Professional Documents
Culture Documents
Dig- การสื่อสารป้องกันภัยพิบัติ
Dig- การสื่อสารป้องกันภัยพิบัติ
จัดทำาโดย
นายสุระชัย ชูผกา
เลขทะเบียน 5007300030
เสนอ
ความนำ า
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural Disaster) เป็ นสิ่งที่สร้าง
ความสูญเสียทัง้ ชีวิตและทรัพยสินให้กับมนุษย์อย่างมาก และ
ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกับตนแต่ก็เป็ นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
เช่นกัน ที่ผ่านมาหลายฝ่ ายพยายามหาทางป้ องกันภัยและวาง
ระบบเตือนภัยกันอย่างขนานใหญ่ ทัง้ ใช้กำาลังคน เจ้าหน้ าที่ภาค
3
อาจให้โจทย์ภย
ั พิบัติ หรือผู้เข้าร่วมสัมมนาร่วมกันกำาหนดโจทย์
ว่าหากเกิดภัยพิบัติประเภทต่างๆ จะมีโอกาสเกิดขึ้นที่ใด
ลักษณะใด ตามแผนที่ที่กำาหนด
3. ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันจินตนาการตามว่า หากเกิด
ภาวะภัยพิบัติลักษณะข้างต้นแล้วจะมีผลกระทบต่อส่วนกลาง ๆ
ไม่ว่าจะเป็ นถนนหนทาง ระบบไฟฟ้ า ประปา อาคารสถานที่หลัก
ต่างๆ อย่างไรบ้าง ทัง้ ขณะเกิดเหตุการณ์ และหลังจากเกิด
เหตุการณ์ เมื่อได้ข้อสรุปจึงเขียนข้อความนั น
้ ๆ แล้วนำ าไปติดกับ
ป้ ายสถานที่สำาคัญเหล่านั น
้ ในแผนที่
4. สมาชิกร่วมกันจินตนาการต่อเนื่ องว่า การแก้ไขปั ญหา
หรือบรรเทาปั ญหาอันเนื่ องมาจากภาวะภัยพิบัติดังกล่าว จะทำาได้
อย่างไรบ้าง มีทางเลือกอะไรบ้าง อาทิ รวมถึงการกำาหนดเส้น
ทางอพยพ เส้นทางหนี ภัย ศูนย์กลางในการรวมตัวของชุมชน ที่
สอดคล้องกับสถานการณ์จำาลองที่ได้ระบุไว้ก่อนหน้ านี้ เช่นหาก
สะพานขาด เส้นทางใดเป็ นเส้นทางสำารอง แล้วระบุไว้ในแผนที่
ให้ชัดเจน
5. เมื่อแต่ละกลุ่มจัดทำาเสร็จแล้วให้นำาเสนอร่วมกันทัง้ หมด
โดยยึดตามแผนที่ของแต่ละกลุ่ม โดยวิทยากรอาจกระตุ้นให้
กลุ่มต่างๆ พยายามเชื่อมร้อยสภาพการณ์และแนวทางแก้ไขร่วม
กันภายใต้กรอบของแผนที่เดียวกัน อันนำ าไปสู่การพัฒนาเป็ น
หลักปฏิบัติหรือข้อพึงระวัง และเป็ นข้อเสนอแนะต่อฝ่ ายต่างๆ
ร่วมกัน
8
ชุดคำาถามหลักสำาหรับเทคนิ ค DIG
ผู้ดำาเนิ นการสัมมนากลางสามารถกำาหนดคำาถามร่วมให้กับ
กลุ่มต่างๆ ต้องระดมสมองช่วยกันคิด หาคำาตอบก่อนที่จะนำ ามา
3
http://www.hyogo-c.ed.jp/~maiko-hs เข้าเมื่อ 12 ก.ย. 2550.
