You are on page 1of 11

อวตาร

ทำาให้ได้เรียนร้้อะไร?

เจค อดีตนาวิกโยธินหนุ ่มที่เป็ นอัมพาตครึ่งตัว ที่ถูกเรียกให้มาปฎิบัติ


หน้าที่ในภารกิจพิเศษที่จะต้องเปลี่ยนรุางกายของเขา (อวตาร) ให้กลายเป็ นชาว
มน่ษย์ตุางดาวที่อาศัยอยุูท่ีดาวแพนดอรุา โดยเจค ต้องเข้าไปสอดแนมในกลุ่มของ
นาวี เพื่อนำาทางให้มน่ษย์เข้าไปตักตวงแรุอันมีคุาของที่น่ัน แตุยิ่งเจค ได้สัมผัสชีวิต
บนดาว แพนดอรุา มากเทุาไหรุ เขาก็ยง ิ่ หลงใหลในความงามของที่น่ี มากขึ้น
เทุานั้น ท้ายที่ส่ดเขาต้องเลือกระหวุางภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายจากโลกกับ
ความรัก ความผูกพันที่มีตุอชาวนาวี ในสงคราม ที่มีอนาคตของโลกมน่ษย์เป็ น
เดิมพัน

นี่ คือ อวตาร(Avatar) อภิมหากาพย์ แอนิ เมชัน


่ 3 มิติที่
เปลี่ยนแปลงวงการหนังตลอดศตวรรษที่ผ่านมาจนถึง
ปั จจุบัน ซึ่งน้อยครั้งนั กที่ผมจะยอมให้ภาพยนตร์เข้ามามี
ผลต่อชีวิตจิตใจของผมเองอย่างลึกซึ้ง แต่สำาหรับเรื่อง
“อวตาร” ได้ใจผมไปเต็มร้อย

ผมถามตัวเองว่า ได้อะไรบ้างภายหลังจากได้ดูหนั งเรื่องนี้แล้ว


?
-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมได้เรียนรู้ว่า หากเรากำาลังเรียนรู้ร่วมกันกับผู้คนรอบข้างสิ่ง
แรกที่จะต้องทำาให้ได้ก็คือการยอมรับในวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
ของพวกเขาก่ อ นสิ่ ง ใดอื่ น เรี ย นรู้ ใ นด้ า นดี ง ามอย่ า งซื่ อ สั ต ย์
และเคารพในความเป็ นตั วตนของเขา หากทำา ได้ ในท้า ยที่สุ ด
ท่านอาจจะกลายเป็ นส่วนหนึ่ งของประสบการณ์ท่ีน่าทึ่งและไม่
คิ ด ว่ า จ ะ ไ ด้ เ จ อ ะ เ จ อ
ยิ่งไปกว่านั ้ น หากท่านจะเรียนรู้ใ นสิ่งที่ท่า นและเขาสามารถ
ทำา ได้ ท่า นต้ องเริ่ มต้ นที่ จะฝึ กตั ง้ คำา ถามซำ้า แล้ ว ซำ้า อี ก และวน
เวียนอยู่ในเรื่องความสำา เร็จ ความสามารถ ความปรารถนาจะ
ให้เกิดสิ่งดีงามในอนาคตของเขาเหล่านั ้ นและของท่าน แลก
เปลี่ยนเรียนรู้ในสิ่งที่ท่านและเขาต่างก็มีอยู่แล้ว ไม่อย่างใดก็
อย่างหนึ่ ง นั่ นคือสติปัญญา ความสามารถประสบการณ์ และ
พรสวรรค์ ท่ี มี อ ยู่ ใ นตั ว ท่ า นและตั ว ของเขาด้ ว ย เพื่ อ ให้ เ ราได้
เห็นคุณค่าของกันและกัน ไว้เนื้ อเชื่อใจกัน และเรียนรู้จากกัน
ให้ ม า กยิ่ งขึ้ นไป อี ก แ ล ะ ที่ น่ า อั ศจ ร ร ย์ ก็ คื อ แ ม้ เ ร า จ ะ มี
ประสบการณ์ แ ละความคิ ด ที่ ต่ า งกั น ภายใต้ บ รรยากาศแห่ ง
มิตรภาพและความเป็ นประชาธิปไตยมันจะทำา ให้เราสามารถ
หลอมรวมความดีงาม และความปรารถนาของเราเข้าด้วยกัน
และทำาให้กลายเป็ นเอกภาพได้อย่างน่ าภาคภูมิใจ ซึ่งผลที่เกิด
ขึ้นในประการต่อมาก็คือเราต่างมีความเชื่อมั่นและศรัท ธาใน
กันและกัน และขยายขอบเขตแห่งความดีงามนั ้นเผื่อแผ่ไปยัง
ปริมณฑลอื่นด้วย

