You are on page 1of 109

๗๗๐

การไดพระบรมสารีริกธาตุมาสักการะบูชา
๑. พระบรมสารีริกธาตุสวนพระสมอง
จากที่ขาพเจาไดรับพระบรมสารีริกธาตุมาบูชาครั้งแรก จากทานเจาอาวาส วัดทาการอง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็ทําใหขา พเจาปราบปลื้มใจยิ่งนัก จากที่ไดเริ่มบูชาพระองคจนถึง
ปจจุบันนี้ ก็ปรากฏวาสายพระโลหิตสีเขียวของพระองค สันฐานใหญขึ้น และชัดเจนมากขึ้น
แมขาพเจาไดแบงใหญาติพี่นองไดนําสักการพบูชาไปแลว ก็ปรากฏมากขึ้นจากเดิม

หลังจากนั้นขาพเจาเองก็เริ่มบูชาพระบรม
สารีริกธาตุตลอดมาสวดมนตไหวพระ ภาวนา
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีความรูสึกอยากบูชา
พระบรมสารีริกธาตุ จากที่อื่นๆ ซึ่งขาพเจา
ก็มิไดรูจักใคร เปนพิเศษ แตเมื่อกอนเคยไป
ไหวพระบรมสารีริกธาตุในงานตางๆ ที่ไดมี
การจัดขึ้น เชน เมืองทองธานี เคยอธิฐานจิตไว
ถามีโอกาสขอใหไดบูชาพระบรมสารีรกิ ธาตุ
สวนพระสมองบาง เพื่อเปนศิริมงคล
สําหรับดิฉันและครอบครัวของตนเอง

ถึงแมขาพเจารูวา คงจะเปนไปไดยาก แตก็ไดอธิฐานจิตไป จนไปพบขอความของบุคคล


ผูหนึ่ง ในขอความที่โพสตในอินเตอรเน็ท วาตองการจะสรางวัดศาลาใหกับวัด และตองการจะ
ทะนุบํารุงพระศาสนา โดยนําเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบอกบุญญาติโยม เพื่อนํากองทุนถวายปจจัย
ใหแกวัด ซึ่งเปนขอความที่ถูกลงไวนานแลว แตขา พเจาก็ไดไปอานถึงบุคคลผูอื่นที่เขียนถึงเขาในทาง
ที่ไมดี วาทําไมพระบรมสารีริกธาตุไมแจกฟรี มาเรี่ยไรบุญทําไม หาวาบุคคลผูนั้นหลอกลวง
ซึ่งขาพเจาเอง ก็ไมแนใจเชนกัน แตดวยความอยากบูชาองคทาน จึงไดโทรไปติดตอสอบถาม
การรวมบุญกับเขา
๗๗๑

สิ่งที่ขาพเจาพบกับตรงกันขามถนัดตา เขาพูดจาดีเหมือนคนมีเมตตา เขาบอกกับดิฉันวา


พระบรมฯทีจ่ ัดรวมงานบุญนั้น เขาไดปดโครงการไปแลว ขาพเจาก็นึกเสียใจเล็กนอย แตอยูดีๆ
เขาก็ถามดิฉันวาอยากบูชาพระบรมสารีริกธาตุหรือ? ( ดิฉันบอกวาใชคะ ) เขาจึงถามตอไปอยากบูชา
สันฐานใดเปนพิเศษครับ? ขาพเจาก็ไมกลาตอบกลัวเขาจะวา อาจเอื้อมหรือใฝสูงเกินไป จึงนิ่งเงียบ
สักครู แลวเขาก็ยังคงถามตอ ขาพเจาจึงตอบไปวา ( อยากบูชา สันฐานสวนพระสมองของพระองค )

เขาตอบดิฉันวาเขามีสันฐานสวนนี้ และจะแบงใหดิฉันบูชา ขาพเจาดีใจและเกิดปติอยาง


บอกไมถูก ไมนึกวาเขาจะมีพระบรมสันฐานนี้ ก็นึกแปลกใจ หรืออาจจะเปนเพราะคําอธิฐาน
ตอพระพุทธองค แลวดิฉันบอกวาจะรวมงานกองทุนบุญไหนก็ได ถาเขามีจัดใหบอกบุญมา
แตเขากลับบอกวาไมตองครับ ฉันงงมาก ทีม่ ีคนอื่นมาตอวาเขาโกหกนําพระบรมสารีริกธาตุ
มาใชในการทํามาหากิน ดิฉนั คิดวาคงไมใช เขาตองการสรางบุญจริงๆ

ทําใหดิฉันไดฉุดคิดขึ้นมาวา คนเราไมควรตัดสินใคร ดวยภายนอก หรือการกระทําบาง


อยางที่ทานยังไมรูแนวา เขานั้นมีจิตอยางไร การทีเ่ ราไปตอวาคนอื่นเขาอยางไมมีเหตุผล หรือเขาใจ
ผิด ดิฉันคิดวามันเปนบาปนักหนา ควรไตรตรองใหดีเชื่อในสิง่ ที่เราเห็นหรือเราพบไดดวยตนเอง
จะดีกวามิใชคาดเดาไปเองตางๆ นานาประการ
๗๗๒

หลังจากนั้นประมาณสองอาทิตย มีอยูคืนหนึ่ง ดิฉันก็เกิดนิมิตฝนเห็นพระบรมสารีรกิ


ธาตุมากมาย ปรากฏในสมองใหเห็น ในนิมิตดิฉันงงมาก และก็สะดุงตื่น ทําใหขาพเจาพึงคิดวา
คิดไปเองหรือเปลา จึงนําเรื่องนี้ไปเลาใหสามีฟง เขาบอกวาคงคิดมากและอยากบูชาองคทานเลย
นําไปนิมิตฝน

ตอจากนั้นชวงบายของวันนั้น ก็มีเอกสารสงมาที่บาน ในซองจดหมายนั้น ขาพเจาไดแกะ


และเปดออกมาดู ปรากฏมีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุมากมาย ทีบ่ ุคคลผูนั้นเขาได
จัดสงมาใหขา พเจาไดบูชา อยางนอยก็นับไดประมาณ ๑๐ สันฐาน รวมถึงสันฐานสวนพระสมอง
ที่เขาไดบอกกลาวกับขาพเจาไวแลว ขาพเจาไมเคยคิดวาเขาจะสงมาใหมากมายเพียงนี้ เพราะขาพเจา
คิดวา เขาคงสงมาเพียงสันฐานเดียวสวนพระสมองของพระพุทธองค แตปรากฏสันฐานอื่นๆ ดวย
ขาพเจาก็ยิ่งประหลาดใจยิ่งนัก เหมือนกับในนิมิตที่เราฝน ยิ่งทําใหขาพเจาปราบปลื้มใจในปาฏิหารย
และนิมิตของพระพุทธองค ขาพเจาความศักดิสิทธิ์ของพระพุทธองคขึ้นมาอยางจับใจ หลังจากนั้น
ขาพเจาจึงรีบโทรศัพทไปกลาวขอบคุณอยางสูงตอบุคคลผูนั้น ตอจากนั้นขาพเจาก็ไดไปหาซื้อผอบ
เพื่อมาบรรจุพระพุทธองค เพื่อสักการะบูชาสืบตอไป
๗๗๓

๒. พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองคปฐม
ตอจากนั้นขาพเจาก็ไดรับพระบรมสารีริกธาตุจากอาจารยทานหนึ่ง ทานสงพระบรม
สารีริกธาตุมาใหกับขาพเจาบูชาจํานวน ๙ องค พรอมทั้งบอกวา เปนของสมเด็จองคปฐม และขาพเจา
ก็ไดโทรศัพทไปขอบพระคุณทาน หลังจากไดพูดคุยกันบางเล็กนอย ทานก็กรุณาทําพิธีเชิญพระเขาตัว
ใหกับขาพเจา โดยทําพิธีทางโทรศัพท ซึ่งขาพเจาเอง ก็นั่งไหวพระในหองขาพเจา ตอหนาโตะหมู
บูชาและกลาวตามพิธีของอาจารย โดยฝากตัวเปนศิษยตอพระพุทธองคและสมเด็จองคปฐม

ขาพเจากลาวคําภาวนาตามอาจารย พรอมทั้งกําหนดจิตดวย เพงองคพระพุทธรูป พรอมสวด


องคคําภาวนา นะมะพะทะ นะโมพุทธายุ และแลวรางกายของขาพเจา ก็ปรากฏขนลุกซู พรอมทั้ง
ขาพเจาเห็นหมอกขาวในหองขาพเจา บริเวณโตะหมูบูชาทีม่ อี งคพระเห็นพระพุทธองคเปนแสงสี
เหลืองทอง พรอมมีหมอกควันปกคลุม เหมือนหนาหนาว ที่เราไปเที่ยวกันตามจังหวัดทางเหนือ
ซักพักน้ําตาก็ไหลเอง แสงทานเจิดจา ขาพเจาสูแสงนั้นไมไหว จึงหลับตาลง ก็เปนหนึ่งเหตุการณ
ที่เกิดขึ้นกับขาพเจา ขาพเจาจึงเชื่อในพุทธานุภาพขององคทาน ทานอาจารยบอกวาการฝกสมาธิจะ
ไดดีขึ้น และไมหลุดในภพภูมิที่ไมดี หรือจิตตก เพราะเราไดฝากดวงจิตกับพระพุทธองคแลว จะชวย
ใหเราฝกสมาธิไดดีขึ้น หลังจากนั้นขาพเจาก็เริ่มไดพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองคปฐมจากทานอื่นๆอีก
พรอมทั้งไดรับพระผงสมเด็จจักรพรรดิ์องคปฐม ที่นาแปลกใจก็คือ พระผงจักรพรรดิ์สมเด็จองคปฐม
ก็มีพระธาตุเสด็จเกาะองคทาน เปนประกายระยิบระยับเหมือนสันฐานดุจดั่งเพชร พรอมมีองค
พระบรมสารีริกธาตุสันฐานเมล็ดผักกาดปรากฏที่องคพระดวยเชนกัน
๗๗๔

๓. พระบรมสารีริกธาตุตางๆ
หลังจากนั้น ขาพเจาก็เริ่มอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสถานที่ตางๆ บาง เชน ชมรมรักษ
พระบรมธาตุแหงประเทศไทย เขตบางรัก กทม. ซึ่งเปนชมรมที่ดี บุคคลากรใหความรูดีเปนกันเอง
ขาพเจาก็ญาติก็ไดอัญเชิญกัไปบูชาที่บานของขาพเจา ที่นั่นทานสามารถชมพระบรมสารีริกธาตุและ
พระอรหันตธาตุไดอยางใกลชิด ทานสามารถติดตอสอบถามเจาหนาที่ไดกอนที่จะไป รวมถึงนําผอบ
หรือพวงมาลัยดอกมะลิ ไปอัญเชิญทานได ตองไปอัญเชิญดวยตนเองเทานั้น รวมถึงวัดสังฆทาน
จังหวัดนนทบุรี ทานก็สามารถไปอัญเชิญกับทานเจาอาวาสดวยเชนกัน นําบัตรประชาชนไปรับ
และไปรับกับทานเจาอาวาส ตองไปรับดวยตนเองเชนกันคะ และจากการไดรับจากญาติธรรมทั้งหลาย
ที่มีองคทานมากพอที่จะแบงปนโดยการแจกจายเปนธรรมทาน เพื่อสรางบุญกุศล สําหรับสืบสาน
พระพุทธศาสนา จากผูที่บุญบารมีแลวทานเสด็จเพิ่มขึ้นเอง ซึ่งขาพเจาก็ไดจากทานทั้งหลายเหลานั้น
จึงขอกลาวคําอนุโมทนาบุญกับทานทั้งหลายเหลานั้นดวย สําหรับสิ่งที่เปนบุญกุศลในการแจกเปน
ธรรมทานของทานทั้งหลายเหลานั้น
จากการที่ขาพเจาไดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พบวาทานสามารถขยายขนาดได สันฐานรวมที่
ไดมาแลวผิวขององคทานไมงดงาม ปจจุบันก็งดงามเปนมันวาว สันฐานทีเ่ ราบูชาอยูบางครั้งอาจจะ
มีสันฐานอื่นเสด็จไปประทับอยูดวย การที่เราสวดมนตภาวนาเปนเวลานาน ดวยจิตที่บริสุทธิ์ทาน
ก็สามารถมาใหเราบูชาดวยวันใดวันหนึ่ง จากการเสด็จขององคทาน ซึ่งมีดวยกัน ๒ แบบ
โดยมีผูแจกเปนธรรมทานนํามาใหบชู า หรือ จากการเสด็จขององคทานเอง
๗๗๕

นิมิตแหงพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
๑. นิมิตลวงหนาพระธาตุเสด็จ
จากการที่ขาพเจา สังเกตทุกครั้ง เมื่อขาพเจาจะไดรับพระบรมสารีริกธาตุจากผูใดก็ตาม
สวนใหญจากนิมิตลวงหนา ๑ – ๒ วัน เชน เห็นภาพพระบรมสารีริกธาตุเต็มไปหมดในนิมิต
บางครั้งก็นิมติ เห็นพระธาตุตกมาจากฟา ลงสูม ือของขาพเจา และทุกครั้งก็จะมีพระบรมสารีริกธาตุ
หรือพระอรหันตธาตุเสด็จมาทุกครั้ง ซึ่งเปนเรื่องที่แปลกมาก ขาพเจาคิดวานาจะเปนหนึ่งในพุทธา
นุภาพขององคทานแนแท ที่ผานมาไมเคยมีครั้งไหนที่ไมตรงกับความเปนจริงนิมิตทุกครั้ง ทานก็มา
ทุกครั้งเปนตน

๒. ไมศรัทธาพุทธองคทานนิมิตบอก
ตามที่ไดกลาวมาแลวในพุทธานุภาพ และความศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธองค ทําใหขาพเจายิ่ง
เลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธองคมากขึ้น จนขาพเจาก็อยากใหสิ่งดีดีกับญาติของขาพเจา
จึงไดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากชมรมรักษพระบรมธาตุแหงประเทศไทย และพระบรมฯ
สันฐานสวนพระสมองใหกับพี่ชายของขาพเจา อยูมาวันหนึง่ ขาพเจาก็ฝนเห็นพี่ชายตนเองใบหนา
หมองเศรา ซึ่งขาพเจาเองก็ไมเคยติดตอกับเขาเปน ๕ – ๖ ป ดวยจิตมีความรูสึกวาเขาคงมีอะไรไม
สบายใจ จึงตัดสินใจโทรศัพทไปหาเขา และบอกเขาวามีอะไรไมสบายใจหรือเปลา เขาบอกวามี
ขาพเจาบอกวาเรื่องอะไร เขาบอกวาเรื่องงาน หัวหนางานไมชอบเขา ทําอะไร ดูแยในสายตาของ
ผูบังคับบัญชาไปหมด เขารูสึกเครียดมาก ขาพเจาบอกเขาวาจะแบงพระบรมสารีริกธาตุใหเขาบูชา
๗๗๖

ใหเขามารับดวยตนเองดวย ซึ่งขาพเจาก็เชื่อวาพี่ชายก็คงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
เขารับปากวาจะรับพระองคไปบูชา แตขาพเจาก็รอถึงสองสัปดาหแลว เขาก็ยังไมรับองคทานไปบูชา

จนกระทั่งวันหนึ่ง ขาพเจาไดนิมิตวา พี่ชายเขาเดินมาบอกวา อยากบูชาพระบรมสารีริกธาตุ


แตมีปญหาวา ภรรยาของเขากลัว ไมอยากใหนํามาบูชา เพราะคิดวาเปนกระดูกดูหนากลัว ขาพเจา
ถามวาภรรยากลัวอะไรหรือ พี่ชายบอกวาไมทราบ แตเธอบอกวา เธอกลัว

ขาพเจาจึงถามพี่ชายวา แลวคุณละอยากบูชาหรือเปลา ในนิมติ เขาบอกวาอยากบูชา


ถาใจพี่อยากบูชาจริง ( ฉันจะนําทานเหลี่ยมใสตะกุดให ) เพราะในนิมิตพี่ชายบอกวา ภรรยาไมใหเอา
ทานขึ้นหิ้งพระ ในนิมิตพี่ชายบอกวาถาขาพเจาเหลี่ยมให เขาจะใสติดตัว สวนมนตภาวนาใหทาน

และขาพเจาก็ตื่นจากนิมิต หลังจากนั้นก็ตัดสินใจโทรไปหาพี่ชายอีกครั้ง ถามเขาวาอยากบูชา


องคทานหรือไม พี่ชายอ้ําอึ้ง ขาพเจาจึงถามจากใจวา ( เธออยากบูชาพระบรมสารีริกธาตุใชไหม ? )
เขาบอกวาใจจริงอยากบูชาทาน ติดที่วาภรรยาไมใหเอาทานมาบูชา ( ขาพเจาบอกวาภรรยาบอกวา
กลัวใชไหม ? ไมใหเอาทานขึ้นหิ้งพระใชไหม ? ) พี่ชายถามวาฉันรูไดอยางไร ขาพเจาบอกวา
( ทานนิมิตมาบอกนะ ) พีช่ ายก็ตกใจวาสิ่งที่ดิฉันพูดมันเปนความจริงกับครอบครัวเขา ขาพเจาจึง
ถามเขาวา ( ถาเธออยากบูชาองคทาน ฉันจะใสตะกุดให จะไดไมมีปญหากับครอบครัว ) เขาบอกวา
จะบูชากับตัว ภรรยาคงไมวา ขาพเจาคิดวาเปนสิ่งที่แปลกที่พระพุทธองคมานิมิตบอกขาพเจาเชนนั้น
พี่ชายก็เดินทางมารับองคทานไปบูชา

๓. พระพุทธองครับรูปรากฏกลิ่นหอม
เมื่อเวลาผานไปชวงเวลาหนึ่ง ก็มีเหตุการณที่ขาพเจาตองเดินทางไปบานพี่ชายคนนี้ดวยความ
บังเอิญเพราะพี่สาวอยากไปเที่ยวบานเขา และมาชวนขาพเจาไปดวย ซึ่งขาพเจาก็มิไดอยากจะไป
ตั้งแตแรกแตมีความรูสึกบางสิ่งอยางในใจ ดลจิตดลใจใหตองไปที่นั่น ก็เลยบอกวาจะไปเปนเพื่อนให
พี่สาวตามที่เธอชวนขาพเจา วันที่ไปนั้นพี่ชายของขาพเจาไมไดอยูบาน อยูแ ตพี่สะใภ พวกเราก็ได
สนทนากัน
๗๗๗

จนกระทั่งขาพเจาไดมีโอกาส ถามคําถามพี่สะใภวา เขาไมอยากบูชาพระบรมสารีริกธาตุใชไหม


กลัวทานใชไหม ไมอยากนําทานขึ้นหิง้ พระ มีปญหากับพี่ชายใชไหม ? เขาบอกวาขาพเจารูไดอยางใด
ขาพเจาบอกเขาวาพระบรมสารีริกธาตุ ทานมานิมิตบอกขาพเจาลวงหนา พี่สะใภเธอตกใจมาก
ฉันถามเธอวาทําไมจึงกลัวทาน เธอบอกวาเห็นทานเปนกระดูกอัฐิธาตุ เคยเห็นเปนกระดูกชิ้นใหญ
ที่ตางจังหวัด จึงนึกกลัว ขาพเจาจึงใหความรูในเรื่องราวขององคทาน พุทธานุภาพของทาน
และปฏิหารยตางๆของทาน ผูใดไดบชู าจะเปนศิริมงคลแกตนเองและครอบครัว เธอจึงเกิดความ
ศรัทธาขึ้นมาและรูสึกเสียใจที่ไดคิดไมดีกับองคพระบรมฯทาน ขาพเจาบอกไมเปนไร เมื่อเขาใจแลว
ทานก็คงใหอภัยเพราะการอภัยทาน เปนสิ่งที่พระพุทธองคทรงสอนไวเชนกัน เธอจึงบอกกับขาพเจา
วาไมรูวาเธอจะมีโอกาสไดบูชาองคทานหรือไมในอนาคต ขาพเจาบอกวาถามีจิตศรัทธาสักวันหนึ่งคง
ไดบูชาองคทานเชนกัน พระองคอยูกับครอบครัวคุณแลว เพราะพี่ชายของขาพเจาเขาพบติดตัวแต
ไมได บอกเธอ แตเมือ่ ถึงเวลาเหมาะสมเธอก็คงไดบูชาเชนกัน ทานจะไปอยูกับผูมีจิตศรัทธาและ
เลื่อมใส ในองคทาน หลังจากนั้นขาพเจาก็ไดกลับมาบาน ก็ปรากฏสิ่งแปลกขึ้นมาภายในหองพัก
เมื่อเขามาในที่พักของขาพเจาปรากฏมีกลิ่นหอมอบอวลเหมือนมวลพฤกษชาติไปทั่วทุกสารทิศ
พรอมขาพเจารูสึกขนลุกซูทั่วตัว ขาพเจาคิดวาทานคงรับรูในสิ่งที่ขาพเจาไดกระทําในวันนั้น
ในเรื่องราวขององคทาน พุทธานุภาพขององคพระบรมศาสดาตอญาติของขาพเจาอยางแนแท
ขาพเจาจึงเชื่อวาไมวาเราจะกระทําในสิ่งใดไมวาตอหนาและลับหลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทานยอมรับรูได
เพราะฉะนั้น มนุษยทุกคนควรหมั่นสรางบุญกุศล บุญบารมี ทานบารมี และคุณงามความดี
นับตั้งแตบัดนี้กอนสิ้นอายุขัย เพื่อเปนเสบียงบุญสําหรับภพนี้ ภพหนาและภพตอๆไป
ของทานสาธุชนทั้งหลาย ตามคําสอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจากอนเขาสูพระปรินิพพาน
๗๗๘

๔. เสียงกระซิบเมื่อพระธาตุเสด็จ

จากที่ไดกลาวมาแลวบางสวนในเรื่องพระบรม
สารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุทุกพระองค
ทานยอมมีพทุ ธานุภาพและบุญฤทธิ์ของทาน
แลวแตวาจะมีผูใดสามารถสัมผัสถึงองคทาน
ซึ่งพระอริยสงฆทั้งในพุทธกาล และกึ่งพุทธกาล
เมื่อทานปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เจริญวิปสสนา
กรรมฐานในชั้นสูง ทานสามารถละทิ้งได
ซึ่งกิเลสทั้งปวง ทานก็ลวนแตสําเร็จเปนพระ
อริยสงฆเปนพระอรหันตทั้งสิ้น ดังที่เราไดเห็น
พระอรหันตธาตุในยุคอดีตและยุคปจจุบัน
ของพระเกจิอาจารยทั้งหลายที่ปรากฏอยู
ในปจจุบันนี้
๗๗๙

สวนตัวขาพเจา จากประสบการณที่เคยผานมา เคยนิมิตถึงครูบาอาจารย แมขาพเจาจะไมเคย


ไดพบทาน เพราะทานไดมรณะภาพไปแลวก็ตาม ทานก็ยังมาโปรดสอนสั่งธรรมในนิมิต ซึ่งกอนหนา
นั้นขาพเจาก็มิไดรูจักทาน แตทานก็มาปรากฏใหขาพเจาไดพบและสนทนาธรรมกับทานในนิมิต

ซึ่งขาพเจาจะขอนํามาหยิบยกตัวอยาง
อีกครั้ง จากความเดิมตอนที่แลว ในนิมิตจาก
การปฏิบัติธรรม แตจะนําเหตุการณนี้มา
ประกอบและเลาสูกันฟงในเรื่อง เสียงกระซิบ
เมื่อพระธาตุเสด็จ
จากนิมิตดังกลาวตอนที่ไดพบกับครูบา
อาจารยนั้น นิมิตเหมือนตัวเองไดอยูในถ้ํา
แหงหนึ่ง และไดนั่งสมาธิอยูนั้น ก็ไดเห็น
พระภิกษุสงฆรูปหนึ่งทานเดินเขามาหา
ภาพที่ปรากฏเปนพระภิกษุสงฆทาน
มีอายุมาก หนาตาทานใจดีมาก ยิ้มแยมแจมใส
ขณะที่ทานเดินเขามาหาขาพเจานั้น
๗๘๐

ทานสะดุดกอนหิน กอนหนึ่งทานกําลังจะลมลง ขาพเจาตกใจ กลัวทานจะหกลม จะไปประคองทาน


ทั้งที่รูวาขาพเจาเปนสตรี มิควรถูกทาน แตดวยในจิตคิดเปนหวงทานจะลมลง จะไปประคองทาน
ทานบอกวา “ ไมตอง ทานไมลมหรอก ทานเดินเองได ” แลวทานก็เดินเขามาหาขาพเจา
ขาพเจานั่งคุกเขาลงพนมมือลงกราบทานดวยความเปนหวง ทานก็กลาวตอวา “ ตั้งใจปฏิบัติ ”
และทานก็เอามือของทานวางไวเหนือศีรษะของขาพเจา พรอมกับบริกรรมพระคาถา
“ อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา
ขีณาสวา อนิยตา และนิพพานสุขัง ” แลวทานก็บอกวา “ ปูไมใชพระ ปูเปนฤาษี ปูเปนฤาษีนะ ”
แลวทานก็ยิ้มใหกบั ขาพเจา ในใจขาพเจาก็ยังสงสัยและงงอยูเหมือนกันวา ทําไมทานเรียกตัวทาน
เองวาเปนฤาษี ทั้งๆที่ทานก็ไมไดใสชุดพระฤาษี แตทานก็หมจีวรพระ ในนิมิตขาพเจาก็พยายาม
จําพระคาถาของทาน แตพอเมื่อทานหายไปก็สะดุงตื่น จําไดแค “ นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ
นิพพานจิตตา ” อะไรทํานองนี้ รูวาทานบริกรรมพระคาถายาว แตขาพเจาจําไดเพียงเทานั้น
หลังจากนั้นขาพเจาก็สงสัยวาทานเปนผูใด ก็หาความรูเพิ่มเติมในเรื่องที่นิมิต แลวก็พบวา
ในบรรดาพระภิกษุสงฆทที่ านเรียกตัวทานเองวา พระฤาษี ก็มีเพียงพระราชพรหมยานเทานั้น
ที่เรียกวา “ หลวงพอพระฤาษีลิงดํา ” ภาพที่ขาพเจาเห็นทานเหมือนในนิมิต และพระคาถาที่ขาพเจา
ไดทองจําเหมือนกับของหลวงพอพระฤาษีลิงดํา ซึ่งทําใหขาพเจายิ่งมั่นใจมากขึ้นวา คงจะเปนทาน
ที่มาสอนสั่งขาพเจาในนิมิตนั้น
ตอจากนั้นขาพเจาก็อธิฐานจิต ( หากเปนหลวงพอพระฤาษีลิงดํา ทานไดมาโปรดสอนสั่งลูก
ก็ขอใหขาพเจาไดชานหมากหรือพระธาตุของหลวงพอไวบูชาดวยเถิด หากขาพเจามีบญ ุ สัมพันธ
กับหลวงพอ ) หลังจากนัน้ ไมนานขาพเจาก็ไดขาวจากญาติธรรมผูหนึ่งวาจะนําทานมาใหบูชา
เปนชานหมากและเสนพระเกศาของหลวงพอพระฤาษีลิงดํา ขาพเจาไดยินขาวนั้นก็ปลาบปลื้มใจ
ยิ่งนักวาจะไดบูชาชานหมากและเสนพระเกศาของทาน
๗๘๑

กอนที่ทานจะเสด็จมานั้น มีอยูวันหนึง่ ขาพเจาไดยินเสียง เหมือนทานมาปลุกใหตื่น


ทานบอกวา “ ตื่นเถอะลูก ตื่นไดแลว ” กระซิบอยูขางหูของขาพเจา แลวขาพเจาก็สะดุงตื่น
แลววันนั้นขาพเจาก็ไดชานหมากของหลวงพอพระฤาษีลิงดําของทานจํานวน ๓ องค
พรอมเสนพระเกศาของทาน ๑ เสน เสด็จมา ตอมาไมนานก็มีญาติธรรมทานอื่นสงชานหมาก
ของทานมาใหอีก ๑ องค แตที่หนาแปลกใจ คือ เมือ่ ขาพเจาบรรจุทานใสผอบเรียบรอยแลว
เมื่อไมนานมานี้ ทานก็เสด็จมาเองอีก ๑ องค รวมเปน ๕ องค ทานสามารถเสด็จไปที่ไหนก็ได
ทานจะเสด็จไป เมื่อใดก็ไดเหมือนดังชานหมากของทานที่เสด็จมาเพิ่มกับขาพเจาอีก ๑ องค

ขาพเจาจึงเชื่อเรื่องนิมิตที่เกิดขึ้นวา ตองเปนหลวงพอทาน มาโปรดสอนสั่งขาพเจาในนิมิต


และเชื่อในเรือ่ งของพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ วาเมื่อทานจะเสด็จมาก็จะมีเสียง
กระซิบมาบอกลวงหนา ใหบุคคลผูนนั้ สามารถรับทราบไดวา ทานจะเสด็จมาแลว

ดังความเดิมตอนที่แลวของพระราชพรหมยาน ( หลวงพอพระฤาษีลิงดํา ) ในตอนที่ทานจะไดรับ


พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองคปฐม มาสรางบรรจุในองคพระสมเด็จองคปฐม กอนพระบรม
สารีริกธาตุสมเด็จองคปฐมทานจะเสด็จมานั้น หลวงพอทานก็นิมิต เชนกัน

ทานปฏิบัติสมาธิกอนนอนทุกคืน จนกระทั่งตอมา เมื่อขณะที่ทา นไดไปทองเที่ยวไปในที่ตางๆ


กอนจะนอนก็ไปทัศนาจรไปเมืองสวรรคเมืองนรก พรหม ที่ไปจุดแรกคือ เทวสภา ไปที่ตรงนั้ ก็ไป
ไหว ทานผูมีคุณตั้งแตชาติกอนโนนมาถึงชาติปจจุบัน ที่ทานเปนครูบาอาจารยบาง เปนผูมีคุณบาง
เปนบิดามารดาบาง เปนตน

ทานไปอยางนี้ทุกคืน หลังจากนั้นก็เขา พระจุฬามณีเจดียสถาน ไปนมัสการพระพุทธเจาที่นั่น


พระอรหันตมีเยอะก็ไหวทาน ออกจากพระจุฬามณีเจดียสถานแลว ก็ไปนิพพาน ไปวิมานขององค
สมเด็จองคปจจุบันกอน พระสมณโคดม ไปนมัสการทานเสร็จ ในที่นั้นจะพบพระอรหันตมากมาย
จะมีพระพุทธเจาหลายๆ พระองค มีองคปฐมเปนประธาน ทรงใหโอวาทอยูทุกวัน เตือนทุกวัน
มีอะไรผิด มีอะไรถูก มีอะไรควรทํามีอะไรควรพูด ทานจะแนะนํา
๗๘๒

เมื่อกลับมาแลว ทานก็นอน คิดวาเราจะนอนใหหลับ พอกําลังจิตจะเริ่มเคลิ้ม ก็ไดยินเสียงวา


“ พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองคปฐม เอามาใหแลวนะ วางไวที่ตลับบนเตียงขาง ๆ
หัวนอน ” ไดยินเสียงชัดเจนแจมใสมาก เหมือนเสียงขององคปจจุบัน จึงลุก ขึ้นมาเปดไฟฟา
ปรากฏวาที่ตรงนั้นไมเคยวางตลับ มีแตวางหนังสือสําหรับดูกอ นหลับ ก็มตี ลับพลาสติก แบบปจจุบัน
อยูลูกหนึ่ง ไปเปดดูเห็น พระบรมสารีริกธาตุองคโต ๒ องค ก็ดีใจวาเปนขององคปฐมแน เพราะทาน
ไมเคยวางไว ก็เก็บไวในทีส่ ักการบูชาและบรรจุไวสาํ หรับสมเด็จองคปฐมเพื่อไวบรรจุทาน

ขาพเจาคิดวา สิ่งที่ขาพเจาไดกลาวมานี้
เปนหนึ่งในปฏิหารยของพระบรม
สารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
เพราะเพียงแคเสียงกระซิบจากองคทาน
ทานก็ยังสามารถเสด็จมาใหสาธุชน
ทั้งหลายไดสักการะบูชาองคทาน
ซึ่งเปนเรื่องที่นาอัศจรรยใจยิ่งนัก
หรือทานสาธุชนทั้งหลาย คิดอยางไร
คิดเหมือนขาพเจาหรือไม
๗๘๓

ตามประวัติศาสตรอันยาวนาน มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเสด็จขององคพระบรมสารีริกธาตุและ
พระอรหันตธาตุมากมาย ซึ่งทานจะแสดงพุทธานุภาพและปฏิหารยใหปรากฏอยูตลอดเวลาเปนเวลาชา
นานในอดีตสมัยพุทธกาล จนถึงยุคปจจุบันนี้ โดยเฉพาะตามตํานานพระธาตุในลังกา แมในศิลาจารึก
ไทยก็ยังมีเรื่องเลากลาวถึงมากมายเชนกัน ดังตัวอยางพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีแหงกรุง
สุโขทัย ไดไปนมัสการพระบรมธาตุ พระเกศธาตุ พระทันตธาตุในลังกา ไดเห็นพระธาตุเหลานั้น
แสดงปาฏิหาริยตาง เชน เสด็จไปในอากาศสวางเหมือนสายฟาแลบบาง ลองลอยเหนือดวงดาวบาง
เปลงแสงฉัพพรรณรังสีเหลืองเหลือบชมพู แดง เขียว ขาว บาง ฯลฯ

และในพระราชพงศาวดารและจดหมายเหตุของไทย ก็เคยมีความกลาวถึงปฏิหาริยของ
พระบรมสารีริกธาตุหลายครั้ง เชน ตํานานการสรางพระธาตุหริภุญชัยที่ลําพูน พระเจดียบรรจุ
พระธาตุที่วัดสวนดอก พระมหากษัตริยไทยในสมัยโบราณ ไดทอดพระเนตรพระบรมสารีริกธาตุ
พระธาตุเสด็จ ก็ลวนทรงเห็นเปนศุภนิมิตโดยทั่วกัน

ปฏิหาริยพระธาตุเสด็จนั้นมีอยูจริง แลวแตวาจะมีผูไดพบเห็นหรือสัมผัสถึงปฏิหาริยขององค
พระบรมสารีริกธาตุได แลวแตพระองคจะเสด็จโปรดทางใดใหพบเห็น เพราะขาพเจาก็ไดพบกับ
ตนเอง จึงเชื่อในพุทธานุภาพและปฏิหาริยของทาน ดังที่จะไดกลาวตอไปนี้
๗๘๔

จากการทีข่ า พเจาไดรับพระบรม
สารีริกธาตุสมเด็จองคปฐมจากญาติ
ธรรมที่ไดนํามาใหบูชาองคทานนั้น
ตามที่ขาพเจาไดบูชาและปฏิบัติธรรม

ทําใหขาพเจา ไดพบเห็นปฏิหาริยของทานในเรื่องพระธาตุเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ
สมเด็จองคปฐมเกี่ยวกับพระธาตุเสด็จ จากประสบการณดังนี้

เดิมขาพเจาไดรับองคพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองคปฐมจากญาติธรรม เพื่อนํามา
สักการะบูชา สันฐานขององคทานเปนเหมือนผลึกมีสีออกใส เปนมันวาว และบรรจุในผอบปดฝาอยาง
แนนหนา ซึ่งขาพเจา บูชาองคทานมาเปนเวลานานเกือบป ถวายดอกมะลิ สวดมนตภาวนาทุกค่ําคืน
จนกระทั่ง เมื่อที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๗ ซึ่งเปนวันวิสาขบูชาที่ผาน
มานี้ ขาพเจาไดนําเอาผอบทานมาทําความสะอาดแลวเปดผอบดู ก็นึกประหลาดใจยิ่งนัก เห็นมีองค
พระบรมสารีริกธาตุ สันฐานเหมือนสายพระโลหิตเปนลักษณะองคกลมเล็ก สีเหลืองทอง มาประทับ
ดวย ๑ องค ทั้งที่เดิมผอบถูกปดครอบอยางแนหนา แตองคทานก็สามารถเสด็จเขาไปได ทําใหขาพเจา
รูสึกปลาบปลื้มใจ และทําใหขาพเจายิ่งเชื่อมั่นวาพระองค ทานสามารถเสด็จมาไดเอง ดวยเหตุผล
ดังกลาว เพราะวา สันฐานตางวรรณะ ผอบถูกปดฝาแนหนา มิไดถูกเปดทิ้งไว เปนหนึ่งในปฎิหารยของ
การเสด็จ
๗๘๕

ขาพเจาไดรับหนังสือคําสอนหลวงปูเทสก เทสรังสี
จากญาติธรรมผูหนึ่งที่สงมาให ขาพเจาจึงได
ทําการหยิบหนังสือขึ้นมาดู แตยังไมไดอานอะไร
เพียงกลาวออกมาดวยความไมตั้งใจวา
“ ถาไดบูชาพระธาตุหลวงปูเทสก เทส รังสีก็ดีนะ ”

ตอนแรกขาพเจามิไดคิดอะไรมาก พอหลังจากทําการเปดหนังสือออกมาเพื่อจะอาน เห็นพระบรม


สารีริกธาตุจํานวน ๓ องค ที่ใสในถุงปดผนึกเรียบรอยแนหนา สอดในแกนกลางของหนังสือ
หลังจากนั้นขาพเจาก็นําองคพระบรมสารีริกธาตุทาน แยกออกตางหากเพื่อทําการบรรจะใสผอบ
หลังจากนั้นขาพเจาก็ไมไดสนใจอะไรทําธุระสวนตัว นั่งอยูบนเบาะที่นอนของขาพเจา
สักพักมีความรูสึกอะไรมาตําอยูบริเวณนองของขาพเจา จึงเก็บขึ้นมาดูวาเปนอะไร เห็นเหมือน
ขนาดไมใหญมาก จึงหยิบขึ้นมาดู เปนสีขาวขุน สักพักรูสึกขนลุกสูไปทั่วตัว แตไมคอ ยแนใจ
เหมือนกันวาเปนอะไรกันแน แตคิดวานาจะเปนพระธาตุหรือเปลา แตก็ยังไมแนใจนัก
จึงเรียกสามีของขาพเจาใหออกมาดูดวยกัน เมื่อเขาดูแลว ก็ไมแนใจแตรูสกึ เหมือนหินสีขาว
สามีก็บอกใหขาพเจา เพงสมาธิ สัมผัสจิต ขาพเจา ก็ไมแนใจวาจะสัมผัสไดหรือเปลา
ปกติก็เคยสัมผัสองคพระ และธาตุกายสิทธิ์เหมือนกัน เพื่อรับรูถึงแสงพุทธคุณของทาน
๗๘๖

แตชวงนี้ขาพเจายุงมาก ก็เลยไมไดปฏิบัติมากกลัววาจิตจะไมนิ่ง และจิตจะคิดปรุงแตงไปเอง


ก็เลยอธิฐานจิตถึงหลวงปู และกลาวกับหลวงปูวา “ ถาเปนหลวงปูเสด็จมาเพื่อใหบูชาขอใหขาพเจา
ไดสัมผัส ถึงแสงทิพยของหลวงปู ดวยทิพยจักขุ หรือสัมผัสทางกายก็ได ” สักพักก็เห็นแสงสีขาว
นวลออกมาบริเวณขางองคทาน พรอมมีหมอกควันขาว ขาพเจาก็ขนลุกซูอ ีกครั้ง
ซึ่งตอนแรกขาพเจา ก็เริ่มรับรูไดวานาจะเปนหลวงปูเสด็จมาแตยังไมแนใจนัก เพราะกลัวจิต
คิดปรุงแตไปเอง สุดทายก็นึกไดวา พระบรมสารีริกธาตุหรือพระอรหันตธาตุนั้น ทานสามารถ
ลอยน้ําได ขาพเจาอยากแนใจ วาจิตมิไดคิดปรุงแตงไปเอง ก็เลยทําการทดสอบเพื่อเปนประจักษ
แกตนเอง ดังนั้นเลยใหสามีเขาไปเอาน้ํามา เพื่อทําการพิสูจนอีกครั้ง สามีถามขาพเจาวา
ขาพเจาจะทําอะไร ขาพเจาตอบไปวา “ จะดูวาองคทานลอยน้ําหรือไม ถาใชขาพเจาจะนํา
ทานมาสักการะบูชา ”
ขาพเจารูวา การนําทานมาลอยน้ํา ครูบาอาจารยบอกไมสมควรเหมือนเปนการปรามาสองคทาน
ขาพเจาจึงตั้งจิตอธิฐาน และขอขมาหลวงปูกอนทําการดังกลาว ดังนั้นขาพเจาบอกหลวงปูวา
“ ถาเปนหลวงปูเสด็จมา ขอใหหลวงปูลอยน้ํา ดวยเถิด สาธุ ” หลวงปูก็ลอยน้ําจริงๆ องคทาน
ไมจมน้ํา ลอยใหขาพเจาไดเห็น
จึงอธิฐานอีกครั้งวา “ ถาเปนหลวงปูขอใหหลวงปูแสดงปาฎิหารยลอยทวนน้ํา ใหขาพเจาเห็น ”
สักพักหลวงปูก็ลอยทวงน้ําเปนวงกลม ใหขาพเจาเห็นเปนบุญตาอีกครั้ง ขาพเจาจึงเชื่อแนวา นาจะเปน
หลวงปูเทสก เทสรังสิทานเสด็จ เพื่อใหขาพเจาไดสักการะบูชาตามที่ขาพเจาไดกลาวไปในขางตน
ขาพเจาจึงเชื่อวา คือ ปฎิหารยองคพระอรหันตธาตุเสด็จ จึงอัญเชิญทานขึ้น เพื่อทําการ
สักการะบูชาและ จะปฎิบตั ิตามคําสอนของหลวงปูเทสก เทสรังสี สืบตอไป

จากการที่ขาพเจาไดบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ อีกหนึง่ ปรากฏการณที่


ขาพเจาไดพบจากองคทาน คือ การทีเ่ สด็จมาประทับในองคพระ ซึ่งขาพเจาไมเคยคิดวาขาพเจา
จะไดพบการเสด็จของทานที่ประทับอยูที่องคพระ ขาพเจาเองไดรับพระผงจักรพรรดิ์จากเพื่อน
ทางธรรมใหมาบูชา ขาพเจาก็วางทานไหวที่หิ้งพระตามปกติ จนกระทัง่ วันหนึ่งขาพเจาได
ทําความสะอาดหิ้งพระที่บานและปรากฏเห็นองคพระผงจักรพรรดิ์องคทานมี พระธาตุเสด็จเกาะ
๗๘๗

องคพระทาน เปนสันฐานสีขาวใส ดุจดั่งเพชร แสงแวววาวระยิบระยับ ทําใหขาพเจาแปลกใจยิ่งนัก


พระผงหลายองคที่ขาพเจาบูชา องคทานก็ไปเสด็จประทับเกาะดวยเชนกัน แมกระทั่งพระสมเด็จ
ก็ปรากฏมีพระบรมสารีรกิ ธาตุสันฐาน เมล็ดผักกาด ปรากฏประทับทรวงอกของพระสมเด็จ
ทําใหขาพเจายิ่งแนใจมากขึ้น ถึงการเสด็จขององคพระบรมสารีริกธาตุมากขึ้น วาทานนั้น
สามารถเสด็จไดจริง

จากที่ไดกลาวมาแลวเรื่องพระธาตุเสด็จ ทําใหขาพเจา ตองการศึกษาเรื่องพระธาตุเสด็จมาก


ขึ้น ทําใหทราบขาวจากแหลงขอมูลตางๆ วาขณะนี้ไดมีพระบรมสารีริกธาตุ พระจักษุธาตุทานเสด็จ
มายังโลกมนุษย ณ วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร (วัดเกาะ เยาวราช)เลขที่ ๕๗๙ ถ.วานิช ๑ แขวงสัม
พันธวงศ เขตสัมพันธวงศ กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐ ซึ่งพุทธศาสนิกชน สามารถไปสักการะเพื่อ
เปนศิริมงคล

ขาพเจานั้น ทราบวาสถานที่แหงนี้พระบรมสารีริกธาตุ ทานมักจะเสด็จมาเอง หากผูนนั้ มีบุญบารมี


ทานก็จะเสด็จมาใหบูชากับมือ หรือเสด็จตกลงมาใหบูชากับผูทไี่ ดเดินทางไปสถานที่แหงนั้น ทําให
ขาพเจาอยากเห็นการเสด็จมาขององคทาน ขาพเจาไดไปรวมปฏิบัติธรรมในการสวดมนตถวายองค
ทานกับรายการ รายการหนึ่ง ปรากฏวาก็ไดเห็นการเสด็จของทานมา ทานเสด็จมากับผูมีบุญบารมี
บางทานในที่นั้น บางทานตกใสมือ บางทานเสด็จตกใสผอบ และจากการชมบารมีของพระจักษุธาตุ
ทานนั้นชางงดงามมาก สวนตัวขาพเจาเองก็อธิฐานไปดวย แตทานมิไดเสด็จตก ณ. ทีว่ ัด ซึ่งขาพเจา
๗๘๘

คิดวาขาพเจาเอง อาจจะมีบุญบารมีไมพอที่ทานจะเสด็จมาใหเห็นตอหนาตอตา แตก็อธิฐานจิตไว


หากขาพเจามีบุญพอที่จะไดบูชาองคทาน ก็ขอเสด็จมาที่เคหะสถานบาง หากทานจะเสด็จมา
โปรดขาพเจา

บรรยากาศในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุใหสักการะมากมาย รวมถึงพระจักษุ
ธาตุของคทานที่เสด็จมา ณ. ที่แหงนี้ กอนกลับขาพเจาไดรับพระบรมสารีรกิ ธาตุสวนพระสมองจาก
พระอาจารยประจักษ ภูรปิ ญโญ กลับไปสักการะบูชา

ภายหลังขาพเจากลับถึงบานแลว ไดนําองคพระบรมสารีธาตุสวนพระสมององคทานบรรจุ
ใสผอบทุกพระองค ที่ขาพเจาสัมผัสไดพบวาทานมีกลิ่นหอม แตที่ขาพเจาพบสิ่งที่เปนอัศจรรย
อีกเรื่องจากการเสด็จของทาน คือ หลังจากวันนั้นมาประมาณ ๒ - ๓ วัน ขาพเจาก็นิมิตวาไดไป
สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ สถานที่แหงหนึ่ง ไมทราบวาเปนที่ใด ในจิตอยากบูชาองคทาน
และพระธาตุก็ตกใสมือ และก็สะดุง เมื่อตอนขาพเจาตื่นขึ้นมา คิดวาพระธาตุทานจะเสด็จมาได
อยางไร สงสัยขาพเจาจะคิดมากไปเอง เทพเทวาคงจะลองจิตลองใจ ในความโลภของขาพเจาหรือไม
และมิไดคิดอะไรตอ หลังจากนั้นขาพเจากําลังจะพับเก็บผาหมที่นอน ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นแสงเขาตา
ดวยจิตจึงหันไปมองจุดนั้น ก็ปรากฏเห็นพระธาตุองคทานเสด็จตกลงมา ๒ องค สันฐานองคกลมแบบ
สวนพระสมอง ทานมีสีเหลืองทองออกสีสมโอรส ขาพเจาจึงเชื่อวา สิ่งนี้ก็เปนปฏิหาริยของทานที่
ทรงเสด็จมาโปรดขาพเจาตามคําอธิฐานที่ขาพเจา อธิฐานไวตอองคทาน ณ วัดสัมพันธวงศาราม
วรวิหาร
๗๘๙

การเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ( พระจักษุธาตุ)
เนื่องดวยพระอาจารย ประจักษ ภูริปญ โญ
ทานไดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐาน
เมล็ดขาวสารหักมาบูชาเพียงอยางเดียว
และผอบเดียวเทานั้น โดยที่พระอาจารยทานได
บูชาประมาณปกวาๆ เห็นจะได ซึง่ ทานก็ได
เพงพิศพิจารณาเฝาดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุ
อยูในผอบนั้นอยูทุกๆวัน จนกระทั่งในวันศุกรที่
๑๖ มกรามคม ๒๕๕๒ หลังจากที่พระอาจารย
ไดลุกจากจําวัดในตอนใกลสวาง ทานก็ไดตรวจ
ตราและเฝามองไปยังที่ประดิษฐานพระบรม
สารีริกธาตุเชนทุกวัน แตวันนี้กลับไมเหมือน
อยางเคย

เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเดนเปนสงา
อยู ณ แทนบูชานั้น ไดมีแสงเจิดจา
ระยิบระยับเกิดขึ้น แลวยังสองสวาง
อยางแปลกประหลาด กําลังเปลงประกาย
ออกมาในผอบ ทําใหทานรูสึกแปลกใจ
เปนอยางมาก วาลําแสงที่เห็นนั้น
เปนแสงอะไร จากนั้นทานก็เดินเขาไป
สองดูในผอบดวยความ ฉงนอยางที่สุด
วาเกิดอะไรขึ้นกันแน ปรากฏมีพระบรม
สารีริกธาตุสณั ฐานเพชรใสวาววับ
ที่มีน้ํางามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียรไนมา
เปนอยางดี เสด็จมาอยูใจกลางของผอบ
ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ด
ขาวสารหักไดอยางอัศจรรย ทั้งๆที่ผอบ
นั้นไดถูกปดผลึกไวเปนอยางดีถึง ๒ ชั้น
และไมมีผูใดแตะตองเลยนับตั้งแตทาน
ไดบูชามา

นับวาเหตุการณนั้นไดสรางความประหลาดใจใหแกพระอาจารยเปนอยางมาก ซึ่งเปนความอัศจรรย
อยางที่ไมเคยเกิดขึ้นกับทานมากอน จากนั้นทานจึงกราบและจุดธูปเทียนสักการะองคพระบรม
สารีริกธาตุอยางปติสุขเปนอันมาก และเมื่อทานไดทําพิธีเสร็จสิ้นแลว ทานก็ไดอธิฐานจิตถาม
ตอองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาวา
๗๙๐

“ พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาประทับผอบในใบนี้นั้น เปนสรีระสวนใดของพระพุทธองค
ของพระพุทธองคทรงตอบมาในนิมิต หรือความฝนอยางใดอยางหนึง ่ เถิด ”

จากนั้นพระอาจารยจึงไดภาวนาตอไป และสิ่งที่ปรากฏใหไดรับรูในจิตก็ไดบงบอกวา “ พระบรม


สารีริกธาตุทไี่ ดเสด็จมาประทับนั้น เปนสวนของพระจักษุ หรือนัยนตาของพระพุทธองคนั่นเอง
ซึ่งเปนพระจักษุทั้งซายและขวา รวมพุทธานุภาพเปนหนึ่งเดียว ”

เมื่อพระอาจารยไดรับรูดังนั้น ความปลาบ
ปลื้มปติก็ไดบังเกิดขึ้นกับทานอยางไมมี
อะไรเทียมได ดวยความปลื้มปติที่เปยมลน
ทานจึงอดไมไดที่จะบอกกลาว ถึงเหตุการณ
อันนาอัศจรรยใหบรรดาลูกศิษยลูกหา
รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือกัน ใหไดรับรูถึง
พุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุสว น
พระจักษุธาตุ ที่ไดเสด็จมาปรากฏใหเห็น
ซึ่งหลายตอหลายทาน ก็เชื่ออยางสนิทใจ
กับเหตุการณดังกลาวนี้ โดยที่พระอาจารย
ก็ยินดีใหบรรดาลูกศิษย รวมถึงประชาชน

ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไดเขามากราบสักการะพระองคทานที่ประดิษฐานอยางใกลชิด
รวมทั้งสามารถเก็บภาพมหัศจรรยขององคทาน เพื่อนําไปบูชาตอไปไดอีก แตมีบางคนเกิดความลังเล
สงสัยวา พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมานั้น จะเปนพระจักษุหรือนัยนตาไดอยางไร และเมื่อมีบุคคล
สงสัยกันมากขึ้น พระอาจารยทานก็เกรงวาจะเกิดการปรามาส และเกิดบาปกรรมขึ้นได ทวาทาน
ก็มิอาจหามความคิดและความลังเลสงสัยของเหลามนุษยทั้งหลายได
๗๙๑

จนกระทั้งเมื่อวันอาทิตยที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๒ ก็ไดมีบรรดาลูกศิษยที่นับถือทาน ไดเขามาสักการะ


