหลั งยอ่ มได้ไปซึ่ง
สิทธิแหง่ การรั บรองตามแตม ่ ี ตอ ่ ผูจ้ า่ ย กับสิทธิไลเ่ บียเอาแก่ บรรดาผูซ้ ่
้ งสลั กหลั งตั วเงินนั นภายหลั งที่สน
ึ ๋ ้ ้ิ เวลาเชน ่ นั น้
แตถ า
่ ้ ตั ๋ ว เงิ น นั ้
น ได ม ี ค
้ ั ้ ด ค า นการไม ร
่ั บรองหรื อ การไม ใ
่ ้ช เ งิ น มาแต ก
่ ่ อ นสลั ก หลั ง แล ว้ ไซร ท
้ ่ ่ า นว า ผู ร
้ั บสลั ก หลั ง ย อ
่ มได ไ้ ปแตเ่ พียงสิทธิของผูซ ้ ่ึง
สลั กหลั งใหแ ก
้ ่ ตนอั น มี ตอ่ ้ ผู ร ั บรองต อ ผู
่ ้ ่ สั ่ ง จ า ย และต อ
่ บรรดาผู ท
้ ่ ี สลั ก หลั ง ตั ๋ ว เงิ น นั ้
น มาก อ
่ นย อ
้ นขึ ้ น ไปจนถึ ง เวลาคั ดค า
้ นเท า
่ นั ้

มาตรา ๙๒๕ เมื่อใดความที่สลั กหลั งมีขอ ้ กาหนดวา่ “ราคาอยูท ่ ่ีเรี ยกเก็บ” ก็ดี “เพื่อเรี ยก เก็บ” ก็ดี “ในฐานจั ดการแทน” ก็ดี หรื อ
ความสานวนอื่นใดอั นเป็ นปริ ยายวา่ ตัวแทนไซร้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงตั ๋วแลก เงินจะใชส ้ ท ิ ธิทังปวงอั้ นเกิดแตต ่ ั ๋วนั น
้ ก็ยอ่ มได้ทังสิ ้ น ้ แตว่ า่ จะสลั กหลั ง
ได้เพียงในฐานเป็ นตั วแทน
ในกรณี เชน ่ นี้ คูส ่ ั ญญาทั งหลายซึ้ ่งตอ ้ งรั บผิดอาจจะตอ่ สูผ ้ ูท
้ รงได้แตเ่ พียงด้วยขอ ้ ตอ่ สู อ้ ั นจะพึง ใชไ้ ด้ตอ่ ผูส ้ ลั กหลั งเทา่ นั น ้
มาตรา ๙๒๖ เมื่อใดความที่สลั กหลั งมีขอ ้ กาหนดว า
่ “ ราคาเป็ น ประกั น ” ก็ ด ี “ ราคาเป็ น จานา ” ก็ ด ี หรื อข อ
้ กาหนดอย า่ งอื่นใดอั นเป็ น
ปริ ยายวา่ จานาไซร้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงตั ๋ ว แลกเงิ น จะใช ส้ ิ
ท ธิ ท ั ้
งปวงอั น เกิ ด แต ต
่ ั ๋ ว นั ้
น ก็ย อ
่ มได ท
้ ั ้
งสิ ้
น แต ถ า
่ ้ ้ผู ท รงสลั ก หลั ง ตั ๋ ว นั ้
น ท า
่ า่ การสลั ก
นว
หลั งยอ่ มใชไ้ ด้เพียงในฐานเป็ นคาสลั ก หลั งของตัวแทน
คูส
่ ั ญญาทั งหลายซึ ้ ่งตอ ้ งรั บผิดหาอาจจะตอ่ สูผ ้ ูท ้ รงด้วยขอ ้ ตอ่ สู อ้ ั นอาศั ยความเกี่ยวพันเฉพาะ บุคคลระหวา่ งตนกับผูส ้ ลั กหลั งนั น ้ ได้ไม่ เวน ้ แต่
การสลั กหลั งจะได้มีข้ึนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
สว่ นที่ ๒ การรั บรอง

มาตรา ๙๒๗ อั นตั ๋วแลกเงินนั น ้ จะนาไปยื่นแกผ ่ ูจ้ า่ ย ณ ที่อยูข่ องผูจ้ า่ ย เพื่อใหร้ ั บรองเมื่อไร ๆ ก็ได้ จนกวา่ จะถึงเวลากาหนดใชเ้ งิน
และผูท ้ รงจะเป็ นผูย้ ่ืนหรื อเพียงแตผ ่ ูท ้ ่ีได้ตั๋วนั น ้ ไวใ้ นครอบครองจะเป็ นผู ้ นาไปยื่นก็ได้
ในตั ๋วแลกเงินนั น ้ ผูส ้ ั ่งจา่ ยจะลงขอ ้ กาหนดไวว้ า่ ให้นายื่นเพื่อรั บรอง โดยกาหนดเวลาจากัดไว้ ใหย้ ่ืน หรื อไมก ่ าหนดเวลาก็ได้
ผูส้ ั ่งจา่ ยจะห้ามการนาตั ๋วแลกเงินยื่นเพื่อรั บรองก็ได้ เวน ้ แตใ่ นกรณี ท่ีเป็ นตั ๋วเงินอั นได้ออกสั ่ง
ใหใ้ ชเ้ งินเฉพาะ ณ สถานที่อ่ืนใดอั นมิใชภ ่ ูมิลาเนาของผูจ้ า่ ย หรื อได้ออกสั ่งให้ใชเ้ งินในเวลาใดเวลาหนึ่ งนั บแต่ ได้เห็น
อนึ่ ง ผูส ่

้ ั ่ จ า ยจะลงข อ
้ กาหนดไว ว
้ ่า ยั ง มิ ใ ห ้ าตั ๋วยื่นเพื่อใหร้ ั บรองกอ
น ่ นถึงกาหนดวั นใดวั นหนึ่ งก็
ได้
ยื่น หรื อไมก ่ าหนดเวลาก็ได้ เวน ้ แตผ ่ ูส ้ ั ง่ จา่ ยจะได้ห้ามการรั บรอง
ผูส ้ ลั กหลั งทุกคนจะลงขอ ้ กาหนดไวว้ า่ ให้นาตั ๋วเงินยื่นเพื่อรั บรอง โดยกาหนดเวลาจากัดไวใ้ ห้
มาตรา ๙๒๘ ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินอั นสั ่งให้ใชเ้ งินเมื่อสิน ้ ระยะเวลากาหนดอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งนั บ แตไ่ ด้เห็นนั น ้ ตอ ้ งนาตั ๋วเงินยื่นเพื่อให้รับรอง
่ ๋
ภายในหกเดือนนั บแตว่ ั นทีลงในตั วเงิน หรื อภายในเวลาชา้ เร็วกวา่ นั นตามแตผ ้ ่ ูส ่
้ ั งจา่ ยจะได้ระบุไว้
มาตรา ๙๒๙ ภายในบั งคั บบทบั ญญั ติมาตรา ๙๒๗ ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินมีสท ิ ธิท่ีจะยื่นตั ๋วเงินแก่ ผูจ้ า่ ยไดใ้ นทั นใดเพื่อใหร้ ั บรอง ถา้ และเขาไม่
รั บรองภายในเวลายี่สบ ิ สี่ชั่วโมงไซร้ ผูท ้ รงก็มีสท ิ ธิท่ีจะคั ดคา้ น
มาตรา ๙๓๐ ในการยื่นตั ๋วแลกเงินเพื่อให้เขารั บรองนั น ้ ผูท ้ รงไมจ่ าตอ ้ งปลอ่ ยตั ๋วนั น ้ ให้ไวใ้ น
มือผูจ้ า่ ย
อนึ่ ง ผูจ้ า่ ยจะเรี ยกให้ย่ืนตั ๋วแลกเงินแกต ่ นอีกเป็ นครั ง้ ที่สองในวั นรุ ่ งขึ้นแตว่ ั นที่ย่ืนครั ง้ แรกนั น ้ ก็ได้ ทา่ นห้ามมิให้คูก่ รณี ท่ีมีสว่ นได้เสียยก

เอาการทีมิได้อนุ วัตตามคาเรี ยกอั นนี ขึนเป็ นขอ ้ ้ ้ ตอ่ สู ้ เวน ้ แตก ้
่ ารเรี ยก นั นได้ระบุไวใ้ นคาคั ดคา้ น
มาตรา ๙๓๑ การรั บรองนั น ้ พึงกระทาด้วยเขียนลงไวใ้ นด้านหน้าแหง่ ตั ๋วแลกเงินเป็ นถอ ้ ยคา สานวนวา่ “รั บรองแลว้ ” หรื อความอยา่ งอื่น
ทานองเชน ่ เดี ยวกันนั ้
น และลงลายมื อ ชื ่ อ ของผู จ
้ ่า ย อนึ ่ ง แต เ
่ พี ย ง ลายมื อชื่ อของผู ้ ่ ยลงไวใ้ นดา้ นหน้าแหง่ ตั ๋วแลกเงิน ทา่ นก็จัดวา่ เป็ นคา
จ า
รั บรองแลว้

มาตรา ๙๓๒ ตั ๋วแลกเงินฉบั บใดเขียนสั ง่ ใหใ้ ชเ้ งินในกาหนดระยะเวลาอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งนั บ แตว่ ั นที่ลงในตั ๋วเงินนั น ้ แตห ่ ากมิไดล ้ งวั นไวก ้ ด ็ ี
หรื อตั ๋วเงินฉบั บใดสั ่งใหใ้ ชเ้ งินในกาหนดระยะเวลาอยา่ งใดอยา่ ง หนึ่ งนั บแตไ่ ดเ้ ห็น แตห ่ ากคารั บรองตั ๋ ว นั ้
น มิ ไดล
้ งวั น ไว ก
้ ด
็ ี ตั ๋ ว แลกเงิ น เช น่
วา่ มานี้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงจะจดวั นออกตั ๋ว หรื อวั นรั บรองลงตามที่แทจ้ ริ งก็ได้ แลว้ พึงใหใ้ ชเ้ งินตามนั น ้
อนึ่ ง ทา่ นบั ญญั ติไวว้ า่ ในกรณี ท่ีผูท ้ รงทาการโดยสุจริ ตแตล่ งวั นคลาดเคลื่อนไปด้วยสาคั ญผิด และในกรณี ลงวั นผิดทุกสถาน หากวา่ ในภาย
หลั งตั ๋วเงินนั น ้ ตกไปยั งมือผูท ้ รงโดยชอบด้วยกฎหมายแลว้ ตั ๋วเงิน จะเสียไปเพราะเหตุนัน ้ ก็หาไม่ ทา่ นให้คงเป็ นตั ๋วเงินที่ใชไ้ ด้ และพึงใชเ้ งิน

กันเสมือนดังวา่ วั นทีได้จดลงนั นเป็ น วั นทีถูกตอ ้ ่ ้ งแทจ้ ริ ง
มาตรา ๙๓๓ ถา้ การรั บรองมิไดล ้ งวั น ทา่ นใหถ ้ ือเอาวั นสุดทา้ ยแหง่ ระยะเวลาอั นกาหนดไว้ เพื่อรั บรองนั น ้ เป็ นวั นรั บรอง
มาตรา ๙๓๔ ถา้ ผูจ้ า่ ยเขียนคารั บรองลงในตั ๋วแลกเงินแลว้ แตห ่ ากกลั บ ขี ด ฆ า่ เสี ย ก อ
่ นตั ๋ ว เงิ น นั ้
น หลุ ด พ น
้ ไปจากมื อตนไซร้ ทา่ นใหถ ้ ือเป็ น
อั นวา่ ได้บอกปัดไมร่ ั บรอง แตถ ่ า้ ผูจ้ า่ ยได้แจง้ ความเป็ นหนั งสือไปยั ง ผูท ้ รง หรื อคูส ่ ั ญญาฝ่ายอื่นซึ่งได้ลงนามในตั ๋วเงินวา่ ตนรั บรองตั ๋วเงินนั น ้
กอ ่ นแลว้ จึงมาขีดฆา่ คารั บรองตอ่ ภายหลั งไซร้ ทา่ นวา่ ผูจ้ า่ ยก็คงตอ ้ งผูกพันอยูต ่ ามเนื้ อความที่ตนได้เขียนรั บรองนั น ้ เอง
มาตรา ๙๓๕ อั นการรั บรองนั น ้ ยอ่ มมีได้สองสถาน คือรั บรองตลอดไป หรื อรั บรองเบี่ยงบา่ ย การรั บรองตลอดไป คือยอมตกลงโดยไมแ ่ ก้
แยง้ คาสั งของผูส่ ้ ั งจา่ ยแตอ่ ยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดเลย สว่ นการรั บรองเบี่ยงบา่ ยนั น
่ ้ กลา่ วเป็ นเนื้ อความทาผลแหง่ ตั ๋วเงินให้แผกไปจากที่เขียนสั ่งไว้
กลา่ วโดยเฉพาะก็คือวา่ ถา้ คารั บรองมีเงื่อนไขก็ดี หรื อรั บรองแตเ่ พียงบางสว่ นก็ดี ทา่ นวา่ เป็ น
รั บรองเบี่ยงบา่ ย
มาตรา ๙๓๖ คารั บรองเบี่ยงบา่ ยนั น ้ ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินจะบอกปัดเสียก็ได้ และถา้ ไมไ่ ด้คา รั บรองอั นไมเ่ บี่ยงบา่ ย จะถือเอาวา่ ตั ๋วเงินนั น ้ เป็ น
อั นขาดความเชื่อถือรั บรองก็ได้
้ รงรั บเอาคารั บรองเบี่ยงบา่ ย และผูส
ถา้ ผูท ้ ั ่งจา่ ยหรื อผูส ้ ลั กหลั งมิได้ให้อานาจแกผ ่ ูท้ รงโดย แสดงออกชั ดหรื อโดยปริ ยายให้รับเอาคารั บรองเบี่ยง
บา่ ยเชน ่ นั น้ ก็ดี หรื อไมย่ ินยอมด้วยในภายหลั งก็ดี ทา่ นวา่ ผูส ้ ั ่งจา่ ยหรื อผูส ้ ลั กหลั งนั น ้ ๆ ยอ่ มหลุดพน ้ จากความรั บผิดตามตั ๋วเงินนั น ้ แต่
้ ้
บทบั ญญั ติทังนี ทา่ นมิให้ใชไ้ ปถึง การรั บรองแตบ ่
่ างสว่ นซึงได้บอกกลา่ วกอ ่ นแลว้ โดยชอบ
ถา้ ผูส้ ั ่งจา่ ยหรื อผูส ้ ลั กหลั งตั ๋วเงินรั บคาบอกกลา่ วการรั บรองเบี่ยงบา่ ยแลว้ ไมโ่ ตแ ้ ยง้ ไปยั งผูท ้ รง ภายในเวลาอั นสมควร ทา่ นใหถ ้ ือวา่ ผูส้ ั ง่ จา่ ย
หรื อผูส ้ ลั ก หลั ง นั ้
น เป็ นอั นได ย
้ น
ิ ยอมด ว
้ ยกับการนั ้
น แล ว

มาตรา ๙๓๗ ผูจ้ า่ ยได้ทาการรั บรองตั ๋วแลกเงินแลว้ ยอ่ มตอ ้ งผูกพันในอันจะจา่ ยเงินจานวนที่ รั บรองตามเนื้ อความแหง่ คารั บรองของตน
สว่ นที่ ๓ อาวั ล
มาตรา ๙๓๘ ตั ๋วแลกเงินจะมีผูค ้ า้ ประกันรั บประกันการใชเ้ งินทั งจานวนหรื ้ อแตบ ่ างสว่ นก็ได้
ซึ่งทา่ นเรี ยกวา่ “อาวั ล”
อั นอาวั ลนั น ้ บุคคลภายนอกคนใดคนหนึ่ งจะเป็ นผูร้ ั บ หรื อแมค ่ ั ญญาแหง่ ตั ๋วเงินนั น
้ ูส ้ ฝ่ายใด
ฝ่ายหนึ่ งจะเป็ นผูร้ ั บก็ได้
มาตรา ๙๓๙ อั นการรั บอาวั ลยอ่ มทาให้กันด้วยเขียนลงในตั ๋วเงินนั น ้ เอง หรื อที่ใบประจาตอ่
ในการนี้ พึงใชถ ้ อ ้ ยคาสานวนวา่ “ใชไ้ ด้เป็ นอาวั ล” หรื อสานวนอื่นใดทานองเดียวกันนั น ้ และ ลงลายมือชื่อผูร้ ั บอาวั ล
่ ่ ๋
อนึ ง เพียงแตล่ งลายมือชือของผูร้ ั บอาวั ลในด้านหน้าแหง่ ตั วเงิน ทา่ นก็จัดวา่ เป็ นคารั บอาวั ล แลว้ เวน ้ แตใ่ นกรณี ท่ีเป็ นลายมือชื่อของผูจ้ า่ ย
หรื อผูส ั้ ง่ จา่ ย
ในคารั บอาวั ลตอ ้ งระบุวา่ รั บประกันผูใ้ ด หากมิไดร้ ะบุ ทา่ นใหถ ้ ือวา่ รั บประกันผูส้ ั ่งจา่ ย
มาตรา ๙๔๐ ผูร้ ั บอาวั ลยอ่ มต้องผูกพันเป็ นอยา่ งเดียวกันกับบุคคลซึ่งตนประกัน
แมถ ้ ึงวา่ ความรั บผิดใชเ้ งินอั นผูร้ ั บอาวั ลได้ประกันอยูน ่ ัน้ จะตกเป็ นใช้ไมไ่ ด้ด้วยเหตุใด ๆ นอกจากเพราะทาผิดแบบระเบียบ ทา่ นวา่ ขอ ้ ที่สัญญา
รั บอาวั ลนั น ้ ก็ยังคงสมบูรณ์
เมื่อผูร้ ั บอาวั ลได้ใชเ้ งินไปตามตั ๋วแลกเงินแลว้ ยอ่ มได้สท ิ ธิในอั นจะไลเ่ บี้ยเอาแกบ ่ ุคคลซึ่งตน
ไดป ้ ระกั นไว ้ กับทั ้
งบุ คคลทั ้
งหลายผู ร
้ั บผิ ดแทนตัวผู น
้ ั ้

สว่ นที่ ๔ การใชเ้ งิน
มาตรา ๙๔๑ อั นตั ๋วแลกเงินนั ้ น ยอ่ มจะพึงใชเ้ งินในวั นถึงกาหนด และถึงกาหนดวั นใดผูท ้ งนาตั ๋วเงินไปยื่นเพื่อให้ใชเ้ งินในวั นนั น
้ รง ตอ ้

มาตรา ๙๔๒ อั นจะบั งคั บให้ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินรั บเงินใชก ้ อ ่ นตั ๋วเงินถึงกาหนดนั น ้ ทา่ นวา่ หา อาจจะทาได้ไม่
อนึ่ ง ผูจ้ า่ ยคนใดใชเ้ งินไปแตก ่ อ ่ นเวลาตั ๋วเงินถึงกาหนด ทา่ นวา่ ยอ่ มทาเชน ่ นั น ้ ด้วยเสี่ยง เคราะหข์ องตนเอง
มาตรา ๙๔๓ อั นการถึงกาหนดแหง่ ตั ๋วแลกเงินซึ่งสั ่งใหใ้ ชเ้ งินเมื่อสิน ้ ระยะเวลาอั นใดอั นหนึ่ ง นั บแตว่ ั นไดเ้ ห็นนั น ้ ทา่ นใหก ้ าหนดนั บแตว่ ั น
รั บรอง หรื อวั นคั ดคา้ น
ถา้ ไมม ่ ีคาคั ดคา้ น และคารั บรองมิได้ลงวั น ทา่ นให้ถือวา่ ผูร้ ั บรองได้ให้คารั บรองนั น ้ ในวั นทา้ ย
แหง่ กาหนดเวลาซึ่งจากัดไวต ้ ามกฎหมาย หรื อตามสั ญญาเพื่อการยื่นตั ๋วนั น ้
มาตรา ๙๔๔ อั นตั ๋วแลกเงินซึ่งให้ใชเ้ งินเมื่อได้เห็นนั น ้ ทา่ นวา่ ยอ่ มจะพึงใชเ้ งินในวั นเมื่อยื่น ตวั ๋ ทั งนี ้ ้ ตอ ้ งยื่นให้ใชเ้ งินภายในกาหนดเวลา
่ ่ ่ ๋
ซึงบั งคั บไวเ้ พือการยืนให้รับรองตั วเงินชนิ ดให้ใชเ้ งินในเวลาใด เวลาหนึ งภายหลั งได้เห็นนั น ่ ้
มาตรา ๙๔๕ การใชเ้ งินจะเรี ยกเอาไดต ้ อ่ เมื่อไดเ้ วนตั ๋วแลกเงินให้ ผูใ้ ชเ้ งินจะใหผ ้ รงลง ลายมือชื่อรั บรองในตั ๋วเงินนั น
้ ูท ้ ก็ได้
มาตรา ๙๔๖ อั นตั ๋วแลกเงินนั น ้ ถา้ เขาจะใชเ้ งินใหแ ต
้ ่ เ พี ย งบางส ว
่ น ท า นว
่ ่ ้ า ผู ท รงจะบอกป ั ด เสี
ย ไมย่ อมรั บเอาก็ ได ้
ถา้ และรั บเอาเงินทีเ่ ขาใชแ ้ ตเ่ พียงบางสว่ น ผูท ้ รงตอ ้ งบั นทึกขอ ้ ความนั น ้ ลงไวใ้ นตั ๋วเงิน และสง่ มอบใบรั บให้แกผ ่ ูใ้ ชเ้ งิน
มาตรา ๙๔๗ ถา้ ตั ๋วแลกเงินมิได้ย่ืนเพื่อให้ใชเ้ งินในวั นถึงกาหนดไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บรองจะ
เปลื้องตนให้พน ้ จากความรั บผิดโดยวางจานวนเงินที่คา้ งชาระตามตั ๋วนั น ้ ไวก ้ ไ็ ด้
มาตรา ๙๔๘ ถา้ ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินยอมผอ่ นเวลาให้แกผ ่ ูจ้ า่ ยไซร้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงสิน ้ สิทธิท่ีจะไล่ เบี้ยเอาแกผ ่ ูเ้ ป็ นคูส ่ ั ญญาคนกอ ่ น ๆ ซึ่งมิได้
ตกลงในการผอ่ นเวลานั น ้
มาตรา ๙๔๙ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติมาตรา ๑๐๐๙ บุคคลผูใ้ ชเ้ งินในเวลาถึงกาหนด ยอ่ มเป็ นอั นหลุดพน ้ จากความรั บผิด เวน ้ แตต่ นจะ
้ าการฉ้อฉลหรื อมีความประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง อนึ่ งบุคคลซึ่งกลา่ วนี้ จาต้องพิสูจน์ให้เห็นจริ งวา่ ได้มีการสลั กหลั งติดตอ่ กั นเรี ยบร้อย
ไดท
้ ง พิสูจน์ลายมือชื่อของเหลา่ ผูส
ไมข่ าดสาย แตไ่ มจ่ าตอ ้ ลั กหลั ง

สว่ นที่ ๕ การสอดเขา้ แกห ้ น้า


มาตรา ๙๕๐ ผูส ้ ั ่งจา่ ยหรื อผูส ้ ลั กหลั งจะระบุบุคคลผูห ้ นึ่ งผูใ้ ดไวก ้ ไ็ ด้วา่ เป็ นผูจ้ ะรั บรอง หรื อ ใชเ้ งินยามประสงค ์ ณ สถานที่ใชเ้ งิน
ภายในเงื่อนบั งคั บดังจะกลา่ วตอ่ ไปขา้ งหน้า บุคคลผูห ้ นึ่ งผูใ้ ดจะรั บรองหรื อใชเ้ งินตามตั ๋วแลก เงินในฐานเป็ นผูส ้ อดเขา้ แก้หน้าบุคคลใดผูล ้ ง
ลายมือชื่อในตั ๋วนั น ้ ก็ได้
ผูส้ อดเขา้ แก้หน้านั น ้ จะเป็ นบุคคลภายนอกก็ได้ แมจ้ ะเป็ นผูจ้ า่ ยหรื อบุคคลซึ่งตอ ้ งรั บผิดโดย ตั ๋วเงินนั น ้ อยูแ่ ลว้ ก็ได้ ห้ามแตผ ้
่ ูร้ ั บรองเทา่ นั น
ผูส้ อดเข า แก
้ ้ ้ ห นา จาต อ
้ งให ค
้ าบอกกล า
่ วโดยไม ช ก
่ั ้ช า เพื ่ อให ค ู ส
้ ่ ั ญ ญาฝ ่ ายซึ่ ง ตนเข า แก
้ ้ ้ ห น า นั ้
น ทราบการที ่ ต นเขา แก
้ ้ ้ ห น า
(๑) การรั บรองเพื่อแกห ้ น้า
มาตรา ๙๕๑ การรั บรองด้วยสอดเขา้ แก้หน้า ยอ่ มมีได้ในบรรดากรณี ซ่ึงผูท ้ รงมีสท ิ ธิไลเ่ บี้ยได้ กอ่ นถึงกาหนดตามตั ๋วเงินอั นเป็ นตั ๋วสามารถจะ
รั บรองได้
การรั บรองด้วยสอดเขา้ แก้หน้านั น ้ ผูท ้ รงจะบอกปัดเสียก็ได้ แมถ ้ ึงวา่ บุคคลผูซ ้ ่ึงบง่ ไวว้ า่ จะ เป็ นผูร้ ั บรอง หรื อใชเ้ งินยามประสงคน ้ จะเป็ นผู้
์ ัน
เสนอเขา้ รั บรองก็บอกปัดได้
ถา้ ผูท้ รงยอมให้เขา้ รั บรองแลว้ ผูท ้ รงยอ่ มเสียสิทธิไลเ่ บี้ยกอ ่ นถึงกาหนดเอาแกค ่ ูส ้
่ ั ญญา ทั งหลายซึ ่งตอ
้ งรั บผิดตอ่ ตน
มาตรา ๙๕๒ อั นการรั บรองดว้ ยสอดเขา้ แกห น
้ ้ า นั ้
น ย อ
่ มทาด ว
้ ยเขี ย นระบุ ค วามลงบนตั ๋ ว
แลกเงิน และลงลายมือชื่อของผูส ้ อดเขา้ แก้หน้าเป็ นสาคั ญ อนึ่ ง ตอ ้ งระบุลงไวว้ า่ การรั บรองนั น ้ ทาให้เพื่อผูใ้ ด ถา้ มิได้ระบุไวเ้ ชน ่ นั ้ น ทา่ นให้
ถือวา่ ทาให้เพื่อผูส ้ ั ่งจา่ ย
มาตรา ๙๕๓ ผูร้ ั บรองด้วยสอดเขา้ แก้หน้ายอ่ มตอ ้ งรั บผิดตอ่ ผูท ้ รงตั ๋วเงินนั น ้ และรั บผิดตอ่ ผู ้ สลั กหลั งทั งหลายภายหลั ้ ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งตนเขา้
งคูส
แก้หน้าอยา่ งเดียวกันกับทีคูส ่ ่ ั ญญาฝ่ายนั นตอ ้ ้ งรั บผิดอยูเ่ อง
(๒) การใชเ้ งินเพื่อแก้หน้า
มาตรา ๙๕๔ อั นการใชเ้ งินเพื่อแกห ้ น้ายอ่ มมีไดใ้ นบรรดากรณี ซ่ึงผูท ้ รงมีสท ิ ธิไลเ่ บี้ยเมื่อตั ๋ว เงินถึงกาหนดหรื อกอ ่ นถึงกาหนด

การใชเ้ งินนั น ้ ทา่ นวา่ อยา่ งชา้ ที่สุดตอ ้ งทาในวั นรุ ่งขึ้น แตว่ ั นทา้ ยแหง่ กาหนดเวลาซึ่งจากัด อนุ ญาตไวใ้ หท ้ าคาคั ดคา้ นการไมใ่ ชเ้ งิน
มาตรา ๙๕๕ ถา้ ตั ๋วแลกเงินได้รับรองเพื่อแก้หน้าแลว้ ก็ดี หรื อได้มีตัวบุคคลระบุวา่ เป็ นผูจ้ ะใช้ เงินยามประสงคแ์ ลว้ ก็ดี ผูท ้ รงตอ ้ งยื่นตั ๋วเงิน
นั น ้ ตอ่ บุคคลนั น ้ ๆ ณ สถานที่ใชเ้ งิน และถา้ จาเป็ นก็ตอ ้ งจั ดการทา คาคั ดคา้ นการไมใ่ ชเ้ งินอยา่ งชา้ ที่สุดในวั นรุ่ งขึ้นแตว่ ั นทา้ ยแหง่ กาหนด
เวลาอั นจากัดไวเ้ พื่อทาคาคั ดคา้ น
ถา้ ไมค ่ ั ดคา้ นภายในกาหนดเวลานั น ้ ทา่ นวา่ คูส ่ ั ญญาฝ่ายที่ไดร้ ะบุตัวผูใ้ ชเ้ งินยามประสงค ์ หรื อคูส ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งไดม ้ ีผูร้ ั บรองตั ๋วเงินใหแ ้
้ ลว้ นั น

กับทั งบรรดาผู ส
้ ลั ก หลั ง ในภายหลั ง ย อ
่ มเป็ นอันหลุ ด พ น
้ จาก
ความรั บผิด
มาตรา ๙๕๖ การใชเ้ งินเพื่อแก้หน้านั น ้ ใชเ้ พื่อคูส ่ ั ญญาฝ่ายใดตอ ้ งใชจ้ งเต็มจานวนอั น คูส่ ั ญญาฝ่ายนั น ้ จะตอ้ งใช้ เวน ้ แตค ่ า่ ชั กสว่ นลดดัง
บั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๙๖๘ (๔)
ผูท ้ รงคนใดบอกปัดไมย่ อมรั บเงินอั นเขาใชใ้ ห้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงคนนั น ้ ยอ่ มเสียสิทธิในอั นจะไลเ่ บี้ย เอาแกบ ้
่ ุคคลทั งหลายเหล า่ นั น้ ซึ่งพอที่จะได้หลุด
พน ้ จากความรั บผิ ด เพราะการใช เ
้ งิ น นั ้

มาตรา ๙๕๗ การใชเ้ งินเพื่อแกห ้ น้าตอ ้ งทาใหเ้ ป็ นหลั กฐานดว้ ยใบรั บเขียนลงในตั ๋วแลกเงิน ระบุความวา่ ไดใ้ ชเ้ งินเพื่อบุคคลผูใ้ ด ถา้ มิไดร้ ะบุ
ตัวไวด ้ ังนั น ้ ทา่ นให้ถือวา่ การใชเ้ งินนั น ้ ได้ทาไปเพื่อผูส ้ ั ่งจา่ ย
ตั ๋วแลกเงินกับทั งคาคั ้ ดคา้ นหากวา่ ได้ทาคั ดคา้ น ตอ ้ งสง่ ให้แกบ ่ ุคคลผูใ้ ชเ้ งินเพื่อแก้หน้า
มาตรา ๙๕๘ บุคคลผูใ้ ชเ้ งินเพื่อแก้หน้ายอ่ มรั บชว่ งสิทธิทังปวงของผู ้ ท ่ ั ญญา ฝ่ายซึ่งตนได้ใชเ้ งินแทนไป และตอ่ คูส
้ รงอั นมีตอ่ คูส ่ ั ญญาทั ง้
หลายผูต ้ อ ้ งรั บผิดตอ่ คูส ้
่ ั ญญาฝ่ายนั น แตห ๋
่ าอาจจะสลั กหลั งตั ว แลกเงินนั นอีกตอ ้ ่ ไปได้ไม่
อนึ่ ง บรรดาผูซ ้ ่ึงสลั กหลั งภายหลั งคูส ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งเขาไดใ้ ชเ้ งินแทนไปนั น ้ ยอ่ มหลุดพน ้ จาก
ความรั บผิด
ในกรณี แขง่ กันเขา้ ใชเ้ งินเพื่อแก้หน้า ทา่ นวา่ การใชเ้ งินรายใดจะให้ผลปลดหนี้ มากรายที่สุด
พึงนิ ยมเอารายนั น ้ เป็ นดียิง่
ถา้ ไมด ่ าเนิ นตามวิธีดังกลา่ วนี้ ทา่ นวา่ ผูใ้ ชเ้ งินทั งที ้ ่ รู้เชน่ นั น ้ ยอ่ มเสียสิทธิในอั นจะไลเ่ บี้ยเอาแก่

บุคคลทั งหลายซึงพอทีจะได้หลุดพน ่ ่ ้ จากความรั บผิด
สว่ นที่ ๖ สิทธิไลเ่ บี้ยเพราะเขาไมร่ ั บรองหรื อไมใ่ ชเ้ งิน

มาตรา ๙๕๙ ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินจะใชส ้ ทิ ธิไลเ่ บี้ยเอาแกบ ่ รรดาผูส ้ ลั กหลั ง ผูส ้ ั ง่ จา่ ย และบุคคล อื่น ๆ ซึ่งตอ ้ งรั บผิดตามตั ๋วเงินนั น ้ ก็ได้ คือ
ก) ไลเ่ บี้ยได้เมื่อตั ๋วเงินถึงกาหนดในกรณี ไมใ่ ชเ้ งิน
ข) ไลเ่ บี้ยได้แมท ้ ๋วเงินยั งไมถ
้ ั งตั ่ ึงกาหนดในกรณี ดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ถา้ เขาบอกปัดไมร่ ั บรองตั วเงิน ๋
(๒) ถา้ ผูจ้ า่ ยหากจะไดร้ ั บรองหรื อไมก ่ ต็ าม ตกเป็ นคนลม ้ ละลาย หรื อไดง้ ดเวน ้ นี้ แมก
้ การใชห ้ ารงดเวน ้ ใชห ้ นี้ นั น
้ จะมิไดม้ ีคาพิพากษาเป็ น
หลั กฐานก็ตาม หรื อถา้ ผูจ้ า่ ยถูกยึดทรั พยแ์ ละการยึดทรั พยน ั์ น้ ไร้ผล
(๓) ถา้ ผูส ้ ั ่งจา่ ยตั ๋วเงินชนิ ดไมจ่ าเป็ นต้องให้ผูใ้ ดรั บรองนั น ้ ตกเป็ นคนลม ้ ละลาย
มาตรา ๙๖๐ การที่ตั๋วแลกเงินขาดรั บรองหรื อขาดใชเ้ งินนั น ้ ตอ ้ งทาให้เป็ นหลั กฐานตาม แบบระเบียบด้วยเอกสารฉบั บหนึ่ ง เรี ยกวา่ คา
คั ดคา้ น
คาคั ดคา้ นการไมใ่ ชเ้ งินตอ ้ งทาในวั นซึ่งจะพึงใชเ้ งินตามตั ๋วนั น ้ หรื อวั นใดวั นหนึ่ งภายในสามวั น ตอ่ แตน ้ ไป
่ ัน
่ ่ ่ ๋
คาคั ดคา้ นการไมร่ ั บรองต้องทาภายในจากัดเวลาซึงกาหนดไวเ้ พือการยืนตั วเงินใหเ้ ขารั บรอง หรื อภายในสามวั นตอ่ แตน ้ ไป
่ ัน
เมื่อมีคาคั ดคา้ นการไมร่ ั บรองขึ้นแลว้ ก็เป็ นอั นไมต ่ ้ อ ่
งยื น ่
เพื อ ให ใ
้ ้ ช เ งิ น และไม ต อ
่ ้ งทาคา คั ดคา้ นการไม ใ
่ ้ช เ งิ น

ในกรณี ทังหลายซึ ่งกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๙๕๙ (ข) (๒) นั น ้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงยั งหาอาจจะใชส ้ ท ิ ธิไล่ เบี้ยได้ไม่ จนกวา่ จะได้ย่ืนตั ๋วเงินให้ผูจ้ า่ ย
ใชเ้ งิน และได้ทาคาคั ดคา้ นขึนแลว้้

ในกรณี ทังหลายดังกล า่ วไวใ้ นมาตรา ๙๕๙ (ข) (๓) นั น ้ ทา่ นวา่ ถา้ เอาคาพิพากษาซึ่งสั ่งใหผ ้ ั ่ง จา่ ยเป็ นคนลม
้ ูส ้ ละลายออกแสดง ก็
เป็ นการเพียงพอที่จะทาใหผ ้ ู้ ท รงสามารถใช ส
้ ิ
ท ธิ ไลเ่ บี้ ย ได้
มาตรา ๙๖๑ คาคั ดคา้ นนั น ้ ให้นายอาเภอ หรื อผูท ้ าการแทนนายอาเภอ หรื อทนายความผู ้ ได้รับอนุ ญาตเพื่อการนี้ เป็ นผูท ้ า
รั ฐมนตรี *กระทรวงยุติธรรมมีอานาจออกกฎขอ ้ บั งคั บเพื่อปฏิบัติการให้เป็ นไปตามบทบั ญญั ติ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ อั นวา่ ด้วยการออกใบ
อนุ ญาตและการทาคาคั ดคา้ น รวมทั งกาหนดอั ้ ตราคา่ ฤชาธรรม เนี ยมอั นเกี่ยวกับการนั น ้
มาตรา ๙๖๒ ในคาคั ดคา้ นนั น ้ นอกจากชื่อ ตาแหน่ง และลายมือชื่อของผูท ้ า ตอ ้ งมีสาเนาตั ๋ว เงินกับรายการสลั กหลั งทั งหมดตรงถ
้ อ
้ ยตรงคา
กับระบุความดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ชื่อ หรื อยี่หอ ้ ของบุคคลผูค ้ ั ดคา้ นและผูถ้ ูกคัดคา้ น

(๒) มูล หรื อเหตุท่ีตอ ้ งทาคาคั ดคา้ นตั ๋วเงิน การทวงถามและคาตอบ ถา้ มี หรื อขอ ้ ที่วา่ หาตัวผู ้ จา่ ยหรื อผูร้ ั บรองไมพ ่ บ
(๓) ถา้ มีการรั บรอง หรื อใชเ้ งินเพื่อแก้หน้า ให้แถลงลั กษณะแหง่ การเขา้ แก้หน้าทั งชื ้ ่ อหรื อ ยี่ห้อของผูร้ ั บรองหรื อผูใ้ ชเ้ งินเพื่อแก้หน้าและชื่อ
บุคคลซึ่งเขาเขา้ แก้หน้านั น ้ ด้วย

(๔) สถานทีและวั นทาคาคั ดคา้ น
ใหผ ้ ูท้ าคาคั ดคา้ นสง่ มอบคาคั ดคา้ นแกผ ่ ูร้ ้ องขอใหท ้ า และใหผ ้ ูท้ าคาคั ดคา้ นรี บสง่ คาบอก กลา่ วการคั ดคา้ นนั น ้ ไปยั งผูถ ้ ูกคั ดคา้ น ถา้ ทราบภูมิลา
เนาก็ใหส ้ ง่ โดยจดหมายลงทะเบียนไปรษณี ย ์ หรื อสง่ มอบ ไว้ ณ ภูมิลาเนาของผูน ้ ัน้ ก็ได้ ถา้ ไมท ่ ราบภู ม ล
ิ าเนาก็ ใ ห ้ปิดสาเนาคาคัดคา้ นไวย้ ั งที่
ซึ่งเห็นได้งา่ ย ณ ที่วา่ การ
อาเภอประจาทอ ้ งที่อันผูถ ้ ูกคั ดคา้ นมีถิ่นที่อยูค ่ รั ง้ หลั งที่สุด
มาตรา ๙๖๓ ผูท ้ รงตอ ้ งให้คาบอกกลา่ วการที่เขาไมร่ ั บรองตั ๋วแลกเงิน หรื อไมใ่ ชเ้ งินนั น ้ ไปยั ง ผูส ้ ลั กหลั งถัดตนขึ้นไปกับทั งผู ้ ส ้ ั ่งจา่ ยด้วย

ภายในเวลาสีวันตอ่ จากวั นคั ดคา้ น หรื อตอ่ จากวั นยืนตั วในกรณี ทีมี ขอ ่ ๋ ่ ้ กาหนดวา่ “ไมจ่ าตอ ้ งมีคาคั ดคา้ น”
ผูส ้ ลั กหลั งทุก ๆ คนตอ ้ งใหค ้ าบอกกลา่ วไปยั งผูส ้ ลั กหลั งถัดตนขึ้นไปภายในสองวั น ใหท ้ ราบ คาบอกกลา่ วอันตนไดร้ ั บ จดแจง้ ใหท ้ ราบชื่อ
และสานั กของผูท ้ ่ ี ไดใ ห
้ ้ ค าบอกกล า
่ วมาก อ
่ น ๆ นั ้
น ด ว
้ ย ทาเช น
่ นี้ ติ ดต อ
่ กันไปโดยลาดับจนกระทั ่ ง ถึ ง ผู ส
้ ่ ั ่ ง จ า ย อนึ ่ งจากัดเวลาซึ ่ ง กล า่ วมานั น ้
ทา่ นนั บแตเ่ มื่อคนหนึ่ ง ๆ ได้รับคา บอกกลา่ วแตค ่ นก่อน
ถา้ ผูส ้ ลั กหลั งคนหนึ่ งคนใดมิได้ระบุสานั กของตนไวก ้ ด ็ ี หรื อได้ระบุแตอ่ า่ นไมไ่ ด้ความก็ดี ทา่ น วา่ สุดแตค ่ าบอกกลา่ วได้สง่ ไปยั งผูส ้ ลั กหลั งคน
กอ ่ นก็เป็ นอั นพอแลว้
บุคคลผูจ้ ะตอ ้ งให้คาบอกกลา่ ว จะทาคาบอกกลา่ วเป็ นรู ปอยา่ งใดก็ได้ทังสิ ้ น ้ แมเ้ พียงแตด ่ ้วย สง่ ตั ๋วแลกเงินคืนก็ใชไ้ ด้ อนึ่ งตอ ้ งพิสูจน์ได้วา่ ได้
สง่ คาบอกกลา่ วภายในเวลากาหนด
ถา้ สง่ คาบอกกลา่ วเป็ นหนั งสือจดทะเบียนไปรษณี ย ์ หากวา่ หนั งสือนั น ้ ไดส ้ ง่ ไปรษณี ยภ ์ ายใน เวลากาหนดดังกลา่ วมานั น ้ ไซร้ ทา่ นใหถ ้ ือวา่ คาบ
อกกลา่ วเป็ นอั นได้สง่ ภายในจากัดเวลาบั งคั บแลว้
บุคคลซึ่งมิได้ให้คาบอกกลา่ วภายในจากัดเวลาดังได้วา่ มานั น ้ หาเสียสิทธิไลเ่ บี้ยไม่ แต่ จะตอ ้ งรั บผิดเพื่อความเสียหายอยา่ งใด ๆ อั นเกิดแต่
ความประมาทเลินเลอ่ ของตน แตท ่ า่ นมิให้คิดคา่ สินไหม ทดแทนเกินกวา่ จานวนในตั ๋วแลกเงิน
มาตรา ๙๖๔ ด้วยขอ ้ กาหนดเขียนลงไวว้ า่ “ไมจ่ าตอ ้ งมีคาคั ดคา้ น” ก็ดี “ไมม ่ ีคัดคา้ น” ก็ดี หรื อสานวนอื่นใดทานองนั น ้ ก็ดี ผูส ้ ั ่งจา่ ยหรื อ
ผูส ้ ลั กหลั ง จะยอมปลดเปลื ้ องผู ท
้ รงจากการทาคาคั ด ค า
้ นการไม ่ รั บรองหรื อ การไม ใ ช
่ ้ เ งิ น ก็ไ ด้ เพื่ อ ตนจะได ใ
้ ้ ช ส ิ
ท ธิ ไล เ
่ บี ้ ย
ขอ้ กาหนดอั นนี้ ยอ่ มไมป ่ ลดผูท ้ รงใหพ ้ น ้ จากหน้าที่นาตั ๋วเงินยื่นภายในเวลากาหนด หรื อจาก หน้าที่ใหค ้ าบอกกลา่ วตั ๋วเงินขาดความเชื่อถือแก่
ผูส ้ ลั กหลั งคนกอ ่ นหรื อผูส ้ ั ่งจา่ ย อนึ่ ง หน้าที่นาสืบวา่ ไมป ่ ฏิบัติ ใหเ้ ป็ นไปตามกาหนดเวลาจากัดนั น ้ ยอ่ มตกอยูแ่ กบ ่ ุคคลผูแ ้ สวงจะใชค ้ วามขอ ้
นั น ้ เป็ นขอ ้ ตอ่ สู ผ้ ูท ้ รงตั ๋วแลกเงิน

ขอ ้ กาหนดอั นนี้ ถา้ ผูส ้ ั ่งจา่ ยเป็ นผูเ้ ขียนลงไปแลว้ ยอ่ มเป็ นผลตลอดถึงคูส ่ ั ญญาทั งปวงบรรดา ้ ที่ได้ลงลายมือชื่อในตั ๋วเงินนั น ้ ถา้ และทั งมี ้ ขอ ้ กา
หนดดังนี้ แลว้ ผูท ้ รงยั ง ขื น ทาคาคั ดค า
้ นไซร ท า
้ ่ ่ ้นว า ผู ท รงต อ
้ ง เป็ น ผู อ
้ อกค า
่ ้ ่ใช จ า ยเพื ่ อ การนั ้
น หากว า
่ ้ข อ กาหนดนั น้ ผู ส
้ ลั ก หลั ง เป็ น ผู เ
้ ยนลง
ขี
และถา้ มีคาคั ดคา้ นทาขึ้นไซร้ ทา่ นวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการคั ดคา้ นนั น ้ อาจจะเรี ยกเอาใชไ้ ดจ้ ากคูส ่ ั ญญาอื่น ๆ บรรดาที่ไดล ้ งลายมือชื่อในตั ๋วเงินนั น ้
มาตรา ๙๖๕ ในกรณี ตั๋วเงินภายในประเทศ ถา้ ผูจ้ า่ ยบั นทึกลงไวใ้ นตั ๋วแลกเงินเป็ นขอ ้ ความ บอกปัดไมร่ ั บรองหรื อไมย่ อมใชเ้ งิน ทั งลงวั ้ นที่
บอกปัดลงลายมือชื่อไวด ้ ้วยแลว้ ทา่ นวา่ คาคั ดคา้ นนั น ้ ก็เป็ นอันไม่ จาเป็ นตอ ้ งทา และผูท ้ รงตอ ้ งสง่ คาบอกกลา่ วขาดความเชื่อถือไปยั งบุคคลซึ่ง
ตนจานงจะไลเ่ บี้ยภายในสี่วันตอ่
จากวั นเขาบอกปัดไมร่ ั บรองนั น ้
มาตรา ๙๖๖ คาบอกกลา่ วขาดความเชื่อถือในกรณี ไมร่ ั บรองหรื อไมใ่ ชเ้ งินนั น ้ ตอ ้ งมีรายการ คือ วั นที่ลงในตั ๋วแลกเงิน ชื่อหรื อยี่หอ ้ ของผูส ้ ั ่ง
จา่ ยและของผูจ้ า่ ย จานวนเงินในตั ๋วเงิน วนั ถึงกาหนดใชเ้ งิน ชื่อ หรื อยี่หอ ้ และสานั กของผู ท
้ รงตั ๋ ว เงิ น วั น ที ่ คั ดค า
้ นหรื อ วั น ที ่ บอกป ั ดไม ่
รั บรองหรื อไมใ่ ชเ้ งิน กับขอ ้ ความวา่ เขาไม่ รั บรองหรื อไมใ่ ชเ้ งินตามตั ๋วเงินนั น ้
มาตรา ๙๖๗ ในเรื่ องตั ๋วแลกเงินนั น ้ บรรดาบุคคลผูส ้ ั ่งจา่ ยก็ดี รั บรองก็ดี สลั กหลั งก็ดี หรื อ รั บประกันด้วยอาวั ลก็ดี ยอ่ มตอ ้ งร่วมกันรั บผิด
ตอ่ ผูท้ รง
ผูท ้ รงยอ่ มมีสท ิ ธิวา่ กลา่ วเอาความแกบ ่ รรดาบุคคลเหลา่ นี้ เรี ยงตัวหรื อรวมกันก็ได้ โดยมิพัก ตอ ้ งดาเนิ นตามลาดับที่คนเหลา่ นั น ้ มาตอ ้ งผูกพัน
สิทธิเชน ่ เดี ยวกันนี ้ ย อ
่ มมี แ กบ่ ุ ค คลทุ กคนซึ ่ ง ได ล
้ งลายมื อชื ่ อ ในตั ๋ ว เงิ นและเข า
้ ถื อเอาตั ๋ ว เงิ น นั ้
น ในการที ่ จ ะใช บ้ ั ง คั บ เอาแก ผ ่
่ ้ ีความผูกพันอยู ่
ู ท ี ม
แลว้ กอ ่ นตน
การวา่ กลา่ วเอาความแกค ่ ั ญญาคนหนึ่ ง ซึ่งตอ
่ ูส ้ งรั บผิดยอ่ มไมต ่ ัดหนทางที่จะวา่ กลา่ วเอา ความแกค ่ ั ญญาคนอื่น ๆ แมท
่ ูส ้
้ ั งจะเป็ นฝ่ายอยูใ่ นลา
ดับภายหลั งบุคคลที่ได้วา่ กลา่ วเอาความมากอ ่ น
มาตรา ๙๖๘ ผูท ้ รงจะเรี ยกร้องเอาเงินใชจ้ ากบุคคลซึ่งตนใชส ้ ท ิ ธิไลเ่ บี้ยนั น ้ ก็ได้ คือ
(๑) จานวนเงินในตั ๋วแลกเงินซึ่งเขาไมร่ ั บรองหรื อไมใ่ ชก ้
้ ับทั งดอกเบี ้ยด้วย หากวา่ มีขอ ้ กาหนด ไวว้ า่ ให้คิดดอกเบี้ย

(๒) ดอกเบียอั ตราร้อยละห้าตอ่ ปี นั บแตว่ ั นถึงกาหนด
(๓) คา่ ใชจ้ า่ ยในการคั ดคา้ น และในการสง่ คาบอกกลา่ วของผูท ้ รงไปยั งผูส ้ ลั กหลั งถัดจากตน ขึ้นไปและผูส ้ ั ่งจา่ ย กับทั งค ้ า่ ใชจ้ า่ ยอื่น ๆ
(๔) คา่ ชั กสว่ นลดซึ่งถา้ ไมม ้ ตกลงกันไว้ ทา่ นให้คิดร้อยละ ๑/๖ ในตน
่ ีขอ ้ าม ตั ๋วเงิน และไมว่ า่ กรณี จะเป็ นอยา่ งไร ทา่ น
้ เงินอั นจะพึงใชต
มิให้คิดสูงกวา่ อั ตรานี้
ถา้ ใชส ิ ธิไลเ่ บี้ยกอ
้ ท ่ นถึงกาหนด ทา่ นใหห ้ ักลดจานวนเงินในตั ๋วเงินลงใหร้ ้ อยละหา้

มาตรา ๙๖๙ คูส ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งเขา้ ถือเอาและใชเ้ งินตามตั ๋วแลกเงิน อาจจะเรี ยกเอาเงินใชจ้ าก คูส่ ั ญญาทั งหลายซึ ้ ่งตอ ้ งรั บผิดตอ่ ตนได้ คือ
(๔)
(๑) เงินเต็มจานวนซึ่งตนได้ใชไ้ ป
(๒) ดอกเบี้ยในจานวนเงินนั น ้ คิดอั ตราร้อยละห้าตอ่ ปี นั บแตว่ ั นที่ได้ใชเ้ งินไป
(๓) คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ อั นตนตอ ้ งออกไป
(๔) คา่ ชั กสว่ นลดจากตน ้ เงิ น จานวนในตั ๋วแลกเงินตามที่กาหนดไวใ้ นมาตรา ๙๖๘ อนุ มาตรา
มาตรา ๙๗๐ คูส ่ ั ญญาทุกฝ่ายซึ่งตอ ้ งรั บผิดและถูกไลเ่ บี้ย หรื ออยูใ่ นฐานะจะถูกไลเ่ บี้ยได้นัน ้ อาจจะใชเ้ งินแลว้ เรี ยกใหเ้ ขาสละตั ๋วเงินให้แก่
ตนได้ รวมทั งคาคั ้ ดคา้ นและบั ญชีรับเงินด้วย
ผูส้ ลั กหลั งทุกคนซึ่งเขา้ ถือเอาและใชเ้ งินตามตั ๋วแลกเงินแลว้ จะขีดฆา่ คาสลั กหลั งของตนเอง และของเหลา่ ผูส ้ ลั กหลั งภายหลั งตนนั น ้ เสียก็ได้
มาตรา ๙๗๑ ผูส ้ ั ่งจา่ ยก็ดี ผูร้ ั บรองก็ดี ผูส ้ ลั กหลั งคนกอ ่ นก็ดี ซึ่งเขาสลั กหลั งหรื อโอนตั ๋วแลก เงินให้อีกทอดหนึ่ งนั น ้ หามีสท ิ ธิจะไลเ่ บีย้ เอา
แกค ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งตนยอ่ มตอ
่ ูส ้ งรั บผิดตอ ่ เขาอยูก ่ อ่ นแลว้ ตามตั ๋วเงิน นั น ้ ได้ไม่
มาตรา ๙๗๒ ในกรณี ใชส ้ ิ
ท ธิ ไ ล เ
่ บี ้ ย ภายหลั ง การรั บรองแต บ
่ างส ว่ น ทา่ นวา่ คูส่ ั ญญาฝ่ายซึ่งใช้ เงินอั นเป็ นจานวนเขาไมร่ ั บรองนั น ้ อาจจะ
เรี ยกให้จดระบุความที่ใชเ้ งินนี้ ลงไวใ้ นตั ๋วเงิน และเรี ยกให้ทาใบรั บ ให้แกต ่ นได ้ อนึ ่ งผู ท
้ รงตั ๋ ว เงิ นต อ
้ งให ส
้ าเนาตั ๋ วเงิ นอั น รั บรองว า่ ถูกตอ
้ งแก่
คูส
่ ั ญญาฝ่ายนั น ้ พร้อมทั งคาคั ้ ดคา้ นด้วย เพื่อให้เขาสามารถใชส ิ ธิไลเ่ บี้ยในภายหลั งได้สบ
้ ท ื ไป
มาตรา ๙๗๓ เมื่อกาหนดเวลาจากัดซึ่งจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ได้ลว่ งพ้นไปแลว้ คือ
(๑) กาหนดเวลาสาหรั บยื่นตั ๋วแลกเงินชนิ ดให้ใชเ้ งินเมื่อได้เห็น หรื อในระยะเวลาอยา่ งใด อยา่ งหนึ่ งภายหลั งได้เห็น
(๒) กาหนดเวลาสาหรั บทาคาคั ดคา้ นการไมร่ ั บรองหรื อการไมใ่ ชเ้ งิน
(๓) กาหนดเวลาสาหรั บยื่นตั ๋วเพื่อใหใ้ ชเ้ งิน ในกรณี ท่ีมีขอ ้ กาหนดวา่ “ไมจ่ าตอ ้ งมีคาคั ดคา้ น” ทา่ นวา่ ผูท ้ รงยอ่ มสิน ้ สิทธิท่ีจะไลเ่ บี้ยเอาแก่
เหลา่ ผูส ้ ลั กหลั ง ผู ส ั
้ ่ ่ งจ า ย และคู ส
่ ั ญ ญาอื ่ น ๆ ผู ต อ
้ ้ งรั บ
ผิด เวน ้ แตผ ่ ูร้ ั บรอง
อนึ่ ง ถา้ ไมย่ ่ืนตั ๋วแลกเงินเพื่อให้เขารั บรองภายในเวลาจากัดดังผูส ้ ั ง่ จา่ ยได้กาหนดไว้ ทา่ นวา่ ผู ้
ทรงยอ่ มเสียสิทธิท่ีจะไลเ่ บี้ยทั งเพื ้ ่อการที่เขาไมใ่ ชเ้ งิน และเพื่อการที่เขาไมร่ ั บรอง เวน ้ แตจ่ ะปรากฏจาก ขอ ้ กาหนดวา่ ผูส ้ ั ่งจา่ ยหมายเพียงแต่
จะปลดตนเองให้พน ้ จากประกันการรั บรอง

้ กาหนดจากัดเวลายื่นตั ๋วแลกเงินนั น
ถา้ ขอ ้ มีอยูท ่ ่ีคาสลั กหลั ง ทา่ นวา่ เฉพาะแตผ ่ ูส
้ ลั กหลั ง เทา่ นั น ้ จะอาจเอาประโยชน์ในขอ ้ กาหนดนั น ้ ได้
มาตรา ๙๗๔ การยื่นตั ๋วแลกเงินก็ดี การทาคาคั ดคา้ นก็ดี ถา้ มีเหตุจาเป็ นอั นมิอาจก้าวลว่ ง เสียได้มาขั ดขวางมิให้ทาได้ภายในกาหนดเวลาจา
กัดสาหรั บการนั น ้ ไซร้ ทา่ นให้ยืดกาหนดเวลาออกไปอีกได้
เหตุจาเป็ นอั นมิอาจก้าวลว่ งเสียได้ดังวา่ มานั น ้ ผูท ้ รงตอ ้ งบอกกลา่ วแกผ ่ ูส ้ ลั กหลั งคนถัดตนขึ้น ไปโดยไมช่ ั กชา้ และคาบอกกลา่ วนั น ้ ตอ้ งเขียน

ระบุลงในตั วเงิน หรื อใบประจาตอ่ ต้องลงวั นและลงลายมือชือ ของผูท ่ ้ รง การอื่น ๆ นอกจากที่กลา่ วนี้ ทา่ นให้บังคั บตามบทบั ญญั ติ มาตรา
๙๖๓
เมื่อเหตุจาเป็ นอั นมิอาจกา้ วลว่ งเสียไดน ้ ัน้ สุดสิน ้ ลงแลว้ ผทู้ รงตอ ้ งยื่นตั ๋วเงินใหเ้ ขารั บรองหรื อ ใชเ้ งินโดยไมช่ ั กชา้ และถา้ จาเป็ นก็ทาคา
คั ดคา้ นขึ้น
ถา้ เหตุจาเป็ นอั นมิอาจก้าวลว่ งเสียได้นัน ้ ยั งคงมีอยูต ่ อ่ ไปจนเป็ นเวลากวา่ สามสิบวั นภายหลั ง ตั ๋วเงินถึงกาหนดไซร้ ทา่ นวา่ จะใชส ้ ทิ ธิไลเ่ บี้ย
ก็ได้ และถา้ เชน ่ นั น ้ การยื่นตั ๋วเงินก็ดี การทาคาคั ดคา้ นก็ดี เป็ นอั น ไมจ่ าเป็ นตอ ้ งทา
ในสว่ นตั ๋วเงินชนิ ดที่ให้ใชเ้ งินเมื่อได้เห็น หรื อใหใ้ ชเ้ งินในระยะเวลาอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดภายหลั ง ได้เห็นนั น ้ กาหนดสามสิบวั นเชน ่ วา่ มานี้
ทา่ นใหน ้ ั บแต ว
่ั น ่
ที ผู ท
้ รงได ใ ห
้ ้ ค าบอกกล า
่ วเหตุ จ าเป็ น อั น มิ อาจก า วล
้ ่ ว ง เสี
ย ได น
้ ั น้ แก ผ
่ ู้ ส ลั ก หลั ง ถัดตนขึ ้ น ไป และถึ ง แม ว
้ ่า จะเป็ น การก อ่ นลว่ ง
กาหนดเวลายื่นตั ๋วเงิน ก็ใหน ั้ บเชน ้
่ นั น
สว่ นที่ ๗ ตั ๋วแลกเงินเป็ นสารั บ
มาตรา ๙๗๕ อั นตั ๋วแลกเงินนั น ้ นอกจากชนิ ดที่สั่งจา่ ยแกผ ่ ูถ
้ ือแลว้ จะออกไปเป็ นคูฉ ่ ีกความ ตอ ้ งกันสองฉบั บหรื อกวา่ นั น ้ ก็อาจจะออกได้
คูฉ่ ีกเหลา่ นี้ ตอ ้ งมีหมายลาดับลงไวใ้ นตัวตราสารนั น ้ เอง มิฉะนั น ้ คูฉ ่ ีกแตล่ ะฉบับยอ่ มใชไ้ ด้เป็ น ตั ๋วแลกเงินฉบั บหนึ่ ง ๆ แยกเป็ นตั ๋วเงิน
ตา่ งฉบั บกัน
บุคคลทุกคนซึ่งเป็ นผูท ้ รงตั ๋วเงินอั นมิไดร้ ะบุวา่ ได้ออกเป็ นตั ๋วเดี่ยวนั น ้ จะเรี ยกใหส ้ ง่ มอบคูฉ ่ ีก สองฉบั บหรื อกวา่ นั น ้ แกต ่ นก็ได้ โดยยอมใหค ้ ิด
คา่ ใชจ้ า่ ยเอาแกต ่ น ในการนี ้ ผู ท
้ รงต อ งว
้ ่ ่ า กล า วไปยั ง ผู ส
้ ลั กหลั ง คนถัดตนขึ ้ น ไป และผู ส
้ ลั กหลั ง คนนั ้
น ก็จ าต อ งช
้ ่ ว ยผู ท
้ รงว า กล
่ ่ า วไปยั ง ผู ท
้ ่ ี ส ลั ก
หลั งให้แกต ่ นตอ่ ไปอีก สืบเนื่ อง กันไปเชน ่ นี้ ตลอดสายจนกระทั ่งถึงผูส ้ ั ่งจา่ ย อนึ่ งผูส ้
้ ลั กหลั งทั งหลายจาต อ
้ งเขียนคาสลั กหลั งของตนเป็ นความ
เดียวกันลงในฉบั บคูฉ ่ ีกใหมแ ่ หง่ ตั ๋วสารั บนั น ้ อีกด้วย

มาตรา ๙๗๖ ถา้ ผูท ้ รงตั ๋วแลกเงินสารั บหนึ่ งสลั กหลั งคูฉ ่ ีกสองฉบับหรื อกวา่ นั น ้ ให้แก่บุคคล ตา่ งคนกัน ทา่ นวา่ ผูท ้ รงยอ่ มตอ
้ งรั บผิดตามคูฉ ่ ีก
เชน ว
่ ่ า นั ้
น ทุ ก ๆ ฉบั บ และผู ส
้ ลั กหลั งภายหลั งผู ท
้ รงทุ ก ๆ คนก็ ตอ้ งรั บผิ ด ตามคูฉ
่ ีกอั นตนเองไดส ้ เสมือนดังวา่ คูฉ
้ ลั กลงไปนั น ่ ีกที่วา่ นั น

แยกเป็ นตั ๋วเงินตา่ งฉบั บกัน
มาตรา ๙๗๗ ถา้ คูฉ ่ ีกสองฉบั บหรื อกวา่ นั น ้ ในสารั บหนึ่ งได้เปลี่ยนมือไปยั งผูท ้ รงโดยชอบด้วย กฎหมายตา่ งคนกันไซร้ ในระหวา่ งผูท ้ รงเหลา่
้ ด้วยกัน คนใดได้เป็ นสิทธิกอ
นั น ่ น ทา่ นให้ถือวา่ คนนั น ้ เป็ นเจา้ ของ อั นแทจ้ ริ งแหง่ ตั ๋วเงินนั น้ แตค ่ วามใด ๆ ในบทมาตรานี้ ไมก ่ ระทบกระทั ่ง
ถึงสิทธิของบุคคลผูท ้ าการโดยชอบด้วย กฎหมายรั บรองหรื อใชเ้ งินไปตามคูฉ ่ ี กฉบับซึ่งเขายื่นแกต ่ นก่อน

มาตรา ๙๗๘ คารั บรองนั นจะเขียนลงในคูฉ ่ ีกฉบั บใดก็ได้ และจะตอ ้ งเขียนลงในคูฉ ้
่ ีกแตเ่ พียง ฉบั บเดียวเทา่ นั น
ถา้ ผูจ้ า่ ยรั บรองลงไปกวา่ ฉบั บหนึ ง และคูฉ่ ่ ึ
่ ีกซงรั บรองเชน ้
่ นั นตกไปถึงมือผูท ้ รงโดยชอบด้วย กฎหมายตา่ งคนกันไซร้ ทา่ นวา่ ผูจ้ า่ ยจะตอ ้ งรั บ
ผิดตามคูฉ ้ ๆ ทุกฉบั บ เสมือนดังวา่ แยกเป็ นตั ๋วเงินตา่ งฉบั บ กัน
่ ีกนั น
มาตรา ๙๗๙ ถา้ ผูร้ ั บรองตั ๋วเงินซึ่งออกเป็ นสารั บใชเ้ งินไปโดยมิได้เรี ยกให้สง่ มอบคูฉ ่ ี กฉบับ ซึ่งมีคารั บรองของตนนั น ้ ให้แกต ่ นและในเวลาตั ๋ว
เงินถึงกาหนด คูฉ ้
่ ีกฉบั บนั นไปตกอยูใ่ นมือผูท ้ รงโดยชอบด้วย กฎหมายคนใดคนหนึ่ งไซร้ ทา่ นวา่ ผูร้ ั บรองจะตอ ้ งรั บผิดตอ ่ ผูท ้ รงคูฉ
่ ีกฉบับนั น ้
มาตรา ๙๘๐ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติทังหลายซึ ้ ่งกลา่ วมากอ ่ นนั ้
น ถา คู ฉ
้ ่ ีกฉบับใดแห่ ง ตั ๋ ว เงิ นออกเป็ นสารั บได ห
้ ลุ ด พ น
้ ไปด ว
้ ยการใช เ
้ งิ น
หรื อประการอื่นฉบั บหนึ่ งแลว้ ทา่ นวา่ ตั ๋วเงินทั งสารั ้ บก็ยอ่ มหลุด พน ้ ไปตามกัน
มาตรา๙๘๑คูส ่ ั ญญาซงึ่สง่ คูฉ
่ ีกฉบั บหนึ่ งไปให้เขารั บรองตอ ้ งเขียนแถลงลงในคูฉ ่ ีกฉบั บอื่น วา่ คูฉ ่ ีกฉบับโน้นอยูใ่ นมือบุคคลชือ่ ไร สว่ นบุคคล
คนนั น ้ ก็จาตอ ้ งสละตั ๋วให้แกผ ้ รงโดยชอบด้วยกฎหมายแหง่ คู ่ ฉีกฉบั บอื่นนั น
่ ูท ้
ถา้ บุคคลคนนั น ้ บอกปัดไมย่ อมให้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รงยั งจะใชส ้ ทิ ธิไลเ่ บี้ยไมไ่ ด้จนกวา่ จะได้ทา คั ดคา้ นระบุความดังตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) วา่ คูฉ ่ ่ ้
่ ีกฉบั บซึงได้สง่ ไปเพือรั บรองนั น เขาไมส ่ ละให้แกต ่ นเมื่อทวงถาม (๒) วา่ ไมส ่ ามารถจะใหเ้ ขารั บรองหรื อใชเ้ งินด้วยคูฉ ่ ีกฉบับอื่น
ได้
หมวด ๓ ตั ๋วสั ญญาใชเ้ งิน

มาตรา ๙๘๒ อั นวา่ ตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินนั น ้ คือหนั งสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูอ ้ อกตั ๋ว ให้คามั ่นสั ญญาวา่ จะใชเ้ งินจานวนหนึ่ งให้
แกบ ่ ุคคลอีกคนหนึ่ ง หรื อใชใ้ ห้ตามคาสั ง่ ของบุคคลอีกคนหนึ่ ง เรี ยกวา่ ผูร้ ั บเงิน
มาตรา ๙๘๓ ตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินนั น ้ ตอ ้ งมีรายการดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) คาบอกชื่อวา่ เป็ นตั ๋วสั ญญาใชเ้ งิน
่ ่
(๒) คามั นสั ญญาอั นปราศจากเงือนไขวา่ จะใชเ้ งินเป็ นจานวนแน่นอน (๓) วั นถึงกาหนดใชเ้ งิน
(๔) สถานที่ใชเ้ งิน
(๕) ชื่อ หรื อยี่ห้อของผูร้ ั บเงิน
(๖) วั นและสถานที่ออกตั ๋วสั ญญาใชเ้ งิน (๗) ลายมือชื่อผูอ ้ อกตั ๋ว
มาตรา ๙๘๔ ตราสารอั นมีรายการขาดตกบกพร่องไปจากที่ทา่ นระบุบังคั บไวใ้ นมาตราก่อน นี้ ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์เป็ นตั ๋วสั ญญาใชเ้ งิน เวน
้ แต่
ในกรณี ดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
ตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินซึ่งไมร่ ะบุเวลาใชเ้ งิน ทา่ นให้ถือวา่ พึงใชเ้ งินเมื่อได้เห็น
ถา้ สถานที่ใชเ้ งินมิไดแ ้ ถลงไวใ้ นตั ๋วสั ญญาใชเ้ งิน ทา่ นใหถ ้ ือเอาภูมิลาเนาของผูอ ้ อกตราสารนั น ้ เป็ นสถานที่ใชเ้ งิน
ตวั ๋
ถา้ ตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินไมร่ ะบุสถานที่ออกตั ๋ว ทา่ นให้ถือวา่ ตั ๋วนั น ้ ได้ออก ณ ภูมิลาเนาของผูอ ้ อก ถา้ มิได้ลงวั นออกตั ๋ว ทา่ นวา่ ผูท้ รงโดยชอบ
ด้วยกฎหมายคนหนึ่ งคนใดทาการโดยสุจริ ตจะจด
วั นตามที่ถูกตอ ้ งแทจ้ ริ งลงก็ได้
มาตรา ๙๘๕ บทบั ญญั ตท ้
ิ ั งหลายในหมวด ๒ วา่ ด้วยตั ๋วแลกเงินดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ทา่ นให้ ยกมาบั งคั บในเรื่ องตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินเพียงเทา่ ที่
ไมข่ ั ดกับสภาพแหง่ ตราสารชนิ ดนี้ คือบทมาตรา ๙๑๑, ๙๑๓, ๙๑๖, ๙๑๗, ๙๑๙, ๙๒๐, ๙๒๒ ถึง ๙๒๖, ๙๓๘ ถึง ๙๔๗,
๙๔๙, ๙๕๐, ๙๕๔ ถึง ๙๕๙, ๙๖๗ ถึง ๙๗๑
ถา้ เป็ นตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินที่ออกมาแตต ่ า่ งประเทศ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติตอ่ ไปนี้ มาใชบ ้ ั งคับด้วย คือบทมาตรา ๙๖๐ ถึง ๙๖๔, ๙๗๓, ๙๗๔
มาตรา ๙๘๖ ผูอ ้ อกตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินยอ่ มตอ ้ งผูกพันเป็ นอยา่ งเดียวกันกับผูร้ ั บรองตั ๋วแลกเงิน

ตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินซึ่งใหใ้ ชเ้ งินในเวลาใดเวลาหนึ่ งภายหลั งได้เห็นนั น ้ ตอ ้ งนายื่นให้ผูอ ้ อกตั ๋วจด รั บรู้ ภายในจากัดเวลาดั งกาหนดไวใ้ นมาตรา
๙๒๘ กาหนดเวลานี้ ใหน ้ ั บแต ว
่ั น จดรั บรู ้ ซ ่ ึ ง ลงลายมื อ ่
ชื อ ผู อ
้ อกต ัว๋ ถ า
้ ้ผู อ อกตั ๋ ว บอกป ั ดไมย่ อมจดรั บรู้ และลงวั นไซร้ การที่เขาบอกปัดเชน ่ นี้ ทา่ น
วา่ ตอ้ งทาให เ
้ ป็ น หลั ก ฐานขึ ้ น ด ว
้ ย คาคั ด คา ้ น และวั น คั ด ค า
้ นนั ้
น ให ถ
้ ื อ เป็ น วั น เริ ่ มต น ้ ในการนั บกาหนดเวลาแต ไ ด
่ ้ เ ห็

หมวด ๔ เช็ค
มาตรา ๙๘๗ อั นวา่ เช็คนั น ้ คือหนั งสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ งเรี ยกวา่ ผูส ้ ั ง่ จา่ ย สั ่งธนาคาร ให้ใชเ้ งินจานวนหนึ่ งเมื่อทวงถามให้แก่

บุคคลอีกคนหนึ ง หรื อให้ใชต ้ ามคาสั ่งของบุคคลอีกคนหนึ่ ง อั นเรี ยกวา่ ผูร้ ั บเงิน
มาตรา ๙๘๘ อั นเช็คนั น ้ ตอ ้ งมีรายการดังกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) คาบอกชื่อวา่ เป็ นเช็ค
(๒) คาสั ง่ อั นปราศจากเงื่อนไขใหใ้ ชเ้ งินเป็ นจานวนแน่นอน (๓) ชื่อ หรื อยี่หอ ้ และสานั กงานของธนาคาร
(๔) ชื่อ หรื อยี่หอ ้ ของผู ร
้ ั บเงิ น หรื อคาจดแจ ง ว า
้ ่ ้ให ใ ชเ้ งิ นแก ผ ู
่ ้ ถื อ (๕) สถานที ่ ใชเ้ งิน
(๖) วั นและสถานที่ออกเช็ค
(๗) ลายมือชื่อผูส ้ ั ่งจา่ ย
มาตรา ๙๘๙ บทบั ญญั ติทังหลายในหมวด ้ ๒ อั นวา่ ด้วยตั ๋วแลกเงินดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ทา่ น
่ ่
ใหย้ กมาบั งคั บในเรื องเช็คเพียงเทา่ ทีไมข่ ั ดกับสภาพแหง่ ตราสารชนิ ดนี้ คือบทมาตรา ๙๑๐, ๙๑๔ ถึง ๙๒๓, ๙๒๕, ๙๒๖, ๙๓๘ ถึง
๙๔๐, ๙๔๕, ๙๔๖, ๙๕๙, ๙๖๗, ๙๗๑
ถา้ เป็ นเช็คที่ออกมาแตต ่ า่ งประเทศ ทา่ นใหน ้ าบทบั ญญั ติดังตอ่ ไปนี้ มาใชบ ้ ั งคั บดว้ ย คือบท มาตรา ๙๒๔, ๙๖๐ ถึง ๙๖๔, ๙๗๓ ถึง
๙๗๗, ๙๘๐
มาตรา ๙๙๐ ผูท ้ รงเช็คตอ ้ งยื่นเช็คแกธ่ นาคารเพื่อให้ใชเ้ งิน คือวา่ ถา้ เป็ นเช็คใหใ้ ชเ้ งินในเมือง เดียวกันกับที่ออกเช็คต้องยื่นภายในเดือนหนึ่ ง
นั บแตว่ ั นออกเช็คนั น ้ ถา้ เป็ นเช็คใหใ้ ชเ้ งินที่อ่ืนตอ ้ งยื่นภายในสาม เดือน ถา้ มิฉะนั น ้ ทา่ นวา่ ผูท ้ สิทธิท่ีจะไลเ่ บี้ยเอาแกผ
้ รงสิน ่ ูส ้
้ ลั กหลั งทั งปวง

ทั งเสียสิทธิอันมีตอ่ ผูส ่ ่
้ ั งจา่ ยด้วยเพียง เทา่ ทีจะเกิดความเสียหายอยา่ งหนึ งอยา่ งใดแกผ ่ ้ ั งจา่ ยเพราะการที่ละเลยเสียไมย่ ่ืนเช็คนั น
่ ูส ่ ้

้ รงเช็คซึ่งผูส
อนึ่ ง ผูท ้ ั ่งจา่ ยหลุดพน ้ จากความรั บผิดไปแลว้ นั น ้ ั ่งจา่ ย คนนั น
้ ทา่ นใหร้ ั บชว่ งสิทธิของผูส ้ อั นมีตอ่ ธนาคาร
มาตรา ๙๙๑ ธนาคารจาตอ ้ งใชเ้ งินตามเช็คซึ่งผูเ้ คยคา้ กับธนาคารให้ออกเบิกเงินแกต ่ น เวน ้ แตใ่ นกรณี ดังกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ไมม ่ ีเงินในบั ญชีของผูเ้ คยคา้ คนนั น ้ เป็ นเจา้ หนี้ พอจะจา่ ยตามเช็คนั น้ หรื อ (๒) เช็คนั น ้ ยื่นเพื่อให้ใชเ้ งินเมื่อพน
้ เวลาหกเดือนนั บแตว่ ั น
ออกเช็ค หรื อ
(๓) ได้มีคาบอกกลา่ ววา่ เช็คนั น ้ หายหรื อถูกลักไป
มาตรา ๙๙๒ หน้าทีและอานาจของธนาคารซึ่งจะใชเ้ งินตามเช็คอั นเบิกแก่ตนนั น
่ ้ ทา่ นวา่ เป็ นอั นสุดสิน ้ ไปเมื่อกรณี เป็ นดังจะกลา่ วตอ
่ ไปนี้
คือ
(๑) มีคาบอกห้ามการใชเ้ งิน
(๒) รู้ วา่ ผูส ้ ั ่งจา่ ยตาย
(๓) รู้ วา่ ศาลไดม ้ ีคาสั ่งรั กษาทรั พยช์ ั ่วคราว หรื อคาสั ่งใหผ ้ ั ่งจา่ ยเป็ นคนลม
้ ูส ้ ละลาย หรื อไดม ้ ี
ประกาศโฆษณาคาสั ่งเชน ้
่ นั น
มาตรา ๙๙๓ ถา้ ธนาคารเขียนขอ ้ ความลงลายมือชื่อบนเช็ค เชน ่ คาวา่ “ใชไ้ ด”้ หรื อ “ใชเ้ งิน ได” ้ หรื อคาใด ๆ อั นแสดงผลอยา่ ง
เดียวกัน ทา่ นวา่ ธนาคารตอ ้ งผูกพันในฐานเป็ นลูกหนี้ ชั นต ้ น ้ ในอั นจะต้องใช้ เงินแกผ ่ ูท้ รงตามเช็คนั น ้
ถา้ ผูท ้ รงเช็คเป็ นผูจ้ ั ดการให้ธนาคารลงขอ ้ ความรั บรองดังวา่ นั น ้ ทา่ นวา่ ผูส ้ ั ง่ จา่ ยและผูส ้
้ ลั ก หลั งทั งปวงเป็ นอั นหลุดพน ้ จากความรั บผิดตามเช็ค

นั น
ถา้ ธนาคารลงขอ ้ ความรั บรองดังนั น ้ โดยคาขอร้องของผูส ้ ั ่งจา่ ย ทา่ นวา่ ผูส ้ ั ่งจา่ ยและปวงผูส ้ ลั ก หลั งก็หาหลุดพน ้ ไปไม่
มาตรา ๙๙๔ ถา้ ในเช็คมีเสน ้ ขนานคู ข
่ ี ด ขวางไว ข า งด
้ ้ ้ า นหน ้ า กับมี ห รื อ ไม ม
่ ี คาว า
่ “ และ บริ ษั ท ” หรื อคาย อ่ อยา่ งใด ๆ แหง่ ขอ ้ ความนี้ อยู ่
ในระหวา่ งเสน ้
้ ทั งสองนั ้ ไซร้ เช็คนั น
น ้ ชื่อวา่ เป็ นเช็คขีดคร่อม ทั ่วไป และจะใชเ้ งินตามเช็คนั น ้ ได้แตเ่ ฉพาะให้แกธ่ นาคารเทา่ นั น ้
ถา้ ในระหวา่ งเสน ้
้ ทั งสองนั ้ กรอกชื่อธนาคารอันหนึ่ งอั นใดลงไวโ้ ดยเฉพาะ เช็คเชน
น ้ ชื่อวา่ เป็ นเช็คขีดคร่อมเฉพาะ และจะใชเ้ งินตามเช็ค
่ นั น
นั น ้ ได้เฉพาะให้แกธ่ นาคารอั นนั น ้
มาตรา ๙๙๕ (๑) เช็คไมม ่ ีขีดคร่อม ผูส ้ รงคนใดคนหนึ่ งจะขีดคร่อมเสียก็ได้ และ จะทาเป็ นขีดคร่อมทั ่วไปหรื อขีดคร่อมเฉพาะ
้ ั ง่ จา่ ยหรื อผูท
ก็ได้
(๒) เช็คขีดคร่อมทั ่วไป ผูท ้ รงจะทาใหเ้ ป็ นขีดคร่อมเฉพาะเสียก็ได้

(๓) เช็คขีดคร่อมทั ่วไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะก็ดี ผูท ้ รงจะเติมคาลงวา่ “หา้ มเปลี่ยนมือ” ก็ได้


(๔) เช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แกธ่ นาคารใด ธนาคารนั น ้ จะซ้าขีดคร่อมเฉพาะให้ไปแกธ่ นาคาร อื่นเพื่อเรี ยกเก็บเงินก็ได้
(๕) เช็คไมม ่ ีขีดคร่อมก็ดี เช็คขีดคร่อมทั ่วไปก็ดี สง่ ไปยั งธนาคารใดเพื่อให้เรี ยกเก็บเงิน ธนาคารนั น ้ จะลงขีดคร่อมเฉพาะให้แกต ่ นเองก็ได้
มาตรา ๙๙๖ การขีดคร่อมเช็คตามทีอนุ ญาตไวใ้ นมาตรากอ ่ ้ ่
่ นนั น ทา่ นวา่ เป็ นสว่ นสาคั ญ อนั หนึ งของเช็ค ใครจะลบลา้ งยอ่ มไมเ่ ป็ นการชอบ
ดว้ ยกฎหมาย
มาตรา ๙๙๗ เช็คขีดคร่อมเฉพาะใหแ ้ กธ่ นาคารกวา่ ธนาคารหนึ่ งขึ้นไป เมื่อนาเบิกเอาแก่ ธนาคารใด ทา่ นใหธ้ นาคารนั น ้ บอกปัดเสียอยา่
ใชเ้ งินให้ เวน ้ แตท ่ ่ีขีดคร่อมให้แกธ่ นาคารในฐานเป็ นตัวแทนเรี ยก เก็บเงิน
ธนาคารใดซึ่งเขานาเช็คเบิกขืนใชเ้ งินไปตามเช็คที่ขีดคร่อมอยา่ งวา่ มานั น ้ ก็ดี ใชเ้ งินตามเช็ค อั นเขาขีดคร่อมทั ่วไปเป็ นประการอื่นนอกจากใชใ้ ห้
แกธ่ นาคารอั นใดอั นหนึ่ งก็ดี ใชเ้ งินตามเช็คอั นเขาขีดคร่อม เฉพาะเป็ นประการอื่นนอกจากใชใ้ ห้แกธ่ นาคารซึ่งเขาเจาะจงขีดคร่อมให้โดย
เฉพาะ หรื อแกธ่ นาคารตัวแทน เรี ยกเก็บเงินของธนาคารนั น ้ ก็ดี ทา่ นวา่ ธนาคารซึ่งใชเ้ งินไปดังกลา่ วนี้ จะตอ ้ งรั บผิดตอ่ ผูเ้ ป็ นเจา้ ของอั นแทจ้ ริ ง
แหง่ เช็คนั น ้ ในการที่เขาจะตอ ้ งเสี ย หายอย า
่ งใด ๆ เพราะการที ่ ตนใชเ้ งินไปตามเช็คดังนั น ้
แตห ่ ากเช็คใดเขานายื่นเพื่อใหใ้ ชเ้ งิน และเมื่อยื่นไมป ่ รากฏวา่ เป็ นเช็คขีดคร่อมก็ดี หรื อไม่ ปรากฏวา่ มีรอยขีดคร่อมอั นไดล ้ บลา้ งหรื อแกไ้ ข
เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเป็ นประการอื่นนอกจากที่อนุ ญาตไวโ้ ดย กฎหมายก็ดี เช็คเชน ่ นี้ ถา้ ธนาคารใดใชเ้ งินไปโดยสุจริ ตและปราศจากประมาท
เลินเลอ่ ทา่ นวา่ ธนาคารนั น ้ ไม่ ตอ ้ งรั บผิดหรื อตอ้ งมีหน้าที่รับใชเ้ งินอยา่ งใด ๆ
มาตรา ๙๙๘ ธนาคารใดซึ่งเขานาเช็คขีดคร่อมเบิกเงิน ใชเ้ งินไปตามเช็คนั น ้ โดยสุจริ ตและ
ปราศจากประมาทเลินเลอ่ กลา่ วคือวา่ ถา้ เป็ นเช็คขีดคร่อมทั ่วไปก็ใชเ้ งินให้แกธ่ นาคารอั นใดอันหนึ่ ง ถา้ เป็ นเช็ค ขีดคร่อมเฉพาะก็ใชใ้ ห้แก่
ธนาคารซึ่งเขาเจาะจงขีดคร่อมใหโ้ ดยเฉพาะ หรื อใชใ้ หแ ้ กธ่ นาคารตัวแทนเรี ยกเก็บ เงินของธนาคารนั น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ธนาคารซึ่งใชเ้ งินไปตาม
เช็คนั น ้ ฝ่ายหนึ่ ง กับถา้ เช็คตกไปถึงมือผูร้ ั บเงินแลว้ ผูส ั้ ง่ จา่ ยอีกฝ่ายหนึ่ งตา่ งมีสท ิ ธิเป็ นอยา่ งเดียวกัน และเขา้ อยูใ่ นฐานะอั นเดียวกันเสมือน
ดังวา่ เช็คนั น้ ได้ใชเ้ งินให้แกผ ่ ู้ เป็ นเจา้ ของอั นแทจ้ ริ งแลว้
มาตรา ๙๙๙ บุคคลใดได้เช็คขีดคร่อมของเขามาซึ่งมีคาวา่ “ห้ามเปลี่ยนมือ” ทา่ นวา่ บุคคล นั น ้ ไมม่ ี สทิ ธิในเช็คนั น้ ยิง่ ไปกวา่ และไมส ่ ามารถ
ใหส ้ ทิ ธิในเช็คนั น ้ ตอ่ ไปได้ดีกวา่ สิทธิของบุคคลอั นตนได้เช็คของ เขามา

มาตรา ๑๐๐๐ ธนาคารใดไดร้ ั บเงินไวเ้ พื่อผูเ้ คยคา้ ของตนโดยสุจริ ตและปราศจากประมาท เลินเลอ่ อั นเป็ นเงินเขาใชใ้ หต ้ ามเช็คขีดคร่อม
ทั ่วไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะใหแ ้ ่ก ต นก็ ดี หากปรากฏว า ผู
่ ้ เ คยค า
้ นั ้
น ไม ม
่ ี ส ิ
ท ธิ ห รื อ มี ส ิ
ท ธิ เ พี ย งอย า
่ งบกพร ่ องในเช็ ค นั น ้ ไซร ้ ทา่ นวา่ เพียงแตเ่ หตุท่ี
ได้รับเงินไวห ้ าทาให้ธนาคารนั น ้ ตอ ้ ง รั บผิดตอ่ ผูเ้ ป็ นเจา้ ของอั นแทจ้ ริ งแหง่ เช็คนั น ้ แตอ ่ ยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดไม่
หมวด ๕ อายุความ
มาตรา ๑๐๐๑ ในคดีฟ้องผูร้ ั บรองตั ๋วแลกเงินก็ดี ผูอ ้ อกตั ๋วสั ญญาใชเ้ งินก็ดี ทา่ นห้ามมิให้ ฟ้องเมื่อพน ้ เวลาสามปี นั บแตว่ ั นตั ๋วนั น ้ ๆ
ถึงกาหนดใชเ้ งิน
มาตรา ๑๐๐๒ ในคดีท่ีผูท ้ รงตั ๋วเงินฟ้องผูส ้ ลั กหลั งและผูส ้ ั ง่ จา่ ย ทา่ นหา้ มมิใหฟ ้ ้ องเมื่อพน ้ เวลาปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นที่ไดล ้ งในคาคั ดคา้ นซึ่งไดท ้ า
ขึ้นภายในเวลาอั นถูกตอ ้ งตามกาหนด หรื อ นั บแต ว
่ ั น ตั ๋ ว เงิ น ถึ ง กาหนด ในกรณี ท ี ่ ม ี ข อ
้ กาหนดไว ว า
้ ่ “ ไม จ าต
่ ้ อ งมี ค าคั ด ค า
้ น ”
มาตรา ๑๐๐๓ ในคดีผูส ้
้ ลั กหลั งทั งหลายฟ ้ องไลเ่ บี้ยกันเองและไลเ่ บี้ยเอาแกผ ้ ั ่งจา่ ยแหง่ ตั ๋ว เงิน ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพน
่ ูส ้ เวลาหกเดือน
นั บแตว่ ั นที่ผูส
้ ลั กหลั งเขา้ ถือเอาตั ๋วเงินและใชเ้ งิน หรื อนั บแตว่ ั นที่ ผูส ้ ลั กหลั งนั น ้ เองถูกฟ้อง
มาตรา ๑๐๐๔ เมอื่ อายุความสะดุดหยุดลงเพราะการอั นหนึ่ งอั นใด ซึ่งกระทาแกค ่ ูส ่ ั ญญา แหง่ ตั ๋วเงินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ ง ทา่ นวา่ ยอ่ มมีผลสะดุด
หยุดลงเพียงแตแ ่ กค
่ ูส
่ ั ญญาฝ่ายนั น ้
มาตรา ๑๐๐๕ ถา้ ตั ๋วเงินไดท ้ าขึ้นหรื อไดโ้ อนหรื อสลั กหลั งไปแลว้ ในมูลหนี้ อั นหนึ่ งอันใด และ สิทธิตามตั ๋วเงินนั น ้ มาสูญสิน ้ ไปเพราะอายุ
ความก็ดี หรื อเพราะละเวน ้ ไม ด
่ าเนิ นการให ต อ
้ ้ งตามวิ ธ ี ใ ด ๆ อั นจะพึ ง ต อ
้ งทาก็ ด ี ท า นว
่ ่ า หนี ้ เดิ ม นั ้
น ก็ ยั ง คงมี อ ยู ต
่ ามหลั ก กฎหมายอั นแพร่
หลายทั ่วไป เทา่ ที่ลูกหนี้ มิได้ตอ ้ งเสียหายแต่ การนั น ้ เวน ้ แตจ่ ะได้ตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
หมวด ๖
ตั ๋วเงินปลอม ตั ๋วเงินถูกลั ก และตั ๋วเงินหาย

