Professional Documents
Culture Documents
การได้พระบรมสารีริกไว้สักการะบูชา
การได้พระบรมสารีริกไว้สักการะบูชา
การไดพระบรมสารีริกธาตุมาสักการะบูชา
๑. พระบรมสารีริกธาตุสวนพระสมอง
จากที่ขาพเจาไดรับพระบรมสารีริกธาตุมาบูชาครั้งแรก จากทานเจาอาวาส วัดทาการอง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็ทําใหขา พเจาปราบปลื้มใจยิ่งนัก จากที่ไดเริ่มบูชาพระองคจนถึง
ปจจุบันนี้ ก็ปรากฏวาสายพระโลหิตสีเขียวของพระองค สันฐานใหญขึ้น และชัดเจนมากขึ้น
แมขาพเจาไดแบงใหญาติพี่นองไดนําสักการพบูชาไปแลว ก็ปรากฏมากขึ้นจากเดิม
หลังจากนั้นขาพเจาเองก็เริ่มบูชาพระบรม
สารีริกธาตุตลอดมาสวดมนตไหวพระ ภาวนา
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีความรูสึกอยากบูชา
พระบรมสารีริกธาตุ จากที่อื่นๆ ซึ่งขาพเจา
ก็มิไดรูจักใคร เปนพิเศษ แตเมื่อกอนเคยไป
ไหวพระบรมสารีริกธาตุในงานตางๆ ที่ไดมี
การจัดขึ้น เชน เมืองทองธานี เคยอธิฐานจิตไว
ถามีโอกาสขอใหไดบูชาพระบรมสารีรกิ ธาตุ
สวนพระสมองบาง เพื่อเปนศิริมงคล
สําหรับดิฉันและครอบครัวของตนเอง
๒. พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองคปฐม
ตอจากนั้นขาพเจาก็ไดรับพระบรมสารีริกธาตุจากอาจารยทานหนึ่ง ทานสงพระบรม
สารีริกธาตุมาใหกับขาพเจาบูชาจํานวน ๙ องค พรอมทั้งบอกวา เปนของสมเด็จองคปฐม และขาพเจา
ก็ไดโทรศัพทไปขอบพระคุณทาน หลังจากไดพูดคุยกันบางเล็กนอย ทานก็กรุณาทําพิธีเชิญพระเขาตัว
ใหกับขาพเจา โดยทําพิธีทางโทรศัพท ซึ่งขาพเจาเอง ก็นั่งไหวพระในหองขาพเจา ตอหนาโตะหมู
บูชาและกลาวตามพิธีของอาจารย โดยฝากตัวเปนศิษยตอพระพุทธองคและสมเด็จองคปฐม
๓. พระบรมสารีริกธาตุตางๆ
หลังจากนั้น ขาพเจาก็เริ่มอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสถานที่ตางๆ บาง เชน ชมรมรักษ
พระบรมธาตุแหงประเทศไทย เขตบางรัก กทม. ซึ่งเปนชมรมที่ดี บุคคลากรใหความรูดีเปนกันเอง
ขาพเจาก็ญาติก็ไดอัญเชิญกัไปบูชาที่บานของขาพเจา ที่นั่นทานสามารถชมพระบรมสารีริกธาตุและ
พระอรหันตธาตุไดอยางใกลชิด ทานสามารถติดตอสอบถามเจาหนาที่ไดกอนที่จะไป รวมถึงนําผอบ
หรือพวงมาลัยดอกมะลิ ไปอัญเชิญทานได ตองไปอัญเชิญดวยตนเองเทานั้น รวมถึงวัดสังฆทาน
จังหวัดนนทบุรี ทานก็สามารถไปอัญเชิญกับทานเจาอาวาสดวยเชนกัน นําบัตรประชาชนไปรับ
และไปรับกับทานเจาอาวาส ตองไปรับดวยตนเองเชนกันคะ และจากการไดรับจากญาติธรรมทั้งหลาย
ที่มีองคทานมากพอที่จะแบงปนโดยการแจกจายเปนธรรมทาน เพื่อสรางบุญกุศล สําหรับสืบสาน
พระพุทธศาสนา จากผูที่บุญบารมีแลวทานเสด็จเพิ่มขึ้นเอง ซึ่งขาพเจาก็ไดจากทานทั้งหลายเหลานั้น
จึงขอกลาวคําอนุโมทนาบุญกับทานทั้งหลายเหลานั้นดวย สําหรับสิ่งที่เปนบุญกุศลในการแจกเปน
ธรรมทานของทานทั้งหลายเหลานั้น
จากการที่ขาพเจาไดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พบวาทานสามารถขยายขนาดได สันฐานรวมที่
ไดมาแลวผิวขององคทานไมงดงาม ปจจุบันก็งดงามเปนมันวาว สันฐานทีเ่ ราบูชาอยูบางครั้งอาจจะ
มีสันฐานอื่นเสด็จไปประทับอยูดวย การที่เราสวดมนตภาวนาเปนเวลานาน ดวยจิตที่บริสุทธิ์ทาน
ก็สามารถมาใหเราบูชาดวยวันใดวันหนึ่ง จากการเสด็จขององคทาน ซึ่งมีดวยกัน ๒ แบบ
โดยมีผูแจกเปนธรรมทานนํามาใหบชู า หรือ จากการเสด็จขององคทานเอง
๗๗๕
นิมิตแหงพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
๑. นิมิตลวงหนาพระธาตุเสด็จ
จากการที่ขาพเจา สังเกตทุกครั้ง เมื่อขาพเจาจะไดรับพระบรมสารีริกธาตุจากผูใดก็ตาม
สวนใหญจากนิมิตลวงหนา ๑ – ๒ วัน เชน เห็นภาพพระบรมสารีริกธาตุเต็มไปหมดในนิมิต
บางครั้งก็นิมติ เห็นพระธาตุตกมาจากฟา ลงสูม ือของขาพเจา และทุกครั้งก็จะมีพระบรมสารีริกธาตุ
หรือพระอรหันตธาตุเสด็จมาทุกครั้ง ซึ่งเปนเรื่องที่แปลกมาก ขาพเจาคิดวานาจะเปนหนึ่งในพุทธา
นุภาพขององคทานแนแท ที่ผานมาไมเคยมีครั้งไหนที่ไมตรงกับความเปนจริงนิมิตทุกครั้ง ทานก็มา
ทุกครั้งเปนตน
๒. ไมศรัทธาพุทธองคทานนิมิตบอก
ตามที่ไดกลาวมาแลวในพุทธานุภาพ และความศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธองค ทําใหขาพเจายิ่ง
เลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธองคมากขึ้น จนขาพเจาก็อยากใหสิ่งดีดีกับญาติของขาพเจา
จึงไดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากชมรมรักษพระบรมธาตุแหงประเทศไทย และพระบรมฯ
สันฐานสวนพระสมองใหกับพี่ชายของขาพเจา อยูมาวันหนึง่ ขาพเจาก็ฝนเห็นพี่ชายตนเองใบหนา
หมองเศรา ซึ่งขาพเจาเองก็ไมเคยติดตอกับเขาเปน ๕ – ๖ ป ดวยจิตมีความรูสึกวาเขาคงมีอะไรไม
สบายใจ จึงตัดสินใจโทรศัพทไปหาเขา และบอกเขาวามีอะไรไมสบายใจหรือเปลา เขาบอกวามี
ขาพเจาบอกวาเรื่องอะไร เขาบอกวาเรื่องงาน หัวหนางานไมชอบเขา ทําอะไร ดูแยในสายตาของ
ผูบังคับบัญชาไปหมด เขารูสึกเครียดมาก ขาพเจาบอกเขาวาจะแบงพระบรมสารีริกธาตุใหเขาบูชา
๗๗๖
ใหเขามารับดวยตนเองดวย ซึ่งขาพเจาก็เชื่อวาพี่ชายก็คงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
เขารับปากวาจะรับพระองคไปบูชา แตขาพเจาก็รอถึงสองสัปดาหแลว เขาก็ยังไมรับองคทานไปบูชา
๓. พระพุทธองครับรูปรากฏกลิ่นหอม
เมื่อเวลาผานไปชวงเวลาหนึ่ง ก็มีเหตุการณที่ขาพเจาตองเดินทางไปบานพี่ชายคนนี้ดวยความ
บังเอิญเพราะพี่สาวอยากไปเที่ยวบานเขา และมาชวนขาพเจาไปดวย ซึ่งขาพเจาก็มิไดอยากจะไป
ตั้งแตแรกแตมีความรูสึกบางสิ่งอยางในใจ ดลจิตดลใจใหตองไปที่นั่น ก็เลยบอกวาจะไปเปนเพื่อนให
พี่สาวตามที่เธอชวนขาพเจา วันที่ไปนั้นพี่ชายของขาพเจาไมไดอยูบาน อยูแ ตพี่สะใภ พวกเราก็ได
สนทนากัน
๗๗๗
๔. เสียงกระซิบเมื่อพระธาตุเสด็จ
จากที่ไดกลาวมาแลวบางสวนในเรื่องพระบรม
สารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุทุกพระองค
ทานยอมมีพทุ ธานุภาพและบุญฤทธิ์ของทาน
แลวแตวาจะมีผูใดสามารถสัมผัสถึงองคทาน
ซึ่งพระอริยสงฆทั้งในพุทธกาล และกึ่งพุทธกาล
เมื่อทานปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เจริญวิปสสนา
กรรมฐานในชั้นสูง ทานสามารถละทิ้งได
ซึ่งกิเลสทั้งปวง ทานก็ลวนแตสําเร็จเปนพระ
อริยสงฆเปนพระอรหันตทั้งสิ้น ดังที่เราไดเห็น
พระอรหันตธาตุในยุคอดีตและยุคปจจุบัน
ของพระเกจิอาจารยทั้งหลายที่ปรากฏอยู
ในปจจุบันนี้
๗๗๙
ซึ่งขาพเจาจะขอนํามาหยิบยกตัวอยาง
อีกครั้ง จากความเดิมตอนที่แลว ในนิมิตจาก
การปฏิบัติธรรม แตจะนําเหตุการณนี้มา
ประกอบและเลาสูกันฟงในเรื่อง เสียงกระซิบ
เมื่อพระธาตุเสด็จ
จากนิมิตดังกลาวตอนที่ไดพบกับครูบา
อาจารยนั้น นิมิตเหมือนตัวเองไดอยูในถ้ํา
แหงหนึ่ง และไดนั่งสมาธิอยูนั้น ก็ไดเห็น
พระภิกษุสงฆรูปหนึ่งทานเดินเขามาหา
ภาพที่ปรากฏเปนพระภิกษุสงฆทาน
มีอายุมาก หนาตาทานใจดีมาก ยิ้มแยมแจมใส
ขณะที่ทานเดินเขามาหาขาพเจานั้น
๗๘๐
ขาพเจาคิดวา สิ่งที่ขาพเจาไดกลาวมานี้
เปนหนึ่งในปฏิหารยของพระบรม
สารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
เพราะเพียงแคเสียงกระซิบจากองคทาน
ทานก็ยังสามารถเสด็จมาใหสาธุชน
ทั้งหลายไดสักการะบูชาองคทาน
ซึ่งเปนเรื่องที่นาอัศจรรยใจยิ่งนัก
หรือทานสาธุชนทั้งหลาย คิดอยางไร
คิดเหมือนขาพเจาหรือไม
๗๘๓
ตามประวัติศาสตรอันยาวนาน มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเสด็จขององคพระบรมสารีริกธาตุและ
พระอรหันตธาตุมากมาย ซึ่งทานจะแสดงพุทธานุภาพและปฏิหารยใหปรากฏอยูตลอดเวลาเปนเวลาชา
นานในอดีตสมัยพุทธกาล จนถึงยุคปจจุบันนี้ โดยเฉพาะตามตํานานพระธาตุในลังกา แมในศิลาจารึก
ไทยก็ยังมีเรื่องเลากลาวถึงมากมายเชนกัน ดังตัวอยางพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีแหงกรุง
สุโขทัย ไดไปนมัสการพระบรมธาตุ พระเกศธาตุ พระทันตธาตุในลังกา ไดเห็นพระธาตุเหลานั้น
แสดงปาฏิหาริยตาง เชน เสด็จไปในอากาศสวางเหมือนสายฟาแลบบาง ลองลอยเหนือดวงดาวบาง
เปลงแสงฉัพพรรณรังสีเหลืองเหลือบชมพู แดง เขียว ขาว บาง ฯลฯ
และในพระราชพงศาวดารและจดหมายเหตุของไทย ก็เคยมีความกลาวถึงปฏิหาริยของ
พระบรมสารีริกธาตุหลายครั้ง เชน ตํานานการสรางพระธาตุหริภุญชัยที่ลําพูน พระเจดียบรรจุ
พระธาตุที่วัดสวนดอก พระมหากษัตริยไทยในสมัยโบราณ ไดทอดพระเนตรพระบรมสารีริกธาตุ
พระธาตุเสด็จ ก็ลวนทรงเห็นเปนศุภนิมิตโดยทั่วกัน
ปฏิหาริยพระธาตุเสด็จนั้นมีอยูจริง แลวแตวาจะมีผูไดพบเห็นหรือสัมผัสถึงปฏิหาริยขององค
พระบรมสารีริกธาตุได แลวแตพระองคจะเสด็จโปรดทางใดใหพบเห็น เพราะขาพเจาก็ไดพบกับ
ตนเอง จึงเชื่อในพุทธานุภาพและปฏิหาริยของทาน ดังที่จะไดกลาวตอไปนี้
๗๘๔
จากการทีข่ า พเจาไดรับพระบรม
สารีริกธาตุสมเด็จองคปฐมจากญาติ
ธรรมที่ไดนํามาใหบูชาองคทานนั้น
ตามที่ขาพเจาไดบูชาและปฏิบัติธรรม
ทําใหขาพเจา ไดพบเห็นปฏิหาริยของทานในเรื่องพระธาตุเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ
สมเด็จองคปฐมเกี่ยวกับพระธาตุเสด็จ จากประสบการณดังนี้
เดิมขาพเจาไดรับองคพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองคปฐมจากญาติธรรม เพื่อนํามา
สักการะบูชา สันฐานขององคทานเปนเหมือนผลึกมีสีออกใส เปนมันวาว และบรรจุในผอบปดฝาอยาง
แนนหนา ซึ่งขาพเจา บูชาองคทานมาเปนเวลานานเกือบป ถวายดอกมะลิ สวดมนตภาวนาทุกค่ําคืน
จนกระทั่ง เมื่อที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๗ ซึ่งเปนวันวิสาขบูชาที่ผาน
มานี้ ขาพเจาไดนําเอาผอบทานมาทําความสะอาดแลวเปดผอบดู ก็นึกประหลาดใจยิ่งนัก เห็นมีองค
พระบรมสารีริกธาตุ สันฐานเหมือนสายพระโลหิตเปนลักษณะองคกลมเล็ก สีเหลืองทอง มาประทับ
ดวย ๑ องค ทั้งที่เดิมผอบถูกปดครอบอยางแนหนา แตองคทานก็สามารถเสด็จเขาไปได ทําใหขาพเจา
รูสึกปลาบปลื้มใจ และทําใหขาพเจายิ่งเชื่อมั่นวาพระองค ทานสามารถเสด็จมาไดเอง ดวยเหตุผล
ดังกลาว เพราะวา สันฐานตางวรรณะ ผอบถูกปดฝาแนหนา มิไดถูกเปดทิ้งไว เปนหนึ่งในปฎิหารยของ
การเสด็จ
๗๘๕
ขาพเจาไดรับหนังสือคําสอนหลวงปูเทสก เทสรังสี
จากญาติธรรมผูหนึ่งที่สงมาให ขาพเจาจึงได
ทําการหยิบหนังสือขึ้นมาดู แตยังไมไดอานอะไร
เพียงกลาวออกมาดวยความไมตั้งใจวา
“ ถาไดบูชาพระธาตุหลวงปูเทสก เทส รังสีก็ดีนะ ”
บรรยากาศในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุใหสักการะมากมาย รวมถึงพระจักษุ
ธาตุของคทานที่เสด็จมา ณ. ที่แหงนี้ กอนกลับขาพเจาไดรับพระบรมสารีรกิ ธาตุสวนพระสมองจาก
พระอาจารยประจักษ ภูรปิ ญโญ กลับไปสักการะบูชา
ภายหลังขาพเจากลับถึงบานแลว ไดนําองคพระบรมสารีธาตุสวนพระสมององคทานบรรจุ
ใสผอบทุกพระองค ที่ขาพเจาสัมผัสไดพบวาทานมีกลิ่นหอม แตที่ขาพเจาพบสิ่งที่เปนอัศจรรย
อีกเรื่องจากการเสด็จของทาน คือ หลังจากวันนั้นมาประมาณ ๒ - ๓ วัน ขาพเจาก็นิมิตวาไดไป
สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ สถานที่แหงหนึ่ง ไมทราบวาเปนที่ใด ในจิตอยากบูชาองคทาน
และพระธาตุก็ตกใสมือ และก็สะดุง เมื่อตอนขาพเจาตื่นขึ้นมา คิดวาพระธาตุทานจะเสด็จมาได
อยางไร สงสัยขาพเจาจะคิดมากไปเอง เทพเทวาคงจะลองจิตลองใจ ในความโลภของขาพเจาหรือไม
และมิไดคิดอะไรตอ หลังจากนั้นขาพเจากําลังจะพับเก็บผาหมที่นอน ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นแสงเขาตา
ดวยจิตจึงหันไปมองจุดนั้น ก็ปรากฏเห็นพระธาตุองคทานเสด็จตกลงมา ๒ องค สันฐานองคกลมแบบ
สวนพระสมอง ทานมีสีเหลืองทองออกสีสมโอรส ขาพเจาจึงเชื่อวา สิ่งนี้ก็เปนปฏิหาริยของทานที่
ทรงเสด็จมาโปรดขาพเจาตามคําอธิฐานที่ขาพเจา อธิฐานไวตอองคทาน ณ วัดสัมพันธวงศาราม
วรวิหาร
๗๘๙
การเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ( พระจักษุธาตุ)
เนื่องดวยพระอาจารย ประจักษ ภูริปญ โญ
ทานไดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐาน
เมล็ดขาวสารหักมาบูชาเพียงอยางเดียว
และผอบเดียวเทานั้น โดยที่พระอาจารยทานได
บูชาประมาณปกวาๆ เห็นจะได ซึง่ ทานก็ได
เพงพิศพิจารณาเฝาดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุ
อยูในผอบนั้นอยูทุกๆวัน จนกระทั่งในวันศุกรที่
๑๖ มกรามคม ๒๕๕๒ หลังจากที่พระอาจารย
ไดลุกจากจําวัดในตอนใกลสวาง ทานก็ไดตรวจ
ตราและเฝามองไปยังที่ประดิษฐานพระบรม
สารีริกธาตุเชนทุกวัน แตวันนี้กลับไมเหมือน
อยางเคย
เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเดนเปนสงา
อยู ณ แทนบูชานั้น ไดมีแสงเจิดจา
ระยิบระยับเกิดขึ้น แลวยังสองสวาง
อยางแปลกประหลาด กําลังเปลงประกาย
ออกมาในผอบ ทําใหทานรูสึกแปลกใจ
เปนอยางมาก วาลําแสงที่เห็นนั้น
เปนแสงอะไร จากนั้นทานก็เดินเขาไป
สองดูในผอบดวยความ ฉงนอยางที่สุด
วาเกิดอะไรขึ้นกันแน ปรากฏมีพระบรม
สารีริกธาตุสณั ฐานเพชรใสวาววับ
ที่มีน้ํางามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียรไนมา
เปนอยางดี เสด็จมาอยูใจกลางของผอบ
ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ด
ขาวสารหักไดอยางอัศจรรย ทั้งๆที่ผอบ
นั้นไดถูกปดผลึกไวเปนอยางดีถึง ๒ ชั้น
และไมมีผูใดแตะตองเลยนับตั้งแตทาน
ไดบูชามา
นับวาเหตุการณนั้นไดสรางความประหลาดใจใหแกพระอาจารยเปนอยางมาก ซึ่งเปนความอัศจรรย
อยางที่ไมเคยเกิดขึ้นกับทานมากอน จากนั้นทานจึงกราบและจุดธูปเทียนสักการะองคพระบรม
สารีริกธาตุอยางปติสุขเปนอันมาก และเมื่อทานไดทําพิธีเสร็จสิ้นแลว ทานก็ไดอธิฐานจิตถาม
ตอองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาวา
๗๙๐
“ พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาประทับผอบในใบนี้นั้น เปนสรีระสวนใดของพระพุทธองค
ของพระพุทธองคทรงตอบมาในนิมิต หรือความฝนอยางใดอยางหนึง ่ เถิด ”
เมื่อพระอาจารยไดรับรูดังนั้น ความปลาบ
ปลื้มปติก็ไดบังเกิดขึ้นกับทานอยางไมมี
อะไรเทียมได ดวยความปลื้มปติที่เปยมลน
