You are on page 1of 35

้ หา

เนือ
1. E-Learning คืออะไร?
2. Weblog สำค ัญอย่างไร?
3. ทำไม Weblog ถึงได้ร ับความนิยม?
4. Weblog มีประโยชน์อย่างไร?
5. คนไม่เก่งคอม ! จะทำ Weblogได้ไหม?
6. แล้วจะเริม่ ต้นง่ายๆได้อย่างไร?
7. ทำมาแล้วจะสวยงามและน่าสนใจอย่างไร?
8. เมือ
่ เป็นแล้วจะประยุกต์ใชก ้ ับการเรียน
การสอนอย่างไร?
E-Learning คืออะไร
e-learning หรื อ Electronic Learning ใน
ปั จจุบันค่ อนข้ างแตกต่ างกันออกไปตามแหล่ งที่มาและ
การนำไปใช้ แต่ กล่ าวโดยทั่วไปแล้ ว e-learning หมาย
ถึง รู ปแบบการเรี ยนการสอนแบบใหม่ ทีม่ ีการประยุกต์ ใช้
เทคโนโลยีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สมัยใหม่ มีวัตถุประสงค์ ที่
เอื้ออำนวยให้ ผ้ ูเรี ยนสามารถเรี ยนรู้ องค์ ความรู้
(knowledge) ได้ โดยไม่ จำกัดเวลาและสถานที่
(Anywhere-Anytime Learning) เพื่อให้ ระบบ
การเรี ยนการสอนเป็ นไปได้ อย่ างมีประสิทธิภาพมากขึน้
การเรี ยนรู้ แบบออนไลน์ หรือ e-Learning
เป็ นการศึกษาเรียนรู้ ผ่านเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
อินเทอร์ เน็ต(Internet) หรือ
อินทราเน็ต(Intranet) เป็ นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้
เรียนจะได้ เรี ยนตามความสามารถและความสนใจของ
ตน โดยเนือ้ หาของบทเรียนซึ่งประกอบด้ วย ข้ อความ
รู ปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่น ๆ
การนำ e-Learning ไปใช้ ประกอบการเรียนการสอนโดย
สามารถทำได้ 3 ลักษณะ ดังนี ้

1. สื่อเสริม (supplementary)
2. สื่อเติม (complementary)
3. สื่อหลัก (comprehensive replacement)
เป้าหมายสูงสุดของการจ ัด
การเรียนรู ้ E- learning
อย่างมีประสทิ ธิภาพของผู ้เรียน

ทุกระดับ
ผูเ้ รียนรูจ
้ ักเลือกใชส ้ งิ่ ทีเ่ รียนรู ้
ให้เหมาะสมก ับวิถช ี วี ติ ของตนเอง

และสงคม

Weblog multiply media fire


media fire
Fecebook twitter Hi 5


การพ ัฒนาศกยภาพของผู
เ้ รียน
ความสมพ ั ันธ์ของการใช ้
สอื่ ออนไลน์ ก ับการเรียนการสอน
การศก ึ ษา/หลักสูตร
รายวิชาการสอน
เนือ
้ หา ธุรกิจการค ้า
การโฆษณา ฯลฯ

ื่ การเรียนรู ้
สอ
จิตวิทยาพัฒนาการ Weblog***
จิตวิทยาการรับรู ้ Face book
Youtube
จิตวิทยาการเรียนรู ้ Hi 5
multiply
ผู ้เรียน/ผู ้รับสาร
ื่ /วิธก
สอ ี าร
จิตวิทยา
รวบรวมสิบอันดับสุดยอด Social Media ทีไ่ ด้ รับความ
นิยมในประเทศไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2010
•Facebook (Social Network)
•Youtube (Video Sharing)
•Hi5 (Social Network)
•Blogger (Blog) ***
•Wikipedia (Wiki)
•4shared (File Sharing)
•mediafire (File Sharing)
•exteen (Blog)
•bloggang (Blog)
•multiply (Blog & Photo Sharing)
คืออะไร ?
blog (บล็อก) Blog ก็คือการบันทึกบทความ
ของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหา
ของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ ทุกเรื่ อง ไม่ ว่าจะเป็ น
เรื่ องราวส่ วนตัว หรือเป็ นบทความเฉพาะด้ านต่ าง ๆ
เช่น เรื่ องรายวิชาการเรี ยนการสอน การเมือง เรื่ องกล้ อง
ถ่ายรูป เรื่ องกีฬา เรื่ องธุรกิจ เป็ นต้ น
Facebook เหมือน/แตกต่ างกัน
Hi 5
Weblog อย่ างไร????
บล็อก(Blog)
ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของ
ตนเอง ใส่ ลงไปในบทความนัน้ ๆให้ เป็ นวิทยาทาน
หรื อทางการศึกษา โดยบล็อกบางแห่ ง จะมี
อิทธิพลในการโน้ มน้ าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ ใน
ขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึน้ มาเพื่อให้
อ่ านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่ นกลุ่มเพื่อน ๆ หรื อ
ครอบครัวตนเอง
ทำไม Weblog
ถึงในร ับความนิยม ?
1. ไม่ ต้องเสียค่ าใช้ จ่าย