ในขณะที่ตกอยู่ในความมืดมน จงพยายามหาแสงสว่างให้พบ
และหากยังหาไม่พบ ก็ให้ยอมรับมันและเรียนรู้ท่ีจะอยู่กับมัน
อย่างมีสติ และพยายามหาอะไรทำา ด้วยกันเพื่อให้คลายความ
วิ ตกกัง วลลง เรายั ง คงต้ อ งต่ อ สู้ โ รมรั น กั บ มั น ด้ ว ยการค้ น หา
แสงสว่ า งให้ ไ ด้ ห รื อ ทำา ให้ เ กิ ด แสงสว่ า งเสี ย เอง เพื่ อ ปกป้ อง
คุณค่าที่มีอยู่ในตัวของเราทัง้ หลายอีกด้วย

สิ่งสำา คัญที่จะต้องระมัดระวังในยามที่อยู่ร่วมกัน ก็คื อ เราทุก


คนต่างก็เป็ นผู้นำา ในลีลาและความสามารถของแต่ละคน เมื่อ
เรามีโอกาสได้ทำา งานร่วมกัน จะต้องมีความตระหนั กถึ งพลัง
ของกลุ่ ม ทัง้ พลั งกาย พลัง ใจ พลั งจิ ต พลัง ความคิด และพลั ง
ปั ญญา ร่ ว มกั น คิ ด หาทาง ทำา อย่ า งไรจึ ง จะใช้ ค วามรู้ ค วาม
สามารถ และพรสวรรค์ของแต่ละคนอย่างมีศิลปะ ให้เหมาะสม
กั บ กาลเทศะ ทำา ให้ ที ม งานได้ เ รี ย นรู้ และเติ บ โตไปด้ ว ยกั น
อย่างมั่นใจและภาคภูมิใจ ก่อให้เกิดพลังความสามารถร่วมกัน
อย่างมีจังหวะจะโคน และมีลีลาที่งดงาม
อย่าลืมว่าการกระทำาของเราทุกคนส่งผลต่อกันและกันอย่างไม่
ต้องสงสัย จนกลายเป็ นบุคลิกลักษณะและอุปนิ สัยของกลุ่ม
ความผิ ด พลาดที่ เ กิ ด ขึ้ น ในยามที่ ทำา งานนั ้ น ย่ อ มมี เ ป็ นเรื่ อง
ธรรมดา สิ่งที่จะต้องทำาให้ได้ก็คือ ทำาอย่างไรกลุ่มจึงจะเข้าใจกัน
ให้กำา ลังใจกันและกันเมื่อยามพลาดพลัง้ และหาทางแก้ไขจน
พลิ กสิ่ งเหล่ านั ้ น ให้ กลั บมาเป็ น ปั ญญาของกลุ่ ม มากกว่ า ที่ จ ะ
ทำาให้เป็ นปั ญหาของกลุ่ม