ทานจึงอดไมไดที่จะบอกกลาว ถึงเหตุการณ
อันนาอัศจรรยใหบรรดาลูกศิษยลูกหา
รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือกัน ใหไดรับรูถึง
พุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุสว น
พระจักษุธาตุ ที่ไดเสด็จมาปรากฏใหเห็น
ซึ่งหลายตอหลายทาน ก็เชื่ออยางสนิทใจ
กับเหตุการณดังกลาวนี้ โดยที่พระอาจารย
ก็ยินดีใหบรรดาลูกศิษย รวมถึงประชาชน
ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไดเขามากราบสักการะพระองคทานที่ประดิษฐานอยางใกลชิด
รวมทั้งสามารถเก็บภาพมหัศจรรยขององคทาน เพื่อนําไปบูชาตอไปไดอีก แตมีบางคนเกิดความลังเล
สงสัยวา พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมานั้น จะเปนพระจักษุหรือนัยนตาไดอยางไร และเมื่อมีบุคคล
สงสัยกันมากขึ้น พระอาจารยทานก็เกรงวาจะเกิดการปรามาส และเกิดบาปกรรมขึ้นได ทวาทาน
ก็มิอาจหามความคิดและความลังเลสงสัยของเหลามนุษยทั้งหลายได
๗๙๑
สาธุชนทั้งหลายสามารถไปสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พรอมทั้งพุทธศาสนิกชนผูมีจิต
ศรัทธารวมบุญกุศลในการสรางมหาเจดียในครั้งนี้ได เพื่อเปนศิริมงคลและบุญกุศลแกครอบครัว
และตัวของทานเอง
๗๙๓
แผนที่ตั้ง
๗๙๔
สวนพระนเรศรจึงแตงองคแลวก็เสด็จขึ้นยืนอยูบนเกยชัย อันชางพระที่นั่งอยูที่ริมเกย
กับนายควาญชาง เมื่อจักมีบรมโพธิสมภาร จึงบันดาลใหประจักษในทัพขันธ ในเวลากลางวันก็บันดาล
ใหมีอัศจรรยมา พระอาทิตยนั้นก็ทรงกลด อันแดดนั้นก็มิไดตององค รมอยูสักศอกปลาย สวนที่นอก
นั้นก็เปนแสงแดดอยู ก็แลเห็นเปนอัศจรรยทั่วกันไปสิ้นทั้งทัพ แลวแลเห็นพระบรมธาตุเสด็จมาบน
กลางอากาศ มีพระรัศมีเปนอันมาก ปาฏิหาริยมาที่หนาพลับพลาไป
ปาฏิหาริยพระบรมสารีริกธาตุในประวัติศาสตรอินเดีย ในประวัติศาสตรของประเทศตางๆที่มี
พุทธศาสนิกชนตางก็มีบันทึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมสารีริกธาตุ ในตางกรรมตางวาระกัน
อยางเชนในอินเดียก็มีบันทึกไวดังนี้ ปาฎิหาริยหรือความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมสารีริกธาตุในอินเดีย
ไดมีบันทึกไวจากผู ที่ไดพบเห็นเอง นั่นคือ จดหมายเหตุจีน คือ บันทึกของหลวงจีนยวนจาง (เฮียนจัง)
ซึ่งไดบันทึกเกี่ยวกับปาฎิหารยของพระบรมสารีริกธาตุไวระหวางที่ทานได ไปศึกษาพระพุทธศาสนาอยู
กับทานชยเสนคณาจารย ที่ภูเขายษฐิวันใกลพระอารามนาลันทาในรัฐมคธ
พระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลังกาทีปมหาสามีเปนเจา ซึ่งเปนพระโอรสของพระยา
กําแหงพระราม และเปนพระนัดดาของพอขุนผาเมือง (กองหอสมุดแหงชาติ ๒๕๒๖) เปนผูจารึกขึ้น
ในระหวางป พ.ศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๑๗ กลาวถึงอิทธิปาฏิหาริยของพระเกศธาตุที่วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย
ตอนหนึ่งวา “ พระมหาธาตุ เปนเจาจึงเสด็จปาฎิหาริย หนักหนาดังน้ํามหาสมุทรระลอกดังฝนตก
หาใหญ รัศมีลางอันเลื่อมดังดวงดาวคํา เลื่อมดังน้ําทองไหลจรัสไปทุกแหง รัศมีลางอันขาวดัง
ดอกรัตนดัง ดอกซอน ดอกพุด เห็นแกตาดาษทั่วจักรพาล พระเกศธาตุเสด็จ มีหมูหนึ่งดังสายฟา
แมลบดังแถวน้ําแลนในกลางหาวอัศจรรย สิ่งหนึ่งเห็นตะวันออกเขียวดังสุงเผาหอมเผาไห พระคีวา
ธาตุเสด็จจากเจดียทองพุงขึ้นไปยัง เห็นดังตะวันสองอันเรืองใสงามหนักหนา แพพระอาทิตยพิศดู
พระคีวาธาตุประมาณเทากลองเงินอันใหญ รอบนั้น ดวยกวางแสงจรัสโอภาแลประหลาด ควรแล
พรรณรังสีเหลือง แดง ดํา เขียว ขาว ภาวจรัสสองในโลกธาตุทุกแหงปาฏิหาริย แตแดดอุน
ถึงสองชั้นฉายจักใกลเที่ยง
จากหลักฐานที่ปรากฏชัดทําใหเราไดทราบวาวัดพระปฐมเจดียเปนวัดแรกของ เทียบอายุตอนนี้ก็ตกราว
๒,๓๑๓ ปแลว จึงกลาวไดวาวัดพระปฐมเจดียเปนวัดเกาแกที่สุดในประเทศไทย แมกระนั้นก็ตาม
ในสายของพมาหรือเมียนมารเขาก็วาสุวรรณภูมิ คือ ประเทศของเขา ไมวา หลักฐานทางประวัติศาสตร
ของใครจะถูก ของใครจะคลาดเคลื่อนก็ตามแต รูแตเพียงวาวัดนี้มีอายุมา ๒ พันกวาปแลว และเราก็มี
หลักฐานที่เปนโบราณคดี คือ องคพระปฐมเจดีย
เดิมทีบริเวณพระปฐมเจดียนี้เปนเมืองทาติด
กับชายทะเล ชาวชมพูทวีป คนอินเดีย
หรือแขกในปจจุบัน ลองเรือสําเภามาตาม
ทองทะเลหลวง ลองมาทําการคาขายกับ
ชาวสุวรรณภูมิ หรือนครปฐม ซึ่งมีพระเจา
โลกละวา พระมหากษัตริยผูครองสุวรรณภูมิ
พรอมดวยชาวเมือง ไดถวายการตอนรับ
คณะของ พระโสณเถระ พระอุตตรเถระ
และผูติดตาม อาทิ พระฌานียเถระ
พระมูนิยเถระ และพระภูริยเถระ
มีตํานานเลาวาพระมหาเถระทั้งสอง
เปนพระอรหันต ปรินิพพานเมื่ออายุ ๑๒๐ ป
กอนจะปรินิพพาน เมื่อทานไดวางรากฐาน
พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิจนมั่นคง
เปนปกแผนแลว จึงไดสรางเจดียองคแรกไว
ณ สถานที่องคพระปฐมเจดีย เปนเจดียทรง
บาตรคว่ํา สูง ๑๘ วา ๒ ศอก
คลายสัญจิเจดียในประเทศอินเดียแลวบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเจาอโศก มหาราชพระราชทานมา
เมื่อเจดียเกิดขึ้นในที่ใด ที่นั้นก็จะกลายเปนวัดไปโดยปริยาย เจดียแรก ก็เรียกวา ปฐมเจดียวัดแรก
ก็เรียกวาวัดปฐม ตอมาประมาณ พ.ศ.๑๐๐๐ พระยาพาน พระมหากษัตริยผูยิ่งใหญสมัยทวาราวดี
ทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนา ทรงสรางเจดียองคที่ ๒ สูง ๔๒ วา ๒ ศอก ครอบเจดียองคแรกบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุที่ทรงใหขุดพบ เพื่อทดแทนพระคุณบิดามารดาและเปนที่สักการะของเหลาเทวดา
และมนุษย
๗๙๗
ครั้นตอมาองคพระเจดียไดชํารุดไรคนดูแลรักษา มายุคสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลที่ ๔ ไดทรงสรางพระปฐมเจดียองคที่ ๓ สูง ๖๐ วา ๒ ศอก ครอบพระเจดียทั้งสององค
ทําใหเราไดเห็นองคพระปฐมเจดียสูงเดน งดงามที่สุดในจังหวัดนครปฐม
พระปฐมเจดียจังหวัดนครปฐมเปนพระธาตุเจดียที่พระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริยให ปรากฎอยู
เนืองนิจ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวรัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๖ ไดทอดพระเนตร
เห็นปาฏิหารยของพระบรมสารีริกธาตุจากองคพระปฐมเจดียทรงพระ ราชศรัทธาเลื่อมใสโปรดให
บูรณะปฏิสังขรณ ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวไดโปรดใหสรางพระที่นงั่ ขนาดเล็ก
ตรงที่ประทับทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย ณ พระราชวังสนามจันทน จังหวัดนครปฐม
พระราชทานนามวา พระที่นั่งปฏิหาริยทัศไนย ปจจุบันอัญเชิญมารักษา ไวในพิพิธภัณฑสถาน
แหงชาติพระนคร
๗๙๘
เหตุการณปาฏิหาริยของพระธาตุ
พระบรมสารีริกธาตุในประวัติศาสตรไทย
ก็มีอยูในตํานาน เรื่องพระธาตุหริภุญชัย
จังหวัดลําพูนบอกวา ประมาณ พ.ศ.๑๕๙๐
พระเจาอาทิตยทรงเห็นปาฏิหาริยพระธาตุ
เปลงรัศมี ๖ สี (ฉัพพัณณรังสี) จึงทรงให
สรางเจดียบรรจุพระธาตุ
จารึกวัดชางลอม จังหวัดสุโขทัย
(ประมาณ พ.ศ.๑๙๒๗) บอกวาสมเด็จ
พระมหาธรรมราชา เมื่อทรงสรางพระพุทธรูป
ศิลา ก็ไดทอดพระเนตรเห็นพระศรีรัตนธาตุ
กระทําปาฏิหาริยสวางดังลวดเงินเห็นเปน
ขนาดใหญเทาเสื่อสาด เหนือกลางหาวงาม
นักหนา และ พระศรีเทพาหูราชก็เห็นพระศรี
รัตนธาตุกระทําปาฎิหาริยพุงออกมาขนาดเทา
ลูกพันลับ ลูกพุทธรักษา มีลักษณะใสดังผลึก
รัตนแกวเขียว ตรงกลางเห็นเปนแกวสีเขียว
มีการพบจารึกที่พรรณาเกี่ยวกับปาฎิหาริยของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุหลายครั้ง ในสมัยสุโขทัย
ตั้งแตรัชกาลพอขุนรามคําแหง ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ซึ่งจารึกในราว พ.ศ. ๑๘๓๕
มีการกลาวถึง พอขุนรามคําแหง ไดขุดเอาพระธาตุออกใหคนทั้งหลายไดเห็น และกระทําบูชา
แกพระธาตุได ๖ วัน จึงเอาลงฝงในกลางเมืองศรีสัชชนาลัย กอพระเจดียเหนือ (ครอบไว) ๖ ป
จึงสรางเสร็จ ซึ่งจากขอความในจารึกนี้ แสดงใหเห็นวา สมัยนัน
้ มีความศรัทธาตอพระบรมสารีริกธาตุ
เปนอยางยิ่งเพราะเปรียบประดุจ องคพระสัมมาสัมพุทธเจาทีเดียว
๘๐๐
ปาฎิหาริยพระบรมสารีริกธาตุมีปรากฎในสมัยอยุธยาอีกดวย ดังขอความในพระราชพงศาวดาร
ในรัชกาลพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ทรงทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยของพระบรมสารีริกธาตุ
จึงโปรดเกลาฯ ใหทหารปกหลักไวตรงที่พระบรมสารีริกธาตุปรากฎ แลวทรงสถาปนา (สราง)
วัดมหาธาตุขนึ้ พ.ศ. ๑๙๑๗
สําหรับในสมัยกรุงรัตนโกสินทร ก็ไดพบวาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลที่ ๖ ไดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริยที่องคพระปฐมเจดีย ทรงทราบวานั่นเปนปาฏิหาริย
ของพระบรมสารีริกธาตุทบ ี่ รรจุประดิษฐานมาแต เดิมครั้งโบราณกาล กอนที่พระบาทสมเด็จพระจอม
เกลาเจาอยูหัว ทรงปฏิสงขรณสถูปเดิมดวยการสรางเจดียขนาดใหญครอบทับพระเจดียองคเดิมแลว
สรางพระเจดียจําลองตามลักษณะของเดิม รวมทั้งโปรดใหเขียนภาพไวที่ผนังวิหารของพระปฐม
เจดียดวย ปาฏิหาริยขององคพระปฐมเจดียยังคงมีผูเห็นอยูเนืองๆ เปนที่เลาขานกัน จนในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๖ ครั้งทรงดํารงพระยศเปนพระบรมโอรสาธิราช
สยามมงกุฎราชกุมาร ขณะที่ทรงประทับอยูที่พระราชวังสนามจันทร ก็ไดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย
พระบรมสารีริกธาตุ ดวยพระองคเอง ในคืนวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ เวลา ๒ ยาม ๔๕ นาที
พุทธคยา เปนบุณยสถานแหงหนึ่งของ
ชาวพุทธ ที่มักมีผูไปสักการะในฐานะที่เปนที่ระลึก
ถึงพระพุทธองค ไดตรัสรูอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เปนสังเวชนียสถาน แหงหนึ่ง ในสังเวชนียสถาน
ทั้ง ๔ คือ สถานที่ ประสูติ ตรัสรู ปฐมเทศนา
และปรินิพพาน ซึ่งพระพุทธเจาไดตรัสไว
ในคราวใกลจะปรินิพพาน วา “ ดูกรอานนท
อันสถานที่ ที่ควรเห็นและเกิดความสลดสังเวชแก
กุลบุตรผูมี ศรัทธานั้นมีอยู ๔ ตําบล คือ ที่ที่ตถาคต
ประสูติ ตรัสรูอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศ
พระธรรมจักรใหเปนไป และดับขันธปรินิพพานดวย
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ” ดูกรอานนท ภิกษุ
ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไดเที่ยวจาริกไปตาม
สถานที่เหลานี้ดวยจิตใจเลื่อมใสบริสท ุ ธิ์
พวกเขาจะเขาถึงสุคติหลังจากตายเมื่อกายแตก
ครั้งที่ ๑
เมื่อคืนวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๑ เวลา ๒๒.๐๐น. เศษ ถึง ๒๓.๐๐น. เศษ ไดเกิดปรากฏการณ
มหัศจรรยบนทองฟาเหนือองคพระเจดีย - ตรัสรู โดยมีรูปองคเจดีย – ตรัสรูปรากฏบนทองฟา
สูงเหนือองคพระเจดียองคเดิมทั้ง ๔ ทิศ มีแสงสวางเปนรัศมีพวยพุงมีลักษณะใหญกวาเดิม
ประมาณเกือบ ๓ เทาตัว เหตุการณมหัศจรรยคราวนี้เกิด หลังฝนตก ไฟฟาองคพระเจดียก็ดับ
ในชวงนั้นเปนเหตุการณที่มหัศจรรยมาก ชาวมุสลิม, ชาวฮินดู และชาวพุทธเห็นกันเปนจํานวนมาก
ภาพมงคล นิมิตนี้ปรากฏเห็นถึง ในเมืองคยา ซึ่งหางถึง ๑๕ กิโลเมตร
ครั้งที่๒
ครั้งที่ ๓
ครั้งที่ ๔
ครั้งที่๕
ครั้งที่ ๖
บันทึกประกอบปรากฏการณ พุทธนิมิตมหัศจรรย
เกี่ยวกับองคพระเจดีย - ตรัสรู
พุทธคยา ประเทศอินเดีย
ผมรูส
ึกยินดีและเปนเกียรติอยางยิ่งที่ไดรับการขอรอง
จากหลายทานใหเขียนบทความเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ
และพระธาตุของพระอรหันตทั้งหลาย ในปจจุบันประเทศไทย
มีประชากร ๖๓ ลานคนเศษ รอยละ ๙๕ นับถือพระพุทธศาสนา
แตผูที่สนใจและเปนพุทธศาสนิกชนที่ดีมีนอย ในปที่ผานมา
ผมไดเคยรับเชิญ ไปออกทีวี กับบรรดานักเรียนจากโรงเรียนตางๆ
ในก.ท.ม. ถึงแมทุกคนจะบอกวานับถือพระพุทธศาสนา
แตสวนมากเขาใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนานอยมาก เชน
หลายคนบอกวาเราเกิดมาแลวมีชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้นทําดี
หรือทําชั่วก็เหมือนกัน เพราะไมมีชาติหนา ที่ตองไปชดใช
ไมเชื่อในการทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว และ การเวียนวายตายเกิด
ที่พระพุทธองคทรงสั่งสอนไว และ ในศตวรรษที่ ๒๑ นี้
๓. ปรากฎการณอัฐิของพระผูเปนอรหันตกลายเปนแกว
มีการบอกเลากันมาวา ผูที่ทําใหบริสุทธิ์เมื่อตายแลว
ศพจะไมเนา และ หากเผากระดูกจะกลาย
เปนแกว แรกๆผมก็คิดวาเปนไปไมได การเผาศพ
มนุษยตองใชความรอนมาก ๘๐๐ - ๙๐๐
องศาเซลเซียส ซึ่งไมทําใหเปนแกวไปได ตองเผา
ในอุณหภูมิสูงราว ๓๐๐๐ องศาเซลเซียส
และ ภายใตความกดดันสูง กระดูกถึงจะกลายเปน
แกวไปได ผูเขียนไดเคยเห็นกระดูกของหลวงปู
แหวนที่พระราชทานเพลิงแลว พบวาเมื่อไปดูภายใต
กลองจุลทรรศนครึ่งหนึ่งเปนกระดูก
๕. การสวดมนตขอใหพระธาตุเสด็จมาที่หองพระ
เกี่ยวกับพระธาตุเปนที่แปลกอยูวา เสนผมของหลวงปูหลวงพอในสายกรรมฐานที่สิ้นไปแลว
ลูกศิษยไดเก็บเอาไวบูชา ตอมาคอยๆรวมตัวจับกันเปนกอนเทาเม็ดพุทรา จากนั้นจะกลายเปนพระธาตุ
ไดไหมครับ? ( ลูกศิษยถามหลวงปู )
ในสมัยนี้ก็พอมีหลักฐานยืนยันไดวากระดูกของพระสาวกแปรเปนพระธาตุได อยางของหลวงปูมั่น
ก็ใสเปนแกว ของหลวงปูพรหมก็จะมีสีกลมดําเปนนิล ของหลวงปูขาวจะเหมือนพลอยใส
ของหลวงปูแหวนดูเหมือนจะกลายเปนแกวใสเร็วกวารูปอื่น ของหลวงปูสามก็แปรเปนพระธาตุ
เหมือนกัน แตแปลกวาไมไดแปรทั้งหมด คงแปรเฉพาะสวนที่ลูกศิษยใกลชิดเก็บไวเทานั้น
สวนใหญยังไมไดแปรเปนพระธาตุ
ของหลวงปูตื้อก็เปนพระธาตุของทานนี้มีลูกศิษยคนหนึ่งไดไปงานเผาศพทาน แลวไดเก็บเอาผงเถา
ถานจากเมรุที่เผาเปนชิ้นเล็กๆมาใสในตลับยาหมองเอาสําลีรองไว ตอมาอีกประมาณหนึ่งป ผงถาน
เหลานั้นจับตัวเปนกอนเล็กๆ หลายกอน อีกระยะหนึ่งจึงไดกลายเปนพระธาตุแตไมใส เปนสีน้ําตาล
อาจเพราะรวมจากผงเถาหลายอยาง กระดูกบาง ไมบาง พระธาตุเหลานี้บางรูปก็ปาฏิหาริยแยกออกได
เองก็มีมาก เปนเรื่องของการอธิษฐาน และความเชื่อมั่น.............