พระบรมสารีริกธาตุสวนพระจักษุอยางเชนปกติ ซึ่งไดถายภาพพระบรมสารีริกธาตุสวนพระจักษุธาตุ
เอาไว และดวยปฏิหารยขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา ไดแสดงประจักษสายตาแกบรรดาลูกศิษย
รวมถึงสาธุชนทั้งหลายโดยทั่วไป เพื่อใหทุกทานไดหมดความคลางแคลงใจลังเลสงสัยในพระพุทธ
องคกันเสียที ภาพนั้นที่ปรากฏก็เห็นเปน “ ดวงเนตร ” หรือ “ พระจักษุธาตุ ” อยางชัดเจนแจมแจง
และอัศจรรยใจเกินกวาคําบรรยายใดๆไดหมดทั้งสิ้น นั่นคือ ปฏิหาริยของพุทธานุภาพขององคสมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจาที่ทรงปรากฏขึ้น เปนพระบรมสารีริกธาตุสวน “ พระจักษุธาตุ ” อยางไมตองมีขอ
กังขาสงสัยอีกตอไปนั่นเอง

ซึ่งปจจุบันองคพระบรมสารีริกธาตุสวนพระจักษุธาตุนั้น ไดประดิษฐานอยู ณ กุฏิพระอาจารยประจักษ


ภูริปญโญ ตึกมงคลวิทยา ชั้น ๓ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สําหรับความอัฒจรรยของพระบรมสารีริกธาตุสวนพระจักษุธาตุนั้น ยังไมหมดเพียงเทานี้
เพราะภายหลังที่องคทานไดเสด็จมาปรากฏไดไมนานนัก พระบรมสารีริกธาตุสวนตางๆ อาทิเชน
สวนแกนพระสมอง สวนพระโลหิต สวนพระเกศา สวนพระอุรังคธาตุ สวนพระอุณหิสะ
รวมทั้งพระธาตุของพระอรหันตและพระสาวกองคอื่นๆ ก็เสด็จหลั่งไหลตามกันมา อยางไมขาดสาย

จาก ๑ ผอบก็ทวีเพิ่มขึ้นอยางนับไมถวน ราวกับวาทานเสด็จอยางไมมีวันหมด แมวาพระ


อาจารย จะแจกจายใหกับบรรดาลูกศิษย ที่มากราบขออารธนาไปบูชาเอง หรือวาจะนําไปประดิษฐาน
ตามวัดตางๆ เพื่อเปนศิริมงคล หรือสืบสานพระพุทธศาสนาแลวก็ตาม รวมถึงพระอรหันตธาตุกลับ
เสด็จมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับวันทานก็จะเสด็จมามากขึ้น ทําใหสถานที่ประดิษฐานในทุกวันนี้ มองดู
คับแคบไปถนัดตา
๗๙๒

ซึ่งขณะนี้ทางวัดปาศรีคุณาราม จึงมีแนวคิดที่จะดําเนินการกอสราง พระมหาเจดียมงคล


พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองคพระจักษุธาตุ และพระอรหันตธาตุไป
ประดิษฐานยังที่เหมาะสม ควรคาแกการสักการะบูชา เพื่อจะไดเปนการสืบสานพระพุทธศาสนาให
ยั่งยืนสืบตอไป ใหสาธุชนรุนหลังไดกราบสักการะบูชา จะไดเปนการเพิ่มกองบุญกองกุศล
เพื่อชั้นสวรรค ชั้นพรหม และนิพพานตลอดไป เพื่อที่บวรพระพุทธศาสนาจะไดดํารงถึง ๕,๐๐๐ ป

สาธุชนทั้งหลายสามารถไปสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พรอมทั้งพุทธศาสนิกชนผูมีจิต
ศรัทธารวมบุญกุศลในการสรางมหาเจดียในครั้งนี้ได เพื่อเปนศิริมงคลและบุญกุศลแกครอบครัว
และตัวของทานเอง
๗๙๓

แผนที่ตั้ง
๗๙๔

สวนพระนเรศรจึงแตงองคแลวก็เสด็จขึ้นยืนอยูบนเกยชัย อันชางพระที่นั่งอยูที่ริมเกย
กับนายควาญชาง เมื่อจักมีบรมโพธิสมภาร จึงบันดาลใหประจักษในทัพขันธ ในเวลากลางวันก็บันดาล
ใหมีอัศจรรยมา พระอาทิตยนั้นก็ทรงกลด อันแดดนั้นก็มิไดตององค รมอยูสักศอกปลาย สวนที่นอก
นั้นก็เปนแสงแดดอยู ก็แลเห็นเปนอัศจรรยทั่วกันไปสิ้นทั้งทัพ แลวแลเห็นพระบรมธาตุเสด็จมาบน
กลางอากาศ มีพระรัศมีเปนอันมาก ปาฏิหาริยมาที่หนาพลับพลาไป

สมเด็จพระเอกาทศรถ เมื่อเสด็จไปปราบพระยาศรีไสยณรงคที่เปนกบฏเมืองตะนาวศรี พอเพลา


๓ ยาม ๗ บาท พระบรมสารีริกธาตุใหญเทาผลสมเกลี้ยง เสด็จผานตะนาวศรีมาแตทิศอุดรไปเฉียง
อาคเนย พระรัศมีสวางวาบไปทั่วอากาศและปฐพี....ทรงปตโิ สมนัส ถวายทศนัขสโมธานเหนือ
พระศิโรดมดวยเบญจางคประดิษฐ แลวปุโรหิตาจารยทั้งหลายใหประโคมแตรสังขดุริยางคดนตรี
พี่พาทยและฆองชัยในทันที

ปาฏิหาริยพระบรมสารีริกธาตุในประวัติศาสตรอินเดีย ในประวัติศาสตรของประเทศตางๆที่มี
พุทธศาสนิกชนตางก็มีบันทึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมสารีริกธาตุ ในตางกรรมตางวาระกัน
อยางเชนในอินเดียก็มีบันทึกไวดังนี้ ปาฎิหาริยหรือความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมสารีริกธาตุในอินเดีย
ไดมีบันทึกไวจากผู ที่ไดพบเห็นเอง นั่นคือ จดหมายเหตุจีน คือ บันทึกของหลวงจีนยวนจาง (เฮียนจัง)
ซึ่งไดบันทึกเกี่ยวกับปาฎิหารยของพระบรมสารีริกธาตุไวระหวางที่ทานได ไปศึกษาพระพุทธศาสนาอยู
กับทานชยเสนคณาจารย ที่ภูเขายษฐิวันใกลพระอารามนาลันทาในรัฐมคธ

ระหวางราว พ.ศ. ๑๑๗๒ - ๑๑๘๘ ทานไดบันทึกไววา ตามประเพณีอินเดีย เมื่อถึงเดือนซึ่งตรง


กับเดือนที่ ๑ ของจีนแลว ที่อารามพระศรีมหาโพธิมัณฑ จะมีการอาราธนาพระบรมสารีริกธาตุให
มหาชนนมัสการ พระภิกษุสงฆ และ คฤหัสถจากแควนตางๆ จะมาชุมนุมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุกัน
อยางเนืองแนน หลวงจีนยวนจาง (เฮียนจัง) ก็ได เห็นพระบรมสารีริกธาตุใหญบาง เล็กบาง ที่มีขนาด
เล็กก็เทากับเมล็ดถั่วมีสีแดงสด เมื่อมหาชนถวายเครื่องบูชาดวยดอกไม เครื่องหอม และ นมัสการแลว
ก็อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานในพระสถูปตามเดิม และในคืนนั้น หลวงจีนยวนจาง ก็ไดเห็นปาฏิหาริย
ที่พระสถูปพระบรมสารีริกธาตุ ปรากฏบังเกิดแสงฉัพพรรณรังสีรศ ั มีพวยพุงขึน
้ สวางไสวทั่ว และมีกลิ่น
หอมประหลาดขจรขจายไปทั่วบริเวณนั้น และกอนที่แสงสวางจะสิ้นไป แสงนั้นกลายเปนวงทรงกลด
รอบยอดพระสถูป แลวหายเขาไปในพระสถูปนั้น
๗๙๕

เมื่อพุทธศักราช ๑๙๒๗ ตามความในพงศาวดารวา “ ครั้งนั้นเสด็จออกทรงศีล ยังพระที่นั่งมัง


คลาภิเษกเพลา ๑๐ ทุม ทอดพระเนตรโดยฝายทิศบูรพาเห็นพระบรมสารีริกธาตุเด็จปาฏิหาริย “
จึงทรงสถาปนาพระมหาธาตุ สูง ๑๙ วา ยอดนพศูลสูง ๓ วา ณ ที่นั่น

... พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร


สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองชอนเชิญองคลงนาวา
กับหนูพัดนมัสการสําเร็จแลว ใสขวดแกววางไวใกลเกศา
มานอนกรุงรุงขึ้นจะบูชา ไมปะตาตันอกยิ่งตกใจ
แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมาน้ําตาไหล
โอบุญนอยลอยลับครรไลไกล เสียน้ําใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน...

พระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลังกาทีปมหาสามีเปนเจา ซึ่งเปนพระโอรสของพระยา
กําแหงพระราม และเปนพระนัดดาของพอขุนผาเมือง (กองหอสมุดแหงชาติ ๒๕๒๖) เปนผูจารึกขึ้น
ในระหวางป พ.ศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๑๗ กลาวถึงอิทธิปาฏิหาริยของพระเกศธาตุที่วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย
ตอนหนึ่งวา “ พระมหาธาตุ เปนเจาจึงเสด็จปาฎิหาริย หนักหนาดังน้ํามหาสมุทรระลอกดังฝนตก
หาใหญ รัศมีลางอันเลื่อมดังดวงดาวคํา เลื่อมดังน้ําทองไหลจรัสไปทุกแหง รัศมีลางอันขาวดัง
ดอกรัตนดัง ดอกซอน ดอกพุด เห็นแกตาดาษทั่วจักรพาล พระเกศธาตุเสด็จ มีหมูหนึ่งดังสายฟา
แมลบดังแถวน้ําแลนในกลางหาวอัศจรรย สิ่งหนึ่งเห็นตะวันออกเขียวดังสุงเผาหอมเผาไห พระคีวา
ธาตุเสด็จจากเจดียทองพุงขึ้นไปยัง เห็นดังตะวันสองอันเรืองใสงามหนักหนา แพพระอาทิตยพิศดู
พระคีวาธาตุประมาณเทากลองเงินอันใหญ รอบนั้น ดวยกวางแสงจรัสโอภาแลประหลาด ควรแล
พรรณรังสีเหลือง แดง ดํา เขียว ขาว ภาวจรัสสองในโลกธาตุทุกแหงปาฏิหาริย แตแดดอุน
ถึงสองชั้นฉายจักใกลเที่ยง

แลวพระคีวาธาตุเจาจึงเสด็จเขาในโกศทอง ฝูงพระธาตุจึงเสด็จเขาในโกศทอง ฝูงพระธาตุจึง


เขามาสูพระเจดีย พอดังเผิงผานเขามาสูรังนั้นแล กูจึงลุกขึ้นอัญชลี คอยมาเถิงในที่นี้โยธา พระศรี
รัตนมหาธาตุเจากู ลูกหนึ่งมีพรรณงามดังทอง รัศมีเทาลูกหมาก เสด็จมาแตกลางหาวลงมา ฉวัด
รอบตนทานแล
๗๙๖

วัดพระปฐมเจดีย ตั้งอยูที่ อ.เมือง จ.นครปฐม เปนพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร


หากจะกลาววาเปนวัดแรกในประเทศไทยก็คงไมคลาดเคลื่อน เพราะจากหลักฐานของสํานักงาน
พระพุทธศาสนาแหงชาติ (กรมการศาสนาเดิม) ระบุวา สรางขึ้นมา ตั้งแต พ.ศ. ๒๓๖
สมัยพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ สมณทูตที่พระเจาอโศกมหาราชสงมาประกาศพระศาสนา
ยังแควนสุวรรณภูมิ ตอนนั้นมีพระสมณทูตทั้งหมด ๙ สายดวยกัน

สุวรรณภูมิตอนนั้น เมื่อเทียบจากหลักฐานคือ องคพระปฐมเจดีย ก็คือ ที่นครปฐมนี่เอง ปฐมเจดีย


ในภาษาพระหมายถึงเจดียองคแรก สวนคําวานครปฐม หมายถึงเมืองแรก หรือเมืองที่ตั้งขึ้น
เปนครั้งแรกหรือกอนใครนั่นเอง

จากหลักฐานที่ปรากฏชัดทําใหเราไดทราบวาวัดพระปฐมเจดียเปนวัดแรกของ เทียบอายุตอนนี้ก็ตกราว
๒,๓๑๓ ปแลว จึงกลาวไดวาวัดพระปฐมเจดียเปนวัดเกาแกที่สุดในประเทศไทย แมกระนั้นก็ตาม
ในสายของพมาหรือเมียนมารเขาก็วาสุวรรณภูมิ คือ ประเทศของเขา ไมวา หลักฐานทางประวัติศาสตร
ของใครจะถูก ของใครจะคลาดเคลื่อนก็ตามแต รูแตเพียงวาวัดนี้มีอายุมา ๒ พันกวาปแลว และเราก็มี
หลักฐานที่เปนโบราณคดี คือ องคพระปฐมเจดีย

เดิมทีบริเวณพระปฐมเจดียนี้เปนเมืองทาติด
กับชายทะเล ชาวชมพูทวีป คนอินเดีย
หรือแขกในปจจุบัน ลองเรือสําเภามาตาม
ทองทะเลหลวง ลองมาทําการคาขายกับ
ชาวสุวรรณภูมิ หรือนครปฐม ซึ่งมีพระเจา
โลกละวา พระมหากษัตริยผูครองสุวรรณภูมิ
พรอมดวยชาวเมือง ไดถวายการตอนรับ
คณะของ พระโสณเถระ พระอุตตรเถระ
และผูติดตาม อาทิ พระฌานียเถระ
พระมูนิยเถระ และพระภูริยเถระ
มีตํานานเลาวาพระมหาเถระทั้งสอง
เปนพระอรหันต ปรินิพพานเมื่ออายุ ๑๒๐ ป
กอนจะปรินิพพาน เมื่อทานไดวางรากฐาน
พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิจนมั่นคง
เปนปกแผนแลว จึงไดสรางเจดียองคแรกไว
ณ สถานที่องคพระปฐมเจดีย เปนเจดียทรง
บาตรคว่ํา สูง ๑๘ วา ๒ ศอก

คลายสัญจิเจดียในประเทศอินเดียแลวบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเจาอโศก มหาราชพระราชทานมา
เมื่อเจดียเกิดขึ้นในที่ใด ที่นั้นก็จะกลายเปนวัดไปโดยปริยาย เจดียแรก ก็เรียกวา ปฐมเจดียวัดแรก
ก็เรียกวาวัดปฐม ตอมาประมาณ พ.ศ.๑๐๐๐ พระยาพาน พระมหากษัตริยผูยิ่งใหญสมัยทวาราวดี
ทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนา ทรงสรางเจดียองคที่ ๒ สูง ๔๒ วา ๒ ศอก ครอบเจดียองคแรกบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุที่ทรงใหขุดพบ เพื่อทดแทนพระคุณบิดามารดาและเปนที่สักการะของเหลาเทวดา
และมนุษย
๗๙๗

ครั้นตอมาองคพระเจดียไดชํารุดไรคนดูแลรักษา มายุคสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลที่ ๔ ไดทรงสรางพระปฐมเจดียองคที่ ๓ สูง ๖๐ วา ๒ ศอก ครอบพระเจดียทั้งสององค
ทําใหเราไดเห็นองคพระปฐมเจดียสูงเดน งดงามที่สุดในจังหวัดนครปฐม

รอบองคพระสรางเปนชานหินรูปกลมลอมรอบฐานเปน ๒ ชั้น คือ ชั้นบนและชั้นลาง มีวิหารคดอยู


๔ ทิศ วิหารทั้ง ๔ ทิศนี้ มีวิหารคดเชื่อมโยงติดตอกันโดยตลอด ประดิษฐานพระพุทธรูปปางตางๆ
ที่หนาวิหารมีพระรวงโรจนฤทธิ์ ประดิษฐานอยูดานหนาติดตอกับวิหารทิศเหนือสรางในรัชกาลที่ ๖
เปนพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มาก นอกจากนี้ยังมีหลวงพอศิลาที่ผูคนเคารพไมแตกตางกัน

วัดพระปฐมเจดียถือวาเปนวัดที่มีทิวทัศน หรือวิวสวยมากที่สุดวัดหนึ่ง เมื่อเราอยูบนลานมองลงมา


ก็จะเห็นทิวทัศนเมืองนครปฐม ยิ่งกวานี้เมื่อเราอยูขางลางแหงนหนามองขึ้นไปยังองคพระเจดียในยาม
ที่ พระจันทรเต็มดวง สาดแสงสีขาวนวลใยตององคพระเจดีย เราจะตะลึงกับภาพที่ปรากฏ หรืออัศจรรย
ในพุทธบารมี แมยามราตรีจันทรดับอับแสง องคพระก็มิไดหมนหมองแมแตนอย เมื่อตองแสงไฟก็งาม
สงาเฉกเดิม

สําหรับเรื่องที่จะเลาตอไปนี้เปนความอัศจรรย หรือปาฏิหาริยองคพระปฐมเจดียก็คงไมผิด ซึ่งมีไม


บอยครั้งนักที่เราจะไดมีโอกาสไดเห็นแสงฉัพพรรณรังสีของพระบรม สารีริกธาตุ แสงฉัพพรรณรังสี
หรือรัศมีที่เปลงประกายออกมานั้นจะสุกสกาววาว สวยงามมาก สวยยิ่งกวาดาวตก องคพระปฐมเจดียนี้
เคยเปลงฉัพพรรณรังสีตอ  พระพักตรพระบาทสมเด็จพระ จอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๔

เมื่อครั้งเสด็จผนวช ไดทรงพบเหตุอัศจรรยขณะทรงธุดงค ตอมา เมื่อทรงไดลาผนวชขึ้นครองราชยจึง


ทรงสรางองคพระปฐมเจดียใหงามสงา แมแตลนเกลาฯ พระพุทธเจาหลวง รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖
ก็ทรงมีประสบการณพบดวยพระองคเอง ถึงกับมีพระราชหัตถเลขาทรงบันทึกไวเปนหลักฐาน

พระปฐมเจดียจังหวัดนครปฐมเปนพระธาตุเจดียที่พระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริยให ปรากฎอยู
เนืองนิจ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวรัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๖ ไดทอดพระเนตร
เห็นปาฏิหารยของพระบรมสารีริกธาตุจากองคพระปฐมเจดียทรงพระ ราชศรัทธาเลื่อมใสโปรดให
บูรณะปฏิสังขรณ ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวไดโปรดใหสรางพระที่นงั่ ขนาดเล็ก
ตรงที่ประทับทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย ณ พระราชวังสนามจันทน จังหวัดนครปฐม
พระราชทานนามวา พระที่นั่งปฏิหาริยทัศไนย ปจจุบันอัญเชิญมารักษา ไวในพิพิธภัณฑสถาน
แหงชาติพระนคร
๗๙๘

พ.ศ.๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที ๖ ขณะทรงพระยศเปนมกุฎราชกุมาร


เสด็จประทับที่พระราชวังสนามจันทร ไดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยที่องคพระปฐมเจดีย ดังบันทึก
ตอนหนึ่งวา "… ไดเห็นองคพระปฐมเจดียรัศมีสวางพราวออกทั้งองค ดูประหนึ่งวาองคพระปฐมเจดีย
ดานตะวันตกคือดานที่เล็งตรงกับสนามจันทร นั้นทาดวยฟอสฟอรัส พราวเรือง ๆ …" ครั้นเสด็จขึ้น
ครองราชยแลวก็ไดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยที่องคพระปฐม เจดียอีกใน พ.ศ.๒๔๕๗

จากนั้นก็ไมคอยมีใครเห็นปาฏิหาริยองคพระธาตุเทาไรนัก จนกระทั่งวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖


เวลา ๐๕.๐๐ น. ไดมีผูโชคดีที่สุด ๒ คน คือ นายสัญญา ตอนพุทชา กับนายสมนึก จงคอยกลาง รปภ.
ที่เฝายามหนาองคพระไดเห็นแสงอัศจรรยเหนือธรรมชาตินี้ ซึ่งทั้งสองตื่นเตนแลวก็เลาสูกันฟงวา
ลําแสงที่เห็นนั้นเปลงแสงสีขาว นวลลูกใหญประมาณเทาแกวมังกรเปลงรังสีคอยๆ ลอยขึ้นจาก
องคพระจากนั้นก็คอยๆ เล็กลงๆ แลวก็หายไปในที่สุด

เรื่องอัศจรรยนี้มันก็เคยเกิดขึ้นกับ กอง จักรวาล ตอนอายุ ๑๓ ป ก็เคยเห็นพระธาตุเสด็จ


ซึ่งสวยงามมาก เปนลําแสงพุงตรงแลวก็หายวับไปตอหนาตอตา สอบถามผูเฒาผูแกสมัยนั้น
ก็เลาใหฟงวาสมัยปูยาตายายยังเปนเด็กจะ เห็นพระธาตุเสด็จบอย คือ จะปรากฏทุกวันเพ็ญ ๑๕ ค่ํา
หรือวันพระใหญ พระธาตุแตละเจดียจะเปลงรัศมีเขาหากัน ปจจุบันไมเคยมีใครเห็นอีกเลย

ในวันที่ ๒ - ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ขอเชิญเที่ยวงานนมัสการองคพระปฐมเจดีย ถามีบุญอาจ


ไดเห็นปาฏิหาริยพระธาตุเสด็จเปลงรัศมีอีก
๗๙๙

เหตุการณปาฏิหาริยของพระธาตุ
พระบรมสารีริกธาตุในประวัติศาสตรไทย
ก็มีอยูในตํานาน เรื่องพระธาตุหริภุญชัย
จังหวัดลําพูนบอกวา ประมาณ พ.ศ.๑๕๙๐
พระเจาอาทิตยทรงเห็นปาฏิหาริยพระธาตุ
เปลงรัศมี ๖ สี (ฉัพพัณณรังสี) จึงทรงให
สรางเจดียบรรจุพระธาตุ

จารึกวัดชางลอม จังหวัดสุโขทัย
(ประมาณ พ.ศ.๑๙๒๗) บอกวาสมเด็จ
พระมหาธรรมราชา เมื่อทรงสรางพระพุทธรูป
ศิลา ก็ไดทอดพระเนตรเห็นพระศรีรัตนธาตุ
กระทําปาฏิหาริยสวางดังลวดเงินเห็นเปน
ขนาดใหญเทาเสื่อสาด เหนือกลางหาวงาม
นักหนา และ พระศรีเทพาหูราชก็เห็นพระศรี
รัตนธาตุกระทําปาฎิหาริยพุงออกมาขนาดเทา
ลูกพันลับ ลูกพุทธรักษา มีลักษณะใสดังผลึก
รัตนแกวเขียว ตรงกลางเห็นเปนแกวสีเขียว

มีการพบจารึกที่พรรณาเกี่ยวกับปาฎิหาริยของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุหลายครั้ง ในสมัยสุโขทัย
ตั้งแตรัชกาลพอขุนรามคําแหง ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ซึ่งจารึกในราว พ.ศ. ๑๘๓๕
มีการกลาวถึง พอขุนรามคําแหง ไดขุดเอาพระธาตุออกใหคนทั้งหลายไดเห็น และกระทําบูชา
แกพระธาตุได ๖ วัน จึงเอาลงฝงในกลางเมืองศรีสัชชนาลัย กอพระเจดียเหนือ (ครอบไว) ๖ ป
จึงสรางเสร็จ ซึ่งจากขอความในจารึกนี้ แสดงใหเห็นวา สมัยนัน
้ มีความศรัทธาตอพระบรมสารีริกธาตุ
เปนอยางยิ่งเพราะเปรียบประดุจ องคพระสัมมาสัมพุทธเจาทีเดียว
๘๐๐

ตอมาในมหาศักราช ๑๒๗๙ พระยาลือไทยราช พระโอรสพระยาเลอไทย และ เปนพระนัดดา


พอขุนรามคําแหง เมื่อเสวยราชสมบัติ ทรงพระนามวา พระยาศรีสุริยพงศมหาธรรมราชาธิราช
พระองคทรงอัญเชิญพระมหาธาตุจากลังกา มาประดิษฐานสถาปนาในเมืองนครชุม พรอมทั้งทรง
ปลูกตนพระศรีมหาโพธิ์

นอกจากนี้จากศิลาจารึกวัดศรี ชุม ซึ่งจารึกประมาณ พ.ศ. ๑๘๘๔ - ๑๙๑๐ ในดานที่ ๑ ไดกลาวถึง


สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามณีศรีรัตนลงกาทีปมหาสามีเปนเจา ซึ่งประสูติในนครสรวง
สองแคว โอรสพอขุนผาเมือง พระอัยกาคือ พอขุนศรีนาวนําถม ไดประดิษฐานพระศรีรต ั นมหาธาตุ
ใกลฝงน้ํา ในนครสุโขทัย กอพระทันตธาตุ ซึ่งพระทันตธาตุ แสดงปาฏิหาริยถึง ๓ เดือน กอใหเกิด
เปนอัศจรรย การสรางพระมหาธาตุนั้น ก็กลาววา สรางสูง ๙๕ วา ครองทับเหนือ ที่ประดิษฐานพ
ระธาตุหลวง ไมที่สรางนั้นมีขนาดใหญ ๒-๓ คนโอบ แลวกออิฐถือปูนสูง ๗ วา รวมความสูงเปน
๑๐๒ วา

อนึ่ง ทางลานนาก็พบวามีจารึกแสดงปาฎิหาริยของพระบรมสารีริกธาตุเชนกัน ดังปรากฎในศิลาจารึก


วัดพระยืน อําเภอเมือง จังหวัดลําพูน ซึ่งจารึก พ.ศ.๑๙๑๓ ในดานที่ ๒ กลาววา ศักราช ๗๓๑
พญาธรามิกราชทรงสรงพระธาตุ และ บูชาดวยเครื่องบูชาพิเศษหลายอยาง จนครบ ๓ วัน
แลวพระธาตุไดแสดงปาฏิหาริยเวียนไปมาในสุพรรณภาชน (ขันทองคํา) และ เปลงรัศมีสกาว

ปาฎิหาริยพระบรมสารีริกธาตุมีปรากฎในสมัยอยุธยาอีกดวย ดังขอความในพระราชพงศาวดาร
ในรัชกาลพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ทรงทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยของพระบรมสารีริกธาตุ
จึงโปรดเกลาฯ ใหทหารปกหลักไวตรงที่พระบรมสารีริกธาตุปรากฎ แลวทรงสถาปนา (สราง)
วัดมหาธาตุขนึ้ พ.ศ. ๑๙๑๗

สําหรับในสมัยกรุงรัตนโกสินทร ก็ไดพบวาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลที่ ๖ ไดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยที่องคพระปฐมเจดีย ทรงทราบวานั่นเปนปาฏิหาริย
ของพระบรมสารีริกธาตุทบ ี่ รรจุประดิษฐานมาแต เดิมครั้งโบราณกาล กอนที่พระบาทสมเด็จพระจอม
เกลาเจาอยูหัว ทรงปฏิสงขรณสถูปเดิมดวยการสรางเจดียขนาดใหญครอบทับพระเจดียองคเดิมแลว

สรางพระเจดียจําลองตามลักษณะของเดิม รวมทั้งโปรดใหเขียนภาพไวที่ผนังวิหารของพระปฐม
เจดียดวย ปาฏิหาริยขององคพระปฐมเจดียยังคงมีผูเห็นอยูเนืองๆ เปนที่เลาขานกัน จนในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๖ ครั้งทรงดํารงพระยศเปนพระบรมโอรสาธิราช
สยามมงกุฎราชกุมาร ขณะที่ทรงประทับอยูที่พระราชวังสนามจันทร ก็ไดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย
พระบรมสารีริกธาตุ ดวยพระองคเอง ในคืนวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ เวลา ๒ ยาม ๔๕ นาที

ไดทอดพระเนตรเห็นองคพระปฐมเจดีย “มีแสงสวางโพลงไปทั้งองคเหมือนตามไฟ แตสีเปนสี


คลายหิ่งหอย ผูที่อยูดวยกันในที่นั้นไดแลเห็นกันทุกคน ... ดูจนอยูเปนนานจนเวลา ๗ ทุม ๑๒ นาที
รัศมีดานบนตั้งแตยอดมงกุฏจนหมดปลองฉนัย จึงวูบหายไป ” ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯใหจดรายชื่อ
ขาราชการที่ไดเห็นมหัศจรรยในคืนนั้น รวมทั้งสิ้น ๖๘ ทาน และ ครั้งตอมาไดทอดพระเนตรเห็น
เมื่อทรงครองราชยแลว คือใน พ.ศ.๒๔๕๗ ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ทรงเลาวา พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา
เจาอยูหัวไดเคยทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยของพระปฐมเจดียแลว เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ , พ.ศ. ๒๔๐๑
และ พ.ศ. ๒๔๐๘ และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นถึง ๒ ครั้ง
กับทั้งทรงไดยินเสียงดนตรีแววมาจากองคพระปฐมเจดียดวย จึงเปนที่เชื่อวา ภายในองคพระปฐมเจดีย
ตองมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยูอยางแนนอน

เพื่อเปนที่ระลึกในเหตุการณนั้น จึงทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางพระที่นงั่ ปาฏิหาริยทัศนัยขึ้น


พ.ศ. ๒๔๕๗ ปจจุบันพระที่นั่งโถงองคนี้ ไดยายมาจัดตั้งอยูที่พิพิธภัณฑสถานแหงชาติพระนคร
๘๐๑

พุทธคยา เปนบุณยสถานแหงหนึ่งของ
ชาวพุทธ ที่มักมีผูไปสักการะในฐานะที่เปนที่ระลึก
ถึงพระพุทธองค ไดตรัสรูอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เปนสังเวชนียสถาน แหงหนึ่ง ในสังเวชนียสถาน
ทั้ง ๔ คือ สถานที่ ประสูติ ตรัสรู ปฐมเทศนา
และปรินิพพาน ซึ่งพระพุทธเจาไดตรัสไว
ในคราวใกลจะปรินิพพาน วา “ ดูกรอานนท
อันสถานที่ ที่ควรเห็นและเกิดความสลดสังเวชแก
กุลบุตรผูมี ศรัทธานั้นมีอยู ๔ ตําบล คือ ที่ที่ตถาคต
ประสูติ ตรัสรูอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศ
พระธรรมจักรใหเปนไป และดับขันธปรินิพพานดวย
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ” ดูกรอานนท ภิกษุ
ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไดเที่ยวจาริกไปตาม
สถานที่เหลานี้ดวยจิตใจเลื่อมใสบริสท ุ ธิ์
พวกเขาจะเขาถึงสุคติหลังจากตายเมื่อกายแตก

เพราะเหตุนี้เอง พุทธศาสนิกชนจากประเทศตางๆจึงมีความมุงหวังวาครั้งหนึ่งในชีวิต จะตองหาโอกาส


ที่จะไปแสวงบุญ สักการะ ยังสังเวชนียสถานทั้งสี่แหง ใหได สักครั้งหนึ่ง มีคํากลาววา หากผูใดไดมี
โอกาสไปสักการะ ยังสังเวชนียสถานเหลานั้น ถึง ๗ ครั้งแลว จะปดประตูอบาย มีสุคติภูมิเปนที่ไป
และในสังเวชนียสถาน ทั้ง ๔ แหงนี้เอง (หรือแมแตแหงอื่น ที่เกี่ยวของ กับพระพุทธองคในครั้ง
พุทธ กาล) มักจะปรากฏวา มีความมหัศจรรย ปาฏิหาริยขึ้น มาเปนบางครั้ง ซึ่งเปนสิ่งอันแสดง
ถึงความมีอยุจริง ของพระพุทธองค ในครั้งพุทธกาลและ เปนสิ่งยืนยัน อานุภาพของพระรัตนตรัย
แมเรื่องฤทธิ์ปาฏิหาริยจะไมใชสิ่งที่เนนหนัก ในทางพระพุทธศาสนาก็ตาม แตก็เปนสิ่งที่ยืนยันถึง
กฏอยางหนึ่งวาสถานที่เหลานี้ เกี่ยวของกับพระประวัติแหง พระพุทธองค ผูทรงเปนมนุษยธรรมดา
และ ไดฝกปฏิบัติพระองคดีแลว เปนผูประเสริฐสูงสุดในจักรวาล แมเหลาเทวดา มาร พรหม ทั้งหลาย
ก็นอมนมัสการและพุทธคยา หรือมหาวิหารพุทธคยา นี้เอง ก็้ปรากฏวา มีปาฏิหาริยเกิดขึ้นหลายครั้ง
ซึ่งในปพ.ศ. ๒๕๔๔ ที่ผานมานี้เอง ก็เกิดปรากฏการณอันอัศจรรยเชนนี้อีก เมื่อชวงวันออกพรรษา
ป ๒๕๔๔ ซึง่ มีผูที่ถายภาพไวได คือทานพระอาจารย หลวงปูแอว สุธมฺมปาโล ทานไดถายภาพนี้ไว
และยืนยันชัดเจนวา เปนภาพที่ถายไดจาก กลองธรรมดา กลองใชแลวทิ้ง ซึ่งไมมีทางที่จะนําเอาไป
แตงเติมดวยอุปกรณทันสมัย อยาง คอมพิวเตอรกราฟคได

ซึ่งพระเจดียพุทธคยานี้ เคยมีบันทึกไววาเกิดปาฏิหาริยมาแลวหลายครั้ง ไมใชเพียงครั้งที่ผานมานี้


ครั้งเดียว ซึ่งเรื่องนี้ ในหนังสือ จดหมายจากเมืองแขก เขียนโดย คุณประณีต กองสมุทร ซึ่งมี
ประสบการณดานการนําทัวรสูแดนพุทธพุทธภูมิ ไดนําเหตุการณนี้ ซึ่งบันทึกโดยทานเจาคุณ
พระธรรมมหาวีรานุวัตร เจาอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เมื่อ วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๑
นํามาลงพิมพไวดวย บันทึกปรากฏการณมหัศจรรยบนทองฟาเหนือองคพระเจดีย-ตรัสรู
ณ. บริเวณมณฑลพุทธคยา ประเทศอินเดีย (ระหวางวันที่ ๒๐ ส.ค. ถึง ๓ ต.ค.)
๘๐๒

ครั้งที่ ๑

เมื่อคืนวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๑ เวลา ๒๒.๐๐น. เศษ ถึง ๒๓.๐๐น. เศษ ไดเกิดปรากฏการณ
มหัศจรรยบนทองฟาเหนือองคพระเจดีย - ตรัสรู โดยมีรูปองคเจดีย – ตรัสรูปรากฏบนทองฟา
สูงเหนือองคพระเจดียองคเดิมทั้ง ๔ ทิศ มีแสงสวางเปนรัศมีพวยพุงมีลักษณะใหญกวาเดิม
ประมาณเกือบ ๓ เทาตัว เหตุการณมหัศจรรยคราวนี้เกิด หลังฝนตก ไฟฟาองคพระเจดียก็ดับ
ในชวงนั้นเปนเหตุการณที่มหัศจรรยมาก ชาวมุสลิม, ชาวฮินดู และชาวพุทธเห็นกันเปนจํานวนมาก
ภาพมงคล นิมิตนี้ปรากฏเห็นถึง ในเมืองคยา ซึ่งหางถึง ๑๕ กิโลเมตร

ครั้งที่๒

ปรากฏการณมหัศจรรย เกี่ยวกับองคพระเจดีย - ตรัสรู ครั้งที่ ๒ นี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ ๑๐ กันยายน


พ.ศ.๒๕๒๑ เวลา ๒๒.๐๐น. เศษ ถึง ๒๓.๐๐น. เศษ ขณะที่ญาติโยมจาริก แสวงบุญ เปรซิเดนทัวร
ของคุณปติ สุขสกุล ยังพักอยูที่วัดแตเตรียมตัวพักกันแลว ในขณะเดียวกันนั้นเอง มีเสียงเกรียวกราว
ทางหนาวัดดัง ผิดปรกติ ถึงกับทําใหตกใจใน ทางที่อาจไมปลอดภัย ในชวงนี้เอง อุบาสกบารัว
ลีลาชัญ ไดเอาสามลอมาตาม เพื่อไปดูเหตุการณมหัศจรรย เหนือยอดองคพระเจดีย ซึ่งไดมี
ปรากฏการณมหัศจรรย เหมือน ครั้งที่ ๑ ปรากฏการณครั้งนี้ คนไทยไดเห็นปลายเหตุการณ
เพียง ๑ นาที (ปรากฏการณหลังฝนตก)

ครั้งที่ ๓

ปรากฏการณ มหัศจรรยครั้งนี้ ไดปรากฏขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๑ เวลา ๑๙.๒๑น.


แตตอนหัวค่ํากอนฝนตก จนกระทั่งฝนตกแลวสักพักจึงคอยๆจางหายไป ประชาชนจํานวนมากเห็น
อราม รอดเนียม ไวยาวัจกรวัดไทยตั้งใจไปดู ไดเห็นอยางชัดเจน ปรากฏการณครั้งที่ ๓ นี้ ทุกๆอยาง
มีลักษณะเหมือนสองครั้งที่แลวมา ปรากฏ ชัดเจนเปนพิเศษคือ ดานทิศตะวันออกของพระเจดีย

ครั้งที่ ๔

ปรากฏการณมหัศจรรย ครั้งที่ ๔ ปรากฏขึ้นเมื่อ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ๒๕๒๑ เวลาตี ๓.๐๐น.


เศษ ถึงเวลา ๐๔.๔๕ น. ใกลอรุณสวางจึงคอยจางหายไป อุบาสกบารัว ลีลาชัญ เห็นกอน จึงได
อุตสาหนําสามลอมาปลุกพระที่วัดไทยพุทธคยาทั้งวัดไดตื่นแลวไดพา กันไปดูที่องคพระเจดีย - ตรัสรู
เห็นปรากฏการณมหัศจรรยนี้อยางชัดเจน คงปรากฏทั้ง ๔ทิศ เชนอยางทุกครั้งที่ผานมา โดยเฉพาะ
ดานทิศตะวันออก ชัดเจนมาก มองดวยสายตาในระดับตองเงยหนาพอสมควร ใหญสองเทาของ
พระเจดียองคเดิม สวนดาน ทิศ ตะวันตกนั้นใหญสูงมาก ทิศเหนือ - ใต ใหญรองลงมา ทางวัดไทย
พุทธคยา ไดย่ําระฆังเปนเวาลานาน เพื่อใหประชาชนไดรูเห็นปรากฏการณอันมหัศจรรยครั้งนี้ โดย
ทั่วถึง

ครั้งที่๕

เวลา ๑๙.๐๐น. เศษเล็กนอยของวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๑ ไดเกิดปรากฏการณมหัศจรรยเหมือน


อยางคราวที่แลวๆมาอีก แตปรากฏเห็นเพียง ๒ ทิศ คือทิศตะวันออก และทิศตะวันตก นักศึกษาไทย
จํานวนมากไดเห็นเหตุการณครั้งนี้ ความชัดเจนไมนานเทาครั้งที่แลวๆมา แมชาวอินเดียก็เห็นกันมาก
เหตุการณครั้งนี้ปรากฏอยูไมนาน เพราะ มีฝนตกลงตามมา พุทธนิมิตก็คอยๆจางหายไป
๘๐๓

ครั้งที่ ๖

ปรากฏการณครั้งที่ ๖ นี้ เกิดตอนหัวค่ําวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๑ เวลา ๑๓.๔๕ น.ถึงเวลา ๒๐.๑๕


น. ปรากฏเปนเจดียพุทธคยาลอยขึ้น ๓ ทิศ คือทิศตะวันออกชัดเจน ทิศหนือ - ตะวันตกเปนรูปเงาพระ
เจดีย สวนทิศใตไมเห็น นักศึกษาไทยเห็นกันมาก ชาวอินเดียทั่วไปเห็น ครั้งนี้ปรากฏอยูไมนาน
เพราะฝน เริ่มตกและคอยๆจางลงหายไป บารัว ลีลาชัญ ไดมาตามที่วัดไทยฯใหไปดู และย่ําระฆัง
เปนสัญญาณ พรอมทั้งไดเตรียมบันทึกภาพไวเปนหลักฐานดวย วัดไทยพุทธคยา อินเดีย ๓ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๒๑

บันทึกประกอบปรากฏการณ พุทธนิมิตมหัศจรรย
เกี่ยวกับองคพระเจดีย - ตรัสรู
พุทธคยา ประเทศอินเดีย

จากปรากฏการณมหัศจรรย ที่ไดเกิดเปนภาพพุทธนิมิตในลักษณะเปนภาพเจดียพุทธคยา ในทรงเดิม


ทุกประการ ลอยปรากฏเหนือทองฟาโดยรอบขององคพระเจดีย ตรัสรู องคเดิมทั้ง ๔ ทิศ ปรากฏให
ประชาชนไดเห็นชัดโดยทั่วกัน ไมวาชาวพุทธ, ฮินดู, มุสลิม และทุกๆลัทธิศาสนา ที่อยูโดยรอบรัศมี
ขององคพระเจดีย ก็เห็นดวยกันทั้งนั้น และตางก็เห็นดวยเวลาที่ยาวนานของปรากฏการณแตละครั้ง
แมบางรายที่สงสัยในดานวิทยาศาสตร เกรงวาจะเปนการหักเหของแสง ก็ไดลองใหดับไฟฟา
ที่องคพระเจดีย องคเดิมดูแลว แตภาพพุทธนิมิตมหัศจรรยนั้น ก็ยังปรากฏใหเห็นอยางชัดเจน
เชนเดิมทุกประการอยู

ขอควรสังเกต ประกอบปรากฏการณในระยะปเศษมานี้ องคพระเจดีย - ตรัสรู ซึ่งคอนขางถูกปลอย


ละเลยไมไดรับการดูแลดวยดีเทาที่ควร ไดรับการบูรณะ ครั้งใหญ โดยรอบบริเวณมณฑลเจดียพุทธคยา
โดยสรางกําแพงแกวลอมรอบทั้ง ๔ ทิศ เพื่อใหองคพระเจดีย - ตรัสรู ไดรับการดูแลในดานความ
สะอาดหมดจดงดงามยิ่งขึ้น ชาวพุทธแหง ประเทศไทย นําโดยคณะสงฆวด ั ไทยพุทธคยา ไดรับการ
ขอรองใหชวยเหลือ จึงรับสรางกําแพงแกวดานทิศตะวันออก พรอมทั้งซุมประตูใหญ ๒ ซุม ตลอดถึง
ดานสระ มุจลินทรจําลอง ดานทิศตะวันออกและตะวันตกขององคพระเจดีย การบูรณะครัง้ ใหญนี้ ผิดรูป
ผิดรางจากที่เคยเห็นมาแลวอยางมากหลาย เพราะเมื่อกอน นั้น โดยรอบๆองค พระเจดียตรัสรู
แสนสกปรก เปนที่ถายหนัก - เบา ของวัวควาย แกะ หมุ สุนัข และสัตวเลี้ยงตางๆเขาไปเดินเพนพาน
ทําความสกปรกใหอยูตลอดเวลา ปจจุบันนี้จะไมไดเห็น อยางนั้นแลว องคพระเจดียตรัสรู ไดรับการ
ปฏิบัติดูแลมีความสะอาดหมดจดงดงามดียิ่ง สมเปนพุทธสถานอันควรแกการสักการะบูชา กราบไหว
ดวยความสนิทใจ

เมื่อ ป พ.ศ. ๒๕๒๐ ชาวอินเดียที่พุทธคยา อยูใกลองคพระเจดีย - ตรัสรูจาํ นวน ๓๑๑ คน ๖๒ ครัวเรือน


ไดขอเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา กระทําพิธีปฏิญาณตนเปนชาวพุทธเมื่อวันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๒๐
และในวันวิสาขบูชา ป พ.ศ. ๒๕๒๑ นี้ ชาวพุทธเหลานั้น ไดสงลูกหลาน มาบวชเปนสามเณรใน
พระพุทธศาสนา จํานวน ๑๑ รูป ประกอบพิธีบรรพชาที่โคนตนพระศรีมหาโพธิ์ และอยูรบ ั การศึกษา -
อบรม ณ.วัด -ไทยพุทธคยา บัดนี้เปนอันแจงชัดวา ที่ดินแดนตนกําเนิดพระพุทธศาสนา คือที่พุทธคยา
ที่ไดขาดตอนทั้งชาวพุทธและสงฆสบ ื อายุพระพุทธศาสนามาเปนเวลานาน นับพันป เศษนั้น ขณะนี้ได
มีชาวพุทธซึง่ เปนชาวอินเดียแทๆ เกิดขึ้นในดินแดนตนกําเนิดพระ- พุทธศาสนาอันเปนมาตุภูมิอีกแลว
ไดเริ่มมีหนอเนื้อเชื้อไขในดานศาสนทายาท ซึ่งเปนชาวอินเดียในทองถิ่นอีกดวย พระพุทธองคยอม
ทรงหยั่งทราบดวยพระพุทธญาณ จึงไดเกิดนิมิตปรากฏการณมหัศจรรยเปนพุทธนิมิตใหเห็นครั้งแลว
ครั้งเลา ในระยะติดตอกันในชวง ๓๕ วัน ถึง ๖ ครัง้ แลว (๓๐ สิงหาคม ถึง ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๑)
นับเปนพุทธญาณนิมิตวา พระพุทธศาสนาจะกลับมารุงเรืองรมเย็นในดินแดนตนกําเนิดอีกวาระหนึ่ง และ
เปนพุทธญาณนิมิตวา พระพุทธศาสนา จะเจริญรุงเรือง โดยรอบ ทั้ง ๔ ทิศ ทั้งสวนของโลกตะวันออก,
ตะวันตก, เหนือ, ใต ทุกสวนของโลกในจาตุรทิศ ควรจะเจริญรุงเรืองรมเย็นแจมใสตามพุทธนิมิตเปน
๘๐๔

พิเศษเพราะปรากฏเห็นเปนพุทธ นิมิตทกุครั้ง สุกใส สวางไสว สุกปลั่งดั่งสีทอง มั่นใจวามวลโลก


จะประสบสันติสุข เพราะพุทธนิมิตมงคลมหัศจรรยนี้

นับตั้งแตพระพุทธศาสนาแบบลังกาไดแพรเขามาถึงประเทศไทย และ สมณฑูตที่มาจากทวีป


ลังกาก็มักจะนําพระบรมธาตุมาดวย โดยถือวาเปนเครื่องบรรณาการที่สําคัญอยางหนึ่ง ซึ่งประกอบไป
ดวยพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ โดยถือเอาพระบรมสารีริกธาตุ และ พระศรีมหาโพธิ
แทนองคพระพุทธเจา ดังนั้นจึงมีเรื่องราวพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญเขามาในประเทศไทยหลายครั้ง
จะพบวาคนไทยมิไดนับถือเปนสัญลักษณแทนพระพุทธองคแตนับถือเปนของขลัง ศักดิ์สิทธิ์

มีอิทธิปาฎิหาริย ทั้งยังมีความเชื่อในระหวางพุทธศาสนิกชนดวยกันวา หากใครมีพระบรมสารีริกธาตุไว


สักการะบูชา และปฎิบัติตามคําสอนของพระพุทธองคอยางเครงครัด พระธาตุก็จะเสด็จเขามาอยูใน
ผอบหรือภาชนะที่รองรับอยางมากมาย โดยเฉพาะจะเสด็จมามากในวันพระ กับ วันโกนเรื่องพระบรม
สารีริกธาตุ หรือพระธาตุนี้ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ทรงเลา
เกี่ยวกับพระธาตุไววา

“ เทาที่ทรงเคยทอดพระเนตร ในเมืองไทยลักษณะพระธาตุ ก็เหมือนกันหมด และที่เนปาล


ใหมาก็คลายกัน ที่ประดิษฐานอยูพระธาตุพนมก็มีลักษณะเชนเดียวกันนี้ เรียกรวมๆ วา เปนพระธาตุ
เพราะทรงไมแนพระทัยวาจะเปนพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจาหรือไม อาจจะ
เปนของพระอรหันตหรือพระอริยเจาองคใดองคหนึ่งก็ได อยางอัฐิของพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต
ก็มีทั้งที่ เปนพระธาตุและที่มีลักษณะเปนกระดูกก็มี "
๘๐๕

ผมรูส
 ึกยินดีและเปนเกียรติอยางยิ่งที่ไดรับการขอรอง
จากหลายทานใหเขียนบทความเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ
และพระธาตุของพระอรหันตทั้งหลาย ในปจจุบันประเทศไทย
มีประชากร ๖๓ ลานคนเศษ รอยละ ๙๕ นับถือพระพุทธศาสนา
แตผูที่สนใจและเปนพุทธศาสนิกชนที่ดีมีนอย ในปที่ผานมา
ผมไดเคยรับเชิญ ไปออกทีวี กับบรรดานักเรียนจากโรงเรียนตางๆ
ในก.ท.ม. ถึงแมทุกคนจะบอกวานับถือพระพุทธศาสนา
แตสวนมากเขาใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนานอยมาก เชน
หลายคนบอกวาเราเกิดมาแลวมีชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้นทําดี
หรือทําชั่วก็เหมือนกัน เพราะไมมีชาติหนา ที่ตองไปชดใช
ไมเชื่อในการทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว และ การเวียนวายตายเกิด
ที่พระพุทธองคทรงสั่งสอนไว และ ในศตวรรษที่ ๒๑ นี้

การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเด็กระลึกชาติไดและการสะกดจิต ใหระลึกชาติ ทําใหชาวตางประเทศที่นับถือ


คนละศาสนากับพวกเรา ยังตองยอมรับ การเวียนวายตายเกิดวามีจริงในทุกทวีป ทุกสังคม และการทําดี
ไดดี ทําชั่วไดชั่ว ก็พบวาเปนไปไดเชนนั้นจริง นอกจากคําสั่งสอนของพระพุทธองคที่สอนใหทําแต
ความดี ละเวนความชั่ว และทําจิตใจ ใหบริสุทธิ์ผุดผองแลว การปฏิบัติศีล ๕ ไมเบียดเบียนผูอื่น ก็จะ
ทําใหสังคมอยูกันไดอยางสงบสุข ไมรบราฆาฟนกัน เรื่องพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุตางๆ
มีตํานานเขียนและเลาขานกันมานาน ๒,๕๐๐ กวาปมาแลว มีการเขียน และ พูดถึง พระธาตุเสด็จเห็น
เปนดวงสีตางๆ พระผูเปนอรหันตบริสุทธิ์เมื่อมรณภาพแลว กระดูกที่ถูกฌาปนกิจมักกลายเปนแกวได
การสวดมนตอยูเปนประจําแลว พระธาตุเสด็จมาที่หองสวดมนตนั้น ฯลฯ ปรากฎการณเหนือสามัญ
ตางๆ เหลานี้ถือวาผูที่มีพระบรมสารีริกธาตุ หรือ พระธาตุ ไวบูชาจะประสบแตโชคดี เปนศิริมงคล
แกบานปรากฎการณเหนือสามัญเหลานี้ มีเกิดขึ้นจริงหรือไม ผูเขียนจะเลาใหฟงจากประสบการณ
ของตัวเอง เปนความจริงทุกประการ ไมมีการกลาวเท็จ มีดังนี้คือ

๑. พระเจดียโบราณที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือ พระธาตุ ของพระอรหันตไวมักมีคนเห็นแสงออก


จากยอดเจดีย

ผูเขียนมีประสบการณถายภาพเจดียมีแสงได ที่ประเทศเนปาล ในป ๒๕๒๗ เจดียนี้อยูบนยอดเขา


นอกเมืองกัฏมันทุ เมืองหลวงของประเทศเนปาล ผูเขียนไปกราบเจดียนี้ และ ตั้งจิตอธิษฐานวา
หากเจดียอายุ ๒ พันกวาปนี้ มีพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธองคศากยมุนีจริง ขอใหแสดงปาฏิหารย
ใหผูเขียนไดเห็น และ สามารถเก็บหลักฐาน ทางวิทยาศาสตรเปนรูปภาพได เมื่ออธิษฐานแลว
ก็ถายภาพ เจดีย ๒ ครั้ง ตอน ๑๐ โมงเชา ตาเนื้อไมเห็นมีอะไรผิดปกติ แตเมื่อนําฟลมไปลาง
พบวาเจดียนี้ที่ใกลยอดมีแสงสีแดงพุงออกมาทั้งทางซายและขวา ไดนํากลองถายภาพและฟลมไปให
เจาหนาที่บริษัทโกดัก ตรวจดูอยางละเอียด เขาบอกวาทั้งกลองทั้งฟลมเปนปกติหมด แตทําไม
มีแสงสีแดงสองออกมาทั้ง ๒ ขาง เขาอธิบายไมไดจริงๆวาทําไมจึงเปนเชนนั้นพวกนั่งทางในทั้งไทย
และเนปาลบอก เหมือนกันวา แสงนี้ออกมาจากพระบรมสารีริกธาตุ ที่บรรจุไวราว ๒ พันกวาปมาแลว
๘๐๖