มาตรา ๑๐๐๖ การที่ลายมือชื่ออันหนึ่ งในตั ๋วเงินเป็ นลายมือปลอม ยอ่ มไมก ่ ระทบกระทั ่งถึง ความสมบูรณ์แหง่ ลายมือชื่ออื่น ๆ ในตั ๋วเงินนั น ้
มาตรา ๑๐๐๗ ถา้ ขอ
้ ความในตั ๋ ว เงิ นใด หรื อในคารั บรองตั ๋ ว เงิ นรายใด มี ผ ู แก
้ ้ ไ ่
ขเปลี ย นแปลง ในข อ
้ สาคั ญ ่
โดยที คู ส
่ ั ญ ญาทั ้
งปวงผู ต อ
้ ้ งรั บผิ ด
ตามตั ๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ทา่ นวา่ ตั ๋วเงินนั น ้ ก็เป็ น อั นเสีย เวน ้ แตย่ ั งคงใชไ้ ด้ตอ่ คูส ่ ั ญญาซึ่งเป็ นผูท ้ าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั น ้

หรื อได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไข เปลียนแปลงนั น กับทั งผูส ้ ้ ้ ลั กหลั งในภายหลั ง
แตห ่ ากตั ๋วเงินใดไดม ้ ีผูแ้ กไ้ ขเปลี่ยนแปลงในขอ ้ สาคั ญ แตค ่ วามเปลี่ยนแปลงนั น ้ ไมป ่ ระจั กษ์
และตั ๋วเงินนั น ้ ตกอยูใ่ นมือผูท ้ รงโดยชอบด ว
้ ยกฎหมายไซร ท า
้ ่ ่ ้ นว าผู ท รงคนนั ้
น จะเอาประโยชน ์ จากตั ๋วเงินนั น ้ ก็ ได้ เสมือนดังวา่ มิไดม ้ ีการ
แก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบั งคั บการใชเ้ งินตามเนื้ อความแหง่ ตั ๋วนั น ้ ก็ได้
กลา่ วโดยเฉพาะ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเชน ่ จะกลา่ วตอ ่ ไปนี้ ทา่ นถือวา่ เป็ นการแก้ไข เปลี่ยนแปลงในขอ ้ สาคั ญ คือการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อยา่ งใด ๆ แกว่ ั นที่ลง จานวนเงินอั นจะพึงใช้ เวลาใชเ้ งิน สถานที่ใชเ้ งิน กับทั งเมื ้ ่อตั ๋วเงินเขารั บรองไวท ้ ั ่วไปไมเ่ จาะจงสถานที่ใชเ้ งิน ไป
่ ่
เติมความระบุสถานทีใชเ้ งินเขา้ โดยทีผูร้ ั บรองมิได้ยินยอมด้วย
มาตรา ๑๐๐๘ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติทังหลายในประมวลกฎหมายนี ้ ้ เมื่อใดลายมือชื่อ ในตั ๋วเงินเป็ นลายมือปลอมก็ดี เป็ นลายมือชื่อลง
ไวโ้ ดยที่บุคคลซึ่งอา้ งเอาเป็ นเจา้ ของลายมือชื่อนั น ้ มิไดม
้ อบ อานาจให ล
้ งก็ ดี ทา่ นวา่ ลายมือชื่อปลอมหรื อลงปราศจากอานาจเชน ้ เป็ นอันใช้
่ นั น
ไมไ่ ด้เลย ใครจะอา้ งอิงอาศั ย แสวงสิทธิอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดเพื่อยึดหน่วงตั ๋วเงินไวก ้ ด ็ ี เพื่อทาให้ตั๋วนั น ้ หลุดพน ้ ก็ดี หรื อเพื่อบั งคั บการใชเ้ งินเอา
แกค ่ ูส่ ั ญญาแหง่ ตั ๋วนั น้ คนใดคนหนึ่ งก็ดี ทา่ นวา่ ไมอ่ าจจะทาได้เป็ นอั นขาด เวน ้ แตค ่ ั ญญาฝ่ายซึ่งจะพึงถูกยึด หน่วงหรื อถูกบั งคั บใชเ้ งินนั น
่ ูส ้ จะ
อยูใ่ นฐานเป็ นผูต ้ อ ้ งตัดบทมิให้ยกขอ ้ ลายมือชื่อปลอม หรื อขอ ้ ลงลายมือชื่อ ปราศจากอานาจนั น ้ ขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ่ สู ้
แตข่ อ ้ ความใด ๆ อั นกลา่ วมาในมาตรานี้ ทา่ นมิให้กระทบกระทั ่งถึงการใหส ้ ั ตยาบั นแกล ่ ายมือ
่ชือซึ่งลงไวโ้ ดยปราศจากอานาจแตห ่ ากไมถ่ ึงแกเ่ ป็ นลายมือปลอม
มาตรา ๑๐๐๙ ถา้ มีผูน ้ าตั ๋วเงินชนิ ดจะพึงใชเ้ งินตามเขาสั ่งเมื่อทวงถามมาเบิกตอ่ ธนาคารใด และธนาคารนั น ้ ไดใ้ ชเ้ งินใหไ้ ปตามทางคา้ ปกติโดย
สุจริ ตและปราศจากประมาทเลินเลอ่ ไซร้ ทา่ นวา่ ธนาคารไมม ี่ หน้าที่จะตอ ้ งนาสืบวา่ การสลั กหลั งของผูร้ ั บเงิน หรื อการสลั กหลั งในภายหลั งราย
ใด ๆ ได้ทาไปด้วยอาศั ยรั บ มอบอานาจแตบ ่ ุคคลซึ่งอา้ งเอาเป็ นเจา้ ของคาสลั กหลั งนั น ้ และถึงแมว้ า่ รายการสลั กหลั งนั น ้ จะเป็ นสลั กหลั ง
ปลอมหรื อปราศจากอานาจก็ตาม ทา่ นให้ถือวา่ ธนาคารได้ใชเ้ งินไปถูกระเบียบ

มาตรา ๑๐๑๐ เมื่อผูท ้ รงตั ๋วเงินซึ่งหายหรื อถูกลั กทราบเหตุแลว้ ในทั นใดนั น ้ ตอ ้ งบอกกลา่ ว เป็ นหนั งสือไปยั งผูอ ้ อกตั ๋วเงิน ผูจ้ า่ ย ผูส ้ มอา้ ง
ยามประสงค ์ ผูร้ ั บรองเพื่อแกห น
้ ้ า และผู ร
้ ั บอาวั ล ตามแต ม
่ ี ่
เพื อให ้ บอกป
ั ดไม ใ
่ ้ชเ งิ น ตามตั ๋ ว เงิ นนั ้

มาตรา ๑๐๑๑ ถา้ ตั ๋วเงินหายไปแตก ่ อ่ นเวลาลว่ งเลยกาหนดใชเ้ งิน ทา่ นวา่ บุคคลซึ่งไดเ้ ป็ นผู ้ ทรงตั ๋วเงินนั น ้ จะร้องขอไปยั งผูส ้ ั ่งจา่ ยให้ ๆ ตั ๋ว
เงินเป็ นเนื้ อความเดียวกันแกต ่ นใหมอ่ ีกฉบับหนึ่ งก็ได้ และในการ นี้ ถา้ เขาประสงคก ์ ว็ างประกันให้ไวแ ้ กผ ้ ั ่งจา่ ย เพื่อไวท
่ ูส ้ ดแทนที่เขาหากจะ
ตอ ้ งเสียหายแกผ ่ ูห้ นึ่ งผูใ้ ดในกรณี ท่ีตั๋ว เงินซึ่งวา่ หายนั น ้ จะกลั บหาได้

อนึ ง ผูส ่
้ ั งจา่ ยรั บคาขอร้องดังวา่ มานั น ้ แลว้ หากบอกปัดไมย่ อมให้ตั๋วเงินคูฉ ่ บั บเชน ่ นั น ้ อาจจะ ถูกบั งคั บให้ออกให้กไ็ ด้
ลั กษณะ ๒๒ หุ้นสว่ นและบริ ษัท
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๐๑๒ อั นวา่ สั ญญาจั ดตั งห ้ า้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ คือสั ญญาซึ่งบุคคลตั งแต ้ ส ่ อง คนขึ้นไปตกลงเขา้ กันเพื่อกระทากิจการร่วมกั น
ด้วยประสงคจ์ ะแบง่ ปันกาไรอันจะพึงได้แตก ่ ิจการที่ทานั น ้
มาตรา ๑๐๑๓ อั นห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ทา่ นกาหนดเป็ นสามประเภท คือ
(๑) ห้างหุ้นสว่ นสามั ญ (๒) หา้ งหุ้นสว่ นจากัด (๓) บริ ษัทจากัด
มาตรา ๑๐๑๔ บรรดาสานั กงานสาหรั บจดทะเบียนห้างหุ้นสว่ นและบริ ษัททั งหลายนั ้ ้ ให้ รั ฐมนตรี *เจา้ กระทรวงซึ่งบั ญชาการจดทะเบียนห้าง

หุน ส
้ ่ ว นและบริ ษ ั ทเป็ น ผู อ
้ อกกฎข อ
้ บั ง คั บ จั ด ตั ้
งขึ้ น
มาตรา ๑๐๑๕ หา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทเมื่อไดจ้ ดทะเบียนตามบั ญญั ติแหง่ ลั กษณะนี้ แลว้ ทา่ นจั ด วา่ เป็ นนิ ติบุคคลตา่ งหากจากผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ น
หรื อผูถ ้
้ ือหุ้นทั งหลายซึ ่งรวมเขา้ กันเป็ นหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้

มาตรา ๑๐๑๖[๓๕] การจดทะเบียนห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัท การแก้ไขขอ ้ ความที่ได้จด ทะเบียนไวใ้ นภายหลั ง และการจดทะเบียนอยา่ งอื่น
ตามทีลักษณะ ๒๒ หุ้นสว่ นและบริ ษัท กาหนดให้จด ทะเบียน ให้จดทะเบียนตอ่ นายทะเบียน ณ สานั กงานทะเบียนหุ้นสว่ นบริ ษัทตามที่

รั ฐมนตรี เจา้ กระทรวง ประกาศกาหนด
มาตรา ๑๐๑๗ ถา้ ขอ ้ ความที่จะจดทะเบียน หรื อประกาศโฆษณาเกิดขึ้นในตา่ งประเทศไซร้ ทา่ นใหน ้ ั บกาหนดเวลาสาหรั บการจดทะเบียนหรื อ
ประกาศโฆษณาข้อความนั น ้ เ่ วลาเมื่อคาบอกกลา่ วการ นั น
้ ตั งแต ้ มาถึงตาบลที่จดทะเบียนหรื อตาบลที่จะประกาศโฆษณานั น ้ เป็ นตน
้ ไป
มาตรา ๑๐๑๘ ในการจดทะเบียน ทา่ นใหเ้ สียคา่ ธรรมเนี ยมตามกฎขอ ้ บั งคั บซึ่งรั ฐมนตรี *เจา้ กระทรวงตั งไว ้ ้
มาตรา ๑๐๑๙ ถา้ คาขอจดทะเบียนหรื อเอกสารซึ่งตอ ้ งจดทะเบียนไมม ่ ีรายการบริ บูรณ์ ตามที่บังคั บไวใ้ นลั กษณะนี้ วา่ ให้จดแจง้ ก็ดี หรื อถา้
รายการอั นใดซึงจะแจง้ ในคาขอหรื อในเอกสารนั นขั ดกั บ กฎหมายก็ดี หรื อถา้ เอกสารใดซึ่งกาหนดไวว้ า่ ให้สง่ ด้วยกันกับคาขอจดทะเบียนยั ง
่ ้
ขาดอยูม ่ ิไดส
้ ง่ ใหค้ รบก็ดี หรื อถา้ ไมป ่ ฏิบัติตามเงื่อนไขขอ ้ อื่นซึ่งกฎหมายบั งคั บไวก ้ ด
็ ี นายทะเบียนจะไมย่ อมรั บจดทะเบียนก็ได้ จนกวา่ คาขอ
จดทะเบียนหรื อเอกสารนั น ้ จะไดท ้ าให บ
้ ริ บู รณ์ ห รื อแก ้ ไขให ถ
้ ู กตอ้ ง หรื อ ได ส ง
้ ่ เอกสารซึ ่งกาหนดไวน ้ ครบ ทุกสิง่ อั นหรื อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข
้ ัน
ขอ ้ แลว้
้ นั น
มาตรา ๑๐๒๐[๓๖] บุคคลทุกคนเมื่อได้เสียคา่ ธรรมเนี ยมตามที่กาหนดในกฎกระทรวงแลว้ ชอบที่ จะตรวจเอกสารซึ่งนายทะเบียนเก็บรั กษา
ไวไ้ ด้ หรื อจะขอให้คัดสาเนาหรื อเนื้ อความในเอกสารฉบั บใด ๆ พร้อมด้วยคารั บรองวา่ ถูกตอ ้ งมอบให้กไ็ ด้
ผูม ้ ีสว่ นได้เสียของห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทใด ๆ เมื่อได้เสียคา่ ธรรมเนี ยมตามที่กาหนดใน
กฎกระทรวงแลว้ ชอบที่จะขอใหน ้ ายทะเบียนทาใบสาคั ญแสดงการจดทะเบียนหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ใหก้ ็ ได้
มาตรา ๑๐๒๐/๑[๓๗] ใหร้ ั ฐมนตรี เจา้ กระทรวงมีอานาจออกกฎกระทรวงลดหรื อยกเวน ้ ค า
่ ธรรมเนี ย มที่ ออกตามมาตรา ๑๐๑๘ และ
มาตรา ๑๐๒๐
มาตรา ๑๐๒๑ นายทะเบียนทุกคนจะตอ ้ งแตง่ ยอ่ รายการซึ่งได้ลงทะเบียนสง่ ไปลงพิมพ์ โฆษณาในหนั งสือราชกิจจานุ เบกษาเป็ นคราว ๆ ตาม
แบบซึ่งรั ฐมนตรี *เจา้ กระทรวงจะได้กาหนดให้

มาตรา ๑๐๒๒ เมื่อได้พิมพโ์ ฆษณาดังนั น ้ แลว้ ทา่ นให้ถือวา่ บรรดาเอกสารและขอ ้ ความซึ่ง ลงทะเบียนอั นได้กลา่ วถึงในยอ่ รายการนั น
้ เป็ น
อั นรู้ แกบ
่ ุ คคลทั ้
งปวงไม เ
่ ลื อกว า
่ เป็ นผู เ
้ ่
กี ย วข องด
้ ้ ว ยห างหุ
้ ้ ่นส ว น หรื อด ว
้ ยบริ ษั ทนั ้
น หรื อที่ ไมเ่ ่
กี ย วข อ
้ ง
มาตรา ๑๐๒๓[๓๘] ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นก็ดี หา้ งหุ้นสว่ นก็ดี หรอื บริ ษัทก็ดี จะถือเอาประโยชน์แก่ บุคคลภายนอกเพราะเหตุท่ีมีสัญญาหรื อ
เอกสาร หรื อขอ ้ ความอั นบั งคั บให้จดทะเบียนตามลั กษณะนี้ ยั งไมไ่ ด้ จนกวา่ จะได้จดทะเบียนแลว้ แตฝ ่ ่ ายบุคคลภายนอกจะถือเอาประโยชน์
เชน่ ่ว า นั ้
น ได ้
แตถ ่ ึงกระนั น ้ ก็ดี ผูเ้ ป็ นหุน้ สว่ น ผูถ
้ ือหุน ้ หา้ งหุน ้ สว่ น หรื อบริ ษัทซึ่งไดร้ ั บชาระหนี้ กอ ่ นจด
ทะเบียนนั น ้ ยอ่ มไมจ่ าตอ ้ งคืน
มาตรา ๑๐๒๓/๑[๓๙] หา้ งหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทจะยกมาตรา ๑๐๒๓ ขึ้นตอ่ สู บ ้ ุคคลภายนอกผู ้ สุจริ ตเพื่อไมใ่ ห้ตอ ้ งรั บผิดโดยอา้ งวา่ ผูเ้ ป็ นหุ้น
สว่ น ห้างหุ้นสว่ น บริ ษัทหรื อกรรมการไมม ่ ีอานาจกระทาการมิได้
มาตรา ๑๐๒๔ ในระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นด้วยกันก็ดี หรื อในระหวา่ งผูถ ้ ือหุ้นด้วยกันก็ดี ใน ระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นกับห้างหุ้นสว่ นก็ดี ใน
ระหวา่ งผูถ ้ ือหุน้ กับบริ ษัทก็ดี ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ บรรดา สมุดบั ญชีเอกสารของหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัท หรื อของผูช้ าระบั ญชีหา้ งหุน ้
สว่ นหรื อบริ ษัทใด ๆ นั น ้ ยอ่ มเป็ น พยานหลั กฐานอั นถูกตอ ้ งตามข อ
้ ความที ่ ไ ด ้ บั นทึ ก ไว ใ
้ นนั ้ ทุกประการ

หมวด ๒ หา้งหุ้นสว่ นสามั ญ
สว่ นที่ ๑
บทวิเคราะห์
มาตรา ๑๐๒๕ อั นวา่ ห้างหุ้นสว่ นสามั ญนั น ้ คือห้างหุ้นสว่ นประเภทซึ่งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นหมดทุก คนตอ ้ งรั บผิดร่วมกันเพื่อหนี้ ทั งปวงของหุ
้ ้นสว่ น
โดยไมม ่ ีจากัด
สว่ นที่ ๒ ความเกี่ยวพันระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นดว้ ยกันเอง

มาตรา ๑๐๒๖ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุกคนตอ ้ งมีสงิ่ หนึ่ งสิง่ ใดมาลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นสว่ น สิง่ ที่นามาลงด้วยนั น ้ จะเป็ นเงินหรื อทรั พยส์ น ิ สิง่ อื่น หรื อ
ลงแรงงานก็ได้
มาตรา ๑๐๒๗ ในเมื่อมีกรณี เป็ นข้อสงสั ย ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ่ นวา่ สิง่ ซึง่ นามาลงหุ้น ด้วยกันนั น
้ อ ้ มีคา่ เทา่ กัน
มาตรา ๑๐๒๘ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดได้ลงแตแ ่ รงงานของตนเขา้ เป็ นหุ้น และในสั ญญาเขา้ หุ้นสว่ นมิได้ตีราคาคา่ แรงไว้ ทา่ นให้คานวณ
สว่ นกาไรของผูท ้ ่ีเป็ นหุน ้ สว่ นดว้ ยลงแรงงานเชน ่ นั น ้ เสมอดว้ ยสว่ น
ถัวเฉลี่ยของผูเ้ ป็ นหุน ้ ส ว
่ นซึ ่ ง ได ล
้ งเงิ น หรื อลงทรั พย ส์ นิ เขา้ หุน
้ ในการนั น ้
มาตรา ๑๐๒๙ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ งเอาทรั พยส์ น ิ มาใหใ้ ชเ้ ป็ นการลงหุ้นด้วยไซร้ ความ เกี่ยวพันระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนนั น ้ กั บห้างหุ้น
สว่ นในเรื่ องสง่ มอบและซ่อมแซมก็ดี ความรั บผิดเพื่อชารุ ด บกพร่องก็ดี ความรั บผิดเพื่อการรอนสิทธิกด ็ ี ขอ
้ ยกเวน ้ ความรั บผิดก็ดี ทา่ นให้
บั งคั บตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยเชา่ ทรั พย ์
มาตรา ๑๐๓๐ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ งให้กรรมสิทธิใ์ นทรั พยส์ น ิ อั นใดอั นหนึ่ งเป็ นการลงหุ้น ด้วยไซร้ ความเกี่ยวพันระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น
คนนั น ้ กั บหา้ งหุน ้ ่ส ว นในเรื ่ อ งส ง
่ มอบและซ อ
่ มแซมก็ ด ี ความรั บผิ ด เพื่อชารุ ดบกพร่องก็ดี ความรั บผิดเพื่อการรอนสิทธิกด ็ ี ขอ
้ ยกเวน ้ ความรั บ
ผิดก็ดี ทา่ นใหบ ั้ งคั บตามบทบั ญญั ติ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ดว้ ยซื้อขาย
มาตรา ๑๐๓๑ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดละเลยไมส ่ ง่ มอบสว่ นลงหุ้นของตนเสียเลย ทา่ นวา่ ตอ ้ ง สง่ คาบอกกลา่ วเป็ นจดหมายจดทะเบียน
ไปรษณี ยไ์ ปยั งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนนั น ้ ใหส ้ ง่ มอบสว่ นลงหุ้นของตนมา ภายในเวลาอั นสมควร มิฉะนั น ้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนอื่น ๆ จะลงเนื้ อเห็น
พร้อมกัน หรื อโดยเสียงขา้ งมากด้วยกัน
สุดแตข่ อ ้ สั ญญา ใหเ้ อาผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนนั น ้ ออกเสียได้
มาตรา ๑๐๓๒ หา้ มมิใหเ้ ปลี่ยนแปลงขอ ้ สั ญ ญาเดิมแหง่ หา้ งหุน ้ สว่ นหรื อประเภทแหง่ กิจการ นอกจากดว้ ยความยินยอมของผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นหมด
ดว้ ยกันทุกคน เวน ้ แต จ
่ ะมี ข อ
้ ตกลงกั นไว เ
้ ป็ น อย า
่ งอื ่ น
มาตรา ๑๐๓๓ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นมิได้ตกลงกั นไวใ้ นกระบวนจั ดการห้างหุ้นสว่ นไซร้ ทา่ นวา่ ผู ้ เป็ นหุ้นสว่ นยอ่ มจั ดการห้างหุ้นสว่ นนั น ้ ได้ทุกคน
แตผ ่ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ งคนใดจะเขา้ ทาสั ญญาอั นใดซึ่งผูเ้ ป็ น หุ้นสว่ นอีกคนหนึ่ งทั กทว้ งนั น ้ ไมไ่ ด้
ในกรณี เชน ่ นี้ ทา่ นให้ถือวา่ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นยอ่ มเป็ นหุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการทุกคน

มาตรา ๑๐๓๔ ถา้ ไดต ้ กลงกันไวว้ า่ การงานของหา้ งหุน ้ สว่ นนั น ้ จั กใหเ้ ป็ นไปตามเสียงขา้ งมาก แหง่ ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นไซร้ ทา่ นใหผ ้ ูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นคน
หนึ่ งมีเสียงเป็ นคะแนนหนึ่ ง โดยไมต อ
่ ้ งคานึ ง ถึ ง จานวนที ่ ล งหุ น
้ ด ว
้ ยมากหรื อ น ้ อ ย
มาตรา ๑๐๓๕ ถา้ ได้ตกลงกันไวว้ า่ จะให้ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นหลายคนจั ดการห้างหุ้นสว่ นไซร้ หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการแตล่ ะคนจะจั ดการห้างหุ้นสว่ นนั น ้ ก็ได้
แตห ่ ุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการคนหนึ่ งคนใดจะทาการอั นใดซึ่ง หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการอีกคนหนึ่ งทั กทว้ งนั น ้ ไมไ่ ด้
มาตรา ๑๐๓๖ อั นหุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการนั น ้ จะเอาออกจากตาแหน่งได้ตอ่ เมื่อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น ทั งหลายอื ้ ่ นยินยอมพร้อมกั น เวน ้ แตจ่ ะได้ตกลงกัน
ไวเ้ ป็ นอยา่ งอืน ่
มาตรา ๑๐๓๗ ถึงแมว้ า่ ผูเ้ ป็ นหุน ้
้ สว่ นทั งหลายได ต
้ กลงใหผ ้ ูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นคนเดียวหรื อหลายคน เป็ นผูจ้ ั ดการหา้ งหุน ้ สว่ นก็ดี ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นทุก
คนนอกจากผูจ้ ั ดการยอ่ มมีสท ิ ธิท่ีจะไตถ ่ ามถึ ง การงานของห า
้ ง หุ น ส
้ ่ ว ่
นที จั ดอยู น
่ ั ้
น ไดท ้ ก
ุ เมื ่ อ และมี ส ิ
ท ธิ ท่ ี จ ะตรวจและคั ด สาเนาสมุ ด บั ญชี และ
เอกสารใด ๆ ของหุ้นสว่ นได้ ดว้ ย
มาตรา ๑๐๓๘ ห้ามมิใหผ ้ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นประกอบกิจการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดซึ่งมีสภาพดุจ เดียวกัน และเป็ นการแขง่ ขั นกั บกิจการของห้างหุ้นสว่ น
้ ไมว่ า่ ทาเพื่อประโยชน์ตนหรื อประโยชน์ผูอ
นั น ้ ่ืน โดย มิได้รับความยินยอมของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนอื่น ๆ
ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดทาการฝ่าฝื นตอ่ บทบั ญญั ติมาตรานี้ ไซร้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนอื่น ๆ ชอบที่ จะเรี ยกเอาผลกาไรซึ่งผูน ้ หาได้ทังหมด
้ ัน ้ หรื อ
เรี ยกเอาคา่ สินไหมทดแทนเพื่อการที่หา้ งหุน ้ ่ส ว นได ร
้ั บความ เสี ย หายเพราะเหตุ น ั น ้ แต ท า
่ ่ นห า
้ มมิ ใ ห ฟ
้ ้ องเรี ย กเมื่ อพ น
้ เวลาปี หนึ ่ งนั บแตว่ ั นทา
การฝ่าฝื น
มาตรา ๑๐๓๙ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาตอ ้ งจั ดการงานของห้างหุ้นสว่ นด้วยความระมั ดระวั งให้มาก เสมือนกับจั ดการงานของตนเองฉะนั น ้
มาตรา ๑๐๔๐ ห้ามมิให้ชักนาเอาบุคคลผูอ ้ ่ืนเขา้ มาเป็ นหุ้นสว่ นในห้างหุ้นสว่ นโดยมไิ ด้รับ ความยินยอมของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นหมดด้วยกันทุกคน
เวน ้ แตจ่ ะได้ตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๐๔๑ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดคนหนึ่ งโอนสว่ นกาไรของตนในห้างหุ้นสว่ นทั งหมดก็ ้ ดี หรื อแตบ ่ างสว่ นก็ดี ให้แกบ ่ ุคคลภายนอกโดย
้ ่
มิได้รับความยินยอมของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหลายอืนไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลภายนอกนั นจะกลายเป็ นเขา้ หุ้นสว่ นด้วยก็หามิได้ ้
มาตรา ๑๐๔๒ ความเกี่ยวพันระหวา่ งหุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการกับผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหลายอื ้ ่ นนั น
้ ทา่ นให้ บั งคั บด้วยบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
วา่ ด้วยตัวแทน
มาตรา ๑๐๔๓ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นอั นมิไดเ้ ป็ นผูจ้ ั ดการเอื้อมเขา้ มาจั ดการงานของหา้ งหุน ้ สว่ นซึ่งเป็ นผูจ้ ั ดการกระทาลว่ ง
้ สว่ นก็ ดี หรื อผูเ้ ป็ นหุน
ขอบอานาจของตนก็ดี ทา่ นใหบ ั้ งคั บดว้ ยบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ดว้ ยจั ดการงานนอกสั ่ง
มาตรา ๑๐๔๔ อั นสว่ นกาไรก็ดี สว่ นขาดทุนก็ดี ของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุก ๆ คนนั น ้ ยอ่ มเป็ นไป
ตามสว่ นที่ลงหุ้น
มาตรา ๑๐๔๕ ถา้ หุ้นสว่ นของผูใ้ ดได้กาหนดไวแ ้ ตเ่ พียงขา้ งฝ่ายกาไรวา่ จะแบง่ เอาเทา่ ไร หรื อกาหนดแตเ่ พียงขา้ งขาดทุนวา่ จะยอมขาดเทา่ ไร
ฉะนี้ ไซร้ ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ หุ้นสว่ นของผูน ้ มี สว่ นกาไรและสว่ นขาดทุนเป็ นอยา่ งเดียวกัน
้ ัน
มาตรา ๑๐๔๖ ผูเ้ ป็ นหุน ส
้ ่ ว นไม ว า
่ ่ คนหนึ ่ งคนใดหามี ส ิ ธิจะไดร้ ั บบาเหน็ จเพื่อที่ไดจ้ ั ดการ งานของหา้ งหุน
ท ้ สว่ นนั น ้ ไม่ เวน
้ แตจ่ ะไดม ้ ีความ
ตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๐๔๗ ถา้ ชื่อของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นซึ่งออกจากหุ้นสว่ นไปแลว้ ยั งคงใชเ้ รี ยกขานติดเป็ น ชื่อห้างหุ้นสว่ นอยู ่ ทา่ นวา่ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นนั น ้ ชอบที่
จะเรี ยกให้งดใชช้ ่ือของตนเสียได้
มาตรา ๑๐๔๘ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ งจะเรี ยกเอาสว่ นของตนจากหุ้นสว่ นอื่น ๆ แมใ้ น กิจการคา้ ขายอั นใดซึ่งไมป ่ รากฏชื่อของตนก็ได้
่ ่
สว่ นที ๓ ความเกียวพันระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นกับบุคคลภายนอก
มาตรา ๑๐๔๙ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจะถือเอาสิทธิใด ๆ แกบ ่ ุคคลภายนอกในกิจการคา้ ขายซึ่งไม่ ปรากฏชื่อของตนนั น ้ หาได้ไม่
มาตรา ๑๐๕๐ การใด ๆ อั นผูเ้ ป็ นหุน ส
้ ่ ว นคนใดคนหนึ ่ ง ได จ
้ ั ดทาไปในทางที ่ เ ป็ น ธรรมดา การค า
้ ขายของห า
้ น
งหุ ้ สว ่ นนนั ้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ป็ นหุน

สว ่ นหมดทุกคนยอ่ มมีความผูกพันในการนั น ้ ๆ ด้วย และจะตอ ้ งรั บ ผิดร่วมกันโดยไมจ่ ากัดจานวนในการชาระหนี้ อั นได้กอ ่ ให้เกิดขึ้น
เพราะจั ดการไปเชน ่ นั น้

มาตรา ๑๐๕๑ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นซึ่งออกจากหุ้นสว่ นไปแลว้ ยั งคงตอ ้ งรั บผิดในหนี้ ซึ่งห้างหุ้นสว่ น ได้กอ ่ ให้เกิดขึ้นกอ ่ นที่ตนได้ออกจากหุ้นสว่ น
ไป
มาตรา ๑๐๕๒ บุคคลผูเ้ ขา้ เป็ นหุน ้ สว่ นในหา้ งหุน ้ สว่ นยอ่ มตอ ้ งรั บผิดในหนี้ ใด ๆ ซึ่งหา้ ง หุน ้ สว่ นไดก ่ ใหเ้ กิดขึ้นกอ
้ อ ่ นที่ตนเขา้ มาเป็ นหุน้ สว่ น
ดว้ ย
มาตรา ๑๐๕๓ หา้ งหุ้นสว่ นซึ่งมิได้จดทะเบียนนั น ้ ถึงแมจ้ ะมีขอ ้ จากัดอานาจของหุ้นสว่ นคน
หนึ่ งในการทจี่ ะผูกพันผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนอื่น ๆ ทา่ นวา่ ขอ ้ จากัดเชน ้ ก็หามีผลถึงบุคคลภายนอกไม่
่ นั น
มาตรา ๑๐๕๔ บุคคลใดแสดงตนวา่ เป็ นหุ้นสว่ นด้วยวาจาก็ดี ด้วยลายลั กษณ์อักษรก็ดี ด้วย กิริยาก็ดี ด้วยยินยอมให้เขาใชช้ ่ือตนเป็ นชื่อห้าง
หุ้นสว่ นก็ดี หรื อรู้ แลว้ ไมค ่ ั ดคา้ นปลอ ่ ยให้เขาแสดงวา่ ตนเป็ น หุ้นสว่ นก็ดี ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ ยอ่ มตอ้ งรั บผิดตอ ่ บุคคลภายนอกในบรรดาหนี้ ของ
หา้ งหุน ส
้ ่ ว นเสมื อ นเป็ นหุ น
้ ่ส ว น
้ สว่ นคนหนึ่ งคนใดตายไปแลว้ และหา้ งหุน
ถา้ ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นนั น ้ ยั งคงคา้ ตอ่ ไปในชื่อเดิมของหา้ ง ทา่ นวา่ เหตุเพียงที่คงใชช้ ่ือเดิมนั น ้ ก็ดี หรื อใช้
ชื่อของหุ้นสว่ นผูต ้ ายควบอยูด ่ ้วยก็ดี หาทาให้ความรั บผิดมีแกก ่ อง ทรั พยม ์ รดกของผูต ้ ายเพื่อหนี้ ใด ๆ อั นห้างหุ้นสว่ นได้กอ ่ ให้เกิดขึ้นภาย
หลั งมรณะนั น ้ ไม่
สว่ นที่ ๔ การเลิกและชาระบั ญชีห้างหุ้นสว่ นสามั ญ
มาตรา ๑๐๕๕ ห้างหุ้นสว่ นสามั ญยอ่ มเลิกกันด้วยเหตุดังกลา่ วตอ่ ไปนี้
(๑) ถา้ ในสั ญญาทาไวม ้ ีกาหนดกรณี อันใดเป็นเหตุท่ีจะเลิกกัน เมื่อมีกรณี นัน ้
(๒) ถา้ สั ญญาทาไวเ้ ฉพาะกาหนดกาลใด เมื่อสิน ้ กาหนดกาลนั น ้
(๓) ถา้ สั ญญาทาไวเ้ ฉพาะเพื่อทากิจการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดแตอ่ ยา่ งเดียว เมื่อเสร็จการนั น ้
(๔) เมื่อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดคนหนึ่ งให้คาบอกกลา่ วแกผ ่ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนอื่น ๆ ตามกาหนดดัง
บั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๐๕๖
(๕) เมื่อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดคนหนึ่ งตาย หรื อลม ้ ละลาย หรื อตกเป็ นผูไ้ ร้ความสามารถ
มาตรา ๑๐๕๖ ถา้ หา้ งหุน ้ สว่ นไดต ้ ้นไมม
้ ั งขึ ่ ีกาหนดกาลอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดเป็ นยุติ ทา่ นวา่ จะ เลิกไดต ้ อ่ เมื่อผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นคนใดคนหนึ่ งบอกเลิก
เมื่อสิน ้ รอบปี ในทางบั ญชีเงินของหา้ งหุน ส
้ ่ ว นนั ้
น และผู เ
้ ป็ น หุ น
้ ่ส ว นนั ้
น ต อ
้ งบอกกล า
่ วความจานงจะเลิ ก ล ว
่ งหน ้ น
า ไม ่ ้ อยกวา่ หกเดือน

มาตรา ๑๐๕๗ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดร้องขอเมื่อมีกรณี อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งดั งจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ศาลอาจสั ่งให้ห้างหุ้นสว่ นสามั ญเลิกกันเสียก็ได้
คือ
(๑) เมื่อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดคนหนึ่ งนอกจากผูร้ ้ องฟ้องนั น ้ ลว่ งละเมิดบทบั งคั บใด ๆ อั นเป็ น ขอ ้ สาระสาคั ญซึ่งสั ญญาหุ้นสว่ นกาหนดไวแ ้ ก่
ตน โดยจงใจหรื อเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง
ตัวไดอ ้ ีก
(๒) เมื่อกิจการของห้างหุ้นสว่ นนั น ้ จะทาไปก็มีแตข่ าดทุนอยา่ งเดียว และไมม ่ ีหวั งจะกลั บฟื้ น (๓) เมื่อมีเหตุอ่ืนใด ๆ ทาให้ห้างหุ้นสว่ น
นั น ้ เหลือวิสัยที่จะดารงคงอยูต ่ อ่ ไปได้
มาตรา ๑๐๕๘ เมื่อเหตุอันใดอั นหนึ่ งเกิดขึ้นเกี่ยวด้วยผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ ง ซึ่งตามความใน มาตรา ๑๐๕๗ หรื อมาตรา ๑๐๖๗ เป็ นเหตุ
ใหผ ้
้ ูเ้ ป็ นหุ้นสว ่ นทั งหลายนอกนั ้ มีสท
น ิ ธิจะเรี ยกใหเ้ ลิกห้างหุ้นสว่ น ได้ไซร้ ในเมื่อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นเหลา่ นั น ้ ยื่นคาร้อง ทา่ นวา่ ศาลจะสั ่งให้กาจั ด
หุน้ ่ ส ว นผู ต
้ ้ น เหตุ คนนั ้
น ออกเสี ย จาก ห า งหุ
้ ้ ่ น ส ว นแทนสั ่ งให เ
้ ลิ กห า งหุ
้ ้ ่ นส ว นก็ ไ ด ้
ในการแบง่ ทรั พยส์ น ิ ระหวา่ งหา้ งหุน ้ สว่ นกับผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นซึ่งถูกกาจั ดนั น ้ ทา่ นใหต ้ ีราคา ทรั พยส์ น ิ ของหา้ งหุน ้ สว่ นตามราคาที่เป็ นอยูใ่ นเวลา
แรกยื่นคาร้องขอให้กาจั ด
มาตรา ๑๐๕๙ ถา้ เมื่อสิน ้ กาหนดกาลซึ่งได้ตกลงกันไว้ และผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหลายหรื ้ อผูเ้ ป็ น หุ้นสว่ นซึ่งเคยได้จัดการอยูใ่ นระหวา่ งกาหนด
นั น ้ ยั งคงดาเนิ นการคา้ ของห้างหุ้นสว่ นอยูต ่ อ่ ไปโดยมิได้ชาระ บั ญชีหรื อชาระเงินกันให้เสร็จไปไซร้ ทา่ นให้ถือวา่ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งปวงได ้ ้
ตกลงคงทาการเป็ นหุ้นสว่ นกันสืบไป โดยไมม ่ ีกาหนดกาล
มาตรา ๑๐๖๐ ในกรณี อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งซึ่งกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๑๐๕๕ อนุ มาตรา ๔ หรื อ อนุ มาตรา ๕ นั น ้ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นที่ยังอยูร่ ั บซื้อ
หุน ้ ของผู ท
้ ่ ี ออกจากหุ น
้ ่ส ว นไปไซร ท า
้ ่ ่ นว าสั ญ ญาหุ น ส
้ ่ ว นนั ้
น ก็ ยั ง คงใช ได ตอ
้ ้ ่ ไปในระหว า งผู
่ ้ เ ป็ น หุ น
้ ่ส ว นที่ ยั ง อยู ด
่ ว้ ยกัน
มาตรา ๑๐๖๑ เมื่อห้างหุ้นสว่ นเลิกกันแลว้ ก็ให้จัดการชาระบั ญชีเวน ้ แตจ่ ะได้ตกลงกั นให้ จั ดการทรั พยส์ น ิ โดยวิธีอ่ืนในระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้น

สว่ นด้วยกัน หรื อวา่ ห้างหุ้นสว่ นนั นศาลได้พิพากษาให้ลม ้ ละลาย
ถา้ การเลิกหา้ งหุน ้ ไดเ้ ป็ นไปโดยที่เจา้ หนี้ เฉพาะตัวของผูเ้ ป็ นหุน
้ สว่ นนั น ้ สว่ นคนใดคนหนึ่ งไดใ้ ห้ คาบอกกลา่ วก็ดี หรื อโดยที่ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นคน
ใดคนหนึ่ งลม ้ ละลายก็ ดี ทา นว
่ ่ า จะงดการชาระบั ญ ชี เ สี
ย ได ต อ
้ ่ ่
เมื อ เจ า
้ หนี ้ คนนั ้
น หรื อเจ า
้ พนั กงานรั กษาทรั พย ย
์ น
ิ ยอมด ว
้ ย
การชาระบั ญชีนัน ้ ให้ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหมดด
้ ้วยกันจั ดทา หรื อให้บุคคลอื่นซึ่งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นได้ ตั งแต ้ ง่ ขึ้นนั น
้ เป็ นผูจ้ ั ดทา
้ ช้ าระบั ญชี ให้วน
การแตง่ ตั งผู ิ ิ จฉั ยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงขา้ งมากของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น

มาตรา ๑๐๖๒ การชาระบั ญชี ให้ทาโดยลาดับดังนี้ คือ


(๑) ใหช้ าระหนี้ ทั งหลายซึ ้ ่งคา้ งชาระแกบ ่ ุคคลภายนอก
(๒) ใหช้ ดใชเ้ งินทดรองและคา่ ใชจ้ า่ ยซึ่งผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นไดอ ้ อกของตนไปเพื่อจั ดการคา้ ของหา้ ง (๓) ใหค ้ ืนทุนทรั พยซ์ ่ึงผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นแตล่ ะ
คนได้ลงเป็ นหุ้น
ถา้ ยั งมีทรั พยเ์ หลืออยูอ่ ีกเทา่ ไร ก็ให้เฉลี่ยแจกเป็ นกาไรในระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น
มาตรา ๑๐๖๓ ถา้ เมื่อได้ชาระหนี ้ ซ่ึงคา้ งชาระแก่บุคคลภายนอกและชดใชเ้ งินทดรอง และคา่ ใชจ้ า่ ยแลว้ สินทรั พยท ์ ่ียังอยูไ่ มพ ่ อจะคืนแกผ ่ ูเ้ ป็ น

หุ้นสว่ นให้ครบจานวนทีลงหุ้นไซร้ สว่ นทีขาดนี คือ ่ ้
ขาดทุน ซึ่งตอ ้ งคิดเฉลี่ยชว่ ยกันขาด
สว่ นที่ ๕ การจดทะเบียนหา้ งหุน ้ สว่ นสามั ญ
มาตรา ๑๐๖๔ อั นห้างหุ้นสว่ นสามั ญนั น ้ จะจดทะเบียนก็ได้ การลงทะเบียนนั น ้ ทา่ นบั งคั บให้มีรายการดังนี้ คือ
(๑) ชื่อห้างหุ้นสว่ น
(๒) วั ตถุท่ีประสงคข์ องห้างหุ้นสว่ น
(๓) ที่ตังสานั้ กงานแหง่ ใหญแ ่ ละสาขาทั งปวง ้
(๔) ชือและทีสานั กกับทั งอาชีวะของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุก ๆ คน ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนใดมีช่ือยี่ห้อ ก็ให้ลงทะเบียนทั งชื
่ ่ ้ ้ ่ อและยี่ห้อด้วย
(๕) ชื่อหุน ส
้ ่ ว นผู จ
้ ั ด การ ในเมื่ อ ได ต
้ ั ้
งแต ง ให
่ ้ เ ป็ นผู จ
้ ั ด การแต เ
่ พี ย งบางคน (๖) ถา มี
้ ้ ข อ จากัดอานาจของหุ น ส
้ ่ ว นผู จ้ ั ดการประการใดใหล ้ งไว้
ดว้ ย
(๗) ตราซึ่งใชเ้ ป็ นสาคั ญของห้างหุ้นสว่ น
้ ความซึ่งลงทะเบียนนั น
ขอ ้ จะลงรายการอื่น ๆ อีกอั นคูส ่ ั ญญาเห็นสมควรจะให้ประชาชน ทราบด้วยก็ได้
การลงทะเบียนนั น ้ ตอ ้ งลงลายมือชื่อของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุกคน และตอ ้ งประทั บตราของห้าง หุ้นสว่ นนั น ้ ด้วย
ให้พนั กงานทะเบียนทาใบสาคั ญแสดงการจดทะเบียนสง่ มอบให้แกห ้
่ ้างหุ้นสว่ นนั นฉบั บหนึ ง ่
มาตรา ๑๐๖๔/๑[๔๐] หุน ้ สว่ นผูจ้ ั ดการคนใดในหา้ งหุน ้ สว่ นจดทะเบียนจะลาออกจาก ตาแหน่ง ใหย้ ่ืนใบลาออกตอ ้ สว่ นผูจ้ ั ดการอื่นคน
่ หุน
หนึ่ งคนใด การลาออกมีผลนั บแตว่ ั นที่ใบลาออกไปถึง หุน ้ สว่ นผู จ
้ ั ด ่
การอื นนั ้

ในกรณี ท่ีห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนมีหุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการคนเดียว ให้หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการที่จะลาออก จากตาแหน่งแจง้ เป็ นหนั งสือใหผ ้ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคน
หนึ่ งคนใดทราบเพื่อนั ดประชุมและพิจารณาตั งผู ้ จ้ ั ดการคนใหม่ พร้อมกั บแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนั บแตว่ ั นที่ใบลาออกไปถึงหุ้น
สว่ นผูน ้
้ ัน
หุน ส
้ ่ ว นผู จ้ ั ดการซึ่งลาออกตามวรรคหนึ่ งหรื อวรรคสอง จะแจง้ การลาออกของตนใหน ้ าย ทะเบียนทราบดว้ ยก็ได้
มาตรา ๑๐๖๔/๒[๔๑] เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหุน ้ ส ว
่ นผู จ
้ ั ดการ ให ห า
้ ้ ้งหุ น ส ว
่ นจดทะเบี ยนนา ความไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่
มีการเปลี่ยนแปลง
มาตรา ๑๐๖๕ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นอาจถือเอาประโยชน์แกบ ่ ุคคลภายนอกในบรรดาสิทธิอันห้าง หุ้นสว่ นจดทะเบียนนั น ้ ได้มา แมใ้ นกิจการซึ่งไม่
ปรากฏชือของตน่
มาตรา ๑๐๖๖ หา้ มมิให้ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ งคนใดในห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนประกอบ กิจการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดอั นมีสภาพเป็ นอยา่ งเดียวกัน
และเป็ นการแขง่ ขั นกั บกิจการของหา้ งหุน ้ สว่ นนั น ้ ไมว่ า่ ทาเพื่อประโยชน์ตนหรื อเพื่อประโยชน์ผูอ ้ ่ืน หรื อไปเขา้ เป็ นหุน ้ สว่ นไมจ่ ากัดความรั บ
ผิดในหา้ งหุน ้ ่ส ว นอื ่ น ่
ซึ ง ประกอบกจิ การอั น มี ส ภาพเป็ น อย า
่ งเดี ย วกัน และแข ง
่ ขั น กับกิ จ การของห า งหุ
้ ้ ่ น ส ว นจดทะเบี ยนนั น ้ เวน ้ ไวแ ้ ต่ จะ
ได้รับคายินยอมของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นอื่นทั งหมด ้
แตข่ อ้ ห้ามเชน ่ วา่ มานี้ ทา่ นวา่ จะไมพ ่ ึงใชไ้ ด้ ถา้ หากผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหลายได ้ ้รู้อยูแ่ ลว้ ในเวลา เมื่อลงทะเบียนห้างหุ้นสว่ นนั น ้ วา่ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น
คนหนึ่ งได้ทากิจการ หรื อเขา้ เป็ นหุ้นสว่ นอยูใ่ นห้างหุ้นสว่ นอื่น อั นมีวัตถุท่ีประสงคอ์ ยา่ งเดียวกัน และในสั ญญาเขา้ หุ้นสว่ นที่ทาไวต ้ อ่ กันนั น้ ก็
ไมไ่ ด้บังคับให้ถอนตั วออก
มาตรา ๑๐๖๗ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นคนใดกระทาการฝ่าฝื นตอ่ บทบั ญญั ติในมาตรากอ ่ นนี้ ไซร้ ทา่ นวา่ หา้ งหุน ้ สว่ นซึ่งจดทะเบียนนั น ้ ชอบที่จะเรี ยก
เอาผลกาไรอั นผูน ้ หาไดท
ั้ น ้
ั้ งหมดหรื อเรี ยกเอาคา่ สินไหม
ทดแทนเพื่อความเสียหายซึ่งห้างหุ้นสว่ นได้รับเพราะเหตุนัน ้ แตท ้ ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องเรี ยกเมื่อพน
่ ั งนี ้ เวลาปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นทาการฝ่าฝื น
อนึ่ ง บทบั ญญั ติมาตรานี้ ไมล่ บลา้ งสิทธิของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหลายนอกนั ้ ้ ในอั นจะเรี ยกให้ เลิกห้างหุ้นสว่ น

มาตรา ๑๐๖๘ ความรั บผิดของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นในห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียน อั นเกี่ยวแกห ่ นี้ ซึ่ง ห้างหุ้นสว่ นได้กอ ่ ให้เกิดขึ้นกอ ่ นที่ตนออกจากหุ้น

สว่ นนั น ยอ่ มมีจากัดเพียงสองปี นั บแตเ่ มือออกจากหุ้นสว่ น ่
มาตรา ๑๐๖๙ นอกจากในกรณี ทังหลายที ้ ่ บัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๐๕๕ ทา่ นวา่ หา้ งหุน ้ สว่ นจด ทะเบียนยอ่ มเลิกกันเมื่อหา้ งหุน ้ สว่ นนั น ้ ลม้
ละลาย

มาตรา ๑๐๗๐ เมื่อใดห้างหุ้นสว่ นซึ่งจดทะเบียนผิดนั ดชาระหนี้ เมื่อนั น ้ ชอบที่จะเรี ยกให้ชาระหนี้ เอาแตผ


้ เจา้ หนี้ ของห้าง หุ้นสว่ นนั น ่ ูเ้ ป็ นหุ้น
สว่ นคนใดคนหนึ่ งก็ได้
มาตรา ๑๐๗๑ ในกรณี ท่ีกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๑๐๗๐ นั น ้ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นนาพิสูจน์ได้วา่
่ ้
(๑) สินทรั พยข์ องห้างหุ้นสว่ นยั งมีพอทีจะชาระหนี ได้ทังหมดหรื้ อบางสว่ น และ
(๒) การที่จะบั งคั บเอาแกห า งหุ
่ ้ ้ ่ นส ว นนั น ้ ไมเ่ ป็ นการยากฉะนี ้ ไซร้ ศาลจะบั งคั บใหเ้ อาสินทรั พยข์ องหา้ งหุน ้ ชาระหนี้ กอ
้ สว่ นนั น ่ นก็ได้ สุดแต่
ศาลจะเห็นสมควร
มาตรา ๑๐๗๒ ถา้ ห้างหุ้นสว่ นซึ่งจดทะเบียนยั งมิได้เลิกกันตราบใด เจา้ หนี้ ของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น เฉพาะตัวยอ่ มใชส ิ ธิได้แตเ่ พียงในผลกาไร
้ ท
หรื อเงินซึ่งหา้ งหุน ้ สว่ นคา้ งชาระแกผ ่ ูเ้ ป็ นหุน้ สว่ นคนนั น ้ เทา่ นั น
้ ถา้ หา้ งหุน ้ สว่ นนั น ้ เลิกกันแลว้ เจา้ หนี้ ยอ่ มใชส ิ ธิไดต
้ ท ้ ลอดจนถึงหุน ้ ของผูเ้ ป็ น
หุน้ ่ ส ว นคนนั ้
น อันมี ใ นสิ นทรั พย ข์ อง ห า งหุ
้ ้ ่ นส ว น
สว่ นที่ ๖ การควบห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนเขา้ กัน
มาตรา ๑๐๗๓ ห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนห้างหนึ่ งจะควบเขา้ เป็ นอั นเดียวกับห้างหุ้นสว่ นจด ทะเบียนอีกห้างหนึ่ งก็ได้ โดยความยินยอมของผู ้

เป็ นหุ้นสว่ นทั งหมด เวน้ แตจ่ ะได้ตกลงกั นไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๐๗๔ เมือห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนห้างใดปลงใจจะควบเขา้ กันกับห้างอื่น ห้าง หุ้นสว่ นนั น
่ ้ ตอ ้ งโฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่นัน

สองครั ง้ เป็ นอยา่ งน้อย และสง่ คาบอกกลา่ วความประสงค ์
ที่จะควบเขา้ กันนั น ้ แกบ ่ รรดาผูซ ้ ่ึงหา้ งหุน ้ สว่ นรู้ วา่ เป็ นเจา้ หนี้ และขอใหเ้ จา้ หนี้ ผูม ้ ีขอ้ คั ดคา้ นอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด ในการที่จะทานั น ้ สง่ คาคั ดคา้ น
ไปภายในสามเดือนนั บแตว่ ั นบอกกลา่ ว
ถา้ ไมม ่ ีใครคั ดคา้ นภายในกาหนดเวลาเชน ้ ก็ให้พึงถือวา่ ไมม
่ วา่ นั น ่ ีคัดคา้ น
ถา้ มีคัดคา้ นไซร้ ทา่ นมิให้ห้างหุ้นสว่ นจั ดการควบเขา้ กัน เวน ้ แตจ่ ะได้ใชห ้ นี้ ที่เรี ยกร้องหรื อให้ ประกันเพื่อหนี้ นั น ้ แลว้

มาตรา ๑๐๗๕ เมือห้างได้ควบเขา้ กันแลว้ ตา่ งห้างก็ตา่ งมีหน้าทีจะตอ ่ ้ งนาความนั น ้ จด ลงทะเบียน วา่ ได้ควบเขา้ กันเป็ นห้างหุ้นสว่ นขึ้นใหม่

มาตรา ๑๐๗๖ หา้ งหุน ้ สว่ นใหมน ่ ้ี ยอ่ มไดไ้ ปทั งสิ
้ ทธิ ทั งต ้ อ ้ งอยูใ่ นความรั บผิดของหา้ งหุน ้ สว่ น เดิมที่ไดค ้ วบเขา้ กันนั น ้
้ ทั ง้ สิน
หมวด ๓ ห้างหุ้นสว่ นจากัด
มาตรา ๑๐๗๗ อั นห้างหุ้นสว่ นจากัดนั น ้ คือห้างหุ้นสว่ นประเภทหนึ่ ง ซึ่งมีผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นสอง
จาพวก ดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนเดียวหรื อหลายคนซึ่งมีจากัดความรั บผิดเพียงไมเ่ กินจานวนเงินที่ตนรั บ
จะลงหุ้นในห้างหุ้นสว่ นนั น ้ จาพวกหนึ่ ง และ
(๒) ผูเ้ ป็ นหุน ้ ่ ส ว นคนเดี ยวหรื อหลายคนซึ่งตอ ้ งรั บผิดร่วมกั นในบรรดาหนี้ ของหา้ งหุน ้ สว่ นไมม ่ ี
จากัดจานวนอีกจาพวกหนึ่ ง
มาตรา ๑๐๗๘ อั นห้างหุ้นสว่ นจากัดนั น ้ ทา่ นบั งคั บวา่ ตอ ้ งจดทะเบียน การลงทะเบียนนั น ้ ตอ ้ งมีรายการดังตอ่ ไปนี ้ คือ
(๑) ชื่อห้างหุ้นสว่ น
(๒) ขอ ้ แถลงความวา่ เป็ นห้างหุ้นสว่ นจากัด และวั ตถุท่ีประสงคข์ องห้างหุ้นสว่ นนั น ้ (๓) ที่ตังสานั ้ กงานแหง่ ใหญแ ้
่ ละสานั กงานสาขาทั งปวง
่ ่
(๔) ชือ ยีห้อ สานั ก และอาชีวะของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิด และจานวนเงินซึง เขาเหลา่ นั นได้ลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นสว่ น ่ ้
(๕) ชื่อ ยี่หอ ้ สานั ก และอาชีวะของผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นจาพวกไมจ่ ากัดความรั บผิด (๖) ชื่อหุน ้ สว่ นผูจ้ ั ดการ
(๗) ถา้ มีขอ ้ จากัดอานาจหุ น
้ ส ว
่ นผู จ
้ ั ด การอั น จะผู กพันห า งหุ
้ ้ น ส ว
่ นนั ้
น ประการใดให ล
้ งไว ด
้ ้ ย

ขอ้ ความซึ่งลงทะเบียนนั น ้ จะลงรายการอื่น ๆ อีกอั นคูส ่ ั ญญาเห็นสมควรจะให้ประชาชน ทราบด้วยก็ได้
การลงทะเบียนนั น ้ ตอ ้ งลงลายมือชื่อของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุกคน และตอ ้ งประทั บตราของห้าง หุ้นสว่ นนั น ้ ด้วย
ให้พนั กงานทะเบียนทาใบสาคั ญแสดงการจดทะเบียนสง่ มอบให้แกห ้ ฉบั บหนึ่ ง
่ ้างหุ้นสว่ นนั น
มาตรา ๑๐๗๘/๑[๔๒] หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการคนใดจะลาออกจากตาแหน่ง ให้ย่ืนใบลาออกตอ่ หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการคนหนึ่ งคนใด การลาออกมีผล
นั บแตว่ ั นที่ใบลาออกไปถึงหุน ้ สว่ นผูจ้ ั ดการอื่นนั น ้

ในกรณี ท่ีห้างหุ้นสว่ นจากัดมีหุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการคนเดียว ให้หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการที่จะลาออกจาก ตาแหน่งแจง้ เป็ นหนั งสือให้ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนหนึ่ ง
คนใดทราบเพื่อนั ดประชุมและพิจารณาตั งหุ ้ ้นสว่ นผูจ้ ั ดการคน ใหม่ พร้อมกั บแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนั บแตว่ ั นที่ใบลาออกไป
ถึงหุ้นสว่ นผูน ้
้ ัน
หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการซึ่งลาออกตามวรรคหนึ่ งหรื อวรรคสอง จะแจง้ การลาออกของตนให้นาย ทะเบียนทราบด้วยก็ได้
มาตรา ๑๐๗๘/๒[๔๓] เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหุน ้ สว่ นผูจ้ ั ดการ ใหห ้ า้ งหุน้ สว่ นจากัดนาความไป จดทะเบียนภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่มี
การเปลี่ยนแปลง
มาตรา ๑๐๗๙ อั นห้างหุ้นสว่ นจากัดนั น ้ ถา้ ยั งมิได้จดทะเบียนอยูต ่ ราบใด ทา่ นให้ถือวา่ เป็ น ห้างหุ้นสว่ นสามั ญซึ่งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหมด ้
ยอ่ มตอ ้ งรั บผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ ของห้างหุ้นสว่ นโดยไมม ่ ีจากัด จานวน จนกวา่ จะได้จดทะเบียน
มาตรา ๑๐๘๐ บทบั ญญั ติวา่ ด้วยหา้ งหุ้นสว่ นสามั ญขอ ้ ใด ๆ หากมิได้ยกเวน ้ หรื อแก้ไข เปลี่ยนแปลงไปโดยบทบั ญญั ติแหง่ หมวด ๓ นี้ ทา่ น
ให้นามาใชบ ้ ั งคั บแกห
่ ้างหุ้นสว่ นจากัดด้วย
ถา้ ผูเ้ ป็ นหุน้ สว่ นจาพวกไมจ่ ากัดความรั บผิดนั น ้ มีอยูห ่ ลายคนดว้ ยกัน ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติ สาหรั บหา้ งหุน ้ สว่ นสามั ญเป็ นวิธีบังคั บในความ
เกี่ยวพันระหวา่ งคนเหลา่ นั น ้ เอง และความเกี่ยวพันระหวา่ งผู ้ เป็ นหุน ้ ่ส ว นเหล า
่ นั ้
น กับห า งหุ
้ ้ ่ นส ว น
มาตรา ๑๐๘๑ ห้ามมิให้เอาชื่อของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดมาเรี ยกขานระคน เป็ นชื่อห้าง
มาตรา ๑๐๘๒ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดคนใดยินยอมโดยแสดงออกชั ดหรื อ
โดยปริ ยายใหใ้ ชช้ ่ือของตนระคนเป็ นชื่อห้างไซร้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นคนนั น ้ จะตอ ้ งรั บผิดตอ่ บุคคลภายนอก เสมือนดังวา่ เป็ นหุ้นสว่ นจาพวก
ไมจ่ ากัดความรั บผิดฉะนั น ้
แตใ่ นระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นกันเองนั น ้ ความรั บผิดของผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นเชน ่ นี้ ทา่ นใหค ้ งบั งคั บ ตามสั ญญาหุน ้ สว่ น
มาตรา ๑๐๘๓ การลงหุน ้ ของผู เ
้ ป็ น หุ น ส
้ ่ ว นจาพวกจากัดความรั บผิ ดนั ้
น ท า นว
่ ่ ้ า ต อ งให ล
้ ง เป็ น เงิ นหรื อทรั พยส์ นิ อยา่ งอื่น ๆ
มาตรา ๑๐๘๔ ห้ามมิให้แบง่ เงินปันผลหรื อดอกเบี้ยให้แกผ ่ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บ ผิด นอกจากผลกาไรซึ่งห้างหุ้นสว่ นทามาคา้ ได้

ถา้ ทุนของห้างหุ้นสว่ นลดน้อยลงไปเพราะคา้ ขายขาดทุน ทา่ นห้ามมิให้แบง่ เงินปันผลหรื อ ดอกเบี้ยให้แกผ ่ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิด
จนกวา่ ทุนซึ่งขาดไปนั น ้ จะได้คืนมาเต็มจานวนเดิม
แตถ ่ า้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดคนใดได้รับเงินปันผลหรื อดอกเบี้ยไปแลว้ โดย สุจริ ต ทา่ นวา่ หาอาจจะบั งคั บใหเ้ ขาคืนเงินนั น ้ ได้ไม่
มาตรา ๑๐๘๕ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุน ส
้ ่ ว นจาพวกจากัดความรั บผิ ดได แ
้ สดงด ว
้ ยจดหมายหรื อใบแจ ง
้ ความหรื อ ด ว
้ ยวิ ธี อย า
่ ่
งอื นให บ
้ ุ คคลภายนอกทราบว า่
ตนไดล ้ งหุ้นไวม ้ ากกวา่ จานวนซึ่งได้จดทะเบียนเพียงใด ทา่ นวา่ ผูน ้ ัน้ จะตอ ้ งรั บผิดเทา่ ถึงจานวนเพียงนั น ้
มาตรา ๑๐๘๖ ขอ ้ ซึ่งตกลงกันในระหวา่ งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั งหลาย ้ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเภท ทรั พยส์ น ิ ที่ลงหุ้น หรื อเพื่อจะลดจานวนลง
หุน
้ แห ง ผู
่ ้ เ ป็ นหุ น ส
้ ่ ว นจาพวกจากัดความรั บผิ ด คนหนึ ่ งคนใดนั ้
น ท า
่ น ว า
่ ยั ง ไม เ
่ ป็ น ผลแก บ
่ ุ คคลภายนอกจนกว า่ จะไดจ้ ดทะเบียน
เมื่อไดจ้ ดทะเบียนแลว้ ไซร้ ขอ ้ ตกลงนั ้
น ๆ ก็
ย อ
่ มมี ผ ลแต เ
่ พี ย งเฉพาะแก ห
่ นี ้ อั น ห า งหุ
้ ้ ่ นส ว นได ก
้ ่อให เ
้ กิ ด ้
ขึ นภายหลั งเวลาที่ไดจ้ ดทะเบียนแลว้

เทา่ นั น
มาตรา ๑๐๘๗ อั นห้างหุ้นสว่ นจากัดนั น ้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งให้แตเ่ ฉพาะผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกไม่ จากัดความรั บผิดเทา่ นั น ้ เป็ นผูจ้ ั ดการ
มาตรา ๑๐๘๘ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดผูใ้ ดสอดเขา้ ไปเกี่ยวขอ ้ งจั ดการงาน ของห้างหุ้นสว่ น ทา่ นวา่ ผูน ้ ัน้ จะตอ ้ งรั บผิดร่วม
กันในบรรดาหนี้ ทั งหลายของห ้ ้างหุ้นสว่ นนั น ้ โดยไมจ่ ากัดจานวน
แตก ่ ารออกความเห็นและแนะนาก็ดี ออกเสียงเป็ นคะแนนนั บในการตั งและถอดถอน ้ ผูจ้ ั ดการตามกรณี ท่ีมีบังคั บไวใ้ นสั ญญาหุน ้ สว่ นนั น้ ก็ดี
ทา่ นหานั บวา่ เป็ นการสอดเขา้ ไปเกี่ยวขอ ้ งจั ด การงานของ ห า งหุ
้ ้ ่ น ส ว นนั ้
น ไม ่
มาตรา ๑๐๘๙ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดนั น ้ จะตั งให ้ ้เป็ นผูช้ าระบั ญชีของห้าง หุ้นสว่ นก็ได้
มาตรา ๑๐๙๐ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดจะประกอบการคา้ ขายอยา่ งใด ๆ เพื่อ ประโยชน์ตนหรื อเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก
ก็ได้ แมว้ า่ การงานเชน ้ จะมีสภาพเป็ นอยา่ งเดียวกันกับ การคา้ ขายของห้างหุ้นสว่ นก็ไมห
่ นั น ่ ้าม
มาตรา ๑๐๙๑ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดจะโอนหุ้นของตนปราศจากความ ยินยอมของผู เ้ ป็ นหุ้นสว่ นอื่น ๆ ก็โอนได้

มาตรา ๑๐๙๒ การที่ผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดตายก็ดี ลม ้ ละลายหรื อตกเป็ น คนไร้ความสามารถก็ดี หาเป็ นเหตุใหห ้ า้ งหุน
้ สว่ น
จากัดตอ ้ งเลิกกันไม่ เวน ้ แตจ่ ะได้มีขอ ้ สั ญญากันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๐๙๓ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดผูใ้ ดตาย ทา่ นวา่ ทายาทของผูน ้ ยอ่ มเขา้ เป็ นหุ้นสว่ นแทนที่ผูต
้ ัน ้ าย เวน ้ แตจ่ ะได้มีขอ ้
สั ญญากันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๐๙๔ ถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรั บผิดผูใ้ ดลม ้ ละลาย ทา่ นวา่ ตอ ้ งเอาหุ้น
ของผูน ้ ัน้ ในห้างหุ้นสว่ นออกขายเป็ นสินทรั พยใ์ นกองลม ้ ละลาย
มาตรา ๑๐๙๕ ตราบใดหา้ งหุน ้ สว่ นจากัดยั งมิไดเ้ ลิกกัน ตราบนั น ้ เจา้ หนี้ ของหา้ งยอ่ มไมม ่ ี สิทธิจะฟ้องร้องผูเ้ ป็ นหุน
้ สว่ นจาพวกจากัดความรั บ
ผิดได้
แตเ่ มื่อห้างหุ้นสว่ นนั น
้ ได้เลิกกันแลว้ เจา้ หนี้ ของห้างมีสท ิ ธิฟ้องร้องผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจาพวกจากัด ความรั บผิดได้เพียงจานวนดังนี้ คือ
(๑) จานวนลงหุ้นของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นเทา่ ที่ยังคา้ งสง่ แกห ่ ้างหุ้นสว่ น
(๒) จานวนลงหุ้นเทา่ ที่ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นได้ถอนไปจากสินทรั พยข์ องห้างหุ้นสว่ น
(๓) จานวนเงินปันผลและดอกเบี้ยซึ่งผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นได้รับไปแลว้ โดยทุจริ ตและฝ่าฝื นตอ่ บท
มาตรา ๑๐๘๔
หมวด ๔ บริ ษัทจ ากัด
สว่ นที่ ๑ สภาพและการตั งบริ ้ ษัทจากัด
มาตรา ๑๐๙๖[๔๔] อั นวา่ บริ ษัทจากัดนั น ้ คือบริ ษัทประเภทซึ่งตั งขึ ้ ้ นด้วยแบง่ ทุนเป็ นหุ้นมี มูลคา่ เทา่ ๆ กัน โดยผูถ ้ ือหุ้นตา่ งรั บผิดจากัด

เพียงไมเ่ กินจานวนเงินทีตนยั งสง่ ใชไ้ มค ่ รบมูลคา่ ของหุ้นทีต ่ นถือ
มาตรา ๑๐๙๖ ทวิ[๔๕] (ยกเลิก)

มาตรา ๑๐๙๗[๔๖] บุคคลใด ๆ ตั งแต ้ ส่ ามคนขึ้นไปจะเริ่ มกอ ่ การและตั งเป็้ นบริ ษัทจากัดก็ ได้ โดยเขา้ ชื่อกันทาหนั งสือบริ คณหส ์ นธิ และ
กระทาการอยา่ งอื่นตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
มาตรา ๑๐๙๘ หนั งสือบริ คณหส ์ นธินัน ้ ตอ ้ งมีรายการดังตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ชือ่ บริ ษัทอันคิดจะตั งขึ ้ ้น ซึ่งตอ ้ งมีคาวา่ “จากัด” ไวป ้ ลายชื่อนั น้ ด้วยเสมอไป (๒) ที่สานั กงานของบริ ษัทซึ่งบอกทะเบียนนั น ้ จะตั งอยู
้ ่

ณ ทีใดในพระราชอาณาเขต (๓) วั ตถุทีประสงคท ่ ้
์ ั งหลายของบริ ษัท
(๔) ถอ ้ ยคาสาแดงวา่ ความรั บผิดของผูถ ้ ือหุน้ จะมีจากัด
ละเทา่ ไร เขา้ ชื่อซื้อไวค ้ นละเท า่ ใด
(๕) จานวนทุนเรื อนหุ้นซึ่งบริ ษัทคิดกาหนดจะจดทะเบียนแบง่ ออกเป็ นหุ้นมีมูลคา่ กาหนดหุ้น
(๖) ชื่อ สานั ก อาชีวะ และลายมือชื่อของบรรดาผูเ้ ริ่ มกอ ้
่ การ ทั งจานวนหุ ้นซึ่งตา่ งคนตา่ ง
มาตรา ๑๐๙๙ หนั งสือบริ คณหส ์ นธินัน ้ ทา่ นให้ทาเป็ นตน ้ ฉบั บไวไ้ มน ่ ้ อยกวา่ สองฉบั บ และ ให้ลงลายมือชื่อของบรรดาผูเ้ ริ่ มกอ ่ การ และ
ลายมือชื่อทั งปวงนั
้ ้ ให้มีพยานลงชื่อรั บรองด้วยสองคน

หนั งสือบริ คณหส ์ นธิซ่ึงไดท ้ ทา่ นบั งคั บใหน
้ านั น ้ าฉบั บหนึ่ งไปจดทะเบียนและมอบไว ้ ณ หอ ทะเบียนในสว่ นพระราชอาณาเขตซึ่งบง่ ไวว้ า่ จะ
บอกทะเบียนตั งสานั ้ กงานของบริ ษัทนั น ้
มาตรา ๑๑๐๐ ผูเ้ ริ่ มกอ ่ การทุกคนตอ ้ งลงชื่อซื้อหุ้น ๆ หนึ่ งเป็ นอยา่ งน้อย
มาตรา ๑๑๐๑ บุคคลซึ่งเป็ นกรรมการของบริ ษัทจากัดจะรั บผิดโดยไมจ่ ากัดก็ได้ ถา้ กรณี เป็ น เชน ้ ไซร้ ทา่ นวา่ ตอ
่ นั น ้ งจดแถลงความรั บผิด
เชน่ นั น ้ ลงไวใ้ นหนั งสือบริ คณหส ์ นธิด้วย
อั นความรั บผิดโดยไมจ่ ากัดของผูเ้ ป็ นกรรมการนั น ้ ยอ่ มถึงที่สุดเมื่อลว่ งเวลาสองปี นั บแตว่ ั นที่
ตัวเขาออกจากตาแหน่งกรรมการ
มาตรา ๑๑๐๒[๔๗] หา้ มมิใหช้ ้ีชวนประชาชนใหซ ้ ้ื อหุน้
มาตรา ๑๑๐๓[๔๘] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๑๐๔ จานวนหุ้นทั งหมดซึ ้ ่งบริ ษัทคิดจะจดทะเบียนนั น ้ ตอ ้ งมีผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหรื อออก
ให้กันเสร็จกอ ่ นการจดทะเบียนของบริ ษัท
มาตรา ๑๑๐๕ อั นหุ้นนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ออกโดยราคาตา่ ไปกวา่ มูลคา่ ของหุ้นที่ตังไว ้ ้

การออกหุน ้ ที่ตังไว
้ โดยราคาสูงกวา่ มูลคา่ ของหุน ้ น ้ หากวา่ หนั งสือบริ คณหส
้ ัน ์ นธิใหอ
้ านาจไว้ ก็ใหอ
้ อกได้ และในกรณี เชน ้ ตอ
่ นั น ้ งสง่ ใชจ้ าน
วนที่ลา้ มูลคา่ พร้อมกั นไปกับการสง่ ใชเ้ งินคราวแรก
อนึ่ ง เงินสง่ ใชค ้ า่ หุ้นคราวแรกนั น ้ ตอ ้ งมิให้น้อยกวา่ ร้อยละยี่สบ ิ ห้าแหง่ มูลคา่ ของหุ้นที่ตังไว
้ ้
มาตรา ๑๑๐๖ การที่เขา้ ชื่อซื้อหุน ้ นั ้
น ย อ
่ มผู ก พั นผู เ
้ ้ขา ่
ชื อ ่
โดยเงื อ ้ ้นแลว้ จะใชจ้ านวนเงินคา่ หุน
นไขวา่ ถา้ บริ ษัทตั งขึ ้ ๆ ใหแ
้ นั น ้ กบ่ ริ ษัทตาม
หนั งสือชี้ชวนและขอ ้ บั ง คับของบริ ษั ท
มาตรา ๑๑๐๗ เมื่อหุ้นชนิ ดซึ่งจะตอ ้ งลงเงินนั น ้ ได้มีผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหมดแลว้ ผูเ้ ริ่ มกอ ่ การตอ้ งนั ด
บรรดาผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นมาประชุมกั นเป็ นการประชุมใหญโ่ ดยไมช่ ั กชา้ ประชุมอันนี้ ให้เรี ยกวา่ ประชุมตั งบริ ้ ษัท อนึ่ ง ให้ผูเ้ ริ่ มกอ
่ การสง่ รายงาน
้ ษัทมีคารั บรองของตนวา่ ถูกต้อง และมีขอ
การตั งบริ ้ ความที่ เกี่ยวแกก ่ ิจการอั นจะพึงกระทาในที่ประชุมตั งบริ
้ ษัททุก ๆ ขอ ้ ตามความในมาตรา
ตอ่ ไปนี้ ไปยั งผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้น
ทุกคนอยา่ งน้อยเจ็ดวั นกอ ่ นวั นนั ดประชุม
เมื่อไดส ้ ่ง รายงานตั ้
งบริ ษ ั ทแก ่ ูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นแลว้ ผูเ้ ริ่ มกอ
ผ ่ การตอ ้ งจั ดสง่ สาเนารายงานอั นมีคา
รั บรองวา่ ถูกตอ ้ งตามที่บังคั บไวใ้ นมาตรานี้ ไปยั งนายทะเบียนบริ ษัทโดยพลั น
อนึ่ ง ให้ผูเ้ ริ่ มกอ ่ การจั ดให้มีบัญชีแถลงรายชื่อ ฐานะ และสานั กของผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นกั บจานวน
หุ้นซึ่งตา่ งคนได้ลงชื่อซื้อไวเ้ พื่อเสนอตอ่ ที่ประชุมนั น ้ ด้วย
บทบั ญญั ติทังหลายแห ้ ง่ มาตรา ๑๑๗๖, ๑๑๘๗, ๑๑๘๘, ๑๑๘๙, ๑๑๙๑, ๑๑๙๒ และ
๑๑๙๕ นั น ้ ทา่ นให้นามาใชบ ้ ั งคั บแกก ่ ารประชุมตั งบริ ้ ษัทด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๑๐๘ กิจการอั นจะพึงทาในทีป ่ ระชุ ม ตั ้
งบริ ษัทนั น ้ คือ
(๑)[๔๙] ทาความตกลงตั งข ้ อ ้ บั งคั บตา่ ง ๆ ของบริ ษัท ทั งนี ้ ้ อาจกาหนดวิธีการแก้ไขปัญหาหรื อ ขอ ้ ขั ดแยง้ ที่ไมส
่ ามารถหาขอ ้ ยุติระหวา่ ง
กรรมการหรื อผูถ ้ ือหุ้นไวด ้ ้วยก็ได้
(๒) ใหส ้ ั ตยาบั นแกบ ่ รรดาสั ญญาซึ่งผูเ้ ริ่ มกอ ่ การได้ทาไว้ และคา่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดซึ่ง
เขาตอ ้ งออกไปในการเริ มกอ ่ ่ บริ ษัท
(๓) วางกาหนดจานวนเงินซึ่งจะให้แกผ ่ ูเ้ ริ่ มกอ ่ การ ถา้ หากมีเจตนาวา่ จะให้
(๔) วางกาหนดจานวนหุน ้ บุ ร ิ ม สิ ท ธิ ทั ้
งกาหนดสภาพและบุ ริมสิทธิแหง่ หุน ้ ๆ วา่ เป็ น
้ นั น
สถานใดเพียงใด ถา้ หากจะมีหุน ้ เช น
่ นั ้
น ในบริ ษ ั ท
(๕) วางกาหนดจานวนหุ้นสามั ญ หรื อหุ้นบุริมสิทธิซ่ึงออกให้เหมือนหนึ่ งวา่ ได้ใชเ้ ต็มคา่ แลว้
หรื อได้ใชแ ้ ตบ ่ างสว่ นแลว้ เพราะใชใ้ ห้ด้วยอยา่ งอื่นนอกจากตัวเงิน และกาหนดวา่ เพียงใดซึ่งจะถือเอาเป็ นวา่ ได้ ใชเ้ งินแลว้ ถา้ หากจะมีหุ้น
เชน ้
่ นั นในบริ ษัท
ให้แถลงในที่ประชุมโดยเฉพาะวา่ ซึ่งจะออกหุ้นสามั ญหรื อหุ้นบุริมสิทธิให้เหมือนหนึ่ งวา่ ได้ใชเ้ งินแลว้ เชน ้ เพื่อแทนคุณแรงงานหรื อ
่ นั น
ตอบแทนทรั พยส์ น ิ อยา่ งใด ใหพ ้ รรณนาจงชั ดเจนทุ ก ประการ


(๖) เลือกตั งกรรมการและพนั กงานสอบบั ญชีอันเป็ นชุดแรกของบริ ษัท และวางกาหนด อานาจของคนเหลา่ นี้ ด้วย
มาตรา ๑๑๐๙ ผูเ้ ริ่ มกอ ่ การหรื อผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นจะออกเสียงลงคะแนนไมไ่ ด้ ถา้ ตนมีสว่ นได้ เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉั ยนั น ้
อนึ่ ง มติของที่ประชุมตั งบริ ้ ษัทยอ่ มไมส ่ มบูรณ์ เวน ้ แตท ่ ่ีประชุมจะได้ลงมติโดยเสียงขา้ งมาก อั นมีคะแนนของผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นรวมกั นไมน ่ ้ อยกวา่
กึ่งจานวนผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นทั งหมดซึ ้ ่งมีสท ิ ธิลงคะแนนได้ และ คิดตามจานวนหุ้นรวมกันไมน ่ ้ อยกวา่ กึ่งจานวนหุ้นของผูถ ้ ๆ ทั งหมด
้ ือหุ้นนั น ้
ดว้ ยกัน
มาตรา ๑๑๑๐ เมื่อไดป ้ ระชุมตั งบริ ้ ษัทแลว้ ใหผ ้ ูเ้ ริ่ มกอ ่ การบริ ษัทมอบการทั งปวงให ้ แ
้ ก่ กรรมการของบริ ษัท
เมื่อกรรมการได้รับการแลว้ ก็ให้ลงมือจั ดการเรี ยกใหผ ้ ูเ้ ริ่ มกอ ่ การและผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นทั งหลาย
้ ใชเ้ งินในหุ้นซึ่งจะตอ้ งใชเ้ ป็ นตัวเงิน เรี ยกหุ้น
หนึ่ งไมน่ ้ อยกวา่ ร้อยละยี่สบ ิ ห้า ตามที่ได้กาหนดไวใ้ นหนั งสือชี้ชวน บอกกลา่ วป่าวร้องหรื อหนั งสือชวนให้ซ้ ือหุ้น
มาตรา ๑๑๑๑ เมื่อจานวนเงินซึ่งวา่ ไวใ้ นมาตรา ๑๑๑๐ ได้ใชเ้ สร็จแลว้ กรรมการตอ ้ งไปขอ จดทะเบียนบริ ษัทนั น ้
คาขอและขอ ้ ความที่ลงในทะเบียนนั น ้ ให้ระบุรายการตามที่ได้ตกลงกันในที่ประชุมตั งบริ ้ ษัท ดังตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) จานวนหุน ้ น
้ ทั งสิ้ ซึ่งไดม ้ ีผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อ หรื อไดจ้ ั ดออกใหแ ้ ลว้ แยกใหป ้ รากฏวา่ เป็ นชนิ ดหุน ้ สามั ญเทา่ ใด หุน ้ บุริมสิทธิเทา่ ใด
(๒) จานวนหุน ้ สามั ญ หรื อหุ น
้ บุ ร ิ ม สิ
ท ธิ ซึ่ ง ออกให เ
้ หมื อ นหนึ ่ งว า ได
่ ้ ใ ชเ้ ต็มคา แล
่ ้ ว หรื อ ได ใ
้ ช แ
้ ต ่ บางส ว่ นแล ว้ นอกจากที่ใชเ้ ป็ นตัวเงิน และ
หุ้นที่ได้ใชแ ้ ตบ ่ างสว่ นนั น ้ ให้บอกวา่ ได้ใชแ ้ ลว้ เพียงใด
(๓) จานวนเงินที่ได้ใชแ ้ ลว้ หุ้นละเทา่ ใด
(๔) จานวนเงินที่ได้รับไวเ้ ป็ นคา่ หุ้นรวมทั งสิ ้ น้ เทา่ ใด
่ ่
(๕) ชือ อาชีวะ และทีสานั กของกรรมการทุกคน
(๖) ถา้ ใหก ้ รรมการตา่ งมีอานาจจั ดการของบริ ษัทไดโ้ ดยลาพังตัวใหแ ้ สดงอานาจของ
กรรมการนั น ้ ๆ วา่ คนใดมีเพียงใด และบอกจานวนหรื อชื่อกรรมการซึ่งจะลงชื่อเป็ นสาคั ญผูกพันบริ ษัทไดน ้ ดว้ ย
้ ัน
(๗) ถา้ ตั งบริ ้ ษัทขึ้นชั ่วกาลกาหนดอั นหนึ่ ง ให้บอกกาลกาหนดอั นนั น ้ ด้วย
(๘) ที่ตังสานั ้ กงานแหง่ ใหญแ ่ ละสาขาทั งปวง ้ การลงทะเบียนจะมีรายการอยา่ งอื่นซึ่งกรรมการเห็นสมควรจะให้ทราบแกป ่ ระชาชนก็ลงได้

ในการขอจดทะเบียนนั น ้ ถา้ ได้ทาขอ ้ บั งคั บของบริ ษัทไวป ้ ระการใดบา้ งตอ ้ งสง่ สาเนาขอ ้ บั งคั บ นั น้ ๆ ไปด้วย กับทั งสาเนารายงานการประชุ
้ ม
้ ษัทหนั งสือทั งสองนี
ตั งบริ ้ ้ กรรมการตอ ้ งลงลายมื อ ่
ชื อรั บรองคน ่
หนึ งเป็ นอย า งน
่ ้ อย
วรรคหา้ [๕๐] (ยกเลิก) ใหพ ้ นั กงานทะเบียนทาใบสาคั ญแสดงการจดทะเบียนสง่ มอบใหแ ่ ริ ษัทฉบับหนึ่ ง
้ กบ
มาตรา ๑๑๑๑/๑[๕๑] ในการจั ดตั งบริ ้ ษัท ถา้ ได้ดาเนิ นการครบทุกขั นตอนดังต ้ อ่ ไปนี้ ภายใน วั นเดียวกับวั นที่ผูเ้ ริ่ มกอ
่ การจั ดทาหนั งสือ
บริ คณหส ์ นธิ กรรมการจะขอจดทะเบียนหนั งสือบริ คณหส ์ นธิ และจด
ทะเบียนบริ ษัทไปพร้อมกั นภายในวั นเดียวกันก็ได้
(๑) จั ดให้มีผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นครบตามจานวนหุ้นทั งหมดที ้ ่บริ ษัทจะจดทะเบียน
้ ่
(๒) ประชุมจั ดตั งบริ ษัทเพือพิจารณากิจการตา่ ง ๆ ตามมาตรา ๑๑๐๘ โดยมีผูเ้ ริ่ มกอ ่ การและ
ผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นทุกคนเขา้ ร่วมประชุม และผูเ้ ริ่ มกอ่ การและผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นทุกคนใหค ้ วามเห็นชอบในกิจการที่ได้ ประชุมกันนั น ้
(๓) ผูเ้ ริ่ มกอ ่ การได้มอบกิจการทั งปวงให ้ ้แกก
่ รรมการ
(๔) กรรมการได้เรี ยกให้ผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นใชเ้ งินคา่ หุ้นตามมาตรา ๑๑๑๐ วรรคสอง และเงินคา่ หุ้นดังกลา่ วได้ใชเ้ สร็จแลว้
มาตรา ๑๑๑๒ ถา้ การจดทะเบียนมิไดท ้ าภายในสามเดือนนั บแตป ้ ษัทไซร้ ทา่ น วา่ บริ ษัทนั น
่ ระชุมตั งบริ ้ เป็ นอั นไมไ่ ดต ้ ้ น และบรรดาเงินที่
้ ั งขึ
ไดร้ ั บไวจ้ ากผูเ้ ขา้ ชื่อซื้ อหุน ้ นั ้
น ตอ้ งใช ค
้ ื น เต็ ม จานวนมิ ใ ห ล
้ ดเลย
ถา้ มีจานวนเงินเชน ้ คา้ งอยูม
่ วา่ นั น ่ ิได้คืนในสามเดือนภายหลั งการประชุมตั งบริ ้ ษัทไซร้ ทา่ นวา่ กรรมการของบริ ษัทตอ ้ งรั บผิดร่วมกันที่จะใชท ้ ั ง้
ตน ้ เงินและดอกเบี้ยคิดตั งแต ้ เ่ วลาสิน ้ กาหนดสามเดือนนั น ้
แตถ ่ า้ กรรมการคนใดพิสูจน์ได้วา่ การที่เงินขาดหรื อที่ใชค ้ ืนชา้ ไปมิได้เป็ นเพราะความผิดของ ตนไซร้ กรรมการคนนั น ้ ก็ไมต ่ ้องรั บผิดในการใช้
ตน ้ เงินหรื อดอกเบี้ย
มาตรา ๑๑๑๓ ผูเ้ ริ่ มกอ ่ การบริ ษัทตอ ้ งรั บผิดร่วมกันและโดยไมจ่ ากัด ในบรรดาหนี้ และการ จา่ ยเงินซึ่งที่ประชุมตั งบริ ้ ษัทมิได้อนุ มัติ และ
แมจ้ ะไดม ้ ี อ นุ มั ต ก
ิ ย
็ ั ง คงต อ
้ งรั บผิ ด อยู เ
่ ่ช น นั ้
น ไปจนกว า่ จะได จ
้ ด ทะเบี ย นบริ ษ ั ท
มาตรา ๑๑๑๔ เมื่อบริ ษัทได้จดทะเบียนแลว้ ผูเ้ ขา้ ชื่อซื้อหุ้นจะร้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอน การที่ตนได้เขา้ ชื่อซื้อ โดยยกเหตุวา่ สาคั ญผิด
หรื อตอ ้ งขม ่ ขู ่ หรื อถูกลวงลอ่ ฉ้อฉลนั น ้ ทา่ นวา่ หาอาจทาได้ไม่
มาตรา ๑๑๑๕ ถา้ หากวา่ ชื่อบริ ษัทซึ่งตั งไว ้ ใ้ นหนั งสือบริ คณหส ์ นธิพอ้ งกั บชื่อบริ ษัทอื่นซึ่งได้ จดทะเบียนแลว้ ก็ดี หรื อพอ ้ งกับชื่อซึ่งตั งไว
้ ใ้ น
หนั งสือบริ คณหส ่
์ นธิฉบั บอืนอันได้จดทะเบียนแลว้ ก็ดี หรื อ