เรื่องพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนี้ แตเดิมขาพเจาไม
รูจักและไมเคยเห็นเลยตองสารภาพตามตรงวาไมเคยสนใจดวยซ้ํา
เพราะเขาใจวาเปนสิ่งที่ไมมีตัวตน เปนเพียงชื่อสมมติใหพวกเราคนรุน
หลังรูสึกถึง “ความยิ่งใหญ” ของพระพุทธเจาเทานั้น
แมในวัยเด็กจะเคยอาน “ปฐมสมโพธิกถา” พระนิพนธของ
สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระปรมานุชิตชิโนรสอยูบาง โดยเฉพาะ
ตอนที่กลาวถึง ธาตุวิภัชนปริวรรตวา เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
เสด็จปรินิพพานแลว ไดมีกษัตริย ๗ พระนคร ยกขบวนพยุหโยธามาสู
กุสินารา เพือ ่ แสดงเดชานุภาพในการขอสวนแบงพระบรมสารีริกธาตุ
ไปสักการะบูชา
รูจักกราบพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรก
คิดแคนี้ขาพเจารูสึกปลาบไปทั้งตัว
เหมือนถูกไฟฟาช็อต ใจสั่นระริก จนตองนึก
ในใจวาลูกเชื่อแลว !
และรุงขึ้นนั้นเอง เมื่อเปดผอบดูอีกครั้ง
หนึ่งก็ไดเห็นพระธาตุเสด็จมาเพิ่มอีก ๒ องค
ลักษณะกลม เล็ก เหมือนมุก เปลงรัศมี
เปนประกายงามมาก รับมา ๔ องค เพิ่มอีก
๒ องค เปน ๖ องค ๔-๒-๖ ขาพเจานึกเลน ๆ วา
เอา ถาทานเกงจริง ใหเราถูกล็อตเตอรี่ซี
อธิฐานใหพระธาตุปรากฏในมือ
ทดสอบพระธาตุ
แตเราจะเชื่อไดอยางไรวาสิ่งที่มาปรากฏในมือเรา ๒ ชิ้นนี้คือ พระธาตุ เผอิญระลึกไดวาผูใหญ
ทานเลาวา ถาเปนพระธาตุแทและขนาดไมใหญมากนัก ทานจะลอยน้ํา ก็เลยหาขันน้ํามาเชิญทาน
ลองลอยน้ําดู เรานั่งลอมดูการทดสอบกันทั้งครอบครัว คนนําก็ไมคอยทราบอะไรเทาไรนัก แตก็ทํา
ทาเปน “ผูรู” สั่งการไปตามเพลง
ชอนทานลงในน้ํา...เอ ! ทานก็ลอยน้ําดีอยูนี่ แลวจะทําอยางไรตอไป “ผูรู” มองดูเห็น “พระธาตุ”
นิ่งอยูกลางขันก็บอก “ลองออกไปริมขันซี ” ทานก็เคลื่อนตัวไปที่ริมขัน
ลอยไปรอบ ๆ ขันซีคะ... “ ผูรู” วา ทานก็ลอยเวียนไปตามริมขันตามแบบเข็มนาฬิกา
“ผูรู” มองสักครูก็บนวาเอ!....นั่นเวียนแบบอุตราวรรตนี่ ไมเปนมงคล ใหเปนทักษิณาวรรตดีกวา
บนกับครอบครัวที่นั่งหนาสลอนชมการทดสอบนี้ แลวก็สั่ง “ทาน” ที่อยูในขันน้ํา หยุด ๆ กอนคะ
ยอนศรกลับไป
ทานก็หยุดการเคลื่อนตัว และลอยยอนศรกลับไป แตคราวนี้การลอยเคลื่อนตัวของทานชาลงจน
“ผูรู” ชักสงสัย คิดไปคิดมาก็อุทานวา “ ตายจริง เกาทานลอยเวียนขวาทักษิณาวรรตดี ๆ อยูแลว
ไปใหทานยอนศรกลายเปนอุตราวรรต เวียนซาย ไป ”
แตทานอาจารยจวนคงสงสารที่เห็นศิษยหนาเสีย ทานก็เลย
ใหกําลังใจวา “ พวกนักศึกษาก็ยังงี้แหละชอบทดลอง ชอบทดสอบ
สงสัยไปเรื่อย ๆ ”
แลวทานก็ตลบทับวา
“ แตนั่นแหละ เมื่อพบของจริงของแทแลว ก็ควรเชื่อเสียที
ตั้งใจมั่นเสียทีซิ ” สํานึกตัวเหมือนกันวา เรานี่แยมาก พูดจาอะไรดู
ไมมีสัมมาคารวะ แตสมัยนั้นเราเพิ่งจะรูจักพระธาตุเพียงไมกี่องค
ยังไมทันทราบดวยซ้ําวา พระบรมสารีริกธาตุนั้นมีความเปนมา
อยางไรมีคุณลักษณะอยางไร ไดยินแวว ๆ วา ทานลอยน้ําได
เราก็ลองกันเลย ไมรูจัก ตํารับตําราอะไร
และที่กลาเลาเรื่องนี้ไวใหปรากฏก็เพื่อประจานความนาขายหนาของคนคนหนึ่ง ซึ่งกวาจะกลับใจ
มาสูสัมมาทิฐิก็ดื้อดึงอวดรูเหลือใจ
๘๑๔
การแยกองคของพระบรมสารีริกธาตุ
จากนั้นมา ครูบาอาจารยก็เห็นวา เราพอจะรูจักพระบรมสารีริกธาตุ เคารพพระบรมสารีริกธาตุแลว
ทานก็เริ่มใหพระธาตุมาบูชาบาง ๓ องค ๕ องค เราก็เก็บไว
ป ๒๕๒๐ เกิดกําเริบ คิดแจกพระธาตุใหกรรมการกฐินที่เราชวนเพื่อน ๆ มาเปนกรรมการทอดกฐิน
ผาปาทางอีสาน ไปอินเดียกับทานเจาคุณพุทธพจนวราภรณ แหงวัดราชบพิธ เห็นทานแจกพระธาตุ
พวกเราที่ไปดวยคนละ ๑ ชอนเล็กโดยไมนับ ก็แสดงวาทานตองมีพระธาตุมาก
ตัวเราไดรับนับได ๑๓ องค พอจะกลับกรุงเทพฯ กลายเปน ๑๖ องค ของวิลาศก็เพิ่มเชนกัน
ฉะนั้นจึงคิดไปเรียนขอความกรุณาทาน ขอพระธาตุมาใหเพื่อน ๆ ถาเรามีกรรมการ ๕๐๐ คน ก็เลียบ
เคียงขอใหคนละ ๑ องค ขอพระบรมธาตุ ๕๐๐ องค พระบรมสารีริกธาตุ ๕๐๐ องค สมัยนั้นมากจริง ๆ
พระเดชพระคุณทานเจาคุณอุทานวา “กรรมการ ๕๐๐ คน ขอ ๕๐๐ องค ” เราใจแปว นึกสมน้ําหนา
ตัวเองวา อยากหนาใหญนัก แตก็ตกใจเมื่อทานวาตอไปวา
“ เอาไปทําไมกันคนละองค อาตมาใหเลยคนละ ๓ องค เอาไปเลย ๑,๕๐๐ องค ”
สีหนาตกใจ ไมคาดคิดวาทานจะกรุณาถึงเพียงนี้ ทําใหทานเขาใจผิดปลอบวา
“ทําไม ? พันหานอยไปหรือ ไมพอหรือ งั้นเอาไปเสียสองพันก็แลวกัน ”
ตกลงกฐินผาปาป ๒๕๒๐ นั้น เรามีพระบรมสารีริกธาตุแจกกรรมการไดคนละ ๓ องค มีกรรมการ
เกือบ ๗๐๐ คน แตเราก็พอมีพระธาตุแจก เพราะทานอาจารยวันและทานอาจารยจวนใหมาอีก
เรานี่แยจริง ๆ ไปออกปากบอกวาจะให
พระธาตุกรรมการคนละ ๒ องค ก็เพราะเรา
หวังดีอยากใหเพื่อน ๆ ไดพระธาตุไปบูชา
และเราก็คิดวาเวลาแค ๒ อาทิตย คงชวนกัน
ไดไมถึง ๒๐๐ คน ใครจะนึกละวาจะมีคน
ศรัทธาถึงกวา ๔๐๐ แลวเราจะไปหาพระธาตุ
มาใหเขาจากที่ไหนได เราคงจะเสียคําพูด
คราวนี้เอง ความจริงการที่เราพูดวา จะให
พระธาตุ ๒ องคนี้ มีคนรูไมถึง ๓ คน คนอื่น ๆ
เขาก็มาทําบุญโดยไมทราบ ไมไดหวังได
อะไรเลย แตเมื่อเราพูดไปแลวคงจะมีคน
ไดยินแคนั้น แตวาเราไมทําตาม เราก็จะเสีย
สัจจะ เรานี้แยมาก...แยจริง ๆ
พระธาตุเพิ่มมาในลักษณะนี้ในคืนนั้นถึง ๙๗ องค...เทากับวาเราพิศวงงงงวยกับการแยกตัว
ของทานถึง ๙๗ ครั้ง เมือ ่ นําความไปกราบเรียนครูบาอาจารย ถามวาใครมาชวยทานก็วา “ ทําบุญ
ทํากุศล ก็ตองมีผูชวยนั่นแหละ ” สมเด็จพระญาณสังวรถามวา “คุณสุรพ ี ันธุแยกพระธาตุปาฏิหาริย
ไปไวที่ไหน” กราบเรียนทานวา “ ไมทราบจะทําอยางไรก็เลยเคลากันไปหมด”
ทานบอกวา “ถูกแลว เพราะทั้งหมดเปนพระธาตุปาฏิหาริยทั้งนั้น” กฐินป ๒๕๒๑ นั้น มีกรรมการ
ถึง ๖๐๐ คน และเราก็มีพระธาตุแจกโดยตลอด จากนั้นมาจนปปจจุบันนี้ จึงเปนธรรมเนียมที่จะแจก
พระบรมสารีริกธาตุใหกับคณะกรรมการกฐินกลุมของเรา บางปก็ ๓ องคบางปก็ ๔ องค
พระธาตุเสด็จ
ในป ๒๕๒๔ นั้นเอง เมื่อทอดกฐินที่วัดปาอุดมสมพรแลว เราก็ไปทอดผาปาที่วัดดอยธรรมเจดีย
คุณปญจมา ผดุงชีวิตเธอชางคิด วาวันนั้นวันที่ ๒๓ ตุลาคม วันเกิดของขาพเจา เธอจัดพระธาตุใสตลับ
มาใหขาพเจาถวายพระทําบุญวัดละ ๙ องค เธอเตรียมมาใหทุก ๆ วัด
พอถึงวัดดอยธรรมเจดีย กําลังถวายผาปา ทานพระอาจารยแบน ธนากโร คุณปญจมาก็จัดสงตลับ
พระธาตุซึ่งปดผนึกอยางดีมาให ขณะที่ทานอาจารยรับประเคนแลว มือถือตลับพระธาตุยังไมทันเปด
เราทุกคนก็เห็นแสงสีขาวลอยลงมาในมือของทานอีกสายหนึ่ง พอตกถึงมือของทานก็กลายเปนพระ
ธาตุสีขาว เสียงรองกันใหเซ็งแซวา พระธาตุเสด็จ ! พระธาตุเสด็จ ! คนหกรอยกวาคนฮือกันเขามารุม
ลอมรอบทานอาจารยเต็มไปหมด
เพื่อใหมั่นใจ บางคนก็ขอใหทานอาจารยนับพระธาตุในตลับดูเผื่อจะตกออกมาขางนอกบาง
ทานอาจารยบอกวา “อาตมาระวังอยู ยังไมไดเปดตลับเลย”ทานเองก็เห็นพระธาตุเสด็จลงมาเชนกัน
อยางไรก็ดี เมื่อทานอาจารยเปดตลับซึ่งมีสกอตเทปติดอยางแนนหนาออก ก็ปรากฏวาพระธาตุ
ในตลับยังคงมีจํานวน ๙ องคเชนเดิม สําหรับพระธาตุซึ่งเสด็จใหมเปนองคที่ ๑๐ นั้น มีลักษณะองค
ใหญยาว สีขาว คลายสีสงั ข ทานอาจารยแบนบอกพวกเราวา ทานไดยินเรื่องพระธาตุเสด็จอยูเสมอ
แตที่เห็นกับตานี่เพิ่งเปนครั้งแรก
พระบรมสารีริกธาตุแปรสภาพสวยสดงดงามมากขึ้น
ปกติพระบรมสารีริกธาตุมก ั จะมีขนาดตาง ๆ กัน และรูปพรรณสัณฐานแตกตางกัน เรารับรูวา
เราอดลําเอียงไมไดที่จะเชยชมองคที่มีลักษณะกลมหรือมนงามเปนเงาเลื่อม สวนจะใสเปนแกว
หรือขุน เหมือนมุก เราไมคอยพิถีพิถันนัก สวนองคที่มีลักษณะเหมือนหินแตกขุน ๆ เราก็จะไมคอย
สนใจบางทีก็คิดสงสัยวา พระบรมสารีริกธาตุ แปลกปลอมมาหรือไม และบางทีขาพเจาก็ตองเชิญ
ทานลงลอยน้ําพิสูจน พระบรมสารีริกธาตุขนาดเมล็ดพันธุผักกาดหรือถั่วแตกจะลอยบุมลงไปในน้ํา
มีรัศมีเปนประกายงามมาก และถาอยูหางกันทานจะวิ่งมารวมกันเปนแพเหมือนมีแมเหล็กดูดเสมอ
สวนใหญทานก็ผานการทดสอบของเรา
วันหนึ่งกําลังทดสอบก็มีพระบรมธาตุปรากฏขึ้น ๔ องคพรอมกัน และแปลกที่วาตามปกติพระธาตุ
ปาฏิหาริยมามักจะมีลักษณะงดงามเสมอ แตปาฏิหาริย ๔ องคครั้งนี้มีงามมากเพียงองคเดียว อีกองค
หนึ่งงามพอใชไดอีก ๒ องคเหมือนหินแตก
กําลังนึกสงสัย ก็มีเสียงสอนขึ้นวา “อยาดูแตความงามภายนอกพระบรมสารีริกธาตุเมตตาเสด็จมา
สอนธรรมแกเรา !”