๒. ไดมีโอกาสเห็นพระเขี้ยวแกวของพระพุทธองค ที่วัดในเมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา

ปรากฎการณนี้เกิดขึ้นราว ๒๕ ปมาแลว ผูเขียนกับแพทยไทย


อื่นๆ ราวทั้งหมดราว ๒๐๐ คนเศษ ไดรับเชิญใหไปประชุม
ดานวางแผนครอบครัว ทีป ่ ระเทศศรีลังกา และผูจัดประชุม
พาทุกคนไปเยี่ยมชมวัดนี้บนเขา เจาอาวาสทานมองดูพวกเรา
แลวใหลูกศิษยมาเชิญตัวผูเขียนเขาไปในหอง ใหหมอบกราบ
ผอบทองและเปดใหดู “พระเขี้ยวแกว” สีขาวขนาดฟนคน
ธรรมดาทานบอกวา ที่เลือกใหเขามากราบเพราะทานเคย
เปนลูกศิษยคนหนึ่งของพระพุทธเจา ทานเลาเปนภาษาอังกฤษ
วาฟนนี้ เจาหญิงของอินเดียคนหนึ่งไดมาจากแผนดินใหญ
และใหมาไวที่นี่ วัดนี้นานมาแลวระหวางอังกฤษปกครองอินเดีย
ไดพยายามทําลายโดยเอาคอนทุบบน ทั่งเหล็กปรากฎวา
ฟนพระพุทธเจา จมลงไปในเหล็ก ไมแตกสลาย ยังเอาน้ํากรด
หรือ จุดไฟเผาก็ทําลายไมได ในที่สุดทางทหารอังกฤษก็นํามา
คืนวัดเพราะพวกที่ทําลายพระเขี้ยวแกวปวยหนักไป ตามๆกัน
๘๐๗

๓. ปรากฎการณอัฐิของพระผูเปนอรหันตกลายเปนแกว

มีการบอกเลากันมาวา ผูที่ทําใหบริสุทธิ์เมื่อตายแลว
ศพจะไมเนา และ หากเผากระดูกจะกลาย
เปนแกว แรกๆผมก็คิดวาเปนไปไมได การเผาศพ
มนุษยตองใชความรอนมาก ๘๐๐ - ๙๐๐
องศาเซลเซียส ซึ่งไมทําใหเปนแกวไปได ตองเผา
ในอุณหภูมิสูงราว ๓๐๐๐ องศาเซลเซียส
และ ภายใตความกดดันสูง กระดูกถึงจะกลายเปน
แกวไปได ผูเขียนไดเคยเห็นกระดูกของหลวงปู
แหวนที่พระราชทานเพลิงแลว พบวาเมื่อไปดูภายใต
กลองจุลทรรศนครึ่งหนึ่งเปนกระดูก

และอีกครึ่งหนึ่งเปนแกวใส หรือ พระบางองคเมื่อเก็บกระดูกก็ยังเปนสีขาวอยู แตผานไป ๑-๒ เดือน


กระดูกก็เปลี่ยน เปนสีใสเหมือนแกวหมด แมกระทั่งเสนผมก็เปลี่ยนเปนแกวใส วิทยาศาสตรในปจจุบัน
ยังอธิบายไมได วาทําไมถึงเปนเชนนั้นไปได
๔. ภาพเหนือสามัญหรือภาพปาฏิหารยที่พุทธคยา (พ.ศ. ๒๕๔๖)

ใน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๖ เพื่อนของผมซึ่งเคยเปนนักศึกษาวิทยาลัยปองกันราชอาณาจักร รุน ๒๗


ไดไปพุทธคยา ผูเขียนไปไมได แตขอใหพวกเขาไปสวดมนตตอนกลางคืนที่นั่น และ ตั้งจิตอธิษฐานให
เห็นปรากฎการณปาฎิหารย ปรากฎวาเมื่อสวดมนตอิติปโส อยูราวชั่วโมง เจดียเกิดมีแสงเรืองขึ้นมา
และมีแสงสวางวนไปมาระหวางเจดียมากมาย ปรากฎการณที่เกิดขึ้นอยูราวชั่วโมงเศษและคอยๆ
ลางหายไป ปรากฎการณนี้ผูรูหลายคนบอกวา นี่แหละที่เรียกวาพระธาตุเสด็จ

๕. การสวดมนตขอใหพระธาตุเสด็จมาที่หองพระ

ศ.นพ.สม พนธ บุณยคุปต ผูอํานวยการโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เลาใหผมฟงวา การสวดมนตขอใหพระ


ธาตุเสด็จนั้น ถาสวดมนตรวมกันมากๆ พระธาตุจะเสด็จมาจริงๆ เปนจํานวนมากสิ่งนี้เกิดขึ้นที่หองพระ
ชั้น ๒๐ ของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ในปจจุบันพระธาตุก็ยังเสด็จมาเสมอ เปนปรากฎการณเหนือ
ธรรมชาติทั่วไทย ผูเขียนเคยสวดมนตขอใหพระธาตุเสด็จมาหลายป ไมเคยปรากฎวามีพระธาตุ
เสด็จมาเลย อาจเปนเพราะพลังจิตของเราไมกลาแข็งพอ หรือ พลังจิตเพียงคนเดียวไมพอ ผมตั้งผอบ
แลวปดฝาแนนไวบนพาน ในตนเดือนธันวาคม ๒๕๔๖ ผูเขียนไดไปประเทศพมา และ ชาวพมาได
ใหรูปวาดของพระพุทธเจามา ๑ รูป เขาบอกวาถาสวดมนตถึงทานบอยๆ พระบรมสารีริกธาตุก็จะเสด็จ
มา และ ยังอธิบายเพิ่มเติมวา พระพักตรของพระพุทธเจาที่วาดไวนั้นคลายคลึงกับพระพุทธเจามาก
ที่สุด และที่มีชาวตะวันตกถายภาพปาฏิหาริยของพระพุทธเจาไดราว พ.ศ. ๒๕๒๐ นั้นเปนเรื่องจริง
และพระพักตรที่ชาวพมาวาดไวก็คลายกับภาพปาฏิหาริยนั้นมาก ผูเขียนไดนําถายภาพนั้นมาตั้งไว
ในหองพระและสวดมนตขอใหพระธาตุเสด็จ ในวันที่ ๓ ของการสวดมนตตอนเชาพบวา ในผอบแกว
มีพระธาตุเทาเมล็ดขาวสารใสมาบรรจุอยูราว ๑๐ กวาองค ไมทราบวามาไดอยางไร เพราะผอบแกวนั้น
ปดแนน หองพระก็ไมมีใครเขาไปเลย นอกจากผูเขียน ทั้งหมดที่เลาใหฟง เปนเรื่องจริงที่วิทยาศาสตร
ในปจจุบันยังอธิบายไมได หลายทานอาจมีประสบการณที่เหนือไปกวาที่ผูเขียนเลามาใหฟง หรือหาก
ทานอานและศึกษาใหมากยิ่งขึ้นในเรื่องนี้ ทานอาจจะไดสิ่งที่มีคุณคาแกชีวิตและครอบครัวของทาน
อยางคาดไมถึง สุด ทายนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรต ั นตรัย และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาล
ใหทานมีสุขภาพดี และ สําเร็จในทุกสิ่งทุกอยางที่หวังไว ที่ถูกตองและสมควรทุกประการ

เขียนโดย ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานชมรมรักษพระบรมธาตุแหงประเทศไทย


๘๐๘

เกี่ยวกับพระธาตุเปนที่แปลกอยูวา เสนผมของหลวงปูหลวงพอในสายกรรมฐานที่สิ้นไปแลว
ลูกศิษยไดเก็บเอาไวบูชา ตอมาคอยๆรวมตัวจับกันเปนกอนเทาเม็ดพุทรา จากนั้นจะกลายเปนพระธาตุ
ไดไหมครับ? ( ลูกศิษยถามหลวงปู )

(หลวงปูตอบ ) เปนไปไดของหลวงปูหลุยก็ไดมีลูกศิษยบางคนเก็บไว ตอมาไดรวมตัวเปนกอนกลม


แลวอีกระยะหนึ่งถึงคอยแปรเปนพระธาตุอยางของพระอาจารยจวน สวนใดที่เปนพระธาตุแลว
คุณสุรีพันธกเ็ อาใสผอบไว แลวตั้งเรียงเอาไวบูชา สวนที่ยังไมเปนก็เอาใสขวดโหลไว บัดนี้กระดูกที่
เปนผงนั้นก็ไดคอยรวมตัวกันเปนกอนเทาเม็ดพุทราเทากัน หมดทั้งขวดโหลเลย เราเห็นดังนั้นก็เลย
เชื่อวาเปนไดจริงอยางนั้น แตที่มาเห็นเปนแกวอยูในผอบในที่ตางๆ เราก็ไมแนใจวาเขาจะเอาแกวอะไร
ที่ไหนมาใสไว ทีแรกก็ไมคอยเชื่อ แตพอมาเห็นที่ขวดโหลใหญจึงเชื่อมั่นวาเปนไปไมได เถากระดูก
เหลานั้นจะคอยเกาะยึดแนนกันเปนกอนกลมเชนเดียวกับเสนผม

ที่เปนชาวบานธรรมดาก็มีแปลกอยูเหมือนกัน บางคนเมื่อมีชีวิตอยู เขาก็ถือศีลภาวนาทําบุญตามปกติ


แตพอตายไปเมื่อเผาไปแลว ปรากฏวากระดูกบางสวนไดกลายเปนแกว บางคนก็คลายกับวามีทอง
มาหุม มีสีทองแวว คงเปนเพราะมีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ แตในตําราไมไดบอกไววา บุคคลระดับใด
ซึ่งอาจเปนอริยะบุคคลแลว เวลาตายไปกระดูกจะกลายเปนพระธาตุ อาตมาก็ไมกลายืนยัน
กลายืนยันเฉพาะของพระพุทธเจา
๘๐๙

ในสมัยนี้ก็พอมีหลักฐานยืนยันไดวากระดูกของพระสาวกแปรเปนพระธาตุได อยางของหลวงปูมั่น
ก็ใสเปนแกว ของหลวงปูพรหมก็จะมีสีกลมดําเปนนิล ของหลวงปูขาวจะเหมือนพลอยใส
ของหลวงปูแหวนดูเหมือนจะกลายเปนแกวใสเร็วกวารูปอื่น ของหลวงปูสามก็แปรเปนพระธาตุ
เหมือนกัน แตแปลกวาไมไดแปรทั้งหมด คงแปรเฉพาะสวนที่ลูกศิษยใกลชิดเก็บไวเทานั้น
สวนใหญยังไมไดแปรเปนพระธาตุ

ของหลวงปูตื้อก็เปนพระธาตุของทานนี้มีลูกศิษยคนหนึ่งไดไปงานเผาศพทาน แลวไดเก็บเอาผงเถา
ถานจากเมรุที่เผาเปนชิ้นเล็กๆมาใสในตลับยาหมองเอาสําลีรองไว ตอมาอีกประมาณหนึ่งป ผงถาน
เหลานั้นจับตัวเปนกอนเล็กๆ หลายกอน อีกระยะหนึ่งจึงไดกลายเปนพระธาตุแตไมใส เปนสีน้ําตาล
อาจเพราะรวมจากผงเถาหลายอยาง กระดูกบาง ไมบาง พระธาตุเหลานี้บางรูปก็ปาฏิหาริยแยกออกได
เองก็มีมาก เปนเรื่องของการอธิษฐาน และความเชื่อมั่น.............

หมาย เหตุ หลวงปูเหรียญไดพระธาตุชุดนี้ของหลวงปูตื้อไวบูชา ทานพกติดยามของทานตลอกเวลา


ไมวาเวลาทานจะเดินทางไปไหนก็ตามที ทานเลาวา วันดีคืนดี พระธาตุกแ
็ ยกเปนสององค และบางวัน
ก็กลับมารวมกันเหมือนเดิม เปนอยูอยางนี้ปกติ

( จากหลวงปูเหรียญ วรลาโภ ถามตอบระหวางคุณธนกร สุริยนต กับหลวงปูเหรียญ วรลาโภ )


๘๑๐

เรื่องพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนี้ แตเดิมขาพเจาไม
รูจักและไมเคยเห็นเลยตองสารภาพตามตรงวาไมเคยสนใจดวยซ้ํา
เพราะเขาใจวาเปนสิ่งที่ไมมีตัวตน เปนเพียงชื่อสมมติใหพวกเราคนรุน
หลังรูสึกถึง “ความยิ่งใหญ” ของพระพุทธเจาเทานั้น
แมในวัยเด็กจะเคยอาน “ปฐมสมโพธิกถา” พระนิพนธของ
สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระปรมานุชิตชิโนรสอยูบาง โดยเฉพาะ
ตอนที่กลาวถึง ธาตุวิภัชนปริวรรตวา เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
เสด็จปรินิพพานแลว ไดมีกษัตริย ๗ พระนคร ยกขบวนพยุหโยธามาสู
กุสินารา เพือ ่ แสดงเดชานุภาพในการขอสวนแบงพระบรมสารีริกธาตุ
ไปสักการะบูชา

เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาเสด็จปรินิพพานแลว ไดมีกษัตริย ๗ พระนคร ยกขบวนพยุหโยธามาสู


กุสินารา เพือ ่ แสดงเดชานุภาพในการขอสวนแบงพระบรมสารีริกธาตุไปสักการบูชา
อานแลวก็พิจารณาความตามพรรณนาโวหาร นึกถึงความไพเราะของภาษา ความชางคํานึง
ของกวี หาไดนึกเปนเรื่องจริงจังไม
เปนไปไดอยางไร มนุษยเราตายแลว กระดูกจะกลายเปนเงาเลื่อม ลักษณะเหมือนขาวสารหัก
เหมือนถั่วแตก เหมือนพันธุผักกาด
เปนไปไดอยางไร ที่กระดูกเหลานี้จะกลายเปนมีสีอันงดงามประหนึ่งทองอุไร ประหนึ่งสีสงั ข
ประหนึ่งแกวมุกดา ประหนึ่งแกวผลึก
เปนไปไดอยางไร ที่จะทรงบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เพิ่มจํานวนได เสด็จมาเสด็จไป บังเกิดรังสี
อันงดงามใหปรากฏ เหลวไหลคนโบราณหลอกพวกเรา เพราะเรานึกวาพระพุทธเจาเปนมนุษยเทา ๆ
กับเรา ชางเปนความเขลาความหลงที่นาสงสารมานานปนี่กระไร
ขอความพระบรมสารีริกธาตุปาฏิหาริยในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยานั้น ก็สงสัยวาอาลักษณ
ผูบันทึกพงศาวดารคงตองการจะเฉลิมพระเกียรติ พระเจาแผนดินในรัชสมัยของตนใหเกรียงไกรยิ่งใหญ
สมกับที่จะเทิดทูนใหเปนสมมติเทพเทานั้น
สวนเหตุการณในสมัยกรุงรัตนโกสินทร ที่ดูเกิดขึ้นในเวลาไมนานนัก ทําใหรูสึกลังเลและตามวิสัย
“ผูเชื่อยาก” ก็คิดวายกไวกอนเถอะ
ชางเขลา ชางหลง ชางอวดดีเสียจริงเทียว
ไมยอมเชื่อในพระปาฏิหาริยของพระบรมสารีริกธาตุ ทั้งที่ความจริงแลว สมเด็จพระพุทธองคทรง
สมบูรณดวยอิทธิฤทธิ์บุญฤทธิ์ เปนผูทรงหลุดพนจากอาสวะกิเลสทั้งปวง จนตรัสรูเปนพระสัมมาสัม
พุทธเจา ทั้งนี้ดวยการบําเพ็ญบารมีมานานนับเปนเวลาหลายแสนกัปของพระองค
ชางเขลา ชางดื้อดึง ยึดมั่นในมิจฉาทิฐิของตนเสียแทเทียว
คําวา “ปาฏิหาริย” ที่ขาพเจาจะกลาวตอไป ขอใหหมายความถึงความพิสดาร ความอัศจรรยแหง
พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา หรือพระธาตุของพระอรหันตสาวกที่ไมอาจหยั่งรู
ไดดวยวิทยาศาสตรหรือความนึกคิดของปุถุชนธรรมดาอยางเรา
๘๑๑

รูจักกราบพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรก

ทานผูซึ่งเปนประดุจผูเบิกเทียนสวาง พาขาพเจาออกจากความเขลา ความหลงนั้นความจริงตัว


ทานเองก็คงจะไมรูตัวเลยวา ไดทําบุญคุณใหขาพเจาอยางยิ่ง เวลานั้นกลางป ๒๕๑๘ ขาพเจามี
ประสบการณเกี่ยวกับ “พระลอยมา” มากแลว แตก็ยังไมรูจักพระบรมสารีริกธาตุเลย
คุณสมศักดิ์ หรือความจริงทานคือ พลตํารวจโทนายแพทยสมศักดิ์ สืบสงวน แหงโรงพยาบาลตํารวจ
ทราบเขาก็ประหลาดใจ “อะไรพี่ยังไมรูจักพระบรมสารีริกธาตุเลย! ถายังงั้นผมจะใหพี่ไปบูชา... ”
แลวทานก็นัดแนะใหขาพเจาไปพบทานที่โรงพยาบาลตํารวจ เมื่อทานเชิญพระบรมธาตุที่จะมอบให
ออกมาใหชมดูกอนนั้นรับตามตรงวาในหัวใจของขาพเจามีแตความกังขา เม็ดอะไรไมทราบ เล็กนิด
เดียวคลายหินกรวด คลายมุก ขาพเจานึก“๔ องคนะครับ” คุณสมศักดิ์วา พลางคะยั้นคะยอใหขาพเจาดู
อีกพระบรมสารีริกธาตุใชหรือ ?...ไมจริงมั้ง

คิดแคนี้ขาพเจารูสึกปลาบไปทั้งตัว
เหมือนถูกไฟฟาช็อต ใจสั่นระริก จนตองนึก
ในใจวาลูกเชื่อแลว !

และรุงขึ้นนั้นเอง เมื่อเปดผอบดูอีกครั้ง
หนึ่งก็ไดเห็นพระธาตุเสด็จมาเพิ่มอีก ๒ องค
ลักษณะกลม เล็ก เหมือนมุก เปลงรัศมี
เปนประกายงามมาก รับมา ๔ องค เพิ่มอีก
๒ องค เปน ๖ องค ๔-๒-๖ ขาพเจานึกเลน ๆ วา
เอา ถาทานเกงจริง ใหเราถูกล็อตเตอรี่ซี

รอยวันพันปจะซื้อล็อตเตอรี่กับเขาสักที คราวนี้ลงทุนทาทาน ยอมเสียเงิน ๒๐ บาท เสียภาษีใหรัฐบาล


(ขาพเจาเชื่อวา การซื้อล็อตเตอรี่คือการเสียภาษีเสริม ) บังเอิญเลขทาย ๓ ตัว ออก๔-๒-๖ ไดเงินมา
กินขนมอีก ๑,๐๐๐ บาท...แตก็สงสัยความ บังเอิญ อีกนะแหละ !
๘๑๒

อธิฐานใหพระธาตุปรากฏในมือ

ไมนานหลังจากนั้น ขาพเจาซึ่งลองหัดภาวนาแลวก็ไดมีนิมิตอยางหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งดูออกจะ


เหลือเชื่ออยูมากที่จะเชื่อความตามนิมิตนั้น จึงลองคิดอธิษฐานวา ถานิมิตที่เกิดขึ้นนั้นบอกความจริง
ในอดีตแกเรา ขอใหพระธาตุมาปรากฏในมือเราเถิด

อธิษฐานแลวก็ลืมไป ไมใสใจอะไร วันนั้นเพิ่งผานสงกรานต จึงคิดจะสรงน้ําพระ (ซึ่งไมเคยทํา


และลองทําเปนปแรก ) ชวนวิลาศและลูก ๆ มาเชิญพระพุทธรูปมาสรงน้ําหอม

กําลังนั่ง ๆ อยู รูสึกในมือเรามีอะไรเคลื่อนไหว จึงกมลงมองก็เห็นอะไรขาว ๆ ๒ ชิ้นอยูในกลางมือ


ดูไปดูมา สักครูจึงนึกสงสัยวา หรือจะเปนพระธาตุ แตลักษณะองคใหญกวาที่เคยไดรับจากคุณสมศักดิ์
ซึ่งตอมาจึงทราบวาพระธาตุลักษณะนี้ เขาเรียกสัณฐานแบบเมล็ดพันธุผักกาด แลวจึงนึกขึ้นไดถึงตาม
ที่เราอธิษฐานไว

ทดสอบพระธาตุ
แตเราจะเชื่อไดอยางไรวาสิ่งที่มาปรากฏในมือเรา ๒ ชิ้นนี้คือ พระธาตุ เผอิญระลึกไดวาผูใหญ
ทานเลาวา ถาเปนพระธาตุแทและขนาดไมใหญมากนัก ทานจะลอยน้ํา ก็เลยหาขันน้ํามาเชิญทาน
ลองลอยน้ําดู เรานั่งลอมดูการทดสอบกันทั้งครอบครัว คนนําก็ไมคอยทราบอะไรเทาไรนัก แตก็ทํา
ทาเปน “ผูรู” สั่งการไปตามเพลง
ชอนทานลงในน้ํา...เอ ! ทานก็ลอยน้ําดีอยูนี่ แลวจะทําอยางไรตอไป “ผูรู” มองดูเห็น “พระธาตุ”
นิ่งอยูกลางขันก็บอก “ลองออกไปริมขันซี ” ทานก็เคลื่อนตัวไปที่ริมขัน
ลอยไปรอบ ๆ ขันซีคะ... “ ผูรู” วา ทานก็ลอยเวียนไปตามริมขันตามแบบเข็มนาฬิกา
“ผูรู” มองสักครูก็บนวาเอ!....นั่นเวียนแบบอุตราวรรตนี่ ไมเปนมงคล ใหเปนทักษิณาวรรตดีกวา
บนกับครอบครัวที่นั่งหนาสลอนชมการทดสอบนี้ แลวก็สั่ง “ทาน” ที่อยูในขันน้ํา หยุด ๆ กอนคะ
ยอนศรกลับไป
ทานก็หยุดการเคลื่อนตัว และลอยยอนศรกลับไป แตคราวนี้การลอยเคลื่อนตัวของทานชาลงจน
“ผูรู” ชักสงสัย คิดไปคิดมาก็อุทานวา “ ตายจริง เกาทานลอยเวียนขวาทักษิณาวรรตดี ๆ อยูแลว
ไปใหทานยอนศรกลายเปนอุตราวรรต เวียนซาย ไป ”

แลวก็ชะโงกไปพูดกับในขันวา “ ขอโทษคะ เกาถูกแลว กลับไปอยางเกาเปนทักษิณาวรรตอยาง


เดิมเถิด ” ทานก็หยุดชะงักแลวลอยกลับไปตามทางขวาแบบเข็มนาฬิกาอยางเดิม และในความเร็วที่
เร็วอยางเดิม
๘๑๓

รอดูกันจนทานเวียนครบรอบขันสามรอบแลวก็ถามกันวาจะใหทานทําอยางไร คิดขึ้นวา ใหทาน


กลับเขากลางขัน พอบอกดัง ๆ ทานก็เคลื่อนตัวเขากลางขัน ปรึกษากันวา ลองดูพอใจแลวใชไหม
ประจักษพยานทุกคนยอมรับ
“ผูรู” ก็กลาวดัง ๆ วา “พอแลวคะ” ทานก็จมลงกลางขันทันที...
ทดลององคที่หนึ่งจบแลวก็เชิญองคที่สองลงทดสอบดวยวิธท ี ี่คิดขึ้นมาเองอยางกะทันหัน
นั้นตอไป...

เรื่องนี้เมื่อไปเลาถวาย ทานพระอาจารยวันและทานพระอาจารยจวน ถูกทานตําหนิยกใหญ


ทานใหขอขมาสมเด็จพระพุทธองคที่ไปลวงเกินพระบรมธาตุของทาน
พระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ

แตทานอาจารยจวนคงสงสารที่เห็นศิษยหนาเสีย ทานก็เลย
ใหกําลังใจวา “ พวกนักศึกษาก็ยังงี้แหละชอบทดลอง ชอบทดสอบ
สงสัยไปเรื่อย ๆ ”
แลวทานก็ตลบทับวา
“ แตนั่นแหละ เมื่อพบของจริงของแทแลว ก็ควรเชื่อเสียที
ตั้งใจมั่นเสียทีซิ ” สํานึกตัวเหมือนกันวา เรานี่แยมาก พูดจาอะไรดู
ไมมีสัมมาคารวะ แตสมัยนั้นเราเพิ่งจะรูจักพระธาตุเพียงไมกี่องค
ยังไมทันทราบดวยซ้ําวา พระบรมสารีริกธาตุนั้นมีความเปนมา
อยางไรมีคุณลักษณะอยางไร ไดยินแวว ๆ วา ทานลอยน้ําได
เราก็ลองกันเลย ไมรูจัก ตํารับตําราอะไร

ที่ไดไปก็ไดเลน ๆ ไมไดคิดวาพูดกับใคร วาจาจึงนาเกลียด นาชังปานนั้น คิดยอนหลังไปครั้งใด


ก็ใหนึกอายใจเหลือประมาณ ไดแตสอนนอง สอนลูกหลาน วาอยาทําเรื่องนาเกลียดนาชังเชนนี้อีก

และที่กลาเลาเรื่องนี้ไวใหปรากฏก็เพื่อประจานความนาขายหนาของคนคนหนึ่ง ซึ่งกวาจะกลับใจ
มาสูสัมมาทิฐิก็ดื้อดึงอวดรูเหลือใจ
๘๑๔

การแยกองคของพระบรมสารีริกธาตุ
จากนั้นมา ครูบาอาจารยก็เห็นวา เราพอจะรูจักพระบรมสารีริกธาตุ เคารพพระบรมสารีริกธาตุแลว
ทานก็เริ่มใหพระธาตุมาบูชาบาง ๓ องค ๕ องค เราก็เก็บไว
ป ๒๕๒๐ เกิดกําเริบ คิดแจกพระธาตุใหกรรมการกฐินที่เราชวนเพื่อน ๆ มาเปนกรรมการทอดกฐิน
ผาปาทางอีสาน ไปอินเดียกับทานเจาคุณพุทธพจนวราภรณ แหงวัดราชบพิธ เห็นทานแจกพระธาตุ
พวกเราที่ไปดวยคนละ ๑ ชอนเล็กโดยไมนับ ก็แสดงวาทานตองมีพระธาตุมาก
ตัวเราไดรับนับได ๑๓ องค พอจะกลับกรุงเทพฯ กลายเปน ๑๖ องค ของวิลาศก็เพิ่มเชนกัน
ฉะนั้นจึงคิดไปเรียนขอความกรุณาทาน ขอพระธาตุมาใหเพื่อน ๆ ถาเรามีกรรมการ ๕๐๐ คน ก็เลียบ
เคียงขอใหคนละ ๑ องค ขอพระบรมธาตุ ๕๐๐ องค พระบรมสารีริกธาตุ ๕๐๐ องค สมัยนั้นมากจริง ๆ
พระเดชพระคุณทานเจาคุณอุทานวา “กรรมการ ๕๐๐ คน ขอ ๕๐๐ องค ” เราใจแปว นึกสมน้ําหนา
ตัวเองวา อยากหนาใหญนัก แตก็ตกใจเมื่อทานวาตอไปวา
“ เอาไปทําไมกันคนละองค อาตมาใหเลยคนละ ๓ องค เอาไปเลย ๑,๕๐๐ องค ”
สีหนาตกใจ ไมคาดคิดวาทานจะกรุณาถึงเพียงนี้ ทําใหทานเขาใจผิดปลอบวา
“ทําไม ? พันหานอยไปหรือ ไมพอหรือ งั้นเอาไปเสียสองพันก็แลวกัน ”
ตกลงกฐินผาปาป ๒๕๒๐ นั้น เรามีพระบรมสารีริกธาตุแจกกรรมการไดคนละ ๓ องค มีกรรมการ
เกือบ ๗๐๐ คน แตเราก็พอมีพระธาตุแจก เพราะทานอาจารยวันและทานอาจารยจวนใหมาอีก

ป ๒๕๒๑ วากันวาจะหยุดทอดกฐินสักปหนึ่ง ทอดมา ๒ ปติดตอกันแลว พักสบายสักปเผอิญปนั้น


พระคุณเจาหลวงปูหลุย จันทสาโร ทานไปจําพรรษาที่วัดปาสิริปณ ุ โณวาส หรือวัดปาหนองแซง
เราจึงไปกราบทานบอย ๆ วันหนึ่งใกลจะออกพรรษาแลว เรียนถามทานพระอาจารยเสน (เจาอาวาส)
ถึงเจดีย หลวงปูบัว สิริปณ
ุ โณ ที่สรางกําลังจะเสร็จอยูแลว นิสัยชางซักของเราก็อดปากไมไดวา
“ ยังจะตองใชเงินอีกสักเทาไรเจดียจึงจะเสร็จสมบูรณ ? ” ทานอาจารยตอบวา ประมาณ ๖-๗ หมืน ่
ใจเราก็คิดสะระตะทันที เงินแคนี้พวกเรานาจะชวยทานได กลับไปกรุงเทพฯ เราโทรศัพทก็ชวนเพื่อนๆ
บอกกันพักเดียว ๒๐๐ คน คงพอได ชวยกันออกคนละ ๒๐๐ บาท คงได ๔ หมื่น
๘๑๕

ที่เหลือเราก็หาตอไป คงไมลําบากดี...เราจะไดถวายกฐินวัดที่หลวงปูหลุยจําพรรษา ไดทําบุญกับเจดีย


ของหลวงปูบัว ซึ่งเราไมมีบุญไดกราบทาน ปากก็ไวทันกับใจคิด ขอจองกฐินทันที โดยไมทันไดทราบ
ดวยซ้ําวาความจริงเจดียหลวงปูนั้นคุณธเนศ เอียสกุล เธอมีใจศรัทธาอยู และเราเองไมไดเรียนถาม
ทานอาจารยเสนอวา เงินขาดเทาไร เราเรียนถามวา ยังจะตองใชเงินอีกสักเทาไรกวาจะเสร็จ ซึ่งความ
จริงคําถามเราไมไดหมายความวาเงินขาดสักหนอย... แตทานอาจารยเสนก็เมตตาใหเราไดทําบุญ

กลับกรุงเทพฯ โทรศัพทชวนพรรคพวก แลวก็บอกเพื่อนรุนนองสองสามคนวา “เออ..กรรมการคราวนี้


จะใหพระธาตุคนละ ๒ องค ” ที่พูดเชนนี้ เพราะเห็นยังมีพระธาตุเหลือถึง ๔๐๐ กวาองคเหลือจากแจก
กรรมการกฐินปกอน คิดเอาเองวาเวลาเหลือนอยก็จะถึงกําหนดทอดกฐินแลว คงมีกรรมการไดไมถึง
๒๐๐ คน พอแจกไดคนละ ๒ องคพอดี สุดทายเมือ ่ นอง ๆ มาบอกดวยความดีใจวาไดกรรมการถึง
๔๐๐ คนแลว อันหมายความวาจะไดคากรรมการมากขึ้น ขาพเจาจึงตกใจ เพราะจะไมมพ ี ระธาตุ
แจกพอ...! คืนวันนั้นหยิบผอบพระธาตุลงมานับดวยความไมสบายใจ คิดวา

เรานี่แยจริง ๆ ไปออกปากบอกวาจะให
พระธาตุกรรมการคนละ ๒ องค ก็เพราะเรา
หวังดีอยากใหเพื่อน ๆ ไดพระธาตุไปบูชา
และเราก็คิดวาเวลาแค ๒ อาทิตย คงชวนกัน
ไดไมถึง ๒๐๐ คน ใครจะนึกละวาจะมีคน
ศรัทธาถึงกวา ๔๐๐ แลวเราจะไปหาพระธาตุ
มาใหเขาจากที่ไหนได เราคงจะเสียคําพูด
คราวนี้เอง ความจริงการที่เราพูดวา จะให
พระธาตุ ๒ องคนี้ มีคนรูไมถึง ๓ คน คนอื่น ๆ
เขาก็มาทําบุญโดยไมทราบ ไมไดหวังได
อะไรเลย แตเมื่อเราพูดไปแลวคงจะมีคน
ไดยินแคนั้น แตวาเราไมทําตาม เราก็จะเสีย
สัจจะ เรานี้แยมาก...แยจริง ๆ

ใจคิดรําพึงไป มือก็นับพระธาตุทวนอีก โดยใชปลายไมหมอ (ไมขัดฟนพระธุดงคกรรมฐาน)


เขี่ยพระธาตุ นับทีละ ๒ องค ๓ องค รวมเปนหาองค ประหลาดแท ปลายไมแตะพระธาตุองคหนึ่ง
ทานก็เคลื่อนตัวแยกออกจากกันเปน ๒ องค ครัง้ แรกแตกออกมา เหมือนกรวดที่ยังมีรอยบิ่นแหลมคม
อยูประเดี๋ยวรอยแตกบิ่นนั้นก็จะมนงามเปนประกายรุง บางองคที่มีลักษณะหนาสูงทานก็จะเคลื่อนตัว
เหมือนทับกันอยู แยกลงมาแบงเปน ๒ องคอีก ขาพเจาตกตะลึง แตะองคไหนก็เปนเชนนั้น
ตาเราคงฝาดไปแน

วลาเพิ่ง ๓ ทุม คนอื่น ๆ ยังดูโทรทัศนอยู ขาพเจาขยี้ตาใหมก็ยังเปนอีกวิ่งไปหองน้ํา ไปลางหนา


ลางตา ตาจะไดไมฟนเฝอ แตพอกลับมานับใหมก็ยังเปนอีก วิ่งขึ้นไปตามลูกสาวมาชวยกันดู
๘๑๖

ทานก็ยังแยกองคใหดูอยูเชนนั้น... ขาพเจาขนลกซู รูวาถึงอยางไรเราก็คงมีพระธาตุแจกพอแนนอน...


“ทาน” เมตตาเราแลว ไมใหเราเสียสัจจะแลว

พระธาตุเพิ่มมาในลักษณะนี้ในคืนนั้นถึง ๙๗ องค...เทากับวาเราพิศวงงงงวยกับการแยกตัว
ของทานถึง ๙๗ ครั้ง เมือ ่ นําความไปกราบเรียนครูบาอาจารย ถามวาใครมาชวยทานก็วา “ ทําบุญ
ทํากุศล ก็ตองมีผูชวยนั่นแหละ ” สมเด็จพระญาณสังวรถามวา “คุณสุรพ ี ันธุแยกพระธาตุปาฏิหาริย
ไปไวที่ไหน” กราบเรียนทานวา “ ไมทราบจะทําอยางไรก็เลยเคลากันไปหมด”
ทานบอกวา “ถูกแลว เพราะทั้งหมดเปนพระธาตุปาฏิหาริยทั้งนั้น” กฐินป ๒๕๒๑ นั้น มีกรรมการ
ถึง ๖๐๐ คน และเราก็มีพระธาตุแจกโดยตลอด จากนั้นมาจนปปจจุบันนี้ จึงเปนธรรมเนียมที่จะแจก
พระบรมสารีริกธาตุใหกับคณะกรรมการกฐินกลุมของเรา บางปก็ ๓ องคบางปก็ ๔ องค

ปนั้นเปนป ๒๕๒๔ เราจะทอดกฐินวัดปา


อุดมสมพร เพื่อหาปจจัยสมทบทุนสรางเจดีย
พิพิธภัณฑ ทานพระอาจารยฝน อาจาโร
เรากะกันวาจะแจกพระธาตุกรรมการ
คนละ ๔ องค กะประมาณวา คงตองการ
พระธาตุ ๖,๐๐๐ องค เพราะคิดวาคงจะมี
กรรมการประมาณ ๑,๕๐๐ คน ความจริง
ขาพเจามีพระธาตุอยูเพียง ๕,๐๐๐ กวาองค
แตก็เชื่อวาสุดทายคงพอ

เพื่อนคนหนึ่งชื่อ คุณปญจมา ผดุงชีวิต ผูมีบารมีทางพระธาตุอยูมาก เธอไดพระธาตุเสด็จมา


บอย ๆ ทราบขาววาทาทางพระธาตุจะไมพอแจกกรรมการ เธอก็จัดสงพระธาตุสําหรับแจกกรรมการ
คนละ ๔ องค จํานวน ๕๐๐ ซอง หรือเทากับพระธาตุ ๒,๐๐๐ องค
พระธาตุของคุณปญจมาจํานวน ๕๐๐ ซองมาถึง พอดีกับที่ขาพเจาบนออกมาดัง ๆ พอดีวา
“ แหม ! อยากใหกรรมการคนละ ๕ องคจัง ”
นั่นแหละพอหยิบซองพระธาตุขึ้นมา พระธาตุ ๔ องค กลายเปน๕ องค งงกันจนไมรูจะพูดอยางไร
หยิบสัก ๕-๖ ครั้ง จะเปลี่ยนเปน ๕ องค เกือบทุกครั้ง
ปากจะวา “ ๔ เปน ๕ ดูซี พระธาตุเพิ่มเดี๋ยวนี้ ” กี่คน ๆ มาชวยกันนับ ชวยกันดู ก็จะเห็นประจักษ
กับตาเชนนั้น บางคนก็วา “ ขนลุกไปหมดแลว ”

บางคนที่ไมรูจักพระธาตุ ไมเคยรูเรื่อง ไดยินขาว


ก็มาขอดู เห็นกับตาติด ๆ กัน ถึงกับบนวา “ โอย! หนู
กลัวจัง ” หลายเสียงบอกวา “ นี่ ๔ เปน ๕ อยูนี่ ”
นาน ๆ จะพบพระธาตุ ๔ องคยังเปน ๔ องค
เสียครั้งหนึ่ง ซึ่งก็แยกไวตางหาก เด็ก ๆ พูดกันสัน ้ ๆ
เพียงวา “นี่พวก ๔ เปน ๕ นี่พวก ๔ เปน ๔” และใน
กลุม ๔ องคยังคงเปน๔ องคนั้น บางคนหยิบขึ้นมาดู
ใหมครั้งที่ ๒ นี่ กลายเปน ๕ องค ใหเห็นกับตา
ก็มีอีกมาก เหมือนเลนกล พวกเราวากันอยาง
อัศจรรยใจ พระธาตุชุดที่คุณปญจมาใหมา ๕๐๐ ซอง
ซองละ ๔ องค กลายเปนซองละ ๕ องค ๔๐๐ กวา
ซองทีเดียว
๘๑๗

พระธาตุเสด็จ
ในป ๒๕๒๔ นั้นเอง เมื่อทอดกฐินที่วัดปาอุดมสมพรแลว เราก็ไปทอดผาปาที่วัดดอยธรรมเจดีย
คุณปญจมา ผดุงชีวิตเธอชางคิด วาวันนั้นวันที่ ๒๓ ตุลาคม วันเกิดของขาพเจา เธอจัดพระธาตุใสตลับ
มาใหขาพเจาถวายพระทําบุญวัดละ ๙ องค เธอเตรียมมาใหทุก ๆ วัด
พอถึงวัดดอยธรรมเจดีย กําลังถวายผาปา ทานพระอาจารยแบน ธนากโร คุณปญจมาก็จัดสงตลับ
พระธาตุซึ่งปดผนึกอยางดีมาให ขณะที่ทานอาจารยรับประเคนแลว มือถือตลับพระธาตุยังไมทันเปด
เราทุกคนก็เห็นแสงสีขาวลอยลงมาในมือของทานอีกสายหนึ่ง พอตกถึงมือของทานก็กลายเปนพระ
ธาตุสีขาว เสียงรองกันใหเซ็งแซวา พระธาตุเสด็จ ! พระธาตุเสด็จ ! คนหกรอยกวาคนฮือกันเขามารุม
ลอมรอบทานอาจารยเต็มไปหมด

เพื่อใหมั่นใจ บางคนก็ขอใหทานอาจารยนับพระธาตุในตลับดูเผื่อจะตกออกมาขางนอกบาง
ทานอาจารยบอกวา “อาตมาระวังอยู ยังไมไดเปดตลับเลย”ทานเองก็เห็นพระธาตุเสด็จลงมาเชนกัน
อยางไรก็ดี เมื่อทานอาจารยเปดตลับซึ่งมีสกอตเทปติดอยางแนนหนาออก ก็ปรากฏวาพระธาตุ
ในตลับยังคงมีจํานวน ๙ องคเชนเดิม สําหรับพระธาตุซึ่งเสด็จใหมเปนองคที่ ๑๐ นั้น มีลักษณะองค
ใหญยาว สีขาว คลายสีสงั ข ทานอาจารยแบนบอกพวกเราวา ทานไดยินเรื่องพระธาตุเสด็จอยูเสมอ
แตที่เห็นกับตานี่เพิ่งเปนครั้งแรก

พระบรมสารีริกธาตุแปรสภาพสวยสดงดงามมากขึ้น
ปกติพระบรมสารีริกธาตุมก ั จะมีขนาดตาง ๆ กัน และรูปพรรณสัณฐานแตกตางกัน เรารับรูวา
เราอดลําเอียงไมไดที่จะเชยชมองคที่มีลักษณะกลมหรือมนงามเปนเงาเลื่อม สวนจะใสเปนแกว
หรือขุน เหมือนมุก เราไมคอยพิถีพิถันนัก สวนองคที่มีลักษณะเหมือนหินแตกขุน ๆ เราก็จะไมคอย
สนใจบางทีก็คิดสงสัยวา พระบรมสารีริกธาตุ แปลกปลอมมาหรือไม และบางทีขาพเจาก็ตองเชิญ
ทานลงลอยน้ําพิสูจน พระบรมสารีริกธาตุขนาดเมล็ดพันธุผักกาดหรือถั่วแตกจะลอยบุมลงไปในน้ํา
มีรัศมีเปนประกายงามมาก และถาอยูหางกันทานจะวิ่งมารวมกันเปนแพเหมือนมีแมเหล็กดูดเสมอ
สวนใหญทานก็ผานการทดสอบของเรา
วันหนึ่งกําลังทดสอบก็มีพระบรมธาตุปรากฏขึ้น ๔ องคพรอมกัน และแปลกที่วาตามปกติพระธาตุ
ปาฏิหาริยมามักจะมีลักษณะงดงามเสมอ แตปาฏิหาริย ๔ องคครั้งนี้มีงามมากเพียงองคเดียว อีกองค
หนึ่งงามพอใชไดอีก ๒ องคเหมือนหินแตก
กําลังนึกสงสัย ก็มีเสียงสอนขึ้นวา “อยาดูแตความงามภายนอกพระบรมสารีริกธาตุเมตตาเสด็จมา
สอนธรรมแกเรา !”
แตอยางไรก็ดี สําหรับพระบรมธาตุที่จะแจกกรรมการกฐินนั้น ขาพเจาจะตองพิถีพิถัน ระวังไม
จัดอยางชนิดที่ปนเล็กหรือมีลักษณะเปนกรวดหินแตกมาก ๆ ใหไป ดวยเกรงวาผูไดรับจะรังเกียจ
๘๑๘

พระบรมสารีริกธาตุที่มีลักษณะที่เราไมกลาใหใครนี้ ตอนปแรก ๆ ขาพเจาจะหอใสกระดาษเล็ก ๆ


เขียนไววา “ใชไมได” และบอกจํานวนองคไวดวย เชนวาใชไมได ๔๘ องค ใชไมได ๓๔ องค เปนตน
คืนหนึ่งกําลังจัดโตะ หอพระธาตุที่เขียนวา ใชไมได ใชไมได ก็ตกลงมา หอกระดาษยับยูยี่
แสดงวาไมมีคนเอาใจใสมานานป เมื่อแกะหอออกดูปรากฏวาพระธาตุทุกองคงาม และเปลงประกาย
มีรัศมีสวางเรืองไปหมด และทุกหอก็เปนเชนนั้น จนขาพเจาอดนึกไมไดวา ไมเคยเห็นพระธาตุที่ไหน
สวยอยางนี้ ใจก็คิดวา ทานคงหมั่นไสเรา วาทานใชไมได ทานเลยสวยเสียจนนาประหลาดใจ
เห็นพระธาตุสวยก็คิดถึงพวกนอง ๆ ที่ที่ทํางาน ตอนเชาจึงนําหอพระธาตุเหลานั้นติดตัวไป
ที่ทํางาน วาจะเลาเรื่องอัศจรรยใหฟงและจะแบงพระธาตุใหทุกคนนําไปบูชา

นาประหลาดที่พอเปดหอเหลานั้น พระธาตุทกองคกลับเปลี่ยนสภาพจากที่เห็นเมื่อคืนหมด
กลับเปนเหมือนกรวดเล็ก ๆ แตกบิ่นหมดก็บนวา “ แลวจะแจกกันอยางไร ใครจะเชื่อวา เมื่อคืนทาน
เปลี่ยนเปนงาม มีประกายรุงสวยอยางนั้น ” นอง ๆ รําพันวา “ ทานคงไมอยากใหพวกหนูกระมัง ”
ขาพเจาวา “ พวกหนูก็ชวยงานกุศลทั้งนั้น ทําไมจะใหไมได เสียดายแตวา ทานกลับเปน ไมสวยอยางนี้
เด็ก ๆ ก็จะนึกวา พี่ไมเต็มใจให ” บนอยางนั้นแลว มองไปอีกทีหนึ่ง ทุกคนก็เห็น พระธาตุทุกองคสวย
เหมือนกันหมด บางคนก็วา “ ดีแลว ที่เห็นทานไมสวยเมื่อเชานี้ แลวกลับสวยตอนนี้ ถาสวยมาแตแรก
ก็ไมไดเห็นปาฏิหาริยนะซี ” ไดแจกกันไปเปนสิบ ๆ คนโดยใหตางคนตางเลือกเอา พอดีมีอีกคนหนึ่ง
อยูตางฝาย ไมทราบเรื่องมากอน ขาพเจาจึงเลาเรื่องใหฟง เธอดีใจที่จะไดพระธาตุปาฏิหาริย
แตพอเปดหอก็ตองรองอยางตกใจ เพราะพระธาตุกลับเปนหินแตกอีกครั้งหนึ่งแลว
เธอบนเสียใจวา “ ทานไมตองการใหผมนะครับ ” ขาพเจาไมทราบจะทําอยางไรก็พูดดัง ๆ อีก
“ แหมคุณ ชวยงานกุศลเราบอย ๆ ใหสวย ๆ ไดซค ี ะ ” ไมรูวาพูดกับใคร พูดทําไม แตมันก็หลุดปากไป
ซึ่งก็แปลกที่วา พระธาตุกลับงามอีกครั้งหนึ่ง ทําใหผูรับดีใจมากกวาไดเห็นปาฏิหาริยกับตา
พระอรหันตธาตุ
พระสาวกผูใหญซึ่งสมเด็จพระพุทธองคทรงสรรเสริญวามีคุณสมบัติเปนเลิศในดานตาง ๆมี ๘๐ องค
เรียกกันวา พระอสีติมหาสาวก เฉพาะพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะทรงยกยองเปนพิเศษเรียกพระ
อัครสาวก หรือ พระอัครมหาสาวก ทีม่ ีชื่อรูจักกันทั่วไป อาทิเชน
พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา เลิศทางปญญา อีกนามเรียก ธรรมเสนาบดีก็เรียก
พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซาย เลิศทางมีฤทธิ์มาก
พระสิวลี เลิศทางโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ
พระอัญญาโกณฑัญญะ ปฐมสาวก เลิศทางรัตตัญูภาพ คือรูราตรีนาน
พระอนุรุทธะ เลิศทางทิพยจักษุ
๘๑๙

พระกัจจายนะ เลิศทางแตกฉานในปฏิสัมภิทา
พระพิมพาเถรี เลิศทางผูระลึกในมหาอภิญญา ฝายภิกษุณี
พระภัททิยะ เลิศทางตระกูลสูง
พระอานนท เลิศทาง

๑. เปนพหูสต ู
๒. มีสติ
๓. มีคติ คือเปนผูฉลาด
๔. มีธิติ คือทรงจํา
๕. พุทธุปฏฐาก

พระกาฬุทายีเถระ เลิศทางยังตระกูลใหญใหเลื่อมใส
พระมหากปนะ เลิศทางสอนภิกษุ
พระกังขาเรวัตตะ เลิศทางเจริญฌาน
พระอุบลวรรณาเถรี ยอดแหงอัครสาวิกาผูมีฤทธิ์มาก
พระกุมารกัสสปะ เลิศทางกลาวธรรมอันวิจิตร เปนตน

ในเวลาสมเด็จพระพุทธองคทรงปรินิพพาน เวลาถวายเพลิงและเวลาทําปฐมสังคายนา มีชื่อ


พระมหาอสีติสาวกเหลืออยูเพียง ๕ องค คือ พระอนุรุทธะ พระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท
และพระอุปวาณะ องคอื่นคงจะนิพพานกอนพระพุทธเจา หรือชรามากและอยูไกลจนมารวมชุมนุมไมได
ตามตําราและตํานานอัฐิธาตุของพระสาวกไดแสดงรูปรางลักษณะพระธาตุขอทานไวตางกัน
แตไมครบทั้ง ๘๐ องค
พระธาตุพระโมคคัลลานะ

พระธาตุของพระโมคคัลลานนั้น เมื่อไดรับมามีผูบอกวาเปน
พระธาตุของพระโมคคัลลานะ ลักษณะเปนรอยราว เปนลายดังไขมุก
และราวเปนสายเลือด เราไมกลาคิดวาเปนพระธาตุพระโมคคัลลาน
จริงไดแตเรียกทานวาเปนพระธาตุพระโมคคัลลาน
วันหนึ่งเปดดู เห็นมีทองคําเปลวมาปดก็ประหลาดใจ อีกไมกี่วัน
ก็มีมาปดอีกจุดหนึ่ง ครั้งนี้เห็นทองคําเปลวกําลังปลิวพะเยิบพะยาบ
ติดไมสนิท ก็เลยปดผอบไวรอ ๒-๓ วันมาเปดดู ทองคําเปลวนั้นได
ติดเรียบรอย ตอมาเราจึงเรียก พระธาตุพระโมคคัลลาน กันอยาง
สนิทปาก แตสําหรับทองคําเปลวนั้นเวลานี้เมื่อมีผูมาขอชมบอย ๆ
ใชนิ้วลูบไลไปมา ทองคําเปลวเลื่อนไป ๑ จุดแลว
๘๒๐

พระธาตุพระสารีบุตร

มีผูนํามาใหเชนกัน เมื่อไดรับคําบอกวาเปนพระธาตุของพระสารีบุตร ผูเปนธรรมเสนาบดีเปน


พระอัตรสาวกเบื้องขวา จะเชื่อหรือไม สงสัยอยางไรเพื่อความปลอดภัย เราก็ตองเคารพกราบไหว
ไวกอน บนวา เอ....เรามีพระธาตุโมคคลาน พระธาตุสีวลีอยู เชิญใสตลับบูชา ตั้งอยูบนถวยเชิง
ชุบทอง ๒๔ เค อยูทั้ง ๒ องค ถาเปนพระธาตุพระสารีบุตรจริง ก็ควรเชิญทานบูชาในลักษณะเดียวกัน
คือตั้งอยูบนถวยเชิงชุบทองเชนกัน และความจริงโดยศักดิ์และฐานะ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
ทรงยกยองทานเปน พระอัครสาวกเบื้องขวาดวยซ้ํา แตเราก็มีถวยเชิงเพียง ๒ ใบเทานี้ ไดมาเมื่อไป
ญี่ปุน จะหาใหมก็ตองรอไปญี่ปุน ซึ่งไมทราบจะไดลักษณะและขนาดเดียวกันนี้ไหม สวนจะเชิญถวย
เชิงที่ตั้งพระธาตุสีวลีมาใหพระธาตุองคนี้ ก็รูสึกไมสบายใจ ไดถวายเปนที่ตั้งบูชาพระสีวลีไปแลว
จะขอมาเปลี่ยนใหพระสารีบุตรไดอยางไร ทําอยางไรจะหาถวยเชิงแบบนี้ไดอีกใบหนึ่ง อยางไรก็ดี
เพียงวันสองวันภายหลัง ขาพเจาสังเกตเห็นถวยเชิงขนาดและลักษณะเดียวกับที่ตั้งบูชาพระธาตุ
พระโมคคัลาน และพระธาตุสีวลีปรากฏขึ้นอีกใบหนึ่ง บนโตะบูชาหางๆ ที่ตั้งตลับพระธาตุที่เรา
เอยถึง ทานวา เปนพระธาตุสารีบุตร ถวยนั้นเปนสีทองสุกปลั่ง พลิกดูเบื้องใตก็เปนตัวอักษรเขียน
ไวชัดเจน วา “ ๒๔ K-GP ” อันมีความหมายวา ๒๔ K Gold Plated หรือเคลือบชุบดวยทอง ๒๔
กระรัตใหมเอี่ยมและงามมาก