คลา้ ยคลึงกับชื่อเชน ่ กลา่ วนั น ้ จนน่าจะลวงใหม ้ หาชนหลงไปไดก ้ ด ็ ี ทา่ นวา่ บุคคลผูท ้ ่ีมีสว่ นไดเ้ สียคนหนึ่ งคนใดจะ ฟ้องเรี ยกเอาคา่ สินไหม
ทดแทนแกผ ่ ู เ
้ ริ ่ มก อ
่ การบริ ษ ั ทก็ ไ ด ้ และจะร ้ อ งขอให ศ
้ าลสั ่ ง บั ง คั บ ให เ
้ ปลี ่ ย นชื่ อนั ้
น เสีย ใหมก ่ ไ็ ด้
เมื่อศาลมีคาสั ่งเชน ่ นั น ้ แลว้ ก็ตอ ้ งบอกชื่อซึ่งเปลี่ยนใหมน ่ ัน ้ จดลงทะเบียนแทนชื่อเกา่ และ ตอ ้ งแก้ใบสาคั ญการจดทะเบียนด้วยตามกันไป
มาตรา ๑๑๑๖[๕๒] บุคคลผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนใดคนหนึ่ งประสงคจ์ ะได้สาเนาหนั งสือบริ คณห์ สนธิและขอ ้ บั งคั บบรรดามีในบริ ษัทหนึ่ งบริ ษัทใด
ก็ชอบที่จะเรี ยกได้จากบริ ษัทนั น ้ ในการนี้ บริ ษัทจะเรี ยกเอา
เงินไมเ่ กินฉบั บละสิบบาทก็ได้
สว่ นที่ ๒ หุน ้ และผูถ ้ ือหุน ้
มาตรา ๑๑๑๗[๕๓] อั นมูลคา่ ของหุน ้ ๆ หนึ่ งนั น ้ มิใหต ้ า่ กวา่ หา้ บาท
มาตรา ๑๑๑๘ อั นหุ้นนั น ้ ทา่ นวา่ จะแบง่ แยกหาได้ไม่
ถา้ บุคคลมีจานวนแตส ่ องคนขึ้นไปถือหุ้น ๆ เดียวร่วมกัน ทา่ นวา่ ตอ ้ งตั งให้ ้คนใดคนหนึ่ งใน จานวนนั น ้ แตค ่ นเดียวเป็ นผูใ้ ชส ิ ธิในฐานเป็ นผู ้
้ ท
ถือหุ้น
ของหุ้น
อนึ่ ง บุคคลทั งหลายซึ ้ ่งถือหุน ้ ๆ เดียวร่วมกัน ตอ ้ งร่วมกันรั บผิดตอ ่ บริ ษัทในการสง่ ใชม ้ ูลคา่ มาตรา ๑๑๑๙ หุน ้ ทุก ๆ หุน ้ จาตอ ้ งใหใ้ ชเ้ ป็ น
เงินจนเต็มคา่ เวน ้ แต ห
่ ้ ุ น ซึ ่ ง ออกตามบทบั ญ ญั ติ
มาตรา ๑๑๐๘ อนุ มาตรา (๕) หรื อมาตรา ๑๒๒๑
ในการใชเ้ งินเป็ นคา่ หุ้นนั น ้ ผูถ ้ ือหุ้นจะหักหนี้ กับบริ ษัทหาได้ไม่
มาตรา ๑๑๒๐ บรรดาเงินคา่ หุ้นซึ่งยั งจะตอ ้ งสง่ อีกนั น ้ กรรมการจะเรี ยกให้ผูถ ้ ือหุ้นสง่ ใชเ้ สีย เมื่อใดก็ได้ เวน ้ แตท่ ่ีประชุมใหญจ่ ะได้วน ิ ิ จฉั ย
เป็ นอยา่ งอืน่
มาตรา ๑๑๒๑ การเรี ยกเงินคา่ หุน ้ แตล่ ะคราวนั น ้ ทา่ นบั งคั บวา่ ใหส ้ ง่ คาบอกกลา่ วลว่ งหน้า ไมต ่ า่ กวา่ ยี่สบ ิ เอ็ดวั นดว้ ยจดหมายสง่ ลงทะเบียน
ไปรษณี ย ์ และผูถ ื้ อหุน ้ ทุ ก คนจะต อ
้ งใช เ
้ งิ น ตามจานวนที ่ เ รี ย ก นั ้
น สุ ดแต ก
่ รรมการจะได ก
้ าหนดไปว า่ ้ ง่ ไปยั งผูใ้ ด ณ ที่ใดและเวลาใด
ให ส

มาตรา ๑๑๒๒ ถา้ และเงินอั นจะพึงสง่ ใชเ้ ป็ นคา่ หุ้นตามเรี ยกนั น ้ ผูถ
้ ือหุ้นคนใดมิได้สง่ ใชต ้ าม วั นกาหนดไซร้ ผูน ้ ัน ้ จาตอ ้ งเสียดอกเบี้ยนั บแตว่ ั น
ที่กาหนดใหส ้ ง่ ใชจ้ นถึงวั นที่ได้สง่ เสร็จ
มาตรา ๑๑๒๓ ถา้ ผูถ ้ ือหุ้นคนใดละเลยไมส ่ ง่ ใชเ้ งินที่เรี ยกคา่ หุ้นตามวั นกาหนด กรรมการจะ สง่ คาบอกกลา่ วด้วยจดหมายสง่ ลงทะเบียน
ไปรษณี ยไ์ ปยั งผูน ้ ั ้
น ให ส
้ ่ ้ง ใช เ งิ น ่
ที เ รี ย กกับทั ้
งดอกเบี ้ ยดว้ ยก็ได้
ในคาบอกกลา่ วอั นนี้ ใหก ้ าหนดเวลาไปพอสมควรเพื ่ อใหใ้ ชเ้ งินที่เรี ยกกับทั งดอกเบี
้ ้ ย และตอ ้ ง บอกไปดว้ ยวา่ ใหส ้ ง่ ใช้ ณ สถานที่ใด อนึ่ ง
ในคาบอกกลา่ วนั น ้ จะแจง้ ไปด้วยก็ได้วา่ ถา้ ไมใ่ ชเ้ งินตามเรี ยก หุ้นนั น ้ อาจจะถูกริ บ
มาตรา ๑๑๒๔ ถา้ ในคาบอกกลา่ วมีขอ ้ แถลงความถึงการริ บหุ้นด้วยแลว้ หากเงินคา่ หุ้นที่ เรี ยกกับทั งดอกเบี ้ ้ ยยั งคงคา้ งชาระอยูต ่ ราบใด
กรรมการจะบอกริ บหุ้นนั น ้ ๆ เมื่อใดก็ได้
มาตรา ๑๑๒๕ หุ้นซึ่งริ บแลว้ นั น ้ ให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไมช่ ั กชา้ ได้จานวนเงินเทา่ ใด ใหเ้ อาหักใชค ้ า่ หุ้นที่เรี ยกกับดอกเบี้ยคา้ งชาระ
ถา้ ยั งมีเงินเหลือเทา่ ใดตอ ้ ่ งส ง คื น ให แ ก
้ ่ ้ ผ ู ถ ื อ หุ น
้ นั ้

มาตรา ๑๑๒๖ แมว้ า่ วิธีการริ บหุน ้ ขายหุน ้ จะไมถ ่ ูกตอ้ งดว้ ยระเบียบก็ดี ทา่ นวา่ หาเป็ นเหตุให้ สิทธิของผูซ ้ ้ือหุน ้ ซึ่งริ บนั น ้ เสื่อมเสียไปอยา่ งไรไม่
มาตรา ๑๑๒๗ ให้บริ ษัททาใบหุ้น คือใบสาคั ญสาหรั บหุ้นใบหนึ่ งหรื อหลายใบ มอบให้เป็ น คูม ่ ือแกผ ่ ูถ
้ ือหุ้นจงทุก ๆ คน
[๕๔]
เมื่อมอบใบหุ้นนั น ้ จะเรี ยกคา่ ธรรมเนี ยมก็ได้ สุดแตก ่ รรมการจะกาหนด แตม ่ ิให้เกินสิบบาท
มาตรา ๑๑๒๘ ในใบหุ้นทุก ๆ ใบให้กรรมการอยา่ งน้อยหนึ่ งคนลงลายมือชือ่ เป็ นสาคั ญ[๕๕] ในใบหุ้นนั น ้ ตอ้ งมีข้อความตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ชื่อบริ ษัท
(๒) เลขหมายหุน ้ ที่กลา่ วถึงในใบหุน ้ นั น ้
(๓) มูลคา่ หุ้นหนึ่ งเป็ นเงินเทา่ ใด
(๔) ถา้ และเป็ นหุ้นที่ยังไมไ่ ด้ใชเ้ งินเสร็จ ให้จดลงวา่ ได้ใชเ้ งินคา่ หุ้นแลว้ หุ้นละเทา่ ใด (๕) ชื่อผูถ ้ ือหุ้น หรื อคาแถลงวา่ ได้ออกใบหุ้นนั น ้ ให้
แกผ ่ ูถ้ ือ
มาตรา ๑๑๒๙ อั นวา่ หุ้นนั น ้ ยอ่ มโอนกั นได้โดยมิตอ ้ งได้รับความยินยอมของบริ ษัท เวน ้ แต่ เมื่อเป็ นหุ้นชนิ ดระบุช่ือลงในใบหุ้น ซึ่งมีขอ ้ บั งคั บ
ของบริ ษัทกาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอืน ่
การโอนหุ้นชนิ ดระบุช่ือลงในใบหุ้นนั น ้ ถา้ มิได้ทาเป็ นหนั งสือและลงลายมือชื่อของผูโ้ อนกับผูร้ ั บ โอน มีพยานคนหนึ่ งเป็ นอยา่ งน้อยลงชื่อ
รั บรองลายมือนั น ๆ ด้วยแลว้ ทา่ นวา่ เป็ นโมฆะ อนึ่ ง ตราสารอั นนั น
้ ้ ตอ ้ งแถลงเลขหมายของหุ้นซึ่งโอนกันนั น ้ ด้วย
การโอนเชน ่ ้
นี จะนามาใช แ กบ
้ ่ ั ริ ษ ทหรื อ บุ ค คลภายนอกไม ได
่ ้ จนกว า
่ จะได จ
้ ดแจ ง
้ การโอนทั ้
ง ชื ่ อ และสานั กของผู ร
้ ั บโอนนั น ้ ลงในทะเบียนผูถ ้ ือ
หุน ้
มาตรา ๑๑๓๐ หุ้นใดเงินที่เรี ยกคา่ หุ้นยั งคา้ งชาระอยู ่ หุ้นนั น ้ บริ ษัทจะไมย่ อมรั บจดทะเบียน ให้โอนก็ได้
มาตรา ๑๑๓๑ ในระหวา่ งสิบสี่วันกอ ่ นการประชุมใหญส ่ ามั ญ บริ ษัทจะปิดสมุดทะเบียนพัก การโอนหุ้นเสียก็ได้
มาตรา ๑๑๓๒ ในเหตุบางอยา่ งเชน ่ ผูถ ้ ือหุ้นตายก็ดี หรื อลม ้ ละลายก็ดี อั นเป็ นเหตุให้บุคคล อื่นเป็ นผูม ้ ี สทิ ธิจะได้หุ้นขึ้นนั น ้ หากวา่ บุคคลนั น ้
่ ้
นาใบหุ้นมาเวนคืน เมือเป็ นวิสัยจะทาได้ ทั งได้ นาหลั กฐาน อั นสมควรมาแสดงด้วยแลว้ ก็ให้บริ ษัทรั บบุคคลนั น ้ ลงทะเบียนเป็ นผูถ ้ ือหุ้น
สืบไป
มาตรา ๑๑๓๓ หุน ้ ซึ่งโอนกันนั น ้ ถา้ เป็ นหุน ้ อันยั งมิไดส ้ ง่ เงินใชเ้ ต็มจานวนคา่ หุน ้ ทา่ นวา่ ผู ้ โอนยั งคงตอ ้ งรั บผิดในจานวนเงินที่ยังมิไดส ้ ง่ ใช้
ให้ครบถว้ นนั น ้ แตว่ า่
(๑) ผูโ้ อนไมต ่ อ ้ งรั บผิดในหนี้ อันหนึ่ งอั นใดของบริ ษัทซึ่งได้กอ ่ ให้เกิดขึ้นภายหลั งโอน
(๒) ผูโ้ อนไมต ่ อ ้ งรั บผิดออกสว่ นใชห ้ นี้ เวน ้ แตค ่ วามปรากฏขึ้นแกศ ่ าลวา่ บรรดาผูท ้ ่ียังถือหุ้น ของบริ ษัทอยูน ่ ัน้ ไมส ่ ามารถออกสว่ นใชห ้ นี้ อัน
เขาจะพึงตอ ้ งออกใชน ้
้ ั นได้
ขอ ้ ความรั บผิดเชน ่ วา่ มานั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องผูโ้ อนเมื่อพน ้ สองปี นั บแตไ่ ด้จดแจง้ การโอนนั น ้ ลงในทะเบียนผูถ ้ ือหุ้น
มาตรา ๑๑๓๔ ใบหุน ้ ออกให แ ก
้ ่ ้ผู ถ ื อ นั ้
น จะออกได ก
้ แ
็ ต เ
่ มื ่ อมี ข อ
้ บั ง คั บ ของบริ ษั ทอนุ ญ าตไว ้ และจะออกใหไ้ ดแ ้ ตเ่ ฉพาะเพื่อหุน ้ ซึ่งไดใ้ ชเ้ ต็ม
คา่ แลว้ ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ ผูท ้ รงใบหุ้นชนิ ดระบุช่ือยอ่ มมีสท ิ ธิจะ ได้รับใบหุ้นชนิ ดออกให้แกผ ่ ู ถ
้ ื อ ่
เมื อเวนคื นใบหุ น
้ ชนิ ดระบุ ช่ ื อนั ้ ให้ขีดฆา่ เสีย

มาตรา ๑๑๓๕ หุ้นชนิ ดที่มีใบหุ้นออกให้แกผ ่ ูถ ้ ยอ่ มโอนกันได้เพียงด้วยสง่ มอบใบหุ้นแก่
้ ือนั น
กัน
ชื่อได้ เมื่อเวนคืนใบหุ้นฉบับออกให้แกผ ่ ูถ้ ือนั น ้ ให้ขีดฆา่ เสีย
มาตรา ๑๑๓๖ ผูท ้ รงใบหุ้นชนิ ดออกให้แกผ ่ ูถ ้ ือยอ่ มมีสท ิ ธิจะมาขอเปลี่ยนเอาใบหุ้นชนิ ดระบุ

มาตรา ๑๑๓๗ ถา้ ขอ ้ บั งคั บของบริ ษัทมีกาหนดไวเ้ ป็ นองคค ์ ุณอันหนึ่ งสาหรั บผูจ้ ะเป็ น กรรมการ วา่ จาจะตอ ้ งเป็ นผูถ ้ ือหุน
้ เป็ นจานวนเทา่
หนึ่ งเทา่ ใดไซร้ หุ้นเชน ่ นี้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งเป็ นหุ้นชนิ ดระบุช่ือ
มาตรา ๑๑๓๘ บริ ษัทจากัดตอ ้ งมีสมุดทะเบียนผูถ ้ ือหุ้น มีรายการดังตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ชื่อและสานั ก กับอาชีวะ ถา้ วา่ มี ของผูถ ้ ือหุ้น ขอ ้ แถลงเรื่ องหุ้นของผูถ ้ ือหุ้นคนหนึ่ ง ๆ แยกหุ้นออกตามเลขหมายและจานวนเงินที่ ได้
ใชแ ่
้ ลว้ หรื อทีได้ตกลงกันให้ถือวา่ เป็ นอันได้ใชแ ้ ลว้ ในหุ้นของผูถ ้ ือ หุ้นคนหนึ่ ง ๆ
(๒) วั นเดือนปี ซึ่งได้ลงทะเบียนบุคคลผูห ้ นึ่ ง ๆ เป็ น ผู ถ
้ ื อ หุ น

(๓) วั นเดือนปี ซึ่งบุคคลคนใดคนหนึ่ งขาดจากเป็ นผูถ ้ ือหุน ้
(๔) เลขหมายใบหุ้นและวั นที่ลงในใบหุ้นชนิ ดออกให้แกผ ้ ือ และเลขหมายของหุ้นซึ่งได้ลงไว้
่ ูถ
ในใบหุ้นนั น ้ ๆ
(๕) วั นที่ได้ขีดฆา่ ใบหุ้นชนิ ดระบุช่ือ หรื อชนิ ดออกให้แกผ ่ ูถ้ ือ
มาตรา ๑๑๓๙ สมุดทะเบียนผู ถ ้ ือหุ้นเริ่ มแตว่ ั นจดทะเบียนบริ ษัทนั น ้ ให้รักษาไว้ ณ สานั กงาน ของบริ ษัทแหง่ ที่ได้บอกทะเบียนไว้ สมุด
ทะเบียนนี้ ใหเ้ ปิดใหแ ก
้ ่ ้ ผู ถื อ หุ น
้ ทั ้
งหลายดู ไ ด ใ
้ นระหว า
่ งเวลาทาการโดย ไมเ่ รี ยกคา่ ธรรมเนี ยมอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด แตก ่ รรมการจะจากัดเวลาลงไว้
อยา่ งไรพอสมควรก็ได้ หากไมน ่ ้ อ ยกว า
่ วั น ละสองชั ่ ว โมง
ใหเ้ ป็ นหน้าที่ของกรรมการที่จะสง่ สาเนาบั ญชีรายชื่อผูท ้ ่ียังคงเป็ นผูถ ้ ือหุ้นอยูท ้
่ ั งหมดในเวลาที ่ ประชุม และรายชื่อผูท ้ ่ีขาดจากเป็ นผูถ ้ ือหุ้นจาเดิม
แตว่ ั นประชุมสามั ญครั ง้ ที่แลว้ มานั น ้ ไปยั งนายทะเบียนอยา่ ง น้อยปี ละครั ง้ และมิให้ชา้ กวา่ วั นที่สบ ิ สี่นับแตก่ ารประชุมสามั ญ บั ญชีรายชื่อนี้ ให้
มีรายการบรรดาที่ระบุไวใ้ น มาตรากอ ่ นนั น ้ ทุกประการ
มาตรา ๑๑๔๐[๕๖] ผูถ ้ ือหุ้นชอบที่จะเรี ยกให้สง่ มอบสาเนาทะเบียนเชน ่ วา่ นั น ้ หรื อแตต ่ อนหนึ่ ง ตอนใดแกต ่ นได้ เมื่อเสียคา่ สาเนาแตไ่ ม่
เกินหน้าละหา้ บาท
มาตรา ๑๑๔๑ สมุดทะเบียนผู ถ ้ ือหุน ้ นั น ้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ เป็ นพยานหลั กฐานอัน ถูกตอ ้ งในขอ้ กระทงความบรรดาที่กฎหมายบั งคั บ
หรื อให้อานาจใหเ้ อาลงในทะเบียนนั น ้
มาตรา ๑๑๔๒ ถา้ บริ ษัทได้ออกหุ้นบุริมสิทธิไปแลว้ ได้กาหนดไวว้ า่ บุริมสิทธิจะมีแกห ้ ๆ เป็ นอยา่ งไร ทา่ นห้ามมิให้แก้ไขอีกเลย
่ ุ้นนั น

ตนเอง
มาตรา ๑๑๔๓ หา้ มมิใหบ ้ ริ ษัทจากัดเป็ นเจา้ ของถือหุน ้ ของตนเอง หรื อรั บจานาหุน ้ ของ
สว่ นที่ ๓ วิธีจัดการบริ ษัทจากัด
๑. บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๑๔๔ บรรดาบริ ษัทจากัด ให้มีกรรมการคนหนึ่ งหรื อหลายคนด้วยกันจั ดการตาม ขอ ้ บั งคั บของบริ ษัท และอยูใ่ นความครอบงา
ของที่ประชุมใหญแ ่ หง่ ผูถ ้
้ ือหุ้นทั งปวง
มาตรา ๑๑๔๕ จาเดิมแตไ่ ด้จดทะเบียนบริ ษัทแลว้ ทา่ นห้ามมิให้ตังข ้ อ้ บั งคั บขึ้นใหม่ หรื อ เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงขอ ้ บั งคั บหรื อขอ
้ ความใน
หนั งสือบริ คณหส ์ นธิ แ ต อ ย
่ ่ า งหนึ่ งอย า
่ งใด เวน้ แต จ
่ ะได ม
้ ี การลง มติ พ ิเศษ
มาตรา ๑๑๔๖ บรรดาขอ ้ บั งคั บอั นไดต ้ ้นใหม่ หรื อไดเ้ พิ่มเติมเปลี่ยนแปลงนั น
้ ั งขึ ้ เป็ นหน้าที่ ของบริ ษัทที่จะจั ดใหไ้ ปจดทะเบียนภายในกาหนด
สิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่ได้มีการลงมติพิเศษ
มาตรา ๑๑๔๗[๕๗] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๑๔๘ บรรดาบริ ษัทจากัด ตอ ้ งมีสานั กงานบอกทะเบียนไวแ ้ หง่ หนึ่ งซึ่งธุรการติดตอ่
และคาบอกกลา่ วทั งปวงจะสง่ ถึงบริ ษัทได้ ณ ทีนัน คาบอกกลา่ วสถานที่ตังแห
้ ่ ้ ้ ง่ สานั กงานที่ได้บอกทะเบียนไวก ็ ี หรื อเปลี่ยนยา้ ยสถานที่กด
้ ด ็ ี
ให้
สง่ แกน่ ายทะเบียนบริ ษัท และใหน ้ ายทะเบียนจดขอ ้ ความนั น ้ ลงในทะเบียน
มาตรา ๑๑๔๙ ตราบใดหุ้นทั งหลายยั ้ ้ บริ ษัทจะลง พิมพห
งมิได้ชาระเงินเต็มจานวน ทา่ นวา่ ตราบนั น ์ รื อแสดงจานวนตน ้ ทุนของบริ ษัทใน
หนั งสืออยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดเชน
่ ในคาบอกกลา่ วป่าวร้องก็ดี ในตั ๋วเงิน และบั ญชีสง่ิ ของก็ดี ในจดหมายก็ดี ตอ ้ งแสดงไวใ้ ห้ชัดเจนด้วยในที่
เดียวกันวา่ จานวนเงินตน ้ ทุนไดช้ าระแลว้ เพียงกี่สว่ น
๒. กรรมการ

มาตรา ๑๑๕๐ ผูเ้ ป็ นกรรมการจะพึงมีจานวนมากน้อยเทา่ ใด และจะพึงได้บาเหน็ จเทา่ ใด ใหส ้ ุดแลว้ แตท ่ ่ีประชุมใหญจ่ ะกาหนด
มาตรา ๑๑๕๑ อั นผูเ้ ป็ นกรรมการนั น ้ เฉพาะแตท ่ ่ีประชุมใหญเ่ ทา่ นั น ้ อาจจะตั งหรื ้ อถอนได้ มาตรา ๑๑๕๒ ในเมื่อมีการประชุมสามั ญครั ง้ แรก
ภายหลั งแตจ่ ดทะเบียนบริ ษัทก็ดี และใน
เมื่อมีการประชุมสามั ญครั ง้ แรกในปี ทุก ๆ ปี ตอ่ ไปก็ดี ผูเ้ ป็ นกรรมการตอ ้ งออกจากตาแหน่ง โดยจานวนหนึ่ งใน สามเป็ นอั ตรา ถา้ และจาน
วนกรรมการจะแบง่ ออกใหต ้ รงเป็ น ส ว
่ นสามไม ได
่ ้ ก็ ใ ห อ
้ อกโดยจานวนใกล ้ ่ีสุดกับ สว่ นหนึ่ งในสาม

มาตรา ๑๑๕๓ ตัวกรรมการที่จะตอ ้ งออกจากตาแหน่งในปี แรกและปี ที่สองภายหลั งจด ทะเบียนบริ ษัทนั น ้ ถา้ กรรมการมิได้ตกลงกั นไวเ้ อง
เป็ นวิธีอ่ืนไซร้ ก็ใหจ้ ั บสลากกัน สว่ นปี หลั ง ๆ ตอ่ ไปให้ กรรมการคนทีไ่ ด้อยูใ่ นตาแหน่งนานที่สุดนั น ้ เป็ นผูต ้ อ้ งออก
กรรมการผูอ ้ อกไปนั น้ จะเลือกเขา้ รั บตาแหน่งอีกก็ได้
มาตรา ๑๑๕๓/๑[๕๘] กรรมการคนใดจะลาออกจากตาแหน่ง ให้ย่ืนใบลาออกตอ่ บริ ษัท การ ลาออกมีผลนั บแตว่ ั นที่ใบลาออกไปถึง
บริ ษัท
กรรมการซึ่งลาออกตามวรรคหนึ่ ง จะแจง้ การลาออกของตนใหน ้ ายทะเบียนทราบดว้ ยก็ได้
มาตรา ๑๑๕๔ ถา้ กรรมการคนใดลม ้ ละลาย หรื อตกเป็ นผูไ้ ร้ความสามารถไซร้ ทา่ นวา่ กรรมการคนนั น ้ เป็ นอันขาดจากตาแหน่ง
มาตรา ๑๑๕๕ ถา้ ตาแหน่งวา่ งลงในสภากรรมการเพราะเหตุอ่ืนนอกจากถึงคราวออกตาม เวรไซร้ ทา่ นวา่ กรรมการจะเลือกผูอ ้ ่ืนตั งขึ
้ ้น
ใหมใ่ ห้เต็มที่วา่ งก็ได้ แตบ ่ ุคคลที่ได้เป็ นกรรมการใหมเ่ ชน ้ ให้มี เวลาอยูใ่ นตาแหน่งได้เพียงเทา่ กาหนดเวลาที่กรรมการผูอ
่ นั น ้ อกไปนั น ้ ชอบที่
จะอยูไ่ ด้
มาตรา ๑๑๕๖ ถา้ ที่ประชุมใหญถ ่ อนกรรมการผูห ้ นึ่ งออกกอ ่ นครบกาลกาหนดของเขา และ ตั งคนอื ้ ่นขึ้นไวแ ้ ทนทีไ่ ซร้ ทา่ นวา่ บุคคลที่เป็ น
กรรมการใหมน ้ ใหอ
ั่ น ยู
้ ่ ใ นตาแหน ง
่ ้ได เ พี ย งเทา่ กาหนดเวลาที ่ กรรมการผู ถ
้ ู ก ถอนนั น้ ่
ชอบที จ ะอยู ได
่ ้

มาตรา ๑๑๕๗[๕๙] เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ให้บริ ษัทนาความไปจดทะเบียนภายใน สิบสี่วันนั บแตว่ ั นทีม ่ ีการเปลี่ยนแปลง


มาตรา ๑๑๕๘ นอกจากจะมีขอ ้ บั งคับของบริ ษัทไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ทา่ นวา่ กรรมการมีอานาจ ดั งพรรณนาไวใ้ นหกมาตราตอ ่ ไปนี้
มาตรา ๑๑๕๙ ในจานวนกรรมการนั น ้ แมต ้ าแหน่งจะวา่ งไปบา้ ง กรรมการที่มีตัวอยูก ่ ย็ อ่ ม ทากิจการได้ แตถ ่ า้ ในเวลาใดจานวนกรรมการ
ลดน้อยลงกวา่ จานวนอั นจาเป็ นที่จะเป็ นองคป ์ ระชุมได้
ตลอดเวลาเชน ่ นั น้ กรรมการที่มีตัวอยูย่ อ่ มทากิจการไดเ้ ฉพาะแตใ่ นเรื่ องที่จะเพิ่มกรรมการขึ้นใหค ้ รบจานวน หรื อนั ดเรี ยกประชุมใหญข่ อง
บริ ษัทเทา่ นั น้ จะกระทาการอยา่ งอื่นไมไ่ ด้
มาตรา ๑๑๖๐ กรรมการจะวางกาหนดไวก ้ ไ็ ด้วา่ จานวนกรรมการเขา้ ประชุมกี่คนจึงจะเป็ น องคป ์ ระช ุ มท ากิจการได้ ถา้ และมิ ได้ก า
หนดไว ้ดังนั ้ นไซร้ (เมื่ อจ านวนกรรมการเกิ นกว า่ สามคน) ทา่ นว ่าตอ ้ ง มี กรรมการเขา้ ประชุมสามคนจึงจะเป็ นองคป ์ ระชุมได้
มาตรา ๑๑๖๑ ขอ ้ ปรึ กษาซึ่งเกิดเป็ นปัญหาในประชุมกรรมการนั น ้ ให้ช้ีขาดตัดสินเอาเสียง ขา้ งมากเป็ นใหญ่ ถา้ และคะแนนเสียงเทา่ กัน ใหผ ้ ู้
เป็ นประธานเป็ นผูอ ้ อกเสียงชี้ขาด
มาตรา ๑๑๖๒ กรรมการคนหนึ่ งคนใดจะนั ดเรี ยกใหป ้ ระชุมกรรมการเมื่อใดก็ได้
มาตรา ๑๑๖๓ กรรมการจะเลือกกรรมการคนหนึ่ งขึ้นเป็ นประธานที่ประชุม และจะ กาหนดเวลาวา่ ใหอ ้ ยูใ่ นตาแหน่งเพียงใดก็ได้ แตถ ่ า้ หาก
มิได้เลือกกันไวเ้ ชน ้ หรื อผูเ้ ป็ นประธานไมม
่ นั น ่ าประชุม ตามเวลาที่ได้นัดหมายไซร้ กรรมการที่มาประชุมนั น ้ จะเลือกกั นคนหนึ่ งขึ้นเป็ น
ประธานในการประชุมเชน ่ นั น ้ ก็
ได้
มาตรา ๑๑๖๔ กรรมการจะมอบอานาจอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดของตนให้แกผ ่ ูจ้ ั ดการ หรื อให้แก่ อนุ กรรมการซึ่งตั งขึ ้ ้ นจากผูท ้ ่ีเป็ นกรรมการด้วยกัน
ก็ได้ ในการใชอ ้ านาจซึ ่ ง ได ม
้ อบหมายเช น
่ นั ้
น ผู จ
้ั ดการทุ ก คน หรื ออนุ ก รรมการทุ ก คนต อ
้ งทาตามคาสั ่ ง หรื อ ข อ
้ บั ง คั บ ซึ่ ง กรรมการทั ้
งหลายได ก
้ า
หนดใหท ้ ุ กอย า
่ งทุ ก ประการ
มาตรา ๑๑๖๕ ถา้ การมอบอานาจมิได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นไซร้ ขอ ้ ปรึ กษาซึ่งเกิดเป็ น ปัญหาขึ้นในที่ประชุมอนุ กรรมการทั งหลายให ้ ้ตัดสนิ
เอาเสียงขา้ งมากเป็ นใหญ่ ถา้ และคะแนนเสียงเทา่ กัน ใหผ ้ ู ้ เป็ นประธานชี้ขาด

มาตรา ๑๑๖๖ บรรดาการซึ่งกรรมการคนหนึ่ งได้ทาไปแมใ้ นภายหลั งความปรากฏวา่ การ ตั งแต ้ ง่ กรรมการคนนั น ้ มีขอ ้ บกพร่องอยูบ ่ า้ งก็ดี หรื อ
เป็ นผูบ
้ กพร อ
่ ้ งด ว ยองค ค
์ ุ ณ ควรแก ต
่ าแหน ่ ง กรรมการก็ ดี ทา นว
่ ่ า ่
การที ไ ด ท
้ านั ้
น ย อ
่ มสมบู รณ์ เ สมื อนดังว า
่ บุ คคลผู น
้ ัน้ ไดร้ ั บการแตง่ ตั งโดยถู
้ กตอ้ ง
และบริ บูรณ์ดว้ ยองคค ุ์ ณ ของกรรมการ
มาตรา ๑๑๖๗ ความเกี่ยวพันกันในระหวา่ งกรรมการและบริ ษัทและบุคคลภายนอกนั น ้ ทา่ นให้ บั งคั บตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
วา่ ด้วยตัวแทน
มาตรา ๑๑๖๘ ในอั นที่จะประกอบกิจการของบริ ษัทนั น ้ กรรมการตอ ้ งใชค ้ วามเอื้อเฟื้ อ สอดสอ่ งอยา่ งบุคคลคา้ ขายผูป ้ ระกอบด้วยความ
ระมั ดระวั ง
วา่ โดยเฉพาะ กรรมการตอ ้ งรั บผิดชอบร่วมกันในประการตา่ ง ๆ ดั งจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) การใชเ้ งินคา่ หุน ้ นั น้ ไดใ้ ชก ้ ันจริ ง
(๒) จั ดใหม ้ ี และรั กษาไว ใ ห
้ ้ เ รี ย บร ้ อย ซึ ่ ง บรรดาสมุ ดบั ญ ชี และเอกสารที ่ กฎหมายกาหนดไว ้ (๓) การแจกเงิ น ป ั นผลหรื อ ดอกเบี ้ ยใหเ้ ป็ นไป
โดยถูกตอ ้ งตามที่กฎหมายกาหนดไว้
(๔) บั งคั บการให้เป็ นไปโดยถูกตอ ้ งตามมติของที่ประชุมใหญ่
อนึ่ ง ทา่ นห้ามมิให้ผูเ้ ป็ นกรรมการประกอบการคา้ ขายใด ๆ อั นมีสภาพเป็ นอยา่ งเดียวกัน และเป็ นการแขง่ ขั นกั บการคา้ ขายของบริ ษัทนั น ้ ไม่
วา่ ทาเพื่อประโยชน์ตนหรื อเพื่อประโยชน์ผูอ ้ ่ืน หรื อไปเขา้ หุ้นสว่ นไมจ่ ากัดความรั บผิดในห้างคา้ ขายอื่นซึ่งประกอบกิจการมีสภาพเป็ นอยา่ ง
เดียวกันและแขง่ ขั นกั บกิจการ ของบริ ษัท โดยมิได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญข่ องผูถ ้ ือหุ้น
บทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาขา้ งบนนี้ ใหใ้ ชบ ้ ั งคั บตลอดถึงบุคคลซึ่งเป็ นผูแ ้ ทนของกรรมการดว้ ย
มาตรา ๑๑๖๙ ถา้ กรรมการทาให้เกิดเสียหายแกบ ่ ริ ษัท ๆ จะฟ้องร้องเรี ยกเอาสินไหม ทดแทนแกก ่ รรมการก็ได้ หรื อในกรณี ท่ีบริ ษัทไมย่ อม
ฟ้องร้อง ผูถ ่ ้
้ ือหุ้นคนหนึ งคนใดจะเอาคดีนันขึนวา่ ก็ได้ ้
อนึ่ ง การเรี ยกร้องเชน ่ นี้ เจา้ หนี้ ของบริ ษัทจะเป็ นผูเ้ รี ยกบั งคั บก็ได้ เทา่ ที่เจา้ หนี้ ยั งคงมีสท
ิ ธิ เรี ยกร้องแกบ
่ ริ ษัทอยู ่
มาตรา ๑๑๗๐ เมื่อการซึ่งกรรมการคนใดไดท ้ าไปได ร
้ ั บอนุ มั ตข
ิ ่
องที ประชุ มใหญ แล
่ ้ ว ทา นว
่ ่ า กรรมการคนนั ้ ไมต
น ่ อ ้ ตอ่ ผูถ
้ งรั บผิดในการนั น ้ ือ
หุ้นซึ่งได้ให้อนุ มัติหรื อตอ่ บริ ษัทอีกตอ ่ ไป
ทา่ นห้ามมิใหผ ้ ือหุ้นซึ่งมิได้ให้อนุ มัติด้วยนั น
้ ูถ ้ ฟ้องคดีเมื่อพน ้ เวลาหกเดือนนั บแตว่ ั นที่ ประชุม ใหญใ่ ห้อนุ มัติแกก ่ ารเชน ้
่ วา่ นั น
๓. ประชุมใหญ่

มาตรา ๑๑๗๑ ใหม ้ ีการประชุมผูถ ้ ือหุน้ ทั ่วไปเป็ นประชุมใหญภ ่ ายในหกเดือนนั บแตว่ ั นที่ได้ จดทะเบียนบริ ษัท และตอ่ นั น ้ ไปก็ใหม ้ ีการ
ประชุมเชน ่ ้
นี ครั ้
ง หนึ ่ งเป็ น อย า งน
่ ้ อ ยทุ ก ระยะเวลาสิ บ สองเดื อ น
การประชุมเชน ่ นี้ เรี ยกวา่ ประชุมสามั ญ การประชุมใหญค ่ ราวอื่นบรรดามีนอกจากนี้ เรี ยกวา่ ประชุมวิสามั ญ
มาตรา ๑๑๗๒ กรรมการจะเรี ยกประชุมวิสามั ญเมื่อใดก็ได้สุดแตจ่ ะเห็นสมควร ถา้ บริ ษทั ขาดทุนลงถึงกึ่งจานวนตน ้ ทุนกรรมการต้องเรี ยก
ประชุมวิสามั ญทั นทีเพื่อแจง้ ให้ผู้
ถือหุ้นทราบการที่ขาดทุนนั น ้
มาตรา ๑๑๗๓ การประชุมวิสามั ญจะตอ ้ งนั ดเรี ยกให้มีข้ึนในเมื่อผูถ ้ ือหุ้นมีจานวนหุ้นรวมกัน ไมน ่ ้ อยกวา่ หนึ่ งในห้าแหง่ จานวนหุ้นของบริ ษัท
ไดเ้ ขา้ ชื่อกันทาหนั งสือร้องขอใหเ้ รี ยกประชุมเชน ่ นั ้
น ในหนั งสือ ร ้ องขอนั ้
น ต อ
้ งระบุ ว า
่ ประสงค ใ ์ เ้ รี ยกประชุมเพื่อการใด

มาตรา ๑๑๗๔ เมื่อผูถ ้ ือหุ้นยื่นคาร้องขอให้เรี ยกประชุมวิสามั ญดังได้กลา่ วมาในมาตรากอ ่ น นี้ แลว้ ให้กรรมการเรี ยกประชุมโดยพลั น
ถา้ และกรรมการมิได้เรี ยกประชุมภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นยื่นคาร้องไซร้ ผูถ ้
้ ือหุ้นทั งหลาย ซึ่งเป็ นผูร้ ้ อง หรื อผูถ ้ ือหุ้นคนอื่น ๆ รวมกันได้
จานวนดังบั งคั บไวน ้ ัน้ จะเรี ยกประชุมเองก็ได้
มาตรา ๑๑๗๕[๖๐] คาบอกกลา่ วเรี ยกประชุมใหญใ่ ห้ลงพิมพโ์ ฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่ อยา่ งน้อยหนึ่ งคราวกอ ่ นวั นนั ดประชุมไม่
น้อยกวา่ เจ็ดวั น และสง่ ทางไปรษณี ยต ์ อบรั บไปยั งผูถ ่ ่ ื
้ ือหุ้นทุกคนทีมีชอ ในทะเบียนของบริ ษัทกอ ่ นวั นนั ดประชุมไมน ่ ้ อยกวา่ เจ็ดวั น เวน ้ แต่
เป็ นคาบอกกลา่ วเรี ยกประชุมใหญเ่ พื่อลงมติ พิเศษ ใหก ้ ระทาการดังวา่ นั น ้ กอ ่ นวั นนั ดประชุมไมน ่ ้ อยกวา่ สิบสี่วัน
คาบอกกลา่ วเรี ยกประชุมใหญน ้ ใหร้ ะบุสถานที่ วั น เวลา และสภาพแหง่ กิจการที่จะได้ ประชุมปรึ กษากัน และในกรณี ท่ีเป็ นคาบอก
่ ัน
กลา่ วเรี ยกประชุมใหญเ่ พื่อลงมติพิเศษให้ระบุข้อความที่จะ นาเสนอให้ลงมติด้วย
มาตรา ๑๑๗๖ ผูถ ้ ือหุ้นทั ่วทุกคนมีสท ิ ธิจะเขา้ ประชุมในที่ประชุมใหญไ่ ด้เสมอ ไมว่ า่ จะเป็ น ประชุมชนิ ดใดคราวใด
มาตรา๑๑๗๗วิธีดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตราตอ่ ๆไปนี้ ทา่ นให้ใชบ ้ ั งคั บแกก ่ ารประชุมใหญเ่ วน้แต่ จะมีขอ ้ บั งคั บของบริ ษัทกาหนดไวเ้ ป็ นขอ ้ ความขั ดกั น

มาตรา ๑๑๗๘ ในการประชุมใหญ ่ ถา้ ไมม ่ ีผูถ้ ือหุน ้ มาเขา้ ประชุมรวมกันแทนหุ้นไดถ ้ ึงจานวน หนึ่ งในสี่แหง่ ทุนของบริ ษัทเป็ นอยา่ งน้อยแลว้
ทา่ นวา่ ที่ประชุมอันนั น ้ จะปรึ กษากิจการอั นใดหาได้ไม่
มาตรา ๑๑๗๙ การประชุมใหญเ่ รี ยกนั ดเวลาใด เมื่อลว่ งเวลานั ดนั น ้ ไปแลว้ ถึงชั ่วโมงหนึ่ ง จานวนผูถ ้ ือหุ้นซึ่งมาเขา้ ประชุมยั งไมค ่ รบถว้ นเป็ น
องคป ์ ระชุมดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๑๗๘ นั น ้ ไซร้ หากวา่ การ ประชุมใหญน ้ ได้เรี ยกนั ดเพราะผูถ
่ ัน ้ ือหุ้นร้องขอ ทา่ นให้เลิกประชุม
ถา้ การประชุมใหญน ่ ัน้ มิใชช่ นิ ดซึ่งเรี ยกนั ดเพราะผูถ ้ ือหุ้นร้องขอไซร้ ทา่ นให้เรี ยกนั ดใหมอ่ ีก คราวหนึ่ งภายในสิบสี่วัน และการประชุมใหญค ่ รั ง้

หลั งนี ทา่ นไมบ่ ั งคั บวา่ จาตอ ้ งครบองคป ์ ระชุม
มาตรา ๑๑๘๐ ในการประชุมผูถ ้ ทั ่วไปเป็ นประชุมใหญท
้ ือหุน ่ ุก ๆ ครั ง้ ใหผ ้ ูเ้ ป็ นประธานใน สภากรรมการนั ่ งเป็ นประธาน
ถา้ ประธานกรรมการเชน ่ วา่ นี้ ไมม ี่ ตัวก็ดี หรื อไมม ่ าเข า้ ประชุ มจนล ว
่ งเวลานั ดไปแล ว้ สิบหา้ นาทีกด ็ ี ใหผ ้ ูถ ้ ือหุน ้
้ ทั งหลายซึ ่งอยูใ่ นที่นัน
้ เลือกผูถ
้ ือ
หุ้นคนหนึ่ งในจานวนซึ่งมาประชุมขึ้นนั ่ งเป็ นประธาน
มาตรา ๑๑๘๑ ผูน ้ ั ่ งเป็ นประธานจะเลื่อนการประชุมใหญใ่ ด ๆ ไปเวลาอื่นโดยความยินยอม ของที่ประชุมก็ได้ แตใ่ นที่ประชุมซึ่งได้เลื่อนมา
้ ทา่ นมิให้ปรึ กษากิจการอันใดนอกไปจากที่คา้ งมาแตว่ ั น ประชุมกอ
นั น ่ น
มาตรา ๑๑๘๒ ในการลงคะแนนโดยวิธีชูมือนั น ้ ทา่ นให้นับวา่ ผูถ ้ ือหุ้นทุกคนที่มาประชุมเอง หรื อมอบฉั นทะให้ผูอ ้ ่ืนมาประชุมแทนมีเสียงหนึ่ ง
เป็ นคะแนน แตใ่ นการลงคะแนนลั บ ทา่ นใหน บว
้ ั ่ ้ า ผู ถื อหุ น
้ ทุ ก คนมี ค ะแนนเสี ย งเสี ย งหนึ ่ งตอ หุ
่ ้ น หนึ ่ งที ่ ต นถื อ
มาตรา ๑๑๘๓ ถา้ มีขอ ้ บั งคั บของบริ ษัทวางเป็ นกาหนดไวว้ า่ ตอ่ เมื่อผูถ ้ ือหุน
้ เป็ นผูม ้ ีหุน้ แต่
จานวนเทา่ ใดขึ้นไปจึงให้ออกเสียงเป็ นคะแนนได้ไซร้ ทา่ นวา่ ผูถ ้
้ ือหุ้นทั งหลายซึ ่งไมม ่ ีหุ้นถึงจานวนเทา่ นั น ้ ยอ่ มมี สิทธิท่ีจะเขา้ รวมกันให้ได้จาน
วนหุ้นดังกลา่ ว แลว้ ตั งคนหนึ ้ ่ งในพวกของตนให้เป็ นผูร้ ั บฉั นทะออกเสียงแทนใน การประชุมใหญใ่ ด ๆ ได้
มาตรา ๑๑๘๔ ผูถ ้ ือหุ้นคนใดยั งมิได้ชาระเงินคา่ หุ้นซึ่งบริ ษัทได้เรี ยกเอาแตต ่ นให้เสร็จสิน ้ ทา่ นวา่ ผูถ ้ ือหุ้นคนนั น ้ ไมม ิ ธิออกเสียงเป็ นคะแนน
่ ี สท
มาตรา ๑๑๘๕ ผูถ ่
้ ือหุ้นคนใดมีสว่ นได้เสียเป็ นพิเศษในข้ออั นใดซึงทีประชุมจะลงมติ ทา่ น ห้ามมิใหผ ่ ้ ูถ
้ ือหุ้นคนนั น ้ ออกเสียงลงคะแนนด้วยใน
ขอ ้
้ นั น

มาตรา ๑๑๘๖ ผูท ้ รงใบหุ้นชนิ ดออกให้แกผ ่ ูถ ้ ือหาอาจออกเสียงเป็ นคะแนนได้ไม่ เวน ้ แตจ่ ะ ได้นาใบหุ้นของตนนั น ้ มาวางไวแ้ กบ ่ ริ ษัทแตก
่ อ
่ น
เวลาประชุม
มาตรา ๑๑๘๗ ผูถ ้ ือหุ้นทุกคนจะมอบฉั นทะให้ผูอ ้ ่ืนออกเสียงแทนตนก็ได้ แตก ่ ารมอบฉั นทะ เชน ่ นี้ ตอ้ งทาเป็ นหนั งสือ
้ ้
มาตรา ๑๑๘๘ หนั งสือตั งผูร้ ั บฉั นทะนั น ให้ลงวั นและลงลายมือชือผูถ ่ ้ ือหุ้นและให้มีรายการ ดังตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) จานวนหุน ้ ซึ่งผูม้ อบฉั นทะนั น ้ ถืออยู ่
(๒) ชื่อผูร้ ั บฉั นทะ
(๓) ตั งผู ้ ร้ ั บฉั นทะนั น ้ เพื่อการประชุมครั ง้ คราวใด หรื อตั งไว ้ ช้ ั ่วระยะเวลาเพียงใด
มาตรา ๑๑๘๙ อั นหนั งสือตั งผู ้ ร้ ั บฉั นทะนั น
้ ถา้ ผูม ้ ีช่ือรั บฉั นทะประสงคจ์ ะออกเสียงในการ ประชุมครั ง้ ใด ตอ ้ งนาไปวางตอ่ ผูเ้ ป็ นประธานแต่
เมื่อเริ่ ม หรื อกอ ่ นเริ่ มประชุมครั ง้ นั น้
มาตรา ๑๑๙๐ ในการประชุมใหญใ่ ด ๆ ขอ ้ มติอันเสนอให้ลงคะแนนทา่ นให้ตัดสน ิ ด้วยวิธีชู มือ เวน ้ แตเ่ มื่อกอ่ นหรื อในเวลาที่แสดงผลแหง่

การชูมือนั น จะได้มีผูถ ้ ือหุ้นสองคนเป็ นอยา่ งน้อยติดใจร้องขอให้ ลงคะแนนลั บ
มาตรา ๑๑๙๑ ในการประชุมใหญใ่ ด ๆ เมื่อผูเ้ ป็ นประธานแสดงวา่ มติอันใดนั บคะแนนชูมือ เป็ นอั นวา่ ไดห ้ รื อตกก็ดี และไดจ้ ดลงไวใ้ นสมุด
รายงานประชุมของบริ ษัทดังนั น ้ แลว้ ทา่ นให้ถือเป็ นหลั กฐาน เพียงพอที่จะฟังได้ตามนั น ้
ถา้ มีผูต
้ ิดใจร้องขอให้ลงคะแนนลั บไซร้ ทา่ นให้ถือวา่ ผลแหง่ คะแนนลั บนั น้ เป็ นมติของที่
ประชุม
มาตรา ๑๑๙๒ ถา้ มีผูต ้ ิดใจร้องขอโดยชอบใหล ้ งคะแนนลับ การลงคะแนนเชน ่ นั น ่ ูเ้ ป็ นประธานจะสั ่ง
้ จะทาดว้ ย วิธีใดสุดแลว้ แตผ
มาตรา ๑๑๙๓ ถา้ คะแนนเสียงเทา่ กัน จะเป็ นในการชูมือก็ดี หรื อในการลงคะแนนลั บก็ดี ให้ ผูเ้ ป็ นประธานในที่ประชุมมีคะแนนอีกเสียง
หนึ่ งเป็ นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๑๙๔[๖๑] การใดที่กฎหมายกาหนดให้ตอ ้ งทาโดยมติพิเศษ ที่ประชุมใหญต ้ งลงมติ ในเรื่ องนั น


่ อ ้ โดยคะแนนเสียงขา้ งมากไมต ่ า่ กวา่
สามในสี่ของจานวนเสียงทั งหมดของผู
้ ถ
ื้ อหุน ้ ่
ที มาประชุ มและมี สิ
ท ธิ ออกเสี ย งลงคะแนน
มาตรา ๑๑๙๕ การประชุมใหญน ้ ถา้ ไดน
่ ัน ้ ั ดเรี ยกหรื อไดป ้ ระชุมกัน หรื อไดล ้ งมติฝ่าฝื น บทบั ญญั ติในลั กษณะนี้ ก็ดี หรื อฝ่าฝื นขอ ้ บั งคั บของ
บริ ษัทก็ดี เมื่อกรรมการหรื อผูถ ้ ือหุ้นคนหนึ่ งคนใดร้องขึ้น แลว้ ให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญอ่ ั นผิดระเบียบนั น ้ เสีย แตต ่ อ ้ งร้องขอ
ภายในกาหนดเดือนหนึ่ งนั บแต่ วั นลงมตินัน ้
๔. บั ญชีงบดุล
มาตรา ๑๑๙๖ อั นบั ญชีงบดุลนั น ้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งทาอยา่ งน้อยครั ง้ หนึ่ งทุกรอบสิบสองเดือน คือ เมื่อเวลาสุดรอบสิบสองเดือนอั นจั ดวา่ เป็ นขวบปี
ในทางบั ญชีเงินของบริ ษัทนั น ้
อนึ่ ง งบดุลตอ ้ งมีรายการยอ่ แสดงจานวนสินทรั พยแ์ ละหนี้ สินของบริ ษัทกับทั งบั ้ ญชีกาไรและ
ขาดทุน
มาตรา ๑๑๙๗ งบดุลนั น ้ ตอ ้ งจั ดให้มีผูส ้ อบบั ญชีคนหนึ่ งหรื อหลายคนตรวจสอบแลว้ นาเสนอ เพื่ออนุ มัติในที่ประชุมใหญภ ่ ายในสี่เดือนนั บแต่
วั นที่ลงในงบดุลนั น ้
อนึ่ ง ให้สง่ สาเนางบดุลไปยั งบุคคลทุกคนบรรดามีช่ือในทะเบียนผูถ ้ ือหุ้นของบริ ษัทแตก ่ ่อนวั น นั ดประชุมใหญล่ ว่ งหน้าไมน ่ ้ อยกวา่ สามวั น
นอกจากนั น ้ ให้มีสาเนางบดุลเปิดเผยไวใ้ นสานั กงานของบริ ษัทในระหวา่ งเวลาเชน ่ วา่ นั น้ เพื่อให้ผูท ้ รงใบหุ้นชนิ ดออกให้แกผ ่ ูถ
้ ือนั น ้ ตรวจดูได้
ดว้ ย
มาตรา ๑๑๙๘ ในเมื่อเสนองบดุล กรรมการตอ ้ งเสนอรายงานตอ่ ที่ประชุมใหญ่ แสดงวา่ ภายในรอบปี ซึ่งพิจารณากันอยูน ้ การงานของ
่ ัน
บริ ษัทได้จัดทาไปเป็ นประการใด
มาตรา ๑๑๙๙ บุคคลใดประสงคจ์ ะได้สาเนางบดุลฉบั บหลั งที่สุดจากบริ ษัทใด ๆ ก็ชอบที่ จะซือ ้ เอาได้โดยราคาไมเ่ กินฉบั บละยีส่ บ ิ บาท[๖๒]
ใหเ้ ป็ นหน้าที่ของกรรมการที่จะสง่ สาเนางบดุลทุกฉบับไปยั งนายทะเบียนไมช่ า้ กวา่ เดือนหนึ่ ง นั บแตว่ ั นซึ่งงบดุลนั น ้ ได้รับอนุ มัติในที่ประชุมใหญ่
๕. เงินปันผลและเงินสารอง

มาตรา ๑๒๐๐ การแจกเงินปันผลนั น ้ ตอ ้ งคิดตามสว่ นจานวนซึ่งผูถ ้ ือหุน ้ ไดส


้ ง่ เงินแลว้ ในหุน ้ หนึ ่ ง ๆ เวน ้ แตจ่ ะไดต้ กลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ ง
อื่นในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ
มาตรา ๑๒๐๑ ห้ามมิให้ประกาศอนุ ญาตเงินปันผล นอกจากโดยมติของที่ประชุมใหญ่
กรรมการอาจจา่ ยเงินปันผลระหวา่ งกาลให้แกผ ้ ือหุ้นได้เป็ นครั ง้ เป็ นคราว ในเมื่อปรากฏแก่ กรรมการวา่ บริ ษัทมีกาไรสมควรพอที่จะทาเชน
่ ูถ ่

นั น
หา้ มมิใหจ้ า่ ยเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกาไร ถา้ หากบริ ษัทขาดทุน หา้ มมิให้ จา่ ยเงินปันผลจนกวา่ จะไดแ ้ กไ้ ขใหห้ ายขาดทุน
เชน ้
่ นั น
การจา่ ยเงินปันผลนั น ้ ให้กระทาภายในหนึ่ งเดือนนั บแตว่ ั นที่ท่ีประชุมใหญห ่ รื อกรรมการลงมติ แลว้ แตก ่ รณี [๖๓]
มาตรา ๑๒๐๒ ทุกคราวที่แจกเงินปันผล บริ ษัทตอ ้ งจั ดสรรเงินไวเ้ ป็ นทุนสารองอยา่ งน้อย หนึ่ งในยี่สบ ิ สว่ นของจานวนผลกาไรซึ่งบริ ษัททามา
หาได้จากกิจการของบริ ษัท จนกวา่ ทุนสารองนั น ่
้ จะมีจานวน ถึงหนึ งในสิบของจานวนทุนของบริ ษัทหรื อมากกวา่ นั น ้ แลว้ แตจ่ ะได้ตกลงกา
หนดไวใ้ นขอ ้ บั งคั บของบริ ษัท
ถา้ ไดอ ้ โดยคิดเอาราคาเกินกวา่ ที่ปรากฏในใบหุน
้ อกหุน ้ เทา่ ใด จานวนที่คิดเกินนี้ ทา่ นใหบ ้ วก ทบเขา้ ในทุนสารองจนกวา่ ทุนสารองจะมีจานวน
เทา่ ถึงที่กาหนดไวใ้ นวรรคกอ ่ น
มาตรา ๑๒๐๓ ถา้ จา่ ยเงินปันผลไปโดยฝ่าฝื นความในมาตราทั งสองซึ ้ ่งกลา่ วมาไซร้ เจา้ หนี้ ทั งหลายของบริ
้ ษัทชอบที่จะเรี ยกเอาเงินจานวนซึ่ง
ได้แจกไปคืนมายั งบริ ษัทได้ แตว่ า่ ถา้ ผูถ ้ ือหุ้นคนใดได้รับเงิน ปันผลไปแลว้ โดยสุจริ ต ทา่ นวา่ จะกลั บบั งคับให้เขาจาคืนนั น ้ หาได้ไม่
มาตรา ๑๒๐๔[๖๔] การบอกกลา่ ววา่ จะปันผลอยา่ งใด ๆ อั นได้อนุ ญาตให้จา่ ยนั ้ น ให้ บริ ษัทมีจดหมายบอกกลา่ วไปยั งตัวผูถ ้ ือหุ้นที่

ปรากฏชืออยูใ่ นทะเบียนผูถ ่ ่
้ ือหุ้นทุกคน แตใ่ นกรณี ทีบริ ษัทมีหุ้น ชนิ ดทีมีใบหุ้นออกให้แกผ ่ ูถ
้ ือ ใหโ้ ฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่อยา่ ง
น้อยหนึ่ งคราวดว้ ย
ไม่
มาตรา ๑๒๐๕ เงินปันผลนั น ้ แมจ้ ะคา้ งจา่ ยอยู ่ ทา่ นวา่ หาอาจจะคิดเอาดอกเบี้ยแกบ ่ ริ ษัทได้ ๖. สมุดและบั ญชี

มาตรา ๑๒๐๖ กรรมการตอ ้ งจั ดให้ถือบั ญชีซ่ึงกลา่ วตอ่ ไปนี้ ไวใ้ ห้ถูกถว้ นจริ ง ๆ คือ

(๑) จานวนเงินทีบริ ษัทได้รับและได้จา่ ย ทั งรายการอั ้ นเป็ นเหตุให้รับหรื อจา่ ยเงินทุกรายไป (๒) สินทรั พยแ์ ละหนี้ สินของบริ ษัท
มาตรา ๑๒๐๗ กรรมการตอ ้ งจั ดให จ
้ ดบั นทึ กรายงานการประชุ ม และขอ ้
้ มติทังหมดของที ่ ประชุมผูถ ้ และของที่ประชุมกรรมการลงไวใ้ น
้ ือหุน
สมุดโดยถูกตอ ้ ง สมุ ด ้
นี ให เ
้ ก็
บ รั กษาไว ้ ณ สานั กงานที ่ ไดจ
้ ด ทะเบี ย นของบริ ษั ท บั นทึ ก เช น
่ นั ้
น อย า
่ งหนึ่ งอยา่ งใด เมื่อไดล ้ งลายมือชื่อของผู ้
เป็ นประธานแหง่ การประชุมซึ่ง ได้ลงมติ หรื อซึ่งได้ดาเนิ นการงานประชุมก็ดี หรื อได้ลงลายมือชื่อของผูเ้ ป็ นประธานแหง่ การประชุมถัดจากครั ง้
้ มาก็ดี ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก
นั น ้ อ
่ นวา่ เป็ นหลั กฐานอั นถูกตอ ้ ความที่ได้จดบั นทึกลงในสมุดนั น
้ งแหง่ ขอ ้ ๆ และ ใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก้ อ
่ นวา่ การ
ลงมติและการดาเนิ นของที่ประชุมอั นได้จดบันทึกไวน ้ ได้เป็ นไปโดยชอบ
้ ัน
งานก็ได้
ผูถ้ ือหุ้นคนใดจะขอตรวจเอกสารดังกลา่ วมาขา้ งตน ้ ในเวลาใดเวลาหนึ่ งระหวา่ งเวลาทาการ
สว่ นที่ ๔ การสอบบั ญชี
มาตรา ๑๒๐๘ ผูส ้ อบบั ญชีนัน ้ จะเป็ นผูถ ้ ือหุ้นของบริ ษัทก็ได้ แตบ ้ ีสว่ นได้เสียในการ งานทบี่ ริ ษัททาโดยสถานอื่นอยา่ งหนึ่ งอยา่ ง
่ ุคคลผูม
ใดนอกจากเป็ นแตผ ่ ูถ ้
้ ือหุ้นในบริ ษัทเทา่ นั นแลว้ ทา่ นวา่ จะเลือกเอา มาเป็ นตาแหน่งผูส ้ อบบั ญชีหาได้ไม่ กรรมการก็ดี หรื อผูอ ้ ่ืนซึ่งเป็ น
ตัวแทนหรื อเป็ นลูกจา้ งของบริ ษัทก็ดี เวลาอยู ่ ในตาแหน่งนั น ้ ๆ ก็จะเลือกเอามาเป็ นตาแหน่งผูส ้ อบบั ญ ชี ของบริ ษ ั ทหาได ไม
้ ่
มาตรา ๑๒๐๙ ผูส ้ อบบั ญชีนัน ้ ใหท ้ ่ีประชุมสามั ญเลือกตั งทุ้ กปี
้ อบบั ญชีคนซึ่งออกไปนั น
ผูส ้ จะเลือกกลั บเขา้ รั บตาแหน่งอีกก็ได้
มาตรา ๑๒๑๐ ผูส ้ อบบั ญชีควรจะได้สน ิ จา้ งเทา่ ใด ให้ท่ีประชุมใหญก ่ าหนด
มาตรา ๑๒๑๑ ถา้ มีตาแหน่งวา่ งลงในจานวนผูส ้ อบบั ญชี ให้กรรมการนั ดเรี ยกประชุม วิสามั ญ เพื่อใหเ้ ลือกตั งขึ ้ ้ นใหมใ่ ห้ครบจานวน
มาตรา ๑๒๑๒ ถา้ มิได้เลือกตั งผู ้ ส้ อบบั ญชีโดยวิธีดังกลา่ วมา เมื่อผูถ ้ ือหุ้นไมน ่ ้ อยกวา่ ห้าคน ร้องขอ ก็ให้ศาลตั งผู ้ ส้ อบบั ญชีประจาปี นั น ้ และ
กาหนดสินจา้ งใหด ้ ้ ว ย

มาตรา ๑๒๑๓ ให้ผูส ้ อบบั ญชีทุกคนเขา้ ตรวจสอบสรรพสมุดและบั ญชีของบริ ษัทในเวลาอั น สมควรได้ทุกเมื่อ และในการอั นเกี่ยวด้วยสมุด
และบั ญชีเชน ่ นั น ้ ให้ไตถ ่ ามสอบสวนกรรมการ หรื อผูอ ้ ่ืน ๆ ซึ่ง เป็ นตัวแทน หรื อเป็ นลูกจา้ งของบริ ษัทได้ไมว่ า่ คนหนึ่ งคนใด
มาตรา ๑๒๑๔ ผูส ้ อบบั ญชีต้องทารายงานวา่ ด้วยงบดุลและบั ญชีย่ืนตอ ่ ที่ประชุมสามั ญ
ผูส ้ อบบั ญชีต้องแถลงในรายงานเชน ่ นั ้ นด้วยวา่ ตนเห็นวา่ งบดุลได้ทาโดยถูกถว้ นควรฟังวา่ สาแดงใหเ้ ห็นการงานของบริ ษัทที่เป็ นอยูต ่ ามจริ ง
และถูกตอ ้ งหรื อไม่
สว่ นที่ ๕ การตรวจ
มาตรา ๑๒๑๕ เมื่อผูถ ้ ือหุ้นในบริ ษัทมีจานวนรวมกันไมน ่ ้ อยกวา่ หนึ่ งในห้าของจานวนหุ้น ทั งหมด ้ ทาเรื่ องราวร้องขอไซร้ ให้รัฐมนตรี *เจา้
หน้าที่ตังผู ้ ต้ รวจอั นทรงความสามารถ จะเป็ นคนเดียวหรื อ หลายคนก็ตาม ไปตรวจการงานของบริ ษัทจากัดนั น ้ และทารายงานยื่นให้ทราบ
กอ ่ นที่จะตั งผู ้ ต ้ รวจเชน ่ นั น ้ รั ฐมนตรี *จะบั งคั บให้คนทั งหลายผู ้ ย้ ่ืนเรื่ องราววางประกัน เพื่อรั บ ออกเงินคา่ ใชส ้ อยในการตรวจนั น ้ ก็ได้
มาตรา ๑๒๑๖ กรรมการก็ดี ลูกจา้ งและตัวแทนของบริ ษัทก็ดี จาตอ ้ งสง่ สรรพสมุดและ เอกสารทั งปวงซึ ้ ่งตนเก็บรั กษาหรื ออยูใ่ นอานาจแหง่
ตนนั น ้ ให้แกผ ่ ูต้ รวจ
ผูต ้ รวจคนหนึ ่ งคนใดจะใหก ้ รรมการ ลูกจา้ ง และตัวแทนของบริ ษัทสาบานตัวแลว้ สอบถาม คาใหก ้ ารในเรื่ องอั นเนื่ องดว้ ยการงานของบริ ษัท
นั น ้ ก็ได้
มาตรา ๑๒๑๗ ผูต ้ รวจตอ ้ งทารายงานยื่น และรายงานนั น ้ จะเขียนหรื อตีพิมพส์ ุดแต่ รั ฐมนตรี *เจา้ หน้าที่จะบั ญชา สาเนารายงานนั น ้ ให้
รั ฐมนตรี *สง่ ไปยั งสานั กงานบริ ษัทซึ่งได้จดทะเบียนไว้ กั บทั ง้ สง่ แกผ ้ ือหุ้นซึ่งยื่นเรื่ องราวขอให้ตรวจนั น
่ ูถ ้ ด้วย
มาตรา ๑๒๑๘ คา่ ใชส ้ อยในการตรวจเชน ่ นี้ ผูย้ ่ืนเรื่ องราวขอให้ตรวจตอ ้ งใชท ้ น
้ ั งสิ้ เวน ้ แตถ
่ า้ บริ ษัทในคราวประชุมใหญค ่ รั ง้ แรกเมื่อตรวจสา
เร็จลงแลว้ ได้ยินยอมวา่ จะจา่ ยจากสินทรั พยข์ องบริ ษัทนั น ้
มาตรา ๑๒๑๙ รั ฐมนตรี *เจา้ หน้าที่โดยลาพังตนเอง จะตังผู ้ ต้ รวจคนเดียวหรื อหลายคนใหไ้ ป ตรวจการของบริ ษัทเพื่อทารายงานยื่นตอ่
รั ฐบาลก็ได้ การตั งผู ้ ต้ รวจเช น
่ ว า
่ มานี้ จะพึ ง มี เ ่
มื อใดสุ ด แล ว
้ แต ่ รั ฐมนตรี *จะเห็นสมควร

สว่ นที่ ๖ การเพิ่มทุนและลดทุน


มาตรา ๑๒๒๐ บริ ษัทจากัดอาจเพิ่มทุนของบริ ษัทขึ้นได้ด้วยออกหุ้นใหมโ่ ดยมติพิเศษของ ประชุมผูถ ้ ือหุ้น
มาตรา ๑๒๒๑ บริ ษัทจากัดจะออกหุ้นใหมใ่ ห้เหมือนหนึ่ งวา่ ได้ใชเ้ ต็มคา่ แลว้ หรื อได้ใชแ ้ ต่ บางสว่ นแลว้ ด้วยอยา่ งอื่นนอกจากให้ใชเ้ ป็ นตัว
เงินนั น ้ ไมไ่ ด้ เวน ้ แตจ่ ะทาตามมติพิเศษของประชุมผูถ ้ ือหุ้น
มาตรา ๑๒๒๒[๖๕] บรรดาหุน ้ ่
ที อ อกใหม น
่ ั ้
น ต อ
้ งเสนอให แ
้ กผ่ ูถ
้ ือหุน ้
้ ทั งหลายตามส ว่ นจานวน หุน ้ ซึ่งเขาถืออยู ่
คาเสนอเชน ่ นี้ ตอ ้ งทาเป็ นหนั งสือบอกกลา่ วไปยั งผูถ ้ ือหุ้นทุก ๆ คน ระบุจานวนหุ้นให้ทราบ วา่ ผูน ้ ัน้ ชอบที่จะซื้อได้ก่ีหุ้น และให้กาหนดวั น
วา่ ถา้ พน ้ วั นนั น้ ไปมิได้มีคาสนองมาแลว้ จะถือวา่ เป็ นอั นไมร่ ั บซื้อ
เมื่อวั นที่กาหนดลว่ งไปแลว้ ก็ดี หรื อผูถ ้ ือหุ้นได้บอกมาวา่ ไมร่ ั บซื้อหุ้นนั น ้ ก็ดี กรรมการจะเอา หุ้นเชน ้ ขายให้แกผ
่ นั น ้ ือหุ้นคนอื่นหรื อจะรั บซื้อ
่ ูถ
ไวเ้ องก็ได้
มาตรา ๑๒๒๓[๖๖] หนั งสือบอกกลา่ วที่เสนอใหผ ้ ูถ ้ ซื้อหุน
้ ือหุน ้ ใหมน ่ ัน ้ ตอ ้ งลงวั นเดือนปี และ ลายมือชื่อของกรรมการ
มาตรา ๑๒๒๔ บริ ษัทจากัดจะลดทุนของบริ ษัทลงดว้ ยลดมูลคา่ แตล่ ะหุน ้ ๆ ใหต ้ า่ ลง หรื อลด จานวนหุน ้ ใหน้ ้ อยลงโดยมติพิเศษของประชุมผู ้
ถือหุ้นก็ได้
หาได้ไม่
มาตรา ๑๒๒๕ อั นทุนของบริ ษัทนั น ้ จะลดลงไปให้ถึงตา่ กวา่ จานวนหนึ่ งในสี่ของทุนทั งหมด ้

มาตรา ๑๒๒๖[๖๗] เมือบริ ษัทประสงคจ์ ะลดทุน ตอ ้ งโฆษณาความประสงคน ์ ัน้ ในหนั งสือพิมพ์ แหง่ ทอ ้ งที่อยา่ งน้อยหนึ่ งคราว และตอ ้ งมี
หนั งสือบอกกลา่ วไปยั งบรรดาผูซ ่้ ึงบริ ษัทรู้ วา่ เป็ นเจา้ หนี้ ของบริ ษัท บอกใหท ้ ราบรายการซึ ่ ง ประสงค จ
์ ะลดทุ นลงและขอใหเ้ จา้ หนี้ ผูม ้ ีขอ
้ คั ดคา้ น
อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดในการลดทุนนั น ้ สง่ คาคั ดคา้ นไปภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่บอกกลา่ วนั น ้
ถา้ ไมม ่ ีผูใ้ ดคั ดคา้ นภายในกาหนดเวลาสามสิบวั น ก็ให้พึงถือวา่ ไมม ่ ีการคั ดคา้ น

ถา้ หากมีเจา้ หนี้ คั ดคา้ น บริ ษัทจะจั ดการลดทุนลงไมไ่ ด้ จนกวา่ จะได้ใชห ้ นี้ หรื อให้ประกันเพื่อ หนี้ รายนั น ้ แลว้
มาตรา ๑๒๒๗ ถา้ มีเจา้ หนี คนหนึ งคนใดละเลยเสียมิได้คัดคา้ นในการที่บริ ษัทจะลดทุนลง เพราะเหตุวา่ ตนไมท
้ ่ ่ ราบความ และเหตุท่ีไมท ่ ราบ
นั น้ มิไดเ้ ป็ นเพราะความผิดของเจา้ หนี้ คนนั น
้ แตอ ย
่ ่า งใดไซร ท า
้ ่ ่ ้นว าผู ถื อ หุ น
้ ทั ้
งหลายบรรดาที ่ ไดร
้ั บเงิ นคื น ไปตามส ว่ นที่ลดหุน
้ ลงนั ้ น ยั งคงจะ
ตอ ้ งรั บผิดตอ่ เจา้ หนี้ เชน ้ เพียงจานวนที่ไดร้ ั บทุนคืนไปชั ่วเวลาสองปี นั บแตว่ ั นที่ไดจ้ ดทะเบียนการลดทุนนั น
่ นั น ้
มาตรา ๑๒๒๘ มติพิเศษซึ่งอนุ ญาตให้เพิ่มทุนหรื อลดทุนนั น ้ บริ ษัทตอ ้ งจดทะเบียนภายใน สิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่ได้ลงมตินัน ้
สว่ นที่ ๗ หุ้นกู้
มาตรา ๑๒๒๙[๖๘] บริ ษัทจะออกหุ้นกู้ไมไ่ ด้ มาตรา ๑๒๓๐[๖๙] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๒๓๑[๗๐] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๒๓๒[๗๑] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๒๓๓[๗๒] (ยกเลิก) มาตรา ๑๒๓๔[๗๓] (ยกเลิก) มาตรา ๑๒๓๕[๗๔] (ยกเลิก)
สว่ นที่ ๘ เลิกบริ ษัทจากัด

มาตรา ๑๒๓๖ อั นบริ ษัทจากัดยอ่ มเลิกกันดว้ ยเหตุดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ


(๑) ถา้ ในขอ ้ บั งคั บของบริ ษัทมีกาหนดกรณี อันใดเป็ นเหตุท่ีจะเลิกกัน เมื่อมีกรณี นัน ้
(๒) ถา้ บริ ษัทได้ตังขึ ้ ้นไวเ้ ฉพาะกาหนดกาลใด เมื่อสิน ้ กาหนดกาลนั น ้
(๓) ถา้ บริ ษัทได้ตังขึ ้ ้ นเฉพาะเพื่อทากิจการอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดแตอ่ ยา่ งเดียว เมื่อเสร็จการนั น ้ (๔) เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
(๕) เมื่อบริ ษัทลม ้ ละลาย
มาตรา ๑๒๓๗ นอกจากนี้ ศาลอาจสั ่งให้เลิกบริ ษัทจากัดด้วยเหตุตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) ถา้ ทาผิดในการยื่นรายงานประชุมตั งบริ ้ ษัท หรื อทาผิดในการประชุมตั งบริ ้ ษัท
(๒) ถา้ บริ ษัทไมเ่ ริ่ มทาการภายในปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นจดทะเบียน หรื อหยุดทาการถึงปี หนึ่ งเต็ม (๓) ถา้ การคา้ ของบริ ษัททาไปก็มีแตข่ าดทุน
อยา่ งเดียว และไมม ่ ีทางหวั งวา่ จะกลั บฟื้ นตัวได้ (๔)[๗๕] ถา้ จานวนผูถ ้ ือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไมถ ่ ึงสามคน
(๕)[๗๖] เมื่อมีเหตุอ่ืนใดทาให้บริ ษัทนั น ้ เหลือวิสัยที่จะดารงคงอยูต ่ อ่ ไปได้
แตอ่ ยา่ งไรก็ดี ในกรณี ทาผิดในการยื่นรายงานประชุมตั งบริ ้ ษัท หรื อทาผิดในการประชุมตั ง้
บริ ษัท ศาลจะสั ง่ ใหย้ ่ืนรายงานประชุมตั งบริ ้ ษัท หรื อให้มีการประชุมตั งบริ ้ ษัทแทนสั ่งให้เลิกบริ ษัทก็ได้ แลว้ แต่ จะเห็นควร

สว่ นที ๙
การคว บบริ ษัทจ า กัดเ ขา้ กัน
มาตรา ๑๒๓๘ อั นบริ ษัทจากัดนั น ้ จะควบเขา้ กันมิได้ เวน ้ แตจ่ ะเป็ นไปโดยมติพิเศษ
มาตรา ๑๒๓๙ มติพิเศษซึ่งวินิจฉั ยให้ควบบริ ษัทจากัดเขา้ กันนั น ้ บริ ษัทตอ ้ งนาไปจด ทะเบียนภายในสิบสี่วันนั บตั งแต ้ ว่ ั นลงมติ
มาตรา ๑๒๔๐ บริ ษัทตอ ้ งโฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่อยา่ งน้อยหนึ่ งคราว และสง่ คา บอกกลา่ วไปยั งบรรดาผูซ ้ ่ึงบริ ษัทรู้ วา่ เป็ นเจา้ หนี้
ของบริ ษัท บอกให้ทราบรายการที่ประสงคจ์ ะควบบริ ษัทเขา้ กัน และขอให้เจา้ หนี้ ผูม ้ ีขอ ้ คั ดคา้ นอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดในการควบบริ ษัทเขา้ กันนั น ้

สง่ คาคั ดคา้ นไปภายในหกสิบ วั นนั บแตว่ ั นทีบอกกลา่ ว[๗๗]
ถา้ ไมม
่ ีใครคั ดคา้ นภายในกาหนดเวลาเชน ้ ก็ใหพ
่ วา่ นั น ้ ึงถือวา่ ไมม ่ ีคัดคา้ น
ถา้ หากมีเจา้ หนี้ คั ดคา้ น บริ ษัทจะจั ดการควบเขา้ กันมิได้ จนกวา่ จะไดใ้ ชห ้ นี้ หรื อไดใ้ หป ้ ระกั น เพื่อหนี้ รายนั น้

มาตรา ๑๒๔๑ บริ ษัทได้ควบเขา้ กันแลว้ เมื่อใด ตา่ งบริ ษัทตอ ้ งนาความไปจดทะเบียนภายใน สิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่ควบเขา้ กัน และบริ ษัทจา
้ ้
กัดอั นได้ตังขึนใหมด่ ้วยควบเขา้ กันนั น ก็ตอ้ ้ งจดทะเบียนเป็ นบริ ษัท ใหม่
มาตรา ๑๒๔๒ จานวนทุนเรื อนหุ้นของบริ ษัทใหมน ้ ตอ
่ ัน ้ งเทา่ กับยอดรวมจานวนทุนเรื อน หุ้นของบริ ษัทเดิมอันมาควบเขา้ กัน
มาตรา ๑๒๔๓ บริ ษัทใหมน ้่ ี ยอ่ มไดไ้ ปทั งสิ
้ ทธิและความรั บผิดบรรดามีอยูแ่ กบ ่ ริ ษัทเดิมอั น ไดม้ าควบเขา้ กันนั น ้
้ ทั งสิ
้ น
สว่ นที่ ๑๐ หนั งสือบอกกลา่ ว
มาตรา ๑๒๔๔ อั นหนั งสือบอกกลา่ วซึ่งบริ ษัทจะพึงสง่ ถึงผูถ ้ ถา้ วา่ ได้สง่ มอบให้แลว้ ถึงตัวกด็ ี หรื อสง่ ไปโดยทางไปรษณี ยส์ ลั กหลั ง
้ ือหุ้นนั น
ถึงสานั กอาศั ยของผูถ้ ือหุ้นดังที่ปรากฏในทะเบียนของบริ ษัทแลว้ ก็ดี ทา่ นให้ถือวา่ เป็ นอั นได้สง่ ชอบแลว้
มาตรา ๑๒๔๕ หนั งสือบอกกลา่ วใด ๆ เมื่อได้สง่ โดยทางไปรษณี ยส์ ลั กหลั งถูกตอ ้ งแลว้ ทา่ น ให้ถือวา่ เป็ นอั นได้สง่ ถึงมือผูร้ ั บในเวลาที่
หนั งสือเชน ้
่ นั นจะควรไปถึงได้ตามทางการปกติแหง่ ไปรษณี ย ์
สว่ นที่ ๑๑ การถอนทะเบียนบริ ษัทร้าง[๗๘]
มาตรา ๑๒๔๖ (ยกเลิก)
สว่ นที่ ๑๒ การแปรสภาพห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนและห้างหุ้นสว่ นจากัด เป็ นบริ ษัทจากัด[๗๙]

มาตรา ๑๒๔๖/๑[๘๐] หา้ งหุ้นสว่ นจดทะเบียนหรื อห้างหุ้นสว่ นจากัดที่มีผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นตั งแต ้ ่ สามคนขึ้นไปอาจแปรสภาพเป็ นบริ ษัทจากัดได้
โดยความยินยอมของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุกคนและ ดาเนิ นการ ดังตอ่ ไปนี ้
(๑) แจง้ ความยินยอมของผูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นที่จะใหแ ้ ปรสภาพหา้ งหุน ้ สว่ นเป็ นบริ ษัทจากัดเป็ น หนั งสือตอ่ นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่
ผูเ้ ป็ นหุน
้ ่ส ว นทุ ก คนให ค
้ วามยิ น ยอม
(๒) ประกาศโฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่อยา่ งน้อยหนึ่ งคราว และมีหนั งสือบอกกลา่ วไป ยั งบรรดาผูซ ้ ่ึงรู้ วา่ เป็ นเจา้ หนี้ ของห้างหุ้นสว่ น
บอกให้ทราบรายการที่ประสงคจ์ ะแปรสภาพห้างหุ้นสว่ นเป็ น บริ ษัท และขอให้เจา้ หนี้ ผูม ้ ีขอ้ คั ดคา้ นอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดในการแปรสภาพเป็ น
บริ ษัทจากัดนั น ้ สง่ คาคั ดคา้ นไป
ภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่บอกกลา่ วนั น ้
ถา้ มีการคั ดคา้ น หา้ งหุน ้ ่ส ว นนั ้
น จะแปรสภาพมิ ไดจ้ นกวา่ จะไดช้ าระหนี้ หรื อใหป ้ ระกั นเพื่อหนี้
นั น้ แลว้
มาตรา ๑๒๔๖/๒[๘๑] ในกรณี ไมม ่ ีการคั ดคา้ นหรื อมีการคั ดคา้ นแตห ่ ้างหุ้นสว่ นได้ชาระหนี้ หรื อให้ประกันเพื่อหนี้ นั น ้ แลว้ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น
ทุกคนตอ ้ งประชุมเพื่อให้ความยินยอมและดาเนิ นการในเรื่ อง ดังตอ่ ไปนี้
(๑) จั ดทาหนั งสือบริ คณหส ์ นธิและขอ ้ บั งคั บของบริ ษัท (ถา้ มี)
(๒) กาหนดจานวนทุนเรื อนหุ้นของบริ ษัท ซึ่งตอ ้ งเทา่ กับสว่ นลงหุ้นของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทุกคนใน ห้างหุ้นสว่ น และกาหนดจานวนหุ้นของ
บริ ษัทที่จะตกไดแ ้ กห่ ุน
้ สว่ นแตล่ ะคน
(๓) กาหนดจานวนเงินที่ไดใ้ ชแ ้ ลว้ ในแตล่ ะหุน ้ ซึ่งตอ ้ งไมน ่ ้ อยกวา่ ร้อยละยี่สบ ิ หา้ แหง่ มูลคา่ ของหุน ้ แตล่ ะหุน ้ ที่ตังไว ้ ้
(๔) กาหนดจานวนหุ้นสามั ญหรื อหุ้นบุริมสิทธิ รวมทั งกาหนดสภาพและบุ ้ ริมสิทธิของหุ้นซึ่ง จะออกและจั ดสรรหุ้นให้แกผ ่ ูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น

(๕) แตง่ ตั งกรรมการและกาหนดอานาจของกรรมการ
(๖) แตง่ ตั งผู ้ ส้ อบบั ญชี
(๗) ดาเนิ นการในเรื่ องอื่น ๆ ที่จาเป็ นในการแปรสภาพ
ในการดาเนิ นการตามวรรคหนึ่ ง ให้นาบทบั ญญั ติเกี่ยวกับบริ ษัทจากัดวา่ ด้วยการนั น ้ ๆ มาใช้
บั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๒๔๖/๓[๘๒] หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการเดิมตอ ้ งสง่ มอบกิจการ ทรั พยส์ น ิ บั ญชีเอกสารและ หลั กฐานตา่ ง ๆ ของห้างหุ้นสว่ นให้แกค ่ ณะ
กรรมการบริ ษัท ภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นได้ให้ความ ยินยอมและดาเนิ นการในเรื่ องตา่ ง ๆ ตามมาตรา ๑๒๔๖/๒ เสร็จสิน ้
แลว้
ในกรณี ท่ีผูเ้ ป็ นหุน
้ สว่ นยั งไมไ่ ดช้ าระเงินคา่ หุน
้ หรื อชาระเงินคา่ หุน ่ รบร้อยละยี่สบ
้ ไมค ้ หรื อยั งไมไ่ ดโ้ อนกรรมสิทธิ์ทรั พยส์ น
ิ หา้ ของ มูลคา่ หุน ิ
หรื อทาเอกสารหลั กฐานการใชส ้ ทิ ธิตา่ ง ๆ ให้แกค ่ ณะกรรมการ

ให้คณะกรรมการบริ ษัทมีหนั งสือแจง้ ให้ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นชาระเงินคา่ หุ้น โอนกรรมสิทธิ์หรื อทาเอกสารหลั กฐาน การใชส ้ ทิ ธิตา่ ง ๆ แลว้ แตก ่ รณี
ให้แกค ่ ณะกรรมการภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ได้รับหนั งสือแจง้
มาตรา ๑๒๔๖/๔[๘๓] คณะกรรมการบริ ษัทตอ ้ งขอจดทะเบียนการแปรสภาพเป็ นบริ ษัทจากัด ตอ่ นายทะเบียน ภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่
ไดด ้ าเนิ นการตามมาตรา ๑๒๔๖/ ๓ ครบถ ว
้ นแล ว้
ในการขอจดทะเบียนแปรสภาพเป็ นบริ ษัทจากัด คณะกรรมการตอ ้ งยื่นรายงานการประชุมที่ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นได้ร่วมกันพิจารณาให้ความยินยอม
และดาเนิ นการแปรสภาพห้างหุ้นสว่ นเป็ นบริ ษัทจากัดตาม มาตรา ๑๒๔๖/๒ หนั งสือบริ คณหส ้ บั งคั บ และบั ญชีรายชื่อผูถ
์ นธิ ขอ ้ ือหุ้น พร้อม
กับการขอจดทะเบียนด้วย
มาตรา ๑๒๔๖/๕[๘๔] เมื่อนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนการแปรสภาพห้างหุ้นสว่ นจด ทะเบียนหรื อห้างหุ้นสว่ นจากัดเป็ นบริ ษัทจากัด
แลว้ ให้หา้ งหุ้นสว่ นจดทะเบียน หรื อห้างหุ้นสว่ นจากัดเดิมหมด สภาพการเป็ นห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนหรื อห้างหุ้นสว่ นจากัดตามประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิ ชยแ์ ละใหน ้ าย ทะเบียนหมายเหตุไวใ้ นทะเบียน
มาตรา ๑๒๔๖/๖[๘๕] เมื่อห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียนหรื อห้างหุ้นสว่ นจากัดได้จดทะเบียนแปร สภาพเป็ นบริ ษัทจากัดแลว้ บริ ษัทยอ่ มได้ไปทั ง้
ทรั พยส์ น ิ หนี้ สิทธิ และความรั บผิดของห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียน หรื อห้างหุ้นสว่ นจากัดเดิมทั งหมด ้
มาตรา ๑๒๔๖/๗[๘๖] เมื่อจดทะเบียนแปรสภาพเป็ นบริ ษัทจากัดแลว้ หากบริ ษัทไมส ่ ามารถ ชาระหนี้ ที่รับมาจากห้างหุ้นสว่ นที่แปรสภาพ
ได้ ให้เจา้ หนี้ บั งคั บชาระหนี้ เอาจากผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นในห้างหุ้นสว่ นที่ แปรสภาพได้ตามที่ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นจะตอ ้ งรั บผิดในหนี้ ของห้างหุ้นสว่ น
หมวด ๕
การชาระบั ญชีหา้ งหุน ้ สว่ นจดทะเบียน หา้ งหุน ้ สว่ นจากัด และบริ ษัทจากัด
มาตรา ๑๒๔๗[๘๗] การชาระบั ญชีหา้ งหุน ้ สว่ นจดทะเบียน หรื อหา้ งหุน้ สว่ นจากัดหรื อบริ ษัท จากัดซึ่งลม ้ ละลายนั น้ ใหจ้ ั ดทาไปตามบท
กฎหมายลั กษณะลม ้ ละลายทีค ่ งใชอ้ ยูต
่ ามแตจ่ ะทาได้
รั ฐมนตรี เจา้ หน้าที่จะออกกฎกระทรวงวา่ ด้วยการชาระบั ญชีห้างหุ้นสว่ นและบริ ษัท และ กาหนดอั ตราคา่ ฤชาธรรมเนี ยมก็ออกได้
มาตรา ๑๒๔๘ เมื่อกลา่ วถึงประชุมใหญใ่ นหมวดนี้ ทา่ นหมายความดั งตอ่ ไปนี้ คือ