พึงเตรียมการในอนาคตข้างหน้ าร่วมกัน จัดการกับแผนที่วาง


ไว้ ร่ ว มกั น ตามบทบาทและความสามารถที่ มี อ ยู่ มี แ ผนสอง
ตามมา หากแผนแรกฟั นฝ่ าไปไม่ไหวแล้ว ซึ่งนั่ นหมายถึงความ
ยืดหยุ่นของกลุ่มเอง หากจำา เป็ นต้องมีการเปลี่ยนแผน ณ จุด
ใดจุดหนึ่ ง

เราต้องมีความเมตตากรุณาต่อตัวเองและต่อกันและกัน มอง
โลกในแง่ดีและมีความหวังกับทีมงาน ซึ่งต่างไปจากความคาด
หวัง เราต้องเติมความเชื่อมันและศรัทธาลงไปในใจตัวเองและ
ผู้ อ่ ื น อยู่ เ ป็ น นิ จ ด้ ว ยการแสดงความชื่ น ชมกั น และกั น ในทุ ก
โอกาสที่อำานวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กำา ลังทำา งานด้วย
กัน เพราะนั่ นหมายถึงยาทิพย์ชโลมใจกันและกัน ซึ่งนอกจาก
จะทำา ให้ ห ายจากความเหน็ ด เหนื่ อยและป่ วยไข้ ยั ง ช่ ว งเสริ ม
สร้า งพลังให้กันและกั นได้อย่า งวิเ ศษ ต่า งจากการเสี ยดทาน
กันด้วยคำาพูดที่สละสลวยแต่แสลงหูและบาดลึกลงในจิตใจ ใน
ทำา นองยกตนข่มคน โอ้อวด และสัพยอกจนเลยเถิด ด้วยหวัง
ให้เกิดความบันเทิงเริงรมย์ การเรียนรู้จากสิ่งดีงามร่วมกันใน
ขณะที่ กำา ลั ง ร่ ว มกั น ทำา งานอย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง ทำา ให้ ที ม งาน
เติบโตอย่างรวดเร็ว กล้าที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากยิ่งขึ้น
และต้องไม่ลืมที่จะทำา ให้เ กิดการมีส่วนร่ วมกั นอย่า งเต็มที่ใน
ยามที่จะฉลองความสำา เร็จหรือฉลองชัยชนะที่เกิดขึ้นร่วมกัน
สมดั งคติช นดั ง้ เดิ ม ที่ ว่ า “ ที่ ว่ า มหากั ล ยาณมิ ต รนั ้ น ยามมี สุข
ร่วมเสพย์ ยาม มีทุกข์ร่วมต้าน”
อย่ากลืนกินอัตตาของท่านเอง โอกาสที่จะเกิดขึ้นได้นั้นงายนั ก
เนื่ องจากความสำาเร็จที่เคยทำาสัง่ สมมาเป็ นลำาดับ บำารุงเลีย
้ งมัน
จนทำาให้เราไม่ฟังใครอื่นนอกจากตัวเอง และเพราะความคิดว่า
เรามีความสามารถและวิเศษกว่าคนอื่นนี้ เอง จะทำาให้เสน่ ห์ใน
ตัวเราลดลงเป็ นเงาตามตัว จงพยายามเตรียมตัวเองที่จะเผชิญ
กับสิ่งเลวร้ายที่สุด มีทัศนคติบวก มองโลกในแง่ดี สร้างความ
ฝั นให้บรรเจิดและพยายามค้นให้พบว่าจะเป็ นครูฝึกตัวเองที่ดี
ได้อย่างไร