พระธาตุพระอานนท

หลังจากนั้น ที่เกิดเหตุการณเรื่องอัฐิธาตุหลวงปู
พระมหาบุญมี สิริธโร มากลายเปนพระธาตุในมือของ
ขาพเจา เมือ่ ปลายเดือนมิถูนายน ๒๕๓๕
ดังที่ขาพเจาบันทึกเลารายละเอียด ตอไปในตอนที่
วาดวยพระธาตุขององคหลวงปูพระมหาบุญมี สิรธ ิ โร
ในภายหลังไดมีผูมาขอชมพระธาตุของหลวงปูกันมาก
โดยเฉพาะบรรดาศิษยซึ่งมีทั้งบรรพชิตและฆราวาส
เห็นลักษณะพระธาตุของหลวงปูซึ่งกลมใสเหมือนแกว
ขนาดประมาณเทาไขปลา

ทานอาจารยรูปหนึ่งก็ออกปากวา เหมือนพระธาตุที่ทานไดมา สัณฐานกลมใสเหมือนแกว


ขนาดเทาไขปลาเชนนี้แหละ ทานถวายใหลหลวงปูอาจารยของทาน ( ผูมีญาณพิเศษ ) พิจารณา
หลวงปูอาจารยของทานบอกวา เปนพระธาตุของพระอานนท เมื่อทานทราบวา ขาพเจายังไมเคย
มีพระธาตุพระอานนทไวบูชา ทานก็เมตตาแบงใหขาพเจาจํานวนหนึ่ง ลักษณะของพระธาตุ
๘๒๑

พระอานนทตามตําราโบราณจารยวาไววา มีสณ ั ฐานดังใบบัวเผื่อน มีวรรณะดําดังน้ํารักอยางหนึ่ง


สีขาวสะอาดดังสีเงินอยางหนึ่ง ไมตรงกันกับขาพเจาเพิ่งไดรับมา แตตําราทานไดกลาวตอไปวา
รูปตัวอยางในตํารานี้เปนแคอุทราหรณเทานั้น ดังนั้นตามเคยอยางที่ขาพเจาเคยกระทําก็คือ
เมื่อไมแนใจวาเปนพระธาตุพระอานนทจริง ก็ไดแตเอยถึงทานแตเพียงวา ทานวาเปนพระธาตุของ
พระอานนท ชมกันไป ชี้ชวนกันดูวาลักษณะของทานกลมใส เสด็จวิ่งไปมาอยางรวดเร็ว เปนพระธาตุ
นั้นนั่นแหละ แตจะเปนของทานพระอานนทหรือไมก็ไมทราบ กําลังชี้กันอยู ทานก็เพิม ่ จํานวนมากขึ้น
และปรากฏพระธาตุบางองคใหญขึ้น องคหนึ่งมีสัณฐานเปนเหลี่ยมยาว แตทุกองคยังคงใสเหมือนแกว

พระธาตุพระสีวลี

เพิ่งมีผูนํามาฝากไวใหเมื่อตนป ๒๕๒๘ นี้เอง ลักษณะมีสัณฐานดังผลยอปา สีพิกุลแหง


ขางบนนั้น คือ ขอความที่ขาพเจาเขียนไวเมื่อพิมพ “ มาตราบูชา ” ในเดือนกรฎาคม ๒๕๒๘ สัน ้ ๆ
เพียงแคนั้นเอง เพราะยังไมทันรูจักกิตติศัพทเกี่ยวกับทานมากอนเลย พอหนังสืออกไปแลว ก็มีผูนํา
พระธาตุพระสีวลีมาใหอีก ๒ ทานๆ ละหนึ่งองค กําชับกําชานักวา ใหบูชาใหดี ดวยทานนั้นเปนเลิศ
ทางโชคลาภและความอุดมสมบูรณ ขาพเจาก็หาทานขึ้นบูชาไวในตลับเดียวกัน พระสีวลี เปนพระ
มหาอสีติสาวกสําคัญที่สุดองคหนึ่ง ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาทรงสรรเสริญวาเปน เอตะทัคคะ
มีบารมีสูงยิ่งทางลาภสักการพระธาตุของทานตามตําราพระธาตุตนฉบับ เดิมที่โบราณาจารยเรียบเรียง
กลาววา “ มีสัณฐานดังเมล็ดในพุทราอยางหนึ่ง ผลยออยางหนึ่ง เมล็ดมะละกออยางหนึ่ง วรรณะดังสี
หมอใหมบาง สีพิกุลแหงบาง เหลืองดังหวายตะตาบาง และขาวดังสีสังขบาง ” เชื่อกันวาหากบูชา
พระธาตุสีวลีเสมอ จะเจริญดวยลาภสักการะ ทรัพยศฤงภารไหลมาเทมา คิดอะไรในทางสุจริตดีงาม
จะมีผลฉับพลันทันตา มีคนรักมาก ศัตรูหมูรายและภัยอันตรายทั้งปวงไมพองพานไดเลย เฉพาะผู
บําเพ็ญทานบารมี รักษาศีล ภาวนา จักมีผลเร็วขึ้น ตอนตนป ๒๕๓๖ เพื่อนคนหนึ่งซึ่ง ขาพเจารัก
ดังนองสนิท เธอจะทอดผาปา หาปจจัยเพื่อสรางศาลาวัดปาขัวสูง หรือวัดถ้ําพระผาปอง เธอวาเธอ
จะเกษียณอายุเดือนกันยายนที่จะถึง จึงอยากจะทําบุญ “ สงทาย ” ชีวิตการทํางานหนอย
ก็มีการประกาศเชิญชวนกันไปเปนแผนปลิวเล็กๆ มิไดสะดุดตาอะไร อยางที่พวกเราเคยทํา
เปนแผนพับพิมพ ๔ สี อาบมัน ตอนทอดกฐินกัน สวนผาปานั้น จะทอดตรงกับวันมาฆบูชา จึงกําหนด
เปนผาปา ๑,๒๕๐ กอง ใชตัวเลข ๑,๒๕๐ ใหตรงกับสัญลักษณพระอรหันตที่เปน เอหิภิกขุ ที่สมเด็จ
พระพุทธเจาทรงบวชใหเอง จํานวน ๑,๒๕๐ รูปมาเฝาเสด็จพระพุทธองค ในวัพระจันทรเสวย
มาฆฤกษโดยมิไดนัดหมาย ผูที่จะรวมทอดผาปาบริจาคไดตามศรัทธา หากจะตองจัดเปนกองๆ
ซึ่งนิยมกันมาก ในการทอดผาปา ก็ขอใหบริจาคกองละ ๕๐๐ บาท ถามีผูทําบุญครบ ๑,๒๕๐ กอง
ก็คงไดปจจัยราว ๖๐๐,๐๐๐ บาท ถาไมครบ ๑,๒๕๐ กอง ก็ไมเปนไร เราทํากันแบบนี้ตามมีตามได
เธอผูเปนประธาน ในการจะทอดผาปาครั้งนี้ มาปรึกษาขาพเจา ซึ่งเธออุปโลกนใหเปนที่
ปรึกษา วารูส  ึกจะไมคอยมีการตอบสนองเทาไร และสวนใหญก็มักจะมีโทรศัพทมาถามวา จะแจก
พระบรมสารีริกธาตุอีกใชไหม ขาพเจาตอบเธอไปวา เวลานี้เราเพิ่งจะบอกไป คนสวนใหญมักจะ
ทําบุญตอนใกลๆ กําหนดทอดผาปา ใหรอไปกอน สําหรับเรือ ่ งการแจกพระบรมสารีริกธาตุนั้น
๘๒๒

ขาพเจาคิดวาไมใชกฐินก็ไมอยากแจก และอีกอยางหนึ่ง กฐินของพวกเราแจกพระบรมสารีริกธาตุ


มานาน ๑๕ -๑๖ ปไมเบื่อกันบางหรือ เพื่อนเธออุบอิบวา ไมเบื่อ มีแตคนอยากไดไวบูชาเพิ่มขึ้น
ทั้งนั้น หลายๆคน ลวนมีประสบการณอันชวนใหเลื่อมใสศรัทธากันมาก ขาพเจายังยืนยันหลักการวา
ถาไมใชกฐินก็ไมอยากแจกพระบรมสารีริกธาตุ เพือ่ นทิ้งการบานไวใหขาพเจาคิดวา ควรจะนําอะไรมา
แจก กรรมการไดรับของแจกกันจนคุนเคยแลว พอไมมีอะไรใหก็อดนึกวาขาด... ขาดอะไรไปไมได
พอดีระยะนั้นทานพระอาจารย มอบพระธาตุสีวลีใหขาพเจาถุงหนึ่ง แตละองคขนาดเทาปลายนิ้วกอย
เปนจํานวนมากเหมือนกัน แตก็ไมเคยนับพระธาตุสวี ลี ( ถามีพอ ) ลองนับดู พอครบรอยหนึ่ง ก็ใสถุง
หนึ่ง ไดทั้งหมด ๔ ถุง หรือ ๔๐๐ องค เอ...ถาจะแจกคงไมพอ โทรไปปรึกษานองๆ ที่การไฟฟา
แตละคนก็วา “ ของเรามีนอย ควรแจกเฉพาะผูที่อยากไดไวบูชา หรือผูที่ทําบุญ ๓ กอง ได ๑ องค
พระสีวลีหายาก คนคงอยากไดบูชาดอกคะ ขาพเจาก็คานวาไมควร...เทากับไปบีบบังคับใหเขาตอง
ทําบุญมากกวาที่เขาตองการ
ตอนบาย มองดูอาวขึ้นเปน ๖ ถุงๆ ละ ๑๐๐ องค
เปน ๖๐๐ องคแลว โทรไปหานองๆ อีก เธอก็วา
กันวาดีแลวคะ พระธาตุมาอีก ๒๐๐ องค ก็ใหคน
ทําบุญ ๒ กอง ตอ ๑ องค ขาพเจายังไมเห็นดวย
บนวา “ แหม แตพี่อยากใหคนทําบุญกองละหนึ่ง
องคจัง ” รุงขึ้นเชา พระธาตุกลายเปฯ ๗ ถุง
แลวเปน ๘ ถุง และยุติลงที ๙ ถุง ๙๐๐ องค
ระยะนั้น ขาพเจาใจชื้นแลว คิดวาอยางไรคง
พอแนถาทานปฏิหาริยมาแบบนี้ คงถึง ๑,๒๐๐ องค
โดยไมยาก จึงเตรียมการนัดหมายสงพระธาตุ

พระสีวลีไปใหนองๆ ทางการไฟฟาฯ จัดใสซองและเขียนคําบรรยายคุณลักษณะของพระสีวลีมอบ


ไปดวย เพื่อจะไดพิมพแนบกับซองพระธาตุ เตรียมแจกกรรมการผาปา เชื่อแนวาจะมีพอแจกแน
จึงเริ่มเกริ่นบอกเพื่อนฝูงวา “ ถาหากตองการ เราก็จะมีพระธาตุพระสีวลีใหไวบูชาดวย ” รุงขึ้นอีก
วันหนึ่ง หยิบพระธาตุที่เหลือ ๓๐๐ องค ขึ้นมาดู เอ...ที่วาขนาดเทาปลายนิ้วกอย ดูเหมือนองคทาน
จะโตขึ้นจนเห็นไดชัดทั้ง ๓๐๐ องค เพื่อพิสูจนวานัยนตามิไดลวงเรา จึงโทรขอใหทางการไฟฟาฯ
สงพระสีวลีรน ุ ที่สงไปจัดใสซอง ๖๐๐ องคนั้น กลับมาใหเราดูสัก ๒๐๐ องค ครั้นนําทานมาเทียบ
เคียงกัน ก็เห็นไดถนัดตาวา พระธาตุที่ยังอยูบานลาดพราว ๓๐๐ องคนั้น โตกวาที่รุนที่สงไป
การไฟฟาฯ เกือบเทาตัว... พอรูขาวใครๆ ก็จองมาขอทําบุญและรับพระธาตุที่บานลาดพราวจนเรา
จัดใสซองและพิมพใบคําบรรยายคุณลักษณะของทานแนบไปดวยแทบไมทัน บางรายแวะเขามา
ทําบุญผาปาเมื่อตอนเชา ๒ กอง กลางวันกลับมาใหมขออีก ๑๐ กอง ตกเย็นยอนกลับมาอีก
จึงถามวา ลืมอะไรหรือคะ ทานบอกวามิได ผมจะมาทําบุญเพิ่มอีก ๒๐ กอง บางรายเขามา
ทําบุญ ๑ กอง ตอนค่ํามาขอทําบุญอีก ๕๐ กอง รายหนึ่งขอทําบุญ ๑๐๐ กอง คนเดียว
จํานวนเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว จนเราตกใจ และแนละ ทุกคนขอรับพระธาตุพระสีวลีไป บูชาทั้งนั้น
ไดความวาหลายทานเกิดโชคลาภทันตาเห็น ทานหนึ่งเลาวา เขาหุนกับเพื่อนทําสนามกอลฟ
ชวยกันบอกขายสมาชิกสนามกอลฟตั้งนานไมสําเร็จ พอทําบุญแลวกลับไปขาย Membershipได
ถึง ๓ ราย “ รายละสามแสนหาครับ ” ทานคุยไดอยางปลาบปลิ้ม ไดถึง ๓ ราย
เรานั่งฟง แลวนึกคูณตัวเลข ออกเห็นใจที่ทานผูนี้มาขอทําบุญเที่ยวเดียว ๑๐๐ กอง ผมจะนํา
พระธาตุไปเก็บไวบูชาทั้งหมดเลย ขาพเจาตองเปนภาระที่จะคอยชี้แจงวัตถุประสงคอันแทจริงของ
การทําบุญ ที่ไมควรยึดกับสิ่งเหลานี้ อันเปนอามิส ระหวางที่พระธาตุกําลังจะไมพอแจก เพราะคนมา
ทําบุญอยางคับคั่ง และภายในเวลาไมกี่วัน ก็พอดีมีทานอาจารยทานหนึ่ง ทานแวะมาหาบอกวา
“ ไดขาววาคณะของเราจะไปทอดผาปา และคุณหญิงคิดจะแจกพระธาตุพระสีวลี แตกําลังจะ
ไมพอแจก ” ทานบอกวา “ การทอดผาครั้งนี้ใหกุศลยิ่งใหญมาก ทานมีพระธาตุสีวลีอยูจํานวนหนึ่ง
จึงไดนํามาจะมอบให ” ขาพเจาจึงกราบขอบพระคุณ
๘๒๓

เมื่อทานหยิบถุงที่ทานวา เปนถุงบรรจุพระธาตุพระสีวลีขึ้นมา พรอมทั้งเทสิ่งที่บรรจุอยูภายใน


ออกมาใหเห็น ขาพเจาแทบกลั้นลมหายใจ นั่นหรือพระธาตุพระสีวลี...! ขนาดโตกวาเมล็ดถั่วเขียว
เล็กนอย แตทั้งดําคล้ํา และขอประทานโทษที่จําตองกลาว “ เหมือนไปคลุกดินโคลนมา...! ” ทานคง
เห็นเราหนาเสีย ทานจึงอธิบายวา “ นี่เปนพระสีวลีเหมือนกัน และเราจะตองเชิญทานสรงน้ํากอน ”
ทานนําใหขาพเจาจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กลาวคําขอขมาและใหอธิฐานขอใหรูปลักษณะของ
พระธาตุปรากฏใหเห็นชัดหลังสรงน้ําแลว ทานใหเราคอยๆ รินออกแลวนําไปเทที่โคนตนไมใหญ
เราสรงน้ําพระธาตุขึ้นมาไดมากพอดู
คอยยังชั่วหนอย...ทานคอยขาวขึ้นบาง แตขนาดองคก็ยังไมคอยโตขึ้นเทาไร และเริ่มมี
ลักษณะสัณฐานดังเมล็ดในพุทรา หรือผลยอ หรือเมล็ดมะละกอชัดขึ้นบาง แตเอ...ดูไปดูมา
รูสึกวาขนาดองคทานจะโตขึ้น ทานพระอาจารยบอกวา “ พระธาตุสีวลีจะโตขึ้นไดเสมอ ” น้ําสุดทาย
เราไมกลาเททิ้ง เพราะทานวายังมีพระธาตุอีกมากมาย “ เปนผงปนอยางนี้นะหรือเจาคะ ”
เราถามดวยสีหนาอันรูสึกเหลือเชื่อ ทานพยักหนารับ
ทานจัดแจงเสร็จสรรพแลว ก็บอกลาเรากลับไป
จะอยางไรก็ตาม พระธาตุนี้เราเห็นเมื่อคืนวานนี้
ขนาดใกลเคียงกับเมล็ดถั่วเขียว และเมื่อสรงน้ําแลว
ดูจะโตขึ้นมาสักหนอยนั้น ตกถึงตอนเชาวันรุงขึ้นมี
ขนาดและสัณฐานอยางที่เราแทบไมเชื่อสายตา
ตัวเอง ทานขาวขึ้นและมีขนาดเทาปลายนิ้วนาง
เกือบทุกองค สําหรับน้ําสรงสุดทาย ที่เราไมกลา
เททิ้ง ก็เลยเอาไปวางไวที่หนาโตะหมูบูชานั่นเอง
อีกสามวันสี่วน
ั ภายหลัง ทานอาจารยอีกรูปหนึ่ง
มาพักที่เรือนไทย ทานเดินดูความเรียบรอยที่หนา
โตะหมูบูชา แลวก็ออกปากถามวา “ คุณหญิงเอา
อะไรมาวางไวที่หนาโตะนี่ ” ขาพเจาตกใจเกรงทาน
จะวาเราไมดูแลที่บูชาพระใหสะอาดเรียบรอย
จึงรีบเรียนทานวา “ ออ น้ําสรงพระธาตุนะเจาคะ วางไวหลายวันแลว ประเดี๋ยวจะนําไปเททิ้ง”
ทานวา “ คุณจะเทพระธาตุทิ้งหรือ ” ขาพเจาอุทานอยางไมเชื่อหูตัวเอง ทานก็วา “ คุณหญิงมาดูเองซิ
พระธาตุเต็มเชียว....! แลวคุณจะเททานทิ้งหรือ...! ” ขาพเจาเห็นดวยความอัศจรรยใจวา น้ําสีคล้ําที่
เราทิ้งไวเต็มอางแกว เมื่อสามสี่วันกอนนั้น บัดนี้แหงสนิท และมีพระธาตุสัณฐษนดั่งเมล็ดในพุทธา
และผลยอปาเต็มเกือบครึ่งอางแกว ขาพเจาเลือกเก็บพระธาตุขนาดใหญออกมากอน ทันใหพวกเพื่อน
ฝูงที่พอทราบขาวก็รีบมาทําบุญกันยกใหญ สําหรับองคเล็กๆ คงทิ้งไวกอน และเมื่อชี้ชวนใหกันดู
ทานจะขยายองคใหญขึ้น สัณฐานเดิมที่กลมธรรมดาก็เกิดปุมปมขยายขึ้น ใหมีลักษณะคลายผลยอปา
อยางวาเห็นกันจะจะอยางนั้น...! ระยะนั้นจึงคลายกับวาบานเรือนไทยลาดพราว มีมหกรรมดูพระธาตุกัน
ดูความเปลี่ยนแปลงของทานเพิ่มขึ้น รุนนี้เราเรียกวาพระธาตุสีวลีจากน้ําสรงพระธาตุ บางคณะเสร็จ
จากงานก็นัดมาพบกันเพื่อคอยดู “ ปฏิหาริย ” ของทาน บางมาจากชานเมือง บางมาจากตางจังหวัด
บางก็เลาประสบการณทไี่ ดรับจากที่ขาพเจาตักพระธาตุแบบ “ ผงปน ” ไปใหละชอน ตางเลา
ประสบการณของแตละคนสูกันฟง บางวันก็อยูจนถึงหาทุมสองยาม ไมนาเชื่อผาปาเรากจะไดราว
๑,๒๕๐ กอง กลายเปน ๖,๐๐๐ กวากอง และเราก็มีพระธาตุแจกอยางเพียงพอ
๘๒๔

พระอาจารยมั่นอัฐิกลายเปนพระธาตุ

ทานพระอาจารยมั่น ภูริทัตตมหาเถระ เปนพระอาจารยใหญฝายวิปสสนากรรมฐานแหงอีสาน


ซึ่งเปนที่เคารพสักการะอยางสูงของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ทานไดมรณภาพไปตั้งแตเดือน
พฤศจิกายน ๒๔๙๒ แตหลังจากการถวายเพลิงศพ ซึ่งมีขึ้นในเดือนเมษายน ๒๔๙๓ ไมนานก็ปรากฏวา
อัฐิของทานไดกลายเปนพระธาตุ มีลักษณะดังที่ทานผูรูบรรยายไววา เปนลักษณะพระธาตุของพระ
อรหันตสาวก ทําใหพุทธศาสนิกชนในไทยเรามีความปติชื่นชมโสมนัสเพราะเชื่อไดวาพระอรหันตนั้น
มิไดวางเวนจากแผนดินไทย
ความที่คิดกันวาพระอรหันตในยุคนี้สมัยนี้ไมมีอีกแลวนั้นไมเปนความจริง จริงแทดังที่สมเด็จ
พระบรมศาสดาเคยมีพุทธดํารัสไววา หากปฏิบัติจริง ทําจริงการสําเร็จอรหัตผลยอมเปนไปได
ศิษยของทานหลายตอหลายองค ที่บําเพ็ญเพียรภาวนารับการอบรมจากทาน มีความเคารพรัก
เลื่อมใส สืบตอระเบียบปฏิบัติและปฏิปทาของทานอยางเครงครัด เมื่อมีชีวิตอยูเปนที่เคารพสักการะเปน
ที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนชาวไทยโดยทั่วไป และเมื่อมรณภาพแลว อัฐิของทานเหลานั้นก็ไดแปร
สภาพไปเปนพระธาตุเฉกเชนอัฐิธาตุขององคบูรพาจารยของทานเชนเดียวกัน

สําหรับเรื่องอัฐิทานพระอาจารยมั่นกลายเปนพระธาตุปรากฏเปนที่ทราบแพรหลายครั้งแรกนั้น ขาพเจา
ใครขออัญเชิญขอความจากหนังสือ “ประวัติทานอาจารยมั่น ภูริทัตตมหาเถระ” ซึ่งทานพระอาจารย
มหาบัว ญาณสัมปนโน ไดเขียนไว เฉพาะตอนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาลงไว ดวยความเคารพอยางสูงสุด
ดังนี้
จนกาลลวงไปแลว ๔ ป คุณวัน คมนามูล เจาของรานศิริผลพานิช และโรงแรมสุทธิผล จังหวัด
นครราชสีมา ไปถวายผาปาที่จังหวัดสกลนคร ไดรับแจกอัฐิสวนบนของทานอาจารยมั่นชิ้นหนึ่ง จากเจา
อาวาสวัดปาสุทธาวาส ซึง่ เปนวัดที่ทานอาจารยมรณภาพ กลับมาถึงบานไดเชิญอัฐิชิ้นนั้นรวมลงในผอบ
อันเดียวกันกับที่บรรจุอัฐิทานอาจารยอยูแลว ตั้งแตสมัยไดรับแจกมาจากงานศพทาน
พอเปดผอบออกเทานั้น สิ่งที่ไมเคยคาดฝนก็ปรากฏขึ้นในผอบนั้น คืออัฐิชุดแรกที่ไดรับแจกไป
จากงานศพทานไดกลายเปนพระธาตุเสียหมด เจาของเกิดความอัศจรรยจนตัวแทบลอย
เมื่อเห็นเหตุการณเชนนั้นจึงใหคนรีบไปดูอัฐิสวนที่เก็บไวที่โรงแรมสุทธิผลอีก ที่นั่นก็กลายเปน
พระธาตุเชนกันอีก รวมทั้งสองแหงจึงเปนพระธาตุ ๓๔๔ องค
ยังเหลือติดผอบอยูบางเปนผง ๆ เล็กนอย ตอมาไมนานนักจํานวนผงนั้นก็ไดกลายเปนพระธาตุ
เสียจนหมดอีก จึงรวมเปนพระธาตุจากอัฐิของทานพระอาจารยมั่น ๓๔๔ องค นี้เปนรายแรกที่ปรากฏ
ความอัศจรรยจากอัฐิกลายเปนพระธาตุ
๘๒๕

จากนั้นเรื่องก็เลาลือไปทุกหนทุกแหง ผูคนทราบถึงไหนก็
มาขอพระธาตุกับคุณวันไปสักการะบูชากันถึงนั่น
คุณวันเองก็เปนคนมีนิสัยใจบุญอยูแลว จึงเห็นใจทานที่มาขอ
และแจกกันไปคนละเล็กละนอยคือคนละ ๑ องคบาง ๒-๓ องคบาง
พระธาตุทานอาจารยมั่นยังเปนที่นาแปลกและอัศจรรยอยู
หลายอยางคือ พระธาตุ ๔ องค เจาของอธิษฐานขอใหเปน ๓ องค
เพื่อใหครบรัตนะ คือ พุทธ ธรรม สงฆก็กลายเปน ๓ องคไดจริง ๆ
ผูมีอยู ๒ องค อธิษฐานขอใหเปน ๓ องค เชน ที่คนอื่นเขาเปน
แตกลับรวมเปนองคเดียวก็มีเจาของเสียใจมาก มาเลาใหผูเขียน ฟง
และขอคําขีแ ้ จง

พระอาจารยมหาบัว ญาณสัมปน

ผูเขียนไดอธิบายใหทราบบางวา พระธาตุทานอาจารยมั่นกลายเปน ๓ องคกด ็ ี กลายเปนองคเดียวก็ดี
หรือยังมิไดกลายเปนพระธาตุเลยก็ดี ทั้งนี้ก็คืออัฐิธาตุที่ออกจากองคทานอันเดียวกัน จึงไมควรเสียใจ
การที่พระธาตุ ๒ องคกลับมาเปนองคเดียวก็ยังเปนอภินิหารของทานอยูแลว เราจะหาความ
อัศจรรยจากอะไรอีก แมผมที่ทานปลงออก มีผูเก็บไวบูชาในที่ตาง ๆ ก็กลายเปนพระธาตุได
เชนเดียวกับอัฐิ ซึ่งมีอยูหลายแหง ที่เปนดังนี้เขาใจวา อัฐิหรือผม ทานที่เก็บไวนาน ๆ ไปอาจจะ
กลายเปนพระธาตุไปตาม ๆ กันดังอัฐิทานที่คอย ๆ กลายเปนพระธาตุมาเปนลําดับนี้แล

คลายขอสงสั
 ย
นอกจากทานพระอาจารยมหาบัว จะไดกรุณาเลาเรื่องอัฐิทานพระอาจารยมั่นกลายเปนพระธาตุ
ดังกลาวขางตนแลว ทานยังไดอธิบายเหตุผลดวย ถึงขอที่มีคนสงสัยกันมากวา อัฐิของพระอรหันตกด ็ ี
ของสามัญชนก็ดี ตางก็เปนธาตุดินชนิดเดียวกัน สวนอัฐิของสามัญชน ทําไมจึงกลายเปน พระธาตุ
ไมไดเฉพาะอัฐิของพระอรหันตทําไมจึงกลายเปนพระธาตุได ทั้งสองนี้มีความแปลกตางกันอยางไรบาง
ในประเด็นนี้ พระอาจารยมหาบัว ไดเขียนไวในหนังสือเลมเดียวกันนั้นวา
ก็ไดอธิบายใหฟงเทาที่สามารถ แตเพียงโดยยอวา เรื่องเชนนี้ ปญหาสวนใหญขึ้นอยูกับใจ
เปนสําคัญคําวา จิต แมเปน จิต เชนเดียวกัน แตมีอํานาจและคุณสมบัติตางกันอยูมาก คือจิตของ
พระอรหันตทานเปน อริยจิต เปนจิตที่บริสุทธิ์ สวนจิตสามัญชนเปนเพียง สามัญจิต เปนจิตที่มีกิเลส
โสมมตาง ๆ เมื่อจิตผูเปนเจาของเขาครองอยูในรางใด และจิตเปนจิตประเภทใด รางนั้นอาจกลายไป
ตามสภาพของจิตผูเปนใหญพาใหเปนไป เชน จิตพระอรหันตเปนจิตที่บริสุทธิ์อาจมีอํานาจซักฟอกธาตุ
ขันธใหเปนธาตุที่บริสุทธิ์ไปตามสวนของตน อัฐิทานจึงกลายเปนพระธาตุได
แตอัฐิของสามัญชนทั่ว ๆ ไปแมจะเปนธาตุดินเชนเดียวกัน แตจิตผูเปนเจาของเต็มไปดวยกิเลส
และไมมีอํานาจซักฟอกธาตุขันธใหเปนของบริสุทธิ์ได อัฐิจึงกลายเปนธาตุขันธที่บริสุทธิ์ไมได จําตอง
เปนสามัญธาตุไปตามจิตของคนมีกิเลสอยูโดยดี หรือจะเรียกไปตามภูมิของจิตภูมิของธาตุวา อริยจิต
อริยธาตุ และ สามัญจิต สามัญธาตุ ก็คงไมผิด เพราะคุณสมบัติของจิตของธาตุระหวางพระอรหันต
กับสามัญชนตางกัน อัฐิจําตองตางกันอยูโดยดี
ผูสําเร็จเปนพระอรหันตขึ้นมานั้น ทุกองคเวลานิพพานและอัฐิตองกลายเปนพระธาตุดว ยกันทั้งสิ้น
ดังนี้ ขอนี้ผูเขียนยังไมแนใจวาจะเปนไปไดอยางนั้นทุก ๆ องคเฉพาะจิตทานที่สําเร็จพระอรหันตภูมิเปน
จิตที่บริสุทธิ์เต็มภูมินับแตขณะที่สําเร็จ สวนรางกายที่เกี่ยวโยงไปถึงอัฐิเวลาถูกเผาแลวจะกลายเปน
พระธาตุไดเชนเดียวกันทุกองคหรือไม ยังเปนปญหาอยูทั้งระหวางกาลเวลาที่บรรลุถึงวันทานนิพพาน
มีเวลาสั้นยาวตางกัน
๘๒๖

องคที่บรรลุแลวมีเวลาทรงขันธอยูนาน เวลานิพพานแลวอัฐิยอมมีทางกลายเปนพระธาตุไดโดย
ไมมีปญหา เพราะระยะเวลาที่ทรงขันธอยู จิตที่บริสุทธิ์ยอมทรงขันธเชนเดียวกัน ความสืบตอแหงชีวิต
ดวยการทํางานของระบบตาง ๆ ภายในรางกาย มีลมหายใจเปนตน และมีการเขาสมาบัติอยูเปนประจํา
อิริยาบถซึ่งเปนการซักฟอกธาตุขันธใหบริสุทธิ์ไปตามสวนของตนโดยลําดับดวยในขณะเดียวกัน
เวลานิพพานแลว อัฐิจึงกลายเปนพระธาตุดังที่เห็น ๆ กันอยู
สวนองคที่บรรลุแลวมิไดทรงขันธอยูนานเทาที่ควร แลวนิพพานไปเสียนั้น อัฐิทานจะกลายเปน
พระธาตุไดเหมือนพระอรหันตทั้งหลายที่มีโอกาสอยูนานหรือไม เปนความไมสนิทใจ เพราะจิตไมมี
เวลาอยูกับธาตุขันธนาน และมิไดซักฟอกดวยสมาธิสมาบัติดังกลาวมา
ทานที่รูไดชา คอยเปนคอยไป เชน บําเพ็ญไปถึงขั้นอนาคตมีผลแลวติดอยูนานจนกวาจะกาวขึ้น
ขั้นอรหัตภูมิได คือตองพิจารณาทองเที่ยวไปมาอยูในระหวางอรหัตมรรคกับอรหัตผลจนกวาจิต
จะชํานิชํานาญ และมีกําลังเต็มที่จึงผานไปได ในขณะที่กําลังพิจารณาอยูในขั้นอรหัตมรรคเพื่อ
อรหัตผล ก็เปนอุบายวิธีซักฟอกธาตุขันธไปในตัวดวย เวลานิพพานแลว อัฐิอาจกลายเปนพระธาตุได
สวนทานที่เปนขิปปาภิญญาคือรูไดเร็วแลวนิพพานไปเร็วหลังจากบรรลุแลว ทานเหลานี้ไมแนใจวา
อัฐิจะกลายเปนพระธาตุไดหรือประการใด เพราะจิตที่บริสุทธิ์ไมมีเวลาทรงและซักฟอกธาตุขันธอยูนาน
เทาที่ควร สวนสามัญจิตของสามัญชนทั่ว ๆ ไปนั้น ไมอยูในขายที่อัฐิจะควรแปรเปนพระธาตุไดดวย
กรณีใด ๆ
๘๒๗

ใหเห็นเปนอัศจรรย
สําหรับความอัศจรรยที่พระธาตุทานพระอาจารยมั่นแสดงใหปรากฏแกศิษยานุศิษยผูเคารพรัก
เลื่อมใสบูชาในคุณธรรมของทานนั้น ทานพระอาจารยมหาบัวไดยกมากลาวเปนตัวอยางในหนังสือ
ประวัติของทาน แตเพียงบางราย ซึ่งจะขออัญเชิญมาในที่นี้ดังนี้
เฉพาะองคทานพระอาจารยมั่น นอกจากอัฐิกลายเปนพระธาตุใหเห็นอยางประจักษแลว พระธาตุ
ยังแสดงความอัศจรรยใหเห็นหลายอยาง ดังที่เขียนผานมาบางแลววา ผูมีพระธาตุสององค อธิษฐาน
ขอใหเปนสามองคก็เปนสามองคได ผูมีสององคอธิษฐานขอใหเปนสามองค แตกลับเปนองคเดียวก็ได
ซึ่งไมนาจะเปนไปไดเลย แตไดเปนไปเสียแลว ผูไดมาสององคจากทานผูมีเมตตาจิตมอบให พอตก
เย็นมาเปดดูกลับเปนสามองคก็ได รายนี้เปนความแปลก เพราะชั่วระยะเวลาเชาไปถึงเย็นเทานั้นก็มา
เพิ่มได
ทานผูนี้เปนขาราชการผูใหญมีศรัทธาในองคทานพระอาจารยมั่นมาก และเปนผูใหความสะดวก
ตลอดจนการชวยเหลือตาง ๆ แทบทุกกรณีที่เกี่ยวกับงานทานพระอาจารยมั่น นับแตวันแรกที่ทานไปถึง
วัดปาสุทธาวาสจนตลอดงาน พระผูใหญเห็นใจและสงสารมาก เมื่อคุณวัน คมนามูล จากนครราชสีมา
ถวายพระธาตุทานอาจารยมั่นมา ทานจึงมอบใหขาราชการผูนี้ตอนเชา
พอไดรับพระธาตุจากทานแลว ขณะนัน ้ ไมมีกลองหรือผอบจะใส มีแตขวดยานัตถุเปลาติดกระเปา
เสื้อจึงไดเอามาใสพระธาตุไปพลางกอน ขณะเชิญพระธาตุเขากระเปาเสื้อก็ปดกระดุมเสื้อดวยดี
ขวดก็ปดฝาดวยดี กลัวพระธาตุจะสูญหายไปเสีย นับแตขณะที่ไดพระธาตุจากมือพระผูใหญแลว
ปรากฏวาใจมีความปติยน ิ ดีลนพน ลุกจากที่นั้นก็ไปทํางานเลยทีเดียว และเกิดความอิ่มเอิบตื้นตันใจ
ตลอดวันประหนึ่งจิตมิไดคิดเหินหางจากพระธาตุทไี่ ดรับมานั้นเลยทั้งวัน
พอเลิกจากงานไปถึงบาน ก็โฆษณาใหญวาตนไดของประเสริฐมา ในชีวิตไมเคยมี คนในบานตาง
ก็รวมมาดู จากนั้นก็เอาผอบมาใสพระธาตุทันที พอเปดฝาขวดออกเชิญพระธาตุทานอาจารยมั่นออกมา
โดยไมคาดฝนวาจะพบความอัศจรรยที่แสดงออกมาจากพระธาตุทาน คือพอเชิญพระธาตุออกจากขวด
ก็ไดเห็นกลายเปนสามองคในขณะนั้น ยิ่งเพิ่มความอัศจรรยในองคทานและเกิดความปติในพระธาตุ
ยิ่งขึ้นแทบจะเหาะลอยไปทั้งตัว พรอมกับประกาศความอัศจรรยของทานอาจารยมั่นวาเปนองค
พระอรหันตใหภรรยาและลูก ๆ ฟงในขณะนั้น อยางไมคิดวาใครจะหาวาเปนบาเปนบออะไรเลย
ภรรยาและลูก ๆ ยังไมแนใจ เกรงวาที่รับพระธาตุมา จะจําจํานวนผิดไป ฝายสามีก็เถียงใหญแบบ
ไมยอมฟงเสียงใครเลยวา พระธาตุสององคที่ทานเจาคุณใหมาเมื่อเชานี้จําไมผิดแน เพราะขณะรับจาก
ทานก็รับดวยความสนใจและเลื่อมใสอยางบอกไมถูก แมอยูที่ทํางานก็มิไดลืมพระธาตุตลอดวันวาได
พระธาตุมาสององค จนกลายเปนคําบริกรรมเหมือนคนภาวนาแลวจะใหหลงลืมไดอยางไร ถาใคร ๆ
ยังไมปลงใจวาเปนความจริงพรุงนี้เชาเราจะไปเรียนถามทานเจาคุณทานใหม ฝายคนในบานไมยอม
อยากรูในวันนี้เดี๋ยวนี้ ขอใหไปเรียนถามทานเดี๋ยวนี้ ตกลงตองไปเดี๋ยวนั้น และเรียนถามทานวา
“ที่ทานเมตตาใหพระธาตุกระผมเมื่อเขานี้กี่องค ?” ทานตอบวา “ใหสององค ทําไมถามอยางนั้น
พระธาตุหายหรือ ?” ขาราชการผูนั้นตอบดวยความตื้นตันใจวา
๘๒๘

“พระธาตุมิไดหาย แตกลับไดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง รวมเปนสามองคดวยกัน


ที่กระผมเรียนถามก็เพราะเวลาไปถึงบานแลว เปดฝาขวดออกดูเพื่อจะเชิญพระธาตุเขาในผอบ
แทนที่จะมีสององคตามที่เขาใจ แตกลับมีสามองค เลยทําใหกระผมเกิดความดีใจจนตัวสั่น รีบบอกกับ
ลูกเมีย แตไมมีใครเชื่อวาเปนความจริงเลย เกรงวาผมอาจจําผิดก็ได เลยเคี่ยวเข็ญใหกระผมมาเรียน
ถามทานอีกครั้ง จึงไดมาตามคําเขา แลวก็เปนความจริง ยิ่งทําใหกระผมดีใจเสียใหญ”
“วาอยางไร ? เชื่อหรือยัง ?” นี่เปนคําพูดกับภรรยาที่มาดวย
ภรรยายิ้มแลวพูดวา “ก็เกรงจะจําผิดและหาเรื่องไปโกหกกันเลนก็ตองพูดอยางนั้น เปนความจริง
ดังที่วาก็ตองเชื่อ ใครจะฝนความจริงเพื่อประโยชนอะไร”
ทานเจาคุณก็ยิ้มและเลาตามความจริงใหภรรยาฟงวา
“อาตมาไดใหคุณ...สององคจริงเมื่อเชานี้ เพราะเห็นวาเปนผูมีคุณตอทานอาจารยมั่นมาก
ตลอดพระสงฆ เรื่อยมาแตวันทานมรณภาพจนเสร็จงาน อาตมายังจําไมลืม
เมื่อไดพระธาตุทานอาจารยมั่นมาจากคุณวัน คมนามูล รานศิริผลพานิช นครราชสีมา ก็เลยสงวน
ไวเพื่อนํามามอบใหเปนที่ระลึก ซึ่งเปนของหายากในสมัยปจจุบัน เพิ่งจะพบอัฐิกลายเปนพระธาตุ
เฉพาะของทานอาจารยมั่นเพียงองคเดียว นอกนั้นก็ไดยินแตตําราทานบอกไว ยังไมเห็นตัวจริงประจักษ
ตา
บัดนี้ไดเห็นเปนพยานหลักฐานอยางแทจริงแลว กรุณารักษาไวในที่สมควร เดี๋ยวทานไปก็ยิ่ง
ลําบากมากกวาเปนความสุขใจในเวลาทานมาเพิ่มใหเปนไหน ๆ จะวาอาตมาไมบอก
เพราะพระธาตุทานอาจารยมั่นเปนของอัศจรรยมาก ยิ่งทานมาไดงาย ๆ อยางนี้ บทเวลาทานไป
เพราะความเคารพเราไมพอยิ่งไปไดงาย กรุณาเชิญทานไวที่สูง เคารพบูชาทานทุกเชา-เย็นทานอาจ
บันดาลความเปนศิริมงคลเกินคาดใหเวลาใดก็ได
อาตมาเชื่อทานรอยเปอรเซ็นตวา เปนพระผูบริสุทธิ์มานานแลวแตไมกลาบอกใครไดงาย ๆ
กลัวเขาจะหาวาเปนบา เพราะคนเรามีนิสัยเชื่อในสิ่งที่ดีไดยาก แตเชื่อในสิ่งไมดีไดงาย จึงหาคนดี
ไดยาก หาคนชั่วไดงาย
แมในตัวเราเอง ถาสังเกตดูก็พอทราบไดวา ใจชอบคิดในทางชั่วมากกวาทางดีเปนประจํานิสัย
พอทานแนะจบลง ทานขาราชการกับภรรยาก็กราบนมัสการลาทานกลับดวยความชื่นบานหรรษา
อยางบอกไมถูกทั้งสองคน
ในเรื่องมูลเหตุความแปลกและอัศจรรยของพระธาตุ ที่จะทําใหปาฏิหาริยเพิ่มขึ้น หรือ
เปลี่ยนแปลงจํานวนนั้น ทานพระอาจารยมหาบัวไดเขียนไววา
“นี่แลพระธาตุทานพระอาจารยมั่นเปนความแปลกและอัศจรรยดังที่นํามาลง เพื่อใหทานผูอานได
พิจารณาหามูลแหงความอัศจรรยของพระธาตุดังกลาวนี้ตอไป
สวนการได หาหลักฐานและเหตุผลมาพิสูจน ดังที่โลกใชกันนั้นรูสึกจะพิสูจนไดยาก อาจมองไม
เห็นรองรอยเลยก็ไดสําหรับเรื่องทํานองนี้ เพราะสุดวิสัยสําหรับพวกเราที่มีกิเลสจะตามรูได
เพียงแตธาตุดินที่อยูในสวนรางกายทานผูบริสุทธิ์กับอยูในตัวเราก็แสดงใหเห็นเปนของแปลก
ตางกันอยางชัดเจนอยูแลว วาอัฐิทานกลายเปนพระธาตุไดอยางประจักษตา สวนรางกายของพวกเรา
ที่มีกิเลส แมมีจํานวนลาน ๆ คน ไมมรี ายใดสามารถเปนไปไดอยางทาน จึงควรเรียกไดวา ทานเปน
บุคคลที่แปลกตางจากมนุษยทั้งหลายอยูมากจนเทียบกันไมได
ยิ่งใจที่บริสุทธิ์ดวยแลวก็ยิ่งเพิ่มความประเสริฐและอัศจรรยจนไมมีนิมิตเครื่องหมายใด ๆ
มาเทียบไดเลย เปนจิตที่โลกทั้งหลายควรเคารพบูชาจริง ๆ จึงตองยอมบูชากัน... ”
๘๒๙

เหรียญลอยมา !
สําหรับตัวขาพเจานี้ แตกอนนั้นเปนคนอาภัพ วาสนานอยจริง ๆ อยาวาแตจะเคยไดเห็นไดกราบ
พระธาตุทานพระอาจารยมั่นเลยแมแตชื่อของทาน ขาพเจาก็ยังไมเคยรูจัก จําไดวา ตอนนั้นเปนเวลา
ตนป ๒๕๑๘ ขาพเจากําลังเริ่มมีประสบการณ เกี่ยวกับ เหรียญวัตถุมงคล พระปาฏิหาริยลอยมาปรากฏ
บนโตะพระ พานดอกไมบูชาพระ และแมแตบนโตะเครื่องแปง ก็มีเหรียญ มีพระตกลงมา

กําลังงงวาควรจะทําตนอยางไรเวลาพระลอยมา เผอิญขณะนั้นขาพเจา
กําลังเปนสมาชิกสภานิติบัญญัติ นั่งประชุมอยูใกล ๆ นายแพทยอวย เกตุสงิ ห
จึงเรียนปรึกษาทาน เพราะเคยไดยินชื่อวาทานมีความรูทางดานพระมาก
คุณหมออวยถามวา “พระลอยมานั้น ลอยน้ํามาหรือ?” ขาพเจาปฏิเสธ
ทานก็วา “อยากไดแลวมีคนนํามาใหตรงกับที่อยากไดใชไหม?”
ขาพเจาก็ปฏิเสธอีกและเมื่อเลาใหฟงวา คําวา “ลอยมา” นั้น ขาพเจา
หมายความเชนไร คุณหมอก็วา แปลกจริง ! และพอถึงวันประชุมในอาทิตย
หนา ก็จะคอยถามวา “วันนี้มีอะไรลอยมาอีก” ซึ่งขาพเจาก็จะรายงานใหคุณ
ศจ.นพ.อวย เกตุสิงห
หมอฟง ทุกครั้ง วาหลังจากวันประชุมครั้งสุดทายนั้น ตอมามีอะไรลอยมาอีก
วันนั้นพอถูกถาม ขาพเจาก็ตอบวา “คราวนี้มีเหรียญใครไมทราบ
มี ๒ หนา เปนพระหนาหนึ่ง ชื่อ มั่น อีกดานหนึ่ง ชื่อเสาร ”

คุณหมออวยฟงแลวก็บอกวา
“นากลัวจะเปนอาจารยของอาจารยผม อาจารยของผม ทานอาจารยขาว อาจารยของทาน
ชื่ออาจารยมั่น และอาจารยของทานอาจารยมั่น ชื่อทานอาจารยเสาร คุณไมรูจักหรือ ทานทั้งสอง
เปนพระอาจารยที่มีชื่อ คนเคารพมากทางภาคอีสาน”
ขาพเจาผูโง ผูเขลา และผูหลงก็หัวเราะ บอกคุณหมออวยวา
“โอย...คงไมใชทานอาจารยที่คุณหมอวามีชื่อเสียงมากนั่นหรอกคะ ดิฉันไมทราบเหรียญใคร
ดูเหมือนมีคํา “ภูริทัต...ภูริทัตติดอยูดวย”
คุณหมอตกใจมาก ที่ทราบวาขาพเจาโงเขลา ไมรูจักแมกระทั่งชื่อทานพระอาจารยมั่น
ภูริทัตตมหาเถระ
จากนั้นมานั่นเอง ที่ขาพเจาไดเรียนรูเรื่องของทาน อาจารยของทาน และก็ทึกทักเอาวาทาน
ทั้งสองคงนับเราเปนศิษย เราจึงมีโอกาสไดเหรียญของทานลอยมาและจากนั้นมา เมื่อไดยินวามีศิษย
สายทานอาจารยมั่น มากรุงเทพฯ ก็ขวนขวายไปกราบใหเปนมงคลและไดติดตามไปกราบที่วัดของ
แตละองค ไดเคารพ ไดเรียนรู ไดฟงคําสั่งสอนจากทานทุกองค ดวยความเคารพรักเลื่อมใสศรัทธา
อยางเปยมหัวใจมาจนกระทั่งทุกวันนี้
๘๓๐

วันหนึ่งจําไดวาในป ๒๕๒๑ ทานพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ


ไดถามขาพเจาวา “ คุณสุรีพันธุมีพระธาตุทานอาจารยมนั่
หรือยัง ” เมื่อเรียนทานวายังไมมี ทานก็ถามตอดวยความเมตตา
วา ถาจะใหเอาไหม” ขาพเจาตอบรับดวยความยินดี
ทานก็บอกวา “แบมือซี ”ความจริงกอนหนานั้น ทานพระ
อาจารยจวน เคยใหพวกเรา ไดชมและกราบพระธาตุทาน
พระอาจารยมั่นมาแลว แตก็เปนเพียงเพื่อเปนมงคล
ใหเรายกขึ้นตั้งไวบนเศียรเกลาครั้งหนึ่ง

พระธาตุพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต

อีกครั้งหนึ่งมอบใหขาพเจาเพื่อทูลเกลาทลกระหมอมถวายพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวเพื่อทรง
บรรจุในพระเจดียวัดเวฬุวนาราม ที่ทานพระอาจารยไพบูลย สุมังคโล สราง ณ จังหวัดพะเยา
ครั้งนี้ ทานจะใหเราไวบูชาเอง ทําไมเราจะไมปติยิ่ง ขาพเจาก็ชวนเพื่อนที่นั่งอยูดวยกันอีกคนหนึ่ง
รีบแบมือรับ ทานหยิบพระธาตุจากผอบของทานหยอนลงมาในมือเพื่อนและขาพเจาคนละ ๑ องค

ความที่มีนิสัยชางตอแย และทราบวาทานอาจารยสูงดวยความเมตตา ปากจึงอดบนไมได


“ แหมใหองคเดียวเทานั้นหรือเจาคะ ขออีกองคสิเจาคะ ”
“ ขอทานอาจารยมั่น ” ขาพเจารีบแกตัว เมื่อเห็นทานอาจารยจวนมองเปนเชิงตําหนิวาจะโลภละซี
“ ลูกขอทานอาจารยมั่น ” ยืนยันดวยใจที่ระลึกถึงพระทานอาจารยมั่นจริง ๆ “ ไดนะเจาคะ ”
พอสิ้นคํา “ เจาคะ ” ขาพเจาเหลือบตากลับมามองพระธาตุในมือ ก็ปรากฏมีเพิ่มขึ้นอีก ๑ องคจริง ๆ
จึงรองขึ้นวา
“ เสด็จมาแลวเจาคะ ทานอาจารยมั่นใหแลว ”
ทานพระอาจารยจวนลุกขึ้นบนวา “ เอ.:.ขอไดจริง ๆ อาตมาขาดทุน ”
ทานบอกวา ทานมีพระธาตุทานพระอาจารยมั่นอยู ๖ องค เมื่อใหเรา ๒ คน คนละ ๑ องค
ก็ควรเหลือ ๔ องค นี่คงเสด็จมาหาสุรพ ี ันธุไปอีกองคหนึ่ง ทานคงเหลือแค ๓ องคกระมงั
อยางไรก็ดี เมื่อทานเปดผอบของทานดูใหม ก็ปรากฏวาสวนที่เหลืออยูในผอบนั้น กลายเปน
๕ องคไป
สําหรับพระธาตุของทานพระอาจารยมั่น ที่ทานพระอาจารยจวนใหขาพเจา ๑ องคและกลาย
เปน ๒ องค ตอหนาทานพระอาจารยจวนนั้น เมื่อเก็บบูชาไว ไดเพิ่มจํานวนขึ้นเปนลําดับ จนมีเทา
ปจจุบัน ลักษณะสวนใหญเปนแกวผลึกใสดุจเพชร
๘๓๑