10
หาข้อสรุปร่วมกันระหว่างกลุ่มในขัน
้ ตอนสุดท้ายที่สามารถได้เป็ น
แนวปฏิบัติการร่วม หรือข้อเสนอต่อฝ่ ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อัน
ประกอบคำาถาม 2 ระดับ
1. ช่ดคำาถามสำาหรับการเตรียมพร้อมกุอนเกิดภัยพิบัติ
• อะไรคือปั ญหาใหญ่ที่สุดสำาหรับชุมชนหลังเกิดเหตุภัย
พิบัติ เพราะเหตุใด
• แนวทางการแก้ไขปั ญหาดังกล่าวควรเป็ นอย่างไร
เพราะเหตุใด
• สิ่งจำาเป็ นสำาหรับชุมชนในเวลานั น
้ และหลังจากนั น
้ คือ
อะไร เพราะอะไร
• ใครควรรับผิดชอบในการเตรียมการสิ่งต่างๆ เหล่านั น
้
ที่ไหนอย่างไร
• ในระดับบุคคลและครอบครัวควรเตรียมพร้อมรับมือ
อย่างไร
2. ช่ดคำาถามสำาหรับการจัดการภายหลังการเกิดภัยพิบัติ
ได้แกุ
• ถนนเส้นไหนควรได้รับการซ่อมแซมอันดับแรก
เพราะเหตุใด
• อาคาร สถานที่ใดควรหลีกให้ห่างมากที่สุด เพราะเหตุ
ใด
11
• พื้นที่โล่งหรือสถานที่ใดเหมาะที่ใช้เป็ นพื้นกลาง
บรรเทาช่วยเหลือ เพราะเหตุใด
• ใครควรทำาหน้ าที่ในการกระจายข่าวสารสู่สาธารณชน
เพราะเหตุใด
• ใครควรทำาหน้ าที่ผู้ประสานงาน และศูนย์ประสานงาน
ควรอยู่ที่ใด เพราะเหตุใด
• รัฐบาลกลางและองค์กรปกครองท้องถิ่นควรให้ความ
ช่วยเหลือเรื่องอะไรบ้าง
1. DIG กับยุทธวิธีการสื่อสารนวัตกรรม(Diffusion of
Innovation)
การนำ าเอากลยุทธ์ DIG ไปนำ าเสนอใช้กับคนกลุ่มต่างๆ โดย
เฉพาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย นั บได้ว่าเป็ นการนำ าเสนอสิ่ง
ใหม่เพื่อการวางแนวปฏิบัติใหม่ให้ประโยชน์ ของชุมชนนั น
้ ๆ อัน
ถือว่าเป็ นการสื่อสารนวัตกรรมประการหนึ่ ง เพราะการสื่อสาร
นวัตกรรมคือการเผยแพร่ความคิดใหม่ การปฏิบัติใหม่ ให้
สมาชิกได้ยอมรับและนำ าไปปฏิบัติ โดยต้องมีการปรับตัวเนื้ อหา
ให้มีความเหมาะสมเพื่อการรับสิ่งใหม่ ซึ่งแนวทาง DIG ก็มีวิธี
4
การที่สอดคล้องกับแนวทางการกำาหนดเนื้ อหาตามหลักการ
สื่อสารนวัตกรรมเช่นกัน กล่าวคือ
1.1 การสื่อสารนวัตกรรมต้องบอกถึงประโยชน์ ที่มีมากขึ้นให้
สมาชิกได้รับรู้ (Relative Advantage) ซึ่ง DIG ได้ชี้จุด
นี้ไว้ในส่วนเริ่มต้นที่ให้มีการนำ าเสนอเกี่ยวกับข้อมูลภัย
พิบัติในพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่มีการเตรียมการหรือวางแผน
ป้ องกันภัยมาก่อนทำาให้ผู้เข้าร่วมเห็นประโยชน์ ตรงกัน
ในการยอมรับแนวทางของ DIG
4
เสถียร เชยประทับ. การสื่อสารนวกรรม. นิ เทศศาสตร์จุฬา. เอกสารเย็บเล่ม หน้ า. 39-45.