อย่าทำาตัวเราให้น่าสมเพท น่ าเวทนา น่ าสงสารหรือแสวงหาคำา


ปลอบโยนจากผู้ ใ ด เพราะนั่ นแสดงแสดงให้ เ ห็ น ถึ ง ความ
อ่ อ นแอและการเอาตั ว เองเป็ นศู น ย์ ก ลางของกลุ่ ม ไปโดย
อัตโนมัติ ในขณะเดียวกันก็ทำา ตัวให้ร่าเริงเบิกบาน พร้อมที่จะ
ช่วยเหลือเกื้อกูล และเมื่อยามคับขันก็มีสติ ใจเย็นและ นิ่ ง ไม่
แสดงอาการโกรธจัด ตีโพยตีพาย หรือพรำ่าบ่นอย่างน่ ารำา คาญ
เพราะจะทำาให้เชื้อแห่งความอ่อนแอและลางแห่งความพ่ายแพ้
แพร่กระจายไปยังทีมงานอย่างไม่มีท างหลีกพ้น ความเข้า ใจ
ความเห็นอกเห็นใจ ความเอื้อเฟื้ อเกื้อกูลกันและกันต่างหากที่
ก่อเกิดพลังแก่ทีมงาน

หากสังเกตได้ว่าคนในทีมมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปรกติไปจากที่
ควรจะเป็ น ต้องใส่ใจค้นหาว่ามีส่ิงใดเกิดขึ้น และช่วยกันเอาใจ
ใส่ดูแล ประคับประคองให้สถานการณ์ดีขึ้น

เราจำา เป็ น ต้ อ งระลึ ก ไว้ เ สมอว่ า การให้ อ ภั ย มี ค วามสำา คั ญ ยิ่ ง


การเปิ ดโอกาสหรือทำาให้ผู้คนได้แสดงความรู้สึก เมื่อยามโกรธ
หรือสะเทือนใจจนต้องร้องให้ ไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ
แต่เป็ นความเข้มแข็งต่างหาก เพราะเรายังต้องการการเยียวยา
จิ ต ใจในฐานะมนุ ษ ย์ ด้ ว ยกั น ที่ มีชี วิ ต เลื อ ดเนื้ อและวิ ญ ญาณ
ในยามที่ค นเกิด ความเครีย ดหรื อมี แ ผลใจ เขาต้ องการเพื่อ น
คอยดู แ ล ห่ ว งใย และยอมรั บ ในตั ว เขามากกว่ า ใดอื่ น มั น
สามารถถอนพิ ษ ในใจได้ อ ย่ า งชะงั ด และทำา ให้ ส ถานการณ์
ค ลี่ ค ล า ย ไ ป ใ น ท า ง ที่ ดี ม า ก ก ว่ า วิ ธี อื่ น ใ ด
การทำาตัวให้เป็ นคนเปิ ดใจ ไม่เก็บงำาความคิด ไม่ขัดคอหรือ
ตัดบท เมื่อยามที่มีความคิดต่างกันหรือไม่ลงรอยกันในกลุ่ม
แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะของกลุ่ม ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
เป็ นเรื่องปรกติวิสัยที่เกิดขึ้นได้ทุกแห่ง อย่าปล่อยให้เกิด
บรรยากาศอึมครึมเรื้อรัง ต้องมีใครสักคนทำาหน้ าที่ให้ลงตัว
และคลี่คลายไปในทางที่ดีต่อ และไม่มีส่ิงใดดีไปกว่า ความ
เมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และการมองโลกใน
เชิงบวก

การให้รางวัลและยกย่องกันและกันในเรื่องทั่ว ๆ ไป การรับ
ฟั งกัน การไม่เกรงกลัวที่จะพูดว่า “ไม่”ออกมา การเผยความ
ในใจต่อกัน และการได้ลุกขึ้นมาพูดอะไรบางอย่าง ที่ท่านรู้สึก
ว่าจำา เป็ นต้องพูดนั ้น เป็ นการยกระดับและทำา ให้มาตรฐานทีม
งานสูงขึ้น อีกทัง้ ทำาให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างความเป็ น
“ผู้ชนะ”หรือ”ผู้แพ้”