พระธาตุหลวงปูพรหม

ขาพเจาไมมีบุญไดเคยกราบ “หลวงปูพรหม” เลย


เพราะเมื่อเริ่ม จะรูจักกราบครูบาอาจารย ทานก็มรณภาพไป
แลวเคยไดยินแตเรื่องราวของวา เมื่อทานบังเกิดความศรัทธา
ใคร ออกบวช ทานและภรรยาซึ่งเปนผูมีอันจะกิน ก็ไดใหทาน
ทรัพยสินเงินทอง ทั้งวิญญาณกทรัพยและอวิญญาณกทรัพย
จนหมด ซึ่งใชเวลาแจกสมบัติอยูหลายวัน

ชีวิตของทานและคูชีวิตฟงดูคลายกับชีวิตในสมัยพุทธกาลของทานพระมหากัสสปะเมือ ่ จะออก
บวชอยางยิ่ง
ทานเปนศิษยทานพระอาจารยมั่น รุนอาวุโสองคหนึ่ง
พระธาตุ “หลวงปูพรหม” นี่ครั้งแรก หลวงปูบุญ ชินวังโส ไดนํามาใหชมและกราบคารวะลักษณะ
กลมเล็ก เปนสีเหลืองใสเหมือนบุษราคัม วันรุงขึ้น ทานไดถามขาพเจาวา “เห็นพระธาตุหลวงปูพรหม
แลวไมอยากไดหรือ ?” ขาพเจาเรียนทานวา “อยากไดเหมือนกัน” ทานถามวา “ เหตุใดจึงไมขอมีแต
คนเห็น ก็บอกขอทานทั้งนั้น ” ขาพเจาตอบวา “ ไมกลาขอเพราะคิดวา พระธาตุนี้ทุกคนยอมรักและหวง
ถาขอก็จะทําใหผูถูกขอเกิดทุกข และผูขอก็คือผูโลภ ” หลวงปูหวเราะอย
ั างถูกใจ “อาตมารออยูวาจะ
ใหคนที่สมควรรับ สุรพี ันธุเก็บไวเถอะ ” เมื่อขาพเจาทําหนาตื่นตกใจอยางไมเชื่อหู ทานก็วา“ ใหจริง ๆ
นะ”
ขาพเจาเก็บไวบูชา อยูตอมาเปลี่ยนเปนสีแดงคร่ําจนเกือบดําเหมือนสีโกเมน เมื่อสมเด็จพระนาง
เจาฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดําเนินไปทรงพระสุหรายรูปหลอเหมือนทานพระอาจารยจวน
กุลเชฏโฐ ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) เมื่อ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๖ ไดเตรียมจัดนําพระบรมสารีริกธาตุ
และพระธาตุของครูบาอาจารยรูปพรรณและสัณฐานลักษณะตาง ๆ ถวายใหทอดพระเนตรและทรง
สักการะ คืนกอนเสด็จพระราชดําเนินระหวางกําลังจัดเตรียมการ ไดมีพระธาตุปาฏิหาริยเสด็จมา
อีกองคหนึ่ง ลักษณะกลมเลื่อม เปนสีมุกดา
พระธาตุหลวงปูบัว

เชนเดียวกับ “หลวงปูพรหม” เมื่อขาพเจารูจัก “เขาวัด”


หลวงปูบัวก็มรณภาพแลว ขาพเจาจึงไมมีบุญไดกราบทาน
แตมีโชคไดรับใชวัดของทาน วัดปาหนองแซง ในการจัดกฐินชวย
เรื่องเจดียของทาน และ โรงเรียนสิริปุณโณนุสรณ ในป ๒๕๒๑
และเกิดอัศจรรยเมื่อคิดจะแจกพระบรมสารีริกธาตุใหผูรวมเปน
กรรมการกฐิน แตกรรมการกฐินเกิดมีจํานวนมากกวาที่คิด
ทําใหพระบรมธาตุมีไมเพียงพอ แตพระธาตุก็ปาฏิหาริยแยกองค
ใหเห็นซ้ําแลวซ้ําอีก (ความละเอียดอานในตอนที่เลาเรื่อง
พระบรมสารีริกธาตุปาฏิหาริยในภาคขางตน)
หลวงปูบว
ั สิริปุณโณ
เปนบุญตาที่ไดเห็น ทําใหเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระคุณอันหาประมาณมิไดของพระบรมธาตุอยาง
แนนแฟน ขาพเจาไดทราบขาวมานานแลว วาอัฐิของหลวงปูกลายเปนพระธาตุ แตไมมีโอกาสเห็น
กระทั่งเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๒๗ นี้ ทานพระอาจารยนอย ปญญาวุโธ แหงวัดถ้ํากลองเพล เมตตา
มอบพระธาตุหลวงปูบัว ใหจํานวน ๓ องค ทานวา “ ใหคุณสุรีพนั ธุไวบูชา เพื่อจะเพิ่มมากขึ้น ”
จริงอยางทานวา เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ พระธาตุหลวงปูบัว สิริปุณโณ ไดเพิ่มเปน ๔ องค
และในปจจุบันเพิ่มเปน ๗ องค
๘๓๒

พระธาตุหลวงปูคํา

พระธาตุหลวงปูคํา ยสกุลปุตโต

พระธาตุของหลวงปูคํา ยสกุลปุตโต ไมคอยเปนที่ไดยินขาวในหมูศิษยที่เคารพพระธุดงค


กรรมฐานสายหลวงปูมั่น ภูริทัตโตเทาไรนัก
สําหรับพระธาตุของทานที่ขาพเจาไดมาบูชานี้ ไดรับความกรณ
ุ าจากทานเจาอาวาสในปจจุบัน
มอบใหมา ลักษณะเปนเกล็ดเล็กละเอียดดุจไขปลา สีขาว
ที่เคยเห็นของทานดลวิทย ซึ่งเปนหลานปูของหลวงปูคํา มีขนาดใหญมาก เปนกอนใส สีเหลือง
ดุจแกว งามมาก
นาเสียดายที่มีความคิดที่จะจัดทําหนังสือพระธาตุของขาพเจานี้เพิ่งเกิดขึ้นฯ ไมกี่อาทิตยนี่เอง
เมื่อเรียนติดตอทานดลวิทยขอถายภาพพระธาตุหลวงปูองคที่วา ปรากฏวาทานฝากไวที่บานโยมแม
ของทานที่สกลนคร การจัดทําหนังสือรอไมได จึงพลาดโอกาสนี้ไปอยางนาเสียดาย
เปนที่นาสังเกตวา พระธาตุของครูบาอาจารยแตละองค จะมีลักษณะหลายสัณฐาน และบางทีก็
หลายสีดวย

พระธาตุหลวงปูออน
หลวงปูออน เจริญเมตตาธรรมใหขาพเจาอยางสูง จนขาพเจาคิดวาในชาตินี้ทําอยางไรหนอเราจะ
ตอบแทนพระคุณทานไดใหสมกับที่ทานเมตตาเรา ทานเปนองคเดียวที่เรียกขาพเจาวา “คุณหนู”
และใชคําแทนองคทานบางครั้งวา “ ปู ” การที่ทานเรียกขาพเจาวาคุณหนูนี้ ดูจะเปนที่ขบขันของผู
ไดยินกันมาก เพราะอายุเราครึ่งศตวรรษไปแลว และบางคนในที่นั้นอายุออนกวาขาพเจามากเปน “หนู”
ของขาพเจา แตทานกลับเรียกเธอเหลานั้นวา “คุณนาย”
ทานมาดูบานเรือนไทยที่ลาดพราวแลวก็ออกปากวา ปูชอบบานอยางนี้มากที่สุด โปรง สบายดี
ทานเมตตาถึงกับบอกวา “ จะมาจําพรรษาใหที่นี่นะ คุณหนูนะ ” หลวงปูเปนพระเถระผูใหญ  ทราบวา
นอกจากหลวงปูเทสกแลว ทานมีพรรษาสูงที่สุด สูงกวา แมหลวงปูชอบ หลวงปูขาว หรือหลวงปูฝน
ขาพเจาไดยินทานปรารภเชนนั้นจึงตกใจ เพราะคิดวา บานไทยเรายังไมพรอมที่จะมีพระมา
จําพรรษา โดยเฉพาะเปนพระเถระผูใหญอยางทาน ทานปรารภสองครั้งสามครั้งก็ยังนิ่ง ไมกลานิมนต
ไดแตนําความไปปรึกษาทานพระอาจารยวันและทานพระอาจารยจวนวาควรจะทําอยางไร
ขอสําคัญ ขาพเจาเกรงวาตลอดเวลา ๓ เดือนที่เขาพรรษานั้น หากเด็กรับใชบานเราเกิดลา
กลับบาน ทําใหหลวงปูไมไดรับความสะดวกจะลําบาก ! เราเคารพทาน รักทาน เทิดทูนทาน ปรารถนา
ใหทานไดรับความสะดวกสบายตลอดเวลา หากมีอะไรผิดพลาดไป เราก็จะไมสบายใจเสียใจ
ทานอาจารยทั้งสองบอกวา “หลวงปูทานเมตตาคุณ...ใหคุณมีโอกาสไดบุญ โดยการปรนนิบัติรับ
ใชทาน ฉะนั้นจงนิมนตเถอะ ” แตเฉพาะทานพระอาจารยวันเตือนวา “แตระวัง อยาใหขาวอุดรเขาเสีย
๘๓๓

น้ําใจนะ พูดกับเขาใหดี” ชาวอุดรมีความเคารพรักเลื่อมใสศรัทธาหลวงปูอยางมากดังนั้นเมื่อไดรับ


คําเตือนเชนนี้ขาพเจาจึงลองซาวเสียง พบหนาเพื่อนชาววัดทางอุดรก็ลองคุยดู
ไดยินเขาวากันวา “พรรษานี้หลวงปูวาจะไปจําพรรษากรุงเทพฯ ใครนะจะมานิมนตหลวงปู
ของเราไป ” “ใครนะ ใครนะ” ขาพเจาตัวลีบเมื่อไดยินเสียงซักถามกันซึ่งบางครั้งก็เปนพระภิกษุดวยซา้ํ
ทําใหแมตอมา หลวงปูจะถามวา “คุณหนูจะใหปูไปจําพรรษาหรือยัง” ครั้งใด ขาพเจาก็จะตองยิ้ม
แหย ๆ ตอบวา “ยังไมพรอมเจาคะ” ทุกครั้งไป
เวลาผานไปปแลวปเลา จนปสุดทาย คิดวาปนี้ละ เราจะหาโอกาสรับใชทานเสียที ถามัวนอนใจ
ไปดูแตทานอาจารยวัน ทานอาจารยจวน ทานอาจารยสิงหทองซิ ทานหนีเราไปหมดแลว เราจะ
ประมาทไมไดเลย แตเราก็ประมาทไปจริง ๆ เพราะปนั้นเอง เดือนพฤษภาคมป ๒๕๒๔ หลวงปูก็
มรณภาพ มีงานถวายเพลิงศพทานในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ ๒๕๒๕
รุงขึ้นวันที่ ๑ มีนาคม ขาพเจารีบตื่นแตเชา ยังไมทันสวาง ไปที่เมรุ ปรากฏวาที่เมรุมีการเก็บ
กวาดเรียบ ไมเหลือแมแตผงดิน ไดความว เมื่อเผาจริงแลว ทางวัดก็เก็บอัฐิและอังคารเสร็จแตกลางดึก
ขาพเจากลับมาเรียนถามทานพระอาจารยสีนวล ถึงเศษผงถานที่เหลือ เมื่อทางวัดจะกรุณาใหลูก
ศิษยไปบูชาบาง
ทานตอบวา “นอกจากอัฐิแลวแมแตเศษผงถาน ทางวัดก็ตองเก็บ
ไวหมดเหมือนกัน” ขาพเจาจึงชวนเพื่อน ๆ กลับไปที่ลานเมรุอีกครั้ง
หนึ่ง คุยเลน ๆ วา
“ ไมเปนไร เดี๋ยวเราไปอธิษฐานขอที่เมรุก็แลวกัน ขอเศษผงถาน
ทาน หลวงปูคงใหเราหรอก ความจริงถาหลวงปูยังอยูเราขอคําเดียว
อยาวาแตผงถานผงดินเลย แมอัฐิหลวงปูก็ตองใหหลวงปูเมตตาเรา ”
พูดกันแลวก็หัวเราะกันวา พูดไปไดวา ถาหลวงปูยังอยู! ก็ถา
หลวงปูยังอยู จะมีอัฐิทานไดอยางไร พวกเราไดเศษดินเศษผงที่เมรุมา
เก็บบูชาไวดวยความเคารพรักอยางสูงสุด พระธาตุหลวงปูออน ญาณสิริ
ตอมาถึงเดือนพฤษภาคมปเดียวกัน ไดลองเป  ดผอบขึ้นดูเห็นปรากฏรวมตัวเปนพระธาตุจํานวน ๔
องค
ครั้นถึงเดือนตุลาคม เปดดูอีกครั้ง เพิ่มเปน ๗ องค
เชนเดียวกับ พระธาตุ หลวงปูพรหม เมื่อสมเด็จพระนางเจาฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราช
ดําเนินมาภูทอก เมื่อ ๓๐ มีนาคม๒๕๒๖ ระหวางเตรียมจัดพระธาตุถวายใหทอดพระเนตร และทรง
สักการะพระธาตุไดปาฏิหาริยมาในตลับพระธาตุหลวงปูอีก๑ องคลักษณะกลมเปนแกวใสประดุจเพชร
พระธาตุหลวงปูขาว

หลวงปูขาว เปนศิษยผูใหญอีกองคหนึ่งของทานพระอาจารยมั่น
ภูริทัตตมหาเถระ เมตตาธรรมของทาน ซึ่งแผใหแกบรรดาบุคคลที่ไปกราบ
คารวะทานนั้นใหญหลวงนัก ขาพเจาไดเคยบันทึกเหตุการณบางชวงบางตอน
ที่บังเอิญ มีโอกาสไดยินไดฟง ไดประสบพบเห็นไวแลวในขอความเล็ก ๆ
ชิ้นหนึ่งชื่อ อนาลโยคุโณ ในหนังสืออนาลโยปูชา ซึ่งพิมพแจกในงานกฐินวัด
ถ้ํากลองเพล เมอวั ื่ นที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๗ ที่ผานมา ในที่นี้จึงขอกลาว
เฉพาะเหตุการณเกี่ยวกับเรื่องอัฐิธาตุของหลวงปูเทานั้น
ในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู เมื่อวันเสารที่ ๑๑ กุมภาพันธ
๒๕๒๗ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เสด็จพระราชดําเนินมาเปนองคประธานพรอมดวยสมเด็จพระ
นางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนั้น ปรากฏวา วัดถ้ํา
กลองเพล ซึ่งมีอาณาบริเวณหลายพันไรกลับแคบเล็กไปถนัดใจ ประชาชนจากทั่วทกทิศานุทิศได
๘๓๔

หลั่งไหลกันมาถวายสักการะสรีรางของทานผูทรงศีลวิสุทธิ์เปนคํารบสุดทาย นับจํานวนหลายแสนคน
เปนประวัติการณสูงสุดของประเทศ
โดยที่ขาพเจาทราบวา ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเก็บรักษาอัฐิของหลวงปูรวมไวในที่เดียวกัน
เพื่อจัดสรางเจดียสําหรับเปนที่สักการะของประชาชนไว ณ บริเวณหลังถ้ํากลองเพล รุงขึ้นจากวันถวาย
เพลิงขาพเจาจึงไปกราบที่เมรุเปนครั้งสุดทายอยางไมรีบรอนอะไร เพราะคิดวาทางราชการและทางวัด
คงจัดเก็บอัฐิและอังคารผงถานไปหมดแตกลางดึกแลว
หนาที่ของขาพเจาขณะนัน ้ มีเพียงไปดูความเรียบรอยของการขนยายเต็นทและเกาอี้ สวนที่พวก
เรานําไปจัดตั้งไวแตเมื่อวันวานตางหากอยางไรก็ดี เมื่อไปถึงเมรุไดเห็นเศษผงถานยังมีเหลือบาง
และเห็นเศษอิฐเล็กกระเด็นตกอยูขางนอก
จากประสบการณที่ศึกษาเรื่องอัฐิธาตุทานพระอาจารยจวน ทําใหขาพเจาเกือบจะรูจัก “อัฐิ”
หรือ “เศษปูน” สําหรับโบกเมรุเปนอยางดีตอนสายระหวาทางกลับมาเต็นทที่เราไปตั้งโรงอาหารเลี้ยง
ผูไปในงาน พบเพื่อนคนหนึ่งเดินอยูจึงรับขึ้นมาบนรถ (ทางยาวเปนกิโล ๆ) เธอก็กรุณาแบงอัฐิที่เธอ
ไปแยงเก็บมาไดในตอนเชา ใหขาพเจาอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งตอมาขาพเจาก็นําเก็บไวบูชา
ตอมาเมื่อมีภาระตองเรงจัดทําหนังสือ “อนาลโยปูชา” ดังนี้กลาวขางตน โดยที่เพิ่งเริ่มคิดจะทํา
หนังสือเพียงประมาณหนงึ่ อาทิตยกอนวันงานกฐิน เพราะบังเอิญไปพบภาพปาฏิหาริยงานพระราชทาน
เพลิงศพหลวงปูขาวเขา (ความละเอียดในหนังสืออนาลโยปูชา) การจัดทําหนังสือจํานวน ๑๒,๐๐๐ เลม
พรอมภาพ ๔ สีอีก๑ ยกเศษ ใหเสร็จ พรอมไปแจกที่วัดถ้ํากลองเพล จังหวัดอุดรธานีในเวลา ๗ วัน
แมจะไดรับความรวมมือจากโรงพิมพเพียงไร ก็ตองทํางานแขงกับเวลาอยางที่สุด
โดยเฉพาะสวนที่จะเปน “อนาลโยคุโณ” นั้น เมื่อโรงพิมพเรงทวงวา ตนฉบับอยูที่ไหน? ขาพเจาก็
ตองตอบวา อยูที่นี่ แลวก็เอามือชี้ที่ศีรษะตนเอง ทั้งเลือกตนฉบับเทศนหลวงปู ตรวจปรูฟ เลือกภาพ
ประวัติ สงไปแยกสี เขียนคําบรรยายภาพ ตรวจความเรียบรอย สารพัดงานที่จะตองทํา รวมการนั่งลง
เขียนอนาลโยคุโณดวย ! ดังนั้นจึงไมมีปญหาเลย ที่ทุกคืนพวกเราแทบจะไมไดนอนเลยตลอดอาทิตย
และจะพูดกันอยางขัน ๆ วา
“ อาทิตยนี้ (เวลา ๗ วัน) เราไดนอนตั้ง ๖ ชั่วโมง ๗ ชั่วโมงบาง ? ”
โดยเฉพาะขาพเจาซึ่งตองตระเวนสงเพื่อนรุนนองที่กรุณาชวยทําหนังสือ กลับมาถึงบานเปนคน
สุดทาย.! คืนสุดทายที่หนังสือจะเสร็จนําสงไปอุดร ขาพเจาจะลมตัวลงนอนแลว ไดนึกรําพึงวา
“เราเหนื่อยแทบจะขาดใจที่ทําหนังสือถวายบูชาพระคุณหลวงปูเลมนี้ หลวงปูจะรูไหมหนอวา
ลูกเหนื่อย เหนื่อยจริง ๆ ไมมีใครใช ไมมีใครสั่ง แตเราก็อยากทําใหไดที่สุด ใหพระบารมีและพระคุณา
นุคุณของหลวงปูเจิดจากระจางแกปวงชนชาวไทย หลวงปูจะรูไหมหนอ วาลูกเหนื่อยแทบขาดใจ
ทีเดียว”
คืนนั้น คิดอยางไรไมทราบแทนที่ขาพเจาจะลมตัวลงนอนตามความรูสึกทีแ ่ สนเหนื่อยและเพลีย
กลับยกถาดที่ใสอัฐิหลวงปูขึ้นมาตั้งและกราบ เมื่อเงยหนาขึ้น ตามองไปที่จานแลวที่ปกติใสดอกมะลิ
บูชาอัฐิหลวงปู ดอกมะลินั้นแหงแลว บางสวนกรอบจนเปนผงปนสีน้ําตาลแก เห็นแสงระยิบระยับสีขาว
ปลาบปนอยูกับดอกมะลิที่แหงกรอบนน ั้ ดูไหวตัวจนคิดวาเปนแมลงหรือหนอนแทรกอยู จึงเขี่ยดู...
ปรากฏเปนพระธาตุ ลักษณะงามมาก หลากสี หลากสัณฐานจึงซอนขึ้นมาใสมือนับได ๙ องค
ระหวางที่นึกชื่นชมดวยความปติเพราะพระธาตุของทุกองคเปนเงาเลื่อมงามจริง ๆ มีทั้งสีขาว
สีมุกดา สีทองอุไร มองไปที่จานแลวใสดอกไมอีก เห็นพระธาตุเพิ่มใหมอีก ๓ องค ก็ชอนมาใสอุงมือ
นับรวมกับของเกาในมือได ๑๒ องค นึกวาทานชางงามจริง แตเมื่อมองกลับไปที่จานแกว อาว! ทาน
ขึ้นมาอีก ๓ องค จึงตักขึ้นมาใสมืออีก นับทวนเปนทั้งหมด ๑๕ องค ลักษณะงามทุกองค จึงคิดวา
ขอใหทานเสด็จผุดขึ้นมาใหเห็นกับตาอีกครั้งจึงจะเชื่อวาเปนปาฏิหาริยที่หลวงปูรับรูวาลูกเหนื่อยจริง ๆ
พระธาตุก็ปรากฏขึ้นใหมในจานแกว เห็นผุดขึ้นกับตา ๑ องค สีทองอุไร จึงคิดวาพอแลว ๑๖ องค
พอแลวเปนโสฬสแลว ขาพเจากราบหลวงปูดวยความรูสึกปติ ชืน ่ ใจ หายเหนื่อยความงวง ความเพลีย
ที่เคยรูสึกมาทั้งอาทิตย ดูจะหายเปนปลิดทิ้งกลับรูสึกแชมชื่น มีกําลังวังชาไมงวงเลย รุงขึ้นนําไปให
เพื่อน ๆ ที่ทํางานชื่นชมกันวา พระธาตุเสด็จ หลวงปูสงมาปลอบเราใหหายเหนื่อย (ขอโทษเราบังอาจ
๘๓๕

พูดกันเชนนั้นจริง ๆ ) แตวิสัยคนขี้สงสัยก็บนกันอีก “จริงอยู เปนพระธาตุนั้นแนแลว แตเปนพระธาตุ


ของใคร? ” ลักษณะเหมือนพระบรมสารีริกธาตุ แตจะวาเปนพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจา
เหตุใดมาปรากฏในจานดอกมะลิบูชาหลวงปู และถาจะวาเปนพระธาตุหลวงปู เหตุใดลักษณะจึง
คลายเมล็ดพันธุผักกาด ซึ่งเปนลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุ” (เดิมขาพเจาเขาใจวาพระธาตุลักษณะ
เมล็ดพันธุผักกาดทั้งหมดเปนพระบรมสารีริกธาตุ) ระหวางเราเถียงกันอยูอยางตกลงกันไมได ก็มีเสน
เกศาเสนหนึ่งสีขาว.ปรากฏขึ้นทันทีในตลับใสพระธาตุ ซึ่งปดฝาแนนอยูจึงรองขึ้นวา เสนเกศาหลวงปู
เสด็จแลว คงเปนพระธาตุของหลวงปูแน
วันรุงขึ้นหนังสือเสร็จ นําไปวัดถ้ํากลองเพลในคืนวันฉลองกฐิน
และไดถวายหนังสืออนาลโยปูชา

เมื่อนําพระธาตุและเสนพระเกศา ใหพระเณรวัดถ้ํากลองเพลชม
ทานพระอาจารยบุญเพ็ง และ ทานพระอาจารยจันทาพิจารณาพักใหญ
จึงรับวาเปนพระธาตุหลวงปูขาว อนาลโยจริง !

พระธาตุหลวงปูขาว อนาลโย

พระธาตุทานอาจารยวัน

พระอุดมสังวรวิสุทธิเถรหรือที่พวกเราเหลาศิษยคุนกับทานมากกวาในนามของ ทานพระอาจารย
วัน อุตตโม และตอไปก็จะขอประทานใช ชื่อสั้น ๆ เพียงทานอาจารยวัน นี้ ปกติทานมักจะมีกิจนิมนต
มากที่สุดองคหนึ่ง ขาพเจาจําไดวาคราวหนึ่งเราตองสงรถไปรับทานมางานฉลองโบสถที่เขื่อนน้ําพอง
ไดทราบวาทานฉันเชาแลวรับนิมนต ไปเจิมรานที่สกลนคร ตอมาสวดมนตเย็นที่อุดร จากนั้นวิ่งรถมา
ขอนแกนเขาไปถึงวัดพระบาทภูพานคําบนยอดเขาใกลเขื่อนอุบลรัตน ตีหนึ่ง และทานก็ตรงไปที่
มณฑลพิธี สวดมนตใหตอไปจนสวาง
ถาทานไมมากไปดวยความเมตตาตอบรรดาศิษย ทานก็คง ไมยอมทรมานสังขารรางกายของ
ทานปานนั้น ทานคงจะทราบวา เวลาที่จะอยูโปรดพวกเรานั้นสั้นนัก
การจะกราบทานอาจารย
เพียงแตรอฟงขาววาทานจะไปวัดใด ฉันบานใคร ในวันใด แลวเตรียม ไปรอ หากไมไปรอลวงหนาดวย
คิดวาตอนเย็นทานคงอยู หลังฉันเชา สักหนอยเราคอยไปก็ทัน มักจะพลาดหวัง ตองวิ่งตามไปจุดใหม
เรื่อย ๆ เรื่องเชนนี้เปนประสบการณของขาพเจาเมื่อไดกราบทานเปนครั้งแรก
๘๓๖

จําไดวา เปนเวลาปลายเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๘ เราตามหาทานจากวัดถ้ําอภัยดํารงธรรมไป


ตามวัดตาง ๆ ที่เขาวา “ทานอาจารยใหญจะไป” และ “ทานอาจารยใหญก็เพิ่งกลับไป” กระทั่งไดกราบ
ทานสมใจ ที่วัดปาหนองดินดํา
ประหลาดที่ในวันนั้นเพิ่งพบศิษยใหมเปนครั้งแรก ทานก็เมตตาใหพระธาตุแกศิษยผูแสนจะไม
ประสีประสาเรื่องพระธาตุเลย ๑ องค และลูกสาวศิษยคนนั้นอีก ๑ องค ซึ่งปจจุบันนี้ พระธาตุ ๒ องค
มีขนาดใหญกวาเดิมมาก
พระหลายองคพอทราบยังวิจารณวา “กอนหนานี้ ไมเคยไดยินวา ทานใหพระธาตุใครมากอน
คุณโชคดีมาก” ป ๒๕๑๘ พระธาตุยังไมปรากฏมากและเสด็จมาใหเราไดกราบบูชามากเชนระยะหลังนี้
เรายังไมลืมวา ดูเหมือนจะเปนป ๒๕๑๙ หรือ ๒๕๒๐ แลวที่ทานอาจารยวันจะมอบพระบรมธาตุไปบรรจุ
ที่พระประธานวัดหนึ่ง จํานวนเพียงรอยกวาองคถึงกับมีขบวนแหฟอนรับกันอยางมโหฬาร การไดรับ
พระธาตุจากทานในวันนั้น จึงเปนมงคลอยางยิ่ง วันนั้นไดมีเรื่องอัศจรรยเกี่ยวกับทาน และวันตอมา
ก็มีอีกอันที่จริงเรื่องอัศจรรยเกี่ยวกับทานอาจารยที่ขาพเจาบังเอิญไดเกี่ยวของ ไดยินไดฟง ไดพบเห็น
กับตาตัวเองนั้น มีมากจนประมาณวา หากจะบันทึกไวก็คงเปนหนังสือเลมหนึ่งได วันนี้จึงเสนอบันทึก
เรื่องราวเฉพาะเรื่องพระธาตุของทานเทานั้น หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เสด็จพระราช
ดําเนินพรอมดวยสมเด็จพระนางเจาฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยาม
มกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีพระราชทานเพลิงศพทานอาจารย
ณ วัดถ้ําอภัยดํารงธรรม ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๒๔ แลว ไมกี่เดือนตอมาไดขาววาอัฐิของทานเริ่ม
แปรเปนพระธาตุ โดยเฉพาะถาใชแวนขยายสองจะเห็นสวนที่เริ่มเปนหินปูนหรือแกว
ขาพเจาไดมีโอกาสกราบอัฐิของทานที่วัดหลายครั้ง...ครั้งหลัง จําไดวาวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๕
ขาพเจากราบเรียนทานอาจารยทองสุข สุกกธัมโมวา จะขออนุญาตไปที่เมรุ เพื่อจะไดผงถานไปบูชา
ทานหัวเราะแลววา เวลาผานไปเกาเดือนแลว จะมีอะไรเหลือแตก็ลองดูซิ...แลวทานก็กรุณานําขาพเจา
ไปที่เมรุจริงของทาน !. เรียบ โลงไปหมด ชาวบานเก็บกวาดไปเขาแทบจะไมใหเหลือแมธุลี !
ทานอาจารยบอกใหลองอธิษฐานดู ขาพเจาจึงวา “ถาหากขอพระธาตุ (ซึ่งระยะนั้นพระธาตุยังไมมี
สภาพอันสมบูรณ สวนใหญจะดูคลายกรวดเล็ก ๆ ธรรมดาเทานั้น) ก็จะมีความสงสัยวาใชพระธาตุหรือ
ไม สูลองขออั
 ฐิทานใหมากลายเปนพระธาตุใหเราเห็นดูจะดีกวา”
ทานอาจารยทองสุกหัวเราะแลววา “ ตามใจ คุณลองดูซี ” ขาพเจาไปยืนพิศดูพักหนึ่งจึงมองเห็น
ระหวางซอกอิฐกอเปนผนังเมรุ มีอะไรขาวชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งแทรกอยู พิจารณาดูคลายอัฐิ ลองหาไม
แหลมมาเขี่ย แทนที่จะออกมากลับตกลึกลงไปในซอกมากเขาทุกที ทานอาจารยทองสุกบอกใหลอง
อธิษฐานเชิญออกมา ขาพเจาจึงทําตาม และแบมือรออยูขางหนา
พยายามใชไมซึ่งมีปลายแหลมเล็กเขี่ยเปนครั้งสุดทายนึกวาถาทานตกลงไปอีกครั้งก็ตอง
ไปติดอยูในซอกอิฐ ไมมท ี างจะไดแนนอนอยางไรก็ดี สิ่งที่เหมือนอัฐิชิ้นนั้น ก็หลุดออกมาจนได
เห็นเปนสีขาวลอยขามศีรษะขาพเจาไปตกขางหลัง ขาพเจารีบเอี้ยวตัวหันไปมองหา แตก็ผิดหวัง
ในลานเมรุตรงนั้นวางเปลา ไมมีเลย กําลังถอนใจวาหมดหวัง แตเมื่อเหลือบตาที่ในมือซายที่ยังแบอยู
ก็ตองอุทานวา “ เอะ ทานกลับมาอยูในมือเราไดอยางไรเจาคะ? ” เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ อัฐินั้น
กลายเปน ๒ องคเก็บไวบูชาตอมาไดแปรเปลี่ยนเปนพระธาตุหลายองค
และเมื่อสมเด็จพระนางเจาฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดําเนินไปภูทอก เมื่อ ๓๐ มีนาคม
๒๕๒๖ ระหวางจัดเตรียมพระธาตุถวายใหทอดพระเนตร ในตลับพระธาตุทานอาจารยวัน ปรากฏมีเสน
เกศาขึ้น ๑ เสน และขณะที่กําลังตื่นเตนชี้ใหดูเสนเกศานั้น ก็มีเสนเกศาปรากฏใหมขึ้นใหเห็นกับตา
อีก ๑ เสน รวมเปน ๒ เสน
๘๓๗

อัฐิธาตุอาจารยสิงหทอง
ทานอาจารยจวนเคยปรารภกับเราวา “อาตมาคงจะตายใกล ๆ กับทานอาจารยวัน” และทานอาจารย
สิงหทองก็บอกขาพเจาวา “อาตมาจะตายพรอมกับหลวงตาโนน” ทานวาแลวก็บุยใบชไปทาง
ี้ ทาน
อาจารยจวน พลางหัวเราะ
เปนที่ทราบกันในหมูศิษยวา ทานสนิทสนมใกลชิดลอเลียนกับทานอาจารยจวนมากที่สุดเมื่อได
ยินทานพูดกันเชนนั้นก็คิดวาทานไดพูดเลนและทานก็มรณภาพไปพรอมกันจริง ๆ ทั้งสามองค
เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓
สําหรับทานพระอาจารยสิงหทอง ไดมีการพระราชทานเพลิงศพกอนเพื่อน ตั้งแตกลาง
เดือนพฤษภาคม ๒๕๒๓ ขาพเจาไดรับอัฐิแจกจากวัด ก็นําเก็บไวบูชาปรากฏอัฐิมีลักษณะขาวขึ้
บางสวนแปรสภาพตกผลึกเปนหินนั้น บางชิ้นงอกออกจากเดิมมาก
พระธาตุที่ปรากฎที่ล็อกเกตพระอาจารยเทศก เทสรังสี
วันหนึ่งหลวงปูเทสก เทสรังสีฝากรูปล็อกเกตมาใหบอกวา ใหเปนรางวัล ขาพเจาไมเคยไดยินวา
หลวงปูเทสกก็จัดทําเหรียญหรือรูปล็อกเกต เมื่อไดรับจึงดีใจมาก ขณะนั้นขาพเจายังนั่งอยูที่ที่ทํางาน
เปนเวลาเย็นเลิกงานแลวทานผูนําล็อกเกตมาใหกลับไปแลว ขาพเจาจึงมีเวลาชื่นชมรูปทานอาจารยได
เต็มที่โดยไมตองกลัวจะเสียงาน ดูละเอียดกระทั่งกลองที่ใสล็อกเกตมา เพราะมีเลขลําดับกํากับบน
กลองเลขเดียวกับล็อกเกตอีกดวย...ดูอยูพักใหญก็ปดกลองนั่งทํางานตอไป

ครูหนึ่งตอมา ลูกกวาดลูกสาวขาพเจา เปดประตูหองทํางานเขามา ดวยรถไปรับกลับมาจาก


โรงเรียนแลว จะรอมากลับบานพรอมแม ขาพเจาจึงอวดลูกวา ทานอาจารยเมตตาฝากล็อกเกตมาให
“ดูไหมลูก ?” ขาพเจาชวน แลวเปดกลองล็อกเกตออกใหลูกดูปรากฏวามีพระธาตุมาอยูใ นกลอง
ขางรูปล็อกเกตอยางนาอัศจรรย ไดนําความไปเลาถวายทานพระอาจารยหลวงปูเทสก และกราบเรียน
ถามทานวา ใครเปนผูสงพระธาตุมา “ ทานอาจารยใชไหมเจาคะ? หรือพระธาตุทานอาจารยเจาคะ ? ”
คงเปนเพราะคําถามกํากวม คําถามหลังนี้เอง ทานพระอาจารย เทสกจึงบนวาคนพิสดาร !!
งานศพพระอาจารยจวน

ในวันพระราชทานเพลิงศพทานพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ
วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๔ ณ เมรุชั่วคราวหนาวัดเจติยาคีรีวิหาร
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดเสด็จพระราชดําเนินมาเปนองค
ประธาน พรอมดวย สมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จ
พระเจาลูกเธอเจาฟาจุฬาภรณวลัยลักษณ ระหวางพระราชทาน
พระมหากรุณาธิคุณใหญาติสนิทและศิษยเขาเฝาเบื้องพระยุคลบาท
พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงมีพระราช ปรารภวา “อัฐิของทาน
พระธาตุพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ พระอาจารยจวนนั้น

ไมควรจะแบงแยกกันออกไป ควรจะเก็บรวมกันไว ณ ที่วัดเดียวกัน เพื่อใหศิษยานุศิษย


และประขาชนไดมาเคารพสักการะไดทั่วกัน”
และทรงมีพระราชดํารัสถามวา “ทานพระอาจารย ไดเคยสั่งเกี่ยวกับอัฐิของทานไวประการ
ใดบาง?” ทั้งศิษยและญาติสนิทของทานตางกราบทูลมีขอความตรงกันวา
“ทานเคยสั่งวา เขาภูทอกเปนเสมือนเจดียใหญอยูแลว อาตมาตายไมตองทําอะไร ใหเจาะ
ขาขางบนนํากระจกไปฝงไวก็พอแลวหรือถาเกรงวาจะเปนภาระ จะโยนทิ้งเหวไปก็ได”
๘๓๘

เมื่อทรงฟงคํากราบบังคมทูลประโยคพูดทาย ก็ทรงพระสรวลและทรงพระกรุณาพระราชทาน
พระราชดําริวา “ถาเชนนั้น ก็ควรจะสรางพระเจดียบรรจุอัฐิของทานไวบนยอดเขา...และจะมาชวย
สรางดวย” และพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหอัญเชิญพระราชดํารัสนี้ใหทราบทั่วกัน
ความที่ทรงมีพระราชปรารภวา อัฐิของทานพระอาจารยจวนนั้นไมควรจะแบงแยกกันออกไปควร
จะเก็บรวมกันไว ณ ที่วัดที่เดียวกัน เพื่อใหศิษยานุศิษยและประชาชนไดมาเคารพสักการะไดทั่วกันนั้น
ทางญาติและศิษยก็นอมรับพระราชกระแสใสเกลา มอบใหเจาหนาที่สํานักพระราชวังจัดการเรื่องอัฐิ
ของทานโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะขาพเจานั้นระวังตัวมาก เวลาพระราชทานสามหาบและเก็บอัฐิวันรุงขึ้น
จากวันถวายเพลิง ไดสรงน้ําอัฐิของทานแลวก็ถอยออกมายืนภายนอก ดวยเกรงจะมีขอครหาภายหลัง
วาเปนศิษยใกลชิดไปแอบเก็บอัฐิของทานมา และยังไมเสร็จพิธีสามหาบขาพเจาก็หนีออกจากบริเวณ
นั้นกลับมาวัดแลว และมาเรียนทานอาจารยแยง สุขกาโม วา สังเกตดูการเก็บอัฐิใสโกศนั้น ยังมีตกหลน
อยูมาก ถาทางวัดจะจัดเจาหนาที่ไปเก็บกวาดผงถานทั้งหมดมารักษาไวบนยอดเขาก็จะเปนการดี
ปรากฏวา ทางวัดเก็บผงถานบรรจุใสกระสอบใหพระเณรนําขึน ้ ไปไวบนยอดเขาไดถึงหากระสอบ
แลวพวกเราที่ไปชวยในงานพระราชทานเพลิงศพก็กลับมากรุงเทพฯ โดยไมไดสิ่งใดแมแตจะเปนผง
เถาถาน ซึ่งทราบภายหลังวา หลังจากสํานักพระราชวังและวัดเก็บอัฐิอังคารและผงถานแลว
พวกประชาชนไดกรูกันเก็บเศษผงถานธุลีกันหมดในเวลาไมนานนัก
พระธาตุปรากฏ
พอตนเดือนพฤษภาคม ก็เริ่มไดยินขาวเรื่องพระธาตุทานพระอาจารยจวน โดยมีคนโทรศพท ั มา
เลาวาในวันเก็บอัฐิตอนเชานั้น เจาหนาที่สํานักพระราชวังจะเทน้ําลางมือ (ที่จับตองอัฐิของทาน) ทิ้ง
พวกศิษยชุดหนึ่งซึ่งไปกับคณะผาปากรุงเทพฯ ก็รีบไปขอน้ําลางมือนั้นมา
บูชา
บางคนใสถุงพลาสติก บางคนไมมีถุงพลาสติกก็เอาชายเสื้อจุมน้ําไว
กลับกรุงเทพฯ นําชายเสื้อนั้นมาซักน้ํา และนําน้ํา (ซึ่งซักชายเสื้อ)
มาบูชา ตางมีพระธาตุปรากฏขึ้น บางรายนําน้ําไปใสขวดโหล เก็บพระธาตุ
ไดเปนรอย ๆ องค เขาถามวา ขาพเจามีบางไหม อัฐิทานอาจารยจวน
ขาพเจาวา อยาวาแตอัฐิทานเลย แมแต “น้ําลางมือ” อยางวานั้น
ขาพเจาก็ไมมี บางคนกรุณาพาขาพเจาไปดูขวดโหลน้ําลางมือนั้น
และใหขาพเจาไดเห็น “พระธาตุ” ที่เกิดขึ้นดวย ขาพเจาได แตอนุโมทนา
ในความโชคดีของทานเหลานั้น
พ ระธาตุพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ
พระธาตุจากผงถาน

ตอนหลังคงจะมีคนสงสารวาศิษยทางการไฟฟาฯ ไมมีวาสนาทางนี้เลย จึงเมตตาสงซอง


พลาสติกเล็ก ๆ มาใหพวกเราคนละ ๑ ซอง บอกวาเปนผงถานที่ประชาชนกวาดมาจากเมรุหลังจาก
ที่สํานักพระราชวังเก็บอัฐิใสโกศ และหลังจากทางวัดเก็บอังคารและผงเถาถานบรรจุใสกระสอบนํา
ขึ้นไปบนยอดเขาแลว
ขาพเจาเปดขึ้นดู เห็นเปนผงถานสีดําละเอียดก็เก็บไว วันหนึ่งมีคนถามถึงวา “คุณสุรพ
ี น
ั ธุไดอัฐิ
ทานอาจารยจวนเยอะใชไหม ? ” ขาพเจาจึงหยิบซองผงถานขึ้นชูใหดู และวา “นี่แหละที่เรามีกัน...คน
ละ ๑ ซองเล็กนี้ ” ปากซึง่ ไวเทาใจคิดก็บนวา “ ทานอาจารยไมเห็นเมตตาเราเลยใคร ๆ ก็ไดพระธาตุ
ปาฏิหาริย พวกเราไมเห็นไดบางเลย ” จําไดวาเปนเวลาตนเดือนมิถุนายน ๒๕๒๔ บนไปแลวก็เหลือบ
ตาดูซองผงถาน เห็นอะไรเปนจุดสีขาว ๆ ก็รอง เอะ !...แลวเทออกใสจาน เห็นจุดขาวเล็ก ๆ เหมือน
ไขปลา จึงเลือกขึ้นมาแยกไว พวกเราทุกคนตางพิจารณาผงถานซองของตัว ไดจุดขาวเล็ก ๆ นั้นมาก
บางนอยบาง ตามแตวาใครจะขยันเลือกหาสักเพียงไหนเพราะความจริงยิ่งหา (จากผงถานกองกระจิด
ริดนั้น) ก็ยิ่งพบ จุดขาวเล็ก ๆ ลักษณะเหมือนไขปลานั้น ตอมาก็โตขึ้น ลักษณะเปลี่ยนเปน ๒ แบบ
๘๓๙

คือ แบบหนึ่งอันเปนสวนใหญจะโตขึ้น ขาวขึ้น กระทั่งประมาณ๒ ปตอมา จึงกลายเปนพระธาตุโดย


สมบูรณ สีขาว อีกแบบหนึ่งอันเปนสวนนอยจะโตขึ้น สีเทาเขมขึ้น จนกระทั่งกลายเปนพระธาตุสีดํา
นาประหลาดวา พระธาตุเหลานี้ ตั้งตนจากผงถานซองเล็กนิดเดียว...!.
หลังจากพระราชทานเพลิงศพ วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๔ แลว ขาพเจามีธุระไปอยูที่ภูทอกอีก
ครั้ง แตไมไดเคยยางกรายไปที่เมรุซึ่งอยูหนาวัดเลย ครั้งนั้นตองไปสํารวจเสนทางที่จะพาคณะกฐิน
ผาปา มาทอดที่ภูทอกตอนปลายเดือนตุลาคมเพราะระหวางฤดูฝนทางคมนาคมอาจจะขลุกขลักได
ทุกปกอนกําหนดสัก ๑ สัปดาห ขาพเจาก็จะตองไปดูเสนทางกอนเสมอ และปนั้นก็เชนเดียวกัน
จําไดวาเปนวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๔ ถึงวัดแลว คุณแมชีโสดาไดชวนใหไปกราบที่เมรุ ขาพเจาถูก
คะยั้นคะยอมากก็เลยตามใจทาน กมลงกราบที่เมรุแลวใจก็นึกแวบขึ้นมาเฉย ๆ วา
“ ทานอาจารยขอพระธาตุบางซีเจาค ะ” ( เวลานั้นพระธาตุจากผงถานที่กลาวขางตนยัง
ไมแปรสภาพเปนพระธาตุอยางเต็มที่ ) พอเงยหนาขึ้น ก็มองเห็นพระธาตุ ๒ องคปรากฏอยูเบื้องหนา
ซึ่งองคพระธาตุยังเตนอยูไมนิ่งสนิท เหลียวไปมองโดยรอบ บนเมรุมีเรานั่งอยูคนเดียว สวนคุณแมชี
โสภาไปกวาดลานเมรุอยูขางลาง ขาพเจาจึงลุกขึ้นนําพระธาตุไปใหคุณแมโส...(ชื่อที่เราเรียกทานสั้น
ๆ เชนนั้น) ดูและเลาเรื่องใหทานฟง มองไปดูลานเมรุชวงขั้นตอไป ก็มองเห็นอะไรขาวๆอยูในถาดคลาย
ๆ ขาวตอกขาวโปรยอยู สาวเทาไปดู ก็เห็นผงถานดําเต็มถาดนั้น สวนที่ขาพเจาคิดวาเปนขาวตอกขาว
นั้นคือ พระธาตุขาวฟองไปหมด
ขาพเจารองลั่นดวยความดีใจเรียกคุณแมโสมาดู พลางกมลงรีบเก็บพระธาตุ คุณแมโสบอกวา
แปลกมากบริเวณเมรุนี้ตั้งแตวันถวายเพลิงเดือนเมษายนแลว พอถึงวันวิสาขะครั้งหนึ่ง และวัน
เขาพรรษาอีกครั้งหนึ่ง ชาวบานตางมาเวียนเทียนกัน วางดอกไมธูปเทียน เก็บกวาดกันอยูเสมอ และตัว
ทานเอง ก็ไปกวาดลานเมรุทกวัน ไมเคยปรากฏพระธาตุหรือผงถานเหลืออยูเลย
ขาพเจาไมสนใจ นั่งเก็บพระธาตุลูกเดียว แตประเดี๋ยวเดียวก็ตกใจ ดวยขาง ๆ เรามีชาวบาน
พระเณรมาชว ยกันเก็บพระธาตุแนนไปหมด ไดความวา คุณแมโสวิ่งกลับไปที่วัด บอกวา “ พระธาตุ
ของทานอาจารยจวนเสด็จ คุณแมสรุ ีพันธุไปอธิษฐานขอ” เผอิญมีพระเณรและชาวบานจากตําบลอื่น
กําลังมาถึงภูทอกพอดี ไดยินคุณแมโสประกาศเชนนั้นก็ดีใจ เรงชวนกัน บางวิ่ง บางเดิน เฮโลไปที่เมรุ
จึงไดมีคนแนนเชนนั้น
ขาพเจาคนเดียวเก็บไมทันเพื่อนเขา และไมไดเตรียมตัวอะไรไปเลย เก็บไดใสอุงมือแคนั้น
จึงวิ่งกลับมาที่วัด มาหาถุงพลาสติกใหญไดถุงหนึ่ง แลวกลับไปแยงเก็บกับเขาอีกพักหนึ่ง ซึ่งถาจะ
เลือกแตพระธาตุคงไมทันเขา เลยโกยทั้งถานทั้งพระธาตุใสถงุ กลับมา พระธาตุชุดนี้ แมเวลามองเทียบ
กับผงถานจะดูขาว แตเมื่อแยกขึ้นแลวคงยังมีสีเทาแกมอยูมาก และสวนใหญยังมีฟองกระดูกติด
มาปรากฏเปนพระธาตุลักษณะสมบูรณ สีขาว เปนมันเลื่อมภายหลัง
สวนผงถาน ซึ่งขาพเจาเรียกผงถานปาฏิหาริยนั้น ควรถือเปนปาฏิหาริยพิเศษสุดยอดเลย เพราะมี
สิ่งตาง ๆ ปรากฏขึ้นอยางนาอัศจรรยในเวลาภายหลังเรื่อยมาแรก ๆ จะเปนพระธาตุขาวบาง เทาบาง
องคเล็ก ๆ ทั้งนั้น ตองชอนขึ้นมาเก็บแยกไว ตอมาพระธาตุเหลานี้จะเปลี่ยนสภาพโตขึ้น...ขาวขึ้น
สําหรับพระธาตุที่จะกลายเปนสขาว..เทาขึ
ี ้น ดําขึ้น สําหรับพระธาตุที่จะเปนสีดํา
บางทีจะเห็นอัฐิชิ้นเล็ก ๆ เล็กจนขนาดวาเปนจุดไขปลา ขาพเจาก็จะเลือกขึ้นเก็บไว แลวอัฐิ
เหลานี้ก็จะแปรสภาพกลายเปนพระธาตุตามลําดับขั้นตอนของอัฐิที่จะแปรเปนพระธาตุ
บางทีมีคนมาขอฟงเรื่อง ยกโถใสผงถานออกมาตั้ง ตักแจกไปคนละ ๑ ชอน บางคนอยากเห็น
พระธาตุ ก็ปรากฏพระธาตุขาวขึ้นเดี๋ยวนั้น ใหเปนที่ชื่นอกชื่นใจกันเต็มที่ บางทีก็จะพบพระธาตุแกวผลึก
ระยะหลัง ชะรอยวาทานคงจะเห็นใจเราที่ใชความพยายามเก็บจุดขาว ๆ ซึ่งแมตอนหลังจะใหญ
กวาไขปลา แตก็ยังเล็กอยูดีทีละองคสององค แมบางครั้งจุดขาว ๆ เหลานั้นจะเพิ่มจํานวนใหเราเห็น
ก็เสียเวลาอยูนั่นเองดังนั้น ระยะหลังบางครั้งจึงมีอัฐิชิ้นใหญ ๆ เกิดขึ้น ใหทั้งตื่นเตน และทั้งตื้นตันใน
ความเมตตาของทาน อัฐิก็ดี จุดขาว ๆ ก็ดี เหลานี้จะใหเราชื่นชมและเปลี่ยนแปรสภาพไปชา ๆ
ใหเราไดศึกษาการแปรสภาพจากอัฐิ เหมือนดังเปนอัฐิธรรมดาสามัญทุกประการ
๘๔๐

แตก็ไมทราบเหมือนกันวาระยะใด เวลาใดจะเกิดปาฏิหาริยพิเศษ ซอนปาฏิหาริยเดิม


(ที่ของเหลานี้เกิดขึ้นเอง เปนปาฏิหาริยอยูแลว) ขึน
้ มาอีกเมื่อไรบางเวลาขาพเจาถึงกับรองออก
มาดัง ๆ วา “ทานอาจารยเจาคะ...ตามเรื่องไมทันแลว”
เพราะเหมือนเลนกล เพียงแตวา เราไมทราบเทานั้นวา เลนอยางไร และเมื่อไรจะเลน พระธาตุ
ทานพระอาจารยจวน เปนพระธาตุที่เกิดจากปาฏิหาริยทั้งสิ้น ปาฏิหาริยมาเปนองคปาฏิหาริยมา
เปนจุดขาวไขปลากอน ปาฏิหาริยมาเปนอัฐิกอน (ซึ่งขาพเจาตั้งใจวา ถาจัดสรางเจดียของทานเสร็จ
เมื่อไร ก็จะเชิญพระธาตุปาฏิหาริยทานพระอาจารยจวน ถวายเขาในเจดียพิพิธภัณฑตามพระราชดําริ
ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวตอไป )

พระธาตุใสเปนแกว

วันหนึ่ง ตนเดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๔ ขณะกําลังนั่งทํางานอยูก็มีพระธาตุองคหนึ่ง ลักษณะเปนหยดน้ํา