(๑) ถา้ เกี่ยวกับหา้ งหุน ้ สว่ นจดทะเบียนและหา้ งหุน ้ สว่ นจากัด ก็คือการประชุมหุน ้ สว่ นทั งปวง ้ ซึ่งอาศั ยคะแนนเสียงขา้ งมากเป็ นใหญใ่ นการ
วินิจฉั ย
(๒) ถา้ เกี่ยวกับบริ ษัทจากัด ก็คือการประชุมใหญต ่ ามที่ได้บัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๑๗๑
มาตรา ๑๒๔๙ ห้างหุ้นสว่ นก็ดี บริ ษัทก็ดี แมจ้ ะได้เลิกกันแลว้ ก็ให้พึงถือวา่ ยั งคงตั งอยู ้ ต ่ ราบ เทา่ เวลาที่จาเป็ นเพื่อการชาระบั ญชี
มาตรา ๑๒๕๐ หน้าที่ของผูช้ าระบั ญชี คือชาระสะสางการงานของห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัท
้ ให้เสร็จไป กับจั ดการใชห
นั น ้ นี้ เงินและแจกจาหน่ายสินทรั พยข์ องห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้
มาตรา ๑๒๕๑ หา้ งหุน ้ ่ ส ว นก็ ด ี บริ ษั ทก็
ด ี ในเมื ่ อ เลิ กกันเพราะเหตุ อ ่ ื น นอกจากล ม
้ ละลาย หุ น
้ สว่ นผูจ้ ั ดการหา้ ง หรื อกรรมการของบริ ษัทยอ่ ม
เขา้ เป็ นผูช้ าระบั ญชี เวน ้ ไว แ ต
้ ่ ้ ข อสั ญ ญาของห า
้ งหรื อ ข อ
้ บั ง คั บ ของบริ ษ ั ทจะมี ก าหนดไว เ
้ ป็ น สถานอื ่น
ถา้ ไมม ่ ีผูช้ าระบั ญชีดังวา่ มานี้ และเมื่อพนั กงานอั ยการหรื อบุคคลอื่นผูม ้ ีสว่ นได้เสียในการนี้ ร้องขอ ทา่ นให้ศาลตั งผู ้ ช้ าระบั ญชี
มาตรา ๑๒๕๒ หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการ หรื อกรรมการบริ ษัทมีอานาจโดยตาแหน่งเดิมฉั นใด เมอื่ เป็ น ผูช้ าระบั ญชีกย็ ั งคงมีอานาจอยูฉ ่ ั นนั น้
มาตรา ๑๒๕๓ ภายในสิบสี่วันนั บแตไ่ ด้เลิกห้างเลิกบริ ษัท หรื อถา้ ศาลได้ตังผู ้ ช้ าระบั ญชีนับ แตว่ ั นที่ศาลตั ง้ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งกระทาดังจะกลา่ ว
ตอ่ ไปนี้ คือ
(๑)[๘๘] บอกกลา่ วแกป ่ ระชาชนโดยประกาศโฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่อยา่ งน้อยหนึ่ ง คราววา่ หา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทนั น้ ไดเ้ ลิกกัน
แลว้ และใหผ ู
้ ้ เ ป็ นเจ า
้ หนี ้ ทั ้
งหลายยื ่ นคาทวงหนี ้ แก ผ
่ ้ ู ช าระบั ญ ชี
(๒) สง่ คาบอกกลา่ วอยา่ งเดียวกันเป็ นจดหมายลงทะเบียนไปรษณี ยไ์ ปยั งเจา้ หนี้ ทั งหลายทุ ้ ก ๆ คน บรรดามีช่ือปรากฏในสมุด บั ญชีหรื อ
เอกสารของห้างหรื อบริ ษัทนั น ้
มาตรา ๑๒๕๔ การเลิกหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งนาบอกให้จดทะเบียนภายใน สิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่เลิกกัน และในการนี้ ตอ ้ งระบุ
่ชือผูช้ าระบั ญชีทุก ๆ คนให้จดลงทะเบียนไวด ้ ้วย
มาตรา ๑๒๕๕ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งทางบดุลขึ้นโดยเร็วที่สุดที่เป็ นวิสัยจะทาได้ สง่ ใหผ ้ ูส
้ อบ บั ญชีตรวจสอบลงสาคั ญวา่ ถูกตอ ้ ง แลว้ ตอ ้ งเรี ยก
ประชุมใหญ่
มาตรา ๑๒๕๖ ธุรการอั นที่ประชุมใหญจ่ ะพึงทานั น ้ คือ

(๑) รั บรองให้หุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการหรื อกรรมการบริ ษัทคงเป็ นผูช้ าระบั ญชีตอ่ ไป หรื อเลือกตั งผู ้ ้ ชาระบั ญชีใหมข่ ้ึนแทนที่ และ
(๒) อนุ มัติบัญชีงบดุล
อนึ่ ง ที่ประชุมใหญจ่ ะสั ่งใหผ ้ ูช้ าระบั ญชีทาบั ญชีตีราคาทรั พยส์ น ิ หรื อใหท ้ าการใด ๆ ก็ได้ สุดแตท ่ ่ีประชุมจะเห็นสมควร เพื่อชาระสะสาง
กิจการของหา้ งหุน้ ่ส ว นหรื อบริ ษ ั ทให เ
้ สร็ จ ไป
มาตรา ๑๒๕๗ ผูช้ าระบั ญชีซ่ึงมิใชเ่ ป็ นขึ้นเพราะศาลตั งนั ้ น ้ ทา่ นวา่ จะถอนเสียจากตาแหน่ง และตั งผู ้ อ้ ่ืนแทนที่กไ็ ด้ ในเมื่อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นทั ง้
หลายออกเสียงเป็ นน้าหนึ่ งใจเดียวกัน หรื อที่ประชุมใหญข่ องผู ้
้ แตศ
ถือหุ้นได้ลงมติดังนั น ่ าลยอ่ มสั ่งถอนผูช้ าระบั ญชีจากตาแหน่งและตั งผู ้ ่ืนแทนที่ได้ ไมเ่ ลือกวา่ จะเป็ นผู ้ ชาระบั ญชีซ่ึงศาลตั งหรื
้ อ ้ อมิใชศ ่ าล
้ ่
ตั ง ในเมือมีคาร้องขอของผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ นในห้างคนใดคนหนึ งหรื อของผูถ ่ ้ ือหุ้น ในบริ ษัทมีหุ้นรวมกันนั บได้ถึงหนึ่ งในยี่สบ ิ แหง่ ทุนของบริ ษัท
โดยจานวนที่สง่ ใชเ้ งินเขา้ ทุนแลว้ นั น ้
มาตรา ๑๒๕๘ เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผูช้ าระบั ญชีใหมค ่ รั ง้ ใด ผูช้ าระบั ญชีตอ้ งนาความจด ทะเบียนภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นที่ไดเ้ ปลี่ยนตัวกั นนั น ้
มาตรา ๑๒๕๙ ผูช้ าระบั ญชีทังหลายย้ อ่ มมีอานาจดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ
(๑) แก้ตา่ งวา่ ตา่ งในนามของห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทในอรรถคดีพิพาทอั นเป็ นแพง่ หรื อ อาชญาทั งปวง ้ และทาประนี ประนอมยอมความ
(๒) ดาเนิ นกิจการของหา้ งหุน ส
้ ่ ว นหรื อบริ ษ ั ทตามแต จ
่ าเป็ น เพื่ อการชาระสะสางกิ จ การให ้ เสร็ จ ไปด ว้ ยดี
(๓) ขายทรั พยส์ น ิ ของหา้ งหุน
้ สว่ นหรื อบริ ษัท
(๔) ทาการอยา่ งอื่น ๆ ตามแตจ่ าเป็ น เพื่อชาระบั ญชีให้เสร็จไปด้วยดี
มาตรา ๑๒๖๐ ขอ ้ จากัดอานาจของผูช้ าระบั ญชีอยา่ งใด ๆ จะอา้ งเป็ นสมบูรณ์ตอ่ บุคคลภายนอกหาได้ไม่
มาตรา ๑๒๖๑ ถา้ มีผูช้ าระบั ญชีหลายคน การใด ๆ ที่ผูช้ าระบั ญชีกระทายอ่ มไมเ่ ป็ นอัน สมบูรณ์นอกจากผูช้ าระบั ญชีทังหลายจะได ้ ้ทาร่วมกัน
เวน ่ ่ีประชุมใหญห
้ แตท ่ รื อศาลจะได้กาหนดอานาจไวเ้ ป็ น อยา่ งอื่นในเวลาตั งผู ้ ช้ าระบั ญชี
มาตรา ๑๒๖๒ ถา้ มีมติของที่ประชุมใหญห ่ รื อคาบั งคั บของศาลใหอ ้ านาจผูช้ าระบั ญชีใหท้ า การแยกกันได้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งนาความจดทะเบียน
ภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นลงมติหรื อออกคาบั งคั บนั น ้

มาตรา ๑๒๖๓ คา่ ธรรมเนี ยม คา่ ภาระติดพัน และคา่ ใชจ้ า่ ยซึ่งตอ ้ งเสียโดยควรในการชาระ บั ญชีนัน ้ ทา่ นวา่ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งจั ดการใชก ้ อ
่ น
หนี้ เงินรายอื่น ๆ
มาตรา ๑๒๖๔ ถา้ เจา้ หนี้ คนใดมิได้มาทวงถามให้ใชห ้ นี้ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งวางเงินเทา่ จานวน หนี้ นั น ้ ตามบทแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วย

วางทรั พยส์ นแทนชาระหนี ้
มาตรา ๑๒๖๕ ผูช้ าระบั ญชีจะเรี ยกใหผ ้ ูเ้ ป็ นหุน ้ สว่ นหรื อผูถ ้ ือหุน ้ สง่ ใชเ้ งินลงหุน ้ อั นเป็ นสว่ น ยั งคา้ งชาระอยูน ่ ัน้ ก็ได้ และเงินที่คา้ งชาระนี้ ถึง
แมจ้ ะได้ตกลงกันไวก ้ อ
่ นโดยสั ญ ญาเข า
้ หุ น
้ ส ว
่ น หรื อ โดย
ขอ ้ บั งคั บของบริ ษัทวา่ จะได้เรี ยกตอ่ ภายหลั งก็ตาม เมื่อเรี ยกเชน ่ นี้ แลว้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งสง่ ใชท ้ ั นที
มาตรา ๑๒๖๖ ถา้ ผูช้ าระบั ญชีมาพิจารณาเห็นวา่ เมื่อเงินลงทุนหรื อเงินคา่ หุ้นได้ใชเ้ สร็จ หมดแลว้ สินทรั พยก์ ย็ ั งไมพ ่ อกั บหนี้ สินไซร้ ผูช้ าระ
บั ญชีตอ ้ งร้องขอตอ ่ ศาลทั นที เพื่อให้ออกคาสั ่งวา่ ห้าง หุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ล้มละลาย
มาตรา ๑๒๖๗ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งทารายงานยื่นไว้ ณ หอทะเบียนทุกระยะสามเดือนครั ง้ หนึ่ ง วา่ ได้จัดการไปอยา่ งใดบา้ ง แสดงใหเ้ ห็นความ
เป็ นไปของบั ญชีทีช่ าระอยูน ั่ น ้ และรายงานนี้ ใหเ้ ปิดเผยแกผ ่ ูเ้ ป็ น หุน ้ สว่ นและผูถ ้ ือหุน ้ และเจา้ หนี้ ทั งหลายตรวจดู
้ ไดโ้ ดยไมต ่ อ้ งเสียคา่
ธรรมเนี ยม
มาตรา ๑๒๖๘ ถา้ การชาระบั ญชีนัน ้ ยั งคงทาอยูโ่ ดยกาลกวา่ ปี หนึ่ งขึ้นไป ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ ง เรี ยกประชุมใหญใ่ นเวลาสิน ้ ปี ทุกปี นั บแตเ่ ริ่ มทาการ
ชาระบั ญชี และตอ ้ งทารายงานยื่นที่ประชุมวา่ ได้จัดการไป อยา่ งไรบา้ ง ทั งแถลงให ้ ้ทราบความเป็ นไปแหง่ บั ญชีโดยละเอียด
มาตรา ๑๒๖๙ อั นทรั พยส์ น ิ ของห้างหุ้นสว่ นหรื อของบริ ษัทนั น ้ จะแบง่ คืนให้แกผ ่ ูเ้ ป็ น
หุ้นสว่ นหรื อผูถ ้ ือหุ้นได้แตเ่ พียงเทา่ ทีไมต ่ ้ งเอาไวใ้ ชใ้ นการชาระหนี้ ของห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทเทา่ นั น
่ อ ้
มาตรา ๑๒๗๐ เมื่อการชาระบั ญชีกิจการของหา้ งหุน ้ ่ ส ว นหรื อ บริ ษ ั ทสาเร็ จ ลง ผู ช
้ าระ บั ญ ชี ตอ้ งทารายงานการชาระบั ญชีแสดงวา่ การชาระ
บั ญชีนัน ้ ไดด้ าเนิ น ไปอย า
่ งใด และได จ
้ ั ด การทรั พย ส
์ ิ
น ของ ห า งหุ
้ ้ น ส ว
่ นหรื อ บริ ษ ั ทนั น้ ไปประการใด แล ว ให
้ ้ เ รี ย กประชุ มใหญเ่ พื่อเสนอรายงาน
้ และชี้แจงกิจการตอ่ ที่ ประชุม
นั น
เมื่อที่ประชุมใหญไ่ ด้ให้อนุ มัติรายงานนั น ้ แลว้ ผูช้ าระบั ญชีตอ ้ งนาขอ ้ ความที่ได้ประชุมกันนั น ้ ไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนั บแตว่ ั นประชุม
่ ้
เมือได้จดทะเบียนแลว้ ดังนี ให้ถือวา่ เป็ นทีสุดแหง่ การชาระบั ญชี ่

มาตรา ๑๒๗๑ เมื่อเสร็จการชาระบั ญชีแลว้ ทา่ นใหม ้ อบบรรดาสมุดและบั ญชี และเอกสาร ทั งหลายของห ้ ้ สว่ นหรื อบริ ษัทซึ่งได้ชาระ
า้ งหุน
บั ญชีนัน ้ ไวแ ก
้ ่ นายทะเบี ย นภายในกาหนดสิ บ สี่ ว ั น ดังกล า
่ วไว ใ
้ น มาตราก อ
่ น และให น
้ ายทะเบี ย นรั กษาสมุ ด และบั ญชี และเอกสารเหลา่ นั น ้ ไว้
สิบปี นั บแตว่ ั นถึงที่สุดแหง่ การ ชาระบั ญชี
สมุดและบั ญชีและเอกสารเหลา่ นี้ ให้เปิดให้แกบ ่ รรดาบุคคลผูม ้ ีสว่ นได้เสียตรวจดูได้โดยไม่ เรี ยกคา่ ธรรมเนี ยมอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด
มาตรา ๑๒๗๒ ในคดีฟ้องเรี ยกหนี้ สินซึ่งห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัท หรื อผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น หรื อผูถ ้ ือ
หุ้น หรื อผูช้ าระบั ญชีเป็ นลูกหนี้ อยูใ่ นฐานเชน ่ นั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพน ้ กาหนดสองปี นั บแตว่ ั นถึงที่สุดแหง่ การชาระบั ญชี
มาตรา ๑๒๗๓ บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๑๑๗๒ ถึงมาตรา ๑๑๙๓ กับมาตรา ๑๑๙๕ มาตรา ๑๒๐๗ เหลา่ นี้ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกก
่ ารประชุม
ใหญซ ่่ ึงมีข้ึนในระหวา่ งชาระบั ญชีดว้ ยโดยอนุ โลม
หมวด ๖ การถอนทะเบียนห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียน หา้ งหุ้นสว่ นจากัด และบริ ษัทจากัดร้าง[๘๙]
มาตรา ๑๒๗๓/๑[๙๐] เมื่อใดนายทะเบียนมีมูลเหตุอันควรเชื่อวา่ ห้างหุ้นสว่ นจดทะเบียน หา้ ง หุ้นสว่ นจากัด หรื อบริ ษัทจากัดใด มิได้ทา
การคา้ ขายหรื อประกอบการงานแลว้ ให้นายทะเบียนมีหนั งสือสง่ ทาง ไปรษณี ยต ์ อบรั บไปยั งห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัท เพื่อสอบถามวา่ ยั งทาการ
คา้ ขายหรื อประกอบการงานอยูห ่ รื อไม่ และแจง้ วา่ หากมิได้รับคาตอบภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่สง่ หนั งสือจะได้โฆษณาในหนั งสือพิมพเ์ พื่อ
ขีดชื่อ หา้ งหุน ส
้ ่ ว นหรื อบริ ษั น
ทนั ้ ออกเสียจากทะเบียน
ถา้ นายทะเบียนไดร้ ั บคาตอบจากหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ วา่ หา้ งหุน้ สว่ นหรื อบริ ษัทมิไดท ้ า การคา้ ขายหรื อประกอบการงานแลว้ หรื อมิได้
รั บคาตอบภายในสามสิบวั นนั บแตว่ ั นที่สง่ หนั งสือ ให้นาย ทะเบียนโฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่อยา่ งน้อยหนึ่ งคราวและสง่ หนั งสือบอก
กลา่ วทางไปรษณี ยต ์ อบรั บไป ยั งห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทวา่ เมื่อพน ้ เวลาเก้าสิบวั นนั บแตว่ ั นที่สง่ หนั งสือบอกกลา่ วห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้
จะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน เวน ้ แตจ่ ะแสดงเหตุให้เห็นเป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๒๗๓/๒[๙๑] ในกรณี ท่ีหา้ งหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทเลิกกันแลว้ และอยูร่ ะหวา่ งการชาระ บั ญชี หากนายทะเบียนมีมูลเหตุอันควรเชื่อวา่
ไมม ่ ีตัวผูช้ าระบั ญชีทาการอยู ่ หรื อการงานของหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อ บริ ษัทไดช้ าระสะสางตลอดแลว้ แตผ ่ ูช้ าระบั ญชีมิไดท ้ ารายงานการชาระบั ญชี
หรื อมิไดย้ ่ืนจดทะเบียนเสร็จการ ชาระบั ญชีตอ่ นายทะเบียน ใหน ้ ายทะเบี ย นมี ห นั งสื
อ ส ง
่ ทางไปรษณี ย ต
์ อบรั บไปยั ง ห า้ งหุน
้ สว่ นหรื อบริ ษัท
และผู้

ชาระบั ญชี ณ สถานที่อันปรากฏเป็ นสานั กงานสุดทา้ ย แจง้ ให้ดาเนิ นการเพื่อให้มีตัวผูช้ าระบั ญชี หรื อยื่น รายงานการชาระบั ญชี หรื อจด
ทะเบียนเสร็จการชาระบั ญชี แลว้ แตก ่ รณี และแจง้ วา่ หากมิได้ดาเนิ นการ ดังกลา่ วภายในระยะเวลาหนึ่ งร้อยแปดสิบวั นนั บแตว่ ั นที่สง่ หนั งสือ
นั นแลว้ จะได้โฆษณาในหนั งสือพิมพเ์ พื่อขีด ชื่อห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น
้ ้ ออกเสียจากทะเบียน
ถา้ หา้ งหุน ส
้ ่ ว นหรื อบริ ษั ท หรื อผู ช
้ าระบั ญ ชี มไ
ิ ดด
้ าเนิ นการภายในกาหนดเวลาตามวรรคหนึ ่ ง ใหน
้ ายทะเบียนโฆษณาในหนั งสือพิมพแ์ หง่ ทอ ้ งที่
อยา่ งน้อยหนึ่ งคราว และสง่ หนั งสือบอกกลา่ วทางไปรษณี ย ์ ตอบรั บไปยั งห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทและผูช้ าระบั ญชีวา่ เมื่อพน ้ กาหนดเวลาเก้าสิบ
วั นนั บแตว่ ั นที่สง่ หนั งสือบอก กลา่ ว ห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ จะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน เวน ้ แตจ่ ะแสดงเหตุให้เห็นเป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๒๗๓/๓[๙๒] เมื่อสิน ้ กาหนดเวลาตามที่แจง้ ในหนั งสือบอกกลา่ วตามมาตรา ๑๒๗๓/ ๑ หรื อมาตรา ๑๒๗๓/๒ แลว้ และ
หา้ งหุน ส
้ ่ ว นหรื อ บริ ษั ท หรื อ ผู ช
้ าระบั ญชีมิไดแ ้ สดงเหตุใหเ้ ห็นเป็ นอยา่ งอื่น นายทะเบียนจะขีดชื่อหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ออกเสียจาก
ทะเบียนก็ได้ ในการนี้ ใหห ้ ้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัท นั น ้ สิน ้ สภาพนิ ติบุคคลตั งแต ้ เ่ มื่อนายทะเบียนขีดชื่อห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทออกเสียจาก
ทะเบียน แตค ่ วามรั บผิด ของหุ้นสว่ นผูจ้ ั ดการ ผูเ้ ป็ นหุ้นสว่ น กรรมการ ผูจ้ ั ดการ และผูถ ้ ือหุ้นมีอยูเ่ ทา่ ไรก็ให้คงมีอยูอ่ ยา่ งนั น ้ และพึงเรี ยก
บั งคั บได้เสมือนห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ยั งมิได้สน ้ิ สภาพนิ ติบุคคล
มาตรา ๑๒๗๓/๔[๙๓] ถา้ ห้างหุ้นสว่ น ผูเ้ ป็ นหุ้นสว ่ น บริ ษัท ผูถ ้ ือหุ้น หรื อเจา้ หนี้ ใด ๆ ของห้าง หุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ รู้ สกึ วา่ ตอ
้ ง
เสียหายโดยไมเ่ ป็ นธรรมเพราะการที่หา้ งหุน ้ ่ ส ว นหรื อบริ ษั ทถู กขี ด ่
ชื อออกจาก ทะเบี ย น เมื ่ อ ห างหุ
้ ้ ่ นส ว น ผู เ
้ ป็ น หุ น ส
้ ่ ว น บริ ษั ผูถ
ท ้ ือหุน้ หรื อ
เจา้ หนี้ ยื่นคาร้องตอ่ ศาลและศาลพิจารณาไดค ้ วาม เป็ นที่พอใจวา่ ในขณะที่ขีดชื่อหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัทออกจากทะเบียนหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อบริ ษัท
ยั งทาการคา้ ขาย หรื อยั งประกอบการงานอยู ่ หรื อเห็นเป็ นการยุติธรรมในการที่จะให้ห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทได้กลั บคืนสู ท ่ ะเบียน ก็ดี ศาลจะ
สั ง่ ให้จดชื่อห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทกลับคืนเขา้ สู ท ่ ะเบียนก็ได้ และให้ถือวา่ ห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทนั น ้ ยั งคงอยูต ่ ลอดมาเสมือนมิได้มีการขีดชื่อ
ออกเลย โดยศาลจะสั ง่ และวางขอ ้ กาหนดไวเ้ ป็ นประการใด ๆ ตามที่เห็น
เป็ นการยุติธรรมด้วยก็ได้เพื่อให้ห้างหุ้นสว่ นหรื อบริ ษัทและบรรดาบุคคลอื่น ๆ กลั บคืนสู ฐ่ านะอั นใกลท ้ ่ีสุดกับ ฐานะเดิมเสมือนห้างหุ้นสว่ น
้ ่
หรื อบริ ษัทนั นมิได้ถูกขีดชือออกจากทะเบียนเลย
การร้องขอใหห ้ า้ งหุน้ สว่ นหรื อบริ ษัทกลั บคืนสู ท ่ ะเบียน หา้ มมิใหร้ ้ องขอเมื่อพน ้ กาหนดสิบปี นั บแตว่ ั นที่นายทะเบียนขีดชื่อหา้ งหุน ้ สว่ นหรื อ
บริ ษัทออกจากทะเบียน
ลั กษณะ ๒๓ สมาคม[๙๔]
มาตรา ๑๒๗๔ - ๑๒๙๗ (ยกเลิก)

พระราชกฤษฎีกา ให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติ บรรพ ๔ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย[ ์ ๙๕]
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกลา้ เจา้ อยูห ่ ัว มีพระบรมราชโองการ
ดารั สเหนื อเกลา้ ฯ ใหป ้ ระกาศจงทราบทั ่วกันวา่
โดยที่การประมวลกฎหมายแหง่ บา้ นเมืองได้ดาเนิ รมาถึงคราวที่ควรประกาศใชบ ้ รรพ ๔ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์
จึ่งทรงพระกรุ ณาโปรดเกลา้ ฯ สั ง่ วา่ ใหเ้ พิ่มบทบั ญญั ติบรรพ ๔ ตั งแต ้ ม่ าตรา ๑๒๙๘ ถึง มาตรา ๑๔๓๔ ตามที่ ได้ตราไวต ้ อ่ ทา้ ยพระราช
กฤษฎีกานี้ เขา้ เป็ นสว่ นหนึ่ งแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ พาณิ ชย ์
ใหใ้ ชพ ้ ว่ ั นที่ ๑ เมษายน พุทธศั กราช ๒๔๗๕ เป็ นตน
้ ระราชกฤษฎีกานี้ ตั งแต ้ ไป ประกาศมา ณ วั นที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศั กราช ๒๔๗๓
เป็ นปี ที่ ๖ ในรั ชชกาลปัจจุบัน
บรรพ ๔

ทรั พยส์ น
ลั กษณะ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๒๙๘ ทรั พยสิทธิทังหลายนั ้ ้ ทา่ นวา่ จะกอ
น ้ ้ นได้แตด
่ ตั งขึ ่ ้วยอาศั ยอานาจในประมวล กฎหมายนี้ หรื อกฎหมายอื่น

มาตรา ๑๒๙๙ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติในประมวลกฎหมายนี้ หรื อกฎหมายอื่นทา่ นวา่ การไดม ้ าโดยนิ ติกรรมซึ่งอสั งหาริ มทรั พยห ์ รื อทรั พย
สิทธิอันเกี่ยวกับอสั งหาริ มทรั พยน ้ ไมบ
ั์ น ่ ริ บู ร ณ เว
์ ้ น แต น่ ิ ต ิ กรรมจะได ท
้ าเป็ น หนั งสือ และได จ
้ ดทะเบี ย นการได ม
้ ากับพนั กงานเจ ้ ้ ่
า หน า ที
ถา้ มีผูไ้ ด้มาซึ่งอสั งหาริ มทรั พยห ์ รื อทรั พยสิทธิอันเกี่ยวกับอสั งหาริ มทรั พยโ์ ดยทางอื่นนอกจาก นิ ติกรรม สิทธิของผูไ้ ด้มานั น ้ ถา้ ยั งมิได้จด
ทะเบียนไซร้ ทา่ นวา่ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไมไ่ ด้ และ สิทธิอันยั งมิได้จดทะเบียนนั น ้ มิให้ยกขึ้นเป็ นขอ้ ตอ
่ สู บ
้ ุคคลภายนอกผูไ้ ด้
สิทธิมาโดยเสียคา่ ตอบแทนและโดย สุจริ ต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริ ตแลว้
มาตรา ๑๓๐๐ ถา้ ได้จดทะเบียนการโอนอสั งหาริ มทรั พยห ์ รื อทรั พยสิทธิอันเกี่ยวกับ อสั งหาริ มทรั พยเ์ ป็ นทางเสียเปรี ยบแกบ ่ ุคคลผูอ ้ ยูใ่ น
ฐานะอั นจะใหจ้ ดทะเบียนสิทธิของตนไดอ ยู
้ ่ ่ ก อ นไซร ้ ่ ท า น วา่ บุคคลนั น ้ อาจเรี ยกใหเ้ พิกถอนการจดทะเบียนนั น ้ ได้ แตก ่ ารโอนอันมีคา่
ตอบแทน ซึ่งผูร้ ั บโอนกระทาการโดย สุจริ ตนั น ้ ไมว่ า่ กรณี จะเป็ นประการใด ทา่ นวา่ จะเรี ยกใหเ้ พิกถอนทะเบียนไมไ่ ด้
มาตรา ๑๓๐๑ บทบั ญญั ติแหง่ สองมาตรากอ ่ นนี้ ทา่ นให้ใชบ ้ ั งคั บถึงการเปลี่ยนแปลง ระงั บ และกลั บคืนมาแหง่ ทรั พยสิทธิอันเกี่ยวกับ
อสั งหาริ มทรั พยน ้ ด้วยโดยอนุ โลม
์ ัน
มาตรา ๑๓๐๒[๙๖] บทบั ญญั ติแหง่ สามมาตรากอ ่ นนี้ ให้ใชบ ้ ั งคั บถึงเรื อมีระวางตั งแต ้ ห ่ ้าตันขึ้น ไป ทั งแพและสั
้ ตวพ์ าหนะด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๓๐๓ ถา้ บุคคลหลายคนเรี ยกเอาสั งหาริ มทรั พยเ์ ดียวกัน โดยอาศั ยหลั กกรรมสิทธิ์ ตา่ งกันไซร้ ทา่ นวา่ ทรั พยส์ น ิ ตกอยูใ่ นครอบครอง
ของบุคคลใด บุคคลนั น ิ ธิยิง่ กวา่ บุคคลอื่น ๆ แตต
้ มีสท ่ อ ้ งได้ ทรั พยน ์ ัน ้ มาโดยมีคา่ ตอบแทนและได้การครอบครองโดยสุจริ ต
ทา่ นมิใหใ้ ชม ้ าตรานี้ บั งคั บถึงสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงระบุไวใ้ นมาตรากอ ่ นและในเรื่ องทรั พยส์ น ิ หาย
กับทรั พยส์ น ิ ที่ได้มาโดยการกระทาผิด
มาตรา ๑๓๐๔ สาธารณสมบั ติของแผน ่ ดินนั น ้ รวมทรั พยส์ น ิ ทุกชนิ ดของแผน ่ ดินซึ่งใชเ้ พื่อ สาธารณประโยชน์หรื อสงวนไวเ้ พื่อประโยชน์ร่วม
กัน เชน ่
(๑) ที่ดินรกร้างวา่ งเปลา่ และที่ดินซึ่งมีผูเ้ วนคืนหรื อทอดทิ้งหรื อกลับมาเป็ นของแผน ่ ดินโดย ประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน
(๒) ทรั พยส์ น ิ สาหรั บพลเมืองใชร้ ่ วมกัน เป็ นตน ้ ่ว า ที ่ ชายตลิ ่ ง ทางน ้ า ทางหลวง ทะเลสาบ
(๓) ทรั พยส์ น ิ ใชเ้ พื่อประโยชน์ของแผน ่ ดิ น โดยเฉพาะ เป็ น ต น
้ ่ ้ ว า ป อมและโรงทหาร สานั ก ราชการบา้ นเมือง เรื อรบ อาวุธยุทธภัณฑ์

มาตรา ๑๓๐๕ ิ ซึ่งเป็ นสาธารณสมบั ติของแผน


ทรั พยส์ น ้ จะโอนแกก
่ ดินนั น ่ ันมิได้ เวน
้ แต่ อาศั ยอานาจแหง่ บทกฎหมายเฉพาะหรื อพระราช
กฤษฎีกา
มาตรา ๑๓๐๖ ทา่ นห้ามมิใหย้ กอายุความขึ้นเป็ นขอ้ ตอ
่ สูก
้ ับแผน ่ ดินในเรื่ องทรั พยส์ น
ิ อั นเป็ น สาธารณสมบั ติของแผน ่ ดิน
มาตรา ๑๓๐๗ ิ
ทา่ นห้ามมิให้ยึดทรั พยส์ นของแผน ่ ดินไมว่ า่ ทรั พยส์ น ้ จะเป็ นสาธารณ สมบั ติของแผน
ิ นั น ่ ดินหรื อไม่
ลั กษณะ ๒ กรรมสิทธิ์
หมวด ๑ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
มาตรา ๑๓๐๘ ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริ มตลิ่ง ที่งอกยอ่ มเป็ นทรั พยส์ น ิ ของเจา้ ของที่ดิน
แปลงนั น ้
และทอ ้ งทางน้าที่เขินขึ้นก็ดี เป็ นทรั พยส์ น ิ ของแผน ่ ดิน
มาตรา ๑๓๐๙ เกาะที่เกิดในทะเลสาบ หรื อในทางน้าหรื อในเขตน่านน้าของประเทศก็ดี
มาตรา ๑๓๑๐ บุคคลใดสร้างโรงเรื อนในที่ดินของผูอ ้ ่ืนโดยสุจริ ตไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดิน เป็ นเจา้ ของโรงเรื อนนั น ้ ๆ แตต ่ อ
้ งใชค้ า่ แหง่ ที่ดิน
เพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรงเรื อนนั น ้ ให้แกผ ่ ูส
้ ร้าง
แตถ ่ า้ เจา้ ของที่ดินสามารถแสดงได้วา่ มิได้มีความประมาทเลินเลอ่ จะบอกปัดไมย่ อมรั บ โรงเรื อนนั น ้ และเรี ยกให้ผูส ้ ร้างรื้ อถอนไป และทา
ที่ดินใหเ้ ป็ นตามเดิมก็ได้ เวน ้ ไว แต ถ
้ ่ ้ า การนี้ จะทาไม ไ
่ ้ ด โ ดยใช ้ เงิ นพอสมควรไซร ท า นว
้ ่ ่ ้ า เจ า ของที ่ ดิ น จะเรี ย กให ้ ้ ้ างซื้อที่ดินทั งหมดหรื
ผ ู ส ร ้ อแต่
บางสว่ นตามราคาตลาดก็ได้
มาตรา ๑๓๑๑ บุคคลใดสร้างโรงเรื อนในที่ดินของผูอ ้ ่ืนโดยไมส ่ ุจริ ตไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลนั น้ ตอ ้ ง ทาที่ดินใหเ้ ป็ นตามเดิมแลว้ สง่ คืนเจา้ ของ เวน ้
แตเ่ จา้ ของจะเลือกใหส ้ ง่ คืนตามที่เป็ นอยู ่ ในกรณี เชน ่ นี้ เจา้ ของ ที่ดินตอ ้ งใชร้ าคาโรงเรื อนหรื อใชค ้ า่ แหง่ ที่ดินเพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรง
เรื อน นั น ้ แลว้ แตจ่ ะเลือก

มาตรา ๑๓๑๒ บุคคลใดสร้างโรงเรื อนรุ กลา้ เขา้ ไปในที่ดินของผูอ ้ ่ืนโดยสุจริ ตไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ เป็ นเจา้ ของโรงเรื อนที่สร้างขึ้น แตต ่ อ
้ ง
เสียเงินใหแ ก เ
้ ่ ้จา ของที ่ ดิ น เป็ น คา ใช
่ ้ ท่ ี ดิ น นั น้ และจดทะเบี ย น สิ
ท ธิ เ ป็ น ภาระจายอม ต อ
่ ภายหลั ง ถ า
้ โรงเรื ้ สลายไปทั งหมด
อนนั น ้ เจา้ ของที่ดิน
จะเรี ยกให้เพิกถอนการจด ทะเบียนเสียก็ได้
ถา้ บุคคลผูส ้ ร้างโรงเรื อนนั น ้ กระทาการโดยไมส ่ ุจริ ต ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินจะเรี ยกให้ผูส ้ ร้างรื้ อ ถอนไป และทาที่ดินใหเ้ ป็ นตามเดิมโดยผูส ้ ร้าง
เป็ นผูอ ้ อกคา่ ใชจ้ า่ ยก็ได้
มาตรา ๑๓๑๓ ถา้ ผูเ้ ป็ นเจา้ ของที่ดินโดยมีเงื่อนไขสร้างโรงเรื อนในที่ดินนั น ้ และภายหลั ง
่ ่ ่
ทีดินตกเป็ นของบุคคลอืนตามเงือนไขไซร้ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยลาภมิควรได้มา ใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๑๓๑๔ ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติมาตรา ๑๓๑๐, ๑๓๑๑ และ ๑๓๑๓ บั งคั บตลอดถึงการ กอ ่ สร้างใด ๆ ซึ่งติดที่ดินและการเพาะปลูก
ตน ้ ไมห ้ รื อธัญชาติดว้ ยโดยอนุ โลม
แตข่ า้ วหรื อธัญชาติอยา่ งอื่นอั นจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่ งหรื อหลายคราวตอ่ ปี เจา้ ของ ที่ดินตอ ้ งยอมให้บุคคลผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ต หรื อ
ผูเ้ ป็ นเจา้ ของที่ดินโดยมีเงื่อนไขซึ่งได้เพาะปลูกลงไวน ้ คง ครองที่ดินจนกวา่ จะเสร็จการเก็บเกี่ยวโดยใชเ้ งินคานวณตามเกณฑค
้ ัน ์ า่ เชา่ ที่ดินนั น ้
หรื อเจา้ ของที่ดินจะเขา้ ครอบครองในทั นทีโดยใชค ้ า่ ทดแทนให้แกอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ งก็ได้
มาตรา ๑๓๑๕ บุคคลใดสร้างโรงเรื อน หรื อทาการกอ ่ สร้างอยา่ งอื่นซึ่งติดที่ดิน หรื อ เพาะปลูกตน ้ ไมห ้ รื อธัญชาติในที่ดินของตนด้วยสั มภาระ
ของผูอ ่้ ืน ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ เป็ นเจา้ ของสั มภาระ แตต ่ ้อ ง ใช ค
้ ่าสั ม ภาระ
มาตรา ๑๓๑๖ ถา้ เอาสั งหาริ มทรั พยข์ องบุคคลหลายคนมารวมเขา้ กันจนเป็ นสว่ นควบหรื อ
แบง่ แยกไมไ่ ด้ไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลเหลา่ นั น ้ เป็ นเจา้ ของรวมแหง่ ทรั พยท ์ ่ีรวมเขา้ กัน แตล่ ะคนมีสว่ นตามคา่ แหง่ ทรั พยข์ องตนในเวลาที่รวมเขา้
กับทรั พยอ์ ่ืน
ถา้ ทรั พยอ์ ั นหนึ่ งอาจถือได้วา่ เป็ นทรั พยป ์ ระธานไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของทรั พยน ้ เป็ นเจา้ ของ ทรั พยท
์ ัน ์ ่ีรวมเขา้ กันแตผ ่ ูเ้ ดียว แตต ่ อ
้ งใชค้ า่ แหง่ ทรั พย ์
่อืน ๆ ให้แกเ่ จา้ ของทรั พยน ้
์ ัน ๆ
มาตรา ๑๓๑๗ บุคคลใดใชส ้ ั มภาระของบุคคลอื่นทาสิง่ ใดขึ้นใหมไ่ ซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของสั มภาระ เป็ นเจา้ ของสิง่ นั น ้ โดยมิตอ ้ งคานึ งวา่ สั มภาระนั น ้
จะกลั บคืนตามเดิมไดห ้ รื อ ไม ่ แต ต
่ ้อ งใช ค
้ า
่ แรงงาน
แตถ ่ า้ คา่ แรงงานเกินกวา่ คา่ สั มภาระที่ใชน ้ ัน้ มากไซร้ ทา่ นวา่ ผูท ้ าเป็ นเจา้ ของทรั พยท ์ ่ีทาขึ้น แต่ ตอ ้ งใชค ้ า่ สั มภาระ

มาตรา ๑๓๑๘ บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิแ ์ หง่ สั งหาริ มทรั พยอ์ ั นไมม ่ ีเจา้ ของโดยเขา้ ถือเอา เวน ้ แตก ่ ารเขา้ ถือเอานั น ้ ตอ ้ งห้ามตามกฎหมาย
หรื อฝ่าฝื นสิทธิของบุคคลอื่นที่จะเขา้ ถือเอาสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน ้
มาตรา ๑๓๑๙ ถา้ เจา้ ของสั งหาริ มทรั พยเ์ ลิกครอบครองทรั พยด์ ว้ ยเจตนาสละกรรมสิทธิ์ไซร้ ทา่ นวา่ สั งหาริ มทรั พยน ้ ไมม
์ ัน ่ ีเจา้ ของ
มาตรา ๑๓๒๐ ภายในบั งคั บแหง่ กฎหมายเฉพาะและกฎขอ ้ บั ง คั บ ในเรื ่ อ งนั ้
น ท า นว
่ ่ า สั ต ว ป
์่ า ไม ม
่ ้ี เ จ า ของตราบเท า
่ ที ่ ย ั ง อยู อ่ ิสระ สั ตวป
์ ่ าใน
สวนสั ตว ์ และปลาในบอ่ หรื อในที่น้าซึ่งเจา้ ของกั นไว ้ น ้ ัน ้ ทา่ นวา่
ไมใ่ ชส ่ ั ตวไ์ มม่ ีเจา้ ของ
สั ตวป ์ ่ าที่คนจั บได้นัน ้ ถา้ มั นกลั บคืนอิสระและเจา้ ของไมต ่ ิดตามโดยพลั นหรื อเลิกติดตามเสีย
แลว้ ฉะนี้ ทา่ นวา่ ไมม ่ ีเจา้ ของ
สั ตวซ์ ่ึงเลี้ยงเชื่องแลว้ ถา้ มั นทิ้งที่ไปเลย ทา่ นวา่ ไมม ่ ีเจา้ ของ
มาตรา ๑๓๒๑ ภายในบั งคั บแหง่ กฎหมายเฉพาะและกฎขอ ้ บั งคั บในเรื่ องนั น ้ ผูใ้ ดจั บสั ตวป ์ ่ า ไดใ้ นที่รกร้างวา่ งเปลา่ หรื อในที่น้าสาธารณะก็ดี
หรื อจั บได้ในที่ดิน หรื อที่น้ามีเจา้ ของโดยเจา้ ของมิได้แสดง ความหวงห้ามก็ดี ทา่ นวา่ ผูน ้ ัน ้ เป็ นเจา้ ของสั ตว ์
มาตรา ๑๓๒๒ บุคคลใดทาให้สัตวป ์ ่ าบาดเจ็บแลว้ ติดตามไปและบุคคลอื่นจั บสั ตวน ้ ได้กด
์ ัน ็ ี หรื อสั ตวน ้ ตายลงในที่ดินของบุคคลอื่นก็ดี ทา่ น
์ ัน
วา่ บุคคลแรกเป็ นเจา้ ของสั ตว ์
หรื อ
มาตรา ๑๓๒๓ บุคคลเก็บได้ซ่ึงทรั พยส์ น ิ หาย ตอ ้ งทาอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใดดังตอ่ ไปนี้
(๑) สง่ มอบทรั พยส์ น ้ แกผ
ิ นั น ู
่ ้ ข องหายหรื อ เจ า
้ ของ หรื อบุคคลอื่นผูม ้ ี สท ิ ธิจะรั บทรั พยส์ น ิ นั น ้
(๒) แจง้ แกผ ่ ูข้ องหายหรื อเจา้ ของ หรื อบุคคลอื่นผูม ้ ี สท ิ ธิจะรั บทรั พยส์ น ิ นั น ้ โดยมิชักชา้ หรื อ
(๓)[๙๗] สง่ มอบทรั พยส์ น ิ นั น ้ แกเ่ จา้ พนั กงานตารวจ หรื อพนั กงานเจา้ หน้าที่อ่ืนภายในสามวั น และแจง้ พฤติการณ์ตามที่ทราบอั นอาจเป็ น
เครื่ องชว่ ยในการสืบหาตัวบุคคลผูม ้ ี สท ิ ธิจะรั บทรั พยส์ น ิ นั น ้
แตถ ่ า้ ไมท ่ ราบตัวผูข้ องหาย เจา้ ของ หรื อบุคคลอื่นผูม ้ ี สท ิ ธิจะรั บทรั พยส์ น ิ ก็ดี หรื อบุคคลดัง ระบนุ ันไม ้ ร่ ั บมอบทรั พยส์ น ิ ก็ดี ทา่ นให้ดาเนิ น
การตามวิธีอันบั ญญั ติไวใ้ นอนุ มาตรา (๓)
้ ้ ทา่ นวา่ ผูเ้ ก็บไดซ
ทั งนี ้ ่ึงทรั พยส์ น ิ หายตอ ้ งรั กษาทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไวด ้ ว้ ยความระมั ดระวั งอั นสมควร จนกวา่ จะสง่ มอบ
มาตรา ๑๓๒๔ ผูเ้ ก็บได้ซ่ึงทรั พยส์ น
ิ หาย อาจเรี ยกร้องเอารางวั ลจากบุคคลผูม ิ ธิจะรั บ ทรั พยส์ น
้ ี สท ้ เป็ นจานวนร้อยละสิบแหง่ คา่ ทรั พยส์ น
ิ นั น ิ
ภายในราคาสามหมื่นบาท และถา้ ราคาสูงกวา่ นั น ้ ขึ้นไปให้

คิดใหอ ้ ีกร้อยละหา้ ในจานวนที่เพิ่มขึ้น แตถ ่ า้ ผูเ้ ก็บไดซ ้ ่ึงทรั พยส์ น ิ หายไดส ้ ง่ มอบทรั พยส์ น ิ แกเ่ จา้ พนั กงานตารวจ หรื อพนั กงานเจา้ หน้าที่อ่ืน
ใหเ้ สียเงินอีกร้อยละสองครึ่ งแหง่ คา่ ทรั พยส์ น ิ เป็ นคา่ ธรรมเนี ยมแกท ่ บวงการนั น ้ ๆ เพิม ่ ขึ้นเป็ นสว่ นหนึ ่ งตา่ งหากจากรางวั ลซึง่ ให้แกผ ่ ูเ้ ก็บได้
แตค ่ า่ ธรรมเนี ยมนี้ ให้จากัดไวไ้ มเ่ กินหนึ่ งพันบาท[๙๘]
ถา้ ผูเ้ ก็บได้ซ่ึงทรั พยส์ น ิ หายมิได้ปฏิบัติตามบทบั ญญั ติในมาตรากอ ่ นไซร้ทา่ นวา่ ผูน ้ ไมม
้ ัน ่ ี สทิ ธิ จะรั บรางวั ล
มาตรา ๑๓๒๕ ถา้ ผูเ้ ก็บได้ซ่ึงทรั พยส์ น ิ หายได้ปฏิบัติตามบทบั ญญั ติมาตรา ๑๓๒๓ แลว้ และผูม ้ ี สิทธิจะรั บทรั พยส์ น ิ นั น้ มิได้เรี ยกเอาภายใน
หนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่เก็บไดไ้ ซร้ ทา่ นวา่ กรรมสิทธิ์ตกแกผ ่ ู้ เ ก็
บ ได ้
แตถ ่ า้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งไมม ่ ีผูเ้ รี ยกเอานั น ้ เป็ นโบราณวั ตถุไซร้ กรรมสิทธิ์แหง่ ทรั พยส์ น ้ ตกแก่ แผน
ิ นั น ่ ดิน แตผ ่ ูเ้ ก็บไดม้ ี สทิ ธิจะไดร้ ั บรางวั ลร้อยละ
สิบแหง่ คา่ ทรั พยส์ น ิ นั น ้
มาตรา ๑๓๒๖ การเก็บได้ซ่ึงทรั พยส์ น ิ อั นตกหรื อทิ้งทะเล หรื อทางน้า หรื อน้าซั ดขึ้นฝั่งนั น ้ ทา่ นให้บังคั บตามกฎหมายและกฎขอ ้ บั งคับวา่ ด้วย
การนั น ้
มาตรา ๑๓๒๗ ภายในบั งคั บแหง่ กฎหมายอาชญา กรรมสิทธิ์แหง่ สิง่ ใด ๆ ซึ่งได้ใชใ้ นการ กระทาผิด หรื อได้มาโดยการกระทาผิด หรื อ
เกี่ยวกับการกระทาผิดโดยประการอื่น และได้สง่ ไวใ้ นความรั กษา ของกรมในรั ฐบาลนั น ้ ทา่ นวา่ ตกเป็ นของแผน ่ ดิน ถา้ เจา้ ของมิได้เรี ยกเอา
ภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นสง่ หรื อถา้ ได้ ฟ้องคดีอาชญาตอ่ ศาลแลว้ นั บแตว่ ั นที่คาพิพากษาถึงที่สุด แตถ ่ า้ ไมท
่ ราบตัวเจา้ ของ ทา่ นใหผ ้ อ่ นเวลา
ออกไป เป็ นห้าปี
ถา้ ทรั พยส์ น ิ เป็ นของเสียงา่ ย หรื อถา้ หน่วงชา้ ไวจ้ ะเป็ นการเสี่ยงความเสียหายหรื อคา่ ใชจ้ า่ ยจะ เกินสว่ นกับคา่ ของทรั พยส์ น ้ ไซร้ ทา่ นวา่ กรม
ิ นั น
ในรั ฐบาลจะจั ดใหเ้ อาออกขายทอดตลาดก่อนถึงกาหนดก็ได้ แตก ่ อ่ นที่จะขายให้จัดการตามควรเพื่อบั นทึกรายการอันเป็ นเครื่ องให้บุคคลผูม ้ ี
สิทธิจะรั บทรั พยส์ น ิ นั น้ อาจ ทราบวา่ เป็ นทรั พยส์ น ิ ของตนและพิสูจน์สท ิ ธิได้ เมื่อขายแลว้ ได้เงินเป็ นจานวนสุทธิเทา่ ใดให้ถือไวแ ้ ทนตัว
ทรั พยส์ น ิ
มาตรา ๑๓๒๘[๙๙] สั งหาริ มทรั พยม ์ ีคา่ ซึ่งซอ ่ นหรื อฝังไวน ้ ถา้ มีผูเ้ ก็บไดโ้ ดยพฤติการณ์ซ่ึงไมม
้ ัน ่ ี ผูใ้ ดสามารถอา้ งวา่ เป็ นเจา้ ของได้ ให้
กรรมสิทธิ์ตกเป็ นของแผน ่ ดิ น ผู เ
้ ก็
บ ได ต
้ ้ อ งส ง
่ มอบทรั พย น
์ ั ้
น แก เ
่ ้จ า พนั กงานตารวจหรื อ พนั กงานเจ า้ หน้าที่อ่ืน แลว้ มีสท ิ ธิจะไดร้ ั บรางวั ลหนึ่ ง
ในสามแหง่ คา่ ทรั พยน ์ ัน ้
มาตรา ๑๓๒๙ สิทธิของบุคคลผูไ้ ด้มาซึ่งทรั พยส์ น ิ โดยมีคา่ ตอบแทนและโดยสุจริ ตนั น ้ ทา่ นวา่ มิ เสียไป ถึงแมว้ า่ ผูโ้ อนทรั พยส์ น ิ ให้จะได้
ทรั พยส์ น ิ นั น้ มาโดยนิ ติกรรมอั นเป็ นโมฆียะ และนิ ติกรรมนั น ้ ได้ถูกบอกลา้ ง ภายหลั ง

มาตรา ๑๓๓๐ สิทธิของบุคคลผูซ ้ ้ือทรั พยส์ น ิ โดยสุจริ ตในการขายทอดตลาดตามคาสั ่งศาล หรื อคาสั ง่ เจา้ พนั กงานรั กษาทรั พยใ์ นคดีลม ้ ละลาย
้ ทา่ นวา่ มิเสียไป ถึงแมภ
นั น ้ ายหลั ง จะพิ สู จ น ได ว
์ ้ ่ า ทรั พย ส
์ ิ
น นั ้
น มิ ใ ช ข
่ องจาเลย หรื อ ลู ก ้
หนี โดยคาพิ พากษา หรื อ ผู ล ม
้ ้ ละลาย
มาตรา ๑๓๓๑ สิทธิของบุคคลผูไ้ ด้เงินตรามาโดยสุจริ ตนั น ้ ทา่ นวา่ มิเสียไป ถึงแมภ ้ ายหลั งจะ พิสูจน์ได้วา่ เงินนั น ้ มิใชข่ องบุคคลซึ่งได้โอนให้
มา
มาตรา ๑๓๓๒ บุคคลผูซ ้ ้ ือทรั พยส์ น ิ มาโดยสุจริ ตในการขายทอดตลาด หรื อในทอ ้ งตลาด

หรื อจากพอ่ คา้ ซึงขายของชนิ ดนั น ้ ไมจ่ าตอ ้ งคืนให้แกเ่ จา้ ของแทจ้ ริ ง เวน ้ แตเ่ จา้ ของจะชดใชร้ าคาที่ซ้ือมา
มาตรา ๑๓๓๓ ทา่ นวา่ กรรมสิทธิ์นัน ้ อาจไดม ้ าโดยอายุความตามที่บัญญั ติไวใ้ นลั กษณะ ๓ แหง่ บรรพนี้
มาตรา ๑๓๓๔ ที่ดินรกร้างวา่ งเปลา่ และที่ดินซึ่งมีผูเ้ วนคืนหรื อทอดทิ้งหรื อกลับมาเป็ นของ แผน ่ ดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดินนั น ้
ทา่ นวา่ บุคคลอาจได้มาตามกฎหมายที่ดิน
หมวด ๒ แดนแหง่ กรรมสิทธิ์ และการใชก ้ รรมสิทธิ์
มาตรา ๑๓๓๕ ภายในบั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติในประมวลกฎหมายนี้ หรื อกฎหมายอื่น ทา่ นวา่ แดนแหง่ กรรมสิทธิ์ท่ีดินนั น ้ กินทั งเหนื
้ อพื้นดิน
และใตพ ้
้ ืนดินด้วย
มาตรา ๑๓๓๖ ภายในบั งคั บแหง่ กฎหมาย เจา้ ของทรั พยส์ น ิ มีสท ิ ธิใชส ้ อยและจาหน่าย ทรั พยส์ น ิ ของตนและไดซ ้ ่ึงดอกผลแหง่ ทรั พยส์ น ิ นั น ้
้ สท
กับทั งมี ิ ธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรั พยส์ น ิ ของตนจาก บุคคลผูไ้ มม ี่ สทิ ธิจะยึดถือไว้ และมีสท ิ ธิขัดขวางมิใหผ ู
้ ้ อ่ ื นสอดเข า
้ ่
เกี ย วข อ
้ งกับทรั พย ส
์ ิ

นั น้ โดยมิชอบด้วย กฎหมาย
มาตรา ๑๓๓๗ บุคคลใดใชส ้ ทิ ธิของตนเป็ นเหตุใหเ้ จา้ ของอสั งหาริ มทรั พยไ์ ด้รับความเสียหาย หรื อเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรื อคาดหมายได้วา่
จะเป็ นไปตามปกติและเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตาแหน่ง ที่อยูแ่ หง่ ทรั พยส์ น ้ มาคานึ งประกอบไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของอสั งหาริ มทรั พยม
ิ นั น ์ ี
สิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยั งความ เสียหายหรื อเดือดร้อนนั น ้ ให้สน้ิ ไป ทั งนี ้ ้ ไมล่ บลา้ งสิทธิท่ีจะเรี ยกเอาคา่ ทดแทน

มาตรา ๑๓๓๘ ขอ ้ จากัดสิทธิแหง่ เจา้ ของอสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงกฎหมายกาหนดไวน ้ ทา่ นวา่ ไม่ จาตอ
้ ัน ้ งจดทะเบียน
ขอ
้ จากัดเชน ่ นี้ ทา่ นวา่ จะถอนหรื อแก้ให้หยอ่ นลงโดยนิ ติกรรมไมไ่ ด้ นอกจากจะได้ทานิ ติกรรม เป็ นหนั งสือและจดทะเบียนกับพนั กงานเจา้
หน้าที่
ขอ้ จากัดซึ่งกาหนดไวเ้ พื่อสาธารณประโยชน์นัน ้ ทา่ นวา่ จะถอนหรื อแก้ให้หยอ่ นลงมิได้เลย
มาตรา ๑๓๓๙ เจา้ ของที่ดินจาตอ ้ งรั บน้าซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน น้าไหลตามธรรมดามายั งที่ดินตา่ และจาเป็ นแก่
้ ไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินซึ่งอยูส่ ูงกวา่
ที่ดินนั น
จะกันเอาไวไ้ ดเ้ พียงที่จาเป็ นแกท ่ ่ีดินของตน
มาตรา ๑๓๔๐ เจา้ ของที่ดินจาตอ ้ งรั บน้าซึ่งไหลเพราะระบายจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน ถา้ กอ ่ นที่ระบายนั น้ น้าได้ไหลเขา้ มาในที่ดินของตน
ตามธรรมดาอยูแ่ ลว้
ถา้ ได้รับความเสียหายเพราะการระบายน้า ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินตา่ อาจเรี ยกร้องให้เจา้ ของ ที่ดินสูงทาทางระบายน้าและออกคา่ ใชจ้ า่ ยในการนั น ้
เพื่อระบายน้าไปให้ตลอดที่ดินตา่ จนถึงทางน้า หรื อทอ่ น้า สาธารณะ ทั งนี ้ ้ ไมล่ บลา้ งสิทธิแหง่ เจา้ ของที่ดินตา่ ในอั นจะเรี ยกเอาคา่ ทดแทน
มาตรา ๑ ๓ ๔ ๑ ทา่ นมิให้เจ ้ า ของ อสั งห าริ มทรั พยท ์ าหล ังค าหรื อการปล ูกสร้า งอยา่ งอื่น ซึ่งท า ให้น้าฝนตกลงยั ง
ทรั พยส์ น ิ ซึ่งอยูต
่ ด
ิ ตอ่ กัน
มาตรา ๑๓๔๒ บอ่ สระ หลุมรั บน้าโสโครก หรื อหลุมรั บปุ๋ย หรื อขยะมูลฝอยนั น ้ ทา่ นวา่ จะ ขุดในระยะสองเมตรจากแนวเขตที่ ดินไมไ่ ด้

คูหรื อการขุดร่องเพือวางทอ่ น้าใตด ่ ่ ่ ้
้ ินหรื อสิงอืนซึงคลา้ ยกันนั น ทา่ นวา่ จะทาใกลแ ้ นวเขตที่ดิน กวา่ ครึ่ งหนึ่ งแหง่ สว่ นลึกของคูหรื อร่องนั น ้ ไมไ่ ด้
แตถ า
่ ้ ทาห า
่ งแนวเขตหนึ ่ งเมตรหรื อ กว า
่ นั ้
น ท า นว
่ ่ า ทาได ้
ถา้ กระทาการดังกลา่ วไวใ้ นสองวรรคกอ ่ นใกลแ ้ นวเขตไซร้ ทา่ นวา่ ตอ
้ งใชค ้ วามระมั ดระวั งตาม ควร เพื่อป้องกันมิใหด ้ ินหรื อทรายพังลง
หรื อมิให้น้าหรื อสิง่ โสโครกซึมเขา้ ไป
มาตรา ๑๓๔๓ ห้ามมิให้ขุดดินหรื อบรรทุกน้าหนั กบนที่ดินเกินควรจนอาจเป็ นเหตุอันตราย แกค ่ วามอยูม ่ ั ่นแหง่ ที่ดินติดตอ่ เวน ้ แตจ่ ะจั ดการ
เพียงพอเพื่อป้องกันความเสียหาย
มาตรา ๑๓๔๔ รั ว้ กาแพง รั ว้ ตน ้ ไม้ คู ซึ่งหมายเขตที่ดินนั น ้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ่ นวา่ เจา้ ของที่ดินทั งสองข
้ อ ้ า้ งเป็ นเจา้ ของรวมกัน

มาตรา ๑๓๔๕ เมื่อรั ว้ ตน ้ ไม้ หรื อคูซ่ึงมิไดใ้ ชเ้ ป็ นทางระบายน้า เป็ นของเจา้ ของที่ดินทั งสอง ้ ขา้ งรวมกัน ทา่ นวา่ เจา้ ของขา้ งใดขา้ งหนึ่ งมีสท ิ ธิ
ที่จะตัดรั ว้ ตน
้ ไม้ หรื อถมคูนัน ้ ได้ถึงแนวเขตที่ดินของตน แตต ่ อ ้ ง กอ ่ กาแพง หรื อทารั ว้ ตามแนวเขตนั น ้
มาตรา ๑๓๔๖ ถา้ มีตน ้ ไมอ ่ นแนวเขตที่ดิน ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก
้ ยูบ ้ อ่ นวา่ เจา้ ของที่ดินทั ง้ สองขา้ งเป็ นเจา้ ของตน ้ ไมร้ วมกั น ดอกผลเป็ นของ
เจา้ ของที่ดินคนละสว่ นเสมอกัน และถา้ ตัดตน ้ ลงไซร้ ไมน ้ ัน้ เป็ นของเจา้ ของที่ดินคนละสว่ นดุจกัน
เจา้ ของแตล่ ะฝ่ายจะตอ ้ งการให้ขุดหรื อตัดตน ้ ไมก ้ ไ็ ด้ คา่ ใชจ้ า่ ยในการนั น ้ ต้องเสียเทา่ กันทั ง้
สองฝ่าย แตถ ่
่ า้ เจา้ ของอีกฝ่ายหนึ งสละสิทธิในตน ้ ไม้ไซร้ ฝ่ายทีตอ ่ ้ งการขุดหรื อตัดตอ ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยฝ่ายเดียว ถา้ ตน ้ ไมน ้ เป็ นหลักเขตและ
้ ัน
จะหาหลั กเขตอื่นไมเ่ หมาะเหมือน ทา่ นวา่ ฝ่ายหนึ่ งฝ่ายใดจะตอ ้ งการให ข
้ ุ ด หรื อตัด ไม ไ
่ ้ด
มาตรา ๑๓๔๗ เจา้ ของที่ดินอาจตัดรากไม้ซ่ึงรุ กเขา้ มาจากที่ดินติดตอ่ และเอาไวเ้ สีย ถา้ กิ่งไม้ ยื่นลา้ เขา้ มา เมื่อเจา้ ของที่ดินได้บอกผูค ้ รอบ
ครองที่ดินติดตอ่ ให้ตัดภายในเวลาอั นสมควรแลว้ แตผ ่ ูน้ ัน ้ ไมต ่ ัด ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินตัดเอาเสียได้
มาตรา ๑๓๔๘ ดอกผลแหง่ ตน ้ ไมท้ ่ีหลน่ ตามธรรมดาลงในที่ดินติดตอ่ แปลงใด ทา่ นให้ สั นนิ ษฐานไวก ้ ่อนวา่ เป็ นดอกผลของที่ดินแปลงนั น ้
มาตรา ๑๓๔๙ ที่ดินแปลงใดมีท่ีดินแปลงอื่นล้อมอยูจ่ นไมม ่ ีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินแปลงนั น ้ จะผา่ นที่ดินซึ่งลอ ้ ม
อยูไ่ ปสู ท่ างสาธารณะได้
ที่ดินแปลงใดมีทางออกไดแ ้ ตเ่ มื่อตอ
้ งขา้ มสระ บึง หรื อทะเล หรื อมีที่ชันอั นระดั บที่ดินกับทาง สาธารณะสูงกวา่ กันมากไซร้ ทา่ นวา่ ใหใ้ ช้
ความในวรรคตน ้ บั ง คั บ
ที่และวิธีทาทางผา่ นนั น ้ ตอ ้ งเลือกให้พอควรแกค ่ วามจาเป็ นของผูม ้ ี สท ิ ธิจะผา่ น กับทั งให ้ ้ คานึ งถึงที่ดินที่ลอ ้ มอยูใ่ ห้เสียหายแตน ่ ้ อยที่สุดที่จะ
เป็ นได้ ถา้ จาเป็ นผูม ้ ี สท ิ ธิจะผา่ นจะสร้างถนนเป็ นทางผา่ นก็ ได้
ผูม้ ีสทิ ธิจะผา่ นตอ ้ งใชค ้ า่ ทดแทนให้แกเ่ จา้ ของที่ดินที่ลอ ้ มอยูเ่ พื่อความเสียหายอั นเกิดแตเ่ หตุ ที่มีทางผา่ นนั ้ น คา่ ทดแทนนั น ้ นอกจากคา่ เสียหาย
เพราะสร้างถนน ทา่ นวา่ จะกาหนดเป็ นเงินรายปี ก็ได้
มาตรา ๑๓๕๐ ถา้ ที่ดินแบง่ แยกหรื อแบง่ โอนกั นเป็ นเหตุใหแ ้ ปลงหนึ่ งไมม ่ ีทางออกไปสู ท ่ าง สาธารณะไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินแปลงนั น ้ มี
สิทธิเรี ยกร้องเอาทางเดินตามมาตรากอ ่ นได เ
้ ฉพาะบนที ่ ด ิ น แปลง ที ่ ไ ด แ
้ ่ บ ง แยกหรื อแบ ง
่ โอนกั นและไม ต
่ ้ อ งเสี ย คา่ ทดแทน

มาตรา ๑๓๕๑ เจา้ ของที่ดิน เมื่อบอกลว่ งหน้าตามสมควรแลว้ อาจใชท ้ ่ีดินติดตอ่ เพียงที่ จาเป็ นในการปลูกสร้างหรื อซ่อมแซมรั ว้ กาแพง
หรื อโรงเรื อน ตรงหรื อใกลแ ้ นวเขตของตน แตจ่ ะเขา้ ไปใน เรื อนที่อยูข่ องเพื่อนบา้ นขา้ งเคียงไมไ่ ด้ เวน ้ แตไ่ ด้รับความยินยอม
ถา้ ได้กอ ่ ความเสียหายใหเ้ กิดขึ้นไซร้ ทา่ นวา่ เพื่อนบา้ นขา้ งเคียงจะเรี ยกเอาคา่ ทดแทนก็ได้
มาตรา ๑๓๕๒ ทา่ นวา่ ถา้ เจา้ ของที่ดินไดร้ ั บคา่ ทดแทนตามสมควรแลว้ ตอ ้ งยอมใหผ ้ ูอ ้ ่ืนวาง ทอ่ น้า ทอ่ ระบายน้า สายไฟฟ้า หรื อสิง่ อื่นซึ่ง
คลา้ ยกันผา่ นที่ดินของตน เพื่อประโยชน์แกท ่ ่ ี ดิ น ติ ดต อ
่ ซึ่ ง ถา้ ่ไม ยอมให ผ า
้ ่ นก็ไ มม่ างจะวางได้ หรื อถา้ จะวางไดก
ี ท ้ เ็ ปลืองเงินมากเกินควร
แตเ่ จา้ ของที่ดินอาจใหย้ กเอา
ประโยชน์ของตนขึ้นพิจารณาด้วย
เมื่อมีเหตุผลพิเศษ ถา้ จะตอ ้ งวางเหนื อพื้นดินไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของที่ดินอาจเรี ยกให้ซ้ ือที่ดินของ

ตนบางสว่ นตามควรทีจะใชใ้ นการนั น ้ โดยราคาคุม ้ คา่ ที่ดินและคา่ ทดแทนความเสียหายซึ่งอาจมีเพราะการขาย นั น ้ ด้วย
ถา้ พฤติการณ์เปลี่ยนไป เจา้ ของที่ดินอาจเรี ยกใหย้ า้ ยถอนสิง่ ที่วางนั น ้ ไปไว้ ณ สว่ นอื่นแหง่ ที่ดินของตนตามแตจ่ ะเหมาะแกป ่ ระโยชน์แหง่
เจา้ ของที่ดิน
คา่ ยา้ ยถอนนั น ้ เจา้ ของที่ดินติดตอ ่ เป็ นผูเ้ สีย แตถ ่ า้ มีพฤติการณ์พิเศษไซร้ ทา่ นวา่ จะใหเ้ จา้ ของ ที่ดินอีกฝ่ายหนึ่ งชว่ ยเสียคา่ ยา้ ยถอนตามสว่ น
อั นควรก็ได้
มาตรา ๑๓๕๓ บุคคลอาจพาปศุสัตวข์ องตนผา่ นหรื อเขา้ ไปในที่ดินของผูอ ้ ่ืนซึ่งมิได้กันเพื
้ ่ อไป เลี้ยง และอาจเขา้ ไปเอาน้าในบอ่ หรื อสระในที่
เชน ้
่ วา่ นั นมาใชไ้ ด้ เวน ่ ่ ่
่ ีดินเป็ นทีเพาะปลูก หรื อเตรี ยมเพือ เพาะปลูก หวา่ น หรื อมีธัญชาติข้ึนอยูแ่ ลว้ แตท
้ แตท ่ า่ นวา่ เจา้ ของที่ดินยอ่ มห้ามได้
เสมอ
มาตรา ๑๓๕๔ ถา้ มีจารี ตประเพณี แหง่ ทอ ้ งถิ่นใหท ้ าไดแ ้ ละถา้ เจา้ ของไมห ่ า้ ม บุคคลอาจเขา้ ไปในที่ป่า ที่ดง หรื อในที่มีหญา้ เลี้ยงสั ตวซ์ ่ึงเป็ น
ที่ดินของผูอ ้ ่ืน เพื่อเก็บฟืน หรื อผลไมป ้ ่ า ผั ก เห็ด และสิง่ เชน ่ กัน
มาตรา ๑๓๕๕ เจา้ ของที่ดินริ มทางน้า หรื อมีทางน้าผา่ น ไมม ่ ี สท ิ ธิจะชั กเอาน้าไวเ้ กินกวา่ ที่ จาเป็ นแกป ่ ระโยชน์ของตนตามควร ให้เป็ น
เหตุเสื่อมเสียแกท ่ ่ีดินแปลงอื่นซึ่งอยูต ่ ามทางน้านั น ้
หมวด ๓ กรรมสิทธิ์รวม
มาตรา ๑๓๕๖ ถา้ ทรั พยส์ น ิ เป็ นของบุคคลหลายคนรวมกัน ทา่ นใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติในหมวดนี้ บั งคั บ เวน ้ แตจ่ ะมีกฎหมายบั ญญั ติไวเ้ ป็ นอยา่ ง
อื่น

มาตรา ๑๓๕๗ ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ


่ นวา่ ผูเ้ ป็ นเจา้ ของรวมกันมีสว่ นเทา่ กัน
มาตรา ๑๓๕๘ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ ่อนวา่ เจา้ ของรวมมีสท ิ ธิจัดการทรั พยส์ น
ิ รวมกัน
ในเรื่ องจั ดการตามธรรมดา ทา่ นวา่ พึงตกลงโดยคะแนนขา้ งมากแหง่ เจา้ ของรวม แต่ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ อาจทาสิง่ ใดสิง่ หนึ่ งในทาง
จั ดการตามธรรมดาได้ เวน ้ แตฝ่ ่ ายขา้ งมากได้ตกลงไวเ้ ป็ น อยา่ งอื่น แตเ่ จา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ อาจทาการเพื่อรั กษาทรั พยส์ น
ิ ได้เสมอ
ในเรื่ องจั ดการอั นเป็ นสาระสาคั ญ ทา่ นวา่ ตอ ้ งตกลงกันโดยคะแนนข า
้ งมากแห ง เจ
่ ้ า ของรวม
และคะแนนขา้ งมากนั น ้ ตอ ้ งมีสว่ นไมต ่ า่ กวา่ ครึ่ งหนึ่ งแหง่ คา่ ทรั พยส์ น ิ

การเปลียนแปลงวั ตถุทีประสงคน ่ ้
์ ั น ทา่ นวา่ จะตกลงกันได้กแ ็ ตเ่ มื่อเจา้ ของรวมเห็นชอบทุกคน
มาตรา ๑๓๕๙ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ อาจใชส ิ ธิอันเกิดแตก
้ ท ่ รรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรั พยส์ น ้
ิ ทั งหมดเพื ่ อตอ่ สู บ
้ ุคคลภายนอก แตใ่ นการเรี ยก
ร้องเอาทรั พยส์ น ิ คืนนั น้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งอยู ใ
่ นบั ง คั บ แห ง
่ เงื่ อ นไขที ่ ระบุ ไว ใ
้ นมาตรา ๓๐๒ แห ง
่ ประมวลกฎหมายนี ้
มาตรา ๑๓๖๐ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ มีสท ิ ธิใชท ้ รั พยส์ น ิ ได้ แตก ่ ารใชน ้ ตอ
้ ัน ่ สิทธิ แหง่ เจา้ ของรวมคนอื่น ๆ
้ งไมข่ ั ดตอ
ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ มีสท ิ ธิได้ดอกผลตามสว่ นของตนที่มีใน ทรั พยส์ น ้
ิ นั น
มาตรา ๑๓๖๑ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ จะจาหน่ายสว่ นของตน หรื อจานอง หรื อกอ ่ ให้เกิด ภาระติดพันก็ได้
แตต ่ ัวทรั พยส์ น ้ จะจาหน่าย จานา จานอง หรื อกอ
ิ นั น ่ ให้เกิดภาระติดพันได้กแ ็ ตด่ ้วยความ
ยินยอมแหง่ เจา้ ของรวมทุกคน
ถา้ เจา้ ของรวมคนใดจาหน่าย จานา จานอง หรื อกอ ่ ใหเ้ กิดภาระติดพันทรั พยส์ น ิ โดยมิไดร้ ั บ
ความยินยอมแหง่ เจา้ ของรวมทุกคน แตภ ่ ายหลั งเจา้ ของรวมคนนั น ้ ได้เป็ นเจา้ ของทรั พยส์ น ิ แตผ ่ ูเ้ ดียวไซร้ ทา่ น วา่ นิ ติกรรมนั น ้ เป็ นอันสมบูรณ์
มาตรา ๑๓๖๒ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ จาตอ ้ งชว่ ยเจา้ ของรวมคนอื่น ๆ ตามสว่ นของตนใน การออกคา่ จั ดการ คา่ ภาษี อากร และคา่ รั กษา
กับทั งค้ า่ ใชท้ รั พยส์ นิ รวมกันด้วย
มาตรา ๑๓๖๓ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ มีสท ิ ธิเรี ยกให้แบง่ ทรั พยส์ น ิ ได้ เวน ้ แตจ่ ะมีนิติกรรมขั ด อยู ่ หรื อถา้ วั ตถุท่ีประสงคท ์ ่ีเป็ นเจา้ ของรวม

กันนั นมีลักษณะเป็ นการถาวร ก็เรี ยกให้แบง่ ไมไ่ ด้

สิทธิเรี ยกให้แบง่ ทรั พยส์ น ิ นั น้ ทา่ นวา่ จะตัดโดยนิ ติกรรมเกินคราวละสิบปี ไมไ่ ด้ ทา่ นวา่ เจา้ ของรวมจะเรี ยกให้แบง่ ทรั พยส์ น ิ ในเวลาที่ไมเ่ ป็ น
โอกาสอั นควรไมไ่ ด้
มาตรา ๑๓๖๔ การแบง่ ทรั พยส์ น ิ พึงกระทาโดยแบง่ ทรั พยส์ น ้ เองระหวา่ งเจา้ ของรวม หรื อโดยขายทรั พยส์ น
ิ นั น ิ แลว้ เอาเงินที่ขายได้แบง่ กัน
ถา้ เจา้ ของรวมไมต ่ กลงกันวา่ จะแบง่ ทรั พยส์ น ิ อยา่ งไรไซร้ เมื่อเจา้ ของรวมคนหนึ่ งคนใดขอ ศาลอาจสั ง่ ใหเ้ อาทรั พยส์ น ้ ออกแบง่ ถา้ สว่ นที่
ิ นั น
แบง่ ให้ไมเ่ ทา่ กันไซร้ จะสั งใหท ่ ้ ดแทนกันเป็ นเงินก็ได้ ถา้ การ แบง่ เชน ้
่ วา่ นี ไมอ่ าจทาได้หรื อจะเสียหายมากนั กก็ดี ศาลจะสั ง่ ให้ขายโดยประมูล
ราคากันระหวา่ งเจา้ ของรวม
หรื อขายทอดตลาดก็ได้
มาตรา ๑๓๖๕ ถา้ เจา้ ของรวมตอ ้ งรั บผิดชอบร่วมกันตอ ่ บุคคลภายนอกในหนี้ อันเกี่ยวกับ ทรั พยส์ น ิ รวม หรื อในหนี้ ซึ่งได้กอ ่ ขึ้นใหมเ่ พื่อชาระ
้ ก็ดี ในเวลาแบง่ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ จะ เรี ยกให้เอาทรั พยส์ น
หนี้ เดิมดังวา่ นั น ิ รวมนั น้ ชาระหนี้ เสียกอ ่ น หรื อใหเ้ อาเป็ นประกั นก็ได้
ถา้ เจา้ ของรวมคนหนึ่ งตอ ้ งรั บผิดตอ่ เจา้ ของรวมคนอื่นในหนี้ ซึ่งเกิดจากการเป็ นเจา้ ของรวม หรื อในหนี้ ซึ่งได้กอ ่ ขึ้นใหมเ่ พื่อชาระหนี้ เดิมดังวา่ นั น ้

ก็ดี ในเวลาแบง่ เจา้ ของรวมผูเ้ ป็ นเจา้ หนี จะเรี ยกให้เอาสว่ น ซึงจะได้แกล ่ ้ ิ ้
่ ูกหนี ของตนในทรั พยส์ นรวมนั นชาระหนี เสียกอ ้ ่ น หรื อใหเ้ อาเป็ น
ประกันก็ได้
สิทธิท่ีกลา่ วมาขา้ งตน ้ นี้ อาจใชแ ้ กผ ่ ูร้ ั บโอน หรื อผูส ื กรรมสิทธิใ์ นสว่ นของเจา้ ของรวมนั น
้ บ ้ ถา้ จาเป็ นจะตอ ้ งขายทรั พยส์ น ิ รวมไซร้ ทา่ นใหน ้ า
บทบั ญญั ติมาตรากอ ่ นมาใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๑๓๖๖ เจา้ ของรวมคนหนึ่ ง ๆ ตอ ้ งรั บผิดตามสว่ นของตนเชน ่ เดียวกับผูข้ ายใน ทรั พยส์ น ิ ซึ่งเจา้ ของรวมคนอื่น ๆ ได้รับไปในการแบง่
ลั กษณะ ๓
ครอบครอง
มาตรา ๑๓๖๗ บุคคลใดยึดถือทรั พยส์ น ิ โดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ ่ึง สิทธิครอบครอง
้ ไดซ
ตน
มาตรา ๑๓๖๘ บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผูอ ้ ่ืนยึดถือไวใ้ ห้
มาตรา ๑๓๖๙ บุคคลใดยึดถือทรั พยส์ น ิ ไว้ ทา่ นให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ บุคคลนั น ้ ยึดถือเพื่อ

มาตรา ๑๓๗๐ ผูค ้ รอบครองนั น ้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ ่อนวา่ ครอบครองโดยสุจริ ตโดยความ สงบและโดยเปิดเผย
มาตรา ๑๓๗๑ ถา้ พิสูจน์ไดว้ า่ บุคคลใดครอบครองทรั พยส์ น ิ เดียวกันสองคราว ทา่ นให้ สั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ บุคคลนั น ้ ไดค ้ รอบครองติดตอ ่ กัน
ตลอดเวลา
มาตรา ๑๓๗๒ สิทธิซ่ึงผูค ้ รอบครองใชใ้ นทรั พยส์ น ิ ที่ครอบครองนั น ้ ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไว้
กอ ่ นวา่ เป็ นสิทธิซ่ึงผูค้ รอบครองมีตามกฎหมาย
มาตรา ๑๓๗๓ ถา้ ทรั พยส์ น ิ เป็ นอสั งหาริ มทรั พยท ์ ่ีได้จดไวใ้ นทะเบียนที่ดิน ทา่ นให้ สั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ บุคคลผูม ้ ีช่ือในทะเบียนเป็ นผูม ้ ี สทิ ธิ
ครอบครอง
มาตรา ๑๓๗๔ ถา้ ผูค ้ รอบครองถูกรบกวนในการครอบครองทรั พยส์ น ิ เพราะมีผูส ้ อดเขา้ เกยี่วขอ้ งโดยมิชอบดว้ ยกฎหมายไซร้ทา่ นวา่ ผูค ้ รอบ
ครองมีสท ิ ธิจะใหป
้ ลดเปลื ้ อ งการรบกวนนั ้
น ได ถ
้ ้ า เป็ น ที ่ น ่ า วิตกว า
่ จะยั ง มี การรบกวนอี ก ผู ค
้ รอบครองจะขอต อ
่ ศาลให ส
้ ั ่ ง หา้ มก็
ไ ด้
การฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนนั น ้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งฟ้องภายในปี หนึ่ งนั บแตเ่ วลาถูก
รบกวน
มาตรา ๑๓๗๕ ถา้ ผูค ้ รอบครองถูกแยง่ การครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ ทา่ นวา่ ผู ้ ครอบครองมีสท ิ ธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง
เวน ่
้ แตอ่ ีกฝ่ายหนึ งมีสท ิ ธิเหนื อทรั พยส์ น ่
ิ ดีกวา่ ซึงจะเป็ นเหตุให้ เรี ยกคืนจากผูค ้ รอบครองได้
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั น ้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งฟ้องภายในปี หนึ่ งนั บแตเ่ วลาถูกแยง่
การครอบครอง
มาตรา ๑๓๗๖ ถา้ จะตอ ้ งสง่ ทรั พยส์ น ิ คืนแกบ ่ ุคคลผูม ้ ี สท ิ ธิเอาคืนไซร้ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติ มาตรา ๔๑๒ ถึง ๔๑๘ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้
วา่ ด้วยลาภมิควรได้มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๓๗๗ ถา้ ผูค ้ รอบครองสละเจตนาครอบครอง หรื อไมย่ ึดถือทรั พยส์ น ิ ตอ่ ไปไซร้ การ ครอบครองยอ่ มสุดสิน ้ ลง
ถา้ เหตุอันมีสภาพเป็ นเหตุชั่วคราวมีมาขั ดขวางมิใหผ ้ ูค้ รอบครองยึดถือทรั พยส์ น ิ ไซร้ ทา่ นวา่ การครอบครองไมส ้ ลง
่ ุดสิน

มาตรา ๑๓๗๘ การโอนไปซึ่งการครอบครองนั น ิ ที่ครอบครอง


้ ยอ่ มทาไดโ้ ดยสง่ มอบทรั พยส์ น
มาตรา ๑๓๗๙ ถา้ ผูร้ ั บโอนหรื อผูแ ้ ทนยึดถือทรั พยส์ น ิ อยูแ่ ลว้ ทา่ นวา่ การโอนไปซึ่งการ ครอบครองจะทาเพียงแสดงเจตนาก็ได้

มาตรา ๑๓๘๐ การโอนไปซึงการครอบครองยอ่ มเป็ นผล แมผ ้ ูโ้ อนยั งยึดถือทรั พยส์ น ิ อยู ่ ถา้ ผู ้ โอนแสดงเจตนาวา่ ตอ่ ไปจะยึดถือทรั พยส์ น ้
ิ นั น
แทนผูร้ ั บโอน
ถา้ ทรั พยส์ นิ นั น ้ ทนของผูโ้ อนยึดถืออยู ่ การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทาโดยผูโ้ อนสั ่ง
้ ผูแ
ผูแ้ ทนวา่ ตอ่ ไปให้ยึดถือทรั พยส์ น ิ ไวแ้ ทนผูร้ ั บโอนก็ได้
มาตรา ๑๓๘๑ บุคคลใดยึดถือทรั พยส์ น ิ อยูใ่ นฐานะเป็ นผูแ ้ ทนผูค ้ รอบครอง บุคคลนั น ้ จะ เปลี่ยนลั กษณะแหง่ การยึดถือได้ ก็แตโ่ ดยบอก
กลา่ วไปยั งผูค ้ รอบครองวา่ ไมเ่ จตนาจะยึดถือทรั พยส์ น ิ แทนผู ้ ครอบครองตอ่ ไป หรื อตนเองเป็ นผูค ้ รอบครองโดยสุจริ ต อาศั ยอานาจใหมอ่ ั น
ได้จากบุคคลภายนอก
มาตรา ๑๓๘๒ บุคคลใดครอบครองทรั พยส์ น ิ ของผูอ ้ ่ืนไวโ้ ดยความสงบและโดยเปิดเผยดว้ ย เจตนาเป็ นเจา้ ของ ถา้ เป็ นอสั งหาริ มทรั พยไ์ ด้
ครอบครองติดตอ่ กั นเป็ นเวลาสิบปี ถา้ เป็ นสั งหาริ มทรั พยไ์ ด้ ครอบครองติดตอ่ กั นเป็ นเวลาหา้ ปี ไซร้ ทา่ นวา่ บุคคลนั น ้ ไดก้ รรมสิทธิ์
มาตรา ๑๓๘๓ ทรั พยส์ น ิ อั นได้มาโดยการกระทาผิดนั น ้ ทา่ นวา่ ผูก ้ ระทาผิดหรื อผูร้ ั บโอนไม่ สุจริ ตจะได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความก็แตเ่ มื่อพน ้
กาหนดอายุความอาชญา หรื อพน ้ เวลาที่กาหนดไวใ้ นมาตรา กอ ่ น ถา้ กาหนดไหนยาวกวา่ ทา่ นให้ใชก ้ าหนดนั น ้
มาตรา ๑๓๘๔ ถา้ ผูค ้ รอบครองขาดยึดถือทรั พยส์ น ิ โดยไมส ่ มั ครและได้คืนภายในเวลาปี หนึ่ ง

นั บตั งแตว่ ั นขาดยึดถือหรื อได้คืนโดยฟ้องคดีภายในกาหนดนั น ้ ไซร้ ทา่ นมิให้ถือวา่ การครอบครองสะดุดหยุดลง
มาตรา ๑๓๘๕ ถา้ โอนการครอบครองแกก ่ ัน ผูร้ ั บโอนจะนั บเวลาซึ่งผูโ้ อนครอบครองอยูก ่ อ
่ น นั น ้ รวมเขา้ กับเวลาครอบครองของตนก็ได้ ถา้
ผูร้ ั บโอนนั บรวมเชน น
่ ้ั น และถ า มี
้ ้ ข อบกพร ่ องในระหว า
่ ง ครอบครองของผู โ
้ อนไซร ท า
้ ่ ่ ้นว า ขอ บกพร ้ อาจยกขึ้นเป็ นขอ
่ องนั น ้ ตอ่ สู ผ
้ ูร้ ั บโอนได้
มาตรา ๑๓๘๖ บทบั ญญั ติวา่ ด้วยอายุความในประมวลกฎหมายนี้ ทา่ นให้ใชบ ้ ั งคั บในเรื่ อง อายุความได้สท ิ ธิอันกลา่ วไวใ้ นลั กษณะนี้ โดย
อนุ โลม
ลั กษณะ ๔

ภ าระจ ายอม
มาตรา ๑๓๘๗ อสั งหาริ มทรั พยอ์ าจตอ ้ งตกอยูใ่ นภาระจายอมอั นเป็ นเหตุใหเ้ จา้ ของตอ ้ ง ยอมรั บกรรมบางอยา่ งซึ่งกระทบถึงทรั พยส์ น ิ ของตน
หรื อตอ ้ งงดเว น
้ การใช ส
้ ิ
ท ธิ บ างอย า
่ งอั น มี อยู ใ
่ นกรรมสิ ท ธิ ์ ทรั พย ส
์ ิ
น นั น ้ เพื ่ อประโยชน แ
์ ่ก อสั ง หาริ มทรั พย อ์ ่ ื น
มาตรา ๑๓๘๘ เจา้ ของสามยทรั พยไ์ มม ่ ี สทิ ธิทาการเปลี่ยนแปลงในภารยทรั พยห ์ รื อใน
สามยทรั พยซ์ ่ึงทาให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแกภ ่ ารยทรั พย ์
มาตรา ๑๓๘๙ ถา้ ความตอ ้ งการแหง่ เจา้ ของสามยทรั พยเ์ ปลี่ยนแปลงไป ทา่ นวา่ ความ เปลี่ยนแปลงนั น ้ ไมใ่ ห้สท ิ ธิแกเ่ จา้ ของสามยทรั พยท์ ่ีจะทา