2. ใช้ งานง่ ายโดยผู้เขียนไม่ ต้องมีความรู้ เรื่ องการเขียน


เว็บไซต์ ด้วยโปรแกรมภาษา หรื อโปรแกรมสำเร็จรู ปใดๆ เลย
3. สามารถปรั บแต่ ง แก้ ไขได้ ง่าย บนหน้ าจอ ณ เวลา
นัน้ เลย (แต่ หากจะมีความรู้ เรื่ องภาษา Html ก็จะยิ่งดีมากๆ)
4. 4. ประโยชน์ ของ Blog นัน้ มีมากมาย กว้ าง
ขวางยิ่งกว่ า ไดอารี่ หรื อบันทึกส่ วนตัวทั่วๆ ไป
รู ปแบบเนือ้ หาของ Weblog
มีลักษณะใด ?
       1.  ไม่ มีรูปแบบตายตัว  แต่ ท่ เี หมือนกันคือ  แต่ ละเรื่องที่เราเขียนจะมีลง
วันที่และเวลาไว้   โดยที่เรื่องที่เราเขียนไว้ ล่าสุด จะอยู่บนสุด
   2.  มี comment เพื่อให้ คนอ่ านแสดงความคิดเห็น หรือ blog  ไหนที่
update ล่ าสุด
     3.  ภาษาที่ใช้ ใน blog ควรเป็ นภาษาที่อ่านง่ าย  สบาย ๆ เป็ นตัวของตัว
เอง 
       4.  ตามความหมายของ blog  สามารถเขียน ตามใจท่ าน หรือเนือ้ หาที่จะ
บอกเรื่องราวหรือบทความ เพราะมันเป็ นความคิดเห็นของท่ านเอง 
       5.  นอกจากนีเ้ นือ้ หาที่เป็ นตัวหนังสือแล้ ว  เราสามารถใส่ Link ใส่
รู ปภาพ  ภาพเคลื่อนไหว  และเสียงได้
ส่ วนประกอบของ
บล็
เว็ ออกกของ Blogger มีส่วนประกอบ
บบล็
สำคัญ 3 ส่ วนได้ แก่
1. ส่ วนหัวบล็อก
2. ส่ วนบทความ
3. ส่ วนปรั บแต่ ง
     blog  site ของไทย 
     1. 
http://my.kapook.com/ Address
ที่ได้ คือ  Http://username.kapookclub.com/
เช่ น http://aumem.kapookclub.com/
     2.  http://www.exteen.com/ Address
ที่ได้ คือ http://www.exteen.com/blog.asp?username
เช่ น http://www.exteen.com/blog.asp?anew
     3.  http://webblog.manager.co.th/ Address 
ที่ได้ คือ http://weblog.manager.co.th/publichome/
เช่ น http://webblog.manager.co.th/public-home/chyp
blog site  ของต่ างประเทศ  คำอธิบายทุกอย่ างเป็ นภาษาอังกฤษ
แต่ สามารถอ่ านเขียน blog  เป็ นข้ อความภาษาไทยได้
     4.  http://www.blogger.com/ เป็ น web ให้ บริการ blog ที่มีคนทั่วโลก
ใช้ บริการมากสุด ๆ คนไทยเราก็ไปใช้ กันมาก ตอนนีเ้ ป็ นของ google.com 
ที่ได้ คือ  http://username.blogspot.com/ เช่ น http://markpeak.blogspot.com/
     5.  http://www.blogdrive.com/ Address 
ที่ได้ คือ  http://username. blogdrive.com/เช่ น http://kulokao.blogdrive.com/
     6.  http://www.blogeasy.com/ Address ที่ได้ คือ http://username. blogeasy.com
เช่ น http://summersanders. blogeasy.com/
ประโยชน์ของ Weblog
• ผู้เรียนมีความกระตือรือร้ นในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
• ผู้เรียนสามารถบริหารจัดการความรู้ต่างๆ ได้ อย่ างเป็ นระบบ
• ผู้เรียนใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ อย่ างเหมาะสมและเกิด ประโยชน์
• ผู้เรียนมีทกั ษะด้ านคอมพิวเตอร์
• ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของตนเองให้ มีประสิทธิภาพ
ทันต่ อการเปลี่ยนแปลง
ทีม่ า ทรงศรี สรณสถาพร ธนายุส ธนธติ
การใช้ บล็อก (BLOG) ในการเรี ยนการสอน
ประโยชน์ของ Weblog
• เป็ นเครื่ องมือช่วยในด้ านธุรกิจ เช่ น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การ
เสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร การเสนอตัวอย่างสินค้ า การขาย
สินค้ า และการทำการตลาดออนไลน์ เป็ นต้ น