13
กำาหนดทำาแผนที่ชุมชนของตามความเข้าใจของตนอัน
ใช้เป็ นฐานในการสื่อสารตลอดกิจกรรมสัมมนาของ DIG
มิได้นำาเอาแผนที่ภายนอกการบรรยายจากวิทยาการข้าง
นอกเป็ นสำาคัญ แต่ให้คนในพื้นที่ได้มีโอกาสร่วมแลก
เปลี่ยนเป็ นหลักจึงสอดคล้องกับวิถีของชุมชนอย่าง
แท้จริง
สามารถสร้างความตื่นตัวให้กับผู้รับสารได้เป็ นอย่างมี
ประสิทธิภาพ
2. DIG กับยุทธวิธีการสื่อสารโน้ มน้ าวใจให้เกิดการลู่
เข้า
ลักษณะของ DIG นั น
้ ไม่เพียงเป็ นไปตามแนวทางของการ
สื่อสารนวัตกรรม หาแต่ยังสอดคล้องกับหลักการสื่อสารในอีก
หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารเพื่อการโน้ มน้ าวใจ
(Persuasive communication) กล่าวคือ
5
ทางคำาพูดเท่านั น
้ ซึ่งเป็ นการหนุนนำ าให้เกิดการจดจำา
(Retention) ยำ้าเตือนได้ชัดเจนเห็นชัดจนเมื่อเกิดเหตุการณ์
ภัยพิบัติข้ ึนจริงก็สามารถกระทำา (Action) ได้จริง เพราะได้
เคยทดลองศึกษามากับมือตนแล้ว
2.3 ยิ่งไปกว่านั น
้ การที่ DIG เน้ นให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาปฏิบัติ
การนี้ร่วมเรียนรู้ร่วมกันด้วยการถกเถียง แลกเปลี่ยนหารือ
ผ่านสื่อกลางอย่างแผนที่และแผ่นใส่ที่ใช้ซ้อนทับ ตลอดจน
นำ ามาอภิปรายสรุปร่วมกันระหว่างกลุ่มแทนการประกวด
แข่งขันความเหนื อกว่าของแต่ละกลุ่มนั บได้ว่าเป็ นกลยุทธ์
ของการสื่อสารเชิงลู่เข้า (The convergence) ที่ทำาให้
คนในชุมชนได้เข้ามาสามัคคีใกล้ชิดเพื่อเตรียมการป้ องกัน
ภัยภายใต้ความเข้าใจและความตกลงปงใจร่วมกัน
(Mutual Agreement)
จากที่กล่าวมานี้เห็นได้ว่าการสื่อสารด้วยกลวิธีดัง
กล่าวของ DIG ย่อมทำาให้เกิดการยอมรับในกลุ่มของ
ตนเองในการแสวงหาทางออกเพื่อการป้ องกันภัยพิบัติร่วม
กัน อันสามารถกำาหนดออกมาเป็ นนโยบายร่วมหรือการ
ตกลงกระทำาร่วมกัน (Collective Acting) ในยามที่ต้อง
เผชิญหน้ ากับภาวะภัยพิบัติแทนการหาทางเอารอดราย
บุคคล
17
3. DIG กับยุทธวิธีการสื่อสารภายในบุคคล
เมื่อพิจารณาลึกลงไปแล้วพบว่า DIG แท้ที่จริงแล้วนั บว่า
เป็ นการสร้างประสิทธิภาพการสื่อสารภายในตัวบุคคล (Intra-
personnel communication) เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญหน้ ากับ
ภาวะภัยพิบัติที่เป็ นสิ่งเร้าภายนอกมาตกกระทบเป็ นสิ่งเร้า
ภายในตัวบุคคล และส่งผลต่อความรู้สึกนึ กคิดในจิตใจของคน
สอดคล้องกับแนวคิดการสื่อสารภายในบุคคลของ Barker-
Wiseman ดังนี้
6
กิจกรรมไม่ได้ปล่อยให้ความหวาดกลัวของผู้เข้าร่วมอันเกิด
จากการได้ชมหรือรับทราบข้อมูลภัยพิบัติเป็ นไปอย่างไร้
ทิศทาง เพราะหลังจากนั น
้ ได้กำาหนดให้ผู้เข้าร่วมต้องร่วม
กันกำาหนดแผนที่ของชุมชนตนว่ามีสิ่งใดอยู่แห่งใด และขัน
้
ต่อไปหากเกิดภัยด้านต่างๆ จะมีผลกระทบต่อส่วนใดโดย
ให้แสดงลงไปในแผ่นใสซ้อนทับ อันเป็ นการจัดระเบียบการ
รับรู้ข่าวสาร และการหนุนให้ค่อยๆ ถอดรหัสอย่างเป็ นขัน
้
ตอนโดยไม่ให้ความตื่นกลัวสับสน (Panic) มาทำาให้การรับ
สารอลหม่าน
เป็ นการกระตุ้นให้คนที่เข้าร่วมมี
จินตนการถึงผลได้ที่มากกว่าโอกาสแห่งความพ่ายแพ้ (The
Positive sum game) อันแรงจูงใจให้ทุกคนเข้าร่วมอย่าง
จริงจังในการกระทำาการต่างๆ เรื่องนี้ร่วมกัน
ทัง้ นี้เพราะตามหลักการของทฤษฎีเกมนั น
้ หากคน
เรารู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสแพ้มากกว่าจะชนะ (The loss
more than the winning)ก็จะไม่เข้าร่วมหรืออาจวางเฉย
หรือเรียกว่าเป็ น Negative sum game แต่หากคิดว่าตนมี
โอกาสชนะมากกว่าก็จะกลายเป็ น The Positive sum
game แต่ถ้าโอกาสชนะกับแพ้มีเท่ากันก็เป็ นเกมที่เรียกว่า
Zero sum game
7
William A. Mc Eachern. Economic : A contemporary Introducation 3rd ed. 1994 Ohio. South-Western
Publishing Co. pp. 763.