ใหเ้ กิดภาระเพิมขึนแกภ ้ ่ ารยทรั พยไ์ ด้
มาตรา ๑๓๙๐ ทา่ นมิใหเ้ จา้ ของภารยทรั พยป ์ ระกอบกรรมใด ๆ อั นจะเป็ นเหตุใหป ้ ระโยชน์ แหง่ ภาระจายอมลดไปหรื อเสื่อมความสะดวก
มาตรา ๑๓๙๑ เจา้ ของสามยทรั พยม ี์ สท ิ ธิทาการทุกอยา่ งอั นจาเป็ นเพื่อรั กษาและใชภ ้ าระจา ยอม แตต ่ อ ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยของตนเอง ในการนี้ เจา้
ของสามยทรั พยจ์ ะกอ ่ ให้เกิดความเสียหายแกภ ่ ารยทรั พยไ์ ด้ก็ แตน ่ ้ อยที่สุดตามพฤติการณ์
เจา้ ของสามยทรั พยต ์ อ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยของตนเองรั กษาซอ ่ มแซมการที่ได้ทาไปแลว้ ให้เป็ นไป ด้วยดี แตถ ่ า้ เจา้ ของภารยทรั พยไ์ ด้รับประโยชน์ด้วย
ไซร้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งออกคา่ ใชจ้ า่ ยตามสว่ นแหง่ ประโยชน์ท่ี ได้รับ
มาตรา ๑๓๙๒ ถา้ ภาระจายอมแตะตอ ้ งเพียงสว่ นหนึ่ งแหง่ ภารยทรั พย ์ เจา้ ของทรั พยน ้ อาจ เรี ยกให้ยา้ ยไปยั งสว่ นอื่นก็ได้ แตต
์ ัน ่ อ
้ งแสดงได้
้ เป็ นประโยชน์แกต
วา่ การยา้ ยนั น ่ นและรั บเสี ย คา ใช จ
่ ้ ่า ย ทั ้
งนี้ ต อ
้ งไม ท
่ าให ค
้ วามสะดวกของเจ า้ ของสามยทรั พยล์ ดน้อยลง
มาตรา ๑๓๙๓ ถา้ มิไดก ้ าหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในนิ ติกรรมอันกอ ่ ใหเ้ กิดภาระจายอมไซร้ ทา่ น วา่ ภาระจายอมยอ่ มติดไปกั บสามยทรั พยซ์ ่ึงไดจ้ า
หน่าย หรื อตกไปในบั งคับแหง่ สิทธิอ่ืน
ทา่ นวา่ จะจาหน่าย หรื อทาให้ภาระจายอมตกไปในบั งคั บแหง่ สิทธิอ่ืนตา่ งหากจาก สามยทรั พยไ์ มไ่ ด้

มาตรา ๑๓๙๔ ถา้ มีการแบง่ แยกภารยทรั พย ์ ทา่ นวา่ ภาระจายอมยั งคงมีอยูท ่ ุกสว่ นที่แยก ออก แตถ ่ า้ ในสว่ นใดภาระจายอมนั น ้ ไมใ่ ชแ ้ ละใช้
ไมไ่ ดต ้ ามรู ปการ ท า นว
่ ่ ้าเจ า ของส ว
่ นนั ้
น จะเรี ย กให พ
้ ้น จาก ภาระจายอมก็ ไ ด ้
มาตรา ๑๓๙๕ ถา้ มีการแบง่ แยกสามยทรั พย ์ ทา่ นวา่ ภาระจายอมยั งคงมีอยูเ่ พื่อประโยชน์ แกท ่ ุกสว่ นที่แยกออกนั น ้ แตถ ่ า้ ภาระจายอมนั น ้ ไม่
ใชแ ้ ละใชไ้ มไ่ ด้ตามรู ปการเพื่อประโยชน์แกส ่ ว่ นใดไซร้ ทา่ น ว ่าเจ้ าของภาร ยทรั พยจ์ ะเรี ย ก ให้พน ้ จากภ าร ะจ ายอ มอั นเ กี่ย ว
กับทรั พยส์ ว่ นนั น ้ ก็ ได้
มาตรา ๑๓๙๖ ภาระจายอมซึ่งเจา้ ของรวมแหง่ สามยทรั พยค์ นหนึ่ งได้มา หรื อใชอ ้ ยูน
่ ัน้ ทา่ นให้ ถือวา่ เจา้ ของรวมได้มาหรื อใชอ ้ ยูด่ ้วยกันทุก
คน
มาตรา ๑ ๓ ๙ ๗ ถา้ ภารย ทรั พ ยห ์ ร ือสามยทรั พยส์ ลาย ไปทั ้ ง หม ด ทา่ นว ่าภ าระจ าย อมสิน ้ ไ ป
มาตรา ๑๓๙๘ ถา้ ภารยทรั พยแ์ ละสามยทรั พยต ์ กเป็ น ของเจ า
้ ของคนเดี ย วกัน ทา่ ่นว า เจ า
้ ของจะให เ
้ พิ กถอนการจดทะเบี ยนภาระจายอมก็ได้
แตถ ่ า้ ยั งมิได้เพิกถอนทะเบียนไซร้ ภาระจายอมยั งคงมี อยูใ่ นสว่ นบุคคลภายนอก
มาตรา ๑๓๙๙ ภาระจายอมนั น ้ ถา้ มิได้ใชส ้ บิ ปี ทา่ นวา่ ยอ่ มสิน ้ ไป
มาตรา ๑๔๐๐ ถา้ ภาระจายอมหมดประโยชน์แกส ่ ามยทรั พยไ์ ซร้ ทา่ นวา่ ภาระจายอมนั น ้ สิน ้ ไป แตถ ่ า้ ความเป็ นไปมีทางให้กลั บใชภ ้ าระจา
ยอมได้ไซร้ ทา่ นวา่ ภาระจายอมนั น ้ กลั บมีข้ึนอีกแตต ่ อ้ งยั งไมพ ่ ้น อายุความที่ระบุไวใ้ นมาตรากอ ่ น
ถา้ ภาระจายอมยั งเป็ นประโยชน์แกส ่ ามยทรั พยอ์ ยูบ ่ า้ ง แตเ่ มื่อเทียบกับภาระอั นตกอยูแ่ ก่
ภารยทรั พยแ์ ลว้ ประโยชน์นัน ้ น้อยนั กไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของภารยทรั พยจ์ ะขอใหพ ้ น้ จากภาระจายอมทั งหมด ้ หรื อแตบ่ างสว่ นก็ได้ แตต ่ อ
้ งใช้
คา่ ทดแทน
มาตรา ๑๔๐๑ ภาระจายอมอาจได้มาโดยอายุความ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติวา่ ด้วยอายุความ ได้สท ิ ธิอันกลา่ วไวใ้ นลั กษณะ ๓ แหง่ บรรพนี้ มา
ใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
ลั กษณะ ๕ อาศั ย

้ ยอ่ มมีสท
มาตรา ๑๔๐๒ บุคคลใดไดร้ ั บสิทธิอาศั ยในโรงเรื อน บุคคลนั น ้ โดยไมต
ิ ธิอยูใ่ นโรงเรื อนนั น ่ อ
้ งเสียคา่ เชา่
มาตรา ๑๔๐๓ สิทธิอาศั ยนั น ้ ทา่ นวา่ จะกอ ่ ให้เกิดโดยมีกาหนดเวลา หรื อตลอดชีวต ิ ของผู ้ อาศั ยก็ได้
ถา้ ไมม ่ ีกาหนดเวลา ทา่ นวา่ สิทธินัน ้ จะเลิกเสียในเวลาใด ๆ ก็ได้แตต ่ อ ้ งบอกลว่ งหน้าแกผ ่ ู ้ อาศั ยตามสมควร
ถา้ ใหส ิ ธิอาศั ยโดยมีกาหนดเวลา กาหนดนั น
้ ท ้ ทา่ นมิใหเ้ กินสามสิบปี ถา้ กาหนดไวน ้ านกวา่ นั น ้
ใหล้ ดลงมาเป็ นสามสิ บปี การให ส
้ ิ
ท ธิ อ าศั ย จะต อ
่ อายุ ก ไ
็ ด้ แต ต อ
่ ้ งกาหนดเวลาไม เ
่ กิ นสามสิ บ ปี นั บแตว่ ั นทาตอ่ มาตรา ๑๔๐๔ สิทธิอาศั ยนั น ้
จะโอนกันไมไ่ ด้แมโ้ ดยทางมรดก
มาตรา ๑๔๐๕ สิทธิอาศั ยนั น ้ ถา้ มิได้จากัดไวช้ ั ดแจง้ วา่ ให้เพื่อประโยชน์แกผ ่ ูอ
้ าศั ยเฉพาะตัว ไซร้ บุคคลในครอบครั วและในครั วเรื อนของผู ้
อาศั ยจะอยูด ่ ้วยก็ได้
มาตรา ๑๔๐๖ ถา้ ผูใ้ ห้อาศั ยมิได้ห้ามไวช้ ั ดแจง้ ผูอ ้ าศั ยจะเก็บเอาดอกผลธรรมดาหรื อผลแหง่ ที่ดิน มาใชเ้ พียงที่จาเป็ นแกค ่ วามตอ้ งการของ
ครั วเรื อนก็ได้
มาตรา ๑๔๐๗ ผูใ้ หอ ้ าศั ยไมจ่ าตอ ้ งบารุ งรั กษาทรั พยส์ น ิ ใหอ ้ ยูใ่ นความซอ ่ มแซมอันดี ผูอ ้ าศั ยจะเรี ยกใหช้ ดใชค ้ า่ ใชจ้ า่ ย ซึ่งไดอ้ อกไปในการทา
ใหท ้ รั พยส์ นิ ดีข้ึนหาได้ไม่
มาตรา ๑๔๐๘ เมื่อสิทธิอาศั ยสิน ้ ลง ผูอ ้ าศั ยตอ ้ งสง่ ทรั พยส์ น ิ คืนแกผ ่ ูใ้ ห้อาศั ย
มาตรา ๑๔๐๙ ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยหน้าที่และความรั บผิด ของผูเ้ ชา่ อั นกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๕๕๒ ถึง ๕๕๕
มาตรา ๕๕๘, ๕๖๒ และ ๕๖๓ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
ลั กษณะ ๖ สิทธิเหนื อพื้นดิน
มาตรา ๑๔๑๐ เจา้ ของที่ดินอาจกอ ่ ใหเ้ กิดสิทธิเหนื อพื้นดินเป็ นคุณแกบ ่ ุคคลอื่น โดยให้ บุคคลนั น ้ มีสทิ ธิเป็ นเจา้ ของโรงเรื อน สิง่ ปลูกสร้าง
หรื อสิง่ เพาะปลูก บนดินหรื อใตด ้ ินนั น ้

มาตรา ๑๔๑๑ ถา้ มิได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในนิ ติกรรมอั นก่อให้เกิดสิทธิเหนื อพื้นดินไซร้ ทา่ นวา่ สิทธินัน ้ อาจโอนได้และรั บมรดกกั นได้
มาตรา ๑๔๑๒ สิทธิเหนื อพื้นดินนั น ้ จะกอ ่ ให้เกิดโดยมีกาหนดเวลา หรื อตลอดชีวต ิ เจา้ ของ ที่ดิน หรื อตลอดชีวต ้ รงสิทธิเหนื อพื้นดินนั น
ิ ผูท ้
ก็ได้
ถา้ กอ ่ ใหเ้ กิดสิทธิพ้ืนดินโดยมีกาหนดเวลาไซร้ ทา่ นใหน ้ าบทบั ญญั ติมาตรา ๑๔๐๓ วรรค ๓ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๔๑๓ ถา้ สิทธิเหนื อพื้นดินนั น ้ ไมม ี่ กาหนดเวลาไซร้ ทา่ นวา่ คูก ่ รณี ฝ่ ายใดจะบอกเลิ ก เสีย ในเวลาใดก็ ได้ แตต ่ อ
้ งบอกลว่ งหน้าแก่
อีกฝ่ายหนึ่ งตามสมควร ถา้ มีคา่ เชา่ ซึ่งจาตอ ้ งให้แกก ่ ันไซร้ ทา่ นวา่ ตอ ้ งบอกลว่ งหน้าปี หนึ่ ง หรื อให้คา่ เชา่ ปี หนึ่ ง
มาตรา ๑๔๑๔ ถา้ ผูท ้ รงสิทธิเหนื อพื้นดินละเลยไมป ่ ฏิบัติตามเงื่อนไขอันเป็ นสาระสาคั ญซึ่ง ระบุไวใ้ นนิ ติกรรมก่อตั งสิ ้ ทธินัน ้ ก็ดี หรื อถา้ มีคา่

เชา่ ซึงจะตอ ้ งให้แกก่ ัน แตผ ่ ูท ้
้ รงสิทธิเหนื อพืนดินละเลยไมช่ าระ ถึงสองปี ติด ๆ กันก็ดี ทา่ นวา่ คูก ่ รณี อีกฝ่ายหนึ่ งจะบอกเลิกสิทธิเหนื อพื้นดิน
ก็ได้
มาตรา ๑๔๑๕ สิทธิเหนื อพื้นดินนั น ้ ไมส ่ น ้ิ ไปโดยเหตุท่ีโรงเรื อน สิง่ ปลูกสร้าง หรื อสิง่ เพาะปลูกสลายไป แมก ้ ารสลายนั น ้ จะเป็ นเพราะ
เหตุสุดวิสัย
มาตรา ๑๔๑๖ เมื่อสิทธิเหนื อพื้นดินสิน ้ ไป ผูท ้ รงสิทธิจะรื้ อถอนโรงเรื อน สิง่ ปลูกสร้าง สิง่ เพาะปลูกของตนไปก็ได้ แตต ่ อ ้ งทาให้ท่ีดินเป็ น
ตามเดิม
แตถ ่ า้ เจา้ ของที่ดินจะไมย่ อมให้ร้ื อถอนไป และบอกเจตนาจะซื้อตามราคาทอ ้ งตลาดไซร้ ทา่ น วา่ ผูท ้ รงสิทธิเหนื อพื้นดินจะไมย่ อมขายไมไ่ ด้
เวน ้ แตจ่ ะมีเหตุอันสมควร
ลั กษณะ ๗ สิทธิเก็บกิน
มาตรา ๑๔๑๗ อสั งหาริ มทรั พยอ์ าจตอ ้ งตกอยูใ่ นบั งคั บสิทธิเก็บกินอั นเป็ นเหตุใหผ ้ ูท ้ มีสท
้ รงสิทธิ นั น ิ ธิครอบครอง ใช้ และถือเอาซึ่ง
ประโยชน์แหง่ ทรั พยส์ น ้
ิ นั น
ผูท้ รงสิทธิเก็บกินมีอานาจจั ดการทรั พยส์ น ิ
ผูท ้ รงสิทธิเก็บกินในป่าไม้ เหมืองแร่ หรื อที่ขุดหิน มีสท ิ ธิทาการแสวงประโยชน์จากป่าไม้ เหมืองแร่ หรื อที่ขุดหินนั น ้

ก็ได้
มาตรา ๑๔๑๘ สิทธิเก็บกินนั น ้ จะกอ ่ ใหเ้ กิดโดยมีกาหนดเวลา หรื อตลอดชีวต ิ แหง่ ผูท ้ รงสิทธิ
ถา้ ไมม ่ ีกาหนดเวลา ทา่ นใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ ่อนวา่ สิทธิเก็บกินมีอยูต ่ ลอดชีวต ิ ผูท ้ รงสิทธิ ถา้ มีกาหนดเวลา ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติมาตรา ๑๔๐๓
วรรค ๓ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม ถา้ ผูท ้ รงสิทธิเก็บกินถึงแกค ่ วามตาย ทา่ นวา่ สิทธินัน ้ ยอ่ มสิน ้ ไปเสมอ
มาตรา ๑๔๑๙ ถา้ ทรั พยส์ น ิ สลายไปโดยไมไ่ ด้คา่ ทดแทนไซร้ ทา่ นวา่ เจา้ ของไมจ่ าตอ ้ งทาให้
คืนดี แตถ ่ า้ เจา้ ของทาใหท ้ รั พยส์ น ิ คืนดีข้ึนเพียงใด ทา่ นวา่ สิทธิเก็บกินก็กลับมีข้ึนเพียงนั น ้
ถา้ ไดค ้ ่ า ทดแทนไซร ท า
้ ่ ่ ้ นว า เจ า ของหรื อ ผู ท
้ รงสิ ท ธิ เ ก็ บ กิ น ต อ
้ งทาให ท
้ รั พย ส์ ิ
น คื น ดี เ พี ย งที ่ สามารถทาไดต ้ ามจานวนเงินคา่ ทดแทนที่ไดร้ ั บ และ
สิทธิเก็บกินกลั บมีข้ึนเพียงที่ทรั พยส์ น ิ กลั บคืนดี แตถ ่ ้ ้า พ น วิ ส ั ย ที่ จ ะทาให ก
้ ลั บ คื น ดี ได ้ สิ ท ธิ เ ก็บ กิ น ก็
เ ป็ น อั นสิน ้ ไป และคา่ ทดแทนนั น ้ ตอ
้ งแบง่
กันระหวา่ งเจา้ ของทรั พยส์ น ิ
และผูท ้ รงสิทธิเก็บกินตามสว่ นแหง่ ความเสียหายของตน วิธีน้ี ให้ใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลมถึงกรณี ซ่ึงทรั พยส์ น ิ ถูกบั งคั บซื้อ และกรณี ซ่ึงทรั พยส์ น ิ
สลายไปแต่
บางสว่ น หรื อการทาให้คืนดีนัน ้ พน ้ วิสัยในบางสว่ น
มาตรา ๑๔๒๐ เมื่อสิทธิเก็บกินสิน ้ ลง ผูท ้ รงสิทธิตอ ้ งสง่ ทรั พยส์ น ิ คืนแกเ่ จา้ ของ
ถา้ ทรั พยส์ น ิ สลายไป หรื อเสื่อมราคาลง ผูท ้ รงสิ ท ธิ เ ก็ บ กิ น ต อ
้ งรั บผิ ด เวน ้ แตจ่ ะพิสูจน์ไดว้ า่ ความเสียหายนั น ้ มิไดเ้ กิดขึ้นเพราะความผิดของ
ตน
ทดแทน
ถา้ ผูท้ รงสิทธิเก็บกินใชท ้ รั พยส์ น ิ สิน ้ เปลืองไปโดยมิชอบ ทา่ นวา่ ตอ ้ งทาให้มีมาแทน ถา้ ทรั พยส์ น ิ เสื่อมราคาเพราะการใชต ้ ามควรไซร้ ทา่ นวา่
ผูท้ รงสิทธิเก็บกินไมจ่ าตอ ้ งให้คา่
มาตรา ๑๔๒๑ ในการใชส ้ ท ิ ธิเก็บกินนั น ้ ผูท ้ รงสิทธิตอ ้ งรั กษาทรั พยส์ น ิ เสมอกับที่วญ ิ ญูชนพึง รั กษาทรั พยส์ น ิ ของตนเอง
มาตรา ๑๔๒๒ ถา้ มิไดก ้ าหนดไว เ
้ ป็ น อย า
่ งอื ่ น ในนิ ต ก
ิ รรมอันก อ
่ ให เ
้ กิ ด สิ
ท ธิ เ ก็บ กิ น ไซร ้ ่ ท า น ว า ผู
่ ้ ท รงสิ ท ธิ นั น้ จะโอนการใชส ิ ธิของตนให้
้ ท
บุคคลภายนอกก็ได้ ในกรณี เชน ้ เจา้ ของทรั พยส์ น
่ นั น ิ อาจฟ้องร้อง ผูร้ ั บโอนโดยตรง
มาตรา ๑๔๒๓ เจา้ ของทรั พยส์ นิ จะคั ดคา้ นมิให้ใชท ิ ในทางอั นมิชอบด้วยกฎหมาย หรื อมิสมควรก็ได้
้ รั พยส์ น

ถา้ เจา้ ของพิสูจน์ไดว้ า่ สิทธิของตนตกอยูใ่ นภยั นตราย ทา่ นวา่ จะเรี ยกใหผ ้ ูท ้ รงสิทธิเก็บกินหา ประกันใหก ้ ไ็ ด้ เวน้ แตใ่ นกรณี ซ่ึงผูใ้ หท ้ รั พยส์ นิ
สงวนสิทธิเก็บกินในทรั พยส์ น ิ นั น ้ ไวเ้ พื่อตนเอง
ถา้ ผูท ้ รงสิทธิเก็บกินละเลยไมห ่ าประกั นมาให้ภายในเวลาอั นควรซึ่งกาหนดให้เพื่อการนั น ้ หรื อถา้ ผูท ้ รงสิทธิเก็บกินมินาพาตอ่ คาคั ดคา้ นแหง่
เจา้ ของ ยั งคงใชท ิ นั น
้ รั พยส์ น ้ ในทางอั นมิชอบด้วยกฎหมาย หรื อมิสมควรไซร้ ทา่ นวา่ ศาลจะตั งผู ้ ร้ ั กษาทรั พยเ์ พื่อจั ดการทรั พยส์ น ิ แทนผูท ้ รง
สิทธิเก็บกินก็ได้ แตเ่ มื่อหา ประกันมาให้แลว้ ศาลจะถอนผูร้ ั กษาทรั พยท ์ ่ีตังขึ
้ ้ นไวน ้ ก็ได้
้ ัน
มาตรา ๑๔๒๔ ผทู้ รงสิทธิเก็บกินจาตอ ้ งสงวนภาวะแหง่ ทรั พยส์ น ิ มิใหเ้ ปลี่ยนไปใน
สาระสาคั ญ กับตอ ้ งบารุ ง รั กษาปกติ แ ละซ อ
่ มแซมเล็ ก น ้ อ ยด ว
้ ย
ถา้ จาเป็ นตอ ้ งซอ ่ มแซมใหญ่ หรื อมีการสาคั ญอั นตอ ้ งทาเพื่อรั กษาทรั พยส์ น ิ ไซร้ ทา่ นวา่ ผูท ้ รง
สิทธิเก็บกินตอ ้ งแจง้ แกเ่ จา้ ของทรั พยส์ น ิ โดยพลั น และตอ ้ งยอมให้จัดทาการนั น ้ ๆ ไป ถา้ เจา้ ของ ทรั พยส์ น ิ ละเลยเสีย ทา่ นวา่ ผูท ้ รงสิทธิเก็บ
กินจะจั ดทาการนั น ้ ไปโดยให้เจา้ ของทรั พยส์ น ิ ออกคา่ ใชจ้ า่ ยก็ได้
มาตรา ๑๔๒๕ คา่ ใชจ้ า่ ยอั นเป็ นการจรนั น ้ ทา่ นวา่ เจา้ ของตอ ้ งเป็ นผูอ้ อก แตเ่ พื่อจะออก คา่ ใชจ้ า่ ยเชน ่ วา่ นี้ หรื อคา่ ใชจ้ า่ ยตามความในมาตรา
กอ ่ น เจา้ ของจะจาหน่ายทรั พยส์ นบางสว่ นก็ได้ เวน ิ ้ แตผ ่ ู ้ ทรงสิทธิเก็บกินจะเต็มใจทดรองเงินตามทีจาเป็ นโดยไมค ่ ่ ิดดอกเบี้ย
มาตรา ๑๔๒๖ ในระหวา่ งที่สท ิ ธิเก็บกินยั งมีอยู ่ ผูท ้ รงสิ ท ธิ ต อ
้ งออกค า ใช
่ ้ ่ จ า ยในการจั ด การ ทรั พย ส์ ิ
น ตลอดจนเสี ย ภาษี อากร กับทั งต ้ อ ้ งใช้
ดอกเบี้ยหนี้ สินซึ่งติดพันทรั พยส์ น ้
ิ นั น
มาตรา ๑๔๒๗ ถา้ เจา้ ของทรั พยส์ น ิ ตอ้ งการ ผูท ้ รงสิทธิเก็บกินจาตอ ้ งเอาทรั พยส์ น ิ ประกัน วินาศภัยเพื่อประโยชน์แกเ่ จา้ ของทรั พยส์ น ิ และถา้
ทรั พยส์ น ้ ได้เอาประกั นภัยไวแ
ิ นั น ้ ลว้ ผูท ้ รงสิทธิเก็บกินตอ ้ ง ตอ่ สั ญญาประกันนั น ้ เมื่อถึงคราวตอ่
ผูท
้ รงสิทธิเก็บกินตอ ้ งเสียเบี้ยประกันระหวา่ งที่สท ิ ธิของตนยั งมีอยู ่
มาตรา ๑๔๒๘ คดีอันเกี่ยวกับสิทธิเก็บกินในระหวา่ งเจา้ ของทรั พยส์ น ิ กับผูท ้ รงสิทธิเก็บกิน หรื อผูร้ ั บโอนนั น ้ ทา่ นห้ามมิให้ฟ้องเมื่อเกินปี หนึ่ ง
นั บแตว่ ั นสิทธิเก็บกินสุดสิน ้ ลง แตใ่ นคดีท่ีเจา้ ของทรั พยส์ น ิ เป็ นโจทกน ั์ น ้ ถา้ เจา้ ของไมอ่ าจรู้ วา่ สิทธิเก็บกินสุดสิน ้ ลงเมื่อใด ทา่ นใหน ้ ั บอายุ
ความปี หนึ่ งนั น ้ เ่ วลาที่ เจา้ ของทรั พยส์ น
้ ตั งแต ิ ไดร้ ู้ หรื อควรรู้ วา่ สิทธิเก็บกินสุดสิน ้ ลง
ลั กษณะ ๘ ภาระติดพันในอสั งหาริ มทรั พย ์

มาตรา ๑๔๒๙ อสั งหาริ มทรั พยอ์ าจตอ ้ งตกอยูใ่ นภาระติดพันอั นเป็ นเหตุให้ผูร้ ั บประโยชน์มี สิทธิได้รับการชาระหนี้ เป็ นคราว ๆ จาก
ิ ้
ทรั พยส์ นนั น หรื อได้ใชแ ่
้ ละถือเอาซึงประโยชน์แหง่ ทรั พยส์ น ิ ตามที่ระบุ ไว้
มาตรา ๑๔๓๐ ภาระติดพันในอสั งหาริ มทรั พยน ์ั ้
น จะก อ
่ ให เ้ กิดโดยมีกาหนดเวลา หรื อตลอด ชีวต ิ แหง่ ผูร้ ั บประโยชน์กไ็ ด้
ถา้ ไมม ่ ี ก าหนดเวลา ทา่ นให ส
้ ั นนิ ษ ฐานไว ก้ ่ อนว า
่ ภาระติ ด พั นในอสั ง หาริ ม ทรั พย ม
์ ี อยู ต
่ ลอด
ชีวติ ผูร้ ั บประโยชน์
ถา้ มีกาหนดเวลา ทา่ นให้นาบทบั ญญั ติมาตรา ๑๔๐๓ วรรค ๓ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๔๓๑ ถา้ มิได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในนิ ติกรรมอันกอ ่ ให้เกิดภาระติดพั นไซร้ ทา่ น วา่ ภาระติดพันในอสั งหาริ มทรั พยน ้ จะโอนกัน
์ ัน
ไมไ่ ด้แมโ้ ดยทางมรดก
มาตรา ๑๔๓๒ ถา้ ผูร้ ั บประโยชน์ละเลยไมป ่ ฏิบัติตามเงื่อนไขอันเป็ นสาระสาคั ญซึ่งระบุไวใ้ น นิ ติกรรมกอ ้
่ ตั งภาระติ ดพันนั น้ ไซร้ ทา่ นวา่ คูก ่ รณี
อีกฝ่ายหนึ่ งจะบอกเลิกสิทธิของผูร้ ั บประโยชน์เสียก็ได้
มาตรา ๑๔๓๓ ถา้ เจา้ ของทรั พยส์ น ิ มิได้ชาระหนี้ ตามภาระติดพันไซร้ ทา่ นวา่ นอกจากทางแก้ สาหรั บการไมช่ าระหนี้ ผูร้ ั บประโยชน์อาจขอให้
ศาลตั งผู ้ ร้ ั กษาทรั พยเ์ พื่อจั ดการทรั พยส์ น ิ และชาระหนี้ แทน เจา้ ของ หรื อสั ่งให้เอาทรั พยส์ น ิ ออกขายทอดตลาด และเอาเงินที่ขายได้จา่ ยใหผ ้ ูร้ ั บ
ประโยชน์ตามจานวนที่ควร ได้ เพราะเจา้ ของทรั พยส์ น ิ ไมช่ าระหนี้ กับทั งค ้ า่ แหง่ ภาระติดพันด้วย
ถา้ เจา้ ของทรั พยส์ น ิ หาประกันมาให้แลว้ ศาลจะไมอ่ อกคาสั ่งตั งผู ้ ร้ ั กษาทรั พย ์ หรื อคาสั ง่ ขาย ทอดตลาด หรื อจะถอนผูร้ ั กษาทรั พยท ์ ่ีตังขึ
้ ้นไว้
้ ก็ได้
นั น
มาตรา ๑๔๓๔ ทา่ นใหน ้ ามาตรา ๑๓๘๘ ถึง ๑๓๙๕ และมาตรา ๑๓๙๗ ถึง ๑๔๐๐ มาใช ้ บั งคั บถึงภาระติดพันในอสั งหาริ มทรั พย ์
โดยอนุ โลม
พระราชบั ญญตั ิ ใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช ๒๔๗๗

ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจา้ อยูห ่ ัวอานั นทมหิดล คณะผูส ้ าเร็จราชการแทนพระองค ์ (ตามประกาศประธานสภาผูแ ้ ทนราษฎร ลงวั นที่ ๗
มีนาคม พุทธศั กราช ๒๔๗๗) อนุ วัตน์จาตุรนต์
อาทิตยท ์ ิพอาภา เจา้ พระยายมราช
ตราไว้ ณ วั นที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศั กราช ๒๔๗๘
เป็ นปี ที่ ๒ ในรั ชชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผูแ ้ ทนราษฎรลงมติวา่ การประมวลกฎหมายแหง่ บา้ นเมืองได้ดาเนิ นมาถึงคราวที่ ควรใชบ ้ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชย ์
จึง่ มีพระบรมราชโองการใหต ้ ราพระราชบั ญญั ติข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยินยอมของสภา ผู แ ้ ทนราษฎร ดั ่งตอ่ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบั ญญั ติน้ี ใหเ้ รี ยกวา่ “พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญ ญั ตบ
ิ รรพ ๕ แห ง
่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช
๒๔๗๗”
มาตรา ๒[๑๐๐] ใหใ้ ชพ ้ ระราชบั ญญั ติน้ี ตั งแต
้ ว่ ั นประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็ นต้นไป
มาตรา ๓ ให้เพิ่มบทบั ญญั ติบรรพ ๕ ตั งแต ้ ม ่ าตรา ๑๔๓๕ ถึงมาตรา ๑๕๙๘ ตามที่ ได้ตราไว้ ตอ่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี เขา้ เป็ นสว่ นหนึ่ ง
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ และใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติแหง่
้ ว่ ั นที่ ๑ ตุลาคม พุทธศั กราช ๒๔๗๘ เป็ นตน
บรรพนี้ ตั งแต ้ ไป
มาตรา ๔ บทบั ญญั ติแหง่ บรรพนี้ ไมก ่ ระทบกระเทือนถึง
(๑) การสมรส ซึ่งได้มีอยูก ่ อ ้ ระมวลกฎหมายบรรพนี้ และทั งสั
่ นวั นใชป ้ มพันธใ์ นครอบครั ว อั น เกิดแตก ้ ๆ
่ ารสมรสนั น
(๒) การใชอ ้ านาจปกครอง ความปกครอง การอนุ บาล การรั บบุตรบุญธรรม ซึ่งมีอยูก ่ อ ้ ระมวลกฎหมายบรรพนี้ หรื อสิทธิและ
่ นวั น ใชป
หนี้ อั นเกิดแตก ้ ๆ
่ ารนั น
มาตรา ๕ ฐานะของภริ ยากอ ่ นใชป ้ ระมวลกฎหมายบรรพนี้ อาจพิสูจน์ไดโ้ ดยบั นทึกใน ทะเบียนตามแบบที่กฎหมายกาหนดไว้

มาตรา ๖[๑๐๑] (ยกเลิก)


ผูร้ ั บสนองพระบรมราชโองการ นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรั ฐมนตรี
พระราชกาหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบั ญญั ติไห้ไชบ ้ ทบั ญญั ติบัพ ๕ แหง่ ประมวนกดหมายแพง่ และพานิ ช พุทธสั กราช ๒๔๗๗ พุทธสั ก
ราช ๒๔๘๖
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจา้ อยูห ่ ัวอานั นทมหิดล คณะผูส ้ าเร็จราชการแทนพระองค ์ (ตามประกาศประธานสภาผูแ ้ ทนราษฎร ลงวั นที่ ๔
สิงหาคม พุทธศั กราช ๒๔๘๐ และวั นที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศั กราช ๒๔๘๔) อาทิตยท ์ พ
ิ อาภา
ปรี ดี พนมยงค ์
ตราไว้ ณ วั นที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศั กราช ๒๔๘๖
เป็ นปี ที่ ๑๐ ในรั ชกาลปัจจุบัน
โดยที่เห็นสมควรขยายการใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยใ์ ห้ ทั ่วถึง เพื่อความมั ่นคงและวั ฒนธรรมแหง่ ชาติ
และโดยที่มีเหตุฉุกเฉิ นซึ่งจะเรี ยกประชุมสภาผูแ ้ ทนราษฎรใหท ้ ั นทว่ งทีมิได้
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชกาหนดขึ้นไวโ้ ดยอาศั ยอานาจตามความในมาตรา ๕๒ ของรั ฐธรรมนู ญแหง่ ราชอาณาจั กรไทย ดังตอ่
ไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกาหนดนี้ ให้เรี ยกวา่ “พระราชกาหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบั ญญั ติไห้ไช้ บทบั ญญั ติบัพ ๕ แหง่ ประมวนกดหมายแพง่
และพานิ ช พุทธสั กราช ๒๔๗๗ พุทธสั กราช ๒๔๘๖”
มาตรา ๒[๑๐๒] ใหใ้ ชพ ้ ระราชกาหนดนี้ ตั งแต
้ ว่ ั นประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็ นตน ้ ไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกมาตรา ๖ แหง่ พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช ๒๔๗๗
แตไ่ มใ่ ห้กระทบกระเทือนถึงการสมรสของบุคคลซึ่งนั บถือ ศาสนาอิสลาม ซึ่งได้มีอยูก ่ อ ้ ระราชกาหนดนี้ และทั งสั
่ นวั นใชพ ้ มพันธใ์ นครอบครั ว
อั นเกิดแตก ้ ๆ
่ ารสมรสนั น
ผูร้ ั บสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรั ฐมนตรี
พระราชบั ญญั ติอนุ มั ติพระราชกาหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบั ญญั ติไห้ไช้บทบั ญญั ติบัพ ๕ แหง่ ประมวนกดหมาย แพง่ และพานิ ช พุทธสั ก
ราช ๒๔๗๗ พุทธสั กราช ๒๔๘๖ พุทธสั กราช ๒๔๘๖[๑๐๓]
พระราชบั ญญั ติ ใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ไดต ้ รวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วั นที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็ นปี ที่ ๓๑ ในรั ชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้ ประกาศวา่
ใหม่
โดยที่เป็ นการสมควรปรั บปรุ งบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยเ์ สีย

จึงทรงพระกรุ ณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบั ญญั ติข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยินยอมของ รั ฐสภา ดังตอ่ ไปนี้


มาตรา ๑ พระราชบั ญญั ติน้ี เรี ยกวา่ “พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ตรวจชาระใหม่
พ.ศ. ๒๕๑๙”
มาตรา ๒[๑๐๔] พระราชบั ญญั ติน้ี ให้ใชบ ้ ว่ ั นถัดจากวั นประกาศในราชกิจจานุ เบกษา
้ ั งคั บตั งแต
เป็ นตน้ ไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ซึ่งไดใ้ ช้ บั งคั บโดยพระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ
๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช ๒๔๗๗ และให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้
ตรวจชาระใหม่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติ นี้ แทน เวน ้ แตใ่ นกรณี ท่ีพระราชบั ญญั ติน้ี บั ญญั ติเป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๔ บทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ไมก ่ ระทบกระเทือนถึง
บทบั ญญั ติมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใช้ บทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช
๒๔๗๗
มาตรา ๕ บทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ไดต ้ รวจชาระใหม่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ไมก ่ ระทบกระเทือนถึง
ความสมบูรณ์ของการหมั น้ การสมรส สั ญญากอ ่ นสมรส การเป็ น บิดามารดากับบุตร การเป็ นผูป ้ กครอง การเป็ นผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ ้ ิทักษ์
และการรั บบุตรบุญธรรมที่ได้มีอยูแ่ ลว้ ใน วั นใชบ ้ ั งคั บบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ ย
พระราชบั ญญั ติน้ี
มาตรา ๖ การเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสั ญญากอ ่ นสมรส ซึ่งสั ญญากอ ่ นสมรสนั น ้ ได้ทาขึ้นไว้ กอ ่ นวั นใชบ
้ ั งคั บบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ไดต ้ รวจชาระใหม ท
่ ้า ย พระราชบั ญ ญั ต น
ิ ้ ี ให ก
้ ระทาได โ้ ดยคูส
่ มรสนาหนั งสือสั ญญากอ ่ นสมรสพร้อมดว้ ยขอ ้ ตกลง
การเปลี่ยนแปลงเพิก ถอนไปยื่นตอ ่ นายทะเบี ย นสมรส ณ ท อ
้ งที ่ ท ่ ี ต นทาการสมรส และให น
้ ายทะเบี ย นสมรสจดการเปลี ่ ย นแปลงเพิ ก ถอน
สั ญญากอ ่ นสมรสไวใ้ นทะเบียนสมรส และแนบหนั งสือสั ญญากอ ่ นสมรส พร้อมด้วยขอ ้ ตกลงเปลี่ยนแปลง เพิกถอนไวท ้ า้ ยทะเบียนสมรสด้วย

การเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสั ญญากอ ่ นสมรสจะกระทาได้ตอ่ เมื่อได้รับอนุ ญาตจากศาลตาม เงื่อนไขและกรณี ท่ีระบุไวใ้ นมาตรา ๑๔๖๗ แหง่
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ตรวจชาระใหมท ่ า้ ย พระราชบั ญญั ติน้ี
มาตรา ๗ บทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่ได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ไมก ่ ระทบกระเทือนถึงอา
์ ่ีคูส
นาจการจั ดการสินบริ คณหท ่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งไดม ้ ั งคั บบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ที่
้ ีอยูแ่ ลว้ ในวั นใชบ
ไดต ้ รวจชาระใหม่ ทา้ ย พระราชบั ญญั ติน้ี แตใ่ ห้ถือวา่ สินเดิมตามบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยเ์ ดิมของ
ฝ่ายใดเป็ นสินสว่ นตัวตามบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ ย พระราชบั ญญั ติน้ี ของฝ่ายนั น ้
เพื่อประโยชน์แหง่ มาตรานี้ ถา้ คูส ่ มรสฝ ่ ายใดเป็ นผู จ
้ั ดการสิ นบริ ค ณห แ ต ฝ
์ ่่ ายเดี ย ว ให ถ
้ ื อว า คู
่ ่ สมรสอี กฝ ่ ายหนึ ่ งได ย
้ น
ิ ยอมให ค
้ ู่ ส มรสฝ่ ายนั ้

จั ดการสินสมรสและสินสว่ นตัวตามวรรคหนึ่ งของตนดว้ ย
ในกรณี ท่ีคูส่ มรสฝ่ายใดประสงคจ์ ะใชอ ้ านาจจั ดการสินสว่ นตัวตามวรรคหนึ่ งที่เป็ นสว่ นของ ตน ถา้ คูส่ มรสนั น ้ มิได้เป็ นผูจ้ ั ดการสินบริ คณหใ์ ห้
่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งทราบ และให้คูส
แจง้ ให้คูส ้
่ มรสทั งสองฝ ่ าย ร่วมกันจั ดการแบง่ สินสว่ นตัวดังกลา่ วที่อยูใ่ นสภาพที่แบง่ ได้ให้แกฝ ่ ่ ายที่ประสงคจ์ ะ
จั ดการ แตถ ้ ไมอ่ ยูใ่ นสภาพที่แบง่ ได้ให้ทังสองฝ
่ า้ สินสว่ นตัวนั น ้ ่ ายจั ดการร่วมกัน
มาตรา ๘ บทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ไมก ่ ระทบกระเทือนถึงการ
จั ดการสินเดิมที่เปลี่ยนเป็ นสินสว่ นตัวตามมาตรา ๗ ซึ่งได้ กระทาไปแลว้ กอ ่ นวั นที่พระราชบั ญญั ติน้ี ใชบ ้ ั งคับ
มาตรา ๙ บรรดาอายุความหรื อระยะเวลาที่ บทบั ญญั ติในประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ ไดก ้ าหนดไวก ้ อ
่ นวั นใชบ ้ ั งคั บบทบั ญญั ติบรรพ ๕
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ ี ได ต
้ รวจชาระใหม ่
ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี ถา้ หากยั งไมส ่ ุดสิน ้ ลงในวั นที่ใชบ ้ ั งคั บบทบั ญญั ติบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ พาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่
ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี และอายุความหรื อระยะเวลาที่กาหนดขึ้นใหมน ้ แตกตา่ ง กับอายุความหรื อระยะเวลาที่ กาหนดไวแ
่ ัน ้ ตเ่ ดิมก็ให้นาอายุ
ความหรื อระยะเวลาที่ยาวกวา่ มาบั งคั บ
มาตรา ๑๐ คาวา่ “คา่ อุปการะเลี้ยงดู” ในบรรดาบทกฎหมายซึ่งมีความหมายถึงคา่ อุปการะ เลี้ยงดูตามนั ยของบทบั ญญั ติมาตรา ๑๕๐๖
และมาตรา ๑๕๐๗ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยเ์ ดิมนั น ้ ใหใ้ ชค ้ าวา่ “คา่ เลี้ยงชีพ” แทน
มาตรา ๑๑ บทบั ญญั ติแหง่ กฎหมายใดอา้ งถึงบรรพ ๕ หรื อบทบั ญญั ติในบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยเ์ ดิม ให้ถือวา่
บทบั ญญั ติแหง่ กฎหมายนั น ้ อา้ งถึงบรรพ ๕ หรื อบทบั ญญั ติใน

บรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ ทา้ พระราชบั ญญั ติน้ี ในบทมาตราที่มีนัย เชน ่ เดียวกัน แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๑๒ ให้นายกรั ฐมนตรี รักษาการตามพระราชบั ญญั ติน้ี
ผูร้ ั บสนองพระบรมราชโองการ หมอ่ มราชวงศเ์ สนี ย ์ ปราโมช
นายกรั ฐมนตรี
บรรพ ๕[๑๐๕] ครอบครั ว
ลั กษณะ ๑ การสมรส
หมวด ๑ การหมั น้

มาตรา ๑๔๓๕ การหมั นจะทาได ้ตอ่ เมื่อชายและหญิงมีอายุสบ ้ ่ ฝ่าฝื นบทบั ญญั ติวรรคหนึ่ งเป็ นโมฆะ
ิ เจ็ดปี บริ บูรณ์แลว้ การหมั นที
มาตรา ๑๔๓๖[๑๐๖] ผูเ้ ยาวจ์ ะทาการหมั นได ้ ต อ
้ ้ งได ร
้ั บความยิ นยอมของบุ ค คลดังต อ
่ ้
ไปนี
(๑) บิดาและมารดา ในกรณี ท่ีมีทังบิ ้ ดามารดา
(๒) บิดาหรื อมารดา ในกรณี ท่ีมารดาหรื อบิดาตายหรื อถูกถอนอานาจปกครองหรื อไมอ่ ยูใ่ น
สภาพหรื อฐานะที่อาจให้ความยินยอม หรื อโดยพฤติการณ์ผูเ้ ยาวไ์ มอ่ าจขอความยินยอมจากมารดาหรื อบิดาได้ (๓) ผูร้ ั บบุตรบุญธรรม ใน
กรณี ท่ีผูเ้ ยาวเ์ ป็ นบุตรบุญธรรม

(๔) ผูป ้ กครอง ในกรณี ท่ีไมม ่ ีบุคคลซึ่งอาจใหค ้ วามยินยอมตาม (๑) (๒) และ (๓) หรื อมีแต่ บุคคลดังกลา่ วถูกถอนอานาจปกครอง
การหมั นที ้ ่ผูเ้ ยาวท ์ าโดยปราศจากความยิ น ยอมดังกล า่ วเป็ นโมฆียะ
มาตรา ๑๔๓๗[๑๐๗] การหมั นจะสมบู ้ รณ์เมื่อฝ่ายชายได้สง่ มอบหรื อโอนทรั พยส์ น ิ อั นเป็ นของ หมั นให้ ้แกห ่ ญิงเพื่อเป็ นหลั กฐานวา่ จะสมรส
กับหญิงนั น ้
เมื่อหมั นแล ้ ว้ ให้ของหมั นตกเป็ ้ นสิทธิแกห ่ ญิง
สินสอด เป็ นทรั พยส์ น ิ ซึ่งฝ่ายชายให้แกบ ่ ดิ ามารดา ผูร้ ั บบุตรบุญธรรมหรื อผูป ้ กครองฝ่ายหญิง
แลว้ แตก ่ รณี เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส ถา้ ไมม ่ ีการสมรสโดยมีเหตุสาคั ญอั นเกิดแกห ่ ญิงหรื อโดยมี พฤติการณ์ซ่ึงฝ่ายหญิงตอ ้ งรั บ
ผิดชอบ ทาใหช้ ายไมส ่ มควรหรื อ ไม อ
่ าจสมรสกับหญิ ง นั ้
น ฝ่ ายชายเรี ย กสิน สอด คื น ได ้
ถา้ จะตอ ้ งคืนของหมั นหรื ้ อสินสอดตามหมวดนี้ ให้นาบทบั ญญั ติมาตรา ๔๑๒ ถึงมาตรา ๔๑๘ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยลาภมิควรได้มา
ใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๔๓๘ การหมั นไม ้ เ่ ป็ นเหตุท่ีจะร้องขอให้ศาลบั งคั บให้สมรสได้ ถา้ ได้มีขอ ้ ตกลงกัน ไวว้ า่ จะใหเ้ บี้ยปรั บในเมื่อผิดสั ญญาหมั น้ ขอ ้
ตกลงนั นเป็ นโมฆะ้
มาตรา ๑๔๓๙[๑๐๘] เมื่อมีการหมั นแล ้ ว้ ถา้ ฝ่ายใดผิดสั ญญาหมั นอี ้ กฝ่ายหนึ่ งมีสท ้ า่ ทดแทน ในกรณี ท่ีฝ่ายหญิงเป็ น
ิ ธิเรี ยกใหร้ ั บ ผิดใชค
ฝ่ายผิดสั ญญาหมั นให ้ ค ้ ื น ของหมั ้
นแก ฝ
่ ่ ายชายด ว
้ ย
มาตรา ๑๔๔๐ คา่ ทดแทนนั น ้ อาจเรี ยกได้ ดังตอ่ ไปนี้
(๑) ทดแทนความเสียหายตอ่ กายหรื อชื่อเสียงแหง่ ชายหรื อหญิงนั น ้
(๒) ทดแทนความเสียหายเนื่ องจากการที่คูห ่ มั น้ บิดามารดา หรื อบุคคลผูก ้ ระทาการในฐานะ
เชน ่ บิดามารดาได้ใชจ้ า่ ยหรื อตอ ้ งตกเป็ นลูกหนี้ เนื่ องในการเตรี ยมการสมรสโดยสุจริ ตและตามสมควร
(๓) ทดแทนความเสียหายเนื่ องจากการที่คูห ้ จ้ ั ดการทรั พยส์ น
่ มั นได ิ หรื อการอื่นอันเกี่ยวแก่
อาชีพหรื อทางทามาหาไดข้ องตนไปโดยสมควรดว้ ยการคาดหมายวา่ จะไดม ้ ีการสมรส ในกรณี ท่ีหญิงเป็ นผูม ้ า่ ทดแทน ศาลอาจชี้ขาดวา่
ิ ธิไดค
้ ีสท
ของหมั นที ้ ่ตกเป็ นสิทธิแกห ่ ญิงนั น ้
เป็ นคา่ ทดแทนทั งหมดหรื ้ อเป็ นสว่ นหนึ่ งของคา่ ทดแทนที่หญิงพึงได้รับ หรื อศาลอาจให้คา่ ทดแทนโดยไม่ คานึ งถึงของหมั นที ้ ่ ตกเป็ นสิทธิแก่
หญิงนั น ้ ก็ได้
มาตรา ๑๔๔๑[๑๐๙] ถา้ คูห ่ มั นฝ ้ ่ ายหนึ่ งตายกอ ่ นสมรส อีกฝ่ายหนึ่ งจะเรี ยกร้องคา่ ทดแทนมิได้ สว่ นของหมั นหรื ้ อสินสอดนั น ้ ไมว่ า่ ชายหรื อ
หญิงตาย หญิงหรื อฝ่ายหญิงไมต ่ อ ้ งคืนให้แกฝ ่ ่ ายชาย
มาตรา ๑๔๔๒ ในกรณี มีเหตุสาคั ญอั นเกิดแกห ่ ญิงคูห ้
่ มั นทาให ้ชายไมส ่ มควรสมรสกับหญิง นั น ้ ชายมีสท ิ ธิบอกเลิกสั ญญาหมั นได ้ ้และให้หญิง
คืนของหมั นแก้ ช่ าย
มาตรา ๑๔๔๓ ในกรณี มีเหตุสาคั ญอั นเกิดแกช่ ายคูห ้
่ มั นทาให ห
้ ญิงไมส ่ มควรสมรสกับชาย นั น ้ หญิงมีสท ิ ธิบอกเลิกสั ญญาหมั นได ้ โ้ ดยมิตอ ้ ง
คืนของหมั นแก ้ ช่ าย
มาตรา ๑๔๔๔ ถา้ เหตุอันทาให้คูห ้
่ มั นบอกเลิ กสั ญญาหมั นเป็ ้ นเพราะการกระทาชั ว่ อยา่ ง ร้ายแรงของคูห ้ กฝ่ายหนึ่ งซึ่งได้กระทาภายหลั ง
่ มั นอี
การหมั น้ คูห ่ มั นผู้ ก ้ ระทาชั ่วอยา่ งร้ายแรงนั น ้ ตอ ้ งรั บผิดใช้
คา่ ทดแทนแกค ่ ูห ้ ใ้ ชส
่ มั นผู ิ ธิบอกเลิกสั ญญาหมั นเสมื
้ ท ้ อนเป็ นผูผ ้ ิดสั ญญาหมั น้
มาตรา ๑๔๔๕[๑๑๐] ชายหรื อหญิงคูห ้
่ มั นอาจเรี ยกคา่ ทดแทนจากผูซ ้ ่ึงได้ร่วมประเวณี กับ คูห ้
่ มั นของตนโดยรู ้ หรื อควรจะรู้ ถึงการหมันน ้ ั ้น
เมือ่ ไดบ้ อกเลิ กสั ญ ญาหม น
ั้ แล ว
้ ตามมาตรา ๑๔๔๒ หรื อ มาตรา ๑๔๔๓ แล ว
้ แต ก
่ รณี
มาตรา ๑๔๔๖[๑๑๑] ชายหรื อหญิงคูห ้
่ มั นอาจเรี ยกคา่ ทดแทนจากผูซ ้ ่ึงไดข้ ม ่ ขืนกระทาชาเรา หรื อพยายามขม ่ ขืนกระทาชาเราคูห ้
่ มั นของตน
โดยรู้ หรื อควรจะรู้ ถึงการหมั นนั ้ น ้ ได้โดยไมจ่ าตอ ้ งบอกเลิกสั ญญา หมั น้
มาตรา ๑๔๔๗[๑๑๒] คา่ ทดแทนอั นจะพึงชดใชแ ้ กก่ ั นตามหมวดนี้ ให้ศาลวินิจฉั ยตามควรแก่ พฤติการณ์
สิทธิเรี ยกร้องคา่ ทดแทนตามหมวดนี้ นอกจากคา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๐ (๒) ไมอ่ าจโอน กันได้และไมต ่ กทอดไปถึงทายาท เวน ้ แต่
สิทธินัน้ จะได้รับสภาพกันไวเ้ ป็ นหนั งสือหรื อผูเ้ สียหายได้เริ่ มฟ้องคดี ตามสิทธินัน ้ แลว้
มาตรา ๑๔๔๗/๑[๑๑๓] สิทธิเรี ยกร้องคา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๔๓๙ ให้มีอายุความหกเดือน นั บแตว่ ั นที่ผิดสั ญญาหมั น้
สิทธิเรี ยกร้องคา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๔ ใหม ้ ีอายุความหกเดือนนั บแตว่ ั นรู้ หรื อควรรู้ ถึง การกระทาชั ่วอยา่ งร้ายแรงอั นเป็ นเหตุใหบ ้ อกเลิก
สั ญญาหมั น้ แตต ่ อ
้ งไมเ่ กิ น ห า
้ ปี นั บแต ว
่ ั น กระทาการดังกล า
่ ว
สิทธิเรี ยกร้องคา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๕ และมาตรา ๑๔๔๖ ให้มีอายุความหกเดือนนั บ แตว่ ั นที่ชายหรื อหญิงคูห ้ ้ หรื อควรรู้ ถึงการก
่ มั นรู
ระทาของผูอ ้ ่ืนอั นจะเป็ นเหตุให้เรี ยกคา่ ทดแทนและรู้ ตัวผูจ้ ะพึง ใชค ้ า่ ทดแทนนั ้ น แตต ่ อ
้ งไมเ่ กินห้าปี นั บแตว่ ั นทีผ ่ ูอ้ ืน ้ ได้กระทาการดัง
่ นั น
กลา่ ว[๑๑๔]

มาตรา ๑๔๔๗/๒[๑๑๕] สิทธิเรี ยกคืนของหมั นตามมาตรา ้ ๑๔๓๙ ใหม ้ ีอายุความหกเดือนนั บ แตว่ ั นที่ผิดสั ญญาหมั น้

สิทธิเรี ยกคืนของหมั นตามมาตรา ๑๔๔๒ ใหม ้ ี อายุ ค วามหกเดื อนนั บแต ่ ที่ไดบ
วั น ้ อกเลิก สั ญญาหมั น้
หมวด ๒ เงื่อนไขแหง่ การสมรส
มาตรา ๑๔๔๘ การสมรสจะทาได้ตอ่ เมื่อชายและหญิงมีอายุสบ ิ เจ็ดปี บริ บูรณ์แลว้ แตใ่ นกรณี ที่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุ ญาตให้ทา
การสมรสกอ ้ ได้
่ นนั น
มาตรา ๑๔๔๙ การสมรสจะกระทามิได้ถา้ ชายหรื อหญิงเป็ นบุคคลวิกลจริ ตหรื อเป็ นบุคคลซึ่ง ศาลสั ่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถ
มาตรา ๑๔๕๐ ชายหญิงซึ่งเป็ นญาติสบ ื สายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรื อลงมาก็ดี เป็ นพี่น้องร่วม บิดามารดาหรื อร่วมแตบ ่ ด
ิ าหรื อมารดาก็ดี จะทา
การสมรสกันไมไ่ ด้ ความเป็ นญาติดังกลา่ วมานี้ ใหถ ้ ื อตาม สายโลหิ ต โดยไม ค
่ านึ ง ว า
่ จะเป็ นญาติ โ ดยชอบด ว
้ ยกฎหมายหรื อไม่
มาตรา ๑๔๕๑ ผูร้ ั บบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไมไ่ ด้ มาตรา ๑๔๕๒ ชายหรื อหญิงจะทาการสมรสในขณะที่ ตนมีคูส ่ มรสอยู ่
ไมไ่ ด้
มาตรา ๑๔๕๓ หญิงที่สามีตายหรื อที่การสมรสสิน ้ สุดลงด้วยประการอื่นจะทาการสมรสใหม่ ได้ตอ่ เมื่อการสิน ้ สุดแหง่ การสมรสได้ผา่ นพน ้ ไป
แลว้ ไมน ่ ้ อยกวา่ สามร้อยสิบวั น เวน ้ แต่
(๑) คลอดบุตรแลว้ ในระหวา่ งนั น ้
(๒) สมรสกับคูส ่ มรสเดิ ม
(๓) มีใบรั บรองแพทยป ์ ระกาศนี ยบัตรหรื อปริ ญญาซึ่งเป็ นผูป ้ ระกอบการรั กษาโรคในสาขาเวช
กรรมได้ตามกฎหมายวา่ มิได้มีครรภ์ หรื อ
(๔) มีคาสั ่งของศาลใหส ้ มรสได้
มาตรา ๑๔๕๔ ผูเ้ ยาวจ์ ะทาการสมรสให้นาความในมาตรา ๑๔๓๖ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม

มาตรา ๑๔๕๕ การใหค ้ วามยินยอมใหท ้ าการสมรสจะกระทาไดแ ้ ตโ่ ดย


(๑) ลงลายมือชื่อในทะเบียนขณะจดทะเบียนสมรส
(๒) ทาเป็ นหนั งสือแสดงความยินยอมโดยระบุช่ือผูจ้ ะสมรสทั งสองฝ ้ ่ ายและลงลายมือชื่อของ
ผูใ้ ห้ความยินยอม
(๓) ถา้ มีเหตุจาเป็ น จะให้ความยินยอมด้วยวาจาตอ่ หน้าพยานอยา่ งน้อยสองคนก็ได้ ความยินยอมนั น ้ เมือ่ ให้แลว้ ถอนไมไ่ ด้
มาตรา ๑๔๕๖ ถา้ ไมม ี่ ผูท
้ ่ ี มี อานาจให ค
้ วามยิ นยอมตามมาตรา ๑๔๕๔ หรื อมี แต ไ มใ ห
่ ่ ้ ความ
ยินยอมหรื อไมอ่ ยูใ่ นสภาพที่อาจใหค ้ วามยินยอม หรื อโดยพฤติการณ์ผูเ้ ยาวไ์ มอ่ าจขอความยินยอมได้ ผูเ้ ยาว ์ อาจร้องขอตอ่ ศาลเพื่ออนุ ญาต
ใหท ้ าการสมรส
มาตรา ๑๔๕๗ การสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ จะมีได้เฉพาะเมื่อได้จดทะเบียนแลว้

เทา่ นั น
มาตรา ๑๔๕๘ การสมรสจะทาได้ตอ่ เมื่อชายหญิงยินยอมเป็ นสามีภริ ยากันและตอ ้ ให้ปรากฏโดยเปิดเผยตอ่ หน้านาย
้ งแสดง การยินยอมนั น
ทะเบียนและใหน ้ ายทะเบี ย นบั นทึ กความยิ น ยอมนั ้
น ไว ด
้ ้ ว ย
มาตรา ๑๔๕๙ การสมรสในตา่ งประเทศระหวา่ งคนที่มีสัญชาติไทยดว้ ยกัน หรื อฝ่ายใดฝ่าย หนึ่ งมีสัญชาติไทย จะทาตามแบบที่กาหนดไว้
ตามกฎหมายไทยหรื อกฎหมายแหง่ ประเทศนั ้ นก็ได้
ในกรณี ท่ีคูส
่ มรสประสงคจ์ ะจดทะเบียนตามกฎหมายไทย ให้พนั กงานทูตหรื อกงสุลไทยเป็ น ผูร้ ั บจดทะเบียน
มาตรา ๑๔๖๐ เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งไมอ่ าจทาการจดทะเบียนสมรสตอ่ นายทะเบียนได้
เพราะชายหรื อหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งหรื อทั งสองฝ ้ ่ ายตกอยูใ่ นอั นตรายใกลค ้ วามตาย หรื ออยูใ่ นภาวะการรบหรื อ สงคราม ถา้ ชายและหญิงนั น้
่ ่ ่ ้
ได้แสดงเจตนาจะสมรสกันตอ่ หน้าบุคคลซึงบรรลุนิติภาวะทีอยู ่ ณ ทีนัน แลว้ ให้ บุคคลดังกลา่ วจดแจง้ การแสดงเจตนาขอทาการสมรสของ
ชายและหญิงนั น ้ ไวเ้ ป็ นหลั กฐาน และตอ่ มาชายหญิง ไดจ้ ดทะเบียนสมรสกันภายในเกา้ สิบวั นนั บแตว่ ั นที่อาจทาการจดทะเบียนตอ่ นายทะเบียน
ได้ โดยแสดง หลั กฐานตอ่ นายทะเบียนและให้นายทะเบียนจดแจง้ วั น เดือน ปี สถานที่ท่ีแสดงเจตนาขอทาการสมรส และ พฤติการณ์
้ ไวใ้ นทะเบียนสมรส ให้ถือวา่ วั นแสดงเจตนาขอทาการสมรสตอ่ บุคคลดังกลา่ วเป็ นวั นจด ทะเบียนสมรสตอ่ นายทะเบียนแลว้
พิเศษนั น
ความในมาตรานี้ มิใหใ้ ชบ
้ ั งคั บถา้ หากจะมีการสมรสในวั นแสดงเจตนาขอทาการสมรส การ สมรสนั น ้ จะตกเป็ นโมฆะ

หมวด ๓ ความสั มพันธร์ ะหวา่ งสามีภริยา


มาตรา ๑๔๖๑ สามีภริ ยาตอ ้ งอยูก ่ ินด้วยกันฉั นสามีภริ ยา สามีภริยาตอ ้ งชว่ ยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน
มาตรา ๑๔๖๒[๑๑๖] ในกรณี ท่ีสามีภริ ยาไมส ่ ามารถที่จะอยูก ่ ินด้วยกันฉั นสามีภริ ยาโดยปกติสุข
ได้ หรื อถา้ การอยูร่ ่วมกันจะเป็ นอันตรายแกก ่ ายหรื อจิตใจหรื อทาลายความผาสุกอยา่ งมาก สามีหรื อภริ ยาฝ่าย ที่ไมส ่ ามารถที่จะอยูก ่ ินด้วย
กันฉั นสามีภริ ยาโดยปกติสุขไดห ้ รื อ ฝ ่ ายที่ จ ะตอ้ งรั บอั นตรายหรื อถู ก ทาลายความ ผาสุ ก อาจร ้ อ งต อ
่ ศาลเพื ่ อให ม
้ ี คาสั ่ ง อนุ ญาตใหต ้ นอยูต ่ า่ งหาก
ในระหวา่ งที่เหตุนัน ้ ๆ ยั งมีอยูก ่ ไ็ ด้ ในกรณี เชน ่ นี้ ศาลจะกาหนดจานวนคา่ อุปการะเลี้ยงดูใหฝ ้ ่ ายหนึ่ งจา่ ยใหแ ้ กอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ งตามควรแก่
พฤติการณ์กไ็ ด้
มาตรา ๑๔๖๓ ในกรณี ท่ีศาลสั ่งให้สามีหรื อภริ ยาเป็ นคนไร้ความสามารถหรื อเสมือนไร้ ความสามารถ ภริยาหรื อสามียอ่ มเป็ นผูอ ้ นุ บาลหรื อผู ้
พิทักษ์ แตเ่ มื่อผูม ้ ีสว่ นได้เสียหรื ออั ยการร้องขอ และถา้ มี เหตุสาคั ญ ศาลจะตั งผู ้ อ้ ่ืนเป็ นผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ ้ ิทักษ์กไ็ ด้
มาตรา ๑๔๖๔[๑๑๗] ในกรณี ท่ีคูส ่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งเป็ นคนวิกลจริ ต ไมว่ า่ ศาลจะได้สั่งให้เป็ น คนไร้ความสามารถหรื อไม่ ถา้ คูส ่ มรสอีก
่ ้
ฝ่ายหนึ งไมอ่ ุปการะเลียงดูฝ่ายทีวก ่ ิ ลจริ ตตามมาตรา ๑๔๖๑ วรรคสอง หรื อกระทาการหรื อไมก ่ ระทาการอยา่ งใด อั นเป็ นเหตุใหฝ ้ ่ ายที่วก ิ ลจริ ต
อยูใ่ นภาวะอั นน่าจะเกิดอั นตรายแกก ่ าย หรื อจิตใจ หรื อตกอยูใ่ นภาวะอั นน่าจะเกิดความเสียหายทางทรั พยส์ น ิ ถึงขนาด บุคคลตามที่ระบุไวใ้ น
มาตรา ๒๘ หรื อผูอ ้ นุ บาลอาจฟ้องคูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งเรี ยกคา่ อุปการะเลี้ยงดูให้แกฝ ่ ่ ายที่วกิ ลจริ ต หรื อขอให้ศาลมี คาสั ง่ ใด ๆ เพื่อคุม ้ ครอง
ฝ่ายที่วก ิ ลจริ ตนั น ้ ได้
ในกรณี ฟ้องเรี ยกคา่ อุปการะเลี้ยงดูตามวรรคหนึ่ ง ถา้ ยั งมิได้มีคาสั ่งของศาลวา่ คูส ่ มรสซึ่ง วิกลจริ ตเป็ นคนไร้ความสามารถก็ให้ขอตอ่ ศาลใน
คดีเดียวกันให้ศาลมีคาสั งวา่ คูส ่ ่ ้
่ มรสซึงวิกลจริ ตนั นเป็ นคนไร้ ความสามารถ โดยขอให้ตังตนเองหรื ้ อผูอ้ ่ืนที่ศาลเห็นสมควรเป็ นผูอ ้ นุ บาล หรื อ
่ ่
ถา้ ได้มีคาสั งของศาลแสดงวา่ คู ่ สมรสซึงวิกลจริ ตเป็ นคนไร้ความสามารถอยูแ่ ลว้ จะขอให้ถอดถอนผูอ ้ นุ บาลคนเดิม และแตง่ ตั งผู ้ อ ้ นุ บาลคน
ใหมก ่ ไ็ ด้
ในการขอใหศ ้ าลมีคาสั ่งใด ๆ เพื่อคุม ้ ครองคูส ่ มรสฝ่ายที่วก ิ ลจริ ตโดยมิไดเ้ รี ยกคา่ อุปการะ เลี้ยงดูดว้ ยนั น ้ จะไมข่ อใหศ ้ าลมีคาสั ่งใหค ้ ูส
่ มรส
ฝ่ายที่วก ิ ลจริ ตนั น ้ เป็ นคนไร้ความสามารถ หรื อจะไมข่ อเปลีย่ น ผูอ ้ นุ บาลก็ได้ แตถ ่ า้ ศาลเห็นวา่ วิธีการคุม ้ ครองที่ขอนั น ้ จาตอ ้ งมีผูอ้ นุ บาลหรื อ
เปลี่ยนผูอ ้ นุ บาล ให้ศาลมีคาสั ง่ ให้ จั ดการทานองเดียวกับที่บัญญั ติไวใ้ นวรรคสอง แลว้ จึงมีคาสั ่งคุม ้ ครองตามที่เห็นสมควร

[เลขมาตรา ๒๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้
ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๔๖๔/๑[๑๑๘] ในระหวา่ งการพิจารณาคดีตามมาตรา ๑๔๖๔ ถา้ มีคาขอศาลอาจ กาหนดวิธีการชั ่วคราวเกี่ยวกับการอุปการะเลี้ยง
ดูหรื อการคุม ่ มรสฝ่ายที่วก
้ ครองคูส ิ ลจริ ตได้ตามที่เห็นสมควร และหากเป็ นกรณี ฉุกเฉิ นให้นาบทบั ญญั ติเรื่ องคาขอในเหตุฉุกเฉิ นตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่ มาใชบ ้ ั งคั บ
หมวด ๔ ทรั พยส์ น ิ ระหวา่ งสามีภริ ยา
มาตรา ๑๔๖๕ ถา้ สามีภริยามิได้ทาสั ญญากันไวใ้ นเรื่ องทรั พยส์ น ิ เป็ นพิเศษกอ ่ นสมรส ความสั มพันธร์ ะหวา่ งสามีภริยาในเรื่ องทรั พยส์ น ิ นั น้
ใหบ ้ ั ง คั บ ตามบทบั ญ ญั ตใ
ิ นหมวดนี ้
ถา้ ขอ้ ความใดในสั ญญากอ ่ นสมรสขั ดตอ่ ความสงบเรี ยบร้อยหรื อศีลธรรมอั นดีของประชาชน หรื อระบุใหใ้ ชก ้ ฎหมายประเทศอื่นบั งคั บเรื่ อง
ทรั พยส์ น ้ ขอ
ิ นั น ้ ความนั น ้ ๆ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๑๔๖๖ สั ญญากอ ่ นสมรสเป็ นโมฆะ ถา้ มิได้จดแจง้ ขอ ้ ตกลงกันเป็ นสั ญญากอ ่ นสมรส นั น ้ ไวใ้ นทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียน
สมรส หรื อมิได้ทาเป็ นหนั งสือลงลายมือชื่อคูส ่ มรสและพยาน อยา่ งน้อยสองคนแนบไวท ้ า้ ยทะเบียนสมรสและได้จดไวใ้ นทะเบียนสมรสพร้อม
กับการจดทะเบียนสมรสวา่ ได้มี สั ญญานั น ้ แนบไว้
มาตรา ๑๔๖๗ เมื่อสมรสแลว้ จะเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสั ญญากอ ่ นสมรสนั น ้ ไมไ่ ด้ นอกจาก
จะไดร้ ั บอนุ ญาตจากศาล
เมื่อได้มีคาสั ่งของศาลถึงที่สุดให้เปลี่ยนแปลงเพิกถอนสั ญญากอ ่ นสมรสแลว้ ให้ศาลแจง้ ไปยั ง
นายทะเบียนสมรสเพื่อจดแจง้ ไวใ้ นทะเบียนสมรส
มาตรา ๑๔๖๘ ขอ ้ ความในสั ญญากอ ่ นสมรสไมม ่ ีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของ บุคคลภายนอกผูท ้ าการโดยสุจริ ตไมว่ า่ จะได้เปลี่ยนแปลงเพิก

ถอนโดยคาสั งของศาลหรื อไมก ่ ต
็ าม
มาตรา ๑๔๖๙ สั ญญาที่เกี่ยวกับทรั พยส์ น ิ ใดที่สามีภริ ยาไดท ้ าไวต ้ อ่ กันในระหวา่ งเป็ นสามี ภริ ยากันนั น ้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งจะบอกลา้ งเสียในเวลา
ใดที่เป็ นสามีภริ ยากันอยูห ่ รื อภายในกาหนดหนึ ่ งปี นั บแต ่ วั น ที่ ข าดจากการเป็ น สามี ภ ริ ย ากันก็ ได้ แต ไ
่ ก
ม ่ ระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคล
ภายนอกผูท ้ าการโดยสุจริ ต

สินสมรส
มาตรา ๑๔๗๐ ทรั พยส์ น ิ ระหวา่ งสามีภริ ยา นอกจากที่ได้แยกไวเ้ ป็ นสินสว่ นตัวยอ่ มเป็ น
มาตรา๑๔๗๑สินสว่ นตัวไดแ้กท ิ
่ รั พยส์ น
(๑) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งมีอยูก อ
่ ่ นสมรส
(๒) ที่เป็ นเครื่ องใชส ้ อยสว่ นตัว เครื่ องแตง่ กาย หรื อเครื่ องประดับกายตามควรแกฐ่ านะ หรื อ
เครื่ องมือเครื่ องใชท
้ ่ีจาเป็ นในการประกอบอาชีพหรื อวิชาชีพของคูส ่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ ง
(๓) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งได้มาระหวา่ งสมรสโดยการรั บมรดกหรื อโดยการให้โดยเสน่หา (๔)ที่เปน็ ของหมั น้
มาตรา ๑๔๗๒ สินสว่ นตัวนนั ้ ถา้ ได้แลกเปลี่ยนเป็ นทรั พยส์ น ิ อื่นก็ดี ซื้อทรั พยส์ น
ิ อื่นมาก็ดี หรื อขายได้เป็ นเงินมาก็ดี ทรั พยส์ น ิ อื่นหรื อเงินที่

ได้มานั นเป็ นสินสว่ นตัว
สินสว่ นตัวที่ถูกทาลายไปทั งหมดหรื
้ อแตบ ่ างสว่ น แตไ่ ดท ิ อื่นหรื อเงินมาทดแทน ทรั พยส์ น
้ รั พยส์ น ิ อื่นหรื อเงินที่ไดม ้ เป็ นสินสว่ นตัว
้ านั น
มาตรา ๑๔๗๓ สินสว่ นตัวของคูส ่ มรสฝ่ายใดให้ฝ่ายนั น ้ เป็ นผูจ้ ั ดการ
มาตรา ๑๔๗๔ สินสมรสได้แกท ิ
่ รั พยส์ น
(๑) ที่คูส ่ มรสไดม้ าระหวา่ งสมรส
(๒) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งไดม ้ าระหวา่ งสมรสโดยพินัยกรรมหรื อโดยการใหเ้ ป็ นหนั งสือเมื่อ
พินัยกรรมหรื อหนั งสือยกให้ระบุวา่ เป็ นสินสมรส (๓) ที่เป็ นดอกผลของสินสว่ นตัว
ถา้ กรณี เป็ นที่สงสั ยวา่ ทรั พยส์ น
ิ อยา่ งหนึ่ งเป็ นสินสมรสหรื อมิใช่ ใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก้ ่อนวา่ เป็ น
สินสมรส
หรื อทมี่ เี อกสารเป็ นสาคั ญ สามีหรื อภริ ยาจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็ นเจา้ ของรวมกันในเอกสารนั น ้ ก็ได้
มาตรา ๑๔๗๖[๑๑๙] สามีและภริ ยาตอ ้ งจั ดการสิ
น สมรสร ่ ว มกันหรื อ ได ร
้ั บความยิ นยอมจากอี ก ฝ่ายหนึ่ งในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
(๑) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ใหเ้ ชา่ ซื้อ จานอง ปลดจานอง หรื อโอนสิทธิจานอง ซึ่ง อสั งหาริ มทรั พยห ์ ่ีอาจจานอง
์ รื อสั งหาริ มทรั พยท
ได้
มาตรา ๑๔๗๕ ถา้ สินสมรสใดเป็ นจาพวกที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๔๕๖ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้

(๒) กอ ้ อกระทาให้สุดสิน
่ ตั งหรื ้ ลงทั งหมดหรื
้ อบางสว่ นซึ่งภาระจายอม สิทธิอาศั ย สิทธิเหนื อ พื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรื อภาระติดพันใน
อสั งหาริ มทรั พย ์
(๓) ใหเ้ ชา่ อสั งหาริ มทรั พยเ์ กินสามปี
(๔) ให้กยู้ ืมเงิน
(๕) ใหโ้ ดยเสน่หา เวน ้ แตก ่ ารใหท ้ ่ีพอควรแกฐ่ านานุ รูปของครอบครั วเพื่อการกุศล เพื่อการ
สั งคม หรื อตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(๖) ประนี ประนอมยอมความ
(๗) มอบขอ ้ พิพาทให้อนุ ญาโตตุลาการวินิจฉั ย
(๘) นาทรั พยส์ น ิ ไปเป็ นประกั นหรื อหลั กประกันตอ่ เจา้ พนั กงานหรื อศาล
การจั ดการสินสมรสนอกจากกรณี ท่ีบัญญั ติไวใ้ นวรรคหนึ่ ง สามีหรื อภริ ยาจั ดการไดโ้ ดยมิตอ ้ ง ไดร้ ั บความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ ง
มาตรา ๑๔๗๖/๑[๑๒๐] สามีและภริ ยาจะจั ดการสินสมรสให้แตกตา่ งไปจากที่บัญญั ติไวใ้ น มาตรา ๑๔๗๖ ทั งหมดหรื ้ อบางสว่ นได้กต ็ อ่ เมื่อ
ได้ทาสั ญญากอ ่ นสมรสไวต ้ ามที่บัญญั ติในมาตรา ๑๔๖๕ และ มาตรา ๑๔๖๖ ในกรณี ดังกลา่ วนี้ การจั ดการสินสมรสใหเ้ ป็ นไปตามที่ระบุไว้
ในสั ญญากอ ่ นสมรส
ในกรณี ท่ีสัญญากอ ่ นสมรสระบุการจั ดการสินสมรสไวแ ้ ตเ่ พียงบางสว่ นของมาตรา ๑๔๗๖ การจั ดการสินสมรสนอกจากที่ระบุไวใ้ นสั ญญากอ ่ น
สมรสใหเ้ ป็ นไปตามมาตรา ๑๔๗๖
มาตรา ๑๔๗๗[๑๒๑] สามีภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งมีสท ิ ธิฟ้อง ตอ่ สู ้ หรื อดาเนิ นคดีเกี่ยวกับการ สงวนบารุ งรั กษาสินสมรส หรื อเพื่อประโยชน์
แกส ่ นิ สมรส หนี้ อั นเกิดแตก ่ ารฟ้อง ตอ่ สู ้ หรื อดาเนิ นคดีดังกลา่ ว ให้ถือวา่ เป็ นหนี้ ที่สามีภริ ยาเป็ นลูกหนี้ ร่วมกั น
มาตรา ๑๔๗๘ เมื่อฝ่ายใดตอ ้ งให้ความยินยอมหรื อลงชื่อกั บอีกฝ่ายหนึ่ งในเรื่ องจั ดการ
ทรั พยส์ นิ แตไ่ มใ่ ห้ความยินยอมหรื อไมย่ อมลงชื่อโดยปราศจากเหตุผล หรื อไมอ่ ยูใ่ นสภาพที่อาจให้ความยินยอม ได้ อีกฝ่ายหนึ่ งอาจร้องขอ
ตอ่ ศาลให้สั่งอนุ ญาตแทนได้
มาตรา ๑๔๗๙ การใดที่สามีหรื อภริ ยากระทา ซึ่งตอ ้ งรั บความยินยอมร่วมกัน และถา้ การนั น ้ มีกฎหมายบั ญญั ติใหท ้ าเป็ นหนั งสือหรื อใหจ้ ด
ทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่ ความยินยอมนั น ้ ตอ ้ งทาเป็ น หนั งสื

มาตรา ๑๔๘๐[๑๒๒] การจั ดการสินสมรสซึ่งตอ ้ งจั ดการร่วมกันหรื อต้องได้รับความยินยอมจาก อีกฝ่ายหนึ่ งตามมาตรา ๑๔๗๖ ถา้ คูส่ มรส
ฝ่ายหนึ่ งได้ทานิ ติกรรมไปแตเ่ พียงฝ่ายเดียว หรื อโดยปราศจากความ ยินยอมของคูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ ง คูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งอาจฟ้องให้ศาลเพิก
ถอนนิ ติกรรมนั น ้ ได้ เวน้ แตค ่ ูส่ มรสอีก

ฝ่ายหนึ่ งไดใ้ หส ้ ั ตยาบั นแกน่ ิ ติกรรมนั น้ แลว้ หรื อในขณะที่ทานิ ติกรรมนั น ้ บุคคลภายนอกไดก ้ ระทาโดยสุจริ ต และเสียคา่ ตอบแทน
การฟ้องใหศ ้ าลเพิ กถอนนิ ต ก
ิ รรมตามวรรคหนึ ่ งห า
้ มมิ ใ ห ฟ
้ ้ องเมื่ อพ น
้ ่
หนึ งปี นั บแต ว
่ ั น ่
ที ได ้ ้ เหตุอันเป็ นมูลใหเ้ พิกถอน หรื อเมื่อพน
ร ู ้ สิบปี นั บแต่
วั นที่ได้ทานิ ติกรรมนั น ้
มาตรา ๑๔๘๑ สามีหรื อภริ ยาไมม ่ ีอานาจทาพินัยกรรมยกสินสมรสที่เกินกวา่ สว่ นของตน ให้แกบ ่ ุคคลใดได้
มาตรา ๑๔๘๒[๑๒๓] ในกรณี ท่ีสามีหรื อภริ ยามีอานาจจั ดการสินสมรสแตฝ ่ ่ ายเดียวคูส ่ มรสอีก ฝ่ายหนึ่ งก็ยังมีอานาจจั ดการบา้ นเรื อนและ
จั ดหาสิง่ จาเป็ นสาหรั บครอบครั วตามสมควรแกอ ่ ั ตภาพได้ คา่ ใชจ้ า่ ย ในการนี้ ยอ่ มผูกพันสินสมรสและสินสว่ นตัวของทั งสองฝ ้ ่ าย
ถา้ สามีหรื อภริ ยาจั ดการบา้ นเรื อนหรื อจั ดหาสิง่ จาเป็ นสาหรั บครอบครั วเป็ นที่เสียหายถึง ขนาด อีกฝ่ายหนึ่ งอาจร้องขอใหศ ้ าลสั ง่ หา้ มหรื อจากัด
อานาจนี้ เสียได้
มาตรา ๑๔๘๓[๑๒๔] ในกรณี ท่ีสามีหรื อภริ ยามีอานาจจั ดการสินสมรสแตฝ ่ ่ ายเดียว ถา้ สามี หรื อภริ ยาจะกระทา หรื อกาลั งกระทาการอยา่ ง
ใดอยา่ งหนึ่ งในการจั ดการสินสมรสอั นพึงเห็นได้วา่ จะเกิดความ เสียหายถึงขนาด อีกฝ่ายหนึ่ งอาจร้องขอให้ศาลสั ่งห้ามมิให้กระทาการนั น ้ ได้
มาตรา ๑๔๘๔[๑๒๕] ถา้ สามีหรื อภริ ยาฝ่ายซึ่งมีอานาจจั ดการสินสมรส (๑) จั ดการสินสมรสเป็ นที่เสียหายถึงขนาด
(๒) ไมอ่ ุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ ง
(๓) มีหนี้ สินลน ้ พน้ ตัว หรื อทาหนี้ เกินกึ่งหนึ่ งของสินสมรส
(๔) ขั ดขวางการจั ดการสินสมรสของอีกฝ่ายหนึ่ งโดยไมม ่ ีเหตุผลอั นสมควร
(๕) มีพฤติการณ์ปรากฏวา่ จะทาความหายนะให้แกส ่ น ิ สมรส
อีกฝ่ายหนึ่ งอาจร้องขอให้ศาลสั ่งอนุ ญาตให้ตนเป็ นผูจ้ ั ดการสินสมรสแตผ ่ ูเ้ ดียวหรื อสั ่งให้แยก สินสมรสได้
ในกรณี ตามวรรคหนึ่ ง ถา้ มีคาขอ ศาลอาจกาหนดวิธีคุม ้ ครองชั ่วคราวเพื่อจั ดการสินสมรสได้ ตามที่เห็นสมควร และหากเป็ นกรณี ฉุกเฉิ นให้
นาบทบั ญญั ติเรื่ องคาขอในเหตุฉุกเฉิ นตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพง่ มาใชบ ้ ั งคั บ
มาตรา ๑๔๘๔/๑[๑๒๖] ในกรณี ท่ีศาลได้มีคาสั ่งห้ามหรื อจากัดอานาจในการจั ดการสินสมรส ของสามีหรื อภริ ยาตามมาตรา ๑๔๘๒ มาตรา
๑๔๘๓ หรื อมาตรา ๑๔๘๔ ถา้ ตอ่ มาเหตุแหง่ การนั น ้ หรื อ
พฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป สามีหรื อภริ ยาอาจร้องขอตอ่ ศาลให้ยกเลิกหรื อเปลี่ยนแปลงคาสั ่งที่หา้ มหรื อ จากัดอานาจจั ดการสินสมรสนั ้ นได้
ในการนี้ ศาลจะมีคาสั ่งใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้
มาตรา ๑๔๘๕ สามีหรื อภริ ยาอาจร้องขอตอ่ ศาลใหต ้ นเป็ นผูจ้ ั ดการสินสมรสโดยเฉพาะอยา่ ง ใดอยา่ งหนึ่ งหรื อเขา้ ร่วมจั ดการในการนั น ้ ได้ ถา้
การที่จะทาเชน ้ จะเป็ นประโยชน์ยิง่ กวา่
่ นั น
มาตรา ๑๔๘๖[๑๒๗] เมื่อศาลได้มีคาพิพากษาหรื อคาสั ่งถึงที่สุดตามความในมาตรา ๑๔๘๒ วรรคสอง มาตรา ๑๔๘๓ มาตรา ๑๔๘๔
มาตรา ๑๔๘๔/๑ หรื อมาตรา ๑๔๘๕ อั นเป็ นคุณแกผ ่ ูร้ ้ องขอ หรื อ
ตามมาตรา ๑๔๙๑ มาตรา ๑๔๙๒/๑ หรื อมาตรา ๑๕๙๘/๑๗ หรื อเมื่อสามีหรื อภริ ยาพน ้ จากการเป็ นบุคคล ลม ้ ละลาย ให้ศาลแจง้ ไปยั ง
นายทะเบียนเพื่อจดแจง้ ไวใ้ นทะเบียนสมรส
มาตรา ๑๔๘๗[๑๒๘] ในระหวา่ งที่เป็ นสามีภริ ยากัน ฝ่ายใดจะยึดหรื ออายั ดทรั พยส์ น ิ ของอีก ฝ่ายหนึ่ งไมไ่ ด้ เวน ้ แตเ่ ป็ นการยึดหรื ออายั ด
ิ ในคดีท่ีฟ้องร้องเพื่อการปฏิบัติหน้าที่หรื อรั กษาสิทธิ ระหวา่ งสามีภริ ยาตามที่บัญญั ติไวโ้ ดยเฉพาะในประมวลกฎหมายนี้ หรื อที่ประมวล
ทรั พยส์ น
กฎหมายนี้ บั ญญั ติไว้ โดยเฉพาะให้สามีภริยาฟ้องร้องกันเองได้ หรื อเป็ นการยึด หรื ออายั ดทรั พยส์ น ิ สาหรั บคา่ อุปการะเลี้ยงดูและคา่ ฤชา
ธรรมเนี ยมที่ยังมิได้ชาระตามคาพิพากษาของศาล
มาตรา๑๔๘๘ถา้ สามหีรือภริ ยาตอ ้ งรั บผิดเป็ นสว่ นตัวเพื่อชาระหนี้ ที่กอ ่ ไวก ่ นหรื อระหวา่ ง สมรส ให้ชาระหนี้ นั น
้ อ ้ ด้วยสินสว่ นตัวของฝ่ายนั น ้
กอ
่ น เมือไมพ่ ่
่ อจึงให้ชาระด้วยสินสมรสทีเป็ นสว่ นของฝ่ายนั น ้
มาตรา ๑๔๘๙ ถา้ สามีภริ ยาเป็ นลูกหนี้ ร่วมกัน ใหช้ าระหนี้ นั น ้ จากสินสมรสและสินสว่ นตัว ของทั งสองฝ ้ ่ าย
มาตรา ๑๔๙๐ หนี้ ที่สามีภริ ยาเป็ นลูกหนี้ ร่วมกันนั น ้ ให้รวมถึงหนี้ ที่สามีหรื อภริ ยากอ ่ ให เ
้ กิ ด ้
ขึ นในระหว า่ งสมรส ดังตอ่ ไปนี้
(๑)[๑๒๙] หนี้ เกี่ยวแกก ่ ารจั ดการบา้ นเรื อนและจั ดหาสิง่ จาเป็ นสาหรั บครอบครั ว การอุปการะ เลี้ยงดูตลอดถึงการรั กษาพยาบาลบุคคลใน
ครอบครั วและการศึกษาของบุตรตามสมควรแกอ ่ ั ตภาพ
(๒) หนี้ ที่เกี่ยวขอ ้ งกับสินสมรส
(๓) หนี้ ที่เกิดขึ้นเนื่ องจากการงานซึ่งสามีภริ ยาทาด้วยกัน
(๔) หนี้ ที่สามีหรื อภริ ยากอ ่ ขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแตอ่ ีกฝ่ายหนึ่ งไดใ้ หส ้ ั ตยาบั น
มาตรา ๑๔๙๑ ถา้ สามีหรื อภริ ยาตอ ้ งคาพิ พ ากษาให ล
้ ้มละลาย สิ
น สมรสย อ
่ มแยกจากกันโดย อานาจกฎหมายนั บแตว่ ั นที่ศาลพิพากษาใหล ้ ม้
ละลายนั น ้