แตอยางไรก็ดี สําหรับพระบรมธาตุที่จะแจกกรรมการกฐินนั้น ขาพเจาจะตองพิถีพิถัน ระวังไม
จัดอยางชนิดที่ปนเล็กหรือมีลักษณะเปนกรวดหินแตกมาก ๆ ใหไป ดวยเกรงวาผูไดรับจะรังเกียจ
๘๑๘
นาประหลาดที่พอเปดหอเหลานั้น พระธาตุทกองคกลับเปลี่ยนสภาพจากที่เห็นเมื่อคืนหมด
กลับเปนเหมือนกรวดเล็ก ๆ แตกบิ่นหมดก็บนวา “ แลวจะแจกกันอยางไร ใครจะเชื่อวา เมื่อคืนทาน
เปลี่ยนเปนงาม มีประกายรุงสวยอยางนั้น ” นอง ๆ รําพันวา “ ทานคงไมอยากใหพวกหนูกระมัง ”
ขาพเจาวา “ พวกหนูก็ชวยงานกุศลทั้งนั้น ทําไมจะใหไมได เสียดายแตวา ทานกลับเปน ไมสวยอยางนี้
เด็ก ๆ ก็จะนึกวา พี่ไมเต็มใจให ” บนอยางนั้นแลว มองไปอีกทีหนึ่ง ทุกคนก็เห็น พระธาตุทุกองคสวย
เหมือนกันหมด บางคนก็วา “ ดีแลว ที่เห็นทานไมสวยเมื่อเชานี้ แลวกลับสวยตอนนี้ ถาสวยมาแตแรก
ก็ไมไดเห็นปาฏิหาริยนะซี ” ไดแจกกันไปเปนสิบ ๆ คนโดยใหตางคนตางเลือกเอา พอดีมีอีกคนหนึ่ง
อยูตางฝาย ไมทราบเรื่องมากอน ขาพเจาจึงเลาเรื่องใหฟง เธอดีใจที่จะไดพระธาตุปาฏิหาริย
แตพอเปดหอก็ตองรองอยางตกใจ เพราะพระธาตุกลับเปนหินแตกอีกครั้งหนึ่งแลว
เธอบนเสียใจวา “ ทานไมตองการใหผมนะครับ ” ขาพเจาไมทราบจะทําอยางไรก็พูดดัง ๆ อีก
“ แหมคุณ ชวยงานกุศลเราบอย ๆ ใหสวย ๆ ไดซค ี ะ ” ไมรูวาพูดกับใคร พูดทําไม แตมันก็หลุดปากไป
ซึ่งก็แปลกที่วา พระธาตุกลับงามอีกครั้งหนึ่ง ทําใหผูรับดีใจมากกวาไดเห็นปาฏิหาริยกับตา
พระอรหันตธาตุ
พระสาวกผูใหญซึ่งสมเด็จพระพุทธองคทรงสรรเสริญวามีคุณสมบัติเปนเลิศในดานตาง ๆมี ๘๐ องค
เรียกกันวา พระอสีติมหาสาวก เฉพาะพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะทรงยกยองเปนพิเศษเรียกพระ
อัครสาวก หรือ พระอัครมหาสาวก ทีม่ ีชื่อรูจักกันทั่วไป อาทิเชน
พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา เลิศทางปญญา อีกนามเรียก ธรรมเสนาบดีก็เรียก
พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซาย เลิศทางมีฤทธิ์มาก
พระสิวลี เลิศทางโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ
พระอัญญาโกณฑัญญะ ปฐมสาวก เลิศทางรัตตัญูภาพ คือรูราตรีนาน
พระอนุรุทธะ เลิศทางทิพยจักษุ
๘๑๙
พระกัจจายนะ เลิศทางแตกฉานในปฏิสัมภิทา
พระพิมพาเถรี เลิศทางผูระลึกในมหาอภิญญา ฝายภิกษุณี
พระภัททิยะ เลิศทางตระกูลสูง
พระอานนท เลิศทาง
๑. เปนพหูสต ู
๒. มีสติ
๓. มีคติ คือเปนผูฉลาด
๔. มีธิติ คือทรงจํา
๕. พุทธุปฏฐาก
พระกาฬุทายีเถระ เลิศทางยังตระกูลใหญใหเลื่อมใส
พระมหากปนะ เลิศทางสอนภิกษุ
พระกังขาเรวัตตะ เลิศทางเจริญฌาน
พระอุบลวรรณาเถรี ยอดแหงอัครสาวิกาผูมีฤทธิ์มาก
พระกุมารกัสสปะ เลิศทางกลาวธรรมอันวิจิตร เปนตน
พระธาตุของพระโมคคัลลานนั้น เมื่อไดรับมามีผูบอกวาเปน
พระธาตุของพระโมคคัลลานะ ลักษณะเปนรอยราว เปนลายดังไขมุก
และราวเปนสายเลือด เราไมกลาคิดวาเปนพระธาตุพระโมคคัลลาน
จริงไดแตเรียกทานวาเปนพระธาตุพระโมคคัลลาน
วันหนึ่งเปดดู เห็นมีทองคําเปลวมาปดก็ประหลาดใจ อีกไมกี่วัน
ก็มีมาปดอีกจุดหนึ่ง ครั้งนี้เห็นทองคําเปลวกําลังปลิวพะเยิบพะยาบ
ติดไมสนิท ก็เลยปดผอบไวรอ ๒-๓ วันมาเปดดู ทองคําเปลวนั้นได
ติดเรียบรอย ตอมาเราจึงเรียก พระธาตุพระโมคคัลลาน กันอยาง
สนิทปาก แตสําหรับทองคําเปลวนั้นเวลานี้เมื่อมีผูมาขอชมบอย ๆ
ใชนิ้วลูบไลไปมา ทองคําเปลวเลื่อนไป ๑ จุดแลว
๘๒๐
พระธาตุพระสารีบุตร
พระธาตุพระอานนท
หลังจากนั้น ที่เกิดเหตุการณเรื่องอัฐิธาตุหลวงปู
พระมหาบุญมี สิริธโร มากลายเปนพระธาตุในมือของ
ขาพเจา เมือ่ ปลายเดือนมิถูนายน ๒๕๓๕
ดังที่ขาพเจาบันทึกเลารายละเอียด ตอไปในตอนที่
วาดวยพระธาตุขององคหลวงปูพระมหาบุญมี สิรธ ิ โร
ในภายหลังไดมีผูมาขอชมพระธาตุของหลวงปูกันมาก
โดยเฉพาะบรรดาศิษยซึ่งมีทั้งบรรพชิตและฆราวาส
เห็นลักษณะพระธาตุของหลวงปูซึ่งกลมใสเหมือนแกว
ขนาดประมาณเทาไขปลา
พระธาตุพระสีวลี
พระอาจารยมั่นอัฐิกลายเปนพระธาตุ
สําหรับเรื่องอัฐิทานพระอาจารยมั่นกลายเปนพระธาตุปรากฏเปนที่ทราบแพรหลายครั้งแรกนั้น ขาพเจา
ใครขออัญเชิญขอความจากหนังสือ “ประวัติทานอาจารยมั่น ภูริทัตตมหาเถระ” ซึ่งทานพระอาจารย
มหาบัว ญาณสัมปนโน ไดเขียนไว เฉพาะตอนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาลงไว ดวยความเคารพอยางสูงสุด
ดังนี้
จนกาลลวงไปแลว ๔ ป คุณวัน คมนามูล เจาของรานศิริผลพานิช และโรงแรมสุทธิผล จังหวัด
นครราชสีมา ไปถวายผาปาที่จังหวัดสกลนคร ไดรับแจกอัฐิสวนบนของทานอาจารยมั่นชิ้นหนึ่ง จากเจา
อาวาสวัดปาสุทธาวาส ซึง่ เปนวัดที่ทานอาจารยมรณภาพ กลับมาถึงบานไดเชิญอัฐิชิ้นนั้นรวมลงในผอบ
อันเดียวกันกับที่บรรจุอัฐิทานอาจารยอยูแลว ตั้งแตสมัยไดรับแจกมาจากงานศพทาน
พอเปดผอบออกเทานั้น สิ่งที่ไมเคยคาดฝนก็ปรากฏขึ้นในผอบนั้น คืออัฐิชุดแรกที่ไดรับแจกไป
จากงานศพทานไดกลายเปนพระธาตุเสียหมด เจาของเกิดความอัศจรรยจนตัวแทบลอย
เมื่อเห็นเหตุการณเชนนั้นจึงใหคนรีบไปดูอัฐิสวนที่เก็บไวที่โรงแรมสุทธิผลอีก ที่นั่นก็กลายเปน
พระธาตุเชนกันอีก รวมทั้งสองแหงจึงเปนพระธาตุ ๓๔๔ องค
ยังเหลือติดผอบอยูบางเปนผง ๆ เล็กนอย ตอมาไมนานนักจํานวนผงนั้นก็ไดกลายเปนพระธาตุ
เสียจนหมดอีก จึงรวมเปนพระธาตุจากอัฐิของทานพระอาจารยมั่น ๓๔๔ องค นี้เปนรายแรกที่ปรากฏ
ความอัศจรรยจากอัฐิกลายเปนพระธาตุ
๘๒๕
จากนั้นเรื่องก็เลาลือไปทุกหนทุกแหง ผูคนทราบถึงไหนก็
มาขอพระธาตุกับคุณวันไปสักการะบูชากันถึงนั่น
คุณวันเองก็เปนคนมีนิสัยใจบุญอยูแลว จึงเห็นใจทานที่มาขอ
และแจกกันไปคนละเล็กละนอยคือคนละ ๑ องคบาง ๒-๓ องคบาง
พระธาตุทานอาจารยมั่นยังเปนที่นาแปลกและอัศจรรยอยู
หลายอยางคือ พระธาตุ ๔ องค เจาของอธิษฐานขอใหเปน ๓ องค
เพื่อใหครบรัตนะ คือ พุทธ ธรรม สงฆก็กลายเปน ๓ องคไดจริง ๆ
ผูมีอยู ๒ องค อธิษฐานขอใหเปน ๓ องค เชน ที่คนอื่นเขาเปน
แตกลับรวมเปนองคเดียวก็มีเจาของเสียใจมาก มาเลาใหผูเขียน ฟง
และขอคําขีแ ้ จง
พระอาจารยมหาบัว ญาณสัมปน
โ
ผูเขียนไดอธิบายใหทราบบางวา พระธาตุทานอาจารยมั่นกลายเปน ๓ องคกด ็ ี กลายเปนองคเดียวก็ดี
หรือยังมิไดกลายเปนพระธาตุเลยก็ดี ทั้งนี้ก็คืออัฐิธาตุที่ออกจากองคทานอันเดียวกัน จึงไมควรเสียใจ
การที่พระธาตุ ๒ องคกลับมาเปนองคเดียวก็ยังเปนอภินิหารของทานอยูแลว เราจะหาความ
อัศจรรยจากอะไรอีก แมผมที่ทานปลงออก มีผูเก็บไวบูชาในที่ตาง ๆ ก็กลายเปนพระธาตุได
เชนเดียวกับอัฐิ ซึ่งมีอยูหลายแหง ที่เปนดังนี้เขาใจวา อัฐิหรือผม ทานที่เก็บไวนาน ๆ ไปอาจจะ
กลายเปนพระธาตุไปตาม ๆ กันดังอัฐิทานที่คอย ๆ กลายเปนพระธาตุมาเปนลําดับนี้แล
คลายขอสงสั
ย
นอกจากทานพระอาจารยมหาบัว จะไดกรุณาเลาเรื่องอัฐิทานพระอาจารยมั่นกลายเปนพระธาตุ
ดังกลาวขางตนแลว ทานยังไดอธิบายเหตุผลดวย ถึงขอที่มีคนสงสัยกันมากวา อัฐิของพระอรหันตกด ็ ี
ของสามัญชนก็ดี ตางก็เปนธาตุดินชนิดเดียวกัน สวนอัฐิของสามัญชน ทําไมจึงกลายเปน พระธาตุ
ไมไดเฉพาะอัฐิของพระอรหันตทําไมจึงกลายเปนพระธาตุได ทั้งสองนี้มีความแปลกตางกันอยางไรบาง
ในประเด็นนี้ พระอาจารยมหาบัว ไดเขียนไวในหนังสือเลมเดียวกันนั้นวา
ก็ไดอธิบายใหฟงเทาที่สามารถ แตเพียงโดยยอวา เรื่องเชนนี้ ปญหาสวนใหญขึ้นอยูกับใจ
เปนสําคัญคําวา จิต แมเปน จิต เชนเดียวกัน แตมีอํานาจและคุณสมบัติตางกันอยูมาก คือจิตของ
พระอรหันตทานเปน อริยจิต เปนจิตที่บริสุทธิ์ สวนจิตสามัญชนเปนเพียง สามัญจิต เปนจิตที่มีกิเลส
โสมมตาง ๆ เมื่อจิตผูเปนเจาของเขาครองอยูในรางใด และจิตเปนจิตประเภทใด รางนั้นอาจกลายไป
ตามสภาพของจิตผูเปนใหญพาใหเปนไป เชน จิตพระอรหันตเปนจิตที่บริสุทธิ์อาจมีอํานาจซักฟอกธาตุ
ขันธใหเปนธาตุที่บริสุทธิ์ไปตามสวนของตน อัฐิทานจึงกลายเปนพระธาตุได
แตอัฐิของสามัญชนทั่ว ๆ ไปแมจะเปนธาตุดินเชนเดียวกัน แตจิตผูเปนเจาของเต็มไปดวยกิเลส
และไมมีอํานาจซักฟอกธาตุขันธใหเปนของบริสุทธิ์ได อัฐิจึงกลายเปนธาตุขันธที่บริสุทธิ์ไมได จําตอง
เปนสามัญธาตุไปตามจิตของคนมีกิเลสอยูโดยดี หรือจะเรียกไปตามภูมิของจิตภูมิของธาตุวา อริยจิต
อริยธาตุ และ สามัญจิต สามัญธาตุ ก็คงไมผิด เพราะคุณสมบัติของจิตของธาตุระหวางพระอรหันต
กับสามัญชนตางกัน อัฐิจําตองตางกันอยูโดยดี
ผูสําเร็จเปนพระอรหันตขึ้นมานั้น ทุกองคเวลานิพพานและอัฐิตองกลายเปนพระธาตุดว ยกันทั้งสิ้น
ดังนี้ ขอนี้ผูเขียนยังไมแนใจวาจะเปนไปไดอยางนั้นทุก ๆ องคเฉพาะจิตทานที่สําเร็จพระอรหันตภูมิเปน
จิตที่บริสุทธิ์เต็มภูมินับแตขณะที่สําเร็จ สวนรางกายที่เกี่ยวโยงไปถึงอัฐิเวลาถูกเผาแลวจะกลายเปน
พระธาตุไดเชนเดียวกันทุกองคหรือไม ยังเปนปญหาอยูทั้งระหวางกาลเวลาที่บรรลุถึงวันทานนิพพาน
มีเวลาสั้นยาวตางกัน
๘๒๖
องคที่บรรลุแลวมีเวลาทรงขันธอยูนาน เวลานิพพานแลวอัฐิยอมมีทางกลายเปนพระธาตุไดโดย
ไมมีปญหา เพราะระยะเวลาที่ทรงขันธอยู จิตที่บริสุทธิ์ยอมทรงขันธเชนเดียวกัน ความสืบตอแหงชีวิต
ดวยการทํางานของระบบตาง ๆ ภายในรางกาย มีลมหายใจเปนตน และมีการเขาสมาบัติอยูเปนประจํา
อิริยาบถซึ่งเปนการซักฟอกธาตุขันธใหบริสุทธิ์ไปตามสวนของตนโดยลําดับดวยในขณะเดียวกัน
เวลานิพพานแลว อัฐิจึงกลายเปนพระธาตุดังที่เห็น ๆ กันอยู
สวนองคที่บรรลุแลวมิไดทรงขันธอยูนานเทาที่ควร แลวนิพพานไปเสียนั้น อัฐิทานจะกลายเปน
พระธาตุไดเหมือนพระอรหันตทั้งหลายที่มีโอกาสอยูนานหรือไม เปนความไมสนิทใจ เพราะจิตไมมี
เวลาอยูกับธาตุขันธนาน และมิไดซักฟอกดวยสมาธิสมาบัติดังกลาวมา
ทานที่รูไดชา คอยเปนคอยไป เชน บําเพ็ญไปถึงขั้นอนาคตมีผลแลวติดอยูนานจนกวาจะกาวขึ้น
ขั้นอรหัตภูมิได คือตองพิจารณาทองเที่ยวไปมาอยูในระหวางอรหัตมรรคกับอรหัตผลจนกวาจิต
จะชํานิชํานาญ และมีกําลังเต็มที่จึงผานไปได ในขณะที่กําลังพิจารณาอยูในขั้นอรหัตมรรคเพื่อ
อรหัตผล ก็เปนอุบายวิธีซักฟอกธาตุขันธไปในตัวดวย เวลานิพพานแลว อัฐิอาจกลายเปนพระธาตุได
สวนทานที่เปนขิปปาภิญญาคือรูไดเร็วแลวนิพพานไปเร็วหลังจากบรรลุแลว ทานเหลานี้ไมแนใจวา
อัฐิจะกลายเปนพระธาตุไดหรือประการใด เพราะจิตที่บริสุทธิ์ไมมีเวลาทรงและซักฟอกธาตุขันธอยูนาน
เทาที่ควร สวนสามัญจิตของสามัญชนทั่ว ๆ ไปนั้น ไมอยูในขายที่อัฐิจะควรแปรเปนพระธาตุไดดวย
กรณีใด ๆ
๘๒๗
ใหเห็นเปนอัศจรรย
สําหรับความอัศจรรยที่พระธาตุทานพระอาจารยมั่นแสดงใหปรากฏแกศิษยานุศิษยผูเคารพรัก
เลื่อมใสบูชาในคุณธรรมของทานนั้น ทานพระอาจารยมหาบัวไดยกมากลาวเปนตัวอยางในหนังสือ
ประวัติของทาน แตเพียงบางราย ซึ่งจะขออัญเชิญมาในที่นี้ดังนี้
เฉพาะองคทานพระอาจารยมั่น นอกจากอัฐิกลายเปนพระธาตุใหเห็นอยางประจักษแลว พระธาตุ
ยังแสดงความอัศจรรยใหเห็นหลายอยาง ดังที่เขียนผานมาบางแลววา ผูมีพระธาตุสององค อธิษฐาน
ขอใหเปนสามองคก็เปนสามองคได ผูมีสององคอธิษฐานขอใหเปนสามองค แตกลับเปนองคเดียวก็ได
ซึ่งไมนาจะเปนไปไดเลย แตไดเปนไปเสียแลว ผูไดมาสององคจากทานผูมีเมตตาจิตมอบให พอตก
เย็นมาเปดดูกลับเปนสามองคก็ได รายนี้เปนความแปลก เพราะชั่วระยะเวลาเชาไปถึงเย็นเทานั้นก็มา
เพิ่มได
ทานผูนี้เปนขาราชการผูใหญมีศรัทธาในองคทานพระอาจารยมั่นมาก และเปนผูใหความสะดวก
ตลอดจนการชวยเหลือตาง ๆ แทบทุกกรณีที่เกี่ยวกับงานทานพระอาจารยมั่น นับแตวันแรกที่ทานไปถึง
วัดปาสุทธาวาสจนตลอดงาน พระผูใหญเห็นใจและสงสารมาก เมื่อคุณวัน คมนามูล จากนครราชสีมา
ถวายพระธาตุทานอาจารยมั่นมา ทานจึงมอบใหขาราชการผูนี้ตอนเชา
พอไดรับพระธาตุจากทานแลว ขณะนัน ้ ไมมีกลองหรือผอบจะใส มีแตขวดยานัตถุเปลาติดกระเปา
เสื้อจึงไดเอามาใสพระธาตุไปพลางกอน ขณะเชิญพระธาตุเขากระเปาเสื้อก็ปดกระดุมเสื้อดวยดี
ขวดก็ปดฝาดวยดี กลัวพระธาตุจะสูญหายไปเสีย นับแตขณะที่ไดพระธาตุจากมือพระผูใหญแลว
ปรากฏวาใจมีความปติยน ิ ดีลนพน ลุกจากที่นั้นก็ไปทํางานเลยทีเดียว และเกิดความอิ่มเอิบตื้นตันใจ
ตลอดวันประหนึ่งจิตมิไดคิดเหินหางจากพระธาตุทไี่ ดรับมานั้นเลยทั้งวัน
พอเลิกจากงานไปถึงบาน ก็โฆษณาใหญวาตนไดของประเสริฐมา ในชีวิตไมเคยมี คนในบานตาง
ก็รวมมาดู จากนั้นก็เอาผอบมาใสพระธาตุทันที พอเปดฝาขวดออกเชิญพระธาตุทานอาจารยมั่นออกมา
โดยไมคาดฝนวาจะพบความอัศจรรยที่แสดงออกมาจากพระธาตุทาน คือพอเชิญพระธาตุออกจากขวด
ก็ไดเห็นกลายเปนสามองคในขณะนั้น ยิ่งเพิ่มความอัศจรรยในองคทานและเกิดความปติในพระธาตุ
ยิ่งขึ้นแทบจะเหาะลอยไปทั้งตัว พรอมกับประกาศความอัศจรรยของทานอาจารยมั่นวาเปนองค
พระอรหันตใหภรรยาและลูก ๆ ฟงในขณะนั้น อยางไมคิดวาใครจะหาวาเปนบาเปนบออะไรเลย
ภรรยาและลูก ๆ ยังไมแนใจ เกรงวาที่รับพระธาตุมา จะจําจํานวนผิดไป ฝายสามีก็เถียงใหญแบบ
ไมยอมฟงเสียงใครเลยวา พระธาตุสององคที่ทานเจาคุณใหมาเมื่อเชานี้จําไมผิดแน เพราะขณะรับจาก
ทานก็รับดวยความสนใจและเลื่อมใสอยางบอกไมถูก แมอยูที่ทํางานก็มิไดลืมพระธาตุตลอดวันวาได
พระธาตุมาสององค จนกลายเปนคําบริกรรมเหมือนคนภาวนาแลวจะใหหลงลืมไดอยางไร ถาใคร ๆ
ยังไมปลงใจวาเปนความจริงพรุงนี้เชาเราจะไปเรียนถามทานเจาคุณทานใหม ฝายคนในบานไมยอม
อยากรูในวันนี้เดี๋ยวนี้ ขอใหไปเรียนถามทานเดี๋ยวนี้ ตกลงตองไปเดี๋ยวนั้น และเรียนถามทานวา
“ที่ทานเมตตาใหพระธาตุกระผมเมื่อเขานี้กี่องค ?” ทานตอบวา “ใหสององค ทําไมถามอยางนั้น
พระธาตุหายหรือ ?” ขาราชการผูนั้นตอบดวยความตื้นตันใจวา
๘๒๘
เหรียญลอยมา !
สําหรับตัวขาพเจานี้ แตกอนนั้นเปนคนอาภัพ วาสนานอยจริง ๆ อยาวาแตจะเคยไดเห็นไดกราบ
พระธาตุทานพระอาจารยมั่นเลยแมแตชื่อของทาน ขาพเจาก็ยังไมเคยรูจัก จําไดวา ตอนนั้นเปนเวลา
ตนป ๒๕๑๘ ขาพเจากําลังเริ่มมีประสบการณ เกี่ยวกับ เหรียญวัตถุมงคล พระปาฏิหาริยลอยมาปรากฏ
บนโตะพระ พานดอกไมบูชาพระ และแมแตบนโตะเครื่องแปง ก็มีเหรียญ มีพระตกลงมา
กําลังงงวาควรจะทําตนอยางไรเวลาพระลอยมา เผอิญขณะนั้นขาพเจา
กําลังเปนสมาชิกสภานิติบัญญัติ นั่งประชุมอยูใกล ๆ นายแพทยอวย เกตุสงิ ห
จึงเรียนปรึกษาทาน เพราะเคยไดยินชื่อวาทานมีความรูทางดานพระมาก
คุณหมออวยถามวา “พระลอยมานั้น ลอยน้ํามาหรือ?” ขาพเจาปฏิเสธ
ทานก็วา “อยากไดแลวมีคนนํามาใหตรงกับที่อยากไดใชไหม?”