แม้หากว่ามีความผิดปรกติหรือเรื่องร้ายๆ บางอย่างเกิดขึ้น ก็
อย่าพยายามยำา้ หัวตะปูในทางลบจนเกินไป หาทางทำาใจดีสู้เสือ
ปรับเปลี่ยนจากร้ายให้เป็ นดี หรือทำาจุดอ่อนให้เป็ นจุดแข็ง เพื่อ
ให้กลุ่มได้เรียนรู้ เติบโต และก้าวไปข้างหน้ าอย่างมั่นใจไม่เสีย
สติหรือเสียขวัญกำา ลังใจ จงพยายามให้กลุ่มมีความหวัง แม้
ท่ า นจะมี ค วามรู้ สึ ก ว่ า ความหวั ง คื อ สิ่ ง ที่ เ รามี เ หลื อ อยู่ ก็ ต าม
เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตจะดีได้ก็ต่อเมื่อเราเชื่อว่า
ยังพอมีโอกาสเล็ก ๆ และผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายก็จะออกมาดี
ในที่สุด
ในหนังมีเพลงชื่อ I SEE YOU ซึ่งมี LEONA LEWIS ขับร้องได้อยุางไพเราะ

I see you, I see you, walking through a dream


I see you, my light in darkness breathing hope of new life
Now I live through you and you through me

Enchanting, I pray in my heart that this dream never ends


I see me through your eyes
Living through life flying high
Your life shines the way into paradise
So I offer my life as a sacrifice
I live through your love
You teach me how to see

All that’s beautiful


My senses touch your word I never pictured
Now I give my hope to you
I surrender
I pray in my heart that this world never ends
I see me through your eyes
Living through life flying high

Your love shines the way into paradise


So I offer my life
I offer my love, for you
When my heart was never open
(and my spirit never free)
To the world that you have shown me
But my eyes could not division
All the colours of love and of life ever more

Evermore, (I see me through your eyes)


I see me through your eyes
(Living through life flying high)
Flying high

Your love shines the way into paradise


So I offer my life as a sacrifice
And live through your love
And live through your life
I see you
I see you

ในท้ายที่สุด เราจะต้องไม่ลืมพลังแห่งความสามัคคี เพราะเมื่อ


ต่างฝ่ ายต่างช่วยเหลือกันและกัน (หนึ่ งคือทัง้ มวล และทัง้ มวล
คือหนึ่ ง) ผู้คนเกือบทัง้ หมดจะมีความรู้สึกประหนึ่ งได้เกิดใหม่
อี ก ครั ้ง ในที่ ๆ มี ค วามเข้ า ใจกั น ความยกย่ อ งชื่ นชมกั น ใน
บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมและชีวิตใหม่รอบกาย ความสุนทรียะที่
พบใหม่นี้ ก่อให้เกิดคุณค่าใหม่ร่วมกัน ซึ่งเป็ นชะตากรรมของ
กลุ่มที่เมื่อร่วมกั นกำา หนดแล้ว ก็สามารถทำา ให้เกิดขึ้ นได้จ ริง
บนผืนพิภพนี้ และในภาวะปั จจุบันที่กำาลังดำารงอยู่นี้เอง และนี่
คืออานุภาพของการคิด พูดและก่อการดีร่วมกันซึ่งในไปสู่การ
เปลี่ยนแปลงที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป

พอมาถึงตรงนี้ บทกวีของเนาวรัตน์ พงษ์ ไพบูลย์


ชื่อ“ความดีต่อความดี”
ก็ผลุดพรายขึน้ มาอย่างฉั บพลัน

...........เป่ าเถ้าที่จวนมอด วะวับวอดมิวายแสง


จุดเพลิงอันเริงแรง เป็ นเปลวลุกขึ้นโลมลาม
ผูกไผ่ทีละไผ่ ไปเป็ นแพสะพานข้าม
ผูกข้อต่อตาตาม ไปเป็ นต้นตระหง่านตรง

เรียงจุดทีละจุด เป็ นเส้นสุดเป็ นทรวดทรง


จดเจตนาจง เรียงรจนากวี
จับใจมาใส่ใจ จึงฝากใจเป็ นไมตรี
ความดีต่อความดี ประดับโลกให้งดงาม
...........

You might also like