มาตรา ๑๔๙๒[๑๓๐] เมื่อได้แยกสินสมรสตามมาตรา ๑๔๘๔ วรรคสอง มาตรา ๑๔๙๑ หรื อ มาตรา ๑๕๙๘/๑๗ วรรคสอง แลว้
ใหส ้ ว่ นที่แยกออกตกเป็ นสินสว่ นตัวของสามีหรื อภริ ยา และบรรดา ทรั พยส์ น ิ ที่ฝ่ายใดได้มาในภายหลั งไมใ่ ห้ถือเป็ นสินสมรส แตใ่ หเ้ ป็ นสิน
สว่ นตัวของฝ่ายนั น ้ และสินสมรสที่คู่ สมรสไดม ้ าโดยพิ นั ยกรรมหรื อ โดยการให เ้ ป็ นหนั งสือตามมาตรา ๑๔๗๔ (๒) ในภายหลั ง ใหต ้ ก
เป็ นสินสว่ นตัว ของสามีและภริ ยาฝ่ายละครึ่ ง
ดอกผลของสินสว่ นตัวที่ได้มาหลั งจากที่ได้แยกสินสมรสแลว้ ใหเ้ ป็ นสินสว่ นตัว
มาตรา ๑๔๙๒/๑[๑๓๑] ในกรณี ท่ีมีการแยกสินสมรสโดยคาสั ่งศาล การยกเลิกการแยก สินสมรสให้กระทาได้เมื่อสามีหรื อภริ ยาร้องขอตอ่
ศาล และศาลได้มีคาสั ่งใหย้ กเลิก แตถ ่ า้ ภริ ยาหรื อสามีคัดคา้ น ศาลจะสั ่งยกเลิกการแยกสินสมรสได้ตอ่ เมื่อเหตุแหง่ การแยกสินสมรสได้สน ้ิ สุด
ลงแลว้
เมื่อมีการยกเลิกการแยกสินสมรสตามวรรคหนึ่ ง หรื อการแยกสินสมรสสิน ้ สุดลงเพราะสามี หรื อภริ ยาพน้ จากการเป็ นบุคคลลม ้ ละลาย ให้
ทรั พยส์ น ิ ที่เป็ นสินสว่ นตัวอยูใ่ นวั นที่ศาลมีคาสั ่งหรื อในวั นที่พน ้ จากการเป็ น บุ คคลล ม
้ ละลาย ยั ง คงเป็ นสิ
น ส ว
่ นตัวต อ
่ ไปตามเดิ ม
มาตรา ๑๔๙๓ ในกรณี ท่ีไมม ิ สมรสแลว้ สามีและภริ ยาตอ
่ ี สน ้ งชว่ ยกันออกคา่ ใชส ้ อยสาหรั บ การบา้ นเรื อนตามสว่ นมากและน้อยแหง่ สินสว่ น
ตัวของตน
หมวด ๕ ความเป็ นโมฆะของการสมรส
มาตรา ๑๔๙๔ การสมรสจะเป็ นโมฆะก็แตเ่ ฉพาะที่ บัญญั ติไวใ้ นหมวดนี้
มาตรา ๑๔๙๕[๑๓๒] การสมรสที่ฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ มาตรา ๑๔๕๒ และ มาตรา ๑๔๕๘ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๑๔๙๖[๑๓๓] คาพิพากษาของศาลเทา่ นั น ้ ที่จะแสดงวา่ การสมรสที่ฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ และมาตรา ๑๔๕๘ เป็ น
โมฆะ
คูส
่ มรส บิดามารดา หรื อผูส ้ บ ื สั นดานของคูส ่ มรสอาจร้องขอให้ศาลพิพากษาวา่ การสมรสเป็ น โมฆะได้ ถา้ ไมม ่ ีบุคคลดังกลา่ ว ผูม้ ีสว่ นได้เสีย
จะร้องขอให้อัยการเป็ นผูร้ ้ องขอตอ ่ ศาลก็ได้

มาตรา ๑๔๙๗[๑๓๔] การสมรสที่เป็ นโมฆะ เพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๕๒ บุคคลผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สีย คนใดคนหนึ่ งจะกลา่ วอา้ งขึ้น หรื อจะ
ร้องขอใหศ ้ าลพิ พากษาว า
่ การสมรสเป็ นโมฆะก็ ไ ด ้
มาตรา ๑๔๙๗/๑[๑๓๕] ในกรณี ท่ีศาลมีคาพิพากษาถึงที่สุดวา่ การสมรสใดเป็ นโมฆะ ให้ศาล แจง้ ไปยั งนายทะเบียนเพื่อบั นทึกความเป็ น
โมฆะไวใ้ นทะเบียนสมรส
มาตรา ๑๔๙๘[๑๓๖] การสมรสที่เป็ นโมฆะ ไมก ่ อ
่ ให้เกิดความสั มพันธท ์ างทรั พยส์ น ิ ระหวา่ ง สามีภริ ยา
ในกรณี ท่ีการสมรสเป็ นโมฆะ ทรั พยส์ น ิ ที่ฝ่ายใดมีหรื อได้มาไมว่ า่ กอ ่ นหรื อหลั งการสมรส รวมทั งดอกผลคงเป็ ้ นของฝ่ายนั น ้ สว่ นบรรดา
ทรั พยส์ นิ ที่ทามาหาไดร้ ่ วมกันใหแ้ ่บ ง คนละครึ ่ ง เว น
้ แต ศ
่ าลจะ เห็น สมควรสั ่
ง เป็ นประการอื ่ น ่
เมื อ ไดพ
้ เ
ิ คราะห ถ
์ ึ ง ภาระในครอบครั ว ภาระใน
การหาเลี้ยงชีพ และฐานะของ คูก ่ รณี ท ั ้
งสองฝ ่ าย ตลอดจนพฤติ ก ารณ ์ อ่ ื น ทั ้
งปวงแล ว

มาตรา ๑๔๙๙[๑๓๗] การสมรสที่เป็ นโมฆะ เพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ หรื อ มาตรา ๑๔๕๘ ไมท ่ าให้ชายหรื อหญิงผู ้
สมรสโดยสุจริ ตเสื่อมสิทธิท่ีได้มาเพราะการสมรสกอ ่ นมีคาพิพากษาถึง ที่สุดใหเ้ ป็ นโมฆะ
การสมรสที่เป็ นโมฆะเพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๕๒ ไมท ่ าให้ชายหรื อหญิงผูส ้ มรสโดยสุจริ ต เสื่อมสิทธิท่ีได้มา เพราะการสมรสกอ ่ นที่ชายหรื อ
้ ่
หญิงนั นรู้ ถึงเหตุทีทาให้การสมรสเป็ นโมฆะ แตก ่
่ ารสมรสที เป็ นโมฆะดังกลา่ ว ไมท ่ าให้คูส่ มรสเกิดสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของ
่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ ง
คูส
การสมรสที่เป็ นโมฆะเพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ หรื อมาตรา ๑๔๕๘ หรื อฝ่า ฝื นมาตรา ๑๔๕๒ ถา้ คูส่ มรสฝ่ายใดไดส ้ มรส
โดยสุจริ ตฝ่ายนั น ้ มีสทิ ธิเรี ยกคา่ ทดแทนได้ และถา้ การสมรสที่เป็ น โมฆะนั น ้ ทาใหฝ ้ ่ ายที่ได้สมรสโดยสุจริ ตตอ
้ งยากจนลงเพราะไมม ่ ีรายได้พอ
จากทรั พยส์ น ่
ิ หรื อจากการงานทีเคย ทาอยูก ่ อ ่
่ นมีคาพิพากษาถึงทีสุด หรื อกอ ่
่ นทีจะได้รู้วา่ การสมรสของตนเป็ นโมฆะ แลว้ แตก ่ รณี ฝ่ายนั น ้ มี
สิทธิ
เรี ยกคา่ เลี้ยงชีพไดด ้ ว้ ย สิทธิเรี ยกคา่ เลี้ยงชีพในกรณี น้ี ใหน้ ามาตรา ๑๕๒๖ วรรคหนึ่ ง และมาตรา ๑๕๒๘ มาใช้ บั งคั บโดยอนุ โลม
สิทธิเรี ยกร้องคา่ ทดแทน หรื อคา่ เลี้ยงชีพตามวรรคสาม มีกาหนดอายุความสองปี นั บแตว่ ั นที่มี คาพิพากษาถึงที่สุด สาหรั บกรณี การสมรสเป็ น
โมฆะเพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ หรื อมาตรา ๑๔๕๘ หรื อนั บแตว่ ั นที่รู้ถึงเหตุท่ีทาให้การสมรสเป็ นโมฆะ สาหรั บกรณี การ
สมรสเป็ นโมฆะเพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๕๒
มาตรา ๑๔๙๙/๑[๑๓๘] ในกรณี ท่ีการสมรสเป็ นโมฆะ ขอ ้ ตกลงระหวา่ งคูส
่ มรสวา่ ฝ่ายใดจะเป็ น ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองบุตรคนใด หรื อฝ่าย

ใดหรื อทั งสองฝ ่ ายจะเป็ นผูอ ้ อกเงินคา่ อุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็ นจานวน เทา่ ใด ใหท ้ าเป็ นหนั งสือ หากตกลงกันไมไ่ ดใ้ หศ ้ าลเป็ นผูช้ ้ีขาด ในการ
พิจารณาชี้ขาดถา้ ศาลเห็นวา่ มีเหตุท่ีถอน

อานาจปกครองของคูส ้ ได้ตามมาตรา ๑๕๘๒ ศาลจะถอนอานาจปกครองของคูส


่ มรสนั น ่ มรสและสั ่งให้ บุคคลภายนอกเป็ นผูป ้ กครองก็ได้
้ ้ ให้ศาลคานึ งถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั น
ทั งนี ้ เป็ นสาคั ญ และ ให้นาความในมาตรา ๑๕๒๑ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๐๐[๑๓๙] การสมรสที่เป็ นโมฆะไมก ่ ระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการ โดยสุจริ ตซึ่งได้มากอ ่ นมีการบั นทึกความเป็ น
โมฆะไวใ้ นทะเบียนสมรสตามมาตรา ๑๔๙๗/๑
หมวด ๖
ถอน
การสิน ้ สุดแหง่ การสมรส
มาตรา ๑๕๐๑ การสมรสยอ่ มสิน ้ สุดลงด้วยความตาย การหยา่ หรื อศาลพิพากษาให้เพิก
มาตรา ๑๕๐๒ การสมรสที่เป็ นโมฆียะสิน ้ สุดลงเมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอน
มาตรา ๑๕๐๓ เหตุทีจะขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการสมรส เพราะเหตุวา่ เป็ นโมฆียะ มี เฉพาะในกรณี ท่ีคูส
่ ่ มรสทาการฝ่าฝื นมาตรา
๑๔๔๘ มาตรา ๑๕๐๕ มาตรา ๑๕๐๖ มาตรา ๑๕๐๗ และมาตรา ๑๕๐๙
มาตรา ๑๕๐๔ การสมรสที่เป็ นโมฆียะเพราะฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๔๘ ผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียขอใหเ้ พิก ถอนการสมรสได้ แตบ ่ ดิ ามารดาหรื อผูป้ กครองที่
ให้ความยินยอมแลว้ จะขอให้เพิกถอนการสมรสไมไ่ ด้
ถา้ ศาลมิได้สั่งใหเ้ พิกถอนการสมรสจนชายหญิงมีอายุครบตามมาตรา ๑๔๔๘ หรื อเมื่ อหญิงมี
ครรภก ์ อ
่ นอายุครบตามมาตรา ๑๔๔๘ ให้ถือวา่ การสมรสสมบูรณ์มาตั งแต ้ เ่ วลาสมรส

มาตรา ๑๕๐๕ การสมรสทีได้กระทาไปโดยคูส ่
่ มรสฝ่ายหนึ งสาคั ญผิดตัวคูส ่ มรส การสมรส นั น ้ เป็ นโมฆียะ
สิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะสาคั ญผิดตัวคูส ่ มรสเป็ น อั นระงั บ ่
เมื อเวลาได ผ า
้ ่ นพ น
้ ไปแล ว
้ เก า
้ สิบวั นนั บแตว่ ั นสมรส
มาตรา ๑๕๐๖ ถา้ คูส ่ มรสได ท
้ าการสมรสโดยถู กกลฉ ้ อ ฉลอันถึ ง ขนาดซึ ่ ง ถา้ มิ ไ ด ม
้ ี ก ลฉ ้ อ ฉลนั ้
น จะไมท ่ าการสมรส การสมรสนั น ้ เป็ นโมฆียะ

ความในวรรคหนึ่ ง ไมใ่ ชบ ้ ั งคั บในกรณี ท่ีกลฉ้อฉลนั น ้ เกิดขึ้นโดยบุคคลที่สาม โดยคูส่ มรสอีก ฝ่ายหนึ่ งมิได้รู้เห็นด้วย
สิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็ นอั นระงั บเมื่อเวลาได้ผา่ นพน ้ ไปแลว้ เก้าสิบวั น นั บแตว่ ั นที่รู้หรื อควรได้รู้ถึงกลฉ้อฉล หรื อเมื่อ
เวลาได้ผา่ นพน ่
้ ไปแลว้ หนึ งปี นั บแตว่ ั นสมรส
มาตรา ๑๕๐๗ ถา้ คูส่ มรสไดท ้ าการสมรสโดยถูกขม ่ ขูอ่ ั นถึงขนาดซึ่งถา้ มิไดม ้ ีการขม ่ ขูน ้ จะ ไมท
่ ัน ่ าการสมรส การสมรสนั น ้ เป็ นโมฆียะ
สิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะถูกขม ่ ่ขู เ ป็ น อั น ระงั บ เมื ่ อ เวลาได ผ
้ ่า นพ น
้ ไปแล ว
้ หนึ ่ งปี นั บแต ่
วั นที่พน้ จากการขม ่ ขู ่
มาตรา ๑๕๐๘[๑๔๐] การสมรสที่เป็ นโมฆียะเพราะคูส ่ มรสสาคั ญผิดตัวหรื อถูกกลฉ้อฉลหรื อถูก ขม ่ ขู ่ เฉพาะแตค ่ มรสที่สาคั ญผิดตัวหรื อ
่ ูส
ถูกกลฉ้อฉลหรื อถูกขม ่ ขูเ่ ทา่ นั น้ ขอเพิกถอนการสมรสได้
ในกรณี ท่ีผูม ้ ี สทิ ธิขอเพิกถอนการสมรสเป็ นบุคคลที่ถูกศาลสั ่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถ ให้ บุคคลซึ่งอาจร้องขอตอ ่ ศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริ ต
เป็ นคนไร้ความสามารถ ตามมาตรา ๒๙ ขอเพิกถอนการ สมรสไดด ้ ้ ว ย แต ถ
่ ้ ้า ผู ม ี ส ิ
ท ธิ ข อเพิ ก ถอนการสมรสเป็ น คนวิ กลจริ ตที่ศาลยั งไมไ่ ดส้ ั ่ง
ใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถ บุคคลดังกลา่ วจะร้องขอเพิกถอนการสมรสก็ได้ แตต อ
่ ้ งขอให ศ
้ าลสั ่ ง ให ค
้ นวิ กลจริ ตเป็ น คนไร ้ ค วามสามารถ พร้ ม

กันด้วย ในกรณี ท่ีศาลมีคาสั ่งให้ยกคาขอให้ศาลสั ่งเป็ นคนไร้ความสามารถ ก็ให้ศาลมีคาสั ่งยกคาขอเพิก ถอนการสมรสของบุคคลดังกลา่ วนั น ้
เสียด้วย
คาสั ง่ ศาลให้ยกคาขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลตามวรรคสองไมก ่ ระทบกระเทือนสิทธิการ ขอเพิกถอนการสมรสของคูส ่ มรส แตค ่ ูส
่ มรสจะ
ตอ้ งใชส ้ ทิ ธินัน ้ ภายในกาหนดระยะเวลาที่ คส ู ่ มรสมีอยู ่ ถา้ ระยะเวลาดั งกลา่ วเหลืออยูไ่ มถ ่ ึงหกเดือนนั บแตว่ ั นที่ศาลมีคาสั ่งให้ยกคาขอเพิกถอน
การสมรสของบุคคล ดังกลา่ วหรื อไมม ่ ีเหลืออยูเ่ ลย ก็ใหข้ ยายระยะเวลานั น ้ ออกไปไดใ้ หค ้ รบหกเดือนหรื ออีกหกเดือนนั บแตว่ ั นที่ศาล มีคาสั ่ง
ใหย้ กคาขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลดังกลา่ ว แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๑๕๐๙ การสมรสที่มิได้รับความยินยอมของบุคคลดังกลา่ วในมาตรา ๑๔๕๔ การ สมรสนั น ้ เป็ นโมฆียะ
มาตรา ๑๕๑๐ การสมรสทีเ่ ป็ นโมฆียะเพราะมิได้รับความยินยอมของบุคคลดังกลา่ วใน มาตรา ๑๔๕๔ เฉพาะบุคคลที่ อาจให้ความยินยอม
ตามมาตรา ๑๔๕๔ เทา่ นั น ้ ขอใหเ้ พิกถอนการสมรสได้
สิทธิขอเพิกถอนการสมรสตามมาตรานี้ เป็ นอันระงั บเมื่อคูส ่ มรสนั น ้ มีอายุครบยี่สบ ิ ปี บริ บูรณ์ หรื อเมื่อหญิงมีครรภ์
การฟ้องขอเพิกถอนการสมรสตามมาตรานี้ ใหม ้ ี อายุ ค วามหนึ ่ งปี นั บแต ว
่ั น ทราบการสมรส

มาตรา ๑๕๑๑ การสมรสที่ได้มีคาพิพากษาให้เพิกถอนนั น ้ สุดลงในวั นที่คา พิพากษาถึงที่สุด แตจ่ ะอา้ งเป็ นเหตุเสื่อมสิทธิของ
้ ให้ถือวา่ สิน
บุคคลภายนอกผูท
้ าการโดยสุจริ ตไมไ่ ด้ เวน ้ แตจ่ ะได้จด ทะเบียนการเพิกถอนการสมรสนั น ้ แลว้
มาตรา ๑๕๑๒ ให้นาบทบั ญญั ติวา่ ด้วยผลของการหยา่ โดยคาพิพากษามาใชบ ้ ั งคั บแกผ
่ ลของ การเพิกถอนการสมรสโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๑๓ ถา้ ปรากฏวา่ คูส่ มรสที่ถูกฟ้องเพิกถอนการสมรสได้รู้เห็นเป็ นใจในเหตุแหง่
โมฆียะกรรม คูส ้ จะตอ
่ มรสนั น ้ า่ ทดแทนความเสียหายซึ่งคูส
้ งรั บผิดใชค ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งได้รับตอ่ กาย ชื่อเสียง หรื อทรั พยส์ น
ิ เนื่ องจากการ
้ และใหน
สมรสนั น ้ ามาตรา ๑๕๒๕ มาใช บ
้ ั ง คั บโดยอนุ โ ลม
ถา้ หากการเพิกถอนการสมรสตามวรรคหนึ่ งทาให้อีกฝ่ายหนึ่ งยากจนลง และไมม ิ หรื อจากการงานตามที่เคยทาอยู ่
่ ีรายได้พอ จากทรั พยส์ น
ระหวา่ งสมรส คูส ่ ้ ้ ่
่ มรสทีถูกฟ้องนั นจะต้องรั บผิดในคา่ เลียงชีพ ดังทีบัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๕๒๖ ด้วย
ของศาล
มาตรา ๑๕๑๔ การหยา่ นั น ้ จะทาไดแ ้ ตโ่ ดยความยินยอมของทั งสองฝ้ ่ ายหรื อโดยคาพิพากษา
การหยา่ โดยความยินยอมตอ ้ งทาเป็ นหนั งสือและมีพยานลงลายมือชื่ออยา่ งน้อยสองคน
มาตรา ๑๕๑๕ เมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ การหยา่ โดยความยินยอม จะสมบูรณ์ตอ่ เมื่อสามีและภริ ยาได้จดทะเบียนการ
้ แลว้
หยา่ นั น
มาตรา ๑๕๑๖ เหตุฟ้องหยา่ มีดังตอ่ ไปนี้
(๑)[๑๔๑] สามีหรื อภริ ยาอุปการะเลี้ ยงดูหรื อยกยอ่ งผูอ ้ ่ืนฉั นภริ ยาหรื อสามี เป็ นชูห้ รื อมีชู้ หรื อ
ร่วมประเวณกี ับผูอ ่้ ืนเป็ นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้องหยา่ ได้
(๒) สามีหรื อภริ ยาประพฤติชั่ว ไมว่ า่ ความประพฤติชั่วนั น ้ จะเป็ นความผิดอาญาหรื อไม่ ถา้
เป็ นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอยา่ งร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชั งเพราะเหตุท่ีคงเป็ นสามีหรื อภริ ยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู ่
ตอ่ ไป หรื อ
(ค) ไดร้ ั บความเสียหายหรื อเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็ นอยู ่ ร่วมกันฉั นสามีภริ ยามาคานึ งประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่ งนั น
้ ฟ้องหยา่ ได้

(๓) สามีหรื อภริ ยาทาร้าย หรื อทรมานร่างกายหรื อจิตใจ หรื อหมิ่นประมาทหรื อเหยียดหยาม อีกฝ่ายหนึ่ งหรื อบุพการี ของอีกฝ่ายหนึ่ ง ทั งนี ้ ้
ถา้ เป็ นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ฟ้องหยา่ ได้
(๔) สามีหรื อภริ ยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่ งไปเกินหนึ่ งปี อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ฟ้องหยา่ ได้
(๔/๑)[๑๔๒] สามีหรื อภริ ยาตอ ้ งคาพิ พ ากษาถึ ง ่
ที ส ุ ดให จ
้ าคุ ก และได ้ จาคุกเกินหนึ่ งปี ใน ความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่ งมิไดม
ถ ู ก ้ ีสว่ นกอ ่ ใหเ้ กิด
การกระทาความผิดหรื อยินยอมหรื อรู ้ เห็นเป็ นใจในการกระทา ความผิดนั น ้ ดว้ ย และการเป็ นสามีภริ ยากันตอ่ ไปจะเป็ นเหตุใหอ ี้ กฝ่ายหนึ่ งไดร้ ั บ
ความเสียหายหรื อเดือนร้อน เกินควร อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ฟ้องหยา่ ได้
(๔/๒)[๑๔๓] สามีและภริ ยาสมั ครใจแยกกันอยูเ่ พราะเหตุท่ีไมอ่ าจอยูร่ ่ วมกันฉั นสามีภริ ยาได้โดย
ปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรื อแยกกันอยูต ่ ามคาสั ่งของศาลเป็ นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งฟ้องหยา่ ได้ (๕)[๑๔๔] สามีหรื อภริ ยา
ถูกศาลสั งใหเ้ ป็ นคนสาบสูญ หรื อไปจากภูมิลาเนาหรื อถิ่นที่อยูเ่ ป็ น

เวลาเกินสามปี โดยไมม ่ ีใครทราบแน่วา่ เป็ นตายร้ายดีอยา่ งไร อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้องหยา่ ได้
(๖) สามีหรื อภริ ยาไมใ่ หค ้ วามชว่ ยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ งตามสมควรหรื อทาการเป็ น
ปฏิปักษ์ตอ ่ การที่เป็ นสามีหรื อภริ ยากันอยา่ งร้ายแรง ทั งนี ้ ้ ถา้ การกระทานั น ้ ถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่ งเดือดร้อน เกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะ
และความเป็ นอยูร่ ่วมกันฉั นสามีภริ ยามาคานึ งประกอบ อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ฟ้องหยา่ ได้
(๗) สามีหรื อภริ ยาวิกลจริ ตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริ ตนั น ้ มีลักษณะยากจะหายได้ กับทั งความวิ ้ กลจริ ตถึงขนาดที่จะทนอยูร่ ่ วมกัน

ฉั นสามีภริ ยาตอ่ ไปไมไ่ ด้ อีกฝ่ายหนึ งฟ้องหยา่ ได้
(๘) สามีหรื อภริ ยาผิดทั ณฑบ ์ นที่ทาใหไ้ วเ้ ป็ นหนั งสือในเรื่ องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้อง
หยา่ ได้
(๙) สามีหรื อภริ ยาเป็ นโรคติดตอ่ อยา่ งร้ายแรงอั นอาจเป็ นภัยแกอ ่ ีกฝ่ายหนึ่ งและโรคมีลักษณะ เรื้ อรั งไมม ่ ีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้
ฟ้องหยา่ ได้
(๑๐) สามีหรื อภริ ยามีสภาพแหง่ กายทาใหส ้ ามีหรื อภริ ยานั น ้ ไมอ่ าจร่วมประเวณี ได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้องหยา่ ได้
มาตรา ๑๕๑๗ เหตุฟ้องหยา่ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) และ (๒) ถา้ สามีหรื อภริ ยา แลว้ แตก ่ รณี ได้ยินยอมหรื อรู้ เห็นเป็ นใจในการก
ระทาที่เป็ นเหตุหยา่ นั น ้ ฝ่ายที่ยินยอมหรื อรู้ เห็นเป็ นใจนั น ้ จะยกเป็ นเหตุฟ้อง หยา่ ไมไ่ ด้
เหตุฟ้องหยา่ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑๐) ถา้ เกิดเพราะการกระทาของอีกฝ่ายหนึ่ ง อีกฝ่ายหนึ ่ ง นั น ้ จะยกเป็ นเหตุฟ้องหยา่ ไมไ่ ด้
ในกรณี ฟ้องหยา่ โดยอาศั ยเหตุแหง่ การผิดทั ณฑบ ์ นตามมาตรา ๑๕๑๖ (๘) นั น ้ ถา้ ศาลเห็นวา่ ความประพฤติของสามีหรื อภริ ยาอั นเป็ นเหตุ
ใหท ้ าทั ณฑบ ์ นเป็ นเหตุเล็กน้อยหรื อไมส ่ าคั ญเกี่ยวแกก ่ ารอยู ่ ร่วมกันฉั นสามีภริ ยาโดยปกติสุข ศาลจะไมพ ่ ิพากษาให้หยา่ ก็ได้

มาตรา ๑๕๑๘ สิทธิฟ้องหยา่ ยอ่ มหมดไปในเมื่อฝ่ายที่มีสท ิ ธิฟ้องหยา่ ได้กระทาการอั นแสดง ใหเ้ ห็นวา่ ได้ให้อภัยในการกระทาของอีกฝ่ายหนึ่ ง
ซึ่งเป็ นเหตุใหเ้ กิดสิทธิฟ้องหยา่ นั น ้ แลว้
มาตรา ๑๕๑๙ ในกรณี ท่ีคส ู ่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งเป็ นคนวิกลจริ ตและมีเหตุหยา่ เกิดขึ้นไมว่ า่ เหตุนัน ้ จะไดเ้ กิดขึ้นกอ ่ นหรื อภายหลั งการเป็ นคน
วิกลจริ ต ให้บุคคลซึ่งอาจร้องขอตอ่ ศาลให้สั่งให้บุคคล วิกลจริ ตเป็ นคนไร้ความสามารถตามมาตรา ๒๘ มีอานาจฟ้องคูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งขอ
ให้ศาลพิพากษาให้หยา่ ขาดจากกันและแบง่ ทรั พยส์ น ิ ได้ ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ ถา้ ยั งมิได้มีคาสั ่งของศาลแสดงวา่ คูส ่ มรสซึ่งวิกลจริ ตเป็ นคนไร้
ความสามารถก็ให้บุคคลดังกลา่ วขอร้องขอตอ ่ ศาลในคดีเดียวกันนั น ้ ให้ศาลมีคาสั ่งวา่ คูส่ มรสซึ่งวิกลจริ ตนั น ้ เป็ น
คนไร้ความสามารถ
เมื่อบุคคลดังกลา่ วเห็นสมควร จะร้องขอตอ่ ศาลใหม ้ ีคาสั ่งตามมาตรา ๑๕๒๖ หรื อมาตรา
๑๕๓๐ ดว้ ยก็ได้
ในกรณี ท่ีคูส่ มรสซึ่งถูกอา้ งวา่ เป็ นคนวิกลจริ ตยั งไมไ่ ด้ถูกสั ่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถ หาก
ศาลเห็นวา่ คูส ่ มรสนั น ้ ยั งไมเ่ ป็ นคนที่ควรสั ่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถก็ให้ยกฟ้องคดีนัน ้ เสีย ถา้ เห็นวา่ เป็ น บุคคลที่ควรสั ง่ ใหเ้ ป็ นคนไร้ความ
สามารถ แตย่ ั งไมส ่ มควรจะให้มีการหยา่ ก็ให้ศาลสั ่งให้คูส ่ มรสนั น้ เป็ นคนไร้ ความสามารถโดยไมจ่ ะสั ่งเรื่ องผูอ ้ อ
้ นุ บาลหรื อจะตั งผู ้ ่ืนเป็ นผู ้
อนุ บาลตามมาตรา ๑๔๖๓ ก็ได้ คงพิพากษายกแต่ เฉพาะขอ ้ หยา่ ในกรณี เชน ่ นี ศาลจะสั งกาหนดคา่ เลียงชีพด้วยก็ได้ ในกรณี ท่ีศาลเห็นวา่ คู ่
้ ่ ้
สมรสนั นวิกลจริ ตอั น ควรสั งให้เป็ นคนไร้ความสามารถและทั งมีเหตุควรให้หยา่ ดว้ ย ก็ให้ศาลสั ่งในคาพิพากษาให้คูส
้ ่ ้ ้ เป็ นคนไร้ ความ
่ มรสนั น
สามารถ ตั งผู ้ อ้ นุ บ าลและให ห
้ ่ย า
ในกรณี น้ี ถา้ ศาลเห็นวา่ เหตุหยา่ ที่ยกขึ้นอา้ งในการฟ้องร้องนั น ้ ไมเ่ หมาะสมแกส ่ ภาพของคู ่ สมรสซึ่งเป็ นคนไร้ความสามารถที่จะหยา่ จากคู ่

สมรสอีกฝ่ายหนึ งก็ดี ตามพฤติการณ์ไมส ่
่ มควรทีจะให้มีการหยา่ ขาดจากกันก็ดี ศาลจะพิพากษาไมใ่ ห้หยา่ ก็ได้
[เลขมาตรา ๒๘ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้
ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๕๒๐[๑๔๕] ในกรณี หยา่ โดยความยินยอม ใหส ้ ามีภริ ยาทาความตกลงเป็ นหนั งสือวา่ ฝ่ายใดจะเป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองบุตรคน
ใด ถา้ มิได้ตกลงกันหรื อตกลงกันไมไ่ ด้ ให้ศาลเป็ นผูช้ ้ีขาด
ในกรณี หยา่ โดยคาพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหยา่ นั น ้ ชี้ขาดด้วยวา่ ฝ่ายใด จะเป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองบุตรคนใด ในการ
้ ่
พิจารณาชีขาดถา้ ศาลเห็นวา่ มีเหตุทีจะถอนอานาจปกครองของคู ่ สมรสนั น ้ ได้ตามมาตรา ๑๕๘๒ ศาลจะถอนอานาจปกครองของคูส ่ มรสและสั ่ง
ใหบ้ ุ คคลภายนอกเป็ นผู ป
้ กครอง ก็ ได้ ทั ้ ้
งนี ให ศ
้ าลคานึ ง ถึ ง ความผาสุ ก และประโยชน ์ ของบุ ตรนั ้
น เป็ นสาคั ญ

มาตรา ๑๕๒๑[๑๔๖] ถา้ ปรากฏวา่ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองหรื อผูป ้ กครองตามมาตรา ๑๕๒๐ ประพฤติตนไมส ่ มควร หรื อภายหลั งพฤติการณ์ได้
เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอานาจสั ง่ เปลี่ยนตัวผูใ้ ชอ ้ านาจ ปกครองหรื อผูป ้ กครองโดยคานึ งถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็ นสาคั ญ
มาตรา ๑๕๒๒ ถา้ สามีภริ ยาหยา่ โดยความยินยอม ใหท ้ าความตกลงกันไวใ้ นสั ญญาหยา่ วา่ สามีภริ ยาทั งสองฝ ้ ่ าย หรื อสามีหรื อภริ ยาฝ่ายใด
ฝ่ายหนึ่ งจะออกเงินคา่ อุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็ นจานวนเงิน เทา่ ใด
ถา้ หยา่ โดยคาพิพากษาของศาลหรื อในกรณี ที่สัญญาหยา่ มิได้กาหนดเรื่ องคา่ อุปการะเลี้ยงดู
บุตรไว้ ใหศ ้ าลเป็ นผูก ้ าหนด
มาตรา ๑๕๒๓[๑๔๗] เมื่อศาลพิพากษาให้หยา่ กันเพราะเหตุตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) ภริยาหรื อ สามีมีสท ิ ธิได้รับคา่ ทดแทนจากสามีหรื อ
ภริ ยาและจากผูซ ้ ่ึงได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรื อยกยอ่ ง หรื อผูซ ้ ่ึงเป็ น เหตุแหง่ การหยา่ นั น ้
สามีจะเรี ยกคา่ ทดแทนจากผูซ ้ ่ึงลว่ งเกินภริ ยาไปในทานองชูส ้ าวก็ได้ และภริ ยาจะเรี ยกคา่ ทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดง
วา่ ตนมีความสั มพันธก ์ ับสามีในทานองชูส ้ าวก็ได้
ถา้ สามีหรื อภริ ยายินยอมหรื อรู ้ เห็นเป็ นใจให้อีกฝ่ายหนึ่ งกระทาการตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) หรื อใหผ ้ ่ืนกระทาการตามวรรคสอง สามีหรื อ
้ ูอ
้ จะเรี ยกคา่ ทดแทนไมไ่ ด้
ภริ ยานั น
มาตรา ๑๕๒๔ ถา้ เหตุแหง่ การหยา่ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๓) (๔) หรื อ (๖) เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู ้ ตอ ้ งรั บผิดชอบกอ ่ ใหเ้ กิดขึ้นโดยมุง่
ประสงคใ์ ห้อีกฝ่ายหนึ่ งไมอ่ าจทนได้ จึงตอ ้ งฟ้องหยา่ อีกฝ่ายหนึ่ งมีสท ิ ธิได้รับ คา่ ทดแทนจากฝ่ายที่ตอ ้ งรั บผิด
มาตรา ๑๕๒๕ คา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๕๒๓ และมาตรา ๑๕๒๔ นั น ้ ให้ศาลวินิจฉั ยตาม
ควรแกพ ่ ฤติการณ์ โดยศาลจะสั ง่ ให้ชาระครั ง้ เดียวหรื อแบง่ ชาระเป็ นงวด ๆ มีกาหนดเวลาตามที่ ศาลจะ เห็นสมควรก็ได้
ในกรณี ท่ีผูจ้ ะตอ ้ งชาระคา่ ทดแทนเป็ นคูส ่ มรสของอีกฝ่ายหนึ่ ง ให้ศาลคานึ งถึงจานวน ทรั พยส์ น ิ ที่คส
ู ่ มรสนั น ้ ได้รับไปจากการแบง่ สินสมรส
เพราะการหยา่ นั น ้ ดว้ ย
มาตรา ๑๕๒๖ ในคดีหยา่ ถา้ เหตุแหง่ การหยา่ เป็ นความผิดของคูส ่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งแต่ ฝ่ายเดียว และการหยา่ นั น ้ จะทาใหอ ้ ีกฝ่ายหนึ่ ง
ยากจนลง เพราะไมม ่ ีรายได้พอจากทรั พยส์ น ิ หรื อจากการงาน ตามที่เคยทาอยูร่ ะหวา่ งสมรส อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ จะขอให้ฝ่ายที่ตอ ้ งรั บผิดจา่ ยคา่
เลี้ยงชีพให้ได้ คา่ เลี้ยงชีพนี้ ศาล อาจใหเ้ พียงใดหรื อไมใ่ ห้กไ็ ด้ โดยคานึ งถึงความสามารถของผู ใ้ ห้และฐานะของผูร้ ั บและให้นาบทบั ญญั ติ
มาตรา ๑๕๙๘/๓๙ มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๔๑ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม

สิทธิเรี ยกร้องคา่ เลี้ยงชีพเป็ นอั นสิน ้ สุด ถา้ มิไดฟ ้ ้ องหรื อฟ้องแยง้ ในคดีหยา่ นั น ้
มาตรา ๑๕๒๗ ถา้ หยา่ ขาดจากกันเพราะเหตุวก ิ ลจริ ตตามมาตรา ๑๕๑๖ (๗) หรื อเพราะ เหตุเป็ นโรคติดตอ่ อยา่ งร้ายแรงตามมาตรา
๑๕๑๖ (๙) คูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งตอ ้ งออกคา่ เลี้ยงชีพให้แกฝ ่ ่ ายที่ วิกลจริ ตหรื อฝ่ายที่เป็ นโรคติดตอ่ นั น้ โดยคานวณคา่ เลี้ยงชีพอนุ โลมตาม
มาตรา ๑๕๒๖
มาตรา ๑๕๒๘ ถา้ ฝ่ายที่รับคา่ เลี้ยงชีพสมรสใหม่ สิทธิรับคา่ เลี้ยงชีพยอ่ มหมดไป
มาตรา ๑๕๒๙ สิทธิฟ้องร้องโดยอาศั ยเหตุในมาตรา ๑๕๑๖ (๑) (๒) (๓) หรื อ (๖) หรื อ มาตรา ๑๕๒๓ ยอ่ มระงั บไปเมื่อพ้นกา
้ ลา่ วอา้ งรู้ หรื อควรรู้ ความจริ งซึ่งตนอาจยกขึ้น กลา่ วอา้ ง
หนดหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นผูก
เหตุอันจะยกขึ้นฟ้องหยา่ ไมไ่ ดแ ้ ลว้ นั น ้ อาจนาสืบสนั บสนุ นคดีฟ้องหยา่ ซึ่งอาศั ยเหตุอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๕๓๐ ขณะคดีฟ้องหยา่ อยูใ่ นระหวา่ งพิจารณา ถา้ ฝ่ายใดร้องขอ ศาลอาจสั ่ง ชั ่วคราวให้จัดการตามที่เห็นสมควร เชน ่ ในเรื่ องสิน
สมรส ที่พักอาศั ย การอุปการะเลี้ยงดูสามีภริ ยา และการ พิทักษ์อุปการะเลี้ยงดูบุตร
มาตรา ๑๕๓๑ การสมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายนั น ้ การหยา่ โดยความยินยอมของคู ่ สมรสทั งสองฝ ้ ่ ายมีผลนั บแตเ่ วลาจดทะเบียนการหยา่
เป็ นตน้ ไป
การหยา่ โดยคาพิพากษามีผลแตเ่ วลาที่คาพิพากษาถึงที่สุด แตจ่ ะอา้ งเป็ นเหตุเสื่อมสิทธิของ บุคคลภายนอกผูท ้ าการโดยสุจริ ตไมไ่ ด้ เวน ้ แตจ่ ะ
ไดจ้ ดทะเบียนการหยา่ นั น ้ แลว้
มาตรา ๑๕๓๒ เมื่อหยา่ กันแลว้ ให้จัดการแบง่ ทรั พยส์ น ิ ของสามีภริ ยา
แตใ่ นระหวา่ งสามีภริ ยา
(ก) ถา้ เป็ นการหยา่ โดยความยินยอมของทั งสองฝ ้ ่ าย ให้จัดการแบง่ ทรั พยส์ น ิ ของสามีภริยา ตามที่มีอยูใ่ นเวลาจดทะเบียนการหยา่
(ข) ถา้ เป็ นการหยา่ โดยคาพิพากษาของศาล คาพิพากษาสว่ นทีบังคั บทรั พยส์ น ่ ้ มีผลยอ้ นหลั งไปถึงวั นฟ้องหยา่
ิ ระหวา่ งสามี ภริยานั น
มาตรา ๑๕๓๓ เมื่อหยา่ กันใหแ บ
้ ่ งสิ นสมรสให ช
้ ายและหญิ ง ได ส ว
้ ่ นเท า
่ กัน
มาตรา ๑๕๓๔ สินสมรสที่คส ู ่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งจาหน่ายไปเพือ่ ประโยชน์ตนฝ่ายเดียวก็ดี จาหน่ายไปโดยเจตนาทาใหค ู ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ ง
้ ส
เสียหายก็ดี จาหน่ายไปโดยมิได้รับความยินยอมของคูส ่ มรสอีก

ฝ่ายหนึ่ งในกรณี ท่ีกฎหมายบั งคั บวา่ การจาหน่ายนั น ้ จะตอ้ งได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่ งด้วยก็ดี จงใจ ทาลายให้สูญหายไปก็ดี ให้ถือ
ิ นั นยั งคงมีอยูเ่ พือจั ดแบง่ สินสมรสตามมาตรา ๑๕๓๓ และถา้ คูส่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งได้รับสว่ นแบง่ สินสมรสไมค
เสมือนวา่ ทรั พยส์ น ้ ่ ่ รบตามจานวน

ทีควรจะได้ ให้คูส ่ มรสฝ่ายที่ได้จาหน่ายหรื อจงใจ ทาลายสินสมรสนั น ้ ชดใชจ้ ากสินสมรสสว่ นของตนหรื อสินสว่ นตัว
มาตรา ๑๕๓๕ เมื่อการสมรสสิน ้ สุดลง ใหแ ้ บง่ ความรั บผิดในหนี้ ที่จะตอ้ งรั บผิดดว้ ยกันตาม สว่ นเทา่ กัน
ลั กษณะ ๒ บิดามารดากับบุตร
หมวด ๑ บิดามารดา
มาตรา ๑๕๓๖ เด็กเกิดแตห ่ ญิงขณะเป็ นภริ ยาชายหรื อภายในสามร้อยสิบวั นนั บแตว่ ั นที่การ สมรสสิน ้ สุดลง ใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ เป็ นบุตร
ชอบดว้ ยกฎหมายของชายผูเ้ ป็ นสามี หรื อเคยเป็ นสามี แลว้ แต่ กรณี
ให้นาความในวรรคหนึ่ งมาใชบ ้ ั งคั บแก่บุตรที่เกิดจากหญิงกอ ่ นที่ได้มีคาพิพากษาถึงที่สุดของ ศาลแสดงวา่ การสมรสเป็ นโมฆะ หรื อภายในระยะ

เวลาสามร้อยสิบวั นนั บแตว่ ั นนั น
มาตรา ๑๕๓๗ ในกรณี ท่ีหญิงทาการสมรสใหมน ้ เป็ นการฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๕๓ และคลอด
่ ัน
บุตรภายในสามร้อยสิบวั นนั บแตว่ ั นที่การสมรสสิน ้ สุดลง ใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ ่อนวา่ เด็กที่เกิดแตห ้ เป็ นบุตร ชอบด้วยกฎหมายของชาย
่ ญิงนั น
ผูเ้ ป็ นสามีคนใหม่ และหา้ มมิใหน ้ ้าขอ สั น นิ ษฐานในมาตรา ๑๕๓๖ ่
ที ว า
่ เด็ กเป็ น บุ ตร ชอบด ว
้ ยกฎหมายของสามี เดิมมาใชบ ้ ้ เวน
้ ั งคั บ ทั งนี ้ แต่
มีคาพิพากษาของศาลแสดงวา่ เด็กมิใชบ ่ ุ ตรชอบด ว
้ ย กฎหมายของชายผู เ
้ ป็ นสามี ค นใหม น
่ ั ้

มาตรา ๑๕๓๘[๑๔๘] ในกรณี ท่ีชายหรื อหญิงสมรสฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๕๒ เด็กที่เกิดในระหวา่ ง การสมรสที่ฝ่าฝื นนั น ้ ใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ น
วา่ เป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผูเ้ ป็ นสามีซ่ึงได้จดทะเบียน สมรสครั ง้ หลั ง

ในกรณี ท่ีหญิงสมรสฝ่าฝื นมาตรา ๑๔๕๒ ถา้ มีคาพิพากษาถึงที่สุดแสดงวา่ เด็กมิใชบ ่ ุตรชอบ ด้วยกฎหมายของชายผูเ้ ป็ นสามีซ่ึงได้จดทะเบียน

สมรสครั งหลั ง ให้นาขอ ้ สั นนิ ษฐานในมาตรา ๑๕๓๖ มาใช้ บั งคั บ
ใหน ้ าความในวรรคหนึ่ งมาใชบ ้ ั งคั บแกเ่ ด็กที่เกิดภายในสามร้อยสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ศาลมีคา พิพากษาถึงที่สุดใหก ้ ารสมรสเป็ นโมฆะเพราะฝ่าฝื น
มาตรา ๑๔๕๒ ด้วย
มาตรา ๑๕๓๙ ในกรณี ท่ีสันนิ ษฐานวา่ เด็กเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผูเ้ ป็ นหรื อเคย เป็ นสามีตามมาตรา ๑๕๓๖ มาตรา ๑๕๓๗
หรื อมาตรา ๑๕๓๘ ชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามีจะไมร่ ั บเด็กเป็ น
บุตรของตนก็ได้ โดยฟ้องเด็กกับมารดาเด็กร่วมกันเป็ นจาเลยและพิสูจน์ได้วา่ ตนไมไ่ ด้อยูร่ ่วมกับมารดาเด็กใน ระยะเวลาตั งครรภ ้ ์ ือระหวา่ ง


หนึ งร้อยแปดสิบวั นถึงสามร้อยสิบวั นกอ ่ นเด็กเกิด หรื อตนไมส ่ ามารถเป็ นบิดา ของเด็กได้เพราะเหตุอยา่ งอืน ่ [๑๔๙]
แตถ ่ า้ ในขณะยื่นฟ้องมารดาเด็กไมม ่ ีชีวต ิ อยู ่ จะฟ้องเด็กแตผ ่ ูเ้ ดียวเป็ นจาเลยก็ได้ ถา้ เด็กไมม ่ ี ชีวติ อยูไ่ มว่ า่ มารดาของเด็กจะมีชีวต ิ อยูห ่ รื อไม่
จะยื่นคาร้องขอใหศ ้ าลแสดงว า่ เด็ก นั ้
น ไม เ
่ ป็ น บุ ต รก็
ไ ด ้ ในกรณี ท ่ ี มารดาของเด็ ก หรื อ ทายาทของเด็ ก ยั ง มี ช ี ว ต
ิ อยู ่ ให ศ
้ าลส ง
่ สาเนาคาร ้ องนี้ ไปให้
ด้วย และถา้ ศาลเห็นสมควร จะ สง่ สาเนาคาร้องไปให้อัยการพิจารณาเพื่อดาเนิ นคดีแทนเด็กด้วยก็ได้
มาตรา ๑๕๔๐[๑๕๐] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๕๔๑ ชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามีจะฟ้องคดีไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตรตามมาตรา ๑๕๓๙ ไมไ่ ด้ ถา้ ปรากฏวา่ ตนเป็ นผูแ ้ จง้ การเกิดของเด็กใน
ทะเบียนคนเกิดเองวา่ เป็ นบุตรของตน หรื อจั ดหรื อยอมให้มี การแจง้ ดังกลา่ ว
มาตรา ๑๕๔๒[๑๕๑] การฟ้องคดีไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตร ชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามีตอ ้ งฟ้องภายใน
หนึ่ งปี นั บแตว่ ั นรู้ ถึงการเกิดของเด็ก แตห ่ ้ า มมิ ให ฟ
้ ้ องเมื่ อ พ น
้ สิบ ปี นั บแตว่ ั นเกิ ดของเด็ ก ในกรณี ท่ีมีคาพิพากษาของศาลแสดงวา่ เด็กมิใชบ ่ ุตร
ชอบด้วยกฎหมายของชายผูเ้ ป็ นสามีคน
ใหมต ่ ามมาตรา ๑๕๓๗ หรื อชายผูเ้ ป็ นสามีในการสมรสครั ง้ หลั งตามมาตรา ๑๕๓๘ ถา้ ชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ น สามีซ่ึงตอ ้ งด้วยบทสั นนิ ษฐาน
วา่ เด็กเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายของตนตามมาตรา ๑๕๓๖ ประสงคจ์ ะฟ้องคดี ไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตร ให้ฟ้องคดีภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่รู้วา่ มีคา
พิพากษาถึงที่สุด
มาตรา ๑๕๔๓[๑๕๒] ในกรณี ท่ีชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามีไดฟ ้ ้ องคดีไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตรแลว้ และตายกอ ่ นคดีนัน ้ ถึงที่สุด ผูม ้ ี สทิ ธิไดร้ ั บมรดก
ร่วมกับเด็กหรื อผูจ้ ะเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็กนั น ้ จะขอเขา้ เป็ นคูค ่ วามแทนที ่ ห รื ออาจถู ก เรี ย กให เ ข
้ ้ า มาเป็ น คู ค
่ วามแทนที ่ชายผูเ้ ป็ น
หรื อเคยเป็ นสามีกไ็ ด้

มาตรา ๑๕๔๔[๑๕๓] การฟ้องคดีไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตร ผูม ้ ีสทิ ธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรื อผูจ้ ะ เสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็กอาจ
ฟ้องได้ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
ได้
(๑) ชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามีตายกอ ่ นพน ้ ระยะเวลาที่ชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามีจะพึงฟ้อง
(๒) เด็กเกิดภายหลั งการตายของชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามี
การฟ้องคดีไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตรในกรณี (๑) ตอ ้ งฟ้องภายในหกเดือนนั บแตว่ ั นที่รู้ถึงการตาย ของชายผูเ้ ป็ นหรื อเคยเป็ นสามี การฟ้องคดีไม่
รั บเด็กเป็ นบุตรในกรณี (๒) ตอ ้ งฟ้องภายในหกเดือนนั บแตว่ ั นที่รู้ ถึงการเกิดของเด็ก แตไ่ มว่ า่ เป็ นกรณี ใด ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพน ้ สิบปี นั บ
แตว่ ั นเกิดของเด็ก
ใหน ้ ามาตรา ๑๕๓๙ มาใชบ ้ ั งคั บแกก ่ ารฟ้องคดีไมร่ ั บเด็กเป็ นบุตรตามวรรคหนึ่ งโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๔๕[๑๕๔] เมื่อปรากฏขอ ้ เท็จจริ งตอ่ เด็กวา่ ตนมิไดเ้ ป็ นบุตรสืบสายโลหิตของชายผู ้ เป็ นสามีของมารดาตน เด็กจะร้องขอตอ ่
อั ยการให้ฟ้องคดีปฏิเสธความเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายนั น ้ ก็ ได้
การฟ้องคดีตามวรรคหนึ่ ง ถา้ เด็กได้รู้ขอ ้ เท็จจริ งกอ ่ นบรรลุนิติภาวะวา่ ตนมิได้เป็ นบุตรของ ชายผูเ้ ป็ นสามีของมารดา ห้ามอั ยการฟ้องคดีเมื่อ
พน ้ หนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่เด็กบรรลุนิติภาวะ แตถ ้ เท็จจริ ง ดั งกลา่ วหลั งจากบรรลุนิติภาวะแลว้ ห้ามอั ยการฟ้องคดีเมื่อพน
่ า้ เด็กรู้ ขอ ้ หนึ่ งปี นั บแตว่ ั น

ทีเด็กรู้ เหตุนัน ้
ไมว่ า่ กรณี ใด ๆ หา้ มมิใหฟ ้ ้ องคดีปฏิเสธความเป็ นบุตรเมื่อพน ้ สิบปี นั บแตว่ ั นที่เด็กบรรลุนิติ
ภาวะ
มาตรา ๑๕๔๖[๑๕๕] เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชาย ให้ถือวา่ เป็ นบุตรชอบด้วย กฎหมายของหญิงนั น ้ เวน
้ แตจ่ ะมีกฎหมาย
บั ญญั ติไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๕๔๗ เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายตอ่ เมื่อ
บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลั งหรื อบิดาได้จดทะเบียนวา่ เป็ นบุตรหรื อศาลพิพากษาวา่ เป็ นบุตร
มาตรา ๑๕๔๘[๑๕๖] บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ตอ่ เมื่อได้รับความ ยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก
ในกรณี ท่ีเด็กและมารดาเด็กไมไ่ ดม ้ าใหค ้ วามยินยอมตอ่ หน้านายทะเบียนใหน ้ ายทะเบียนแจง้ การขอจดทะเบียนของบิดาไปยั งเด็กและมารดา
เด็ก ถา้ เด็กหรื อมารดาเด็กไมค่ ั ดคา้ นหรื อไมใ่ ห้ความยินยอม ภายในหกสิบวั นนั บแตก ้ ถึงเด็กหรื อมารดาเด็ก ให้สันนิ ษฐานวา่ เด็ก
่ ารแจง้ นั น
หรื อมารดาเด็กไมใ่ ห้ความยินยอม ถา้ เด็กหรื อมารดาเด็กอยูน ่ อกประเทศไทยให้ขยายเวลานั น ้ เป็ นหนึ่ งร้อยแปดสิบวั น
ในกรณี ท่ีเด็กหรื อมารดาเด็กคั ดคา้ นวา่ ผูข้ อจดทะเบียนไมใ่ ชบ
่ ดิ า หรื อไมใ่ หค
้ วามยินยอม หรื อไมอ่ าจใหค ้ วามยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็ก
เป็ นบุตรตอ้ งมี คาพิ พากษาของศาล

เมื่อศาลได้พิพากษาให้บด ิ าจดทะเบียนเด็กเป็ นบุตรได้ และบิดาได้นาคาพิพากษาไปขอจด ทะเบียนตอ่ นายทะเบียน ให้นายทะเบียนดาเนิ นการ


จดทะเบียนให้
มาตรา ๑๕๔๙ เมื่อนายทะเบียนได้แจง้ การขอจดทะเบียนขอรั บเด็กเป็ นบุตรชอบด้วย กฎหมายไปยั งเด็กและมารดาเด็กตามมาตรา ๑๕๔๘
แลว้ ไมว่ า่ เด็กหรื อมารดาเด็กจะคั ดคา้ นการจดทะเบียน รั บเด็กเป็ นบุตรตามมาตรา ๑๕๔๘ หรื อไม่ ภายในกาหนดเวลาไมเ่ กินเกา้ สิบวั นนั บ
แตว่ ั นแจง้ การขอจด ทะเบียนถึงเด็กหรื อมารดาเด็ก เด็กหรื อมารดาเด็กอาจแจง้ ใหน ้ ายทะเบียนจดบั นทึกไวไ้ ดว้ า่ ผูข้ อจดทะเบียนไม่ สมควร
เป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมด ้
เมื่อได้มีคาแจง้ ของเด็กหรื อมารดาเด็กดังกลา่ วในวรรคหนึ่ งแลว้ แมจ้ ะได้มีการจดทะเบียนรั บ เด็กเป็ นบุตรตามมาตรา ๑๕๔๘ บิดาของเด็ก
ก็ยังใชอ ้ านาจปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมดตามที ้ ่ เด็กหรื อมารดา เด็กแจง้ วา่ บิดาไมส ่ มควรเป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองนั น ้ ไมไ่ ด้ จนกวา่ ศาลจะ
พิพากษาให้บด ิ าของเด็กใชอ ้ านาจ ปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมด ้ หรื อกาหนดเวลาเก้าสิบวั นนั บแตว่ ั นที่เด็กหรื อมารดาเด็กแจง้ ตอ่ นายทะเบียน
วา่ ผูข้ อจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตรไมส ่ มควรใชอ ้ านาจปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมดนั ้ น้ ได้ลว่ งพน ้ ไปโดยเด็กหรื อ มารดาเด็กมิได้ร้องขอตอ ่ ศาล
ใหพ ้ พ
ิ ากษาว า
่ ้ ผู ข อจดทะเบี ย นรั บเด็ กเป็ นบุ ต รไม เ
่ ป็ นผู ส
้ มควรใช อ
้ านาจปกครอง บางส ้
ว่ นหรื อทั งหมด
ในคดีท่ีศาลพิพากษาวา่ ผูข้ อจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตรเป็ นผูไ้ มส ่ มควรใชอ ้ านาจปกครอง บางสว่ นหรื อทั งหมด ้ ศาลจะพิพากษาในคดีเดียวกัน
นั น้ ให้ผูใ้ ดเป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองหรื อเป็ นผูป ้ กครองเพื่อ การปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมดก็ ้ ได้
มาตรา ๑๕๕๐[๑๕๗] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๕๕๑ ในกรณี ท่ีมีการคั ดคา้ นวา่ ผูซ ้ ่ึงขอจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตรมิใชบ ิ าของเด็ก เมื่อผูซ
่ ด ้ ่ึงขอจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตรนาคดีไปสู ่
ศาลขอให้ศาลพิพากษาวา่ ผูข้ อจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตรเป็ น
บิดาของเด็ก เด็กหรื อมารดาเด็กจะขอใหศ ้ าลพิพากษาในคดีเดียวกันนั น ้ ก็ไดว้ า่ ผูข้ อจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตร แมจ้ ะเป็ นบิดาของเด็ก ก็เป็ น
ผูไ้ มส ่ มควรใช อ
้ านาจปกครองบางส ว
่ นหรื อ ทั ้
งหมด ในกรณี เ ช น
่ ว า
่ นี้ ให น
้ าความใน วรรคสามของมาตรา ๑๕๔๙ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๕๒[๑๕๘] ในกรณี ท่ีเด็กไมม ่ ีมารดาหรื อมีมารดาแตม ่ ารดาถูกถอนอานาจปกครอง บางสว่ นหรื อทั งหมดและศาลได ้ ้ อ
้ตังผู ้ ่ืนเป็ นผู้
ปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมดไว ้ ก ่ นมีการจดทะเบียนรั บเด็กเป็ น บุตร บิดาซึ่งจดทะเบียนรั บเด็กเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายแลว้ จะร้องขอตอ่
้ อ
ศาลให้มีคาสั ง่ ถอนความเป็ น ผูป ้ กครองบางสว่ นหรื อทั งหมดของผู ้ ป
้ กครองและให้บด ิ าเป็ นผูใ้ ชอ
้ านาจปกครองก็ได้ ถา้ ศาลเห็นวา่ บิดาอาจใช้

อานาจปกครองเพือความผาสุกและประโยชน์ของเด็กได้ดียิง่ กวา่ ผูป ้ กครอง ศาลจะมีคาสั ่งถอนความเป็ น ผูป ้
้ กครองบางสว่ นหรื อทั งหมดของผู ้
ปกครองและใหบ ้ ด
ิ าเป็ น ผู ใ ช
้ ้อ านาจปกครองก็ ไ ด้

มาตรา ๑๕๕๓[๑๕๙] (ยกเลิก)


มาตรา ๑๕๕๔ ผูม ้ ีสว่ นได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนเด็กรั บเป็ นบุตร เพราะเหตุวา่ ผูข้ อให้จดทะเบียนนั น ้ มิใชบ่ ด ิ าก็ได้ แตต
่ อ
้ งฟ้อง
ภายในสามเดือนนั บแตว่ ั นที่รู้การจดทะเบียนนั น ้ อนึ่ ง ห้ามมิให้ ฟ้องเมื่อพน ้ สิบปี นั บแตว่ ั นจดทะเบียน
มาตรา ๑๕๕๕ ในคดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่
เด็กเป็ นบุตรชอบดว้ ยกฎหมายของชายเมื่อปรากฏขอ ้ เท็จจริ งอยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด ดังตอ่ ไปนี้
(๑) เมื่อมีการขม ่ ขืนกระทาชาเรา ฉุ ดคร่า หรื อหน่วงเหนี่ ยวกักขั งหญิงมารดาโดยมิชอบดว้ ย
กฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั น ้ อาจตั งครรภ ้ ไ์ ด้
(๒) เมื่อมีการลั กพาหญิงมารดาไปในทางชู ส ้ าวหรื อมีการลอ่ ลวงร่วมประเวณี กับหญิงมารดา
ในระยะเวลาซึ่งหญิงนั น ้ อาจตั งครรภ
้ ไ์ ด้
(๓) เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงวา่ เด็กนั น ้ เป็ นบุตรของตน
(๔) เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดวา่ เด็กเป็ นบุตรโดยมีหลั กฐานวา่ บิดาเป็ นผูแ ้ จง้ การเกิดหรื อ รู้ เห็นยินยอมในการแจง้ นั น ้
(๕) เมื่อบิดามารดาไดอ ยู
้ ่ ก ิ น ด ว
้ ยกันอย า
่ งเปิดเผยในระยะเวลาซึ ่ ง หญิ ง มารดาอาจตั ้
งครรภ ไ ด
์ ้
(๖) เมื่อได้มีการร่วมประเวณี กับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั น ้ อาจตั งครรภ
้ ไ์ ด้ และมี เหตุอันควรเชื่อได้วา่ เด็กนั น ้ มิได้เป็ นบุตรของชาย
อื่น
(๗) เมือ่ มีพฤติการณ์ทีร่ ู้ กันทั ว่ ไปตลอดมาวา่ เป็ นบุตร[๑๖๐]
พฤติการณ์ท่ีรู้กันทั ่วไปตลอดมาวา่ เป็ นบุตรนั น ้ ให้พิจารณาขอ ้ เท็จจริ งที่แสดงความเกี่ยวขอ ้ ง ฉั นบิดากับบุตรซึ่งปรากฏในระหวา่ งตัวเด็กกับ
ครอบครั วที่เด็กอา้ งวา่ ตนสั งกัดอยู ่ เชน ่ บิด าให ก
้ ารศึ ก ษา ให ้ ความอุ ป การะเลี ้ ย งดู ห รื อยอมให ้ ใชช้ ่ือสกุลของตนหรื อโดยเหตุประการ
เ้ ด็กนั น
อื่น
เสีย
ในกรณี ใดกรณี หนึ่ งดังกลา่ วขา้ งตน ้ ถา้ ปรากฏวา่ ชายไมอ่ าจเป็ นบิดาของเด็กนั น ้ ได้ ให้ยกฟ้อง
มาตรา ๑๕๕๖ การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็ นบุตรในระหวา่ งที่เด็กเป็ นผูเ้ ยาว ์ ถา้ เด็กมีอายุยัง ไมค ่ รบสิบห้าปี บริ บูรณ์ ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรม
ของเด็กเป็ นผูฟ้ ้ องแทน ในกรณี ท่ีเด็กไมม ่ ีผูแ
้ ทนโดยชอบธรรม หรื อ มีแตผ ่ ูแ
้ ทนโดยชอบธรรมไมส ่ ามารถทาหน้าที่ได้ ญาติสนิ ทของเด็กหรื อ
อั ยการอาจร้องขอตอ่ ศาลใหต ้ แ
้ ั งผู ้ ทน เฉพาะคดีเพื่อทาหน้าที่ฟ้องคดีแทนเด็กก็ได้
เมื่อเด็กมีอายุสบิ หา้ ปี บริ บูรณ์ เด็กตอ ้ งฟ้องเอง ทั งนี ้ ้ โดยไมจ่ าตอ ้ งไดร้ ั บความยินยอมของ ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรม
ในกรณี ท่ีเด็กบรรลุนิติภาวะแลว้ จะตอ ้ งฟ้องคดีภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นบรรลุนิติภาวะ

ในกรณี ท่ีเด็กตายในระหวา่ งที่เด็กนั น ้ ยั งมีสท


ิ ธิฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็ นบุตรอยู ่ ผูส ้ บื สั นดาน ของเด็กจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็ นบุตรก็ได้ ถา้ ผู ้
สืบสั นดานของเด็กได้รู้เหตุท่ีอาจขอให้รับเด็กเป็ นบุตรมากอ ่ น วั นที่เด็กนั น
้ ตาย ผูส้ บื สั นดานของเด็กจะตอ้ งฟ้องภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่เด็ก

นั นตาย ถา้ ผูส ื ่ ่
้ บสั นดานของเด็กได้รู้ เหตุทีอาจขอให้รับเด็กเป็ นบุตรภายหลั งทีเด็กนั นตาย ผูส ้ ื ้ งฟ้องภายในหนึ่ งปี นั บแต่
้ บสั นดานของเด็กจะตอ
วั นที่รู้ เหตุดังกลา่ ว แตท ้ ้ ตอ
ั่ งนี ้ งไม พ
่ ้น สิ
บ ปี นั บแตว่ ั น ่
ที เ ด็
ก นั ้
น ตาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็ นบุตรในระหวา่ งที่ผูส ื สั นดานของเด็กเป็ นผูเ้ ยาว ์ ให้นาความใน วรรคหนึ่ งและวรรคสองมาใชบ
้ บ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๕๗[๑๖๑] การเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๕๔๗ ให้มีผลนั บแตว่ ั นที่เด็ก เกิด แตท ้ ้ จะอา้ งเป็ นเหตุเสื่อมสิทธิ
่ ั งนี
ของบุคคลภายนอกผูท ้ าการโดยสุจริ ตในระหวา่ งเวลาตั งแต ้ เ่ ด็กเกิดจนถึง เวลาที่บด ิ ามารดาไดส ้ มรสกันหรื อบิดาไดจ้ ดทะเบียนวา่ เป็ นบุตรหรื อ
ศาลพิพากษาถึงที่สุดวา่ เป็ นบุตรไมไ่ ด้
มาตรา ๑๕๕๘ การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็ นบุตรของผูต ้ ายที่ได้ฟ้องภายในกาหนดอายุความ มรดก ถา้ ศาลได้พิพากษาวา่ เด็กเป็ นบุตรชอบ
ด้วยกฎหมายของผูต ้ าย เด็กนั น ้ มีสท
ิ ธิรับมรดกในฐานะทายาท โดยธรรม
ในกรณี ท่ีได้มีการแบง่ มรดกไปแลว้ ให้นาบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยเรื่ องลาภมิ ควรได้มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๕๙ เมื่อได้จดทะเบียนเด็กเป็ นบุตรแลว้ จะถอนมิได้
มาตรา ๑๕๖๐ บุตรเกิดระหวา่ งสมรสซึ่งศาลพิพากษาใหเ้ พิกถอนภายหลั งนั น ้ ใหถ้ ือวา่ เป็ น บุตรชอบดว้ ยกฎหมาย
หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาและบุตร
มาตรา ๑๕๖๑ บุตรมีสท ิ ธิใชช้ ่ือสกุลของบิดา ในกรณี ท่ีบด ิ าไมป่ รากฏ บุตรมีสท ิ ธิใชช้ ่ือสกุลของมารดา
มาตรา ๑๕๖๒ ผูใ้ ดจะฟ้องบุพการี ของตนเป็ นคดีแพง่ หรื อคดีอาญามิได้ แตเ่ มื่อผูน ้ หรื อ ญาติสนิ ทของผูน
้ ัน ้ ร้องขอ อั ยการจะยกคดีข้ึนวา่
้ ัน
กลา่ วก็ได้

มาตรา ๑๕๖๓ บุตรจาตอ ้ งอุปการะเลี้ยงดูบด ิ ามารดา


มาตรา ๑๕๖๔ บิดามารดาจาตอ ้ งอุปการะเลีย้ งดูและใหก ้ ารศึกษาตามสมควรแกบ ่ ุตรใน ระหวา่ งที่เป็ นผูเ้ ยาว ์
บิดามารดาจาตอ ้ งอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแลว้ แตเ่ ฉพาะผูท ้ ุพพลภาพและหา เลี้ยงตนเองมิได้
มาตรา ๑๕๖๕ การร้องขอคา่ อุปการะเลี้ยงดูบุตรหรื อขอให้บุตรได้รับการอุปการะเลี้ยงดูโดย
ประการอื่น นอกจากอั ยการจะยกคดีข้ึนวา่ กลา่ วตามมาตรา ๑๕๖๒ แลว ้ บิดาหรื อมารดาจะนาคดีข้ึนวา่ กลา่ ว ก็ได้
มาตรา ๑๕๖๖[๑๖๒] บุตรซึ่งยั งไมบ ่ รรลุนิติภาวะตอ ้ งอยูใ่ ตอ
้ านาจปกครองของบิดามารดา อานาจปกครองอยู ก ่ ับบิดาหรื อมารดาในกรณี ดังตอ่
ไปนี้
(๑) มารดาหรื อบิดาตาย
(๒) ไมแ ่ น่นอนวา่ มารดาหรื อบิดามีชีวต ิ อยูห่ รื อตาย
(๓) มารดาหรื อบิดาถูกศาลสั ่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถหรื อเสมือนไร้ความสามารถ (๔) มารดาหรื อบิดาตอ ้ งเขา้ รั กษาตัวในโรงพยาบาล
เพราะจิตฟั่นเฟือน
(๕) ศาลสั ่งให้อานาจปกครองอยูก ่ ั บบิดาหรื อมารดา
(๖) บิดาและมารดาตกลงกันตามที่มีกฎหมายบั ญญั ติไวใ้ ห้ตกลงกันได้
มาตรา ๑๕๖๗ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองมีสท ิ ธิ
(๑) กาหนดที่อยูข่ องบุตร
(๒) ทาโทษบุตรตามสมควรเพื่อวา่ กลา่ วสั ่งสอน
(๓) ให้บุตรทาการงานตามสมควรแกค ่ วามสามารถและฐานานุ รูป (๔) เรี ยกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไวโ้ ดยมิชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา ๑๕๖๘ เมือบุคคลใดมีบุตรติดมาได้สมรสกับบุคคลอื่น อานาจปกครองที่มีตอ่ บุตรอยู ่ กับผูท
่ ้ ่ีบตุรนั น
้ ติดมา
มาตรา ๑๕๖๙ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองเป็ นผูแ ่ ่
้ ทนโดยชอบธรรมของบุตร ในกรณี ทีบุตรถูกศาล สั งให้เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อเสมือนไร้ความ
สามารถ ผูใ้ ชอ้ านาจปกครองยอ่ มเป็ นผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ ้ ิทักษ์ แลว้ แตก
่ รณี

มาตรา ๑๕๖๙/๑[๑๖๓] ในกรณี ท่ีผูเ้ ยาวถ์ ูกศาลสั ง่ ให้เป็ นคนไร้ความสามารถและศาลมีคาสั ่งตั ง้ บุคคลอื่นซึ่งมิใชผ ่ ูใ้ ชอ
้ านาจปกครองหรื อผู ้
ปกครองเป็ นผูอ ้ นุ บาลให้คาสั ่งนั น ้ มีผลเป็ นการถอนผูใ้ ชอ ้ านาจ ปกครอง หรื อผูป ้ กครองที่เป็ นอยูใ่ นขณะนั น ้
ในกรณี ท่ีบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและไมม ่ มรสถูกศาลสั ่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อ เสมือนไร้ความสามารถ ให้บด
่ ีคูส ิ ามารดา หรื อบิดา
หรื อมารดาเป็ นผูอ ้ นุ บาลหรื อผูพ ้ ิทักษ์ แลว้ แตก ่ รณี เวน ้ แตศ ่ าล จะสั ่งเป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๕๗๐ คาบอกกลา่ วที่ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองตามมาตรา ๑๕๖๖ หรื อมาตรา ๑๕๖๘
แจง้ ไปหรื อรั บแจง้ มา ใหถ ้ ื อ ว า
่ เป็ น คาบอกกลา่ วที่บุตรไดแ ้ จง้ ไปหรื อรั บแจง้ มา
มาตรา ๑๕๗๑ อานาจปกครองนั น ้ รวมทั งการจั ้ ดการทรั พยส์ น ิ ของบุตรด้วย และให้จัดการ ทรั พยส์ น ิ นั น ้ ด้วยความระมั ดระวั งเชน ่ วิญญูชนจะ
พึงกระทา
มาตรา ๑๕๗๒ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองจะทาหนี้ ที่บุตรจะต้องทาเองโดยมิได้รับความยินยอม ของบุตรไมไ่ ด้
มาตรา ๑๕๗๓ ถา้ บุตรมีเงินได้ ใหใ้ ชเ้ งินนั น ้ เป็ นคา่ อุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาก่อน สว่ นที่ เหลือผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองตอ ้ งเก็บรั กษาไวเ้ พื่อ
สง่ มอบแกบ ่ ุ ต ร แต ถ า
่ ้ ้ ้ผู ใ ช อ านาจปกครองไม ม
่ ี เ งิ นได เ
้ พี ย งพอแก ่ การครองชี พตามสมควรแก ฐ
่ านะ ผู ใ ช
้ ้ อ านาจปกครองจะใช ้ ตามสมควร
เ้ งินนั น
ก็ได้ เวน ้ แต จ
่ ะเป็ น เงิ น ได ท
้ ่ ี เ กิ ด จากทรั พย ส
์ ิ
น โดยการให โ
้ ดยเสน ่ ห าหรื อพิ นั ยกรรมซึ ่ ง มี เ งื่ อนไขว า
่ มิ ใ ห ผ ู ใ
้ ้ ้ ช อานาจปกครองได ป
้ ระโยชน ์ จาก
ิ นั น
ทรั พยส์ น ้ ๆ
มาตรา ๑๕๗๔[๑๖๔] นิ ติกรรมใดอั นเกี่ยวกับทรั พยส์ น ิ ของผูเ้ ยาวด์ ังตอ่ ไปนี้ ผูใ้ ชอ ้ านาจ
ปกครองจะกระทามิได้ เวน ้ แตศ ่ าลจะอนุ ญาต
(๑) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เชา่ ซื้อ จานอง ปลดจานอง หรื อโอนสิทธิจานอง ซึ่ง
อสั งหาริ มทรั พยห ์ รื อสั งหาริ มทรั พยท ์ ่ีอาจจานองได้
(๒) กระทาใหส ุ้ ดสิน ้ ลงทั งหมดหรื้ อบางสว่ น ซึ่งทรั พยสิทธิของผูเ้ ยาวอ์ ั นเกี่ยวกับ
อสั งหาริ มทรั พย ์
(๓) กอ ้
่ ตั งภาระจายอม สิทธิอาศั ย สิทธิเหนื อพื้นดิน สิทธิเก็บกิน ภาระติดพันใน
อสั งหาริ มทรั พย ์ หรื อทรั พยสิทธิอ่ืนใดในอสั งหาริ มทรั พย ์
(๔) จาหน่ายไปทั งหมดหรื ้ อบางสว่ นซึ่งสิทธิเรี ยกร้องที่จะให้ได้มาซึ่งทรั พยสิทธิใน
อสั งหาริ มทรั พย ์ หรื อสั งหาริ มทรั พยท ์ ่ีอาจจานองได้ หรื อสิทธิเรี ยกร้องที่จะใหท ้ รั พยส์ น ิ เชน ้ ของผูเ้ ยาว ์ ปลอดจากทรั พยสิทธิท่ีมีอยูเ่ หนื อ
่ วา่ นั น
ทรั พยส์ นิ นั น ้
(๕) ใหเ้ ชา่ อสั งหาริ มทรั พยเ์ กินสามปี
(๖) กอ ่ ขอ้ ผูกพันใด ๆ ที่มงุ ่ ใหเ้ กิดผลตาม (๑) (๒) หรื อ (๓)
(๗) ใหก ้ ูย้ ืมเงิน
(๘) ให้โดยเสน่หา เวน ้ แตจ่ ะเอาเงินได้ของผูเ้ ยาวใ์ ห้แทนผูเ้ ยาวเ์ พื่อการกุศลสาธารณะ เพื่อ
การสั งคม หรื อตามหน้าที่ธรรมจรรยา ทั งนี ้ ้ พอสมควรแกฐ่ านานุ รูปของผูเ้ ยาว ์
(๙) รั บการให้โดยเสน่หาที่มีเงื่อนไขหรื อคา่ ภาระติดพั น หรื อไมร่ ั บการให้โดยเสน่หา
(๑๐) ประกันโดยประการใด ๆ อั นอาจมีผลให้ผูเ้ ยาวต ้ งถูกบั งคั บชาระหนี้ หรื อทานิ ติกรรม
์ อ
อื่นที่มีผลใหผ ู
้ ้ เ ยาว ต อ
์ ้ งรั บเป็ น ผู ร
้ั บชาระหนี ้ ของบุ ค คลอื ่ นหรื อแทนบุคคลอื่น
(๑๑) นาทรั พยส์ น ิ ไปแสวงหาผลประโยชน์นอกจากในกรณี ท่ีบัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๕๙๘/๔ (๑) (๒) หรื อ (๓)
(๑๒) ประนี ประนอมยอมความ
(๑๓) มอบขอ ้ พิพาทให้อนุ ญาโตตุลาการวินิจฉั ย
มาตรา ๑๕๗๕ ถา้ ในกิจการใด ประโยชน์ของผูใ้ ชอ ้ านาจปกครอง หรื อประโยชน์ของคูส ่ มรส หรื อบุตรของผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองขั ดกับ
ประโยชน์ของผูเ้ ยาว ์ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองตอ ้ งได้รับอนุ ญาตจากศาลกอ ่ น จึงทากิจการนั น ้ ได้ มิฉะนั น ้ เป็ นโมฆะ
มาตรา ๑๕๗๖ ประโยชน์ของผูใ้ ชอ ้ านาจปกครอง หรื อของคูส ่ มรสหรื อบุตรของผูใ้ ชอ ้ านาจ ปกครองตามมาตรา ๑๕๗๕ ให้หมายความรวม
ถึงประโยชน์ในกิจการดังตอ่ ไปนี้ ดว้ ย คือ
(๑) ประโยชน์ในกิจการที่กระทากับห้างหุ้นสว่ นสามั ญที่บุคคลดังกลา่ วนั น ้ เป็ นหุ้นสว่ น
(๒) ประโยชน์ในกิจการที่กระทากับห้างหุ้นสว่ นจากัดที่บุคคลดังกลา่ วนั น ้ เป็ นหุ้นสว่ นจาพวก ไมจ่ ากัดความรั บผิด
มาตรา ๑๕๗๗ บุคคลใดจะโอนทรั พยส์ น ิ ให้ผูเ้ ยาวโ์ ดยพินัยกรรมหรื อโดยการให้โดยเสน่หา ซึ่งมีเงื่อนไขให้บุคคลอื่นนอกจากผูใ้ ชอ ้ านาจ
ปกครองเป็ นผูจ้ ั ดการจนกวา่ ผูเ้ ยาวจ์ ะบรรลุนิติภาวะก็ได้ ผูจ้ ั ดการ นั น ้ ตอ
้ งเป็ นผูซ ้ ่ึงผูโ้ อนระบุช่ือไว้ หรื อถา้ มิได้ระบุไวก ้ ใ็ ห้ศาลสั ่ง แตก่ าร
จั ดการทรั พยส์ น ้ ตอ
ิ นั น ้ งอยูภ ่ ายใตบ ้ ั งคั บ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐
[เลขมาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ้ ่ ี ไดต รวจชาระใหม ่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๕๗๘ ในกรณี ท่ีอานาจปกครองสิน ้ ไปเพราะผูเ้ ยาวบ ์ รรลุนิติภาวะ ผูใ้ ชอ ้ านาจ ปกครองตอ ้ งรี บสง่ มอบทรั พยส์ นิ ที่จัดการและบั ญชีใน
การนั น ้ ให้ผูบ ้ รรลุนิติภาวะเพื่อรั บรอง ถา้ มีเอกสาร เกี่ยวกับเรื่ องจั ดการทรั พยส์ น ิ นั น ้ ก็ใหส ้ ง่ มอบพร้อมกับบั ญชี

ในกรณี ท่ีอานาจปกครองสิน ้ ไปเพราะเหตุอ่ืนนอกจากที่กลา่ วในวรรคหนึ่ ง ให้มอบทรั พยส์ น ิ บั ญชี และเอกสารที่เกี่ยวกับเรื่ องจั ดการทรั พยส์ น ิ
ใหแ ก ผ
้ ่ ้ ู้ ใ ชอานาจปกครอง ถ า
้ มี หรื อ ผู ป
้ กครอง แล ว
้ แต ก
่ รณี ่
เพื อ รั บรอง
มาตรา ๑๕๗๙ ในกรณี ท่ีคูส ่ มรสฝ่ายหนึ่ งถึงแกค ่ วามตายและมีบุตรที่เกิดดว้ ยกันและคูส ่ มรส อีกฝ่ายหนึ่ งจะสมรสใหม่ ถา้ คูส ่ มรสนั น้ ไดค้ รอบ
ครองทรั พยส์ น ิ อั นเป็ นสั ดสว่ นของบุตรไวอ้ ยา่ งถูกตอ ้ งแลว้ จะ สง่ มอบทรั พยส์ น ิ ให้แกบ ่ ุตรในเมื่อสามารถจั ดการก็ได้ หรื อมิฉะนั น ้ จะเก็บรั กษา
ไวเ้ พื่อมอบให้บุตรเมื่อถึงเวลา อั นสมควรก็ได้ แตถ ่ า้ ทรั พยส์ น ิ ใดเป็ นจาพวกที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๔๕๖ หรื อที่มีเอกสารเป็ นสาคั ญ ให้ลงชื่อ
บุตร
เป็ นเจา้ ของรวมในเอกสารนั น ้ กอ ่ นที่จะจั ดการดังกลา่ วคูส ่ มรสนั น ้ จะทาการสมรสมิได้ ในกรณี ท่ีมีเหตุอันสมควร ศาลจะมีคาสั ่งให้คูส ่ มรสดั ง
กลา่ วทาการสมรสไปกอ ่ นก็ไ ด ้ คาสั ่ ง ศาล
เชน ่ วา่ นี้ ใหร้ ะบุไวด ้ ว้ ยวา่ ใหค ้ ูส่ มรสปฏิบัติการแบง่ แยกทรั พยส์ น ิ และทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ ตามความในวรรคหนึ่ ง ภายในกาหนดเวลาเทา่ ใดภาย
หลั งการสมรสนั น ้ ด้วย
ในกรณี ท่ีการสมรสได้กระทาไปโดยมิได้ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ ง หรื อในกรณี ท่ีคูส ่ มรสไมป ่ ฏิบัติ ตามคาสั ่งของศาลดังกลา่ วในวรรคสอง เมื่อ
ความปรากฏแกศ ่ าลเอง หรื อเมื่อญาติของผูเ้ ยาวห ์ รื ออั ยการร้องขอ ศาลมีอานาจสั ่งให้ถอนอานาจปกครองจากคูส ่ มรสนั น้ หรื อจะมอบให้
บุคคลหนึ่ งบุคคลใดทาบั ญชีและลงชื่อบุตร เป็ นเจา้ ของรวมในเอกสารดังกลา่ วแทนโดยให้คูส ่ มรสเสียคา่ ใชจ้ า่ ยก็ได้
เพื่อประโยชน์แหง่ มาตรานี้ ใหถ ้ ือวา่ บุตรบุญธรรมของคูส ่ มรสที่ตายไปและที่มีชีวต ิ อยูท ้
่ ั งสอง ฝ่ายเป็ นบุตรที่เกิดจากคูส ่ มรส
มาตรา ๑๕๘๐[๑๖๕] ผูเ้ ยาวซ์ ่ึงบรรลุนิติภาวะแลว้ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองหรื อผูป ้ กครองจะให ก
้ าร รั บรองการจั ด การทรั ิ ของผูเ้ ยาวไ์ ดต
พยส์ น ้ อ่
เมื่อได้รับมอบทรั พยส์ น ิ บั ญชีและเอกสารตามมาตรา ๑๕๗๘ แลว้
มาตรา ๑๕๘๑ คดีเกี่ยวกับการจั ดการทรั พยส์ น ิ ในระหวา่ งผูเ้ ยาวก์ ับผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองนั น ้
ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพน ้ หนึ่ งปี นั บแตเ่ วลาที่อานาจปกครองสิน ้ ไป ถา้ อานาจปกครองสิน ้ ไปขณะบุตรยั งเป็ นผูเ้ ยาวอ์ ยู ่ ใหเ้ ริ่ มนั บอายุความในวรรค
หนึ่ งตั งแต
้ ่
เวลาที่ผูเ้ ยาวบ ์ รรลุนิติภาวะ หรื อเมื่อมีผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมขึ้นใหม่
มาตรา ๑๕๘๒ ถา้ ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองเป็ นคนไร้ความสามารถหรื อเสมือนไร้ความสามารถ โดยคาสั ่งของศาลก็ดี ใชอ ้ านาจปกครองเกี่ยวแก่
ตัวผูเ้ ยาวโ์ ดยมิชอบก็ดี ประพฤติชั่วร้ายก็ดี ในกรณี เหลา่ นี้ ศาล จะสั ่งเอง หรื อจะสั ง่ เมื่อญาติของผูเ้ ยาวห ์ รื ออั ยการร้องขอให้ถอนอานาจ
ปกครองเสียบางสว่ นหรื อทั งหมดก็ ้ ได้
ถา้ ผูใ้ ชอ้ านาจปกครองลม ้ ละลายก็ดี หรื อจั ดการทรั พยส์ น ิ ของผูเ้ ยาวใ์ นทางที่ผิดจนอาจเป็ น ภัยก็ดี ศาลจะสั ง่ ตามวิธีในวรรคหนึ่ งให้ถอนอา
นาจจั ดการทรั พยส์ น ิ เสียก็ได้

มาตรา ๑๕๘๓ ผูถ ้


้ ูกถอนอานาจปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมดนั ้ ถา้ เหตุดังกลา่ วไวใ้ นมาตรา กอ
น ้ ไปแลว้ และเมื่อตนเองหรื อญาติของผู ้
่ นสิน
เยาวร์ ้ องขอ ศาลจะสั ง่ ให้มีอานาจปกครองดังเดิมก็ได้
มาตรา ๑๕๘๔ การที่ผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองถูกถอนอานาจปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมด ้ ไม่ เป็ นเหตุให้ผูน ้ จากหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูผูเ้ ยาว ์
้ พน
้ ัน
ตามกฎหมาย
มาตรา ๑๕๘๔/๑[๑๖๖] บิดาหรื อมารดายอ่ มมีสท ิ ธิท่ีจะติดตอ่ กั บบุตรของตนได้ตามควรแก่ พฤติการณ์ ไมว่ า่ บุคคลใดจะเป็ นผูใ้ ชอ ้ านาจ
ปกครองหรื อผูป ้ กครองก็ตาม
หมวด ๓ ความปกครอง
มาตรา ๑๕๘๕ บุคคลที่ยังไมบ ่ รรลุนิติภาวะและไมม ่ ีบดิ ามารดาหรื อบิดามารดาถูกถอน อานาจปกครองเสียแลว้ นั น ้ จะจั ดให้มีผูป ้ กครองขึ้นใน

ระหวา่ งทีเป็ นผูเ้ ยาวก์ ไ็ ด้
ในกรณี ท่ีผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองถูกถอนอานาจปกครองบางสว่ นตามมาตรา ๑๕๘๒ วรรคหนึ่ ง ศาลจะตั งผู ้ ป ้ กครองในสว่ นที่ผูใ้ ชอ้ านาจปกครอง
ถูกถอนอานาจปกครองนั น ้ ก็ได้ หรื อในกรณี ท่ีผูใ้ ชอ ้ านาจ ปกครองถูกถอนอานาจจั ดการทรั พยส์ น ิ ตามมาตรา ๑๕๘๒ วรรคสอง ศาลจะตั งผู ้ ้
ปกครองเพื่อจั ดการทรั พยส์ น ิ ก็ได้[๑๖๗]
มาตรา ๑๕๘๖[๑๖๘] ผูป ้ กครองตามมาตรา ๑๕๘๕ นั น ้ ให้ตังโดยคาสั
้ ง่ ศาลเมื่อมีการร้องขอ ของญาติของผูเ้ ยาว ์ อั ยการ หรื อผูซ ้ ่ึงบิดา
หรื อมารดาที่ตายทีหลั งได้ระบุช่ือไวใ้ นพินัยกรรมให้เป็ นผูป ้ กครอง
ภายใตบ ้ ั งคั บมาตรา ๑๕๙๐ การตั งผู ้ ป
้ กครองนั น ้ ถา้ มีขอ ้ กาหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั งตาม ้
ขอ้ กาหนดพิ น ั ยกรรม เว น
้ แต พ น