• เป็ นแหล่ งความรู้ใหม่ ๆ ที่ถกู ต้ องและชัดเจน จากผู้มีความรู้เฉพาะด้ านๆ


นัน้ เนื่องจากผู้เขียน Blog มักจะเขียนถึงเรื่ องที่ตวั เองถนัด ชอบ และมีความ
รู้สกึ ในเรื่ องนันๆ
้ การค้ นหาข้ อมูลเฉพาะด้ านใน Blog ต่างๆ จึงทำให้ เราค้ น
พบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้ านต่าง ๆ ได้ รวดเร็วขึ ้น

• ทำให้ ทนั ต่อ เหตุการณ์ ในโลกปั จจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คน


มากมาย(ทัว่ โลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ ทนั กับเหตุการณ์ปัจจุบนั เสมอ
Blog มีส่วนประกอบที่สำคัญอะไรบ้ าง
1.วันที่และเวลา (Date & Time Stamp)
เป็ นวันที่ และมีเวลากำกับอยู่ด้วย
ตัววันที่และเวลานี ้ จะเป็ นตัวบอกว่ า
บทความในบล็อกนัน้ เขียนขึน้ มาเมื่อไหร่
2. ชื่อบทความ (Entry Title)
ชื่อเรื่องของบทความ
ที่เขียนในบล็อก
3. ตัวเนือ้ หาบทความ (Entry’s Main Body)
อาจเป็ นตัวหนังสือ หรื ออาจเป็ น
รู ปภาพ วีดโิ อ หรื ออนิเมชั่น โดย
ส่ วนประกอบ เหล่ านีจ้ ะรวมเป็ น
เนือ้ หาของบทความ
4. คอมเม้ นต์ (Comment tag)
เป็ นลิงค์ ท่ ใี ห้ ผ้ ูอ่านคลิกไปเพื่อกรอก
คอมเม้ นต์ ให้ กับบล็อกนัน้ ๆ หรืออ่ าน
คอมเม้ นต์ ท่ มี ีคนเขียนคอมเม้ นต์ เข้ ามา
5.ปฏิทนิ (Calendar)
บล็อกบางแห่ งอาจมีปฏิทนิ อยู่ด้วยโดยใน
ปฏิทนิ นัน้ สามารถคลิกตามวันที่เพื่ออ่ าน
บทความของวันที่นัน้ ๆ ได้ สะดวกครั บ
6.บทความย้ อนหลัง (Archives)
บทความเก่ า หรื อบทความย้ อนหลังอาจมี
การจัดเตรี ยมไว้ โดยเจ้ าของบล็อกโดย
บล็อก แต่ ละแห่ งอาจจัดเรี ยงบทความ
ย้ อนหลังไม่ เหมือนกันเช่ นจัดเรี ยงราย
เดือน รายสัปดาห์ หรื อจะ list บทความ
ทัง้ หมดออกมาเลยก็ได้

You might also like