ขาพเจาก็ปฏิเสธอีกและเมื่อเลาใหฟงวา คําวา “ลอยมา” นั้น ขาพเจา
หมายความเชนไร คุณหมอก็วา แปลกจริง ! และพอถึงวันประชุมในอาทิตย
หนา ก็จะคอยถามวา “วันนี้มีอะไรลอยมาอีก” ซึ่งขาพเจาก็จะรายงานใหคุณ
ศจ.นพ.อวย เกตุสิงห
หมอฟง ทุกครั้ง วาหลังจากวันประชุมครั้งสุดทายนั้น ตอมามีอะไรลอยมาอีก
วันนั้นพอถูกถาม ขาพเจาก็ตอบวา “คราวนี้มีเหรียญใครไมทราบ
มี ๒ หนา เปนพระหนาหนึ่ง ชื่อ มั่น อีกดานหนึ่ง ชื่อเสาร ”
คุณหมออวยฟงแลวก็บอกวา
“นากลัวจะเปนอาจารยของอาจารยผม อาจารยของผม ทานอาจารยขาว อาจารยของทาน
ชื่ออาจารยมั่น และอาจารยของทานอาจารยมั่น ชื่อทานอาจารยเสาร คุณไมรูจักหรือ ทานทั้งสอง
เปนพระอาจารยที่มีชื่อ คนเคารพมากทางภาคอีสาน”
ขาพเจาผูโง ผูเขลา และผูหลงก็หัวเราะ บอกคุณหมออวยวา
“โอย...คงไมใชทานอาจารยที่คุณหมอวามีชื่อเสียงมากนั่นหรอกคะ ดิฉันไมทราบเหรียญใคร
ดูเหมือนมีคํา “ภูริทัต...ภูริทัตติดอยูดวย”
คุณหมอตกใจมาก ที่ทราบวาขาพเจาโงเขลา ไมรูจักแมกระทั่งชื่อทานพระอาจารยมั่น
ภูริทัตตมหาเถระ
จากนั้นมานั่นเอง ที่ขาพเจาไดเรียนรูเรื่องของทาน อาจารยของทาน และก็ทึกทักเอาวาทาน
ทั้งสองคงนับเราเปนศิษย เราจึงมีโอกาสไดเหรียญของทานลอยมาและจากนั้นมา เมื่อไดยินวามีศิษย
สายทานอาจารยมั่น มากรุงเทพฯ ก็ขวนขวายไปกราบใหเปนมงคลและไดติดตามไปกราบที่วัดของ
แตละองค ไดเคารพ ไดเรียนรู ไดฟงคําสั่งสอนจากทานทุกองค ดวยความเคารพรักเลื่อมใสศรัทธา
อยางเปยมหัวใจมาจนกระทั่งทุกวันนี้
๘๓๐
พระธาตุพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต
อีกครั้งหนึ่งมอบใหขาพเจาเพื่อทูลเกลาทลกระหมอมถวายพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวเพื่อทรง
บรรจุในพระเจดียวัดเวฬุวนาราม ที่ทานพระอาจารยไพบูลย สุมังคโล สราง ณ จังหวัดพะเยา
ครั้งนี้ ทานจะใหเราไวบูชาเอง ทําไมเราจะไมปติยิ่ง ขาพเจาก็ชวนเพื่อนที่นั่งอยูดวยกันอีกคนหนึ่ง
รีบแบมือรับ ทานหยิบพระธาตุจากผอบของทานหยอนลงมาในมือเพื่อนและขาพเจาคนละ ๑ องค
พระธาตุหลวงปูพรหม
ชีวิตของทานและคูชีวิตฟงดูคลายกับชีวิตในสมัยพุทธกาลของทานพระมหากัสสปะเมือ ่ จะออก
บวชอยางยิ่ง
ทานเปนศิษยทานพระอาจารยมั่น รุนอาวุโสองคหนึ่ง
พระธาตุ “หลวงปูพรหม” นี่ครั้งแรก หลวงปูบุญ ชินวังโส ไดนํามาใหชมและกราบคารวะลักษณะ
กลมเล็ก เปนสีเหลืองใสเหมือนบุษราคัม วันรุงขึ้น ทานไดถามขาพเจาวา “เห็นพระธาตุหลวงปูพรหม
แลวไมอยากไดหรือ ?” ขาพเจาเรียนทานวา “อยากไดเหมือนกัน” ทานถามวา “ เหตุใดจึงไมขอมีแต
คนเห็น ก็บอกขอทานทั้งนั้น ” ขาพเจาตอบวา “ ไมกลาขอเพราะคิดวา พระธาตุนี้ทุกคนยอมรักและหวง
ถาขอก็จะทําใหผูถูกขอเกิดทุกข และผูขอก็คือผูโลภ ” หลวงปูหวเราะอย
ั างถูกใจ “อาตมารออยูวาจะ
ใหคนที่สมควรรับ สุรพี ันธุเก็บไวเถอะ ” เมื่อขาพเจาทําหนาตื่นตกใจอยางไมเชื่อหู ทานก็วา“ ใหจริง ๆ
นะ”
ขาพเจาเก็บไวบูชา อยูตอมาเปลี่ยนเปนสีแดงคร่ําจนเกือบดําเหมือนสีโกเมน เมื่อสมเด็จพระนาง
เจาฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดําเนินไปทรงพระสุหรายรูปหลอเหมือนทานพระอาจารยจวน
กุลเชฏโฐ ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) เมื่อ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๖ ไดเตรียมจัดนําพระบรมสารีริกธาตุ
และพระธาตุของครูบาอาจารยรูปพรรณและสัณฐานลักษณะตาง ๆ ถวายใหทอดพระเนตรและทรง
สักการะ คืนกอนเสด็จพระราชดําเนินระหวางกําลังจัดเตรียมการ ไดมีพระธาตุปาฏิหาริยเสด็จมา
อีกองคหนึ่ง ลักษณะกลมเลื่อม เปนสีมุกดา
พระธาตุหลวงปูบัว
พระธาตุหลวงปูคํา
พระธาตุหลวงปูคํา ยสกุลปุตโต
พระธาตุหลวงปูออน
หลวงปูออน เจริญเมตตาธรรมใหขาพเจาอยางสูง จนขาพเจาคิดวาในชาตินี้ทําอยางไรหนอเราจะ
ตอบแทนพระคุณทานไดใหสมกับที่ทานเมตตาเรา ทานเปนองคเดียวที่เรียกขาพเจาวา “คุณหนู”
และใชคําแทนองคทานบางครั้งวา “ ปู ” การที่ทานเรียกขาพเจาวาคุณหนูนี้ ดูจะเปนที่ขบขันของผู
ไดยินกันมาก เพราะอายุเราครึ่งศตวรรษไปแลว และบางคนในที่นั้นอายุออนกวาขาพเจามากเปน “หนู”
ของขาพเจา แตทานกลับเรียกเธอเหลานั้นวา “คุณนาย”
ทานมาดูบานเรือนไทยที่ลาดพราวแลวก็ออกปากวา ปูชอบบานอยางนี้มากที่สุด โปรง สบายดี
ทานเมตตาถึงกับบอกวา “ จะมาจําพรรษาใหที่นี่นะ คุณหนูนะ ” หลวงปูเปนพระเถระผูใหญ ทราบวา
นอกจากหลวงปูเทสกแลว ทานมีพรรษาสูงที่สุด สูงกวา แมหลวงปูชอบ หลวงปูขาว หรือหลวงปูฝน
ขาพเจาไดยินทานปรารภเชนนั้นจึงตกใจ เพราะคิดวา บานไทยเรายังไมพรอมที่จะมีพระมา
จําพรรษา โดยเฉพาะเปนพระเถระผูใหญอยางทาน ทานปรารภสองครั้งสามครั้งก็ยังนิ่ง ไมกลานิมนต
ไดแตนําความไปปรึกษาทานพระอาจารยวันและทานพระอาจารยจวนวาควรจะทําอยางไร
ขอสําคัญ ขาพเจาเกรงวาตลอดเวลา ๓ เดือนที่เขาพรรษานั้น หากเด็กรับใชบานเราเกิดลา
กลับบาน ทําใหหลวงปูไมไดรับความสะดวกจะลําบาก ! เราเคารพทาน รักทาน เทิดทูนทาน ปรารถนา
ใหทานไดรับความสะดวกสบายตลอดเวลา หากมีอะไรผิดพลาดไป เราก็จะไมสบายใจเสียใจ
ทานอาจารยทั้งสองบอกวา “หลวงปูทานเมตตาคุณ...ใหคุณมีโอกาสไดบุญ โดยการปรนนิบัติรับ
ใชทาน ฉะนั้นจงนิมนตเถอะ ” แตเฉพาะทานพระอาจารยวันเตือนวา “แตระวัง อยาใหขาวอุดรเขาเสีย
๘๓๓
หลวงปูขาว เปนศิษยผูใหญอีกองคหนึ่งของทานพระอาจารยมั่น
ภูริทัตตมหาเถระ เมตตาธรรมของทาน ซึ่งแผใหแกบรรดาบุคคลที่ไปกราบ
คารวะทานนั้นใหญหลวงนัก ขาพเจาไดเคยบันทึกเหตุการณบางชวงบางตอน
ที่บังเอิญ มีโอกาสไดยินไดฟง ไดประสบพบเห็นไวแลวในขอความเล็ก ๆ
ชิ้นหนึ่งชื่อ อนาลโยคุโณ ในหนังสืออนาลโยปูชา ซึ่งพิมพแจกในงานกฐินวัด
ถ้ํากลองเพล เมอวั ื่ นที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๗ ที่ผานมา ในที่นี้จึงขอกลาว
เฉพาะเหตุการณเกี่ยวกับเรื่องอัฐิธาตุของหลวงปูเทานั้น
ในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู เมื่อวันเสารที่ ๑๑ กุมภาพันธ
๒๕๒๗ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เสด็จพระราชดําเนินมาเปนองคประธานพรอมดวยสมเด็จพระ
นางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนั้น ปรากฏวา วัดถ้ํา
กลองเพล ซึ่งมีอาณาบริเวณหลายพันไรกลับแคบเล็กไปถนัดใจ ประชาชนจากทั่วทกทิศานุทิศได
๘๓๔
หลั่งไหลกันมาถวายสักการะสรีรางของทานผูทรงศีลวิสุทธิ์เปนคํารบสุดทาย นับจํานวนหลายแสนคน
เปนประวัติการณสูงสุดของประเทศ
โดยที่ขาพเจาทราบวา ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเก็บรักษาอัฐิของหลวงปูรวมไวในที่เดียวกัน
เพื่อจัดสรางเจดียสําหรับเปนที่สักการะของประชาชนไว ณ บริเวณหลังถ้ํากลองเพล รุงขึ้นจากวันถวาย
เพลิงขาพเจาจึงไปกราบที่เมรุเปนครั้งสุดทายอยางไมรีบรอนอะไร เพราะคิดวาทางราชการและทางวัด
คงจัดเก็บอัฐิและอังคารผงถานไปหมดแตกลางดึกแลว
หนาที่ของขาพเจาขณะนัน ้ มีเพียงไปดูความเรียบรอยของการขนยายเต็นทและเกาอี้ สวนที่พวก
เรานําไปจัดตั้งไวแตเมื่อวันวานตางหากอยางไรก็ดี เมื่อไปถึงเมรุไดเห็นเศษผงถานยังมีเหลือบาง
และเห็นเศษอิฐเล็กกระเด็นตกอยูขางนอก
จากประสบการณที่ศึกษาเรื่องอัฐิธาตุทานพระอาจารยจวน ทําใหขาพเจาเกือบจะรูจัก “อัฐิ”
หรือ “เศษปูน” สําหรับโบกเมรุเปนอยางดีตอนสายระหวาทางกลับมาเต็นทที่เราไปตั้งโรงอาหารเลี้ยง
ผูไปในงาน พบเพื่อนคนหนึ่งเดินอยูจึงรับขึ้นมาบนรถ (ทางยาวเปนกิโล ๆ) เธอก็กรุณาแบงอัฐิที่เธอ
ไปแยงเก็บมาไดในตอนเชา ใหขาพเจาอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งตอมาขาพเจาก็นําเก็บไวบูชา
ตอมาเมื่อมีภาระตองเรงจัดทําหนังสือ “อนาลโยปูชา” ดังนี้กลาวขางตน โดยที่เพิ่งเริ่มคิดจะทํา
หนังสือเพียงประมาณหนงึ่ อาทิตยกอนวันงานกฐิน เพราะบังเอิญไปพบภาพปาฏิหาริยงานพระราชทาน
เพลิงศพหลวงปูขาวเขา (ความละเอียดในหนังสืออนาลโยปูชา) การจัดทําหนังสือจํานวน ๑๒,๐๐๐ เลม
พรอมภาพ ๔ สีอีก๑ ยกเศษ ใหเสร็จ พรอมไปแจกที่วัดถ้ํากลองเพล จังหวัดอุดรธานีในเวลา ๗ วัน
แมจะไดรับความรวมมือจากโรงพิมพเพียงไร ก็ตองทํางานแขงกับเวลาอยางที่สุด
โดยเฉพาะสวนที่จะเปน “อนาลโยคุโณ” นั้น เมื่อโรงพิมพเรงทวงวา ตนฉบับอยูที่ไหน? ขาพเจาก็
ตองตอบวา อยูที่นี่ แลวก็เอามือชี้ที่ศีรษะตนเอง ทั้งเลือกตนฉบับเทศนหลวงปู ตรวจปรูฟ เลือกภาพ
ประวัติ สงไปแยกสี เขียนคําบรรยายภาพ ตรวจความเรียบรอย สารพัดงานที่จะตองทํา รวมการนั่งลง
เขียนอนาลโยคุโณดวย ! ดังนั้นจึงไมมีปญหาเลย ที่ทุกคืนพวกเราแทบจะไมไดนอนเลยตลอดอาทิตย
และจะพูดกันอยางขัน ๆ วา
“ อาทิตยนี้ (เวลา ๗ วัน) เราไดนอนตั้ง ๖ ชั่วโมง ๗ ชั่วโมงบาง ? ”
โดยเฉพาะขาพเจาซึ่งตองตระเวนสงเพื่อนรุนนองที่กรุณาชวยทําหนังสือ กลับมาถึงบานเปนคน
สุดทาย.! คืนสุดทายที่หนังสือจะเสร็จนําสงไปอุดร ขาพเจาจะลมตัวลงนอนแลว ไดนึกรําพึงวา
“เราเหนื่อยแทบจะขาดใจที่ทําหนังสือถวายบูชาพระคุณหลวงปูเลมนี้ หลวงปูจะรูไหมหนอวา
ลูกเหนื่อย เหนื่อยจริง ๆ ไมมีใครใช ไมมีใครสั่ง แตเราก็อยากทําใหไดที่สุด ใหพระบารมีและพระคุณา
นุคุณของหลวงปูเจิดจากระจางแกปวงชนชาวไทย หลวงปูจะรูไหมหนอ วาลูกเหนื่อยแทบขาดใจ
ทีเดียว”
คืนนั้น คิดอยางไรไมทราบแทนที่ขาพเจาจะลมตัวลงนอนตามความรูสึกทีแ ่ สนเหนื่อยและเพลีย
กลับยกถาดที่ใสอัฐิหลวงปูขึ้นมาตั้งและกราบ เมื่อเงยหนาขึ้น ตามองไปที่จานแลวที่ปกติใสดอกมะลิ
บูชาอัฐิหลวงปู ดอกมะลินั้นแหงแลว บางสวนกรอบจนเปนผงปนสีน้ําตาลแก เห็นแสงระยิบระยับสีขาว
ปลาบปนอยูกับดอกมะลิที่แหงกรอบนน ั้ ดูไหวตัวจนคิดวาเปนแมลงหรือหนอนแทรกอยู จึงเขี่ยดู...
ปรากฏเปนพระธาตุ ลักษณะงามมาก หลากสี หลากสัณฐานจึงซอนขึ้นมาใสมือนับได ๙ องค
ระหวางที่นึกชื่นชมดวยความปติเพราะพระธาตุของทุกองคเปนเงาเลื่อมงามจริง ๆ มีทั้งสีขาว
สีมุกดา สีทองอุไร มองไปที่จานแลวใสดอกไมอีก เห็นพระธาตุเพิ่มใหมอีก ๓ องค ก็ชอนมาใสอุงมือ
นับรวมกับของเกาในมือได ๑๒ องค นึกวาทานชางงามจริง แตเมื่อมองกลับไปที่จานแกว อาว! ทาน
ขึ้นมาอีก ๓ องค จึงตักขึ้นมาใสมืออีก นับทวนเปนทั้งหมด ๑๕ องค ลักษณะงามทุกองค จึงคิดวา
ขอใหทานเสด็จผุดขึ้นมาใหเห็นกับตาอีกครั้งจึงจะเชื่อวาเปนปาฏิหาริยที่หลวงปูรับรูวาลูกเหนื่อยจริง ๆ
พระธาตุก็ปรากฏขึ้นใหมในจานแกว เห็นผุดขึ้นกับตา ๑ องค สีทองอุไร จึงคิดวาพอแลว ๑๖ องค
พอแลวเปนโสฬสแลว ขาพเจากราบหลวงปูดวยความรูสึกปติ ชืน ่ ใจ หายเหนื่อยความงวง ความเพลีย
ที่เคยรูสึกมาทั้งอาทิตย ดูจะหายเปนปลิดทิ้งกลับรูสึกแชมชื่น มีกําลังวังชาไมงวงเลย รุงขึ้นนําไปให
เพื่อน ๆ ที่ทํางานชื่นชมกันวา พระธาตุเสด็จ หลวงปูสงมาปลอบเราใหหายเหนื่อย (ขอโทษเราบังอาจ
๘๓๕
เมื่อนําพระธาตุและเสนพระเกศา ใหพระเณรวัดถ้ํากลองเพลชม
ทานพระอาจารยบุญเพ็ง และ ทานพระอาจารยจันทาพิจารณาพักใหญ
จึงรับวาเปนพระธาตุหลวงปูขาว อนาลโยจริง !