่ ั ยกรรมนั ้
น ไม ม
่ ี ผ ลบั ง คั บหรื อบุ ค คลที ่ ระบุ ช ่ ื อ ไว ใ
้ นพิ น ั ยกรรมนั น ้ เป็ นบุคคลที่ ตอ ้ งหา้ มมิใหเ้ ป็ นผูป้ กครองตาม
มาตรา ๑๕๘๗
มาตรา ๑๕๘๗ บุคคลที่บรรลุนิติภาวะแลว้ อาจถูกตั งเป็ ้ นผูป ้ กครองได้ เวน ้ แต่ (๑) ผูซ ้ ่ึงศาลสั ่งวา่ เป็ นคนไร้ความสามารถ หรื อเสมือนไร้
ความสามารถ
(๒) ผูซ ้ ่ึงเป็ นบุคคลลม ้ ละลาย
(๓) ผูซ ้ ่ึงไมเ่ หมาะสมที่จะปกครองผูเ้ ยาวห ์ รื อทรั พยส์ น ิ ของผูเ้ ยาว ์
(๔) ผูซ ้ ่ึงมีหรื อเคยมีคดีในศาลกับผูเ้ ยาว ์ ผูบ ้ ุพการี หรื อพี่ น้องร่วมบิดามารดาหรื อร่วมแตบ ่ ดิ า หรื อมารดากับผูเ้ ยาว ์
(๕)[๑๖๙] ผูซ ้ ่ึงบิดาหรื อมารดาที่ตายไดท ้ าหนั งสือระบุช่ือหา้ มไวม ้ ิใหเ้ ป็ นผูป ้ กครอง

มาตรา ๑๕๘๘[๑๗๐] หากปรากฏวา่ บุคคลที่ศาลตั งให ้ ้เป็ นผูป ้ กครองเป็ นผูต ้ อ้ งห้ามมิให้เป็ น ผูป ้ กครองตามมาตรา ๑๕๘๗ อยูใ่ นขณะที่
้ เ้ ป็ นผูป
ศาลตั งให ้ กครองโดยปรากฏแกศ ่ าลเองหรื อผูม ้ ีสว่ นได้เสีย หรื ออั ยการร้องขอ ให้ศาลสั ่งเพิกถอนคาสั ่งตั งผู ้ ป
้ กครองนั น ้ เสียและมีคาสั ่ง
เกี่ยวกับผูป
้ กครองตอ ่ ไปตามที่ เห็นสมควร
การเพิกถอนคาสั ่งตั งผู ้ ป ้ กครองตามวรรคหนึ่ ง ไมก ่ ระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอก ผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ต เวน ้ แตใ่ นกรณี การเพิก
ถอนคาสั ่งตั งผู้ ป
้ กครองที ่ ตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๑๕๘๗ (๑) หรื อ (๒) การกระทาของผูป ้ กครองไมผ ่ ูกพันผูเ้ ยาวไ์ มว่ า่ บุคคลภายนอกจะได้
กระทาการโดยสุจริ ตหรื อไม่
มาตรา ๑๕๘๙[๑๗๑] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๕๙๐[๑๗๒] ผูป ้ กครองมีได้คราวหนึ่ งเพียงคนเดียว แตใ่ นกรณี มีขอ ้ กาหนดพินัยกรรม ให้ตังผู ้ กครองหลายคนหรื อเมื่อมีผูร้ ้ องขอ
้ ป
โดยมีเหตุผลอั นสมควร ให้ศาลมีอานาจตั งผู ้ ป ้ กครองได้ตามจานวน ที่ศาลเห็นวา่ จาเป็ น ในกรณี ท่ีตังผู ้ ป ้ กครองหลายคนศาลจะกาหนดให้ผู้
ปกครองเหลา่ นั น ้ กระทาการร่วมกั นหรื อ กาหนดอานาจเฉพาะสาหรั บคนหนึ่ ง ๆ ก็ได้
มาตรา ๑๕๙๑[๑๗๓] ความเป็ นผูป ้ กครองนั ้ นเริ่ มแตว่ ั นทราบคาสั ่งตั งของศาล ้
มาตรา ๑๕๙๒[๑๗๔] ใหผ ู
้ ้ ป กครองรี บทาบั ญ ชี ท รั พย ส์ ิ
น ของผู อ
้ ่ยู ใ นปกครองให เ้ สร็จภายในสาม เดือนนั บแตว่ ั นที่ทราบคาสั ่งตั งของศาล ้ แต่
ผูป้ กครองจะร้องตอ่ ศาลกอ ่ นสิน ้ กาหนดขอให้ยืดเวลาก็ได้
้ ตอ
บั ญชีนัน ้ งมีพยานรั บรองความถูกตอ ้ งอยา่ งน้อยสองคน พยานสองคนนั น ้ ตอ ้ งเป็ นผูบ ้ รรลุ นิ ติภาวะและเป็ นญาติของผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง แตถ ่ า้
หาญาติไมไ่ ด้จะให้ผูอ ้ ่ืนเป็ นพยานก็ได้
มาตรา ๑๕๙๓ ใหผ ้ ูป ้ กครองยื่นสาเนาบั ญชีทรั พยส์ น ิ ที่ตนรั บรองวา่ ถูกตอ ้ งตอ ่ ศาลฉบั บหนึ่ ง ภายในสิบวั นนั บแตว่ ั นที่ ได้ทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ แลว้
และศาลจะสั ่งใหผ ู
้ ้ ป กครองชี ้ แ จงเพิ ่ มเติ มหรื อให น
้ าเอกสารมา ประกอบเพื ่ อ แสดงให เ้ ห็นวา่ บั ญชีนัน ้ ถูกตอ ้ งแลว้ ก็ได้
ถา้ ศาลมิไดม ้ ีคาสั ่งเป็ นอยา่ งอื่นภายในสิบหา้ วั นนั บแตว่ ั นยื่นบั ญชี หรื อวั นชีแ ้ จงเพิม ่ เติม หรื อ วั นนาเอกสารยื่นประกอบ แลว้ แตก ่ รณี ให้
ถือวา่ ศาลยอมรั บบั ญชีนัน ้ แลว้ [๑๗๕]
มาตรา ๑๕๙๔ ถา้ ผูป ้ กครองไมป ่ ฏิบัติเกี่ยวแกก ่ ารทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ หรื อการยื่นบั ญชี ทรั พยส์ น ิ ให้ถูกตอ ้ งครบถว้ นตามที่บัญญั ติไวใ้ นมาตรา
๑๕๙๒ หรื อมาตรา ๑๕๙๓ หรื อไมป ่ ฏิบัติตามคาสั ่งศาล ซึ่งสั ่งตามมาตรา ๑๕๙๓ หรื อศาลไมพ ่ อใจในบั ญชีทรั พยส์ น ิ เพราะทาขึ้นด้วยความ
เลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรงหรื อไม่ สุจริ ต หรื อเห็นได้ชัดวา่ ผูป ้ กครองหยอ่ นความสามารถ ศาลจะสั งถอนผูป ่ ้
้ กครองนั นเสียก็ได้

มาตรา ๑๕๙๕ กอ ่ นที่ศาลยอมรั บบั ญชีนัน ้ หา้ มมิใหผ ้ ูป


้ กครองทากิจการใด เวน ้ แตเ่ ป็ นการ เร่งร้อนและจาเป็ น แตจ่ ะยกขอ ้ หา้ มดังกลา่ ว
ขึ้นเป็ นขอ ้ ตอ
่ สูบ
้ ุคคลภายนอกผูก ้ ระทาการโดยสุจริ ตและเสีย คา่ ตอบแทนไมไ่ ด้
มาตรา ๑๕๙๖ ถา้ มีหนี้ เป็ นคุณแกผ ่ ูป
้ กครองแตเ่ ป็ นโทษตอ่ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครองหรื อเป็ นคุณแกผ ่ ู ้ อยูใ่ นปกครองแตเ่ ป็ นโทษตอ่ ผูป
้ กครอง ให้ผู้
ปกครองแจง้ ขอ ้ ความเหลา่ นั น ้ ตอ่ ศาลก่อนลงมือทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ
ถา้ ผูป้ กครองรู้ วา่ มีหนี้ เป็ นคุณแกต ่ นแตเ่ ป็ นโทษตอ ่ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง และมิได้แจง้ ขอ ้ ความนั น้
ตอ่ ศาล หนี้ ของผูป ้ กครองนั ้
น ย อ
่ มสู ญ ไป
ถา้ ผูป ้ กครองรู้ วา่ มีหนี้ เป็ นโทษตอ่ ตนแตเ่ ป็ นคุณแกผ ่ ูอ ้ ยูใ่ นปกครอง และมิไดแ ้ จง้ ขอ ้ ความนั น ้
ตอ่ ศาล ศาลจะสั ่งถอนผูป ้ กครองก็ได้
มาตรา ๑๕๙๗ เมื่อศาลเห็นสมควรโดยลาพัง หรื อเมื่อผูม ้ ีสว่ นได้เสียหรื ออั ยการร้องขอ ศาล อาจสั ่งให้ผูป ้ กครอง
(๑) หาประกันอั นสมควรในการจั ดการทรั พยส์ น ิ ของผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง ตลอดจนการมอบคืน ทรั พยส์ น ้
ิ นั น
(๒) แถลงถึงความเป็ นอยูแ่ หง่ ทรั พยส์ น ิ ของผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง
มาตรา ๑๕๙๘ ในระหวา่ งปกครอง ถา้ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครองไดท ้ รั พยส์ น ิ อั นมีคา่ มาโดยทางมรดก หรื อการใหโ้ ดยเสน่หา ใหน ้ ามาตรา ๑๕๙๒ ถึง
มาตรา ๑๕๙๗ มาใชบ ั้ งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๙๘/๑ ให้ผูป ้ กครองทาบั ญชีทรั พยส์ น ิ สง่ ตอ่ ศาลปี ละครั ง้ นั บแตว่ ั นเป็ นผูป ้ กครอง แตเ่ มื่อศาลได้รับบั ญชีปีแรกแลว้ จะสั ่งใหส ้ ง่ บั ญชี
เชน ้ ในระยะเวลาเกินหนึ่ งปี ก็ได้
่ วา่ นั น
มาตรา ๑๕๙๘/๒ ผูป ้ กครองมีสท ิ ธิและหน้าที่เชน ่ เดียวกับผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองตามมาตรา ๑๕๖๔ วรรคหนึ่ ง และมาตรา ๑๕๖๗
มาตรา ๑๕๙๘/๓ ผูป ้ กครองเป็ นผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมของผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง
ให้นามาตรา ๑๕๗๐ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๒ มาตรา ๑๕๗๔ มาตรา ๑๕๗๕ มาตรา ๑๕๗๖ และมาตรา ๑๕๗๗ มาใชบ ้ ั งคั บ
แกผ ่ ูป้ กครองและผูอ ้ ยูใ่ นปกครองโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๙๘/๔ เงินได้ของผูอ ้ ยูใ่ นปกครองนั น ้ ผูป ้ กครองยอ่ มใชไ้ ด้ตามสมควรเพื่อการ อุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง
ถา้ มีเหลือใหใ้ ชเ้ พื่อแสวงหาผลประโยชน์ เฉพาะในเรื่ อง ตอ่ ไปนี้
(๑) ซื้อพันธบั ตรรั ฐบาลไทยหรื อพันธบั ตรที่รัฐบาลไทยคา้ ประกัน
(๒) รั บขายฝากหรื อรั บจานองอสั งหาริ มทรั พยใ์ นลาดับแรก แตจ่ านวนเงินที่รับขายฝากหรื อ รั บจานองตอ ้ งไมเ่ กินกึ่งราคาตลาดของ
อสั งหาริ มทรั พยน ้
์ ัน
(๓) ฝากประจาในธนาคารที่ได้ตังขึ ้ ้ นโดยกฎหมายหรื อที่ได้รับอนุ ญาตให้ประกอบกิจการใน ราชอาณาจั กร
่ ่
(๔) ลงทุนอยา่ งอืนซึงศาลอนุ ญาตเป็ นพิเศษ
มาตรา ๑๕๙๘/๕ ถา้ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครองรู้ จักผิดชอบและมีอายุไมต ่ า่ กวา่ สิบหา้ ปี บริ บูรณ์เมื่อ ผูป ้ กครองจะทากิจการใดที่สาคั ญ ใหป ้ รึ กษาหารื อผู ้
อยูใ่ นปกครองกอ ่ นเท า
่ ่
ที จ ะทาได ้
การที่ผูอ
้ ยูใ่ นปกครองได้ยินยอมด้วยนั น ้ หาคุม ้ ผูป ้ กครองให้พน ้ จากความรั บผิดไม่
มาตรา ๑๕๙๘/๖[๑๗๖] ความปกครองสิน ้ สุดลงเมื่อผูอ ้ ยูใ่ นปกครองตายหรื อบรรลุนิติภาวะ
มาตรา ๑๕๙๘/๗[๑๗๗] ความเป็ นผูป ้ กครองสิน ้ สุดลงเมื่อผูป ้ กครอง (๑) ตาย
(๒) ลาออกโดยได้รับอนุ ญาตจากศาล
(๓) เป็ นคนไร้ความสามารถหรื อเสมือนไร้ความสามารถ
(๔) เป็ นบุคคลลม ้ ละลาย (๕) ถูกถอนโดยคาสั ่งศาล
ปกครอง
มาตรา ๑๕๙๘/๘[๑๗๘] ให้ศาลสั ง่ ถอนผูป ้ กครองในกรณี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผูป ้ กครองละเลยไมก ่ ระทาการตามหน้าที่
(๒) ผูป ้ กครองประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรงในหน้าที่
(๓) ผูป ้ กครองใชอ ้ านาจหน้าที่โดยมิชอบ
(๔) ผูป ้ กครองประพฤติมิชอบซึ่งไมส ่ มควรแกห ่ น้าที่
(๕) ผูป ้ กครองหย อ
่ นความสามารถในหน ้ า ที ่ จ นน ่ าจะเป็ นอั นตรายแกป ่ ระโยชน์ของผูอ ้ ยูใ่ น
(๖) มีกรณี ดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๕๘๗ (๓) (๔) หรื อ (๕)

มาตรา ๑๕๙๘/๙ การร้องขอให้ถอนผูป ้ กครองตามมาตรา ๑๕๙๘/๘ นั น ้ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครองซึ่ง มีอายุไมต ่ า่ กวา่ สิบห้าปี บริ บูรณ์ หรื อญาติ
ของผูอ ้ ยูใ่ นปกครองหรื ออั ยการจะเป็ นผูร้ ้ องขอก็ได้
มาตรา ๑๕๙๘/๑๐ ในระหวา่ งพิจารณาคาร้องขอให้ถอนผูป ้ กครอง ศาลจะตั งผู ้ จ้ ั ดการ ชั ่วคราวให้จัดการทรั พยส์ น ิ ของผูอ ้ ยูใ่ นปกครองแทนผู ้
ปกครองก็ได้
มาตรา ๑๕๙๘/๑๑ ถา้ ความปกครองหรื อความเป็ นผูป ้ กครองสิน ้ สุดลง ใหผ ้ ูป
้ กครองหรื อ ทายาทรี บสง่ มอบทรั พยส์ น ิ ที่จัดการแกผ ่ ูอ
้ ยูใ่ น
ปกครอง หรื อทายาทหรื อผูป ้ กครองคนใหม่ และให้ทาบั ญชีในการ
จั ดการทรั พยส์ น ิ สง่ มอบภายในเวลาหกเดือน และถา้ มีเอกสารเกี่ยวกับเรื่ องจั ดการทรั พยส์ น ้ ก็ให้สง่ มอบ พร้อมกับบั ญชี แตเ่ มื่อผูป
ิ นั น ้ กครอง
หรื อทายาทร้องขอศาลจะสั ่งให้ยืดเวลาก็ได้
ให้นามาตรา ๑๕๘๐ และมาตรา ๑๕๘๑ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๙๘/๑๒ นั บแตว่ ั นสง่ มอบบั ญชี ใหเ้ ริ่ มคิดดอกเบี้ยในจานวนเงินซึ่งผูป ้ กครองหรื อ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครองจะตอ ้ งคืนใหแ ้ กก่ ัน
ถา้ ผูป้ กครองใช เ
้ งิ น ของผู อ ยู
้ ่ ใ นปกครองนอกจากเพื ่ อ ประโยชน ์ ข องผู อยู
้ ่ ใ นปกครองแล ว
้ ให ้ เสี ย ดอกเบี ้ ย ร้ อ ยละสิ บห า
้ ่ ตอ ปี ในจานวนเงิ นนั น้
้ ว่ ั นใชเ้ ป็ นตน
ตั งแต ้ ไป
มาตรา ๑๕๙๘/๑๓ ผูอ ้ ยูใ่ นปกครองมีบุริมสิทธิเหนื อทรั พยส์ น ้
ิ ทั งหมดของผู ้ กครองเพื่อ ชาระหนี้ ซึ่งคา้ งอยูแ่ กต
ป ่ น
่ ่
บุริมสิทธินีให้อยูใ่ นลาดับทีหกถัดจากบุริมสิทธิสามั ญอยา่ งอืนตามมาตรา ๒๕๓ แหง่ ประมวล กฎหมายนี้

มาตรา ๑๕๙๘/๑๔ ผูป ้ กครองไมม ิ ธิได้รับบาเหน็ จ เวน
่ ี สท ้ แตใ่ นกรณี ตอ่ ไปนี้
(๑) มีขอ ้ กาหนดไว ใ
้ นพิ น ั ยกรรมให ผ
้ ู้ ปกครองได ร
้ั บบาเหน็ จ ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ ใหผ ้ กครอง ไดร้ ั บบาเหน็ จเทา่ ที่กาหนดในพินัยกรรม
้ ูป
(๒) ในกรณี ท่ีพินัยกรรมไมไ่ ดก ้ าหนดบาเหน็ จ ไว ้ แต ไมม
่ ่ ้ ี ขอ กาหนดห า มผู
้ ้ ป กครองรั บบาเหน็ จ ผูป้ กครองจะร้องขอตอ ่ ศาลใหก ้ าหนดบาเหน็ จ
ในภายหลั งก็ได้ ศาลจะกาหนดให้หรื อไมเ่ พียงใดก็ได้
(๓) ในกรณี ท่ีไมม ่ ีคาสั ่งตั งผู้ ป ้ กครองไวใ้ นพินัยกรรม และไมม ่ ีขอ้ กาหนดห้ามผูป ้ กครองรั บ บาเหน็ จ ศาลจะกาหนดบาเหน็ จให้แกผ ่ ู้
ปกครองในคาสั ่งตั งผู ้ ป ้ กครองก็ได้ หรื อถา้ ศาลมิได้กาหนด ผูป ้ กครอง จะร้องขอตอ่ ศาลให้กาหนดบาเหน็ จในภายหลั งก็ได้ ศาลจะกาหนดให้
หรื อไมเ่ พียงใดก็ได้
ในการพิจารณากาหนดบาเหน็ จ ใหศ ้ าลพิเคราะหถ ์ ึงพฤติการณ์ รายไดแ ้ ละฐานะความเป็ นอยู ่ ของผูป ้ กครองและผูอ ้ ยูใ่ นปกครอง

ถา้ ผูป้ กครองหรื อผูอ ้ ยูใ่ นปกครองแสดงได้วา่ พฤติการณ์ รายได้หรื อฐานะความเป็ นอยูข่ อง ผูป ้ กครองหรื อผูอ ้ ยูใ่ นปกครองได้เปลี่ยนแปลงไป
ภายหลั งทีไ่ ด้เขา้ รั บหน้าที่ผูป้ กครอง ศาลจะสั ง่ ให้บาเหน็ จ งด ลด เพิ่ม หรื อกลั บให้บาเหน็ จแกผ ่ ูป
้ กครองอีกก็ได้ แลว้ แตก ้ ้ ให้ใช้
่ รณี ทั งนี
บั งคั บแกก ่ รณี ท่ีมีขอ
้ กาหนดห้ามไว้ ในพินัยกรรมมิให้ผูป ้ กครองได้รับบาเหน็ จด้วย
มาตรา ๑๕๙๘/๑๕[๑๗๙] ในกรณี ท่ีศาลสั ่งให้สามีหรื อภริ ยาเป็ นคนไร้ความสามารถและภริ ยา หรื อสามีเป็ นผูอ ้ นุ บาล ให้นาบทบั ญญั ติวา่
ดว้ ยสิทธิและหน้าที่ของผูใ้ ชอ ้ านาจปกครองมาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม เวน ้ แตส ิ ธิตามมาตรา ๑๕๖๗ (๒) และ (๓)
่ ท
มาตรา ๑๕๙๘/๑๖[๑๘๐] คูส่ มรสซึ่งเป็ นผูอ ้ นุ บาลของคูส ่ มรสที่ถูกศาลสั ่งใหเ้ ป็ นคนไร้ ความสามารถมีอานาจจั ดการสินสว่ นตัวของคู ่
สมรสอีกฝ่ายหนึ่ งและมีอานาจจั ดการสินสมรสแตผ ่ ูเ้ ดียว แตก ่ าร จั ดการสินสว่ นตัวและสินสมรสตามกรณี ท่ีระบุไวใ้ นมาตรา ๑๔๗๖ วรรค
หนึ่ ง คูส่ มรสนั น ้ จะจั ดการไมไ่ ด้ เวน้ แต่ จะได้รับอนุ ญาตจากศาล
มาตรา ๑๕๙๘/๑๗ ในกรณี ท่ีศาลสั ง่ ใหส ้ ามีหรื อภริ ยาเป็ นคนไร้ความสามารถและศาลเห็นไม่ สมควรให้คส ู ่ มรสเป็ นผูอ ้ ดา
้ นุ บาล และตั งบิ
หรื อมารดาหรื อบุคคลภายนอกเป็ นผูอ ้ นุ บาล ในกรณี เชน ่ วา่ นี้ ให้ผู้ อนุ บาลเป็ นผูจ้ ั ดการสินสมรสร่วมกันกับคูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ ง เวน ้ แตถ ่ า้ มีเห
ตุสาคั ญอั นจะเกิดความเสียหายแก่ คนไร้ความสามารถ ศาลจะสั ่งเป็ นอยา่ งอื่นก็ได้
อยา่ งไรก็ตาม เมื่อมีกรณี ดังกลา่ วตามวรรคหนึ่ ง คูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งมีสท ิ ธิร้องขอตอ่ ศาลใหส ้ ั ่ง แยกสินสมรสได้
มาตรา ๑๕๙๘/๑๘[๑๘๑] ในกรณี ท่ีบด ิ ามารดาเป็ นผูอ ้ นุ บาลบุตร ถา้ บุตรนั น้ ยั งไมบ่ รรลุนิติ ภาวะ ให้นาบทบั ญญั ติวา่ ดว้ ยสิทธิและหน้าที่
ของผูใ้ ชอ
้ านาจปกครองมาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม แตถ ่ า้ บุตรนั น้
บรรลุนิติภาวะแลว้ ใหน ้ าบทบั ญญั ติวา่ ดว้ ยสิทธิและหน้าที่ของผูป ้ กครองมาใชบ
้ ั งคั บโดยอนุ โลม เวน ้ แตส ิ ธิ ตามมาตรา ๑๕๖๗ (๒) และ
่ ท
(๓)
ในกรณี ท่ีบุคคลอื่นซึ่งมิใชบ ่ ด
ิ ามารดาหรื อมิใชค ่ ูส
่ มรสเป็ นผูอ ้ นุ บาล ให้นาบทบั ญญั ติวา่ ด้วย สิทธิและหน้าที่ของผูป ้ กครองมาใชบ ้ ั งคั บโดย
อนุ โลม แตถ ่ า้ ผูอ
้ ยูใ่ นความอนุ บาลบรรลุนิติภาวะแลว้ จะใชส ้ ท ิ ธิ ตามมาตรา ๑๕๖๗ (๒) และ (๓) ไมไ่ ด้
หมวด ๔ บุตรบุญธรรม

มาตรา ๑๕๙๘/๑๙[๑๘๒] บุคคลที่มีอายุไมต ่ า่ กวา่ ยี่สบิ หา้ ปี จะรั บบุคคลอื่นเป็ นบุตรบุญธรรมก็ ได้ แตผ ่ ูน ้ ตอ
้ ัน ้ งมีอายุแกก ้ ่ีจะเป็ นบุตร
่ วา่ ผูท
บุญธรรมอยา่ งน้อยสิบหา้ ปี
มาตรา ๑๕๙๘/๒๐ การรั บบุตรบุญธรรม ถา้ ผูท ้ ่ีจะเป็ นบุตรบุญธรรมมีอายุไมต ่ า่ กวา่ สิบห้าปี ผูน ้ ตอ
้ ัน ้ งให้ความยินยอมด้วย
มาตรา ๑๕๙๘/๒๑[๑๘๓] การรั บผูเ้ ยาวเ์ ป็ นบุตรบุญธรรมจะกระทาได้ตอ่ เมื่อได้รับความ ยินยอมของบิดาและมารดาของผู จ้ ะเป็ นบุตร
บุญธรรม ในกรณี ท่ีบด ิ าหรื อมารดาคนใดคนหนึ่ งตายหรื อถูกถอน
อานาจปกครองต้องได้รับความยินยอมของมารดาหรื อบิดาซึ่งยั งมีอานาจปกครอง ถา้ ไมม ้ ีอานาจให้ความยินยอมดังกลา่ วในวรรคหนึ่ ง
่ ีผูม
หรื อมีแตบ่ ดิ าหรื อมารดาคนใดคนหนึ ง ่

หรื อทั งสองคนไม ส
่ ามารถแสดงเจตนาใหค ้ วามยินยอมได้ หรื อไมใ่ หค ้ วามยินยอมและการไมใ่ หค ้ วามยินยอมนั น ้ ปราศจากเหตุผลอั นสมควร
และเป็ นปฏิปักษ์ตอ่ สุขภาพ ความเจริ ญหรื อสวั สดิภาพของผูเ้ ยาว ์ มารดาหรื อบิดาหรื อ ผูป ้ ระสงคจ์ ะขอรั บบุตรบุญธรรมหรื ออั ยการจะร้องขอตอ ่
ศาลให้มีคาสั ง่ อนุ ญาตแทนการให้ความยินยอมตาม วรรคหนึ่ งก็ได้
มาตรา ๑๕๙๘/๒๒[๑๘๔] ในการรั บผูเ้ ยาวเ์ ป็ นบุตรบุญธรรม ถา้ ผูเ้ ยาวเ์ ป็ นผูถ ้ ูกทอดทิ้งและอยู ่ ในความดูแลของสถานสงเคราะหเ์ ด็กตาม
กฎหมายวา่ ด้วยการสงเคราะหแ ์ ละคุม ้ ครองเด็ก ให้สถานสงเคราะห์ เด็กเป็ นผูใ้ ห้ความยินยอมแทนบิดาและมารดา ถา้ สถานสงเคราะหเ์ ด็กไม่
ให้ความยินยอม ให้นาความในมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๙๘/๒๓[๑๘๕] ในกรณี ท่ีผูเ้ ยาวม ์ ิไดถ ้ ูกทอดทิ้ง แตอ่ ยูใ่ นความอุปการะเลี้ยงดูของ สถานสงเคราะหเ์ ด็กตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการ
สงเคราะหแ ้ ครองเด็ก บิดาและมารดา หรื อบิดาหรื อมารดา ในกรณี ที่มารดาหรื อบิดาคนใดคนหนึ่ งตายหรื อถูกถอนอานาจปกครอง จะ
์ ละคุม
ทาหนั งสือมอบอานาจให้สถาน
สงเคราะหเ์ ด็กดังกลา่ วเป็ นผูม ้ ีอานาจให้ความยินยอมในการรั บผูเ้ ยาวเ์ ป็ นบุตรบุญธรรมแทนตนก็ได้ ในกรณี เชน ้ ให้นาความในมาตรา
่ นั น
๑๕๙๘/๒๒ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
หนั งสือมอบอานาจตามวรรคหนึ่ งจะถอนเสียมิได้ตราบเทา่ ที่ผูเ้ ยาวย์ ั งอยูใ่ นความอุปการะ เลี้ยงดูของสถานสงเคราะหเ์ ด็กนั น ้
มาตรา ๑๕๙๘/๒๔[๑๘๖] ผูม ้ ี อานาจให ค
้ วามยิ น ยอมแทนสถานสงเคราะห เ
์ ด็ก ในการรั บบุ ต ร บุ ญ ธรรมตามมาตรา ๑๕๙๘/ ๒๒ หรื อมาตรา
๑๕๙๘/๒๓ จะรั บผูเ้ ยาวซ์ ่ึงอยูใ่ นความดูแลหรื ออยูใ่ นความ อุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะหเ์ ด็กนั น ้ เป็ นบุตรบุญธรรมของตนเองไดต ่ เมื่อ
้ อ
ศาลได้มีคาสั ่งอนุ ญาตตามคา ขอของผูน ้ แทนการให้ความยินยอมของสถานสงเคราะหเ์ ด็ก
้ ัน

มาตรา ๑๕๙๘/๒๕[๑๘๗] ผูจ้ ะรั บบุตรบุญธรรมหรื อผูจ้ ะเป็ นบุตรบุญธรรม ถา้ มีคูส ่ มรสอยูต
่ อ
้ ง ได้รับความยินยอมจากคูส ่ มรสกอ ่ น ใน
กรณี ท่ีคูส
่ มรสไมอ่ าจให้ความยินยอมได้หรื อไปเสียจากภูมิลาเนาหรื อถิ่น ที่อยูแ่ ละหาตัวไมพ ่ บเป็ นเวลาไมน ่ ้ อยกวา่ หนึ่ งปี ตอ
้ งร้องขอตอ่ ศาลให้
มีคาสั ่งอนุ ญาตแทนการใหค ้ วามยินยอม ของคูส ่ มรสนั น้
มาตรา ๑๕๙๘/๒๖ ผูเ้ ยาวท ์ ่ ี เ ป็ นบุ ต รบุ ญ ธรรมของบุ ค คลใดอยู จ่ ะเป็ นบุตรบุญธรรมของ บุคคลอื่นอีกในขณะเดียวกันไมไ่ ด้ เวน ้ แตเ่ ป็ นบุตร
บุญธรรมของคูส ่ มรสของผูร้ ั บบุตรบุญธรรม
่ มรสฝ่ายหนึ่ งจะจดทะเบียนรั บผูเ้ ยาวซ์ ่ึงเป็ นบุตรบุญธรรมของคูส
ถา้ คูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ งเป็ น
บุตรบุญธรรมของตนด้วยจะตอ ้ งได้รับความยินยอมของคูส ่ มรสซึ่งเป็ นผูร้ ั บบุตรบุญธรรมอยูแ่ ลว้ และมิให้นา มาตรา ๑๕๙๘/๒๑ มาใช้
บั งคั บ[๑๘๘]
มาตรา ๑๕๙๘/๒๗[๑๘๙] การรั บบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ตอ ่ เมื่อไดจ้ ดทะเบียนตามกฎหมาย แตถ ่ า้ ผูจ้ ะเป็ นบุตรบุญธรรมนั น ้ เป็ นผูเ้ ยาวต
์ อ ้ ง
ปฏิบัติตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการรั บเด็กเป็ นบุตรบุญธรรมกอ ่ น
มาตรา ๑๕๙๘/๒๘ บุตรบุญธรรมยอ่ มมีฐานะอยา่ งเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผูร้ ั บ บุตรบุญธรรมนั น ้ แตไ่ มส่ ูญสิทธิและหน้าที่ใน
ครอบครั วที่ได้กาเนิ ดมา ในกรณี เชน ่ นี้ ให้บด ิ ามารดาโดยกาเนิ ด หมดอานาจปกครองนั บแตว่ ั นเวลาที่เด็กเป็ นบุตรบุญธรรมแลว้
ให้นาบทบั ญญั ตใิ นลั กษณะ ๒ หมวด ๒ แหง่ บรรพนี้ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๕๙๘/๒๙ การรั บบุตรบุญธรรมไมก ่ อ่ ให้เกิดสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะ ทายาทโดยธรรมเพราะเหตุการณ์รับบุตร
บุญธรรมนั น ้
มาตรา ๑๕๙๘/๓๐ ถา้ บุตรบุญธรรมซึ่งไมม ่ ีคูส ่ มรสหรื อผูส ื สั นดานตายกอ
้ บ ่ นผูร้ ั บบุตรบุญ
ธรรม ผูร้ ั บบุตรบุญธรรมมีสท ิ ธิเรี ยกร้องเอาทรั พยส์ น ิ ที่ตนได้ให้แกบ ่ ุตรบุญธรรมคืนจากกองมรดกของบุตรบุญ ธรรมเพียงเทา่ ที่ทรั พยส์ น ้
ิ นั น
ยั งคงเหลืออยูภ ่ ายหลั งที่ชาระหนี้ ของกองมรดกเสร็จสิน ้ แลว้
ห้ามมิให้ฟ้องคดีเรี ยกร้องสิทธิตามวรรคหนึ่ ง เมื่อพน ้ กาหนดหนึ่ งปี นั บแตเ่ วลาที่ผูร้ ั บบุตรบุญ ธรรมได้รู้หรื อควรได้รู้ถึงความตายของบุตร

บุญธรรมหรื อเมือพ้นกาหนดสิบปี นั บแตว่ ั นทีบุตรบุญธรรมตาย ่
มาตรา ๑๕๙๘/๓๑ การเลิกรั บบุตรบุญธรรม ถา้ บุตรบุญธรรมบรรลุนิติภาวะแลว้ จะเลิกโดย ความตกลงกันในระหวา่ งผูร้ ั บบุตรบุญธรรมกับ
บุตรบุญธรรมเมือ่ ใดก็ได้
ถา้ บุตรบุญธรรมยั งไมบ ่ รรลุนิติภาวะ การเลิกรั บบุตรบุญธรรมจะทาได้ตอ่ เมื่อได้รับความ ยินยอมของบิดาและมารดา และให้นามาตรา
๑๕๙๘/๒๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม

ในกรณี ท่ีได้รับผูเ้ ยาวเ์ ป็ นบุตรบุญธรรมตามมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาตรา ๑๕๙๘/๒๒ มาตรา ๑๕๙๘/๒๓ มาตรา ๑๕๙๘/๒๔
หรื อมาตรา ๑๕๙๘/๒๖ วรรคสอง ถา้ บุตรบุญธรรมยั งไมบ ่ รรลุนิติ ภาวะ การเลิกรั บบุตรบุญธรรมให้กระทาได้ตอ่ เมือ่ มีคาสั ่งศาลโดยคา
ร้องขอของผูม ี
้ ่ ส ว นได เ
้ สี ย หรื ออั ย การ[๑๙๐]
๑๔๕๑
การเลิกรั บบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ตอ่ เมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย
มาตรา ๑๕๙๘/๓๒ การรั บบุตรบุญธรรมยอ่ มเป็ นอั นยกเลิกเมื่อมีการสมรสฝ่าฝื นมาตรา
มาตรา ๑๕๙๘/๓๓ คดีฟ้องเลิกการรั บบุตรบุญธรรมนั น ้ เมื่อ
(๑)[๑๙๑] ฝ่ายหนึ่ งทาการชั ่วร้ายไมว่ า่ จะเป็ นความผิดอาญาหรื อไม่ เป็ นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ งอั บ อายขายหน้าอยา่ งร้ายแรง หรื อถูกเกลียดชั ง
หรื อได้รับความเสียหายหรื อเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้อง เลิกได้
(๒)[๑๙๒] ฝ่ายหนึ่ งหมิ่นประมาทหรื อเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ งหรื อบุพการี ของอีกฝ่ายหนึ่ งอั น เป็ นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้องเลิกได้ ถา้
บุตรบุญธรรมกระทาการดังกลา่ วตอ่ คูส ่ มรสของผูร้ ั บบุตรบุญธรรม ให้ผูร้ ั บบุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้
(๓)[๑๙๓] ฝ่ายหนึ่ งกระทาการประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่ งหรื อบุพการี หรื อคูส ่ มรสของอีกฝ่ายหนึ่ ง เป็ นเหตุใหเ้ กิดอั นตรายแกก ่ ายหรื อจิตใจ
อยา่ งร้ายแรงและการกระทานั น ้ เป็ นความผิดที่มีโทษอาญา อีกฝ่าย หนึ่ งฟ้องเลิกได้
(๔) ฝ่ายหนึ่ งไมอ่ ุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ ง อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ฟ้องเลิกได้
(๕) ฝ่ายหนึ่ งจงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่ งไปเกินหนึ่ งปี อีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ฟ้องเลิกได้
(๖) ฝ่ายหนึ่ งตอ ้ งคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุกเกินสามปี เวน ้ แตค่ วามผิดที่กระทาโดยประมาท
อีกฝ่ายหนึ่ งฟ้องเลิกได้
(๗) ผูร้ ั บบุตรบุญธรรมทาผิดหน้าที่บด ิ ามารดา และการกระทานั น ้ เป็ นการละเมิด หรื อไม่
ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕๖๔ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๓ มาตรา ๑๕๗๔ หรื อมาตรา ๑๕๗๕ เป็ นเหตุใหเ้ กิด หรื ออาจเกิดความเสีย
หายอยา่ งร้ายแรงตอ่ บุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้
(๘)[๑๙๔] ผูร้ ั บบุตรบุญธรรมผูใ้ ดถูกถอนอานาจปกครองบางสว่ นหรื อทั งหมด ้ และเหตุท่ีถูกถอน อานาจปกครองนั น ้ มีพฤติการณ์แสดงให้
เห็นวา่ ผูน ้ ไมส
้ ัน ่ มควรเป็ นผูร้ ั บบุตรบุญธรรมตอ่ ไป บุตรบุญธรรมฟ้อง เลิกได้
(๙)[๑๙๕] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๕๙๘/๓๔ ห้ามมิให้ฟ้องขอเลิกการรั บบุตรบุญธรรมเมื่อพน ้ กาหนดหนึ่ งปี นั บแต่ วั นที่ผูข้ อเลิกการรั บบุตรบุญธรรมรู้ หรื อควรได้รู้ขอ

เท็จจริ งอั นเป็ นเหตุใหเ้ ลิกการนั น ้ หรื อเมื่อพน
้ กาหนดสิ บปี นั บแต เ ้ เกิดขึ้น
่ หตุนัน

มาตรา ๑๕๙๘/๓๕[๑๙๖] การฟ้องเลิกการรั บบุตรบุญธรรม ถา้ บุตรบุญธรรมมีอายุไมค ่ รบสิบ ห้าปี บริ บูรณ์ให้บด ิ ามารดาโดยกาเนิ ดเป็ นผู้
มีอานาจฟ้องแทน แตถ ่ า้ บุตรบุญธรรมมีอายุสบ ิ ห้าปี บริ บูรณ์แลว้ บุตรบุญธรรมฟ้องได้โดยไมต ่ อ
้ งได้รับความยินยอมจากผูใ้ ด
ในกรณี ตามวรรคหนึ่ ง อั ยการจะฟ้องคดีแทนบุตรบุญธรรมก็ได้
มาตรา ๑๕๙๘/๓๖ การเลิกรั บบุตรบุญธรรมโดยคาพิพากษาของศาล ยอ่ มมีผลแตเ่ วลาที่คา พิพากษาถึงที่สุด แตจ่ ะอา้ งเป็ นเหตุเสื่อมสิทธิ
ของบุคคลภายนอกผูท ้ าการโดยสุจริ ตไมไ่ ด้ เวน ้ แตไ่ ดจ้ ดทะเบียน
แลว้
มาตรา ๑๕๙๘/๓๗[๑๙๗] เมื่อผูร้ ั บบุตรบุญธรรมตายหรื อมีการเลิกรั บบุตรบุญธรรม ถา้ บุตร บุญธรรมยั งไมบ ่ รรลุนิติภาวะ ให้บด ิ ามารดา
โดยกาเนิ ดกลั บมีอานาจปกครองนั บแตเ่ วลาที่ผูร้ ั บบุตรบุญธรรม ตาย หรื อนั บแตเ่ วลาที่จดทะเบียนเลิกการรั บบุตรบุญธรรมตามมาตรา
๑๕๙๘/๓๑ หรื อนั บแตเ่ วลาที่ศาลมีคา พิพากษาถึงที่สุดให้เลิกการรั บบุตรบุญธรรม เวน ้ แตศ ่ าลเห็นสมควรสั ่งเป็ นประการอื่น
่ ้
ในกรณี ทีมีการตั งผูป ้ กครองของผูเ้ ป็ นบุตรบุญธรรมไวก ้ ่อนผูร้ ั บบุตรบุญธรรมตาย หรื อกอ ่ น การเลิกรั บบุตรบุญธรรม ให้ผูป ้ กครองยั งคงมีอา
นาจหน้าที่เชน ่ เดิมตอ่ ไป เวน ้ แตบ ิ ามารดาโดยกาเนิ ดจะร้อง ขอ และศาลมีคาสั ่งใหผ
่ ด ้ ูร้ ้ องขอเป็ นผูม ้ ีอานาจปกครอง
การเปลี่ยนผูใ้ ชอ้ านาจปกครองตามวรรคหนึ่ งหรื อผูป ้ กครองตามวรรคสองไมเ่ ป็ นเหตุเสื่อม สิทธิท่ีบุคคลภายนอกได้มาโดยสุจริ ตกอ ่ นผูร้ ั บบุตร
บุญธรรมตายหรื อกอ ่ นจดทะเบียนเลิกการรั บบุตรบุญธรรม
ใ ห้ พ นั ก ง า น อั ย ก า ร เ ป็ น ผู ้ มี อา น า จ ร้ อ ง ข อ เ พื่ อ ใ ห้ ศ า ล มี ค า สั ่ ง เ ป็ น ป ร ะ
ก า ร อื่ น ต า ม ว ร ร ค ห นึ่ ง
ลั กษณะ ๓ คา่ อุปการะเลี้ยงดู
มาตรา ๑๕๙๘/๓๘ คา่ อุปการะเลี้ยงดูระหวา่ งสามีภริ ยา หรื อระหวา่ งบิดามารดากับบุตรนั น ้ ยอ่ มเรี ยกจากกันไดใ้ นเมื่อฝ่ายที่ควรไดร้ ั บ
อุปการะเลี้ยงดูไมไ่ ดร้ ั บการอุปการะเลี้ยงดูหรื อไดร้ ั บการอุปการะ เลี้ยงดูไมเ่ พียงพอแกอ ่ ัตภาพ ค า่ อุปการะเลี้ยงดูน้ี ศาลอาจใหเ้ พียงใดหรื อไมใ่ ห้
ก็ได้ โดยคานึ งถึงความสามารถ ของผู ม ้ ีหน้าที่ตอ
้ งให้ ฐานะของผูร้ ั บและพฤติการณ์แหง่ กรณี
มาตรา ๑๕๙๘/๓๙ เมื่อผูม ้ ีสว่ นได้เสียแสดงวา่ พฤติการณ์ รายได้ หรื อฐานะของคูก ่ รณี ได้ เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั ่งแก้ไขในเรื่ องคา่
อุปการะเลี้ยงดูโดยให้เพิกถอน ลด เพิ่ม หรื อกลั บให้คา่ อุปการะเลี้ยง ดูอีกก็ได้

ในกรณี ท่ีศาลไมพ ่ ิพากษาใหค ้ า่ อุปการะเลี้ยงดู เพราะเหตุแตเ่ พียงอีกฝ่ายหนึ่ งไมอ่ ยูใ่ นฐานะที่ จะใหค ้ า่ อุปการะเลี้ยงดูไดใ้ นขณะนั น ้ หาก
พฤติการณ์ รายได้ หรื อฐานะของอีกฝ่ายหนึ่ งนั น ้ ไดเ้ ปลี่ยนแปลงไป และพฤติการณ์รายไดห ้ รื อฐานะของผู เ
้ รี ย กร้ องอยู ใ
่ นสภาพที ่ ควรไดร้ ั บคา่
อุปการะเลี้ยงดู ผูเ้ รี ยกร้องอาจร้อง ขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคาสั ่งในคดีนัน ้ ใหมไ่ ด้
มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ คา่ อุปการะเลี้ยงดูนัน ้ ให้ชาระเป็ นเงินโดยวิธีชาระเป็ นครั ง้ คราวตาม กาหนด เวน ้ แตค ่ ูก่ รณี จะตกลงกันให้ชาระเป็ นอยา่ ง
อื่นหรื อโดยวิธีอ่ืน ถา้ ไมม ่ ีการตกลงกันและมีเหตุพิเศษ เมื่อ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งร้องขอและศาลเห็นสมควร จะกาหนดให้คา่ อุปการะเลี้ยงดูเป็ น
อยา่ งอื่นหรื อโดยวิธีอ่ืน โดยจะ
ใหช้ าระเป็ นเงินดว้ ยหรื อไมก ่ ไ็ ด้
ในกรณี ขอคา่ อุปการะเลี้ยงดูบุตร เมื่อมีเหตุพิเศษและศาลเห็นเป็ นการสมควรเพื่อประโยชน์
แกบ ่ ุตร จะกาหนดให้บุตรได้รับการอุปการะเลี้ยงดูโดยประการใด ๆ นอกจากที่คูก ่ รณี ตกลงกั น หรื อนอกจากที่ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งร้องขอก็ได้
เชน่ ให้ไปอยูใ่ นสถานการศึกษาหรื อวิชาชี พ โดยใหผ ้ ่ีมีหน้าที่ตอ
้ ูท ้ งชาระคา่ อุปการะ เลี้ยงดูออกคา่ ใชจ้ า่ ยในการนี้
มาตรา ๑๕๙๘/๔๑ สิทธิท่ีจะได้คา่ อุปการะเลี้ยงดูนัน ้ จะสละหรื อโอนมิได้และไมอ่ ยูใ่ นขา่ ย แหง่ การบั งคั บคดี
พระราชบั ญญั ติ ใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๖ แหง่ ประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช ๒๔๗๗
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจา้ อยูห ่ ัวอานั นทมหิดล คณะผูส ้ าเร็จราชการแทนพระองค ์ (ตามประกาศประธานสภาผูแ ้ ทนราษฎร ลงวั นที่
๗ มีนาคม พุทธศั กราช ๒๔๗๗) อนุ วัตน์จาตุรนต์
อาทิตยท
์ ิพอาภา เจา้ พระยายมราช
ตราไว้ ณ วั นที่ ๕ มิถุนายน พุทธศั กราช ๒๔๗๘ เป็ นปี ที่ ๒ ในรั ชชกาลปัจจุบัน

โดยที่สภาผูแ ้ ทนราษฎรลงมติวา่ การประมวลกฎหมายแหง่ บา้ นเมืองไดด ้ าเนิ นมาถึงคราวที่ ควรใชบ ้ รรพ ๖ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชย ์
จึ่งมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบั ญญั ติข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยินยอมของสภา ผู แ ้ ทนราษฎร ดั ่งตอ่ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบั ญญั ติน้ี ให้เรี ยกวา่ “พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๖ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช
๒๔๗๗”
มาตรา ๒[๑๙๘] ใหใ้ ชพ้ ระราชบั ญญั ติน้ี ตั งแต
้ ว่ ั นประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็ นตน ้ ไป
มาตรา ๓ ใหเ้ พิ่มบทบั ญญั ติ บรรพ ๖ ตั งแต ้ ม่ าตรา ๑๕๙๙ ถึ ง มาตรา ๑๗๕๕ ตามที ่ ไ ดต
้ รา ไวต้ อ่ ทา้ ยพระราชบั ญญั ติน้ี เขา้ เป็ นสว่ นหนึ่ ง
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ และใหใ้ ชบ ้ ว่ ั นที่ ๑ ตุลาคม พุทธศั กราช ๒๔๗๘ เป็ นตน
้ ทบั ญญั ติแหง่ บรรพนี้ ตั งแต ้ ไป
มาตรา ๔[๑๙๙] (ยกเลิก)
ผูร้ ั บสนองพระบรมราชโองการ นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรั ฐมนตรี
พระราชกาหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบั ญญั ติไห้ไชบ ้ ทบั ญญั ติบัพ ๖ แหง่ ประมวนกดหมายแพง่ และพานิ ช พุทธสั กราช ๒๔๗๗ พุทธสั ก
ราช ๒๔๘๖
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจา้ อยูห ่ ัวอานั นทมหิดล คณะผูส ้ าเร็จราชการแทนพระองค ์ (ตามประกาศประธานสภาผูแ ้ ทนราษฎร ลงวั นที่ ๔
สิงหาคม พุทธศั กราช ๒๔๘๐

และวั นที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศั กราช ๒๔๘๔) อาทิตยท ์ ิพอาภา


ปรี ดี พนมยงค ์
ตราไว้ ณ วั นที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศั กราช ๒๔๘๖ เป็ นปี ที่ ๑๐ ในรั ชกาลปัจจุบัน
โดยที่เห็นสมควรขยายการใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๖ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยใ์ ห้ ทั ่วถึง เพื่อความมั ่นคงและวั ฒนธรรมแหง่ ชาติ
และโดยที่มีเหตุฉุกเฉิ นซึ่งจะเรี ยกประชุมสภาผูแ ้ ทนราษฎรใหท ้ ั นทว่ งทีมิได้
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชกาหนดขึ้นไว้ โดยอาศั ยอานาจตามความในมาตรา ๕๒ ของรั ฐธรรมนู ญแหง่ ราชอาณาจั กรไทย ดังตอ่
ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกาหนดนี้ ให้เรี ยกวา่ “พระราชกาหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบั ญญั ติไห้ไช้ บทบั ญญั ติบัพ ๖ แหง่ ประมวนกดหมายแพง่ และ
พานิ ช พุทธสั กราช ๒๔๗๗ พุทธสั กราช ๒๔๘๖”
มาตรา ๒[๒๐๐] ใหใ้ ชพ ้ ระราชกาหนดนี้ ตั งแต
้ ว่ ั นประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็ นตน ้ ไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกมาตรา ๔ แหง่ พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๖ แหง่ ประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิ ชย ์ พุทธศั กราช ๒๔๗๗
ผูร้ ั บสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรั ฐมนตรี
พระราชบั ญญั ติอนุ มั ติพระราชกาหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบั ญญั ติไห้ไช้บทบั ญญั ติบัพ ๖ แหง่ ประมวนกดหมาย แพง่ และพานิ ช พุทธสั ก
ราช ๒๔๗๗ พุทธสั กราช ๒๔๘๖ พุทธสั กราช ๒๔๘๖[๒๐๑]
บรรพ ๖ มรดก

ลั กษณะ ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป


หมวด ๑ การตกทอดแหง่ ทรั พยม ์ รดก
อื่น
มาตรา ๑๕๙๙ เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั น ้ ตกทอดแกท ่ ายาท ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แตโ่ ดยบทบั ญญั ติแหง่ ประมวล

กฎหมายนี หรื อกฎหมาย
มาตรา ๑๖๐๐ ภายใตบ ้ ั งคั บของบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผูต ้ าย ไดแ
้ กท
่ รั พยส์ น ิ ทุกชนิ ดของผูต ้ ทธิ
้ าย ตลอดทั งสิ
หน้าที่และความรั บผิดตา่ ง ๆ เวน ้ แต ต
่ ามกฎหมายหรื อว า
่ โดย สภาพแล ว
้ เป็ นการเฉพาะตัวของผู ต้ ายโดยแท ้
มาตรา ๑๖๐๑ ทายาทไมจ่ าตอ ้ งรั บผิดเกินกวา่ ทรั พยม ์ รดกที่ตกทอดได้แกต ่ น
มาตรา ๑๖๐๒ เมื่อบุคคลใดตอ ้ งถือวา่ ถึงแกค ่ วามตายตามความในมาตรา ๖๒ แหง่ ประมวล กฎหมายนี้ มรดกของบุคคลนั น ้ ตกทอดแก่
ทายาท
ถา้ พิสูจน์ได้วา่ บุคคลนั น ้ ยั งคงมีชีวต ิ อยู ่ หรื อตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไวใ้ นคาสั ่งที่
สั ง่ ใหเ้ ป็ นคนสาบสูญ ใหใ้ ชบ ้ ทบั ญ ญั ติมาตรา ๖๓ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ บั งคั บแกท ่ ายาทของบุคคลนั น ้ [เลขมาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ แกไ้ ข
เพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติใหใ้ ช้
บทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๖๐๓ กองมรดกยอ่ มตกทอดแกท ่ ายาทโดยสิทธิตามกฎหมายหรื อโดยพินัยกรรม ทายาทที่มีสท ิ ธิตามกฎหมาย เรี ยกวา่ “ทายาทโดย
ธรรม”
ทายาทที่มีสท ิ ธิตามพินัยกรรม เรี ยกวา่ “ผูร้ ั บพินัยกรรม”
หมวด ๒ การเป็ นทายาท

มาตรา ๑๖๐๔ บุคคลธรรมดาจะเป็ นทายาทได้กต ็ อ่ เมื่อมีสภาพบุคคลหรื อสามารถมีสท ิ ธิได้ ตามมาตรา ๑๕ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ ใน
เวลาที่เจา้ มรดกถึงแกค ่ วามตาย
เพื่อประโยชน์แหง่ มาตรานี้ ให้ถือวา่ เด็กที่เกิดมารอดอยูภ ่ ายในสามร้อยสิบวั นนั บแตเ่ วลาที่ เจา้ มรดกถึงแกค ้ เป็ นทารกในครรภ์
่ วามตายนั น

มารดาอยูใ่ นเวลาทีเจา้ มรดกถึงแกค ่ วามตาย
มาตรา ๑๖๐๕ ทายาทคนใดยั กยา้ ย หรื อปิดบั งทรั พยม ์ รดกเทา่ สว่ นที่ตนจะได้หรื อมากกวา่
้ โดยฉ้อฉลหรื อรู้ อยูว่ า่ ตนทาใหเ้ สื่อมประโยชน์ของทายาทคนอื่น ทายาทคนนั น
นั น ้ ตอ
้ งถูกกาจั ดมิใหไ้ ดม
้ รดก เลย แตถ ่ า้ ไดย้ ั กยา้ ยหรื อปิดบั ง
ทรั พยม ์ รดกน้อยกวา่ สว่ นที่ตนจะได้ ทายาทคนนั น ้ ตอ ้ งถูกกาจั ดมิให้ได้มรดก เฉพาะสว่ นที่ได้ยักยา้ ยหรื อปิดบั งไวน ้
้ ัน
มาตรานี มิให้ใชบ ้ ้ ั งคั บแกผ ่ ูร้ ั บพินัยกรรม ซึงผูต ่ ้ ายได้ทาพินัยกรรมยกทรั พยส์ น ิ ให้เฉพาะสิง่ เฉพาะอยา่ ง ในอั นที่จะได้รับทรั พยส์ น ้
ิ นั น
มาตรา ๑๖๐๖ บุคคลดังตอ่ ไปนี้ ตอ ้ งถู ก กาจั ด มิ ใ ห ร
้ั บมรดกฐานเป็ น ผู ไ
้ ่มส มควร คื อ
(๑) ผูท ้ ่ีตอ ้ งคาพิพากษาถึงที่สุดวา่ ไดเ้ จตนากระทา หรื อพยายามกระทาใหเ้ จา้ มรดกหรื อผูม ้ ี สิทธิไดร้ ั บมรดกกอ ่ นตนถึงแกค ่ วามตายโดยมิ
ชอบด้วยกฎหมาย
(๒) ผูท ้ ่ีได้ฟ้องเจา้ มรดกหาวา่ ทาความผิดโทษประหารชีวต ิ และตนเองกลั บต้องคาพิพากษาถึง ที่สุดวา่ มีความผิดฐานฟ้องเท็จหรื อทาพยาน
เท็จ
(๓) ผูท ้ ่ีรู้แลว้ วา่ เจา้ มรดกถูกฆา่ โดยเจตนา แตม ่ ิได้นาข้อความนั น ้ ขึ้นร้องเรี ยนเพื่อเป็ นทางที่ จะเอาตัวผูก ้ ระทาผิดมาลงโทษ แตข่ อ ้ นี้ มิให้
ใชบ ้ ั ง คั บ ถ า
้ บุ คคลนั ้
น มี อ ายุ ย ง
ั ่ไม ครบสิ บ หกปี บริ บ ู ร ณ ์ หรื อเป็ น คน วิ ก ลจริ ต ไม ส
่ ามารถรู ้ ผ ด
ิ ชอบ หรื อถ า ผู
้ ้ ่ท่ ี ฆ า นั ้
น เป็ น สามี ภ ริ ย าหรื อผู บ
้ ุพการี
หรื อผูส ้ ื
บ สั น ดานของตนโดยตรง
(๔) ผูท ้ ่ีฉ้อฉลหรื อขม ่ ขูใ่ ห้เจา้ มรดกทา หรื อเพิกถอน หรื อเปลี่ ยนแปลงพินัยกรรมแตบ ่ างสว่ น
หรื อทั งหมดซึ ้ ่งเกี่ยวกับทรั พยม ์ รดก หรื อไมใ่ ห้กระทาการดังกลา่ วนั น ้
(๕) ผูท ้ ่ีปลอม ทาลาย หรื อปิดบั งพินัยกรรมแตบ ่ างสว่ นหรื อทั งหมด ้
เจา้ มรดกอาจถอนขอ ้ กาจั ดฐานเป็ นผูไ้ มส ่ มควรเสียก็ได้โดยให้อภัยไวเ้ ป็ นลายลั กษณ์อักษร
มาตรา ๑๖๐๗ การถูกกาจั ดมิให้รับมรดกนั น ้ เป็ นการเฉพาะตัว ผูส ้ บื สั นดานของทายาทที่ถูก กาจั ดสืบมรดกตอ่ ไปเหมือนหนึ่ งวา่ ทายาทนั น ้
ตายแลว้ แตใ่ นสว่ นทรั พยส์ น ิ ซึ่งผูส้ ื
บ สั นดานได ร
้ ั บมรดกมาเช น่ ้
นี ทายาทที ่ ว า
่ นั ้
น ไม ม
่ ี ส ิ
ท ธิ ท ่ ี จ ะจั ดการและใช ด
้ ังที ่ ระบุ ไว ใ
้ นบรรพ ๕ ลั กษณะ
๒ หมวด ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ ในกรณี เชน ่ นั น ้ ให้ใชม ้ าตรา ๑๕๔๘ บั งคั บโดยอนุ โลม
หมวด ๓

การตัดมิให้รับมรดก
มาตรา ๑๖๐๘ เจา้ มรดกจะตัดทายาทโดยธรรมของตนคนใดมิให้รับมรดกก็ได้แตด ่ ้วยแสดง เจตนาชั ดแจง้
(๑) โดยพินัยกรรม
(๒) โดยทาเป็ นหนั งสือมอบไวแ ้ กพ่ นั กงานเจา้ หน้าที ่ ตั วทายาทผูถ ้ ูกตัดมิใหร้ ั บมรดกนั น ้ ตอ้ งระบุไวใ้ หช้ ั ดเจน
แตเ่ มื่อบุคคลใดได้ทาพินัยกรรมจาหน่ายทรั พยม ์ รดกเสียทั งหมดแล้ ว้ ให้ถือวา่ บรรดาทายาท โดยธรรมผูท ้ ่ีมิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรม
เป็ นผูถ ้ ูกตัดมิให้รับมรดก
มาตรา ๑๖๐๙ การแสดงเจตนาตัดมิให้รับมรดกนั น ้ จะถอนเสียก็ได้

ถา้ การตัดมิให้รับมรดกนั นได้ทาโดยพินัยกรรม จะถอนเสียได้กแ ็ ตโ่ ดยพินัยกรรมเทา่ นั น ้ แต่ ถา้ การตัดมิให้รับมรดกได้ทาเป็ นหนั งสือมอบไว้
แกพ ่ นั กงานเจ า หน
้ ้ า ที่ การถอนจะทาตามแบบใดแบบหนึ ่ งดัง บั ญ ญั ต ไ
ิ ว ใ
้ นมาตรา ๑๖๐๘ (๑) หรื อ (๒) ก็ได้
หมวด ๔ การสละมรดกและอื่น ๆ
มาตรา ๑๖๑๐ ถา้ มรดกตกทอดแกผ ่ ูเ้ ยาว ์ หรื อบุคคลวิกลจริ ต หรื อบุคคลผู ไ้ มส ่ ามารถจะ จั ดทาการงานของตนเองได้ตามความหมายแหง่
มาตรา ๓๒ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ และบุคคลนั น ้ ยั งไมม ่ ี ผูแ
้ ทนโดยชอบธรรม หรื อผูอ ้ นุ บาล หรื อผูพ ้ ิทักษ์ เมื่อผูม ้ ีสว่ นได้เสีย หรื อ
พนั กงานอั ยการร้องขอ ก็ให้ศาลตั ง้
ผูป
้ กครอง ผูอ ้ นุ บาล หรื อผูพ
้ ิทักษ์ แลว้ แตก ่ รณี
[เลขมาตรา ๓๒ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ่
์ ้ ี ไดตรวจชาระใหม ่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๖๑๑ ทายาทซึ่งเป็ นผูเ้ ยาว ์ บุคคลวิกลจริ ต หรื อบุคคลผูไ้ มส ่ ามารถจะจั ดทาการ งานของตนเองได้ตามความหมายแหง่ มาตรา ๓๒
แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ จะทาการดังตอ่ ไปนี้ ไมไ่ ด้ เวน ้ แตจ่ ะ ได้รับความยินยอมของบิดามารดา ผูป ้ กครอง ผูอ ้ นุ บาล หรื อผูพ้ ิทักษ์ แลว้ แต่
กรณี และได้รับอนุ มั ติจากศาล แลว้ คือ
(๑) สละมรดก
(๒) รั บมรดกอันมีคา่ ภาระติดพันหรื อเงื่อนไข

[เลขมาตรา ๓๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้
ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๖๑๒ การสละมรดกนั น ้ ตอ ้ งแสดงเจตนาชั ดแจง้ เป็ นหนั งสือมอบไวแ ่ นั กงาน เจา้ หน้าที่ หรื อทาเป็ นสั ญญาประนี ประนอมยอม
้ กพ
ความ
มาตรา ๑๖๑๓ การสละมรดกนั น ้ จะทาแตเ่ พียงบางสว่ น หรื อทาโดยมีเงื่อนไข หรื อเงื่อน เวลาไมไ่ ด้
การสละมรดกนั น ้ จะถอนเสียมิได้
มาตรา ๑๖๑๔ ถา้ ทายาทสละมรดกด้วยวิธีใดโดยที่รู้อยูว่ า่ การที่ทาเชน ้ จะทาใหเ้ จา้ หนี้ ของตนเสียเปรี ยบ เจา้ หนี้ มีสท
่ นั น ิ ธิท่ีจะร้องขอให้เพิก
ถอนการสละมรดกนั น ้ เสียได้ แตค ่ วามขอ ้ นี้ มิให้ใชบ ้ ั งคั บ ถา้ ปรากฏวา่ ในขณะที่สละมรดกนั น ้ บุคคลซึ่งเป็ นผูไ้ ด้ลาภงอกแตก ้ มิได้รู้เทา่
่ ารนั น
ถึงขอ ้ ความจริ งอั นเป็ นทางให้ เจา้ หนี้ ตอ ้ งเสียเปรี ยบนั น ้ ด้วย แตห ่ ากกรณี เป็ นการสละมรดกโดยเสน่หา เพียงแตท ่ ายาทผูส ้ ละมรดกเป็ นผูร้ ู้
ฝ่ายเดียวเทา่ นั น ้ ก็พอแลว้ ที่จะขอเพิกถอนได้
เมื่อไดเ้ พิกถอนการสละมรดกแลว้ เจา้ หนี ้ จะร้องขอใหศ ้ าลสั ่ง เพื่อใหต ้ นรั บมรดกแทนที่ ทายาทและในสิทธิของทายาทนั น ้ ก็ได้
ในกรณี เชน ่ ้
นี เมื่ อได ช
้ าระหนี ้ ของทายาทนั ้
น ให แ ก
้ ่ ้ เ จ าหนี ้ แล ว
้ ถา ส
้ ่ ว นของทายาทนั ้
น ยั ง มี เหลื อ อยู อ
่ ี ก ก็
ใ ห ได แ ก
้ ้ ่ ้ผู ส ื
บ สั น ดานของทายาทนั น ้
หรื อทายาทอื่นของเจา้ มรดก แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๑๖๑๕ การที่ทายาทสละมรดกนั น ้ มีผลยอ้ นหลั งไปถึงเวลาที่เจา้ มรดกตาย
เมื่อทายาทโดยธรรมคนใดสละมรดก ผูส ้ บื สั นดานของทายาทคนนั น ้ สืบมรดกได้ตามสิทธิของ ตน และชอบที่จะได้รับสว่ นแบง่ เทา่ กับสว่ นแบง่

ทีผูส ้
้ ละมรดกนั นจะได้รับ แตผ ่ ูส้ บื สั นดานนั นตอ ้ ้ งไมใ่ ชผ ่ ูท ่
้ ีบด ิ า
มารดา ผูป ้ กครอง หรื อผูอ ้ นุ บาล แลว้ แตก ่ รณี ได้บอกสละมรดกโดยสมบูรณ์ในนามของผูส ้ บ ื สั นดานนั น ้
มาตรา ๑๖๑๖ ถา้ ผูส ้ ื
บ สั นดานของผู ส
้ ละมรดกได ม
้ รดกมาดังกล า
่ วไว ใ
้ นมาตรา ๑๖๑๕ แล ว
้ ผู ท
้ ่ ี ได ส
้ ละมรดกนั ้ ไมม
น ิ ธิในสว่ นทรั พยส์ น
่ ี สท ิ อั น
ผูส
้ บื สั นดานของตนได้รับมรดกมา ในอั นที่จะจั ดการและใชด ้ ังที่ ระบุไวใ้ นบรรพ ๕ ลั กษณะ ๒ หมวด ๓ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ และให้
ใชม ้ าตรา ๑๕๔๘ บั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๖๑๗ ผูร้ ั บพินัยกรรมคนใดสละมรดก ผูน ้ รวมตลอดทั งผู
้ ัน ้ ส ื สั นดานไมม
้ บ ิ ธิจะรั บ มรดกที่ไดส
่ ี สท ้
้ ละแลว้ นั น

มาตรา ๑๖๑๘ ถา้ ทายาทโดยธรรมผูท ้ ่ีได้สละมรดกไมม ่ ีผูส ื สั นดานที่จะรั บมรดกได้ หรื อ ผูร้ ั บพินัยกรรมได้สละมรดก ให้ปันสว่ นแบง่ ของผู ้
้ บ
ที่ได้สละมรดกนั น ้ ๆ แกท ่ ายาทอื่นของเจา้ มรดกตอ่ ไป
มาตรา ๑๖๑๙ ผูใ้ ดจะสละหรื อจาหน่ายจา่ ยโอนโดยประการใด ซึ่งสิทธิอันหากจะมีในภาย หน้าในการสืบมรดกผูท ้ ่ียังมีชีวติ อยูน ้ ไมไ่ ด้
่ ัน
ลั กษณะ ๒ สิทธิโดยธรรมในการรั บมรดก
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๖๒๐ ถา้ ผูใ้ ดตายโดยไมไ่ ดท ้ าพินัยกรรมไวห ้ รื อทาพินัยกรรมไวแ ้ ตไ่ มม
่ ีผลบั งคั บได้ ใหป้ ั นทรั พยม ้
์ รดกทั งหมดแก ท
่ ายาทโดยธรรมของ
ผูต้ ายนั น้ ตามกฎหมาย
ถา้ ผูใ้ ดตายโดยได้ทาพินัยกรรมไว้ แตพ ่ ินัยกรรมนั น ้ จาหน่ายทรั พยห ์ รื อมีผลบั งคั บได้แตเ่ พียง บางสว่ นแหง่ ทรั พยม ์ รดก ให้ปันสว่ นที่มิได้จา
หน่ายโดยพินัยกรรม หรื อสว่ นที่พินัยกรรมไมม ่ ีผลบั งคับให้แก่ ทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย
มาตรา ๑๖๒๑ เวน ้ แตผ ้ าพินัยกรรมจะได้แสดงเจตนากาหนดไวใ้ นพินัยกรรมเป็ นอยา่ งอื่น แมท
่ ูท ้ ายาทโดยธรรมคนใดจะได้รับทรั พยส์ น ิ อยา่ ง

หนึ งอยา่ งใดตามพินัยกรรม ทายาทคนนั น ้ ก็ยังมีสทิ ธิท่ีจะเรี ยก เอาสว่ นโดยธรรมของตนจากทรั พยม ์ รดกสว่ นที่ยังไมไ่ ด้จาหน่ายโดยพินัยกรรม
จนเต็มอีกก็ได้
มาตรา ๑๖๒๒ พระภิกษุ นัน ้ จะเรี ยกร้องเอาทรั พยม ์ รดกในฐานะที่เป็ นทายาทโดยธรรม ไมไ่ ด้ เวน ้ แตจ่ ะได้สก ึ จากสมณเพศมาเรี ยกร้อง
ภายในกาหนดอายุความตามมาตรา ๑๗๕๔
แตพ ้ อาจเป็ นผูร้ ั บพินัยกรรมได้
่ ระภิกษุ นัน
มาตรา ๑๖๒๓ ทรั พยส์ น ิ ของพระภิกษุ ท่ีได้มาในระหวา่ งเวลาที่อยูใ่ นสมณเพศนั น ้ เมื่อ พระภิกษุ นัน ้ ถึงแกม่ รณภาพให้ตกเป็ นสมบั ติของวั ดที่
เป็ นภูมิลาเนาของพระภิกษุ นัน เวน ้ ้ ไวแ ้ ตพ ้
่ ระภิกษุ นันจะ ได้จาหน่ายไปในระหวา่ งชีวต ิ หรื อโดยพินัยกรรม

มาตรา ๑๖๒๔ ทรั พยส์ น ิ ใดเป็ นของบุคคลกอ ่ นอุปสมบทเป็ นพระภิกษุ ทรั พยส์ น ้ หาตก เป็ นสมบั ติของวั ดไม่ และใหเ้ ป็ นมรดกตกทอดแก่
ิ นั น
ทายาทโดยธรรมของบุคคลนั น ้ หรื อบุคคลนั น ้ จะจาหน่ายโดย ประการใดตามกฎหมายก็ได้
มาตรา ๑๖๒๕ ถา้ ผูต ้ ายเป็ นผูส ้ มรสแลว้ การคิดสว่ นแบง่ และการปันทรั พยส์ น ิ ระหวา่ งผูต ้ าย กับคูส ่ มรสที่ยังมีชีวติ อยูน ้ ให้เป็ นไปดังนี้
่ ัน
(๑) ในเรื่ องสว่ นแบง่ ในทรั พยส์ น ิ ระหวา่ งสามีภริ ยาให้อยูใ่ นบั งคั บของบทบั ญญั ติแหง่ ประมวล กฎหมายนี้ วา่ ด้วยการหยา่ โดยยินยอมทั งสอง ้

ฝ่าย อั นมีบทบั ญญั ติเพิมเติมให้บริ บูรณ์ในมาตรา ๑๖๓๗ และ
๑๖๓๘ และโดยเฉพาะตอ ้ งอยูใ่ นบั งคับแหง่ มาตรา ๑๕๑๓ ถึง ๑๕๑๗ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ แตก ่ ารคิดสว่ น แบง่ นั น ้ ว่ ั นที่การ
้ มีผลตั งแต
สมรสไดส ้ ้
น ิ ไปด ว
้ ยเหตุ ค วามตายนั ้

(๒) ในเรื่ องสว่ นแบง่ ในทรั พยม ์ รดกของผูต ้ าย ให้อยูใ่ นบั งคั บของบทบั ญญั ติแหง่ บรรพนี้ นอกจากมาตรา ๑๖๓๗ และ ๑๖๓๘
มาตรา ๑๖๒๖ เมื่อได้ปฏิบัติตามมาตรา ๑๖๒๕ (๑) แลว้ ให้คิดสว่ นแบง่ ทรั พยม ์ รดก ระหวา่ งทายาทโดยธรรม ดั งตอ่ ไปนี้
(๑) ทรั พยม ้ ให้แบง่ แกท
์ รดกนั น ่ ายาทตามลาดับและชั นต ้ า่ ง ๆ ดังที่บัญญั ติไวใ้ นหมวด ๒ แหง่ ลั กษณะนี้
(๒) สว่ นแบง่ อั นจะได้แกท ่ ายาทในลาดับและชั นต ้ า่ ง ๆ นั น้ ให้แบง่ ในระหวา่ งบรรดาทายาท ในลาดับและชั นนั ้ น ้ ๆ ดังที่บัญญั ติไวใ้ น
หมวด ๓ แหง่ ลั กษณะนี้
มาตรา ๑๖๒๗ บุตรนอกกฎหมายที่บด ิ าไดร้ ั บรองแลว้ และบุตรบุญธรรมนั น ้ ใหถ ้ ือวา่ เป็ น ผูส ื สั นดาน เหมือนกับบุตรที่ชอบดว้ ยกฎหมาย
้ บ
ตามความหมายแหง่ ประมวลกฎหมายนี้
มาตรา ๑๖๒๘ สามีภริ ยาที่ ร้างกัน หรื อแยกกันอยูโ่ ดยยั งมิได้หยา่ ขาดจากกันตามกฎหมาย มิได้สน ้ิ ไปซึ่งสิทธิโดยธรรมในการสืบมรดกซึ่งกั น
และกัน
หมวด ๒ การแบง่ ทรั พยม ์ รดกระหวา่ งทายาท โดยธรรมในลาดับและชั นต ้ า่ ง ๆ
มาตรา ๑๖๒๙ ทายาทโดยธรรมมีหกลาดับเทา่ นั น ้ และภายใตบ ้ ั ง คั บแห ง่ มาตรา ๑๖๓๐ วรรค ๒ แตล่ ะลาดับมีสท ิ ธิไดร้ ั บมรดกกอ ่ นหลั งดัง
ตอ่ ไปนี้ คือ

(๑) ผูส ้ บ ื สั นดาน


(๒) บิดามารดา
(๓) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(๔) พี่น้องร่วมบิดาหรื อร่วมมารดาเดียวกัน
(๕) ปู่ ยา่ ตา ยาย
(๖) ลุง ป้า น้า อา
่ มรสที่ยังมีชีวต
คูส ิ อยูน ่ ัน้ ก็เป็ นทายาทโดยธรรม ภายใตบ ้ ั งคั บของบทบั ญญั ติพิเศษแหง่ มาตรา
๑๖๓๕
มาตรา ๑๖๓๐ ตราบใดที่มีทายาทซึ่งยั งมีชีวต ิ อยู ่ หรื อมีผูร้ ั บมรดกแทนที่ยังไมข่ าดสาย แลว้ แตก ่ รณี ในลาดับหนึ่ ง ๆ ที่ระบุไวใ้ นมาตรา
๑๖๒๙ ทายาทผูท ้ ่ ี อ ยู ใ
่ นลาดับถัดลงไปไม ม
่ ี ส ิ
ท ธิ ใ นทรั พย ม
์ รดก ของผู ต
้ ายเลย
แตค ่ วามในวรรคกอ ่ นนี้ มิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บในกรณี เฉพาะที่มีผูส ้ บื สั นดานคนใดยั งมีชีวต
ิ อยูห่ รื อมีผูร้ ั บ มรดกแทนที่กัน แลว้ แตก ่ รณี และมีบด ิ า
มารดายั งมีชีวต ิ อยู ่ ในกรณี เชน ่ นั น ิ ามารดาได้สว่ นแบง่ เสมือนหนึ่ ง วา่ เป็ นทายาทชั นบุ
้ ให้บด ้ ตร
มาตรา ๑๖๓๑ ในระหวา่ งผูส ้ บ ้
ื สั นดานตา่ งชั นกันนั น ้
้ บุตรของเจา้ มรดกอั นอยูใ่ นชั นสนิ ท ที่สุดเทา่ นั น
้ มีสท
ิ ธิรับมรดก ผูส
้ บื สั นดานที่อยูใ่ นชั น้
ถัดลงไปจะรั บมรดกได้กแ ็ ตโ่ ดยอาศั ยสิทธิในการรั บมรดก แทนที่
หมวด ๓ การแบง่ สว่ นมรดกของทายาทโดยธรรม ในลาดับและชั นต ้ า่ ง ๆ

สว่ นที ๑ ญาติ
มาตรา ๑๖๓๒ ภายใตบ ้ ั งคั บแหง่ มาตรา ๑๖๒๙ วรรคสุดทา้ ย การแบง่ สว่ นมรดกของ ทายาทโดยธรรมในลาดับญาติใหเ้ ป็ นไปตามบทบั ญญั ติ
ในสว่ นที่ ๑ แหง่ หมวดนี้

มาตรา ๑๖๓๓ ทายาทโดยธรรมในลาดับเดียวกัน ในลาดับหนึ่ ง ๆ ที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๑๖๒๙ นั น ้ ชอบที่จะไดร้ ั บสว่ นแบง่ เทา่ กัน ถา้ ในลา
ดับหนึ่ งมีทายาทโดยธรรมคนเดียว ทายาทโดยธรรมคนนั น ้ มีสท ิ ธิ ไดร้ ั บสว่ นแบง่ ทั งหมด ้
มาตรา ๑๖๓๔ ระหวา่ งผูส ื สั นดานที่รับมรดกแทนที่กันในส่วนแบง่ ของสายหนึ่ ง ๆ ตาม บทบั ญญั ติในลั กษณะ ๒ หมวด ๔ นั น
้ บ ้ ให้ได้
รั บสว่ นแบง่ มรดกดังนี้
(๑) ถา้ มีผูส ื สั นดานตา่ งชั นกัน
้ บ ้ บุตรของผูต ้ ายซึ่งอยูใ่ นชั นสนิ ้ ทที่สุดเทา่ นั น ้ มีสท ิ ธิรับมรดก ผูส ้ บ ้
ื สั นดานในชั นถัดลงไปจะรั บมรดกได้กแ ็ ต่
โดยอาศั ยสิทธิในการรั บมรดกแทนที ่
(๒) ผูส ้ บื สั นดานในชั นเดี ้ ยวกันไดร้ ั บสว่ นแบง่ เทา่ กัน
(๓) ถา้ ในชั นหนึ ้ ่ งมีผูส ื
้ สั นดานคนเดียว ผูส
บ ้ บื สั นดานคนนั น ้ มีสท ิ ธิไดร้ ั บสว่ นแบง่ ทั งหมด ้
สว่ นที่ ๒ คูส่ มรส
มาตรา ๑๖๓๕ ลาดั บและสว่ นแบง่ ของคูส ่ มรสที่ยังมีชีวต ิ อยูใ่ นการรั บมรดกของผูต ้ ายนั น ้ ให้ เป็ นไปดังตอ่ ไปนี้
(๑) ถา้ มีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๑) ซึ่งยั งมีชีวต ิ อยูห ่ รื อมีผูร้ ั บมรดกแทนที่ แลว้ แตก ่ รณี คู ่ สมรสที่ยังมีชีวต ิ อยูน ้ มีสท
่ ัน ิ ธิได้สว่ นแบง่

เสมือนหนึ งวา่ ตนเป็ นทายาทชั นบุตร ้
(๒) ถา้ มีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๓) และทายาทนั น ้ ยั งมีชีวต ิ อยูห ่ รื อมีผูร้ ั บมรดกแทนที่ หรื อถา้ ไมม ่ ีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๑)
แตม ่ ี ท ายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๒) แล ว
้ แต ก
่ รณี คู ส
่ มรสที ่ ยั ง มี ช ี ว ต
ิ อยูน่ ัน้ มีสท ิ ธิไดร้ ั บมรดกกึ่งหนึ่ ง
(๓) ถา้ มีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๔) หรื อ (๖) และทายาทนั น ้ ยั งมีชีวต ิ อยู ่ หรื อมีผูร้ ั บมรดก
แทนที่ หรื อมีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๕) แลว้ แตก ่ รณี คูส ่ มรสที่ยังมีชีวต ิ อยู ่ มีสท ิ ธิได้มรดกสองสว่ นในสาม (๔) ถา้ ไมม ่ ีทายา
ทดังทีร่ ะบุไวใ้ นมาตรา ๑๖๒๙ คูส่ มรสที่ยังมีชีวต ิ อยูน ้ มีสท
่ ัน ิ ธิได้รับมรดก

ทั งหมด
มาตรา ๑๖๓๖ ถา้ เจา้ มรดกมีภริ ยาที่ชอบด้วยกฎหมายกอ ่ นใชป ้ ระมวลกฎหมายแพง่ และ พาณิ ชยบ ์ รรพ ๕ หลายคนยั งมีชีวต ิ อยู ่ ภริยาเหลา่
้ ทั งหมดรวมกันมี
นั น ้ สทิ ธิไดร้ ั บมรดกตามลาดับชั นและส ้ ว่ น แบง่ ดังระบุไวใ้ นมาตรา ๑๖๓๕ แตใ่ นระหวา่ งกันเองใหภ ้ ริ ยาน้อยแตล่ ะคนมีสท ิ ธิ
ไดร้ ั บมรดกกึ่งสว่ นที่ภริ ยา หลวงจะพึงไดร้ ั บ

มาตรา ๑๖๓๗ ถา้ คูส ่ มรสฝ่ายใดที่ยังมีชีวต ิ อยูเ่ ป็ นผูร้ ั บประโยชน์ตามสั ญญาประกันชีวต ิ คู ่ สมรสฝ่ายนั น ้ มีสท ้
ิ ธิรับจานวนเงินทั งหมดที ่ได้
ตกลงไวก ้ ับผูร้ ั บประกันภัย แตจ่ าตอ ้ งเอาจานวนเบี้ยประกันภัย เพียงเทา่ ที่พส ิ ูจน์ได้วา่ สูงกวา่ จานวนเงินที่ผูต ้ ายจะพึงสง่ ใชเ้ ป็ นเบี้ยประกันภัย
ได้ ตามรายได้หรื อฐานะของตน โดยปกติไปชดใชส ้ น ิ เดิมของคูส ่ มรสอีกฝ่ายหนึ่ ง หรื อสินสมรส แลว้ แตก ่ รณี
ถึงอยา่ งไรก็ดี จานวนเงินเบี้ยประกันภัยซึ่งจะพึงสง่ คืนตามบทบั ญญั ติขา้ งตน ้ นั น ้ รวมทั งสิ ้ น้ ตอ ้ งไมเ่ กินจานวนเงินที่ผูร้ ั บประกันภัยไดช้ าระให้
มาตรา ๑๖๓๘ เมื่อคูส ้
่ มรสทั งสองฝ ่ ายไดล ้ งทุนออกเงินในการทาสั ญญา และตามสั ญญานั น ้

ทั งสองฝ ่ ายจะตอ ้ งได้รับเงินปี ในขณะที่ยังมีชีวต ิ อยูร่ ่ วมกัน และเมื่อฝ่ายหนึ่ งฝ่ายใดตาย ฝ่ายที่ยังมีชีวต ิ อยูย่ ั ง จะตอ ้ งได้รับเงินปี ตอ่ ไปตลอด
อายุ ฝ่ายที่ยังมีชีวต ิ อยู ่ จาตอ ้ งชดใชส ้ นิ เดิมของอีกฝ่ายหนึ่ ง หรื อสินสมรสแลว้ แต่ กรณี สุดแตว่ า่ ได้เอาเงินสินเดิม หรื อสินสมรสไปใชใ้ น
การลงทุนนั น ้ เงินที่จะตอ ้ งชดใชส ิ เดิมหรื อสินสมรสดั งวา่ นี้ ให้ชดใชเ้ ทา่ จานวนเงินซึ่งผูจ้ า่ ยเงินรายปี จะเรี ยกให้ใชเ้ พิ่มขึ้นเป็ นพิเศษ เพื่อผู้
้ น
จา่ ยจะได้จา่ ยเงินรายปี ให้แกค ่ ู ่ สมรสฝ่ายที่ยังมีชีวต ิ อยูน ้ ตอ่ ไป
่ ัน
หมวด ๔ การรั บมรดกแทนที่กัน
มาตรา ๑๖๓๙ ถา้ บุคคลใดซึ่งจะเป็ นทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๑) (๓) (๔) หรื อ (๖) ถึงแก่ ความตาย หรื อถูกกาจั ดมิใหร้ ั บมรดก
กอ ่ นเจา้ มรดกตาย ถา้ บุคคลนั น ้ มีผูส
้ บ ื สั นดานก็ให้ผูส ้ บื สั นดานรั บมรดก แทนที่ ถา้ ผูส ื สั นดานคนใดของบุคคลนั น
้ บ ้ ถึงแกค ่ วามตายหรื อถูกกา
จั ดมิให้รับมรดกเชน ่ เดียวกัน ก็ให้ ผูส ้ บื สั นดานของผูส ้ บื สั นดานนั น ้ รั บมรดกแทนที่ และให้มีการรั บมรดกแทนที่กันเฉพาะส่วนแบง่ ของบุคคล
เป็ น ราย ๆ สืบตอ่ กันเชน ่ นี้ ไปจนหมดสาย
มาตรา ๑๖๔๐[๒๐๒] เมื่อบุคคลใดตอ ้ งถือวา่ ถึงแกค ่ วามตายตามความในมาตรา ๖๕ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ ให้มีการรั บมรดก
แทนที่กันได้
มาตรา ๑๖๔๑ ถา้ บุคคลใดซึ่งจะเป็ นทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๒) หรื อ (๕) ถึงแกค ่ วาม ตาย หรื อถูกกาจั ดมิใหร้ ั บมรดกกอ ่ นเจา้ มรดก
ตาย ถา้ มีทายาทในลาดับเดียวกันยั งมีชีวต ิ อยู ่ ก็ใหส ้
้ ว่ นแบง่ ทงั หมดตกได ้แกท ่ ายาทนั น ้ ห้ามมิให้มีการรั บมรดกแทนที่กันตอ่ ไป
้ เทา่ นั น
มาตรา ๑๖๔๒ การรั บมรดกแทนที่กันนั น ้ ให้ใชบ ้ ั งคั บแตใ่ นระหวา่ งทายาทโดยธรรม

มาตรา ๑๖๔๓ สิทธิท่ีจะรั บมรดกแทนที่กันนั น ้ ได้เฉพาะแกผ ่ ูส ื สั นดานโดยตรง ผูบ


้ บ ้ ุพการี หามีสท ้ ไม่
ิ ธิดังนั น
มาตรา ๑๖๔๔ ผูส ้ ื
บ สั นดานจะรั บมรดกแทนที ่ ไ ด ต อ
้ ่ เมื่ อมี ส ิ
ท ธิ บ ริ บ ู รณ ์ ใ นการรั บมรดก
มาตรา ๑๖๔๕ การที่บุคคลใดสละมรดกของบุคคลอีกคนหนึ่ งนั น ้ ไมต ่ ัดสท ิ ธิของผูส ้ ละที่จะ รั บมรดกแทนที่บุคคลอีกคนหนึ่ งนั น ้ ในการสืบ
มรดกบุคคลอื่น
ลั กษณะ ๓ พินัยกรรม
หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั ่วไป
มาตรา ๑๖๔๖ บุคคลใดจะแสดงเจตนาโดยพินัยกรรมกาหนดการเผื่อตายในเรื่ องทรั พยส์ น ิ ของตนเอง หรื อในการตา่ ง ๆ อั นจะให้เกิดเป็ น
ผลบั งคั บไดต ้ ามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้
มาตรา ๑๖๔๗ การแสดงเจตนากาหนดการเผื่อตายนั น ้ ยอ่ มทาไดด ้ ว้ ยคาสั ่งครั ง้ สุดทา้ ย กาหนดไวใ้ นพินัยกรรม
มาตรา ๑๖๔๘ พินัยกรรมนั น ้ ต้องทาตามแบบซึ่งระบุไวใ้ นหมวด ๒ แหง่ ลั กษณะนี้
มาตรา ๑๖๔๙ ผูจ้ ั ดการมรดกซึ่งผูต ้ ายตั งไว ้ ย้ อ่ มมีอานาจและหน้าที่ในอั นที่จะจั ดการทาศพ ของผูต ้ าย เวน ้ แตผ ่ ูต ้ คคลอื่น
้ ายจะได้ตังบุ
ไวโ้ ดยเฉพาะให้จัดการดังวา่ นั น ้
ถา้ ผูต ้ จ้ ั ดการมรดกหรื อบุคคลใดไวใ้ ห้เป็ นผูจ้ ั ดการทาศพ หรื อทายาทมิได้ มอบหมายตั งให
้ ายมิได้ตังผู ้ ้บุคคลใดเป็ นผูจ้ ั ดการทาศพ บุคคลผูไ้ ด้
รั บทรั พยม ์ รดกโดยพินัยกรรมหรื อโดยสิทธิโดยธรรมเป็ น จานวนมากทีสุด เป็ นผูม ่ ้ ีอานาจและตกอยูใ่ นหน้าที่ตอ ้ งจั ดการทาศพ เวน ้ แตศ
่ าลจะ
เห็นเป็ นการสมควรตั ง้ บุคคลอื่นใหจ้ ั ดการเชน ่ นั ้
น ในเมื ่ อบุ ค คลผู ม
้ ่ ี ส ว นได เ
้ สี ย คนใดคนหนึ ่ งร้องขอขึ้น
่ ุคคลใดในการจั ดการทาศพนั ้ น ให้เรี ยก เอาได้ตามบุริมสิทธิท่ีระบุไวใ้ นมาตรา ๒๕๓ (๒)
มาตรา ๑๖๕๐ คา่ ใชจ้ า่ ยเกิดมีหนี ้ เป็ นคุณแกบ
แหง่ ประมวลกฎหมายนี ้

