Professional Documents
Culture Documents
ข้อเรียกร้องต่อการแสดงความรับผิดชอบภายใต้พันธกรณีระหว่าง
ประเทศ
ที่ประเทศไทยมีภาระหน้าที่ในการนําตัวฆาตกรเข้าสู่กระบวนการ
ยุติธรรม
ประเทศไทยมีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และ
พันธกรณีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights -
ICCPR) ในการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงทั้งหลาย
ที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง รวมถึงต้องดําเนินคดีกับ
เจ้าหน้าทีท ่ หารและพลเรือนซึง่ อยูภ
่ ายใต้สายการบังคับบัญชาสําหรับ
อาชญากรรมอย่างการสังหารพลเรือนกว่า 80 รายโดยพลการและ
ตามอําเภอใจในกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
ด้วย ข้อเท็จจริงต่างๆ ปรากฏอย่างชัดเจนว่ามีการละเมิดกฎหมาย
ระหว่างประเทศด้วยการใช้กองกําลังทหารอย่างเกินความจําเป็น มี
การกักขังโดยพลการต่อเนื่องเป็นเวลานาน และการทําให้หาย
สาบสูญ และยังมีระบบการประหัตประหารทางการเมืองที่ปฏิเสธ
เสรีภาพในการมีส่วนร่วมทางการเมืองและในการแสดงออกของ
พลเมือง รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดง มีหลักฐานว่ามีการละเมิดสิทธิ
มนุษยชนอย่างร้ายแรงเพียงพอที่จะดําเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง
อย่างเป็นอิสระและเป็นกลาง เพื่อที่ผู้ที่กระทําความผิดกฎหมาย
อาญาระหว่างประเทศจะถูกนําตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ การใช้กองกําลังทหารในการปราบปรามกลุ่มคน
เสือ
้ แดงในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ยังจัดเป็นการประทุษร้าย
ประชาชนพลเรือนอย่างเป็นระบบและเป็นวงกว้าง ซึง่ อาจเข้าข่าย
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญา
ระหว่างประเทศซึ่งกําหนดให้จัดตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศในกรุง
เฮกอีกด้วย แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้ให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุง
โรมฯ แต่การโจมตีเช่นนี้ก็อาจจะเป็นเหตุเพียงพอให้ได้รับการ
พิจารณาให้เข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศได้หาก
เป็นการดําเนินการโดยรู้ถึงการกระทํานั้นภายใต้นโยบายที่ยอมให้
เกิดหรือสนับสนุนให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตโดยไม่จําเป็น หรือเป็น
นโยบายทีอ ่ อกแบบมาเพือ ่ โจมตีกลุม่ ทางการเมืองทีเ่ ฉพาะเจาะจง
กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มีหลักฐานมากมายทีช ่ ว
้ี า
่ แผนต่อต้านคนเสือ้ แดงที่
ดําเนินมาเป็นระยะเวลา 4 ปีนน ้ั กําลังดําเนินการอยูใ่ นปัจจุบน
ั ภายใต้
นโยบายที่รับรองโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ และการสังหารหมู่คนเสื้อแดงที่
เพิ่งผ่านมาก็เป็นเพียงการปฏิบัติตามนโยบายนโยบายดังกล่าวครั้ง
ล่าสุดเท่านัน
้
ท้ายที่สุด การสืบสวนเหตุการณ์สังหารหมู่คนเสื้อแดงในเดือน
เมษายน- พฤษภาคมทีร่ ฐ ั บาลตัง้ ใจจะทํานัน
้ ปรากฏแล้วว่าทัง้ ไม่เป็น
อิสระและไม่เป็นกลางตามที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศกําหนดไว้
ในขณะที่ประเทศไทยอาจมีความผิดเพิ่มเติมกรณีการละเมิดกติกา
ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง (ICCPR) และ
กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ จากที่ไม่ดูแลให้มีการสืบสวน
การสังหารหมู่อย่างเป็นธรรมและสมบูรณ์ การกดดันจากนานาชาติ
จึงเป็นสิ่งจําเป็นเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และเพื่อป้องกันความพยายามในการฟอกตัวเองจากเหตุการณ์ดัง
กล่าวที่กําลังดําเนินอยู่ของรัฐบาล
ความจริงที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ก็คือประเทศไทยควรจะก้าวให้พ้น
ความรุนแรง และจะต้องดําเนินการเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ แต่
ทว่าความสมานฉันท์นั้นจําเป็นต้องเริ่มด้วยการคืนสิทธิขั้นพื้นฐาน
ของประชาชนในการปกครองตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นการที่จะทําให้มี
การสมานฉันท์ จะต้องมีการดําเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ผู้ที่สั่ง
การให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงที่กระทําไปเพื่อยับยั้ง
สิทธิในการปกครองตนเองนั้นต้องรับผิด กฎหมายระหว่างประเทศ
กําหนดไว้ว่าไม่อาจยอมรับสิ่งที่น้อยไปกว่านี้ได้
สารบัญ
บทนํา
………………………………………………………………………
……………7
เส้นทางไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
ตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
……………………………………………………16
การขึ้นสู่อํานาจของพรรคไทยรักไทย
……………………………………………….20
ถนนสู่การปฏิวัติ 2549
…………………………………………………………..........27
การฟื้นฟูระบอบอํามาตยาธิปไตยอย่างผิด
กฎหมาย............................................33
5.1 การยึดอํานาจโดยทหาร
……………………………………………………………..34
5.2 ระเบียบรัฐธรรมนูญใหม่
……………………………………………………………..37
5.3 การยุบพรรคไทยรักไทย
………………………………………………………………
40
5.4 การรัฐประหารทางศาลและเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ถูกจัด
ตั้งขึ้น …………………..42
ฤดูร้อนสีดําของประเทศไทย: การสังหารหมู่คนเสื้อ
แดง………………………………52
6.1 คนเสื้อแดงต้องการอะไร
……………………………………………………………...52
6.2 มาตรการอันผิดกฎหมายของการรณรงค์ประหัตประหาร
และความรุนแรง ………….56
6.3 บดขยีค้ นเสือ ้ แดง
………………………………………………………………
……..61
6.4 มาตรฐานสากลว่าด้วยการใช้กําลัง
…………………………………………………..66
ฤดูกาลใหม่ของการปกครองโดย
ทหาร………………………………………………..70
7.1 พระราชบัญญัติความมั่นคงภายใน
…………………………………………………..71
7.2 การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
……………………………………………………...73
7.3 การควบคุมข้อมูลข่าวสาร
…………………………………………………………….75
7.4 เสื้อแดงนะหรือคือผู้ก่อการร้าย
……………………………………………………….76
ข้อเรียกร้องหาความ
ยุติธรรม……………………………………………………………
84
8.1 หน้าที่ในการสืบสวนและหาผู้กระทําความผิดของ
ประเทศไทย ………………………84
8.2 การสังหารโดยพลการและตามอําเภอใจ: การละเมิดสิทธิ
มนุษยชนที่ร้ายแรงอื่นๆ …..87
8.3 การประหัตประหารทางการเมือง
……………………………………………………...90
8.4 อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
……………………………………………………………94
8.5 หลักฐานเรื่องการพยายามปกปิด
……………………………………………………..99
8.6 ความเป็นธรรมสําหรับผู้ถูกกล่าวหา
…………………………………………………..104
บทสรุป : หนทางเดียวสู่ความปรองดอง
………………………………………………….106
บทนํา
พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองแรกในประวัติศาสตร์ไทย
ที่ได้รับความนิยมสูงสุดให้มาปกครองประเทศ อันเป็นการไปขัดขวาง
ธรรมเนียมปฏิบต ั อ
ิ น
ั ยาวนานทีร่ ฐ ั บาลผสมทีอ ่ อ
่ นแอจะได้เข้ามารับใช้
ตามอําเภอใจของกลุม ่ อํานาจเก่า ด้วยการเสริมอํานาจของฐานเสียง
ทีถ
่ ก
ู เบียดขับไปอยูช ่ ายขอบของชีวต ิ ทางการเมืองของประเทศมา
ยาวนาน พรรคไทยรักไทยได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในระดับ
ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทําให้พรรคฯ รูส ้ ก
ึ ว่าไม่จา
ํ เป็นต้องสยบยอมมอบ
อํานาจใดๆ ที่รัฐธรรมนูญได้มีให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งแก่พวกกลุ่ม
อํานาจเก่า การบริหารจัดการของพรรคฯ จึงเป็นไปเพื่อยืนยันการ
ควบคุมกระบวนการกําหนดนโยบาย การให้ทหารอยู่ภายใต้การ
ควบคุมของพลเรือน และการทําลายเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ทส ่ี มาชิก
อันทรงอํานาจของคณะองคมนตรีได้ใช้อท ิ ธิพลของตนเหนือ
ข้าราชการ ระบบตุลาการ และกองกําลังทหาร ทั้งสองด้านของ
นโยบายเศรษฐกิจแบบคูข ่ นาน (dual track) ที่รัฐบาลไทยรักไทยได้
ดําเนินการอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเสียงข้างมากในสภานั้น ยิ่งทําให้
บรรดานักธุรกิจชั้นนําในกรุงเทพฯ ถอนการสนับสนุนทักษิณ ในขณะ
ที่นโยบายเปิดตลาดเสรีของพรรคไทยรักไทยได้ทําให้กลุ่มธุรกิจ
ขนาดใหญ่ที่อิงกลุ่มอํานาจเก่าต้องมีการแข่งขันมากขึ้น ความนิยมที่
มีต่อโครงการต่างๆ ทีต ่ อบสนองต่อความจําเป็นของเกษตรกรในต่าง
จังหวัดและคนจนเมืองก็ทา ํ ให้รฐ
ั บาลยืนหยัดต่อแรงกดดันทีม ่ าจาก
กลุม
่ ตัวละครหลักๆ ของกลุม
่ อํานาจเก่าไว้ได้
เมือ
่ ไม่สามารถจะขจัดหรือบัน
่ ทอนรัฐบาลทีม
่ าจากการเลือกตัง้
ได้ด้วยวิธีใดๆ ทหารจึงใช้ยุทธวิธีในการยกขบวนรถถังและกอง
กําลังพิเศษเข้ามาทวงประเทศคืนจากตัวแทนของประชาชน
หลังจากการรัฐประหารเป็นต้นมา พวกกลุ่มอํานาจเก่าก็ได้
พยายามที่จะรวบรวมอํานาจทางการเมืองของตน ในขณะเดียวกันก็
ถอยไปซ่อนตัวอยูห ่ ลังฉากทีส
่ ร้างภาพว่าเป็นประชาธิปไตยแบบมี
รัฐธรรมนูญ กลุ่มอํานาจเก่าได้ใช้การรณรงค์อย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อ
กําจัดพรรคไทยรักไทยออกจากพื้นที่ทางการเมืองไทย เพือ ่ ให้มน
่ั ใจ
ได้วา ่ จะกลับไปสูก
่ ารมีรฐั บาลอ่อนแอทีย ่ อมรับใช้ผลประโยชน์ของ
กลุม่ อํานาจเก่า เมื่อแผนนี้ไม่สําเร็จ กลุ่มอํานาจเก่าจึงต้องหันไปพึ่ง
ฝ่ายตุลาการที่ถูกทําให้เข้ามามีส่วนพัวพันทางการเมืองอย่างมาก
และได้รบ ั อํานาจตามรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ. 2550 ให้สามารถล้มผล
การเลือกตั้งที่ดําเนินอย่างเสรีได้ เพียงเพื่อทําให้การกําจัดรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งนั้นดูเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ด้วยการครอบงําศาล และด้วยความสําเร็จบางส่วนในการ
ทําให้ฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐบาลผสมของทักษิณอ่อนแอลง และด้วย
ความวุ่นวายที่ก่อโดยกลุ่มการเมืองนอกรัฐสภาอย่างพันธมิตร
ประชาชนเพือ ่ ประชาธิปไตย (พธม.) กลุ่มอํานาจเก่าก็สามารถทําให้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทว่าหลังจากนัน
้
รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ถูกกดดันให้ต้องใช้มาตรการกดขี่เพื่อรักษาฐาน
อํานาจอันไม่ชอบธรรมและปราบปรามการเคลือ ่ นไหวเพือ่
ประชาธิปไตยที่ก่อตัวขึ้นเพื่อตอบโต้การรัฐประหารโดยทหารเมื่อปี
2549 และการรัฐประหารโดยศาลในปี 2551 หนึ่งในวิธีการกดขี่ก็คือ
การทีร่ ฐ
ั บาลได้บล็อกเวปไซท์ประมาณ 50,000 เวป ปิดสถานีโทรทัศน์
ดาวเทียมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และกักขังคนจํานวนหนึ่งภายใต้
กฎหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพอันเลื่องชื่อของไทย และภายใต้
พ.ร.บ.การกระทําผิดทางคอมพิวเตอร์ที่โหดร้ายพอๆ กัน เมือ ่ เผชิญ
กับการชุมนุมประท้วงโดยมวลชนทีท ่ า
้ ทายอํานาจของรัฐบาล รัฐบาล
ก็ได้เชือ
้ เชิญให้กองทัพเข้ามาจัดการ และได้ระงับเสรีภาพตาม
รัฐธรรมนูญโดยการนําพ.ร.บ.ความมัน ่ คงในราชอาณาจักร พร้อมทั้ง
พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งเข้มงวด
ยิ่งกว่ามาใช้ ตัง้ แต่วน ั ที่ 7 เมษายน 2553 เป็นต้นมา รัฐบาลทหารชุด
ใหม่ของประเทศในนามของศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
(ศอฉ.) ได้เข้ามาปกครองประเทศโดยไม่มีมาตรการตรวจสอบความ
รับผิดใดๆ ภายใต้การประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ที่ถูกประกาศ
อย่างไม่เหมาะสม ถูกนํามาบังคับใช้อย่างไม่สอดคล้องกับความ
รุนแรงของสถานการณ์ และใช้อย่างต่อเนือ ่ งอย่างไม่มกี า
ํ หนดเพือ
่ ที่
จะปิดปากการคัดค้านใดๆ ที่มีต่อรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
นี่เป็นอีกครั้งที่กลุ่มอํานาจเก่าไม่อาจปฏิเสธข้อเรียกร้องเพื่อการ
ปกครองตนเองของประชาชนชาวไทยได้โดยไม่ตอ ้ งหันไปหาระบอบ
เผด็จการทหาร
ท่ามกลางเหตุการณ์ที่น่าสลดอันเป็นจุดสูงสุดของโครงการสี่ปี
ในการโค่นเจตนารมย์ของประชาชนเพือ ่ ให้เป็นไปตามความต้องการ
ของกลุม
่ อํานาจเก่า สมุดปกขาวเล่มนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้
เป้าหมายประการที่สอง เกี่ยวข้องกับพันธกรณีของประเทศไทย
ในการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นในด้านสิทธิ
ทางการเมือง หลังจากการรัฐประหารในปี 2549 และในระหว่างที่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดํารงแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐบาลที่มีทหาร
หนุนหลังพยายามที่จะรวบรวมอํานาจของตนโดยการกดขี่ปราบ
ปรามการคัดค้านทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มาตรการ
ประการหนึ่งก็คือ การปราบปรามขบวนการเคลื่อนไหวนั้นโดยมีการ
ประทุษร้ายประชาชนพลเรือนทีไ่ ร้อาวุธอย่างเป็นระบบและอย่างเป็น
วงกว้าง ซึง่ อาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามธรรมนูญกรุง
โรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศซึง่ กําหนดให้จด ั ตัง้ ศาลอาญา
ระหว่างประเทศในกรุงเฮกอีกด้วย แม้วา ่ ประเทศไทยจะไม่ได้ให้
สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรมฯ แต่การกระทําผิดต่อกลุ่มคนเสื้อแดง
อย่างร้ายแรงนี้ก็อาจจะเป็นเหตุเพียงพอให้ได้รับการพิจารณาให้เข้า
สู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศได้หากเป็นการดําเนิน
การโดยรู้ถึงการกระทํานั้นภายใต้นโยบายที่ยอมให้เกิดหรือ
สนับสนุนให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตโดยไม่จําเป็น หรือเป็นนโยบาย
ที่มีเป้าหมายเพื่อโจมตีกลุ่มทางการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ
เจาะจง มีหลักฐานมากมายทีช ่ ว
้ี า
่ แผนต่อต้านคนเสือ้ แดงทีด
่ า
ํ เนินมา
เป็นระยะเวลา 4 ปีและทีก ่ า
ํ ลังดําเนินการอยูใ่ นปัจจุบน ั ภายใต้
นโยบายที่รับรองโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ และการสังหารหมู่คนเสื้อแดงที่
เพิ่งผ่านมาก็เป็นเพียงการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวครั้งล่าสุด
เท่านั้น
สมุดปกขาวเล่มนี้ศึกษาการเกิดขึ้นของความรุนแรงใน
ประเทศไทย รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารในเดือนเมษายนและ
เดือนพฤษภาคม 2553 รวมทัง้ การปราบปรามในเดือนเมษายนปี
2552 ทีม
่ ป
ี ระชาชนเสียชีวต
ิ อย่างน้อย 2 คน จากแง่มม
ุ ของหลัก
ประกันตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมือง หลักฐานต่างๆ นั้นเพียงพอต่อการสืบสวนโดยหน่วย
งานที่เป็นอิสระและเป็นกลางถึงนัยยะทางอาญาของการประหัต
ประหารทางการเมืองเช่นนี้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
วัตถุประสงค์ประการที่สามของสมุดปกขาวเล่มนี้คือเพื่อยืนยัน
ถึงสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศของสมาชิกนปช.หลายร้อยคน
ทีก
่ า
ํ ลังเผชิญข้อกล่าวหาทางอาญาจากการเข้าร่วมการชุมนุมของ
กลุ่มคนเสื้อแดง กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมืองรับรองสิทธิในการต่อสู้ดคีอย่างยุติธรรม รวมถึงสิทธิที่
จะเลือกทนายของตนเอง เพื่อเตรียมการต่อสู้คดีโดยมีเวลาและสิ่ง
อํานวยความสะดวกอย่างเพียงพอ และสิทธิในการสามารถเข้าถึง
หลักฐานได้อย่างเท่าเทียม ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิในการตรวจสอบหลัก
ฐานอย่างอิสระผ่านทางผู้เชี่ยวชาญหรือทนายของตนเอง ภายใต้
เงื่อนไขเดียวกันกับรัฐบาล และมีสิทธิในการเรียกพยานหลักฐานฝ่าย
ตนเพื่อแก้ต่างให้ตนเองได้
เพือ
่ เป็นการตอบสนองต่อข้อประท้วงของนานาชาติเกีย ่ วกับ
ความรุนแรงในเดือนเมษายนและพฤษภาคม นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศ
โร้ดแมปเพื่อการปรองดองและได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง
ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ สิ่งที่หายไปจากโร้ดแมปของอภิสิทธิ์ก็คือ
ความเป็นอิสระและความเป็นกลางอย่างแท้จริงในกระบวนการตรวจ
สอบตัวเอง นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ที่ได้รบแต่งตั้งให้นํา
คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้บอกกับสือ ่ มวลชนในเกือบจะใน
ทันทีทันใดว่าเขาสนใจในการ “ส่งเสริมการให้อภัย” มากกว่าการ
เรียนรู้ข้อเท็จจริง การละเลยเช่นนีอ
้ าจจะสอดคล้องกับแนวความคิด
เรื่องการปรองดองแบบเดิมๆ ของไทย ที่ให้นิรโทษกรรมแก่ผู้ที่
สังหารผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2516, 2519 และ 2535
หลายร้อยคน แต่ไม่ทําอะไรกับการสืบหาข้อเท็จจริงหรือส่งเสริมการ
สมานฉันท์ที่แท้จริงเลย
ทุกคนย่อมยอมรับความจริงทีว ่ า
่ ประเทศไทยควรจะก้าวให้พน
้
ความรุนแรง และดําเนินการให้เกิดความปรองดอง ทว่าความ
ปรองดองนั้นจําเป็นต้องเริ่มด้วยการฟื้นคืนสิทธิขั้นพื้นฐานของ
ประชาชนในการปกครองตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นความปรองดองนี้ยัง
ต้องการความรับผิดอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้าย
แรงที่กระทําไปเพื่อยับยั้งสิทธิในการปกครองตนเองนั้น กฎหมาย
ระหว่างประเทศกําหนดไว้ว่าไม่อาจยอมรับสิ่งที่น้อยไปกว่านี้ได้
2. เส้นทางไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
ตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
เหตุการณ์ต่างๆ หลังจากการยึดอํานาจจากนายกรัฐมนตรีพล
เอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยกองทัพที่นําโดยพลเอกสุจินดา ครา
ประยูร เมือ ่ ปีพ.ศ. 2533 ถือเป็นจุดเปลีย
่ นสําคัญในเรือ
่ งอํานาจนําของ
กลุ่มอํานาจเก่าที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเหนือระบบการเมืองไทย
การประท้วงโดยประชาชนจํานวนมากที่ต่อต้านการขึ้นมาเป็นนายก
รัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา หลังจากที่มีการเลือกตั้งที่มีเปลือกนอก
ว่าเป็น “ประชาธิปไตย” ในเดือนมีนาคม 2535 ได้นําไปสู่การปะทะ
รุนแรงเป็นประวัติการณ์ระหว่างพลเรือนกับทหารในช่วงวันที่ 17-20
พฤษภาคม ผู้ประท้วงหลายสิบคนที่เรียกร้องให้พลเอกสุจินดาลา
ออกและนําประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยถูกสังหารโดยโหด
ร้ายโดยทหารในช่วงระหว่างเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ” ปี 2535 ใน
ท้ายที่สุด พลเอกสุจินดา ได้ลาออกหลังจากทีพ ่ ระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวได้ปรากฏพระองค์ต่อสาธารณะ และนําไปสู่การเลือก
ตั้งครั้งใหม่ในเดือนกันยายน 2535
โศกนาฏกรรมพฤษภาทมิฬทําให้ประเทศเดินเข้าสู่หนทางการ
เป็น “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” อย่าง
แท้จริง และมีกระบวนการปฏิรป ู เป็นเวลานานห้าปี อันสิ้นสุดลงด้วย
การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2540 ด้วย
การมีส่วนร่วมอย่างสูงในกระบวนการที่นําไปสู่การออกรัฐธรรมนูญ
รวมถึงการที่มีเนื้อหาเป็นประชาธิปไตยอย่างไม่กํากวม รัฐธรรมนูญ
ฉบับพ.ศ. 2540 นี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม “รัฐธรรมนูญฉบับ
ประชาชน”
ด้วยมาตรฐานของประเทศที่คุ้นชินกับการมีรัฐบาลผสมที่เคย
ประกอบด้วยพรรคการเมืองมากถึง 16 พรรค พรรคไทยรักไทยชนะ
การเลือกตัง้ ทัว
่ ไปในปี 2544 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้
รัฐธรรมนูญปี 2540 อย่างถล่มทลาย ได้ที่นั่งในสภาถึง 248 ที่นั่งจาก
ทั้งหมด 500 และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่พรรคการเมือง
หนึ่งเกือบจะได้เสียงข้างมากในสภา และผลจากการเลือกตั้ง ทักษิณ
ชินวัตรก็ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ คนที่ 23 ของไทย
ชัยชนะของพรรคไทยรักไทยที่หีบเลือกตั้งและการเพิ่มจํา
นวนสส.จากการรวมกับพรรคอื่นในภายหลังนําไปสู่สภาพการณ์ชนิด
ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กลุม
่ อํานาจเก่าของไทย ซึง่ ก็คอ
ื องคมนตรี
ผู้นํากองทัพ ข้าราชการระดับสูง ศาลระดับสูง ผู้นําทางธุรกิจ ที่ได้
สะสมความมั่งคั่งในระบบการเมืองก่อนที่จะมีทักษิณ ก็สนับสนุนการ
การขึ้นมาของทักษิณอย่างกระตือลือล้นในช่วงแรก แต่เมือ ่ ความชอบ
ธรรมจากการกุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาทําให้นายกฯ อยู่ในฐานะที่
สามารถผลักดันนโยบายของพรรคไทยรักไทยได้โดยไม่จําเป็นต้อง
ต่อรองหรือขอความเห็นชอบจากกลุม ่ อํานาจเก่า ความเข้มแข็งทีไ่ ด้
มาด้วยความนิยมชมชอบของประชาชนในการเลือกตัง้ คุกคาม
อํานาจในการกําหนดนโยบายประเทศที่พวกอมาตย์ยึดกุมมาตลอด
ตัง้ แต่ประเทศไทยดูคล้ายจะเป็นประชาธิปไตยมา
ก่อนหน้านีก
้ ลุม
่ อํานาจเก่ากุมอํานาจเหนือระบบการเมืองของ
ประเทศและนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง โดยอาศัยยุทธวิธีแบ่ง
แยกและปกครอง ภาวะเบี้ยหัวแตกของระบบพรรคการเมืองของไทย
ได้ป้องกันการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนที่มีฐานจากการเลือกตั้งที่จะ
สามารถท้าทายอํานาจนอกรัฐธรรมนูญของกลุ่มอํานาจเก่า การ
เลือกตัง้ ปี 2544 ทําให้ทักษิณมีฐานมวลชนสนับสนุนอย่างไม่เคย
ปรากฎมาก่อน ซึ่งเขาใช้ฐานสนับสนุนนั้นในการทําสิ่งที่เขาได้สัญญา
ไว้ ในช่วง 1 ปีแรก เขาดําเนินนโยบายตามที่ได้เสนอไว้ในการหา
เสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ทักษิณยังกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่
ทํางานครบวาระ พรรคไทยรักไทยหาเสียงในการเลือกตั้งปี 2548
ด้วยนโยบายต่อเนื่องภายใต้สโลแกน สีป ่ ซ
ี อ
่ ม สี่ปีสร้าง และผลการ
เลือกตั้งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ก็เป็นชัยชนะที่ถล่มทลายยิ่งกว่า
เดิม หลังจากการเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทยกุมเสียงข้างมาก
ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของที่นั่งในสภา พรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุดคือ
ประชาธิปัตย์สูญเสียที่นั่งกว่าหนึ่งในสี่ เหลือไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของ
ที่นั่งในสภา และถือเป็นครั้งแรกอีกเช่นเดียวกันที่ทักษิณได้รับเลือก
ตั้งให้เป็นนายกฯ อีกครั้ง
รัฐบาลทักษิณมีลกั ษณะเป็นภัยคุกคามหลายประการต่อกลุม ่