สีมุกดา ตกลงมาเบื้องหนาก็ชอนขึ้นมาวางในอุงมือ เมื่อเหลือบตามองไปที่เดิมก็เห็นพระธาตุอีก ๔
องค ลักษณะเปนแกวผลึกใสบริสุทธิ์เหมือนเพชรปรากฏอีก จึงนํามารวมกันใหพวกเพื่อน ๆ ดูวา พระ
ธาตุเสด็จงามมากทุกองค เผอิญมีผูมีทิพยจักษุเขามาเยี่ยมเวลานั้น พิจารณาแลวแจงวาพระธาตุเหลานี้
เปนของทานพระอาจารยจวน ทานสั่งมาให เปนพระธาตุจากสวนกระดูกอกของทานซึ่งใสเปนแกวแลว
ความขอนี้พอ  งกับเมื่อทานยังมีชีวิตอยู ทานสอนศิษยคนหนึ่งใหเพงพิจารณากาย วันหนึ่งจะเห็น
กระดูกสวนตาง ๆ ภายในกายของตน ภายหลังทานไดซักศิษยผูนั้นวา เริ่มพิจารณากายหรือยังตอบวา
ยัง
ทานไดตําหนิวา ทําไมยังนอนใจไมเรงภาวนา ศิษยผูนั้นเปนคนดื้อจึงเปรยวา ภาวนาไปก็คง
ไมมีผล จะไดเห็นกระดูกจริงหรือไมก็ไมทราบ และเผอิญตอแยตอไปวา แลวทานอาจารยไดเห็นกระดูก
ทานอาจารยหรือไม ทานคงรําคาญความดื้อดึงวายากของศิษยผูนั้นจึงหลุดปากมาวา
“เห็นซี อาตมาเห็นกระดูกอกอาตมาทุกวัน ใสเปนแกวแลว” ความขอนี้ไมไดเปนที่แพรหลาย
มีศิษยผูนั้นทราบเพียงคนเดียว และเก็บปากคําเงียบ ดวยรูตัววามีความผิดอยู นาประหลาดใจที่มี
ผูมาบอกตรงกัน วันหลัง ขณะกําลังถกเถยงกั ี นวา พระธาตุเหลานี้จะเชื่อไดหรือไมวาเปนของทาน
พระอาจารยจวน ไดมีพระธาตุผุดขึ้นอีกทีละองคหลายครั้ง ครั้งแรกที่ภูวัว ตอหนาทานพระอาจารยคํา
กาญจนวัณโณ ครั้งที่สองที่บานลาดพราวตอหนาทานพระอาจารยปนฯ ไดเพิ่มขึ้นเปนระยะ ๆ จนเทา
ปจจุบันนี้ วันหนึ่งไดสังเกตเห็นพระธาตุลักษณะกลมเล็กสีดําเพิ่มมาอีกองคหนึ่ง (ปจจุบันนี้โตกวา
องคเดิมมาก) คืนหนึ่ง...ขณะกําลังอานหนังสือกอนนอน ไดยินเสียงแกรก เหมือนมีอะไรตกลงมา
ที่แวนตาถอด แวนดูไมเห็นอะไร จึงใสแวนอานหนังสือตอไป ดยินเสียงแกรกอีก ถอดแวนอีกครั้ง
ก็ยังไมเห็นอะไร จึงใชนิ้วลูบบนเลนส เพราะเสียงแกรกนั้นดังชัดมาก จึงไดพระธาตุองคนี้ สีดําเปน
มันเลื่อม ตอมาโตขึ้น
พระธาตุอาจารยจวนเสด็จ
วันนั้นเปนวันหยุดฉัตรมงคล ๕ พฤษภาคม ๒๕๒๕ กําลังชวยกันเลือกอัฐิ และพระธาตุของทาน
พระอาจารยจวนอยูที่หนาหอง ซึ่งทานเคยนอน ขาพเจาบนวา “พวกเรามาจัดพระธาตุถวายเชนนี้ใกล
เกลือกินดาง เห็นพระธาตุแตไมมีสิทธิไดไวบูชาสักองค เพราะตองเก็บรวบรวมสําหรับเจดียหมด
บนเสร็จ ตาก็เหลือบมองไปที่รูปของทาน ซึ่งปดอยูเหนือประตู รูปนั้นทานอาจารยกําลังยิ้มอยางเมตตา
ขาพเจาพูดขึน ้ วา “ ทานอาจารยขอพระธาตุบางไมไดหรือเจาคะ ” ทันใดนั้นก็มองเห็นสายสีขาว
เหมือนแพรบาง ลอยพลิ้วออกมาจากรูปทาน ขาพเจาคิดวาลมคงแรง แพรขาวซึ่งคงคิดรูปทานอยู
(แตเราไมทันเห็นมากอน) จึงลอยตกลงมาสายแพร (ซึ่งเรามองเห็นเชนนั้น) ลอยลงมาในมือซาย
ขาพเจา ซึ่งเผอิญกําลังหงายมือรออยูพอดี ปรากฏกลายเปนพระธาตุแกวผลึกใสองคหนึ่ง!
โดยที่เห็นวาพระธาตุองคนี้เสด็จมาในวันฉัตรมงคลอันเปนมงคลวาร เมื่อสมเด็จพระนางเจา
พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดําเนินภูทอกันวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๖ จึงไดทูลเกลาทูลกระหมอม
ถวายพระธาตุองคนี้ไป
๘๔๑

คืนวันนั้น วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๕ ทอดกฐินเสร็จแลวขณะขึ้นไปรวมกันบนศาลายอดเขา ขั้นที่ ๕


เพื่อจะนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุที่อญ ั เชิญมาใหสักการะ กําลังเลากันถึงพระธาตุ
ปาฏิหาริย มีผูบนอยากเห็นกับตากันมาก ไดยินเสียงแกรกเบา ๆ แตไดยน ิ ทั่วศาลามีเสียงคนรองวา
พระธาตุเสด็จ ทานพระอาจารยบุญเสวย เตชวโร แหงวัดปาบุรีรัตนพัฒนาราม อําเภอในเมืองจังหวัด
บุรีรัมย ซึ่งพาคณะจังหวัดบุรีรัมยมารวมทอดกฐินดวย ไดชวยมองหา พบพระธาตุตกลงมาอยูหนารูป
ทานพระอาจารยจวน ๒ องค ลักษณะสีขาว ๑ องค และดํา 1 องค คนในศาลาซึ่งมีอยูพลันลุกฮือมา
ขอดูกันแนน ระหวางนั้น ไดมีพระธาตุเสด็จอีกหลายองค ตกลงบนผาสักหลาดสีแดงที่ปูโตะรอง
ที่ตั้งพระธาตุ ขาพเจาจึงประกาศวาหากพระธาตุตกลงนอกตลับที่ใสพระธาตุแลว ทานผูใดเห็น
ก็เชิญเก็บไวไปบูชาได ปรากฏมีผูไดพระธาตุไปกวาสิบคน
ในเวลาไมกี่นาทีตอมา เมื่อทุกคนกําลังสนใจขมพระธาตุปาฏิหาริยชุดอื่น ๆ กันอีก บางคนกําลัง
ชี้นิ้ววา องคนั้นสวยเหมือนเพชร องคนี้เปนรุงเหมือนโอปอล องคนั้นงามกวา องคนี้งามมากไปกวา
กลุมที่ดูพระธาตุชุดปาฏิหาริยมาบนโตะทํางาน ก็ไดเห็น...ณ จุดตรงซึ่งเปนที่วาง ไมมีพระธาตุ
ประดิษฐานอยู พระธาตุ ๒ องคลักษณะกลมเปนแกวผลึกใสเหมือนเพชร ไดวิ่งมารวมกันเปนองคเดียว
เปนแกวผลึกใสเหมือนกัน แตเปนลักษณะหกเหลี่ยมและยาว เสียงรองอุทานดังลั่น ตางยืนยันกันวา
ไดเห็นภาพอันนาอัศจรรยนั้นเหมือน ๆ กัน
พระธาตุ ๒ องควิ่งมารวมกันเปนองคเดียว จากลักษณะกลมเปนลักษณะเหลี่ยมและยาว
นาอัศจรรย จริงไหม หลายคนคอยจองดูพระธาตุเสด็จ...ซึ่งหลายคนก็โชคดีเก็บกลับไปอวดญาติมิตร
ทางบาน สุดทายมีผูออกความคิดวาผูที่ยังเหลืออยูที่ไดเห็นพระธาตุปาฏิหาริย ควรจะบันทึกชื่อกันไว
เปนหลักฐานเพื่อสอบทานเปนพยานอางอิงได
เทาที่มอบชื่อใหไว คือ
คุณศุรีมาศ วิทยผโลทัย จากชลบุรี
คุณวิไล เอื้ออนันต กรุงเทพฯ
คุณมณีรัตน โมกขพันธุ พระโขนง
คุณดวงทิพย ผลประไพ ชลบุรี
คุณสมใจ มฤคไพรวัน สงขลา
พระอธิการบุญเสวย เตชวโร วัดปาบุรรี ัตนพัฒนาราม บุรีรัมย
๘๔๒

พระธาตุจากเสนเกศา
๑. พระธาตุจากเสนเกศาทานพระอาจารยจวน องคแรกที่ปรากฏเปนของแมชีโสดา เคนยา
ซึ่งเวลานี้อยูที่อุดร แมชีเลาวา เก็บเสนเกศาของทานพระอาจารยไวในขวดแกวเปลี่ยนเปนกอนกลม
บางคืนสวางเรืองไปทั้งกุฏิ บางวันหอมตลบไปหมด ไดนําความกราบเรียนทานอาจารยตั้งแตทาน
ยังมีชีวิตอยูทานไดไปดูที่กุฏิ และใหเก็บรักษาไวใหดีเปนมงคล ขาพเจาไดมีโอกาสดูเปนครั้งแรก
เมื่อทานมรณภาพแลวใหม ๆ ลักษณะเปนพระธาตุสีนวล ภายหลังไดเห็นอีก ปรากฏวามีขนาด
ใหญขึ้นมากจากที่เห็นครั้งแรก
๒. พระธาตุจากเสนเกศา ทานพระอาจารยจวน ที่เกิดขึ้นเมื่อทานมรณภาพแลว ลักษณะปรากฏ
เชนในขอ ๑
หลังพระราชทานเพลิงศพ (๑๘ เมษายน ๒๕๒๔) ประมาณ
ปเศษ ทางวัดรื้อกระสอบผงถานและอังคารที่นําขึ้นไปเก็บ
บนยอดเขา นอกจากไดพบอัฐิกําลังแปรเปนพระธาตุและ
พระธาตุจํานวนมากมายแลว ยังไดพบ สําลีจีวร และดาย
ตราสัง ปนอยูกับผงถานจํานวนหนึ่ง ซึ่งจีวรสวนใหญยังไม
ไหม คงเปนสีเหลือง ขณะนั้นไมมีใครทันคิด ไดปลอยให
ลมพัดจีวรและสําลีปลิวไปหมด เมื่อพบจีวรและสําลีมากเขา
ขาพเจาจึงเสนอความคิดจะเก็บเปนพิพิธภัณฑ แตนา
เสียดายที่เหลือเพียงเล็กนอยและที่เปนสีดําเทานั้น
นาคิดวาสําลี จีวร และดายถูกไฟไหมเผาตลอดคืน
แตไมไหม
อัฐิกําลังแปรเปนพระธาตุ

การปรากฏองคของพระธาตุถาไมใชการตกลงมาตอ
หนา ก็จะทําใหเราเห็นไดชัด เชนในกลุม พระธาตสุ ีขาว
องคเล็ก จะเกิดพระธาตุสดี ํา...หรือในกลุมพระธาตสุ ีดํา
จะเกิด พระธาตุแกวใสองคเล็ก

ในการจัดทําหนังสือ “มาตาบูชา” นี้ ขาพเจาไดจัด


พระธาตุเปนหมวดหมูเตรียมไวเพื่องายตอการบันทึกภาพ
กําหนดเชิญชางภาพมาถายวันที่ ๒๕ พฤษภาคม
ก็ตองจัดเตรียมใหเสร็จตั้งแตกลางคืนวันที่ ๒๔ ถึงเวลา สําลีจีวร และดายตราสังที่ไมไหมไฟ
ถายภาพ ปรากฏมีพระธาตุเพิ่มขึ้นจากที่จัดไวเมื่อคืน
วันที่ ๒๔ บาง ปรากฏใหเห็นกับตาบาง บางครั้งยังเห็น
องคพระธาตุเคลื่อนตัวขึ้นลงอยูดวยซ้ํา

เชนเมื่อกําลังถายภาพ ดังวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๘ ปรากฏพระธาตุแกวใส ๓ องคขึ้นทีเดียว


ทามกลางกลุม พระธาตุสีดํา และในที่วางหางออกจากตรงที่เรากําลังเตรียมถายภาพ จะมีพระธาตุผด

ขึ้นครั้งละ ๑-๒ องค ตอมาเมื่อลางฟลมสไลดภาพที่ถายไวเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคมมาดู
ยังขาดภาพ พระธาตุบางตอนอีก จึงถายภาพเพิ่มในวันที่ ๔ มิถุนายน อีกครั้งหนึ่ง
ปรากฏวา กลุมพระธาตุที่มีปาฏิหาริยพระธาตุแกวใส ๓ องคในวันที่ ๒๕ พฤษภาคมนั้น
ถึงวันที่ ๔ มิถุนายน กลับกลายเปนมีพระธาตุแกวใส ๔ องค คงเพิ่ม๑ องค สวนที่แยกเก็บไววา
พระธาตุปาฏิหาริยทีละ ๑-๒ องค รวมเปน๗ องค ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคมนั้น ครั้นถึงวันที่ ๔ มิถุนายน
เพิ่มอีก ๑ องค กลายเปน ๘ องค
๘๔๓

รัศมีสวางไสว
ในวันถายภาพเพิ่มเติม วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๒๘ ขาพเจาไดตักพระธาตุออกแจกใหนอง ๆ
ที่ทํางาน ซึ่งรวมเหนื่อยในการถายภาพ ครั้งแรกไดใหพระธาตุชนิดแกวมุกดาคนละ ๓ องค
ตอมาวาจะใหพระธาตุเปนแกวใสดุจเพชรอีกคนละ ๒ องค
เฉพาะเมื่อจะสงพระธาตุแบบแกวใสใหคุณไสว ศรีสังข ยังไมทันถึงมือเธอก็มีแสงรัศมีสวางวาบ
จากชอนตักพระธาตุ เจิดจาราวกับแสงฟาแลบ พุงเขาตาทั้งผูใหและผูรับ จนตองรองออกมาดัง ๆ
และเห็นพระธาตุแกวใสองคที่สามเสด็จมาประดิษฐานในชอนเล็กคุณไสวปตจ ิ นขนลุกน้ําตาคลอ
เทาที่สังเกตไดในขณะนี้พระธาตุทานพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ มีสีสันวรรณะแตกตางกัน พอจะแยก
ออกตามประเภทตางดังนี้
๑. สีขาว
๒. สีพิกุลแหง
๓. ลักษณะเปนมันเยิ้ม และคอยแปรเปนแกวสีขาว
๔. ลักษณะเปนผลึกแกว ครึ่งขุนครึ่งใส-สีขาว
๕. ใสประดุจเพชร (สวนใหญขนาดเมล็ดพันธุผักกาด)
๖. สีดําปนเทา เปนมันเยิ้ม
๗. สีเขียวไขนกการเวก
๘. สีดําสนิท มัน ลักษณะเปนเหลี่ยม รี กลม
๙. สีชมพูใส
เปนที่นาสังเกตวา พระธาตุที่ลักษณะดูเปนมันเยิ้มนั้น ตอไปมักจะแปรเปนแกวผลึก
ลักษณะการแปรเปนพระธาตุจากผงอังคาร
ลําดับ ๑ ผงอังคาร (ถาน)
ลําดับ ๒ มีจด
ุ เล็กเหมือนไขปลา สีขาวเทาเกิดขึ้น
ลําดับ ๓ ไขปลานั้นเริ่มโต มีขนาดโตขึ้น สีเทาดํา
ลําดับ ๔ สีเทาดํา เริ่มขาวขึ้น-ขนาดพระธาตุก็ใหญขึ้น
ลําดับ ๕ ลักษณะพระธาตุสมบูรณขึ้น ซึ่งมักจะเขาลักษณะเมล็ดขาวโพด
ลักษณะการแปรเปนพระธาตุจากอัฐิ
ลําดับ ๑ กระดูกตามธรรมชาติ
ลําดับ ๒ กระดูกเริ่มแปรสภาพเปนพระธาตุ แยกเปน ๒ ลักษณะ
๒.๑ กระดูกที่มีลักษณะฟองกระดูกเปนรูพรุน ฟองกระดูกจะเริ่มหดตัว รวมตัวเขาเปน
ผลึกฟองกระดูกบางสวนจะยังคงสภาพอยู
๒.๒ กระดูกที่เปนชิ้นยาวแนวเยื่อกระดูกที่เห็นเปนเสนบาง ๆ ตอไปจะแปรเปนพระธาตุ
ตามแนวเสน จะเกิดผลึกขยายขึ้นจนเต็มองค ลักษณะสัณฐาน มักจะมีขนาดใหญเล็ก และรูปลักษณะ
ตามชิ้นกระดูก ไมเปลี่ยนไป
ลําดับ ๓ สภาพใกลจะเปนพระธาตุมากขึ้น
๓.๑ พระธาตุลักษณะนี้แปรสภาพจาก ๒.๑ สวนที่เปนผลึกหินนั้นจะมากขึ้น สวนที่เห็น
เปนฟองกระดูกจะนอยลง ลักษณะเริ่มมนมีสัณฐานกลม รี เมล็ดขาวโพด เห็นสวนฟองกระดูกติดเพียง
เล็กนอย
๘๔๔

๓.๒ พระธาตุลักษณะนี้มักจะคงรูปกระดูกเดิมไว โดยแปรจาก ๒.๒ เยื่อกระดูกที่เกาะ


เปนผลึกหินปูนจะขยายตืน ้ ขึ้นจนเกือบเต็มรูพรุนกระดูก ประมาณเห็นสวนกระดูกเหลือเพียง ๑๐-๒๐%
ลําดับ ๔ เปนพระธาตุโดยสมบูรณ
มีรูปสัณฐานตางกันหลายแบบ เชน เหลี่ยมบาง กลมบางรีบาง เหมือนเมล็ดขาวโพด
บางขนาดตาง ๆ กัน คือ ขนาดเมล็ดพันธุผักกาด เมล็ดขาวโพด หรือใหญเล็กตามรูปกระดูก
ลักษณะการแปรเปนพระธาตุจากเสนเกศา
ลําดับ ๑ เสนเกศาตามธรรมชาติ
ลําดับ ๒ เสนเกศาจะหยงตัวขึ้นและมารวมตัวกันเขา ติดกันเปนแพเล็ก ๆ
ลําดับ ๓ แพเหลานั้นจะรวมเปน กอน
ลําดับ ๔ เริ่มลักษณะเปนพระธาตุ สีน้ําตาลออนคลายสีพิกุล
ลําดับ ๕ เปนพระธาตุโดยสมบรณ ู สีพิกุลแหง หรือนวล
โดยที่มีผูสนใจเรื่องอัฐิกลายเปนพระธาตุ
 มาก ทั้งดวยความเคารพเลื่อมใสศรัทธา ทั้งดวยความ
ใครรูตามวิสัยปุถุชน เราบนกันวา สวนใหญเรามักจะไดกราบพระธาตุกันก็เมื่อทานเปนพระธาตุแลว
อัฐิและอังคารทานคอยๆ เปลี่ยนทีละนอย หรือเปลี่ยนทันที ใชเวลานานเทาไรกวาจะเปนพระธาตุ
โดยสมบูรณ ? อัฐิทานเปลี่ยนเปนพระธาตุไดเพราะอะไร?
ขาพเจาไมไดเปนผูเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และไมมีความรูความสามารถที่จะอธิบายได แตจาก
ประสบการณที่ไดกราบอัฐิธาตุครูบาอาจารยมา สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง แปรสภาพเปนระยะ ๆ
(ตามชวงเวลาที่บังเอิญเปดทําความสะอาด จัดทีบ ่ ูชา หรือมีผูขอชม) จึงขอเรียนถึงความคิดเห็นความ
เขาใจของตน ซึ่งคงจะพอตอบขอซักถามตาง ๆ เหลานั้นได บาง คือ
๑. อัฐิหรืออังคารของทานคอย ๆ เปลี่ยนแปรสภาพแนนอน แตมีที่เปลี่ยนทันทีบางนั้นจะเปนการ
ปาฏิหาริย เชน ในกรณีทานพระอาจารยจวนมีผงถาน (บางกรณีก็เปนผงถานปาฏิหาริย คือ เกิดผงถาน
ขึ้นเดี๋ยวนั้นที่หนาเมรุของทาน) ใสโถแกวไว เปดบางครั้งจะมีอัฐิลอยอยูบนหนา แรก ๆ เปนขนาดเล็ก ๆ
ระยะหลังครัง้ หนึ่งเปดโถแกวพบอัฐิชิ้นใหญ ๆ วางอยูเต็มหนาโถแกวนั้น ขาพเจาขนลุกซูถึงกมลงกราบ
พระคุณของทานนั้นหาประมาณมิได เกินรู เกินคิดของเราจริง ๆ
๒. ใชเวลานานเทาไรกวาจะเปนพระธาตุโดยสมบูรณ ขอนี้ตอ  งขอเรียนวาเทาที่พบเห็นมานั้น
ไมอาจกลาวตายตัวไปได บางครั้งก็เร็วมาก วันนี้เปนผงถาน พรุงนี้เปนพระธาตุเลย (ซึ่งเขาลักษณะ
ปาฏิหาริย) แตสวนใหญจะเปนเวลาแรมเดือน แรมปและอัฐิก็ไมไดเปนพระธาตุหมด หรือพรอมกัน
หรืออยางในกรณีพระอรหันตนิรนาม ซึ่งบันทึกไวตางหากแลวมีผูนําผงอัฐิธาตุทานมาให และครั้งแรก
ขาพเจาไมเชื่อวาเปนอัฐิธาตุพระอรหันต เพราะมีลักษณะคลายผงเปลือกหอยแตก เก็บไว๓-๔ ป
จึงเห็นเปนพระธาตุและก็มิไดเปนหมด ยังคงเหลือผงอัฐิอีกมาก
ผงอัฐินั้น ผูใหเลาวาบิดาของทานไดจากคุณปูและคุณปูไดจากเจดียราง เวลา ๓ ชั่วคน นาน
เทาไรและเวลาที่บรรจุในเจดียจนเจดียรางอีกเทาไร แตอัฐิธาตุของทานก็ยังแปรเปนพระธาตุไมหมด
๓. อัฐขิ องทานแปรเปนพระธาตุไดเพราะอะไร เปนเรื่องเกินรู เกินคิดของผูเต็มไปดวยกิเลสหนา
ปญญาหยาบอยางขาพเจา จึงไดขออัญเชิญขอเขียนของพระคุณเจา ทานพระอาจารยมหาบัว
ญาณสัมปนโน มาลงพิมพไวในตอนที่กลาวถึง พระธาตุทานพระอาจารยมน ั่ ภูริทัตตมหาเถระ
ที่ผานมาแลว
๘๔๕

ปฎิหาริยพระธาตุ
เมื่อครั้งวัดสุปฎวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี
ทําพิธีฉลองสมโภช พรอมทั้งฝงศิลาฤกษตึกมหาเถระ
ที่จะสรางขึ้นในวัด อยูมาคืนหนึ่ง ทานอาจารยลีที่
เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปรวมงานฉลอง กําลังนั่งสมาธิ
ในโบสถ มีความรูสึกวา เวลานั่งหลับตาไดบังเกิดแสง
วาบๆขึ้น เหมือนแสงนีออนเปดๆ ดับๆ ตางคนตางลืมตา
ก็ปรากฎวามีคนเก็บพระธาตุไดสองสามคน พอดึกเขาก็มี
ปริมาณมากเขาทุกที มีคนนั่งอยูประมาณ ๕๐ คน ชักให
เกิดความสงสัยและสนเทหแกคนภายในและภายนอก
โบสถมากมาย เมื่อดึกพอสมควรจึงไดหยุดพัก
รุงขึ้นเวลากลางวัน ก็เกิดมีเรื่องอื้อฉาวในตลาด
เพราะมีชายคนหนึ่งไมเคย เขาวัดเลยมาเลาวา เมื่อคืน
ฝนเห็นดาวตกที่วัดสุปฏวนารามเยอะแยะ นึกวาคราวนี้

ถามีสิ่งศักดิสิทธิ์ที่เกี่ยวกับพระศาสนาอีกจงไดแสดงออกมา ตอมาตอนเย็นมีนายประมงจังหวัด
ไดนําเพือนหญิงคนหนึ่งมา หาทานอาจารย ผูหญิงคนนั้นมีอาชีพเปนครู คิดจะลาสามีมาคอย
ติดตามทาน เพราะติดใจในธรรมะที่ทานพูดอยางอัศจรรย จึงตัดสินใจหนีออกจากบานใหไดในคราวนี้
สวนสามีขื่อนายประสงค ทํางานอยูธนาคารจังหวัดอุดรธานี เปนคนนับถือคริสตศาสนา เขาใจวา
ภรรยาเปนคนผิดปกติ จึงคอยติดตามอยูเสมอ และมีคนบอกวาเขาถือคริสตแลว ทําไมจึงนั่งอยู
ในโบสถทั้งสามี และภรรยา แลวก็เกิดขาวลือเกี่ยวกับพระธาตุวา พระอาจารยลีมีอุบายหลอกลวง
ผูคนใหหลงเชื่องมงาย เมื่อทานอาจารยลีทราบดังนั้น ไดเชิญผูที่อยากเห็นความจริงเขามาในโบสถ
มีพระอริยคุณาธารนั่งอยูหนาพระประธาน พระภิกษุนอกนั้นหนีหมด เพราะเปนเวลาดึกแลว
หรือจะอับอายก็ไมทราบ ครั้งประชุมพรอมกันเปนอันดี ทานอาจารยลีก็สั่งใหทุกคนในที่นั้นนั้งสมาธิ
และบอกวา “ ถาใครไมเชื่อใหนั่งนิ่ง ” แลวทานไดตั้งจิตอธิษฐานวา “ ขออํานาจพทธปฎิหาริยจงได
ชวยอยาใหพระพุทธศาสนาไดรับการดูหมิ่นเหยียดหยามเลย ”

เมื่ออธิษฐานแลวนั่งสมาธิไดครูหนึ่ง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาวนเวียนอยูรอบๆ ตัวทานอาจารยลีก็บอก


ใหทุกคนลืมตา และบอกนายประสงค สามีครูคนนั้นวา “ ลืมตาดูอาตมา อาตมาจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ”
พูดเสร็จทานก็ลุกขึ้นจากเกาอื้ ยืนสะบัดจีวรบนอาสนะใหเขาดู พลางพูดวา “ โยมพระธาตุเสด็จ
๘๔๖

คนที่นั่งตรงหนาอาตมาจะไดพระธาตุ ” ในทันใดก็มีเสียงวัตถุชิ้นหนึ่งตกลงบนพื้นโบสถ มีโยมผูหญิง


คนหนึ่งลุกขึ้นจะตะครุบ แตของชิ้นนั้นวิ่งหลุดจากงามมือมาใกลที่ทานอาจารยลีนั่ง มีอีกคนจะวิ่ง
ตามมา ทานไดรองหามไว ตอมาวัตถุชิ้นนั้นไดแลนไหวไปหยุดตรงหนาครูหญิงภรรยานายประสงค
ทานอาจารยลีจึงอนุญาตใหครูเก็บไว ทานบอกสั้นๆวา “ ของโยม ”

ในที่สุด คืนนั้นมีคนไดพระธาตุไมต่ํากวาสิบคน คนในเมืองอุบลราชธานีที่ยังสงสัยในทาน


อาจารยลียังมีอีกหลายคน แตเขาไมเปดเผย คนที่กลาเปดเผยไดแกแมทองมวน เซียสกุล
แกอธิฐานดังๆวา “ ถาอาจารยองคนี้ปฏิบัติจริง ขอใหผาไตรผืนนี้ตกแกพระอาจารย ”
เมื่อการจับสลากกันแลว ปรากฎวา ผาไตรของนางทองมวนตกแกทานพระอาจารยลี

เปนที่ทราบกันโดยทั่วไป ในหมูศิษยของทานวา ทานอาจารยลีสามารถอัญเชิญพระธาตุเสด็จ


มาสูตนไดเสมอ เมื่ออัญเชิญไดก็จะมาแจกจายใหแกศิษยานุศิษยที่ใกลชิด และไดนํามาบรรจุไวที่
พระเจดียวัดโศการาม เปนเจดีย ๑๓ ยอด เรียกวา “ ธุตังคเจดีย ” จากหนังสือประวัติของทานซึ่ง
พล.ท.พงษ ปุณณกัณต ศิษยทานผูหนึ่งไดจัดพิมพแจกจาย มีเรื่องเลาเกี่ยวกับพระธาตอยูหลาย
เรื่องแตจะนํามาเลาเฉพาะเรื่องที่ทานสามารถอัญเชิญพระธาตุไดครั้งแรก ซึ่งทานเลาไววา

เมื่อพักอยูที่วัดบรมนิวาส มีผูมาฝกสมาธิมาก
มีผูหญิงคนหนึ่งชื่อ ขอม เปนชาวจังหวัดลพบุรี
ไดนําพระธาตุมาถวาย ๓ องค จึงถามวาเอามา
จากไหน ไดรับคําตอบวา ไดอาราธนามาจาก
พระพุทธรูปที่ตั้งอยูบนหัวนอนของทานพอนั่นเอง
ตอมาก็นึกลังเลสงสัยในเรื่องพระบรมธาตุวามาได
อยางไร กาลตอมาไดเดินทางพักที่วัดมณีชลขันธ
อําเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ถึงวันพฤหัสบดี
กลางเดือน ๖ ไดประกอบพิธีวิสาขบูชา วันนั้นได
คิดในใจวา พระบรมธาตุนี้ถาไมไดเห็นกับตา
จะไมยอมเชื่อ เพราะจริงหรือไมจริงก็ไมทราบ
จึงไดตั้งสัตยาธิษฐานนั้งสมาธิตลอดสวาง
และไดตั้งพานไว ๔ พาน โดยทําการอารธนาดังนี้
๑. ขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิสิทธิ์
มีธาตุหู ตา จมูก ปาก อันเปนบอเกิดของ
รัศมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ถามี
ความจริงขอไดเสด็จมาในสถานที่บูชาคืน
นี้
๒. ขออัญเชิญพระธาตุของพระสารีบุตร
ซึ่งเปนพระสําคัญองคหนึ่ง
๓. ขออัญเชิญพระธาตุของพระโมคคาน
ซึ่งเปนผูมีฤทธิ์เสมอดวยพระพุทธองค
๔. ขออัญเชิญพระธาตุของพระสีวลี ซึ่งเปนผู
เมตตา จะไปไหนปลอดภัยทุกเมือ

พระธาตุทั้งหลายเหลานี้ขอจงมาปรากฎ ถาเปนความจริง ถาไมเห็นปรากฎในคืนนี้ พระธาตุ


ที่เขาถวายมาก็จะแจกจายใหคนอื่นไปใหหมด

ในคืนวันนั้น ไดนั่งตลอดรุง เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น. ไดเกิดความรูสึกขึ้นในใจ มีแสงสวาง


แดงๆ วูปวาบไปที่ตั้งพานบูชา พอรุง เชาสวางแลวก็ไดปรากฎพระธาตุตางๆ มีอยูทุกภาชนะสถานที่นั้น
๘๔๗

นับตั้งแตเวลาย่ําค่ําจน จนกระทั่งสวางไดใสกุญแจปดหมด ไมมีใครสามารถเขาไปไดเลย ตัวเราเอง


ก็ไมไดเขาไปอยูในที่นั้น ฉะนั้นจึงเปนสิ่งที่แปลกใจในชีวิตครั้งแรก ก็รีบเก็ยพระธาตุเหลานั้นใสหอ
ใสสําลี ใสผอบติดตัวไวดังนี้

พระสารีบุตร ๓ องค พระสีวลี ๓ องค พระโมคคัลลาน ๓ องค พระบรมธาตุ ๗ องค


เปนสีแกวผลึก สีดํา สีครีมเจือเหลืองแก แตที่แมขอมเคยนํามาถวายนั้น เปนสีมุกดา จึงถือติดตัวไป
ภาคเหนือ ในทางพระพุทธศาสนา ถือวาเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธเจา ณานสมาบัติ ผลของกรรม
และความคิดของชาวโลกนั้นเปนอจินไตย คือ สิ่งที่มีควรคิด คือ อาจมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น
โดยที่เราคาดไมถึงวาจะเปนไปไดเชนนั้น ทานจึงวาไมควรคิดใหรกสมอง

( จากหนังสือชีวประวัติพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย ทานอาจารยลี ธัมมธโร


วัดอโศการาม อําเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ )

พอไปถึงจังหวัดอุบลราชธานีแลว ก็ไดไป
ทําพิธีฉลองสมโภชพรอมทั้งฝงศิลาฤกษตึก
มหาเถระทีจะสร
่ างขึ้นในวัดสุปฏฯ อยูมาคืนหนึ่ง
ไดมีปรากฏการณขึ้นในเวลาประมาณ ๔ ทุมเศษ
กําลังนั่งสมาธิอยูในโบสถ เวลานั่งหลับตาได
บังเกิดแสงวาบๆ ขึ้นเหมือนแสงนีออน เปดๆดับๆ
ตางคนตางพากันลืมตาขึ้น ก็ปรากฏวามีคนเก็บ
พระบรมธาตุได ๒ - ๓ คน พอดึกเขาก็มีปริมาณ
มากเขาทุกที

(ชีวประวัติฯ หนา ๑๑๔ )

ถาการฉลองสมโภช ๒๕ พุทธศตวรรษจะสําเร็จ ขออัญเชิญพระบรมธาตุใหเสด็จมาเพิ่มเติมอีก จะเสด็จ


มาจากไหนก็ตามพอรุงสวางก็ไดพระบรมธาตุประมาณ ๑๐ องค เล็กๆเหมือนพลอยสีแดงปนอยูดวย

( ชีวประวัตฯ
ิ หนา ๑๓๒ )

วันหนึ่งเกิดนิมิตแปลกประหลาด คืนวันหนึ่งเงียบสงัด กําลังนั่งพิมพพระพุทธรูปอยูมีพระบรมธาตุองค


หนึ่งไดเสด็จมาบนเตียงนอน มีลักษณะคลายรูปใบโพธิ์ที่กําลังพิมพอยู

( ชีวประวัตฯ
ิ หนา ๑๓๕ )
๘๔๘

พระธาตุเสด็จมานี่ ถาใครไมเจอไมยักกะเชื่อ หลวงพอไปเทศนที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ พอเทศนจบ


แลว เขาเอากัณฑเทศนมาถวาย ผูอาํ นวยการบอกวา อุย พระธาตุเสด็จ มองไปผาขาวที่เขาปูไวขาว
โพลงเปนแหงๆ หลวงพอทักเขาวา คุณเอามาโปรยไวหรือเปลา มันเปนไปไดอยางไร ตอนไปนั่งทีแรก
มองดูแลวก็ไมมีอะไร พอเทศนจบแลว พระธาตุมากันเต็มเลย คนแยงกันเก็บ จึงไดแนใจวา ออ ที่เขา
วาพระธาตุเสด็จมาหาเขานี่มันจริง สิ่งที่มาเองนี่เปนอะไรก็ได เราจะรูวาเปนอะไรหรือไมเปนอะไรก็เก็บ
ไว มันเปนของแปลก

ั เถรวัตถุ หนา ๓๒๒ )


( จากหนังสือฐานิยต
๘๔๙

หลวงปูแหวน สุจิณโณ เขารับการรักษาที่โรงพยาบาล


มหราราช นครเชียงใหมครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๔
กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๖ สาเหตุเนื่องจากในวันที่
๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๖ ประสบอุบัติเหตุลม
ฟาดพื้นหองน้ําที่กุฏิวัดอยแมปง คณะแพทยตรวจพบ
กระดูกบริเวณตะโพกของหลวงปูราว มีอาการนาวิตก
( ขณะนั้นที่มีอายุ ๙๖ ป ) จึงนําเขาผาตัดดวน
ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๒๖ ตะโพกซึ่งแตก
๓ – ๔ เสียง ตองใชหัวกระดูกเหล็กแทน แตสิ่งที่นา
อัศจรรยยิ่งก็ คือ กอนกระดูกที่ถกผ
ู าออกมา แทนที่จะ
เปนกระดูกธรรมดา กลับกลายเปนกอนแกวใส ซ้าํ ยัง
กลมดั่งองคพระธาตุบรรดาศิษยานุศิษย และผูทท ี่ ราบ
ขาวตางกลาวขานกันไปตางๆ นานา ที่สุดก็สรุปไดวา
ดวยเดชแหงบารมีธรรมทีท ่ านไดประพฤติปฏิบัติมาทั้งใน
อดีตชาติและในปจจุบันชาติ สงผลใหทานหลุดพนจาก
วัฏสงสาร แมกระทั้งกระดูกที่ถูกผาตัดออกมา
ยังกลายเปนพระธาตุทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู

พระธาตุหลวงปูแหวน

ในวันพระราชทานเพลิงศพของหลวง
ปูแหวน มีประชาชนชาวไทยมากมาย
หลั่งไหลไปรวมงาน ขณะนั้นกําลังชุลมุน
อยูนั้น พลันก็ไดยินเสียงคนหนึ่งอุทานกลาว
คําวา พระธาตุหลวงปู ทุกคนหันไปตาม
ที่มาของเสียง ชายผูนั้นทราบนามภาย
หลังวา ชื่อ คุณสมชาย เย็นสนิท
และคุณประเทือง กําเนิดสุข เขาทั้งสอง
กอบเอาเศษเถาถานที่ปนอยูกับดินโคลน
ใตโกศออกมาเลือก ปรากฏวาไดพบอัฐิของ
หลวงปูแหวน สุจิณโณ ๖ ชิ้น ดวยกัน
โดยเฉพาะ คุณสมชาย และคุณประเทือง
ยกมือประนมขึ้นจรดศีรษะพรอมกลาวขึ้นวา
สาธุ ! คงเปนบุญบารมีของลูกที่เคยไดมี
ความสัมพันธมาแตปางกอนอยางแนนอน
หลวงปูจึงเมตตาใหอัฐิทั้งที่แปรเปนพระธาตุ
และยังไมแปรเปนพระธาตุใหลูกไว
สักการะบูชา ที่มหัศจรรยจนตองขนลุก
เกรียวไปตามกัน ก็คือ มีอยู ๒ ชิ้น
๘๕๐

แปรสภาพเปนพระธาตุแลว มีลักษณะเปนแกวผลึก ขุนบาง ใสบาง สําหรับอีกทานหนึ่งที่ไดรับ


อัฐิของหลวงปูแหวนที่ปนกับโคลนก็ คือ คุณสุจินต พุมเกต ไดเลาใหฟงวา ผมเปนลูกศิษยทาน
ใกลชิดทาน ทานคงเมตตาใหอัฐิผมมา เมื่อคุณสุจินตไดอัฐิหลวงปูแหวนมาปรากฏวา วันรุงขึ้นอัฐินั้น
ก็แปรเปนพระธาตุมีสีเขียวสีมรกต ตอมาพระธาตุไดมีปาฏิหาริยตางๆ โดยแปรจากสีมรกตมาเปนสีขาว

คุณสุจินตไดเลาความมหัศจรรยของพระธาตุหลวงปูแหวนอีกประการหนึ่ง ใหฟงวา
คงเปนปฏิหาริยของพระธาตุหลวงปูแหวนใหญาติสนิทมิตรสหายไป พระธาตุก็เสด็จมา
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกอนไปกราบนมัสการและปฏิบัติธรรมกับหลวงปูอยูเสมอ ทานจะสอนย้ําใหเจริญ
เมตตาอยเสมอๆ ซึ่งคุณสุจินตบอกวาเมื่อปฏิบัติตามแลว ก็วา งานที่วายาก็กลับกลายเปนงาย
เชนเวลาจะไปติดตอกับลูกคาก็ทําใจใหสงบแลวแผเมตตาใหลูกคากอน ปรากฏวาการติดตอนั้น
จะสําเร็จแทบทุกครั้งไป

สําหรับปาฏิหาริยจากพระธาตุของหลวงปูแหวน คุณสุจินตไดเลาเพิ่มเติมวา เมื่อหลวงปูแหวน


ไดปลงผม ขณะที่ทานยังมีชีวิตอยู คุณสุจินตก็นําเกศามาเก็บไวบูชาที่บาน และบางสวนก็ไดแจก
ญาติสนิทมิตรสหายไปบูชาอีกดวย ตอมาเมื่อหลวงปูแหวนมรณภาพ ไดกลับมาดูเกศาหลวงปูแหวน
อีกครั้ง ก็พบวาบางสวนไดแปรเปนพระธาตุไดอยางนาอัศจรรย และเมื่อมีคนทราบวา คุณสุจินตไดรับ
พระธาตุหลวงปูแหวน ไดแจกไปเรื่อยๆ แตก็มีคนมาขอไปบูชามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนตองปดผนึกแนน
ไมแกะออกมาดูอีก

นับตั้งแตคุณสุจินตไดพระธาตุมาบูชา ชีวิตของคุณสุจินตก็เจริญรุงเรืองเรื่อยมา จากที่เคยเปน


ลูกจางก็มีกิจการเปนของตัวเอง และฐานะดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้คุณสุจินตเชื่อวา การที่ชีวต
ิ เปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดี เชนนี้ นอกจากจะเปนปาฏิหาริยของพระธาตุแลว คงจะเปนเพราะ คุณสุจินตไดปฏิบัติ
ธรรมและแผเมตตาโดยสม่ําเสมอนั่นเอง

ที่สุดแหงการประพฤติธรรมของพระอริยสงฆเจา หลวงปูแหวน สุจิณโณ มีใชที่ลาภสักการะ


สรรเสริญ หากแตเพื่อเกื้อกูลสัตวโลกใหอยูรวมกันอยางสันติสุข อานิสงสนี้สะทอนใหเห็นชัดแจง
จากดวงตาของทาน ที่ละสิ้นแลวซึ่งกิเลสทั้งปวง ใสประดุจแกวเจียระไนที่สูงคาเปลงประกาย
ฉายเววแหงความกรุณาปรานีเปนนิตย ที่ทอดมองมายังสาธะชนทั้วไป
๘๕๑

พระธาตุเสด็จในดอกบัว
ครั้งเมื่อคณะเดินทางของพวกเรา ไดเดินทางไปยังวัดไทย
สาวัตถีในอินเดีย พรอมกับหลวงปูครูบาชัยยะวงศ คืนหนึ่งพวเราได
นั่งหอมลอมหลวงปู เพื่อรอเวลาใหรุงสวางที่จะไปวัดเชตวัน ผมเห็น
หลวงปูนําดอกบัว ๓ ดอก ซึ่งภายหลังเหี่ยวจนเปนสีน้ําตาล
ทานคอยๆ คลี่ออกมาทีละกลีบ พอทานคลี่ไปถึงกลีบที่ ๓
ผมสังเกตเห็นวัตถุสีขาวนวล แบนมน ยาวประมาณ ๑ นิ้ว คลายฟน
หลนจากกลีบบัว พวกเรานิ่งเงียบดวยความแปลกใจ มองดูทานคลี่
กลีบบัวตอไปอีก ๒ กลีบ ก็มีวัตถุสีสนั คลายชิ้นแรกหลนลงมาจาก
กลีบบัวเปนชิ้นที่ ๒ ทานคลี่กลีบดอกบัวไปเรื่อยๆ จนครบ ๓ ดอก
ปรากฏวามีวัตถุสีขาวนวล คลายชิ้นแรกปรากฏออกมารวม ๔ ชิ้น

และมีประมาณครึ่งเซ็นตอีก ๓ ชิ้น หลวงปูบอกใหผมไปหาผาสะอาดมารองรับ เพื่อทําการสรงน้ํา


พระธาตุและพระธาตุเขี้ยวแกว พวกเราตะลึงในเหตุการณที่เกิดขึ้นกับทุกคน ผมรีบไปหาผาสะอาด
ที่จะนํามาใหหลวงปูสรงน้ําพระธาตุ ไดพบผาเช็ดตัวพระสีเหลืองผืนหนึ่ง ตากอยูที่ราวภายในหองนั้น
จึงหยิบมาใหทาน ทานไดนําพระธาตุ ๗ พระองคมาสรงน้ําในแกวที่เราพอหาได และเห็นวาดีที่สุดใน
ขณะนั้นทีละองค ผมรีบบอกยังหมูคณะใหมา ชมบารมีพระธาตุเสด็จมาในดอกบัวของหลวงปูครูบาเจา
และผมไดไปนํากลองถายรูปพระธาตุที่เสด็จมาในดอกบัวทั้ง ๗ องค ตอจากนั้นหลวงปูไดเก็บพระธาตุ
ทั้งหมดไวกับตัวของทาน และไดนําคณะเดินไปยังวัดเชตวันตอไป

เกศากลายเปนพระธาตุ
ศิษยเกาแกของครูบาชัยยะวงศฯ ทานหนึ่งซึ่งอยู
ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งไดนิมนตหลวงปูมาพักที่บานระหวาง
เดินทางมาบาน หลวงปูไดมอบหลอดแกวเล็กๆ ซึ่งบรรจุ
เกศาของทานไวมาใหบูชาติดตัว เมื่อเธอไดรับหลอดแกว
บรรจุเกศาของหลวงปูก็ไดเก็บไวเฉยๆ ประมาณ ๔ – ๕ ป
จึงไดเอาหลอดแกวนั้นไปเลี่ยมทอง เพื่อใชหอยคอติดตัว
เปนประจํา
วันหนึ่งมีคนที่รูจักและสนิทกันมาทักทาย
และไดขอดูหลอดแกวที่ไดมานั้น เมื่อไดพิจารณาดูสักครู
จึงถามวา หลอดแกวนี้บรรจุทับทิมเอาไวดวยหรือ เธอรูสึก
แปลกใจที่ถูกถามเชนนั้น ตอบไปวา ไมไดใสอะไรเพิ่ม
เขาไปเลย นับตังแตไดมา คงมีแตเสนเกศาของหลวงปู
สีเทาขาวบรรจุอยูเต็มภายในนั้น แตเพียงอยางเดียว
คงยืนกรานอยางนั้น

แตทวาเพื่อนคนนั้นไดทวงวา ก็เห็นอยูนี่ไง จึงหยิบมาพิจาณาดูอยางละเอียดอีกครั้ง และก็ตองแปลก


ใจและดีใจเปนอยางมาก ที่ไดเห็นวาภายในหลอดแกวนั้น นอกจากจะมีเสนเกศาของหลวงปูแลว
ยังมีเม็ดทับทิมเล็กๆ อยูภายในนั้นดวย ตางคิดวาคงเปนเพราะบุญฤทธิ์และความเมตตาของหลวงปู
๘๕๒

เปนแน เสนเกศาของทาน จึงไดกลายเปนพระธาตุสทัี บทิม เหมือนปฏิหาริย ตอมาอีกระยะหนึ่ง


เสนเกศาที่เหลือของทาน ก็ไดเริ่มกลายเปนสีทองไปบางแลวอยางเห็นไดชัด ศิษยทานนั้นเลาดวย
ความดีใจ

ปาฏิหาริยพระธาตุเสด็จ
เมื่อราว ๑๗ ปกอน สมัยนั้นหลวงปู
ครูบาชัยยะวงศฯ ยังคงรับนิมนตลงมากรุงเทพฯ
อยูบอยๆ โดยเฉพาะงานทําบุญวันเกิดของทาน
ที่บรรดาลูกศิษยในกรุงเทพฯ รวมกันจัดถวาย
ใหในงานนี้มีลูกศิษยทานหนึ่งไดทําอาหารเจไป
ถวายและรวมเลี้ยงพระดวย เมื่อเสร็จงานแลว
ทางคณะกรรมการจัดงานไดมอบของที่ระลึกเปน
พระธาตุองคเล็กๆ ขนาดเม็ดขาวสารหัก
จํานวน ๓ – ๔ องค โดยบอกวาเปนพระธาตุที่
หลวงปูครูบาชัยยะวงศฯ ทานมอบใหมา

เมื่อกลับมาบาน จึงไดนําไปไวในหองพระ หลังจากนั้นมาก็ไมไดสนใจหรือเปดดูอีกเลย


จนเวลาลวงผานไปได ๑๗ ป ศิษยทานนั้นไดยายบานไปอยูที่ใหม และในวันทําบุญบานไดมีการสรง
น้ําพระธาตุดว ย จึงไดนําเอาภาชนะที่บรรจุพระธาตุที่ไดมาคราวนั้นออกมาดู ก็ไดพบวาพระธาตุมี
จํานวนเพิ่มมากขึ้น บางองคก็มีสีทอง ทําใหทุกคนรูสึกดีใจที่มีพระธาตุเพิ่มจํานวนขึ้นมารวมทั้งหมด
๙ องค ไดเก็บบูชาเปนอยางดี ตอมาหลังจากที่หลวงปูทานไดละสังขารไปแลว ทางคณะผูจัดทํา
หนังสือ ครบ ๑๐๐ วันที่ทานมรณภาพ ไดมาขอขอมูลบางอยางเพื่อนําไปลงในหนังสือดังกลาว
ศิษยทานนั้น จึงไดอธิษฐานจิตขออนุญาตตอหลวงพอที่จะนําเอาเรื่องที่พระธาตุเพิ่มจํานวนไปลงใน
หนังสือ และเอาพระธาตุไปถายขยายรูปใหเห็นชัดขึ้นที่รานถายรูป ก็ปรากฏพระธาตุสีทบ ั ทิม มุก
และสีตางๆ ไดเพิ่มจํานวนมากขึ้น จากเดิม ๙ องค กลับมีพระธาตุที่เพิ่มขึ้นเปน ๑๔ องค
ซึ่งเปนเรื่องนาอัศจรรย ยิ่งนัก

พระธาตุเสด็จในเกศา

คุณศุภชัย เปนศิษยใกลชิดอีกทานหนึ่ง ซึ่งคุนเคยกับทางวัดพระพุทธบาทหวยตมและหลวง


ปูครูบาชัยยะวงศฯ มานานพอสมควร โดยที่พี่ชายของคุณศุภชัยเปนผูชักชวน ในครั้งแรกที่ไปนั้น
หลังจากที่ไดทําบุญกับทานเสร็จแลว ขณะที่หลวงพอทานเดินกลับเขาหองพัก ก็ไดหยุดยืนมอง
ออกไปนอกหนาตางเพื่อดูสิ่งกอสรางตางๆ ที่ยังคางคาไมเสร็จ สังเกตเห็นวาทานเปนหวงงาน
กอสรางมาก ใบหนาและแววตาของหลวงปูที่คุณศุภชัยมองเห็น ขณะนั้นบงบอกถึงความรูสึกที่
วาทานเปนหวงและกังวลอยากที่จะใหงานเสร็จโดยเร็ว คุณศุภชัยไดถวายงานดานไฟฟาและแสงสวาง
ชวยงานทานตั้งแตนั้นมาตามแตทานจะบอกบุญใหงานมาทํา งานบุญใดที่เกี่ยวกับหลวงปูแทบจะไม
เคยขาดเลย คุณศุภชัยจะพยายามไปทุกครั้ง ครั้งหนึ่งหลังจากเสร็จงานที่วัด คุณศุภชัยก็ไดไปกราบ
ลาทานที่กุฏิ จึงขอแบงเสนเกศาของหลวงปูไปบูชาบาง ไดเอยปากถามทานตุเต ซึง่ เปนพระใกลชิด
หลวงปู ทานตุเตไดจัดการหาใหโดยใสตลับมาเรียบรอย และบอกใหมารับจากมือของหลวงปูเอง
ตอมาทานเรียกใหคุณศุภชัยไปรับตลับ บรรจุเสนเกศาจากทาน ตุเตมาไวในกํามือ ทานไดทําการ
บริกรรมอยูสกั ครู ก็มอบใสมือใหคุณศุภชัยเอาไปไวบูชาที่บาน เมื่อกลับมาที่บานก็เอาขึ้นหิ้งไวบูชา
โดยไดทําการเปดใหคนที่บานไดชื่นชมบูชา ก็เห็นเสนเกศาลวนๆ บรรจุอยูเต็มขางในและไมมีอะไรอื่น
อีกเลย เมื่อนํามาบูชาใสไวในผอบปดฝาสนิทในหองพระผานไปไดสักระยะหนึ่ง ก็มีเพือ ่ นคนหนึ่งรูขาว
จึงมาขอแบงไปบูชาบาง พอไปหยิบตลับเสนเกศามาเพื่อที่จะแบงใหเพื่อนก็ตองแปลกใจ ที่ภายใน
ตลับนั้นมีเม็ดพระธาตุเล็กๆ ๒ – ๓ องค สีเหลืองออนลักษณะกลมใสรวมอยูดวย โดยอยูปนกับเกศา
ของหลวงปู ทั้งที่ตอนแรกก็เคยตรวจดู แลววาไมมีอะไรอื่นปนอยูเลย นอกจากเสนเกศาที่นํามาใน
ตอนแรก เปนเรื่องที่นาอัศจรรยและดีใจมาก
๘๕๓

เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๙๔ ศิษยานุศิษย


ทั้งหลายก็พากันโศกเศราไปตามๆ กัน เมื่อทานมรณภาพ
ไปได ๗ วัน คณะศรัทธาครูบาอาจารย ศิษยานุศษ ิ ย ก็ไดทํา
พิธีเก็บศพทานครูบาอาจารยไวบนที่กุฏิ ซึ่งเปนที่เดิม
ของทาน พอถึงวันที่ ๘ พระภิกษุสามเณรไดทําวัตรเวลา
หัวค่ําบนกุฏิ ก็ไดยินเสียงดังขึ้นและมีแสงสวางในกุฏิ
พระภิกษุทั้งหมดก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน จึงวิ่งออกมาดูก็เห็น
เปนลําแสงสีขาว สีเขียว พุงขึ้นบนอากาศ แลวพุงไปทาง
ตัวเมืองลําพูนแลวหายไป
หลังจากคณะศรัทธาไดเก็บศพของทานไวประมาณ ๘
เดือนเศษ ก็ไดจัดการประชุมเพลิงศพของทาน โดยกอนจะ
ประชุมเพลิงศพ ไดอาราธนาศพของทานลงนอนในปราสาท

ทีสนามโรงเรียนวัดปาบุก ใกลเวลาจะประชุมเพลิง บังเอิญมีนักเลงพากันเอาไฮไลมาตั้งวงเลนกัน


ที่ทุงนา ไกลจากปราสาทศพของทานประมาณ ๑๐ กวาวาคงจะได พอลงมือเลนก็มีเจาหนาทีตํารวจ
สถานีตํารวจภูธร อําเภอปาซางออกมาตรวจความสงบเรียบรอยภายในงาน มีรอยตํารวจโทสงวน
ขําศรีบุตร เปนหัวหนาออกมาตรวจพอดีเขาเลานการพนันก็เขาทําการจับกุม เมื่อตํารวจจับกุมก็มีเสียง
ดังขึ้นที่ปราสาท และมีแสงพุงขึ้นมาตามเสาปราสาทขึ้นไปบนอากาศ เปนลําแสงสีขาว สีเขียว แลว
ก็ลอยไปทางพระธาตุหริภุญชัย เมืองลําพูน พวกคณะศรัทธาที่มางานตางก็ตกตะลึงกันทั้งงาน พอ
รุงเชาคณะศรัทธาก็ไดทําบุญตักบาตร อุทิศสวนกุศลใหทานครูบาศรี พอเลี้ยงเพลแลวก็ไดจัดการเข็น
ปราสาทศพของทานครูบาไปสูสุสาน พอถึงสุสานก็มีครูบาทานตางๆ ที่ไดอาราธนามาชักผาบังสกุล
และผามหาบังสกุล เสร็จแลวมีทานครูบาพรหมมา พรหมจักโก ( พระสุพรหมญานเถร ) สํานักวัด
พระพุทธบาทตากผา เปนผูจุดไฟประชุมเพลิง พอตกตอนกลางคืนก็มีลําแสงพุงขึ้นอยางที่เคยเห็น
คือแสงพระธาตุของทานครูบาศรี อริยวังโส นั่นเอง

คณะศรัทธาหลายหมูบานก็พากันไปดักดูพระธาตุของครูบาอริยวังโส มีชาวบาน พระภิกษุ


สามเณร ก็เห็นวาเปนพระธาตุของครูบาศรีจริงๆ จึงพากันไปรอนเอา เพื่อจะไดนํามาสักการะบูชา
แตที่ประหลาดก็คือ ไมมีใครสามารถรอนเอาพระธาตุไปได แมแตคนเดียว แมแตไดกระทําพิธีเอา
ดอกไม ธูปเทียนไปก็ขอไมได เพราะทานอาจจะเขาใจวาคนมากเกรงจะสูญหาย พอตกค่ํามา
พระอธิการวัดดอนตอง คือ พระทองคํา คัมภิโร หลับแลวฝนไปวามีพระภิกษุรูปหนึ่ง บอกวาถา
ศรัทธาวัดปาบุก อยากไดพระธาตุของครูบาจริงๆ ก็ใหไปเอาเถอะ อยูที่หวั แพลากนั่นเอง
เมื่อถึงตอนรุงเชาทานอธิการวัดดอนตอง พระทองคํา คัมภิโร ก็นําเอาความที่ฝนมาบอกให
พระอินถา ( ฮอม ) อภิชัยโย บอกใหผูเฒาผูแกและกรรมการวัด คณะศรัทธาวัดปาบุกจึงพากันไป
คนหาตาที่บอก และไดพบพระธาตุจริงๆ ทีแรกไดมาหนึ่งองคก็เอามาสระสรงน้ํา อบน้ําหอม
แลวก็หาไมรวกแดงมาทําเปนกระบอก โดยเอาปุยฝายใสไวดวย เก็บไวในตู ปดกุญแจไว
พรอมเก็บกระดูกของทานมาไวดวยตอมาวันสงกรานต ก็ไดนําเอาพระธาตุครูบาศรี อริยวังโส
มาสรงน้ํา เมื่อทานเจาอาวาสเอาลงมาสรงน้ํา ทานพระอธิการอินถา ( ฮอม อภิชัยโย) ก็มาดูก็พบวา
พระธาตุครูบาศรี แสดงปาฏิหาริย มีจาํ นวนเพิ่มขึ้นถึง ๒๕๐ องค มีใหญบางเล็กบาง ไมรูวาทาน
มาจากไหน คณะศรัทธาก็เลยสรงน้ําแลวก็เก็บไวในกระบอกที่เดิม พอทานเจาอธิการวัดดอนตอง
๘๕๔

รูเขาก็มาขอแบงเอาไปสักการะบูชาทางวัดปาบุกก็ไมขัดของ แบงเอาไปให พอเอาไปใหไมกี่วัน


พระธาตุครูบาก็กลับมาอยูที่เดิม คือที่วัดปาบุกนั่นเอง

คณะศรัทธาก็เลยมาทําหอสรงน้ําขึ้น แลวก็เอาพระธาตุองคเล็กกับอัฐิธาตุบรรจุไวขางบน
นอกจากนั้นก็เก็บพระธาตุองคใหญไวใหประชาชนผูศรัทธาไดทําการสรงน้ําเปนประเพณีตอไป งาน
ประเพณีสรงน้ําพระธาตุครูบาศรี อริยวังโส ทุกปตรงกับวันขึ้น ๑๒ – ๑๓ ค่ํา เดือน ๙ พระธาตุของครู
บาอริยวังโส ยังแสดงปาฏิหาริย มีแสงขึ้นไปบนอากาศสีขาว สีเขียว ลอยไปบนอากาศ หรือปรากฏ
แสงออกมาใหเห็นเกือบทุกวันพระตลอดมา

พระบรมสารีริกธาตุยอมทรงไวซึ่งความศักดิ์สิทธิ์สุดที่จะพรรณา บางครั้งแสดงอิทธิปาฏิหาริย
ใหเห็น เชน มีสส
ี ัณฐาน วรรณะตางๆ พวยพุงขึ้นไปบนอากาศ บางครั้งเสด็จจากพระเจดียองคหนึ่ง
ไปยังอีกองคหนึ่ง บางครั้งก็เพิ่มจํานวนหนึ่งองคเปนหลายๆ องค บางครั้งก็เสด็จหายไปหมดสิ้น
ปรากฏการณอันมหัศจรรยเหลานี้ เปนไปดวยอํานาจบารมีขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
นักปราชญราชบัณฑิตกลาววา เปนเรื่องอจินไตย ไมควรกลาววาเปนเพราะอะไร เพราะสุดวิสัย
ที่สามัญชนทั่วไปจะพึงรูได

คุณอารยะ หวังทวีวิทย เปนอีกทานหนึ่งที่มีเรื่องราวปฏิหาริยอันนาอัศจรรยใจเกี่ยวกับพระธาตุ


ปาฏิหาริยอันนาอัศจรรย พระธาตุทั้งหมดนอัลบั้มภาพพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของคุณ
อารยะทั้งหมดนั้น ทานทรงเสด็จมาโปรดคุณอาริยะแทบทั้งสิ้น นับวาทานเปนผูมีบุญวาสนาสูงที่ได
พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุจํานวนมากไวสักการะบูชา เปนสิริมงคลแกตนและทุกคนใน
ครอบครัว คุณอายรยะ หวังทวีวิทย เปนอีกผูหนึ่งที่บําเพ็ญธรรมตามแนวทางของเตา ประยุกตกับ
พุทธฝายเถรวาทอยางเครงครัด

ดวยผลบุญวาสนาอันสูงยิ่งนี้เองผลบุญของทาน ทําใหพระธาตุทั้งหมดเสด็จมาโปรด
จากอัลบั้มของภาพของคุณอารยะ เปนภาพพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุจํานวนมากมาย
รวมทั้งพระธาตุของพระอริยสงฆหลายองค อาทิ พระอาจารยมั่น ภูริทัตโต หลวงปูแหวน สุจิณโณ
หลวงพอพระพุทธบาทตากผา ฯลฯ
๘๕๕

สําหรับพระธาตุที่นาประทับใจมากที่สุดนั้นไดแก พระธาตุพระโพธิสัตวกวนอิม ซึ่งคุณอารยะ


หวังทวีวิทย กลาววา ในคัมภีรพระไตรปฎกฝายเถรวาท ไมกลาวถึงพระธาตุอวโลกิเตศวรกวนอิมไว
เลย แมแตในหนังสือทิพยาวทานชาดก กาลกะลิตวิสตระ ซึ่งเปนคัมภีรของมหายานก็ไมมีกลาวไว
แตมีปรากฏอยูในคัมภีรของมหายานสัทธรรมปุณฑริกสูตร ตามความเชื่อของผม พระกวนอิมโพธิสัตว
หรือพระอวโลกิเตศวรนั้น เห็นจะไมจริง แตเมื่ออานหนังสือประวัติพระถังซัมจั๋ง ตอนจาริกไปประเทศ
อินเดีย เพื่ออัญเชิญพระไตรปฎกมายังประเทศจีนนั้น พระถังซัมจั๋ง ไดรอนแรมไปในทะเลทรายโกบี
แตผูเดียว พรอมกับมาคูชีพตัวหนึ่ง เบื้องบนนภากาศไมมีสัตวปก เบื้องลางพื้นดินไมสัตวเลื้อยคลาน
ปราศจากน้ํา ปราศจากหญา ปราศจากผูคน มีแตดินทรายแลลดหลั่นละลิ่ว ทรายปลิวปวนปนไปไกล
ตั้งพันลี้ ทานอาจารยถังซัมจั๋ง อดอาหาร ๔ คืน ๕ วัน กระทัง่ ลมลงหมดแรงในทะเลทราย ไม
สามารถจะเดินทางตอไปได แตทานก็ยังคงสวดถึงพระโพธิสต ั วกวนอิมอยูตลอดเวลาดวยความศรัทธา

ในทันใดนั้นเหมือนไดฝนเห็นเทพเจาองคหนึ่งมาหา แลวบอกวา เหตุใดจึงมัวนอนอยูไมเดิน


ตอไป พระถังซัมจั๋งตกใจตื่นขึ้น รีบขึ้นมาก็พาวิ่งตรงไปอยางรวดเร็ว รั้งไวอยางไรก็ไมอยู มาวิ่งไป
ไดไมนานนักก็ถึงบอน้ําชื่อ บอมาปา ซึ่งเต็มไปดวยหญาดวยน้ํา พระถังซัมจั๋งก็ลงจากหลังมา ไดฉัน
น้ํารอดตาย ทําใหทานมั่นใจวาพระกวนอิมโพธิสัตวมีจริง ไดมาชวยทานใหพนภัย ถาพระกวนอิม
โพธิสัตวไมมีจริง แตเหตุใดพระถังซัมจั๋ง ผูมีชื่อเสียงเลื่องลือ ถึงไดยืนยันวาพระกวนอิมมีตัวตน
จริงๆได คอยชวยทานหลายครั้งตลอดชีวิต ตั้งแตทานแปลคัมภีรพระไตรปฎก เปนภาษจีนถึง
๗๔ กรณ เปนจํานวนใบลานเกือบพันผูก พระกวนอิมก็มาชวยใหจิตใจควบคุมสมาธิจต ิ ของทาน
ใหแปลไดถูกตองอยูตลอดเวลา ความยิ่งใหญในพุทธธรรมของพระถังซัมจั๋ง จึงเห็นไดตอนทาน
ดับขันธ พระเจาถังเกาจงฮองเตถึงกับทรงพระกรรแสง ตรัสวา ดวงมณีของชาติไดแตกไปเสียแลว
ใหหยุดราชการทั่วประเทศจีน ๓ วัน ไวทุกขหมดทั้งประเทศและในวันที่รัฐมีพิธีฝงศพพระถังซัมจง
มีประชาชนชาวจีนไปรวมงานมากมายถึงสองลานคน

คุณอารยะกลาววา ก็ในเมื่อพระถังซัมจั๋ง เคยไดพบพระกวนอิมมาแลว และในหนังสือจีนอีก


มากมายก็ยน ื ยันวามีผูไดพบเห็นพระกวนอิมอยูเสมอเปนเวลาพันปแลว ทําใหผมลังเลใจ เกิดวิจิกิจฉา
สงสัย จึงไดอธิษฐานถึงพระกวนอิมวา ถาทานมีจริงก็ขอใหเสด็จมาโปรด ผมไดอธิษฐานอัญเชิญ
อยู ๗ วัน อัศจรรยจริงๆ ในวันที่ ๗ นั้นเอง พระธาตุกวนอิมก็เสด็จมาจํานวน ๕ องค ปรากฏอยู
บนถาดทองเหลือง ที่ปกเทียนบูชา รูปหลอพระอวโลกิเตศวรปางประทานพร

สัณฐานพระธาตุกวนอิมลักษณะดังผลึกบางชนิด วรรณะดังหินออน ผมไมเชื่อวาเปนพระธาตุ


กวนอิม จึงอธิษฐานอีกวาถาเปนจริง ขอใหพระบรมสารีริกธาตุสององคในตลับจงรวมกันเขาเปน
องคเดียว ตอมาประมาณหนึ่งชั่วโมง พระบรมสารีริกธาตุสององคก็ติดกันแนนหนาอัศจรรยใจยิ่งนัก
จากนั้นอีกไมนาน ผมไดอธิษฐานอีก ขอใหพระกวนอิมประทานแกวสารพัดนึกให ทานเมตตา
ประทานตระกุดให ๑ อัน โดยลอยมาตกลงขางๆตัวในตอนกลางวัน
๘๕๖

ขณะนั่งทําสมาธิ ผมไดจางชางหลอรูปพระอวโลกิเตศวรหรือพระกวนอิมไวสักการะบูชาองค
หนึ่งเปนปางประทานพร พระอวโลกิเตศวรทุกปาง มีรูปรางอยางมนุษยสามัญ ทรงเครื่องอลังการ
วิภูษิตแบบกษัตริยอินเดีย มีครอบแกวขนาดใหญสวมไวปองกันฝุนละออง อยูมาวันหนึ่งฝุนละอองจับ
เกาะเปนรูปพระกวนอิมปางทรงยืนประทับบนดอกบัว ทรงถือแจกันน้ําทิพยและกิ่งสนเปนอัศจรรยยิ่ง
ตอมาไมนานผมไดอธิษฐานอีก คราวนี้พระกวนอิมทานประทานพระธาตุมาใหนับพันๆองค เปนสีดํามัน
ขลับเหมือนนิล ปรากฏการณอันเปนอิทธิปาฏิหาริยดังกลาวนี้ ทําใหผมหมดสิ้นความสงสัยใดๆ
แลวเชื่ออยางมั่นคงวา พระโพธิสัตวกวนอิมหรือพระอวโลกิตศวรทานมีจริง

ความเปนจริงของพระโพธิสัตวกวนอิมหรือพระอวโลกิเตศวรนั้น จริงโดยบุคลาธิษฐานให
เปนตัวตน ดังนั้นพระธาตุของพระกวนอิมที่ผมไดไวสักการะบูชานั้น จึงเปนพระธาตุที่เทพยดา
หรือเทพเจาไดทรงเนรมิตขึ้นมาให หรืออาจเรียกวาเปนพระธาตุนิมิตก็ได จากนั้นคุณอารยะกับภรรยา
จึงไดถือสัจจะกินเจ รักษาศีลใหบริสุทธิ์ทุกวันพระ เมื่อครบ ๖ เดือนแลว คุณอารยะกับภรรยาจิตใจ
ก็ยังไมสงบสุขอยูดีและทําใหยังไมสามารถสรางสมาธิธรรมได เพียงแตทําใหจิตใจนั้นรูสึกชุมชื่นเบา
สบายอารมณไดเพียงเทานั้น ภายหลังจากที่คุณอารยะไดปฏิบัติธรรมไดระยะหนึ่งนั้น ทานไดตั้งจิต
อธิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุบาง โดยทานตั้งจิตอธิษฐานพรอมทั้งไดสวดพระคาถาอัญเชิญ
พระบรมสารีริกธาตุดังนี้

อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต


อัสสามิมะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททุกะ
สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันเต
จากนั้นสวด พระคาถาชินบัญชร พระคาถาพระฉิมพลี และแผเมตตาในที่สุด และได
อัญเชิญตลับพลาสติกสีขาวใสพานเอาขึ้นไป ตั้งไวที่หิ้งพระ หลังจากอธิษฐานแลว คุณอารยะ
ก็ปฏิบัติตนอยูในศีลในธรรมมุงมั่นที่จะกําจัดกิเลสตัณหา โทสะ โมหะ โลภะ อวิชชาใหได เพื่อจิตใจจะ
ไดสะอาดบริสุทธิ์ผองแผว ครั้นถึงวันพระตอมา เมื่อไปดูที่ตลับพลาสติกสีขาวใสนั้น ก็พลันเกิดความ
ปติยินดีที่ไดพบพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาโปรด ลักษณะขององคพระบรมสารีริกธาตุมีสัณฐานเล็ก
เทาเมล็ดผักกาดสีขาวคลายดอกพิกุล ตั้งแตวันนั้นเปนตนมา คุณอารยะก็เครงครัดในการรักษากาย
วาจา และใจใหสํารวมอยูในอินทรียสังวร ๖ ทําตนใหสะอาดบริสุทธิ์เทาที่จะสามารถทําได เพื่อกําจัด
กิเลส จากนั้นก็ตั้งใจทําสมาธิเขาวิปส  สนา เอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้น หลังจากพระบรมสารีริกธาตุได
เสด็จมาโปรด ๑ องคแลว ครั้นเมื่อถึงวันพระตอมา เขานึกอยากไดจะไดพระธาตุอรหันตสาวกองค
สําคัญในยุคนี้ คือ ทานพระอาจารยมน ั่ ภูริทัตโต จึงไดจุดธูปเทียน สวดมนตไหวพระ สวดพระคาถา
๘๕๗

ชินบัญชร และสวดพระคาถาอัญเชิญพระธาตุ โดยอธิษฐานจิตวา ภูริทัตตเถระ ไดปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ


เปนพระสุปฏิปนโน

บรรลุธรรมถึงอรหัตผลเปนแนแท เพราะไดทราบกิตติศัพทวา มีทานครูบาอาจารยหลายรูป


และสาธุชนผูมีบุญวาสนา ไดพระธาตุของทานพระอาจารยมน ั่ ไวสักการะบูชา เปนปูชนียธาตุของ
ประณีต อุดมประเสริฐควรแกการเลื่อมใส เปนของมหัศจรรย ถาพระธาตุของทานพระอาจารยมั่น
จะยังมีเหลืออยูในโลกนี้บางแลวไซร ขอทานพระอาจารยมั่นและเทพยดาผูทรงรักษาพระพุทธศาสนา
จงมีเมตตากรุณาแบงปนพระธาตุของทานพระอาจารยมั่นใหแกขาพเจาสักองคเถิดพระเจาขา

หลังจากไดอธิษฐานแลว ครั้นถึงวันพระตอมา ขณะสวดมนตภาวนาอยูในหองพระ คุณอารยะ


ก็ไดยินเสียงดังแกร็ก คลายวัตถุหลนลงขางๆตัว จึงใหคุณสมบูรณผูเปนภรรยามาชวยหา ก็ไดพบ
พระธาตุของพระอาจารยมั่น ที่รูวาเปนพระธาตุของพระอาจารยมั่นก็เพราะคลายมีเสียงบอกในทางจิต
เชนนั้น พระธาตุของทานพระอาจารยมั่นมีสัณฐานเล็กเปนดอกบัวตูมวรรณะขาวดังเม็ดแปง คุณอารยะ
ปลาบปลิ้มใจมาก ยิ่งเพิม่ พูนเลื่อมใสในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้น ถือเอาการเจริญภาวนามีความเปนตอง
ทําเหมือนกับตองหายใจและกินขาวกินน้ํา

ยิ่งเครงในการถือศีลกินเจและจริงจังกับการเจริญภาวนา กายและใจก็ยิ่งเบาสบาย ชุมชื่น


เยือกเย็น มีความสงบยิ่งขึ้นเปนลําดับ ไมวาจะไปไหนมาไหนก็มัก จะไดพบแตกัลยาณมิตร
ทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกก็พบคนดีมีอุปการะชวยเหลือในธุรกิจการงานใหเปนไปอยาง
ราบรื่นนาอัศจรรยและยังสงผลใหโชคลาภทางเงินทองอยางประหลาด โดยที่ไมไดมีการดิ้นรน
แสวงหาอยางพิเศษแตอยางใด ดานทางธรรมะก็มักจะไดพบกัลยาณมิตรที่มีคุณธรรมสูง เปนตนวา
ฆราวาสผูที่อยูในศีลในธรรม มีวีชาลึกลับ ซึ่งจะแนะนําในการปฏิบัติธรรมที่ถูกตอง ในทางฝาย
พระสงฆก็มก ั จะไดพบกับหลวงปู หลวงพอ ครูบาอาจารยผูทรงคุณธรรมสูง

จากนั้นการอธิษฐานจิตอัญเชิญพระบรมธาตุและพระธาตุอรหันตสาวกก็เปนไปอยางราบรื่น
มหัศจรรยสุดที่จะพรรณนา มีพระธาตุอวโลกิเตศวรหรือกวนอิมโพธิสัตวฝายมหายาน พระบรม
สารีริกธาตุ พระธาตุของหลวงปูเสาร กันตสีโล พระธาตุหลวงปูแหวน สุจิณโณ พระธาตุอาจารยจวน
แหงภูทอก พระธาตุหลวงพอพระบาทตากผา พระธาตุสีวลี พระธาตุพระองคุลิมาล พระธาตุพระนาง
พิมพา พระธาตุสังกัจจายน พระธาตุพระอานนท พระธาตุโมคคัลลาน พระธาตุพระสารีบุตร เปนตน

การเสด็จมาของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุดังกลาวนี้ จะเสด็จโปรดมาเปนจํานวน
มากขึ้นเรื่อยๆ และมักจะมาขณะที่คณ
ุ อารยะนั่งสมาธิเจริญวิปสสนาในหองพระทั้งในเวลาคืน
และกลางวัน โดยเฉพาะวันพระจะมามากเปนพิเศษ ในการเสด็จมาของพระธาตุนั้นแปลกอยูองคเดียว
ซึ่งเปนพระธาตุสัณฐานวรรณะสีดําขลับ เสด็จเปนแสงสวางคลายดาวตกมาตกที่เตียงนอน ขณะที่คณ ุ
อารยะยังนอนไมหลับ เพียงเคลิ้มๆ ในวันฝนตกอากาศชื้นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
๘๕๘

ไมเสด็จ ถาวันไหนเขาสมาธะระลึกมากๆ วันนั้นพระธาตุจะแสดงปากิหาริยเสด็จมามากเปนพิเศษ


ที่มีอยูเดิมก็เพิ่มเติมมากขึ้นอีกหลายองค และมีอยูเชนกันที่มีการเชื่อมรวมเปนองคใหญองคเดียวกัน
ครั้นกาลตอมาก็สลายแยกออกไปเปนหลายองค หลายสีสันวรรณะ คลายกับเลนกล

พระธาตุเทพนิมิตที่สําแดงปฏิหาริยมาโปรด แบบพระธาตุอวโลกเตศวหรือพระกวนอิม
ก็คือพระธาตุของหลวงพอวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ คุณอารยะได อธิษฐานจิตตอหลวงพอวัดปากน้ํา
ขอใหพระวิญญาณของทานไดโปรดแบงพระธาตุใหดวย ปรากฏอัศจรรยวา พระธาตุของหลวงพอวัด
ปากน้ําเสด็จมาโปรดจริงๆ คุณอารยะกลาววา เปนพระธาตุที่เทพยดาหรือดวงพระวิญญษณของหลวง
พอวัดปากน้ําเนรมิตขึ้นเพื่อสรงเคราะหศรัธทา ไมพระธาตุทแ
ี่ ทจริง อันเนื่องมาจากวาในกาลนั้นศพ
ของหลวงพอทานยังไมเผา ศพทานยังนอนอยูในโลง นอกจากนี้ยังมีพระธาตุของทานเจาคุณนร
รัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทร ซึ่งคุณอารยะยังไมไดอธิษฐานขอเลย แตทานก็เมตตากรุณาเสดจ ็
มาสงเคราะหเอง ทําใหคุณอารยะปลาบปลิ้มใจจนน้ําตาซึม

มีพระธาตุอีกชนิดหนึ่งที่แปลกคือ คุณอารยะไดนําภาพถายของหลวงพอ หลวงปู


ครูบาอาจารย หรือเอาเหรียญของทานมาทําพิธีจุดธูปเทียนกราบไหว บูชาแลวอธิษฐานจิตวา
ทานหลวงพอ หลวงปู ครูบาอาจารยองคใดที่มรณภาพลวงลับไปแลว อยูในโลกสวรรค
หรือพรหมชัน ้ สุทธาวาสก็ดี ถาทานไดสําเร็จอรหัตผลในโลกสวรรคหรือพรหมสุทธาวาสแลวไซร
โปรดมีเมตตาแบงพระธาตุของทานใหขาพเจาไดสักการะบูชาเถิดพรเจาขา ปรากฏอัศจรรรยวามี
พระธาตุของหลวงพอ หลวงพอเหลานั้นเสด็จมาโปรดจริงๆ เปนตนวา พระธาตุของสมเด็จพุฒาจารย
( โต พรหมรังสี ) วัดระฆัง ซึ่งทําใหคุณอารยะบอกไมถูกวา จะเปนพระธาตุเทพนิมิตหรือเปนพระธาตุ
อรหนตกันแน นับตั้งแตพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตเสด็จมาโปรด นอกจากชีวิตสวนตัว
และครอบครัวจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีความผาสุกรมเย็นแลว ยังไดรับความคุมครองอยาง
ลึกลับจากสิ่งที่มองไมเห็นอีกดวย คุณอารยะเปนนักปฏิบัติธรรมที่เขาถึงพุทธธรรมอยางลึกซึ้ง
ไดปรารภวา ยังมีพุทธศาสนิกชนอีก จํานวนมากที่ไมรูเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
เมื่อไมรูก็ขาดความสนใจ บางคนมีพระธาตุไว ก็สักแตวามีเก็บไวในที่อันไมเหมาะสม ไมเอาใจใส
เชน เก็บใสกระปอง เก็บใสตลับวางไวในที่ต่ําๆ ใหคนเดินผานไปมา ขาดความเคารพสักการะ
นับวาทํากรรมอันเศราหมองโดยรูเทาไมถึงการณ มีผลใหชีวิตตกต่ําทุกขยาก มีอันเปนตางๆ
จึงใครขอใหผูที่มีพระธาตุอยูในครอบครอง แตไมเอาใจใส ไดโปรดสังวรไวดวย

พระบรมสารีริกธาตุยอมทรงไวซึ่งความศักดิ์สิทธิ์สุด
ที่จะพรรณา บางครั้งแสดงอิทธิปาฏิหาริย ใหเห็น
เชน มีสีสัณฐาน วรรณะตางๆ พวยพุง ขึ้นไปบนอากาศ
บางครั้งเสด็จจากพระเจดียองคหนึ่ง ไปยังอีกองคหนึ่ง
บางครั้งก็เพิ่มจํานวนหนึ่งองคเปนหลายๆ องค บางครั้งก็เสด็จ
หายไปหมดสิ้น ปรากฏการณอันมหัศจรรยเหลานี้ เปนไปดวย
อํานาจบารมีขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา นักปราชญ
ราชบัณฑิตกลาววา เปนเรื่องอจินไตย ไมควรกลาววาเปน
เพราะอะไร เพราะสุดวิสย ั ที่สามัญชนทั่วไปจะพึงรูได
๘๕๙

มีหลายคนกลาวถึงเรื่องราวอานิสงสของพระธาตุไวอยางมากมาย โดยเฉพาะในชวงเวลา
พระธาตุไวอยางมากมาย โดยเฉพาะในชวงเวลาระหวางที่พระธาตุพนมลมพังทลายลงมา ยิ่งมีผูคน
ถามและใหความสนใจกันอยางมากยิ่งขึ้น เรื่องพระธาตุนี้คนโบราณนับถือกันมาก เชื่อกันวาใครเห็น
พระธาตุเสด็จ หรือไดพระธาตุไวบูชาจะเจริญรุงเรือง ผมจึงลองคนหาดูวาในปจจุบันนี้ผูใดเคยเห็นบาง
หรือไม และพบวามีผูใดเคยเห็นบางหรือไม และพบวามีพระธาตุปาฏิหาริยในยุคนี้ เปนครั้งแรกก็คือ
สมเด็จพระพุฒาจารย วัดอรุณราชวราราม ประมาณปพุทธศักราช ๒๕๐๐ ในครั้งกระนั้นไดจัดงาน
ฉลองเปนการใหญ ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารยไดเห็นพระธาตุปาฏิหาริย ทานเลาใหฟงวา

เห็นแสงสวางมาตกลงในโบสถ จึงไดไปคนหาดูที่องคพระประธาน เมื่อไปคนหาดูก็พบพระ


ธาตุ จึงเอามาตั้งใหประชาชนไดสักการะบูชา ขนาดของพระธาตุไมใหญโตมากนัก เทาเมล็ดถั่วแตก
สีชมพู เหลือบประกายเปนเงาวับงดงามมาก ผูท  ี่ยืนยันวาเปนปฏิหาริยเปนคนที่ ๒ เปนญาติผูใหญ
ของเพื่อนผม ทานเห็นขณะที่ปวยหนักเปนอัมพาต ขนาดลิน ้ แข็งพูดไมไดมือเทากระดิกไมได
กลับตัวไมไดจนตัวเนาหลังเนา สิ่งที่ทําไดเพียงนอนนึกถึงพุทโธๆ เทานั้น วันหนึ่งลูกชายทาน
กลุมใจมากที่แมเจ็บ จึงไปทําบุญที่สุทัศน แลวอธิษฐานตอหนาพระประธาน คือ พระตรีโลกเชษฐ
ขอใหแมหาย และขอใหไดพระธาตุไวบูชา ดูเหมือนวาไดคาถาบูชาพระธาตุมาดวย ตกกลางคืน
ก็ลองสวดดู ในขณะที่สวดคาถาบูชาพระธาตุไปได ๓ จบ ก็เห็นเหมือนหิ่งหอยบินเขามา
แตเปนหิ่งหอยชนิดตัวใหญมาก แสงเขียวสวางทั้งหองทั้งๆ ที่ในขณะนั้นปดไฟมืด แลวก็ตกลง
ที่หิ้งพระ แมของเขาดีใจรองออกมาวา “ พระธาตุเสด็จ พระธาตุเสด็จ ”

ขางฝายลูกชายนะนกว
ึ า เปนหิ่งหอยรอย
เปอรเซ็นต แตก็แปลกใจวาทําไมแมถึงพูดได
เพราะตามธรรมดาพูดไมได จึงมองขึน ้ ไปดู
หนาหิ้งพระก็มองเห็นคลายๆ กรวดเล็กๆ
เทาเมล็ดถั่วทองแตกเปนมันวับตกอยูชิ้นหนึ่ง
จึงเก็บไว ตอมาเอาไปใหผูรูดูทานยืนยันวาเปน
พระธาตุ จึงทอดสอบลอยน้ําดู ปรากฏวา
พระธาตุลอยผิวน้ํา ไมจม และลองนําพระธาตุ
ของทานผูอื่นมาลอยดู ปรากฏวาพระธาตุก็ลอย
น้ําเชนกัน และแปลกที่พระธาตุลอยน้ําเชนกัน
และแปลกที่พระธาตุจะลอยวนเขาหากันและ
ติดกันในที่สุด

หลังจากที่ไดพระธาตุมาแลว ลูกก็
ชวยกันบูชาและถือศีล ๕ เปนนิตย ตอมาแม
ก็หายปวย เดินไดพูดได และอยูตอมาจ
นอายุ ๗๒ ป สวนลูกชายนั้นก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ
ผูรูหลายทานวา เขาดีเพราะรักษาศีล ๕

แตผมวาถาเขาไมเห็นพระธาตุเสด็จมาเขาก็คงไมรักษาศีล ๕ และผมยังเชื่อตามโบราณวา
ใครเห็นพระธาตุเสด็จ หรือมีพระธาตุเสด็จ หรือมีพระธาตุไวบชู าจะเจริญเรงเรืองอยางแนนอน
๘๖๐

พระธาตุลอยน้ํา

มีอีกทานหนึ่งไดเลาเรื่องเกี่ยวกับประสบการณพระธาตุปาฏิหาริยเกิดขึ้นกับตัวเอง
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนไหว ครู พอดีในขณะที่พระขึน ้ สัคเคหรือชุมนุมเทวดา ก็ไดเห็นพระธาตุ
แสดงปฏิหาริย และยืนยันวาเห็นกันทุกคนตอมาเขาก็เจริญรุงเรืองมาก และยังมีผูเลาใหฟงวา
ไดเห็นอัฐิของสมเด็จพระสังฆราช ( แพ ) วัดสุทัศน กลายเปนพระธาตุ มีลักษณะเปนมันสวยงาม

สําหรับสวนผมเองไดเคยเห็นพระธาตุของทานอาจารยมั่น ภูริทัตโต บางสวนก็ยังเปนกระดูก


อยู แตครึ่งหนึ่งใสเปนแกว โดยผูที่ไดพระธาตุของทานพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ไวบูชา ยืนยันวา
ตอนที่ไดบูชาใหมๆ ยังมีสภาพแข็งเปนกระดูกทั้งชิ้น แตเมื่อมาบูชานานวันเขาสวนหนึ่งก็กลายเปน
แกวผลึกใสและเปนมากขึ้นทุกที จนเกือบจะเปนแกวผลึกทั้งชิ้นเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีผูที่ไดรับ
อัฐิของอาจารยมั่น ภูริทัตโต ไวบูชาตางกลาวยืนยันวา อัฐิของทานพอนานานวันไปก็จะกลายสภาพเปน
แกวผลึกหรือที่เรียกกันวา พระธาตุ แทบทั้งสิ้น จากเรื่องราวทั้งหมดขางตนนี้ เปนอันสรุปไดวาพระธาตุ
มีจริงไมวาจะเปนพระบรมสารีริกธาตุหรือพระอรหันตธาตุก็ตามที

ที่นี้ก็มาถึงวาพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุและพระอรหันตธาตุ ซึง่ ผมลองถาม


พระภิกษุสงฆทานดู ทานก็วาประโยชนมีดังนี้
๘๖๑

๑. เอาไวบูชาในฐานะเปนที่เคารพ
๒. เอาไวปลงสังขาร วาสังขารนี้ไมเที่ยงหนอ อยาวาแตเราเลย แมองคสมเด็จพระสัมมาสัม
พุทธเจา ก็ตองปรินิพพาน
๓. เอาไวเปนพุทธานุสติ คือ มีสติระลึกถึงคุณพระพุทธเจาอยางสม่ําเสมอ
๔. เอาไวเปนธรรมานุสติ คือ เมื่อเห็นแลวก็นึกถืงคําสั่งสอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา
เพื่อละเวนความชั่ว ประพฤติความดี ทําจิตใจใหบริสุทธิ์ผูปฏิบัติไดดังนี้ ยอมถึงซึ่งความสุข
ความเจริญและถึงนิพพานในที่สุด
๕. เปนสังฆานุสติ คือ นึกถึงพระสงฆที่เปนเจาของอัฐิธาตุนั้น และมีใจเปนสุข ละทิ้งความทุกข
เสียได ทานวาคุณของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนั้นเปนอเนกประการสุด
ที่จะพรรณา แตทวาหากรวบรวมยนยอก็เห็นจะไดเพียง ๕ ขอนี้

สําหรับบางทานก็มีพระธาตุอยูในบานของตนเอง แตละทานจะมี่เรื่องราวที่ไดมาอยางพิลิกพิลั่น
บางทานเลาใหฟงวา เวลาเสด็จมาฟาผาจนบานเรือนสะเทือนสั่นไหว ผมเองเชื่อบางไมเชื่อบาง
แตผมถามวาทําอยางไร พระธาตุจึงจะเสด็จมา ทานผูนั้นก็บอกวาจะตองถือศีล ๕ เปนประจํา
หมั่นสวดมนตภาวนาและบูชาพระเสมอๆ ผมเห็นวาดี เลยไมขด ั คอ แลวถามทานตอไปวา
จะตองมีพิธีอะไรเพิ่มเติมเปนพิเศษไหม ทานก็ตอบเพียงวามีพิธิงายๆ คือ

๑.จัดที่บูชาพระใหสะอาด
๒. ตั้งพานมะลิบูชาพระ
๓. อาบน้ําใหรางกายสะอาด
๔. นุงขาวหมขาว
๕. รับศีล ๕ จากพระพุทธรูป
๖. ตั้งนะโม ๓ จบ แลวสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ จากนั้นก็สวดคาถาอัญเชิญพระธาตุ
ดังบทสวดมนตตอไปนี้

อิติปโส ภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ


วิชาจะระณะสัมปนโน สุคะโต โลกะวิทู
อนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต


อัสสามิมะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททุกะ
สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันเต
ทานบอกวา การอัญเชิญนี้บางครั้งก็มา มางครั้งก็ไมมา บางคนตองภาวนาเปนปก็มี
การเสด็จมานั้นเปนไปไดหลายทาง เชน เสด็จมาเอง คนเอามาให เปนตน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนที่มีพระธาตุ
ไวบูชาควรกระทํานั่น คือ ตองละจากความชั่วประพฤติแตความดี มิฉะนั้นทานอาจเสด็จหนีไปที่อื่นได
๘๖๒

โดย คุณ ปราโมช ประสพสุขโชคมณี


ประธานชมรมรักษพระบรมธาตุแหงประเทศไทย
ผมมีความสนใจในเรื่องพระธาตุครั้ง แรก
เมื่อสมัยที่คุณพอทําเหมืองพลอยที่ จ.กาญจนบุรี
ประมาณป พ.ศ. ๒๕๓๕ ผมไดรูจักกับเพื่อนลูกนอง
คุณพอ ผมเรียกเขาวา “พี่บุญธรรม”
ซี่งพีบุญธรรมไดใหพระธาตุพระสีวลีผมมา
๒ องคและพูดเรื่องพระธาตุใหผมฟง ทําใหผมมี
ความสนใจ วาพระธาตุคอ ื อะไร? ขณะนั้นผมมี
อายุประมาณ ๑๒ ปซึ่งในความเปนเด็กที่ยังสงสัย
ในเรื่องราวตาง ๆ ก็หาหนังสือที่เกี่ยวกับพระธาตุ
มาอาน ทําใหทราบเรื่องพระธาตุมากขึ้น
วันหนึ่งในขณะดูโทรทัศน รายการแผนดิน
ธรรมแผนดินทองนั้น ก็ไดเห็นคุณหญิงสุรีพันธ
มณีวัติ ไดพด ู ถึงเรื่องราวของพระธาตุที่ทานมี
อยูแลว และไดเสด็จมาเพิ่มไดกลาวถึงสัณฐาน
ตางๆ ของพระบรมสารีริกธาตุ

จึงทําใหผมสนใจอยากไปกราบพระธาตุที่บานคุณหญิงสุรีพันธ ไดสอบถามเรื่องราวของ
พระธาตุที่ทา นมีอยู ซึ่งรวมถึงพระธาตุที่ทานไดเสด็จมาสูทานเองอยางเปนที่นาอัศจรรย กอนกลับผม
ไดรวมทําบุญ เปนจํานวน ๕๐๐ บาท และไดหนังสือ “ปตาบูชา” พรอมพระบรมสารีริกธาตุ
จํานวน ๙ องค ทําใหผมเกิดความปติยินดีเปนอยางยิ่งที่ไดพระบรมสารีริกธาตุไวบูชา

อีกเหตุการณหนึ่งที่ทําใหผมไดเริ่มศึกษาเกี่ยวกับพระธาตุอยางจริงจัง คือเมื่อประมาณ
วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ผมไดเดินทางไปวัดทาซุง จ.อุทัยธานี พอดีวันนั้นทางวัดมีการจัด
งานวันครบรอบ ๑ ป การมรณภาพของพระเดช พระคุณหลวงพอพระราชพรหมยานหลวงพอฤาษีลิงดํา
ซึ่งเปนครั้งแรกที่ผมไดไปที่วัด และไดรูจักกับหลวงพอ ตอนค่ําวันนั้นผมไดเขาไปกราบสรีระของ
หลวงพอซึ่งอยูในโลงแกว ที่ตกแตงอยางวิจิตรสวยงาม ณ วิหาร ๑๐๐ เมตร ซึ่งมีคนมารวมงาน
นับหมื่น ผมเปนคนกรุงเทพ ฯ ที่ไมเคยเห็นงานที่มีประชาชนมารวมงานมากมายขนาดนี้

ทําใหผมตื่นเตนมาก แตสิ่งที่ทําใหผมรูสึกตื่นเตนมากไปกวานั้น คือ เมื่อผมเขาไปกราบ


ดานหนาสรีระของหลวงพอ ไดเกิดสิง่ อัศจรรยขึ้น คือ มีพระธาตุใสดุจเพชร ขนาดเล็ก อยูดานหนาผม
ประมาณ ๑๐๐ กวาองค ผมจึงอัญเชิญขึ้นในภาชนะที่จะสามารถหาไดในขณะนั้น ซึ่งตอนนั้นทําใหผม
รูสึกศรัทธา ปติอยางยิ่ง ในขณะนั้นก็ไดมีประชาชน พระภิกษุสงฆมาขอชมและโมทนาดวย ทําใหผม
ยิ่งดีใจอยางบอกไมถูก
๘๖๓

หลังจากกลับมากรุงเทพ ฯ ผม ก็ไดมีประสบการณตาง ๆ เกี่ยวกับพระธาตุอีกมากมาย


และมีโอกาสไดเขาไปอัญเชิญพระธาตุในปาในถ้ําหลาย ครั้ง ซึ่งทําใหผมไดมีประสบการณไดเห็น

ไดพบสิ่งเรนลับตาง ๆ ที่ยากจะอธิบาย ไดเจออุปสรรคและเรื่องทดสอบกําลังใจหลาย


เรื่องสิ่งตาง ๆ ที่ผมไดพบเห็นทําใหผมไมมีความลังเล สงสัยในพระบรมธาตุ และพระรัตนตรัยอีกเลย

จนกระทั่งผมไดรับเชิญจากทางจังหวัดเชียงใหม ใหไปจัดนิทรรศการพระบรมธาตุเนื่องใน
งานฉลองน้ําสรงพระราชทาน ณ วัดโลกโมฬี และประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม

ในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี ในตอนนั้นผมยังไมรูวา


จะจัดงานอยางไร เพราะไมมีประสบการณเลย แตด
 วยความตั้งใจจริงที่จะเผยแพร ในสิ่งที่ผม

ไดพบเห็น ไดสัมผัส และมีอยู จึงไดตอบตกลง และไดรวมกอตั้ง “ชมรมรักษพระบรมธาตุ


แหงประเทศไทย” ขึ้นในวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กอนวันงานเพียงไมกี่สัปดาห

การจัดนิทรรศการในครั้งนั้น ชาวเชียงใหมไดใหความสนใจเกินความคาดหมาย หลังจากนั้น


ทางชมรม ฯ ไดรับเชิญใหไปจัดงานอีกหลายครั้งทั้งใน จ.เชียงใหม และที่อื่น ๆ

จนเปนที่ยอมรับของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ตอมาระหวางวันที่ ๑๙ – ๒๓ กุมภาพันธ


พ.ศ. ๒๕๔๘ ( วันมาฆบูชา ) ชมรม ฯ ไดมีโอกาสไปจัดงานที่ทองสนามหลวงอีก ทําใหชมรม ฯ
ไดเผยแพรเรื่องราวเกี่ยวกับพระธาตุ สูประชาชนไดกวางขวางยิ่งขึ้น
๘๖๔

ทานจะเชื่อในสิ่งมหัศจรรยหรือสิ่งมีอํานาจลี้ลับหรือไมก็ตาม ประสบการณที่เกิดจากตนเอง
เปนเครื่องบอกใหทานทราบวา เรื่องนี้เปนเรื่องที่นาเชื่อถือไดมากนอยเพียงใด สําหรับโลกปจจุบัน
ที่เปนยุครุงเรืองของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีนั้น อาจมีหลายๆ คนคิดวาเรื่องเหลานี้คงไม
เหมาะสมกับตนเอง ทวาทางเจริญทางดานนี้ เมื่อดูไปแลวจะเปนเพียงความเจริญทางดานรูป
ธรรมเพียงดานเดียว แตอยากใหเขาใจวา สิ่งตางๆ ในเอกภพนี้ตองประกอบและถูกปรุงแตงขึ้นมาจาก
รูปธรรมและนามธรรมที่มาประกอบกันจนได สัดสวนแทบทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อใหเกิดความสมดุลของทุก
สิงอันเปนไปตามธรรมชาติ

สิ่งที่เปนรูปธรรมนั้นเปนของหยาบ สัมผัสดวยระบบประสาทตางๆไดงาย สวนสิ่งที่เปน


นามธรรม เปนของละเอียด เปนของประณีต ผูมีกเิ ลสเบาบางกวายอมสัมผัสดวยระบบประสาทตางๆ
ไดดีกวา ชัดเจนกวาผูที่มีกิเลสหนา สวนบรรดาผูที่มีจิตบริสุทธิ์ มีพระโยคาวจรเจา รวมถึงพระ
อรหันตทั้งหลาย เปนตน ยอมสัมผัสและรับรูทุกสิ่งไดอยางถูกตองตรงตามความเปนจริง ตาม
หลักธรรมของพระพุทธศาสนาทุกประการ เพราะไมมีจิตยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นๆ แตอยางใด ลักษณะ
ของพระธาตุ เทพนิมิตโดยทั้วไปนั้น ตองมีลักษณะที่ครบถวนทุกประการตามลกษณะของพระธาตุ
ั ซึ่ง
มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว กอนอื่นขอใหเขาใจกันกอนวา คําวา “ พระธาตุ ” นั้นเปนคํากลาวรวมๆ กันไป

ซึ่งหมายถึงกระดูกหรืออัฐิของพระพุทธเจา และของบรรดพระอรหันตทั้งหลายทั้งปวง
โดยเฉพาะอัฐิของพระพุทธเจานิยมเรียกกันวา พระบรมธาตุ หรือ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งนิยมเรียกกัน
แพรหลายวา พระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งเกศา (ผม ) โลมา ( ขน ) นขา ( เล็บ ) ทันตา (ฟน) เหลานี้
ของพระอรหันตทั้งหลาย ก็จัดอยูในจําพยวกพระธาตุดวย

คุณลักษณะพระธาตุเทานที่หลักฐานปรากฏในปจจุบันและคนควาไดกลาวโดยยอดังนี้

๑. ลักษณะรูปพรรณสัณบานตางๆ สวนใหญมีขนาดเล็กมาก ขนาดเทาเมล็ดพันธุผักกาดบาง


ขนาดเทาเมล็ดทั่วบาง ขนาดเทาเมล็ดขาวสารบาง ขนาดตางๆ เหลานี้เปนตน อันเปนขนาด
มาตรฐานของพระบรมสารีริกธาตุ สวนสีมีสีตางๆ เชน สีทองอุไรบาง สีขาวดังสีมุก (ไขมุก )
บาง สีดอกพิกุลแหงบาง มีลักษณะตางๆ เชน คลายแกวมุกดาบาง คลายเพชรลูกขนาดเล็กๆ
บางเหลานี้เปนตน อันเปนสีและลักษณะมาตรฐานของพระบรมสารีริกธาตุเชนเดียวกัน
สวนพระธาตุอื่นๆ มีลักษณะและรูปพรรณสัณฐานตางๆ กันไมแนนอน มีลักษณะคลายกรวด
หินบาง คลายอัญมณีบาง คลายแกวมุกดาบาง มีสีตางๆ และมีแสงแวววาวบาง มีลวดลาย
ตางๆบาง บางทีมีรูขนาดเล็กทะลุตลอด เสนผมลอดได และอื่นๆอีกมากมายสุดจะพรรณนา
๘๖๕

๒. มีความแข็งมาก ไมละลาย มีสีก็ไมตกสีดวยประการทั้งปวง และมีน้ําหนักเบามาก


เมื่อเปรียบเทียบกับกรวดหรือหินที่มีขนาดไลเลี่ยกันหรือเทากัน
๓. พระธาตุบางองคมีขนาดไมใหญเกินไป เมื่อถูกอัญเชิญใหเสด็จลอยน้ําจะวิ่งเขาหากัน
รวมตัวกันเองเหมือนกับมีแมเหล็กดูด หากมีการอัญเชิญใหลอยน้ําคราวละมากๆ จะรวมเขา
กันเปนแพเดียวกัน
๔. การลอยน้ํามิใชลอยอยางทอนไม กลาวคือ เปนการลอยครึ่งจมครึ่ง การลอยน้ําจะทําใหน้ํา
เปนรอยบุมลงไป เกิดมีรัศมีน้ําโดยรอบ หรือปรากฏมีประกายน้ํา โดยเปนแฉกๆ ถาลอยเปน
แพจะทําใหเกิดเปนแองรอบแพอยางเห็นไดชัดเจน

๕. เมื่อลอยน้ําแลวสักครูจะจมน้ํา เพราะดูดน้ําไว ทําใหมีน้ําหนักตัวเองมากขึ้น หากชอนขึ้น