ถา้ การจั ดการทาศพ ตอ ้ งชั กชา้ ไปดว้ ยประการใด ๆ ใหบ ้ ุคคลผูม ้ ีอานาจตามความในมาตรา กอ ่ นกันเงินเป็ นจานวนอั นสมควรจากสินทรั พย ์
แหง่ กองมรดกเพื่อใชใ้ นการนี้ โดยให้บุคคลผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนใด คนหนึ่ งร้องตอ่ ศาลได้ในกรณี ท่ี ไมต ่ กลงหรื อคัดคา้ นการกั นเงินจานวนนั น ้
กรณี จะเป็ นอยา่ งไรก็ตาม เงินคา่ ใชจ้ า่ ย หรื อเงินที่กันไวอ้ ั นเกี่ยวกับการจั ดการทาศพนั น ้ ให้ กันไวไ้ ด้แตเ่ พียงจานวนตามสมควรแกฐ่ านะใน
สมาคมของผูต ้ าย แตจ่ ะตอ ้ งไมเ่ ป็ นการเสื่อมเสียตอ่ สิทธิของ เจา้ หนี้ ของผูต ้ าย
มาตรา ๑๖๕๑ ภายใตบ ้ ั งคั บบทบั ญญั ติลักษณะ ๔
(๑) เมื่อตามขอ ้ กาหนดพินัยกรรม บุคคลใดมีสท ิ ธิท่ีจะไดร้ ั บทรั พยม ้
์ รดกทั งหมดของเจ า้ มรดก หรื อตามเศษสว่ น หรื อตามสว่ นที่เหลือแหง่
ทรั พยม ์ รดก ซึ่ ง มิ ได แ
้ ยกไว ต า
้ ่ งหากเป็ น พิ เ ศษจากกองมรดก บุ ค คล นั ้
น เรี ย กว าผู
่ ้ ร ั บพิ นั ยกรรมลักษณะทั ่วไป และมีสท ิ ธิและความรั บผิดเชน ่
เดียวกับทายาทโดยธรรม
(๒) เมื่อตามขอ ้ กาหนดพินัยกรรม บุคคลใดมีสท ิ ธิท่ีจะได้รับทรั พยส์ น ิ เฉพาะสิง่ เฉพาะอยา่ ง ซึ่งเจาะจงไวโ้ ดยเฉพาะ หรื อแยกไวต ้ า่ งหากเป็ น
พิเศษจากกองมรดก บุคคลนั น ้ เรี ยกวา่ ผูร้ ั บพินัยกรรม ลั กษณะเฉพาะ และมีสท ิ ธิและความรั บผิดที่เกี่ยวกับทรั พยส์ น ้
ิ เทา่ นั น
ในกรณี ท่ีมีขอ ้ สงสั ย ใหส ้ ั นนิ ษฐานไวก ้ อ
่ นวา่ ผูร้ ั บพินัยกรรมเป็ นผูร้ ั บพินัยกรรมลั กษณะเฉพาะ
มาตรา ๑๖๕๒ บุคคลผูอ ้ ยูใ่ นความปกครองนั น ้ จะทาพินัยกรรมยกทรั พยม ์ รดกของตนให้แก่ ผูป ้ กครองหรื อคูส ่ มรส บุพการี หรื อผูส ื
้ บ
สั นดาน หรื อพี่น้องของผูป ้ กครองไม ไ ด
่ ้ จ นกว า
่ ้ผู ป กครองจะได ท
้ าคา แถลงการณ ์ ปกครองตามที ่ บ ั ญ ญั ตไ
ิ ว ใ
้ นมาตรา ๑๕๗๗ และมาตราต อ่ ๆ
ไป แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ เสร็จสิน ้ แลว้
มาตรา ๑๖๕๓ ผูเ้ ขียน หรื อพยานในพินัยกรรมจะเป็ นผูร้ ั บทรั พยต ์ ามพินัยกรรมนั น ้ ไมไ่ ด้ ให้ใชบ ้ ทบั ญญั ตใิ นวรรคกอ่ นบั งคั บแก่คูส
่ มรสของผู ้
เขียนหรื อพยานในพินัยกรรมด้วย
พนั กงานเจา้ หน้าที่ซ่ึงได้จดขอ ้ ความแหง่ พินัยกรรมที่พยานนามาแจง้ ตามมาตรา ๑๖๖๓ ให้ ถือวา่ เป็ นผูเ้ ขียนพินัยกรรมตามความหมายแหง่
มาตรานี ้

เทา่ นั น
มาตรา ๑๖๕๔ ความสามารถของผู ท ้ าพินัยกรรมนั น ้ ใหพ ้ ิจารณาแตใ่ นเวลาที่ทาพินัยกรรม ความสามารถของผูร้ ั บพินัยกรรมนั น ้ ใหพ ้ ิจารณา
แตใ่ นเวลาที่ผูท ้ าพินัยกรรมตายเทา่ นั น ้
หมวด ๒ แบบพินัยกรรม

มาตรา ๑๖๕๕ พินัยกรรมนั น ้ จะทาได้กแ ็ ตต่ ามแบบใดแบบหนึ่ งดังที่บัญญั ติไวใ้ นหมวดนี้


มาตรา ๑๖๕๖ พินัยกรรมนั น ้ จะทาตามแบบดังนี้ ก็ได้ กลา่ วคือตอ ้ งทาเป็ นหนั งสือลงวั น เดือน ปี ในขณะที่ทาขึ้น และผูท ้ าพินัยกรรมตอ ้ ง
ลงลายมือชื่อไวต อ
้ ่ หน ้ า พยานอย า งน
่ ้ อยสองคนพร ้ อมกัน ซึ่ ง พยานสองคนนั ้
น ต อ
้ งลงลายมื อ ชื ่ อรั บรองลายมื อ ชื่ อ ของผู ท
้ าพิ นั ยกรรมไว ใ
้ นขณะ

นั น
การขูดลบ ตก เติม หรื อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอยา่ งอื่นซึ่งพินัยกรรมนั น ้ ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์ เวน ้ แตจ่ ะได้ปฏิบัติตามแบบอยา่ งเดียวกับการทา
พินัยกรรมตามมาตรานี้
มาตรา ๑ ๖ ๕ ๗ พินัย กรรมนั น ้ จะทาเป็ นเ อกสารเ ขี ยนเองทั ง้ ฉบั บก็ ได้ กลา่ ว คื อผูท ้ า พินัยกรรมตอ ้ งเขียนด้วยมือ
ตนเองซึ่งขอ ้ ความทั ้
งหมด วั น เดื อน ปี และลายมือชื่อของตน
การขูดลบ ตก เติม หรื อการแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงอยา่ งอื่นซึ่งพินัยกรรมนั น ้ ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์ เวน ้ แตผ ่ ูท้ าพินัยกรรมจะไดท ้ าดว้ ยมือตนเอง และ
ลงลายมือชื่อกากับไว้
บทบั ญญั ติมาตรา ๙ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ มิใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกพ ่ ินัยกรรมที่ทาขึ้นตามมาตรานี้
มาตรา ๑๖๕๘ พินัยกรรมนั น ้ จะทาเป็ นเอกสารฝ่ายเมืองก็ได้ กลา่ วคือ
(๑) ผูท ้ าพินัยกรรมตอ ้ งไปแจง้ ขอ ้ ความที่ตนประสงคจ์ ะให้ใสไ่ วใ้ นพินัยกรรมของตนแก่ กรมการอาเภอตอ่ หน้าพยานอีกอยา่ งน้อยสองคน
พร้อมกัน
(๒) กรมการอาเภอตอ ้ งจดขอ ้ ความที่ผูท ้ าพินัยกรรมแจง้ ใหท ้ ราบนั น ้ ลงไว้ และอา่ นขอ ้ ความ นั น ้ ใหผ ้ ูท
้ าพินัยกรรมและพยานฟัง
(๓) เมื่อผูท ้ าพินัยกรรมและพยานทราบแน่ชัดวา่ ขอ ้ ความที่กรมการอาเภอจดนั น ้ เป็ นการ ถูกตอ ้ งตรงกันกับที่ผูท ้ าพินัยกรรมแจง้ ไวแ ้ ลว้ ใหผ้ ู้
ทาพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไวเ้ ป็ นสาคั ญ
(๔) ขอ ้ ความที่กรมการอาเภอจดไวน ้ ให้กรมการอาเภอลงลายมือชื่อและลงวั น เดือน ปี ทั ง้
้ ัน
จดลงไวด ้ ้วยตนเองเป็ นสาคั ญวา่ พินัยกรรมนั น ้ ได้ทาขึ้นถูกต้องตามบทบั ญญั ติอนุ มาตรา ๑ ถึง ๓ ขา้ งตน ้ แลว้ ประทั บตราตาแหน่งไวเ้ ป็ น
สาคั ญ
การขูดลบ ตก เติม หรื อการแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงอยา่ งอื่นซึ่งพินัยกรรมนั น ้ ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์ เวน ้ แตผ ่ ูท้ าพินัยกรรม พยาน และกรมการอาเภอ
จะได้ลงลายมือชื่อกากับไว้
มาตรา ๑๖๕๙ การทาพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองนั น ้ จะทานอกที่วา่ การอาเภอก็ได้ เมื่อมีการร้องขอเชน ่ นั น ้
มาตรา ๑๖๖๐ พินัยกรรมนั น ้ จะทาเป็ นเอกสารลั บก็ได้ กลา่ วคือ (๑) ผูท ้ าพินัยกรรมตอ ้ งลงลายมือชื่อในพินัยกรรม

(๒) ผูท ้ าพินัยกรรมตอ ้ งผนึ กพินัยกรรมนั น ้ แลว้ ลงลายมือชื่อคาบรอยผนึ กนั น ้


(๓) ผูท ้ าพิ นั ยกรรมต อ
้ งนาพิ นั ่
ยกรรมที ผ นึ กนั ้
น ไปแสดงต อ
่ กรมการอาเภอ และพยานอี กอยา่ ง น้อยสองคน และใหถ ้ อ ้
้ ยคาตอ่ บุคคลทั งหมด
้ วา่ เป็ นพินัยกรรมของตน ถา้ พินัยกรรมนั น
เหลา่ นั น ้ ผูท
้ าพินัยกรรม มิได้เป็ นผูเ้ ขียนเองโดยตลอด ผูท ้ าพินัยกรรมจะตอ ้ งแจง้ นามและภูมิลาเนา
ของผูเ้ ขียนให้ทราบด้วย
(๔) เมื่อกรมการอาเภอจดถอ ้ ยคาของผูท ้ าพินัยกรรมและวั น เดือน ปี ที่ทาพินัยกรรมมาแสดง ไวบ ้ และประทั บตราตาแหน่งแลว้
้ นซองนั น
ให้กรมการอาเภอผูท ้ าพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อบนซองนั น ้
การขูดลบ ตก เติม หรื อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอยา่ งอื่นซึ่งพินัยกรรมนั น ้ ยอ่ มไมส ่ มบูรณ์ เวน ้ แตผ่ ู้ทาพินัยกรรมจะได้ลงลายมือชื่อกากั บไว้
มาตรา ๑ ๖ ๖ ๑ ถา้ บุค คลผูเ้ ป ็นทั งใบ ้ แ ้ ล ะหู ห นว กหรื อผู ท
้ ่ ี พู ดไ ม ได
่ ้ มี คว า มประสง คจ์ ะท า พินัยกรรมเป็ นแบบ
เอกสารลั บ ให้ผูน ้ ัน ้ เขียนด้วยตนเองบนซองพินัยกรรมตอ ่ หน้ากรมการอาเภอและพยานซึ่ง ขอ ้ ความวา่ พินัยกรรมที่ผนึ กนั น ้ เป็ นของตนแทน
การให้ถอ ่
้ ยคาดังทีกาหนดไวใ้ นมาตรา ๑๖๖๐ (๓) และถา้ หาก มีผูเ้ ขียนก็ให้เขียนชือกับภูมิลาเนาของผูเ้ ขียนพินัยกรรมนั น ่ ้ ไวด้ ้วย
ใหก ้ รมการอาเภอจดลงไว บ
้ นซองเป็ น สาคั ญ ว า
่ ผู ท
้ าพิ น ั ยกรรมได ป
้ ฏิ บั ต ต
ิ ามข อ
้ ความในวรรค ก อ
่ นแล ว
้ แทนการจดถ อ
้ ยคาของผู ท
้ าพินัยกรรม
มาตรา ๑๖๖๒ พินัยกรรมซึ่งไดท ้ าเป็ นแบบเอกสารฝ ่ ายเมื องหรื อ เอกสารลั บนั ้
น กรมการ อาเภอจะเปิดเผยแก บ
่ ุ ค คลอื ่ น ใดไม ได
่ ้ ใ นระหว า่ งที่ผู้
ทาพินัยกรรมยั งมีชีวต ิ อยู ่ และผูท ้ าพินัยกรรมจะเรี ยกให้ กรมการอาเภอสง่ มอบพินัยกรรมนั น ้ แกต ่ นในเวลาใด ๆ กรมการอาเภอจาตอ ้ งสง่
มอบให้
้ ทาเป็ นแบบเอกสารฝ่ายเมือง กอ
ถา้ พินัยกรรมนั น ่ นสง่ มอบพินัยกรรม ให้กรมการอาเภอคั ด สาเนาพินัยกรรมไวแ ้ ลว้ ลงลายมือชื่อประทั บตรา
ตาแหน่งเป็ นสาคั ญ สาเนาพินัยกรรมนั นจะเปิดเผยแกบ ้ ่
่ ุคคล อืนใดไมไ่ ด้ในระหวา่ งทีผูท ่ ้ าพินัยกรรมยั งมีชีวต ิ อยู ่
มาตรา ๑๖๖๓ เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งบุคคลใดไมส ่ ามารถจะทาพินัยกรรมตามแบบอื่นที่ กาหนดไวไ้ ด้ เชน ่ ตกอยูใ่ นอั นตรายใกลค ้ วาม
ตาย หรื อเวลามีโรคระบาด หรื อสงคราม บุคคลนั น ้ จะทา พินัยกรรมดว้ ยวาจาก็ได้
เพื่อการนี้ ผูท
้ าพินัยกรรมตอ ้ งแสดงเจตนากาหนดขอ ้ พินัยกรรมตอ ่ หน้าพยานอยา่ งน้อยสอง คนซึ่งอยูพ ่ ร้อมกัน ณ ที่นัน ้
พยานสองคนนั น ้ ตอ ้ งไปแสดงตนตอ่ กรมการอาเภอโดยมิชักชา้ และแจง้ ขอ ้ ความที่ผูท ้ า พินัยกรรมได้สั่งไวด ้ ้วยวาจานั น ้ ทั งต ้ อ ้ งแจง้ วั น เดือน
ปี สถานที่ท่ีทาพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั น ้ ไวด ้ ้วย
ให้กรมการอาเภอจดขอ ้ ความที่พยานแจง้ นั น ้ ไว้ และพยานสองคนนั น ้ ต้องลงลายมือชื่อไว้ หรื อมิฉะนั น ้ จะให้เสมอกับการลงลายมือชื่อได้กแ ็ ต่
ด้วยลงลายพิมพน ้
์ ิ วมือโดยมีพยานลงลายมือชือรั บรองสอง คน่

มาตรา ๑๖๖๔ ความสมบูรณ์แหง่ พินัยกรรมซึ่งทาขึ้นตามมาตรากอ ้ ยอ่ มสิน


่ นนั น ้ ไปเมื่อพน ้ กาหนดหนึ่ งเดือนนั บแตเ่ วลาผูท ้ าพินัยกรรมกลั บ
มาสูฐ่ านะที่จะทาพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กาหนดไวไ้ ด้
มาตรา ๑๖๖๕ เมื่อผูท ้ าพินัยกรรมจะตอ ้ งลงลายมือชื่อตามมาตรา ๑๖๕๖, ๑๖๕๘, ๑๖๖๐ จะใหเ้ สมอกับลงลายมือชื่อได้ ก็แตด ่ ้วยลงลาย
พิมพน ้
์ ิ วมือโดยมีพยานลงลายมือชือรั บรองไวด ่ ้ ้วยสองคนใน ขณะนั น ้
มาตรา ๑๖๖๖ บทบั ญญั ติมาตรา ๙ วรรคสอง แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ มิให้ใชบ ้ ั งคั บแก่ พยานผูท ้ งลงลายมือชื่อตามมาตรา ๑๖๕๖,
้ ่ีจะตอ
๑๖๕๘, ๑๖๖๐
[เลขมาตรา ๙ วรรคสอง แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติใหใ้ ชบ ้ ทบั ญญั ติ บรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑ ๖ ๖ ๗ เมื่อคนใ นบั งคั บไทยจะท าพินั ย กรรมในตา่ งประเท ศ พินัย กรรมนั น ้ อา จท า ตามแบบซึ่งกฎหมายของ

ประเทศทีทาพินัยกรรมบั ญญั ติไว้ หรื อตามแบบทีกฎหมายไทยบั ญญั ติไวก ่ ้ ไ็ ด้
เมื่อทาพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายไทยบั ญญั ติไว้ อานาจและหน้าที่ของกรมการอาเภอ ตามมาตรา ๑๖๕๘, ๑๖๖๐, ๑๖๖๑, ๑๖๖๒,
๑๖๖๓ ใหต ่ ุคคลดังตอ่ ไปนี้ คือ
้ กแกบ
(๑) พนั กงานทูต หรื อกงสุลฝ่ายไทย กระทาการตามขอบอานาจของตน หรื อ
(๒) พนั กงานใด ๆ ซึ่งมีอานาจตามกฎหมายของตา่ งประเทศนั น ้ ๆ ที่จะรั บบั นทึกขอ ้ แจง้ ความไวเ้ ป็ นหลั กฐานได้
มาตรา ๑๖๖๘ ผูท ้ าพินัยกรรมไมจ่ าเป็ นตอ ้ งเปิดเผยขอ ้ ความในพินัยกรรมนั น ้ ให้พยานทราบ เวน ้ แตก ่ ฎหมายจะได้ระบุไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น
มาตรา ๑๖๖๙[๒๐๓] ในระหวา่ งเวลาที่ประเทศตกอยูใ่ นภาวะการรบหรื อการสงคราม บุคคลที่ รั บราชการทหารหรื อทาการเกี่ยวขอ ้ งอยู ่
กับราชการทหาร จะทาพินัยกรรมตามแบบที่บัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๑๖๕๘ มาตรา ๑๖๖๐ หรื อมาตรา ๑๖๖๓ ก็ได้ ในกรณี เชน ้ ให้นาย
่ วา่ นั น
ทหารหรื อขา้ ราชการฝ่ายทหารชั น้ สั ญญาบั ตรมีอานาจและหน้าที่เชน ่ เดียวกับกรมการอาเภอ
บทบั ญญั ติวรรคกอ ่ นให น
้ ามาใช บ
้ ั ง คั บแก ก
่ รณี ท ่ ี บุ ค คลที่ รั บราชการทหารหรื อทาการเกี่ยวขอ ้ ง อยูก่ ับราชการทหารทาพินัยกรรมในตา่ งประเทศ
ในระหวา่ งที่ปฏิบัติการเพื่อประเทศในภาวะการรบหรื อการ สงครามในตา่ งประเทศโดยอนุ โลม และในกรณี เชน ่ วา่ นี้ ให้นายทหารหรื อ
ขา้ ราชการฝ่ายทหารชั นสั ้ ญญาบั ตรมี อานาจและหน้าที่เชน ่ เดียวกับพนั กงานทูตหรื อกงสุลฝ่ายไทย

ถา้ ผูท้ าพินัยกรรมตามความในสองวรรคกอ ่ นนั น้ ป่วยเจ็บหรื อตอ ้ งบาดเจ็บ และอยูใ่ น โรงพยาบาล ให้แพทยแ์ หง่ โรงพยาบาลนั น ้ มีอานาจและ
หน้าที่เชน ่ เดี ย วกับกรมการอาเภอหรื อ พนั กงานทู ต หรื อ กงสุ ล ฝ ่ ายไทย แล ว
้ แต ก
่ รณี ด ว
้ ย
มาตรา ๑๖๗๐ บุคคลตอ่ ไปนี้ จะเป็ นพยานในการทาพินัยกรรมไมไ่ ด้ (๑) ผูซ ้ ่ึงยั งไมบ ่ รรลุนิติภาวะ
(๒) บุคคลวิกลจริ ตหรื อบุคคลซึ่งศาลสั ่งใหเ้ ป็ นผูเ้ สมือนไร้ความสามารถ (๓) บุคคลที่หูหนวก เป็ นใบ้ หรื อจั กษุ บอดทั งสองข ้ า้ ง
มาตรา ๑๖๗๑ เมื่อบุคคลใดนอกจากผูท ้ าพินัยกรรมเป็ นผูเ้ ขียนขอ ้ ความแหง่ พินัยกรรม บุคคลนั น ้ งลงลายมือชื่อของตนทั งระบุ
้ ตอ ้ วา่ เป็ นผู ้
เขียน
ถา้ บุคคลนั น ้ เป็ นพยานด้วย ให้เขียนขอ ้ ความระบุวา่ ตนเป็ นพยานไวต ้ อ่ ทา้ ยลายมือชื่อของตน เชน ่ เดียวกับพยานอื่น ๆ
มาตรา ๑๖๗๒[๒๐๔] ใหร้ ั ฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทย กลาโหม และตา่ งประเทศ มี อานาจและหน้าที่เทา่ ที่เกี่ยวกับกระทรวงนั น ้ ๆ
ที่จะออกกฎกระทรวง เพื่อใหก ้ ารเป็ น ไปตามประมวลกฎหมาย บรรพนี ้ รวมทั ้
งกาหนดอั ตราคา่ ฤชาธรรมเนี ย มอันเกี ่ ย วกับการนั ้

หมวด ๓ ผลและการตีความแหง่ พินัยกรรม
มาตรา ๑๖๗๓ สิทธิและหน้าที่ใด ๆ อั นเกิดขึ้นตามพินัยกรรม ให้มีผลบั งคั บเรี ยกร้องกันได้
้ ผ
ตั งแต ่ ูท้ าพินัยกรรมตายเป็ นตน ้ ไป เวน ้ แตผ ้ าพินัยกรรมจะได้กาหนดเงื่อนไขหรื อเงื่อนเวลาให้มีผลบั งคั บ เรี ยกร้องกันได้ภายหลั ง
่ ูท
มาตรา ๑๖๗๔ ถา้ ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมมีเงือนไข และเงื่อนไขนั น
่ ้ สาเร็จเสียกอ ่ นเวลาที่ผูท ้ า พินัยกรรมตาย หากวา่ เป็ นเงื่อนไขบั งคับกอ ่ น
ขอ
้ กาหนดพิ น ั ยกรรมนั ้
น มี ผ ลเมื่ อ ผู ท
้ าพิ น ั ยกรรมตาย หากว า
่ เป็ น ่
เงื อ นไขบั ง คั บ หลั ง ข อ
้ กาหนดพิ นัยกรรมนั น้ เป็ นอั นไร้ผล
ถา้ เงื่อนไขบั งคั บกอ ่ นสาเร็จภายหลั งที่ผูท ้ าพินัยกรรมตาย ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมมีผลตั งแต ้ ่ เว ลาเงื่อนไขส าเร็จ
ถา้ เงื่อนไขบั งคั บหลั งสาเร็จภายหลั งที่ผูท ้ าพินัยกรรมตาย ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมมีผลตั งแต ้ ่ เวลาที่ผูท ้ าพินัยกรรมตาย แตต ่ กเป็ นอั นไร้ผลใน
เมื่อเงื่อนไขนั น ้ สาเร็จ

แตถ่ า้ ผูท้ าพินัยกรรมได้กาหนดไวใ้ นพินัยกรรมวา่ ในกรณี ท่ีกลา่ วมาในสองวรรคกอ ้ ให้ ความสาเร็จแหง่ เงื่อนไขมีผลยอ้ นหลั งไปถึง
่ นนั น
เวลาทีผ ่ ูท
้ าพินัยกรรมตาย ก็ใหเ้ ป็ นไปตามเจตนาของผูท ้
้ าพินัยกรรม นั น
มาตรา ๑๖๗๕ เมื่อพินัยกรรมมีเงื่อนไขบั งคับกอ ่ น ผูร้ ั บประโยชน์ตามขอ ้ ความแหง่ พินัยกรรมนั น้ จะร้องตอ่ ศาลขอใหต ิ ที่
้ จ้ ั ดการทรั พยส์ น
้ ั งผู
ยกให้โดยพินัยกรรมนั น ้ จนกวา่ จะถึงเวลาที่เงื่อนไข สาเร็จ หรื อจนกวา่ ความสาเร็จแหง่ เงื่อนไขตกเป็ นอั นพน ้ วิสัยก็ได้
ถา้ ศาลเห็นเป็ นการสมควร จะตั งผู ้ ร้ ้ องนั น ้ เป็ นผูจ้ ั ดการทรั พยส์ น ิ เสียเอง และเรี ยกให้ผูร้ ้ องนั น ้
วางประกันตามที่สมควรก็ได้
มาตรา ๑๖๗๖ พินัยกรรมจะทาขึ้นโดยใหบ ้ ุคคลใดตกอยูใ่ นภาระติดพันที่จะตอ ้ งกอ ้ ลนิ ธิ หรื อจะสั ง่ จั ดสรรทรั พยส์ น
่ ตั งมู ิ ไวโ้ ดยตรง เพื่อ
ประโยชน์อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งตามบทบั ญญั ติมาตรา ๑๑๐ แหง่ ประมวลกฎหมายนี ้ กไ็ ด้
[เลขมาตรา ๑๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้
ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๖๗๗ เมื่อมีพินัยกรรมกอ ่ ตั งมู้ ลนิ ธิข้ึนตามมาตรากอ ่ น ให้เป็ นหน้าที่ของทายาทหรื อ ผูจ้ ั ดการมรดก แลว้ แตก ่ รณี ที่จะตอ้ งร้องขอ
ใหร้ ั ฐบาลใหอ ้ านาจจั ด ตั ้
งขึ ้ น เป็ น นิ ต ิ บุ ค คลตามมาตรา ๑๑๔ แห ง
่ ประมวลกฎหมายนี ้ เว น
้ แต จ
่ ะได ม ี
้ ้ ข อกาหนดไว ใ
้ นพิ นัยกรรมเป็ นอยา่ งอื่น
ถา้ บุคคลดังกลา่ วแลว้ มิไดร้ ้ องขอใหร้ ั ฐบาลใหอ ้ านาจ บุคคลผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียคนหนึ่ งคนใดหรื อ พนั กงานอั ยการจะเป็ นผูร้ ้ องขอก็ได้
[เลขมาตรา ๑๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติบรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้
ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๖๗๘ เมื่อมูลนิ ธิใดซึ่งกอ ้ ้นโดยพินัยกรรมได้ตังขึ
่ ตั งขึ ้ ้นเป็ นนิ ติบุคคลแลว้ ให้ถือวา่ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งผูท
้ าพินัยกรรมจั ดสรรไวเ้ พื่อการ
้ ้ ้
นั น ตกเป็ นของนิ ติบุคคลนั นตั งแตเ่ วลาซึงพินัยกรรมมีผล เวน ่ ้ แต่ จะมีขอ ้ กาหนดไวใ้ นพินัยกรรมเป็ นอยา่ งอืน ่
มาตรา ๑๖๗๙ ถา้ จั ดตั งมู ้ ลนิ ธิข้ึนไมไ่ ด้ตามวั ตถุท่ีประสงค ์ ให้ทรั พยส์ น ิ ตกทอดไปตามที่ระบุ ไวใ้ นพินัยกรรม
ถา้ พินัยกรรมไมไ่ ดร้ ะบุไว้ เมื่อทายาทหรื อผูจ้ ั ดการมรดก หรื อพนั กงานอั ยการ หรื อบุคคลผูม ้ ี สว่ นไดเ้ สียคนใดคนหนึ่ งร้องขอ ใหศ ้ าลจั ดสรร
ทรั พยส์ น ้ ให้แกน
ิ นั น ่ ิ ตบ
ิ ุ ค คลอื ่ น ซึ่ ง ปรากฏว า
่ มี วั ตถุ ท่ ี ประสงค ์ ใกล ช
้ ิ ด ่
ที ส ุ ดกับความประสงค ข
์ องผู ท
้ าพิ น ั ยกรรม

ถา้ หากวา่ จั ดสรรทรั พยส์ น ิ อยา่ งนี้ ไมไ่ ด้กด ็ ี หรื อวา่ มูลนิ ธินัน ้ ้ นไมไ่ ด้ เพราะเป็ นการขั ดตอ่ กฎหมาย หรื อขั ดตอ่ ความสงบเรี ยบร้อยหรื อศีล
้ ตั งขึ
ธรรมอั นดีของประชาชนก็ดี ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมในการจั ดตั ง้ มูลนิ ธินัน ้ เป็ นอันไร้ผล
มาตรา ๑๖๘๐ เจา้ หนี ของผูท ้ ้ าพินัยกรรมมีสทธิทีจะร้องขอให้เพิกถอนข้อกาหนดพินัยกรรม ซึ่งกอ
ิ ่ ้ ได้เพียงเทา่ ที่ตนตอ
้ ลนิ ธินัน
่ ตั งมู ้ งเสีย
ประโยชน์เนื่ องแตก ่ ารนั ้

มาตรา ๑๖๘๑ ถา้ ทรั พยส์ น ิ ซึ่งเป็ นวั ตถุแหง่ พินัยกรรมนั น ้ ไดส้ ูญหาย ทาลาย หรื อบุบสลาย
ไป และพฤติการณ์ทังนี ้ ้ เป็ นผลให้ได้ทรั พยส์ น ิ อื่นมาแทน หรื อได้สท ิ ธิเรี ยกร้องเอาคา่ สินไหมทดแทนทรั พยส์ น ิ นั น ้ ผูร้ ั บพินัยกรรมจะเรี ยก
ใหส ้ ง่ มอบของแทนซึ่งได้รับมานั น ้ หรื อจะเรี ยกร้องเอาคา่ สินไหมทดแทนเสียเองก็ได้ แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๑๖๘๒ เมื่อพินัยกรรมทาขึ้นเป็ นการปลดหนี้ หรื อโอนสิทธิเรี ยกร้อง พินัยกรรมนั น ้ มี ผลเพียงจานวนซึ่งคงคา้ งชาระอยูใ่ นเวลาที่ผูท ้ า
พินัยกรรมตาย เวน ้ แตผ ่ ูท ้ าพินัยกรรมจะได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ ง อืน ่
ถา้ มีเอกสารอั นเป็ นหลั กฐานแหง่ หนี้ ที่ปลดใหห ้ รื อสิทธิเรี ยกร้องที่โอนไปนั น ้ ก็ใหส้ ง่ มอบแก่ ผูร้ ั บพินัยกรรมและใหใ้ ชม ้ าตรา ๓๐๓ ถึง
๓๑๓, ๓๔๐ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ บั งคั บโดยอนุ โลม แตถ า
่ ้ ้ผู ท า พิ น ั ยกรรมจะต อ
้ งกระทาการหรื อดาเนิ น การอย า
่ งใดอย า่ งหนึ่ งตามมาตรา
้ ๆ แลว้ บุคคลผูต
นั น ้ อ ้ งจั ดการตาม พินัยกรรมหรื อผูร้ ั บพินัยกรรมจะกระทาการหรื อดาเนิ นการนั น ้ ๆ แทนผูท ้ าพินัยกรรมก็ได้
มาตรา ๑๖๘๓ พินัยกรรมที่บุคคลทาให้แกเ่ จา้ หนี้ คนใดของตนนั น ้ ให้สันนิ ษฐานไวก ้ อ่ นวา่ มิได้ทาขึ้นเพื่อชาระหนี้ อั นคา้ งชาระแกเ่ จา้ หนี้ คน
นั น้
มาตรา ๑๖๘๔ เมื่อความขอ ้ ใดขอ้ หนึ่ งในพินัยกรรมอาจตีความได้เป็ นหลายนั ย ให้ถือเอา ตามนั ยที่จะสาเร็จผลตามความประสงคข์ องผูท ้ า
พินัยกรรมนั น ้ ไดด
้ ี ท ่ ี สุ ด
มาตรา ๑๖๘๕ ในกรณี ท่ีผูท ้ าพินัยกรรมไดก ้ าหนดผูร้ ั บพินัยกรรมไวโ้ ดยคุณสมบั ติท่ีทราบตัว แน่นอนได้ ถา้ มีบุคคลหลายคนทรงไวซ ้ ่ึง
คุณสมบั ติท่ีจะเป็ นผูร้ ั บพินัยกรรมตามที่ผูท ้ าพินัยกรรมกาหนดไวด ้ ังนั ้ น ได้ ในกรณี ท่ีมีขอ ้ สงสั ย ให้ถือวา่ ทุกคนมีสท ิ ธิท่ีจะได้รับสว่ นปันเทา่ ๆ
กัน
หมวด ๔ พินัยกรรมที่ตังผู ้ ป ้ กครองทรั พย ์

มาตรา ๑๖๘๖[๒๐๕] อั นวา่ ทรั สตน ์ ัน ้ จะกอ ้ ้ นโดยตรงหรื อโดยทางออ


่ ตั งขึ ้ มดว้ ยพินัยกรรมหรื อ ดว้ ยนิ ติกรรมใด ๆ ที่มีผลในระหวา่ งชีวต ิ
ก็ดีหรื อเมื่อตายแลว้ ก็ดี หามีผลไม่ เวน ้ แต โ
่ ดยอาศั ย อานาจตาม บทบั ญ ญั ตแ
ิ ห ง
่ กฎหมายเพื ่ อการก อ
่ ตั ้
งทรั สตเ ท
์ ่า นั ้

มาตรา ๑๖๘๗ ถา้ ผูท ้ าพินัยกรรมประสงคจ์ ะยกทรั พยส์ น ิ ให้แกผ ่ ูเ้ ยาว ์ หรื อผูซ ้ ่ึงศาลได้สั่งให้ เป็ นคนไร้ความสามารถ หรื อเสมือนไร้ความ
สามารถ หรื อแกผ ่ ูซ้ ่ึงตอ ้ งรั กษาตัวอยูใ่ นโรงพยาบาลเพราะเหตุ วิกลจริ ต แตต ่ อ้ งการมอบการเก็บรั กษาและจั ดการทรั พยส์ น ้ แกบ
ิ นั น ่ ุคคลอื่น
นอกจากบิดามารดา ผูป ้ กครอง ผู ้
อนุ บาล หรื อผูพ ้ ิทักษ์ของบุคคลเชน ่ นั น ้ ผูท ้ าพินัยกรรมตอ ้ ป
้ งตั งผู ้ กครองทรั พยข์ ้ึน
้ ป
การตั งผู ้ กครองทรั พย น
์ ้ ี ห า
้ มมิ ใ ห ต
้ ั ้
งขึ ้ น เป็ น เวลาเกิ น กว า
่ กาหนดแห ง่ การเป็ นผูเ้ ยาว ์ หรื อ
กาหนดที่ศาลไดส ั้ ่งใหเ้ ป็ นคนไร้ความสามารถ หรื อเสมือนไร้ความสามารถ หรื อกาหนดที่ตอ ้ งรั กษาตัวอยูใ่ น โรงพยาบาล แลว้ แตก ่ รณี
มาตรา ๑๖๘๘ การตั งผู ้ ป ้ กครองทรั พยน ้ ในสว่ นที่เกี่ยวด้วยอสั งหาริ มทรั พยห
์ ัน ์ รื อทรั พยสิทธิ ใด ๆ อั นเกี่ยวกับอสั งหาริ มทรั พย ์ ยอ่ มไม่
บริ บูรณ์ เวน ้ แตจ่ ะได้จดทะเบียนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่
บทบั ญญั ติท่ีกลา่ วมาในวรรคกอ ่ นนี้ ใหใ้ ชบ ้ ั งคั บแกเ่ รื อมีระวางตั งแต ้ ห ่ ้าตันขึ้นไป ทั งแพ ้ และสั ตวพ ์ าหนะด้วย[๒๐๖]
มาตรา ๑๖๘๙ นอกจากบุคคลที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๑๕๕๗ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ นิ ติบุคคล หรื อบุคคลธรรมดาที่มีความสามารถบริ บูรณ์
้ นผูป
จะรั บตั งเป็ ้ กครองทรั พยก์ ไ็ ด้
มาตรา ๑๖๙๐ ผูป ้ กครองทรั พยน ์ ัน้ ยอ่ มตั งขึ ้ ้นไดโ้ ดย (๑) ผูท ้ าพินัยกรรม
(๒) บุคคลซึ่งระบุไวใ้ นพินัยกรรมให้เป็ นผูต ้ ั ง้
มาตรา ๑๖๙๑ เวน ้ แตผ ่ ทู้ าพินัยกรรมจะได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่นในพินัยกรรมผูป ้ กครอง ทรั พยจ์ ะทาพินัยกรรมตั งบุ ้ คคลอื่นให้ทาการสืบ
แทนตนก็ได้
มาตรา ๑๖๙๒ เวน ้ แตผ ่ ูท ้ าพินัยกรรมจะได้กาหนดไวใ้ นพินัยกรรมเป็ นอยา่ งอื่น ในสว่ นที่ เกี่ยวด้วยทรั พยส์ น ิ ที่ได้รับมอบไว้ ผูป ้ กครอง
ทรั พยม ิ
์ ีสทธิและหน้าทีเชน ่ ่ เดียวกับผูป ้ กครองตามความหมายใน บรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายนี ้
หมวด ๕
การเพิกถอนและการตกไปแหง่ พินัยกรรม หรื อขอ ้ กาหนดพินัยกรรม
มาตรา ๑๖๙๓ ผูท ้ าพินัยกรรมจะเพิกถอนพินัยกรรมของตนเสียทั งหมด ้ หรื อแตบ ่ างสว่ นใน เวลาใดก็ได้
มาตรา ๑๖๙๔ ถา้ จะเพิกถอนพินัยกรรมฉบับกอ ่ นเสี ย ทั ้
งหมด หรื อแต บ
่ างส ว
่ นด ว้ ย
พินัยกรรมฉบั บหลั ง การเพิกถอนจะสมบูรณ์ตอ ่ เมื่อพินัยกรรมฉบั บหลั งนั น ้ ได้ทาตามแบบใดแบบหนึ่ งที่ กฎหมายบั ญญั ติไว้
มาตรา ๑๖๙๕ ถา้ พินัยกรรมได้ทาเป็ นตน ้ ฉบั บแตฉ ่ บับเดียว ผูท ้ าพินัยกรรมอาจเพิกถอน พินัยกรรมนั น ้ ทั งหมดหรื
้ อบางสว่ นได้ โดยทาลาย
หรื อขีดฆา่ เสียด้วยความตั งใจ ้
ถา้ พินัยกรรมได้ทาเป็ นต้นฉบับหลายฉบับ การเพิกถอนนั น ้ ไมบ ่ ริ บูรณ์ เวน ้ แตจ่ ะได้กระทาแก่ ตน ้ ฉบับเหลา่ นั น ้ ทุกฉบับ
มาตรา ๑๖๙๖ ถา้ ผูท ้ าพิ น ั ยกรรมได โ
้ อนไปโดยสมบู ร ณ ์ ซ ่ ึ ง ทรั พย ส
์ ิ
น อั น เป็ น วั ต ถุ แ ห ง
่ ข อ
้ กาหนดพิ น ั ยกรรมใดด ้
ว้ ยความตั งใจ ขอ
้ กาหนด
พินัยกรรมนั น ้ เป็ นอันเพิกถอนไป
วิธีเดียวกันนี้ ให้ใชบ ้ ั งคั บ เมื่อผูท ้ าพินัยกรรมได้ทาลายทรั พยส์ น ิ นั น ้ ด้วยความตั งใจ ้
มาตรา ๑๖๙๗ ถา้ ผูท ้ าพินัยกรรมมิได้แสดงเจตนาไวใ้ นพินัยกรรมเป็ นอยา่ งอื่น และปรากฏ วา่ พินัยกรรมฉบับกอ ่ นกับฉบับหลั งขั ดกัน ให้
ถือวา่ พินัยกรรมฉบั บก่อนเป็ นอั นเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบั บหลั ง เฉพาะในสว่ นที่มีขอ ้ ความขั ดกันนั น ้ เทา่ นั น้
มาตรา ๑๖๙๘ ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมนั น ้ ยอ่ มตกไป

(๑) เมือผูร้ ั บพินัยกรรมตายกอ ่ นผูท้ าพินัยกรรม
(๒) เมื่อขอ ้ กาหนดพินัยกรรมเป็ นผลใชไ้ ดต ่ เมื่อเงื่อนไขอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งสาเร็จลง และผูร้ ั บ
้ อ
พินัยกรรมตายเสียกอ ่ นเงื่ อ นไขสาเร็ จ หรื อ ปรากฏเป็ นที่แน่นอนอยูแ่ ลว้ วา่ เงื่อนไขนั น ้ ไมอ ่ าจจะสาเร็จได้ (๓) เมื่อผูร้ ั บพินัยกรรมบอกสละ
พินัยกรรม
(๔) เมื่อทรั พยส์ น ้
ิ ทั งหมดที ่ยกให้สูญหาย หรื อถูกทาลายโดยผูท ้ าพินัยกรรมมิได้ตังใจใน ้ ระหวา่ งที่ผูท
้ าพินัยกรรมยั งมีชีวต ิ อยู ่ และผูท
้ า
พินัยกรรมมิได้ได้มาซึ่งของแทน หรื อซึ่งสิทธิท่ีจะเรี ยกคา่ ทดแทน ในการที่ทรั พยส์ น ิ นั น้ สูญหายไป

มาตรา ๑๖๙๙ ถา้ พินัยกรรม หรื อขอ ้ กาหนดในพินัยกรรม เกี่ยวกับทรั พยส์ น ิ รายใดเป็ นอั น ไร้ผลดว้ ยประการใด ๆ ทรั พยส์ น ้
ิ รายนั น
ตกทอดแกท ่ ายาทโดยธรรมหรื อ ได แก
้ ่ ่แผ น ดิ น แล ว
้ แต ก
่ รณี
หมวด ๖ ความเสียเปลา่ แหง่ พินัยกรรมหรื อ ขอ ้ กาหนดพินัยกรรม
มาตรา ๑๗๐๐ ภายใตบ ้ ั งคั บแหง่ บทบั ญญั ติในหมวดนี้ บุคคลจะจาหน่ายทรั พยส์ น ิ ใด ๆ โดย นิ ติกรรมที่มีผลในระหวา่ งชีวต ิ หรื อเมื่อ
ตายแลว้ โดยมีขอ ้ กาหนดห้ามมิให้ผูร้ ั บประโยชน์โอนทรั พยส์ น ้ ก็ได้ แตต
ิ นั น ่ อ้ งมีบุคคลใดบุคคลหนึ่ งนอกจากผูร้ ั บประโยชน์กาหนดไว้ สาหรั บ
เป็ นผูจ้ ะได้รับทรั พยส์ น ิ นั น ้ เป็ นสิทธิ เด็ดขาด ในเมื่อมีการละเมิดขอ ้ กาหนดห้ามโอน
ผูซ ่้ ึงกาหนดขึ้นดังกลา่ วนั น ้ ตอ ้ งเป็ นผูส ้ ามารถจะมีสท ิ ธิตา่ ง ๆ ไดอ ้ ยูใ่ นขณะที่การจาหน่าย ทรั พยส์ น ้ มีผลบั งคั บ
ิ นั น
ถา้ มิไดก ้ าหนดบุ ค คลที ่ จ ะเป็ น ผู ร
้ ั บทรั พย ส
์ ิ
น ในเมื ่ อมี การละเมิ ด ข อ
้ กาหนดห า
้ มโอนไว ้ ให ถ
้ ื อว า ข
่ ้อ กาหนดห า้ มโอนนั น ้ เป็ นอั นไมม่ ีเลย
มาตรา ๑๗๐๑ ขอ ้ กาหนดห้ามโอนตามมาตราก่อนนั น ้ จะให้มีกาหนดเวลาหรื อตลอดชีวต ิ ของผูร้ ั บประโยชน์กไ็ ด้
ถา้ ไมไ่ ด้กาหนดเวลาห้ามโอนไว้ ในกรณี ท่ีผูร้ ั บประโยชน์เป็ นบุคคลธรรมดา ให้ถือวา่ ขอ ้ กาหนดห้ามโอนมีระยะเวลาอยูต ่ ลอดชีวต ิ ของผูร้ ั บ
ประโยชน์ แตใ่ นกรณี ท่ีผูร้ ั บประโยชน์เป็ นนิ ติบุคคล ให้มี ระยะเวลาเพียงสามสิบปี
ถา้ ได้กาหนดเวลาห้ามโอนไว้ กาหนดนั น ้ มิให้เกินสามสิบปี ถา้ กาหนดไวน ้ านกวา่ นั น ้ ก็ให้
ลดลงมาเป็ นสามสิบปี
มาตรา ๑๗๐๒ ขอ ้ กาหนดหา้ มโอนอั นเกี่ยวกับสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงไมอ่ าจจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ ไดน ้ ใหถ
้ ัน ้ ือวา่ เป็ นอั นไมม ่ ีเลย
ขอ ้ กาหนดห้ามโอนเกี่ยวกับอสั งหาริ มทรั พยห ์ รื อทรั พยสิทธิอันเกี่ยวกับอสั งหาริ มทรั พยน ์ ัน้ ไม่ บริ บูรณ์ เวน ้ แตจ่ ะได้ทาเป็ นหนั งสือและจด
ทะเบียนการห้ามโอนตอ่ พนั กงานเจา้ หน้าที่
ด้วย[๒๐๗]
บทบั ญญั ติในวรรคกอ ่ นนี้ ให้ใชบ ้ ั งคั บแกเ่ รื อมีระวางตั งแต ้ ห ่ ้าตันขึ้นไป ทั งแพและสั
้ ตวพ ์ าหนะ มาตรา ๑๗๐๓ พินัยกรรมซง่ ึ บุคคลที่มีอายุ
ยั งไมค ่ รบสิ บห า
้ ปี บริ บ ู ร ณ ์ ท าขึ ้ น น ั้ น เป็ น โมฆะ

มาตรา ๑๗๐๔ พินัยกรรมซึ่งบุคคลผูถ ้ ูกศาลสั ง่ ให้เป็ นคนไร้ความสามารถทาขึ้นนั น ้ เป็ น


โมฆะ
ทาขึ้นนั น ้ จะเป็ นอั นเสียเปลา่ ก็แตเ่ มื่อพิสูจน์ได้วา่ ในเวลาที่ทาพินัยกรรมนั น ้ ผูท
้ าจริ ตวิกลอยู ่
พินัยกรรมซึ่งบุคคลผูถ ้ ูกอา้ งวา่ เป็ นคนวิกลจริ ต แตศ ่ าลยั งไมไ่ ด้สั่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถ
มาตรา ๑๗๐๕ พินัยกรรมหรื อขอ ้ กาหนดพินัยกรรมนั น ้ ถา้ ไดท ้ าขึ้นขั ดตอ่ บทบั ญญั ติแหง่ มาตรา ๑๖๕๒, ๑๖๕๓, ๑๖๕๖, ๑๖๕๗,
๑๖๕๘, ๑๖๖๐, ๑๖๖๑ หรื อ ๑๖๖๓ ยอ่ มเป็ นโมฆะ
มาตรา ๑๗๐๖ ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมเป็ นโมฆะ
(๑) ถา้ ตั งผู ้ ร้ ั บพินัยกรรมไวโ้ ดยมีเงื่อนไขวา่ ใหผ ้ ูร้ ั บพินัยกรรมจาหน่ายทรั พยส์ น ิ ของเขาเอง โดยพินัยกรรมให้แกผ ่ ูท
้ าพินัยกรรม หรื อแก่
บุคคลภายนอก
(๒) ถา้ กาหนดบุคคลซึ่งไมอ่ าจที่จะทราบตัวแน่นอนได้เป็ นผูร้ ั บพินัยกรรม แตผ ่ ูร้ ั บพินัยกรรม ตามพินัยกรรมลั กษณะเฉพาะนั น ้ อาจกาหนด
โดยใหบ ้ ุ คคลใดคนหนึ ่ งเป็ นผู ร
้ ะบุ เ ลื อกเอาจากบุ คคลอื ่ นหลายคน หรื อ จากบุ ค คลอื ่ น หมู ใ
่ ดหมู ห
่ ่
นึ ง ่
ซึ ง ผู ท
้ าพิ นั ยกรรมระบุ ไ ว ก ได
้ ็ ้
(๓) ถา้ ทรั พยส์ น ิ ที่ยกใหโ้ ดยพินัยกรรมระบุไวไ้ มช่ ั ดแจง้ จนไมอ ่ าจที่จะทราบแน่นอนได้ หรื อถา้ ใหบ ้ ุคคลใดคนหนึ่ งกาหนดใหม ้ ากน้อย
เทา่ ใดตามแตใ่ จ
มาตรา ๑๗๐๗ ถา้ ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมตั งผู ้ ร้ ั บพินัยกรรมโดยมีเงื่อนไขวา่ ให้ผูร้ ั บพินัยกรรม จาหน่ายทรั พยส์ น ิ ที่ยกใหโ้ ดยพินัยกรรมนั น ้ แก่
บุคคลอื่น ให้ถือวา่ เงื่อนไขนั น ้ เป็ นอั นไมม ่ ีเลย
มาตรา ๑๗๐๘ เมื่อผูท ้ าพินัยกรรมตายแลว้ บุคคลผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนใดคนหนึ่ งจะร้องขอให้ ศาลสั ่งเพิกถอนพินัยกรรมซึ่งได้ทาขึ้นเพราะเหตุ
ขม
่ ขูก ่ ไ็ ด้ แตห ่ ากผูท ้ าพินัยกรรมยั งมีชวต ี ิ อยูต ่ อ่ มาเกินหนึ่ งปี นั บ
แตผ ่ ู้ ท าพิ น ั ยกรรมพ น
้ จากการข ม ขู
่ ่ ้แ ล ว จะมี ก ารร้องขอเชน ้ ไมไ่ ด้
่ วา่ นั น
มาตรา ๑๗๐๙ เมื่อผูท ้ าพินัยกรรมตายแลว้ บุคคลผูม ้ ีสว่ นได้เสียคนใดคนหนึ่ งจะร้องขอให้ ศาลสั ่งเพิกถอนพินัยกรรมซึ่งได้ทาขึ้นเพราะสา
คั ญผิดหรื อกลฉ้อฉลได้กต ็ อ ่
่ เมือความสาคั ญผิดหรื อกลฉ้อฉลนั น ้ ถึงขนาด ซึ่งถา้ มิได้มีความสาคั ญผิดหรื อกลฉ้อฉลเชน ้ พินัยกรรมนั น
่ นั น ้ ก็จะ
มิไดท ้ ้
าขึ น
ความในวรรคกอ ่ นนี้ ใหใ้ ชบ้ ั งคั บ แมถ ้ บุคคลซึ่งมิใชเ่ ป็ นผูร้ ั บประโยชน์ตาม พินัยกรรมไดก
้ ึงวา่ กลฉ้อฉลนั น ่ ขึ้น
้ อ
แตพ ่ ินัยกรรมซึ่งได้ทาขึ้นโดยสาคั ญผิดหรื อกลฉ้อฉลยอ่ มมีผลบั งคับได้ เมื่อผูท ้ าพินัยกรรมมิได้ เพิกถอนพินัยกรรมนั น้ ภายในหนึ่ งปี นั บแตท่ ่ี
ได้รู้ถึงการสาคั ญผิดหรื อกลฉ้อฉลนั น ้

มาตรา ๑๗๑๐ คดีฟ้องขอให้เพิกถอนขอ ้ กาหนดพินัยกรรมนั น ้ มิให้ฟ้องเมื่อพน ้ กาหนดดังนี้


(๑) สามเดือนภายหลั งที่ผูท ้ าพิ นั ยกรรมตาย ในกรณี ท ่ ี โ จทก รู
์้ เ หตุ แห ง
่ การที ่ จ ะขอใหเ้ พิกถอน ได้ ในระหวา่ งที่ผูท้ าพินัยกรรมมีชีวต
ิ อยู ่
หรื อ
(๒) สามเดือนภายหลั งที่โจทกไ์ ด้รู้เหตุเชน ้ ในกรณี อ่ืนใด
่ นั น
แตถ ้ กาหนดพินัยกรรมอันกระทบกระทั ่งถึงสว่ นได้เสียของตน แมว้ า่ โจทก์ จะได้รู้เหตุแหง่ การที่จะขอใหเ้ พิกถอนได้กด
่ า้ โจทกไ์ มร่ ู้ วา่ มีขอ ็ ี อายุ
ความสามเดือนให้เริ่มนั บแตข่ ณะที่โจทกร์ ู้ หรื อควรจะได้รู้วา่ มี ขอ ้ กาหนดพินัยกรรมนั น ้
แตอ่ ยา่ งไรก็ดี ห้ามมิให้ฟ้องคดีเชน ่ นี้ เมื่อพน ้ สิบปี นั บแตผ ่ ูท ้ าพินัยกรรมตาย
ศาล
มาตรา
ลั กษณะ ๔ วิธีจัดการและปันทรั พยม ์ รดก
หมวด ๑ ผูจ้ ั ดการมรดก
๑๗๑๑ ผูจ้ ั ดการมรดกนั น ้ รวมตลอดทั งบุ ้ คคลที่ตังขึ ้ ้ นโดยพินัยกรรมหรื อโดยคาสั ง่
มาตรา ๑๗๑๒ ผูจ้ ั ดการมรดกโดยพินัยกรรมอาจตั งขึ ้ ้นได้ (๑) โดยผูท ้ าพินัยกรรมเอง

(๒) โดยบุคคลซึงระบุไวใ้ นพินัยกรรม ให้เป็ นผูต ้ ั ง้
มาตรา ๑๗๑๓ ทายาทหรื อผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียหรื อพนั กงานอั ยการจะร้องตอ่ ศาลขอใหต ้ ั ง้ ผูจ้ ั ดการมรดกก็ได้ ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
(๑) เมื่อเจา้ มรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรื อผู ร้ ั บพินัยกรรมไดส ู้ ญหายไป หรื ออยูน ่ อกราช อาณาเขต หรื อเป็ นผูเ้ ยาว ์
(๒) เมื่อผูจ้ ั ดการมรดกหรื อทายาทไมส ่ ามารถ หรื อไมเ่ ต็มใจที่จะจั ดการ หรื อมีเหตุขัดขอ ้ งใน การจั ดการ หรื อในการแบง่ ปันมรดก
(๓) เมื่อขอ ้ กาหนดพินัยกรรมซึ่งตั งผู ้ จ้ ั ดการมรดกไวไ้ มม ่ ีผลบั งคั บได้ด้วยประการใด ๆ

้ จ้ ั ดการมรดกนั น
การตั งผู ้ ถา้ มีขอ ้ กาหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั งตามข ้ อ
้ กาหนดพินัยกรรม และ ถา้ ไมม ่ ีขอ้ กาหนดพินัยกรรม ก็ให้ศาลตั งเพื ้ ่อ
ประโยชน์แกก ่ องมรดกตามพฤติ ก ารณ ์ แ ละโดยคานึ ง ถึ ง เจตนาของ เจ า
้ มรดก แล ว
้ แตศ่ าลจะเห็ นสมควร
มาตรา ๑๗๑๔ เมื่อศาลตั งให ้ ผ้ ูใ้ ดเป็ นผูจ้ ั ดการมรดกเพื่อการใดโดยเฉพาะ ผูน ้ ไมจ่ าตอ
้ ัน ้ งทา บั ญชีทรั พยม ์ รดก เวน ้ แตจ่ ะจาเป็ นเพื่อการนั น ้
หรื อศาลสั ่งใหท ้ า
มาตรา ๑๗๑๕ ผูท ้ าพินยั กรรมจะตั งบุ ้ คคลคนเดียวหรื อหลายคนให้เป็ นผูจ้ ั ดการมรดกก็ได้
เวน
้ แตจ่ ะมีขอ ้ กาหนดไวใ้ นพินัยกรรมเป็ นอยา่ งอื่น ถา้ มีผูจ้ ั ดการมรดกหลายคน แตผ ่ ูจ้ ั ดการ เหลา่ นั น้ บางคนไมส ่ ามารถ หรื อไมเ่ ต็มใจที่จะ
จั ดการ และยั งมีผูจ้ ั ดการมรดกเหลืออยูแ่ ตค ่ นเดียว ผูน ้
้ ั นมีสท ่
ิ ธิทีจะ จั ดการมรดกได้โดยลาพัง แตถ ่ า้ มีผูจ้ ั ดการมรดกเหลืออยูห ่ ลายคน ให้
สั นนิ ษฐานไวก ้ อ ่ นวา่ ผูจ้ ั ดการเหลา่ นั น ้ แตล่ ะ คนจะจั ดการโดยลาพังไมไ่ ด้
มาตรา ๑๗๑๖ หน้าที่ผูจ้ ั ดการมรดกที่ศาลตั ง้ ใหเ้ ริ่ มนั บแตว่ ั นที่ได้ฟังหรื อถือวา่ ได้ฟังคาสั ่ง
ศาลแลว้
มาตรา ๑๗๑๗ ในเวลาใด ๆ ภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่เจา้ มรดกตาย แตต ้ งเป็ นเวลา ภายหลั งที่เจา้ มรดกตายแลว้ สิบห้าวั น ทายาทหรื อผูม
่ อ ้ ี
สว่ นได้เสียคนใดคนหนึ่ ง จะแจง้ ความถามไปยั งผูท ้ ่ีถูกตั ง้ เป็ นผูจ้ ั ดการมรดกโดยพินัยกรรมวา่ จะรั บเป็ นผูจ้ ั ดการมรดกหรื อไมก ่ ไ็ ด้
้ ่ีได้รับแจง้ ความมิได้ตอบรั บเป็ นผูจ้ ั ดการมรดกภายในหนึ่ งเดือนนั บแตว่ ั นรั บแจง้ ความ นั น
ถา้ ผูท ้ ให้ถือวา่ ผูน ้ ปฏิเสธ แตก
้ ัน ่ ารรั บเป็ นผูจ้ ั ดการ
มรดกนั น ้ จะทาภายหลั งหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่เจา้ มรดกตายไมไ่ ด้ เวน ้ แต ศ
่ าลจะอนุ ญ าต
มาตรา ๑๗๑๘ บุคคลตอ่ ไปนี้ จะเป็ นผูจ้ ั ดการมรดกไมไ่ ด้
(๑) ผูซ ้ ่ึงยั งไมบ ่ รรลุนิติภาวะ
(๒) บุคคลวิกลจริ ต หรื อบุคคลซึ่งศาลสั ่งใหเ้ ป็ นผูเ้ สมือนไร้ความสามารถ (๓) บุคคลซึ่งศาลสั ่งใหเ้ ป็ นคนลม ้ ละลาย
มาตรา ๑๗๑๙ ผูจ้ ั ดการมรดกมีสท ิ ธิและหน้าที่ท่ีจะทาการอั นจาเป็ น เพื่อให้การเป็ นไปตาม คาสั ่งแจง้ ชั ดหรื อโดยปริ ยายแหง่ พินัยกรรม และ
เพื่อจั ดการมรดกโดยทั ่วไป หรื อเพื่อแบง่ ปันทรั พยม ์ รดก

มาตรา ๑๗๒๐ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งรั บผิดตอ่ ทายาทตามที่บัญญั ติไวใ้ นมาตรา ๘๐๙ ถึง ๘๑๒, ๘๑๙, ๘๒๓ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ โดย
อนุ โลม และเมื่อเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ใหใ้ ชม ้ าตรา ๘๓๑ บั งคั บโดย อนุ โลม
มาตรา ๑๗๒๑ ผูจ้ ั ดการมรดกไมม ิ ธิท่ีจะได้รับบาเหน็ จจากกองมรดก เวน
่ ี สท ้ แตพ
่ ินัยกรรม หรื อทายาทโดยจานวนขา้ งมากจะได้กาหนดให้ไว้
มาตรา ๑๗๒๒ ผูจ้ ั ดการมรดกจะทานิ ติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีสว่ นได้เสียเป็ นปฏิปักษ์ตอ่ กอง
มรดกหาได้ไม่ เวน ้ แตพ่ ินัยกรรมจะได้อนุ ญาตไว้ หรื อได้รับอนุ ญาตจากศาล
มาตรา ๑๗๒๓ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งจั ดการโดยตนเอง เวน ้ แตจ่ ะทาการโดยตัวแทนไดต ้ าม อานาจที่ใหไ้ วช้ ั ดแจง้ หรื อโดยปริ ยายในพินัยกรรม
หรื อโดยคาสั ง่ ศาล หรื อในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แกก ่ อง มรดก
มาตรา ๑๗๒๔ ทายาทยอ่ มมีความผูกพันตอ่ บุคคลภายนอกในกิจการทั งหลายอั ้ นผูจ้ ั ดการ มรดกได้ทาไปภายในขอบอานาจในฐานะที่ เป็ นผู ้
จั ดการมรดก
ถา้ ผูจ้ ั ดการมรดกเขา้ ทานิ ติกรรมกับบุคคลภายนอก โดยเห็นแกท ิ อยา่ งใด ๆ หรื อ ประโยชน์อยา่ งอื่นใด อั นบุคคลภายนอกได้ให้
่ รั พยส์ น

หรื อได้ให้คามั นวา่ จะให้เป็ นลาภสว่ นตัว ทายาทหาตอ ้ งผูกพันไม่ เวน ้ แตท ่ ายาทจะได้ยินยอมด้วย
มาตรา ๑๗๒๕ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งสืบหาโดยสมควรซึ่งตัวผูม ้ ีสว่ นได้เสียและแจง้ ไปให้ทราบ ถึงขอ ้ กาหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับผูม ้ ีสว่ นได้เสีย
้ ภายในเวลาอั นสมควร
นั น
มาตรา ๑๗๒๖ ถา้ ผูจ้ ั ดการมรดกมีหลายคน การทาการตามหน้าที่ของผูจ้ ั ดการมรดกนั น ้ ต้อง ถือเอาเสียงขา้ งมาก เวน ้ แตจ่ ะมีขอ
้ กาหนด
พินัยกรรมเป็ นอยา่ งอื่น ถา้ เสียงเทา่ กัน เมื่อผูม ้ ีสว่ นได้เสียร้องขอ ก็ ให้ศาลเป็ นผูช้ ้ีขาด
มาตรา ๑๗๒๗ ผูม ้ ีสว่ นไดเ้ สียคนหนึ่ งคนใดจะร้องขอใหศ ้ าลสั ่งถอนผูจ้ ั ดการมรดก เพราะ เหตุผูจ้ ั ดการมรดกละเลยไมท ่ าการตามหน้าที่
หรื อเพราะเหตุอยา่ งอื่นที่สมควรก็ได้ แตต องร
่ ้ ้ อ งขอเสี ย ก อ
่ ่
นที การป
ั นมรดกเสร็ จ ้
สิ
น ลง
แมถ ้ ึงวา่ จะได้เขา้ รั บตาแหน่งแลว้ ก็ดี ผูจ้ ั ดการมรดกจะลาออกจากตาแหน่งโดยมีเหตุอัน สมควรก็ได้ แตต ่ อ
้ งได้รับอนุ ญาตจากศาล

มาตรา ๑๗๒๘ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งลงมือจั ดทาบั ญชีทรั พยม ์ รดกภายในสิบห้าวั น


(๑) นั บแตเ่ จา้ มรดกตาย ถา้ ในขณะนั น ้ ผูจ้ ั ดการมรดกได้รู้ถึงการตั งแต ้ ง่ ตามพินัยกรรมที่ มอบหมายไวแ ้ กต ่ น หรื อ
(๒) นั บแตว่ ั นที่เริ่ มหน้าที่ผูจ้ ั ดการมรดกตามมาตรา ๑๗๒๖ ในกรณี ท่ีศาลตั งเป็ ้ นผูจ้ ั ดการ มรดก หรื อ
(๓) นั บแตว่ ั นที่ผูจ้ ั ดการมรดกรั บเป็ นผูจ้ ั ดการมรดกในกรณี อ่ืน
มาตรา ๑๗๒๙ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งจั ดทาบั ญชีทรั พยม ์ รดกให้แลว้ เสร็จภายในหนึ่ งเดือนนั บ
แตเ่ วลาที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๑๗๒๘ แตก ่ าหนดเวลานี้ เมื่อผูจ้ ั ดการมรดกร้องขอกอ ่ นสิน ้ กาหนดเวลาหนึ่ งเดือน ศาลจะอนุ ญาตให้ขยายตอ่ ไป
อีกก็ได้
บั ญชีนัน ้ งทาตอ่ หน้าพยานอยา่ งน้อยสองคน ซึ่งตอ
้ ตอ ้ งเป็ นผูม้ ีสว่ นได้เสียในกองมรดกนั น ้ ด้วย

บุคคลซึงจะเป็ นพยานในการทาพินัยกรรมไมไ่ ด้ตามมาตรา ๑๖๗๐ จะเป็ นพยานในการทา บั ญชีใด ๆ ที่ตอ ้ งทาขึ้นตามบทบั ญญั ติแหง่
ประมวลกฎหมายนี้ ไมไ่ ด้
มาตรา ๑๗๓๐ ให้นามาตรา ๑๕๖๓, ๑๕๖๔ วรรค ๑ และ ๒ และ ๑๕๖๕ แหง่ ประมวล กฎหมายนี้ มาใชบ ้ ั งคั บโดยอนุ โลม ในระหวา่ ง
ทายาทกับผูจ้ ั ดการมรดกโดยพินัยกรรมและในระหวา่ งศาลกับ ผูจ้ ั ดการมรดกที่ศาลตั ง้
มาตรา ๑๗๓๑ ถา้ ผูจ้ ั ดการมรดกมิได้จัดทาบั ญชีภายในเวลาและตามแบบที่กาหนดไว้ หรื อถา้ บั ญชีนัน ้ ไมเ่ ป็ นที่ พอใจแกศ ่ าล เพราะความ
ประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง หรื อการทุจริ ต หรื อความไมส ่ ามารถ อั นเห็นประจั กษ์ของผูจ้ ั ดการมรดก ศาลจะถอนผูจ้ ั ดการมรดกเสียก็ได้
มาตรา ๑๗๓๒ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งจั ดการตามหน้าที่และทารายงานแสดงบั ญชีการจั ดการ
และแบง่ ปันมรดกใหเ้ สร็จภายในหนึ่ งปี นั บแตว่ ั นที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๑๗๒๘ เวน ้ แตผ่ ูท
้ าพินัยกรรม ทายาทโดย จานวนขา้ งมาก หรื อศาลจะ
ไดก ้ าหนดเวลาให ไว
้ ้เ ป็ น อย า
่ ่
งอื น
มาตรา ๑๗๓๓ การให้อนุ มัติ การปลดเปลื้องความรั บผิด หรื อขอ ้ ตกลงอื่น ๆ อั นเกี่ยวกับ รายงานแสดงบั ญชีการจั ดการมรดกดั งที่บัญญั ติ
ไวใ้ นมาตรา ๑๗๓๒ นั น ้ จะสมบูรณ์ตอ่ เมื่อรายงานแสดงบั ญชี นั น ้ ได้สง่ มอบลว่ งหน้าแกท ่ ายาทพร้อมด้วยเอกสารอั นเกี่ยวกับการนั น ้ ไมน
่ ้ อย
กวา่ สิบวั นกอ่ นแลว้
ลง
คดีเกี่ยวกับการจั ดการมรดกนั น ้ มิใหท ้ ายาทฟ้องเกินกวา่ หา้ ปี นั บแตก ่ ารจั ดการมรดกสิน ้ สุด หมวด ๒


เทา่ นั น
การรวบรวมจาหน่ายทรั พยม ์ รดกเป็ นตัวเงิน และการชาระหนี้ กับแบง่ ปันทรั พยม ์ รดก
มาตรา ๑๗๓๔ เจา้ หนี้ กองมรดกชอบแตจ่ ะได้รับการชาระหนี้ จากทรั พยส์ น ิ ในกองมรดก มาตรา ๑๗๓๕ ทายาทจาตอ ้ งบอกทรั พยม
์ รดกและ
หนี้ สินของผูต ้ ายตามที่ตนรู้ ทังหมดแก
้ ่
ผูจ้ ั ดการมรดก
มาตรา ๑๗๓๖ ตราบใดที่เจา้ หนี้ กองมรดก หรื อผูร้ ั บพินัยกรรมที่ปรากฏตัว ยั งไมไ่ ดร้ ั บชาระ หนี้ หรื อสว่ นไดต ้ ามพินัยกรรมแลว้ ทุกคน ให้
ถือวา่ ทรั พยม ์ รดกยั งคงอยูใ่ นระหวา่ งจั ดการ
ในระหวา่ งเวลาเชน ้ ผูจ้ ั ดการมรดกชอบที่จะทาการใด ๆ ในทางจั ดการตามที่จาเป็ นได้ เชน
่ วา่ นั น ่ ฟ้องคดีหรื อแก้ฟ้องในศาลและอื่น ๆ อนึ่ ง
ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งทาการทุกอยา่ งตามที่จาเป็ น เพื่อเรี ยกเก็บ หนี้ สินซึ่งคา้ งชาระอยูแ่ กก ่ องมรดกภายในเวลาอั นเร็วที่สุดที่จะทาได้ และเมื่อเจา้
หนี้ กองมรดกได้รับชาระหนี้ แลว้ ผูจ้ ั ดการมรดกตอ ้ งทาการแบง่ ปันมรดก
มาตรา ๑๗๓๗ เจา้ หนี้ กองมรดกจะบั งคั บสิทธิเรี ยกร้องตอ่ ทายาทคนใดก็ได้ แตถ ่ า้ มีผูจ้ ั ดการ มรดก ใหเ้ จา้ หนี้ เรี ยกเขา้ มาในคดีดว้ ย
มาตรา ๑๗๓๘ กอ ่ นแบ ง
่ มรดก เจ า
้ หนี ้ กองมรดกจะบั ง คั บชาระหนี ้ เต็
ม จานวนจากกองมรดก ก็ได้ ในกรณี เชน ่ นี้ ทายาทคนหนึ่ ง ๆ อาจ
เรี ยกให้ชาระหนี้ จากทรั พยม ์ รดกของเจา้ มรดก หรื อใหเ้ อาเป็ นประกั น ก็ได้จนถึงเวลาแบง่ มรดก
เมื่อแบง่ มรดกแลว้ เจา้ หนี้ อาจเรี ยกใหท ้ ายาทคนใดคนหนึ่ งชาระหนี้ ได้เพียงไมเ่ กินทรั พย ์ มรดกที่ทายาทคนนั น ้ ได้รับไป ในกรณี เชน ่ นี้
ทายาทคนใดซึ่งได้ชาระหนี้ แกเ่ จา้ หนี้ กองมรดกเกินกวา่ สว่ นที่ตน จะตอ ้ งเฉลี่ยใชห้ นี้ ทายาทคนนั น ิ ธิไลเ่ บี้ยจากทายาทคนอื่นได้
้ มีสท
มาตรา ๑๗๓๙ ให้ชาระหนี้ ที่กองมรดกคา้ งชาระตามลาดับตอ ่ ไปนี้ และตามบทบั ญญั ติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่ ด้วยบุริมสิทธิ โดยตอ ้ งไม่
เป็ นที่เสื่อมเสียแกบ ่ รรดาเจ า
้ หนี้ ผู ม
้ ี บ ุ ริ มสิ ทธิ พเ
ิ ศษตามประมวล กฎหมายนี้ หรื อกฎหมายอื่น และบรรดาเจา้ หนี้ ที่มีประกันโดยการจานาหรื อการ
จานอง
(๑) คา่ ใชจ้ า่ ยเพื่อประโยชน์อันร่วมกันของกองมรดก (๒) คา่ ใชจ้ า่ ยในการทาศพเจา้ มรดก
(๓) คา่ ภาษี อากรซึ่งกองมรดกคา้ งชาระอยู ่

(๔) คา่ จา้ งซึ่งเจา้ มรดกคา้ งชาระแกเ่ สมียน คนใชแ ้ ละคนงาน


(๕) คา่ เครื่ องอุปโภคบริ โภคอั นจาเป็ นประจาวั นซึ่งสง่ ใหแ ้ กเ่ จา้ มรดก (๖) หนี้ สินสามั ญของเจา้ มรดก
(๗) บาเหน็ จของผูจ้ ั ดการมรดก
มาตรา ๑๗๔๐ เวน ้ แตเ่ จา้ มรดกหรื อกฎหมายจะได้กาหนดไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น ให้จัดสรร ทรั พยส์ น ิ ของเจา้ มรดกเพื่อชาระหนี้ ตามลาดั บตอ่ ไปนี้
(๑) ทรั พยส์ น ิ นอกจากอสั งหาริ มทรั พย ์
เชน ้
่ นั น
(๒) อสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงจั ดสรรไวช้ ั ดแจง้ ในพินัยกรรมวา่ สาหรั บชาระหนี้ ถา้ หากวา่ มีทรั พยส์ น ิ
(๓) อสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงทายาทโดยธรรมชอบที่จะได้รับในฐานะเชน ้
่ นั น
(๔) อสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงเจา้ มรดกทาพินัยกรรมใหแ ้ กผ ้ นึ่ งโดยมีเงื่อนไขวา่ ผูน
่ ูใ้ ดผูห ้ งชาระ หนี้ ของเจา้ มรดก
้ ตอ
้ ัน
(๕) อสั งหาริ มทรั พยซ์ ่ึงเจา้ มรดกทาพินัยกรรมให้โดยลั กษณะทั ่วไปดังบั ญญั ติไวใ้ นมาตรา
๑๖๕๑
(๖) ทรั พยส์ น ิ เฉพาะอยา่ งซึ่งเจา้ มรดกทาพินัยกรรมใหโ้ ดยลั กษณะเฉพาะดังบั ญญั ติไวใ้ น มาตรา ๑๖๕๑
ทรั พยส์ น ิ อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ งซึ่งไดจ้ ั ดสรรไวต ้ ามความที่กลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน ้ นั น้ ใหเ้ อาออกขาย ทอดตลาด แตท ่ ายาทคนใดคนหนึ่ งอาจมิใหม ้ ี
การขายเชน ่ วา่ นั น้ ได้ โดยชาระราคาทรั พยส์ น ้ ทั งหมด
ิ นั น ้ หรื อแต่ บางสว่ นตามที่ผูต ้ ีราคาซึ่งศาลตั งขึ ้ ้ นได้กาหนดให้ จนพอแกจ่ านวนที่จะชา
ระหนี้ ให้แกเ่ จา้ หนี้
มาตรา ๑๗๔๑ เจา้ หนี้ กองมรดกคนใดคนหนึ่ ง จะคั ดคา้ นการขายทอดตลาดหรื อการตีราคา ทรั พยส์ ินดังร ะบุไวใ้ นม าตราก่ อน โ ดยเส
ียคา่ ใชจ้ า่ ยข องตน เองก็ ได้ ถา้ เจ้ าหนี้ ได้ร้ องคั ด ค้ านแลว้ ยั งได้กร ะท า
การขายทอดตลาด หรื อตีราคาไป จะยกการขายทอดตลาดหรื อตีราคานั น ้ ขึ้นยั นตอ ่ เจา้ หนี้ ผูร้ ้ องคั ดคา้ นแลว้ นั น ้ หาไดไ้ ม่
มาตรา ๑๗๔๒ ถา้ ในการชาระหนี้ ซึ่งคา้ งชาระอยูแ่ กต ่ น เจ า
้ หนี้ คนใดคนหนึ ่ งได ร
้ ั บตั ้
งใน ระหว า
่ งที่ ผู ต
้ ายมี ช ี วติ อยู ่ ใหเ้ ป็ นผูร้ ั บประโยชน์ใน
การประกันชีวต ิ เจา้ หนี้ คนนั น ้ ชอบที่จะได้รับเงินทั งหมด
้ ซึ่ง ได้ตกลงไวก ้ ับผูร้ ั บประกั น อนึ่ ง เจา้ หนี้ เชน ่ วา่ นั น ้ จาตอ ้ งสง่ เบี้ยประกันภัยคืน
เขา้ กองมรดกก็ตอ่ เมื่อเจา้ หนี้ คน อื่น ๆ พิสูจน์ได้วา่
(๑) การที่ผูต ้ ายชาระหนี้ ให้แกเ่ จา้ หนี้ โดยวิธีดังกลา่ วมานั น ้ เป็ นการขั ดตอ่ บทบั ญญั ติมาตรา ๒๓๗ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ และ
(๒) เบี้ยประกันภัยเชน ่ วา่ นั น้ เป็ นจานวนสูงเกินสว่ นเมื่อเทียบกับรายได้หรื อฐานะของผูต ้ าย

ถึงอยา่ งไรก็ดี เบี้ยประกันภัยซึ่งจะพึงสง่ คืนเขา้ กองมรดกนั น ้ ตอ้ งไมเ่ กินกวา่ จานวนเงินที่ผู้ รั บประกั นชาระให้
มาตรา ๑๗๔๓ ทายาทโดยธรรม หรื อผู ร้ ั บพินัยกรรมโดยลั กษณะทั ่วไปไมจ่ าตอ ้ งปฏิบัติตาม ขอ ้ กาหนดในพินัยกรรมลักษณะเฉพาะเกินกวา่
จานวนทรั พยม ์ รดกที่ตนได้รับ
มาตรา ๑๗๔๔ ผูจ้ ั ดการมรดกไมจ่ าตอ ้ งสง่ มอบทรั พยม ์ รดกหรื อสว่ นใดสว่ นหนึ่ งแหง่ ทรั พย ์ มรดกให้แกท ่ ายาทกอ ่ นปี หนึ่ งนั บแตว่ ั นที่เจา้
มรดกถึงแกค ่ วามตาย เวน ้ แตเ่ จา้ หนี้ กองมรดกและผูร้ ั บพินัยกรรม
ที่ปรากฏตัวได้รับชาระหนี้ และสว่ นได้ตามพินัยกรรมแลว้ ทุกคน
หมวด ๓ การแบง่ มรดก
มาตรา ๑๗๔๕ ถา้ มีทายาทหลายคน ทายาทเหลา่ นั น ้ มีสท ิ ธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรั พยม ์ รดก ร่วมกันจนกวา่ จะไดแ ้ บง่ มรดกกั นเสร็จแลว้ และ
ใหใ้ ชม ้ าตรา ๑๓๕๖ ถึงมาตรา ๑๓๖๖ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ บั งคั บ เพียงเทา่ ที่ไมข่ ั ดกับบทบั ญญั ติแหง่ บรรพนี้
มาตรา ๑๗๔๖ ภายใตบ ้ ั งคั บแหง่ กฎหมาย หรื อขอ ้ ความในพินัยกรรมถา้ หากมี ใหส ้ ั นนิ ษฐาน ไวก ้ อ ่ นวา่ ผูเ้ ป็ นทายาทด้วยกันมีสว่ นเทา่ กัน
ในกองมรดกที่ยังไมไ่ ด้แบง่
มาตรา ๑๗๔๗ การที่ทายาทคนใดได้รับทรั พยส์ น ิ อยา่ งหนึ่ งอยา่ งใด หรื อประโยชน์อยา่ งอื่น ใดจากเจา้ มรดกโดยการให้ หรื อโดยการอยา่ ง
อื่นใด ซึ่งทาใหโ้ ดยเสน่หาในระหวา่ งเวลาที่เจา้ มรดกยั งมีชีวต ิ อยู ่
้ หาทาใหส
นั น ้ ิ
ท ธิ ใ นการแบ ง่ ปั นทรั พย ม
์ รดกของทายาทคนนั ้ ตอ
น ้ งเสื่อมเสียไปแตโ่ ดยประการใดไม่
มาตร ๑๗๔๘ ทายาทคนใดครอบครองทรั พยม ์ รดกซึ่งยั งมิได้แบง่ กัน ทายาทคนนั น ้ มีสท ิ ธิท่ี จะเรี ยกร้องให้แบง่ ทรั พยม ์ รดกนั น ้ ได้ แมว้ า่ จะ
ลว่ งพน ้ กาหนดอายุความตามมาตรา ๑๗๕๔ แลว้ ก็ดี
สิทธิท่ีจะเรี ยกให้แบง่ ทรั พยม ์ รดกตามวรรคกอ ่ น จะตัดโดยนิ ติกรรมเกินคราวละสิบปี ไมไ่ ด้
มาตรา ๑๗๔๙ ถา้ มีคดีฟ้องเรี ยกทรั พยม ์ รดก ผูซ ้ ่ึงอา้ งวา่ ตนเป็ นทายาทมีสท ิ ธิในทรั พยม ์ รดก นั น ้ จะร้องสอดเขา้ มาในคดีกไ็ ด้
แตศ ่ าลจะเรี ย กทายาทอื ่ น นอกจากคู ค
่ วาม หรื อผู ร
้้ อ งสอด ให เ ข
้ ้ า มารั บส ว
่ นแบ ง
่ หรื อกันส ว
่ น แห ง่ ทรั พยม ์ รดกไวเ้ พื่อทายาทอื่นนั น ้ ไมไ่ ด้

มาตรา ๑๗๕๐ การแบง่ ปันทรั พยม ์ รดกนั น ้ อาจทาได้โดยทายาทตา่ งเขา้ ครอบครอง ทรั พยส์ น ิ เป็ นสว่ นสั ด หรื อโดยการขายทรั พยม ์ รดก
แลว้ เอาเงินที่ขายได้มาแบง่ ปันกันระหวา่ งทายาท
ถา้ การแบง่ ปันมิได้เป็ นไปตามวรรคก่อน แตไ่ ด้ทาโดยสั ญญา จะฟ้องร้องให้บังคั บคดีหาได้ไม่ เวน ้ แตจ่ ะมีหลั กฐานเป็ นหนั งสืออยา่ งหนึ่ งอยา่ ง
ใด ลงลายมือชือฝ่ายทีตอ ่ ่ ้
้ งรั บผิดหรื อตัวแทนของฝ่ายนั นเป็ น สาคั ญ ในกรณี เชน ่ นี ให้นามาตรา ๘๕๐, ๘๕๒ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ วา่

ดว้ ยประนี ประนอมยอมความมาใช้ บั งคั บโดยอนุ โลม
มาตรา ๑๗๕๑ ภายหลั งที่ไดแ ้ บง่ มรดกกันแลว้ ถา้ ทรั พยส์ น ้
ิ ทั งหมดหรื อบางสว่ น ซึ่ง ทายาทคนใดคนหนึ่ งไดร้ ั บตามสว่ นแบง่ ปันนั น ้ หลุด
มือไปจากทายาทคนนั น ้ เนื่ องจากการรอนสิทธิ ทายาทคน อื่น ๆ จาตอ ้ งใชค้ า่ ทดแทน
หนี้ เชน ้ เป็ นอั นระงั บเมื่อมีการตกลงกันไวเ้ ป็ นอยา่ งอื่น หรื อการรอนสิทธิเป็ นผล เนื่ องมาจากความผิดของทายาทผู ถ
่ วา่ นั น ้ ูกรอนสิทธิ หรื อ
เนื่ องมาจากเหตุซ่ึงเกิดขึ้นภายหลั งการแบง่ ปัน
ทายาทคนอื่น ๆ ตอ ้ งใชค ้ า่ ทดแทนให้แกท ่ ายาทผูถ ้ ูกรอนสิทธิตามสว่ นแหง่ สว่ นแบง่ ของตน แตใ่ ห้หักจานวนที่เป็ นสว่ นเฉลี่ย ซึ่งทายาทผูถ ้ ูก
รอนสิทธิจะตอ ้ งออกกั บเขาด ว
้ ยนั ้
น ออกเสี ย แต ถ
่ ้า ทายาทคนใด คนหนึ่ งเป็ นคนหนี้ สินลน ้ ตัว ทายาทคนอื่น ๆ ตอ
้ พน ้ งรั บผิดในสว่ นของ
ทายาทคนนั น ้ ตามสว่ นเฉลี่ยเชน ่ เดียวกัน แตใ่ หห ้ ักจานวนที่เป็ นสว่ นเฉลี่ยซึ่งทายาทผูท ้ ่ีจะไดร้ ั บคา่ ทดแทนจะตอ ้ งออกแทนทายาทผูท ้ ่ีมีหนี้ สิน
ลน ้ พน ้ ตัว นั น ้ ออกเสีย
บทบั ญญั ติในวรรคกอ ่ น ๆ มิให้ใชบ ้ ั งคั บแกผ ่ ูร้ ั บพินัยกรรมลั กษณะเฉพาะ
มาตรา ๑๗๕๒ คดีฟ้องให้รับผิดเนื่ องจากการรอนสิทธิตามมาตรา ๑๗๕๑ นั น ้ มิให้ฟ้องเมื่อ พน ้ กาหนดสามเดือนนั บแตเ่ มื่อถูกรอนสิทธิ
ลั กษณะ ๕ มรดกทีไมม ่ ่ ีผูร้ ั บ
มาตรา ๑๗๕๓ ภายใตบ ้ ั งคั บแหง่ สิทธิของเจา้ หนี้ กองมรดก เมื่อบุคคลใดถึงแกค ่ วามตายโดย ไมม ่ ีทายาทโดยธรรมหรื อผู ร้ ั บพินัยกรรม หรื อ
การตั งมู ้ ลนิ ธิตามพินัยกรรม มรดกของบุคคลนั น ้ ตกทอดแก่ แผน ่ ดิ น
ลั กษณะ ๖ อายุความ

มาตรา ๑๗๕๔ ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพน ้ กาหนดหนึ่ งปี นั บแตเ่ มื่อเจา้ มรดกตาย หรื อนั บ แตเ่ มื่อทายาทโดยธรรมได้รู้ หรื อควรได้รู้
ถึงความตายของเจา้ มรดก
คดีฟ้องเรี ยกตามขอ ้ กาหนดหนึ่ งปี นั บแตเ่ มื่อผูร้ ั บ พินัยกรรมได้รู้หรื อควรได้รู้ถึงสิทธิซ่ึงตนมีอยูต
้ กาหนดพินัยกรรม มิให้ฟ้องเมื่อพน ่ าม
พินัยกรรม
ภายใตบ ้ ั งคั บแหง่ มาตรา ๑๙๓/๒๗ แหง่ ประมวลกฎหมายนี้ ถา้ สิทธิเรี ยกร้องของเจา้ หนี้ อั นมี ตอ่ เจา้ มรดกมีกาหนดอายุความยาวกวา่ หนึ่ งปี
้ ฟ้องร้องเมื่อพน
มิใหเ้ จา้ หนี้ นั น ้ กาหนดหนึ่ งปี นั บแตเ่ มื่อเจา้ หนี้ ได้
รู้ หรื อควรไดร้ ู้ ถึงความตายของเจา้ มรดก
ถึงอยา่ งไรก็ดี สิทธิเรี ยกร้องตามที่วา่ มาในวรรคกอ ่ น ๆ นั น ้ มิใหฟ้ ้ องร้องเมื่อพน
้ กาหนดสิบปี
นั บแตเ่ มื่อเจา้ มรดกตาย
[เลขมาตรา ๑๙๓/๒๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบั ญญั ติให้ใชบ ้ ทบั ญญั ติ
บรรพ ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิ ชยท ์ ่ีได้ตรวจชาระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๗๕๕ อายุความหนึ่ งปี นั น ้ จะยกขึ้นตอ่ สู ไ้ ด้กแ ็ ตโ่ ดยบุคคลซึ่งเป็ นทายาท หรื อ บุคคลซึ่งชอบที่จะใชส ิ ธิของทายาท หรื อโดยผู ้
้ ท
จั ดการมรดก

You might also like