หลักๆ 4 กลุม
่ ทีป
่ ระกอบเป็นกลุม
่ อํานาจเก่าของไทยอันได้แก่ 1) กลุม
่
ธุรกิจการเงินในกรุงเทพฯ 2) ผู้นําทางทหาร 3) ข้าราชการพลเรือน
ชั้นสูง 4) กลุ่มองคมนตรี
พวกนักธุรกิจชั้นนําในกรุงเทพฯ ที่ทักษิณเคยทอดสะพานให้
ครั้งเขาลงชิงตําแหน่งนายกฯ ครั้งแรก กลับหันมาต่อต้านรัฐบาล
พรรคไทยรักไทยเพราะดําเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นไปที่
เกษตรกรและคนจนในเมือง ตลอดจนการเปิดเสรีทางการค้า โดยผู้
ต่อต้านนัน
้ พูดอย่างชัดเจนว่า “เป้าประสงค์นั้นคือการต่อต้าน
นโยบายแบบทักษิโนมิคส์”
วิกฤติการเงินเอเชียทําให้หลายครอบครัวในกลุ่มนี้ต้องมีหนี้สิน
ทําให้พวกเขาต้องยอมขายกิจการให้กับต่างชาติ รัฐบาลไทยได้เข้า
มาช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่เมือ ่ ต้นปี 2544 โดยการจัดตั้งบรรษัท
บริหารสินทรัพย์แห่งชาติ เพื่อซื้อหนี้เงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (non-
performing loans)มูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญทั้งที่เกิดจากภาครัฐและ
เอกชน ซึ่งหนี้เงินกู้เหล่านี้หลายตัวก็ยังคงไม่ก่อรายได้
(underperforming)อยูจ ่ นถึงปี 2548 และบริษัทที่กู้เงินก็ยังมีหนี้ค้าง
ชําระกับธนาคารจํานวนมาก ภายใต้การบริหารงานของทักษิณ
บรรดานักธุรกิจชั้นนําของกรุงเทพ ผู้ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเคยอาศัย
อิทธิพลทางการเมืองในการปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจของตน
เริ่มที่จะเสี่ยงต่อการสูญเสียอิทธิพลที่มีต่อรัฐบาลและสถาบันอื่นๆ
ของรัฐ ทําให้พวกเขาตกอยู่ในฐานะที่อ่อนแอในการต่อรองกับ
ธนาคารเกี่ยวกับหนี้ที่ยังค้างชําระ นอกจากนี้ การที่นโยบาย
เศรษฐกิจของไทยรักไทยมุ่งเน้นสนับสนุนการค้าเสรีก็คุกคามกลุ่ม
ธุรกิจภายในประเทศให้ต้องเผชิญกับการแข่งขันจริงๆ อีกด้วย ซึง่
เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นที่จะต้องเผชิญ ครอบครัวทีค ่ วบคุมอาณาจักร
เศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ไทย
เบเวอเรจ เจริญโภคภัณฑ์กรุ๊ป และทีพไี อ โพลีน กลายมาเป็นปฏิปก ั ษ์
ตัวฉกาจของทักษิณ
ข้าราชการอาชีพอาจเป็นกลุม ่ หันมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณเร็ว
ที่สุด ตั้งแต่แรกทีเดียว ทักษิณได้กาํ หนดตนเองเป็นตัวเปรียบเทียบ
กับคนที่อยู่ในระบบราชการและนักการเมืองอาชีพ ทันทีทเ่ี ข้ามาเป็น
รัฐบาล การดําเนินนโยบายของไทยรักไทยทําให้รัฐบาลต้องเข้ามา
ดูแลกระบวนการกําหนดนโยบายโดยตรง ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาอยู่ใน
มือของข้าราชการที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ในการพยายามที่จะ
ทําให้รฐ
ั บาลมีอา
ํ นาจควบคุมการออกแบบและดําเนินการนโยบาย
ใหม่ๆ ทักษิณได้ทา ํ ให้ขา้ ราชการระดับสูงมีบทบาทลดน้อยถอยลง ทั้ง
โดยการให้อํานาจแก่ฝ่ายการเมืองและการปฏิรูประบบราชการที่
ทําให้เกิดกระทรวงใหม่ขึ้นมาหกกระทรวงเพื่อให้ระบบราชการ
ทํางานได้คล่องแคล่วขึน ้ เพิ่มประสิทธิภาพและการสนองตอบต่อ
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ทักษิณพยายามอย่างหนักที่จะได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ
ในช่วงเวลาทีท ่ ก
ั ษิณเข้ารับตําแหน่ง กองทัพยังคงมีภาพพจน์ที่ไม่ดีที่
ผู้นํากองทัพกระทําไว้จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535 อย่างไร
ก็ตาม ด้วยประวัติศาสตร์ของไทย บรรดานายพลก็ยังคงเป็นกลุ่ม
อํานาจที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่สามารถจะมองข้ามได้ งบ
ประมาณของกองทัพที่ถูกหั่นลงอย่างมากหลังวิกฤติทางการเงิน
เอเชีย ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในช่วงสมัยแรกของทักษิณ จาก 71.3 พันล้าน
บาทในปี 2543 เพิม ่ ขึน
้ เป็น 86.7 ในปี 2549 ทว่าในเวลาเดียวกัน
ทักษิณก็พยายามที่จะทําให้กองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของ
พลเรือนมากขึ้น ในทางหนึ่งเขาปฏิเสธที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายของกองทัพ
ตามทีข ่ อมา (ที่กองทัพต้องการนั้นดูได้จากงบประมาณทหารที่เพิ่มขึ้น
มา 35 เปอร์เซ็นต์ตามทีค ่ ณะมนตรีความมัน ่ คงแห่งชาติอนุมต ั ห
ิ ลัง
การรัฐประหาร) ในอีกทางหนึ่ง ทักษิณใช้การโยกย้ายตําแหน่งเพื่อ
สร้างความพอใจให้กบ ั ผูท
้ ภ
่ี ก
ั ดีตอ่ รัฐบาลและตัวเขาเอง ซึง่ ทําให้นาย
ทหารชัน ้ สูงหลายคนไม่พอใจทีถ ่ ก
ู ข้ามหัวหรือเห็นอนาคตตีบตัน
การต่อต้านของเครือข่ายที่ปรึกษาของราชสํานักที่นําโดย
ประธานองคมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อาจเป็นปัจจัยสําคัญ
ที่สุดในการถูกถอดจากตําแหน่งของทักษิณ สําหรับพลเอกเปรมและ
พันธมิตรแล้ว ประเด็นขัดแย้งคือการบ่อนเซาะอํานาจทางการเมืองที่
เป็นผลมาจากความพยายามอย่างเป็นระบบของทักษิณทีจ ่ ะขจัดระบบ
อุปถัมภ์อนั เป็นช่องทางทีบ ่ รรดาผูแ
้ วดล้อมราชสํานักใช้อา
ํ นาจ
อิทธิพลในการบริหารราชการแผ่นดินแทบทุกแง่มุม การที่ทักษิณ
พยายามทําให้กองทัพและราชการพลเรือนอยู่ภายใต้อํานาจของ
รัฐบาล ตลอดจนลดอิทธิพลของพล.อ.เปรมทีม ่ ต
ี อ
่ ศาลและองค์กร
อิสระ เป็นปัจจัยหลักทีท
่ าํ ให้เกิดการต่อต้านจากองคมนตรี ในปี
2549 หลังจากประสบความสําเร็จในการผลักดันให้พลเอกสนธิ บุญย
รัตกลิน ได้ขึ้นมาเป็นผู้นํากองทัพ พลเอกเปรมก็เริ่มวางแผนการ
รัฐประหารอยู่หลังฉากและทําการรณรงค์ต่อต้านรัฐบาลอย่างที่ไม่
เคยปรากฏมาก่อน โดยมุ่งหมายบ่อนทําลายความภักดีของกองทัพที่
มีต่อรัฐบาลจากการเลือกตั้งเป็นการเฉพาะ
กฎสําคัญข้อหนึ่งที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของการเมืองไทย
หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาก็คือ รัฐบาลพลเรือนจะเป็นทีอ ่ ด
รนทนได้ตราบใดทีเ่ ป็นรัฐบาลทีอ ่ อ
่ นแอ แตกแยกภายใน ต้องคล้อย
ตามระบบอมาตยาในกองทัพ ราชการ และองคมนตรี และรับใช้ผล
ประโยชน์ของนักธุรกิจชั้นนําในกรุงเทพฯ รัฐบาลใดทีพ ่ ยายามจะทํา
ในสิ่งที่แตกต่าง ก็จะถูกบ่อนทําลายอย่างเป็นระบบ และหากบ่อน
ทําลายไม่สําเร็จ ก็จะถูกขจัดออกไปโดยกองทัพ ทักษิณไม่เพียงแต่
ละเมิดกฎอันไม่เป็นทางการข้อนี้ด้วยการทุ่มเทบริหารประเทศอย่าง
ไม่บันยะบันยัง การอยู่ในตําแหน่งนายกฯ จนครบวาระและชัยชนะ
อย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งสองครั้งซ้อนอันเนื่องมาจากการ
สนับสนุนอย่างล้นหลามจากมวลชนที่พึงพอใจในนโยบาย เป็นการ
คุกคามทีจ ่ ะเปลีย
่ นทิวทัศน์ทางการเมืองของไทยโดยขจัดอํานาจนอก
รัฐธรรมนูญที่มีมาอย่างยาวนานของกลุ่มอํานาจเก่าที่ไม่ได้มาจาก
การเลือกตั้ง ด้วยสังขารที่ร่วงโรยของผู้นําที่มีบารมีสูงสุดบางคน
ของอมาตย์ กลุม ่ อํานาจเดิมก็ตดั สินใจว่าจําเป็นต้องลงมืออย่าง
รวดเร็วและเด็ดขาดเพื่อทําลายล้างพรรคไทยรักไทยและการท้าทาย
อํานาจอย่างใหญ่หลวงทีส
่ ด
ุ ทีพ
่ วกเขาเคยประสบในรอบหลาย
ทศวรรษที่ผ่านมา
4. ถนนสู่การปฏิวัติ 2549
เพื่อเป็นการตอบโต้การยืนยันการคุมอํานาจของพรรคไทยรักไทย
เหนือระบบการเมืองของประเทศ กลุ่มก้อนต่างๆ ในกลุม ่ อํานาจเก่า
ของไทยได้ออกมาตรการหลากหลายเพื่อกู้บทบาทของตนคืนมาก่อน
ที่มันจะสายเกินไป พวกเขาให้การสนับสนุนการชุมนุมประท้วงที่ถูก
ออกแบบมาเพือ ่ สร้างบรรยากาศสับสนอลหม่านทีจ ่ ะสร้างความชอบ
ธรรมในการนําการปกครองโดยทหารกลับมาในประเทศอีกครั้ง
พวกเขายังบ่มสร้างข้อกล่าวหาเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมา
ใช้ เมื่อยุทธศาสตร์เหล่านี้ล้มเหลวพวกเขาก็อาศัยวิธีการเดิมๆ อย่าง
การรัฐประหาร
แผนการที่จะขับไล่ทักษิณและพรรคไทยรักไทยเริ่มต้นมาตั้งแต่
หลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2548 หนึ่งในแกนนําคนสําคัญที่ต่อต้าน
ทักษิณคือสนธิ ลิม
้ ทองกุล เจ้าพ่อธุรกิจสื่อผู้ล้มเหลวซึ่งครั้งหนึ่งเคย
เป็นผู้สนับสนุนที่สําคัญของทักษิณ สนธิกล่าวหาว่ารัฐบาลทักษิณนั้น
เป็นเผด็จการและมีการใช้อา ํ นาจในทางทีผ ่ ด
ิ อย่างเป็นระบบ สนธิให้
เหตุผลสนับสนุนข้อเรียกร้องให้ทักษิณลาออกว่าเพราะเป็นสิ่งจําเป็น
สําหรับการคุ้มครองพระมหากษัตริย์จากแผนการลับของทักษิณที่
ต้องการให้ประเทศปกครองด้วยระบบประธานาธิบดี
ในกฎหมายและสังคมไทย พระมหากษัตริย์เป็นดั่งสมมติเทพ
และได้รบ ั ความเคารพนับถืออย่างสูงสุดจากประชาชน รัฐธรรมนูญ
ฉบับล่าสุดบัญญัตไิ ว้วา ่ “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะ
อันเป็นที่เคารพสักการะ” การไม่แสดงความเคารพนับถือพระมหา
กษัตริย์โดยทางอ้อมนั้นอาจจะถูกดําเนินคดีข้อหาหมิ่นพระบรม
เดชานุภาพ ซึง่ มีโทษจําคุกระหว่าง 3-15 ปีสําหรับแต่ละกรรมได้
ที่ร้ายไปกว่านั้น ข้อกล่าวหาที่ว่านายรัฐมนตรีนั้นเป็นภัยใกล้ตัว
ต่อเกียรติยศของสถาบันกษัตริย์ หรือตัวองค์พระมหากษัตริย์เอง นั้น
ดูคล้ายจะเป็นข้ออ้างทีน ่ า
ํ ไปสูก ่ ารกําจัดและเนรเทศอดีตนายก
รัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงหลายคนมาแล้ว ข้อกล่าวหาผิดๆ ว่าลอบปลง
พระชนม์และเหยียดหยามพระมหากษัตริย์นั้นเป็นฐานของการ
ทําลายชื่อเสียงและการที่ต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศอย่างถาวะของนาย
ปรีดี พนมยงค์ หนึ่งในแกนนําของการปฏิวัติในปี 2475 และเป็น
วีรบุรุษของขบวนการใต้ดินเสรีไทยที่ต่อต้านญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก
ครั้งที่สอง พลตํารวจเอกเผ่า สียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตํารวจ และ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ถูกโค่นจากอํานาจและเนรเทศออกจาก
ประเทศโดยหนึ่งในสมาชิกสามทรราชย์ในยุคเผด็จการจอมพล
สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้วยข้อหาทีว ่ า่ พวกเขาเป็นอันตรายต่อการอยูร่ อด
ของสถาบันฯ ในปี 2534 ก็มข ี อ ้ กล่าวหาคล้ายๆ กันต่อพลเอกชาติ
ชาย ชุณหะวัน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทีว ่ า่ พลเอกชาติชายได้
พยายามที่จะสร้าง “เผด็จการรัฐสภา” อย่างถาวร อันเป็นสิ่ง
อันตรายยิ่งที่ทําให้นายพลต่างๆ ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย
แห่งชาติ (รสช.) ต้องก่อการรัฐประหาร ในประเทศไทยข้อกล่าวหาว่า
ไม่จงรักภักดีต่อระบอบกษัตริย์เป็นเรื่องที่มักจะถูกนํามาใช้ในการ
พยายามทําลายชื่อเสียง กักขัง เนรเทศ และสังหาร ผูท ้ ม
่ี แ
ี นวคิด
ทางการเมืองทีเ่ ป็นภัยคุกคามต่ออํานาจทีถ ่ อื มัน
่ อยู่
ช่วงเวลาทีข ่ ายหุน
้ บริษทั ชินคอร์ปนัน
้ บังเอิญตรงกับช่วงทีส ่ อด
รับกับเป้าหมายของฝายตรงข้าม นัน ่ คือเกิดขึน ้ ก่อนการเดินขบวนต่อ
ต้านทักษิณที่มีการกําหนดไว้ในวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2549 ณ ท้อง
สนามหลวง ประเด็นนี้ทําให้กลุ่มผู้จัดการประท้วงได้พลังสนับสนุน
เป้าหมาย และพลังงานสําหรับการประท้วง ทีส ่ า
ํ คัญกว่านัน
้ คือ มัน
ทําให้ฝา ่ ยทีต
่ อ
่ ต้านทักษิณทัง้ ปัญญาชน นักพัฒนาองค์กรเอกชน นัก
ธุรกิจชั้นนํา ชนชั้นกลางระดับสูง ข้าราชการ ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ นัก
เคลือ ่ นไหวพรรคประชาธิปต ั ย์ และผู้สนับสนุนนักระดมมวลชนอย่าง
สนธิ ลิม ้ ทองกุล และพลตรีจา ํ ลอง ศรีเมือง อดีตทีป ่ รึกษาของทักษิณ
เริม่ ก่อตัวชัดขึน ้ ในนามพันธมิตรประชาชนเพือ ่ ประชาธิปไตยซึง่ จัดตัง้
ขึ้นไม่กี่วันหลังจากนั้น ผู้ประท้วงกว่าห้าหมื่นคนนําโดยสนธิและ
จําลองเรียกร้องให้ทักษิณลาออกในวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2549 สนธิ
ลิม้ ทองกุล ได้ถวายฎีกาผ่านทางองคมนตรีพลเอกเปรม ติณสูนานนท์
ให้พระมหากษัตริย์ใช้อํานาจผ่านทางมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญปี
2540 ในการถอดถอนทักษิณและแต่งตั้งนากยกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่
วิธีการของสนธิซึ่งตั้งอยู่บนการอ่านรัฐธรรมนูญที่ค่อนข้างจะน่า
สงสัยนั้นได้เลี่ยงวิธีการตามรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยที่ให้มีการ
เลือกตั้งรัฐสภาเพื่อให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทักษิณตอบโต้การประท้วงที่ขยายตัวขึ้นด้วยการประกาศยุบ
สภาไม่นานหลังการเดินขบวนประท้วงที่สนามหลวง และกําหนดให้มี
การเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน
หลักๆ ทั้งหมดคว่ําบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้ ทําให้พรรคไทยรักไทย
ชนะการเลือกตั้งอย่างง่ายดายตามอย่างที่คาดการณ์ และได้ที่นั่งใน
สภามากกว่าร้อยละ 90 ฝ่ายค้านออกมาบอกว่าการเลือกตั้งที่ผ่าน
ไปมีความผิดปกติในทันที ในหลายเขตของกรุงเทพฯ และในภาคใต้
ของประเทศ ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกมาด้วยคะแนนเสียง
ที่น้อยกว่าเสียง “ไม่ลงคะแนน” ในบางพื้นที่ภาคใต้ ผู้สมัครพรรค
ไทยรักไทยที่ลงสมัครโดยไม่มีคู่แข่งสอบตกการเลือกตั้งเนื่องจากได้
รับคะแนนเสียงไม่ถึงร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามที่กําหนดไว้
ทําให้ผลกรเลือกตั้งในพื้นที่นั้นเป็นโมฆะ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตยยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเรียกร้องให้การเลือกตั้งเป็น
โมฆะทั้งหมด พธม. กล่าวโทษคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าละเมิด
ความเป็นส่วนตัวของผู้ลงคะแนนเสียง และกล่าวหาว่าพรรค
ไทยรักไทยทุจริตการเลือกตั้ง สองวันหลังจากการเลือกตั้ง ทักษิณ
ประกาศลาออกและดํารงตําแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี
ไม่นานหลังจากนั้น ศาลปกครองยกเลิกการเลือกตั้งใหม่ที่
กําหนดเป็นการเลือกตัง้ ซ่อมในเขตทีม่ ผ
ี ลการเลือกตังค์แบบตัดสินไม่
ได้ ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ศาลรัฐธรรมนูญมีคําพิพากษาว่าการ
เลือกตั้งในเดือนเมษายนเป็นโมฆะทั้งหมดและประกาศให้มีการเลือก
ตัง้ ใหม่ในเดือนตุลาคม ผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกร้องต่อ
สาธารณะให้คณะกรรมการการเลือกตั้งลาออก เมื่อคณะกรรมการ
การเลือกตั้งปฏิเสธที่จะลาออก ศาลอาญามีคา ํ พิพากษาให้จาํ คุกพวก
เขา 4 ปี ในข้อหาผิดวินัยร้ายแรง ทําให้พวกเขาไม่มีสิทธิในการลง
คะแนนเลือกตัง้ และต้องออกจากตําแหน่ง
หลังจากพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยว
กับการเลือกตั้งในเดือนเมษายน ศูนย์กลางของผู้ที่ต่อต้านทักษิณได้
ย้ายจากกลุ่มพธม. ไปสู่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
ผู้ทรงอํานาจ พลเอกเปรมเกิดเมือ ่ ปีพ.ศ. 2463 เขาเป็นบุคคลทีโ่ ดด
เด่นที่สุดคนหนึ่งประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย จุดเริ่มต้นของการ
ก้าวขึ้นมาสู่ตําแหน่งที่มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างไม่อาจเปรียบได้
ของเขาสามารถย้อนกลับไปได้ถึงปี 2484 ในขณะที่ยังเป็นทหาร
สังกัดเหล่าทหารม้า เปรมได้ร่วมรบต่อต้านสัมพันธมิตรเคียงข้าง
กองทัพญี่ปุ่นภายใต้อนาคตจอมเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ การขึ้นมา
มีอาํ นาจของเปรมในเวลาต่อมานัน ้ เชือ
่ มโยงอย่างใกล้ชด
ิ กับสฤษดิ์
ซึ่งเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่าเขาเป็นคนที่โหดร้ายและเป็นนาย
ทหารที่ทุจริตที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย จอมพลสฤษดิเ์ ลือ ่ นยศให้
เปรมให้ขน ้ึ เป็นพันเอก และแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ทีค่ วบคุมโดยทหารในปี 2502 เปรมยังมีความเกี่ยวพันใกล้ชิด
จอมพลถนอม กิตติขจรและจอมพลประภาส จารุเสถียร ผู้นําทหารที่
ชื่อเสียงชั่วร้ายผู้เลื่อนยศให้เขาเป็นพลตรีในปี 2514 และเขายังเป็น
เพื่อนสนิทกับพลตรีสุดสาย หัสดิน ผู้นํากองกําลังกระทิงแดงที่เป็น
ผู้รับผิดชอบสําหรับการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี
2519 อีกด้วย
หลังจากทีศ
่ าลมีคา
ํ ตัดสินว่าผลของการเลือกตัง้ เมือ
่ เดือน
เมษายนเป็นโมฆะ พลเอกเปรมได้กล่าวบรรยายเป็นการวิพากษ์
วิจารณ์การทํางานของทักษิณหลายครั้ง ด้วยสถานะและอํานาจของ
พลเอกเปรม การรณรงค์ต่อสาธารณะของเขาส่อให้เห็นถึงการขจัด
ทักษิณออกจากอํานาจ มีการแข่งขันกันควบคุมกองทัพและรัฐ และมี
รายงานสาธารณะถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการรัฐประหารปรากฏขึ้น
เมือ
่ วันที่ 29 มิถุนายน ในการกล่าวกับข้าราชการกลุ่มหนึ่ง ทักษิณได้
อ้างอิงถึงพลเอกเปรม และกล่าว่าตนปฏิเสธความพยายามที่กําลัง
ดําเนินอยู่โดย “ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ” และการไม่ “เคารพหลัก
นิติธรรม” เพือ ่ บัน
่ ทอนรัฐบาล นักวิจารณ์สังคมที่มีชื่อเสียงต่างๆ
กล่าวหาทักษิณโดยทันทีว่าล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ พลเอกเปรม
พร้อมด้วยองคมนตรีและพลเอกสุรยุทธ์ จุลนานนท์ อดีตผูบ ้ ญ
ั ชาการ
กองทัพบก ได้ปรึกษากับนายทหารผูใ้ หญ่หลายคนและเดินทางเข้า
เยี่ยมหน่วยทหารต่างๆ ในวันที่ 14 กรกฎาคม เขาได้กล่าวเตือน
บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายว่าความจงรักภักดีนั้นไม่ควรมีให้กับรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องมีต่อพระมหากษัตริย์
โพลสํารวจความคิดเห็นหลายโพลที่ทําในช่วงก่อนจะมีการ
เลือกตัง้ ในเดือนตุลาคมชีว ้ า
่ ทักษิณจะชนะการเลือกตัง้ อีกครัง้ โดย
เสียงส่วนมาก เหตุการณ์ตึงเครียดสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2549 เมือ ่
มีรถยนต์บรรจุระเบิดหนัก 70 กิโลกรัมถูกพบไม่ไกลไปจากที่พักของ
ทักษิณ เจ้าหน้าทีท ่ หาร 5 นายถูกจับแต่กไ็ ด้รบ ั การปล่อยตัวออกมา
ในไม่ช้าเพราะขาดพยานหลักฐาน ผูท ้ ว
่ี พิ ากษ์วจ
ิ ารณ์รฐ
ั บาลทักษิณ
รีบออกมาให้ขา ่ วว่าคาร์บอมบ์นเ้ี ป็นฝีมอ ื ของรัฐบาลเองทีม ่ เี ป้าหมาย
เพื่อทําลายชื่อเสียงของฝ่ายตรงข้ามและเพื่อระดมการสนับสนุน
รัฐบาล
5. การฟื้นฟูระบอบอํามาตยาธิปไตยอย่างผิดกฎหมาย
5.1 การยึดอํานาจโดยทหาร
หลังทศวรรษแห่งการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยซึง่ มี
การเลือกตั้งที่เป็นอิสระและเปิดเผย 3 ครั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.
2540 ประเทศไทยก็ถูกยึดครองโดยการใช้กําลังทหารในวันที่ 19
กันยายน 2549 ขณะทีท ่ ก
ั ษิณเข้าร่วมการประชุมทัว ่ ไปขององค์การ
สหประชาชาติในกรุงนิวยอร์ก ทหารเข้ายึดครองเมืองหลวง การ
รัฐประหารนําโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก
โดยได้รับความร่วมมือของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการ
กองทัพเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการสํานักงานตํารวจ
แห่งชาติ และเลขาธิการสภาความมัน ่ คงแห่งชาติ คณะรัฐบาลทหาร
มีชอ
่ื ว่า “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระ
มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ซึง่ ต่อมาภายหลังเปลีย ่ นชือ
่ ภาษา
อังกฤษเหลือเพียง “คณะปฏิรป ู การปกครองระบอบ
ประชาธิปไตย” (คปค.) เพื่อป้องกันการ “เข้าใจผิด” เกี่ยวกับ
“บทบาทของสถาบันกษัตริย”์
พลเอกสนธิประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศไทย โดยหวัง
ควบคุมการเคลือ ่ นไหวของกองทัพและตํารวจอย่างเต็มที่ เขายกเลิก
รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2540 ยกเลิกวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร คณะ
รัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ เขาทําหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในนาม
ของหัวหน้า คปค. (ทั้งโดยผ่านตัวเขาเอง) หรือผ่านผู้ที่เขาแต่งตั้ง
พร้อมทั้งทําหน้าที่ในส่วนที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาทั้งใน
ระดับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ยิ่งไปกว่านั้น เขาประกาศว่า
ศาลทัง้ หลาย นอกจากศาลรัฐธรรมนูญคงมีอํานาจในการพิจารณา
พิพากษาอัตถคดี “ตามบทกฎหมายและตามประกาศคณะปฏิรป ู การ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข” ที่น่าสังเกตคือ พลเอกสนธิประกาศว่าองคมนตรี “คงดํารง
ตําแหน่งและปฏิบต ั ห
ิ น้าทีต
่ อ
่ ไป”
คปค.กําหนดมาตรการเพื่อควบคุมกระบวนการทางการเมือง
ทัง้ หมดของประเทศทันที พลเอกสนธิประกาศว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่
จะมีขน
้ึ ในวันที่ 26 ตุลาคม 2549 จะถูกเลื่อนไปอีก 1 ปี แสดงให้เห็น
ชัดเจนว่าการเลือกตั้งใดๆ ทีจ่ ะมีขน
้ึ ในอนาคตนัน
้ เป็นไปตามที่
คปค.กําหนดเท่านั้น
คปค. ยังประกาศห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน
โดยมีโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน และ/หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ทั้ง
ห้ามพรรคการเมืองจัดการประชุมหรือดําเนินกิจกรรมอื่นใดทางการ
เมือง และระงับการจัดตั้งหรือจดทะเบียนพรรคการเมือง ที่สําคัญ
ที่สุดอาจได้แก่การที่ คปค.เขียนกฎหมายตัดสิทธิคณะกรรมการ
บริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบพรรคในการมีส่วนร่วมกับกิจกรรม
ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี แม้ว่าการกระทําที่ถูกกล่าวหานั้นจะได้
กระทําลงก่อนการรัฐประหารก็ตาม
5.2 ระเบียบรัฐธรรมนูญใหม่
ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 คณะมนตรีความมัน ่ คงแห่งชาติ
(คมช.) ซึง่ เป็นชือ่ ใหม่ของคณะรัฐบาลทหาร เริ่มใช้ธรรมนูญชั่วคราว
และแต่งตั้งสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและ
องคมนตรี ขึ้นดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี การประกาศใช้ธรรมนูญ
ชั่วคราวนั้นได้ฟื้นฟูรูปแบบของการแก้รัฐธรรมนูญที่ยอมรับผู้นําการ
รัฐประหารโดยทําให้การยึดอํานาจโดยทหารเป็นสิ่งที่โดยชอบด้วย
กฎหมาย ตัวอย่างเช่น ธรรมนูญชั่วคราวถือว่าประกาศหรือคําสั่งของ
คมช.ที่ประกาศใช้หลังการรัฐประหารมี “ความชอบธรรมและ
สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ” ธรรมนูญชั่วคราวยังกําหนดให้ผู้นํา คมช.