ซับใหแหงดวยกระดาษทีซ ่ ับน้ําไดและสะอาด รอสักครูแลวอัญเชิญใหประทับลอยน้ําใหมจะ
ลอยน้ําไดดังเดิม ( หากเปนพระธาตุขนาดใหญมากๆ อาจจะไมลอยน้ําก็ได ในกรณีเชนนี้
ไมจําเปนตองลอยน้ําเสมอไปทุกองค )
๖. พระธาตุแตละองคอาจเติบโต มีขนาดใหญกวาเดิมได มีขนาดเล็กกวาเดิมก็ได องคหนึ่ง
แยกเปนหลายองค หลายองครวมเปนหนึ่งองคจะเสด็จมาก็ไดเสด็จไปก็ได ซึ่งสามารถเปน
ไปไดทั้งนั้น จะแสดงปาฏิหาริยตางๆ ก็ไดอาจเปลี่ยนแปลงองคของทานเปนอยางนี้ก็ได
อยางนั้นก็ได เชน เปลี่ยนสภาพจากเพชรขนาดเล็กไปเปนลักษณะไขมุก หรือเปลี่ยนสีจาก
สีเทาเปนสีขาว หรืออาจจะเปลี่ยนจากลักษณะเปนเมล็ดขาวโพดไปเปนลักษณะไขมุก
และอื่นๆ เปนตน
๗. พระธาตุมีเทพพิทักษรก ั ษา พระธาตุมีอยูทวไปในเอกภพเป
ั่ นอนันตสุดจะคณานับ
มีอยูทั้งในอากาศ ตามพืน ้ ดิน ตามปาเขา ในน้ํา และใตดิน ไดแกในบาดาลอันมีพญานาค
พิทักษรักษา สําหรับใหมนุษย เทวดา พรหม และเวไนยสัตวทั้งปวงกราบไหวสักการะบูชา
บรรดาพระพุทธเจาและพระอรหันตเจาทั้งหลาย พระธาตุมีการเสด็จมาไปยังสถานที่ตางๆ
ไปยังบุคคลตางๆ อยูเสมอทุกลักษณะหรือทุกรูปแบบตางๆ ดวยอํานาจของเทวดาอัญเชิญไป
กลาวกันวา ผูมีพระธาตุไวสักการะบูชาในครอบครัวของตนเกิดสิริมงคลแกทุกคนภายใน
ครอบครัว และยังมีคํากลาวเกี่ยวกับผูที่มีพระธาตุเสด็จมาหานั้น ในอดีตชาติเคยรวมในการ
สังคายนาพระไตรปฎกกับพระอรหันตบางองค พระอรหันตองคนั้นแมเมื่อดับขันธปรินิพพานไป
แลวก็ยังมีแรงอธิษฐานดลบันดาลใหพระธาตุเปนการตอบแทนคุณงามความดีแกผูที่เคยรวมทํา
กรรมดีในอดีตขาติรวมกันมา
๘. สิ่งศักดิสิทธิ์ในโลกสิ่งใดก็คือสิ่งนัน ่ ธรรมดา พระธาตุตางๆ ก็คงอยูในกฎเกณฑนี้
้ อันเปนสิง
อํานาจบางอยางที่เชื่อกันวาเปนความศักดิสิทธิ์บันดาลอะไรไดตามความปรารถนานั้น
โดยแทจริงแลวเกิดจากสิ่ง ๒ อยาง อยางที่ ๑ คือ อํานาจเหนือพลังของจิต และอยางที่ ๒
คือ ความสามารถหรือขีดความสามารถของจิต เกิดจากจิตตัวเดียวนั่นเอง จิดทําใหเกิดทุก
สิ่งทุกอยางในจักรวาล และในเอกภพ การบูชาพระธาตุเพื่อใหเกิดพุธานุภาพ โดยแทจริงนั้น
ตั้งแตโบร่ําโบราณมาไดมีการบูชาคุณของเทวดาไวดวย ทําใหเกิดสมาธิจิตจากเทวตานุสติอีก
ประการหนึ่ง
๘๖๖

๙. การที่ไปเก็บกระดูก กรวด หินหรือสิ่งแข็งใดๆ ทีล ่ อยไดจากแหลงใดๆ ก็ตามทีไ่ ม


นาเชื่อถือ แลวทึกทักวาเปนพระธาตุนั้นยอมไมนาเปนไปได ลักษณะเดนและสําคัญที่สุด
ของการเปนพระธาตุก็คือ เรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย เชน พระธาตุเสด็จมาปรากฏอยางปาฏิหาริย
เสด็จมาเพิ่มจํานวนอยางปฏิหาริย และแสดงปาฏิหาริย ซึ่งเคยปรากฏในประวัติที่มีการ
บันทึกไว พระธาตุอยางนี้อาจเรียกวา พระธาตุปฏิหาริย

ความเปนพระธาตุ ตองประกอบดวย ๙ ประการอยางหนึ่งอยางใดไมได และผูรูหรือมี


ประสบการณเฉพาะ หรือผูมีญาณพิเศษเทานั้น ที่จะพึงรูได ซึ่งเปนเรื่องเฉพาะตน พระธาตุเทพนิมต
ิ นี้
ตามความหมายของคําหมายถึง พระธาตุทีเทวดาทานเนรมิตหรือบันดาลขึ้นใหแกมุนีผูหนึ่ง ผูบําเพ็ญ
ฌานมาแลวนานหลายป ดวยจิตอธิษฐานอยางแนวนวาจะขอเปนอริยเจาพุทธสาวกของสมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจา เทวดาไดมอบใหเมื่อปพุทธศักราช ๒๕๒๘ อันเปนปแหงแผนดินธรรมแผนดิน
ทองของ ประเทศไทย ณ บริเวณทีม ่ ุนีนั้นบําเพ็ญฌาน สวดมนตบทธัมมจักกัปปวัฒนสูตร อันเกี่ยวกับ
เรื่องราวของของอริยสัจธรรม ๔ ประการใหเทวดาฟงกอนใกลรุง เปนประจําพระธาตุเทพนิมิตรไดมา
รวมกันอยางแออัดยัดเยียดเหมือนกับรังผึ่งขนาดใหญ (อาจเปนดวยเทวดาเนรมิต ) เกาะกันคลายถูก
ยางเหนียว แตแปลกประหลาดที่จับแลว ไมเปอนมือและไมรูวาความเหนียวนั้นหายไปไหน

เมื่อนําไปสรงน้ําดวยแยกออกมาเปนองคๆ ซึ่งมีจะจํานวนมาก ทุกองคมีลักษณะเปนพระธาตุ


ดังที่กลาวมาแลวครบถวนทุกประการ ซึ่งกรวดหินที่มีลักษณะดังกลาวนี้เปนจํานวนมากมาย มารวมกัน
เปนแผนผืนเดียวกันในบริเวณเดียวกัน โดยเฉพาะเจาะจงเชนนี้อยางกับตั้งใจ เปนเรื่องที่เปนไปไมได
ในโลกนี้ เวนแตจะเปนเรื่องปาฏิหาริยนั้น และบางสวนของพระธาตุนี้ ไดเคยเสด็จมาประทับในที่ตางๆ
ตามที่บูชาบางแลว ไดลองนําไปเปรียบเทียบกันดูแลว เหมือนกันอยางไมผิดเพื้ยน พระธาตุเทพ
นิมิตสวนใหญคลายกอนกรวดหรือหิน

จากการสังเกตนาจะมีคุณสมบัติ ถาไมเปนหินก็นาจะเปนอัญมณีอยางใดอยางหนึ่ง พิจารณา


ใหลึกซึ้งลงไปไมเปนอะไรสักอยางเดียวดังกลาว เพราะธาตุเหลานี้มีหลายขนาด ไดแก ขนาดเล็ก
ขนาดกลาง และขนาดใหญ ขนาดเล็กประมาณเมล็ดถั่วเขียวหัก ๑ ใน ๔ ขนาดกลาง ประมาณเมล็ด
ถั่วเขียว ขนาดใหญเกือบเทาครึ่งหนึ่งของถั่วลิสง ขนาดเล็กลอยน้ําได ๑๐๐ เปอรเซ็นต ขนาดใหญ
ก็ลอยน้ําไดเปนสวนมาก แมจะลอยไดในชวงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตามก็ถือวาเปนเรื่องที่นาอัศจรรย
ซึ่งหินแร อัญมณี หรือกรวดธรรมทั่วๆไป ที่มีขนาดเดียวกันหรือไลเลี่ยกันอยางนี้ จะลอยไมคอยได
สีสวนใหญ มีสีน้ําตาลไหมเกือบดํา สีน้ําตาลแก สีน้ําตาลออน และสีดอกพิกุล สีอฐ ิ คอนขางแดง
สีขาว และเปนผลึกแกวใสมีนอยที่สุด รูปพรรณสัณฐานมีหลายรูปแบบ สวนใหญเปนรูปถั่วหัก
สัณฐานกลมมีนอย และมีบางองคเปนผลึกใสและอื่นๆ อีกมากสุดจะพรรณา พระธาตุเทพนิมิต
ที่เปนมาตรฐาน ขนาดเล็ก ผิวไมเกลี้ยง สีน้ําตาลและน้ําตาลปนดํา จากการทดลองนับเปน
เดือนๆ อาจบรรยายลักษณะของพระธาตุเทพนิมิตที่ไดทําการทดลองเพิ่มเติมอีกวา
๘๖๗

๑. มีความแข็งมาก สามารถกรีดแกวและกระจกใหเกิดริ้วรอยการขีดขวนเห็นไดชัดเจน
เชน กรีดแผนสเตนแลสที่ไมเปนสนิมก็เขานําไปถูกับตะไบเหล็กสําหรับขัดเล็บมือกัดตะไบ
เหล็กเห็นเปนรอยเหล็กเสียอีก แสดงวาพระธาตุนี้แข็งกวาอัญมณีหลายอยาง พอทีจ ่ ะเทียบได
กับโกเมน ทับทิม มรกต และอัญมณีอื่นๆได
๒. น้ําหนักเบาและมีความยืดหยุนมาก ภายในเปนเนื้อพรุน มองดูดวยตาเปลาไมสามารถ
เห็นได เมื่อปลอยในแกวน้ําที่แหงในระยะสูงพอประมาณ หลังจากกระทบพื้นแกว
จะไดยินเสียงหนืดๆ ไมเหมือนกับเสียงกรวดหรือหินกระทบซึ่งเปนเสียงแหลม
๓. พระธาตุแตละองคเมื่อประทับลอยน้ํา จะเคลือ ่ นที่เขาหากันคลายกับดึงดูดกัน
คลายๆกับเรือเดินสมุทรทีมีเข็มทิศชวยในการเดินทาง การทดลองครั้งหนึ่ง โดยการใหพระ
ธาตุองคเล็กๆ จํานวนมากลอยอยูในอางน้ําชามใหญ ใหแตละองคอยูในตําแหนงที่หางไกลกัน
พอสมควร ซึ่งมองดูอยางเผินๆ ไมนาจะเคลื่อนที่เขาไปรวมกันไดเปนแพเดียวกันแบบนั้น
ไมนานนักทุกองคก็เคลื่อนที่เขาหากันอยางชา รวมกันเปนคูบาง รวมกันเปนแพยอยๆบาง
และในที่สุด ก็เขาไปรวมกันไดเปนแพเดียวกัน แตละองคคลายมีตาทิพย มีเรดาร
หรือมีเข็มทิศชวย ในการเดินทาง
๔. ขณะทดลองใหลอยน้ําในแกวน้ํา ลองปลอยชิดๆ กับขางแกวดู เห็นวาพระธาตุ
จะหนีขางแกวอยางรวดเร็ว หากใชไมขนาดเล็กผลักใหเขาหากับขางแกว จะผละหนี
หางจากขางแกวอยางฉับพลันตรงขามกับวัตถุลอยน้ําอื่นๆ หากกระทํา เชนนั้น สวนใหญ
จะวิ่งเขาหา ขางแกวเปนการกลับกัน
๕. การใชนิ้วมือหยิบพระธาตุใดขณะลอยน้ํา อาจหยิบไดยาก เพราะพระธาตุจะหนีมือ
ควรใชคืมเหล็กหยิบขึ้นมา ควรระมัดระวังใหมาก ถาหนึบเบาอาจหยิบไมติด หรือติดขึ้นมา
ทีแรกแลวหลุดหายไปก็ได ถาหนีบหนักมือไปอาจจะกระเด็นหายไป ควรมีผาขาวรองแกวน้ํา
หรือภาชนะทีใสน้ําสําหรับลอยพระธาตุนั้น และควรมีที่รองปลายเหล็กขณะหนีบพระธาตุ
ดวยคืมเหล็ก (ที่ใชหนีบพระธาตุ ) ในครั้งแรกพระธาตุอาจจะหนีปลายคีม แตทีสุดแลวพระธาตุ
จะเคลื่อนที่เขาหาคีมนั่นเอง เสมือนกับคืมนั้นดูดพระธาตุไว การใชอะไรเขี่ยพระธาตุตางๆ
ควรใชไมที่เหลาปลายแหลม ถาไมมีจริงๆ ใชไมจิ้มฟนที่สะอาดยังไมเคยใชเลย ก็นํามาใช
แกจขัดไปไดบาง

การทดลองหรือการตรวจสอบ พระธาตุดังกลาวมาแลวทั้งหมดนี้ ถาทานมีความเชื่อมั่นอยาง


แนนอนแลววา พระธาตุที่ทานไดมาสักการะบูชานั้น ไดมาจากแหลงที่นาเชื่อถือไดแลว
ทานไมควรทําการทดลอง หรือทําการทดสอบใดๆ เพราะเทากับเปนการไมเคารพพระธาตุ
ยกเวนในกรณีจําเปนจริงๆ เทานั้น และหากตองกระทํา ควรกระทําดวยความเคารพอยางแทจริง
การหยิบพระธาตุดวยมือที่สะอาด และหลักในการบูชาพระธาตุที่สําคัญมีแนวทางปฏิบัติอยางงายๆ
กลาวคือ หมั่นสวดมนตไหวพระศรีรัตนตรัยเปนประจํา ใหตั้งนะโม ๓ จบ จากนั้นสวดมนตบทสัคเค
ชุนนุมเทวดาและสวดมนตโดยใชคถาบูชาพระธาตุสวดบทหนึ่ง จะสวดจบเดียวหรือหลายจบก็ได
กอนสวดมนตอื่นตอไป ถาสวดหลายๆจบ จะทําใหเกิดสมาธิดียิ่งขึ้น จากนั้นควรสวดมนตบท
ธัมมจักกัปปวัฒนสูตร ตอทุกครั้งไป และตอนทานชองการสวดมนต ควรสวดมนตเกี่ยวกับการ
แผเมตตาใหมาก การสวดมนตใดๆ ควรบังเกิดมีการเจริญสมาธิและปญญาไปพรอมๆกัน ยิ่งถา
ทราบคําแปลก็ใหสวดไปพิจารณาไป วันละเล็กละนอย สมาธิและปญญาจะคอยๆ เกิดขึ้นเอง
มีผลทําใหจิตใจของตนเองไดรับการขัดเกลา กอนสวดมนตควรอาบน้ําชําระรางกายใหสะอาด
แตงกายใหเรียบรอย แลวสมาทานศีลเสียกอน ถาปฏิบัติอยางนี้เปนประจํา ยอมไดชื่อวา
เปนผูมีศีล สมาธิ และปญญา
๘๖๘

พระธาตุโลหิตธาตุเสด็จ

เมื่อระหวางวันที่ ๑๕ – ๑๗
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งเปนปที่มูลนิธิ
พุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย โดยอาตมภาพ
เปนกรรมการอํานวยการ ไดรับอนุมัติและ
ประกาศตั้งเปนวัดในพระพุทธศาสนา
( เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ) ชื่อ วัดหลวงพอ
สดธรรมกายาราม และเปนปที่อาตมภาพ
ไดรับการคัดเลือกและแตงตั้งเปนเจาอาวาส
(เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๔ )

ไดจัดนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุและพุทธปฏิมา ที่ลวนสําเร็จดวยหินรัตนชาติ โลหะทองคํา


และนาก โดยพระเจาวรวงศเธอ พระองคโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ไดเสด็จไปทรงเปน
ประธานในพิธีเปดนิทรรศการในครั้งนั้น สําหรับพระบรมสารีริกธาตุที่ไดนําออกแสดงในครั้งนั้น มีทั้งที่มี
ผูบริจาคใหไวเปนสมบัติของวัดแลว เพื่อบรรจะไวในพระมหาเจดียที่ไดมีโครงการที่จะสรางในโอกาส
ตอไป และมีทั้งที่ขอยืมมาจากคุณทองดี หรรษคุณารมณ ผูซ  ึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุทสี่ วยงาม
โดยเฉพาะอยางยิ่ง “ พระโลหิตธาตุ ” ไดอนุเคราะหใหยืมมาแสดงในครั้งนั้นดวย ๑ องคใหญ

อาตมภาพมีความรูสึกสนใจและประทับใจในพระโลหิตธาตุนี้มาก ตั้งแตนั้นมาจึงไดหมั่นอธิฐาน
ขอตอสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาในเวลาที่เจริญภาวนาจนใจสงบและละเอียดดีแลวเสมอๆ เมื่อเสร็จ
จากงานแสดงนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุครั้งนั้นแลว ก็ไดรือจัดและทําความสะอาดหองพระ
เพื่อเก็บพระบรมสารีริกธาตุที่ไดนําไปแสดง ทั้งของวัดและทั้งของคุณทองดี ที่ยังไมไดนําไปสงคืนเขา
ไวใหเรียบรอย ครั้นรื้นไปถึงกลองที่เก็ยพระบรมสารีริกธาตุ ( ธรรมดา ) ที่เหลือจากที่ไดเคยแจกให
ญาติโยมผูมาทําบุญ ชวยการกอสรางวัด เมื่อ ๒ – ๓ ปกอน โดยใสถุงพลาสติกเล็กๆ ถุงละ ๙ องค
ซึ่งยังมีมีเหลืออยู ๔ – ๕ ถุง ที่เก็บไวในกลองนั้น ก็พลันเห็นมีอยูถุงหนึ่ง มีพระบรมสารีริกธาตุที่มี
วรรณะสีแดงดั่งสีทับทิม มันเลื่อม สัณฐานดั่งเมล็ดขาวสารหักบาง นับดูไดจํานวน ๑๖ องค

โดยที่อาตมภาพก็ไมเคยมี ทั้งที่ไมเคยมีใครนํามาถวายใหกอนเลย และมีจํานวนมากกวาถุง


อื่นๆ ที่เคยใสถุงไวแจกใหญาติโยมผูมาทําบุญถุงละ ๙ องคเทานั้นดวย แตก็ไมปลงใจเชื่อสนิทวาจะ
เปนพระบรมสารีริกธาตุแทจริง จึงไดเอาไปทดลองลอยน้ําดู ก็ปรากฏวาลอยน้ํา และลอยเหนือผิวน้ํา
โดยที่ผิวน้ําเปนแองเวาลงไป และเปนเหมือนรัศมีรอบๆ แอง แลวจะเหมือนมีแรงดึงดูดเขาหากัน
รวมกันแพ แมเชนนั้นก็ยังไมเชื่อสนิทอีก จึงตั้งใจวาถึงโอกาสเหมาะที่จะอัญเขิญพระบรมสารีริกธาตุ
สวนที่ยืมมาไปคืนคุณทองดี ก็จะนําพระธาตุที่เรามีขึ้นนี้ไปถามคุณทองดีดูดวยเพื่อใหแนใจอีกทีหนึ่ง
๘๖๙

ในชวงระยะปลายป พ.ศ. ๒๕๓๔ -


พ.ศ. ๒๕๓๕ นั้น อาตมภาพยังไปๆ มาๆ อยูที่
วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม และวัดปากน้ํา
ภาษีเจริญ ดวยวาพระเดชพระคุณพระธรรม
ปญญาบดี ( เจาประคุณสมเด็จพระมหารัชมัง
คลาจารย อธิบดีสงฆ วัดปากน้ํา รูปปจจุบัน )
ไดเมตตาอนุเคราะหอาตมภาพเปนกรณีพเศษ ิ

ใหมาพักอยูหองเดิม ( หองที่ ๑ ตึกศรีบุนย


รัตน ) ที่อาตมภาพเคยอาศัยอยูที่วัดปากน้ําฯ
ซึ่งเปนตนสังกัดเดิมของอาตมภาพ

อาตมภาพจึงไดเอาพระบรม
สารีริกธาตุวรรณะดั่งสีทับทิมนั้น หอดวย
กระดาษวาว ( กระดาษบางๆ แตเหนียว )
พับอยางเรียบรอย นํามาใสไวในเจดียหิน
ออนเก็บไวในตูเหล็กอยูในหองที่เคยพักอยู
ที่วัดปากน้ํา
หลังจากนั้นอาตมภาพก็สาละวนอยู
กับการเตรียมการไปอัญเชิญพระพุทธปฏิมา
ที่สําเร็จดวยหยกพมา ( Jadeite ) ขนาด
หนาตัก ๒๑ นิ้ว จากอําเภอแมสาย จังหวัด
เชียงราย ที่จะมาประดิษฐานเปน
พระประธานประจําอุโบสถ

และพระพุทธรูปปฏิมาที่สําเร็จดวยหินผลึก
ธรรมชาติ ( Rock Crystal ) ขนาดหนาตัก
๑๖ นิ้ว ที่แกะโดยชางฮินดู ณ นคร Jaipur
ประเทศอินเดีย ที่จะมาประดิษฐานเปนพระ
คูบารมีพระประธานประจําอุโบสถดวยวาใน
ปลายป พ.ศ. ๒๕๓๔ นั่นเอง คือ เมื่อวันที่
๒๖ พฤศจิกายน ทางวัดไดรับพระราชทาน
วิสุงคามสีมา จึงไดกําหนดที่จะประกอบพิธี
ผูกพัทธสีมา ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๓๕
ตอไป ครั้นรุง ขึ้นปใหม ( พ.ศ. ๒๕๓๕ )
ก็ไดอัญเชิญพระพุทธปฏิมา ( หยก ) และพระ
คูบารมีพระประธาน โดยเฉพาะ อยางยิ่งที่
สําเร็จดวยหินผลึก ( Rock Crystal)
จากประเทศอินเดีย มาเตรียมที่จะประกอบพิธี

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสวนที่เคยขอยืมมาจากคุณทองดีไปคืนเขาเสียที และจะไดนําพระบรม
สารีริกธาตุสท
ี ับทิมของเราเองนั้น ไปใหคุณทองดีเขาชวยดูใหแนใจอีกทีหนึ่งดวย แตเพราะตลอด
ระยะเวลาที่ผานมาตั้งแตปที่แลว ( พ.ศ. ๒๕๓๔ ) อาตมภาพมีงานยุงตลอด ออนเพลียจนลืมไปวา
๘๗๐

ไดเก็บพระบรมสารีริกธาตุสีทับทิมไวที่ไหน นึกเทา ใดๆ ก็นึกไมออก ครั้งถึงเวลาประมาณ ๓ ทุม


( ๒๑.๐๐ น. ) เมื่อสรงน้ําแลว จึงเอนตัวลงนอน ดวยความโลงใจสบายใจที่การเตรียมงานสําคัญๆ ได
สําเร็จเรียรอยแลว จึงหลับตาลงและเจริญภาวนาใหจิตสงบ แลวจึงคอยๆ ระลึกลําดับเหตุการตั้งแต
เริ่มไดพระบรมสารีริกธาตุสีทับทิมนั้น ตอๆไปจนถึงเหตุการณเก็บใสกระดาษวาว และพับเรียบรอยแลว
นําไปใสไวในเจดียหินออน เก็บไวในตูเหล็ก ใสกญแจไว
ุ เรียบรอย ในคืนที่ไปนอนคางที่วัดปากน้ํา
พอระลึกไดเห็นเหตุการณตลอดก็รูสก ึ ดีใจ

รุงเชาก็รีบเดนทางไปว
ิ ัดปากน้ําภาษี
เจริญทันที พอถึงหองพักก็รีบเปดตูเหล็กที่ไม
เคยไดเปดเลย นับตั้งแตไดนําพระบรม
สารีริกธาตุสท ี ับทิมมาเก็บไว เห็นเจดียหินออน
ก็ดีใจ รีบเอามาเปดดู ยังเห็นกระดาษวาวที่
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถูกพับเรียบรอยดีอยู
จึงคอยๆ คลี่ออกดู ก็รส ู ึกพิศวงอยางยิ่งที่
ภายในหอกระดาษนั้น กลับมีพระบรมสารีริกธาตุ
เพิ่มขึ้นเปน ๕๕ องค ครัง้ นั้นอาตมภาพยอมรับ
วาตืนเตนและดีใจเปนอยางมาก และมั่นใจวานี่
เปนพระโลหิตธาตุแนนอนโดยไมตองสงสัย
และไมจําเปนที่จะใหใครดูเพื่อ ใหแนใจอีกแลว

อาตมภาพจึงรีบไปสั่งทําภาชนะทองคํา ใสพระโลหิตธาตุนี้ ไดจํานวน ๔๕ องค บรรจุลงใน


พระเศียรไดพระเกตุมาลาพระประธาน ( หยก ) ปดผนึกดวยกาวอยางดี ( มิใหเปดไดอีก ) และไดเก็บ
สวนที่เหลืออีก ๑๐๐ องค ไวในภาชนะอีกตางหาก เปนอันวา ไดมีพระโลหิตธาตุบรรจุไวในพระเศียร
( ใตพระเกศโมลี ) พระประธาน ( หยก ) ประจําอุโบสถ เพือ่ เหลามนุษยและเทพยดาทั้งหลายได
นมัสการบูชาพระรัตนตรัย ณ วัดหลวงพอสดวัดธรรมกายาราม ตั้งแตบัดนั้น ( พ.ศ. ๒๕๓๕ )
เปนตนมา ดวยประการฉะนี้

เนื่องดวยอาตมภาพไดคัดเอาพระโลหิตธาตุสวนที่เหลือสวยๆ บรรจุไวในพระเศียรพระประธาน
ในอุโบสถแทบหมดแลว พระโลหิตธาตุสวนที่เหลืออีก ๑๐ องค นั้นไมคอยสวยงามนัก อาตมภาพ
เก็บไวในตูเหล็กที่วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม ตั้งแตบัดนี้เปนตนมา โดยมิไดเปดดูอีกเลย
แตจิตใจอาตมภาพนั้นยังนึกอยากจะไดพระโลหิตธาตุองคสวยๆ ไวบูชาใหเห็นชัดๆ และนึกปรารถนา
จะไดพระเกศาธาตุ อยางนอย ๔ – ๕ องค ไวบช ู าใหสมใจที่ไดตั้งใจบําเพ็ยบุญบารมี ไดศึกษาปฏิบัติ
และเผยแผบุญบารมี ไดศึกษาปฏิบัติและเผยแผพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
จึงปราถนาจะไดปูชนียวัตถุที่ประเสริฐสูงสุดเชนนั้น ประดิษฐานในประเทศไทยเรา เพื่อใหเหลามนุษย
และเทพยดาทั้งหลายมีโอกาสไดบูชาถึงพระรัตนตรัยไดในกาลทุกเมื่ออาตมภาพเจริญภาวนาจนจิต
สงบดี จึงไดหมั่นอธิษฐานขอพระโลหิตธาตุกับองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา

กาลลวงมาถึงปลายพรรษา พ.ศ. ๒๕๔๐ อาตมภาพก็ไดจัดทําความสะอาดตูเหล็กที่เก็บพระ


บรมสารีริกธาตุบางสวน เพื่อจะยายตูเกามาเก็บไวในตูใหม ก็ไดเห็นในภาชนะทีใสพระโลหิตธาตุเดิม
ปรากฏพระโลหิตธาตุใหมเพิ่มขึ้นอีกประมาณกวา ๕๐ องค ตอมาคุณทวีวัฒน เติมฤทธิ์ บริษัทนมตรา
มะลิ ซึ่งสนใจเรื่องนี้อยูไดทราบและเพียรขอไปไวบูชาสักองคหนึ่ง หลายครั้งดวยศรัทธา อาตมภาพ
ไดพิจารณาเห็นวาเขาก็ไดมีสวนชวยเหลือวัดในเรื่องสําคัญๆ อยูเสมอ และเปนผูมีศรัทธามั่นคง
จึงไดมอบใหไปองคหนึ่ง
๘๗๑

อยูตอมาอีกเดือนเศษๆ เขาก็มาเลาใหฟงวา ของเขา


ไดเพิ่มมาอีก ๑ องคแลว ครั้นถึงเทศกาลตรุษจีน วัน ๒๘
มกราคม ถึงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ปนี้ (พ.ศ. ๒๕๔๑ ) จึงไดนํา
ออกแสดงใหสาธุชนได นมัสการบูชาตลอดระยะเวลา ๕ วัน
และกําลังจะนําออกใหสาธุชนได นมัสการบูชาอีกในเทศกาล
สงกรานต ระหวางวันที่ ๙ – ๑๕ เมษายน ที่จะถึงนี้ ณ
บริเวณวิหารหลวงพอสด ฯ วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม
อําเภอดําเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
ดังที่เคยเลามาแตตนเรื่องที่พระโลหิตธาตุวา
หลังจากไดคัดพระโลหิตธาตุองคสวยๆ บรรจุเศียรพระ
ประธานไปเกือบหมดแลว ก็ยังปรารถนา จะไดพระโลหิต
ธาตุไวบูชาใหประจักษชัดๆ สักหนอยหนึ่ง

เมื่อไดเจริญภาวนา จนจิตสงบและละเอียดดีแลว จึงไดอธิษฐานขอกับพระสมเด็จพระสัมมาสัม


พุทธเจาอยูบอยๆ และทั้งปรารถนาจะไดพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา เมื่อครั้งที่ยัง
ทรงเปนพระมหาโพธิสัตว และไดเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ และไดทรงตัดพระเกศาโยนขึ้นไปบน
อากาศ อธิษฐานบวชเปนบรรพชิต ณ ฝงแมน้ําอโนมานั้น ทาวสักกะเทวราช จอมเทพชั้นดาวดีงส
ก็ไดเสด็จมารับไปประดิษฐานไวที่พระเจดียจุฬามณี จึงไดอธิษฐานขอพระเกศาธาตุนั้นจากทานทาว
สักกะเทวราชอยูเสมอ

โดยเฉพาะอยางยิ่ง เมื่อเจริญภาวนาจนจิตสงบ
และละเอียดดีแลว อธิษฐานอยางนี้มา ๒ – ๓ ป
แลวก็ไมเคยเห็นปรากฏขึ้นสักที บางครั้งก็เคย
เห็นแตในนิมิตวาตะปรากฏกมีพระเกศาใสๆ ยาว
ประมาณ ๒ องคุลีมือประมาณ ๓ เสน ในภาชนะ
( โลว ) หินผลึก ก็ไมเห็นปรากฏจริงๆ สักที
แทที่จริงก็ไมเคยเตรียมภาชนะเปลาไวรองรับ
พระเกศาธาตุนี้ตางหากเลย มีแตภาชนะ
( โลว ) ที่สําเร็จดวยรัตนชาติ ( Rosy Quartz
หินสีชมพู Rock Crystal หินสีขาวใสและ
Amethsyst หินเขี้ยวหนุมานสีมวง ซึง่ ใชบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุไว ๕ – ๖ องค ใบเทานั้น
นานๆ จะเปดดูนิดๆ หนอยๆ บาง แตก็ไมเคยได
เปดสํารวจดูอยางจริงจังสักที บางครั้งก็นึกตอวา
ทานทาวสักกะเทวราชทํานองนี้วา

ขอเสนงามๆ มาบูชาใหเห็นประจักษชัดๆ
สัก ๔ – ๕ เสน เทานั้นไมไดหรือไง ?
๘๗๒

ก็ที่พระธาตุเจดียจุฬามณีมีตั้งเยอะแยะ จะขอมาใหมนุษยทั้งหลายไดสักการะบูชาเพียงเทานี้ ทําไม


ตองหวงดวย แมประดิษฐานที่มนุษยโลก ( วัดหลวงพอธรรมกายาราม ) แลว เหลาเทวดาก็มาบูชา
ดวยไดนี่ อาตมาก็ไมไดหวงหามเทวดาที่จะมาบูชาดวยเลย ยิ่งดีเสียอีก จะไดกอใหเกิดศรัทธาแก
ประชาชนใหมาบูชาพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้นเสียอีก ขอหนอยนา อยาหวงนักเลย อาตมภาพเพียรขอ
อยูอยางนี้ ก็ไมเห็นปรากฏมีใหเห็นชัดๆ สักที ครัน
้ เมื่อตอปนี้ ( พ.ศ. ๒๕๔๑ ) กอนจะถึงวันตรุษจีน
ประมาณ ๓ – ๔ วัน ขณะที่อาตมภาพ กําลังเจริญภาวนาแกพระภิกษุสามเณรหลังทําวัตรเย็น

ดังที่เคยปฏิบัติมาเปนประจํา เมื่อจิตสงบละเอียดดีแลวและใสสวางดีแลว ก็นึกถึงทาวสักกะ


เทวราช พลันก็เห็นนิมิตทานทาวสักกะเทวราช พลันปรากฏเห็นนิมิตทานทาวสักกะเทวราชขึ้นที่
ศูนยกลางกายอยางชัดเจน จึงขอพระเกศาธาตุดังที่เคยปฏิบัติมาอยูเสมอ ก็ปรากฏเห็นนิมิตภาชนะ
( โลว ) ใหญที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงขอกับทานทาวสักกะเทวราชวา ขออัญเชิญพระเกศาธาตุ
ในโลวนี้ก็ได (เพราะมิไดเตรียมภาชนะไวรองงรับเปนกรณีพิเศษตางหาก ) แลวก็ผานเรื่องนี้ไปสูการ
เจริญสมถวิปสสนาตอไป จนลืมเรื่องนั้นไปเสียอีก

หลังจากนั้นก็เวลาใกลจะถึงวันตรุษจีน ทานพระสมพงษกับพระสุขม ุ ชยวุฑโฒ ก็ไดมาชวยจัด


และคัดพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด รวมทั้งที่มีอยูในภาชนะ ( โลว ) ใหญทั้ง ๒ ใบนั้นดวย เพื่อแยก
ประเภทบรรจุลงในผอบแกวที่จะแสดงใหสาธุชนทั้งหลายไดสักการะบูชาในวันตรุษจีน ขณะที่ทาน
ทั้ง ๒ กําลังคัดแยกประเภทพระบรมสารีริกธาตุในโลวใหญ ๒ ใบนั้น ก็ไดปรากฏเห็นมีเสนเกศารวมๆ
อยูในพระบรมสารีริกธาตุนั้น เปนประเภทสีดํา ยาวประมาณ ๑ องคคุลีครึ่ง จํานวน ๒๓ เสน กับสีใส
อีก ๑ เสน พระภิกษุทั้ง ๒ ตางพากันตื่นเตนและรีบบอกกับอาตมภาพวา

มีพระเกศาธาตุอยูรวมๆ กับพระบรมสารีริกธาตุในโลวสีชมพู นับรวมกันได ๒๔ องค ทานทั้ง


สองจึงบรรจุใสลงในผอบแกว แยกไวใหอาตมภาพเก็บไวบูชาตางหากที่ขางหัวเตียงนอน แตอาตม
 คิดอยูในใจวา ทําไมจึงมีสีดําเหมือนผมคนธรรมดา เพียงแตเปนละเอียดสลวย มีทั้ง
ภาพก็ยังมีขอ
เสนตรงๆ และมีทั้งที่โคงออนชอยนิดหนอย สวนที่มีลักษณะใสมีปรากฏเพียงเสนเดียวเทานั้น
คิดทบทวนอยูในใจโดยมิไดบอกใครๆวา

๑.พระเกศาธาตุที่พระธาตุเจดียจุฬามณีที่แทจริงก็สีดํา แตเวลาที่เห็นในนิมิต ขณะเมื่อจิตสงบ


เปนสมาธิและละเอียดดีนั้น ยอมเปนนิมิตทุกอยางใสหมด ถาอธิษฐานใหเห็นตามสีสัณฐานตาม
ที่เปนจริง จึงจะเห็นเปนสีตามธรรมชาติที่เปนจริงอีกทีหนึ่ง คือ เปนสีดําสลวย

๒. ตามตําราปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธของกรมสมเด็จพระมหาสมณเจากรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ฉบับพิมพครัง้ ที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๑๖ ของสํานักพิมพอก
ั ษรเจริญทัศน เรื่องลักขณปริคคาหกปริวรรต
ปริเฉทที ๔ ตอนอสีตยานุพยัญชนะ ๘๐ ซึ่งพรรณาถึงพระลักษณะนอย ๘๐ ประการของพระราชกุมาร
(สิทธัตถะ) หนา ๕๓ วา “ พระเกศามีสันฐานเสนกลมสลวยทุกเสน ๑ พระเกศาดําสนิททั้งสิ้น ๑
พระเกศากอปรดวยเสนอันละเอียด ๑ เสน พระเกศาบมิไดรูสยองยุงนั้น ๑ เสน พระเกศาเวียนเปนป
ทักษิณาวรรตทุกๆเส็น ๑ ”

๓.ที่ปรากฏเปนเสนใสอยูเสน ๑ นั้น อาจจะเปนดวยแรงอธิษฐานที่เคยไดเห็นนิมิตปรากฏเปนเสนขาว


ใสอย ๓ เสน ในภาชนะ (ผอบใส ) จึงไดอธิษฐานขออยางนั้นสัก ๔ – ๕ เสน แตขณะนี้ปรากฏเปน
จริงเพียงเสนเดียว ยังไมไดครบตามที่ตั้งใจปรารถนา จะไดประดิษฐานไวในโลกมนุษยนี้ เพื่อให
เหลามนุษยและเทพยดาได มาสักการะบูชาไดทุกเมื่อ แตก็ยังไมปรากฏเห็นมีจริงตามนิมิตที่เคย
เห็นไวแลว
๘๗๓

๔. มีขอสังเกตวา เสนพระเกศาเหลานี้มีความยาวเพียงประมาณ ๑ องคุลีครึ่ง ไมไดยาวเหมือนเมาลี


( มุนผม ) แขกทั่วไป เมือ
่ พิจารณาดูเหตุการณที่เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ และไดทรงใชพระขรรค
ตัดพระเกศษนั้น นาสันนิษฐานวาไดทรงตัดพระเมาลีกอน แลวจึงตัดพระเกศา ที่ถูกตัดสั้นกวาเสน
พระเกศาที่มุนเปนพระเมาลี ( โมลี ) รวมปนอยูดวย และมีขอสันนิษฐานเพิ่มเติมวา หากทานทาว
สักกะเทวราชจะไดอัญเชิญพระเสนพระเกศาที่ยาวจากที่ทรงไดคัดพระเมาลีครั้งแรกมาถวายให
ก็อาจทรงเกรงวาเหลามนุษยจะรังเกียจวาเหมือนเสนผมผูหญิงละกระมั้ง? จึงไดถวายเสนพระเกศาที่
สั้นกวา คลายเสนเกศาพระภิกษุทั่วไป เพียงแตยาวประมาณ ๑ องคุลีครึ่งเชนนั้น

ดวยแรงอธิษฐาน ขณะที่จิตใจสงบดวยหลักฐานและดวยเหตุผล ๔ ประการนี้ นาจะพอรับกัน


ไดกับเสนเกศาที่ปรากฏขึ้นรวมอยูกบ
ั พระบรมสารีริกธาตุในภาชนะ ( โลว ) หินรัตนชาติดังกลาวแลว
โดยที่อาตมภาพเอง และหรือใครๆ ก็มิไดเอาไปใสไวนั้น พอเปนขอสันนิษฐานที่นาเชื่อถือไดวา

“ นี่เปนพระเกศาธาตุแนนอน ”
ถึงอยางไรก็ตาม จะไดอญ ั เชิญไปตั้ง
แสดงไวใหสาธุชน ไดมานมัสการบูชา
ในเทศกาลสงกรานต ระหวางวันที่
๙ – ๑๕ เมษายน นี้ ณ บริเวณวิหารหลวง
พอสดฯ ขางหนาวัดหลวงพอสดธรรม
กายาราม อําเภอดําเนินสะดวก
จังหวัดราชบรี
๘๗๔

การบรรจุพระพระบรมสารีริกธาตุในประเทศไทย เปนเหตุการณที่นาอัศจรรย ทําใหเกิดศรัทธา


อยางตอเนื่อง พุทธศาสนิกชนไทยนิยมบรรจุพระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุตั้งแตอดีตจนถึง ปจจุบัน
ในอดีตนั้น นิยมสรางสถูปเจดียเพื่อบรรจุพระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุมาก เห็นไดจากมีเจดียเกาแก
มากในบริเวณเมืองเกาสุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลพบุรี อยุธยา เปนตน ในปจจุบัน มีการอัญเชิญพระธาตุ
และพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุในสถูป (หรือสถูปเจดีย) ซึ่งถือวาเปนสถูปทีสร
่ างขึ้นในยุคใหม
ภายในประเทศ ๑๓๖ แหง ที่สําคัญ เชน เจดียพระบรมธาตุ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ พระมหาธาตุ
เจดียนภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดียนภพลภูมิสิริ ดอยอินทนนท เชียงใหม พระเจดียมหาจักรี
พิพัฒน วัดญาณสังวราราม ชลบุรี พระมหาเจดียมหารัชมังคลาจารย พุทธมณฑล นครปฐม
พระมหาธาตุเจดียมิ่งมงคล วัดวังยาว ประจําจวบคีรีขันธ เปนตน

นอกจากนี้ ยังมีการอัญเชิญพระธาตุและ
พระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุ ณ เจดียในตางประเทศ
อีก ๓๐ แหง เชน พระเจดียสมาคมประชาสังคม
สงเคราะหญี่ปุน พระเจดียวิปสสนาเคหะเมืองบันดุง
อินโดนีเซีย พระธาตุพระบรมสารีริกธาตุที่ผูศรัทธา
อัญเชิญไปประดิษฐานในเจดียตาง ๆ นี้ มีผูนํามาถวาย
แดสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก พระองคประทานตอใหผูจิต
ศรัทธาอัญเชิญไปประดิษฐานในที่ตาง ๆ เพื่อเปนที่
บูชาสักการะของพุทธศาสนิกชนและของศาสนิกชน
อื่นผูศรัทธา หรือบางกรณีก็ไปอัญเชิญพระธาตุ
พระบรมสารีริกธาตุจากตางประเทศ เชน อินเดีย
ศรีลังกา มาประดิษฐานในประเทศไทย
๘๗๕

ตามที่ไดกลาวมาแลว เรื่องราวปฏิหารยขององคพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนั้น
มีมากมายตามที่ปรากฏตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบัน ทําใหเกิดแรงศรัทธาตอพุทธาสนิกชนในปฏิหาริย
ตางๆทีเกิดขึ้น ทําใหมีการสรางพระบรมธาตุหรือเจดียธาตุเพื่อบรรจุพระบรมสาริริกธาตุ

เพื่อใหประชาชนไดสักการะบูชา ซึง่ ลวนแลวแตเปนเหตุการณที่นาอัศจรรยใจและเปนที่เกิด


ศรัทธาในองคพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ดังตํานานในอดีตสมัยตางๆแตละยุคแตละสมัย
ซึงในทางประวัติศาสตรไทย ก็เคยกลาวไวดวย เชนกัน ในตํานานเรื่องพระธาตุหริภุญชัย
จังหวัดลําพูนบอกวา ประมาณ พ.ศ.๑๕๙๐ พระเจาอาทิตยทรงเห็นปาฏิหาริยพระธาตุทรง
เปลงรัศมี ๖ สี (ฉัพพัณณรังสี) จึงทรงใหสรางเจดียบรรจุพระธาตุ เปนตน ฯลฯ

พระมหากัสสปะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจาพระนามวา "ปทุมุตตระ"
พระมหากัสสปะกลาวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีรพระไตรปฎก ขุททกนิกาย
อปทานตอนหนึ่งวา ขาพเจาครั้นสรางอัคฆิยเจดียงดงาม สูง ๑๐๐ ศอก กวาง ๑๕๐ ศอก ดังวิมาน
เสียดฟา สั่งสมบุญไวแลว ทําจิตใหเลื่อมใสในหองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (ของพระปทุมุตตระ) นั้น
สรางกุศลเปนอันมาก ระลึกถึงบุรพกรรม จึงไปเกิดในสวรรคชั้นไตรทิพย คุณวิเศษเหลานี้ คือ
ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข ๘ และอภิญญา ๖ ขาพเจาไดทําใหแจงแลว คําสั่งสอนของพระพุทธเจา
ขาพเจาก็ไดทําเสร็จแลว
๘๗๖

พระธาตุปูชกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจาพระนามวา "สิทธัตถะ"
พระธาตุปูกชกะกลาวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีรพระไตรปฎก ขุททกนิกาย
อปทานตอนหนึ่งสรุปความไดวา ขาพเจาไดเก็บพระธาตุของพระพุทธเจา(พระสิทธัตถะ) ไวบูชา
ตลอด ๕ ป เหมือนบํารุงพระองคผูทรงพระชนมอยู ขาพเจาไดบูชาพระธาตุไว จึงไมรูจักทุคติเลยนี้
เปนผลแหงการบํารุงพระธาตุ คุณวิเศษเหลานี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข ๘ และอภิญญา ๖ ขาพเจาได
ทําใหแจงแลว คําสั่งสอนของพระพุทธเจา ขาพเจาไดทําเสร็จแลว

พระปจจุปฏฐานสัญญกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจาพระนามวาอัตถทัสสี
พระปจจุปฏฐานสัญญกะกลาวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีรพระไตรปฎกขุททก
นิกาย อปทานตอนหนึ่งสรุปความไดวา ขาพเจาเกิดในกําเนิดยักษ ไดรับคําแนะนําใหบูชาพระธาตุ
ของพระพุทธเจา (พระอัตถทัสสี) เมื่อไดฟงดังนั้น จึงไดสรางพระสถูปบรรจุพระธาตุ บํารุงพระสถูป
อยู ๕ ป ดวยผลกรรมนั้น จึงไดรับสมบัติ ไดบรรลุอรหัตตผลแลว

พระบรมสารีริกธาตุหรือพระบรมธาตุ ก็คือ พระบรมอัฐิ หรือกระดูกของพระพุทธเจานั่นเอง


เหตุที่ไมเรียกวาพระบรมอัฐิเหมือนกษัตริยหรือจักรพรรดิทั้งหลาย ก็เพราะสมเด็จพระบรมศาสดา
ทรงลวงพนวิสัยของสามัญชน ทรงสรางสมพระบารมีไวอยางอเนกอนันต ทรงสมบูรณดว
ยพระวิสุทธิคุณ พระปญญาคุณ และพระกรุณาธิคณ ุ อยางที่ไมมีบุคคลใดมาเทียบไดทรงมีพุทธานุภาพ
ยิ่งใหญไ พศาลแผซานตลอดไปทั่วจักรวาล
๘๗๗

ในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจาที่นครกุสิ นารานั้น กษัตริยมัลละไดทรง


ประกอบพิธีเชนเดียวกับพระบรมศพของพระเจาจักรพรรดิ คือ หอหุมพระพุทธสรีระดวยผาถึง ๕๐๐ ชั้น
โดยชั้นนอกและชั้นในสุดใชผา “อโธวิตะ” แปลวา ไมตองซักดวยน้ํา ซึ่งอาจจะเปนผาทนไฟชนิดหนึ่ง
ในยุคนั้น เพราะเมื่อถวายพระเพลิงแลว พระพุทธสรีระและสิ่งหอหุมไดมอดไหมไปกับเปลวเพลิง
เหลือแตผาชั้นนอกและชั้นในหอหุมพระบรมธาตุไว

พระบรมธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุที่เหลืออยูในหอผา ๒ ชั้นนี้ มีลักษณะไมเหมือนกระดูกคน


ธรรมดาทั่วไป แตดูคลายอัญมณี คลายไขมุก คลายแกว คลายหิน มีสีสันตางๆ กัน เชน เหลืองทอง
เขียว ขาว สุกใส และขาวดุจงาชาง เปนตน

คนรุนใหมอาจจะเชื่อยากที่พระบรมธาตุของพระพุทธเจามี ลักษณะคลายแกวคลายหิน
ตางจากกระดูกของคนธรรมดา แตเรื่องนี้ก็ไมใชอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยแตอยางใด วิทยาศาสตรนาจะ
คนควาหาคําตอบเรื่องนี้ตอไป

ขณะนี้ก็มีการคนพบกันแลววา ในยามที่มนุษยคิดถึงความทุกข ความสุขนั้น รางกายจะหลั่งสาร


ที่แตกตางกันออกมา ทําใหจิตใจเบิกบานและหอเหี่ยวตางกันไป

ฉะนั้นการบําเพ็ญสมณธรรมมาเปนเวลานาน จนดวงจิตหลุดพนจากโลกียวิสัย ปราศจากโลภ


โกรธ หลง มีแตความเมตตากรุณาตอสัตวโลก รางกายก็อาจจะหลั่งสารบางอยาง ที่ทําใหกระดูกแปร
เปลี่ยนไปเชนนี้ก็เปนได

เพราะไมเพียงแตพระบรมธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาเทานั้น พระธาตุของพระอรหันตสาวก
ก็มีลักษณะเชนกัน แมแตอริยสงฆในปจจุบันหลายองค อัฐิของทานก็แปรเปลี่ยน แปรสภาพไปจาก
กระดูกคนธรรมดา อยางเชน พระอาจารยมั่น ภูริทัตโต รวมทั้งพระอาจารยเสาร กันตสีโล ฯลฯ
๘๗๘

พระเจาวรวงศเธอ พระองคเจาภาณุพันธยุคล ไดทรงเลาไวในหนังสือ “พุทธธันดรไตรเวทย”

ปที่ ๑ ฉบับที่ ๑๒ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๒๐เกี่ยวกับอัฐิของหลวงจีนรูปหนึ่งวา

นานมาแลว มีลูกสมุนคนจีนที่ชอบพอกับขาพเจามาก ไดมาเลาใหขาพเจาฟงวา มีหลวงจีนหนุมที่คน


นับถือและเชื่อวาทานสําเร็จเปนอรหันตไดมรณภาพลง และเขาเปนศิษยคนหนึ่งที่ใกลชิด และรวมอยู
กับผูที่จัดการเผาศพทานเมื่อวันสองวันกอน เขาเลาใหฟงวาเปนที่แปลกประหลาดและตื่นเตนเปน
ที่สุดดวย ตามกระดูกของทานที่เผาแลวนั้น ปรากฏวามีแกวสีตางๆ งอกออกมาจากกระดูกเต็มไปหมด
และเวลานี้ก็ยังตั้งบูชาอยูที่วัด และไดพาขาพเจาไปดู ก็ไดสังเกตเห็นวาเปนความจริงที่วา ที่เศษกระดูก
ไหมไฟนั้น มีแกวใสๆ เม็ดเล็กๆ ติดอยู แมแตมีแทรกอยูแนนในชิ้นกระดูกก็มี บางเม็ดครึ่งหนึ่งยังเปน
กระดูก ครึ่งหนึ่งใสก็มี เขาถามขาพเจาวา ขาพเจาอยากจะไดเพชรพลอยที่เกิดจากกระดูกทานหรือไม
เขาจะไปขอมาใหถาอยากได เมื่อเสร็จพิธีแลวเขาจะไปขอมาสักเม็ดสองเม็ด ขาพเจาก็ไดขอใหเขาไป
ขอมา แลวเขาก็เอามาให

ดวยเหตุนี้จึงเปนที่เชื่อถือกันวา บุคคลผูมีพระบรมสารีริกธาตุ หรือ พระธาตุพระอรหันตไวในครอบครอง


หากหมั่นเคารพกราบไหวสักการะบูชาและประพฤติตนอยูในทางที่ชอบดวยศีลธรรมแลว จะประสบแต
สิริมงคล มีความสุขความเจริญ และความรมเย็นเปนอยางยิ่ง แตสําหรับผูที่มีพระบรมสารีริกธาตุ
หรือพระธาตุของพระอรหันตไว แตไมหมั่นเคารพสักการะบูชา และประพฤติตนอยูในกรอบศีลธรรมอันดี
พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุก็จะไมอํานวยผลให และมักจะเสด็จหายไปประทับที่อื่น
ดังนั้นจึงมีความเชื่อและนับถือพระบรมธาตุวา เปนปูชนียวัตถุสําคัญยิ่งกวาวัตถุมงคลอื่น ดวยเหตุนี้
พระบรมสารีริกธาตุนับวามีความสําคัญมากในการประกาศศาสนา เพราะมีพลังดึงดูดศรัทธาของคน
ใหเลื่อมใสยิ่งขึ้น พระสาวกหรือแมแตพระมหากษัตริย ผูเปนองคศาสนานุปถัมภกที่สืบทอด
พระพุทธศาสนา ไดเจริญรอยตามปฏิปทาของพระเจาอโศกมหาราช เมื่อสงสมณฑูตไปประกาศศาสนา
ในที่ใด ก็จะแบงพระบรมสารีริกธาตุใหสมณฑูตนําไปประดิษฐานไวในประเทศนั้นๆ ดวย เปนประหนึ่งวา
พระบรมศาสดาไดเสด็จไปเปนประธานในคณะฑูตนั้น เพราะเหตุนี้ จึงปรากฎวามี พระธาตุเจดียอยูทุกๆ
ประเทศที่พระพุทธศาสนาแผไปถึงทั่วทุกทิศ ขาพเจาจึงหวังวา ทานผูอานจะไดรับสาระความรูในเรื่อง
พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุไมมากก็นอย จากการรวบรวมความรูทั้งหมดที่ขาพเจาไดอาน
และศึกษามาไมมากก็นอย เพื่อใหพท ุ ธาสนิกชน เกิดความเลื่อมใสและปฏิบัติธรรมตามคําสอน
ของพุทธองคในองคพระสัมมาสัมพุทธเจา เพื่อเปนการสืบสานพระพุทธศาสนาสืบตอไป

You might also like