20
ในขัน
้ ตอนของ DIG ชี้ตัง้ แต่ต้นว่า หากไม่มีการเตรี
ยมตัวหรือร่วมมือกันวางแผน ทุกฝ่ ายในชุมชนแม้จะไม่
โดนภัยพิบัติโดยตรงก็อาจเป็ นผู้สูญเสียทรัพย์สิน โอกาส
และสูญเสียวิถีชีวิตอันสงบสุข พร้อมต้องเผชิญหน้ ากับ
ภาวะยากลำาบากยุ่งเหยิ่งหลังเหตุการณ์ แต่หากวางระบบไว้
ให้มีประสิทธิภาพไม่เพียงตัวบุคคลสามารถรอดพ้นภัยแต่
ชุมชนยังมีโอกาสเป็ นผู้ชนะในหลายลักษณะ แต่หากไม่
เตรียมการย่อมมีโอกาสเป็ นผู้แพ้หรือผู้สูญเสียทัง้ หมดก็ได้
จากจุดนั น
้ เองจึงทำาให้DIG สามารถใช้หลักการของ
การวางเงื่อนไขเพื่อสร้างการตอบสนองได้อย่างเป็ นจริงเป็ น
จัง ตามแนวทาง Classical Conditioning ของ Ivan P.
Pavlov ซึ่งเน้ นการวางเงื่อนเพื่อสร้างแรงกระตุ้น
8
ข้ามเกณฑ์ทางสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมได้ ซึ่งสามารถ
แสดงความสัมพันธ์ได้ดังรูปแบบต่อไปนี้
Disaster
Learning
Community
Positive Sum Watching/
Game, cost Mapping
benefit Conditioned
Diffusion of Disaster
Innovation circumstance
Power of
Persuasive Imagination
Communication Disaster
Intra-personnel/ Preparedness
Human
Communication Convergence
Communication
Mutual Benefit
จากแผนภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงหลักการที่เดินไป
ควบคู่กับหลักคิดจากกิจกรรม DIG ที่สามารถทำาให้ชุมชนและ
ปั จเจกบุคคลสามารถเผชิญหน้ ากับความเสี่ยงต่อภัยพิบัติได้อย่าง
มีประสิทธิภาพมากขึ้น อันเริ่มจากการที่คนในชุมชนหนึ่ งๆ เข้า
ร่วมเรียนรู้ถึงปั ญหาภัยพิบัติที่มีโอกาสเกิดขึ้นในชุมชนของตน
23
อาศัยจินตนาการของตนเองในการค้นหาและแสวงหาทางตัวรอด
จากความเสี่ยงเหล่านั น
้
กลยุทธ์ DIG นั บเป็ นกลวิธีที่ใช้การสื่อสารในลักษณะต่างๆ
เข้าไปกระตุ้นให้ผู้คนมีจินตนการเพื่อแสวงหาทางเลือกในการ
เผชิญหน้ ากับความเสี่ยงอย่างเป็ นระบบภายใต้หลักการวาง
เงื่อนไขตัง้ แต่การเข้าสู่Game อย่าง Positive Sum Game ไป
จนกระทัง่ ได้ทางเลือกเพื่อกำาหนดเป็ นเงื่อนไขสิ่งเร้าใหม่ที่ให้
ความมัน
่ ใจกับปั จเจกบุคคล และต่อชุมชนในการเผชิญหน้ ากับ
ความไม่แน่ นอนของภัยพิบัติต่างๆ ด้วยความแน่ นอน ผ่านพลัง
9
Simon Thompson. Trust, Risk and Identity. Trust Risk and Uncertainty. Edited y Sean Watson and
Anthony Moran. 2005: Great Britain. Palograve Macmillan. Pp.27-29.
25