และบุคคลทีเ่ กีย ่ วข้อง “ไม่ต้องถูกลงโทษจากความรับผิดและการลง
โทษใดๆ” แม้จะพบในภายหลังว่าในการยึดอํานาจนั้นเป็นการกระทํา
ที่ผิดกฎหมายก็ตาม
ธรรมนูญชั่วคราวกําหนดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งสมาชิก
มาจากการแต่งตั้งโดย คมช. เพื่อทําหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรและ
วุฒิสภาเดิม โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่เกี่ยวกับ
กระบวนการออกกฎหมายทั้งหมด.
ธรรมนูญชั่วคราวยังกําหนดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร
ขึน
้ ใหม่ เริ่มจากการตั้งสมัชชาแห่งชาติขึ้นโดยมีสมาชิกสมัชชา
จํานวน 2,000 คนซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระมหา
กษัตริย์ หัวหน้าคมช. เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง
สมาชิกสมัชชาฯ โดยหัวหน้าคมช. นัน ้ เองเป็นผูจ ้ ด
ั เตรียมรายชือ
่ และ
ควบคุมการเสนอชือ ่ บุคคลเข้าดํารงตําแหน่งสมาชิกสมัชชาฯ จากนั้น
สมัชชาแห่งชาติให้ความเห็นชอบรายชือ ่ ทีถ
่ ก
ู คัดเหลือ 200 คนเป็นผู้
ชิงตําแหน่งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทําการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
รายชื่อนั้นถูกนําเสนอต่อ คมช. ซึง่ จะทําการตัดลงให้เหลือ 100 คน
เพือ่ ทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการโดยคมช. คมช. คัด
สมาชิกจากจํานวน 100 คนเหลือ 25 คน จากนั้นแต่งตั้ง “ผูเ้ ชีย ่ วชาญ
ด้านกฎหมาย” อีก 10 คน ที่สุดแล้วจะได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
จํานวน 35 คน โดยกระบวนการเช่นนี้ คมช. สามารถใช้อา ํ นาจ
ควบคุมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยตรง
ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญกําลังจะเสร็จสมบูรณ์ สภาร่าง
รัฐธรรมนูญ (สสร.) เริ่มโหมประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะเพื่อสร้าง
ความเชื่อมั่นว่าร่างรัฐธรรมนูญนั้นจะผ่านการลงประชามติ สสร.ใช้งบ
ประมาณราว 30 ล้านบาทเพื่อการรณรงค์ซึ่งรวมถึงการรณรงค์ผ่าน
สถานีโทรทัศน์ เคเบิลทีวี วิทยุ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ หน่วยงานรัฐ
สถาบันการศึกษาและแม้แต่ปา ้ ยโฆษณา และแม้วา ่ จะมีการจัด
อภิปรายเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแต่ก็กลับถูกถ่ายทอดผ่านทางช่อง
เคเบิลทีวเี ท่านัน
้ ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดการผ่านสถานีฟรีทีวีที่
รัฐบาลเป็นเจ้าของคลืน ่ รัฐบาลได้ดําเนินการอย่างเป็นทางการให้มี
การรณรงค์แบบเคาะประตูบ้านเพื่อผลักดันให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ
สสร.จัดตั้งให้มีการรณรงค์ทั่วประเทศในช่วงใกล้การลงประชามติ
และผูท้ จ
่ี ะไปลงประชามติได้เดินทางฟรี ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่มีความ
ผิดทางอาญาฐานละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง
เครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพประการหนึ่งที่รัฐบาลทหารใช้เพื่อ
สร้างความมั่นคงให้กับการลงคะแนนเสียงเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับ
พ.ศ. 2550 ก็คือการนําเสนอว่ากระบวนการลงประชามตินั้นเป็นสิ่ง
จําเป็นจะนําไปสู่การเลือกตั้ง การประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลทหารก็
คือสร้างความเชื่อมั่นว่าการยอมรับร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นขั้นตอนที่
จําเป็นสําหรับการจัดการเลือกตั้ง ผูล
้ งประชามติจา ํ นวนมากเลือก
“รับ”ด้วยความมุ่งหวังที่จะกลับไปสู่ระบอบรัฐสภา ไม่ใช่เพราะพวก
เขาเข้าใจความแตกต่างระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2550 กับรัฐธรรมนูญปี
2540 ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลทหารถือสิทธิ์ที่จะนําเอารัฐธรรมนูญเก่า
ฉบับอืน่ ๆ ซึ่งบางฉบับมีลักษณะเสรีนิยมมาก มาใช้แทน (และปรับแก้
ตามสมควร) หากว่าประชาชนลงประชามติไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ
ฉบับนี้
5.3 การยุบพรรคไทยรักไทย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียกล่าวถึงการตัดสินของศาล
รัฐธรรมนูญว่า
“ด้วยเหตุน้ี เราได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษที่คณะผู้พิพากษาซึ่งได้รับ
การแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารที่ไม่ผ่านการเลือกตั้งและต่อต้าน
ประชาธิปไตยดําเนินการตัดสินการกระทําของพรรคการเมืองที่ได้รับ
การเลือกตั้งซึ่งถูกกล่าวหาว่าบ่อนทําลายกระบวนการ
ประชาธิปไตย”
ในระบอบใหม่น้ี การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพรรคไทยรักไทยถูก
ยุบ แกนนําพรรคถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง ภาพลักษณ์ของพวกเขาเสื่อม
เสีย และพรรคที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครเอาชนะได้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
5.4 การรัฐประหารทางศาลและเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ถูก
จัดตั้งขึ้น
ในเดือนสิงหาคม 2550 อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยรวมตัวกัน
อีกครั้งอย่างไม่สะทกสะท้านต่อผลการยุบพรรคไทยรักไทย โดยใช้
ชื่อพรรค “พลังประชาชน” ผู้นําพรรคคือนายสมัคร สุนทรเวช นักการ
เมืองชาวกรุงเทพฯ ผู้แก่พรรษา เพียงไม่นานหลังจากที่พรรคพลัง
ประชาชนก่อตัง้ ขึน ้ คมช.ก็มีคําสั่งห้ามกิจกรรมทางการเมืองของ
พรรค ทําให้พรรคร้องทุกข์กล่าวโทษ คมช. ต่อคณะกรรมการการ
เลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการเลือกตั้งเพิกเฉยต่อคําร้อง
ทุกข์ดงั กล่าวซึง่ กล่าวหาว่า คมช. มีความผิดจากการสร้างภูมิคุ้มกัน
ให้ตัวเองโดยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนรัฐธรรมนูญ
พ.ศ.
พันธมิตรประชาชนเพือ ่ ประชาธิปไตยกลับมาปรากฏตัวบนท้อง
ถนนของกรุงเทพฯ อีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2551 ซึง่ เป็นเวลา
เพียง 5 เดือนหลังรู้ผลการเลือกตั้ง และเมื่อการประท้วงที่ยืดเยื้อกว่า
สามเดือนบนถนนราชดําเนินไม่ประสบความสําเร็จในการสร้างแรง
เสียดทานใดๆ ในปลายเดือนสิงหาคมผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ ทีต ่ ด
ิ
อาวุธก็บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์ในกรุงเทพฯ บุกกระทรวงหลาย
กระทรวงและยึดทําเนียบรัฐบาลไว้เพื่อกีดกันไม่ให้รัฐบาลสามารถ
ทํางานได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ยึดสนามบินในจังหวัดภูเก็ต กระบี่
และหาดใหญ่ ปิดกั้นถนนสายหลักและทางด่วน สหภาพรัฐวิสาหกิจ
ขัดขวางการเดินรถไฟทั่วประเทศและขู่ว่าจะตัดน้ําตัดไฟ สนธิ ลิม
้ ทอง
กุล ผู้นําของพันธมิตรฯ มีโอกาสถอนเงินจํานวนมหาศาลจากบัญชี
ธนาคารซึ่งได้มาจากผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ที่ร่ํารวย
แม้ว่าประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของไทยจะมีลักษณะผกผัน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะได้ยินกลุ่มจัดตั้งประกาศต่อสาธารณะว่าต่อ
ต้านประชาธิปไตยด้วยท่าทีที่ถืออภิสิทธิ์และแข็งกร้าว แต่กระนั้น สิ่ง
ที่โลกได้เห็นจากพันธมิตรฯ ก็คืออุดมการณ์อย่างเป็นทางการของ
ประเทศซึ่งฝังลึก นั่นคือการแยกแยะความแตกต่างอย่างเด่นชัดทาง
จารีตระหว่างชนชั้นปกครองจํานวนน้อยกับผู้อยู่ใต้การปกครอง ใน
ความเป็นจริง ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทําให้พันธมิตรฯ หวาดกลัวไม่ใช่การ
คาดการณ์วา ่ ทักษิณ “คอร์รปั ชัน
่ ” หรือ เป็น “เผด็จการ” การที่พัน
ธมิตรฯ ต้องการให้กองทัพซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรที่มีการคอร์รัปชั่
นมากที่สุดของประเทศเข้าแทรกแซงทางการเมืองโดยไม่เอ่ยถึงการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเลวร้ายขององค์กรนี้เลยนั้น เป็นตัวอย่างอันดี
ที่แสดงให้เห็นว่าพันธมิตรฯ ไม่ใส่ใจต่อประชาธิปไตยและนิติรัฐ สิ่งที่
เป็นปัญหาที่สุดของพันธมิตรฯ ก็คอ ื ความนิยมทีท ่ กั ษิณได้รบ
ั อันเนือ
่ ง
มาจากนโยบายและการทีท ่ ก
ั ษิณปลูกฝังและให้อา ํ นาจแก่กลุม ่ คนที่
ครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทในการเมืองไทยในฐานะผู้ถูกกระทํา ดังที่นัก
วิชาการผู้หนึ่งกล่าวว่า “อาชญากรรมที่แท้จริง” ของทักษิณก็คอ ื เขา
“ไม่จําเป็นต้องชนะการเลือกด้วยการซื้อเสียงอีกต่อไป”
กลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งโดยแก่นแท้แล้วเป็นองค์กร “รากหญ้า
เทียม” นั้นมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนรวยในกรุงเทพฯ ได้รับเงินทุน
จากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นหนีต ้ อ
่ เหล่าอิทธิพลทีห
่ นุนหลังผูม
้ ี
อํานาจในกองทัพ สภาองคมนตรี และพรรคประชาธิปต ั ย์ เช่นเคย
พันธมิตรฯและผู้หนุนหลังรู้สึกว่าการคุกคามจากพรรคไทยรักไทย
และพรรคทีส ่ บ
ื ทอดนัน
้ ทบทวี
ในด้านหนึ่ง ทักษิณได้ให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มอํานาจในกรุงเทพฯ
ซึ่งเคยได้ประโยชน์จากงบประมาณของรัฐ ในเรื่องนี้ คาร์ล ดี. แจค
สัน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อสกินส์อภิปรายว่า “ปัญหา
พื้นฐานของระบบการเมืองไทยก็คือเงินกระจุกอยู่ในกรุงเทพฯจํานวน
มาก ขณะที่ผู้มีสิทธิคะแนนเสียงส่วนใหญ่นั้นอยู่นอกกรุงเทพฯ” สิ่ง
ทีศ่ .แจ็คสันละเลยไม่ได้กล่าวถึงก็คือ แม้วา
่ จุดศูนย์รวมความมัง่ คัง่
ของประเทศอยู่ในเมืองหลวงที่มีลักษณะพิเศษอย่างยิ่ง แต่ว่าบรรดาผู้
มีฐานะในกรุงเทพฯ กลับยังไม่ยอมรับแนวคิดว่าประเทศควรจะ
ปกครองด้วยตัวแทนที่ได้รับการคัดเลือกจากเสียงส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้
มีสิทธิเลือกตั้งในต่างจังหวัด
ในอีกด้านหนึ่ง ข้อเท็จจริงอันบริสท
ุ ธิก
์ ค
็ อ
ื กลุม
่ พลเมืองทีต
่ น
่ื ตัว
และรวมกลุ่มกันลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองเดียวนั้นเป็นการ
คุกคามและลดทอนความสําคัญของสถาบันทีไ่ ม่ผา ่ นการเลือกตัง้ และ
นักการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมองเห็นแล้วว่าความแข็งแกร่ง
ในการเลือกตั้งลดลงอย่างต่อเนื่อง นักการเมืองคนสําคัญของพรรค
อย่างสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และสําราญ รอดเพ็ชร ยังมีสถานะเป็น
แกนนําพันธมิตรฯ อีกด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
คนปัจจุบน ั ,กษิต ภิรมย์ ก็ปรากฏตัวในการชุมนุมของพันธมิตรฯ บ่อย
ครั้งในช่วงที่พันธมิตรฯ ยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิอย่างผิด
กฎหมาย รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน กรณ์ จาติก
วณิช กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าเขาสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ แม้ใน
ที่สุดแล้วจะมีการก่อความรุนแรงอย่างน่ารังเกียจ และมีลก
ั ษณะของ
การต่อต้านประชาธิปไตยอย่างรุนแรง แต่กรณ์ได้เขียนอธิบายผ่าน
บทความในบางกอกโพสต์ ซึ่งใช้สัญลักษณ์แสดงความสัมพันธ์
ระหว่างพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปต ั ย์วา
่ :
“เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันดีว่าแกนนําคนหนึ่งของพันธมิตรเป็น
ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ แม้วา ่ เขาจะเข้าร่วมกับพันธมิตรในนาม
ส่วนตัวก็ตาม
“ผู้ปราศรัยจํานวนมากก็เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่
ผ่านมา มากกว่าหมืน ่ คนทีเ่ ข้าร่วมการชุมนุมเป็นผูท
้ ล
่ี งคะแนนให้กบ
ั
พรรคประชาธิปัตย์ ที่สําคัญที่สุด พันธมิตรฯ และผู้สนับสนุนพัน
ธมิตรฯ มีขอ้ คิดเห็นเช่นเดียวกันกับเราว่ารัฐบาลนัน้ ไม่มค ี วามชอบ
ธรรมทั้งในทางกฎหมายและในทางจริยธรรม”
เขาเสริมว่า:
“ผมเชือ่ ด้วยว่า ไม่วา
่ จะชอบหรือไม่กต ็ าม พรรคประชาธิปัตย์โดยตัว
เองแล้วไม่สามารถจะต้านทานพรรคพลังประชาชนหรือรัฐบาลจาก
การใช้อา ํ นาจในทางทีผ ่ ด
ิ ในช่วงเวลา 7 เดือนทีป
่ กครองประเทศ ผม
คิดว่าหากปราศจากความพยายามของเราที่เคียงข้างกันมา ก็เหมือน
ว่ารัฐธรรมนูญนั้นได้รับการแก้ไขและให้ความคุ้มครองเฉพาะทักษิณ
และพรรคพลังประชาชนเท่านัน ้ ”
ด้วยการกระทําอย่างเดียวกันนั้น ผู้ที่สนับสนุนคนเสื้อแดงถูก
ฟ้องร้องในข้อหากบฏและแกนนําเสื้อแดงถูกกล่าวหาในความผิด
ฐานก่อการร้ายซึ่งอาจมีโทษประหารชีวิต แต่คนอย่างกรณ์และกษิต
ได้รับรางวัลเป็นตําแหน่งรัฐมนตรี
บางที จุดเปลีย
่ นอาจจะอยูท ่ ว
่ี นั ที่ 7 สิงหาคม เมือ
่ เกิดความ
รุนแรงระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตํารวจและพันธมิตรฯ ราวๆ สองถึงสามพัน
คนที่หน้าสภาผู้แทนราษฎร โดยฝ่ายพันธมิตรฯ พยายามปิดกั้นทาง
เข้ารัฐสภา มีประชาชนบาดเจ็บหลายร้อยคนจากเหตุชล ุ มุน การ์ด
พันธมิตรยิงปืนและขว้างระเบิดปิงปองเข้าใส่เจ้าหน้าทีต ่ าํ รวจ ขณะที่
เจ้าหน้าทีต
่ า
ํ รวจตอบโต้ดว ้ ยแก๊สน้า ํ ตาและไม้กระบอง สมาชิกของ
กลุ่มพันธมิตรฯ เสียชีวต ิ ไป 2 คน รายหนึ่งเป็นหญิงสาวซึ่งเสียชีวิต
เพราะถูกแก๊สน้ําตาที่ผลิตจากประเทศจีนยิงเข้าใส่โดยตรง อีกราย
หนึ่งเป็นการ์ดซึ่งไม่ได้เสียชีวิตจากการปะทะ แต่เสียชีวิตขณะที่รถ
ของเขาระเบิดหน้าที่ทําการพรรคชาติไทย พระราชินีเสด็จไปในการ
พระราชทานเพลิงศพ น.ส. อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หญิงสาวที่เสีย
ชีวิตหน้าสภาผู้แทนราษฎร ส่วนอดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยาร
ชุน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมาก็ได้
แสดงการสนับสนุนพันธมิตรฯ ด้วยการไปร่วมงานศพของนายเมธี
ชาติมนตรี ซึ่งเป็นไปได้ว่าเสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายด้วยระเบิดของ
เขาเอง
ในเวลานัน
้ อภิสิทธิ์ได้แสดงความเห็นอย่างต่อเนื่องซึ่งขัดแย้งอย่าง
รุนแรงกับสิ่งที่เขาทําในการสังหารประชาชนภายใต้การกํากับดูแล
ของเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแถลงข่าวอย่างเกรี้ยวกราดประกาศ
ท่าทีของพรรคต่อกรณีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตํารวจกับพัน
ธมิตรฯ ว่า:
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่นายกฯ ปฏิเสธความรับผิด
ชอบไม่ได้วา ่ เป็นผูท้ ล
่ี ะเว้นการปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่ หรือมิเช่นนั้นก็
จงใจให้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น แต่ว่าที่เลวร้ายกว่าการ
โยนความผิดหรือความพยายามปัดความรับผิดชอบไปให้
เจ้าหน้าทีก ่ ค
็ อื ว่า วันนี้พัฒนาไปสู่กระบวนการใส่ร้าย
ประชาชน ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเรามีรัฐที่ได้ทําร้ายประชาชนถึง
ขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสแล้ว เรายังมีรัฐที่พยายาม
ยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่
รับไม่ได้ครับ ผมเคยได้ยินคนในฝ่ายรัฐบาลชอบถามคนนั้น
คนนีว ้ า
่ เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่พฤติกรรมที่ท่านแสดงอยู่
นั้น ไม่ใช่เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่เป็นคนหรือเปล่า
วันนี้ในทางการเมืองความชอบธรรม(ของรัฐบาลสมชาย)
มันหมดไปแล้วครับ เราเรียกร้องความรับผิดชอบจากท่าน
(นายกรัฐมนตรี) ท่านจะลาออก หรือถ้าท่านกลัวว่าถ้าท่าน
ลาออกแล้วจะเป็นเรือ่ งทีฝ
่ า
่ ยพรรคประชาธิปต
ั ย์จะไปมี
อํานาจท่านก็ยุบสภาเถิดครับ แต่ท่านเพิกเฉยไม่ได้ เพราะ
ถ้าท่านเพิกเฉยแล้ว ท่านทําร้ายบ้านเมืองและท่านกําลัง
ทําร้ายระบบการเมือง
“ไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชน ถูกทําร้ายจากภาครัฐแล้ว
รัฐบาลทีม ่ าจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ”
บันทึกเหตุการณ์ถัดจากนี้ แสดงให้เห็นว่าอภิสิทธิ์ในฐานะ
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านได้ฝ่าฟันการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญบนเส้น
ทางที่นําพาเขาสู่ตําแหน่งนายกรัฐมนตรี
เป็นที่น่าสังเกตว่าข้อกําหนดเรื่องการยุบพรรคซึ่งศาล
รัฐธรรมนูญใช้เป็นฐานในการตัดสินคดีนั้นอยู่ในกฎหมาย
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ตามที่คณะรัฐบาลทหารเรียกร้อง มองเผินๆ
แล้วก็เหมือนมีเป้าหมายทีจ ่ ะเพิม
่ ความเข้มแข็งให้กบ ั ฝ่ายตุลาการ
ต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น รัฐธรรมนูญกําหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับ
การแต่งตั้งโดยคณะทหารใช้อํานาจอย่างกว้างขวางในการล้มล้าง
อํานาจผูท ้ ป
่ี ระชาชนเลือกมา ด้วยลักษณะที่คล้ายกันมากกับธรรมนูญ
ชั่วคราวซึ่งถูกนํามาใช้ภายหลังการรัฐประหาร รัฐธรรมนูญ 2550 ให้
ทางเลือกแก่ศาลในการยุบพรรคการเมืองใดๆ ก็ตามทีค ่ ณะ
กรรมการการเลือกตั้งพบว่าคณะกรรมการบริหารพรรคหรือผู้สมัคร
ของพรรคแม้เพียงรายเดียวทุจริตการเลือกตั้ง เมื่อมีการตัดสินยุบ
พรรคการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญอาจตัดสิทธิเลือกตั้งของคณะ
กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปี คดีตว ั อย่างเช่น ศาล
รัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิคณะกรรมการบริหาร
พรรคโดยอาศัยฐานการกระทําความผิดของยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต
โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน
ทุจริตการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แม้ว่าจะมีการฟ้องร้องพรรค
ประชาธิปัตย์ในกรณีเดียวกัน แต่กลับพบว่าศาลเลีย ่ งทีจ่ ะสัง่ ให้มก
ี าร
ยุบพรรค
มันเป็นเพียงควันหลงจากการปะทะที่ชอกช้ําระหว่างรัฐบาลกับ
พันธมิตรฯ สนามบินถูกยึด ผลคําตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญทําให้
พรรคประชาธิปัตย์สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมและส่งผลให้อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 18 ธันวาคม 2551 รัฐบาลผสม
นั้นเป็นหนี้บุญคุณมุ้งการเมืองที่สําคัญในพรรคไทยรักไทยซึ่งหัวหน้า
มุ้งก็คือนายเนวิน ชิดชอบผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง และอดีตพรรค
ร่วมรัฐบาลพลังประชาชนอย่างเช่นพรรคชาติไทยพัฒนาซึ่งตั้งขึ้น
โดยอดีตนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ผู้เคยเป็นพันธมิตรกับ
ทักษิณมาก่อน ข้อตกลงบรรลุในวันที่ 6 ธันวาคมทีบ ่ า
้ นของผู้
บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีรายงานข่าวว่าในการ
ประชุมครั้งนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวเตือนผู้ร่วมการประชุมว่า เขาพูด
แทน “ชายเจ้าของถ้อยคําทีไ่ ม่อาจปฏิเสธได้”
การที่กลุ่มอํานาจเก่าสนับสนุนพันธมิตรฯ และพรรค
ประชาธิปต ั ย์สง่ ผลต่อความวุน
่ วายทีไ่ ปไกลกว่าความขัดแย้งภายใน
ประเทศ พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ก่อให้เกิดข้อถก
เถียงในประเด็นปราสาทเขาพระวิหาร นําพาประเทศไปสู่ความเสี่ยง
ที่จะก่อสงครามกับประเทศกัมพูชาในพื้นที่พิพาทซึ่งถูกศาลระหว่าง
ประเทศตัดสินไปแล้วตัง้ แต่ปี 2505 (โดยสร้างความพึงพอใจแก่คู่
กรณีทั้งสองประเทศ) แต่ในปี 2551 นายสมัครและพรรคพลัง
ประชาชนซึง่ เป็นแกนนํารัฐบาลลงนามยินยอมให้รฐ ั บาลกัมพูชานํา
เขาพระวิหารขอขึ้นทะเบียนต่อคณะกรรมการมรดกโลกขององค์การ
การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
พันธมิตรฯ และบรรดาผู้สนับสนุนปั้นแต่งว่านี่เป็นหลักฐานว่า “นอมินี
ของทักษิณ” มีเจตนาทีจ ่ ะยกเขตแดนไทยให้กม ั พูชา รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ ซึ่งเป็นผู้ลงนามใน
แถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชาถูกกดดันให้ลาออก ในเดือนกรกฎาคม
2551 กลุม่ ชาตินย ิ มพยายามปักธงชาติไทยในพืน ้ ทีท
่ บ
ั ซ้อนบริเวณ
ใกล้เขาพระวิหาร ซึ่งเป็นการกระทําที่ส่งผลให้เกิดการปะทะกัน
ระหว่างกองกําลังทหารไทยกับทหารกัมพูชา ช่วงเวลาทีเ่ วทีพน ั
ธมิตรฯ เรียกร้องทุกคืนให้ “คืนเขาพระวิหารให้กับประเทศไทย” และ
กษิต ภิรมย์ ซึ่งต่อมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ประกาศบนเวทีพันธมิตรฯ ขณะที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ว่าจะเอา
เลือดสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชามาล้างเท้า นับแต่นน ้ั มา
กําลังทหารของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชายิงตอบโต้กันในพื้นที่ใกล้
ปราสาทเขาพระวิหารหลายครั้ง ความผันผวนของภูมิภาคที่ถูกจุดขึ้น
โดยการกระทําของพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์สร้างความตื่น
ตระหนกให้กับคู่ค้ารายใหญ่ของไทย ประเทศไทยค่อยๆไหลลื่นไปสู่
การปกครองแบบเผด็จการทหาร และทําลายศักยภาพของภูมิภาค
อาเซียนด้วยระบบทีโ่ หดร้ายในระดับเดียวกับรัฐบาลทหารพม่า ความ
มืดบอดด้วยความเกลียดชังทีพ ่ วกเขามีตอ
่ ทักษิณ อํามาตย์และหมู่
มิตรในพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่เคยยับยั้งการกระทํา
ของตัวเองแม้ว่าจะเกิดผลกระทบระหว่างประเทศร้ายแรงตามมา
6. ฤดูร้อนสีดําของประเทศไทย : การสังหารหมู่คนเสื้อ
แดง
ด้วยความโกรธและคับข้องใจทีถ ่ ก
ู ทําลายเจตจํานงของตนซ้าํ แล้วซ้า
ํ
เล่า ตลอดจนการปราบปรามการแสดงความเห็นทางการเมืองอย่าง
เป็นระบบต่อ สมาชิกและผูท ้ เ่ี ห็นอกเห็นใจกลุม่ แนวร่วมประชาธิปไตย
ขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือที่รู้จักกันในนาม “คนเสื้อแดง”
หลายแสนคนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศจึงเริ่มเคลื่อนสู่กรุงเทพฯ ใน
วันที่ 12 มีนาคม 2553 โดยประกาศว่าจะไม่เลิกชุมนุมจนกว่านาย
อภิสิทธิ์จะยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มคน
เสื้อแดงออกมาเรียกร้องบนท้องถนนของเมืองหลวง กรณีที่รับรู้กันดี
คือการชุมนุมครัง้ ใหญ่ทเ่ี มือ่ เดือนเมษายน 2552 อย่างไรก็ตาม การ
ชุมนุมครัง้ ใหม่นถ้ี กู อธิบายว่าเป็น “สงครามต้านเผด็จการครั้ง
สุดท้าย” สองเดือนให้หลัง กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงปักหลักอยู่หลังแนว
ป้องกัน ซึง่ สร้างขึน้ รอบจุดยุทธศาสตร์และจุดทีม ่ ค
ี วามหมายเชิง
สัญลักษณ์
6.1 คนเสื้อแดงต้องการอะไร
สําหรับ นปช. แล้ว การแสดงพลังครั้งนี้คือผลจากการทํางาน
ด้วยความอุตสาหะตลอดหลายปี เป็นก่อตัวขึ้นหลังการรัฐประหาร
โดยกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอํานาจ
กลุ่มคนเสื้อแดงกลายมาเป็นพลังกดดันเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่
ประชาธิปไตยในช่วงเวลาหลายปีทถ ่ี ก
ู แทรกแซง ขอบคุณความ
พยายามอย่างไม่รู้เหนื่อยที่สร้างความตระหนักรู้ ระดมกําลัง
สนับสนุน และสร้างองค์กรทีซ ่ บ
ั ซ้อนขยายไปทัว ่ พืน
้ ทีข
่ องประเทศ ถือ
เป็นขบวนการทางสังคมที่กว้างขวางที่สุดเท่าที่เคยปรากฎขึ้นใน
ประวัติศาสตร์ไทย จนอาจบอกได้วา่ ในขณะนี้ นปช. ก่อให้เกิด
ขบวนการประชาธิปไตยทีใ่ หญ่ทส ่ี ด
ุ ในเอเชีย
เนื่องจากกลุ่มคนเสื้อแดงได้รับแรงสนับสนุนจํานวนมากจาก
ภาคเหนือของไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ยากแค้น ชนชัน ้ ล่างใน
เมือง กลุ่มคนที่สนับสนุนและนักวิจารณ์จึงมักอธิบายไปในทาง
เดียวกันว่าการต่อสู้ของพวกเขาเป็น “การต่อสู้ทางชนชั้น” แม้วา่
ชนชั้นจะเป็นตัวชี้วัดที่สําคัญอย่างยิ่งต่อวิกฤตทางการเมืองของไทย
แต่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ต่อสู้ใน “สงครามชนชั้น” ระหว่างคนจนกับ
คนรวย
นปช.ไม่ได้มจ
ี ด
ุ มุง่ หมายทีจ
่ ะขจัดความแตกต่างทางชนชัน ้ หรือ
แก้ไขโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมของประเทศ อันที่จริง แม้ว่าการ
เรียกร้องมาตรการความยุติธรรมทางสังคมและโอกาสทางเศรษฐกิจ
จะเป็นองค์ประกอบหลัก แต่กลุม ่ คนเสือ้ แดงให้ความสําคัญกับ
แนวคิดเรือ
่ ง “โอกาสที่เท่าเทียม” และ “ความเสมอภาค” แบบเดียว
กับการเคลื่อนไหวกระแสหลักที่ต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมืองมากกว่าความคิดเรื่องความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ
ตามแบบฉบับของลัทธิมาร์กซ
โดยแท้จริงแล้ว การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเป็นเรื่องของ
เศรษฐกิจน้อยกว่าเรื่องของการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อสู้
เพื่อการถูกนับรวมและสิทธิในการออกเสียงทางการเมืองอย่าง
สมบูรณ์ นปช.ได้สรุปประเด็นทางการเมืองของพวกเขาไว้ในหลัก 6
ประการ เพื่อเน้นให้เห็นถึงมิติการต่อสู้ทางการเมืองของพวกเขา
ที่มากกว่าความไม่พอใจทางเศรษฐกิจ:
1) เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายทางการเมืองการปกครองคือระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเ์ ป็นประมุข ทีอ ่ าํ นาจอธิปไตยเป็น
ของประชาชนไทยอย่างแท้จริง เราปฎิเสธความพยายามใดๆ ทั้งใน
อดีตและอนาคต ในการใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือเพื่อปิดปาก
ความเห็นต่างหรือเพือ ่ ขับเคลือ
่ นประเด็นโดยจําเพาะเจาะจง
2) ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 นํารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้
และปรับปรุงแก้ไขด้วยขั้นตอนที่โปร่งใส ผ่านการปรึกษาหารือและ
เป็นประชาธิปไตย
3) ผสานคนไทยเข้าด้วยกันเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการเมือง
และเศรษฐกิจสังคม โดยใช้พลังของประชาชนเอง
4) ทําให้เกิดนิติรัฐ กระบวนการยุติธรรม และระบบความ
ยุติธรรมที่เท่าเทียม ปราศจากการขัดขวางหรือสองมาตรฐาน
5) รวบรวมคนไทยผู้รักประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และความ
ยุติธรรมโดยเสมอหน้าทุกภาคส่วนของสังคม เพือ ่ รือ
้ ถอนและก้าวให้
พ้นระบอบอํามาตยาธิปไตย
6) ใช้สนั ติวธ
ิ เี พือ
่ บรรลุเป้าหมายข้างต้น
เช่นเดียวกับขบวนการทางสังคมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อก่อให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คนเสื้อแดงได้ใช้เป้าหมายอย่างกว้างๆ
เพือ
่ ดึงดูดความสนใจจากผูม ้ ส
ี ท
ิ ธิเ์ ลือกตัง้ ทีม
่ ค
ี วามหลากหลายซึง่ อาจ
ไม่จําเป็นต้องมีอุดมการณ์ใดร่วมกันโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม โดย
แก่นแล้ว ขบวนการคนเสื้อแดงก็สู้เพื่อประเทศไทยที่เป็น
ประชาธิปไตย กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศไทย
ไปสู่ประเทศที่ให้ความสําคัญกับการเลือกตั้ง รัฐบาลจากการเลือกตั้ง
มีอาํ นาจปกครองอย่างแท้จริง และพลเมืองทุกคนได้รับการประกัน
สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองขั้นพื้นฐาน ที่สําคัญที่สุด ผู้
สนับสนุน นปช. ก็คือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งซึ่งมีสิทธิ์เป็นผู้มีส่วนร่วมอย่าง
เต็มทีแ่ ละเท่าเทียม แต่ไม่เคยเป็นทีย ่ อมรับ เนื่องมาจากระดับรายได้
ของพวกเขา รวมถึงสถานะทางสังคม การศึกษา ถิ่นฐานบ้านเกิด
และภูมห ิ ลังชาติพน
ั ธุ์ สําหรับพวกเขาแล้ว การต่อสู้ของคนเสื้อแดงใน
ประเด็นเรื่องชนชั้นนั้น สําคัญน้อยการต่อสู้เพื่อการยืนยันว่า พวกเขา
มีความเสมอภาคเทียบเท่ากลุ่มอํานาจเก่าในกรุงเทพฯ จํานวนน้อย
ซึ่งผูกขาดอํานาจทางการเมืองมาอย่างยาวนานโดยอ้างว่าเสียงข้าง
มากโง่เขลา ไร้การศึกษา และซือ ้ ได้งา
่ ย เกินกว่าจะวางใจให้เลือกผู้
ปกครองประเทศ
6.2 มาตรการอันผิดกฎหมายของการรณรงค์ประหัตประหาร
และความรุนแรง
ก่อนที่ นปช.จะเริม่ ประท้วงต่อต้านการช่วงชิงเจตจํานงของ
ประชาชนครัง้ ล่าสุด รัฐบาลอภิสิทธิ์พยายามปิดปากผู้ที่เห็นต่างด้วย
การใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและพ.ร.บ.การกระทําผิด
เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์ เฉพาะในปี 2552 มีรายงานว่าศาลรับฟ้องคดี
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (การกระทําความผิดต่อมาตรา 112 ของ
ประมวลกฎหมายอาญาของไทย) จํานวน 164 คดี มากกว่าสถิติของปี
2550 ซึ่งเป็นช่วงหลังรัฐประหารที่มีอยู่ 126 คดี และมากกว่าสองเท่า
ของคดีในปี 2551 ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของพรรคพลังประชาชน
(77 คดี) ควรจะต้องตั้งข้อสังเกตด้วยว่าจํานวนคดีสูงสุดก่อนการ
รัฐประหารที่บันทึกไว้ในปี 2548 มีการรับฟ้อง 33 คดี และผลจาก
ความเข้มงวดของกฎหมายและความไม่เต็มใจของสือ ่ กระแสหลักใน
การเปิดพื้นที่เพื่อถกเถียงในเรื่องซึ่งอาจทําลายภาพลักษณ์ของ
สถาบันกษัตริย์ ทําให้คดีจํานวนมากหายไปจากการนําเสนอของสื่อ
ในระดับชาติและนานาชาติ
นอกจากนี้ ปี 2552 ยังเป็นปีแห่งการฟ้องร้องอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
บางคดีมีการตัดสินและลงโทษอย่างรุนแรงต่อนักกิจกรรมเสื้อแดงซึ่ง
ถูกกล่าวหาด้วยความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หนึ่งปีก่อน
หน้า เมื่อครั้งที่ นปช.ตัง้ เวทีขนาดเล็กต่อต้านการชุมนุมทีย ่ ด ื เยือ
้ ของ
พันธมิตรประชาชนเพือ ่ ประชาธิปไตย สิง่ ทีร่ บกวนจิตใจทีส ่ ด ุ คือคดี
ของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล (ดา ตอร์ปิโด) ซึง่ พิพากษาคดีไปเมือ ่ วันที่
28 สิงหาคม ให้จา ํ คุก 18 ปี สําหรับความผิดฐานหมิ่นพระบรม
เดชานุภาพ 3 กระทง (หนึ่งกระทงต่อหนึ่งการกระทําผิด) จากการ
ปราศรัยของเธอ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 การพิจารณาคดีของเธอ
เป็นไปอย่างปิดลับด้วยเหตุผลเรือ ่ ง “ความมัน ่ คงของชาติ” ดา
ตอร์ปิโดต่างจากผู้ต้องหาส่วนใหญ่ที่ถูกตั้งข้อหาคล้ายคลึงกันและถูก
ปฏิเสธหลักการตามกระบวนการยุติธรรม เธอปฏิเสธทีจ ่ ะยอมรับข้อ
กล่าวหา สิ่งที่เธอได้รับกลับมาไม่ใช่เพียงโทษร้ายแรงเป็นพิเศษ
เท่านั้น ทันทีที่มีการพิพากษา เธอก็ถก ู ขังเดีย่ วและให้เปลีย ่ นป้ายชือ ่
ซึ่งระบุถึงฐานความผิดของเธอ ซึ่งทําให้เธอเป็นเป้าในการถูกคุกคาม
การใช้ พ.ร.บ.การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในทางที่ผิดมี
ส่วนทําให้การฟ้องร้องด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
สมบูรณ์ขึ้น พันตํารวจเอกสุชาติ วงศ์อนันต์ชย ั ผู้ตรวจราชการ
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ออกมายอมรับเมือ ่
เร็วๆ นีว
้ า
่ ได้ปิดกั้นเว็บไซต์ที่กระทําผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไปแล้วก
ว่า 50,000 เว็บไซต์
การดําเนินคดีในข้อหาการกระทําผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ท่ี
สาธารณะให้ความสนใจมากที่สุด 2 คดี ได้แก่ คดีของสุวช ิ า ท่าค้อ
และจีรนุช เปรมชัยพร สุวช ิ า ท่าค้อ ถูกจับกุมเมือ
่ เดือนมกราคม 2552
เนื่องจากโพสต์ภาพซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เขาถูก
พิพากษาในเวลาต่อมาด้วยโทษจําคุก 20 ปีจากความผิดตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย
แต่เนื่องจากให้การรับสารภาพจึงได้รับการลดโทษเหลือ 10 ปี และ
เมื่อถูกจําคุกอยู่ 1 ปี 6 เดือน ในที่สุด สุวิชาก็ได้รับพระราชทาน
อภัยโทษเมือ ่ วันที่ 28 มิถุนายน 2553
การใช้อํานาจอย่างเป็นระบบในการจัดการกับผู้กระทําผิด
ทางการเมืองทําให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ถูกประณามจากคณะกรรมการ
คุ้มครองผู้สื่อข่าว และองค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน จากการที่รัฐบาล
มีการฟ้องร้องดําเนินคดีและคุกคามคู่แข่งทางการเมือง ในเดือน
มกราคม 2553 ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชน
แสดงความเสียใจกับ "การถดถอยอย่างร้ายแรง" ของสิทธิมนุษยชน
ในไทย จากการสังเกตการณ์นับตั้งแต่อภิสิทธิ์ขึ้นเป็นรัฐบาล ตาม
รายงาน การไล่ล่าคู่แข่งทางการเมืองจะยังดําเนินต่อไปตราบเท่าที่
รัฐบาลชุดนีย้ งั อยูใ่ นอํานาจ จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารคนใหม่ ให้คา ํ มัน
่ ว่าจะมีการ
ปราบปรามต่อไปด้วยเหตุผลว่า "รัฐบาลให้เสรีภาพแก่ประชาชนมาก
เกินไป" โดยสอดคล้องกัน ในเดือนมิถุนายน คณะรัฐมนตรีได้แต่ง
ตั้งหน่วยงานใหม่คือ สํานักงานป้องกันและปราบปรามการ
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เพือ ่ กําจัดเนือ
้ หาในอินเทอร์เน็ตทีว ่ พ
ิ ากษ์
วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็จัดตั้งโครงการ
"ลูกเสือไซเบอร์" เพื่อแนะนําให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง
อินเทอร์เน็ตอย่าง "ถูกต้อง" ซึ่งในวันถัดมานั่นเอง มีผต ู้ อ
้ งหาคดี
ข่มขืนเด็กได้รับการประกันตัวและอนุญาตให้ออกนอกประเทศ กรม
สอบสวนคดีพเิ ศษ (ดีเอสไอ) ประกาศว่าพวกเขาได้จด ั ตัง้ เจ้าหน้าที่
300 นาย เพื่อตรวจสอบผู้ที่มีความเห็นหรือพฤติกรรม "เป็นภัยหรือ
ไม่ประสงค์ดี" ต่อสถาบันกษัตริย์ รักษาการผู้อํานวยการกรม
สอบสวนคดีพเิ ศษ พล.ต.เสกสรรค์ ศรีตุลาการ รายงานต่อสภาว่ามีผู้
ต้องสงสัยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพราว 2,000 รายที่กําลังอยู่ภาย
ใต้การสืบสวน เขากล่าวอีกว่าการกดดันจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง
ทําให้ดีเอสไอเริ่มกลายเป็น "เครื่องมือทางการเมือง"
- การใช้สองมาตรฐานในการบังคับใช้กฏหมายของรัฐบาล
ทําให้ความตึงเครียดทางการเมืองยิ่งทวีขึ้น และการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
หยั่งลึกมากขึ้น แกนนําและสมาชิก นปช. ถูกจับกุม กักขัง และตัง้ ข้อ
กล่าวหาทางอาญาหลังการชุมนุมยุติ แต่รฐ ั บาลกลับเพิกเฉยต่อข้อ
เรียกร้องของสาธารณะที่เรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์อย่างไม่
แบ่งแยกฝ่าย ซึ่งรวมถึงกรณีความรุนแรงซึ่งมีแรงจูงใจทางการเมือง
และการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุม ่ พันธมิตรประชาชนเพือ ่
ประชาธิปไตย หรือกลุม ่ คนเสือ
้ เหลือง ในช่วงที่มีการชุมนุมยึด
ทําเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมเิ มือ ่ ปี 2551 ซึ่งเปิดโอกาสให้
อภิสิทธิ์ได้ขึ้นสู่อํานาจ การยืดเวลาดําเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ยิ่ง
ทําให้สาธารณชนเข้าใจว่า พันธมิตรฯ ไม่จา ํ เป็นต้องรับผิดชอบทา
งกฏหมาย
รัฐบาลทหารของไทยอุปโลกน์ให้คนเสื้อแดงจํานวนมากมีแนว
โน้มว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ขณะเดียวกันยังมีความพยายามอย่าง
เป็นระบบในการทําลายความน่าเชือ ่ ถือของขบวนการคนเสือ
้ แดง
ด้วยการสั่งดําเนินคดี การคุกคาม และการใช้อา ํ นาจศาลพิเศษ ซึง่
รัฐบาลอภิสิทธิ์นํามาใช้กับกลุ่ม นปช. และศัตรูทางการเมืองของตน
อย่างไม่หยุดหย่อน นับตัง้ แต่ขน้ึ สูอ
่ า
ํ นาจในเดือนธันวาคม 2551โดย
กลไกของกองทัพ องคมนตรี ศาล และกลุ่มพันธมิตรฯ
6.3 บดขยี้เสื้อแดง
การตอบรับที่คนเสื้อแดงได้รับในกรุงเทพฯ มีหลากหลาย มี
รายงานว่าจริง ๆ แล้วผู้ชุมนุมเสื้อแดงส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
นปช. ได้รบั การสนับสนุนเป็นพิเศษจากประชาชนหลายล้านคนจาก
ภาคเหนือและภาคอีสานที่ย้ายเข้ามากรุงเทพฯ ทัง้ แบบถาวรและการ
ย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาล มีประชาชนจํานวนมากพอๆ กับเจ้าหน้าทีใ่ น
หน่วยงานความมั่นคงที่คอยให้กําลังใจพวกเขา เวลาทีพ ่ วกเขา
เคลือ
่ นขบวนไปทัว ่ เมืองตลอดหลายสัปดาห์ในช่วงต้นของการชุมนุม
เป็นไปได้ว่าชาวกรุงเทพฯยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ บางส่วนรู้สึกว่าการ
ดําเนินชีวต
ิ ไม่ได้รบ ั ความสะดวกอันเนือ
่ งมาจากการชุมนุมซ้าํ แล้วซ้า
ํ
เล่าของกลุม ่ "เสื้อสี" ขณะทีห่ ลายคนอาจไม่แน่ใจว่าการชุมนุมจะก่อ
ให้เกิดผลอะไร
แม้วา
่ ในช่วง 4 สัปดาห์แรกของการชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบ
สันติ จนแทบจะกลายเป็นงานรื่นเริง แต่เมือ่ มาถึงสัปดาห์ท่ี 2 ของ
เดือนเมษายน รัฐบาลก็ตัดสินใจขับไล่ผู้ชุมนุมออกไปจากถนน
กรุงเทพฯ ในปฏิบัติการสลายการชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน รัฐบาล
ออกประกาศสั่งห้ามชุมนุมในพื้นที่ ในวันที่ 7 เมษายน อภิสิทธิ์
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและตั้งศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์
ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นําโดยรองนายกรัฐมนตรีสุเทพ เทือกสุบรรณ ในวันที่
8 เมษายน ทหารบล็อกสัญญาณดาวเทียมสถานีโทรทัศน์พีเพิล
แชนแนล แต่เมื่อผู้ชุมนุมพากันไปชุมนุมที่สถานีโทรทัศน์ไทยคม
จังหวัดปทุมธานี ก็สามารถทําให้พีทีวีกลับมาออกอากาศได้ระยะหนึ่ง
รัฐบาลก็ตัดสัญญาณพีทีวีอีก
คนจํานวนมากถูกสังหารในช่วงที่เกิดเหตุรุนแรงวันที่ 10
เมษายน ขณะทีเ่ สือ ้ แดงใช้กอ ้ นหิน ประทัด ระเบิดขวด และอาวุธที่
ประกอบขึ้นเองอย่างง่ายๆ ตอบโต้กับกองกําลังทหารที่ติดอาวุธหนัก
เมื่อรัฐบาลยอมหยุดยิง มีผู้เสียชีวิต 27 คน ประกอบด้วยสมาชิก
นปช. 21 ราย และเจ้าหน้าที่ทหารอีกจํานวนหนึ่งซึ่งถูกสังหารโดย
กลุม่ คนลึกลับทีเ่ รียกว่า "ชายชุดดํา" ซึ่งยังไม่ชัดเจนเรื่องแรงจูงใจ
และไม่ทราบว่าอยูฝ ่ า
่ ยใด ปฏิบต ั ก
ิ ารสลายการชุมนุมทีล ่ ม
้ เหลวทําให้
การเผชิญหน้าตึงเครียดขึ้น ฝ่ายรัฐบาลรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อหาวิธี
การอื่นๆ แก้วิกฤติ ด้านกลุม ่ เสือ
้ แดงหันมาปักหลักชุมนุมต่อทีร่ าช
ประสงค์
3 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีประกาศแผนการปรองดอง ซึ่งในนั้นมี
ข้อเสนอจะจัดการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วย
โดยแลกกับการให้เสื้อแดงยอมยุติการชุมนุม ไม่มีหลักประกันใดว่า
อภิสิทธิ์จะยุบสภาตามที่เสนอ รัฐบาลไม่ได้ทําอะไรที่เป็นการส่ง
สัญญาณว่า จะผ่อนปรนมาตรการปิดกั้นสื่อที่ดําเนินมาอย่างเข้มข้น
ในช่วงที่มีการชุมนุมลงก่อนการเลือกตั้ง รวมถึงไม่มีการให้คํามั่นว่า
จะดําเนินสอบสวนที่เป็นอิสระในกรณีเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่ 10
เมษายน เสื้อแดงยอมรับข้อเสนอปรองดองของรัฐบาลแต่ก็ปฏิเสธข้อ
เสนอที่ปราศจากหลักประกันเหล่านั้น และหากมองย้อนกลับมาที่
ปัจจุบน ั การที่คนเสื้อแดงเคลือบแคลงในคําสัญญาของอภิสิทธิ์นั้น
เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
13 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังจากที่รัฐบาลถอนข้อเสนอให้มีการ
เลือกตั้ง พล.อ. ขัตติยะ สวัสดิผล ทหารนอกแถวที่รู้จักกันในนาม
เสธ.แดง ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นแกนนําสายฮาร์ดคอร์ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ
ด้วยสไนเปอร์ขณะยืนอยู่หน้าไมโครโฟนและกล้องและต่อหน้าต่อตา
ผู้สื่อข่าวตะวันตก ที่มุมหนึ่งของสวนลุมพินี กระสุนทีป ่ ลิดชีวต
ิ ของ
เสธ.แดง (เขาเสียชีวิตไม่กี่วันหลังจากนั้น) เป็นเพียงกระสุนนําทาง
ก่อนให้กับกระสุนอีกหลายพันนัดซึ่งทหารยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ ผู้
บริสุทธิ์ที่สัญจรไปมา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครและผู้สื่อข่าวในสัปดาห์ถัด
มา ขณะทีท ่ างเสือ้ แดงพยายามติดต่อเรียกร้องความช่วยเหลือจาก
ต่างชาติเพือ ่ เปิดทางสูก
่ ารเจรจาซึง่ จะนําไปสูก
่ ารแก้ปญ
ั หาด้วยวิธี
ทางการเมือง แต่รัฐบาลก็ยังเลือกบดขยี้พวกเขาด้วยกําลังทหาร มี
การลําเลียงกองกําลังทหารหลายพันนายด้วยรถหุ้มเกราะสู่ท้องถนน
ของกรุงเทพฯ
หลายวันหลังการลอบสังหารเสธ.แดง รัฐบาลปฏิเสธว่าไม่มี
ส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แม้วา ่ ก่อนหน้านีพ
้ วกเขา
ยืนยันว่าจะยิง "ผู้ก่อการร้าย" และก่อนหน้านี้ก็เคยระบุว่าเสธ.แดง
เป็น “ผู้ก่อการร้าย” การสังหารหมู่เกิดขึ้นทางทิศเหนือและทิศใต้ของ
พื้นที่การชุมนุมที่ราชประสงค์ รวมถึงพื้นที่แถวดินแดงและลุมพินี
ทหารประกาศให้พื้นที่บางแห่งเช่น ซอยรางน้ําซึ่งอยู่ทางทิศ
เหนือของพื้นที่ชุมนุมและถนนพระราม 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ เป็น "เขตใช้
กระสุนจริง" ทีน่ น ่ั ทหารได้รบั อนุญาตให้ยงิ ผูช้ ม
ุ นุมทุกคนทีพ ่ บซึง่ แทบ
ทัง้ หมดไม่มอ
ี าวุธ ผู้เห็นเหตุการณ์ที่ได้บันทึกในส่วนนี้ไว้อย่าง
ละเอียด คือ ผูส
้ อ่ื ข่าวทีช
่ อ
่ื นิค นอสติตซ์ ไม่วา่ จะโดยอุบต ั เิ หตุหรือ
ด้วยยี่ห้อของทหารไทยที่ไม่เคยไยดีชีวิตคนก็ตาม มีผู้สัญจรไปมา
จํานวนหนึง่ ได้รบ ั บาดเจ็บและถูกทหารยิงเสียชีวต ิ หนึ่งในคนเหล่านั้น
มีเด็กอายุ 10 ปีถูกยิงที่ท้องใกล้กับสถานีแอร์พอร์ทลิงค์มักกะสัน ใน
เวลาต่อมาโรงพยาบาลก็แถลงว่าเขาเสียชีวต ิ มีสิ่งที่ส่อให้เห็นว่าผู้สื่อ
ข่าวตกเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งใน
แนวหลังทหารที่ถนนพระราม 4 ได้ยน
ิ ทหารถามผูบ
้ งั คับบัญชาว่า "ยิง
ชาวต่างชาติกบ
ั นักข่าวได้ไหม?"