พระธาตุหลวงปูขาว อนาลโย
พระธาตุทานอาจารยวัน
พระอุดมสังวรวิสุทธิเถรหรือที่พวกเราเหลาศิษยคุนกับทานมากกวาในนามของ ทานพระอาจารย
วัน อุตตโม และตอไปก็จะขอประทานใช ชื่อสั้น ๆ เพียงทานอาจารยวัน นี้ ปกติทานมักจะมีกิจนิมนต
มากที่สุดองคหนึ่ง ขาพเจาจําไดวาคราวหนึ่งเราตองสงรถไปรับทานมางานฉลองโบสถที่เขื่อนน้ําพอง
ไดทราบวาทานฉันเชาแลวรับนิมนต ไปเจิมรานที่สกลนคร ตอมาสวดมนตเย็นที่อุดร จากนั้นวิ่งรถมา
ขอนแกนเขาไปถึงวัดพระบาทภูพานคําบนยอดเขาใกลเขื่อนอุบลรัตน ตีหนึ่ง และทานก็ตรงไปที่
มณฑลพิธี สวดมนตใหตอไปจนสวาง
ถาทานไมมากไปดวยความเมตตาตอบรรดาศิษย ทานก็คง ไมยอมทรมานสังขารรางกายของ
ทานปานนั้น ทานคงจะทราบวา เวลาที่จะอยูโปรดพวกเรานั้นสั้นนัก
การจะกราบทานอาจารย
เพียงแตรอฟงขาววาทานจะไปวัดใด ฉันบานใคร ในวันใด แลวเตรียม ไปรอ หากไมไปรอลวงหนาดวย
คิดวาตอนเย็นทานคงอยู หลังฉันเชา สักหนอยเราคอยไปก็ทัน มักจะพลาดหวัง ตองวิ่งตามไปจุดใหม
เรื่อย ๆ เรื่องเชนนี้เปนประสบการณของขาพเจาเมื่อไดกราบทานเปนครั้งแรก
๘๓๖
อัฐิธาตุอาจารยสิงหทอง
ทานอาจารยจวนเคยปรารภกับเราวา “อาตมาคงจะตายใกล ๆ กับทานอาจารยวัน” และทานอาจารย
สิงหทองก็บอกขาพเจาวา “อาตมาจะตายพรอมกับหลวงตาโนน” ทานวาแลวก็บุยใบชไปทาง
ี้ ทาน
อาจารยจวน พลางหัวเราะ
เปนที่ทราบกันในหมูศิษยวา ทานสนิทสนมใกลชิดลอเลียนกับทานอาจารยจวนมากที่สุดเมื่อได
ยินทานพูดกันเชนนั้นก็คิดวาทานไดพูดเลนและทานก็มรณภาพไปพรอมกันจริง ๆ ทั้งสามองค
เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓
สําหรับทานพระอาจารยสิงหทอง ไดมีการพระราชทานเพลิงศพกอนเพื่อน ตั้งแตกลาง
เดือนพฤษภาคม ๒๕๒๓ ขาพเจาไดรับอัฐิแจกจากวัด ก็นําเก็บไวบูชาปรากฏอัฐิมีลักษณะขาวขึ้
บางสวนแปรสภาพตกผลึกเปนหินนั้น บางชิ้นงอกออกจากเดิมมาก
พระธาตุที่ปรากฎที่ล็อกเกตพระอาจารยเทศก เทสรังสี
วันหนึ่งหลวงปูเทสก เทสรังสีฝากรูปล็อกเกตมาใหบอกวา ใหเปนรางวัล ขาพเจาไมเคยไดยินวา
หลวงปูเทสกก็จัดทําเหรียญหรือรูปล็อกเกต เมื่อไดรับจึงดีใจมาก ขณะนั้นขาพเจายังนั่งอยูที่ที่ทํางาน
เปนเวลาเย็นเลิกงานแลวทานผูนําล็อกเกตมาใหกลับไปแลว ขาพเจาจึงมีเวลาชื่นชมรูปทานอาจารยได
เต็มที่โดยไมตองกลัวจะเสียงาน ดูละเอียดกระทั่งกลองที่ใสล็อกเกตมา เพราะมีเลขลําดับกํากับบน
กลองเลขเดียวกับล็อกเกตอีกดวย...ดูอยูพักใหญก็ปดกลองนั่งทํางานตอไป
ในวันพระราชทานเพลิงศพทานพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ
วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๔ ณ เมรุชั่วคราวหนาวัดเจติยาคีรีวิหาร
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดเสด็จพระราชดําเนินมาเปนองค
ประธาน พรอมดวย สมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จ
พระเจาลูกเธอเจาฟาจุฬาภรณวลัยลักษณ ระหวางพระราชทาน
พระมหากรุณาธิคุณใหญาติสนิทและศิษยเขาเฝาเบื้องพระยุคลบาท
พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงมีพระราช ปรารภวา “อัฐิของทาน
พระธาตุพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ พระอาจารยจวนนั้น
เมื่อทรงฟงคํากราบบังคมทูลประโยคพูดทาย ก็ทรงพระสรวลและทรงพระกรุณาพระราชทาน
พระราชดําริวา “ถาเชนนั้น ก็ควรจะสรางพระเจดียบรรจุอัฐิของทานไวบนยอดเขา...และจะมาชวย
สรางดวย” และพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหอัญเชิญพระราชดํารัสนี้ใหทราบทั่วกัน
ความที่ทรงมีพระราชปรารภวา อัฐิของทานพระอาจารยจวนนั้นไมควรจะแบงแยกกันออกไปควร
จะเก็บรวมกันไว ณ ที่วัดที่เดียวกัน เพื่อใหศิษยานุศิษยและประชาชนไดมาเคารพสักการะไดทั่วกันนั้น
ทางญาติและศิษยก็นอมรับพระราชกระแสใสเกลา มอบใหเจาหนาที่สํานักพระราชวังจัดการเรื่องอัฐิ
ของทานโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะขาพเจานั้นระวังตัวมาก เวลาพระราชทานสามหาบและเก็บอัฐิวันรุงขึ้น
จากวันถวายเพลิง ไดสรงน้ําอัฐิของทานแลวก็ถอยออกมายืนภายนอก ดวยเกรงจะมีขอครหาภายหลัง
วาเปนศิษยใกลชิดไปแอบเก็บอัฐิของทานมา และยังไมเสร็จพิธีสามหาบขาพเจาก็หนีออกจากบริเวณ
นั้นกลับมาวัดแลว และมาเรียนทานอาจารยแยง สุขกาโม วา สังเกตดูการเก็บอัฐิใสโกศนั้น ยังมีตกหลน
อยูมาก ถาทางวัดจะจัดเจาหนาที่ไปเก็บกวาดผงถานทั้งหมดมารักษาไวบนยอดเขาก็จะเปนการดี
ปรากฏวา ทางวัดเก็บผงถานบรรจุใสกระสอบใหพระเณรนําขึน ้ ไปไวบนยอดเขาไดถึงหากระสอบ
แลวพวกเราที่ไปชวยในงานพระราชทานเพลิงศพก็กลับมากรุงเทพฯ โดยไมไดสิ่งใดแมแตจะเปนผง
เถาถาน ซึ่งทราบภายหลังวา หลังจากสํานักพระราชวังและวัดเก็บอัฐิอังคารและผงถานแลว
พวกประชาชนไดกรูกันเก็บเศษผงถานธุลีกันหมดในเวลาไมนานนัก
พระธาตุปรากฏ
พอตนเดือนพฤษภาคม ก็เริ่มไดยินขาวเรื่องพระธาตุทานพระอาจารยจวน โดยมีคนโทรศพท ั มา
เลาวาในวันเก็บอัฐิตอนเชานั้น เจาหนาที่สํานักพระราชวังจะเทน้ําลางมือ (ที่จับตองอัฐิของทาน) ทิ้ง
พวกศิษยชุดหนึ่งซึ่งไปกับคณะผาปากรุงเทพฯ ก็รีบไปขอน้ําลางมือนั้นมา
บูชา
บางคนใสถุงพลาสติก บางคนไมมีถุงพลาสติกก็เอาชายเสื้อจุมน้ําไว
กลับกรุงเทพฯ นําชายเสื้อนั้นมาซักน้ํา และนําน้ํา (ซึ่งซักชายเสื้อ)
มาบูชา ตางมีพระธาตุปรากฏขึ้น บางรายนําน้ําไปใสขวดโหล เก็บพระธาตุ
ไดเปนรอย ๆ องค เขาถามวา ขาพเจามีบางไหม อัฐิทานอาจารยจวน
ขาพเจาวา อยาวาแตอัฐิทานเลย แมแต “น้ําลางมือ” อยางวานั้น
ขาพเจาก็ไมมี บางคนกรุณาพาขาพเจาไปดูขวดโหลน้ําลางมือนั้น
และใหขาพเจาไดเห็น “พระธาตุ” ที่เกิดขึ้นดวย ขาพเจาได แตอนุโมทนา
ในความโชคดีของทานเหลานั้น
พ ระธาตุพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ
พระธาตุจากผงถาน
พระธาตุใสเปนแกว
พระธาตุจากเสนเกศา
๑. พระธาตุจากเสนเกศาทานพระอาจารยจวน องคแรกที่ปรากฏเปนของแมชีโสดา เคนยา
ซึ่งเวลานี้อยูที่อุดร แมชีเลาวา เก็บเสนเกศาของทานพระอาจารยไวในขวดแกวเปลี่ยนเปนกอนกลม
บางคืนสวางเรืองไปทั้งกุฏิ บางวันหอมตลบไปหมด ไดนําความกราบเรียนทานอาจารยตั้งแตทาน
ยังมีชีวิตอยูทานไดไปดูที่กุฏิ และใหเก็บรักษาไวใหดีเปนมงคล ขาพเจาไดมีโอกาสดูเปนครั้งแรก
เมื่อทานมรณภาพแลวใหม ๆ ลักษณะเปนพระธาตุสีนวล ภายหลังไดเห็นอีก ปรากฏวามีขนาด
ใหญขึ้นมากจากที่เห็นครั้งแรก
๒. พระธาตุจากเสนเกศา ทานพระอาจารยจวน ที่เกิดขึ้นเมื่อทานมรณภาพแลว ลักษณะปรากฏ
เชนในขอ ๑
หลังพระราชทานเพลิงศพ (๑๘ เมษายน ๒๕๒๔) ประมาณ
ปเศษ ทางวัดรื้อกระสอบผงถานและอังคารที่นําขึ้นไปเก็บ
บนยอดเขา นอกจากไดพบอัฐิกําลังแปรเปนพระธาตุและ
พระธาตุจํานวนมากมายแลว ยังไดพบ สําลีจีวร และดาย
ตราสัง ปนอยูกับผงถานจํานวนหนึ่ง ซึ่งจีวรสวนใหญยังไม
ไหม คงเปนสีเหลือง ขณะนั้นไมมีใครทันคิด ไดปลอยให
ลมพัดจีวรและสําลีปลิวไปหมด เมื่อพบจีวรและสําลีมากเขา
ขาพเจาจึงเสนอความคิดจะเก็บเปนพิพิธภัณฑ แตนา
เสียดายที่เหลือเพียงเล็กนอยและที่เปนสีดําเทานั้น
นาคิดวาสําลี จีวร และดายถูกไฟไหมเผาตลอดคืน
แตไมไหม
อัฐิกําลังแปรเปนพระธาตุ
การปรากฏองคของพระธาตุถาไมใชการตกลงมาตอ
หนา ก็จะทําใหเราเห็นไดชัด เชนในกลุม พระธาตสุ ีขาว
องคเล็ก จะเกิดพระธาตุสดี ํา...หรือในกลุมพระธาตสุ ีดํา
จะเกิด พระธาตุแกวใสองคเล็ก
รัศมีสวางไสว
ในวันถายภาพเพิ่มเติม วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๒๘ ขาพเจาไดตักพระธาตุออกแจกใหนอง ๆ
ที่ทํางาน ซึ่งรวมเหนื่อยในการถายภาพ ครั้งแรกไดใหพระธาตุชนิดแกวมุกดาคนละ ๓ องค
ตอมาวาจะใหพระธาตุเปนแกวใสดุจเพชรอีกคนละ ๒ องค
เฉพาะเมื่อจะสงพระธาตุแบบแกวใสใหคุณไสว ศรีสังข ยังไมทันถึงมือเธอก็มีแสงรัศมีสวางวาบ
จากชอนตักพระธาตุ เจิดจาราวกับแสงฟาแลบ พุงเขาตาทั้งผูใหและผูรับ จนตองรองออกมาดัง ๆ
และเห็นพระธาตุแกวใสองคที่สามเสด็จมาประดิษฐานในชอนเล็กคุณไสวปตจ ิ นขนลุกน้ําตาคลอ
เทาที่สังเกตไดในขณะนี้พระธาตุทานพระอาจารยจวน กุลเชฏโฐ มีสีสันวรรณะแตกตางกัน พอจะแยก
ออกตามประเภทตางดังนี้
๑. สีขาว
๒. สีพิกุลแหง
๓. ลักษณะเปนมันเยิ้ม และคอยแปรเปนแกวสีขาว
๔. ลักษณะเปนผลึกแกว ครึ่งขุนครึ่งใส-สีขาว
๕. ใสประดุจเพชร (สวนใหญขนาดเมล็ดพันธุผักกาด)
๖. สีดําปนเทา เปนมันเยิ้ม
๗. สีเขียวไขนกการเวก
๘. สีดําสนิท มัน ลักษณะเปนเหลี่ยม รี กลม
๙. สีชมพูใส
เปนที่นาสังเกตวา พระธาตุที่ลักษณะดูเปนมันเยิ้มนั้น ตอไปมักจะแปรเปนแกวผลึก
ลักษณะการแปรเปนพระธาตุจากผงอังคาร
ลําดับ ๑ ผงอังคาร (ถาน)
ลําดับ ๒ มีจด
ุ เล็กเหมือนไขปลา สีขาวเทาเกิดขึ้น
ลําดับ ๓ ไขปลานั้นเริ่มโต มีขนาดโตขึ้น สีเทาดํา
ลําดับ ๔ สีเทาดํา เริ่มขาวขึ้น-ขนาดพระธาตุก็ใหญขึ้น
ลําดับ ๕ ลักษณะพระธาตุสมบูรณขึ้น ซึ่งมักจะเขาลักษณะเมล็ดขาวโพด
ลักษณะการแปรเปนพระธาตุจากอัฐิ
ลําดับ ๑ กระดูกตามธรรมชาติ
ลําดับ ๒ กระดูกเริ่มแปรสภาพเปนพระธาตุ แยกเปน ๒ ลักษณะ
๒.๑ กระดูกที่มีลักษณะฟองกระดูกเปนรูพรุน ฟองกระดูกจะเริ่มหดตัว รวมตัวเขาเปน
ผลึกฟองกระดูกบางสวนจะยังคงสภาพอยู
๒.๒ กระดูกที่เปนชิ้นยาวแนวเยื่อกระดูกที่เห็นเปนเสนบาง ๆ ตอไปจะแปรเปนพระธาตุ
ตามแนวเสน จะเกิดผลึกขยายขึ้นจนเต็มองค ลักษณะสัณฐาน มักจะมีขนาดใหญเล็ก และรูปลักษณะ
ตามชิ้นกระดูก ไมเปลี่ยนไป
ลําดับ ๓ สภาพใกลจะเปนพระธาตุมากขึ้น
๓.๑ พระธาตุลักษณะนี้แปรสภาพจาก ๒.๑ สวนที่เปนผลึกหินนั้นจะมากขึ้น สวนที่เห็น
เปนฟองกระดูกจะนอยลง ลักษณะเริ่มมนมีสัณฐานกลม รี เมล็ดขาวโพด เห็นสวนฟองกระดูกติดเพียง
เล็กนอย
๘๔๔
ปฎิหาริยพระธาตุ
เมื่อครั้งวัดสุปฎวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี
ทําพิธีฉลองสมโภช พรอมทั้งฝงศิลาฤกษตึกมหาเถระ
ที่จะสรางขึ้นในวัด อยูมาคืนหนึ่ง ทานอาจารยลีที่
เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปรวมงานฉลอง กําลังนั่งสมาธิ
ในโบสถ มีความรูสึกวา เวลานั่งหลับตาไดบังเกิดแสง
วาบๆขึ้น เหมือนแสงนีออนเปดๆ ดับๆ ตางคนตางลืมตา
ก็ปรากฎวามีคนเก็บพระธาตุไดสองสามคน พอดึกเขาก็มี
ปริมาณมากเขาทุกที มีคนนั่งอยูประมาณ ๕๐ คน ชักให
เกิดความสงสัยและสนเทหแกคนภายในและภายนอก
โบสถมากมาย เมื่อดึกพอสมควรจึงไดหยุดพัก
รุงขึ้นเวลากลางวัน ก็เกิดมีเรื่องอื้อฉาวในตลาด
เพราะมีชายคนหนึ่งไมเคย เขาวัดเลยมาเลาวา เมื่อคืน
ฝนเห็นดาวตกที่วัดสุปฏวนารามเยอะแยะ นึกวาคราวนี้
ถามีสิ่งศักดิสิทธิ์ที่เกี่ยวกับพระศาสนาอีกจงไดแสดงออกมา ตอมาตอนเย็นมีนายประมงจังหวัด
ไดนําเพือนหญิงคนหนึ่งมา หาทานอาจารย ผูหญิงคนนั้นมีอาชีพเปนครู คิดจะลาสามีมาคอย
ติดตามทาน เพราะติดใจในธรรมะที่ทานพูดอยางอัศจรรย จึงตัดสินใจหนีออกจากบานใหไดในคราวนี้
สวนสามีขื่อนายประสงค ทํางานอยูธนาคารจังหวัดอุดรธานี เปนคนนับถือคริสตศาสนา เขาใจวา
ภรรยาเปนคนผิดปกติ จึงคอยติดตามอยูเสมอ และมีคนบอกวาเขาถือคริสตแลว ทําไมจึงนั่งอยู
ในโบสถทั้งสามี และภรรยา แลวก็เกิดขาวลือเกี่ยวกับพระธาตุวา พระอาจารยลีมีอุบายหลอกลวง
ผูคนใหหลงเชื่องมงาย เมื่อทานอาจารยลีทราบดังนั้น ไดเชิญผูที่อยากเห็นความจริงเขามาในโบสถ
มีพระอริยคุณาธารนั่งอยูหนาพระประธาน พระภิกษุนอกนั้นหนีหมด เพราะเปนเวลาดึกแลว
หรือจะอับอายก็ไมทราบ ครั้งประชุมพรอมกันเปนอันดี ทานอาจารยลีก็สั่งใหทุกคนในที่นั้นนั้งสมาธิ
และบอกวา “ ถาใครไมเชื่อใหนั่งนิ่ง ” แลวทานไดตั้งจิตอธิษฐานวา “ ขออํานาจพทธปฎิหาริยจงได
ชวยอยาใหพระพุทธศาสนาไดรับการดูหมิ่นเหยียดหยามเลย ”
เมื่อพักอยูที่วัดบรมนิวาส มีผูมาฝกสมาธิมาก
มีผูหญิงคนหนึ่งชื่อ ขอม เปนชาวจังหวัดลพบุรี
ไดนําพระธาตุมาถวาย ๓ องค จึงถามวาเอามา
จากไหน ไดรับคําตอบวา ไดอาราธนามาจาก
พระพุทธรูปที่ตั้งอยูบนหัวนอนของทานพอนั่นเอง
ตอมาก็นึกลังเลสงสัยในเรื่องพระบรมธาตุวามาได
อยางไร กาลตอมาไดเดินทางพักที่วัดมณีชลขันธ
อําเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ถึงวันพฤหัสบดี
กลางเดือน ๖ ไดประกอบพิธีวิสาขบูชา วันนั้นได
คิดในใจวา พระบรมธาตุนี้ถาไมไดเห็นกับตา
จะไมยอมเชื่อ เพราะจริงหรือไมจริงก็ไมทราบ
จึงไดตั้งสัตยาธิษฐานนั้งสมาธิตลอดสวาง
และไดตั้งพานไว ๔ พาน โดยทําการอารธนาดังนี้
๑. ขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิสิทธิ์
มีธาตุหู ตา จมูก ปาก อันเปนบอเกิดของ
รัศมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ถามี
ความจริงขอไดเสด็จมาในสถานที่บูชาคืน
นี้
๒. ขออัญเชิญพระธาตุของพระสารีบุตร
ซึ่งเปนพระสําคัญองคหนึ่ง
๓. ขออัญเชิญพระธาตุของพระโมคคาน
ซึ่งเปนผูมีฤทธิ์เสมอดวยพระพุทธองค
๔. ขออัญเชิญพระธาตุของพระสีวลี ซึ่งเปนผู
เมตตา จะไปไหนปลอดภัยทุกเมือ
พอไปถึงจังหวัดอุบลราชธานีแลว ก็ไดไป
ทําพิธีฉลองสมโภชพรอมทั้งฝงศิลาฤกษตึก
มหาเถระทีจะสร
่ างขึ้นในวัดสุปฏฯ อยูมาคืนหนึ่ง
ไดมีปรากฏการณขึ้นในเวลาประมาณ ๔ ทุมเศษ
กําลังนั่งสมาธิอยูในโบสถ เวลานั่งหลับตาได
บังเกิดแสงวาบๆ ขึ้นเหมือนแสงนีออน เปดๆดับๆ
ตางคนตางพากันลืมตาขึ้น ก็ปรากฏวามีคนเก็บ
พระบรมธาตุได ๒ - ๓ คน พอดึกเขาก็มีปริมาณ
มากเขาทุกที
( ชีวประวัตฯ
ิ หนา ๑๓๒ )
( ชีวประวัตฯ
ิ หนา ๑๓๕ )
๘๔๘
พระธาตุหลวงปูแหวน
ในวันพระราชทานเพลิงศพของหลวง
ปูแหวน มีประชาชนชาวไทยมากมาย
หลั่งไหลไปรวมงาน ขณะนั้นกําลังชุลมุน
อยูนั้น พลันก็ไดยินเสียงคนหนึ่งอุทานกลาว
คําวา พระธาตุหลวงปู ทุกคนหันไปตาม
ที่มาของเสียง ชายผูนั้นทราบนามภาย
หลังวา ชื่อ คุณสมชาย เย็นสนิท
และคุณประเทือง กําเนิดสุข เขาทั้งสอง
กอบเอาเศษเถาถานที่ปนอยูกับดินโคลน