ทีน ่ า
่ อับอายทีส ่ ดุ คือการทีท ่ หารปิด "พื้นที่สีแดง" ไม่ให้อาสา
สมัครหน่วยแพทย์พยาบาลฉุกเฉินเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงระดมยิงใส่
เจ้าหน้าทีอ ่ าสาฯ ขณะทีพ ่ วกเขากําลังช่วยเหลือผูช ้ ม
ุ นุมทีไ่ ด้รบ
ั บาด
เจ็บ และกําลังทําหน้าทีก ่ ช
ู้ ว
ี ต
ิ ผูป
้ ระท้วงทีม
่ บ
ี าดแผลอีกเป็นจํานวน
มาก
การปะทะทีด ่ เุ ดือดและอันตรายถึงชีวต ิ ผ่านไปหลายวันทําให้
การป้องกันของเสื้อแดงอ่อนลงอย่างมาก ส่วนใหญ่แล้วพวกเขา
ป้องกันตนเองด้วยการเผายางอันเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ใน
การจะสกัดกั้นการรุกคืบของกองทัพสมัยใหม่ แม้กระทั่งความ
พยายามเจรจาต่อรองในครั้งสุดท้ายซึ่งยังคงค้างคาอยู่ในวันที่ 18
พฤษภาคม ก็ถูกรัฐบาลอภิสิทธิ์ปัดทิ้ง จนกระทั่งในวันที่ 19
พฤษภาคม ทหารก็ทะลวงผ่านแนวกั้นของเสื้อแดงได้ หลังจากนั้นไม่
นานนัก แกนนําเสื้อแดงที่ราชประสงค์ประกาศยุติการชุมนุมและยอม
มอบตัวกับตํารวจเพือ ่ ป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือดมากกว่านี้ ขณะ
ทีว
่ น
ั ที่ 19 พฤษภาคม 2553 กลายเป็นวันที่มืดมนที่สุดวันหนึ่งใน
ประวัติศาสตร์ไทย เพราะมีการสังหารหมู่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง
ประชาธิปไตยครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศ จํานวนผูเ้ สียชีวต ิ อาจจะ
เพิ่มอีกมากกว่านี้หากแกนนํานปช.ไม่ประกาศยุติการชุมนุมภายใน
เวลาทีเ่ กือบจะสายเกินไป
อย่างไรก็ตาม การยอมแพ้ของแกนนําเสื้อแดงก็ยังไม่ทําให้
การเข่นฆ่าจบลง หลายชั่วโมงหลังจากที่เสื้อแดงถูกสลายการชุมนุม
ประชาชนอีก 6 รายเสียชีวิตจากการโจมตีที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งถูก
กําหนดให้เป็นเขตอภัยทานของผูช ้ ม
ุ นุมเสือ
้ แดงทีต่ อ
้ งการหลบซ่อน
จากการใช้ความรุนแรง ผูส้ อ
่ื ข่าวต่างชาติทไ่ี ด้รบ
ั บาดเจ็บในพืน
้ ที่
อธิบายว่ามีสไนเปอร์ยิงจากมาจากบนรางรถไฟฟ้าเข้าใส่กลุ่มคนที่
ไม่มอ
ี าวุธในเขตอภัยทานของวัด ป็นส่วนหนึ่งของพลเรือนที่ถูกยิง
เสียชีวิตมีพยาบาลอาสานอกเครื่องแบบอยู่หนึ่งราย
6.4 มาตรการสากลว่าด้วยการใช้กําลัง
ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
พลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งคณะกรรมาธิการสิทธิ
มนุษยชนแห่งสหประชาชาติซง่ึ มีหน้าทีด ่ แ
ู ลและเป็นผูต้ ค
ี วาม โดย
คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ 18 คน
ตัง้ ขึน
้ โดยข้อบัญญัตข
ิ อง ICCPR เพือ่ ดูแลการบังคับใช้ ICCPR ใน
ความเห็นทั่วไปเรื่องสิทธิในการมีชีวิตอยู่ซึ่งได้รับการประกันไว้ใน
มาตรา 6 ของ ICCPR นั้น คณะกรรมการระบุว่า:
รัฐภาคีควรมีมาตรการ...ในการป้องกันไม่ให้เกิดการใช้อํานาจ
สั่งการสังหารประชาชนของตนเอง การที่ผู้มีอํานาจในรัฐปล่อย
ให้เกิดการสูญเสียชีวิตเป็นเรื่องที่สร้างแรงกดดันอย่างมาก
เพราะฉะนัน้ กฏหมายควรจะควบคุมอย่างเข้มงวดและจํากัด
สถานการณ์ที่จะนําไปสู่การสูญเสียในชีวิตจากการใช้อํานาจรัฐ
อย่างน้อยที่สุด หากจะให้เป็นไปตามพันธกรณีที่ระบุไว้ใน
ICCPR แล้ว รัฐต้องปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของสหประชาติ ใน
เรื่องการใช้กําลังและอาวุธของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฏหมาย (ตาม
"หลักการพื้นฐานของสหประชาชาติ") หลักการนี้มีไว้เพื่อช่วยให้
ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติเช่นไทยรับรองและสนับสนุนให้
เกิดการปฏิบต ั อ
ิ ย่างเป็นระบบขัน
้ ตอนของเจ้าหน้าทีผ ่ บ
ู้ งั คับใช้กฏ
หมาย หลักการเหล่านี้จะต้องได้รับการพิจารณาและต้องคํานึงถึง
ในกฏหมายส่วนท้องถิ่น รวมถึงระเบียบปฏิบต ั ข
ิ องประเทศสมาชิ
กอื่นๆ หลักการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยและการสังหารหมู่
เสื้อแดงอย่างยิ่ง โดยควรได้รับการคํานึงถึงขอบเขตที่เหมาะสมใน
การใช้กําลังในสถานการณ์ที่มีการชุมนุม รวมถึงกรณีเกิดการชุมนุม
ที่ไม่ถูกกฎหมายหรือเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงด้วย
หลักการพื้นฐานของสหประชาชาติเป็นหลักการที่ตั้งขึ้นโดยมี
ลดการใช้อาวุธร้ายแรงต่อพลเรือนให้น้อยที่สุด ดังนั้นหลักการของ
สหประชาชาติจงึ จําเป็นสําหรับผูบ
้ งั คับใช้กฎหมายทัง้ หมด :
หลักการข้อที่ 3 การพัฒนาหรือการวางกําลังอาวุธยับยั้งที่ไม่
อยู่ในขั้นร้ายแรง ควรกระทําอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะลดความ
เสี่ยงในการทําอันตรายต่อผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องและการใช้อาวุธนั้น
ควรมีการควบคุมอย่างดี
หลักการข้อที่ 5 เมือ
่ ใดก็ตามทีจ
่ า
ํ เป็นต้องใช้กา
ํ ลังและอาวุธ
อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เจ้าหน้าทีบ ่ งั คับใช้กฎหมายควร
a) ปฏิบัติอย่างอดกลั้นในการใช้กําลังและปฏิบัติตามสัดส่วน
ความร้ายแรงของสถานการณ์ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทาง
กฎหมาย
b) ทําให้เกิดความเสียหาย การบาดเจ็บให้นอ ้ ยทีส
่ ด
ุ รวมถึง
ควรเคารพและรักษาชีวต ิ มนุษย์
c) ทําให้แน่ใจว่าการช่วยเหลือและการรักษาพยาบาลสามารถ
เข้าถึงผู้ได้รับบาดเจ็บหรือคนที่ได้รับผลกระทบ โดยด่วนที่สุดเท่าที่จะ
เป็นไปได้
หลักการพื้นฐานของสหประชาชาติในเรื่องการสลายการชุมนุมมี
ดังนี้ :
หลักการข้อ 12 เมือ ่ ทุกคนได้รบั อนุญาตให้เข้าร่วมในการชุมนุม
ที่สงบและถูกกฎหมาย ตามหลักการของประกาศสิทธิมนุษยชน
และสนธิสัญญานานาชาติด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ
เมือง รัฐบาลและหน่วยงานทีบ ่ งั คับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่
ควรรับรูว้ า
่ กําลังและอาวุธจะใช้ได้กต ็ อ
่ เมือ
่ มีการปฏิบต
ั ต
ิ าม
หลักการข้อ 13 และ 14
หลักการข้อ 13 ในการสลายการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตาม
กฎหมาย แต่ไม่ได้มีความรุนแรง เจ้าหน้าทีบ
่ งั คับกฎหมายควร
หลีกเลี่ยงการใช้กําลัง หรือหากไม่สามารถกระทําได้ ก็ควรใช้
กําลังให้นอ
้ ยทีส
่ ด
ุ เท่าทีจ
่ า
ํ เป็น
แทนทีจ่ ะปฎิบตั ต
ิ ามหลักสากลในสลายการชุมนุม รัฐบาลกลับ
ใช้กองกําลังที่ได้รับการฝึกฝนอาวุธสงครามเพื่อสู้รบกับกองทัพของ
ต่างชาติเข้าไปสลายการชุมนุมเสื้อแดง กล่าวอย่างเรียบๆ คือ มัน
เป็นสิ่งที่กองทัพไทยทํามาตลอดเมื่อเจอกับการชุมนุมใหญ่ที่เรียกร้อง
ท้าทายอํานาจการควบคุมระบอบการเมืองของไทย พวกเขาละเลย
มาตรฐานสากลและใช้กําลังทหารกับผู้ชุมนุม
7. ฤดูกาลใหม่ของการปกครองโดยทหาร
กองทัพกลับมาควบคุมประเทศนีอ
้ ก
ี ครัง้ โดยต่างจากช่วงหลัง
รัฐประหารในปี 2006 การปกครองครั้งใหม่นี้ดําเนินการโดยใช้หลัก
กฎหมายมาบดบัง กล่าวอย่างเจาะจงคือ มาจากการใช้อา ํ นาจโดยมิ
ชอบผ่านร่างกฎหมายที่กดทับสิทธิ ทําให้เผด็จการทหารใหม่
สามารถเข้าสู่อํานาจได้โดยอยู่เหนือการตรวจสอบใดๆ ทั้งปวง และ
ลิดรอนสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง รวมถึงการคัดเลือก
กฎหมายมาบังคับใช้ให้ตรงกับความต้องการและผลประโยชน์ของ
ตนเท่านั้น การทีร่ ฐ
ั บาลปัจจุบน ั นํา พรก.ฉุกเฉิน มาใช้โดยมิชอบ ถือ
เป็นการลดทอนหลักนิตธ ิ รรมแทบทัง้ หมด ขาดก็แต่การประกาศ
รัฐประหารอย่างเป็นทางการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเสแสร้งว่ามี
ความชอบธรรมทางกฎหมายของรัฐบาลนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรประเมินผิด
พลาด การบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน และการขยายเวลาบังคับใช้ออกไป
อย่างไม่มีกําหนดถือเป็นการรัฐประหารเงียบ (ทั้งยังถือว่ารุนแรง
อย่างไม่อาจยอมรับได้) ในส่วนของคณะรัฐบาลอภิสิทธิ์และทหารที่
หนุนหลัง ในตอนนีม ้ น
ั ชัดเจนแล้วว่า พรก.ฉุกเฉินซึ่งยังคงถูกบังคับใช้
ต่อไป ไม่ใช่เพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เพือ ่ ให้อา
ํ นาจ
เผด็จการแก่รัฐบาลตามที่ต้องการ และเพือ ่ กําจัดคูแ
่ ข่งทางการเมือง
และเพื่อดํารงอํานาจทางการเมืองที่ได้มาโดยไม่ถูกต้องต่อไป
7.1 พระราชบัญญัติความมั่นคงภายใน
กฏหมายฉบับนี้ดํารงอยู่ภายใต้อํานาจการดําเนินงานของ
สํานักนายกรัฐมนตรี ภายใต้กฏหมายฉบับนี้ระบุว่า “ในเหตุการณ์ที่
ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน แต่ยงั ไม่จา ํ เป็นต้องประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐมนตรี คณะรัฐบาลจะลงมติให้ กองอํานวยการ
รักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) รับผิดชอบด้านการป้องกัน,
ปราบปราม และขจัดหรือบรรเทาเหตุการณ์ซง่ึ กระทบต่อความมัน ่ คง
ภายใน ภายในพืน ้ ทีแ
่ ละเวลาทีก
่ า
ํ หนด” กอ.รมน. เป็นหน่วยงาน
สาขาหนึ่งของกองทัพ ซึง่ มีหน้าทีป ่ กป้องความมัน่ คงในชาติจากภัย
ภายในประเทศโดยดําเนินงานภายใต้คําสั่งโดยตรงจากนายก
รัฐมนตรี ผู้ที่ตามพรบ. ระบุวา่ เป็น “ผู้อํานวยการความมั่นคงภายใน”
เมือ
่ มีการลงมติดงั กล่าวแล้ว รัฐบาลของประเทศจะไม่ใช่
รัฐสภา, คณะรัฐมนตรี, ศาลอีกต่อไป แต่จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้
อํานวยการ, มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นรักษาการผู้อํานวยการ
และเสนาธิการเหล่าทัพเป็นเลขาธิการ สิ่งที่พอจะทําหน้าที่แทรกแซง
ระหว่างสองขัว ้ อํานาจได้คอื คณะรัฐบาล แต่อท
ิ ธิพลนัน
้ ต่า
ํ มาก
เนื่องจากถูกจํากัดโดยการรับรองการพิจารณาผ่านนายกรัฐมนตรีผู้
มีอาํ นาจในการ “อนุมต ั ม
ิ ติดงั ต่อไปนี้”
1. ให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องกระทําการ หรืองดเว้นกระทําการ
ใด ๆ
2. ห้ามการเข้า-ออก อาคาร สถานที่ หรือพื้นที่ที่กําหนดในช่วงที่
มีการปฏิบัติการ เว้นแต่จะมีการอนุญาตจากเจ้าหน้าทีผ ่ ม
ู้ ค
ี ณ
ุ สมบัติ
หรือเป็นผู้ที่ได้รับการงดเว้น
3. ห้ามการออกจากอาคารที่พักอาศัยภายในเวลาที่กําหนดไว้
4. ห้ามการพกพาอาวุธภายนอกเขตอาคารที่พักอาศัย
5. ห้ามการใช้เส้นทางหรือยานพาหนะ หรือกําหนดสภาพการ
ใช้เส้นทางหรือยานภาหนะ
6. เพื่อสั่งการให้บุคคลกระทําหรือยับยั้งการกระทํา ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายต่อชีวิต,
เลือดเนือ้ หรือทรัพย์สินของประชาชน
ข้อที่ 2 - 6 มีไว้เพียงเพือ
่ เพิม
่ ความชัดเจน เพราะขอบเขตอํานาจ
ของนายกรัฐมนตรีถูกระบุไว้หมดแล้วในข้อที่ 1 คืออํานาจในการ “ให้
เจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องกระทําการ หรืองดเว้นกระทําการใด ๆ” นีค ่ อ
ื
การใช้อา ํ นาจจากการอนุมต ั ิ “มติ” ของนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้อง
ผ่านสภา ไม่ผ่านการตรวจสอบโดยวิถีทางประชาธิปไตย ไม่มีการ
พิจารณาของรัฐสภา มีเพียงนายกรัฐมนตรี, คณะรัฐบาล และกองทัพ
เท่านัน
้ ทีม่ อ
ี า
ํ นาจปกครอง นี่คือสถานภาพความเป็นนิติรัฐของ
ประเทศไทย ตัง้ แต่ 11 มีนาคม 2010 เป็นต้นมา
7.2 การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ตามมาตราที่ 9 ของพระราชกําหนดการบริหารงานใน
สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) รัฐบาลมีการสั่งห้ามไม่
ให้มี “การชุมนุมหรือรวมตัวร่วมกันกระทําการตั้งแต่ 5 คนขึน
้ ไป”
รวมถึง “การกระทําใด ๆ ที่ยั่วยุให้เกิดความไม่สงบ” ภายใต้ความ
หมายดังนี้
การกีดขวางทางจราจรในลักษณะที่ทําให้การคมนาคมตาม
ปกติมอิ าจกระทําได้
การปิดกั้นทางเข้า-ออก อาคารหรือสถานที่ในทางที่จะเป็นการ
กีดขวางการขนส่ง การทําธุรกรรม หรือการดําเนินชีวต
ิ ประจํา
วันของประชาชนทัว ่ ไป
การโจมตีหรือใช้กําลังในทางที่จะสร้างความเสียหาย ความ
หวาดกลัว ความวุน ่ วาย และความวิตกกังวลต่อความปลอดภัยใน
ชีวต
ิ เลือดเนือ
้ และทรัพย์สิน ของประชาชน
การไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าหน้าที่ผู้มีคุณสมบัติเกี่ยวข้องกับ
การชุมนุม ผู้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสงบและป้องกันไม่ให้เกิด
ความวุน
่ วายต่อชีวต ิ ประจําวันของประชาชน
พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินให้อํานาจ
รัฐบาลในการสถาปนาอํานาจทางกฎหมายจอมปลอม ซึง่ เป็นผลให้
เกิดการสลายการชุมนุมที่ผิดพลาด อย่างเช่นกรณีสลายการชุมนุม
คนเสือ้ แดงเมือ่ 10 เม.ย. ในวันที่ 13 พ.ค. วันที่ เสธ.แดง ถูกลอบ
สังหาร มีการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปยัง 15 จังหวัดในภาคกลาง ภาค
เหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่มีการสลายการชุมนุมคน
เสือ
้ แดงเมือ
่ วันที่ 19 พ.ค. มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกินพื้นที่กว่า 24
จังหวัด จาก 76 จังหวัดของประเทศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงมีผลบังคับใช้
แม้รัฐบาลจะยกเลิกประกาศห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิวส์)
ล่าสุด พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงมีผลบังคับใช้ใน 19 จังหวัดจนถึงต้นเดือน
ตุลาคมโดยไม่มท ี ท่ี า
่ ว่าจะยกเลิก (หมายเหตุจากผูแ ้ ปลเอง มติ ครม.
21 ก.ค. มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัด ส่วนอีก 16 จังหวัดที่ยัง
คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี
จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย
จ.อุบลราชธานี จ.มหาสารคาม จ.หนองบัวลําภู จ.มุกดาหาร
จ.อุดรธานี จ.นครราชสีมา จ.ชัยภูม,ิ จ.ขอนแก่น จ.ชลบุรี และ
จ.สมุทรปราการ)
นี่เป็นเพียงการแทนที่หลักนิติรัฐด้วยความคิดเพ้อฝันของพวก
เขาเอง ด้วยวิธีนี้ ทําให้เสรีภาพของพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ของชาวไทยซึ่งมีหลักประกันคือรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกระงับชั่วคราว
รัฐธรรมนูญฉบับนี้เองที่นายกรัฐมนตรีและกองทัพผู้หนุนหลังหวังว่า
จะนํามาใช้หยุดยั้งการท้าทายต่ออํานาจการปกครองอันไม่ชอบธรรม
ของพวกเขา บรรดาผู้ท้าทายเหล่านี้ยังคงต่อต้านโดยมีราคาที่ต้อง
จ่ายคือชีวต ิ อวัยวะ หรือเสรีภาพของพวกเขา
ควรบันทึกด้วยว่า วิธีการที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินบังคับใช้หลังการ
สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้สร้างวิธีปฏิบัติของ
รัฐบาลเป็นสองมาตรฐาน นอกจากที่แกนนําหลักของ นปช. ยังคงถูก
ควบคุมตัวและมีความเป็นไปได้ทจ ่ี ะถูกตัดสินประหารชีวติ จากข้อหา
ก่อการร้ายแล้วนั้น และเมือ ่ 10 มิ.ย. มีรายงานว่ารัฐบาลได้จับผู้ที่
เกีย
่ วข้องกับคนเสือ ้ แดงแล้ว 417 คน ส่วนใหญ่ถูกตั้งข้อกล่าวหา
ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในจํานวนนี้มีหลายรายที่ถูกสอบสวนและตัดสิน
โทษภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากถูกจับ และเมือ ่ 26 มิ.ย. นาย
สมบัติ บุญงามอนงค์ นักกิจกรรมถูกควบคุมตัวและตั้งข้อหาฝ่าฝืน
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะที่เขาผูกริบบิ้นสีแดงที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อ
รําลึกถึงผู้ที่ถูกสังหารโดยรัฐซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนก่อน
หน้า
การทีร่ ฐ
ั บาลควบคุมบังคับคนเสือ้ แดงอย่างสุดขัว
้ นัน
้ ขัดแย้ง
อย่างยิ่งกับการผ่อนปรนให้กับการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินทีม ่ รี ป
ู แบบ
ใกล้เคียงกันของผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย/กลุม ่
คนเสื้อหลากสี และองค์กรของพวกเขาที่กระทําในช่วงเวลาเดียวกัน
ไม่มีใครถูกจับระหว่างที่นักกิจกรรมฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลนับพัน
ชุมนุมทีล่ านพระบรมรูปทรงม้าและ ถ.สีลม ในการฝ่าฝืน
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ห้ามการรวมกลุ่มทางการเมืองใดๆ ในขณะทีค ่ นเสือ
้
แดงชุมนุมที่ราชประสงค์นั้น เมือ ่ 22 เม.ย. กลุม ่ “เสื้อหลากสี” ถูก
ตํารวจไล่ตามหลังจากผูช ้ ม
ุ นุมเหล่านีโ้ จมตีทช
่ี มุ นุมของคนเสือ
้ แดงซ้า
ํ
แล้วซ้าํ เล่า แต่คนเสื้อหลากสีนี้ก็ได้รับการอารักขาอยู่หลังแนวทหาร
บันทึกวิดโี อได้แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าทีท ่ หารเล็งปืนมายังศีรษะของ
เจ้าหน้าที่ตํารวจซึ่งอยู่ระหว่างไล่จับกองกําลังของฝ่ายสนับสนุน
รัฐบาล
7.3 การควบคุมข้อมูลข่าวสาร
ในช่วงเวลาของการดํารงตําแหน่ง รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้พยายาม
ควบคุมการแพร่กระจายข้อเท็จจริงและความคิดเห็นทีม ่ ตี อ ่ เหตุการณ์
ที่เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับรัฐบาลด้วยการใช้ พ.ร.บ.การกระ
ทําความผิดเกีย ่ วกับคอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างเข้ม
ข้น โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่แต่งตั้งโดยทหารผ่านกฎหมายนี้
ออกมา เมือ ่ 10 มิ.ย. 2550 โดยสิ่งที่แทรกอยู่ในเนื้อหาของ
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คือ บทบัญญัติที่เกี่ยวกับการระบุความผิดเกี่ยว
กับการเผยแพร่ข้อความในคอมพิวเตอร์ “ทีอ ่ าจกระทบกระเทือนต่อ
ความมัน ่ คงแห่งราชอาณาจักร … หรือ [] มีลก ั ษณะขัดต่อความสงบ
เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึง่ บทบัญญัตท ิ ค่ี ลุมเครือนี้
ต้องตีความโดยอัตวิสัยอย่างยิ่ง และด้วยความดกดื่นของการสื่อสาร
ด้วยอินเทอร์เน็ตซึ่งมีเครื่องมือทลายการปิดกั้นอย่างทรงพลัง ทําให้
รัฐบาลพบว่ามีความจําเป็นต้องใช้กฎหมายที่มีเนื้อหากีดกันเสรีภาพ
นี้ในทางตรงข้ามกับสิ่งที่กฎหมายบัญญัติ ในช่วงทีม ่ ก
ี ารชุมนุมรอบ
ล่าสุด เว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลจึงถูกสั่งปิดกั้น
(บล็อก) โดยไม่มีการยื่นเรื่องร้องขอต่อศาล
เมือ
่ ไม่นานมานี้ ศูนย์อํานวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
(ศอ.รส.) ซึ่งตั้งตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราช
อาณาจักร และ ศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึง่
ตั้งหลังจากประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้เพิ่มมาตรการยับยั้งการเผย
แพร่ข้อเท็จจริงที่รัฐบาลไม่ต้องการให้เปิดเผย และข้อมูลทีร่ ฐ ั บาลไม่
พอใจ ผ่านการบังคับใช้กฎหมายโดยอ้างตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยทั้ง
ศอ.รส. และ ศอฉ. ได้ปิดกั้นเว็บไซต์โดยอ้างตามประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉิน ในขณะทีเ่ ว็บไซต์ทถ ่ี ก
ู ปิดนีม
้ ก
ั เกีย
่ วข้องกับการชุมนุมต่อต้าน
รัฐบาล เว็บข่าวอิสระ และเว็บไซต์ทเ่ี ปิดให้แสดงความคิดเห็นรวมอยู่
ด้วย ทั้งนี้ ตามทีโ่ ฆษกรัฐบาลแถลงชีแ ้ จง เว็บไซต์ทถ
่ี ก
ู ปิดเนือ
่ งจาก
เผยแพร่ข้อมูลที่ “เป็นเท็จ” อย่างเช่น “อภิสิทธิ์อนุญาตให้ใช้กําลัง
จัดการผู้ชุมนุม
ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม
PTV นิตยสาร 5 ฉบับ สถานีวิทยุชุมชนซึ่งดําเนินการโดยผู้ชุมนุมเสื้อ
แดง ทั้งนี้โดยอ้างตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการปิดกัน ้ ถือเป็น
เรื่องจําเป็นอีกครั้งหนึ่ง โดยนายอภิสิทธิ์ระบุว่า “เพื่อฟื้นฟูสันติภาพ
และความสงบเรียบร้อยและเพื่อหยุดการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดไปยัง
สาธารณชนชาวไทย”
7.4 เสื้อแดงนะหรือคือผู้ก่อการร้าย
พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.