ใตโกศออกมาเลือก ปรากฏวาไดพบอัฐิของ
หลวงปูแหวน สุจิณโณ ๖ ชิ้น ดวยกัน
โดยเฉพาะ คุณสมชาย และคุณประเทือง
ยกมือประนมขึ้นจรดศีรษะพรอมกลาวขึ้นวา
สาธุ ! คงเปนบุญบารมีของลูกที่เคยไดมี
ความสัมพันธมาแตปางกอนอยางแนนอน
หลวงปูจึงเมตตาใหอัฐิทั้งที่แปรเปนพระธาตุ
และยังไมแปรเปนพระธาตุใหลูกไว
สักการะบูชา ที่มหัศจรรยจนตองขนลุก
เกรียวไปตามกัน ก็คือ มีอยู ๒ ชิ้น
๘๕๐
คุณสุจินตไดเลาความมหัศจรรยของพระธาตุหลวงปูแหวนอีกประการหนึ่ง ใหฟงวา
คงเปนปฏิหาริยของพระธาตุหลวงปูแหวนใหญาติสนิทมิตรสหายไป พระธาตุก็เสด็จมา
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกอนไปกราบนมัสการและปฏิบัติธรรมกับหลวงปูอยูเสมอ ทานจะสอนย้ําใหเจริญ
เมตตาอยเสมอๆ ซึ่งคุณสุจินตบอกวาเมื่อปฏิบัติตามแลว ก็วา งานที่วายาก็กลับกลายเปนงาย
เชนเวลาจะไปติดตอกับลูกคาก็ทําใจใหสงบแลวแผเมตตาใหลูกคากอน ปรากฏวาการติดตอนั้น
จะสําเร็จแทบทุกครั้งไป
พระธาตุเสด็จในดอกบัว
ครั้งเมื่อคณะเดินทางของพวกเรา ไดเดินทางไปยังวัดไทย
สาวัตถีในอินเดีย พรอมกับหลวงปูครูบาชัยยะวงศ คืนหนึ่งพวเราได
นั่งหอมลอมหลวงปู เพื่อรอเวลาใหรุงสวางที่จะไปวัดเชตวัน ผมเห็น
หลวงปูนําดอกบัว ๓ ดอก ซึ่งภายหลังเหี่ยวจนเปนสีน้ําตาล
ทานคอยๆ คลี่ออกมาทีละกลีบ พอทานคลี่ไปถึงกลีบที่ ๓
ผมสังเกตเห็นวัตถุสีขาวนวล แบนมน ยาวประมาณ ๑ นิ้ว คลายฟน
หลนจากกลีบบัว พวกเรานิ่งเงียบดวยความแปลกใจ มองดูทานคลี่
กลีบบัวตอไปอีก ๒ กลีบ ก็มีวัตถุสีสนั คลายชิ้นแรกหลนลงมาจาก
กลีบบัวเปนชิ้นที่ ๒ ทานคลี่กลีบดอกบัวไปเรื่อยๆ จนครบ ๓ ดอก
ปรากฏวามีวัตถุสีขาวนวล คลายชิ้นแรกปรากฏออกมารวม ๔ ชิ้น
เกศากลายเปนพระธาตุ
ศิษยเกาแกของครูบาชัยยะวงศฯ ทานหนึ่งซึ่งอยู
ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งไดนิมนตหลวงปูมาพักที่บานระหวาง
เดินทางมาบาน หลวงปูไดมอบหลอดแกวเล็กๆ ซึ่งบรรจุ
เกศาของทานไวมาใหบูชาติดตัว เมื่อเธอไดรับหลอดแกว
บรรจุเกศาของหลวงปูก็ไดเก็บไวเฉยๆ ประมาณ ๔ – ๕ ป
จึงไดเอาหลอดแกวนั้นไปเลี่ยมทอง เพื่อใชหอยคอติดตัว
เปนประจํา
วันหนึ่งมีคนที่รูจักและสนิทกันมาทักทาย
และไดขอดูหลอดแกวที่ไดมานั้น เมื่อไดพิจารณาดูสักครู
จึงถามวา หลอดแกวนี้บรรจุทับทิมเอาไวดวยหรือ เธอรูสึก
แปลกใจที่ถูกถามเชนนั้น ตอบไปวา ไมไดใสอะไรเพิ่ม
เขาไปเลย นับตังแตไดมา คงมีแตเสนเกศาของหลวงปู
สีเทาขาวบรรจุอยูเต็มภายในนั้น แตเพียงอยางเดียว
คงยืนกรานอยางนั้น
ปาฏิหาริยพระธาตุเสด็จ
เมื่อราว ๑๗ ปกอน สมัยนั้นหลวงปู
ครูบาชัยยะวงศฯ ยังคงรับนิมนตลงมากรุงเทพฯ
อยูบอยๆ โดยเฉพาะงานทําบุญวันเกิดของทาน
ที่บรรดาลูกศิษยในกรุงเทพฯ รวมกันจัดถวาย
ใหในงานนี้มีลูกศิษยทานหนึ่งไดทําอาหารเจไป
ถวายและรวมเลี้ยงพระดวย เมื่อเสร็จงานแลว
ทางคณะกรรมการจัดงานไดมอบของที่ระลึกเปน
พระธาตุองคเล็กๆ ขนาดเม็ดขาวสารหัก
จํานวน ๓ – ๔ องค โดยบอกวาเปนพระธาตุที่
หลวงปูครูบาชัยยะวงศฯ ทานมอบใหมา
พระธาตุเสด็จในเกศา
คณะศรัทธาก็เลยมาทําหอสรงน้ําขึ้น แลวก็เอาพระธาตุองคเล็กกับอัฐิธาตุบรรจุไวขางบน
นอกจากนั้นก็เก็บพระธาตุองคใหญไวใหประชาชนผูศรัทธาไดทําการสรงน้ําเปนประเพณีตอไป งาน
ประเพณีสรงน้ําพระธาตุครูบาศรี อริยวังโส ทุกปตรงกับวันขึ้น ๑๒ – ๑๓ ค่ํา เดือน ๙ พระธาตุของครู
บาอริยวังโส ยังแสดงปาฏิหาริย มีแสงขึ้นไปบนอากาศสีขาว สีเขียว ลอยไปบนอากาศ หรือปรากฏ
แสงออกมาใหเห็นเกือบทุกวันพระตลอดมา
พระบรมสารีริกธาตุยอมทรงไวซึ่งความศักดิ์สิทธิ์สุดที่จะพรรณา บางครั้งแสดงอิทธิปาฏิหาริย
ใหเห็น เชน มีสส
ี ัณฐาน วรรณะตางๆ พวยพุงขึ้นไปบนอากาศ บางครั้งเสด็จจากพระเจดียองคหนึ่ง
ไปยังอีกองคหนึ่ง บางครั้งก็เพิ่มจํานวนหนึ่งองคเปนหลายๆ องค บางครั้งก็เสด็จหายไปหมดสิ้น
ปรากฏการณอันมหัศจรรยเหลานี้ เปนไปดวยอํานาจบารมีขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
นักปราชญราชบัณฑิตกลาววา เปนเรื่องอจินไตย ไมควรกลาววาเปนเพราะอะไร เพราะสุดวิสัย
ที่สามัญชนทั่วไปจะพึงรูได
ดวยผลบุญวาสนาอันสูงยิ่งนี้เองผลบุญของทาน ทําใหพระธาตุทั้งหมดเสด็จมาโปรด
จากอัลบั้มของภาพของคุณอารยะ เปนภาพพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุจํานวนมากมาย
รวมทั้งพระธาตุของพระอริยสงฆหลายองค อาทิ พระอาจารยมั่น ภูริทัตโต หลวงปูแหวน สุจิณโณ
หลวงพอพระพุทธบาทตากผา ฯลฯ
๘๕๕
ขณะนั่งทําสมาธิ ผมไดจางชางหลอรูปพระอวโลกิเตศวรหรือพระกวนอิมไวสักการะบูชาองค
หนึ่งเปนปางประทานพร พระอวโลกิเตศวรทุกปาง มีรูปรางอยางมนุษยสามัญ ทรงเครื่องอลังการ
วิภูษิตแบบกษัตริยอินเดีย มีครอบแกวขนาดใหญสวมไวปองกันฝุนละออง อยูมาวันหนึ่งฝุนละอองจับ
เกาะเปนรูปพระกวนอิมปางทรงยืนประทับบนดอกบัว ทรงถือแจกันน้ําทิพยและกิ่งสนเปนอัศจรรยยิ่ง
ตอมาไมนานผมไดอธิษฐานอีก คราวนี้พระกวนอิมทานประทานพระธาตุมาใหนับพันๆองค เปนสีดํามัน
ขลับเหมือนนิล ปรากฏการณอันเปนอิทธิปาฏิหาริยดังกลาวนี้ ทําใหผมหมดสิ้นความสงสัยใดๆ
แลวเชื่ออยางมั่นคงวา พระโพธิสัตวกวนอิมหรือพระอวโลกิตศวรทานมีจริง
ความเปนจริงของพระโพธิสัตวกวนอิมหรือพระอวโลกิเตศวรนั้น จริงโดยบุคลาธิษฐานให
เปนตัวตน ดังนั้นพระธาตุของพระกวนอิมที่ผมไดไวสักการะบูชานั้น จึงเปนพระธาตุที่เทพยดา
หรือเทพเจาไดทรงเนรมิตขึ้นมาให หรืออาจเรียกวาเปนพระธาตุนิมิตก็ได จากนั้นคุณอารยะกับภรรยา
จึงไดถือสัจจะกินเจ รักษาศีลใหบริสุทธิ์ทุกวันพระ เมื่อครบ ๖ เดือนแลว คุณอารยะกับภรรยาจิตใจ
ก็ยังไมสงบสุขอยูดีและทําใหยังไมสามารถสรางสมาธิธรรมได เพียงแตทําใหจิตใจนั้นรูสึกชุมชื่นเบา
สบายอารมณไดเพียงเทานั้น ภายหลังจากที่คุณอารยะไดปฏิบัติธรรมไดระยะหนึ่งนั้น ทานไดตั้งจิต
อธิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุบาง โดยทานตั้งจิตอธิษฐานพรอมทั้งไดสวดพระคาถาอัญเชิญ
พระบรมสารีริกธาตุดังนี้
จากนั้นการอธิษฐานจิตอัญเชิญพระบรมธาตุและพระธาตุอรหันตสาวกก็เปนไปอยางราบรื่น
มหัศจรรยสุดที่จะพรรณนา มีพระธาตุอวโลกิเตศวรหรือกวนอิมโพธิสัตวฝายมหายาน พระบรม
สารีริกธาตุ พระธาตุของหลวงปูเสาร กันตสีโล พระธาตุหลวงปูแหวน สุจิณโณ พระธาตุอาจารยจวน
แหงภูทอก พระธาตุหลวงพอพระบาทตากผา พระธาตุสีวลี พระธาตุพระองคุลิมาล พระธาตุพระนาง
พิมพา พระธาตุสังกัจจายน พระธาตุพระอานนท พระธาตุโมคคัลลาน พระธาตุพระสารีบุตร เปนตน
การเสด็จมาของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุดังกลาวนี้ จะเสด็จโปรดมาเปนจํานวน
มากขึ้นเรื่อยๆ และมักจะมาขณะที่คณ
ุ อารยะนั่งสมาธิเจริญวิปสสนาในหองพระทั้งในเวลาคืน
และกลางวัน โดยเฉพาะวันพระจะมามากเปนพิเศษ ในการเสด็จมาของพระธาตุนั้นแปลกอยูองคเดียว
ซึ่งเปนพระธาตุสัณฐานวรรณะสีดําขลับ เสด็จเปนแสงสวางคลายดาวตกมาตกที่เตียงนอน ขณะที่คณ ุ
อารยะยังนอนไมหลับ เพียงเคลิ้มๆ ในวันฝนตกอากาศชื้นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
๘๕๘
พระธาตุเทพนิมิตที่สําแดงปฏิหาริยมาโปรด แบบพระธาตุอวโลกเตศวหรือพระกวนอิม
ก็คือพระธาตุของหลวงพอวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ คุณอารยะได อธิษฐานจิตตอหลวงพอวัดปากน้ํา
ขอใหพระวิญญาณของทานไดโปรดแบงพระธาตุใหดวย ปรากฏอัศจรรยวา พระธาตุของหลวงพอวัด
ปากน้ําเสด็จมาโปรดจริงๆ คุณอารยะกลาววา เปนพระธาตุที่เทพยดาหรือดวงพระวิญญษณของหลวง
พอวัดปากน้ําเนรมิตขึ้นเพื่อสรงเคราะหศรัธทา ไมพระธาตุทแ
ี่ ทจริง อันเนื่องมาจากวาในกาลนั้นศพ
ของหลวงพอทานยังไมเผา ศพทานยังนอนอยูในโลง นอกจากนี้ยังมีพระธาตุของทานเจาคุณนร
รัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทร ซึ่งคุณอารยะยังไมไดอธิษฐานขอเลย แตทานก็เมตตากรุณาเสดจ ็
มาสงเคราะหเอง ทําใหคุณอารยะปลาบปลิ้มใจจนน้ําตาซึม
พระบรมสารีริกธาตุยอมทรงไวซึ่งความศักดิ์สิทธิ์สุด
ที่จะพรรณา บางครั้งแสดงอิทธิปาฏิหาริย ใหเห็น
เชน มีสีสัณฐาน วรรณะตางๆ พวยพุง ขึ้นไปบนอากาศ
บางครั้งเสด็จจากพระเจดียองคหนึ่ง ไปยังอีกองคหนึ่ง
บางครั้งก็เพิ่มจํานวนหนึ่งองคเปนหลายๆ องค บางครั้งก็เสด็จ
หายไปหมดสิ้น ปรากฏการณอันมหัศจรรยเหลานี้ เปนไปดวย
อํานาจบารมีขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา นักปราชญ
ราชบัณฑิตกลาววา เปนเรื่องอจินไตย ไมควรกลาววาเปน
เพราะอะไร เพราะสุดวิสย ั ที่สามัญชนทั่วไปจะพึงรูได
๘๕๙
มีหลายคนกลาวถึงเรื่องราวอานิสงสของพระธาตุไวอยางมากมาย โดยเฉพาะในชวงเวลา
พระธาตุไวอยางมากมาย โดยเฉพาะในชวงเวลาระหวางที่พระธาตุพนมลมพังทลายลงมา ยิ่งมีผูคน
ถามและใหความสนใจกันอยางมากยิ่งขึ้น เรื่องพระธาตุนี้คนโบราณนับถือกันมาก เชื่อกันวาใครเห็น
พระธาตุเสด็จ หรือไดพระธาตุไวบูชาจะเจริญรุงเรือง ผมจึงลองคนหาดูวาในปจจุบันนี้ผูใดเคยเห็นบาง
หรือไม และพบวามีผูใดเคยเห็นบางหรือไม และพบวามีพระธาตุปาฏิหาริยในยุคนี้ เปนครั้งแรกก็คือ
สมเด็จพระพุฒาจารย วัดอรุณราชวราราม ประมาณปพุทธศักราช ๒๕๐๐ ในครั้งกระนั้นไดจัดงาน
ฉลองเปนการใหญ ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารยไดเห็นพระธาตุปาฏิหาริย ทานเลาใหฟงวา
ขางฝายลูกชายนะนกว
ึ า เปนหิ่งหอยรอย
เปอรเซ็นต แตก็แปลกใจวาทําไมแมถึงพูดได
เพราะตามธรรมดาพูดไมได จึงมองขึน ้ ไปดู
หนาหิ้งพระก็มองเห็นคลายๆ กรวดเล็กๆ
เทาเมล็ดถั่วทองแตกเปนมันวับตกอยูชิ้นหนึ่ง
จึงเก็บไว ตอมาเอาไปใหผูรูดูทานยืนยันวาเปน
พระธาตุ จึงทอดสอบลอยน้ําดู ปรากฏวา
พระธาตุลอยผิวน้ํา ไมจม และลองนําพระธาตุ
ของทานผูอื่นมาลอยดู ปรากฏวาพระธาตุก็ลอย
น้ําเชนกัน และแปลกที่พระธาตุลอยน้ําเชนกัน
และแปลกที่พระธาตุจะลอยวนเขาหากันและ
ติดกันในที่สุด
หลังจากที่ไดพระธาตุมาแลว ลูกก็
ชวยกันบูชาและถือศีล ๕ เปนนิตย ตอมาแม
ก็หายปวย เดินไดพูดได และอยูตอมาจ
นอายุ ๗๒ ป สวนลูกชายนั้นก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ
ผูรูหลายทานวา เขาดีเพราะรักษาศีล ๕
แตผมวาถาเขาไมเห็นพระธาตุเสด็จมาเขาก็คงไมรักษาศีล ๕ และผมยังเชื่อตามโบราณวา
ใครเห็นพระธาตุเสด็จ หรือมีพระธาตุเสด็จ หรือมีพระธาตุไวบชู าจะเจริญเรงเรืองอยางแนนอน
๘๖๐
พระธาตุลอยน้ํา
มีอีกทานหนึ่งไดเลาเรื่องเกี่ยวกับประสบการณพระธาตุปาฏิหาริยเกิดขึ้นกับตัวเอง
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนไหว ครู พอดีในขณะที่พระขึน ้ สัคเคหรือชุมนุมเทวดา ก็ไดเห็นพระธาตุ
แสดงปฏิหาริย และยืนยันวาเห็นกันทุกคนตอมาเขาก็เจริญรุงเรืองมาก และยังมีผูเลาใหฟงวา
ไดเห็นอัฐิของสมเด็จพระสังฆราช ( แพ ) วัดสุทัศน กลายเปนพระธาตุ มีลักษณะเปนมันสวยงาม
๑. เอาไวบูชาในฐานะเปนที่เคารพ
๒. เอาไวปลงสังขาร วาสังขารนี้ไมเที่ยงหนอ อยาวาแตเราเลย แมองคสมเด็จพระสัมมาสัม
พุทธเจา ก็ตองปรินิพพาน
๓. เอาไวเปนพุทธานุสติ คือ มีสติระลึกถึงคุณพระพุทธเจาอยางสม่ําเสมอ
๔. เอาไวเปนธรรมานุสติ คือ เมื่อเห็นแลวก็นึกถืงคําสั่งสอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา
เพื่อละเวนความชั่ว ประพฤติความดี ทําจิตใจใหบริสุทธิ์ผูปฏิบัติไดดังนี้ ยอมถึงซึ่งความสุข
ความเจริญและถึงนิพพานในที่สุด
๕. เปนสังฆานุสติ คือ นึกถึงพระสงฆที่เปนเจาของอัฐิธาตุนั้น และมีใจเปนสุข ละทิ้งความทุกข
เสียได ทานวาคุณของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนั้นเปนอเนกประการสุด
ที่จะพรรณา แตทวาหากรวบรวมยนยอก็เห็นจะไดเพียง ๕ ขอนี้
สําหรับบางทานก็มีพระธาตุอยูในบานของตนเอง แตละทานจะมี่เรื่องราวที่ไดมาอยางพิลิกพิลั่น
บางทานเลาใหฟงวา เวลาเสด็จมาฟาผาจนบานเรือนสะเทือนสั่นไหว ผมเองเชื่อบางไมเชื่อบาง
แตผมถามวาทําอยางไร พระธาตุจึงจะเสด็จมา ทานผูนั้นก็บอกวาจะตองถือศีล ๕ เปนประจํา
หมั่นสวดมนตภาวนาและบูชาพระเสมอๆ ผมเห็นวาดี เลยไมขด ั คอ แลวถามทานตอไปวา
จะตองมีพิธีอะไรเพิ่มเติมเปนพิเศษไหม ทานก็ตอบเพียงวามีพิธิงายๆ คือ
๑.จัดที่บูชาพระใหสะอาด
๒. ตั้งพานมะลิบูชาพระ
๓. อาบน้ําใหรางกายสะอาด
๔. นุงขาวหมขาว
๕. รับศีล ๕ จากพระพุทธรูป
๖. ตั้งนะโม ๓ จบ แลวสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ จากนั้นก็สวดคาถาอัญเชิญพระธาตุ
ดังบทสวดมนตตอไปนี้
จึงทําใหผมสนใจอยากไปกราบพระธาตุที่บานคุณหญิงสุรีพันธ ไดสอบถามเรื่องราวของ
พระธาตุที่ทา นมีอยู ซึ่งรวมถึงพระธาตุที่ทานไดเสด็จมาสูทานเองอยางเปนที่นาอัศจรรย กอนกลับผม
ไดรวมทําบุญ เปนจํานวน ๕๐๐ บาท และไดหนังสือ “ปตาบูชา” พรอมพระบรมสารีริกธาตุ
จํานวน ๙ องค ทําใหผมเกิดความปติยินดีเปนอยางยิ่งที่ไดพระบรมสารีริกธาตุไวบูชา
อีกเหตุการณหนึ่งที่ทําใหผมไดเริ่มศึกษาเกี่ยวกับพระธาตุอยางจริงจัง คือเมื่อประมาณ
วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ผมไดเดินทางไปวัดทาซุง จ.อุทัยธานี พอดีวันนั้นทางวัดมีการจัด
งานวันครบรอบ ๑ ป การมรณภาพของพระเดช พระคุณหลวงพอพระราชพรหมยานหลวงพอฤาษีลิงดํา
ซึ่งเปนครั้งแรกที่ผมไดไปที่วัด และไดรูจักกับหลวงพอ ตอนค่ําวันนั้นผมไดเขาไปกราบสรีระของ
หลวงพอซึ่งอยูในโลงแกว ที่ตกแตงอยางวิจิตรสวยงาม ณ วิหาร ๑๐๐ เมตร ซึ่งมีคนมารวมงาน
นับหมื่น ผมเปนคนกรุงเทพ ฯ ที่ไมเคยเห็นงานที่มีประชาชนมารวมงานมากมายขนาดนี้
จนกระทั่งผมไดรับเชิญจากทางจังหวัดเชียงใหม ใหไปจัดนิทรรศการพระบรมธาตุเนื่องใน
งานฉลองน้ําสรงพระราชทาน ณ วัดโลกโมฬี และประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม
ทานจะเชื่อในสิ่งมหัศจรรยหรือสิ่งมีอํานาจลี้ลับหรือไมก็ตาม ประสบการณที่เกิดจากตนเอง
เปนเครื่องบอกใหทานทราบวา เรื่องนี้เปนเรื่องที่นาเชื่อถือไดมากนอยเพียงใด สําหรับโลกปจจุบัน
ที่เปนยุครุงเรืองของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีนั้น อาจมีหลายๆ คนคิดวาเรื่องเหลานี้คงไม
เหมาะสมกับตนเอง ทวาทางเจริญทางดานนี้ เมื่อดูไปแลวจะเปนเพียงความเจริญทางดานรูป
ธรรมเพียงดานเดียว แตอยากใหเขาใจวา สิ่งตางๆ ในเอกภพนี้ตองประกอบและถูกปรุงแตงขึ้นมาจาก
รูปธรรมและนามธรรมที่มาประกอบกันจนได สัดสวนแทบทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อใหเกิดความสมดุลของทุก
สิงอันเปนไปตามธรรมชาติ
ซึ่งหมายถึงกระดูกหรืออัฐิของพระพุทธเจา และของบรรดพระอรหันตทั้งหลายทั้งปวง
โดยเฉพาะอัฐิของพระพุทธเจานิยมเรียกกันวา พระบรมธาตุ หรือ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งนิยมเรียกกัน
แพรหลายวา พระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งเกศา (ผม ) โลมา ( ขน ) นขา ( เล็บ ) ทันตา (ฟน) เหลานี้
ของพระอรหันตทั้งหลาย ก็จัดอยูในจําพยวกพระธาตุดวย
คุณลักษณะพระธาตุเทานที่หลักฐานปรากฏในปจจุบันและคนควาไดกลาวโดยยอดังนี้
๑. มีความแข็งมาก สามารถกรีดแกวและกระจกใหเกิดริ้วรอยการขีดขวนเห็นไดชัดเจน
เชน กรีดแผนสเตนแลสที่ไมเปนสนิมก็เขานําไปถูกับตะไบเหล็กสําหรับขัดเล็บมือกัดตะไบ
เหล็กเห็นเปนรอยเหล็กเสียอีก แสดงวาพระธาตุนี้แข็งกวาอัญมณีหลายอยาง พอทีจ ่ ะเทียบได
กับโกเมน ทับทิม มรกต และอัญมณีอื่นๆได
๒. น้ําหนักเบาและมีความยืดหยุนมาก ภายในเปนเนื้อพรุน มองดูดวยตาเปลาไมสามารถ
เห็นได เมื่อปลอยในแกวน้ําที่แหงในระยะสูงพอประมาณ หลังจากกระทบพื้นแกว
จะไดยินเสียงหนืดๆ ไมเหมือนกับเสียงกรวดหรือหินกระทบซึ่งเปนเสียงแหลม
๓. พระธาตุแตละองคเมื่อประทับลอยน้ํา จะเคลือ ่ นที่เขาหากันคลายกับดึงดูดกัน
คลายๆกับเรือเดินสมุทรทีมีเข็มทิศชวยในการเดินทาง การทดลองครั้งหนึ่ง โดยการใหพระ
ธาตุองคเล็กๆ จํานวนมากลอยอยูในอางน้ําชามใหญ ใหแตละองคอยูในตําแหนงที่หางไกลกัน
พอสมควร ซึ่งมองดูอยางเผินๆ ไมนาจะเคลื่อนที่เขาไปรวมกันไดเปนแพเดียวกันแบบนั้น
ไมนานนักทุกองคก็เคลื่อนที่เขาหากันอยางชา รวมกันเปนคูบาง รวมกันเปนแพยอยๆบาง
และในที่สุด ก็เขาไปรวมกันไดเปนแพเดียวกัน แตละองคคลายมีตาทิพย มีเรดาร
หรือมีเข็มทิศชวย ในการเดินทาง
๔. ขณะทดลองใหลอยน้ําในแกวน้ํา ลองปลอยชิดๆ กับขางแกวดู เห็นวาพระธาตุ
จะหนีขางแกวอยางรวดเร็ว หากใชไมขนาดเล็กผลักใหเขาหากับขางแกว จะผละหนี
หางจากขางแกวอยางฉับพลันตรงขามกับวัตถุลอยน้ําอื่นๆ หากกระทํา เชนนั้น สวนใหญ
จะวิ่งเขาหา ขางแกวเปนการกลับกัน
๕. การใชนิ้วมือหยิบพระธาตุใดขณะลอยน้ํา อาจหยิบไดยาก เพราะพระธาตุจะหนีมือ
ควรใชคืมเหล็กหยิบขึ้นมา ควรระมัดระวังใหมาก ถาหนึบเบาอาจหยิบไมติด หรือติดขึ้นมา
ทีแรกแลวหลุดหายไปก็ได ถาหนีบหนักมือไปอาจจะกระเด็นหายไป ควรมีผาขาวรองแกวน้ํา
หรือภาชนะทีใสน้ําสําหรับลอยพระธาตุนั้น และควรมีที่รองปลายเหล็กขณะหนีบพระธาตุ
ดวยคืมเหล็ก (ที่ใชหนีบพระธาตุ ) ในครั้งแรกพระธาตุอาจจะหนีปลายคีม แตทีสุดแลวพระธาตุ
จะเคลื่อนที่เขาหาคีมนั่นเอง เสมือนกับคืมนั้นดูดพระธาตุไว การใชอะไรเขี่ยพระธาตุตางๆ
ควรใชไมที่เหลาปลายแหลม ถาไมมีจริงๆ ใชไมจิ้มฟนที่สะอาดยังไมเคยใชเลย ก็นํามาใช
แกจขัดไปไดบาง
พระธาตุโลหิตธาตุเสด็จ
เมื่อระหวางวันที่ ๑๕ – ๑๗
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งเปนปที่มูลนิธิ
พุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย โดยอาตมภาพ
เปนกรรมการอํานวยการ ไดรับอนุมัติและ
ประกาศตั้งเปนวัดในพระพุทธศาสนา
( เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ) ชื่อ วัดหลวงพอ
สดธรรมกายาราม และเปนปที่อาตมภาพ
ไดรับการคัดเลือกและแตงตั้งเปนเจาอาวาส
(เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๔ )
อาตมภาพมีความรูสึกสนใจและประทับใจในพระโลหิตธาตุนี้มาก ตั้งแตนั้นมาจึงไดหมั่นอธิฐาน
ขอตอสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาในเวลาที่เจริญภาวนาจนใจสงบและละเอียดดีแลวเสมอๆ เมื่อเสร็จ
จากงานแสดงนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุครั้งนั้นแลว ก็ไดรือจัดและทําความสะอาดหองพระ
เพื่อเก็บพระบรมสารีริกธาตุที่ไดนําไปแสดง ทั้งของวัดและทั้งของคุณทองดี ที่ยังไมไดนําไปสงคืนเขา
ไวใหเรียบรอย ครั้นรื้นไปถึงกลองที่เก็ยพระบรมสารีริกธาตุ ( ธรรมดา ) ที่เหลือจากที่ไดเคยแจกให
ญาติโยมผูมาทําบุญ ชวยการกอสรางวัด เมื่อ ๒ – ๓ ปกอน โดยใสถุงพลาสติกเล็กๆ ถุงละ ๙ องค
ซึ่งยังมีมีเหลืออยู ๔ – ๕ ถุง ที่เก็บไวในกลองนั้น ก็พลันเห็นมีอยูถุงหนึ่ง มีพระบรมสารีริกธาตุที่มี
วรรณะสีแดงดั่งสีทับทิม มันเลื่อม สัณฐานดั่งเมล็ดขาวสารหักบาง นับดูไดจํานวน ๑๖ องค
อาตมภาพจึงไดเอาพระบรม
สารีริกธาตุวรรณะดั่งสีทับทิมนั้น หอดวย
กระดาษวาว ( กระดาษบางๆ แตเหนียว )
พับอยางเรียบรอย นํามาใสไวในเจดียหิน
ออนเก็บไวในตูเหล็กอยูในหองที่เคยพักอยู
ที่วัดปากน้ํา
หลังจากนั้นอาตมภาพก็สาละวนอยู
กับการเตรียมการไปอัญเชิญพระพุทธปฏิมา
ที่สําเร็จดวยหยกพมา ( Jadeite ) ขนาด
หนาตัก ๒๑ นิ้ว จากอําเภอแมสาย จังหวัด
เชียงราย ที่จะมาประดิษฐานเปน
พระประธานประจําอุโบสถ
และพระพุทธรูปปฏิมาที่สําเร็จดวยหินผลึก
ธรรมชาติ ( Rock Crystal ) ขนาดหนาตัก
๑๖ นิ้ว ที่แกะโดยชางฮินดู ณ นคร Jaipur
ประเทศอินเดีย ที่จะมาประดิษฐานเปนพระ
คูบารมีพระประธานประจําอุโบสถดวยวาใน
ปลายป พ.ศ. ๒๕๓๔ นั่นเอง คือ เมื่อวันที่
๒๖ พฤศจิกายน ทางวัดไดรับพระราชทาน
วิสุงคามสีมา จึงไดกําหนดที่จะประกอบพิธี
ผูกพัทธสีมา ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๓๕
ตอไป ครั้นรุง ขึ้นปใหม ( พ.ศ. ๒๕๓๕ )
ก็ไดอัญเชิญพระพุทธปฏิมา ( หยก ) และพระ
คูบารมีพระประธาน โดยเฉพาะ อยางยิ่งที่
สําเร็จดวยหินผลึก ( Rock Crystal)
จากประเทศอินเดีย มาเตรียมที่จะประกอบพิธี
อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสวนที่เคยขอยืมมาจากคุณทองดีไปคืนเขาเสียที และจะไดนําพระบรม
สารีริกธาตุสท
ี ับทิมของเราเองนั้น ไปใหคุณทองดีเขาชวยดูใหแนใจอีกทีหนึ่งดวย แตเพราะตลอด
ระยะเวลาที่ผานมาตั้งแตปที่แลว ( พ.ศ. ๒๕๓๔ ) อาตมภาพมีงานยุงตลอด ออนเพลียจนลืมไปวา
๘๗๐
รุงเชาก็รีบเดนทางไปว
ิ ัดปากน้ําภาษี
เจริญทันที พอถึงหองพักก็รีบเปดตูเหล็กที่ไม
เคยไดเปดเลย นับตั้งแตไดนําพระบรม
สารีริกธาตุสท ี ับทิมมาเก็บไว เห็นเจดียหินออน
ก็ดีใจ รีบเอามาเปดดู ยังเห็นกระดาษวาวที่
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถูกพับเรียบรอยดีอยู
จึงคอยๆ คลี่ออกดู ก็รส ู ึกพิศวงอยางยิ่งที่
ภายในหอกระดาษนั้น กลับมีพระบรมสารีริกธาตุ
เพิ่มขึ้นเปน ๕๕ องค ครัง้ นั้นอาตมภาพยอมรับ
วาตืนเตนและดีใจเปนอยางมาก และมั่นใจวานี่
เปนพระโลหิตธาตุแนนอนโดยไมตองสงสัย
และไมจําเปนที่จะใหใครดูเพื่อ ใหแนใจอีกแลว
เนื่องดวยอาตมภาพไดคัดเอาพระโลหิตธาตุสวนที่เหลือสวยๆ บรรจุไวในพระเศียรพระประธาน
ในอุโบสถแทบหมดแลว พระโลหิตธาตุสวนที่เหลืออีก ๑๐ องค นั้นไมคอยสวยงามนัก อาตมภาพ
เก็บไวในตูเหล็กที่วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม ตั้งแตบัดนี้เปนตนมา โดยมิไดเปดดูอีกเลย
แตจิตใจอาตมภาพนั้นยังนึกอยากจะไดพระโลหิตธาตุองคสวยๆ ไวบูชาใหเห็นชัดๆ และนึกปรารถนา
จะไดพระเกศาธาตุ อยางนอย ๔ – ๕ องค ไวบช ู าใหสมใจที่ไดตั้งใจบําเพ็ยบุญบารมี ไดศึกษาปฏิบัติ
และเผยแผบุญบารมี ไดศึกษาปฏิบัติและเผยแผพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
จึงปราถนาจะไดปูชนียวัตถุที่ประเสริฐสูงสุดเชนนั้น ประดิษฐานในประเทศไทยเรา เพื่อใหเหลามนุษย
และเทพยดาทั้งหลายมีโอกาสไดบูชาถึงพระรัตนตรัยไดในกาลทุกเมื่ออาตมภาพเจริญภาวนาจนจิต
สงบดี จึงไดหมั่นอธิษฐานขอพระโลหิตธาตุกับองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
โดยเฉพาะอยางยิ่ง เมื่อเจริญภาวนาจนจิตสงบ
และละเอียดดีแลว อธิษฐานอยางนี้มา ๒ – ๓ ป
แลวก็ไมเคยเห็นปรากฏขึ้นสักที บางครั้งก็เคย
เห็นแตในนิมิตวาตะปรากฏกมีพระเกศาใสๆ ยาว
ประมาณ ๒ องคุลีมือประมาณ ๓ เสน ในภาชนะ
( โลว ) หินผลึก ก็ไมเห็นปรากฏจริงๆ สักที
แทที่จริงก็ไมเคยเตรียมภาชนะเปลาไวรองรับ
พระเกศาธาตุนี้ตางหากเลย มีแตภาชนะ
( โลว ) ที่สําเร็จดวยรัตนชาติ ( Rosy Quartz
หินสีชมพู Rock Crystal หินสีขาวใสและ
Amethsyst หินเขี้ยวหนุมานสีมวง ซึง่ ใชบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุไว ๕ – ๖ องค ใบเทานั้น
นานๆ จะเปดดูนิดๆ หนอยๆ บาง แตก็ไมเคยได
เปดสํารวจดูอยางจริงจังสักที บางครั้งก็นึกตอวา
ทานทาวสักกะเทวราชทํานองนี้วา
ขอเสนงามๆ มาบูชาใหเห็นประจักษชัดๆ
สัก ๔ – ๕ เสน เทานั้นไมไดหรือไง ?
๘๗๒
๒. ตามตําราปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธของกรมสมเด็จพระมหาสมณเจากรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ฉบับพิมพครัง้ ที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๑๖ ของสํานักพิมพอก
ั ษรเจริญทัศน เรื่องลักขณปริคคาหกปริวรรต
ปริเฉทที ๔ ตอนอสีตยานุพยัญชนะ ๘๐ ซึ่งพรรณาถึงพระลักษณะนอย ๘๐ ประการของพระราชกุมาร
(สิทธัตถะ) หนา ๕๓ วา “ พระเกศามีสันฐานเสนกลมสลวยทุกเสน ๑ พระเกศาดําสนิททั้งสิ้น ๑
พระเกศากอปรดวยเสนอันละเอียด ๑ เสน พระเกศาบมิไดรูสยองยุงนั้น ๑ เสน พระเกศาเวียนเปนป
ทักษิณาวรรตทุกๆเส็น ๑ ”
“ นี่เปนพระเกศาธาตุแนนอน ”
ถึงอยางไรก็ตาม จะไดอญ ั เชิญไปตั้ง
แสดงไวใหสาธุชน ไดมานมัสการบูชา
ในเทศกาลสงกรานต ระหวางวันที่
๙ – ๑๕ เมษายน นี้ ณ บริเวณวิหารหลวง
พอสดฯ ขางหนาวัดหลวงพอสดธรรม
กายาราม อําเภอดําเนินสะดวก
จังหวัดราชบรี
๘๗๔
นอกจากนี้ ยังมีการอัญเชิญพระธาตุและ
พระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุ ณ เจดียในตางประเทศ
อีก ๓๐ แหง เชน พระเจดียสมาคมประชาสังคม
สงเคราะหญี่ปุน พระเจดียวิปสสนาเคหะเมืองบันดุง
อินโดนีเซีย พระธาตุพระบรมสารีริกธาตุที่ผูศรัทธา
อัญเชิญไปประดิษฐานในเจดียตาง ๆ นี้ มีผูนํามาถวาย
แดสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก พระองคประทานตอใหผูจิต
ศรัทธาอัญเชิญไปประดิษฐานในที่ตาง ๆ เพื่อเปนที่
บูชาสักการะของพุทธศาสนิกชนและของศาสนิกชน
อื่นผูศรัทธา หรือบางกรณีก็ไปอัญเชิญพระธาตุ
พระบรมสารีริกธาตุจากตางประเทศ เชน อินเดีย
ศรีลังกา มาประดิษฐานในประเทศไทย
๘๗๕
ตามที่ไดกลาวมาแลว เรื่องราวปฏิหารยขององคพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนั้น
มีมากมายตามที่ปรากฏตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบัน ทําใหเกิดแรงศรัทธาตอพุทธาสนิกชนในปฏิหาริย
ตางๆทีเกิดขึ้น ทําใหมีการสรางพระบรมธาตุหรือเจดียธาตุเพื่อบรรจุพระบรมสาริริกธาตุ
พระมหากัสสปะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจาพระนามวา "ปทุมุตตระ"
พระมหากัสสปะกลาวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีรพระไตรปฎก ขุททกนิกาย
อปทานตอนหนึ่งวา ขาพเจาครั้นสรางอัคฆิยเจดียงดงาม สูง ๑๐๐ ศอก กวาง ๑๕๐ ศอก ดังวิมาน
เสียดฟา สั่งสมบุญไวแลว ทําจิตใหเลื่อมใสในหองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (ของพระปทุมุตตระ) นั้น
สรางกุศลเปนอันมาก ระลึกถึงบุรพกรรม จึงไปเกิดในสวรรคชั้นไตรทิพย คุณวิเศษเหลานี้ คือ
ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข ๘ และอภิญญา ๖ ขาพเจาไดทําใหแจงแลว คําสั่งสอนของพระพุทธเจา
ขาพเจาก็ไดทําเสร็จแลว
๘๗๖
พระธาตุปูชกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจาพระนามวา "สิทธัตถะ"
พระธาตุปูกชกะกลาวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีรพระไตรปฎก ขุททกนิกาย
อปทานตอนหนึ่งสรุปความไดวา ขาพเจาไดเก็บพระธาตุของพระพุทธเจา(พระสิทธัตถะ) ไวบูชา
ตลอด ๕ ป เหมือนบํารุงพระองคผูทรงพระชนมอยู ขาพเจาไดบูชาพระธาตุไว จึงไมรูจักทุคติเลยนี้
เปนผลแหงการบํารุงพระธาตุ คุณวิเศษเหลานี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข ๘ และอภิญญา ๖ ขาพเจาได
ทําใหแจงแลว คําสั่งสอนของพระพุทธเจา ขาพเจาไดทําเสร็จแลว
พระปจจุปฏฐานสัญญกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจาพระนามวาอัตถทัสสี
พระปจจุปฏฐานสัญญกะกลาวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีรพระไตรปฎกขุททก
นิกาย อปทานตอนหนึ่งสรุปความไดวา ขาพเจาเกิดในกําเนิดยักษ ไดรับคําแนะนําใหบูชาพระธาตุ
ของพระพุทธเจา (พระอัตถทัสสี) เมื่อไดฟงดังนั้น จึงไดสรางพระสถูปบรรจุพระธาตุ บํารุงพระสถูป
อยู ๕ ป ดวยผลกรรมนั้น จึงไดรับสมบัติ ไดบรรลุอรหัตตผลแลว
คนรุนใหมอาจจะเชื่อยากที่พระบรมธาตุของพระพุทธเจามี ลักษณะคลายแกวคลายหิน
ตางจากกระดูกของคนธรรมดา แตเรื่องนี้ก็ไมใชอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยแตอยางใด วิทยาศาสตรนาจะ
คนควาหาคําตอบเรื่องนี้ตอไป
เพราะไมเพียงแตพระบรมธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาเทานั้น พระธาตุของพระอรหันตสาวก
ก็มีลักษณะเชนกัน แมแตอริยสงฆในปจจุบันหลายองค อัฐิของทานก็แปรเปลี่ยน แปรสภาพไปจาก
กระดูกคนธรรมดา อยางเชน พระอาจารยมั่น ภูริทัตโต รวมทั้งพระอาจารยเสาร กันตสีโล ฯลฯ
๘๗๘