2548 อ้างถึงสถานการณ์ที่รัฐบาลอาจจะระงับสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ของประชาชนได้หลายทาง ซึง่ ก่อให้เกิดคําถามต่อความเหมาะสม
ของการประกาศใช้และการยืดอายุ พ.ร.ก.ออกไปอย่างไม่มีกําหนด
โดยอ้างตาม พ.ร.ก. ในมาตรา 11 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึง่ ให้อา ํ นาจ
รัฐบาลอย่างกว้างขวางที่สุด เป็นตัวอย่าง "ในกรณีที่สถานการณ์
ฉุกเฉินมีการก่อการร้าย การใช้กาํ ลังประทุษร้ายต่อชีวติ ร่างกาย
หรือทรัพย์สิน หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทําที่มีความรุนแรง
กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวต ิ หรือทรัพย์สน
ิ
ของรัฐหรือบุคคล" ข้ออ้างในการใช้อํานาจอย่างเผด็จการทําให้
รัฐบาลต้องทําการรณรงค์ผ่านสื่อโดยมีเป้าหมายที่จะอธิบายภาพ
ของคนเสือ้ แดงว่าเป็นขบวนการเคลือ
่ นไหวทีใ่ ช้ความรุนแรงอันเป็น
ภัยต่อความเป็นเอกภาพและความมัน ่ คงของชาติไทย
ข้อกล่าวหาทีถ
่ ก
ู นํามาใช้กบ
ั คนเสือ
้ แดงมากทีส
่ ด
ุ คือการบอกว่า
วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือการสร้าง “รัฐไทยใหม่” ซึง่ จะ
ทําให้ปราศจากสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะ และแทนที่
ด้วยระบอบสาธารณรัฐที่ปกครองโดยประธานาธิบดี ซึ่งอย่างน้อยใน
ช่วงเริ่มต้น สันนิษฐานกันว่าจะนําโดยทักษิณ ชินวัตร ข้อกล่าวหานีม ้ ี
ความเป็นมาอย่างยาวนาน ดังทีไ่ ด้กล่าวไปแล้วว่า ฝ่ายตรงข้ามของ
ทักษิณอ้างเหตุผลเรื่องความจําเป็นในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ใน
การต่อสู้เพื่อกําจัดเขาออกจากตําแหน่ง ข้อกล่าวหานีต ้ ด ิ ต่อมาถึง
กลุ่มคนเสื้อแดง แม้วา ่ แกนนําจะปฎิเสธเรือ
่ งนีซ
้ า
ํ้ แล้วซ้า
ํ เล่า
ในการแถลงของรัฐบาลต่อสาธารณะหลายครั้งนั้น จากเดิมที่
คนเสื้อแดงถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติได้ถูกขยาย
จนกลายเป็น “ผู้ก่อการร้าย” คนเสื้อแดงถูกกล่าวหาว่ายั่วยุหรือ
กระทําการเพื่อให้เกิดความรุนแรง หลังสลายการชุมนุม รัฐบาลยื่น
ฟ้องข้อหาก่อการร้ายกับแกนนํา นปช.หลายสิบคนรวมถึงทักษิณ ชิน
วัตร ซึ่งถูกกล่าวหาโดยปราศจากหลักฐานว่า เกี่ยวข้องโดยตรงกับ
การกระทําการก่อการร้ายและเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแก่การ
ชุมนุม
อินเตอร์เนชัน
่ แนลไครซิสกรุป
๊ กลุ่มแก้ปัญหาวิกฤติระหว่าง
ประเทศ (International Crisis Group) ลงความเห็นว่า “เป็นเรื่องยาก
ทีจ
่ ะอธิบายว่า บทบาทของทักษิณต่อเหตุการณ์ความรุนแรงเมือ ่ เร็วๆ
นี้ เข้าข่ายคําจํากัดความของการก่อการร้าย แบบทีแ ่ พร่หลายใน
ระหว่างประเทศ” แกนนําคนเสื้อแดง 10 คนไม่ได้รบ ั อนุญาตให้
ประกันตัว ตัง้ แต่หลังการปราบปรามเป็นต้นมา
ท้ายที่สุด รัฐบาลก็คงยืนยันว่าเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นทั่ว
กรุงเทพฯ จํานวน 39 แห่งนั้นเกิดขึ้นจาก “การวางแผนและการเตรี
ยมการอย่างเป็นระบบ” อย่างไรก็ตาม ศอฉ. ไม่สามารถอ้างหลัก
ฐานที่น่าเชื่อถือว่ามีการสมรู้ร่วมคิด แกนนําเสื้อแดงส่วนใหญ่ถูก
ควบคุมตัวแล้วในช่วงทีม ่ ก
ี ารวางเพลิงและได้ประกาศให้ผช ู้ มุ นุม
สลายการชุมนุมไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คําถามที่สําคัญยังคงเป็นเรื่อง
ของเวลาที่เกิดเหตุที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และความเสีย
หายจากการกระทําของกองทัพซึ่งส่งผลต่อความรวดเร็วในการเดิน
ทางไปยังทีเ่ กิดเหตุของเจ้าหน้าทีด ่ บั เพลิงเพือ
่ ดับไฟ ที่เลวร้ายที่สุดก็
คือมีหลักฐานบ่งชีว ้ า
่ เพลิงนัน
้ ถูกจุดขึน้ ด้วยความขุน ่ ข้องหมองใจของ
ผู้สนับสนุนฝ่ายเสื้อแดงในสภาพไร้การนํา ผู้ที่ได้รู้เห็นช่วงเวลาแห่ง
การสังหารหมู่ ซึง่ ทหารได้คร่าชีวต ิ คนในครอบครัว เพื่อน และเพือ ่ น
ร่วมอุดมการณ์ของพวกเขา แต่แม้ในบริบทเช่นนัน ้ ก็ตาม การทําลาย
อาคารพาณิชย์ที่ทําประกันภัยไว้อยู่แล้วถือเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้
ขณะที่โศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่ได้เปิดเผยตัวก่อนจะเกิดเหตุการณ์
การวางเพลิงที่คนเสื้อแดงถูกหาว่าเป็นผู้ก่อขึ้น กลับเป็นเรือ ่ งทีไ่ ม่
ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้
แม้จะขาดแคลนพยานหลักฐานทีน ่ า่ เชือ
่ ถือ แต่การวาดภาพคน
เสื้อแดงในฐานะ “ผู้ก่อการร้าย” ก็สร้างเหตุผลสนับสนุนให้ฝ่าย
รัฐบาลใช้อาํ นาจเผด็จการและอ้างเป็นความจําเป็นในการสลายการ
ชุมนุมด้วยความรุนแรงอย่างทีเ่ คยทําเมือ่ วันที่ 10 เมษายนอีกครั้ง
และนําไปสู่การสลายไปของการประท้วงในวันที่ 19 พฤษภาคม
มันมีคา่ ควรแก่การหมายเหตุไว้ดว ้ ยว่า การวาดภาพปีศาจ
อย่างเป็นระบบให้กบ ั ผูช้ ม
ุ นุมซึง่ เป็นฝ่ายนิยมประชาธิปไตย เพื่อสร้าง
การสนับสนุนจากสาธารณะให้แก่ฉากต่อเนื่องของความรุนแรงโดย
รัฐ เป็นเทคนิคที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานในประเทศไทย ในเหตุการณ์
เมื่อไม่นานนี้ก็เช่นกัน ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ผู้ประท้วงถูก
วาดภาพว่าเป็น “นักปฏิวัติ” หัวรุนแรง ดังนัน ้ แล้ว รัฐบาลทหารจึงทํา
เช่นเดียวกับทีท่ า
ํ อยูข
่ ณะนีค ้ อ
ื กล่าวหาผูป ้ ระท้วงว่าต้องการจะล้มล้าง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเช่น
เดียวกับทีท
่ า
ํ อยูข่ ณะนี้ รัฐบาลทหารประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและ
ประกาศว่าปฏิบัติการที่รุนแรงจะถูกนํามาใช้เพื่อจัดการกับ “ผู้ก่อ
จลาจล” เช่นเดียวกับทีท
่ า
ํ อยูข
่ ณะนีร้ ฐ
ั บาลทหารอ้างว่าทหารยิงปืน
เพียงเพื่อป้องกันตัว
ความแตกต่างทีส่ า
ํ คัญระหว่างเหตุการณ์ปจ
ั จุบน
ั กับเหตุการณ์
ก่อนหน้านั้นก็คือ ในปี 2535 ผู้คนในกรุงเทพฯ แสดงท่าทีรังเกียจต่อ
การสังหารหมู่และความพยายามปกปิดการกระทําของทหาร ขณะที่
ครั้งนี้คนชั้นกลางระดับบนในกรุงเทพฯ ปรบมือให้กับการสังหารหมู่
ซึ่งรัฐบาลทหารดําเนินการด้วยแรงจูงใจที่จะหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งซึ่ง
ดูเหมือนว่าพรรคที่สนับสนุนต่อผลประโยชน์ของกลุ่มอํานาจเก่าจะ
ต้องพ่ายแพ้
การวาดภาพคนเสื้อแดงอย่างเป็นระบบโดยคณะทหารใน
ปัจจุบันยิ่งเป็นการย้ําเตือนอย่างเด่นชัดถึงวิธีการที่กองทัพใช้อ้างต่อ
สาธารณะในการฆาตกรรมนักศึกษาผู้นิยมประชาธิปไตยหลายสิบ
ชีวต
ิ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดยมีบาง
รายถูกข่มขืน ทรมาน ทําให้พิการ เผาทั้งเป็น คล้ายกันกับคนเสื้อแดง
นักศึกษาในธรรมศาสตร์ถูกกล่าวหาด้วยความเท็จว่ามีคลังแสง
ขนาดใหญ่อยูใ่ นหอประชุมของมหาวิทยาลัย คล้ายกันกับคนเสื้อแดง
นักศึกษาเหล่านั้นถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ผ่านภาษาของการฆ่า
ล้างเผ่าพันธุ์โดยการกล่าวถึงพวกเขาในฐานะสัตว์ชั้นต่ํา ไม่ใช่คน
ไทย และด้วยเพลง “หนักแผ่นดิน” ซึง่ เป็นเพลงปลุกใจทีม ่ ช
ี อ
่ื เสียง
มากในทศวรรษ 2520 (ถูกนํามาปัดฝุ่นครั้งล่าสุดโดยพันธมิตรฯ) และ
ที่เหมือนกันอย่างมากระหว่างคนเสื้อแดงและนักศึกษาในยุคนั้นก็คือ
พวกเขาถูกกล่าวหาว่ากระทําการคุกคามสถาบันกษัตริย์ ถูก
แทรกซึมโดยต่างชาติ และเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรง ในปี 2519
นักศึกษาถูกป้ายสีว่าเป็น “คอมมิวนิสต์” วันนี้รัฐบาลได้พัฒนาศัพท์
ใหม่เพือ่ ให้เข้ากับบริบทภูมริ ฐ
ั ศาสตร์ทเ่ี ปลีย
่ นไปและปักป้ายให้กบ ั
คนเสือ้ แดงว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย”
วิธีที่กองทัพจัดการกับคนเสื้อแดงนั้นชวนรําลึกไปถึงเหตุการณ์
การปราบปรามนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ 34 ปีทแ ่ี ล้ว
ในปี 2519 กองทัพอาศัยกองกําลังของกลุ่มฝ่ายขวาราชานิยมสุดโต่ง
ซึง่ ทําตัวเป็นศาลเตีย ้ เช่นลูกเสือชาวบ้าน และกลุ่มกระทิงแดงในการ
สังหารหมู่นักศึกษา การใช้ความรุนแรงในครั้งนั้นเป็นสิ่งที่ผสาน
สอดคล้องไปกับข้ออ้างในการทํารัฐประหาร เช่นเดียวกัน ในปลาย
เดือนเมษายน 2553 รัฐบาลก็อาศัยกลุ่มศาลเตี้ยซึ่งเป็นกองกําลังฝ่าย
ขวาราชานิยมซึง่ ส่วนใหญ่กค ็ อ
ื มวลชนของพันธมิตรฯ ทีห ่ น
ั มาสวม
“เสื้อหลากสี” ทําการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าที่มีแนวโน้มของความ
รุนแรงในพืน ้ ทีส
่ ล
ี มก็เหมือนกับทีร่ ฐ
ั บาลทหารชุดปัจจุบน ั เป็นอยู่ ยิ่งไป
กว่านั้น รัฐบาลที่ถูกแต่งตั้งโดยทหารในปี 2519 (นําโดยนายธานินทร์
กรัยวิเชียร ซึง่ ปัจจุบน ั ดํารงตําแหน่งองคมนตรี) อยู่ในฐานะที่ต้องรับ
ผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหยื่อของการสังหารหมู่ นีจ ่ งึ เป็นเหตุให้เกิด
การสร้างระบอบการปิดกั้นอย่างเข้มงวด สรุปอย่างรวบรัดชัดเจน ผู้ที่
ฆาตกรรมนักศึกษาซึ่งไม่มีการกระทําผิดใดๆ ไล่ล่าฝ่ายต่อต้านอย่าง
ไม่ลดราวาศอก กดดันผูค ้ นจํานวนหลายพันคนให้หลบหนีออกนอก
ประเทศหรือเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ในภาคเหนือและอีสาน เป็น
ที่น่าสังเกตว่าในปี 2519 และปี 2553 นั้น การทีร่ ฐ ั บาลวาดภาพปีศาจ
อย่างเป็นระบบให้กับผู้ชุมนุมเรียกร้องนั้นดูจะประสบความสําเร็จใน
การสร้างความหวาดกลัวให้กับชนชั้นกลางระดับบนในกรุงเทพฯ
หรืออย่างน้อยก็รู้สึกมั่นคงกับการไม่แยแสของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น
สิ่งที่แตกต่างจากเหตุการณ์ความรุนแรงของรัฐในปี 2516 และ 2535
คือ การสังหารหมู่ในปี 2519 และ 2553 ไม่ได้ส่งผลให้พระมหา
กษัตริย์เข้ามาแทรกแซง
เส้นขนานทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงว่ากระแสการ
ชุมนุมและความรุนแรงระลอกล่าสุดนั้นมาจากต้นร่างเดียวกัน อันส่ง
ผลให้เกิดเหตุการณ์ 2516, 2519 และ 2535 จากกรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้น
คนเสื้อแดงเรียกร้อง “ประชาธิปไตย” กลับถูกอธิบายโดยรัฐบาลว่า
เป็นเพียงฉากหน้าของอุดมการณ์ที่คุกคามความมั่นคงแห่งรัฐไทย
จากกรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คนเสื้อแดงมีส่วนร่วมในการก่อ
ความรุนแรงบางประการ ปล้นสะดม และทําลายทรัพย์สิน ส่วนมาก
ในสถานการณ์เมื่อพวกเขาถูกโจมตี แต่พวกเขาไม่ใช่ “ผู้ก่อการร้าย”
ติดอาวุธ หรือ “นักปฏิวัติมาร์กซิสม์” ดังที่รัฐบาลอุปโลกน์ให้พวกเขา
เป็น อย่างไรก็ตาม จากกรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้อกล่าวหา
เรื่องอุดมการณ์แบบสุดโต่งและมีแนวโน้มจะก่อความรุนแรงเป็น
เครื่องมือสําคัญที่กองทัพสร้างขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมในการ
กําหนดมาตรการปราบปรามพิเศษ และยิงผูช ้ ม
ุ นุมทีป
่ ราศจากอาวุธ
จํานวนมากได้ โดยได้รับการยกเว้นโทษอย่างเต็มพิกัด และอย่างที่
เคยเป็นมา กลุ่มอํานาจเก่าของไทยตอบรับการเรียกร้อง
ประชาธิปไตยด้วยการทําลายความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้าม ล้ม
ล้างหลักนิติรัฐ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับที่กว้างขวาง
8. ข้อเรียกร้องหาความยุติธรรม
ประเทศไทยมีพันธกรณีหลายระดับภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
ที่จะต้องนําผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะต้อง
ทําการสืบสวนและดําเนินคดี(หากเป็นไปได้)ในทุกกรณีทม ่ี เี หตุอน
ั เชือ
่
ได้ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงเกิดขึ้น เช่น การสังหาร
พลเรือนอย่างรวบรัดหรือตามอําเภอใจ (summary or arbitrary
execution) โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการกระทําของเจ้าหน้าที่รัฐ การ
สืบสวนจะต้องมีความเป็นธรรม ครบถ้วน และดําเนินการโดยคณะที่
เป็นอิสระและเป็นกลางอย่างแท้จริง นี่คือมาตรฐานที่ระบอบอภิสิทธิ์
ต้องปฏิบต ั ิ ในการตรวจสอบว่ามีทหารหรือผู้นําพลเรือนคนใดหรือไม่
ทีต
่ อ
้ งรับผิดชอบกับ 90 ชีวิตที่สูญเสียไป กับคนนับพันทีไ่ ด้รบ ั บาดเจ็บ
และคนนับร้อยที่ถูกจับกุมคุมขังตามอําเภอใจอยู่ในสภาพที่ยาก
ลําบาก ในกรณีร้ายแรงอย่างการสังหารอย่างรวบรัดตัดตอนหรือ
ตามอําเภอใจนัน ้ การปกปิดของรัฐบาลเท่ากับเป็นการละเมิด
กฎหมายระหว่างประเทศ
8.1 หน้าที่ในการสืบสวนและหาผู้กระทําความผิดของ
ประเทศไทย
ประเทศไทยมีข้อผูกพันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศทั้งที่
เป็นลายลักษณ์อักษรและกฎหมายจารีตประเพณีที่จะต้องสืบสวนทุก
กรณีที่มีเหตุอันควรให้เชื่อได้ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
และการกระทําผิดอื่นๆ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศเกิดขึ้น และ
ดําเนินคดี(ในกรณีที่ทําได้)กับผู้กระทําการละเมิด หน้าที่นี้เกี่ยวพัน
โดยตรงกับการใช้กําลังเกินกว่าเหตุของทหารในการปราบปราม
พลเรือนในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 ตลอดจนการละเมิด
สิทธิมนุษยชนร้ายแรงอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างมีการชุมนุมและหลัง
การชุมนุม นัน ่ คือ การสูญหาย การคุมขังตามอําเภอใจโดยไม่มี
กําหนดในสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลําบาก และการกระทําอื่นๆ ที่
โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม ข้อเท็จจริงต่างๆ บ่งชีม ้ ล
ู ความผิดจํานวน
มากที่ต้องมีการดําเนินคดีต่อทหารในกองทัพไทย รัฐไทยจึงมีหน้าที่
ต้องจัดให้มกี ารสืบสวนโดยคณะทีม ่ ค
ี วามเป็นอิสระและเป็นกลาง
ประเทศไทยมีหน้าที่ที่ต้องดําเนินการสืบสวนตามหลักการ aut
dedere aut judicare (หน้าที่ที่ต้องดําเนินคดีและส่งผู้ร้ายข้ามแดน) ที่
ปรากฏในสนธิสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับที่ประเทศไทยเป็น
ภาคี เช่น มาตราร่วมของอนุสญ ั ญาเจนีวาทัง้ สีฉ
่ บับ พ.ศ. 2492
อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ พ.ศ. 2527 อนุสัญญาการก่อการร้าย
แห่งยุโรป พ.ศ. 2520 อนุสัญญาการจับตัวประกัน พ.ศ. 2522 และ
อนุสัญญานิวยอร์กว่าด้วยอาชญากรรมต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครอง
โดยสากล พ.ศ. 2516
หน้าที่ที่ต้องดําเนินการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้าย
แรงปรากฏอยู่ทั่วไปในกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จน
อาจกล่าวได้ว่าเป็นกฎข้อหนึ่งของกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็น
จารีตประเพณี สนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทัง้ ระดับภูมภ ิ าคและ
ระดับโลกล้วนยอมรับในหน้าที่นี้ ในกรณีของประเทศไทย มีหน้าทีน่ ้ี
โดยตรงภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมือง (ICCPR) คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่ง
สหประชาชาติซง่ึ มีหน้าทีด
่ แ
ู ลและเป็นผูต
้ ค
ี วาม ICCPR ระบุวา
่
พันกรณีเชิงบวกของรัฐภาคีในการดูแลให้มีสิทธิตามกติ
กาฯ จะถือปฏิบต ั ส
ิ มบูรณ์ได้เพียงต่อเมือ
่ ปัจเจกบุคคลได้รบ
ั
การคุ้มครองโดยรัฐ.......จากการละเมิดสิทธิในกติกาฯโดย
เจ้าหน้าที่รัฐ.... อาจจะมีสถานการณ์ที่การไม่สามารถรับ
ประกันสิทธิตามกติกาฯ ดังที่กําหนดไว้ในข้อ 2 จะทําให้เกิด
การละเมิดสิทธิเหล่านั้นโดยรัฐภาคี อันเป็นผลจากการที่รัฐ
ภาคีอนุญาตให้มี หรือไม่สามารถที่จะดําเนินมาตรการที่
เหมาะสม หรือไม่ได้ดําเนินการอย่างแข็งขันเพื่อป้องกัน
ลงโทษ สืบสวน หรือเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดย
การกระทําเช่นนั้น รัฐได้รับคําเตือนให้ระลึกถึงความ
สัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างพันธกรณีเชิงบวกที่กําหนดไว้ใน
ข้อ 2 และความจําเป็นทีจ ่ ะต้องจัดให้มก
ี ารเยียวยาทีม่ ี
ประสิทธิภาพเมื่อเกิดการละเมิดสิทธิตามข้อ 2 วรรค 3
จะต้องมีกลไกทางการปกครองต่างๆ เพื่อทําให้พันกรณี
ทั่วไปในการสืบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการละเมิดเกิดขึ้นโดย
ทันการ รอบด้าน และมีประสิทธิภาพ ด้วยหน่วยงานที่เป็น
อิสระและเป็นกลาง
และพึงสังเกตด้วยว่า ความล้มเหลวของรัฐภาคีในการนําผู้กระทําผิด
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยังจะเป็นการละเมิดสนธิสัญญาอีกด้วย
โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับอาชญากรรมร้ายแรง เช่น การฆ่าตาม
อําเภอใจ:
เมื่อการสืบสวนตามที่กล่าวไว้ในย่อหน้า 15 พบว่ามีการ
ละเมิดสิทธิตามกติกาฯ บางประการ รัฐภาคีจะต้องดูแลให้ผู้
ที่รับผิดชอบต้องถูกนําตัวสู่กระบวนการยุติธรรม เช่นเดียว
กับในกรณีความล้มเหลวทีจ ่ ะสืบสวน ความล้มเหลวใน
การนําตัวผู้กระทําการละเมิดเช่นนั้นสู่กระบวนการยุติธรรม
จะทําให้เกิดการละเมิดกติกาฯ เป็นกรรมแยกต่างหากไปอีก
ในตัวของมันเอง พันธกรณีเหล่านี้เกิดขึ้นกับการละเมิดที่ถูก
ถือว่าเป็นอาชญากรรมตามกฎหมายในประเทศหรือ
กฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การทรมานและการปฏิบัติที่
โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ํายีศักดิ์ศรี (ข้อ 7) [และ] การ
ฆ่าโดยพลการและตามอําเภอใจ (ข้อ 6)..... ดังนั้น ในกรณีที่
เจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐได้กระทําการละเมิดสิทธิตา
มกติกาฯ ที่กล่าวถึงไว้ในย่อหน้านี้ รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องจะต้อง
ไม่ปล่อยให้ผก ู้ ระทําการละเมิดหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ
ส่วนตนไปได้
ประเทศไทยจึงมีข้อผูกมัดภายใต้สนธิสัญญาระหว่างประเทศที่
จะต้องจัดให้มีการดําเนินการสืบสวนที่ครบถ้วนและเป็นธรรมโดย
“คณะทีเ่ ป็นอิสระและเป็นกลาง” ไม่เพียงแต่มีเหตุอันเชื่อได้ว่ามีการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น ยังมีหลักฐาน
หนักแน่นชี้ว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนเหล่านั้นเกิดขึ้นภายใต้การ
ชีน
้ า
ํ ของรัฐบาล การใช้กระบวนการยุติธรรมที่มีความลําเอียง
ทางการเมืองของไทยหรือคณะกรรมการสืบสวนที่ไม่มีความโปร่งใส
ที่ควบคุมโดยระบอบอภิสิทธิ์นั้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานกฎหมาย
ระหว่างประเทศว่าด้วยความอิสระและความเป็นกลาง อันที่จริง การ
ล้มเหลวในการดําเนินการสืบสวนควรได้รับการพิจารณาว่าอาจเข้า
ข่ายเป็นการละเมิดพันธกรณีที่ไทยมีต่อ ICCPR อีกคดีหนึ่งด้วย
8.2 การสังหารโดยพลการและตามอําเภอใจ: การละเมิดสิทธิ
มนุษยชน
ที่ร้ายแรงอื่นๆ
พันธกรณีเหล่านี้เกี่ยวเนื่องอย่างยิ่งโดยเฉพาะในกรณีอย่างที่
เกิดในประเทศไทย ทีอ ่ าจมีการหมายหัวหรือใช้กา ํ ลังเกินกว่าเหตุตอ
่
ผู้ชุมนุม นักข่าวและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (อย่างเช่น เจ้าหน้าที่
ทางการแพทย์) ที่ประชุมสมัชชาประชาชาติเรียกร้องเป็นการเฉพาะ
ต่อทุกรัฐภาคี “ให้ทําการสืบสวนโดยทันท่วงทีและรอบด้านต่อกรณี
การฆ่าฟันทั้งหมด รวมทัง้ การฆ่าอย่างเจาะจงกลุม ่ บุคคลเฉพาะ อย่าง
เช่น ... การสังหารบุคคลด้วยเหตุที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของพวกเขา
เหล่านั้นในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักกฎหมาย นักข่าว หรือผู้
ชุมนุมประท้วง […] และนําตัวผู้กระทําผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
เช่นเดียวกับการสืบสวน การดําเนินคดีก็ต้องเกิดขึ้นต่อหน้า
คณะตุลาการที่ “เป็นอิสระและเป็นกลาง” เมือ
่ ศาลในประเทศขาด
ความเป็นอิสระและความเป็นกลาง คดีต่างๆ ควรถูกนําขึ้นศาล
ระหว่างประเทศตามที่เหมาะสม ทีป ่ ระชุมสมัชชาสหประชาชาติระบุ
ว่า การแสวงหาความยุติธรรมจะต้องกระทํา:
ต่อหน้าคณะตุลาการทีเ่ ป็นอิสระและเป็นกลางในระดับประเทศ
หรือระหว่างประเทศ (หากเหมาะสม) และต้องมีการดูแลไม่ให้มี
การแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่รัฐในคดีการสังหารที่กระทําโดย
กองกําลังความมั่นคง ตํารวจและเจ้าหน้าทีบ
่ งั คับใช้กฎหมาย
กลุ่มติดอาวุธหรือกองกําลังเอกชน หรือมีการไม่เอาผิดกับการ
สังหารเหล่านั้น
กรณีประเทศไทยเกี่ยวข้องกับพันธกรณีเหล่านี้ทั้งหมด
เนือ่ งจากมีเหตุอน
ั เชือ่ ได้วา
่ กองกําลังฝ่ายความมัน ่ คงหรือเจ้าหน้าที่
อื่นของรัฐได้กระทําการวิสามัญฆาตกรรม การสังหารอย่างรวบรัด
หรือตามอําเภอใจ ตามกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ไม่จา ํ เป็นต้อง
ระบุว่าการสังหารอย่างผิดกฎหมายเข้าข่ายใดในสามกรณีดังกล่าว
(วิสามัญฆาตกรรม ฆ่าอย่างรวบรัด หรือตามอําเภอใจ) ผู้รายงาน
พิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการวิสามัญฆาตกรรม การสังหาร
อย่างรวบรัดตัดตอนหรือตามอําเภอใจ กล่าวไว้วา ่ “คําเหล่านีเ้ คยมี
บทบาทสําคัญในพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของภารกิจของผู้ราย
งานพิเศษฯ นี้ แต่ปจ ั จุบน
ั มันแทบไม่มค ี วามหมายอะไรเลยเกีย ่ วกับ
ลักษณะทีเ่ ป็นอยูจ่ ริงของเรือ ่ งเหล่านี้” สิ่งสําคัญคือกองกําลังความ
มั่นคงอาจจะฆ่าเฉพาะในกรณีที่สอดคล้องกับหลักการสากลว่าด้วย
ความจําเป็นและความเหมาะสมได้สด ั ส่วน (principles of necessity
and proportionality)
การฆ่าผู้ชุมนุมโดยกองกําลังความมั่นคงของไทยนั้นไม่ปรากฏ
ว่าสอดคล้องกับหลักการเหล่านี้ ผู้รายงานพิเศษฯ บอกว่า หลักการ
เหล่านี้ได้สร้าง “มาตรฐานทางกฎหมายที่ชัดเจนว่าด้วยการใช้กําลัง
ที่รุนแรงถึงชีวิต” ซึง่ “ระบุวา
่ ตํารวจ(หรือเจ้าหน้าทีค่ วามมัน
่ คงส่วนอืน ่
ทีป
่ ราบปรามการชุมนุม)จะสามารถยิงเพื่อสังหารได้ก็ต่อเมื่อเห็นได้
ชัดว่าบุคคลใดกําลังจะฆ่าใครอืน ่ (ทําให้การใช้กําลังรุนแรงถึงชีวิตมี
ความเหมาะสม) และไม่มห ี นทางอืน ่ ใดแล้วทีจ
่ ะทําการควบคุมตัว
บุคคลผู้ต้องสงสัยนั้นไว้(ทําให้การใช้กําลังรุนแรงถึงชีวิตมีความ
จําเป็น)”
กองทัพไทยควรปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติ
ว่าด้วยการใช้กําลัง (ตามที่สรุปไว้ก่อนหน้านี้) อย่างเข้มงวด ความ
สําคัญของหลักการนี้ได้รับการเน้นย้ําโดยผู้รายงานพิเศษฯ ที่ทําการ
ศึกษาและสรุปว่า “สิทธิในชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างรุนแรงในรัฐ
ที่แนวปฏิบัติเรื่องการใช้กําลังไม่สอดคล้องกับกฎเหล่านี้”
แน่นอนว่าเราไม่ควรด่วนพิพากษาเพียงจากข้อมูลทีจ ่ า
ํ กัดทีม
่ ี
ปรากฏอยู่ในสาธารณะเกี่ยวกับการปฏิบัติของกองกําลังฝ่ายความ
มั่นคงของไทย และเกีย่ วกับความจําเป็นและสัดส่วนทีเ่ หมาะสมใน
การวิสามัญฆาตกรรม การสังหารอย่างรวบรัดตัดตอนหรือตาม
อําเภอใจทีพ
่ วกเขาอาจกระทํา สิง่ ทีจ
่ า
ํ เป็นและเป็นไปตามทีก่ า
ํ หนดไว้
โดยทั้ง ICCPR และกฎหมายระหว่างประเทศแบบจารีตประเพณีกค ็ อ
ื
ต้องมีการสืบสวนการสังหารเหล่านี้อย่างครบถ้วน เป็นอิสระและ
เป็นกลาง
8.3 การประหัตประหารทางการเมือง
ครั้นเมื่อกลุ่มเสื้อแดงเริ่มปักหลักชุมนุมในกรุงเทพฯ ในวันที่ 12
มีนาคม 2553 นั้น กระบวนการตามล่าล้างทางการเมืองต่อฝ่ายตรง
ข้ามรัฐบาลปัจจุบน ั ได้ดา
ํ เนินมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยเริ่มจากการ
รัฐประหารปี 2549 ที่นายพลไทยยึดอํานาจรัฐและฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อ
เป้าหมายประการเดียวคือทําลายล้างพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลใน
ขณะนัน้ จัดการยุบพรรคไทยรักไทยด้วยการใช้กฎหมายย้อนหลัง
ตัดสิทธิทางการเมืองของนักการเมืองพรรคไทยรักไทย ดําเนินคดี
อาญาอย่างเลือกปฏิบัติต่อผู้นําพรรค ครอบงําศาล ยึดทรัพย์สินของ
ทักษิณ ชินวัตร และแก้กฎกติกาต่างๆ เพื่อสกัดการหวนกลับคืนสู่
อํานาจอีกครั้งของพรรคไทยรักไทย ตลอดช่วงเวลาทีน ่ ายพลเหล่านี้
กุมอํานาจ (กันยายน 2549 – ธันวาคม 2550) พวกเขาทุ่มเทกับการ
ถอนรากถอนโคนผู้สนับสนุนทักษิณโดยอาศัยการไล่ล่าทางการเมือง
ทุกรูปแบบ ทําลายหลักนิติรัฐ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพลเมืองใน
การแสดงความคิดเห็นและชุมนุม ตัดสิทธิทางการเมือง ลิดรอน
เสรีภาพในการรวมตัว กลั่นแกล้งทางกฎหมาย ยึดทรัพย์ และใช้
กฎหมายเพือ ่ เล่นงานตัวบุคคล ตามถ้อยแถลงของเหล่านายพลใน
เวลานัน้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความพยายามที่จะขจัดพรรคไทยรักไทย
ทํากันเป็นขบวนการที่มุ่งเลือกปฏิบัติบนฐานของฝักฝ่ายทางการ
เมือง
กระบวนการทําลายล้างนี้ยังคงดําเนินไปในช่วงรัฐบาลสมัคร
สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (มกราคม 2551 – ธันวาคม 2551)
แม้วา่ จะเปลีย่ นรูปแบบไปก็ตาม ดังที่บันทึกไว้ในเอกสารฉบับนี้
รัฐธรรมนูญ 2550 ให้สิทธิแก่ศาลที่จะแทรกแซงการเมืองด้วยจุด
ประสงค์ในการพลิกผลการเลือกตั้ง เปลี่ยนองค์ประกอบของสภาผู้
แทนราษฎร สั่งยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค
(ไม่เว้นกระทั่งผู้ที่ไม่ได้กระทําผิด)ไม่ให้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
กฎกติกาต่างๆ เหล่านีล ้ ะเมิดสิทธิของปัจเจกบุคคลหลายประการดัง
ที่ระบุไว้ใน ICCPR เช่น สิทธิในการ“มีส่วนร่วมในการดําเนินกิจการ
รัฐ ทั้งโดยตรงหรือผ่านตัวแทนที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเสรี” (ข้อ
25) และสิทธิทจ ่ี ะมี“เสรีภาพในการรวมตัวกับผู้อื่น” (ข้อ 22) มันแทบ
ไม่มีความหมายอะไรเลยที่คณะรัฐประหารอุตส่าห์เขียนเนื้อหาเหล่านี้
ไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎกติกาเหล่านี้ขัดโดยตรงกับพันธกรณีตาม
กติการะหว่างประเทศฯ ที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีโดยสมัครใจ
แม้วา
่ อํานาจพิเศษของศาลไม่จา ํ เป็นว่าจะต้องนําไปสูก
่ ารทําลายล้าง
ทางการเมือง แต่การบังคับใช้กฎกติกาอย่างเลือกเป้าและเป็นระบบ
ต่อบรรดาผู้ที่ถูกมองว่าภักดีต่อทักษิณ ผู้ที่คัดค้านการรัฐประหาร
และผู้ที่เรียกร้องให้มีการลดอํานาจนอกรัฐธรรมนูญของอํามาตย์นั้น
เป็นการเลือกปฏิบัติบนฐานของฝักฝ่ายทางการเมือง
บางทีหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดของการตามทําลายล้างทางการ
เมืองคือการลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทั้งใน
สถานการณ์ฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉิน ด้วยการปิดกั้นการแสดงความคิด
เห็น (censorship)ทีเ่ ข้มงวดทีส
่ ด
ุ เท่าทีเ่ คยมีมาในประเทศไทยในรอบ
สามสิบปี ตลอดจนการดําเนินคดีตอ ่ คนจํานวนมากอย่างไม่เคย
ปรากฏมาก่อนในข้อหาอาชญากรรมทางความคิด
และเช่นกัน มันไม่สําคัญเลยว่าการปิดกั้นการแสดงความคิด
เห็นและการคุมขังนักโทษทางการเมืองจะได้รับการรับรองใน
กฎหมายอย่างพระราชบัญญัติการกระทําผิดทางคอมพิวเตอร์และ
กฎหมายอาญามาตรา 122 กฎหมายเหล่านี้โดยตัวของมันเอง
เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนไทยที่จะมีเสรีภาพในการแสดง
ความคิดเห็นและเสรีภาพในการ “แสวงหา รับ และเผยแพร่ขอ ้ มูล
ข่าวสารและความคิดทุกประเภท” ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐมักจะอ้าง
ความชอบธรรมสําหรับการลิดรอนดังกล่าวว่าจําเป็นในการรักษา
ความมัน ่ คงของชาติ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ ICCPR ยินยอม) แต่ก็ยังไม่เป็น
เหตุเป็นผลเพียงพอทีจ ่ ะอ้างว่าความเห็นหนึง่ ในเฟซบุคจะคุกคาม
ความมัน ่ คงของชาติได้ หรือการปราศรัยทีม ่ ข
ี อ
้ ความวิพากษ์วจ ิ ารณ์
สถาบันกษัตริย์ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของ
สาธารณชนเหมือนการฆ่าคนตาย (และสมควรติดคุกสิบแปดปี) นีค ่ อื
การแสดงความคิดเห็นที่ ICCPR มุ่งคุ้มครอง นั่นก็คือเสรีภาพในการ
วิพากษ์วิจารณ์สถาบันต่างๆ ของรัฐ นอกจากนี้ การเซ็นเซอร์สื่อ
ต่างๆ ทีอ่ าจวิพากษ์วจิ ารณ์ “สถาบันกษัตริย์ ชาติ หรือศาสนา” ก็ฟัง
ไม่ขึ้นแม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจาก ICCPR ระบุว่าสิทธิ
ในการมีความคิดเห็นทางการเมืองและแลกเปลีย ่ นกับบุคคลอืน
่ นัน
้ ไม่
อาจลิดรอนได้ (ข้อ 4(2)) กล่าวโดยสรุปก็คือ อาชญากรรมของ “การ
ไล่ล่าประหัตประหารทางการเมือง” เป็นผลมาจากการใช้กฎหมาย
กดขีเ่ หล่านีต
้ อ
่ กลุม
่ คนทีค
่ ด
ั ค้านรัฐบาล
สิทธิอื่นๆ ของประชาชนในการเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืน
มาได้ถูกละเมิดอย่างเป็นระบบด้วยกระบวนการไล่ล่าประหัตประหาร
ทางการเมืองของรัฐบาลอภิสิทธิ์ อาจกล่าวได้วา ่ พระราชบัญญัติ
ความมั่นคงภายในและพระราชกําหนดสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ถูก
บัญญัติ ประกาศใช้ และคงไว้เพื่อลิดรอนสิทธิการชุมนุมตาม
รัฐธรรมนูญของประชาชนไทย ทีเ่ ห็นได้ชด ั เจนคือการดําเนินคดี การ
คุมขังโดยไม่มีกําหนดและการปฏิเสธที่จะดําเนินการตามครรลอง
กระบวนการยุติธรรมต่อผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่า
ละเมิดพระราชกําหนดสถานการณ์ฉุกเฉินฯ (ในขณะทีผ ่ ช
ู้ ม
ุ นุมที่
สนับสนุนรัฐบาลที่กระทําการละเมิดแบบเดียวกันกลับไม่ต้องรับผิด
ชอบใดๆ) นั้นเป็นสองมาตรฐานที่ไม่อาจยอมรับได้ ที่สําคัญที่สุด
กระบวนการไล่ล่าที่เกิดขึ้นหลังการชุมนุม (คล้ายกับการไล่ลา ่ หลัง
เหตุการณ์สังหารหมู่ปี 2519) เป็นหลักฐานทีช ่ ด
ั เจนว่ารัฐบาลต้องการ
บดขยีป ้ ฏิปก
ั ษ์ดว
้ ยการจับกุมคุมขังตามอําเภอใจ (ละเมิดข้อ 9 ของ
ICCPR) ละเมิดสิทธิของพวกเขาที่จะได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรม
(ข้อ 14) และการได้รับการคุ้มครองอย่างเสมอภาคในแง่กฎหมาย
(ข้อ 26)
พึงสังเกตว่าการไล่ล่าประหัตประหารทางการเมืองในบางรูป
แบบนัน้ เทียบเท่ากับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ มาตรา 7(1)(ซ) และ
7(2)(ช) ของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
(Rome Statute of the International Criminal Court) นิยาม
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติดว ้ ย “การไล่ล่าประหัตประหาร
(persecution)” ว่าเป็น “การลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรงและ
จงใจอันขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศด้วยเหตุทางอัตลักษณ์ของ
กลุ่มหรือการรวมตัว” รวมถึงการไล่ล่าประหัตประหารด้วยเหตุผล
ทางการเมือง เมื่อกระทําโดยเชื่อมโยงกับอาชญากรรมอื่นภายใต้
บทบัญญัติของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
อย่างเช่นการฆาตกรรม ดังทีก ่ ล่าวมาแล้วในบทข้างต้น มีเหตุอน
ั เชือ
่
ได้ว่าการสืบสวนที่เป็นอิสระและเป็นกลางจะสรุปได้ว่ามีการ
ฆาตกรรมโดยกองกําลังฝ่ายความมั่นคงภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ และ
ยังเห็นได้ชด
ั เจนว่าการปราบปรามคนเสือ ้ แดงนัน้ เป็นไปบนฐานความ
เชื่อทางการเมืองของพวกเขา
ปัญหาข้อกฎหมายอีกเพียงหนึ่งประการก็คือ การปฏิบัติต่างๆ
เช่น การคุมขังโดยไม่มีกําหนด การตั้งข้อหาเกินจริงและการ
พิพากษาลงโทษเกินกว่าเหตุสําหรับการแสดงความคิดเห็นนั้น เป็น
“การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง” หรือไม่? มีกรณีตัวอย่าง
มากมายที่สนับสนุนว่าการใช้ระบบยุติธรรมเพื่อทําร้าย และการไล่ลา ่
ประหัตประหารในรูปแบบอืน ่ ๆ ที่ไม่ใช่เป็นการทําร้ายทางกายภาพ
สามารถถือเป็นการไล่ล่าประหัตประหารที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อประกอบ
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้ คณะตุลาการระหว่างประเทศสําหรับ
อดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) ได้ยอมรับว่าองค์ประกอบของอาชญากรรม
(actus reus) นั้นรวมถึงการกระทําที่ไม่ได้ระบุไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ
ด้วย ศาล Kupreškić อธิบายเรื่องนี้ในแง่มุมกฎหมายจารีตประเพณี
ระหว่างประเทศและคําตัดสินของศาลระดับประเทศ และนิยามการไล่
ล่าประหัตประหารว่าเป็น “การปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง
หรืออย่างชัดแจ้ง โดยมีการเลือกปฏิบัติ ตามที่ระบุในกฎหมาย
ระหว่างประเทศทั้งที่เป็นกฎหมายจารีตประเพณีหรือเป็นกฎหมาย
สนธิสัญญา ซึ่งมีความรุนแรงเท่ากับการกระทําอื่นที่ห้ามไว้ในข้อ 5”
คณะตุลาการระหว่างประเทศคณะต่างๆ ถือว่าการจงใจในการไล่ล่า
ประหัตประหารนัน ้ มีโทษสูงกว่าอาชญากรรมต่อมนุษยชาติแบบอืน ่ ๆ
เนื่องจากว่ามีความจงใจเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการเลือกฝักฝ่าย
ทางการเมือง
กระทั่งความเสียหายทางเศรษฐกิจก็สามารถถือเป็นการถูก
ลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานได้ ศาล Kupreškić ระบุวา
่ แม้ว่าการยึด
ทรัพย์สินอุตสาหกรรมไม่ถือว่าเป็นการไล่ล่าประหัตประหารในคดี
Flick และ Krauch ที่พิจารณาโดยคณะตุลาการนูเร็มเบิร์ก กรณี Flick
ก็ทําให้เกิดคําถามว่าการยึดทรัพย์สินส่วนบุคคลนั้นเป็นการไล่ล่า
ประหัตประหารหรือไม่ ศาลดังกล่าวระบุว่าการปฏิเสธสิทธิทาง
เศรษฐกิจต่อชาวยิวและการยึดทรัพย์สินชาวยิวนั้นถือเป็นส่วนหนึ่ง
ของการไล่ล่าประหัตประหารตามคําพิพากษาของคณะตุลาการทหาร
ระหว่างประเทศ และยังกล่าวด้วยว่าการใช้ระบบกฎหมายในการ
ดําเนินการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกล่าวหาว่ามีการไล่ล่า
ประหัตประหารในคดี Justices ศาลดังกล่าวยังระบุด้วยว่า “การ
ทําลายบ้านเรือนและทรัพย์สิน” ของพลเรือนมุสลิมถือเป็นการไล่ล่า
ประหัตประหารหากการทําลายนั้นมี “ผลกระทบร้ายแรงต่อเหยื่อ”
อย่างเช่น “การทําลายสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรกลุ่ม
หนึ่ง” ศาลตั้งข้อสังเกตว่า แม้วา่ จะมีคดี Flick และ Krauch ก็ตาม
คณะตุลาการทหารระหว่างประเทศก็ตด ั สินลงโทษบุคคลในข้อหา
เลือกปฏิบต
ั ท
ิ างเศรษฐกิจ รวมถึงเกอร์ริงที่การกระทําการไล่ล่า
ประหัตประหารที่มุ่งเน้นไปที่ “การยึดทรัพย์สินของชาวยิวและการ
บังคับพวกเขาออกจากระบบเศรษฐกิจยุโรป”
กล่าวโดยสรุป หากพิจารณาตามเงื่อนไขต่างๆว่าด้วย
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติแล้ว (ดูบทถัดไป) ก็เชือ ่ ได้วา
่ เจ้าหน้าทีไ่ ทย
ได้ทําการเลือกปฏิบัติทางการเมืองที่ลิดรอนสิทธิพื้นฐานภายใต้
กฎหมายระหว่างประเทศของผู้ชุมนุมเสื้อแดงอย่างร้ายแรงและโดย
ตัง้ ใจ โดยเกี่ยวเนื่องกับการสังหารผู้ชุมนุมบางส่วน การลิดรอนสิทธิ
โดยเลือกปฏิบต ั ด
ิ งั กล่าวอาจถือได้วา
่ เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
โดยการไล่ล่าประหัตประหาร
8.4 อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
นับแต่คณะตุลาการนูเร็มเบิรก ์ กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ
ได้ยอมรับว่าการฆาตกรรมเป็นรูปแบบหนึง่ ของอาชญากรรมต่อ
มนุษยชาติ ซึง่ ทําให้บค
ุ คลต้องมีความรับผิดชอบในอาชญากรรมภาย
ใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
“ประชากรพลเรือน(civilian population)”
ตามคําพิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ การโจมตีนั้นจะ
ต้องกระทําต่อ “ประชากรพลเรือน” ซึง่ นิยามว่าเป็นกลุม
่ คนที่ “มี
ลักษณะเด่นชัดในแง่สญ ั ชาติ ชนชาติ หรือลักษณะเด่นอืน ่ ใด”
นอกจากนี้ การโจมตียังจะต้องกระทําต่อประชากรพลเรือนทั้งหมด
ไม่ใช่เลือกสุม ่ ต่อปัจเจกบุคคล และประชากรพลเรือนนัน ้ ต้องเป็นเป้า
หลักในการโจมตีและไม่ใช่เป็นเหยื่อที่โดนลูกหลงที่ไม่ได้ตั้งใจ
แม้วา ่ รัฐบาลจะอ้างว่าได้ใช้กาํ ลังรุนแรงถึงขัน
้ เอาชีวติ ต่อฝ่ายที่
ใช้ความรุนแรงในกลุ่มคนเสื้อแดง แต่จนถึงทุกวันนี้รัฐบาลก็ยังไม่
สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าผู้ที่ถูกฆ่าเมื่อวันที่ 10 เมษายน และวันที่
13-19 พฤษภาคม นั้นเป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายรักษาความมั่นคง ที่จริง
แล้ว มีวดิ โี อคลิปหลายสิบชิน ้ ภาพถ่าย และปากคําจากพยาน ทีช ่ ว
้ี า
่ ผู้
ที่ถูกฆ่านั้นไม่ได้กระทําการอันตรายใดๆ เลย แต่กลับถูกยิงกระสุน
ทะลุศีรษะในขณะที่กําลังถือหนังสะติ๊ก ธง กล้อง หรืออุปกรณ์ทางการ
แพทย์ รัฐบาลพยายามอธิบายถึงอันตรายของแต่ละบุคคลทีถ ่ ก
ู ฆ่า
หรือได้รบ ั บาดเจ็บจากปฏิบต ั ก
ิ ารของทหารในภาพรวมๆ ไม่ได้
อธิบายเป็นรายๆ ไป โดยอธิบายอยู่บนฐานว่าเหยื่อเข้าร่วมใน
กิจกรรมของกลุ่มที่รัฐบาลเรียกว่าเป็นองค์กร “ผู้ก่อการร้าย” ด้วย
เหตุน้ี ผู้ที่ถูกฆ่าจึงตกเป็นเป้าของเจ้าหน้าที่รัฐบนฐานของ “ลักษณะ
เฉพาะ” ที่ระบุตัวพวกเขาว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มพลเรือนเฉพาะกลุ่ม
หนึ่ง เช่น การใส่เสื้อสีแดง และการแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลต่อหน้า
สาธารณะ ไม่ว่าคนแต่ละคนนั้นจะกระทําการรุนแรงหรือข่มขู่คุกคาม
กองกําลังฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ก็ตาม
“นโยบายรัฐหรือองค์กร”
ธรรมนูญกรุงโรมฯ ไม่ได้นิยามคําว่า “นโยบาย” หรือ “รัฐหรือ
องค์กร” แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศได้ระบุวา ่ เงือ
่ นไขข้อนีห
้ มาย
ถึง :
ในคดีทด
่ี า
ํ เนินกับ Tihomir Blaskic คณะตุลาการระหว่าง
ประเทศสําหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) ได้ตด ั สินอย่างชัดเจนว่า
แผนการที่จะก่อการโจมตี “ไม่จา ํ เป็นจะต้องมีการประกาศออกมา
หรือมีการระบุอย่างชัดเจนและอย่างตรงตัว” และระบุว่าสามารถ
ตัดสินจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ได้ เช่น:
ความรับรู้ (knowledge)
อาชญากรรมทุกประเภทจะต้องมี mens rea หรือเจตนาทีจ
่ ะก่อ
อาชญากรรม ในบริบทของการฆาตกรรมที่เป็นอาชญากรรมต่อ
มนุษยชาตินน ้ั เจตนาของผู้กระทํา “เพื่อก่อความเสียหายรุนแรงแก่
เหยื่อโดยไม่สนใจชีวิตของมนุษย์” ก็เพียงพอแล้วทีจ ่ ะเข้าข่าย
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ องค์คณะอุทธรณ์ของคณะตุลาการอาญา
ระหว่างประเทศสําหรับอดีตยูโกสลาเวีย ในคดี Tadic เมือ ่ ปี 2542
ระบุวา่ ผู้กระทําผิดจะต้องรู้ว่าการโจมตีเกิดต่อขึ้นประชากรพลเรือน
และรู้ว่าการกระทําของตนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีนี้ และ
ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการกระทําของตนแต่ยังเต็มใจที่จะ
รับผลความเสี่ยงนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่จําเป็นว่าผู้กระทําผิดจะต้องรู้ถึง
รายละเอียดของการโจมตีทั้งหมด
แม้ว่ารัฐบาลจะปฏิเสธว่าทหารไม่ได้ตั้งใจทําร้ายพลเรือน แต่
พยานที่อยู่ทั้งสองฝั่งของแนวทหารได้อ้างว่าเห็นทั้งเจตนาของฝ่าย
กองกําลังความมั่นคงของไทยที่จะก่อความเสียหายรุนแรง และการ
ไม่ใส่ใจต่อชีวต ิ มนุษย์และศักดิศ
์ รีความเป็นมนุษย์ การปราบปราม
การชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคมยาวนานถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม และเกิด
ขึ้นในลักษณะทํานองเดียวกันในหลายๆ ส่วนของกรุงเทพฯ ที่อยู่ภาย
ใต้การดูแลของหน่วยต่างๆ ของทหาร แบบแผนเช่นนีด ้ เู หมือนจะชีว
้ า
่
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการชุมนุมดําเนินการภายใต้แนวทาง
การปฏิบัติการที่มีการกําหนดชัดเจน
เมื่อประสบกับรายงานต่างๆ เรื่องการละเมิดอย่างกว้างขวาง
และเป็นระบบที่กระทําโดยกองกําลังฝ่ายความมั่นคง ผู้นําทางทหาร
และพลเรือนไม่ได้หยุดปฏิบต ั ก
ิ ารหรือปรับเปลีย ่ นปฏิบต ั ก
ิ ารให้
สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ทีจ ่ ริงแล้ว เมือ่ วันที่ 17 พฤษภาคม
หนังสือพิมพ์มติชนได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ “วอร์รูม” ที่พรรค
ประชาธิปต ั ย์ตง้ั ขึน
้ นัน
้ พอใจกับข้อเท็จจริงทีว่ า่ มีคนเสียชีวต ิ ณ เวลา
นั้น “เพียง” 35 คน ซึ่งต่ํากว่าจํานวนผู้เสียชีวิต 200-500 คนตามทีต ่ น
ได้คาดการณ์ไว้มาก จํานวนที่กล่าวถึงนั้นสอดคล้องกับรายงาน
ภายในของรัฐบาลที่อ้างว่ารั่วไหลออกมา และนายจตุพร พรหมพันธ์
แกนนํานปช. ได้เปิดเผยต่อสือ ่ เมือ
่ วันที่ 19 เมษายน ซึง่ ระบุวา
่ ทหาร
ได้วางแผนจะปราบปรามการชุมนุมเป็นเวลานานหนึง่ สัปดาห์ และได้
กําหนดจํานวนผูเ้ สียชีวต
ิ ทีเ่ ป็นทีย่ อมรับได้ไว้ทห ่ี า
้ ร้อยคน ในวันก่อน
การสลายการชุมนุม รัฐบาลได้เตือนว่ารัฐบาลจะยิง “ผู้ก่อการร้ายที่
ติดอาวุธ” และโดยที่ไม่ได้กล่าวถึงเอกสารที่รั่วไหลออกมา โฆษก
รัฐบาลได้ประมาณการณ์ว่ามี “กลุ่มผู้ติดอาวุธ” ห้าร้อยคนแฝงตัวอยู่
ในกลุ่มคนเสื้อแดง
8.5 หลักฐานเรื่องการพยายามปกปิด
รัฐบาลไทยได้ยอมรับต่อสาธารณะว่ามีความจําเป็นทีจ ่ ะต้อง
สืบสวนกรณีการละเมิด แต่ประวัติของรัฐบาลหรือมาตรการขั้นตอน
ต่างๆ ที่รัฐบาลได้ดําเนินการหลังจากการสลายการชุมนุมของกลุ่ม
คนเสื้อแดงนั้นไม่ได้ชี้เลยว่าจะมีการไต่สวนอย่างจริงจังและอย่างเป็น
อิสระเกิดขึ้น รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับดําเนินมาตรการต่างๆ ทีช ่ ไ้ี ปใน
ทางการปิดบังข้อมูลมากกว่า ผู้สังเกตการณ์ที่เป็นอิสระต่างสงสัยว่า
จะมีการสืบสวนอย่างเต็มรูปแบบเกิดขึ้นได้อย่างไรในขณะที่ยังคงมี
การประกาศใช้พระราชกําหนดสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อยู่ อันทําให้
รัฐบาลกําราบข้อมูลทีเ่ ห็นว่าเป็นผลเสีย และกักขังทุกคนทีเ่ ห็นว่าเป็น
ภัยต่อ “ความมัน ่ คงของชาติ” เนื่องจากรัฐบาลนี้มีประวัติของการนํา
เรื่อง “ความมัน ่ คงของชาติ” มาปนกับความมั่นคงในการรักษา
ตําแหน่งของตน ก็มีเหตุผลให้เราตั้งข้อสงสัยกับเจตนาของรัฐบาลได้
หลังจากการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์
รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ตกลงที่จะตั้งคณะกรรมการ “สอบข้อเท็จจริง” ที่
มีหน้าที่สืบสวนกรณีความรุนแรง คณะกรรมการฯ นั้นนําโดยนาย
คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ในขณะทีค ่ ณิตได้เสนอชือ่ ของ “ผู้
เชีย่ วชาญ” ทางกฎหมายเพียงสิบคนที่จะเข้าร่วมในการสืบสวนไป
เมือ ่ วันที่ 7 กรกฎาคม คณะกรรมการฯก็ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่าง
หนักเนือ ่ งจากขาดความเป็นอิสระและมีภารกิจทีค ่ ลุมเครือ ตัวคณิต
เองได้ชว ้ี า
่ “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง” นั่นไม่สนใจในเรื่อง
“การค้นหาความจริงหรือการชี้ว่าใครเป็นฝ่ายถูกใครเป็นฝ่ายผิด”
เท่ากับเรื่อง “การส่งเสริมการให้อภัย” ผลที่เกิดขึ้นก็คือ การสืบสวน
ครั้งนี้ก็จะเหมือนกับคณะกรรมการชุดคล้ายๆ กันทีค ่ ณิตเป็นประธาน
หลังจากการรัฐประหารที่สอบข้อเท็จจริงเรื่อง “สงครามต่อต้านยา
เสพติด” เมือ ่ ปี 2546 ที่จะไม่ได้นําไปสู่การดําเนินคดีใดๆ หรือทําให้
เกิดข้อกล่าวหาที่ชัดเจนต่อการกระทําผิดของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง
ได้ ยิ่งไปกว่านั้น คณิตเองยังได้รับการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ซึง่
เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงเสียเอง ไม่เป็น
ทีน
่ า่ ประหลาดใจเลย ที่คณะกรรมการชุดนี้จะเต็มไปด้วยคนที่จงรัก
ภักดีต่อกลุ่มอํานาจเก่าของไทย เช่น สมชาย หอมละออ ผู้สนับสนุน
กลุม่ พันธมิตรประชาชนเพือ ่ ประชาธิปไตย
การเลือกผู้ที่จะมาเป็นประธานของคณะกรรมการชุดอื่นๆ ที่
รัฐบาลตั้งขึ้นหลังจากการปราบปรามการชุมนุมนั้นก็เป็นไปในทาง
เดียวกัน นายอานันท์ ปันยารชุน จะเป็นประธาน “คณะกรรมการ
ปฏิรปู ประเทศ” อานันท์เคยดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการ
รัฐประหารปี 2534 และปัจจุบันเป็นประธานกรรมการธนาคารไทย
พาณิชย์ ซึ่งควบคุมโดยสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ส่วนคณะกรรมการ “สมัชชาปฏิรป ู ประเทศ” ซึง่ มีหน้าทีศ
่ ก
ึ ษาประเด็น
การมีส่วนร่วมของสาธารณะและความเป็นธรรมทางสังคม นั้น
มีศ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน ศ.ประเวศเป็นผู้สนับสนุนหลักของ
แนวคิดเรือ่ ง “ประชาสังคมชนชัน ้ นํา” และคณะกรรมการพิจารณา
แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีสมาชิก 19 คน ก็เต็มไปด้วยผู้
สนับสนุน พธม. สมาชิกคนหนึง่ คืออ.บรรเจิด สิงคะเนติ ซึง่ เคยกล่าว
ว่า ทักษิณ ชินวัตรนั้น “แย่กว่าฮิตเล่อร์”
ควรกล่าวด้วยว่ารัฐบาลปัจจุบน
ั มีประวัตท
ิ เ่ี ลวร้ายอย่างยิง่ ใน
เรื่อง “การสืบสวนที่เป็นอิสระ” การสืบสวนที่ผ่านๆ มาเกี่ยวกับการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รัฐบาลเป็นผู้ถูกกล่าวหาในช่วงสิบเก้าเดือนที่
ครองอํานาจก็บอกได้แล้วว่าจะคาดหวังอะไรได้จากการสืบสวนกรณี
ความรุนแรงช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553
สิ่งที่บรรยายได้ดีเป็นพิเศษถึงแนวทางการสืบสวนตัวเองของ
รัฐบาลนี้ก็คือประวัติการทํางานของพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
ผู้อํานวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดัง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ
กรณีออ ้ื ฉาวมาแทบทัง้ หมด การที่รัฐบาลพึ่งพาอาศัยคุณหญิงพร
ทิพย์อย่างมากมายอย่างนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะว่าคุณหญิง
ผู้มีสีสันฉูดฉาดรายนี้เป็นคนดังของประเทศ การสํารวจเมื่อเร็วๆ นี้
ของนิตยสารรีดเดอร์สไดเจสต์ก็พบว่าเธอคือคนที่ได้รับความเชื่อถือ
มากที่สุด ที่เยี่ยมกว่านั้นอีกคือ ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่รัฐบาลมัก
เรียกใช้บริการเมื่อเกิดกรณีอื้อฉาวใดๆ ขึน ้ มา คุณหญิงพรทิพย์เป็นที่
พึ่งพาได้เสมอในอันที่จะได้ข้อสรุปที่เกื้อหนุนทฤษฎีของฝ่ายรัฐบาล
และพันธมิตร
กระทั่งก่อนที่อภิสิทธิ์จะเป็นนายกฯ คุณหญิงพรทิพย์ก็มีบทบาท
สําคัญในการทําลายความน่าเชือ ่ ถือของรัฐบาลพลังประชาชนในกรณี
การปะทะระหว่างพันธมิตรและตํารวจบริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7
ตุลาคม 2551 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่สมาชิกพันธมิตร
นส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒเิ ป็นทีร่ า ํ่ ลือว่าเสียชีวต
ิ จากการระเบิดของ
ระเบิดปิงปองที่พันธมิตรนํามาเอง คุณหญิงพรทิพย์สรุปว่าการเสีย
ชีวิตเป็นผลมาจากกระบอกแก๊สน้ําตาผลิตจากจีนที่ตํารวจยิงใส่ผู้ชุ
มนุมตรงๆ คําอ้างนี้ถูกปฏิเสธในภายหลังด้วยการสืบสวนของ
ตํารวจ ซึ่งพบร่องรอยคราบซีโฟร์บนเสื้อผ้าของอังคณา คุณหญิงให้
คําอธิบายว่า “ทีมของเราใช้เครือ ่ งตรวจวัตถุระเบิด GT-200 และไม่
พบสารที่ใช้ในการทําระเบิด เราได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
ร่างกายและเสือ
้ ผ้าของผูไ้ ด้รบ
ั บาดเจ็บแล้ว”
ทว่าเครือ ่ งตรวจวัตถุระเบิด GT-200 ได้รับการพิสูจน์เมื่อไม่นาน
มานีว ้ า่ เป็นแค่กล่องพลาสติกไม่มอ ี ป
ุ กรณ์อเิ ล็คโทรนิค หลังจากทีพ ่ บ
ว่ามันทํางานไม่ได้โดยสิ้นเชิง รัฐบาลอังกฤษได้สั่งห้ามการส่งออก
เครือ
่ งมือทีค ่ ล้ายกันคือ ADE-651 และจับกุมกรรมการผู้จัดการของ
บริษท ั ผูผ้ ลิตด้วยข้อหาหลอกลวง เร็วๆ นี้ สํานักงานของบริษัทผู้ผลิต
สามรายรวมทั้งบริษัทโกลบอลเทคนิคคัลก็ถูกเจ้าหน้าที่อังกฤษบุก
ตรวจค้น ทั้งๆ ที่มีข้อพิสูจน์หนักแน่นขนาดนี้ที่แสดงถึงความไร้
ประโยชน์ของ GT-200 คุณหญิงพรทิพย์ก็ยังแก้ต่างและยืนยันให้ใช้
งานมันต่อไปในบทสัมภาษณ์หลายชิน ้ เมือ
่ ต้นปีน้ี ความไร้
ประสิทธิผลของเครือ ่ งมือนีก
้ อ
่ ให้เกิดคําถามต่อความน่าเชือ ่ ถือของ
การสืบสวนต่างๆ ที่ได้นําไปสู่การพิพากษาลงโทษคนจํานวนนับร้อย
(รวมถึงชาวมุสลิมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ผู้ก่อความไม่สงบ” ในภาค
ใต้) มิพักต้องพูดถึงชีวิตทหารระดับล่างที่ต้องพึ่งพาเครื่องมือนี้ใน
การตรวจหาระเบิดในพื้นที่ที่ตนลาดตระเวน ยิ่งกว่านั้น ก็ยังมีคําถาม
ว่าเหตุใดหน่วยงานรัฐบาลจึงจ่ายเงินหลายหมื่นเหรียญสําหรับเครื่อง
มือที่ไม่ทํางานนี้ นอกไปจากการทุจริตในการจัดซื้อกล่องพลาสติก
เปล่าๆ ในราคาเกือบล้านบาท หน่วยงานของคุณหญิงพรทิพย์เองก็มี
รายงานว่าได้ซื้อเครื่องมือนี้มาหกเครื่อง ในราคาเครื่องละ 1,100,000
บาท ซึ่งแพงกว่าที่กรมศุลกากรจ่ายไปถึงสามเท่า
ในประเทศใดๆ ทีย ่ ด
ึ ถือคุณค่าของความซือ
่ สัตย์และ
ประสิทธิภาพมากกว่าความภักดีทางอุดมการณ์ การสิ้นเปลืองเงิน
ภาษีและการดึงดันใช้งานเครื่องมือหลอกลวงนี้ต่อไปของคุณหญิงพร
ทิพย์คงจะทําให้เธอสูญเสียความน่าเชื่อถือที่จะทําการสืบสวนเรื่อง
สําคัญใดๆ ได้อก ี แล้ว แต่วา่ ในเมืองไทย คนอย่างคุณหญิงพรทิพย์
พิสูจน์ว่าเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลอภิสิทธิ์เสมอ
ขณะกําลังเป็นเรือ
่ งอือ
้ ฉาวในเดือนมกราคม 2552 เมือ
่ มีการเปิด
เผยว่ากองทัพไทยได้ปฏิบัติอย่างทารุณต่อผู้อพยพชาวโรฮิงยาหลาย
ร้อยคนที่มาขึ้นฝั่งไทย ด้วยการลากเรือของพวกเขาออกสู่ทะเลและ
ปล่อยให้พวกเขาตายด้วยความหิวโหยและการขาดน้า ํ บนเรือที่
ปราศจากเครื่องยนต์ คุณหญิงพรทิพย์ก็ให้ความชอบธรรมแก่ปฏิบัติ
การโหดต่อชาวโรฮิงยาในฐานะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เธอ
แถลงว่าพบร่องรอยคราบระเบิดบนเรือเหล่านัน ้ ไม่ปรากฏชัดเจนว่า
มีการใช้ GT-200 ในคราวนี้ด้วยหรือไม่
คุณหญิงพรทิพย์ได้รับแต่งตั้งให้เข้าไปอยู่ในศูนย์อํานวยการ
แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในวันที่ 20 เมษายน และมีแนวโน้ม
ที่จะยังคงมีบทบาทสําคัญต่อไปในการสืบสวนกรณีต่างๆ ที่ทําให้มีผู้
เสียชีวิตเกือบร้อยรายในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ตราบใด
ที่การสืบสวนของรัฐบาลยังคงพึ่งพา “ผูเ้ ชีย
่ วชาญ” ทีไ่ ร้ความน่าเชือ
่
ถือและเอียงข้างเช่นคุณหญิงพรทิพย์แล้ว ก็แทบจะคาดหวังผลทีจ ่ ะ
ออกมาเป็นอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากถ้อยแถลงทางการเมือง
และเครือ ่ งมือการโฆษณาชวนเชือ่
8.6 ความเป็นธรรมสําหรับผู้ถูกกล่าวหา
ในการดําเนินคดีผู้นํานปช. รัฐบาลอ้างว่าพวกเขาเป็นผู้บงการให้
เกิดการฆ่าฟันที่สะพานผ่านฟ้าและแยกราชประสงค์ โดย “คนชุดดํา”
ทีค
่ วบคุมโดยนปช. ด้วยข้อกล่าวหาเหล่านี้ การระบุตัวตนที่แท้จริง
ของมือปืนและมือยิงระเบิดทุกคนเป็นประเด็นพืน ้ ฐานสําคัญในแต่ละ
กรณี ภายใต้ ICCPR ทีมทนายจําเลยมีสท ิ ธิทจ
่ี ะรวบรวมหลักฐาน
อย่างเช่น วิถีกระสุนและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ ดีเอ็นเอ
บันทึกวิดิโอ คําสั่งในสายการบังคับบัญชาของทหารและอื่นๆ เพือ ่ หา
สาเหตุทเ่ี ป็นไปได้แบบอืน
่ เช่น ความเป็นไปได้ทก ่ี ระสุนอาจมาจากปืน
ไรเฟิลของกองทัพไทย หรือว่า “คนชุดดํา” กระทําการอย่างเป็นอิสระ
จากนปช.
ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะตรวจสอบข้อสรุปของผู้เชี่ยวชาญฝ่าย
รัฐบาลอย่างคุณหญิงพรทิพย์และคนอื่นๆ ตลอดจนหลักฐานทีพ ่ วก
เขาอ้างถึง ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะใช้ผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์
ของตนเองในการจําลองสภาพที่เกิดเหตุ วิเคราะห์ดเี อ็นเอ ตรวจสอบ
ภาพวิดิโอ และหลักฐานอืน ่ ทัง้ หมดทีอ
่ ยูใ่ นมือของรัฐบาล (โดย
สามารถเข้าถึงได้เท่าเทียมกับรัฐบาล) และใช้หลักฐานนัน ้ แก้ขอ้ กล่าว
หา ความเป็นธรรมและการเปิดเผยข้อมูลสําหรับผู้ถูกกล่าวหามี
ความสําคัญอย่างยิ่งยวด มีแต่การสืบสวนที่ดําเนินการโดยคณะที่
เป็นอิสระและเป็นกลางเท่านั้นที่สามารถรับรองได้ว่าสิทธิของผู้ถูก
กล่าวหาจะได้รับการคุ้มครอง ได้มีการยื่นหนังสือเรียกร้องอย่างเป็น
ทางการในนามผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว โดยยืนยันสิทธิของพวกเขาภาย
ใต้กฎหมายระหว่างประเทศในการสงวนรักษาและเข้าถึงหลักฐาน
ทั้งหมด รวมทั้งหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ทั้งทางกายภาพและอื่นๆ วิดิ
โอ เอกสารและรายงานของผู้เชี่ยวชาญ และยังได้มีการนําเรื่องนี้ไป
ร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติซึ่งทํา
หน้าทีด่ แู ลการปฏิบต
ั ต
ิ าม ICCPR อีกด้วย
9. บทสรุป : หนทางเดียวสู่การปรองดอง
กระทั่งก่อนที่คนเสื้อแดงอีก 55 คนจะถูกสังหารด้วยน้ํามือของกอง
ทัพไทยเสียด้วยซ้ําที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ให้คา ํ มัน
่ ว่า
ตนเองและรัฐบาลของตนจะสร้างความ “สมานฉันท์” และโดยเฉพาะ
ยิ่งหลังจากมีการสังหารหมู่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยครั้งเลวร้ายที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของประเทศ ประเทศไทยก็ยิ่งต้องการการ
สมานฉันท์กว่าที่เคยเป็นมา แต่นา ่ เศร้าใจทีเ่ ห็นได้ชด
ั ว่าผูม
้ อ
ี า
ํ นาจที่
ปกครองอยู่ในขณะนี้ไม่มีความสามารถหรือมีความตั้งใจแรงกล้า
เพียงพอที่จะส่งเสริมการสมานฉันท์อย่างแท้จริง
อีกทั้งมาตรการที่เข้มงวดและการโหมไล่ล่าในช่วง 6 สัปดาห์ท่ี
ผ่านมา (เห็นได้จากการต่ออายุ พ.ร.ก. การบริหารราชการใน
สถานการณ์ฉุกเฉิน การจับกุมคุมขังผู้ที่สนับสนุนคนเสื้อแดงจํานวน
หลายร้อยคน การกักขังแกนนํา นปช.ไว้ในค่ายทหาร การปราบและ
ปิดกั้นสื่อทางเลือกทั้งหมด) การแต่งตั้งคณะกรรมการหลากหลาย
คณะเพื่อแสร้งให้เห็นว่าประเทศกําลังเดินหน้าไปสู่หนทางแห่งการ
“สมานฉันท์” ซึง่ ในข้อเท็จจริงแล้วเป็นเพียง “การสร้างความเห็นพ้อง
ทางอุดมการณ์” โดยการใช้อา ํ นาจบังคับผ่านการโฆษณาชวนเชือ ่ และ
การปราบปราม
นายกรัฐมนตรีและคณะนายทหารซึ่งกําลังชักใยอยู่เบื้องหลัง
รัฐบาลนั้น เลือกที่จะเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงพื้นฐานสองประการที่คน
ทัง้ โลกเข้าใจแล้ว ประการแรกคือ การสมานฉันท์ไม่อาจเกิดขึ้นได้
โดยปราศจากความจริง ประการที่ 2 การปราบปรามไม่ใช่หนทางทีจ ่ ะ
นําไปสู่ความจริงและการสมานฉันท์ เผด็จการนั้นมีแต่จะสร้างความ
เกลียดชังและการหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
การทบทวนเหตุการณ์ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์และกองทัพ
ไทยต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่กระทําอย่างต่อ
เนื่อง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการกลั่นแกล้ง ไล่ล่าทางการ
เมืองอย่างเป็นระบบ ขณะที่รัฐบาลไทยมีหน้าที่ตามหลักกฎหมาย
ระหว่างประเทศที่ต้องดําเนินการสืบสวนสอบสวนการกระทําละเมิด
ของตน และต้องนําตัวผู้รับผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ประชาคม
นานาชาติกม ็ ค
ี วามรับผิดชอบด้านศีลธรรมทีจ ่ ะทําให้มน
่ั ใจว่าการก่อ
อาชญากรรมของรัฐจะไม่ถูกปกปิด อันที่จริง ขณะนีเ้ ห็นได้ชด ั เจนว่า
มีแต่แรงกดดันจากนานาชาติและการเข้ามามีสว ่ นร่วมของนานาชาติ
เท่านั้นที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์
สังหารหมู่ในกรุงเทพฯ ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพนั้นจะไม่เป็นเพียงการ
สร้างความยุ่งเหยิง ที่นําไปสู่การฟอกตัวเองจากกระบวนการ
ยุติธรรมเพื่อซ่อนผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความรุนแรงโดยรัฐอย่างที่
เป็นมาตลอดทุกครั้งในประวัติศาสตร์ไทย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
ประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสินความผิดของผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณี
การสังหารหมู่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เฉกเช่นเดียวกับการสังหารหมู่ผู้เรียกร้อง
ประชาธิปไตยจํานวนมาก เมือ ่ ปี 2516, 2519 และ 2535 อย่างไรก็ตาม
สําหรับครั้งนี้ ผูท
้ ต
่ี อ
้ งรับผิดชอบจะต้องเผชิญกับความรับผิดจาก
การกระทําของตนเองในศาลยุติธรรมที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่ศาลที่พรั่ง
พร้อมไปด้วยมิตรสหาย หรือคนในการอุปถัมภ์ หรือผู้ที่ถูกแต่งตั้ง
จากพวกเขากันเอง
“การสมานฉันท์” ยังต้องอาศัยการยอมรับว่าความวุ่นวาย
ทางการเมืองในปัจจุบน ั เป็นผลมาจากการทําลายและปฏิเสธ
เจตจํานงของประชาชนครัง้ แล้วครัง้ เล่า ดังนัน ้ แล้ว การแก้ไขจะทําได้
ก็ด้วยการยินยอมให้ประชาชนไทยได้พูดด้วยตัวเองในการเลือกตั้ง
เท่านั้น แน่นอนว่าเพียงการจัดการเลือกตั้งนั้นยังไม่เพียงพอ
ประเทศไทยต้องการการเลือกตั้งในบริบทที่ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบอัน
ไม่สมควรจากการปิดกั้นฝ่ายตรงข้าม จากการหนุนหลังจากกลไกรัฐ
จากความโน้มเอียงของศาลทีจ ่ ะบิดเบือนผลการเลือกตัง้ จากโอกาส
ทีก่ ลุม
่ อํานาจเก่าจะบ่อนทําลายรัฐบาลทีม ่ าจากการเลือกตัง้ ของ
ประชาชนซ้า ํ อีก หรือความหวาดกลัวว่าการรัฐประหารโดยกองทัพจะ
เกิดขึ้นอีก ประเทศไทยจึงต้องการการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันของทุก
ฝ่ายภายใต้กฎกติกาที่เคารพในสิทธิของประชาชนที่จะลงสมัครรับ
เลือกตั้ง ลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครที่พวกเขาเลือกได้ด้วยตัวเอง
และมีรัฐบาลจากพรรคการเมืองที่พวกเขาได้เลือกมา รัฐธร
รมนูญพ.ศ. 2550 ที่ประกาศใช้ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหารซึ่ง
ให้อํานาจศาลในการยุบพรรคการเมืองและตัดสิทธิทางการเมืองของ
ผู้นําพรรคนั้นสอบตกด้านความชอบธรรม ตราบเท่าที่อภิสิทธิ์ยังมี
ความจริงใจต่อความเชือ ่ ของตัวเองว่าเขามีความชอบธรรมทีจ ่ ะ
ปกครองประเทศ เขาก็ควรยินดีกับโอกาสที่จะได้แสดงว่าตนเองมี
ความชอบธรรมผ่านสนามเลือกตั้งที่สู้กันอย่างเท่าเทียม ตราบเท่าที่
เขาหวาดกลัวการตัดสินจากประชาชน เขาย่อมไม่ที่อยู่ที่ยืนในรัฐบาล
กิตติกรรมประกาศ
สุเทพได้รับการแต่งตั้ง โดยเขาได้ลาออกจากตําแหน่งสมาชิกสภาผูแ ้ ทน
ราษฎร ตั้งแต่ปี 2552 หลังจากมีข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริตเรื่องที่ดิน ดู “Suthep
Resigns as MP,” Bangkok Post, July 17, 2010.
HYPERLINK "http://www.bangkokpost.com/news/politics/149293/suthep-
resigns-as-mp" http://www.bangkokpost.com/news/politics/149293/suthep-
resigns-as-mp
“Bangkok Gears Up for Protest Siege,” Associated Press, May 13, 2010.
HYPERLINK "http://asiancorrespondent.com/breakingnews/bangkok-gears-
up-for-protest-siege.htm"http://asiancorrespondent.com/breakingnews/
bangkok-gears-up-for-protest-siege.htm
“Khattiya Sawatdiphol (Seh Daeng),“ New York Times, May 17, 2010.
HYPERLINK "http://topics.nytimes.com/top/reference/timestopics/people/
k/khattiya_sawatdiphol/index.html"http://topics.nytimes.com/top/reference/
timestopics/people/k/khattiya_sawatdiphol/index.html
Nick Nostitz, “Nick Nostitz in the Killing Zone,” New Mandala, May 16,
2010.
HYPERLINK "http://asiapacific.anu.edu.au/newmandala/2010/05/16/nick-
nostitz-in-the-killing-zone/"http://asiapacific.anu.edu.au/newmandala/
2010/05/16/nick-nostitz-in-the-killing-zone/
สําหรับความคืบหน้าชะตากรรมของผู้ชุมนุมเสื้อแดงในรายงาน ดู “Daughter
of a Slain Red Shirt Hears Story of Father from Nick Nostitz,” Prachatai,
June 21, 2010.
HYPERLINK "http://www.prachatai.com/english/node/1899"http://
www.prachatai.com/english/node/1899
“3 Injured as Van Trying to Clash through Security Checkpoint at
Makkasan,” The Nation, May 15, 2010.
HYPERLINK "http://www.nationmultimedia.com/home/3-injured-as-van-
trying-to-clash-through-security--30129399.html"http://
www.nationmultimedia.com/home/3-injured-as-van-trying-to-clash-
through-security--30129399.html
Jack Picone, “'Is it OK to Shoot Foreigners and Journalists?',” Sydney
Morning Herald, May 22, 2010.
HYPERLINK "http://www.smh.com.au/world/is-it-ok-to-shoot-foreigners-
and-journalists-20100521-w1ur.html"http://www.smh.com.au/world/is-it-
ok-to-shoot-foreigners-and-journalists-20100521-w1ur.html
“Medics Banned from Entering 'Red Zones',” The Nation, May 16, 2010.
HYPERLINK "http://www.nationmultimedia.com/home/2010/05/16/
national/Medics-banned-from-entering-red-zones-30129456.html"http://
www.nationmultimedia.com/home/2010/05/16/national/Medics-banned-
from-entering-red-zones-30129456.html
Bill Schiller, “Why Did So Many Civilians Die in Bangkok Violence?,”
The Star, May 23, 2010.
HYPERLINK "http://www.thestar.com/news/world/article/813547--why-
did-so-many-civilians-die-in-bangkok-violence"http://www.thestar.com/
news/world/article/813547--why-did-so-many-civilians-die-in-bangkok-
violence
วันที่ 18 พ.ค. หนึ่งวันก่อนการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมครั้ง
สุดท้าย ส.ว.กลุ่มหนึ่งได้รับการตอบรับจากคนเสื้อแดง ในการเป็นตัวกลางไกล่
เกลี่ยครั้งสุดท้าย แต่รฐั บาลปฎิเสธ นําไปสูก
่ ารโจมตีแบบนองเลือดในเช้าวัน
ต่อมา
United Nations Basic Principles on the Use of Force and Fire Arms by Law
Enforcement Officials of 1990.
Ibid., Principles 3, 5.
PAGE
PAGE 5